วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา หนา้ ต่อไป
วนั วสิ าขบูชา วนั อฐั มบี ูชา วนั มาฆบูชาวนั ออกพรรษา วนั สาคญั ทาง วนั อาสาฬหบูชา พระพทุ ธศาสนา วนั เข้าพรรษา วนั ธรรมสวนะ
ประวตั ิความเป็ นมา วนั วิสาขบชู า ตรงกบั วนั ข้ึน ๑๕ คา่เดือน ๖ มีเหตกุ ารณส์ าคญั ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบัพระพทุ ธเจา้ โดยเหตกุ ารณท์ ี่สาคญั เกิดข้ึนในวนั และเดือนเดียวกนั เป็ นท่ีนา่ มหศั จรรย์อยา่ งยง่ิ ซ่ึงกอ่ ใหเ้ กดิ พระพทุ ธศาสนา เป็ นวนั พระพทุ ธเจา้ กลบั หวั ขอ้ หลกั
ความสาคญั เป็ นวนั คลา้ ยวนั ประสตู ิเม่ือวนั เพ็ญเดือน ๖กอ่ นพทุ ธศกั ราช ๘๐ ปี วนั คลา้ ยวนั ตรสั รเู้ มื่อวนั เพ็ญเดือน ๖ กอ่ นพทุ ธศกั ราช ๔๕ ปี และวนั คลา้ ยวนัปรนิ ิพพานเม่ือวนั เพ็ญเดือน ๖ กอ่ นพทุ ธศกั ราช ๑ ปีของพระพทุ ธศาสนา โดยทงั้ ๓ เหตกุ ารณเ์ กิดข้ึนในวนั และเดือนเดียวกนั กลบั หัวขอ้ หลกั
กิจกรรมที่ควรปฏิบตั ิทาบญุ ตกั บาตรพระสงฆห์ รอื นาภตั ตาหารไปถวายพระสงฆ์ท่ีวดั เสรจ็ แลว้ กรวดน้าแผก่ ศุ ลใหแ้ กผ่ ทู้ ่ีลว่ งลบั ไปแลว้ฟังธรรม รกั ษาศีล ๕ หรอื ศีล ๘ เจรญิ สมาธิ แผเ่ มตตาใหแ้ กส่ รรพสตั ว์นาดอกไมธ้ ปู เทียนไปเวียนเทียนท่ีวดั หรอื ศาสนสถานอ่ืน กลบั หัวขอ้ หลกั
ยอ้ นกลบั หนา้ ตอ่ ไป
ความเป็ นมา \"มาฆะ\" เป็ นชื่อของเดือน ๓ มาฆบูชา แปลว่าการบูชาพระในวนั เพญ็ เดือน ๓ วนั มาฆบูชาจงึ ตรงกบั วนั ขนึ้ ๑๔ คา่เดือน ๓ ในวนั พทุ ธศาสนา คือวนั ทมี่ กี ารประชุมสังฆสันนิบาตคร้ังใหญ่ในพทุ ธศาสนา ทเี่ รียกว่า \"จาตุรงคสันนิบาต\" และเป็ นวนั ทพ่ี ระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎโิ มกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็ นคร้ังแรก ณ เวฬุวนั วหิ ารกรุงราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์นาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เพ่ือจะยงั พระพทุ ธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ยอ้ นกลบั
๑. เป็ นวนั ท่ี พระสงฆ์สาวกของพระพทุ ธเจ้า จานวน๑,๒๕๐ รูป มา ประชุมพร้อมกนั ทเ่ี วฬุวนั วหิ ารในกรุงราชคฤห์โดยมิได้นัดหมาย ๒. พระภกิ ษุสงฆ์เหล่านีล้ ้วนเป็ น \"เอหิภกิ ขุอุปสัมปทา\" คือเป็ นผู้ทไ่ี ด้รับการอปุ สมบทโดยตรงจากพระพทุ ธเจ้าท้งั สิ้น ๓. พระภกิ ษุสงฆ์ทุกองค์ทไ่ี ด้มาประชุมในคร้ังนี้ ล้วนแต่เป็ นผ้ไุ ด้บรรลพุ ระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์ ๔. เป็ นวนั ทพ่ี ระจนั ทร์เตม็ ดวง ยอ้ นกลบั
กิจกรรมต่างๆ ท่ีควรปฏิบตั ิในวนั มาฆบูชา๑. ทาบุญใส่บาตร๒. ไปวดั เพ่ือปฏบิ ัตธิ รรม และฟังพระธรรมเทศนา๓. ไปเวยี นเทยี นทวี่ ดั๔. ประดบั ธงชาตติ ามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ ยอ้ นกลบั
ยอ้ นกลบั หนา้ ตอ่ ไป
ความเป็ นมา วนั อาสาฬหบูชา ตรงกบั วนั เพญ็ เดือน 8 ก่อนวนัเข้าพรรษา 1 วนั เป็ นวนั ทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ อาสาฬหเป็ นชื่อเดือน ๘ อาสาฬหบูชาย่อมาจากคาว่าอาสาฬหบูรณ มบี ูชา แปลว่า การบูชาพระในวนั เพญ็ เดือน ๘ ถ้าปี ใดมเี ดือน ๘ สองคร้ัง กจ็ ะ เล่ือนไปเป็ นวนั ขนึ้ ๑๕ คา่ เดือน ๘ ยอ้ นกลบั
ความสาคญั เป็ นวนั ทพ่ี ระพทุ ธเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่ปัญจวคั คยี ์ ท้งั 5 คือ โกณฑัญญะ วปั ปะ ภทั ทยิ ะ มหานามะ และอสัชิ พระธรรมท่ี พระพุทธองค์ทรงเทศนาในคร้ังนีม้ ี ชื่อ ธรรมจักกปั ปวตั นสูตร ซึ่งมี อริยสัจ ๔ หรือความจริงอนั ประเสริฐ ๔ประการได้แก่๑. ทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ หนา้ ตอ่ ไป๒. สมุทยั เหตุให้เกดิ ทุกข์๓. นิโรธ ความดับทุกข์๔. มรรค ข้อปฎบิ ัตใิ ห้ถงึ ความดบั ทุกข์
จะเห็นได้ว่า ปรากฏการณ์สาคญั ๆ ในวนั นีม้ ีถงึ 4ประการ ด้วยกนั คือ1. เป็ นวนั แรกทพี่ ระพทุ ธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา2. เป็ นวนั แรกทพี่ ระพทุ ธองค์ทรงได้ปฐมสาวก3. เป็ นวนั แรกทพ่ี ระสงฆ์เกดิ ขนึ้ ในโลก4. เป็ นวนั แรกทบ่ี งั เกดิ รัตนะครบสาม เป็ นพระรัตนตรัยคือ พระพทุ ธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ ยอ้ นกลบั
กจิ กรรมที่ปฏบิ ัติมกี ารปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั วนั มาฆบูชาและวนั วสิ าขบูชาคือ มกี ารถือศีล ปฏิบตั ิธรรม เวยี นเทยี น และฟังพระธรรมเทศนา เป็ นต้น ยอ้ นกลบั
ยอ้ นกลบั หนา้ ตอ่ ไป
ประวตั ิความเป็นมา ในสมยั พทุ ธกาล พระเจา้ พิมพิสาร กษตั ริยผ์ คู้ รองแควน้ มคธ ไดเ้ ขา้ เฝ้าพระพทุ ธเจา้ ซ่ึงประทบั อยทู่ ี่ เขาคิชกฏู ใกลเ้ มืองราชคฤห์ซ่ึงเป็นเมืองหลวงของแควน้ พระเจา้ พมิ พิสารไดก้ ราบทูลวา่ นกั บวชในศาสนาอ่ืนมีวนั ประชุมสนทนาเกี่ยวกบั หลกั ธรรมคาสอนในศาสนาของเขา แตพ่ ระพทุ ธศาสนาน้นั ยงั ไม่มีพระพทุ ธเจา้ จึงทรงอณุญาตใหพ้ ระสงฆป์ ระชุมสนทนาธรรมและแสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชนตามคาขออนุญาตของพระเจา้ พิมพิสาร และเมื่อพระพทุ ธศาสานาไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ มาในประเทศไทย พทุ ธศาสนิกชนจึงถือเอาวนั ดงั กล่าวมาเป็นวนั ธรรมสวนะเพื่อถือศีล ปฏิบตั ิธรรม ประกอบบุญกศุ ล และกระทากิจของสงฆม์ าต้งั แตส่ มยั สุโขทยั ยอ้ นกลบั
ความสาคญั วนั ธรรมสวนะเป็นวนั กาหนดประชุมฟังธรรมของพทุ ธบริษทั ที่เรียกเป็นคาสามญั โดยทวั่ ไปวา่ \"วนั พระ\"พระพทุ ธเจา้ ทรงปัญญตั ิไว้ ในเดือนหน่ึง ๆ ท้งั ขา้ งข้ึนและขา้ งแรม รวม ๔ วนั ไดแ้ ก่•๑. วนั ข้ึน ๘ ค่า๒. วนั ข้ึน ๑๕ ค่า๓. วนั แรม ๘ ค่า๔.วนั แรม ๑๕ ค่า ยอ้ นกลบั
กิจกรรมท่ีควรปฏิบตั ิ1. ทาบุญตกั บาตรในตอนเช้า รักษาศีล ฟังเทศน์ ปฏิบัติ ธรรม2. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด งดเว้นอบายมุข3. ศึกษาหลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้า4. ประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา ยอ้ นกลบั
ยอ้ นกลบั หนา้ ตอ่ ไป
ประวตั ิความเป็ นมาในสมยั พทุ ธกาลน้นั พระพทุ ธเจา้ ไม่ไดท้ รงบญั ญตั ิพระวนิ ยั ให้พระสงฆส์ าวกอยปู่ ระจาพรรษา เหลา่ ภิกษุสงฆจ์ ึงตา่ งพากนั ออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆ โดยไม่ยอ่ ทอ้ ท้งั ในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ต่อมาชาวบา้ นไดพ้ ากนั ติเตียนวา่ พวกสมณะไม่ยอมหยดุ พกั สญั จรแมใ้ นฤดูฝน ในขณะท่ีนกั บวชในศาสนาอ่ืน พากนั หยดุ เดินทางในช่วงฤดูฝน การที่พระภิกษุสงฆจ์ าริกไปในท่ีต่างๆ แมใ้ นฤดูฝน อาจเหยยี บยา่ ขา้ วกลา้ ของชาวบา้ นไดร้ ับความเสียหายหรืออาจไปเหยยี บยา่ โดนสัตวเ์ ลก็ สัตวน์ อ้ ยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย เมื่อพระพทุ ธเจา้ ทราบเรื่อง จึงไดว้ างระเบียบให้ภิกษุประจาอยทู่ ่ีวดั เป็นเวลา 3 เดือนพระสงฆท์ ี่เขา้ จาพรรษาแลว้ จะไปคา้ งแรมท่ีอ่ืนไม่ได้ แตถ่ า้ หากเดินทางออกไปแลว้ และไม่สามารถกลบั มาในเวลาที่กาหนด คือ ก่อนรุ่งสวา่ ง กจ็ ะถือวา่ พระภิกษุรูปน้นั \"ขาดพรรษา\" หนา้ ตอ่ ไป
แต่หากมกี รณจี าเป็ นบางอย่าง พระภกิ ษุผู้จาพรรษาสามารถไปค้างทอ่ี ่ืนได้ โดยไม่ถือว่าเป็ นการขาดพรรษาแต่กจ็ ะต้องกลบั มาภายในระยะเวลาไม่เกนิ 7 วนั กค็ ือ การไปรักษาพยาบาลภกิ ษุ หรือบดิ ามารดาทเี่ จ็บป่ วย การไประงบั ภกิ ษุสามเณรทอ่ี ยากจะสึกมใิ ห้สึกได้ การไปเพื่อกจิ ธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอปุ กรณ์มาซ่อมกฏุ ทิ ชี่ ารุด ยอ้ นกลบั
กจิ กรรมต่างๆ ท่คี วรปฏิบัตใิ นวนั เข้าพรรษา• ร่วมกิจกรรมทาเทียนจานาพรรษา• ร่วมกิจกรรมถวายผา้ อาบน้าฝน และจตุปัจจยั แก่ภิกษุ สามเณร• ร่วมทาบุญ ตกั บาตร ฟังพระธรรมเทศนา รักษาอโุ บสถศีล• อธิษฐาน งดเวน้ อบายมุขต่างๆ• อยกู่ บั ครอบครัว หนา้ ตอ่ ไป
ยอ้ นกลบั หนา้ ตอ่ ไป
ความสาคญั ของวนั ออกพรรษา• วนั ออกพรรษา คือ วนั ที่สิ้นสุดระยะการจาพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน (นบั แต่วนั เขา้ พรรษา พระสงฆจ์ ะประกอบพธิ ีทาสงั ฆกรรมใหญ่เรียกวา่ มหาปวารณา เป็นการเปิ ดโอกาสใหภ้ ิกษุวา่ กล่าวตกั เตือนกนั ได้ เพราะในระหวา่ งเขา้ พรรษา พระสงฆบ์ างรูปอาจมีขอ้ บกพร่องที่ตอ้ งแกไ้ ข การใหผ้ อู้ ื่นวา่ กล่าวตกั เตือนได้ ทาใหไ้ ดร้ ู้ขอ้ บกพร่องของตน และยงั เปิ ดโอกาสใหซ้ กั ถามขอ้ สงสยั ซ่ึงกนั และกนั ดว้ ย• นอกจากน้ีพทุ ธศาสนิกชนยงั ร่วมกนั ทอดกฐิน ในระยะเวลา 1 เดือนหลงั ออกพรรษา ในแต่ละทอ้ งถ่ินยงั มีประเพณีอ่ืนๆ ที่น่าสนใจ เช่นการแข่งเรือ การเทศน์มหาชาติ เป็นตน้ ยอ้ นกลบั
ประเพณตี ักบาตรเทโว• ประเพณีตกั บาตรเทโว วดั สะแกกรัง อุทยั ธานี ท่ีขบวนพระภิกษเุ ดินลงมาท่ีวดั สะแกกรัง หรือวดั สงั กสั รัต นคีรี ในจงั หวดั อทุ ยั ธานี ซ่ึงต้งั อยบู่ นเชิงเขาสูง พธิ ีตกั บาตร เทโวที่วดั น้ีบรรดาพระภิกษุจะพากนั เดินขบวนลงมาจากบน เขา มาตามบนั ไดดูเหลืองอร่ามงามจบั ตา โดยมีบรรดา พทุ ธศาสนิกชนจะพากนั ใส่บาตรตามเชิงบนั ไดเร่ือยมาจนถึง พ้นื ล่าง ยอ้ นกลบั
กจิ กรรมต่างๆ ท่คี วรปฏบิ ัติในวนั ออกพรรษา๑. ทาบุญตกั บาตรอุทิศส่วนกศุ ลใหแ้ ก่ญาติผู้ล่วงลบั๒. ไปวดั เพ่ือปฏิบตั ิธรรม ฟังพระธรรมเทศนา๓. ร่วมกศุ ลธรรม \"ตกั บาตรเทโว\"๔. ปัดกวาดบา้ นเรือนใหส้ ะอาด ยอ้ นกลบั
วนั อฐั มีบูชา คือ การบูชาในวนั แรม 8 ค่าเดือน 6 เดือน 7 นบั จากวนั วิสาขบูชาไป 7 วนั ซ่ึงเป็นวนั คลา้ ยวนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ ณ มกฏุพนั ธนเจดีย์ กรุงกสุ ินารา การนอ้ มลารึกถึงวนั น้ีเพอื่ เป็นเคร่ืองเตือนใจวา่ แมแ้ ต่พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซ่ึงเป็นศาสดาเอกของโลก กต็ อ้ งอยภู่ ายใตก้ ฎแห่งไตรลกั ษณ์ ในโลกน้ีไม่มีอะไรที่จีรังยง่ั ยนื สรรพส่ิงในโลกน้ีลว้ นมีแต่เกิดข้ึน ต้งั อยู่ และดบั ไปในที่สุด ดว้ ยกนั ท้งั สิ้น ไม่มีอะไรหรือใครหลีกหนีความจริงขอ้ น้ีได้ ยอ้ นกลบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: