การปฏิบัติงานทุกอย่างของข้าราชการ มีผลเก่ียวเนื่องถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชนทุกคน. ข้าราชการทุกฝ่ายทุกระดับ จึงต้องระมัดระวังการปฏบิ ัตทิ ุกอย่าง ให้สมควรและถูกต้องด้วยหลักวิชา เหตุผล ความชอบธรรม. ข้อสาคัญ เมื่อจะทาการใด ต้องคิดให้ดี โดยคานึงถึงผลท่ีจะเกิดขึ้นให้รอบคอบและรอบดา้ น เพือ่ ให้งานท่ที าบังเกดิ ผลดี ที่เป็นประโยชนแ์ ท้แตอ่ ย่างเดียว อาคารเฉลมิ พระเกียรติ โรงพยาบาลศริ ริ าช วนั ท่ี 31 มีนาคม พุทธศักราช 2559หมายเหตุ พระบรมราโชวาท พระราชทานเน่ืองในวนั ข้าราชการพลเรือน
สารบัญ 5บทนา 6บทที่ 1 คณุ ธรรม และจริยธรรมที่สาคัญสาหรบั ข้าราชการ 8 ❖ คุณธรรมและจริยธรรมกับการดาเนินชวี ติ และการปฏบิ ัตหิ นา้ ทก่ี ารงาน 13 14บทท่ี 2 การบรหิ ารจดั การผลประโยชนท์ ับซ้อน 2.1 กฎหมายและความรูท้ ่วั ไปเก่ยี วกับ “ผลประโยชน์ทับซอ้ น” 18 2.2 แนวทางปฏิบัตเิ พอ่ื ป้องกนั “ผลประโยชนท์ ับซอ้ น” 19 20บทท่ี 3 บทเสริม 21 เรอ่ื งท่ี 1 วงจรของการใชช้ วี ติ อย่าง “อรยิ สจั 4” + “PDCA” เรื่องท่ี 2 วนิ ยั และการรักษาวินัยภาคผนวก ❖ หลักธรรมาภิบาล ❖ อริยสัจ 4 ❖ ประมวลจรยิ ธรรมของขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 ❖ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และ ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 และท่แี ก้ไขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2550 และแก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ 2)
บทนา คู่มือแนวทางปฏิบัติงานเพ่ือป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนจังหวัดสระแก้ว ได้รวบรวมหลักการและแนวคิดที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนและผลประโยชน์สาธารณะที่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ กล่าวคือ เป็นสถานการณ์ท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลประโยชน์ส่วนตนอยู่ และได้ใช้อิทธิพลตามอานาจหน้าท่ีและความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตัว โดยก่อให้เกิดผลเสียต่อผลประโยชน์ส่วนรวม มีหลากหลายรูปแบบ ไม่จากัดอยู่ในรูปของตัวเงิน หรือทรัพย์สินเท่าน้ันแตร่ วมถึงผลประโยชน์อนื่ ๆ ดังนั้น จึงเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ และผู้ท่ีสนใจได้ศึกษาแนวทางเก่ียวกับการปฏิบัติงานเพื่อมิให้เกิดปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในหน่วยงานและให้การปฏิบัติงานมีประสทิ ธิภาพสูงสุดตอ่ ไป จงั หวัดสระแก้ว พฤศจิกายน 2560
บทท่ี 1 คุณธรรม และจรยิ ธรรมทส่ี าคัญสาหรบั ข้าราชการ คุณธรรมและจริยธรรมกบั การ ดาเนนิ ชีวิตและการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี การงาน คุณธรรมและจริยธรรมที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตและการปฏิบัติหน้าท่ีการงานการกระทาใด ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่มีโทษต่อการดาเนินชีวิตและการปฏิบัติหน้าท่ีการงาน ถือเป็นการกระทาทีม่ ีคุณธรรม คุณธรรม คือ ความดีงามท่ีถูกปลูกฝังขึ้นในจิตใจ มีความกตัญญู ขยัน ประหยัด ซ่ือสัตย์ สามัคคีมีวินัย มีน้าใจ และเป็นสุภาพชน จนเกิดจิตสานึกท่ีดี รู้สึกรับผิดชอบ ช่ัว ดี เกรงกลัวต่อการกระทาความช่ัวโดยประการต่าง ๆ เม่ือจิตเกิดคุณธรรมขึ้นแล้ว จะทาให้เป็นผู้มีจิตใจดี และคิดแต่สิ่งท่ีดี จึงได้ชื่อว่า “เป็นผู้มีคณุ ธรรม” จริยธรรม คอื การประพฤติปฏิบตั ิตามความดีงามแห่งคุณธรรมนนั้ จรรยาบรรณ คือ กรอบของความประพฤติหรือมาตรฐานด้านจริยธรรมในการทางานทุก ๆ วันของทุก ๆ คนในแต่ละองค์กร ที่จะรู้ว่าไม่มีคุณธรรม ไม่มีจริยธรรม หรือผิดจรรยาบรรณ ท่ีไม่จาเป็นต้องใหใ้ ครมาคอยตรวจสอบเพยี งแค่ถามตวั เองวา่ สง่ิ ที่เรากระทา ประพฤติหรอื ปฏบิ ตั ิอยู่น้ี ๑. เป็นการกระทาท่ถี กู ตอ้ งดีงามหรือไม่ ๒. สงั คมยอมรบั หรอื เปิดเผยกบั สงั คมหรอื ไม่ ๓. เป็นการกระทาที่ทาให้เส่ือมเสียชื่อเสียงดีงามของตนเองหรือองค์กร หรือสถานท่ีที่เราทางานอยู่หรือไม่ คุณธรรมและจริยธรรมเป็นเร่ืองที่สาคัญและเป็นเรื่องที่ย่ิงใหญ่กว่ากฎหมาย เพราะมันเป็นเร่ืองของจิตใจท่ีอยู่ภายใน เป็นเร่ืองของความสานึกรับผิดชอบช่ัวดีต่อตัวเอง ครอบครัว ท่ีทางาน สังคมและประเทศชาติ
-6- คณุ ธรรมและจริยธรรมท่ีจาเปน็ สาหรับคนทางาน ในเบอ้ื งตน้ จะต้องมี ๓ เก่ง อยู่ในตัวก่อน คือ 1) เก่งตน (SELF ABILITY):มีความสามารถท่ีชอบศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพ่ือให้ทันโลกทันคนอย่าลืมว่าโลกที่เจริญแล้วไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือจิตใจก็เพราะมนุษย์พัฒนาอย่างไม่หยุดย้ัง เราจึงต้องรอบรู้รอบคอบแต่ตอ้ งไมร่ อบจดั 2) เก่งคน (SOCIAL ABILITY): มีความสามารถที่จะทาให้ตัวเข้าไหนเข้าได้ เป็นท่ีรักกับทุกฝ่ายคือ “การมีมนุษยสัมพันธ์อันดี”ไม่ว่าจะเป็นมนุษยสัมพันธ์ในครอบครัวหรือในที่ทางานก็ตาม สามารถทาตนให้เข้ากับคนได้ทุกคน โดยเฉพาะในการทางานมีผู้บังคับบัญชาผู้บังคับบัญชาก็รัก มีลูกน้องลูกน้องก็รัก มีเพ่ือนร่วมงานเพอ่ื ร่วมงานกร็ กั ซึ่งจะก่อใหเ้ กดิ ประโยชนก์ บั ตนเองและหน่วยงานเปน็ อย่างยิ่ง 3) เกง่ งาน (TASK ABILITY): เปน็ ผทู้ ่รี ักงาน ขยนั ทางาน และรู้วิธีทา คือรวู้ ่าจะทาอย่างไร โดยใช้เวลาน้อย เหนือ่ ยน้อย แต่ได้ผลงานมาก ดังน้ัน คนเราต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนบ้างในบางเวลา การโอนอ่อนผอ่ นตาม ชว่ ยทาใหค้ นทแ่ี ข็งกร้าวนม่ิ ลงถ้ารู้จกั ใชส้ ติไตรต่ รองและเรียนรู้การโอนคือ ย้ายตัวจากช่วั ไปดี ถ้าเคยชวั่ ก็โอนไปหาความดี โอนแล้วก็ต้องอ่อนตามสิ่งแวดล้อม อย่าไปแขง็ ขืนเพราะจะไม่มีอะไรดีทั้งกับตัวเองและทุก ๆ อยา่ ง
บทท่ี 2 การบริหารจดั การผลประโยชนท์ บั ซ้อน กฎหมายและความร้ทู ั่วไปเก่ียวกบั “ผลประโยชนท์ ับซ้อน”2.1 กฎหมายเกีย่ วกบั การป้องกันผลประโยชนท์ ับซ้อน ประกอบดว้ ย 1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิม่ เตมิ มาตรา 100, 103/1 2) ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ ่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) 3) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรอื ประโยชนอ์ น่ื ใด โดยธรรมดาของเจา้ หน้าที่ของรฐั พ.ศ. 2543 4) ประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรอื น ได้กาหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการในการป้องกันปญั หาผลประโยชนท์ บั ซอ้ นในการปฏิบตั ิราชการหลายประการ ดังปรากฏในหมวด 2 ข้อ 3 (3) ขอ้ 5(1), (2),(3), (4) ขอ้ 6(1), (2), (3) ข้อ 7(4), (5) ข้อ 8(5) ขอ้ 9(1) เป็นตน้ 5) ประกาศเจตจานงสุจริตในการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคมพ.ศ. 25602.2 ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม(Conflict of Interest: COI) หมายถึง สภาวการณ์หรือการกระทาของบุคคล (ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ) มีผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามาเก่ียวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการจนสง่ ผล กระทบต่อการตัดสินใจหรือการปฏิบัติหน้าท่ีในตาแหน่งน้ัน ซ่ึงอาจเป็นการกระทาทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว โดยเจตนาหรือไม่เจตนา หรือเป็นการปฏิบัติสืบต่อกันมาจนไม่เห็นว่าจะเป็นสิ่งท่ีผิดปกติหรือเป็นพฤติกรรมท่ีผิดปกติแต่อย่างใด ซ่ึงการกระทาเหล่านี้เป็นการกระทาที่ผิดหลักธรรมาภิบาลและคุณธรรมจริยธรรมของข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีจะต้องคานึงถึงผลประโยชน์สว่ นรวม (ผลประโยชน์สาธารณะ) แตก่ ลับตัดสนิ ใจปฏิบตั หิ นา้ ที่ราชการโดยคานึงถงึ ผลประโยชนส์ ่วนตนหรือพวกพ้อง2.3 ประเภทของผลประโยชนท์ บั ซอ้ น ประกอบดว้ ย 1) การรับของขวัญหรอื ผลประโยชน์ 2) การหาประโยชนใ์ หต้ นเอง 3) การทางานหลังเกษยี ณ 4) การทางานพเิ ศษ 5) การรับรู้ข้อมลู ภายใน 6) การนาทรัพย์สินของหน่วยงานไปใช้ช่ัวคราวในกิจการที่เป็นของส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเจา้ หน้าทข่ี องรฐั และทาให้หนว่ ยงานของรฐั เสียหายหรือเสยี ประโยชน์ 7) การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กต้งั เพ่ือประโยชนท์ างการเมือง (Pork Barreling)
-8-2.4 ปจั จยั ท่ที าใหเ้ กดิ ผลประโยชนท์ ับซอ้ น เน่ืองจากคนไทยมีฐานความคิดในลักษณะบูรณาการ คือ ไม่สามารถแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิงมีฐานความคิดในเรื่องการตอบแทนบุญคุณ โดยเฉพาะบุญคุณทางการเมือง หรือ มพี ฤตกิ รรมการใชจ้ ่ายเงินสรุ ุ่ยสุร่าย ทาให้รายรับไมส่ มดลุ กับรายจา่ ย และมีความจาเป็นในการรักษาตัวรอดและยึดถือค่านิยมของสังคมท่ีเน้นเรื่องวัตถุนิยม นอกจากน้ี โครงสร้างการบริหารและระบบการตรวจสอบถว่ งดลุ ยังไม่มีประสิทธิภาพ และตวั บทกฎหมายทมี่ ีอยู่ยังไม่ตอบสนองต่อสภาพปัญหาหรือยังไม่เพียงพอต่อการ “ป้องกัน” และ “ปราบปราม” ผู้ที่จะกระทาความผิดหรือคิดที่จะกระทาความผิดท่เี อื้อตอ่ การมผี ลประโยชนท์ บั ซอ้ นเทา่ ท่ีควร แนวทางปฏิบัติเพือ่ ปอ้ งกนั “ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น”กรณบี คุ คล1. แนวทางปฏิบตั ิเพอ่ื ป้องกันมใิ หม้ ีการฝ่าฝนื บทบัญญัติ มาตรา 100 แหง่ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต 1) การเตรยี มตัวกอ่ นเข้าสตู่ าแหนง่ (กอ่ นเป็นเจา้ หน้าท่ขี องรฐั ) - ก่อนเข้ามารับตาแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐบุคคลนั้น ๆ จะต้องเตรียมตัวโดยตรวจสอบตนเอง คู่สมรสบตุ รท่ียงั ไมบ่ รรลุนติ ิภาวะ ว่าไดม้ ีการดาเนนิ กจิ การใด ๆ บ้าง - ในขณะที่ตนเองอยู่ในสถานะของเอกชนท่ีได้ทาธุรกิจหรือทาการค้าไว้กับรัฐ โดยจะต้องตรวจสอบเป็นคู่สัญญากับรัฐ การรับสัมปทานจากรัฐหรือการเป็นกรรมการผู้จัดการ การถือหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หรือการเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนต่าง ๆ ว่ามีหรือไม่อย่างไร และต้องสารวจกิจการต่าง ๆของคู่สมรส รวมถึงการศกึ ษากฎหมายทีเ่ กีย่ วข้อง 2) การปฏบิ ัติหน้าที่หรอื ดารงตนในระหวา่ งท่เี ปน็ เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ - เจา้ หน้าทขี่ องรฐั ในตาแหน่ง เช่น ตาแหน่ง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐต้องไม่ดาเนินกิจกรรมใดๆ ท่ีเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรา 100 แหง่ กฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต - คู่สมรสของเจ้าหน้าท่ีรัฐ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้ห้ามคู่สมรสมิให้ดาเนินกิจการใด ๆ ที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมไวด้ ว้ ย
-9- 3) การดาเนินกิจการในภายหลงั ที่พ้นจากตาแหน่ง (พ้นจากการเปน็ เจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ยงั ไม่ถึง 2 ป)ี - กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามมาตรา 100ได้บัญญัติห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้ดาเนินกิจการท่ีเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม โดยห้ามดาเนินกิจการน้ันต่อไปอีกเป็นเวลา 2 ปี นับแต่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นได้พ้นจากตาแหน่งเจา้ หน้าที่ของรัฐ ในตาแหนง่ นั้น ๆ แลว้ ทงั้ น้ี ไดห้ า้ มการดาเนินกิจการของค่สู มรสของเจา้ หน้าท่ีของรัฐดว้ ย2. กรณกี ารรับของขวญั หรือรบั ผลประโยชน์ ในการรับของขวัญหรือผลประโยชน์ใด ๆ ท่านควรพิจารณาตอบคาถาม 3 ข้อนี้ เพ่ือใช้ในการตัดสินใจวา่ จะรบั หรือไมร่ บั ของขวญั หรอื ผลประโยชนน์ ้นั ๆ คอื 1) เราควรรับหรือไม่: ตามหลักการทางจริยธรรม แม้ว่าเราไม่ควรรับ แต่มีหลายโอกาสที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ หรือเป็นการรับในโอกาสที่เหมาะสมตามขนบธรรมเนยี มประเพณี วัฒนธรรมหรอื ให้กันตามมารยาททปี่ ฏิบตั ิกันในสังคม อยา่ งไรก็ตาม มหี ลายโอกาสท่ไี ม่เป็นการเหมาะสมทจี่ ะรับอยา่ งยิ่ง ดังนี้ - ถ้าเป็นการให้เงิน ท่านต้องปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสใด ๆ หรือการรับเงินสดหรือส่ิงใด ๆ ท่ีสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ เช่น หุ้น พันธบัตรหรือล็อตเตอรี่ ฯลฯ ล้วนเข้าข่ายการรับสินบน และเป็นการฝ่าฝืนประมวลจรยิ ธรรมขา้ ราชการพลเรือนทง้ั สิ้น - เม่ือได้รับการเสนอส่ิงใด ๆ นอกเหนือจากเงิน สิ่งที่ควรนามาเป็นเหตุผล ในการตัดสินใจ คือ ทาไมเขาจึงเสนอของขวัญหรือผลประโยชน์ให้เรา และการเสนอของดังกล่าวนั้นมีผลต่อการตัดสนิ ใจในการปฏิบัติตนหรอื ไม่ หรอื ควรพิจารณาบนหลกั การปฏบิ ัติงานในภาครัฐ ทอ่ี ย่บู นพน้ื ฐานว่าการกระทาและการตดั สนิ ใจใด ๆจะต้องกระทาด้วยความเป็นกลาง ปราศจากการมีส่วนได้ส่วนเสียในการให้บริการ และปกป้องผลประโยชน์ของสังคมไทยโดยรวม ดังนัน้ องค์กรหรอื บุคคลใด ๆ ไมค่ วรใชข้ องขวัญหรือผลประโยชน์มาแสวงหา ความชอบ ผลประโยชน์ให้กับองค์กรของตนหรือตนเอง เหนือองค์กรหรือบุคคลอ่ืน ๆ ทาให้สั่นคลอนความเชื่อถือไว้วางใจท่ีประชาชนมีต่อรัฐ และทาใหเ้ กิดความไม่เปน็ ธรรมในสงั คม 2) เราควรรายงานการรบั หรือไม่: - ของขวัญทั้งหมดที่มีค่าทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรม เช่นงานศิลปะ พระพุทธรูป เครื่องประดับโบราณ ฯลฯ แมจ้ ะมขี นาดเลก็ แต่กถ็ ือว่า ของขวัญนัน้ ๆ เป็นทรัพย์สนิ ขององค์กรไม่วา่ จะมีราคาเทา่ ใด - ของขวัญหรือผลประโยชน์ท่ีได้รับเม่ือเทียบกับราคาตลาด มีค่าน้อยกว่า 3,000 บาท ไม่ต้องรายงานหรืออาจเก็บเป็นของตนเองได้ ทั้งน้ี เพ่ือปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ เรอื่ ง หลกั เกณฑ์การรบั ทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ น่ื ใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหนา้ ทขี่ องรัฐ พ.ศ. 2543 - ของขวัญหรือผลประโยชน์ใดๆ เมื่อเทียบกับราคาตลาดมีค่าเกิน 3,000 บาท ต้องรายงานหน่วยงานและลงทะเบยี นไว้ - ของขวัญหรือผลประโยชน์ท่ีมีค่าทางการตลาดระหว่าง 3,000-15,000 บาท และเจ้าหน้าที่มีความจาเป็นต้องรบั ให้องค์กรโดย หัวหน้าสว่ นราชการตัดสนิ ว่าสมควรให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีของรฐั คนนน้ั ๆรับทรัพย์สินดังกล่าวหรอื ไม่
-10- - ของขวัญหรือผลประโยชน์มีค่าทางการตลาดมากกว่า 15,000 บาท ให้ส่งมอบเป็นทรัพย์สินขององค์กร เพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะหรือตามความเหมาะสม องค์กรอาจพิจารณาอนุญาตให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้ันเก็บรักษาของไว้เป็นกรณีไป เช่น ของขวัญในการย้ายหน่วยงาน ขณะดารงตาแหน่งเดิมของขวัญในโอกาสเกษยี ณอายรุ าชการ หรือลาออกจากงาน เป็นตน้ - ในปีงบประมาณใด ๆ คุณค่าของขวัญและหรือผลประโยชน์ที่ได้รับจากผู้ให้คนเดียวกัน กลุ่มเดียวกันหรือผู้ให้มีความสัมพันธ์กันหลายๆ ครั้ง เม่ือรวมกันทั้งปีมีค่ามากกว่า 3,000 บาท ต้องรายงานของขวัญหรือผลประโยชนแ์ ต่ละอย่างที่ได้รบั - ในปีงบประมาณใด ๆ ได้ของขวัญและหรือผลประโยชน์ที่ได้รับจากผู้รับบริการ แม้จะต่างคนต่างกลุ่มเพ่ือเป็นการขอบคุณในการให้บริการที่ดี แต่เม่ือรวมกันแล้วมีค่ามากกว่า 3,000 บาท ต้องรายงานของขวัญหรอื ผลประโยชน์แต่ละอย่างนั้น - ของขวัญและหรือผลประโยชน์ใด ๆ ท่ีได้รับการเพื่อเป็นการขอบคุณจากผู้รับบริการ (ประชาชนและองค์กรเอกชน) ท่ีได้อย่างสม่าเสมอบ่อยครั้ง อาจทาให้เกิดข้อสงสัยจากประชาชนว่ามีอิทธิพลบิดเบือนก่อให้เกิดอคติในการให้บริการของข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรืออาจก่อให้เกดิ ความรู้สึกชอบ และคาดหวังว่าจะไดร้ บั ของขวัญหรอื ผลประโยชนเ์ มือ่ มผี ู้มารบั บริการ ควรปฏิเสธการรบั - เงินสดหรือส่งิ ใด ๆ ท่ีสามารถเปล่ยี นเปน็ เงินได้ ตอ้ งปฏิเสธไมร่ บั ไมว่ ่าจะอยใู่ นสถานการณใ์ ด ๆ 3) เราสามารถเก็บไวเ้ ปน็ ของตนเองได้หรอื ไม่ - ปกตสิ ามารถเก็บรักษาไวเ้ อง หากของขวัญหรอื ผลประโยชนน์ น้ั มีค่าไม่เกิน 3,000 บาท - หากมีราคาทางการตลาดระหว่าง 3,000-15,000 บาท ส่วนราชการต้องพิจารณาตัดสินว่า ข้าราชการหรอื เจา้ หน้าทีข่ องรัฐนัน้ ๆ จะเกบ็ ไว้เองได้หรือไม่ - หากราคามากกว่า 15,000 บาท จะต้องให้เปน็ ทรัพยส์ นิ ของส่วนราชการ และสว่ นราชการพจิ ารณาตดั สนิ วา่ จะใช้ประโยชน์อย่างไร …ไมว่ า่ ของขวญั และหรอื ผลประโยชน์นนั้ จะมคี า่ เพยี งเลก็ น้อย กไ็ มค่ วรรบั เพราะก่อใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ผกู ผนั หรอื พนั ธะกบั ผใู้ ห้ และอาจก่อใหเ้ กดิ ความเส่อื มศรทั ธาต่อประชาชน... การแสวงหาเหตุผลเพ่ือบิดเบือนความจริง มีแนวโน้มท่ีเป็นไปได้มากที่เราจะรับของขวัญและผลประโยชน์โดยเฉพาะส่ิงที่ถูกใจเรา บุคคลอาจสงสัยว่าการรับของขวัญและหรือผลประโยชน์ใด ๆถือไดว้ ่าเป็นความผดิ แตผ่ ู้รบั มกั จะหาเหตุผลเข้าขา้ งตนเอง เชน่ “ฉนั รวู้ า่ ไมค่ วรรบั ของดงั กลา่ ว แต่ดว้ ยมารยาทจงึ ไม่กลา้ จะปฏเิ สธน้าใจ หรอื หากไม่รบั จะเป็นการทาลายสมั พนั ธภาพ ระหวา่ งผใู้ หก้ บั องคก์ รหรอื กบั ตนเอง” “คนอ่นื ๆ กท็ าเชน่ กนั ทาไมฉนั จะทาบา้ งไมไ่ ด”้ “ดซู ิ ฉนั อทุ ศิ เวลานอกราชการทางานนนั้ มนั เป็นการยตุ ธิ รรมท่ี ฉนั จะไดร้ างวลั หรอื ผลประโยชน์พเิ ศษบา้ งเป็นไร” “ทาไม? ละ เพราะฉนั เป็นคนทาชน้ิ น้ี ฉนั จงึ สมควรไดร้ บั ผลประโยชน์พเิ ศษนนั้ ”
-11- สถานการณต์ ัวอยา่ ง หน่วยงานภาครัฐ ส่งนักทรัพยากรบุคคลท่ีทาหน้าที่จัดซ้ือจัดจ้าง ให้เข้าร่วม สัมมนาฯ เจ้าหน้าท่ีผู้นั้นได้รับรางวัลมูลค่า 7,000 บาท จากการเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา ท่ีมีบุคลิกเป็น Personnel planner ซ่ึงบริจาคโดยโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นคู่ค้า กับหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ได้เก็บของรางวัลนั้นไว้โดยไม่ได้รายงานหน่วยงาน เน่ืองจาก คิดวา่ เปน็ รางวัลที่ตนชนะจากการเข้าร่วมสัมมนาฯ ผู้ บั ง คั บ บั ญ ช า ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ค ว า ม ห ม า ย ท่ี อ า จ แ อ บ แ ฝ ง ม า จ า ก ก า ร ใ ห้ และตัดสินใจว่าจะต้องมีการรายงานของรางวัลนั้น และลงทะเบียนเป็นของหน่วยงาน ดังน้ัน เป็นความชอบธรรมของหน่วยงานท่ีจะตัดสินว่าจะจัดการอย่างไรกับรางวัล ช้นิ นน้ั เนื่องจากราคาของรางวัลและบทบาทในหน้าที่มีความเส่ียงในเรื่อง ผลประโยชน์ ในทีสดุ เจา้ หน้าท่ีจงึ ถูกขอรอ้ งใหส้ ละรางวัลแกห่ นว่ ยงาน เพอ่ื ใช้ประโยชน์ ตามความเหมาะสม3. หากฝ่าฝืนจะมีโทษอยา่ งไร การมีพฤติกรรมใด ๆ ก็ตามท่ีเข้าข่ายประเภทของผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีพฤติกรรมที่พร้อมฝ่าฝืนการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ย่อมส่งผลให้ถูกลงโทษ ตักเตือนตัดเงินเดือน จนกระทั่งถึงขั้นไล่ออก ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการฝ่าฝืน หากถูกตัดสินว่าผิดจริง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอาจมสี ่วนรว่ มในการรบั โทษทางอาญาด้วยกรณีหน่วยงาน1. แนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาผลประโยชนท์ ับซอ้ น 1) กาหนดมาตรการ แนวทางปฏิบัติ หรือหลักเกณฑ์ทางจริยธรรมสาหรับข้าราชการและบุคลากรสังกัดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สาธารณะ เพ่ือเป็นมาตรฐานหรือแนวทางให้ข้าราชการและบุคลากรท่ีดารงตาแหน่งและมีอานาจหน้าท่ีที่ต้องดูแลผลประโยชน์สาธารณะมีความตระหนักว่าควรทาหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน และเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบและสามารถตรวจสอบการกระทาของข้าราชการและบุคลากรสังกัดหน่วยงานภาครัฐได้ เช่น กรณีข้าราชการและบุคลากรสามารถรับของขวัญหรือของกานัลที่มีราคาจากบุคคลภายนอกท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่ เป็นต้น ซึ่งข้าราชการและบุคลากรภาครัฐจะอ้างภายหลังว่าไม่ทราบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเรือ่ งการทุจริตหรอื การรบั ทรพั ยส์ ินจากบคุ คลภายนอกไม่ได้ 2) สร้างความตระหนักและให้ความสาคัญเก่ียวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เพ่ือให้ข้าราชการและบุคลากรสังกัดหน่วยงานภาครัฐในจังหวัด มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน รวมท้ังเพื่อให้ทราบถึงมาตรการหรือบทลงโทษในกรณีท่ีเข้าไปเก่ียวข้องกับผลประโยชน์ทบั ซอ้ นจากการปฏบิ ัติงานตามอานาจหนา้ ที่ทร่ี ับผิดชอบ
-12- 3) ใช้หลักการให้ผู้ที่เก่ียวข้องงดเว้นการเข้าร่วมการพิจารณาหรือเปล่ียนแปลงผู้ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือป้องกันปัญหาการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีกรรมการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐมีความสัมพันธ์กับผู้เสนอราคาหรือผู้ยื่นประมูลท้ังโดยทางตรงหรือทางอ้อม กรรมการผู้น้ันต้องงดเว้นไม่เข้าร่วมการพิจารณาหรือต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการทันที เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อน หรือกรณีการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าทางานในหน่วยงาน (พนักงานราชการหรือลูกจ้าง) หากกรรมการคัดเลือกมีความสัมพันธ์กับผู้สมัคร ท้ังโดยทางตรงหรือทางอ้อม กรรมการผู้นั้นต้องงดเว้นไม่เข้าร่วมการพิจารณาหรอื ต้องมกี ารเปลี่ยนแปลงตวั กรรมการทนั ที 4) แก้ไข/ปรับปรุง/พัฒนาเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เน่ืองจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้างส่วนใหญ่เกิดจากการขาดหลักธรรมาภิบาลและคุณธรรมจริยธรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบกับ สว่ นหนงึ่ มาจากระเบยี บกฎหมายว่าดว้ ยการจัดซ้ือจัดจา้ งที่เปิดช่องว่างจากระบบต่าง ๆ เชน่ ระบบการจดั ซอ้ื จัดจ้างด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการกาหนดราคากลาง เป็นตน้ รวมทง้ั สภาพปัญหา ความพร้อมและความแตกต่างของผ้เู สนอราคาหรือผู้ยนื่ ประมูลหรือบริษัท ทาให้เกิดสภาพการแข่งขนั ท่ีไม่เปน็ ธรรมหรือไม่เอ้ือให้กับผู้เสนอราคาหรือผู้ยื่นประมูลหรือบริษัทขนาดเล็ก ซ่ึงเป็นสาเหตุสาคัญที่ทาให้เกิดการผูกขาดในการแขง่ ขนั หรือการประมูลงานของหน่วยงานภาครัฐ จงึ เปน็ ช่องโหวใ่ หเ้ กิดการทุจรติ หรือการแสวงหาผลประโยชน์จากข้าราชการและบุคลากรภาครฐั กบั บุคคลภายนอก ดังน้ัน จึงควรมีการสร้างระบบหรอื เคร่ืองมือในการชว่ ยใหก้ ระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใสและเปน็ ธรรมเช่น ระบบการเปิดเผยข้อมูลท่ีเป็นปัจจุบันและกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างในเว็บไซต์ของทุกหน่วยงานหรือของจังหวัด รวมทั้งมีการเปิดเผยกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างในทุกข้ันตอน เพื่อให้ผู้เสนอราคาหรือผู้ยื่นประมูลหรอื บรษิ ทั และประชาชนทั่วไปได้รับทราบและสามารถตรวจสอบกระบวนการจดั ซ้ือจดั จ้างได้ 5) บริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เน่ืองจากข้าราชการและบุคลากรสังกัดหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดเปน็ กลไกสาคัญและเก่ียวขอ้ งกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรง จึงต้อง มีการกาหนดแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอีกทางหนึ่ง โดยเร่ิมต้ังแต่กระบวนการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาปฏิบัติงาน ซึ่งนอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานแลว้ ยังตอ้ งมคี วามตระหนักเกยี่ วกับปัญหาการทจุ ริตในหน่วยงานภาครัฐ การปลูกฝงั และเสริมสร้างวัฒนธรรมและค่านิยมในการต่อต้านการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน รวมทั้งการยกย่องเชิดชูข้าราชการและบุคลากรภายในหน่วยงานท่ีประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี ตลอดจนการสับเปล่ียนหรือหมุนเวียนข้าราชการและบุคลากรในสังกัดที่เก่ียวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อน เพ่ือเป็นการป้องกันและลดปัญหาผลประโยชน์ทบั ซ้อนภายในหน่วยงาน 6) แก้ไข/ปรับปรุง/พัฒนาข้ันตอนและวิธีการปฏิบัติงาน เพ่ือป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงาน โดยการแต่งต้ังคณะกรรมการควบคุมภายในและบริหารความเส่ียงของแต่ละหน่วยงาน โดยมีข้าราชการระดับรองจากหัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงาน เป็นประธานกรรมการ และมีผู้อานวยการกลุ่ม/ส่วน หรือหัวหน้ากลุ่ม/ฝ่าย/งาน เป็นกรรมการ เพื่อรวบรวมและพิจารณาปัญหา/อุปสรรคและดาเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยงเก่ียวกับผลประโยชน์ทับซ้อนภายในหน่วยงานเป็นประจาทุก 6 เดือนและมีการรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานทราบและพิจารณาสั่งการ รวมท้ังมีการรายงานให้ผู้ว่าราชการจงั หวัดทราบ (รายงานประจาปี) ซึ่งจะนาไปสู่การแก้ไข/ปรับปรุง/พฒั นาและกาหนดแนวทางการปอ้ งกันผลประโยชน์ทับซอ้ นภายในหน่วยงานและในภาพรวมของจังหวดั ต่อไป ท้ังนี้ กรณีท่ีมีเหตุผลความจาเป็นเร่งด่วน ให้คณะกรรมการควบคุมภายในและบริหารความเส่ียงของหน่วยงาน รายงานผลใหห้ วั หน้าส่วนราชการหรือหวั หน้าหนว่ ยงานทราบและพิจารณาสั่งการ โดยให้เร่งรัดดาเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและดาเนินการทางวินัยโดยเร็ว รวมทั้งรายงานให้จังหวัดทราบและพิจารณาดาเนินการตามระเบียบกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องตอ่ ไป
บทท่ี 3 บทเสริมเรอื่ งที่ 1 วงจรของการใชช้ ีวิตอยา่ ง “อริยสัจ 4” + “PDCA” อริยสจั 4 วงจร PDCAขั้นท่ี 1 : ทุกข์ ขั้นตัวปัญหา คือ ต้องรู้สภาพปัญหา ความไม่พอใจ ความติดขดั บกพร่องทบี่ ุคคลได้ประสบหรอื เกิดขึ้น ขั้นท่ี 1 P = Planคอื การวางแผนในแผนงานจะต้องมีในชีวิตของตน โดยต้องกาหนดรู้ ทาใจยอมรับ ทาความ วตั ถปุ ระสงค์ เป้าหมาย และระยะเวลาดาเนินการเข้าใจ และกาหนดขอบเขตของมันให้แจ่มชัดว่าเป็นปัญหาหรือไมเ่ ป็นปัญหาใหญห่ รือปญั หารองข้ันท่ี 2 : สมุทัยข้ันสาเหตุของปัญหา จัดเป็นข้ันวเิ คราะห์และวินจิ ฉัยมลู เหตขุ องปญั หาซึ่งจะต้องแก้ไขให้ ขั้นท่ี 2 D = Do คือ การปฏิบัติงานตามแผนโดยหมดไป คือ ต้องแสวงหาสาเหตทุ ่ีถูกตอ้ งชัดเจน และตอ้ ง ดาเนินงานตามข้ันตอนในแผนงานอย่างเป็นเป็นสาเหตุต้นตอจริงๆ ท่ีเกิดจากตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ระบบและตอ่ เนอื่ งมิใช่ไปโทษโชคชะตา ซ่งึ เป็นเรื่องนอกตวั ออกไปท้งั หมดข้ันท่ี 3 : นิโรธ ข้ันดับปัญหา เป็นขั้นช้ีบอกภาวะปราศจากปัญหาซึ่งเป็นจุดหมายที่ต้องการ ให้เห็นว่า ข้ันที่ 3 C = Checkคือ การตรวจสอบและรายงานผลการแกป้ ัญหาน้นั เปน็ ไปได้ และจุดหมายนน้ั ควรเขา้ ถึงซึ่ง การดาเนินงาน ตามแผนว่าเมื่อดาเนินงานตามจะต้องให้สาเร็จให้จงได้ ด้วยการกาหนดจุหมาย แผนแล้วมีปัญหาอะไรเกิดข้ึนจาเป็น ต้องปลายทางท่ีแน่นอน พร้อมท้ังกาหนดเป้าหมายหลักและ ปรับปรุงแกไ้ ขแผนงาน ในขนั้ ตอนใดเปา้ หมายรองไว้ด้วยขั้นที่ 4 : มรรคข้ันลงมือแก้ปัญหา จัดเป็นขั้นกาหนด ข้ันท่ี 4 A=Actionคือ การนาปัญหามาวิธีการ และรายละเอียดที่จะต้องปฏิบัติในการลงมือ ปรับปรุงแก้ไข การดาเนินงานและนาแนวแกป้ ัญหา คอื การลงมือปฏิบัติหรอื ดาเนินการตามวิธีการ ทางการปฏิบัติที่ดีมาจัดทาแผนงานในคร้ังอย่างละเอียด เพ่ือแก้ปัญหาไปตามข้ันตอน โดยกาหนด ตอ่ ไปวางวิธีการ วางแผนและรายการที่จะตอ้ งทาให้ละเอียด
-14-เรอ่ื งท่ี 2 วินัยและการรักษาวนิ ยั2.1 ความหมาย ❖ วินัย: ระเบียบแบบแผนความประพฤติท่ีบัญญัติไว้ให้ปฏิบัติและห้ามมิให้ปฏิบัติ เพ่ือใช้ควบคุมตนเองผบู้ ังคับบัญชาใช้ควบคมุ ผใู้ ต้บังคับบัญชา เพอื่ ให้มีความประพฤตดิ ลี ะเว้นความประพฤตมิ ชิ อบ ❖ การรักษาวินัย: การท่ีปฏิบัติตามวินัยที่กาหนดไว้ และหมายความรวมถึงการที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องส่งเสริมและดูแลระมัดระวังใหผ้ ู้ใตบ้ งั คบั บญั ชาปฏิบัติตามวินัย และการดาเนินการทางวนิ ัยแกผ่ ทู้ ก่ี ระทาผิดวินยั ด้วย ❖ ผมู้ หี น้าท่ีรกั ษาวนิ ัย: ขา้ ราชการพลเรอื น, ลกู จ้างของสว่ นราชการ และพนักงานราชการ2.2 จุดมุ่งหมาย 1. เพือ่ ให้ราชการดาเนนิ ไปด้วยดี มีประสทิ ธิภาพ 2. เพ่ือความเจริญ และความสงบเรยี บร้อยของประเทศชาติ 3. เพื่อความผาสกุ ของประชาชน 4.เพ่ือสร้างภาพพจน์ ชอื่ เสยี งท่ีดขี องระบบราชการ2.3 วนิ ยั ขา้ ราชการ 1. ปฏิบตั หิ น้าทด่ี ว้ ยความซอ่ื สัตย์ และเทย่ี งธรรม ขอ้ 2.ปฏบิ ัตหิ นา้ ทรี่ าชการตามกฎหมาย ระเบยี บ และมติ ครม. ปฏิบตั ิ นโยบายของรฐั บาล 3. ปฏบิ ัตหิ น้าที่ราชการใหเ้ กิดผลดี และมีความก้าวหนา้ ขอ้ ห้าม 4. ปฏิบัติหนา้ ทตี่ ามคาสง่ั ของผบู้ ังคับบญั ชา 5. อทุ ิศเวลาของตนใหแ้ กร่ าชการ 6. รักษาความลบั ของทางราชการ 7. สุภาพเรียบรอ้ ย และช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกนั 8. ต้อนรบั ให้ความสะดวก และให้ความเปน็ ธรรม 9. วางตวั เปน็ กลางทางการเมอื ง 10. รักษาช่อื เสยี งของตน 1. ไม่รายงานเท็จต่อผบู้ งั คบั บญั ชา 2.ไมป่ ฏบิ ัตริ าชการอนั เปน็ การกระทาข้ามผบู้ งั คับบัญชา 3. ไมอ่ าศยั หรอื ยอมใหผ้ อู้ ืน่ อาศัยตาแหนง่ หน้าท่ีราชการของ ตนหาประโยชน์ 4. ไมป่ ระมาทเลนิ เล่อในหน้าทรี่ าชการ 5. ไม่กระทาการอันเป็นการกลน่ั แกลง้ กดขี่ หรอื ข่มเหงกนั ใน การปฏบิ ัติราชการ 6. ไม่กระทาการอนั เปน็ การล่วงละเมดิ หรือคุกคามทางเพศ 7. ไมด่ ูหมนิ่ เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผมู้ า ติดต่อราชการ
-15- บริการประทบั ใจ1. ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส 6. ออ่ นหวานน่ารกั2. เตม็ ใจชว่ ยเหลอื 7. ไมส่ กั แต่ทา3. ไมเ่ บอ่ื คาถาม 8. น้าคาไพเราะ4. ฟังความครบถว้ น 9. เหมาะสมสถานท่ี5. รบี ดว่ นบรกิ าร 10. ไมม่ นี อกใน1. ปากหมา บริการยอดแย่2. หน้ายกั ษ์3. ตกั ตวง 6. ลา้ สมยั4. ถว่ งเรอ่ื ง 7. ไมแ่ น่ชดั5. เชอ่ื งชา้ 8. ปัดสวะ 9. ละเลย 10. เฉยชา2.4 โทษทางวินัย รา้ ยแรง 1. ปลดออก ไมร่ ้ายแรง 2. ไลอ่ อก 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตัดเงนิ เดอื น 3. ลดเงินเดอื น
-16-2.5 กรณศี กึ ษา ประเดน็ เร่ืองวนิ ยั การลงโทษทางวินัย ภาคทัณฑ์1. นารถยนต์ของทางราชการไปทาธุรกิจส่วนตัวในระหว่างปฏบิ ตั ิหนา้ ที่กับไม่ควบคุม กากับการนารถยนต์เก็บเข้าที่ เป็นเหตุให้ลูกจ้างประจา ตัดเงนิ เดอื น 10%ตาแหน่งพนักงานขับรถยนต์ นารถคันดังกล่าวไปทาธุรกิจส่วนตัว และ เป็นเวลา 4 เดือนประสบอุบัติเหตุแต่เจ้าหน้าท่ีผู้นี้ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ทางราชการและบุคคลภายนอกแลว้ ภาคทัณฑ์2. ได้รับคาสั่งแต่งตั้งให้ย้ายไปดารงตาแหน่งใหม่ แต่ไม่ส่งมอบงานใน ตัดเงนิ เดือน 10%หน้าท่ีให้แก่ผู้มารับหน้าที่ใหม่ หลีกเลี่ยงไม่ส่งมอบงานในหน้าท่ีภายใน เปน็ เวลา 2 เดือนระยะเวลาอนั สมควร3. มีหน้าที่อยู่เวรและเป็นหัวหน้าเวรตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. แต่มาอยู่เวรเม่ือเวลา 13.30 น. โดยอ้างว่าลืม นอกจากน้ีได้แก้ไขบันทึกสมดุตรวจเวร โดยความยินยอมของผู้ตรวจเวรจากข้อความ “ไม่พบหัวหน้าเวรเน่อื งจากยังมาไมถ่ งึ ” เป็นว่า “ตรวจเวรแลว้ เหตกุ ารณ์ทั่วไปปกติ”4. มาปฏิบตั ิหนา้ ทร่ี าชการแตไ่ มไ่ ดล้ งชื่อ และเวลามาปฏิบตั ริ าชการด้วยตนเองกลับใชใ้ ห้ผู้อน่ื ลงชอ่ื และเวลามาปฏบิ ัตริ าชการแทนตน
ภาคผนวก
-18-1. หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ประกอบด้วย 6 หลักการ คือ 1) หลกั ความโปรง่ ใส : เปน็ การสรา้ งความไว้วางใจซึง่ กนั และกนั 2) หลักนิติธรรม : เป็นการตรากฎหมาย และกฎข้อบังคับ ให้ทันสมัยและเป็นธรรม เป็นท่ียอมรับของสังคม 3) หลักความรบั ผิดชอบ: เป็นการตระหนกั ในสทิ ธิหน้าที่ ความสานกึ ในความรับผดิ ชอบต่อสังคม 4) หลักความเสมอภาพ : คนทกุ คนมีความสามารถอยา่ งเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ในสงั คม 5) หลักคุณธรรม : เป็นการยึดม่ันในความถกู ต้องดงี าม 6) หลักความคุ้มค่า :เป็นการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรท่ีมีจากัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแกส่ ่วนรวม
-19-2. อริยสจั 4 วธิ คี ดิ แบบอรยิ สัจ 4 (แกป้ ญั หา)คอื วธิ ีแห่งความดบั ทกุ ข์ โดยเร่ิมจากตวั ปัญหาหรือทุกข์ ทาความเขา้ ใจให้ชัดเจน สืบค้นหาสาเหตเุ ตรยี มแก้ไข วางแผนกาจดั สาเหตปุ ญั หา มวี ิธีการปฏบิ ัติ 4 ขั้นตอนคือ 1) ทุกข์ คือ การกาหนดใหร้ ู้จักสภาพปญั หา 2) สมุทัย คือ การกาหนดเหตุแหง่ ทกุ ข์เพอ่ื กาจัด 3) นโิ รธ คือ การดับทกุ ขอ์ ยา่ งมีจุดหมาย 4) มรรค คอื การกาหนดวิธกี ารในรายละเอยี ดและปฏบิ ตั ิเพอ่ื กาจดั ปัญหา หมายถึง ข้อปฏบิ ตั ใิ ห้ถงึ ความทุกข์ ไดแ้ ก่ การเดินทางสายกลาง(ศีล สมาธิ และปญั ญา)
-20-3. ประมวลจริยธรรมของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 1) ขา้ ราชการตอ้ งยึดมน่ั ในจรยิ ธรรมและยนื หยัดกระทาในส่งิ ท่ถี ูกต้องและเปน็ ธรรม 2) ข้าราชการต้องมีจิตสานึกท่ีดีและความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีเสียสละ ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความรวดเร็วโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ 3) ข้าราชการต้องแยกเรื่องส่วนตัวออกจากตาแหน่งหน้าที่และยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเหนอื กว่าประโยชน์ส่วนตน 4) ข้าราชการต้องละเว้นจากการแสวงประโยชนท์ ่ีมิชอบโดยอาศัยตาแหน่งหน้าที่และไม่กระทาการอันเปน็การขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม 5) ข้าราชการต้องเคารพและปฏบิ ตั ิตามรฐั ธรรมนูญและกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา 6) ข้าราชการต้องปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความเท่ียงธรรม เป็นกลางทางการเมือง ให้บริการแก่ประชาชนโดยมีอธั ยาศัยทีด่ ีและไม่เลือกปฏิบตั ิโดยไม่เปน็ ธรรม 7) ข้าราชการต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการอย่างเคร่งครัด และรวดเร็วไม่ถ่วงเวลาให้เนิ่นช้าและใช้ข้อมูลข่าวสารท่ีได้มาจากการดาเนินงานเพื่อการในหน้าที่ และให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน ถกู ตอ้ ง ทนั การณ์และไม่บิดเบอื นข้อเท็จจรงิ 8) ขา้ ราชการตอ้ งม่งุ ผลสมั ฤทธขิ์ องงาน รกั ษาคุณภาพและมาตรฐานแหง่ วิชาชพี โดยเครง่ ครัด 9) ข้าราชการต้องยึดมนั่ ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ 10) ขา้ ราชการต้องเป็นแบบอย่างทดี่ ีในการดารงตน รกั ษาชือ่ เสยี งและภาพลักษณ์ของราชการโดยสว่ นรวม ท่มี า : ราชกจิ จานุเบกษา ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ หน้า ๗๓ เลม่ ๑๒๖ ตอนพเิ ศษ ๑๖๒ ง
-21-4. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ พ.ศ. 2550 และแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี 2)มาตรา 103 ห้ามมใิ หเ้ จา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ผู้ใดรับทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อน่ื ใดจากบุคคล นอกเหนอื จากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือ กฎ ข้อบังคับท่ีออกโดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลกั เกณฑ์และจานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กาหนดมาตรา 103/1 บรรดาความผิดท่ีบัญญัติไว้ในหมวดน้ีให้ถือเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีหรือความผิดต่อตาแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตาแหนง่ หนา้ ที่ในการยุตธิ รรมตามประมวลกฎหมายอาญาดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: