ilovepdf_merged (6)

บนั ทึกองคค์ วามรู้รายบุคคล เร่ือง ขยายผลครวั เรอื นสมั มาชีพ เจ้าขององค์ความรู้ นายอนันต์ แสงชาตรี ตาแหน่ง หวั หน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพฒั นาชุมชน สังกดั สานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส

แบบบนั ทกึ ชดุ ความรู้รายบคุ คล 1. ชอื่ ชดุ ความรู้ ขยายผลครวั เรือนสัมมาชีพ 2. ช่ือเจา้ ขององคค์ วามรู้ นายอนนั ต์ แสงชาตรี ตาแหนง่ หวั หน้ากลมุ่ งานสง่ เสริมการพฒั นาชมุ ชน สานกั งานพัฒนาชุมชนจงั หวดั นราธิวาส 3. องค์ความรู้ทบี่ ง่ ชี้  หมวดที่ 1 สร้างสรรค์ชมุ ชนพึ่งตนเองได้  หมวดท่ี 2 สง่ เสรมิ เศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตวั อยา่ งสมดลุ  หมวดที่ 3 เสริมสร้างทุนชมุ ชนให้มีธรรมาภบิ าล  หมวดที่ 4 เสรมิ สร้างองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง 4. ที่มาและความสาคัญในการจดั ทาองค์ความรู้ โครงการสร้างสัมมาชีพชมุ ชนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยมีเป้าหมายให้ ประชาชนได้รับการพัฒนาอาชีพและมีรายได้เศรษฐกิจครัวเรือนมีความม่ันคง ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ในชุมชน อย่างมีความสุข สอดคล้องกับนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ด้านการลดความเหลื่อมล้าทางสังคม และการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ และเช่ือมโยงยุทธศาสตร์ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564) การสร้างความเป็นธรรม ลดความ เหลอื่ มล้าในสงั คม ขบั เคลอ่ื นการดาเนินงานภายใต้แนวคดิ “ ชาวบ้านสอนชาวบา้ น ” สมั มาชพี หมายถึง อาชีพทไี่ ม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อนื่ ไมเ่ บยี ดเบยี นสง่ิ แวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ สัมมาชีพจึงเป็นท่ังเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม ส่ิงแวดล้อม และศีลธรรม พร้อมกัน ไปอยา่ งบูรณาการ การดาเนินกจิ กรรมเรม่ิ ต้นดว้ ยการพฒั นาทกั ษะการถ่ายทอดองค์ความรใู้ ห้กบั ปราชญ์ชุมชน ดา้ นอาชีพ จากนน้ั ปราชญ์ชุมชนกลับไปสร้างทีมและจัดการฝึกอบรมอาชีพให้กับครัวเรือน ที่ต้องการฝึกอาชีพ ในหมบู่ ้านตดิ ตามและสนบั สนุนอย่างตอ่ เนอื่ ง เพ่อื ให้ครวั เรอื นท่เี ข้ารับการฝึกอาชีพสามารถปฏิบัติอาชีพได้จริง และพฒั นาเป็นอาชพี ที่สรา้ งรายได้ ให้กับครัวเรือนได้อย่างมั่นคง และขยายผลไปสู่ครัวเรือนมีความสนใจสมัคร ใจ “หัวไว ใจสู้” พร้อมเขา้ สกู่ ารปฏิบัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5. รูปแบบ กระบวนการ หรือลาดับขั้นตอน การดาเนินงานใชแ้ นวคดิ กระบวนการมีสว่ นรว่ ม ประสานงานทุกภาคส่วน โดยใชก้ ลไก วทิ ยากรสัมมาชพี ผนู้ า ทมี พ่เี ลีย้ งและเจา้ หน้าท่ขี องรัฐ ผา่ นกระบวนการดงั นี้ (1) เตรียมความพร้อม ในเร่อื งการแต่งต้ัง คณะทางานสร้างฐานเรยี นรู้ ครัวเรอื นตวั อย่าง การใหค้ วามรู้เจ้าหน้าทภี่ าคีเครอื ข่าย (2) สนับสนุนการให้ความรู้ อบรมใหค้ วามรู้ปราชญช์ มุ ชน วเิ คราะห์อาชพี และเลือกอาชพี (3) การศึกษาดูงาน วางแผน ออกแบบงาน สรา้ งแรงจูงใจและสรา้ งแรงบันดาลใจ (4) ฝกึ ปฏบิ ัติ ดาเนินการตามแผนให้เกดิ ทกั ษะและความชานาญสามารถปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง และ นาส่กู ารปฏบิ ตั ิ (5) ตดิ ตามประเมนิ ผล แบ่งโซนสรา้ งทมี ติดตามผลหมั่นเยี่ยมเยยี น ให้กาลงั ใจ และสรา้ ง กระแสการเรยี นรู้ /6. เทคนคิ ...

-2– 6. เทคนิคในการปฏิบตั งิ าน 1. จดั ทาฐานเรยี นรู้ทีค่ รบวงจร เนน้ การพ่ึงตนเอง 2. ประสานการทางานกับองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ 3. เน้นการมีส่วนรว่ มของประชาชน โดยเปดิ เวทีประชาชนสร้างกระแสการับรับรู้ ในฐาน เรียนรู้ครัวเรอื นสมั มาชพี ตัวอยา่ ง 7. ปัญหาท่ีพบและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา 7.1 ปัญหาท่ีพบ (1) การบรู ณาการการทางานของทกุ ภาคสว่ น ยงั ไมส่ ามารถดาเนนิ การได้อย่างเตม็ ที่ (2) การรณรงคเ์ พื่อขยายผลออกไปสูค่ รวั เรอื นหลายครวั เรือนส่งผลให้มปี ญั หา เรือ่ งการตลาด 7.2 แนวทางแก้ไขปัญหา (1) การบูรณาการการทางานของทกุ หนว่ ย ควรบรู ณาการเปน็ หนง่ึ เดียว ในการรณรงค์การขบั เคลื่อน (2) การผลติ เนน้ ความพอเพียงตามศาสตร์พระราชา เหลือค่อยขาย เพราะหาก ส่งเสริมการผลติ เพื่อขาย จะสง่ ผลต่อปญั หาการตลาด 8. ประโยชน์ขององค์ความรู้ (1) ใช้เปน็ ฐานเรียนรคู้ รวั เรอื นสัมมาชีพ (2) ใช้เปน็ เครอ่ื งมือในการปฏิบตั งิ านครัวเรือนสัมมาชพี สาหรับขา้ ราชการในหนว่ ยงานและ หน่วยงานภาคี ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------