Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore research_1405406461_Mon

research_1405406461_Mon

Published by Atthapol.ub, 2018-04-09 12:04:37

Description: research_1405406461_Mon

Search

Read the Text Version

รายงานการวจิ ัยการศึกษาสาเหตุการมาเรียนสายของนักเรยี นในระดับช้นั ปวช.2 แผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาศรีสะเกษบริหารธรุ กิจ โดย นายมณเทยี ร ชาลี งานวิจยั นเ้ี ปน็ ส่วนหนง่ึ ของการบริหารงานภายใน แผนกวชิ าช่างยนต์ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบริหารธุรกจิสงั กดั สานกั บริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

ช่ือผูท้ าวจิ ัย : นายมณเทียร ชาลี แผนกวชิ าช่างยนต์ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กจิช่อื งานวจิ ยั : ศึกษาสาเหตุการมาเรียนสายของนกั ศกึ ษา ระดบั ชัน้ ปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กจิปีการศกึ ษา : 2556 บทคดั ย่อ งานวิจัยนม้ี ีวัตถุประสงค์เพอื่ (1) ศกึ ษาสาเหตกุ ารมาเรยี นสายของนักศกึ ษา ระดับช้นั ปวช.2 แผนกวิชาช่างยนต์วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจ ปกี ารศึกษา 2556 (2) ศึกษาตัวประกอบที่สมั พนั ธก์ ับแนวโนม้ ในการมาเรียนสาย ของนักศึกษาในระดบั ชนั้ ปวช. 2แผนกวิชาแผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาศรีสะเกษบรหิ ารธุรกจิปกี ารศึกษา 2556 ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา คอื นักศึกษาระดบั ช้นั ปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กจิ ปีการศกึ ษา 2556 จานวน 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยแบบสอบถามจานวน 7 คนสถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล คือ ค่าร้อยละ กลุ่มตวั อยา่ งทมี่ าเรยี นสายซ่ึงเปน็ ผตู้ อบแบบสอบถามเกย่ี วกับสาเหตกุ ารมาเรยี นสายเป็นเภทชายท้งั หมดโดยแยกชว่ งอายขุ องนักศกึ ษา ช่วงอายุตา่ กว่า 16 -18 ปี และปัญหาท่ีเปน็ สาเหตขุ องการมาเรียนสายของนักศกึ ษามี 4 ด้าน คอื ปัญหาด้านส่วนตัว ดา้ นครอบครวัด้านครู – อาจารย์ เกี่ยวกับการเรียนการสอน และปญั หาดา้ นสงั คม และสภาวะแวดลอ้ ม ผู้ตอบแบบสอบถามเปน็ นักศึกษา ประจาแผนกวชิ าช่างยนต์ พบว่าสาเหตุท่นี ักศกึ ษามาเรียนสาย คอื มีปัญหาในการเดินทางมาเรยี น มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และครใู ช้อานาจบงั คับมากเกนิ ไป อยูใ่ นระดับปานกลางรองลงมา คือ กจิ กรรมการเรียนการสอนไม่น่าสนใจ การคบเพ่ือนไมด่ ี ครไู มย่ ตุ ิธรรมตอ่ การประเมินผลครูไม่เอาใจใสแ่ ละจงู ใจนักศกึ ษา และผูป้ กครองขาดความเอาใจใส่ต่อการเรยี นของนกั ศกึ ษา อยใู่ นระดับน้อยตามลาดบักกกกขอ้ เสนอแนะ

1. การศึกษาวจิ ยั ครั้งต่อไปควรวางแผนการดาเนนิ การปอู งกันการมาเรยี นสายกับนกั ศึกษา เปน็ รายแผนกหรือทุกแผนก เพราะแต่ละแผนกอาจจะมปี ญั หาทีแ่ ตกต่างกนัก 2. การกาหนดรูปแบบการปอู งกนั การมาเรยี นสายของนกั ศึกษาจาเปน็ ตอ้ งมีรปู แบบใหม่ๆ ปรบั เปล่ยี นไปตามสภาพสังคม สิง่ แวดลอ้ มและเศรษฐกจิ ที่พฒั นาเปลย่ี นแปลงอยูต่ ลอดเวลา กิตติกรรมประกาศ (1).งานวิจัยเร่อื ง ศกึ ษา สาเหตกุ ารมาเรียนสายของนักศึกษา ระดบั ชน้ั ปวช.2 แผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาศรีสะเกษบริหารธรุ กิจ ปกี ารศกึ ษา 255 6 น้ี เสรจ็ สมบูรณ์ไดด้ ้วยความกรุณาและความรว่ มมือของผู้เกีย่ วขอ้ งหลายฝาุ ย กราบขอบพระคุณผ้เู ช่ยี วชาญทุกทา่ นทก่ี รณุ าตรวจสอบเครื่องมอืต่าง ๆ ท่ใี ชใ้ นการวิจัย และให้ขอ้ เสนอแนะ แนวคดิ และวิธีการดาเนนิ การต่าง ๆ จนสามารถนาเคร่อื งมือไปใช้ในการศกึ ษาวิจยั สดุ ทา้ ยน้ีผู้วิจยั ขอน้อมลาลึกถึงคุณบดิ า - มารดา ครู - อาจารย์ ผ้มู พี ระคุณทุกทา่ นและขอบคุณเพื่อน พี่ - น้อง ทุกคนทีส่ นับสนุนและเป็นกาลังใจ นายมณเทียร ชาลี

สารบัญ หนา้บทคดั ย่อ ................................................................................................... กกติ ติกรรมประกาศ .................................................................................................... ขสารบญั .................................................................................................... คสารบญั ตาราง .................................................................................................... จสารบัญแผน่ ภาพ .................................................................................................... ฉ1. บทนา- ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา ............................................................ 1- วัตถปุ ระสงคข์ องงานวจิ ัย ......................................................................... 2- ขอบเขตของการวิจยั ........................................................................... 2- กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ......................................................................... 4- ประโยชน์ของผลการวิจัย ......................................................................... 4- นิยามศัพทเ์ ฉพาะ ......................................................................... 52. เอกสารและงานวิจัยท่ีเกยี่ วข้อง- ด้านนักศกึ ษา ....................................................................................... 6 - ด้านครผู ู้สอน ....................................................................................... 8 - ด้านครอบครวั ของนักศกึ ษา ............................................................ 10 - ด้านสภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษา ............................................................ 13

- ดา้ นงานวิจัยท่เี กยี่ วขอ้ ง ............................................................ 163. การดาเนนิ การวิจยั- ขอบเขตของการวจิ ยั .......................................................................... 18- เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล .................................................... ......... 19- เกบ็ รวบรวมข้อมูล ....................................................................................... 19- การตรวจสอบขอ้ มูล ....................................................................................... 19- การวิเคราะห์ข้อมลู ....................................................................................... 20- นาเสนอขอ้ มูล ....................................................................................... 214. ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล- ตอนท่ี 1 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ทั่วไป ....................................................... 22- ตอนที่ 2 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู สาเหตุในการมาเรียนสาย ............................ 24 สารบัญ(ต่อ)5. สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ- สรปุ ผลการวจิ ยั .................................................................................. 26- อภิปรายผลการวิจัย .................................................................................. 27- ขอ้ เสนอแนะ .................................................................................. 28บรรณานกุ รม ..................................................................................29ภาคผนวก ก แบบสอบถาม ..................................................................... 30ภาคผนวก ข ประวตั ผิ ้วู ิจยั …..……………........................................................ 34

สารบัญตารางตารางที่ หน้า1 แสดงน้าหนักคะแนนตามระดบั ท่ีจะมีผลต่อการมาเรยี นสาย 192 การวิเคราะหข์ ้อมูลท่ัวไป ทีจ่ าแนกตาม เพศ 22 243 การวเิ คราะห์ข้อมูลทว่ั ไป ที่จาแนกตาม อายุ 234 การวเิ คราะห์ข้อมลู ทั่วไป ทจ่ี าแนกตาม แผนกวชิ า 235 การวิเคราะหข์ ้อมลู ท่วั ไป ความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาเหตุในการมาเรียนสาย ของนักศึกษาในด้านต่าง ๆ

สารบัญแผ่นภาพ หนา้แผ่นภาพที่ 7 1 แสดงกรอบความคดิ ในการศกึ ษาวิจัย 4 2 แสดงปัจจยั ที่ทาให้เกิดความแตกต่างระหว่างบคุ คล

บทที่ 1 บทนา ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา การศึกษาเป็นกจิ กรรมอย่างหน่ึงที่มนุษย์ถา่ ยทอดสิง่ ทีม่ ีอยแู่ ก่กัน โดยม่งุ หวังใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ผ้รู บั การศกึ ษาเป็นกระบวนการทช่ี ่วยพัฒนาหรอื ปรบั ปรุงจิตใจ อุปนสิ ยั และคุณสมบตั ทิ างกายภาพของ

มนษุ ย์ใหด้ ีข้นึ และการศกึ ษาเป็นกระบวนการทตี่ อ่ เนื่องกนั จนตลอดชีวิต โดยมจี ดุ ม่งุ หมายให้มนษุ ย์มีชวี ิตท่ดี ีดังนน้ั การศกึ ษาจงึ กลายเปน็ เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการพัฒนามนุษย์ เพราะการศึกษาทาให้มนุษย์ มีสงั คมที่ดมี ีความเปน็ อยู่ดี มนษุ ยส์ ามารถดัดแปลงวธิ กี ารต่าง ๆ มาใชใ้ นชีวิตวิธีการท่ีเคยพบมาช่วยแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ให้ลุลว่ งจึงดารงชวี ิตอยา่ งเป็นสขุ พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ได้กาหนดให้การศึกษาเป็นกระบวนการเรยี นรู้ เพ่อืความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถา่ ยทอดความรู้ การฝึกการอบรมการสืบสานทางวฒั นธรรมการสร้างสรรค์ความกา้ วหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรอู้ ันเกิดจากสภาพแวดล้อม สงั คมแหง่ การเรยี นรู้และปัจจยั เกอ้ื หนุนให้บคุ คลเกิดการเรียนรู้อยา่ งต่อเนอื่ งตลอดชวี ิต การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพอื่ พฒั นาคนไทยให้เป็นมนษุ ยท์ ส่ี มบูรณ์ท้ังรา่ งกายและจิตใจ สตปิ ญั ญา ความรู้ คุณธรรม จริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชวี ิต สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้อยา่ งมีความสุข เพื่อให้การใช้หลกั สตู รการศึกษาพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาบรรลตุ ามเปาู หมายทกี่ าหนดไว้ สถานศกึ ษาตอ้ งมีการประสาน ประชาสัมพนั ธ์ และรว่ มมอื กับบิดามารดาผ้ปู กครองและบุคคลในชมุ ชนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาในสถานศกึ ษาเป็นไปอยา่ งต่อเน่ือง แผนกวชิ าช่างยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กจิ ซ่ึงมจี านวนทงั้ หมด 67 คน เปน็ นักศึกษาชายทั้งหมดในจานวนนี้ยังมีนักศึกษาอกี หลายคนทย่ี งั ละเลย ไม่เอาใจใสไ่ ม่รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ ไม่ปฏิบตั ติ ามกฎ ระเบยี บของวทิ ยาลยั ฯ และทีส่ าคัญปญั หาที่เกิดขึ้น เช่น การมาเรียนสาย การหนีเรยี น และการขาดเรียน การมาสายเป็นปัญหาทีส่ าคญั ในการจะสง่ ผลใหน้ กั ศกึ ษา หนีเรียน และการขาดเรียนตอ่ ไป ดังนัน้ นกั ศึกษากลุ่มน้ที ี่จะเปน็ปัญหาใหก้ ับวิทยาลัยฯ และกลุม่ เพื่อนในห้องเรยี นและยงั จะส่งผลใหไ้ มส่ ามารถทจี่ ะศึกษาใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจ ในทีส่ ดุ ผลการเรยี นก็จะเปน็ “ 0 ” เปน็ “ ข.ร ” และเป็น “ ม.ส.” ในทสี่ ุด จากสาเหตุดงั กลา่ วเปน็ สาเหตทุ ี่ทาให้ผู้วิจัยมคี วามสนใจทีจ่ ะศกึ ษาเก่ียวกบั สาเหตกุ ารมาเรยี นสายของนกั ศึกษาในระดบั ชัน้ ปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาศรีสะเกษ-บรหิ ารธรุ กจิ เพ่อื หาแนวทางแก้ไขปญั หา และหาแนวทางปูองกนั ปัญหาการมาเรียนสายของ นกั ศึกษา ผลที่ไดจ้ ากการวจิ ยั นี้จะเปน็ขอ้ มูลพน้ื ฐาน และแนวทางในการปรับปรงุ การเรยี นการสอน อนั จะเป็นประโยชนต์ อ่ ผบู้ รหิ าร และนักศึกษาท่ีกาลงั ศกึ ษาอยเู่ พ่ือให้อัตราการมาสายของนกั ศึกษาลดน้อยลงวัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั การศึกษาน้มี เี ปาู หมายที่จะทาการศึกษาเกยี่ วกับสาเหตุการมาเรยี นสายของนักศึกษา ในระดบัชน้ั ปวช. 2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กจิโดยมีวตั ถปุ ระสงค์ดังต่อไปน้ี

1. เพ่ือศึกษาสาเหตุการมาเรียนสายของนักเรยี นในระดบั ช้นั ปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาศรีสะเกษบริหารธรุ กิจ 2. เพอ่ื ศึกษาแนวโน้มในการมาเรียนสายของนกั เรยี นที่เรยี นในระดับช้นั ปวช.2 แผนกวชิ า ช่างยนต์ วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากร และกล่มุ ตัวอยา่ ง ประกอบด้วย 1.1 ในการศึกษาสาเหตุการมาเรียนสายของนกั เรยี นในระดบั ชป้นั วช.2 แผนกวชิ าช่างยนต์วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กจิ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2556 จานวน 7 คน จากนกั ศกึ ษาทัง้ หมด 67 คน โดยศกึ ษาหาสาเหตทุ ่จี ะทา ใหน้ กั ศึกษามาเรยี นสาย มีประชากรที่ศึกษาและกล่มุ ตวั อย่างดังนี้ - ประชากร ไดแ้ ก่ วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กจิ ในระดับชนั้ ปวช.2แผนกวชิ าชา่ งยนต์ ซงึ่ มจี านวนท้ังหมด 7 คน เปน็ นกั ศึกษาชายทงั้ หมด - กลุ่มตวั อยา่ ง ไดส้ มุ่ ตวั อย่างโดยกาหนดจานวนของตวั อย่าง 7 คน นกั ศกึ ษา ระดับชนั้ ปวช.2แผนกแผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกจิ จานวน 7 คน จากนักศึกษา ทงั้ หมด67 คน1.2 ประชากร ท่เี ปน็ กลุ่มเปูาหมายในการปูองกนั การมาเรียนสายไดแ้ กน่ กั ศึกษา แผนกวชิ าช่างยนต์ มีจานวนทั้งหมด 67 คน 2. ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ สาเหตใุ นการมาเรียนสายของนักศกึ ษาในดา้ นต่างๆ ท่ไี ด้จากการศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง ดังน้ี 2.1 ดา้ นสว่ นตวั 2.1.1 มีปัญหาเกย่ี วกบั สขุ ภาพ 2.1.2 มาเรียนตามเพ่อื น 2.1.3 แบง่ เวลาไม่เหมาะสม 2.1.4 มีปัญหาเก่ียวกับยาเสพตดิ 2.1.5 มีปญั หาในการเดินทางมาเรยี น 2.2 ดา้ นครอบครวั 2.2.1 ผปู้ กครองมีปัญหาดา้ นการเงนิ 2.2.2 ผ้ปู กครองไม่เหน็ ความสาคญั ของการเรียนการสอน 2.2.3 ผปู้ กครองมีความรสู้ ึกทไ่ี ม่ดตี อ่ สถานศกึ ษา

2.2.4 ผ้ปู กครองขาดการเอาใจใส่ต่อการเรยี นของนกั ศกึ ษา 2.2.5 พ่อแมห่ ยา่ รา้ ง 2.3 ด้านครู - อาจารย์ และการสอน 2.3.1 ครูมเี จตคตทิ ไี่ ม่ดีต่อนกั ศึกษา 2.3.2 ครูไมย่ ุตธิ รรมในการประเมินผล 2.3.3 ครูใช้อานาจบงั คบั มากเกนิ ไป 2.3.4 ครูไม่เอาใจใสแ่ ละจูงใจนักศกึ ษา 2.3.5 กิจกรรมการเรยี นการสอนไม่นา่ สนใจ 2.4 ดา้ นสังคม และสภาวะแวดล้อม 2.4.1 มคี วามขดั แย้งกบั เพื่อน 2.4.2 ขาดมนุษยสมั พันธท์ ดี่ กี บั เพอื่ น 2.4.3 คบเพื่อนไมด่ ี 3. ตวั แปรตามได้แก่ แนวโน้มในการมาเรยี นสายของนักศกึ ษาในระดบั ช้ัน ปวช.2แผนกวิชาแผนกวิชาช่างยนต์ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ตวั แปรตาม ตัวแปรต้น1. สาเหตใุ นการมาเรียนสายของนักศึกษาในด้านต่างๆ แนวโน้มในการมาเรียนสาย 1. ด้านสว่ นตวั ของนกั ศกึ ษาในระดบั ชนั้ ปวช.22. ด้านครอบครัว 3. ด้านครู - อาจารย์ และการสอน 4. ด้านสงั คม แแลผะน่ สภภาาพวทะแี่ 1วด:ล้แอสมดงกรอบแนวคดิ ในการศกึ ษาวิจัยประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บักกกกก 1. แผนกวชิ าแผนกวชิ าชา่ งยนต์ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กสจิ ามารถนาผลการวิจัยนีไ้ ป ใช้เปน็ แนวทางในการกาหนดกฎระเบยี บการปูองกันการมาเรยี นสายของนกั ศึกษา

กกกก 2. แผนกวิชาและสาขาวิชาอืน่ ที่เปดิ การเรยี นการสอนใน วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาศรสี ะเกษบริหารธุรกิจ สามารถนาผลการวจิ ัยและรูปแบบการวิจยั นี้ไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการมาเรยี นสายของ นกั ศกึ ษากกกก 3. วิทยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบริหารธุรกิจ สามารถนาผลการวจิ ยั นี้ไปกาหนดมาตรการ การปอู งกันการมาเรยี นสายของนักศึกษากกกก 5. วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาศรีสะเกษบริหารธุรกิจ สามารถนาผลการวิจัยน้ไี ปกาหนด กฎ ระเบียบของ วทิ ยาลยักก 6. นักศึกษาเรียนจบตามหลกั สูตรกาหนด สามารถนาเอาความร้แู ละทักษะไปประกอบอาชพี และ เป็นกาลังในการพัฒนาสังคมต่อไปนยิ ามศพั ท์เฉพาะ การมาสาย หมายถึง การทนี่ กั ศกึ ษาในระดับชัน้ ปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ ภาคเรียนที่ 2ปกี ารศึกษา 2556 มาเรียนสายเน่ืองจากสาเหตตุ ่าง ๆ ในวิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธุรกจิ การปอ้ งกันการมาสายของนักศกึ ษา หมายถึง ผลรวมเฉลยี่ ของระดบั ท่จี ะทาใหน้ กั ศึกษามาเรยี นสายของสาเหตุต่างๆ ซ่งึ ได้จากการตอบแบบสอบถามของนกั ศกึ ษาในระดบั ชั้น ปวช.2 แผนกวชิ าช่างยนต์วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กิจ ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2556 ตวั ประกอบ หมายถงึ กลุ่มตวั แปรทเ่ี ปน็ สาเหตุในการมาเรยี นสายของนกั ศึกษาท่มี ีความสัมพนั ธก์ ันไดจ้ ากการศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยทเี่ กย่ี วข้องแล้วทดสอบยนื ยันโดยการวิเคราะห์ ตัวประกอบ นักศึกษา หมายถึง ในระดับช้นั ปวช.2 แผนกวิชาช่างยนต์ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กจิ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2556

บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง การวจิ ยั ครั้งนี้เป็นการวิจัยเก่ียวกับสาเหตกุ ารมาเรยี นสายของนัก เรียนในระดับชั้น ปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกจิ ปีการศกึ ษา 2556 ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ้ งดงั น้ีกก 1. ดา้ นนักศึกษากกกกกกกกก 2. ดา้ นอาจารย์ผู้สอนกกกกกกกกกกก 3. ด้านครอบครัวของนกั ศึกษากกกกกกกกกก 4. ดา้ นสภาพแวดลอ้ มในสถานศึกษากกกกกกกกกก 5. ดา้ นงานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้อง1. ด้านนักศึกษา นักศกึ ษาเป็นสว่ นสาคัญส่วนหนงึ่ ของระบบการเรยี นการสอน หากไม่มีนักศึกษาการเรียนการสอนก็ไมเ่ กิดขึน้ ในระบบการเรยี นการสอนนักศกึ ษาจะต้องมคี วามพรอ้ มทีจ่ ะรบั การเรียนร้อู ยา่ งเพยี งพอนักจติ วิทยากลุม่ มนษุ ย์นิยมเช่ือวา่ การที่นักเรียนสอบตกหรอื ไม่บรรลุผลในการเรยี นเพราะ พื้นฐานความตอ้ งการของนักเรยี นไม่ไดร้ บั การตอบสนอง ซ่งึ ในเร่อื งความต้องการพืน้ ฐานของนักเรียนน(ั้นTylor 1974 : 35)ไดท้ าการศึกษาวจิ ยั เก่ยี วกับความตอ้ งการพ้นื ฐานของนกั เรียนไว้ดงั น้ี 1. ความตอ้ งการเขา้ ใจถงึ เปูาหมายของการสอนของครู 2. ความต้องการมีส่วนรว่ มในกระบวนการเรยี น

3. ความต้องการในเน้อื หาวิชาเรยี น มคี วามสมั พันธก์ บั ชีวติ ของนักเรียน 4. ความต้องการใหเ้ นื้อหาวิชาเรียนมคี วามสัมพันธ์กับความสนใจของนักเรียน 5. ความต้องการประสบความสาเร็จในการเรียน 6. ความต้องการเอาใจใส่ และตอบสนองความสนใจของนักเรยี นจากผ้สู อน 7. ความต้องการใหโ้ ครงสร้างทางการเรยี นมีปรมิ าณท่ีเหมาะสม 8. ความต้องการมเี วลาสาหรบั การเรียนอย่างเต็มท่ี 9. ความตอ้ งการมคี วามสัมพนั ธท์ ีด่ ีตอ่ เพ่ือน ๆ 10. ความตอ้ งการในการชแี้ นะทเี่ หมาะสมกบั ระดับความสามารถ และวิธกี ารเรยี นของนกั เรียน ผู้เรียนนับเป็นองค์ประกอบทางการเรยี นที่สาคญั ดงั นั้นการศึกษาขอ้ มลู จากตวั ผเู้ รียนจงึ นับว่าเปน็ สงิ่ สาคญั ในการจัดการเรียนการสอนให้มปี ระสทิ ธิภาพ และประสทิ ธิผล ควรศกึ ษาองคป์ ระกอบด้านตา่ ง ๆ เช่น ดา้ นสภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจ สังคม การอบรมเลีย้ งดูจากครอบครัว ความต้องการความสนใจและความมุ่งหวงั ตอ่ สาขาวชิ าทเ่ี รียน ปญั หาเก่ียวกบั ตวั ผูเ้ รยี น ความพรอ้ มในการเรยี นรู้ความสามารถของตัวผู้เรยี นเอง และแมก้ ระทัง่ ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลก็เปน็ องคป์ ระกอบที่สาคัญของการวางแผนจัดการเรยี นการสอน เพราะสง่ิ ต่าง ๆ เหล่านี้อาจสง่ ผลให้นักเรยี นมีผลการเรยี นท่ีไมด่ แี ละออกกลางคนั ได้ แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการเรียนการสอนเปน็ กระบวนการทีย่ ุ่งยากซับซ้อนแมจ้ ะการเตรยี มการสอนไว้ดีแลว้ กต็ าม จะตอ้ งพิจารณาถึงองค์ประกอบของปญั หาท่ีมผี ลต่อการเรยี นการสอนด้วย หากครไู มไ่ ดม้ กี ารพจิ ารณาในเรอ่ื งนีแ้ ลว้ อาจทาให้แผนการสอนทไ่ี ดเ้ ตรยี มมาประสบกบั ปัญหาไม่สามารถทาใหก้ ารเรยี นการสอนบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ที่วางไว้ได้ ปจั จัยทีท่ าให้บุคคลแตกต่างกนั น้นั อาจจาแนกได้เปน็ 2 สาเหตุใหญ่ๆ ไดแ้ ก่ เกิดจากพนั ธุกรรม และเกิดจากส่ิงแวดลอ้ ม ซึ่งทัง้ สองเหตปุ ัจจยั นีแ้ บ่งรายละเอยี ดไดด้ ังนี้- ระดบั สตปิ ัญญา พัน ุธกรรมปัจจยั ที่ทำให้ - สภาพภมู ิอากาศ ิส่งแวด ้ลอมบคุ คลแตกตา่ งกนั- ฐานะความ- อตั ราความเจริญเตบิ โต เป็ นอยู่ - การอบรมเล้ียงดู- ความบกพร่องทางกาย - สภาพสังคมทางจิต และทางสมอง - การศึกษาให้เชือ้ ชาติ ความรู้ - อาหารการกิน- เอกลกั ษณ์เฉพาะบคุ คล

แผนภาพท่ี 2 : แสดงปจั จัยทท่ี าให้เกิดความแตกตา่ งระหว่างบุคคล จากแผนภูมิ แสดงให้เหน็ ถงึ ปจั จัยตา่ ง ๆ ทีส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ตัวนักเรียนนกั ศึกษาซงึ่ จะทาใหก้ ารเรยี นการสอน ไมป่ ระสบผลสมั ฤทธิ์เท่าท่คี วร ความแตกต่างทเ่ี กิดจากพนั ธุกรรมไดแ้ ก่ระดับสตปิ ัญญา อัตราความเจรญิ เตบิ โต ความบกพรอ่ งทางรา่ งกาย ทางจติ และสมอง เช้อื ชาตแิ ละเอกลักษณเ์ ฉพาะบคุ คล สิง่ ตา่ งๆ เหล่าน้เี ราไมส่ ามารถควบคมุ ได้ ความแตกต่างที่เกิดจากสิง่ แวดลอ้ มไดแ้ ก่ สภาพภมู อิ ากาศ ฐานะความเป็นอยู่ การอบรมเลย้ี งดู สภาพสงั คม การใหค้ วามรู้ ซ่งึ ทาให้เกิดปัญหาได้ เชน่ ความกงั วลใจ ฐานะทางการเงิน สุขภาพ ท่พี ักอาศยั เน้ือหาวชิ าทีเ่ รียน การเรียนของนกั ศกึ ษา ความสมั พนั ธ์ในกลุ่มเพือ่ น (สุรพันธ์2538 : 13-14) นกั ศึกษาเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญอย่างหน่งึ หากไมม่ นี ักศกึ ษา การเรยี นการสอนกไ็ มเ่ กดิ ข้นึปญั หาเกีย่ วกบั ตัวนกั ศกึ ษาทจ่ี ะทาให้การเรียนการสอนไม่ประสบผลสาเร็จ เชน่ ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครวั ไมด่ ี ตอ้ งทางานพเิ ศษขณะศึกษา สายตาไม่ดี หูไมด่ ี สขุ ภาพไม่ดี ตดิ ยาเสพติดสภาพแวดล้อมท่พี ักอาศัยมเี สียงดัง ทพี่ กั แคบเกนิ ไป เน้ือหาวิชายากเกนิ ไป ปรบั ตัวเขากับสภาพการเรียนใหมไ่ มไ่ ด้ แบง่ เวลาเรียนไมเ่ หมาะสม ขาดความพยายามและต้ังใจในการเรียน ร่วมกจิ กรรมมากเกนิ ไปปรับตัวเขา้ กบั เพ่อื น ๆ ในหอ้ งไมไ่ ด้ ซ่ึงปัญหาตา่ ง ๆ เหลา่ นี้เป็นปญั หาท่จี ะทาให้การเรยี น การสอนไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าทค่ี วรและอาจส่งผลใหเ้ ป็นสาเหตุการออกกลางคันของนักศกึ ษาได้2. ดา้ นครู - อาจารยผ์ ู้สอน อาจารย์ผ้สู อนหรอื ครู เป็นองคป์ ระกอบท่ีมคี วามสาคัญยิ่งท่ีจะทาใหก้ ารเรียนการสอนเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ การเตรยี มการสอนของครจู ึงมีความสาคัญอย่างย่ิง อาจสรปุ ประโยชนข์ องการเตรยี มการสอนไดด้ ังน้ี การเตรียมการสอนท่ดี ี จะก่อใหเ้ กดิ ความม่นั ใจในการสอน ถา้ หากอาจารย์ผู้สอนได้มกี ารเตรยี มการสอนต่าง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทั้งทางดา้ นเน้อื หาทีจ่ ะสอน วิธีการสอน ตลอดจนบคุ ลิกภาพของอาจารย์ผู้สอน ฉะน้นั จึงเปน็ การสรา้ งความมน่ั ใจในการสอนใหเ้ กดิ ขนึ้ การเตรยี มการสอนที่ดี ทาใหก้ ารสอนราบร่นื ถกู ตอ้ ง และไม่สับสน แมว้ ่าการสอนน้นั จะเปน็งานท่ีค่อนข้างจะสบั สน และมตี วั แปรตา่ ง ๆ มากกต็ าม แต่ถ้าหากมีการจัดเตรยี มการสอนใหเ้ ปน็ ระบบแลว้ ก็จะทาใหล้ ดความสบั สน และนาทางใหก้ ารเรยี นการสอนเป็นไปด้วยดี การเตรียมการสอนทีด่ ี ทาใหอ้ าจารย์ผู้สอนไดส้ อนตรงตามจดุ มุง่ หมายที่กาหนดไว้ ทาใหส้ อนไดต้ รงตามเวลาทกี่ าหนดไว้ และจะชว่ ยใหม้ กี าร

วางแผนใหน้ ักศกึ ษาเขา้ ร่วมกิจกรรม ชว่ ยให้นกั ศกึ ษามคี วามสนใจชื่นชมยินดี มคี วามเช่ือมนั่ และศรัทธาในตัวครู ซึง่ จะทาให้การเรียนการสอนประสบผลสาเรจ็ เปน็ ไปตามเปูาหมาย และวัตถุประสงคข์ องการเรียนการสอน (สุรพันธ์ ตันศรวี งษ์ 2538 : 11-12) การสอนทางดา้ นอาชีวศกึ ษาน้ัน นอกจากจะต้องเปน็ ผู้มีความรดู้ ี มคี ุณธรรมและความสามารถในการปฏิบัติงาน ความรทู้ างวชิ าการทันกบั ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยแี ลว้ ครผู ้สู อนยังจะตอ้ งมหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบอ่นื ๆ อีกซึ่งแบ่งหน้าที่ออกเปน็ 7 ประการดังน้ี 1. หน้าทกี่ ารสอนและการเผยแพร่วชิ าการ ได้แก่ การรบั ผดิ ชอบดาเนินการสอนรายวิชาให้ลลุ ่วงเป็นไปด้วยดี รวมทั้งการเผยแพร่วชิ าความร้แู กผ่ สู้ นใจอ่ืน ๆ เช่น สอนวชิ าต่าง ๆ เปน็ อาจารย์นเิ ทศของนักศกึ ษา เป็นวิทยากรสอนวชิ าชพี แก่ประชาชน 2. หน้าท่กี ารสนบั สนุนและการบรกิ าร ไดแ้ ก่ การรบั ผิดชอบดาเนนิ การจัดหา จัดหมวดหมู่เกบ็ รักษา ซอ่ มบารงุ และใหบ้ รกิ ารเกี่ยวกับเคร่อื งมือเครอ่ื งใช้ วัสดอุ ปุ กรณ์ อาคารสถานท่ี ยานพาหนะและอน่ื ๆ อนั จะเปน็ การสนับสนนุ และใหบ้ รกิ ารแกก่ ารเรียนการสอนของสถาบนั ทัง้ นเ้ี พื่ออานวยใหก้ ารเรียนการสอนเป็นไปดว้ ยความราบรืน่ และมปี ระสทิ ธิภาพย่งิ ขึ้นไป เชน่ งานส่อื การเรียนการสอน งานทดสอบงานทะเบยี น และงานวดั ผล เปน็ ตน้ 3. หนา้ ทก่ี ารบริการและปกครองนกั ศึกษา ได้แก่ การรับผิดชอบดาเนินการเกีย่ วกบั การอานวยความสะดวกใหก้ บั นกั ศกึ ษา เพอื่ ใหด้ าเนนิ การเรยี นเปน็ ไปอยา่ งราบรนื่ และรวมถึงการใหก้ ารศึกษาเสริมหลักสูตร การแนะนาหรือแนะแนวทง้ั ดา้ นการศึกษา การเตรยี มตัวเพ่ืออาชีพและการแกป้ ัญหาสว่ นตัวรวมท้งั การปกครองดูแลนกั ศกึ ษาให้อยู่อย่างมรี ะเบยี บ มศี ลี ธรรมและวฒั นธรรมอันดี เช่น อาจารย์ทปี่ รกึ ษาอาจารย์แนะแนว สารวัตรนักเรียน เป็นตน้ 4. หน้าทีก่ ารบรหิ ารวชิ าการ บุคลากรและธรุ การทางการเรยี นการสอน ได้แก่ การรับผดิ ชอบดาเนินการบรหิ ารและจดั การในหน่วยงานยอ่ ย เช่น ภาควิชาหรือแผนกวชิ า และหน่วยงานใหญ่ เชน่ภาควชิ าหรือแผนกวชิ า และหนว่ ยงานใหญ่ เชน่ วทิ ยาลัย โรงเรียนหรอื สถาบัน เพ่อื ใหก้ ารดาเนินงานของหนว่ ยงานดงั กล่าวเปน็ ไปอยา่ งราบรน่ื ตามหน้าท่ีท่ีกาหนดไว้ ท้ังในด้านวิชาการ บุคลากร ธรุ การ และงานอ่นื ๆ ของหน่วยงานน้ัน เช่นหวั หน้างานทะเบียน หัวหนา้ ฝุายวิชาการ หวั หนา้ งานอาคารสถานที่ เปน็ ตน้ 5. หน้าท่ีการพัฒนาสถาบนั ไดแ้ ก่ การรบั ผดิ ชอบดาเนนิ การในเร่อื งที่สร้างความเจรญิ ก้าวหน้าให้กับหนย่ งานโดยมีจุดมงุ่ หมายที่จะใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายของสถาบนั เช่นงานศูนย์ขอ้ มูล กรรมการตรวจการจา้ งงาน งานซ่อมวสั ดุอปุ กรณ์ เป็นตน้ 6. หนา้ ทท่ี างธรุ การและบริหารทั่วไป ได้แก่ การรับผดิ ชอบดาเนนิ การเพือ่ ให้งานธุรการและดา้ นบริการทว่ั ไปของหนว่ ยงาน เชน่ ภาควชิ าหรือแผนกวชิ า เปน็ ไปตามหลกั การและมาตรฐานที่กาหนดไวส้ าหรบัหนว่ ยงานนั้น ๆ ท้ังทเี่ กย่ี วกับบคุ คลหรอื สิ่งของภายในหนว่ ยงานเอง และบคุ คลหรอื สง่ิ ของภายนอกหน่วยงาน 7. หนา้ ทอ่ี ่นื ๆ ไดแ้ ก่ การรับผิดชอบดาเนินการในหนา้ ที่ยอ่ ยอ่นื ๆ ตามท่ีกาหนดไว้ในบทบาทหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานหรอื ตามนโยบายหรือคาสงั่ ของผบู้ งั คบั บญั ชาตามลาดบั ขัน้ (ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน์2542 : 109-110)

แตอ่ ย่างไรก็ตามในการเรยี นการสอนที่ดาเนินไปนัน้ อาจจะเกดิ ปัญหาเก่ยี วกบั ตัวผ้สู อนได้ ซึ่งอาจจาแนกลักษณะของปญั หาเก่ยี วกบั ตวั ผู้สอนได้ดังนี้ 1. ปญั หาเกีย่ วกบั ความไมแ่ จ่มแจ้งของเนอื้ หาวิชาในหลกั สตู ร ผสู้ อนจะต้องมคี วามรใู้ นเรอื่ งที่จะสอนให้เขา้ ใจอยา่ งลกึ ซงึ้ สามารถแยกแยะเกยี่ วกบั รายละเอยี ดไดเ้ มอื่ นกั ศกึ ษาไมเ่ ขา้ ใจ ปัญหาท่ีสาคัญก็ คือการทีค่ รูมีความร้นู อ้ ยจะทาใหค้ รขู าดความเช่อื ม่นั ในตวั เอง และนักศกึ ษาเองกข็ าดความเช่อื ม่นั ในตวั ครูเช่นกนั 2. ผ้สู อนไมม่ คี วามต้ังใจสอนและไมม่ ีการพฒั นาความรู้ของตน ปญั หาในดา้ นน้เี กดิ ข้นึ เสมอ เมอ่ืตัวครูเองไมไ่ ดต้ ั้งใจจะเป็นครูต้งั แต่ทีแรก อาจเป็นเพราะว่าหางานอ่ืนทายังไมไ่ ด้ หรอื ตดิ รับทนุ ดงั น้ันเม่ือครูขาดความตงั้ ใจแล้วก็ขาดการเตรยี มการสอนจงึ ทาใหก้ ารเรียนการสอนมีประสทิ ธภิ าพลดนอ้ ยลง 3. ผู้สอนขาดความรูแ้ ละทกั ษะเก่ียวกบั การสอน เนอ่ื งจากจบมาสายวศิ วกรรม หรอื สาขาอ่ืน ๆซง่ึ ไม่ไดม้ วี ิชาเกี่ยวกบั การจดั การเรียนการสอนหรือวิธีสอน เชน่ สอนเร็วเกินไป วิธีการสอนไมน่ ่าสนใจปญั หาด้านน้จี ะเกิดขึ้นมากกับครูทจี่ บมาใหม่ ๆ แตถ่ า้ หากมีความต้งั ใจจรงิ พยายามศกึ ษาจากครูท่ีมีความรแู้ ละความชานาญ ก็จะชว่ ยได้มาก ประการสาคญั ถ้าหน่วยงานนน้ั จัดปฐมนิเทศหรอื มกี ารอบรมให้ความรูก้ ับครูใหม่ ๆ นี้ จะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพการสอนให้ดยี งิ่ ขน้ึ (สุรพันธ์ตันศรีวงษ์ 2538 : 13-14) ลกั ษณะและพัฒนาการของนักศึกษา ครูจะต้องเขา้ ใจนกั ศกึ ษาเปน็ อยา่ งดี ทั้งในดา้ นพื้นฐานความรู้ ความสามารถทัว่ ไป ข้อบกพร่องส่วนตัว ความสามารถเฉพาะตน เพราะสิ่งเหล่านี้มีอิทธพิ ลตอ่ความพร้อมในการเรียนและวธิ กี ารเรยี นรขู้ องนกั ศึกษาเป็นอย่างมาก ความร้แู ละความเขา้ ใจเกี่ยวกับนักศกึ ษาจะชว่ ยให้ครูสามารถแก้ไขปัญหาทเ่ี กิดขน้ึ กอ่ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสมทั้งในดา้ นการเลือกความมงุ่ หมายและกระบวนการสอน นกั ศกึ ษาจะมคี วามแตกต่างกนั หลายด้านท้งั เพศ วัย สติปญั ญา พื้นความรู้ พืน้ ฐานทางครอบครวั ฐานะทางเศรษฐกิจสังคม สิ่งเหล่านม้ี อี ิทธิพลต่อผลการเรียนรขู้ องนกั ศกึ ษาอย่างมาก ผ้สู อนจะตอ้ งสามารถพจิ ารณาไดว้ า่ นักศึกษาแตกต่างดา้ นใดบ้าง(เอนกกุล กรแี สง 2522 : 21) อาจารย์ผู้สอนกเ็ ปน็ องค์ประกอบทส่ี าคญั อกี อย่างหน่งึ ทที่ าให้การเรยี นการสอนประสบผลสัมฤทธ์ิสูงสุด แตอ่ าจจะมปี ญั หาบางประการทจี่ ะทาใหก้ ารเรียนการสอนไมป่ ระสบผลสาเร็จเทา่ ท่ีควร อันอาจเนือ่ งมาจากการเตรยี มการสอนของอาจารยผ์ ู้สอนไม่ดพี อ เช่น สอนไม่ตรงเวลา วิธีการสอนไมน่ า่ สนใจ สอนเรว็ เกนิ ไป เนือ้ หาวิชาไม่สอดคล้องกัน ฯลฯ สิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ีอาจารย์ผู้สอนตอ้ งขจดั ใหห้ มดไป เพ่อื จะทาให้การเรียนการสอนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ว่ี างไวเ้ พราะอาจจะสง่ ผลใหเ้ ป็นสาเหตุการออกกลางคันของนกั ศึกษาได้3. ด้านครอบครัวของนักศกึ ษา สถาบนั ครอบครัวถอื วา่ เป็นสถาบันทีส่ าคัญสถาบนั หนึ่ง เพราะเด็กเมื่อเกดิ มาเวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับครอบครัว พฤตกิ รรมส่วนบคุ คลจะซมึ ซบั มาจากบิดามารดา ปูยุ ่า ตายาย หรือผูท้ ด่ี แู ลเปน็ ส่วนใหญ่ การสร้างความสมั พนั ธ์อันดภี ายในครอบครวั เป็นสิ่งทค่ี วรทา บดิ ามารดาควรมคี วามรักความเข้าใจรักใคร่ปรองดองซง่ึ กันและกัน พยายามละเวน้ การกระทบกระท่ังทะเลาะเบาะแวง้ กัน รวมทงั้ การแยกกันอยู่ การ

หย่ารา้ ง และควรสร้างหลักประกันใหก้ ับครอบครวั ใหม้ ีความมั่นคง ทั้งในด้านการเงนิ การสังคม การประกอบอาชพี ท่ีเป็นหลกั ฐานม่นั คงเป็นตัวอยา่ งที่ดีใหแ้ ก่ บตุ รธดิ า ควรใหค้ วามรกั แก่บุตรเท่าเทยี มกนั ควรมเี วลาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้ากนั เช่น การรับประทานอาหารเย็นพร้อม ๆ กนั พูดคุยกันอยา่ งเปน็ กันเองจะทาใหล้ ูก ๆ เกิดความรักความอบอุ่น มปี ัญหาอะไรกช็ ว่ ยกันแกป้ ญั หาทาให้ครอบครัวอบอุ่นเขา้ ใจซึง่ กันและกัน ทาให้ปญั หาท่จี ะเกิดกบั ลกู ๆ ในอนาคตลดน้อยลง(สชุ า จันทร์เอมและสรุ างค์ จันทรเ์ อม2521 : 141)สาเหตุจากครอบครวั ทีท่ าใหเ้ กดิ ปัญหาวัยรุ่นข้นึ อยกู่ ับองคป์ ระกอบดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ความสัมพันธร์ ะหว่างบิดามารดา ในครอบครัวทมี่ ีบิดามารดารักใคร่ปรองดองกันดี เด็กก็ยอ่ มจะมคี วามสุขทั้งทางรา่ งกาย ทางอารมณ์ ทางสตปิ ญั ญา และทางจติ ใจของเด็ก สว่ นเด็กที่ขาดสิง่ เหลา่ นี้ย่อมจะทาใหม้ ีปัญหาเกดิ ขนึ้ กับเด็กได้ ครอบครวั ท่มี ลี ักษณะบา้ นแตก (Broken home) คอื บดิ ามารดาแยกกันอยู่ หรือบดิ ามภี รรยาหลายคน บตุ รแต่ละคนก็ทะเลาะกัน หรอื บิดาดื่มเหลา้ มากมารดาเลน่ การพนนัปญั หาเหล่าน้เี ปน็ ปัญหาทที่ าใหเ้ ดก็ ขาดความสุขความอบอนุ่ ภายในครอบครัว อาจจะแยกปญั หาเป็นประเภทต่างๆ ดงั น้ี 1.1 พอ่ แมม่ ฐี านะยากจน ไมม่ ีเวลาดแู ลอบรมสั่งสอนลกู เทา่ ที่ควร เพราะต้องออกไปทางานตงั้ แต่เชา้ ไปจนคา่ พอกลบั มาลูก ๆ กห็ ลับกันหมดแลว้ ทาให้ลูก ๆ วา้ เหว่เมอ่ื มปี ัญหาก็ไม่มเี วลาปรกึ ษาพ่อแม่ ทาใหม้ ปี ัญหาเกดิ ขน้ึ ได้ 1.2 พอ่ แม่มีฐานะร่ารวยมาก เดก็ ๆ สามารถใช้จ่ายไดอ้ ยา่ งฟุมเฟอื ย อยากใช้จ่ายเทา่ ใด ก็ได้ แต่พ่อแม่มีงานหรือธุรกจิ มาก และงานทางสงั คมท่มี ากจนกระทงั่ ไม่มีเวลาอบรมดูแลส่ังสอนลูก ๆ ได้เทา่ ทค่ี วร จนอาจจะทาใหเ้ ด็กคบเพอื่ นท่ไี ม่ดีเปน็ อนั ธพาลและติดยาเสพตดิ ได้ 1.3 บิดามารดาเอาใจใส่มากเกินไป คอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื อย่เู สมอแม้ว่าบางเร่ืองเดก็ อาจจะทาเองไดก้ ต็ าม นอกจากนี้บิดามารดายงั บน่ หรือคอยวา่ กล่าวจกุ จกิ เสมอื นเป็นเด็กเล็ก ๆ อยเู่ สมอทาให้เด็กรูส้ กึ ว่าพอ่ แมไ่ ม่ไวใ้ จตนเองว่าจะทาในส่งิ ท่ถี กู ต้องได้ เด็กจะชดเชยโดยการทาตนเหนือคนอนื่ ๆ ขม่ ขู่เพ่ือนและทาตนเปน็ หวั หน้าในทางท่ีเสื่อมเสยี ได้ 2. จานวนสมาชิกในครอบครวั ครอบครวั ทีม่ ีสมาชกิ ในบา้ นนอ้ ยทาใหเ้ ดก็ ไม่มีเพ่ือนไมไ่ ดม้ ีปฏสิ ัมพันธ์กับเพือ่ น ๆ เด็กเกดิ ความว้าเหว่ ทาให้ต้องออกไปคบเพอ่ื นนอกบา้ นในทางตรงกันข้ามบา้ นท่ีมีสมาชิกมากเกินไปหรอื มหี ลายครอบครัวในบ้านหลังเดยี วกนั ทาให้เดก็ แต่ละคนได้รับความรกั ไม่เทา่ กัน เกิดการเปรียบเทียบกนั เกดิ ข้นึ ในหมเู่ ดก็ ๆ ทาให้เด็กเหน็ ความเหล่อื มลา้ กันต้ังแต่ยังเลก็ เกดิ ความน้อยเนอื้ ต่าใจมปี มดอ้ ยและกลายเป็นคนช่างคดิ เมือ่ มผี ู้ชักชวนจูงใจใหก้ ระทาความผิดเดก็ พวกนก้ี ็ยนิ ดที จี่ ะใหค้ วามรว่ มมือโดยง่าย 3. ลูกคนกลาง เดก็ พวกนน้ี กั จติ วิทยาพบวา่ เปน็ เด็กท่ีมปี ัญหามากพอสมควร เพราะพ่อแม่มกั จะรกั ลูกคนโตและคนเล็ก สว่ นคนกลางมักถกู ทอดท้ิง เวลาจะประจบพอ่ แมล่ กู คนโตกจ็ ะนัง่ ตักพ่อ ลูกคนเล็กกจ็ ะน่งั ตักแม่ ส่วนลกู คนกลางไม่มีตักให้นัง่ ทาใหเ้ กิดความนอ้ ยเนอื้ ต่าใจ พ่อแมร่ กั พกี่ บั น้องมากกวา่ตนเอง ทาใหม้ ีปญั หาเกิดขึ้นกบั เด็กได้

4. ฐานะทางเศรษฐกจิ และสังคมของครอบครวั ความยากจนนับวา่ เป็นแรงผลักดนั หรอื เป็นสาเหตุทที่ าให้พ่อแมท่ อดทิ้งบตุ รได้มาก เพราะตอ้ งรีบออกไปทามาหากินซง่ึ อาจจะได้มาพอประทงั ไปวัน ๆ อาจจะทาใหเ้ ดก็ ตอ้ งไปประกอบอาชีพทุจรติ เพื่อทาใหไ้ ดม้ าซึง่ เงนิ ทองไว้ใชจ้ า่ ยภายในครอบครัวและตนเอง เด็กท่ีเกเรส่วนใหญ่มาจากครอบครัวท่ีฐานะยากจนมาก หรือมาจากครอบครวั ทฐ่ี านะสงู มาก ส่วนครอบครัวท่มี ีฐานะปานกลางน้นั เดก็ จะเกเรน้อย เด็กทพี่ อ่ แมม่ ีฐานะทางเศรษฐกจิ ตกตา่ มากนั้น เดก็ จะเกเรเพราะความคับแค้นและด้อยทางศีลธรรม สว่ นเด็กที่พอ่ แม่มีฐานะปานกลางจะเปน็ เด็กท่พี ยายามทาตัวให้สูงข้ึน จงึพยายามศกึ ษาหาความรู้เพอ่ื สรา้ งฐานะความเปน็ อยู่ให้มัน่ คง ไมก่ ระทาตนเกเรอนั ธพาล 5. การปกครองของบา้ น การปกครองของบา้ นที่ทาใหเ้ ด็กมีปญั หานั้น แบ่งเปน็ 2 แบบคือ 5.1 บ้านทมี่ รี ะเบยี บเครง่ ครัดจนเกินไป ไดแ้ ก่ พอ่ แม่ที่เปน็ คนค่อนขา้ งเป็นคนหวั โบราณและมีความเช่ือว่า วธิ ีการปกครองเด็กท่ีดที ี่สุดคือ การให้เดก็ อยแู่ ตใ่ นบา้ นไมใ่ ห้ออกไปไหนเลย และวางระเบียบขอ้ บังคับจุกจกิ จนกระทงั่ ลูกทนไม่ได้ ความกดดนั ต่าง ๆ ทเี่ กบ็ ไว้ในใจก็อาจจะไปแสดงออกที่โรงเรียน เดก็ จะแสดงออกในทางทผ่ี ดิ และอาจจะหนอี อกจากบ้านได้ 5.2 บ้านท่ปี ลอ่ ยปละละเลย โดยพอ่ แม่จะเข้าใจวา่ เดก็ สมัยใหมต่ ้องปลอ่ ยตามใจเดก็ ทกุอย่าง ลกู จะไปเทย่ี วทีไ่ หนกบั ใครก็ไดพ้ อ่ แมไ่ ม่สนใจ ลกู ไปโรงเรยี นหรือเปลา่ ก็ไม่รู้ คดิ อย่อู ย่างเดียวคือหาเงินมาให้ลูกเรยี น ผลสดุ ทา้ ยเมอ่ื ลกู เสียคนพ่อแมก่ ็จะโทษโรงเรยี นบ้าง โทษโรงภาพยนตรบ์ ้าง โทษสถานบนั เทิงตา่ ง ๆ บ้าง 6. ทีต่ งั้ ของบ้าน บา้ นทต่ี ั้งอยใู่ นบรเิ วณทเี่ ป็นแหล่งแออดั หรอื สลมั ใกล้สถานบันเทงิ โรงภาพยนตร์ สถานที่เลน่ การพนัน แหล่งยาเสพติด ส่งิ เหลา่ นอี้ าจเปน็ สงิ่ จูงใจให้เด็กมีความประพฤตเิ สยี หายบางแห่งอาจจะมเี สียงทะเลาะวิวาทดา่ ทอกันอยา่ งหยาบคาย กจ็ ะทาให้เดก็ เลียนแบบได้ และมนี สิ ัยก้าวร้าวหยาบคายไปด้วย 7. เดก็ ขาดผปู้ กครองที่แท้จริง เดก็ ทีเ่ ขา้ มาเรยี นในกรงุ เทพฯ โดยทีพ่ อ่ แม่อยูต่ า่ งจังหวดั ซ่งึ พ่อแม่กไ็ ม่เคยทราบเลยว่าลกู พักอย่กู บั ใคร ท่ไี หน การท่ีเด็กมาอย่ตู ามลาพังไม่มคี นดแู ลอบรมบ่มนสิ ยั ก็อาจจะเปน็สาเหตุหน่ึงท่ที าให้เด็กเสยี ได้ เดก็ ที่ได้เงินจากพอ่ แมท่ ี่ต่างจงั หวัดมากเกนิ ไป แทนทจี่ ะนาเงินมาใช้เพ่ือการศกึ ษาใหส้ าเรจ็ ก็อาจจะนาเงนิ ไปใช้จ่ายในทางท่ีไมถ่ ูกไมค่ วร ใช้ในการเทย่ี วเตร่ จนทาให้เรียนไมส่ าเรจ็ ได้ สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันทีส่ าคัญ เพราะเมอ่ื เดก็ เกิดมากม็ ีเวลาสว่ นใหญ่อยูก่ บั ครอบครัวดงั น้ันพฤตกิ รรมจะซมึ ซับมาจากสมาชิกในครอบครัว ซ่งึ ปัญหาของนกั ศึกษาทมี่ ีสาเหตุมาจากครอบครวั มีหลายองคป์ ระกอบด้วยกนั เช่น พอ่ แม่มีฐานะยากจน ไม่มเี วลาดแู ลอบรมสง่ั สอนลกู ๆ หรอื รา่ รวยมากทาให้เด็กใช้จา่ ยอยา่ งฟุมเฟอื ยอาจจะใช้ไปในทางที่ผิดได้ พอ่ แมเ่ อาใจใสม่ ากเกินไป บงั คับใหล้ ูกทาตามคาส่งั ของตนเสมอ จานวนสมาชิกในครอบครัวซ่งึ อาจไมไ่ ด้รบั ความอบอ่นุ จากพ่อแม่อยา่ งเพียงพอ การเลีย้ งดจู ากพ่อแม่อาจมรี ะเบียบเครง่ ครดั มากเกนิ ไปหรือปล่อยปละละเลยไมส่ นใจและผูป้ กครองไมส่ นบั สนนุ ให้เรยี น สถานท่ตี ัง้ ของบา้ นถ้าอยใู่ นบริเวณแหลง่ แออัดหรอื สลัมอาจจะไดพ้ ฤติกรรมท่ีไม่ดกี า้ วรา้ วหยาบคายก็ได้เพราะฉะน้นั ปัญหาตา่ ง ๆ เหลา่ นเี้ ป็นปัญหาทจ่ี ะทาให้การเรยี นการสอนไม่สัมฤทธผ์ิ ลเทา่ ทค่ี วรและอาจส่งผลใหเ้ ป็นสาเหตกุ ารออกกลางคนั ของนกั ศกึ ษาได้

4. ดา้ นสภาพแวดล้อมภายในสถาบนั สภาพแวดลอ้ มภายในสถานศึกษามีส่วนทจ่ี ะสนบั สนุนในด้านการเรยี นการสอน เปน็ องค์ประกอบทางดา้ นศกั ยภาพของสถานศึกษา ซึง่ แบ่งออกเปน็ 2 องค์ประกอบด้วยกนั คือ องคป์ ระกอบดา้ นสภาพทว่ั ๆไป และองคป์ ระกอบด้านส่งเสรมิ การศึกษา 1. องคป์ ระกอบด้านท่ัว ๆ ไป การปอู งกันสขุ ภาพจิตของนักศึกษาเสอื่ ม เป็นเรอ่ื งของการท่จี ะปอู งกันไม่ใหเ้ กดิ ปญั หาสุขภาพจติ สถานศึกษาควรคานึงถงึ เร่อื งนี้ให้มาก ฉะนนั้ การบริหารสถานศึกษากับสุขภาพจติ ของนกั ศึกษามคี วามสัมพนั ธก์ ัน การบรหิ ารสถานศกึ ษามีส่วนในการสรา้ งหรอื ทาลายสุขภาพจิตของนกั ศึกษาให้เส่ือมลงได้ส่ิงทส่ี ถาบนั กระทาและอาจเป็นปัญหาในทางสขุ ภาพจติ ของนกั ศกึ ษาได้แก่ 1.1 ระเบียบ ข้อบังคบั ของสถาบัน ไมเ่ คร่งครัด หยมุ หยิมเกินไป ไม่ควรคานงึ หรอื หย่อนเกินไป ไม่เขม้ งวดจนไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิได้ จะทาให้ราคาญ ขมข่นื สขุ ภาพจิตเสีย 1.2 การแข่งขันกนั ในหมู่นกั ศึกษา อาจารยผ์ สู้ อนไมค่ วรยั่วยุ สนับสนุน ส่งเสริมให้แขง่ ขันกนั จนมากเกนิ ไปจะทาใหน้ กั ศึกษาเกิดความตึงเครียด 1.3 การสอบ เปน็ สง่ิ หน่งึ ทท่ี าใหเ้ กิดความกงั วล หวาดกลัว กลวั สอบตก เป็นปญั หาต่อสุขภาพจิตได้ บางคนสอบตกกร็ ู้สกึ เสยี ใจ 1.4 สงั คมภายในสถาบัน การคบกนั ในกลุ่มเพอ่ื นถา้ มกี ารแบง่ กลมุ่ ตามฐานะ การแต่งตวัตามแฟชนั่ นกั ศึกษาจะเลยี นแบบกัน สาหรับนักศึกษาทม่ี ฐี านะไม่ดีอาจจะมปี ญั หาได้ 1.5 การปฏิบัติตัวของอาจารยผ์ ู้สอน ตอ้ งให้ความเมตตากรณุ า ใจเย็น ยุตธิ รรม อารมณ์ดีสอนเขา้ ใจดี ขอ้ สอบไมย่ ากงา่ ยจนเกนิ ไป รู้ถงึ ความยุ่งยากใจของเด็ก ปลอบใจใหก้ าลงั ใจ เห็นอกเห็นใจนกั ศึกษา เข้าใจความตอ้ งการของนกั ศกึ ษา อาจารยผ์ สู้ อนเปน็ ผทู้ ีน่ กั ศึกษาเคารพศรัทธาอย่แู ล้ว จึงสามารถเสริมสร้างเจตคติทดี่ ีแกน่ กั ศึกษาได้ อาจารยผ์ ้สู อนจงึ มีความสาคัญตอ่ การเสรมิ สร้างสขุ ภาพจติ ให้แก่เดก็ได้มาก 1.6 อาจารยท์ ี่ปรกึ ษา ควรดแู ลนักศึกษาอยา่ งใกลช้ ิด เพราะนกั ศึกษาทเี่ ข้ามาศึกษาจะมาจากหลายสถานท่ี ย่อมมีความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลเกิดข้ึน เพราะฉะนน้ั สาหรบั นักศึกษาที่มีปัญหาถา้ เป็นนักศกึ ษาที่อยหู่ อพักจะยง่ิ มีปัญหามากย่งิ ข้นึ เพราะขาดคนท่ใี หค้ าปรกึ ษา อาจารยท์ ่ปี รกึ ษาจึงมีบทบาทสาคัญท่คี อยช่วยเหลือ และแก้ปญั หาใหก้ บั นักศึกษา ซึง่ มนต์ชยั (2527 : บทคดั ย่อ) ได้ทาการวิจยั ศกึ ษาความคิดเห็นของอาจารยท์ ่ีปรึกษาและนักศึกษาเก่ียวกบั บทบาทหนา้ ท่ี ปัญหาและการดาเนินงานของอาจารย์ทปี่ รกึ ษาในสถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื อาจารย์ทปี่ รึกษาและนักศกึ ษาสว่ นมากมีความเห็นว่า การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในการชว่ ยเหลือแนะนาในด้านตา่ ง ๆ เชน่ ดา้ นการเรยี น ดา้ นสว่ นตวั และดา้ นอ่นื ๆ อย่ใู นระดับนอ้ ย สมควรทอ่ี าจารย์ทีป่ รกึ ษาควรจะได้ปฏิบัติให้มากขน้ึ ได้แก่ การให้ความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งหลกั สตู รและการวางแผนการศึกษา การให้คาแนะนาแกน่ กั ศกึ ษาและเรื่องอ่ืน ๆ เกี่ยวกับปญั หาและอปุ สรรคในการปฏบิ ัตงิ านของอาจารย์ที่ปรึกษานั้น พบวา่ ปัญหาที่สาคัญคือไมม่ ีการกาหนดวันเวลาพบกนัระหว่างอาจารย์ทป่ี รกึ ษากบั นักศกึ ษาท่แี น่นอน อาจารย์ทีป่ รกึ ษาไมส่ ามารถรจู้ กั กบั นักศึกษาในความ

รับผิดชอบไดท้ ว่ั ถึง และปญั หาเรือ่ งอาจารยท์ ีป่ รกึ ษามีงานสอนและงานพิเศษอนื่ ๆ มาก สว่ นการดาเนนิ งานในการจดั การให้คาปรกึ ษานนั้ อาจารยท์ ่ปี รกึ ษาสว่ นใหญไ่ ดม้ ีขอ้ เสนอแนะว่า ควรให้ภาควิชาเป็นผู้พจิ ารณาคัดเลอื กอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาในแต่ละภาคเอง ควรเตรยี มอาจารยท์ ี่ปรกึ ษาโดยการจัดทาหนังสือคู่มือเพ่อื ใช้เปน็แนวทางในการปฏิบัติ ควรมีการจดั สมั มนาระหว่างอาจารย์ทีป่ รกึ ษาดว้ ยกนั และอาจารย์ที่ปรกึ ษาแต่ละคนควรรับผิดชอบนักศกึ ษา 15-19 คน จนจบการศึกษาในแตล่ ะระดบั 1.7 สภาพแวดล้อมที่ตง้ั สถาบัน ถา้ ต้งั อย่ใู นที่มเี สียงรบกวน ผู้คนสับสนจอแจตัง้ อยใู่ กล้โรงงาน อยรู่ มิ ถนนที่จราจรคบั คั่ง ทาใหไ้ มม่ สี มาธิในการเรยี น (กฤษณา, 2530 : 441-442) 2. องคป์ ระกอบดา้ นสง่ เสริมการศกึ ษา 2.1 ด้านการบริการนักศกึ ษา เป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญท่ชี ่วยใหน้ ักศึกษามีความสุข ได้รบั ความสะดวกสบายปราศจากความกังวลใด ๆ ซ่งึ จะทาให้นักศกึ ษาสามารถใช้เวลาในการศึกษาไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี (พนัส,2519 : 16) จากการวจิ ยั พบวา่ ควรมีการปรับปรงุ ในด้านบริการ และสวัสดิการของมหาวิทยาลัย ซง่ึ การวิจัยครง้ั น้พี บวา่ นกั ศกึ ษามปี ัญหาและความตอ้ งการสงู มาก นอกจากนี้ยงั พบความสัมพนั ธร์ ะหว่างปญั หาและความต้องการของนกั ศกึ ษาอยใู่ นระดบั ท่ีสูงกว่าดา้ นอืน่ ๆ สาหรบั ขอ้ เสนอแนะในประเดน็ ปญั หาที่ศึกษามีดงั นี้ 2.1.1 จานวนทีน่ ่งั ทางานและทน่ี ง่ั พกั ผอ่ นควรให้เพยี งพอ และอยใู่ นสภาพ ที่แข็งแรงสะอาด ในบรเิ วณอาคารเรยี นและตามรม่ ไม้ต่าง ๆ 2.1.2 ด้านสวัสดกิ ารอาหาร ควรมเี จา้ หน้าท่แี ละผ้รู บั ผิดชอบเปน็ ฝุายสวสั ดิการอาหารโดยเฉพาะอยูใ่ นกองกจิ การนักศกึ ษา หากมีความจาเป็นในการแบง่ ส่วนราชการอาจขน้ึ อย่กู ับหนว่ ยสวัสดกิ ารอนามยั อย่างเช่นปจั จุบันได้ แตค่ วรมบี คุ ลากรเจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบโดยตรงแยกจากงานพยาบาลอนามยันอกจากนส้ี ถาบันควรเร่งจัดหาสถานท่ีจาหน่ายอาหารเพิม่ เติมเพ่อื บรรเทาความแออดั ของโรงอาหารส่วนนกั การผู้ดแู ลความสะอาดนัน้ อาจารย์และบุคลากรไมค่ วรเรยี กใช้หน้าทอ่ี ืน่ ๆ ในเวลาปฏบิ ตั ิงาน 2.1.3 สถาบันควรจดั หลกั สตู รวชิ าการใชห้ อ้ งสมุดให้แก่นกั ศกึ ษาเข้าใหมเ่ ปน็ วชิ าบังคบั 1หนว่ ยกติ ทั้งนี้เพ่ือใหน้ ักศึกษารจู้ ักหอ้ งสมุดของตนเพอ่ื การศกึ ษาค้นควา้ โดยเชญิ บรรณารักษ์ห้องสมดุ มาทาการสอนในภาคต้นทกุ ปีการศึกษา ส่วนบรรยากาศภายในห้องสมุดสถาบนั ควรตดิ ตง้ั เครอ่ื งปรับอากาศและตดิ ตัง้ ไฟส่องสวา่ งใหเ้ พยี งพอ (สมใจ พิศณวุ งรกั ษ์ 2532 : 131-132) 2.2 ดา้ นการบรหิ าร ระบบบริหารเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ในการจดั การศึกษา ระบบบริหารท่ีเปน็ ระบบเหมาะสมและมปี ระสิทธิภาพ จะต้องมหี ลกั การจัดกระบวนการปฏบิ ัตงิ านที่เป็นระบบโดยใช้บคุ ลากรและทรัพยากรต่าง ๆ เช่น งบประมาณ โรงฝึกงาน หอ้ งประลอง อาคารเรียน วัสดุอุปกรณ์

เครือ่ งมอื เครอ่ื งจกั ร เปน็ ต้น พรอ้ มท้งั การจัดการท่ีมีประสิทธิภาพเพ่อื ทาใหก้ ารบริหารงานบรรลุเปูาหมายตามนโยบายที่วางไว้ (ธีรวฒุ ิ บุณยโสภณ 2542 : 27) จากการศกึ ษาวิจัยพบวา่ ในด้านการบริหารและการปกครองนกั ศึกษา ซง่ึ เป็นความสมั พันธร์ ะหว่างนักศึกษากับผบู้ รหิ ารอย่ใู นระดบั มาก และนักศึกษาให้ความสาคัญกว่าปญั หาใด ๆ ท้ังหมดนน้ั สถาบนั ควรพจิ ารณาแกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ วโดยอาจเปิดโอกาสให้นกั ศกึ ษาไดแ้ สดงความคดิ เหน็ เพื่อประโยชนใ์ นการปรับปรุงกจิ การตา่ ง ๆ ของสถาบันตามสมควรแก่เหตผุ ลซึง่ นักศึกษาอาจมสี ว่ นร่วมในการบรหิ ารสถาบนั ไดห้ ลายแนวทาง เช่น ในการช่วยวางนโยบายพัฒนาสถาบันการออกความคดิ เห็น การจดั หลกั สตู ร และการประเมินผลการสอนแต่ละวชิ า โดยผ่านทางผู้แทนนักศึกษาองค์การนักศึกษา หรือจดั ต้งั กรรมการเฉพาะกิจต่าง ๆ เปน็ กรณี ทั้งน้ีความพยายามในการสร้างความสมั พันธ์ระหว่างผบู้ รหิ ารกับนักศึกษานอกจากจะเป็นการลดข้อขัดแย้งแรงปะทะตอ่ กนั แล้ว ยังสามารถทาให้ผบู้ ริหารทุกระดบั ไดร้ ับฟงั ขอ้ มูลอนั เป็นประโยชนต์ อ่ การพัฒนาปรับปรงุ งานบริหารตอ่ ไป (สมใจ พศิ ณุวงรักษ์ 2532 : 127)2.3 ดา้ นการจัดกจิ กรรมนักศกึ ษา การจดั กิจกรรม หมายถงึ กิจกรรมท่ีจัดขึน้ ดว้ ยความรว่ มมอืจากนักศึกษา เพ่ือสนองความตอ้ งการและความสนใจอนั จะเป็นทางเสริมสรา้ งประสบการณ์และพฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ กจิ กรรมที่จดั ข้นึ อาจจะไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกับกจิ กรรมในห้องเรยี น แตอ่ าจจะมกี ิจกรรมบางอยา่ งท่ีชว่ ยให้กจิ กรรมในการเรียนให้มีคุณคา่ และประโยชน์มากขึ้น (ปรียาพร, 2542 : 152) และควรมีการพัฒนาปรับปรงุทงั้ ในแงน่ โยบายดา้ นกจิ กรรมนักศกึ ษาของสถาบัน การดาเนินงานของนกั ศึกษาและบุคลากรท่ีเกีย่ วข้อง ในส่วนของผูบ้ รหิ ารสถาบันเป็นผูก้ าหนดนโยบายนัน้ ควรเรม่ิ ตน้ จากการทาความเขา้ ใจ และให้ความสาคัญต่อการจัดกจิ กรรมนกั ศึกษา โดยกาหนดนโยบายทิศทางและขอบเขตของกิจกรรมนกั ศกึ ษาให้ชัดเจน รวมท้งัการให้การสนบั สนุนอานวยความสะดวกใหแ้ ก่นกั ศึกษาในการจดั กจิ กรรม ให้การสนบั สนุนขวัญกาลงั ใจแก่อาจารย์ทช่ี ว่ ยงานกิจกรรมนักศึกษาและบคุ ลากรทเ่ี ก่ยี วข้อง การกาหนดกจิ กรรมนกั ศกึ ษาควรมาจากความสนใจของนกั ศึกษา ในส่วนการดาเนินงานของนกั ศกึ ษา ควรมีการประเมินผลกจิ กรรมโครงการตา่ ง ๆ ทจี่ ดั ไปแลว้ อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม และนาผลการประเมินมาปรบั ปรุงในการจดั กิจกรรมตอ่ ไป ทัง้ น้กี รรมการบริหารผูป้ ฏบิ ตั งิ านแต่ละชดุ ควรมีการสบื ทอดงานอยา่ งตอ่ เน่ือง จงึ จะสามารถจดั กจิ กรรมให้เกิดประสิทธภิ าพบรรลุเปาู หมายได้ แตเ่ น่ืองจากนกั ศกึ ษาไมใ่ ช่ผูเ้ ชยี่ วชาญในการประเมนิ ผล ทางออกของปัญหาคือ สถาบันควรให้ความร้แู ก่นกั ศกึ ษาในการประเมนิ และใหม้ ีการสบื ทอดอย่างตอ่ เนือ่ งในผู้ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทกุ ชดุ จนเกดิ ความชานาญและสามารถปฏิบตั ิไดต้ ่อไป เพราะหากไมม่ ีการประเมนิ ผลอย่างเปน็ ระบบและ มีประสิทธิภาพแล้วลักษณะกจิ กรรมนกั ศึกษาทผี่ ลักดันออกมานอกจากจะไมส่ ามารถบรรลุเปาู หมายที่ตง้ั ไว้เทา่ ท่ีควรแลว้ รปู แบบของกิจกรรมท่ีปรากฏอาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักศึกษาได้ จากการวจิ ยั พบวา่ ปัญหาอนั ดบั หนึ่งในดา้ นกจิ กรรม นักศึกษาคอื นกั ศกึ ษามองว่าสถาบันไมม่ กี จิ กรรมทน่ี ่าสนใจ การประเมินผลกจิ กรรมจะชีใ้ หเ้ ห็นถึงขอ้ ดี ข้อเสีย ปญั หาและอปุ สรรคของกิจกรรมแตล่ ะประเภท ซึง่ จะเปน็ ประโยชนใ์ นการปรบั ปรงุโครงการด้านการจัดกิจกรรมนกั ศกึ ษาได้ดีสาหรับการจดั และดาเนินการกิจกรรมนกั ศกึ ษาในคร้ังต่อไปสภาพแวดล้อมภายในสถานศกึ ษามีสว่ นชว่ ยสนับสนนุ ในดา้ นการเรียนการสอน เช่น ตอ้ งมีสถานทีพ่ ักผ่อนอย่างเพียงพอ มีโรงอาหารทีส่ ะอาด ห้องสมุด ทนุ การศกึ ษา มกี จิ กรรมทหี่ ลากหลายตรงกับ

ความต้องการของนักศึกษา การดูแลเอาใจใสจ่ ากอาจารยท์ ป่ี รึกษาซ่ึงสิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ตอ้ งจดั ใหก้ บั นักศึกษาอยา่ งเพียงพอและเหมาะสมเพอื่ จะได้เปน็ สว่ นสนบั สนุนใหก้ ารเรียนการสอน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขน้ึ มฉิ ะนั้นแลว้ อาจเปน็ สาเหตกุ ารมาโรงเรยี นสาย การขาดเรยี น และอาจจะออกกลางคนั ได้5. ด้านงานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ งนายสัมฤทธิ ทิมา (2532 : บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศกึ ษาเกย่ี วกับการแก้ไขพฤตกิ รรมการมาโรงเรียนสายของนักศึกษา ดว้ ยกระบวนการเสรมิ สรา้ ง มนุษยสัมพนั ธ์ทด่ี ีต่อเพื่อน เป็นการศกึ ษาเกี่ยวกบัพฤตกิ รรมการมาโรงเรียนสายของนกั ศกึ ษาเพื่อหาสาเหตขุ องการมาโรงเรยี นสาย พร้อมท้งั หาแนวทางการแกไ้ ข ซึ่งผู้วิจัยได้เลอื กใชก้ ระบวนการเสรมิ สร้างแรงจูงใจมาใชใ้ นการแก้ไขปญั หา ผลจากการศกึ ษาหาสาเหตุในการมาโรงเรียนสายของนักศกึ ษาพบวา่ นกั ศกึ ษาสว่ นใหญไ่ มม่ แี รงจูงใจในการมาโรงเรียนเช้า รวมท้งั ไม่ตระหนกั ถึงความสาคัญและประโยชนข์ องการมาโรงเรียนแต่เช้า เม่อื ผูว้ ิจัยนากระบวนการเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจมาใชใ้ นการแก้ไขปญั หาพบว่าสถติ กิ ารมาโรงเรยี นสายของนกั ศกึ ษาลดลง อนั เนื่องมาจากนักศกึ ษาเล็งเห็นถงึความสาคัญของการมาโรงเรยี นแตเ่ ชา้ มากขนึ้ พร้อมทง้ั ตระหนักไดเ้ ป็นสาคญั ว่าการมาโรงเรียนเชา้ ทาให้ได้รับทราบข้อมูลขา่ วสารต่าง ๆ จากทางโรงเรยี น ส่งผลใหน้ กั ศกึ ษาเกดิ แรงจงู ใจในการมาโรงเรียนแต่เช้า จนนาไปสู่การ ปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมการมาโรงเรยี นในที่สดุนายมานะ โสรัสสะ (2521 : บทคัดย่อ) ไดท้ าการศึกษาเก่ยี วกบั ปัญหาสาเหตขุ องการมาสายของนกั เรียนระดับชนั้ ปวช. 1 ชา่ งอตุ สาหกรรม ซง่ึ ตอ้ งแก้ไขนสิ ยั ส่วนตวั กอ่ น ดา้ นครอบครวั ตอ้ งให้ความสาคญั กับการมาเรียนของนกั ศึกษา และครู อาจารย์ ตอ้ งรักศิษย์เทา่ เทียมกนั และต้องมกี ารจัดการสอนท่ที ันสมัย แลว้จึงจะนาข้อมูลและปัญหาของการมาสายมาสรปุ ผลเพ่ือทารายงานการวิจยั ขน้ึ มาและให้ผ้เู ก่ยี วข้องกบั งานแกไ้ ขพฤติกรรมหรือฝาุ ยปกครองนาขอ้ มลู ทว่ี ิจยั เหล่านี้ ไปสรา้ งกลยุทธหรือวิธีการแกป้ ญั หาการมาเรียนสายต่อไป ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั คอื ปญั หาการมาสายของนักเรยี น ปวช. 1 ช่างอุตสาหกรรม จะลดน้อยลงงานวจิ ยั ฉบับน้ีไดจ้ ัดทาขน้ึ มาโดยอาศัยหลักสมมุติฐาน ของมนษุ ยแ์ ละทฤษฎีการเรยี นรขู้ องธอร์นไดส์(Thorndike) มาเป็นแนวทางในการวเิ คราะห์และสังเคราะหป์ ญั หา ส่วนวิธีการดาเนินการวิจัย (1) ประชากรหรอื กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีมีพฤตกิ รรมมาเรียนสาย(2) มีการใช้เครอื่ งมือหรือนวตั กรรมเพ่อื ให้ทราบท่ีมาของปญั หาการมาสายเช่น บันทกึ สถิติการ

มาเรียน (2) วธิ กี ารเกบ็ ข้อมูลวเิ คราะหข์ อ้ มูลและรวบรวมเป็นสถติ ิใชใ้ นการวิจัย เมื่อทราบผลการวจิ ัยแลว้ จะต้องนาข้อมูลในการวจิ ัยไปหาทางแก้ปญั หาหรือสรา้ งนวัตกรรมทใี่ ชใ้ นการแก้ปัญหาเพื่อให้ เกดิ ผล สัมฤทธิ์ขน้ึ มา บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย การศึกษาเรอื่ งนมี้ งุ่ ศกึ ษาเกย่ี วกับเก่ียวกบั สาเหตุการการมาเรียนสายของนกั เรยี นในระดับช้ันปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กจิ ปกี ารศึกษา 2556 ในครงั้ น้ผี ศู้ ึกษาได้ดาเนนิ การตามขนั้ ตอนดังตอ่ ไปนี้

1. ขอบเขตของการวจิ ยั 2. เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 4. การตรวจสอบขอ้ มูล 5. การวิเคราะห์ขอ้ มูล 6. นาเสนอขอ้ มลู1. ขอบเขตของการวจิ ยั 1.1 ประชากร และกลุม่ ตวั อย่าง ประกอบดว้ ย 1.1.2 ในการศกึ ษาสาเหตุการมาเรียนสายของนกั เรยี นในระดบั ช้ัน ปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กิจภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2556 จานวน 7 คน จากนกั ศึกษาทง้ั หมด 67 คน โดยศกึ ษาหาสาเหตุที่จะทาให้นักศึกษามาเรียนสาย มีประชากรทีศ่ กึ ษาและกลุ่มตวั อย่าง ดงั น้ี - ประชากร ไดแ้ ก่ จากนักเรยี นวทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาศรีสะเกษบรหิ ารธุรกิจในระดับชน้ัปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กจิ ซง่ึ มจี านวนทง้ั หมด 7 คนเป็นนักเรยี นชายทง้ั หมด - กลมุ่ ตวั อยา่ ง ได้สุ่มตวั อยา่ งนักเรียนในระดบั ชนั้ ปวช.2 แผนกแผนกวิชาช่างยนต์วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กิจ จานวน 7 คน จากนกั เรยี น ทั้งหมด67 คน 1.1.2 ประชากรที่เป็นกลมุ่ เปาู หมายในการปอู งกันการมาเรียนสายไดแ้ กน่ กั เรยี น ในระดับชนั้ ปวช.2 แผนกแผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาศรสี ะเกษบริหารธุรกิจ2. เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล

เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาคร้งั นเี้ ป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) เปน็ เคร่อื งมอื ในการเก็บเก็บข้อมลู สาเหตุการมาเรยี นสายของนักเรียนในระดับชน้ั ปวช.2 แผนกวิชาแผนกวชิ าช่างยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กิจ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2556 โดย แบบสอบถามแบ่งออกเปน็ 2ตอน คือตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของกลมุ่ ตวั อย่างตอนที่ 2 สาเหตใุ นการมาสายของนักเรยี นโดยแบ่งระดบั ความพึงพอใจออกเป็น 5 ระดับ คอื มากท่สี ุด มาก ปานกลาง น้อยน้อยทีส่ ดุ โดยใช้นา้ หนกั คะแนนตามระดับท่ีมีผลตอ่ การมาเรยี นสาย ดงั ตามตารางที่ 3.1ระดบั ทีจ่ ะมีผลตอ่ การมาเรียนสาย น้าหนักคะแนนมากที่สดุ 5มาก 4ปานกลาง 3นอ้ ย 2นอ้ ยท่สี ุด 1 ตารางที่ 1 : แสดงนา้ หนักคะแนนตามระดบั ท่ีจะมีผลต่อการมาเรียนสาย3. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผูว้ ิจยั ไดท้ าการเก็บรวบรวมข้อมูล สาเหตุในการมาเรยี นสายของนักเรยี น จากกล่มุ ตวั อยา่ งนักศึกษาในระดบั ช้นั ปวช.2 แผนกแผนกวิชาช่างยนต์ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กจิ จานวน 7คน จากนกั ศึกษา ท้ังหมด 67 คนโดยใชแ้ บบสอบถาม ซง่ึ ผวู้ ิจยั ไดแ้ ก้ไขแบบสอบถามและไดน้ าแบบสอบถามไปทดสอบกับกลมุ่ ตัวอย่างพรอ้ มนาแบบสอบถามมาตรวจสอบ4. การตรวจสอบขอ้ มลู ผวู้ ิจยั ได้ทาการตรวจสอบขอ้ มูลหลังจากใชเ้ ครื่องมอื วิจยั สอบถามกลมุ่ ตัวอย่าง เพ่อื ศึกษาความสมบูรณข์ องคาตอบ ประเดน็ ของการตอบ รวมถึงความถูกต้องชัดเจนในคาตอบ

5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล (ใชส้ ถิติ)ผ้ศู ึกษาทาการทาการวเิ คราะห์ข้อมลู จากแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู SPSS For Windowsโดยวเิ คราะหข์ ้อมูลสาเหตุในการมาเรยี นสายของนักศึกษจาากกลมุ่ ตวั อย่าง นกั ศึกษาในระดบั ชนั้ ปวช.2 แผนกวชิ าแผนกวิชาชา่ งยนตว์ ทิ ยาลยั อาชีวศึกษาศรีสะเกษบริหารธรุ กจิ โดยใช้ สถติ คิ า่ รอ้ ยละคา่ เฉลย่ี และ ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ตามเกณฑ์การวเิ คราะหข์ อง บุญชม ศรีสะอาด(2535 : 100) โดยมเี กณฑแ์ ปลความหมาย ดงั นี้ คา่ รอ้ ยละ (Percent tile) N x 100 n N = แทนจานวนข้อมลู n = แทนผลรวมของข้อมูลทัง้ หมด เกณฑ์การวดั ค่าเฉล่ยี คะแนนเฉลยี่ 4.51- 5.00 หมายถึง ระดบั ทจ่ี ะมีผลต่อการมาเรียนสายมากท่ีสุด คะแนนเฉลย่ี 3.51- 4.50 หมายถึง ระดบั ทจี่ ะมผี ลตอ่ การมาเรียนสายมาก คะแนนเฉลย่ี 2.51- 3.50 หมายถงึ ระดับทจ่ี ะมผี ลต่อการมาเรียนสายปานกลาง คะแนนเฉล่ยี 1.51- 2.50 หมายถึง ระดับที่จะมีผลตอ่ การมาเรียนสายน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.00- 1.50 หมายถึง ระดับท่จี ะมผี ลต่อการมาเรยี นสายนอ้ ยท่ีสุดค่าเฉลีย่ X X เมือ่ n X = แทน ค่าเฉลยี่ X = แทนผลรวมของข้อมูลทัง้ หมด N = แทนจานวนขอ้ มลู

ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน มีสูตรคานวณ ดังน้ี S  n X 2  ( X )2 n(n 1) เมอ่ื S = แทน สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน  X = แทน ผลรวมของคะแนน n = แทนขนาดของกลมุ่ ตัวอย่าง6. นาเสนอข้อมลู ผูว้ ิจยั ไดท้ าการสรุปผล พร้อมรายงานผลการวจิ ัยในรปู แบบการบรรยายประกอบตารางผลการวิเคราะห์

บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล ในการศกึ ษาวจิ ยั เร่อื ง สาเหตกุ ารมาเรยี นสายของนกั เรียนในระดับช้ันปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กจิ ปีการศกึ ษา 2556 ผูว้ จิ ยั ไดใ้ ช้สญั ลักษณท์ ี่เกยี่ วข้องกับการวิจัยดังนี้ X แทน ค่าเฉล่ยี n แทน จานวนคนในกลุ่มตัวอยา่ งการวิเคราะหข์ ้อมูลในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้แบ่งการวเิ คราะห์ข้อมูลเปน็ 2 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่วั ไปของกลุ่มตัวอยา่ ง โดยเจาะจงนกั ศึกษาทม่ี าเรยี นสาย ของนักเรียนในระดบั ชนั้ ปวส.1 แผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาศรสี ะเกษบริหารธุรกจิ ปีการศึกษา 2556 และแจกแจงความถี่ คิดเป็นรอ้ ยละ แลว้ นาเสนอในรปู ตาราง ตอนที่ 2 ความคดิ เห็นเกย่ี วกับสาเหตใุ นการมาเรยี นสายของนักเรยี นในด้านตา่ ง ๆ โดยโดยเจาะจงนักศกึ ษาท่มี าเรียนสายของนกั เรยี นในระดบั ชนั้ ปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วิทยาลยั อาชีวศึกษา ศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจ ปีการศกึ ษา 2556 และแจกแจงความถ่คี ดิ เป็น ร้อยละ สรปุ ขอ้ มูล และนาเสนอตอนที่ 1 การวเิ คราะหข์ ้อมูลทัว่ ไป ท่จี าแนกตาม เพศ อายุ และแผนกวิชา

ตารางท่ี 2 : แสดงขอ้ มูลเก่ียวกบั ผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ (n = 50) เพศ จานวนคน รอ้ ยละชาย 7 100.0หญงิ - 7 - รวม 100.0 จากตารางท่ี 2 กลมุ่ ตัวอย่าง 7 คน พบว่านักเรียนทม่ี าเรียนสายซง่ึ เปน็ ผู้ตอบแบบสอบถามเกีย่ วกับสาเหตกุ ารมาเรยี นสายมากทสี่ ุดเป็นเพศชายท้ังหมด จานวน 7 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.0ตารางที่ 3 : แสดงข้อมูลเกี่ยวกับผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามอายุ (n = 50) อายุ จานวนคน รอ้ ยละต่ากวา่ - 16 ปี - -17 ปี 7 10018 ปี19 ปีมากกวา่ 20 ปี ข้นึ ไป รวม 7 100.0

จากตารางที่ 3 จากกลุ่มตัวอยา่ ง 7 คน พบวา่ นักเรียนทีม่ าเรยี นสายมากที่สุด โดยมอี ายุอยูใ่ นระหวา่ ง 17 ปี จานวน 7 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100ตารางท่ี 4 : แสดงข้อมลู เกย่ี วกับผตู้ อบแบบสอบถาม (n = 32)แผนกวชิ า จานวนคน รอ้ ยละ 100แผนกวิชาช่างยนต์ 7 100รวม 7 จากตารางท่ี 4 กลมุ่ ตวั อยา่ ง 7 คน พบว่าขอ้ มูลเกย่ี วกับผู้ตอบแบบสอบถามเปน็ นกั เรยี นแผนกวิชาช่างยนต์ท้งั หมด จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100.0ตอนที่ 2 ความคดิ เห็นเก่ียวกับสาเหตใุ นการมาเรยี นสายของนกั เรยี นในด้านต่าง ๆ โดยโดยเจาะจงนกั ศกึ ษา ทม่ี าเรียนสายของนักเรยี นในระดับชน้ั ปวช.2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษา ศรีสะเกษ บริหารธุรกิจ ปีการศกึ ษา 2556ตารางที่ 5 : ความคิดเห็นเก่ยี วกับสาเหตใุ นการมาเรียนสายของนักเรียนในดา้ นต่าง ๆท่ี สาเหตุ X S.D. แปลคา่1. ด้านส่วนตวั1. มีปญั หาเก่ียวกับสขุ ภาพ 2.64 1.32 ปานกลาง

2. มาเรยี นตามเพอ่ื น 2.40 1.01 นอ้ ย3. แบ่งเวลาไม่เหมาะสม 2.64 0.75 ปานกลาง4. มปี ัญหาเก่ยี วกับยาเสพติด 1.62 0.90 นอ้ ย5. มปี ัญหาในการเดนิ ทางมาเรียน 3.16 1.17 ปานกลาง 2. ด้านครอบครวั 2.82 1.02 ปานกลาง1. ผ้ปู กครองมปี ัญหาดา้ นการเงิน 1.84 0.93 น้อย2. ผูป้ กครองไม่เหน็ ความสาคญั ของการเรยี นการสอน 1.68 0.98 น้อย3. ผ้ปู กครองมคี วามรสู้ กึ ที่ไมด่ ีต่อสถานศึกษา 1.98 0.94 น้อย4. ผปู้ กครองขาดการเอาใจใส่ต่อการเรยี นของนักศกึ ษา 1.48 0.81 นอ้ ยทีส่ ุด5. พ่อแม่หย่าร้าง 2.50 1.02 น้อย 3. ด้านครู - อาจารย์ และการสอน 2.50 1.15 น้อย1. ครูมีเจตคตทิ ี่ไม่ดตี ่อนกั ศึกษา 2.92 1.08 ปานกลาง2. ครูไมย่ ุติธรรมในการประเมนิ ผล 2.38 1.01 น้อย3. ครูใช้อานาจบงั คับมากเกินไป 2.24 1.06 น้อย4. ครไู ม่เอาใจใสแ่ ละจงู ใจนักศกึ ษา5. กิจกรรมการเรียนการสอนไมน่ า่ สนใจ 2.12 0.92 นอ้ ย 1.80 0.93 นอ้ ย 4. ด้านสงั คม และสภาวะแวดลอ้ ม 2.14 1.03 นอ้ ย1. มคี วามขัดแยง้ กับเพ่อื น2. ขาดมนษุ ยสมั พันธ์กบั เพ่อื น3. การคบเพ่อื นไม่ดี

จากตารางท่ี 5 แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั สาเหตใุ นการมาเรยี นสายของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ท่มี ีความคิดเห็นทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแต่ละด้าน พบวา่ ดา้ นสว่ นตวั พบวา่ ปญั หาที่เปน็ สาเหตุในการมาเรียนสายด้านส่วนตวั ของนกั เรยี นนกั ศึกษา คือ มีปญั หาเกยี่ ว กบั สุขภาพแบ่งเวลาไม่เหมาะสม และมีปัญหาในการเดนิ ทางมาเรยี นอยู่ในระดับปานกลาง ( X =2.51- X = 3.50) รองลงมา คือ ปญั หาการมาเรียนตามเพื่อน และมปี ญั หาเกย่ี วกบั ยาเสพตดิ อย่ใู นระดับน้อย ( X = 1.51 - X = 2.50) ดา้ นครอบครัว พบวา่ ปัญหาทีเ่ ป็นสาเหตใุ นการมาเรยี นสาย ดา้ นครอบครวั ของนักเรียนนักศกึ ษา คอืปัญหาเกย่ี วกับ ผู้ปกครองมีปัญหาด้านการเงินอใยนู่ ระดับปานกลาง ( X = 2.51 - X = 3.50) รองลงมา คอืปัญหาผู้ปกครองไม่เหน็ ความสาคัญของการเรียนการ สอน ผปู้ กครองมีความรสู้ ึกไมด่ ีตอ่ สถานศึกษา และผู้ปกครองขาดความเอาใจใส่ตอ่ การเรียนของนักศึกษา อยูใ่ นระดบั นอ้ ย ( X = 1.51 - X = 2.50) และน้อยท่สี ดุ คอื ปัญหาเก่ยี วกบั พ่อแม่หยา่ รา้ งอยูใ่ นระดบั ( X = 1.00 - X = 1.50) ดา้ นครู – อาจารย์ และการสอน พบวา่ ปญั หาทีเ่ ป็นสาเหตใุ นการมาเรียนสาย ด้านครู – อาจารย์และการสอนของนกั เรยี นนกั ศึกษา คอื ปัญหา เกีย่ วกับ ครใู ช้อานาจบงั คบั เกนิ ไปอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X= 2.51 - X = 3.50) รองลงมา คือ ครมู เี จนคตทิ ีไ่ มด่ ีต่อนักศกึ ษา ครไู ม่ยตุ ิธรรมต่อการประเมินผล ครูไม่เอาใจใส่และจงู ใจนกั ศกึ ษา และกจิ กรรมการเรียนการสอนไมน่ า่ สนใจ อยู่ในระดบั นอ้ ย ( X = 1.51 - X =2.50) ด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม พบวา่ ปญั หาท่ีเปน็ สาเหตุในการมาเรียนสายด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม ของนักเรยี นนกั ศกึ ษาซง่ึ มปี ัญหาทเี่ ทา่ กนั หมด คอื ปัญหาเกีย่ วกบั มคี วามขดั แย้งกับเพือ่ นขาด มนษุ ยสัมพันธ์ และการคบเพือ่ นไม่ดีอใยนู่ ระดบั นอ้ ย ( X = 1.50 - X = 2.50) บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

ในการศึกษาวิจยั เรื่อง สาเหตุการมาเรียนสายขอนงกั เรยี นในระดบั ชัน้ ปวช.2 แผนกวชิ าแผนกวชิ าช่างยนต์ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กจิ ปีการศกึ ษา 2556 โดย สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะตามลาดับตอ่ ไปน้ีสรุปผล จากการศึกษาวจิ ยั เรื่องสาเหตกุ ารมาเรียนสายขอนง กั เรยี นในระดับช้นั ปวช.2 แผนกวชิ าชา่ งยนต์:กรณศี กึ ษาแผนกวชิ าแผนกวชิ าช่างยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาศรีสะเกษบรหิ ารธรุ กจิสรปุ ผลไดด้ งั น้ีตอนที่ 1 จากการศกึ ษาพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งท่มี าเรียนสายซ่ึงเปน็ ผตู้ อบแบบสอบถามเกย่ี วกบั สาเหตุการมาเรยี นสายเป็นเภทชายมาก จานวน 7 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 โดยแยกช่วงอายุของนกั ศึกษา ช่วงอายอุ 16 – 18 ปี และผตู้ อบแบบสอบถามเปน็ นกั ศึกษาในระดบั ชน้ั ปวช.2 แผนกวิชาแผนกวชิ า ชา่ งยนต์วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาศรสี ะเกษบริหารธรุ กิจตอนที่ 2 ความคิดเห็นเกีย่ วกบั สาเหตใุ นการมาเรียนสายของ นักเรียนในดา้ นตา่ ง ๆ โดยเจาะจงนักศึกษาทม่ี าเรียนสายด้านส่วนตัว พบวา่ ปัญหาทเ่ี ป็นสาเหตใุ นการมาเรียนสายดา้ นสว่ นตัวของนกั เรยี นนกั ศกึ ษาคือ มีปัญหาเกี่ยว กับสุขภาพแบ่งเวลาไม่เหมาะสม และมีปญั หาในการเดินทางมาเรียนอยใู่ นระดบั ปานกลาง (X = 2.51- X = 3.50) รองลงมา คอื ปัญหาการมาเรยี นตามเพ่ือน และมปี ญั หาเกยี่ วกบั ยาเสพติด อยูใ่ นระดับน้อย ( X = 1.51 - X = 2.50) ดา้ นครอบครวั พบว่า ปญั หาทเี่ ปน็ สาเหตุในการมาเรียนสาย ดา้ นครอบครวั ของนักเรยี นนกั ศึกษา คือ ปัญหา เกีย่ วกบั ผู้ปกครองมปี ัญหาด้านการเงนิ อยใู่นระดับปานกลาง ( X= 2.51 - X = 3.50) รองลงมา คือ ปัญหาผู้ปกครองไมเ่ ห็นความสาคัญของการเรียนการ สอน ผู้ปกครองมีความรู้สกึ ไมด่ ตี ่อสถานศกึ ษา และผปู้ กครองขาดความเอาใจใสต่ อ่ การเรียนของนักศึกษา อยใู่ นระดับนอ้ ย ( X= 1.51 - X = 2.50) และน้อยท่ีสุด คอื ปญั หาเก่ียวกบั พอ่ แมห่ ยา่ รา้ งอยู่ในระดบั ( X = 1.00 - X = 1.50)ด้านครู – อาจารย์ และการสอน พบวา่ ปัญหาท่เี ปน็ สาเหตใุ นการมาเรยี นสายด้านครู – อาจารย์ และการสอนของนักเรียนนกั ศกึ ษา คือ ปัญหาเกย่ี วกบั ครใู ช้อานาจบงั คับเกนิ ไปอใยนู่ ระดบั ปานกลาง ( X = 2.51 - X =3.50) รองลงมา คือ ครูมเี จนคติทไ่ี มด่ ีต่อนักศึกษา ครไู มย่ ุตธิ รรมตอ่ การประเมินผล ครูไมเ่ อาใจใส่และจูงใจนกั ศกึ ษา และกจิ กรรมการเรยี นการสอนไมน่ ่าสนใจ อยู่ในระดับนอ้ ย ( X = 1.51 - X = 2.50) และดา้ นสงั คม และสภาวะแวดล้อม พบวา่ ปญั หาท่ีเปน็ สาเหตใุ นการมาเรยี นสาย ด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม ของนกั เรยี นนักศึกษาซ่งึ มปี ัญหาทเี่ ทา่ กนั หมด คือ ปญั หาเกีย่ วกับ มีความขัดแยง้ กับเพอ่ื นขาดมนษุ ยสัมพนั ธ์ และการคบเพื่อนไมด่ ีอยใู่นระดับน้อย ( X = 1.50 - X = 2.50)

อภปิ รายผลจากการพิจารณาสรุปผลการศึกษาวจิ ยั เร่ือง สาเหตกุ ารมาเรียนสายขอนงกั เรียนในระดบั ชั้น ปวช.2แผนกวชิ าชา่ งยนต์: กรณีศึกษาแผนกวชิ าแผนกวิชาชา่ งยนต์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กิจโดยมีปัญหาทีเ่ ป็นสาเหตขุ องการมาเรยี นสายของนกั ศึกษามี 4 ด้าน คอื ปัญหาด้านส่วนตัว ด้านครอบครัว ด้านครู– อาจารย์ และการสอน และปญั หาดา้ นสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม อภิปรายผล ดงั นี้ ด้านส่วนตวั พบวา่ ปญั หาท่เี ปน็ สาเหตุในการมาเรียนสายดา้ นส่วนตวั ของนกั เรียนนกั ศึกษา คอื มีปัญหาเกี่ยว กับสขุ ภาพแบง่ เวลาไม่เหมาะสม และมีปญั หาในการเดนิ ทางมาเรียนอยู่ในระดบั ปานกลาง ( X =2.51- X = 3.50) ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของนายมานะ โสรสั สะ (2521 : บทคัดย่อ) ได้ทาการศึกษาเกี่ยวกบั ปัญหาสาเหตุของการมาสายของนกั เรยี นระดบั ช้ัน ปวช. 1 ชา่ งอตุ สาหกรรม ซ่งึ เปน็ นสิ ยั สว่ นตวั ที่ตอ้ งแก้ไขกอ่ นดา้ นครอบครวั พบว่า ปญั หาที่เปน็ สาเหตใุ นการมาเรยี นสาย ด้านครอบครวั ของนักเรยี นนกั ศกึ ษา คอืปญั หาเกย่ี วกบั ผู้ปกครองมีปญั หาด้านการเงนิ อใยนู่ ระดบั ปานกลาง ( X = 2.51 - X = 3.50) รองลงมา คอืปญั หาผู้ปกครองไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการเรยี นการ สอน ผปู้ กครองมคี วามรู้สกึ ไมด่ ีต่อสถานศกึ ษา และผปู้ กครองขาดความเอาใจใส่ตอ่ การเรยี นของนักศึกษา อย่ใู นระดบั น้อย ( X = 1.51 - X = 2.50) นายมานะ โสรัสสะ (2521 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการศกึ ษาเกี่ยวกับปญั หาสาเหตุของการมาสายของนกั เรยี นระดบั ชัน้ ปวส.1 ช่างอตุ สาหกรรม ซง่ึ ดา้ นครอบครัวตอ้ งให้ความสาคัญกับการมาเรยี นของนักศึกษาดา้ นครู – อาจารย์ และการสอน พบว่าปญั หาที่เป็นสาเหตใุ นการมาเรยี นสาย ด้านครู – อาจารย์ และการสอนของนักเรียนนักศกึ ษา คือ ปญั หา เกยี่ วกบั ครูใช้อานาจบงั คับเกินไปอยใู่ นระดับปานกลาง ( X =2.51 - X = 3.50) รองลงมา คือ ครมู เี จนคติท่ไี มด่ ตี ่อนักศึกษา ครูไม่ยุตธิ รรมต่อการประเมนิ ผล ครูไมเ่ อาใจใส่และจูงใจนักศกึ ษา นายมานะ โสรัสสะ (2521 : บทคัดยอ่ ) ไดท้ าการศึกษาเกย่ี วกบั ปัญหาสาเหตขุ องการมาสายของนกั เรียนระดับชนั้ ปวช.2 ชา่ งอุตสาหกรรม ครู อาจารย์ ต้องรกั ศษิ ย์เทา่ เทียมกนั และต้องมีการจดั การสอนที่ทันสมยั ด้านสงั คม และสภาวะแวดลอ้ ม พบว่าปัญหาท่เี ปน็ สาเหตใุ นการมาเรยี นสายดา้ นสงั คม และสภาวะแวดล้อม ของนักเรียนนกั ศึกษาซงึ่ มีปญั หาที่เทา่ กันหมด คือ ปัญหาเกย่ี วกบั มคี วามขัดแย้งกบั เพอ่ื นขาด มนุษยสัมพันธ์ และการคบเพือ่ นไม่ดีอยู่ในระดบั นอ้ ย (X = 1.50 - X = 2.50) นายสัมฤทธิ ทิมา(2532 :

บทคดั ย่อ) ไดท้ าการศึกษาเก่ยี วกับการแก้ไขพฤติกรรมการมาโรงเรยี นสายของนักศึกษาดว้ ยกระบวนการเสรมิ สร้างมนุษยสมั พนั ธท์ ด่ี ตี ่อเพ่ือนข้อเสนอแนะ 1. การศกึ ษาวิจยั ครงั้ ตอ่ ไปควรวางแผนการดาเนินการปอู งกันการมาเรียนสายกนบั ักเรยี นเป็นรายแผนกเพราะแต่ละแผนกอาจจะมปี ัญหาทีแ่ ตกต่างกนัก 2. การกาหนดรปู แบบการปอู งกนั การมาเรยี นสายของ นกั เรยี น จาเปน็ ต้องมรี ูปแบบใหมๆ่ปรับเปล่ียนไปตามสภาพสังคม สิง่ แวดลอ้ มและเศรษฐกจิ ทพ่ี ัฒนาเปล่ียนแปลงอยูต่ ลอดเวลา

บรรณานกุ รมปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. การจดั และการบริหารอาชวี ศึกษา. กรุงเทพฯ : พมิ พด์ ี, 2542.มนต์ชยั เทยี นทอง. การศกึ ษาความคิดเหน็ ของอาจารย์ท่ปี รกึ ษาและนักศึกษาเกย่ี วกบั บทบาทหน้าที่ ปญั หาและการดาเนนิ งานของอาจารยท์ ีป่ รึกษาในสถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ. วิทยานพิ นธ์ครศุ าสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิชาไฟฟูา ภาควชิ า ครุ ศาสตรไ์ ฟฟูาบัณฑิตวิทยาลัย สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื , 2529.เมธี ปลิ นั ธนานนท์. การบรหิ ารอาชวี ะและเทคนคิ ศกึ ษา. พิมพค์ รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์, 2530.ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ. เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ : สุวีรยิ าสาส์น, 2538.วลั ลภา เทพหัสดิน ณ อยธุ ยาและคณะ. นิสิตนกั ศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา. กรงุ เทพฯ : รายงาน

การวิจัยคณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2527.วทิ ยากร เชียงกูล. วกิ ฤตและโอกาสในการปฏริ ปู การศกึ ษาและสังคมไทย. กรงุ เทพฯ : อมรินทร์พร้นิ ต้ิงแอนด์พบั ลิชชิง่ , 2542.สมใจ พศิ ณุวงรกั ษ์. ปญั หาและความตอ้ งการของนักศกึ ษาในสถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต ภาควิชาอดุ มศกึ ษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย, 2532.สชุ า จันทร์เอมและสุรางค์ จันทนเ์ อม. จิตวทิ ยาวัยรุ่น. กรุงเทพฯ : แพร่พทิ ยา, 2521.

ภาคผนวก แบบสอบถามการวิจยั

เร่ือง : ศกึ ษาสาเหตุการมาเรยี นสายของนักศกึ ษาในระดับชน้ั ปวช. 2 แผนกวชิ าช่างยนต์ วิทยาลยั อาชีวศึกษาศรสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจ ปกี ารศึกษา 2556 แบบสอบถามเกยี่ วกับสาเหตทุ จ่ี ะทาให้นักศกึ ษามาเรยี นสายข้อมูลในแบบสอบถามจะใช้ในการวิจัยศกึ ษาสาเหตกุ ารมาเรียนสายของนกั ศกึ ษา ในระดบั ชั้น ปวช. 2 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาศรีสะเกษบริหารธุรกจิ เพือ่ นาผลการวจิ ยั ไปใชใ้ นการปอู งกันการมาเรียนสาย โปรดตอบคาถาม โดยให้ข้อเท็จจรงิ ตามความคิดเหน็ ของผตู้ อบ เพอ่ื ผู้วจิ ัยจะได้ขอ้ มลู ทถ่ี ูกต้องตอนท่ี 1 : ขอ้ มลู ทวั่ ไปของกลุ่มตัวอยา่ งตอนที่ 2 : ความคดิ เห็นเก่ียวกับสาเหตุในการมาเรียนสายของนักศึกษาในดา้ นตา่ ง ๆตอนท่ี 1 : ขอ้ มูลทั่วไปของกลมุ่ ตวั อย่างคาชี้แจง : โปรดกาเครือ่ งหมาย  ลงใน ( ) ที่ตรงกบั ความเป็นจริงมากทสี่ ดุ1. เพศ1. ( ) ชาย 2. ( ) หญิง2. อายุ1. ( ) 16 ปี 2. ( ) 17 ปี 3. ( ) 18 ปี4. ( ) 19 ปี 5. ( ) มากกวา่ 20 ปี3. แผนกวิชา1. ( ) การบัญชี 2. ( ) อืน่ ๆ ……………………………..

ตอนท่ี 2 : ความคิดเหน็ เก่ียวกับสาเหตใุ นการมาเรยี นสายของนักศึกษาในดา้ นต่าง ๆคาช้แี จง : โปรดทาเครื่องหมาย  ลงใน ทต่ี รงกับความเป็นจรงิ มากท่ีสดุ โดยผู้จดั ทาแบบสอบถาม ไดใ้ ห้ความหมายระดบั ทีจ่ ะมีผลต่อการมาเรียนสาย ดงั นี้ 5 หมายถึง เป็นระดบั ที่จะมผี ลตอ่ การมาเรียนสาย มากที่สดุ 4 หมายถึง เปน็ ระดบั ท่ีจะมผี ลตอ่ การมาเรียนสาย มาก 3 หมายถงึ เปน็ ระดับทจ่ี ะมีผลต่อการมาเรยี นสาย ปานกลาง 2 หมายถึง เป็นระดับทจี่ ะมีผลตอ่ การมาเรยี นสาย น้อย 1 หมายถงึ เป็นระดบั ทจ่ี ะมผี ลตอ่ การมาเรยี นสาย นอ้ ยที่สุด สาเหตุ ระดบั ท่จี ะมีผลตอ่ การมาเรียนสาย (5) (4) (3) (2) (1)1. ด้านสว่ นตัว มากที่สดุ มาก ปาน นอ้ ย น้อย 1. มปี ัญหาเก่ียวกับสุขภาพ 2. มาเรียนตามเพ่ือน กลาง ทีส่ ุด 3. แบ่งเวลาไมเ่ หมาะสม 4. มีปัญหาเกี่ยวกบั ยาเสพตดิ 5. มีปญั หาในการเดินทางมาเรยี น2. ด้านครอบครวั1. ผ้ปู กครองมีปัญหาดา้ นการเงิน2. ผ้ปู กครองไม่เหน็ ความสาคัญของการ

เรยี นการสอน3. ผปู้ กครองมคี วามรสู้ ึกทไี่ ม่ดีต่อ สถานศึกษา4. ผูป้ กครองขาดการเอาใจใส่ตอ่ การ เรยี นของนักศึกษา5. พอ่ แมห่ ยา่ ร้าง สาเหตุ ระดับทจี่ ะมีผลตอ่ การมาสาย (1) น้อย3. ดา้ นครู - อาจารย์ และการสอน (5) (4) (3) (2) ที่สุด1. ครูมเี จตคตทิ ี่ไมด่ กี ับนกั ศกึ ษา มากท่ีสุด มาก ปาน น้อย2. ครูไม่ยุติธรรมในการประเมินผล3. ครูใชอ้ านาจบงั คบั มากเกนิ ไป กลาง4. ครูไมเ่ อาใจใสแ่ ละจงู ใจนกั ศกึ ษา5. กิจกรรมการเรียนการสอนไมน่ ่าสนใจ4. ด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม1. มีความขดั แย้งกบั เพ่ือน2. ขาดมนุษยสัมพนั ธ์กบั เพื่อน3. การคบเพ่อื นไม่ดีข้อเสนอแนะอน่ื ๆ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ *** ขอบใจนักเรยี นทุกคนทใ่ี ห้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ***


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook