Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3 มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติโลกด้วย ความรักและธรรม

3 มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติโลกด้วย ความรักและธรรม

Published by baipat wry, 2022-07-11 05:16:38

Description: 3 มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติโลกด้วย ความรักและธรรม

Search

Read the Text Version

3 “ผู้ปฏิวัติโลก ด้วยความรักและธรรม” ดร . เอนก นาคะบุตร

บทความนี้แบ่งออกเป็น 4 ตอน ตอนหนึ่ง ตอนสอง และตอนสาม จะเป็นของแต่ละมหาบุรุษที่วิเคราะห์และ นำเสนอภายใต้หัวข้อประเด็น “7 P” ตอนที่สี่ ตอนสุดท้ายจะเป็นการ สังเคราะห์สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก 3 มหาบุรุษในเชิงการปฏิวัติและการเปลี่ยนแปลง สังคมในเชิงโครงสร้าง บทความนี้หัวใจสำคัญมุ่งตอบคำถาม 3 ประเด็นคือ ประเด็นที่ 1 มหาบุรุษแต่ละท่านเปลี่ยนแปลงสังคมเชิงโครงสร้างอะไร ? ประเด็นที่ 2 มหาบุรุษแต่ละท่าน มีกระบวนการปฏิวัติสังคม/ ประชาชน ด้วยความรักและด้วยหลักธรรมอย่างไร ? ประเด็นที่ 3 โลกได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก 3 มหาบุรุษ ?

ตอนที่ 1 มหาบุรุษผู้ค้นพบความจริงของธรรมชาติ และธรรมชาติชีวิตของมนุษย์ ประเด็นที่ 1 การเปลี่ยนแปลงและการปฏิบัติเชิง โครงสร้าง “วิถีชีวิตตนเอ็ง” ไปสู่ “วิถีชีวิตของมวล มนุษย์” 1. มหาบุรุษผู้พลิกชีวิตตนเองด้วยการปฏิวัติที่ใจ 3. ศูนย์กลางของพลังจิตของมนุษย์ทุกคนล้วน พอและละจากวิถีชีวิตของรัชทายาทผู้จะสืบทอดบัลลังก์ รอการฝึกฝนและยกระดับคุณภาพของจิต ให้ผุด การเข้าสู่การเป็นกษัตริย์และวิถีชีวิตการครองเรือนออก บังเกิด “พลังจิต” ที่เรียกว่าพลังสติ พลังสมาธิ และ สู่การใช้ชีวิตเป็นนักปฎิบัติทดลองชีวิตตนเอง เพื่อค้นหา พลังปัญญาที่จะเกิดการหยั่งรู้ของจิตเอง เข้าสู่สภาวะ สัจธรรมความรู้ใน “การดับทุกข์ของมวลมนุษย์” ด้วย ความจริงแท้ของธรรมชาติของจิตมนุษย์ การใช้ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่ายอยู่ภายใต้ต้นไม้ ถ้ำต่าง ๆ และการขอข้าวประชาชนในฐานะนักบวชผู้ค้นพบ 4. จัดตั้งโครงสร้างสังคมและความสัมพันธ์ของ “ความจริงของธรรมชาติและชีวิต” มวลมนุษย์ใหม่จากการวัดและจัดชั้นของมนุษย์ ที่ เรียกว่าสังคมวรรณะที่มีอยู่ถึง 5 วรรณะในอินเดีย (จากวังสู่ถ้ำ ต้นไม้ และทุ่งนา : 2 ชีวิต) สมัยนั้น สลายตัวตนเป็นนักบวชที่เท่าเทียมกันและ อยู่อย่างเกื้อกูลและสัมพันธ์กันในรูปกัลยาณมิตรที่ 2. มหาบุรุษผู้ปฏิวัติศูนย์กลางของความเชื่อของ เรียกว่า “พุทธบริษัท 4” อันเป็นการเปลี่ยนความ มนุษย์ สมัยนั้นจากความเชื่อและร้องขอต่อเทพเจ้าด้วย สัมพันธ์ของมนุษย์เชิงวัตถุและทรัพย์สินภายนอก ที่ การบูชายัญมาสู่ความเชื่อมั่นและฝึกฝนในศักยภาพของ เป็นแนวดิ่ง หลายชนชั้นวรรณะมาสู่ความสัมพันธ์ของ มนุษย์ทุกคนที่ต้องปรับพฤติกรรมตนเองควบคู่การ มวลมนุษย์ ในแง่ความรัก ความเมตตา และความ ฝึกฝนจิตให้เกิดพลังจิตในตัวมนุษย์แต่ละคนเพื่อมุ่งการ เกื้อกูลต่อกัน ในเชิงกัลยาณมิตรที่เท่าเทียมกันและ สะสมพลังจิตของมนุษย์คนนั้นนั้น ให้เข้าถึงซึ่งความจริง เสมอภาคกัน ของธรรมชาติและความจรองของจิตมนุษย์ที่จะเข้าถึง ความรู้ที่แท้จริงว่าชีวิตมนุษย์นั้นแท้ที่จริงไม่มีอะไรเลย ล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาล้วนอยู่ภายใต้ความกดดัน ความอึดอัด ที่นำมาซึ่งความทุกข์ของชีวิตมนุษย์สุดท้าย มนุษย์ทุกคนล้วนไม่มีตัวตนที่จะบังคับและอยู่อย่างเป็น นิรันดร์ ความจริงแท้ของธรรมชาติดังกล่าวจะทำให้มวล มนุษย์และมนุษย์ที่ผ่านการฝึกฝนพลังจิตเข้าสู่สภาวะ การพ้นทุกข์และดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

ตอนที่ 1 มหาบุรุษผู้ค้นพบความจริงของธรรมชาติ และธรรมชาติชีวิตของมนุษย์ ประเด็นที่ 2 กระบวนการปฏิวัติจากในสู่นอก จาก 3) PEOPLE : เป้าหมายของการปฏิวัติ& พลังจิตมนุษย์สู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง แล้วแบ่งปันต่อ เปลี่ยนแปลง มุ่งที่ “การพ้นทุกข์และดับทุกข์” มวลมนุษย์ ของมวลมนุษย์ และเน้นการดับทุกข์อย่างถาวร คือการไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร 1) PASSION : ปณิธานและความมุ่งมั่นของ ของชีวิตมวลมนุษย์ที่เรียกว่า “สภาวะนิพพาน” มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ในปณิธานและความมุ่งมั่น 4) POWER : เปลี่ยนจาก “พลังอำนาจ ของมหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ภายนอก” ทั้งจากสงคราม และจากทรัพย์สิน 2) PARADIGM SHIFT : กระบวนทัศน์ของผู้ เงินทองเข้าสู่อำนาจของความรัก ความเมตตา ปฏิวัติ มุ่งค้นหาวิธีการที่จะทำให้มวลมนุษย์ชาว และพลังจิต ที่ทำให้เกิดปัญญาญาณในจิตในตัว อินเดียสมัยนั้นพ้นทุกข์จากการมีชีวิต เกิดแก่เจ็บ มนุษย์ ผู้ผ่านการฝึกฝนควบคู่การเรียนรู้สังเกต ตาย และสามารถดับทุกข์ของมนุษย์เหล่านั้นได้ และเข้าใจถึง “ธรรมชาติ” อันทำให้ชีวิตเข้าสู่ ในที่สุด ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงต่อการเชื่อถือและยึด สภาวะ “สมดุลและทางสายกลาง” ของระบบ มั่นต่อเทพเจ้าของสังคมอินเดียสมัยนั้น ด้วยการ ธรรมชาติดังกล่าว ร้องขอผ่านพิธีกรรมบูชายัญ ซึ่งต้องฆ่า ไม่สัตว์ เล็ก&สัตว์ใหญ่ตลอดจนการฆ่ามวลมนุษย์เพื่อ การบูชายัญ ร้องขอสิ่งที่เชื่อว่าเทพเจ้าจะบันดาล ให้กับมนุษย์ผู้ร้องขอนั้นนั้น หันมาค้นพบและเชื่อ มั่นในพลังจิตและศักยภาพของมวลมนุษย์ ที่จะ ใช้พลังความรัก ความเพียร ความเมตตา ตลอด จนพลังจิตของตนเอง ผ่านการฝึกฝนด้วยความ เพียร จนเกิดพลังการหยั่งรู้ ที่จะเท่าทันและเข้า ถึงธรรมชาติของจิตมนุษย์ และชีวิตที่อยู่เหนือ หรือพ้นจากความทุกข์ เกิดแก่ เจ็บ และตาย ควบคู่การเข้าถึงความจริงของการตื่นรู้ และ ตรัสรู้ที่จะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของ กฎแห่งกรรมชีวิต

ตอนที่ 1 มหาบุรุษผู้ค้นพบความจริงของธรรมชาติ และธรรมชาติชีวิตของมนุษย์ 5) PROCESS : มหาบุรุษผู้คิดนอกกรอบและ 6) PRODUCT : มรดกรูปธรรมของมหาบุรุษ 3 ทวนกระแสโลก เริ่มการปฏิวัติ ด้วยการปฏิวัติ สิ่งที่สำคัญ มรดกที่หนึ่ง คือองค์ความรู้ของพุทธ ตนเองเปลี่ยนจากรูปกษัตริย์อยู่ในวังมีลาภ ยศ ศาสตร์ อันได้แก่คัมภีร์ 3 คัมภีร์ของพุทธศาสตร์ ทรัพย์สิน ครอบครัวและบริวาร ลด-ละ-เลิก ที่เรียกว่า “พระไตรปิฎก” มรดกที่สอง คือ การ ชีวิตดังกล่าวออกเดินทางหาความรู้และอยู่อย่าง จัดตั้งสังคมมวลมนุษย์ที่อยู่กันอย่างเสมอภาค มี สันโดษใต้ต้นไม้ และถ้ำหลบฝน ทดลองปฏิบัติ& เมตตาธรรมต่อกัน และเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกัน ค้นหาความจริงด้วยตนเองผ่านร่างกายและการ และกันที่เรียกว่า “พุทธบริษัท 4 “มรดกที่สาม ภาวณาจิตตนเอง จนจิตมีพลังหยั่งรู้และตรัสรู้เข้า คือหลักและที่พึ่งของมวลมนุษย์ที่รวมเรียกว่า ถึงความจริงแท้ของสรรพสิ่งและชีวิตมวลมนุษย์ “รัตนตรัย” เริ่มพิจารณาการขยายองค์ความรู้ที่เข้าถึงได้ด้วย 7) PLANET : มรดกทางภูมิปัญญาของโลก ตนเองไปสู่มวลมนุษย์ ในสภาวะนักบวชที่ทั้ง ที่ยังเป็นแสงสว่างทางปัญญาให้กับมวลมนุษย์ใน ปฏิบัติชีวิตนักบวชให้เห็น เป็นผู้นำ เป็นผู้เผย หลากหลายชาติศาสนาและชนชาติ รวมเรียกว่า แพร่เป็นผู้ให้ ทั้งธรรม ความรัก และความเมตตา “พุทธศาสตร์” อันเป็นศาสตร์ที่เปิดเผยความจริง ด้วยการ อยู่ร่วมการจาริกเดินทางการจัดตั้ง แท้ของธรรมชาติจักรวาลและจิตมวลมนุษย์ทั้ง สังคมที่เท่าเทียมกันใหม่ ควบคู่การให้องค์ความรู้ โลก อันประกอบด้วย ศาสตร์ที่ว่าด้วยความจริง ที่ค้นพบ ทุกวัน เป็นเวลาราว 45 ปี ก่อนสิ้นชีวิต แท้ของชีวิตที่เรียกว่า “อริยสัจ 4” ตามมาด้วย ขยายดินแดนของความรู้ ควบคู่การขยายจำนวน “กฏแห่งไตรลักษณ์” และ “กฏแห่งกรรม” ของพุทธบริษัท ไปในหลายพื้นที่ของประเทศ ตลอดจน “ไตรภูมิ” อินเดียสมัยนั้น ดร. เอนก นาคะบุตร 7 กุมภาพันธ์ 2565

ตอนที่ 2 : มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติการปกครอง จากอำนาจกษัตริย์และสงคราม มาสู่การปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรมทุกศาสนา (บูรณาการ ) และความสงบสุขของมวลประชาชน 1. มหาบุรุษผู้เป็นกษัตริย์ในแคว้นหนึ่งของอินเดีย 2. ในเชิงโครงสร้างการปกครอง มหาบุรุษท่านนี้ โบราณ ผู้ปฏิวัติตนเองจากกษัตริย์นักรบที่กล้าหาญ เปลี่ยนจากอำนาจสงครามในการปกครองประชาชน ทั้ง เกรียงไกรด้วยการชนะสงคราม ขยายอาณาจักร ในแคว้นตนเองและเมืองบริวาร มาเป็นการอยู่ร่วมกัน ครอบคลุมหลายแคว้น จนประชาชนชาวอินเดียสมัยนั้น อย่างสงบสุขภายใต้ “อำนาจธรรม” ที่เป็นอำนาจสูงสุด ขนานนามให้เป็น “กษัตริย์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์ และอยู่เหนือกษัตริย์คือตัวพระองค์เอง ควบคู่การ ทรงพลิกใจ ปฏิวัติตนเองที่จิตสำนึกเบื่อหน่ายต่อการฆ่า จัดการปกครองในรูป “ธรรมะสภา” ที่มีพระมหา ฟันชีวิตมนุษย์ ด้วยสงครามเพื่อล่าดินแดนและ กษัตริย์และนักปราชญ์ตลอดจนนักบวชของทุกศาสนา ทรัพย์สินเงินทองหันกลับมาหาแก่นธรรมของทุกศาสนา ร่วมกันปกครองบ้านเมือง เพื่อนำหลักธรรมของทุกศาสนาเหล่านั้นมาเป็นอำนาจ สูงสุดในการปกครองบ้านเมือง แทนการทำสงครามโดย 3. ริเริ่มให้มีการปกครองประชาชนด้วยการบูรณา มุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความเป็นปึกแผ่นและสงบสุขใน การอำนาจ ของ “อำมาตย์” ที่ออกไปปกครองหัวเมือง ทุกครัวเรือน แต่ละเมืองในแคว้นของพระองค์ ให้กระจายไปปกครอง บ้านเมืองควบคู่กับนักบวช ที่เคร่งครัดต่อหลักธรรมของ ศาสนาที่บัญญัติเป็นหลักในการปกครองเมือง ควบคู่ การกระจายอำนาจการปกครองให้อยู่ในมือของ อำมาตย์และนักบวช ควบคู่กันพร้อมกันนี้ได้อบรม นักบวชในพุทธศาสนา และกระจายให้ไปอยู่ประจำวัดที่ ได้มีการสถาปนาขึ้นทั่วประเทศอินเดียถึง 84,000 วัด

ตอนที่ 2 : มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติการปกครอง จากอำนาจกษัตริย์และสงคราม มาสู่การปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรมทุกศาสนา (บูรณาการ ) และความสงบสุขของมวลประชาชน 1) PASSION : ปณิธานที่มุ่งมั่นต่อ ความสงบสุข 6) PRODUCT : มรดกรูปประจำของมหาบุรุษ ของประชาชนทั้งแผ่นดิน ความตั้งมั่นด้วย “อำนาจ และกษัตริย์มหาราช กษัตริย์มหาราชผู้นี้ที่สำคัญมี 3 ธรรม” อันเป็นอำนาจสูงสุดอยู่เหนือกษัตริย์ ประการคือ 2) PARADIGM SHIFT : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติกระ 1) “นาลันทามหาวิหาร” อันถือเป็นมหาวิทยาลัย บวนทรรศน์สังคม ที่เชื่อว่าสงครามคือการได้มาซึ่ง แห่งแรกของโลกที่บ่มเพาะพระนักบวชในพุทธศาสนา อำนาจในการปกครองประชาชนและขยายดินแดน ทางด้านทฤษฎีและการปฏิบัติภาวนา ก่อนที่จะออกไป ตลอดจนสร้างความมั่งคั่งจากการฆ่าฟันริบทรัพย์ และ เป็นนักบวชอยู่ในวัดที่กระจายอยู่ทั่วประเทศอินเดียถึง แรงงานจากเมืองที่แพ้สงคราม เปลี่ยนมาเป็นความสงบ 84,000 วัด สุขและความเป็นปึกแผ่นของประชาชน แทนทรัพย์ สมบัติและการทำสงคราม ล่าแล้วฆ่าผู้อื่น ด้วยหลักคำ 2) วัดในพุทธศาสนาที่มี “เสาอโศก” เป็น สอนและแก่นคำสอนของทุกศาสนา สัญลักษณ์ถึง 84,000 วัด กระจายอยู่ทั่วทุกหมู่บ้านใน ประเทศอินเดียโบราณ 3) PEOPLE : พระองค์ทรงปฏิวัติระบบการ ปกครองโดยกษัตริย์และการทำสงคราม ทำให้ 3) พระธรรมทูต 9 สายที่ออกเผยแพร่พุทธศาสตร์ ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย มาเป็นการปกครอง นอกทวีปอินเดีย และหนึ่งในสายพระธรรมทูตดังกล่าว ประชาชนที่ทำให้ประชาชนทั้งแผ่นดินมีความสงบสุข ได้เข้ามาสู่ชมพูทวีป ในประเทศแถวลุ่มแม่น้ำอิราวดี และเป็นปึกแผ่น ภายใต้อำนาจสูงสุดของหลักธรรมะ และลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาสมัยนั้น มหาบุรุษผู้มีอำนาจ ของทุกศาสนา สูงสุดในสถานะกษัตริย์และเป็นกษัตริย์มหาราชที่เกรียง ไกร สามารถปฏิวัติอำนาจตนเองให้อำนาจการปกครอง 4) POWER : กระบวนการปฏิวัติ จากอำนาจ บ้านเมืองทั้งหมดอยู่ไปใต้อำนาจสูงสุดของหลักธรรม นอก : สงครามสู่อำนาจธรรมและธรรมสภา ของศาสนาควบคู่กับการมีธรรมสภา ปกครองบ้านเมือง ร่วมกันระหว่างกษัตริย์และนักบวช/ นักปราชญ์ ภายใต้ 5) PROCESS : มหาบุรุษและกษัตริย์มหาราชผู้ หลักธรรมของทุกศาสนาดังกล่าวยิ่งกว่านั้นยังจัดให้มี ปฏิวัติ เลิกสงคราม เปลี่ยนอำนาจของตนเองให้อยู่ใน ระบบกระจายการปกครองประชาชนระดับหมู่บ้าน อำนาจของหลักธรรมของทุกศาสนา และอยู่ภายใต้ ระหว่างอำมาตย์ ร่วมกับวัดในพุทธศาสนาถึง 84,000 “ธรรมสภา” ปฏิวัติโครงสร้างอำนาจการปกครอง วัดทั่วอินเดียในสมัยนั้น ประชาชนให้มีสมดุลระหว่าง “อำมาตย์” และนักบวช ในพุทธศาสนาที่กระจายออกไประดับหมู่บ้านถึง 84,000 วัด

ตอนที่ 2 : มหาบุรุษ ผู้ปฏิวัติการปกครอง จากอำนาจกษัตริย์และสงคราม มาสู่การปกครองแผ่นดินด้วยหลักธรรมทุกศาสนา (บูรณาการ ) และความสงบสุขของมวลประชาชน 7) PLANET : ด้วยคุณูปการของมหาบุรุษผู้นี้ องค์ความรู้ทางพุทธศาสตร์และศาสนาพุทธ จึงได้รับการสืบสาน และสืบทอดโดยนักบวชรุ่นต่อรุ่นผ่านหลากหลายนิกาย ในหลายประเทศในปัจจุบันนอกประเทศอินเดีย แม้ในขณะที่ ประเทศอินเดียเองศาสนาพุทธและองค์ความรู้ “พุทธศาสตร์” ได้เคยสูญสิ้นและสูญหายไปจากทวีปอินเดียในอดีตที่ ผ่านมา ผลจึงทำให้มวลมนุษย์ทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกชนชาติ และชาติพันธุ์ เข้าถึงพุทธศาสตร์และได้เข้าถึงองค์ ความรู้ของจิตมนุษย์ จนนานาประเทศทั่วโลกในปัจจุบันยอมรับให้ “พุทธศาสนา” เป็นศาสนาที่ดีที่สุดของโลก ศาสนาหนึ่งได้ริเริ่มการเผยแพร่องค์ความรู้ของพุทธศาสตร์ในเชิงโครงสร้างถึง 3 ประการคือ ประการที่ 1) ได้จัดตั้งมหาลัยแห่งแรกของโลกที่ใช้เป็นที่เรียนรู้และปฏิบัติพุทธศาสตร์คือ “นาลันทามหาวิหาร” ประการที่ 2) ได้ริเริ่มให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกให้เป็นหมวดหมู่ขององค์ความรู้ ของพระพุทธเจ้าโดยตรง (เถรวาท) ประการที่ 3) ได้จัดตั้งพระธรรมทูต ออกเผยแพร่พุทธศาสตร์ออกนอกทวีปอินเดียไปยังชมพูทวีป คือประเทศใน แถบอินโดจีนปัจจุบัน ถึง 9 สายของพระธรรมทูต

ตอนที่ 3 : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ระบบทุนนิยมเสรีแบบโลกานุวัตร (Globalization) มาสู่ทิศทางใหม่ของโลกด้วย “ศาสตร์พระ ในปัจจุบันล้วนอยู่บนการปฏิวัติจากภายนอกเข้าสู่ ราชา” และ “ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง” ที่อยู่ ความโลภ ความยึดตัวตน ยึดอำนาจทางวัตถุ บนทางสายกลาง และความสมดุลของวิถีชีวิตกับ ทรัพย์สินเงินทอง อันเป็นสัญชาติญาณ จิตใจของ ทรัพยากรธรรมชาติ 3. มหาบุรุษนักพัฒนาผู้คิดนอก มนุษย์ที่อยู่ภายใต้สำนึกของ อารยะธรรมเก่า กรอบและทวนกระแสการพัฒนาของโลกและระบบ “มนุษย์ถ้ำ” ที่อยู่รอดด้วยจิตสำนึกและอารยธรรม ทุนนิยมเสรีที่เน้นการพึ่งพาตลาด พึ่งพารัฐ และผู้มี ของการล่า การฆ่าสัตว์และมนุษย์ด้วยกัน และจบลง อำนาจทรัพย์สินเงินทอง ให้หันมาพึ่งตนเองและ ด้วยการแย่งชิงเมื่อหิวโหย อดอยาก และประสบภัย พึ่งพากันเองจนถึงการจัดตั้ง “วิสาหกิจของกลุ่ม” พิบัติจากธรรมชาติ ร่วมกันที่เรียกว่า “ทฤษฎีใหม่” ในการพัฒนาตนเอง ทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงการค้นคว้าทดลอง และจัดตั้ง ดังในปี 2519-2520 ที่โลกปัจจุบัน เผชิญชะตา “ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนา” อนุรักษ์และจัดการ กรรมเสียสมดุล เกิด “สภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติ” ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยยั่งยืน แทนการไล่ล่า นำมาซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นเพียงเพื่อความมั่งคั่ง ทั่วทั้งโลก อันเป็นผลพวงของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทางเศรษฐกิจตามทิศทางการพัฒนาของโลกตะวัน และวิถีชีวิตคนเมืองสมัยใหม่ ที่ใช้ชีวิตรวมหมู่แออัด ตก ด้วยการยืนอยู่บนหลักธรรมชาติหลักธรรมและ ในเมืองและในโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ และเดิน หลักการอยู่ร่วมกันของประชาชนในรูปชุมชนท้องถิ่น ทางท่องเที่ยว ค้าขาย ลงทุน ทำงานไปทุกมุมโลก ที่จะเข้ามาจัดการทรัพยากรธรรมชาติเชิงภูมิทัศน์ที่ ทุกทวีป เกือบทุกประเทศในทุกทวีป ด้วยอารยธรรม แตกต่างหลากหลาย ทั้งแต่ละภูมินิเวศน์ และภูมิ “ทุนนิยมเสรี” แบบ “โลกานุวัตร” การแย่งชิง การ วัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศ การ ล่า การฆ่าในอดีต จนหลังสมัยการล่าอาณานิคม ปฏิวัติในโลกตะวันตกในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา โดย ล้วนทำให้เกิดสภาวะสงครามนานาประเภท ใน อยู่บนการปฏิวัติเชิงวัตถุนิยม ด้วยความก้าวหน้า หลากหลายประเทศและหลายพื้นที่ ด้วยอาวุธ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนับตั้งแต่ สงครามสมัยใหม่ ควบคู่การแทรกแซง ครอบงำ และ การปฏิวัติการเกษตร มาสู่ การปฏิวัติอุตสาหกรรม ชี้นำของประเทศมหาอำนาจทางอาวุธ เศรษฐกิจ - และจนมาถึงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาคือการปฏิวัติ ทรัพยากรธรรมชาติ และระบบสื่อสารสมัยใหม่จน เทคโนโลยีข่าวสารควบคู่การปฏิวัติการสื่อสารด้วย เกิด 3 ขั้วมหาอำนาจ (อเมริกา รัสเซีย จีน) ที่กำลัง ระบบ Internet และคลื่นวิทยุดาวเทียมในยุค 5G เผชิญหน้า ไล่ล่าแย่งชิงความเป็นใหญ่ ตัวตน และ ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ตอนที่ 3 : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ระบบทุนนิยมเสรีแบบโลกานุวัตร (Globalization) กระบวนการปฏิวัติระบบเศรษฐกิจโลกด้วยการ 2. มหาบุรุษ : ผู้ปฏิบัติชีวิตสองสถานะทั้งเป็น เสนอปรัชญาเศรษฐกิจใหม่ ให้เป็นทางเลือกของมวล กษัตริย์และเป็นนักพัฒนา อยู่เคียงข้างประชาชน ผู้ มนุษย์ เปลี่ยนสังคมด้วยการปฏิบัติชีวิตเป็นแบบอย่าง เป็น หนึ่งเดียวกับประชาชนในขณะที่แสดง “ความเป็น 1. มหาบุรุษผู้เป็นประมุขของประเทศเล็ก ๆ กษัตริย์” ที่เป็นแบบอย่างของกษัตริย์ ที่กษัตริย์อีก ไร้ซึ่งอำนาจทางทหารและทางเศรษฐกิจมุ่งมั่นที่จะ หลายประเทศทั่วโลกให้การยอมรับและแซ่ซ้อง สร้างประโยชน์สุขให้กับประชาชนและมวลมนุษย์ ชื่นชม จากการถูกการไล่ล่า และการครอบงำสมัยใหม่ ที่ เรียกว่าระบบทุนนิยมเสรี และระบบการเมืองการ 1) PASSION : มหาบุรุษผู้มีปณิธานและความ ปกครองประเทศ ทั้งแบบที่เป็นเสรีประชาธิปไตย มุ่งมั่น มหาบุรุษผู้มีปณิธานและความมุ่งมั่น และ และระบบการเมืองการปกครองแบบสังคมนิยมอีก ปฏิบัติภารกิจตลอดชีวิตทั้งการดำรงสถานะกษัตริย์ ขั้วหนึ่งวางบทบาทและนำพาประเทศ รักษาอธิปไตย ควบคู่การมุ่งให้ประชาชนของมหาบุรุษในประเทศนี้ และอิสรภาพของประเทศ บนทางสายกลาง และมี เกิดประโยชน์สุขถ้วนหน้า โดยเฉพาะกับประชาชนผู้ สมดุลระหว่างสภาวะ “สงครามเย็น” ในอดีต จนถึง ยากไร้ การรักษาสัมพันธภาพทางระบบเศรษฐกิจและ สถาบันประเทศ กับขั้วมหาอำนาจ 3 ขั้ว ดังกล่าว ตลอดมา จนถึงกับเสนอปรับทิศทางของประเทศใน เชิงโครงสร้างไม่ให้ถูกไล่ล่าจากระบบทุนนิยมเสรีที่ เน้นเอาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง และ สร้างความร่ำรวยให้กับคนกลุ่มน้อย ปรับทิศทางสู่ การสร้าง “ประโยชน์สุขของมวลมนุษย์และ ประชาชนส่วนใหญ่” ของประเทศนั้นโดยเฉพาะ ประชาชนบนฐานรากของประเทศ ภายใต้ปรัชญา และระบบเศรษฐกิจที่อยู่ใต้หลักธรรม ที่เคารพต่อ ทรัพยากรธรรมชาติ และการพึ่งพาตนเองของ ประชาชน ด้วยจิตสำนึกของความพอเพียง ความรัก หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ ความสุขสงบ ความ สามัคคีของประชาชน และความเท่าทันต่อ โลกานุวัตร ที่เคลื่อนไหวครอบคลุมโลกอยู่ในปัจจุบัน

ตอนที่ 3 : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ระบบทุนนิยมเสรีแบบโลกานุวัตร (Globalization) มหาบุรุษผู้นำเสนอการปฏิวัติระบบเศรษฐกิจ ดังจะพบว่าในปี 2020 โลกได้ก้าวเข้าสู่สงคราม โลกจากระบบทุนนิยมเสรี ที่เน้นทำกำไรสูงสุดบน การค้า และสงครามในรูปแบบที่เผชิญหน้ากัน ความโลภของมนุษย์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ระหว่าง 3 ขั้วมหาอำนาจของโลก อันจะนำไปสู่ ของโลกอย่างสิ้นเปลืองในทุกประเทศ เปลี่ยน สงครามโลกของมวลมนุษย์ ที่ล้มตายกันมากมายอย่าง เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียงที่อยู่บนหลัก เช่นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองที่ผ่านมา ความสมดุลและทางสายกลางของความสัมพันธ์ คู่ที่ หนึ่งระหว่างการ “ทำกำไร”จากเศรษฐกิจบนฐาน ในทางกลับกันมหาบุรุษท่านนี้ ได้เสนอทางเลือก ของทรัพยากรที่แต่ละคนแต่ละชุมชนแต่ละประเทศ ของโลก จากการไล่ล่าและฆ่ากันจนเกิดเป็นสงคราม มีอยู่โดยไม่ไปทำลาย “ทรัพยากรธรรมชาติ” ของคน ระหว่างนานาชาติ มาเป็นการแบ่งปันระหว่างบุคคล อื่น ประเทศอื่น หรือชุมชนอื่น ด้วยความ “พอ ระหว่างชุมชนและระหว่างประเทศเพื่อให้เกิด เพียง” ตามสถานะของทรัพยากรธรรมชาติของตน ประโยชน์สุขและความสงบสุขของมวลมนุษย์ทั้งโลก และตามสภาวะความสุขของแต่ละคน แต่ละชุมชน นั่นเอง และแต่ละประเทศคู่ที่สองระหว่าง “การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ” นั้น ๆ อย่างพอประมาณ 2) PARADIGM. SHIFT : มหาบุรุษผู้เปลี่ยน ควบคู่การรู้จัก “การอนุรักษ์ฟื้นฟู” และสืบทอด กระบวนทัศน์ของระบบทุนนิยมเสรีโลก ที่กำลังเป็น ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานใน ระบบที่ครอบคลุมทั้งโลกภายใต้วิถีชีวิตโลกานุวัตร อนาคตมากกว่าการใช้ทรัพยากรของโลกในระบบ จากการเน้นการทำกำไรและการวัดความมั่งคั่งของ อุตสาหกรรมและระบบทุนนิยมเสรีที่ไม่คิดถึงอนาคต แต่ละประเทศจากเป้าหมายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ดังในปัจจุบัน ตัวเงินและทรัพย์สินที่เป็นวัตถุนิยม บนความโลภของ จิตสำนึกมนุษย์เปลี่ยนมาเป็นระบบเศรษฐกิจที่ยึดมวล มนุษย์เป็นตัวตั้งที่จะตอบสนอง “ความประโยชน์สุข ของมวลมนุษย์” บนความพอเพียงของฐาน ทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องทั้งอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนา ควบคู่กันไป ทั้งนี้โดยมุ่งความยั่งยืนของ ทรัพยากรธรรมชาติของโลกระยะยาว ควบคู่กับการที่ มวลมนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าถึงประโยชน์สุขจาก ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้น

ตอนที่ 3 : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ระบบทุนนิยมเสรีแบบโลกานุวัตร (Globalization) 3) PEOPLE : ระบบทุนนิยมเสรีของโลกใน 4) POWER : การปฏิวัติระบบเศรษฐกิจที่เป็นก นานาประเทศ โดยเฉพาะทางตะวันตกและในหลาย ระแสหลักของโลก มหาบุรุษท่านนี้เริ่มด้วยการปฏิวัติ ประเทศในตะวันออกล้วนพบว่า มีคนจำนวนไม่เกิน ตนเอง มีวิถีชีวิตที่สมถะ ดำเนินชีวิตเพื่อมวลมนุษย์ 10% ของประชากรของแต่ละประเทศ ร่ำรวยในขั้น และประชาชน เริ่มจากการคิดค้น ค้นคว้าและลงมือ มหาศาลเท่านั้น สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับคนส่วน ปฏิบัติ ทดลองด้วยตนเอง จนเกิดการเข้าถึงซึ่งปัญญา ใหญ่ของประเทศมากกว่า 60 ถึง 70% ให้ต้องอยู่ใน และเป็นทฤษฎีปรัชญาที่ผุดขึ้นในจิตของมหาบุรุษท่าน ความยากจน อันนำมาซึ่งความแร้นแค้น ยากลำบาก นี้ จากนั้นจึงแปลเปลี่ยนเป็นโครงการพัฒนาต่าง ๆ ของมวลมนุษย์ในแต่ละประเทศและทั้งของโลก ใน เผยแพร่ และส่งเสริมไปสู่ประชาชนผู้ยากไร้ด้วยตนเอง หลายประเทศที่กำลังพัฒนามีประชากรไม่ต่ำกว่า 10 ด้วยโครงการพัฒนาต่าง ๆ ผ่านกลุ่มเป้าหมายผู้ยากไร้ ถึง 20% ประสบภาวะอดอาหาร หิวโหย และยากไร้ ในที่ห่างไกลทั่วทั้งประเทศด้วยพลังแห่งความเมตตา ทั้งที่อยู่และอาหารดำรงชีวิต พลังความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติและเผยแพร่ ติดตาม ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอ เพียงของมหาบุรุษท่านนี้ จึงมุ่งเน้นให้มวลมนุษย์ พึ่งพาตนเอง และพึ่งพากันเองโดยการรวมกลุ่ม และ ร่วมมือกันในรูปเศรษฐกิจชุมชนเพื่อการมีวิถีชีวิต แบบพอเพียง ควบคู่การแบ่งปันอนุรักษ์และพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สุดท้ายเพื่อมุ่งให้ วิถีชีวิตชุมชนและเศรษฐกิจชุมชน ท้องถิ่นตั้งมั่นอยู่ได้ร่วมกัน พร้อมด้วยการมีปรัชญา เศรษฐกิจชี้นำ และเป็นองค์ความรู้ที่จะหยุดความ โลภ อันเป็นจิตสำนึกและสัญชาติญาณของมวล มนุษย์ ที่นำไปสู่การล่าและการฆ่าในที่สุดให้กลับมา เป็นการแบ่งปันเกื้อกูลและอยู่ร่วมกันอย่างมีความ สงบสุขในวิถีชีวิตของมวลมนุษย์ ในแต่ละภูมินิเวศน์ และแต่ละภูมิวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ แต่ละ ภาษาแต่ละประเทศ

ตอนที่ 3 : มหาบุรุษผู้ปฏิวัติ ระบบทุนนิยมเสรีแบบโลกานุวัตร (Globalization) 5) PROCESS : มหาบุรุษท่านนี้ใช้กลไก และกระบวนการในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง นอกกรอบจากระบบของรัฐและราชการปกติด้วยการสถาปนากลไกใหม่ใหม่ที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพด้วย การจัดการความรู้และจัดการทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งแผนที่และภาพถ่ายดาวเทียมตลอดจนข้อมูลสาระสนเทศ พัฒนาขึ้นเป็นโครงการหลวง โครงการพระราชดำริ ตลอดจนจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาและพัฒนาขึ้นในแต่ละภูมิภาคทั่ว ประเทศ ทำหน้าที่เป็นศูนย์วิจัย ทดลองและสาธิตให้ประชาชนแต่ละภาคในแต่ละภูมินิเวศน์และแต่ละภูมิวัฒนธรรม ได้เข้าถึงโครงการต่างๆ ควบคู่การฝึกฝนทักษะได้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ สุดท้ายจัดตั้งงมูนิธิชัยพัฒนา เพื่อเป็นมูนิธิ กลางในการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อนำไปพัฒนาทุกท้องถิ่นและภูมิภาคจากส่วน กลางอีกชั้นหนึ่ง ทุกกลไกล้วนร่วมมือกับทั้งภาครัฐภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ภาคสื่อสารมวลชน และองค์กร นานาชาติ 6) PRODUCT : ศาสตร์พระราชา : กระบวนทัศน์ใหม่ของระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาแบบยั่งยืน มรดกรูปธรรมที่มหาบุรุษท่านนี้ ได้มอบให้ประชาชนชาวไทยอันได้รับการยอมรับเผยแพร่ไปยังนานาชาติทั่วโลก ที่สำคัญอีนถือเป็น “คลื่นองค์ความรู้จากตะวันออก ในระดับโลกานุวัตร” รวมเรียกว่า “ศาสตร์พระราชา : กระบวน ทัศน์ใหม่ของระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาแบบยั่งยืน” 7) PLANET : ระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ครอบคลุมไปทั้งโลกที่เรียกว่า โลกานุวัตรในขณะที่ขั้วมหาอำนาจของโลก ได้เปลี่ยนแปลงเป็น 3 ขั้วเผชิญหน้าและก่อสงครามในหลากหลายรูป แบบอยู่ในปัจจุบัน เป็นที่คาดว่าในอนาคตอีก 5 ถึง 20 ปีข้างหน้า หลังสภาวะของการแพราระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และการเผชิญหน้าและเกิดสงครามระหว่างประเทศในหลายพื้นที่ของโลกสิ้นสุดลงปรัชญาเศรษฐกิจแบบ พอเพียงและองค์ความรู้ของศาสตร์พระราชาของมหาบุรุษท่านนี้ จะได้รับการค้นคว้า ขยายผล ในอีกหลายหลาย ประเทศ ในอนาคตทั่วทั้งโลก เพื่อประชาชนผู้ยากไร้ในแต่ละประเทศที่ประสบภัยพิบัติและความยากไร้จากสงคราม ของ 3 ขั้วมหาอำนาจดังกล่าว ดร. เอนก นาคะบุตร 8 กุมภาพันธ์ 2565

บทสังเคราะห์ จุดร่วม 3 มหาบุรุษ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา และเกี่ยวข้องกับมหาบุรุษคนแรกในบทความ จึงเอาความหมายของ “วันมาฆบูชา” ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 และเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงควบคู่กับเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาท ปาฏิโมกข์ อันเป็นหัวใจของพุทธศาสตร์ต่อหน้าพระสงฆ์ 1,250 รูปที่พระองค์ทรงเปล่งวาจาบวชให้ สังเคราะห์สิ่งที่ ได้เรียนรู้และถอดรหัสองค์ความรู้จาก 3 มหาบุรุษที่ปฏิวัติตนเองจนเกิดพลังปัญญา พลังความรัก และพลังความ เมตตา นำไปสู่การปฏิวัติสังคมแห่งมวลมนุษย์แม้กระทั่ง 2,500 ปีล่วงมาแล้ว พุทธบริษัทสี่ ที่เป็นชาวพุทธยังสืบสาน พุทธศาสนาและพุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้จนถึงปัจจุบันรวม 2,500 กว่าปี 3 มหาบุรุษ ได้แก่ จนเกิดปัญญาหรือพลังจิตที่ทำให้เกิดความรักและความ 1) พระพุทธเจ้า/ เจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์ เมตตาต่อประชาชน (อำนาจ ธรรม) ในการจะอยู่ร่วม 2) พระเจ้าอโศกมหาราช กัน ทั้งผู้ปฏิวัติกับมวลประชาชนที่ได้รับประโยชน์ใน 3) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “โครงสร้างสังคมที่จัดตั้งใหม่” หลังการปฏิวัติที่เรียกว่า รัชกาลที่ 9 ของไทย “สังคมอารยะ” ที่เป็นกัลยาณมิตรกันในรูป “พุทธ บริษัท 4” ที่เน้นการพึ่งตนเอง การพึ่งพากันเอง ตลอด 1. ความเป็นหนึ่งเดียว (oneness) ระหว่างผู้ จนการเกื้อกูลและแบ่งปันซึ่งกันและกัน อันเป็นสังคม ปฏิวัติกับประชาชนผู้ได้รับผลของการปฏิวัติจะพบว่าทั้ง ของชาวพุทธหลังการปฏิวัติในอดีตจนมาถึงปัจจุบันกว่า 3 มหาบุรุษล้วนเริ่มการปฏิวัติ “จิตสำนึกตนเอง” จาก 2500 ปี การเลิกการใช้ “อำนาจแข็ง” ดังในอดีตซึ่งนำมาซึ่งตัว ตนและการรวมศูนย์อำนาจ ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ยาก 2. การค้นหาปรับปรุงตนเอง ในการรักษา “สภาวะ และล้มตายของประชาชน มาเป็นการค้นหาความจริง ความสมดุล” ระหว่าง “อำนาจภายนอก” กับ “พลังจิต เพื่อการลงมือปฏิบัติตนเองให้เข้าถึง “องค์ความรู้ใหม่” สำนึกและปัญญาของผู้ปฏิวัติ” ควบคู่การชี้นำและจัดตั้ง ที่จะทำให้มวลมนุษย์และมวลประชาชน พ้นทุกข์ ดับ สังคมใหม่ ที่มีสมดุลระหว่าง “ทรัพย์สิน” กับ “ความ ทุกข์ และเกิดประโยชน์สุขในการดำเนินชีวิตร่วมกัน สุขสงบ/ ประโยชน์สุขในจิตสำนึกของประชาชน ทั้ง 3 ภายใต้องค์ความรู้ที่เป็น “สัจธรรมของธรรมชาติ” อัน มหาบุรุษล้วนพบว่าความสงบสุข ประโยชน์สุข และ เป็นหลักธรรมของทุกศาสนาที่เรียกว่า “พลังจิตสำนึก/ ความรักความเมตตาในหมู่ประชาชนที่พึ่งพากัน (กัล พลังปัญญา” ขัดเกลาฝึกฝนและยกระดับจิตสำนึกของ ญาณมิตร) ล้วนเป็นโครงสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้ ตนเอง สังคมใหญ่สงบสุขและยังสามารถแบ่งปันช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์รอบข้างกระจายตัวออกไปอย่างไม่รู้จบสิ้น

บทสังเคราะห์ จุดร่วม 3 มหาบุรุษ ในขณะที่อำนาจของสงครามและอำนาจของ การจัดตั้งสังคมใหม่ที่เป็นแบบอย่างของโลกและมวล ทรัพย์สินเงินทองและความมั่งคั่ง ล้วนนำมาซึ่งความปั่น มนุษย์ คือการเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจและ ป่วนของสังคมและประชาชน ที่มักแย่งชิงไล่ล่า และ ทรัพย์สินเงินทองที่เรียกว่า “สังคมแนวดิ่ง” ที่มีทั้ง สุดท้ายจบด้วยการทำสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ชนชั้นและวรรณะ มาเป็น “สังคมอารยะ” ที่เพิ่งตนเอง จนเกิดสภาวะสังคมไร้ระเบียบและมักเกิดการปฏิวัติซ้ำ และพึ่งพากันและกันในรูปของการเป็นกัลยาณมิตรที่ แล้วซ้ำอีก เพื่อแย่งชิงอำนาจของวัตถุและทรัพย์สิน เรียกว่า “พุทธบริษัทสี่” และการจัดตั้งประชาชนในที่ เหล่านั้น (ดังสภาวะโลกและนานาประเทศปัจจุบัน) การ ห่างไกลในรูปโครงการหลวงและโครงการพระราชดำริ ปฏิวัติเฉพาะด้วยอำนาจแข็งอย่างเดียว และบนวัตถุ ที่รัชกาลที่ 9 ทรงจัดตั้งขึ้นเพื่อให้กษัตริย์และประชาชน หรือทรัพย์สินเงินทองแต่อย่างเดียวล้วนนำมาซึ่งความ มีความสัมพันธ์ในเชิงวิถีชีวิตร่วมกันในแนวระนาบตลอด ปั่นป่วนของผู้ปฏิวัติและประชาชนในสังคมนั้นนั้นความ จนการจัดโครงสร้างกระจายการปกครองของพระเจ้า สมดุล และความพอดี ตลอดจนความสงบสุข จะเกิดขึ้น อโศกมหาราช แบบสมดุลควบคู่กันระหว่างอำมาตย์ กับ ได้ จำเป็นต้องมีการค่อย ๆ ปฏิรูป (evolution) และ นักบวชในพุทธศาสนา กระจายไปทุกหมู่บ้าน ถึง ฝึกฝนจิตด้วยหลักธรรมของทุกศาสนา เพื่อยกระดับ 84,000 วัดในแต่ละหมู่บ้านทั่วอินเดีย ควบคู่การส่งพระ คุณภาพจิตจากการเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความมั่งคั่งทาง ธรรมทูต 9 สายออกไปยังชมพูทวีป และประเทศอื่น ๆ วัตถุเป็นความสุขที่จะอยู่และมีวิถีชีวิตบนทางสายกลาง นอกอินเดียอันถือเป็นโครงสร้างการกระจายออก แทน หรือความสมดุลระหว่างทรัพย์สินและความสุขสงบของ การรวมศูนย์การปกครองและความมั่งคั่งเศรษฐกิจ ดัง สังคมและตนเอง ในปัจจุบันที่เป็นอยู่ในหลายหลายประเทศเกือบทั้งโลก จนทำให้พุทธศาสตร์สืบสานและนานาประเทศทั่วโลก 3. การจัดตั้งสังคม ทั้งผู้ปฏิวัติกับมวลประชาชน เข้าถึงได้ในปัจจุบัน ผู้รับประโยชน์ที่ร่วมชะตากรรมในระนาบสังคมเดียวกัน (แนวนอน) และกระจายออกสู่โลก ดร. เอนก นาคะบุตร วันมาฆบูชา : 16 กุมภาพันธ์ 2564 ทั้ง 3 มหาบุรุษล้วนให้ความสำคัญกับการจัดตั้งองค์ ความรู้ด้วยหลักธรรมของทุกศาสนา โดยเฉพาะจาก พุทธศาสตร์ที่ค้นพบความจริงแท้ของระบบธรรมชาติ และชีวิตมนุษย์ ทั้งจากการจดบันทึกและสังคายนา อย่างต่อเนื่องเป็นพระไตรปิฎก ตลอดจนมีแหล่งเรียนรู้ ฝึกฝนและสืบทอดองค์ความรู้ทางพุทธศาสตร์ของ พระเจ้าอโศกมหาราชที่นาลันทามหาวิหาร หรือการ ทดลองค้นคว้าและรวบรวมเป็นศาสตร์พระราชาและ ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงของรัชกาลที่ 9


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook