Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันวิสาขบูชา

วันวิสาขบูชา

Published by ห้องสมุดประชาชน, 2021-05-24 07:46:41

Description: วันวิสาขบูชา

Search

Read the Text Version

ตรงกับวนั ขึ้น ๑๕ คำ่ เดือน ๖ ห้องสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” อำ่ เภอสำมพรำน

ความหมาย คาวา่ \"วิสาขบูชา\" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญ เดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก \" วิสาขปุรณมีบูชา \" แปลว่า \" การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ \" ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเปน็ กลางเดอื น ๗ ความสาคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสาคัญยิ่งทาง พระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิดไดต้ รสั รู้ คอื สาเรจ็ ได้ปรนิ ิพพาน คือ ดับ เกิดขน้ึ ตรงกันทงั้ ๓ คราว คือ ๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติท่ีพระราชอุทยาน ลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสด์ุกับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ า เ ดือ น ๖ ปี จ อ ก่ อนพุ ทธ ศัก ราช ๘ ๐ ปี ๒. เม่ือเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธ์ิ ฝ่ังแม่น้า เนรัญชรา ตาบลอุรุเวลาเสนานคิ ม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออก ผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานท่ีตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตาบลหน่ึงของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลมิ รำชกมุ ำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และ โปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับ ขันธปรินิพพาน เม่ือวันอังคาร ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศ อนิ เดยี ) นับว่าเป็นเร่ืองท่ีน่าอัศจรรยย์ ่ิง ท่ีเหตุการณ์ท้ัง ๓ เกี่ยวกับ วิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซ่ึงมีช่วงระยะเวลาห่างกัน นับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังน้ัน เม่ือถึงวันสาคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต ได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมราลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และ พระบรสิ ุทธคิ ุณ ของพระองค์ท่านผเู้ ปน็ ดวงประทีปของโลก หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

ประวัตคิ วามเปน็ มาของวันวิสาขบชู าในประเทศไทย วันวิสาขบูชาน้ี ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่คร้ัง กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซ่ึงสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้า ภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชา อย่าง มโหฬาร เพ่ือถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาล ต่อ ๆ มา กท็ รงดาเนนิ รอยตาม แม้ปัจจุบนั ก็ยังถอื ปฏบิ ตั ิอยู่ ส มั ย สุ โ ข ทั ย น้ั น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย กั บ ป ร ะ เ ท ศ ลั ง ก า มีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะ พระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเช่ือว่าได้นาการประกอบพิธีวิสาขบชู ามาปฏบิ ัตใิ นประเทศ ไทยดว้ ย หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” อำ่ เภอสำมพรำน

หลกั ธรรมสาคญั ท่ีควรนามาปฏิบตั ิ ๑. ความกตัญญู คือความรู้อุปการคุณที่มีผู้ทาไว่ก่อน เป็นคุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณท่ี ผู้อน่ื ทาไวน้ นั้ • บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้กาเนิดและ เล้ียงดูจนเติบโต ให้การศึกษาอบรมส่ังสอน ให้เว้นจากความชั่ว ม่ันคงในการทาความดี เม่ือถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่ เหมาะสมให้ และมอบทรพั ย์สมบตั ใิ ห้ไวเ้ ปน็ มรดก • ลูกเมื่อรู้อุปการะคุณท่ีบิดามารดาทาไว้ ย่อมตอบแทน ด้วยการประพฤติตัวดี สร้างช่ือเสียงให้ แก่วงศ์ตระกูล เล้ียงดู ท่าน และช่วยทางานของ ท่าน และเม่ือท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทาบุญอุทิศสว่ นกุศลให้ท่าน • ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่ศิษย์ ในฐานะเป็นผู้ประสาท ความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนาให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่าง ไม่ปิดบังยกย่องให้ปรากฎแก่คนอ่ืน และช่วยคุ้มครองให้ศิษย์ ทง้ั หลาย • ศิษย์เม่ือรู้อุปการคุณท่ีครูอาจารย์ทาไว้ ย่อมตอบแทน ด้วยการต้ังใจเรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารไม่ล่วงละเมิด โอวาทของครู หอ้ งสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

• ความกตัญญูและความกตเวทีน้ี ถือว่าเป็นเคร่ืองหมาย ของคนดี ส่งผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้เพราะ บิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเอง ด้วยการทาอุปการคุณให้ ก่อน และลูกกจ็ ะรู้จกั หน้าท่ขี องตนเองด้วยการทาดตี อบแทน • นอกจากบิดากับลูก และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อน้ีก็สามารถนาไปใช้ได้แม้ระหว่าง นายจ้างกับ ลูกจ้าง อันจะส่งผลให้สงั คมอยู่ร่วมกันได้อยา่ งสงบสุข • ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการรีใน ฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพ้นทุกข์ ให้แกเ่ วไนยสตั ว์ • พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันน้ีจึงตอบแทนด้วยอามิส บูชาและปฎิบัติบูชากล่าวคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งท่ีชาวพุทธแสดงออก ซ่ึงความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการทานุ บารุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และ ประพฤตปิ ฎบิ ัตธิ รรม เพื่อดารงอายพุ ระพทุ ธศาสนาสบื ไป ห้องสมดุ ประชำชน “เฉลมิ รำชกมุ ำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

๒. อริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงความจริง ของชีวิตท่ีไม่ผันแปร เกิดมีไดแ้ ก่ทกุ คน มี ๔ ประการ คือ • ทุกข์ ได้แก่ปัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็ เพื่อให้ทราบว่ามนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกัน ทั้งทุกข์ข้ัน พ้ืนฐาน และทุกข์เกี่ยวกับการดาเนินชีวิตประจาวัน ทุกข์ขั้น พื้นฐานคือทุกข์ท่ีเกิดจาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วน ทุกขท์ เ่ี กีย่ วกับการดาเนินชีวิตประจาวัน คือทุกข์ที่เกิด จากการ พลัดพรากจากส่ิงท่ีรัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกันส่ิงท่ีไม่เป็น ที่รัก ทุกข์ท่ีเกิดจากไม่ได้ต้ังใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ท่ีเกี่ยวกับ การดาเนนิ ชีวติ ด้านต่างๆ อาทิความ ยากจน • สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็ เพ่ือให้ทราบว่า ทุกข์ทั้งหมดซ่ึงเป็นปัญหา ของชีวิตล้วนมีเหตุ ให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัญหา อันได้แก่ความอยากได้ต่างๆ ซึง่ ประกอบไปด้วยความยึดมั่น • นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็ เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิต ทั้งหมดที่สามารถแก้ไข ได้นั้นต้องแก้ไขตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมา ปฎปิ ทา ) หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

• มรรค การปฏิบัติเพื่อจากัดทุกข์ เพ่ือหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ ต้องการ ๓. ความไม่ประมาท ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอท้ัง ขณะทาขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพ่ือนา มาใช้ใน ชีวิตประจาวัน หมายถึง การระลึกรู้ทันการเคล่ือนไหว ของ อริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติทาได้โดยตั้ง สติกาหนดการเคลื่อนไหวของอริยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้ง ในขณะ ยืน เดิน น่ัง และนอน รวมท้ัง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูด คิด และขณะทางานต่างๆ เมื่อทาได้อย่างน้ีก็ช่ือว่า มีความไม่ ประมาท การทางานต่างๆ สาเรจ็ ไดก้ ด็ ว้ ยความไม่ประมาท กล่าวคือ ผู้ทาย่อมต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และกาลังทาอย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ ผิดพลาด ห้องสมุดประชำชน “เฉลมิ รำชกมุ ำรี” อำ่ เภอสำมพรำน

• มรรค การปฏิบัติเพื่อจากัดทุกข์ เพ่ือหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ ต้องการ ๓. ความไม่ประมาท ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอท้ัง ขณะทาขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพ่ือนา มาใช้ใน ชีวิตประจาวัน หมายถึง การระลึกรู้ทันการเคล่ือนไหว ของ อริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติทาได้โดยตั้ง สติกาหนดการเคลื่อนไหวของอริยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้ง ในขณะ ยืน เดิน น่ัง และนอน รวมท้ัง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูด คิด และขณะทางานต่างๆ เมื่อทาได้อย่างน้ีก็ช่ือว่า มีความไม่ ประมาท การทางานต่างๆ สาเรจ็ ไดก้ ด็ ว้ ยความไม่ประมาท กล่าวคือ ผู้ทาย่อมต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และกาลังทาอย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ ผิดพลาด ห้องสมุดประชำชน “เฉลมิ รำชกมุ ำรี” อำ่ เภอสำมพรำน

กิจกรรมของวนั วิสาขบูชา 1. ทาบุญใส่บาตร กรวดน้าอุทิศส่วนกุศลให้ญาติท่ีล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร 2. จัดสารับคาวหวานไปทาบุญถวายภัตตาหารท่ีวัด และ ปฏิบตั ธิ รรม ฟังพระธรรมเทศนา 3. ปล่อยนกปลอ่ ยปลา เพือ่ สร้างบญุ สรา้ งกศุ ล 4. ร่วมเวียนเทียนรอบอุโบสถที่วัดในตอนค่า เพ่ือราลึกถึง พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ 5. รว่ มกิจกรรมเกย่ี วกบั วันสาคัญทางพุทธศาสนา 6. จัดแสดงนิทรรศการ ประวัติ หรือเร่ืองราวความเป็นมา เกี่ยวกับวันวิสาขบูชาตามโรงเรียน หรือสถานที่ราชการต่าง ๆ เพ่ือให้ความรู้ และเป็นการร่วมราลึกถึงความสาคัญของ วันวสิ าขบชู า 7. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วัดและสถานท่ี ราชการ 8. บาเพ็ญสาธารณประโยชน์ ห้องสมุดประชำชน “เฉลมิ รำชกุมำรี” อ่ำเภอสำมพรำน

บรรณานกุ รม ธรรมมะไทย. (2551). วนั วสิ าขบชู า. สบื ค้น 24 พฤษภาคม 2564, จาก http://www.dhammathai.org/day/visaka.php Masterkool. (2560). กิจกรรมในวันวสิ าขบูชา. สบื ค้น 24 พฤษภาคม 2564, จาก http://www.masterkool.com/ วนั วิสาขบชู า2560/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook