ทำเนยี บแหลง่ เรยี นรู้ อำเภอสวุ รรณคูหำ จงั หวัดหนองบัวลำภู ประจำเดอื น มถิ นุ ำยน ๒๕๖๓ ศนู ย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยอำเภอสุวรรณคูหำ สำนกั งำน กศน. จังหวดั หนองบวั ลำภู สำนกั งำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร กระทรวงศึกษำธกิ ำร เอกสารวชิ าการเลขที่ ๑๒๙/๒๕๖๓
คำนำ สารสนเทศทาเนียบแหล่งเรียนรู้ อาเ ภอสุวรรณคูหา จังหวัด หนองบัวลาภู ฉบับนี้ จัดทาขึ้นเพ่ือรวบรวมแหล่งเรียนรู้ เช่น แหล่งเรียนรู้ ทางการเกษตร ปราชญช์ าวบ้าน ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ในเขตอาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบัวลาภู เพ่ือเป็นแหล่งรวบรวมขององค์ความรู้ที่หลากหลาย พร้อมที่จะให้ผู้สนใจเข้าไปศึกษาค้นคว้าด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ี แตกต่างกนั ของแตล่ ะบคุ คล เป็นการส่งเสรมิ การเรียนร้ตู ลอดชีวิต เป็นแหล่ง เชอื่ โยงใหส้ ถานศกึ ษาและชมุ ชนมคี วามสัมพันธใ์ กลช้ ดิ กัน การจัดทาข้อมลู แหล่งเรยี นรู้ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู ในครงั้ นี้ไดร้ ับความรว่ มมอื อยา่ งดยี ิ่งจากชุมชน จงึ ขอขอบคุณเป็นอยา่ งสงู ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสารสนเทศทาเนียบแหล่งเรียนรู้นี้ จะ เป็นประโยชน์ต่อบุคคล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ ดาเนินงานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ลยงิ่ ข้ึนไป หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอสวุ รรณคูหา กศน.อาเภอสุวรรณคหู า มิถุนายน 2563
สำรบญั หนำ้ 4 ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นตาบลนาดี 8 ภูมปิ ัญญาท้องถิ่นตาบลสวุ รรณคหู า 13 ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ตาบลบา้ นโคก 17 ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ตาบลดงมะไฟ 26 ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ตาบลกดุ ผึ้ง 34 ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นตาบลนาด่าน 38 ภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ตาบลบญุ ทนั 42 ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นตาบลนาสี
ประวตั แิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ตาบลนาดี อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น อุตสาหกรรม สาขา หตั ถกรรม นางดวงตา นามวงษ์
ประวัติและผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู ด้าน อตุ สาหกรรม สาขา หัตถกรรม 1. ประวตั ิและผลงาน นางดวงตา นามวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 เดือน มีนาคม 2507 จบ การศึกษาระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ปจั จุบันอาศัยอยู่บ้านเลขท่ี 323 หมทู่ ี่ 7 บ้านราษฎร์เกษมศรี ตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู เบอร์โทรศพั ท์ 080-192-5202 เดมิ ที นางดวงตา นามวงษ์ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แตไ่ ด้รับการ ถา่ ยทอดความรจู้ ากมารดาในเรื่องการทอเสอื่ กกจึงได้ฝกึ หดั ทาและออกแบบ ลวดลายได้สวยงาม ประกอบกับการเว้นว่างจากการทาเกษตรกรรมและใน พ้ืนที่มีต้นกกปลูกอยู่เป็นจานวนมาก จึงได้ใช้เวลาว่างร่วมกับญาติพี่น้อง รวมกลุ่มทอเสื่อกกไว้เพื่อใช้เองและได้พัฒนาฝีมือในการออกแบบลวดลาย ต่างๆจนสามารถส่งขายไปยังพ้ืนที่ต่างๆที่มีคนสนใจและยังเป็นวิทยากรใน การจดั การเรยี นรใู้ นหลักสตู รระยะสน้ั ของ กศน.ตาบลนาดี อีกดว้ ย 2. องคค์ วามรูแ้ ละความเชยี่ วชาญ 1. การออกแบบลวดลายของเสอื่ กก 2. การทอเสอ่ื กกในลวดลายต่างๆ 3. การถา่ ยทอดความรูใ้ หก้ บั ผู้ทส่ี นใจ 4. การบรรจภุ ณั ฑแ์ ละขายผลติ ภณั ฑ์ 5. การแปรรูปผลติ ภณั ฑเ์ สอ่ื กก
3. การถ่ายทอดความรู้และความเชย่ี วชาญ นางดวงตา นามวงษ์ เป็นผทู้ ี่มคี วามสามารถในการออกแบบลวดลาย ของเส่อื กกรวมไปถึงการทอเส่ือกกและการถ่ายทอดความรวู้ ิทยาการตา่ งๆ ในการทอผเสอ่ื กกใหก้ ับผทู้ ี่มีความสนใจในดา้ นงานหัตถกรรม อกี ทง้ั ยังไดร้ ับ เชิญไปเป็นวิทยากรให้ความรกู้ บั กลุ่มผูเ้ รยี นหลกั สูตรระยะส้ันของ กศน. ตาบลนาดี อีกดว้ ย 4. ลักษณะของเครอื ขา่ ยและการสรา้ งเครอื ขา่ ย นางดวงตา นามวงษ์ ได้รบั เชิญใหเ้ ปน็ วทิ ยากรใหค้ วามรแู้ กผ่ ู้ทใ่ี ห้ความ สนใจ ทง้ั ในหน่วยงานราชการหรือรัฐวสิ าหกิจ 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ มชมุ ชนและสังคม 1. เปน็ วทิ ยากรใหค้ วามรู้ 2. การนาผลติ ภณั ฑถ์ วายใหก้ ับวันในชมุ ชน
ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ตาบลสุวรรณคูหา อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปหตั ถกรรม สาขา การสานตะกร้าจากเชอื กมดั ฟาง นางดวงจนั ทร์ อุปแกว้
ประวัติและผลงานครภู ูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ ตาบลสวุ รรณคหู า อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู ดา้ นศลิ ปหตั ถกรรม สาขาการสานตะกรา้ จากเชือกมดั ฟาง 1. ประวตั แิ ละผลงาน ชื่อปราชญ์ชาวบา้ น นางดวงจนั ทร์ อปุ แกว้ องคค์ วามรูข้ องแหลง่ เรยี นรู้ มคี วามรูค้ วามสามารถด้านการสานตะกร้าจากเชอื กมดั ฟาง เชน่ การสาน ตะกรา้ จากเชอื กมัดฟาง ลายผเี สื้อ ลายดอกไม้ เป็นตน้ งานเฟอรน์ เิ จอร์ การสานตะกรา้ จากเชือกมดั ฟาง ลายผเี สอื้ ลายดอกไม้ เปน็ ต้น สถานทีต่ ้ัง บา้ น พนมพัฒนา หมูท่ ่ี 5 ตาบลสุวรรณคหู า อาเภอสุวรรณ คหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู เบอร์โทรศพั ท์ 094-370-8941 2. องค์ความรู้และความเช่ียวชาญ มคี วามรคู้ วามสามารถดา้ นการสานตะกร้าจากเชือกมดั ฟาง เชน่ การ สานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ลายผีเสื้อ ลายดอกไม้ เป็นต้น ต้องมี ความคิดสร้างสรรค์ เพ่ือให้ แปลกจากคนอื่น เพื่อให้เป็นจุดสนใจของลูกค้า และต้องควบคุมกระบวนการผลิตทุกข้ันตอนใหไ้ ดม้ าตรฐาน ถา่ ยทอดความรู้ เรื่องการด้านการสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง เช่น การสานตะกร้าจาก เชอื กมัดฟาง ลายผีเสื้อ ลายดอกไม้ เปน็ ต้น นนั้ จะต้องมเี คล็ดลบั ในการ ทอ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เพ่ือให้ แปลกจากคนอื่น เพ่ือให้เป็นจุดสนใจ ของลูกค้าและต้องควบคุมกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนให้ได้มาตรฐาน วัสดุ ตกแต่งต้องติดแนน่ ไมห่ ลดุ ได้ง่าย
3. การถ่ายทอดความรู้และความเช่ียวชาญ ถ่ายทอดความรู้เร่ืองมีความรู้ความสามารถด้านการสานตะกร้าจาก เชือกมัดฟาง เช่น การสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ลายผีเส้ือ ลาย ดอกไม้ เป็นต้น ต้องมีความคดิ สรา้ งสรรค์ เพอื่ ให้ แปลกจากคนอนื่ เพอ่ื ให้ เป็นจุดสนใจของลูกค้าและต้องควบคุมกระบวนการผลิตทุกข้ันตอนให้ได้ มาตรฐาน วัสดุตกแต่งตอ้ งติดแน่น ไม่หลุดไดง้ ่าย 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสร้างเครือขา่ ย มีความรคู้ วามสามารถด้านการสานตะกร้าจากเชอื กมัดฟาง เชน่ การ สานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ลายผีเส้ือ ลายดอกไม้ เป็นต้น ต้องมี ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ แปลกจากคนอื่น เพ่ือให้เป็นจุดสนใจของลูกค้า และต้องควบคุมกระบวนการผลติ ทกุ ขน้ั ตอนใหไ้ ด้มาตรฐาน วสั ดุตกแตง่ ตอ้ ง ติดแน่น ไมห่ ลุดไดง้ า่ ย และรบั สอนและให้ความรู้สาหรับกลุ่ม หรอื บุคคลที่ มีความสนใจในการทางานเก่ียวกับการมัดฟางมาศึกษาค้นคว้าและมาเรียน ได้เลยไมม่ คี ้าใชจ้ า่ ย 5. ผลงานทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสงั คม ผลิตส่วนใหญ่ก็จะเป็นการสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ลายผีเสื้อ ลายดอกไม้ เป็นต้น ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เพ่ือให้ แปลกจากคนอื่น เพื่อให้เป็นจดุ สนใจของลกู ค้าและตอ้ งควบคมุ กระบวนการผลติ ทกุ ขัน้ ตอนให้ ได้มาตรฐาน วัสดุตกแต่งต้องติดแน่น ไม่หลุดได้ง่าย และรับสอนและให้ ความรู้สาหรับกลุ่ม หรือบุคคลที่มีความสนใจในการทางานเกี่ยวกับการมัด ฟางมาศึกษาค้นคว้าและมาเรียนไดเ้ ลยไมม่ ีคา้ ใช้จ่าย
6. รางวัลหรอื เกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ดร้ บั เป็นวิทยากรให้ความรู้ในการสานตะกร้าจากเชือกมัดฟางให้กับ กศน. ตาบลสุวรรณคูหา ลายผีเสื้อ ลายดอกไม้ เป็นต้น ต้องมีความคิด สร้างสรรค์ เพ่ือให้ แปลกจากคนอื่น เพ่ือให้เป็นจุดสนใจของลูกค้าและต้อง ควบคมุ กระบวนการผลติ ทุกขัน้ ตอนให้ไดม้ าตรฐาน วสั ดตุ กแต่งตอ้ งติดแน่น ไม่หลุดได้ง่าย และรับสอนและให้ความรู้สาหรับกลุ่ม หรือบุคคลท่ีมีความ สนใจในการทางานเกี่ยวกบั การมดั ฟางมาศกึ ษาค้นคว้าและมาเรียนได้เลยไม่ มีคา้ ใช้จ่าย
ประวตั ิและผลงานครภู มู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ตาบลบา้ นโคก อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น ปราชญช์ าวบ้าน สาขา หมอพน้ื บ้าน นายบปุ ผา สงั เกตุ
บุ้งขน รูป 1 พษิ จากขนบุ้ง รปู 2 พิษจากขนบ้งุ
ประวตั แิ ละผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถิ่น ตาบลบา้ นโคก อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น ปราชญช์ าวบ้าน สาขา หมอพืน้ บา้ น 1. ประวตั ิและผลงาน นายบปุ ผา สังเกต เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 10 กนั ยายน 2498 เกิดท่ีบ้านดอน มะซอ่ ม ตาบลบุง่ คลา้ อาเภอเลงิ นกทา จงั หวดั อุบลราชธานี บดิ าชือ่ นายมนั่ สงั เกต มารดาช่อื นางลว้ นสังเกต ปัจจุบัน นายบปุ ผา สงั เกต ประกอบ อาชีพทานา ทอ่ี ยู่ปัจจุบนั บา้ นเลขท่ี 553 หมู่ 14 ตาบลบ้านโคก อาเภอ สวุ รรณคหู า จังหวดั หนองบัวลาภู นายบุปผาสงั เกต เกิดในตระกูลชาวนา เรยี นจบชัน้ ม.3 จาก กศน.อาเภอสวุ รรณคหู า มผี ลงาน การทาพิธบี ายศรีสู่ ขวัญ มาตงั้ แต่ พ.ศ. 2540 ถึงปจั จุบนั และได้อทุ ิศตน เพอ่ื ชมุ ชน และสงั คม โดยตลอด 2. องค์ความรแู้ ละความเช่ยี วชาญ นายบุปผาสงั เกต มคี วามเชี่ยวดา้ นปราชญช์ าวบา้ น ในด้านการเปา่ คาถาถอนพษิ บุ้งขนใหก้ ับชาวบ้าน ในชุมชน องค์ความรู้ให้กบั ผู้สนใจ ดว้ ยวธิ ีทอ่ งคาถาถอนพษิ บุ้งขน 3. การถ่ายทอดความรู้และความเช่ยี วชาญ นายบปุ ผา สงั เกต ถา่ ยทอดความรู้ดงั นี้ 1. เป็นวิทยากร ถา่ ยทอดความรู้ในโรงเรยี นผูส้ ูงอายุ 2. เป็นวทิ ยากร ถ่ายทอดความรู้ให้กับนกั ศกึ ษา กศน. และ ผคู้ นทว่ั ไป
4. ลักษณะของเครือขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย นายบปุ ผา สงั เกต เครอื ขา่ ยดงั น้ี เครือข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย 1. กศนอาเภอสวุ รรณคหู า 2. โรงเรยี นผู้สงู อายอุ บต.บ้านโคก 3. กลมุ่ เยาวชนตาบลบา้ นโคก 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสงั คม นายบปุ ผา สังเกต มผี ลงานทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสงั คม โดยได้ อทุ ศิ ตน เป็นวิทยากรให้แก่ บุคคลบคุ คล ในเขตอาเภอสุวรรณคหู าตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา 6. รางวัลหรอื เกยี รตคิ ุณที่ไดร้ บั 1.บุคคลผ้มู ีผลงานดเี ดน่ ดา้ นภาษา วฒั นธรรม จากหน่วยงาน กศน. 2. เครอื ขา่ ยพนั ธมิตร ธกส. จงั หวดั หนองบัวลาภู 3. คณะกรรมการสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นโคกทุ่งนอ้ ย
ประวตั ิและผลงานครูภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน ตาบลดงมะไฟ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้าน แหล่งโบราณคดี สาขาแหลง่ เรียนรู้โบราณคดี วัดถ้าศรีธน วดั ผาน้าลอด
มหี นิ งอกหนิ ยอ้ ยท่สี วยสดงดงาม
ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ิปัญญาท้องถิ่น ตาบลดงมะไฟ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวัดหนองบวั ลาภู ด้าน แหล่งโบราณคดี สาขาแหล่งเรยี นรโู้ บราณคดี 1. ประวัตแิ ละผลงาน ความงามของธรรมชาติที่อยากบอกเล่า ถ้าศรีธน ใหญ่กว้างขวาง สถานทป่ี ฏิบัติธรรมของพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนาหลายรปู ในอดตี แมว้ ่า กระแสของการเข้าถ้าท่ีผ่านมา ของ 13 นักเตะทีมหมู่ป่าอะคาเดม่ี ในพื้นท่ี ของถ้าหลวงขุนน้านางนอน จังหวัดเชียงราย สร้างความสนใจให้ผู้คนทั่วท้ัง แผ่นดินก็ว่าได้ แต่ในพ้ืนที่ของภาคอีสานก็มีถ้างามท่ีอยากจะบอกเล่าและ เชิญชวนนักท่องเทย่ี วไปสัมผัส พร้อมกราบสักการะพระพุทธรูป 5,000 องค์ ในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ที่กาลังจะมาถึงนี้ ท่ี ถ้าศรีธน อยู่ ภายในวัดถ้าผาน้าลอด บ้านโชคชัย ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ. หนองบวั ลาภู สาหรับ ถ้าศรี พึ่งเปิดตัวให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัส อย่างเปน็ ทางการเม่ือวนั ท่ี 13 เมษายน 2561 ท่ีผา่ นมานี้เอง หลังจากท่ี ทาง พระสงฆ์แห่งวัดถ้าผาน้าลอด ร่วมกบั ชาวบ้านโชคชัย ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณ คูหา จ.หนองบัวลาภู ไดช้ ่วยกันพฒั นาถ้าแห่งน้ี ให้มีความสะดวกต่อการข้ึน ชมได้อย่างสะดวกและปลอดภัย กันมาเงียบๆ อยู่เป็นเวลานานจนวันนี้ สามารถรองรับนักท่องเท่ียวได้เป็นอย่างดีในระดับหน่ึง ด้วยการนาของ หลวงปู่วดั ถ้าผาโขง หรอื หลวงป่เู ที่ยง ถิรสังโร เจ้าอาวาสวดั ถ้าผาโขง ซึง่ เปน็ อีกวัดหลักท่ีอยู่ติดเส้นทาง ถนนลาดยาง สายบา้ นโคก-บา้ นท่าล่ี ส่วนถา้ ศรี ธน น้นั จะตอ้ งเขา้ ไปอกี ประมาณ 1 กิโลเมตร
สาหรับถ้าศรีธน ซึ่งจากการท่ี นส.ชนาธิป ไชยานุกิจ นักโบราณคดี ชานาญการ และคณะ สานักศิลปากรท่ี 9 ขอนแก่น สารวจถา้ แหง่ น้ี พบว่า อยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือของถ้าน้าลอด ประมาณ 250 เมตร ปากถ้าหัน ไปทางทิศตะวันตก สูงจากพน้ื ดนิ ประมาณ 10 เมตร มีลักษณะเป็นโพรงถ้า ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อไปยังถ้าอ่ืนๆ ซึ่งช่วงปากถ้าต้องเดินลึกเข้าไปประมาณ 2-3 เมตร สามารถเชื่อมต่อเข้าไปถึงด้านใน ซ่ึงบางช่วงมีแสงสว่างส่องถึงและระบาย อากาศได้ค่อนข้างดี บนพ้นื ถา้ ทว่ั ไปมี มูลคา้ งคาวอย่บู นพื้นและก้อนหิน ปูน พบเศษภาชนะดนิ เผาแบบเนอ้ื ดินธรรมดา และแบบเนือ้ แกร่ง อยบู่ นพื้นด้าน ใน ซึ่งเศษภาชนะดินเผาเน้อื ดินธรรมดามีทั้งสีสม้ และสีเทา เน้ือดินคอ่ นข้าง หยาบและมีเม็ดกรวดผสมอยู่ ผิวภาชนะ มีท้ังผิวเรียบและแบบไม่ตกแต่ง และเป็นแบบตกแต่งลายทาบเชอื กเสน้ ใหญ่ ถา้ ศรธี นอย่ใู นเขาผานา้ ลอด นั้น น่าจะมีการใช้พื้นที่ทากิจกรรมของมนุษย์อย่างน้อยสองสมัย คือ สมัยก่อน ประวัติศาสตร์ กับ สมัยวัฒนธรรมล้านช้าง เน่ืองจากได้พบเศษภาชนะดิน เผาเนื้อดินธรรมดา แบบสมัยก่อนประวัติศาสตร์อยู่ประปนกับเศษภาชนะ ดินเผาเน้ือแกร่ง แบบของวัฒนธรรมล้านช้าง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นการใช้พื้นท่ีอย่างต่อเน่ืองกัน เน่ืองจากท้ังสองสมัยนี้ มีช่วงระยะเวลาท่ี ห่างกันมาก ส่วนประวัติของถ้าแห่งน้ี นายสุโท บุตรศรี อายุ 64 ปี ชาวตาบลบ้าน โคก อ.สุวรรณคูหา ท่ีมาคอยดูแลอานวยความสะดวกคนเดินทางท่องเท่ียว เล่าว่า เม่อื ประมาณ ต้นปี พ.ศ. 2500 มีชาวบ้านคนหน่งึ ชื่อ สีธน อาศัยอยู่ ในหมู่บา้ น โชคชัย เป็นหมู่บ้านกับถา้ แห่งน้ี มาขุดเอาข้ีค้างคาว เพื่อไปทาปุ๋ย ปลูกผักเหมือนที่ชาวบา้ นคนอื่นๆ และ ได้ขุดพบสมบัตทิ องคาอยู่บนก้อนหิน จึงกลับไปขุดเอาสมบัติ จนกระท่ังก้อนหิน น้ันทับเสียชีวิต ต้ังแต่น้ันเป็นต้น มา ชาวบ้านจึงเรยี กถา้ แห่งน้ีวา่
ถ้าสีธน ตอ่ มาปี พ.ศ. 2536 เปน็ ต้นมา สถานท่ีแหง่ นี้ไดพ้ ัฒนาใหเ้ ป็น ที่พักสงฆเ์ พอื่ พักภาวนาบาเพญ็ สมณธรรม สถานทๆี่ ใหค้ วามเมตตาแก่สัพพ สัตว์ และให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่อาศัยพึงพิง ได้รับความปลอดภัยร่มเย็น จาก รม่ ธรรม ของพระปา่ พระธุดงคกรรมฐานที่แวะมาพักภาวนาอยอู่ ยา่ งไม่ขาด สาย หากเราเดินทางจากตัวจังหวัดหนองบัวลาภู จะเดินทางตามเส้นทาง หนองบัวลาภู-นากลาง หมายเลข 210 ถึงสามแยกจดุ บริการประชาชน บ้าน นาคาไฮ อ.เมืองหนองบวั ลาภู เลี้ยวขวาไปยังเขตเทศบาลตาบลกดุ ดินจี่ อ.นา กลาง ตามเสน้ ทาง สาย 2097 จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเขตเทศบาลตาบลบ้านโคก อ.สุวรรณคูหา ตามเส้นทาง นภ.40004 จึงเดินทางต่อจากเทศบาลบ้านโคก ไปตามเส้นทางบ้านโคก-ไป บ้านท่าลี่ อาเภอน้าโสม จ.อุดรธานี ไปประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะผ่าน หมู่บ้านโชคชัย ไป ประมาณ 1 กิโลเมตรก่อนที่จะถึงวัดถ้าผาโขง ที่มองเห็น วดั และฐานที่กาลังจะก่อสร้างพระพุทธรูปบนยอดเขาท่ีสงู จะมปี ้ายบอกอยู่ ฝงั่ ซ้ายมือ ไปยัง ถ้าศรธี น
จากนั้นจะเป็นเสน้ ทางไปตามถนนลูกรังท่ีไม่ใหญเ่ ท่าไรนกั แต่ก็พอท่ีจะ ทาให้รถขนาดเก๋ง ปิคอัพสวนทางกันได้สบายอยู่ ตามเส้นทางไปยังถ้าจะมี ป้ายบอกทางเป็นระยะ ประมาณ 1 กิโลเมตรก็เล้ียวขวาตามป้ายเข้าสู่เขตที่ พักสงฆ์ถ้าน้าลอด ซ่ึงบริเวณที่พักสงฆ์นี้ ได้มี ทางญาติโยมชาวบ้านท่ีมา ทาบุญและช่วยทางวัดดูแล นักท่องเที่ยวตา่ งถิน่ เพ่ือคอยแนะนาเสน้ ทางใน การข้นึ สู่ถ้า บริเวณหน้าทางเขา้ ถ้า จะมีบันไดเหล็กให้เดนิ ข้นึ ไดอ้ ย่างสะดวก ประมาณ 10 กว่า เมตร ก็ถงึ ประตูเขา้ สู่ปากถ้าแลว้ แม้ว่าปากถ้าจะแลดไู ม่ ใหญ่ แต่ความกว้างก็น่าจะราวรว่ มเมตร ส่วนความสูงน้นั หลายวาทาใหเ้ ดิน ผ่านซอกหินเข้าไปได้อย่างสะดวก พอผา่ นประตปู ากถ้า สองขายังไมท่ ันทจ่ี ะ ก้าวลงไปสัมผัสพื้นล่าง สายตาก็แลเห็น พระพุทธรูปที่ถูกจัดเรียงรายอยู่ ภายในห้องโถงของถ้าด้านล่างจานวนมากสร้างความตื่นตาตื่นใจจากแสงสี ทองของพระพุทธรูปท่ีอยู่รายรอบถ้าเสมือนแสงสีของธรรมะได้สาดส่องให้ ความเมตตามายายังผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง สาหรับถ้าศรีธน แห่งน้ี พ้ืนถ้า ด้านล่างทีด่ เู ป็นเสมือนหอ้ งโถงขนาดใหญ่ กว้างขวาง รอบบรเิ วณหอ้ งโถงถ้า ที่กว้างใหญ่นี้ จะมีพระพุทธรูปจานวนมากที่ถูกจัดไว้เรียงรายอย่างเป็น ระเบียบบนชั้นท่ียาวและถูกปรับไปตามสภาพของถ้า ส่วนตรงไหนที่ไม่ สามารถทาทชี่ น้ั ได้ ก็จะนาไปประดษิ ฐานไว้ตามบนก้อนหิน ซอกหินหลืบหิน ผา ทาให้ภายในถ้าเต็มไปด้วย พระพุทธรูปปางต่างๆ ขนาดหน้าตักต่างๆ มี หลากหลายขนาดจะถกู จัดเรียงไว้ หรือ นาขึน้ ไว้ตามมมุ ซอกหลบื ของหิน จน ทาให้รู้สึกเหมือนถึงว่า ได้เดินท่องอยู่ในเส้นทางธรรมะกับธรรมชาติท่ีรู้สึก อิ่มบุญและธรรมชาติไปด้วยกันอย่างอิ่มเอมใจ ท้ังยังมีก้อนหินเสี่ยงทาย สาหรับผู้ที่อยากจะรับรู้ว่าโชควาสนาเป็นเช่นไร ถ้าแห่งน้ีมีร่องรอย อารยะ ธรรมโบราณ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมปลีกวิเวกของพระสายวิปัสสนาของ พระอรหันต์ภาคอีสานอีกหลายรูป เช่นในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่ี ได้มาอาศัยความเงยี บสงบร่มเย็นเปน็ สายธารสะพานบุญ ส่วนผนังถ้าแหง่ นี้ จากการสมั ผสั ด้วยสายตานัน้ จะมลี กั ษณะเป็นหินสีขาวขุน่ คล้ายกบั ลักษณะ
ของหนิ อ่อน ที่มีความราบเรยี บสวยงามโค้งเว้าไปตามแต่จินตนาการของผู้ดู ให้ความหลากหลายทางสุนทรียภาพทางอารมณ์ แม้เพียงสมั ผัสจุดเริ่มต้นก็ รู้สึกประทับใจแลว้ ท้ังความงามท่ีธรรมชาตไิ ด้รงั สรรค์ป้ันแต่งไว้ใหไ้ ด้ชืน่ ชม ความงามของถ้าแห่งนี้ ปกติในการเดินเข้าถ้าจะทาให้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ สะดวก มีกล่นิ เหม็นอับชื้น แต่ถา้ แหง่ น้ไี มม่ ีความร้สู ึกท่ีวา่ เลย เม่ือเขา้ เดนิ อยู่ ข้างในรู้สึกว่าอากาศจะเย็นสบายโล่งหายใจก็สะดวก จากห้องโถงใหญ่แห่ง แรก ก็ยังมีทางเดินไปตามโพรงใหญ่ท่ีกว้างขวาง ก็ยังมีพระพุทธรูปท่ีถูก จดั เรยี งรายเต็มไปตลอดเส้นทาง นายสุโท บุตรศรี ท่ีเฝ้ารักษาถ้าแห่งนี้ ได้ บอกเล่าว่า พระพุทธรูปเหล่าน้ี หลวงพ่อหรือหลวงปู่เท่ียง ถิรสงั โร แห่งวัด ถ้าผาโขงที่ได้ดูแลถ้าแห่งนี้ เมื่อถูกกิจนิมนต์ให้ไปในกรุงเทพฯ ก็จะนาเอา พระพุทธรูปข้ึนมาด้วย คร้ังละ 2-3 คันรถ อยู่เป็นประจา ซ่ึงคาดว่าน่าจะ เกินกว่า 5,000 องคอ์ กี ดว้ ย หลวงพ่อทา่ นบอกวา่ ถ้าแห่งน้ีมคี วามเหมาะสม ที่จะนาพระพุทธรูปมาไว้ให้กับพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการระบูชา พระครูบาก๋ึม ชยวงั โส พระวัดถ้าน้าลอด เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ส่งเสริม พระพุทธศาสนาในเทศกาลเข้าพรรษา ต้ังแต่วันท่ี 25-28 กรกฎาคม 2561 น้ี ทางวัดได้จัดทาพิธีทาบุญตักบาตรและเวียนเทียนข้ึน โดย ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 น้ันต้งั แต่หกโมงเชา้ พระสงฆ์ออกบิณฑบาตหน้าถา้ ศรธี นให้ ญาติธรรมร่วมทาบุญตักบาตร จากนั้นจะได้เปิดให้ บูชาผ้าไตร เวียนเทียน ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่ขบวนเทียน เข้าพรรษา ประกวดการฟ้อนราตลอดริ้วขบวน จนถึงเวลา 10.00 น. นายอาเภอสุวรรณคูหา ประธานในพิธีจะได้ทาพิธีเปิดงาน และนาผู้นา ท้ อ ง ถ่ิ น ชุ ม ช น ร่ ว ม กั น ป ลู ก ป่ า เ พื่ อ ถ ว า ย เ ป็ น พ ร ะ ร า ช กุ ศ ล แ ด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชริ าลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูล รัช การท่ี 10 ส่วนในช่วงเย็นเวลา 19.00 น.จะมีการร่วมกันทาวัตรสวดมนต์ เวียนเทียนภายในถ้าศรีธน เพ่ือถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ส่วนในวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2561 น้ัน ซึ่งวันแรกเป็นวัน
ข้ึน 14 ค่าเดือน 8 วันถัดมาเป็นวัน ขึ้น 15 ค่าเดือน 8 หรือวันอาสาฬบูชา และวันแรม 1 ค่า เดอื น 8 เป็นวันเขา้ พรรษา ในทุกวนั ทางวัดจะเปดิ ให้มีการ บชู าผ้าไตร เวียนเทียนในถ้า กันทุกวันจนถึง เวลา 17.00 น. จึงขอเชิญชวน พุทธศาสนิกชนและนักท่องเท่ียวท่ีต้องการมาท่องเที่ยวชมความงามของถ้า ใหญ่ท่จี ุคนไดน้ บั 1,000 คน นอกจากจะไดช้ มความงดงามของประติมากรรม จากธรรมชาติท้ังหินงอก หินย้อย แสงสะท้อนจากประกายหิน เป็นความ งามท่ีซ่อนตัวอยู่ตามพื้นถ้าแลเพิงผา แล้ว ยังได้ ร่วมเวียนเทียนภายในถ้า กราบพระพุทธรูปภายในถ้า ได้ร่วมทาบุญบูชาถวายผ้าไตรในช่วงเทศกาล เขา้ พรรษาน้อี ีกดว้ ย 2. องค์ความรูแ้ ละความเชยี่ วชาญ เปน็ แหลง่ เรียนรูเ้ ร่ืองธรรมชาติ และประวัติความเปน็ มาของถา้ ศรธี น ซง่ึ ถ้าศรีธนและถา้ ผานา้ ลอดจะยู่ตดิ กนั ภายในถ้าจะมีพระพทุ ธรปู 5,000 องค์ เพอื่ ให้กราบไหวบ้ ูชา และมีหินงอกหินย้อยทสี่ วยสดงดงาม ซง่ึ หิน งอกหนิ ย้อยจะมีลักษณะทเ่ี หมอื นรปู ทรงตา่ งๆ ซง่ึ ก็สนั นษิ ฐานเรอื่ งราวท่ี เกดิ ข้นึ ในอดีตหลายพันปี 3. การถา่ ยทอดความรู้และความเช่ียวชาญ การถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ในแหล่งเรียนรู้วดั ถ้าศรีธน ผนงั ถ้าแห่งน้ี จาก การสัมผสั ดว้ ยสายตานัน้ จะมลี กั ษณะเป็นหนิ สขี าวขุน่ คล้ายกบั ลักษณะของ หินอ่อน ท่ีมีความราบเรียบสวยงามโค้งเว้าไปตามแต่จินตนาการของผู้ดูให้ ความหลากหลายทางสุนทรียภาพทางอารมณ์ แม้เพียงสัมผัสจุดเร่ิมต้นก็ รู้สึกประทับใจแล้ว ท้ังความงามท่ีธรรมชาติได้รังสรรค์ปั้นแต่งไว้ให้ได้ช่นื ชม ความงามของถ้าแห่งนี้ ปกติในการเดินเข้าถ้าจะทาให้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ สะดวก มกี ล่ินเหมน็ อับชน้ื แต่ถา้ แหง่ นีไ้ มม่ ีความรู้สึกท่วี ่าเลย เมอ่ื เขา้ เดินอยู่ ข้างในรู้สึกว่าอากาศจะเย็นสบายโล่งหายใจก็สะดวก จากห้องโถงใหญ่แห่ง
แรก ก็ยังมีทางเดินไปตามโพรงใหญ่ที่กว้างขวาง ก็ยังมีพระพุทธรูปท่ีถูก จดั เรียงรายเต็มไปตลอดเส้นทาง 4. ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย เปน็ ศูนยก์ ารเรียนทรี่ ทู้ ่ีอยใู่ นการปกครองสานักงานป่าไม้แหง่ ชาติ กรมปา่ ไม้ เขา้ ไปใหก้ ารสนับสนนุ 5. ผลงานทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสงั คม เปน็ แหลง่ เรียนร้ทู ม่ี ีความสงบ รม่ รืน่ และมนี กั ทอ่ งเที่ยวท้ังชาวไทย และชาวต่างชาตเิ ขา้ ศกึ ษาหาข้อมูลตา่ งๆ
ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตกรรม สาขาการทาพานบายศรี นางหมน่ื จนั ทรด์ ี
ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ตาบลกดุ ผงึ้ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้านอุตสาหกรรมและหตั กรรม สาขาการทาพานบายศรี 1. ประวตั ิและผลงาน นางหมื่น จนั ทร์ดี ปจั จบุ ันอย่บู ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 8 ตาบล กุดผง้ึ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู เรยี นจบการศกึ ษา ระดับ ประถมศึกษา มีผลงานการทาการทาพานบายศรีสู่ขวัญ เป็นเวลา 5 ปี จนปัจจุบันเรียกว่า “ ภูมิปัญญาด้านการทาพานบายศรีสู่ขวัญ” นางหม่ืน จันทร์ดี เป็นบุคคลที่อุทิศตน เสียสละกาลังกาย กาลังทรัพย์ในการเป็น วทิ ยากรให้ความรู้กับผ้สู นใจ และหน่วยงานทีใ่ ห้ความสนใจ
นางหม่นื จันทร์ดี มีแนวความคดิ วา่ นับแตโ่ บราณกาลจนถึงปัจจบุ นั ชาวอีสานถือว่าพิธีบายศรีเป็นพิธีมงคลสูงสุดกว่าพิธีใดๆ และจะทาพิธี บายศรี เฉพาะเรือ่ งทเ่ี ป็นมงคลเทา่ น้นั ถ้าเปน็ การทาพธิ บี ายศรีปูชนีย-สถาน ปชู นยี วัตถุ สัตว์ พืช ส่ิงของ เรียกว่า บายศรีสมโภช ถา้ ทาบายศรีให้แก่บคุ คล เรียกว่า บายศรีสู่ขวัญ ผู้ที่ได้รับการบายศรีสู่ขวัญต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติและ เป็นผ้ทู ่ีใหค้ วามเคารพนบั ถอื ยง่ิ จงึ ได้มอบความเปน็ มงคลสงู สุดให้ 2. องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ บายศรีภาคอีสาน ประเพณีการสู่ขวัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน เป็นประเพณที ี่สบื ทอดกันมาช้านาน เปน็ เร่ืองเก่ยี วกับความ เช่ือ เร่ืองขวัญหรือจิตใจอันก่อให้เ กิดกาลังใจท่ีดีข้ึน ชาวอีสานเห็น ความสาคัญทางด้านจิตใจมาก ในการดาเนินชีวิตแต่ละช่วง มักมีการสู่ขวัญ ควบคกู่ ันเสมอ จงึ พบเห็นการสู่ขวัญทุกทอ้ งถ่นิ ในภาคอีสาน
การสู่ขวัญ เรียกอีกอย่างว่า การสูดขวัญ หรือการสูดขวน เป็น จิตวิทยาอยา่ งหน่ึง เป็นการสรา้ งขวญั และกาลังใจแก่คน หรือเสริมสิรมิ งคล แก่บ้านเรือน ล้อเลื่อน เกวียน วัว รถ เป็นต้น การสู่ขวัญจึงเป็นพิธีกรรม หนึ่ง ท่ีทาให้สามารถดาเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบารุงขวัญถือ เปน็ การรวมสริ ิแหง่ โภคทรัพย์ ในพิธีสู่ขวัญ บางทีเรียกว่า พิธีบายศรี พธิ ีสูดขวัญ หรือบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นประเพณีสาคัญอย่างหน่ึงของชาวอีสาน และนิยมทากัน แทบทุก โอกาส จะมีการทาบายศรีประกอบในพิธี โดยเป็นบายศรีแบบด้ังเดิมหรือ แบบประยุกต์ ซ่ึงการทาบายศรีแบบประยุกต์น้ี จะทาตามจินตนาการของ ผู้ทาบายศรีให้เกดิ ความสวยงามวิจติ รพิสดารและสอดคลอ้ งกับความเชอ่ื ของ ท้องถน่ิ นัน้ ๆ โดยชาวอีสานยังคงยดึ ถือและปฏบิ ตั กิ นั มาจนถึงปจั จุบัน
๑. บายศรี หรอื พาขวัญ หรือพานบายศรี เดมิ เรยี กวา่ บาศรสี ดู ขวัญ เปน็ พิธที ่ีเจ้านายผใู้ หญท่ ากนั การจัดพาขวัญน้ี นิยมจดั เป็น ๓ ชน้ั ๕ ช้ัน ๗ ชั้น และ ๙ ช้นั พาขวัญ ๓ ชน้ั ๕ ชัน้ จดั สาหรับคนธรรมดาสามัญ สว่ น ๗ ชั้น ๙ ชัน้ จดั สาหรับพระมหากษตั ริย์ และเช้ือพระวงศ์ พาขวญั ประกอบด้วย ชั้นท่ี ๑ (ชน้ั บนสดุ ) ประกอบดว้ ย แม่ ๙ น้วิ ทั้ง ๔ ทศิ อาจแซมดว้ ยลายกนกทิพย์ หรือถ้าไมม่ ีตวั แซมจะใชแ้ ม่ ๗ นว้ิ ท้งั ๗ ทิศ ช้ันที่ ๒ ประกอบด้วย แม่ ๑๑ น้ิว ๗ ทศิ ชน้ั ที่ ๓ ประกอบดว้ ย แม่ ๑๓ นิว้ ๗ ทศิ ช้นั ที่ ๔ ประกอบดว้ ย แม่ ๑๕ น้ิว ๗ ทศิ ชน้ั ที่ ๕ ประกอบดว้ ย แม่ ๑๗ นวิ้ ๗ ทิศ ชน้ั ท่ี ๖ ประกอบดว้ ย แม่ ๑๙ นว้ิ ๗ ทศิ ชั้นที่ ๗ ประกอบดว้ ย แม่ ๒๑ นิว้ ๗ ทิศ ชั้นท่ี ๘ ประกอบด้วย แม่ ๒๓ นิว้ ๗ ทศิ ชน้ั ที่ ๙ ประกอบดว้ ย แม่ ๒๕ นิ้ว ๗ ทิศ การทาพานบายศรีของภาคอีสานจะไม่นิยมประกอบบายศรีในลักษณะที่ คว่าลง และมีขนาดใหญ่กว่าบายศรีปากชาม จัดทาใส่ในภาชนะที่ใหญ่มากขึ้น เช่น พาน โตก พานบายศรีสู่ขวัญถือเป็นพานเบญจขันธ์ ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ พิธีสู่ขวัญ หรือพิธีสูดขวัญเป็นพิธีเก่าแก่ ของชาวไทยทุกภาค แม้จะจัดพิธีกรรมแตกต่างกันไป แต่ยึดหลักใหญ่ และ จุดมุ่งหมายเดยี วกัน สาหรบั ชาวอีสานจะประกอบพิธีน้ีทกุ งาน เชน่ สูดขวัญเด็ก แรกเกิด ทาขวัญเดือนเด็ก สูดขวญั บวชเณร บวชนาค สูดขวัญบ่าวสาว สูดขวัญ รับขวัญผู้ทไ่ี ด้เลื่อนยศหรือเลอ่ื นตาแหนง่ สดู ขวญั สง่ ขวัญผูเ้ ดินทางไกล
ขนั หมากเบง็ จะนยิ มทาถวายเปน็ คู่ ใช้ในพิธกี รรมตา่ งๆ ดังน้ี 1. สักการะบูชาพระพทุ ธรูป ๒. กราบไหว้บชู าครูบาอาจารย์ ๓. พธิ สี ักการบูชาพอ่ เมอื ง บรรพบุรุษของเมอื ง เพอื่ เป็นสิริมงคล แก่ บา้ นเมือง และประชาชน ๔. พธิ ีบวช ผ้ทู ่ีจะบวชนาขนั หมากเบง็ มาถวายสักการะพระอุปชั ฌาย์
ขนั หมากเบ็ง ประวัติความเป็นมาของขันหมากเบ็งนั้น ผูเ้ ฒ่าผ้แู ก่ทางภาคอีสานได้เล่าให้ ฟงั วา่ แต่โบราณมตี ้นหมากเบ็ง ลกั ษณะเป็นพุ่ม และมดี อก ชาวบ้านนยิ ม นาดอกหมากเบ็งมาสักการบูชาพระพุทธรูปตามถ้า หรือตามบ้านเรือน ต่อมาต้นหมากเบ็งได้สูญพันธ์ุ ชาวบ้านจึงได้คิดประดิษฐ์ขันหมากเบ็งใช้ แทนต้นหมากเบ็งที่ได้สูญหายไป ขันหมากเบ็งอีกความหมายหนึ่งคือ ทิศ ทั้ง ๔ ทิศท่ีมีเทวาธิราช ๔ พระองค์ทรงปกครอง ได้แก่ ธตรฐมหาราช ปกครองเทพนครทีต่ ั้งอยทู่ ศิ ตะวนั ออก และมีอานาจปกครองหมู่คนธรรพ์ วิรุฬหกมหาราช ปกครองเทพนครทีต่ ั้งอยู่ทิศใต้ และมีอานาจปกครองหมู่ กุมภัณฑ์ วิรูปักษมหาราช ปกครองเทพนครท่ีต้ังอยู่ทิศตะวันตก และมี อานาจปกครองหมู่นาคา เวสสุวัณมหาราช ปกครองเทพนครที่ต้ังอยู่ทิศ เหนือ และมอี านาจปกครองหมู่ยักษ์ 3. การถา่ ยทอดความรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ นางหมนื่ จนั ทรด์ ี ถา่ ยทอดความรูเ้ รอ่ื งการทาพานบายศรสี ู่ ขวญั ท้งั รูปแบบการให้ความรู้ การสาธติ และการปฏบิ ตั ิจรงิ สามารถ ถา่ ยทอดความรู้ เรอ่ื งการทาพานบายศรีสขู่ วญั ได้เปน็ อย่างดี 4. ลักษณะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครือขา่ ย นางหมนื่ จันทรด์ ี มเี ครอื ข่ายและมกี ารสร้างเครือขา่ ย มเี ครือข่าย ทั้งภาครฐั และภาคเอกชน ดงั นี้ - กศน. อาเภอสวุ รรณคูหา - กศน.ตาบลกดุ ผึ้ง - องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลกดุ ผึง้
- สานกั งานเกษตรอาเภอสุวรรณคูหา - สานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอสวุ รรณคูหา - สถานตี ารวจภธู รสุวรรณคูหา - กกต.จงั หวัดหนองบวั ลาภู - โรงเรยี นในพืน้ ที่ นางหม่ืน จันทร์ดี มีการสร้างเครือข่าย มีการขยายต่อองค์ความรู้ แบบรูปธรรม ให้กับคนในชุมชนได้สานต่อความรู้ และโดยการเป็น วิทยากร ตลอดจนได้เชิญชวนผู้สนใจเพ่ือให้มาศึกษาดูงาน และมีการ ประชาสัมพันธ์ให้กับภาคีเครือข่าย และประชาชนผู้สนใจได้เรียนรู้อย่าง ตอ่ เนอ่ื ง 5. ผลงานทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม เป็นภูมปิ ญั ญาในชมุ ชนที่สามารถถา่ ยทอดองคค์ วามรใู้ ห้กับคนในชมุ ชน และผู้สนใจเรยี นรไู้ ด้เป็นอย่างดี 6. รางวัลหรือเกียรติคุณท่ีได้รบั ไดร้ บั ความชนื่ ชม ยนิ ดี ในการเสยี สละ ภมู ิปญั ญาดา้ นการทา พานบายศรี จากชมุ ชน และผ้เู รยี นรู้
ประวตั ิและผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ตาบลนาดา่ น อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้าน อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การจบั ผา้ ในงานพธิ ตี ่างๆ นางสงการ บุระพนั ธ์
1. ประวตั ิและผลงาน นางสงการ บุระพนั ธ์ บ้านทงุ่ สว่าง บา้ นเลขท่ี 154 หมู่ 8 ตาบล นาดา่ น อาเภอสุวรรณคหู า จังหวดั หนองบวั ลาภู 39270 โทร.080-7519567 จบการศกึ ษาสูงสุดระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ผลงานของ นางสงการ บรุ ะพนั ธ์ ไดร้ บั เชิญเปน็ วิทยากร 2. องคค์ วามรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ นางสงการ บุระพันธ์ มีองคค์ วามรแู้ ละความเช่ยี วชาญ ทน่ี าไปถา่ ยทอดใหแ้ กผ่ ู้เรียน และผู้คนท่ีสนใจ โดยใชก้ ระบวนการ
3. การถา่ ยทอดความรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ นางสงการ บรุ ะพนั ธ์ มกี ารถา่ ยทอดความรแู้ ละความเชย่ี วชาญดงั น้ี - ถา่ ยทอดความรใู้ ห้กบั ชุมชนตา่ งๆ 4. ลักษณะของเครอื ขา่ ยและการสรา้ งเครือขา่ ย นางสงการ บรุ ะพันธ์ มเี ครอื ข่ายและมีวิธกี ารสรา้ งเครอื ข่ายดงั น้ี - เครอื ขา่ ยภาครฐั และเอกชนประกอบดว้ ย - สานกั งานเกษตรจงั หวัด – อาเภอ - สานกั งานพฒั นาชมุ ชนจงั หวดั – อาเภอ - ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั – อาเภอ
- เทศบาลตาบล - กลมุ่ เกษตรอาเภอ วิธกี ารสร้างเครือข่าย นางสงการ บุระพันธ์ มีวธิ ีการสร้างเครือข่าย โดยการเปน็ วทิ ยากร หลักสตู รตา่ งๆ โดยการได้รับเชญิ จากหนว่ ยงานตา่ งๆทไ่ี ดร้ ับการประสานมา และไดจ้ ดั ทาแผน่ พบั ประชาสมั พันธ์ แจกจา่ ยให้กบั เครอื ข่าย และประชาชน ผู้สนใจไดศ้ กึ ษา 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชน นางสงการ บุระพันธ์ มีผลงานท่ี เป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชน โดยไดอ้ ทุ ิศตนในการเปน็ วิทยากรให้ความรู้ใหแ้ ก่ บุคคล/ชุมชน/หน่วยงาน เป็นตน้ มา 6. รางวลั หรือเกียรติคณุ ทีไ่ ดร้ บั ไดร้ ับเกยี รติคุณเป็นวิทยากร - นางสงการ บรุ ะพนั ธ์ การศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง
ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ตาบลบญุ ทัน อาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบัวลาภู ด้าน เกษตร สาขา เกษตรผสมผสาน นายกมุ าร บานเย็น
การปลูกไผ่
ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ตาบลบุญทัน อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตร สาขา เกษตรผสมผสาน 1. ประวตั ิและผลงาน นายกุมาร บานเยน็ ได้เรม่ิ อาชพี ทาอาชพี การเกษตรเพอ่ื เลย้ี ง ครอบครัว ด้วยการปลูกข้าว และสวนผลไม้ ในด้านการเกษตรแบบ ผสมผสานตามแนวพระราชดาริฯ เมื่อทาการเกษตรท่ีต้องพึ่งพาการ ใช้ปุ๋ยเคมี และประกอบกับราคาปุ๋ยที่เพ่ิมสูงขึ้นทุกๆปี ตั้งแต่นั้นมา นายกุมาร บานเย็น ก็ได้นาความรู้ที่ตนเองได้รับการฝึกอบรมมาใช้ ในการประกอบอาชีพการเกษตร โดยยึดหลักต้ังม่ันอยู่บนพ้ืนฐาน ของความพอเพียง 2. องคค์ วามรแู้ ละความเชย่ี วชาญ ได้นาความรู้มาประยกุ ต์ใชใ้ นการทาการเกษตรแบบผสมผสาน และการทาเกษตรทฤษฎีใหมต่ ามแนวพระราชดาริฯ ของในหลวง ร.9 และนาความรใู้ นการทาปุ๋ยหมกั มาใช้ในการทาการเกษตร
3. การถา่ ยทอดความรู้และความเชีย่ วชาญ เป็นศูนย์เรยี นรู้เรอ่ื งของการ - การปลกู ไผ่ - การทาการเกษตรแบบผสมผสาน 4. ลกั ษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครอื ข่าย เปน็ ศูนยก์ ารเรยี นทีร่ ู้ ที่ กศน.ตาบลบุญทัน และ เทศบาล ตาบลบญุ ทัน เกษตรอาเภอสุวรรณคูหา เขา้ ไปให้การสนับสนุน 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและสงั คม เป็นผู้นาในเรื่องการทาเกษตรผสมผสาน ซ่ึงทาให้ครอบครัวมี หลายได้ต่อเดือนหลายหมื่นบาท สามารถเป็นสถานท่ีหรือแหล่ง เรียนรู้ให้คนในชุมชนได้มาศึกษาวิธีการเล้ียงและการทาปุ๋ยหมักไว้ใช้ เอง
ประวตั ิและผลงานครูภูมิปญั ญาท้องถ่ิน ตาบลนาสี อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวดั หนองบัวลาภู ด้าน วฒั นธรรมประเพณี สาขา ดนตรีพ้นื บ้าน นางคาหวาน อาเคน
ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลนาสี อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ด้าน วฒั นธรรมประเพณี สาขา ดนตรีพืน้ บ้าน 1. ประวัตแิ ละผลงาน นางคาหวาน อาเคน เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการแต่งกลอน หมอลา และขับร้องหมอลา โดยได้มีความสนใจมาต้ังแต่เด็ก และ ได้ไปเรียนรอ้ งหมอลา จนไดเ้ ป็นหมอลากลอนที่มีช่อื เสียงในขณะนั้น ต่อมาได้มาต้ังถิ่นฐานท่ี อาเภอสวุ รรณคหู า ได้มกี ารสอนการขับร้อง หมอลาให้กับเยาวชนท่ีมีความสนใจ และได้แต่งกลอนหมอลาในงาน ประเพณีบญุ ข้าวจ่ีวัดถา้ สุวรรณคหู า ได้รบั ชนะเลศิ ในครง้ั นั้น 2. องค์ความรแู้ ละความเชี่ยวชาญ หมอลากลอน เป็นการแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวอิสาน เร่ิม มีมานานแล้วเท่าใดไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบเพียงแต่ว่าเป็นศิลปะท่ี แทรกซึมอยู่ในสายเลือดของชาวอิสาน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของ พวกเขา นักแสดงจะมีชื่อเรียกกันว่า \"หมอลา\" คาว่า\"หมอ\" ก็แปลว่า ผู้เช่ียวชาญทางใดทางหน่ึง คาว่าก็หมอกลอน คือหมอกวีที่ชานาญ การขับร้องลานา คาบท คากลอนนัน่ เอง เพลงหมอลากลอน มีไว้เพ่ือให้ชาวบ้านได้นามาร้องมาราในยามมี งานบุญต่าง ๆ ในหมู่บ้าน หรือในงานวัด ท้ังงานสุขและงานทุกข์ ชาวบ้านก็จะนาเอาหมอลากลอนมาเล่นกันให้สนุกสนาน โดยเฉพาะ ในช่วงหลังฤ ดูก า ลเก็บเก่ีย วข้า ว โดย มัก นา เอา เรื่อ งรา ว ใน
วรรณคดี นิทานพ้ืนเมืองความเป็นอยู่หรือสภาพของสังคม ตลอดจน เหตุการณ์ท่ัวไป มาแต่งเป็นเร่ืองราวเพ่ือขับร้องเพ่ือให้ผู้ฟังได้เกิด ความเข้าใจและบันเทงิ หมอลากลอน เป็นการลาท่ีใช้บทกลอนโต้ตอบกัน ระหว่างหมอ ลาชายและหมอลาหญิงในเรอ่ื งตา่ งๆ บทกลอน ท่หี มอลาใช้ลาเรยี กวา่ “กลอนลา” ซ่งึ มีลักษณะเป็นร้อยกรอง ท่มี ีเนอ้ื หาสาระหลายประเภท เ ช่ น วิ ถี ชี วิ ต นิ ท า น พ้ื น บ้ า น ธ ร ร ม ช า ติ ว ร ร ณ ก ร ร ม ท า ง พระพุทธศาสนา คาสอนโบราณ ของชาวอีสาน คติธรรม ข้อคิด เตอื นใจโตต้ อบกนั และ กลอนท่เี กีย่ วกับวิชาการต่างๆ การแสดงหมอลากลอน ประกอบด้วยหมอลาชาย และหมอลา หญิง ฝ่ายละ ๑ คน โดยแต่ละฝ่ายมีหมอแคน ของตน เน้ือหาสาระ อยู่ท่ีบทกลอนท่ีใช้ปฏิภาณไหวพริบ โต้ตอบกัน ผู้ท่ีจะเป็นหมอลา กลอนทด่ี ไี ดน้ ัน้ จะต้องเปน็ ผูม้ ี ความรอบร้หู ลายด้านและหลากหลาย ท้ั ง ด้ า น ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ภู มิ ศ า ส ต ร์ ก า ร ท า ม า ห า เ ล้ี ย ง ชี พ ขนบธรรมเนียมประเพณี บาปบุญคุณโทษ ค่านิยมสังคม ข้อธรรมะ ไปจนถึงนิทาน ชาดก และข่าวสารการบ้านการเมือง อีกทั้งต้องมี ปฏิภาณ ไหวพริบในการโต้ตอบและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบนเวที ได้อย่างทันท่วงที นอกจากน้ียังมีความสวยงามอ่อนช้อย ของท่ารา ประกอบการลาท่ีหมอลาฝ่ายชายและฝ่ายหญงิ ไดส้ ร้างสรรคข์ ้ึน เคร่ืองดนตรที ่ีใช้ประกอบการแสดงหมอลากลอน คือ แคน หมอ แคนจะเป่าแคนประกอบการลากลอน ซ่ึงเป็น เคร่ืองดนตรีเพียงชิ้น เดียวทใ่ี ชป้ ระกอบการแสดงหมอลา กลอนของชาวอสี าน การเลือกใช้
แคนประกอบการแสดงน้ัน จะขึ้นอยู่กับหมอลา เช่น หมอแคนของหมอ ลาฝ่ายชาย ใช้แคนเจ็ดหรือแคนแปด ส่วนหมอแคนของหมอลาฝ่ายหญิง ใชแ้ คนทมี่ ีเสียงใหญค่ ือแคนเกา้ นอกจากหมอลากลอนจะเป็นศิลปะที่ให้ความบันเทิง สนุกสนาน เพลิดเพลิน สอดแทรกความรู้ ความคิด คติธรรม ความเช่ือ ตลอดจน ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่ทาให้คนฟังเกิดความเฉลียวฉลาด และ มสี ่วนช่วยส่งเสริม จรยิ ธรรมคณุ ธรรม รักษาบรรทดั ฐานของสงั คม ช่วย อนุรักษ์ วรรณกรรมและศิลปะพ้ืนบ้านแล้ว ยังเป็นส่ือในการ ถ่ายทอด ความคิดเห็นของประชาชน เป็นภูมิปัญญาของ ชุมชนในสมัยท่ีการศึกษา ยังไม่เจริญเช่นทกุ วนั นี้ ถือเป็น การศึกษานอกระบบท่ีเน้นความประพฤติ สอนให้คนเป็นคนดี และในสมัยหนึ่งหมอลายังช่วยเผยแพร่ความรู้ด้าน ลัทธิการเมือง ช้ีแนะให้ประชาชนเข้าใจในการปกครอง ระบอบ ประชาธิปไตย และให้ความรู้ต่างๆ เช่น การวางแผน ครอบครัว การ คุมกาเนิด การกนิ ทถี่ กู สขุ ลกั ษณะ 3. การถา่ ยทอดความร้แู ละความเชยี่ วชาญ การร้องหมอลากลอน เป็นการร้องท่ีต้องใช้ทักษะการร้องสูง ตอ้ งมกี ารฝกึ หดั 4. ลักษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ท่ีพร้อมถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง เพ่ือสืบทอด สืบสานวัฒนธรรมประเพณีเครื่องดนตรีที่มีความเก่าแก่ ตั้งแต่สมยั โบราณ 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสังคม เป็นผถู้ ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมให้กบั เยาวชนและคนรุ่นหลงั
คณะผจู้ ดั ทำ ท่ปี รกึ ษำ ตาแหนง่ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอสุวรรณคหู า นายขีปนาวธุ สีเขียว ตาแหนง่ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นายวชรพล เพยี เทพ ตาแหน่ง ครอู าสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรยี น นายอภชิ าติ สุทธิโสม ตาแหนง่ ครูอาสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรยี น นางสวุ รรณา สทุ ธโิ สม ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล คณะทำงำน ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางอคั รอนงค์ สมทอง ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายพิสษิ ฐพ์ ล ปัญญาพทุ ธิกลุ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายรัชพล ยาพันธ์ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวยศพร จงั พล ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายไมตรี สที าสังข์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสภุ าวดี ไชยโพธิ์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสาววงค์เดอื น พันธล์ ี ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายนพิ นธ์ บารุงภกั ดี ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายพชิ ยั รัตน์ วงค์อนนั ท์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสาวหทยั รัตน์ พิมพจ์ อ่ ง ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวนรนิ ทรา บญุ หนา ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายจตุพนธ์ ประครองญาติ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสาวศุภชั ญา พรชยั ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายทรงศกั ด์ิ พรชัย ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวพรปวณี ์ อาเคน ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายพสิ ิษฐ โคตุราช ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายทวีวิทย์ ชาวดอน ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางยุพรัตน์ ทมุ วนั ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางฐิติพรรณ ใหมว่ งษ์ ตาแหนง่ ครู ศรช. นายอัฒชา คาสีทา ตาแหนง่ ครู ศรช. นางสาวปรียารัตน์ ท่นุ ใจ ตาแหน่ง ครผู สู้ อนคนพกิ าร นางสาววาสกุ รี ศรใี ชย นางสาวรตั นาภรณ์ หลาวเหลก็ ตาแหน่ง บรรณารักษ์ ผู้รวบรวม/เรียบเรียง/จดั ทำรูปเล่ม นางสาวเบญจมาศ โคตรเพชร
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: