Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ประจำเดือนกรกฎาคม

แหล่งเรียนรู้ประจำเดือนกรกฎาคม

Description: แหล่งเรียนรู้ประจำเดือนกรกฎาคม

Search

Read the Text Version

ทำเนียบแหล่งเรยี นรู้ อำเภอสุวรรณคูหำ จังหวัดหนองบวั ลำภู ประจำเดือน กรกฎำคม ๒๕๖๓ ศูนย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยอำเภอสุวรรณคูหำ สำนักงำน กศน. จงั หวัดหนองบวั ลำภู สำนักงำนปลัดกระทรวงศึกษำธกิ ำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร เอกสารวิชาการเลขท่ี ๐๘๕ / ๒๕๖๓

คำนำ สารสนเทศทาเนียบแหล่งเรียนรู้ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู ฉบับน้ี จัดทาข้ึนเพื่อ รวบรวมแหล่งเรียนรู้ เช่น แหล่งเรียนรู้ทางการเกษตร ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถ่ินในเขตอาเภอ สุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู เพอื่ เปน็ แหล่งรวบรวมขององค์ความร้ทู ี่หลากหลาย พรอ้ มทจี่ ะให้ผู้สนใจ เข้าไปศึกษาค้นคว้าด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล เป็นการส่งเสริมการ เรียนร้ตู ลอดชวี ติ เปน็ แหล่งเชอ่ื โยงใหส้ ถานศึกษาและชุมชนมคี วามสัมพนั ธใ์ กล้ชดิ กนั การจัดทาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู ในคร้ังนี้ ได้รับความร่วมมอื อย่างดีย่ิงจากชุมชน จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี และหวังเป็นอย่างย่ิงว่าสารสนเทศทาเนียบ แหล่งเรียนรู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อบุคคล หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดาเนินงานให้มี ประสทิ ธิภาพและเกดิ ประสิทธิผลยงิ่ ขนึ้ ไป หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอสวุ รรณคูหา กศน.อาเภอสุวรรณคูหา กรกฎาคม 2563

สำรบญั หนา้ 4 ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ตาบลกดุ ผง้ึ 10 ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ ตาบลดงมะไฟ 15 ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นตาบลนาสี 18 ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ตาบลนาดา่ น 22 ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ตาบลสุวรรณคูหา 26 ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ตาบลบุญทนั 29 ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ตาบลบ้านโคก 32 ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ตาบลนาดี

ประวัติและผลงานครูภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ด้าน อตุ สาหกรรมและหัตกรรม สาขา การสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง นางประยัติ จันทะฟอง

นางประยัติ จนั ทะฟอง ประวตั ิและผลงานครูภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ตาบลกุดผ้ึง อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวัดหนองบัวลาภู ดา้ น อุตสาหกรรมและหตั กรรม สาขา การสานตะกรา้ จากเชอื กมดั ฟาง 1. ประวตั แิ ละผลงาน นางประยัติ จันทะฟอง ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ที่ ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัด 8 หนองบัวลาภู เรียนจบการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจาก กศน.อาเภอสุวรรณคุฆา มีผลงานการสานตะกร้า จากเชือกมัดฟาง เป็นเวลา 5 ปี จนปัจจุบันเรียกว่า “ ภูมิปัญญาด้านการสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ” นาง ประยัติ จันทะฟอง เป็นบุคคลที่อุทิศตน เสียสละกาลังกาย กาลังทรัพย์ในการเป็นวิทยากรให้ความรู้กับผู้สนใจ และหน่วยงานท่ีให้ความสนใจ นางประยัติ จนั ทะฟอง มแี นวความคิดว่า ตะกร้าเชือกมัดฟาง สามารถนาเป็นของขวัญ ของท่ีระลึก มอบให้กับผู้ที่เคารพนับถือ และ เป็นของกานัลให้แก่ผู้ใหญ่ นอกจากน้ียังมี รปู แบบทรงอ่นื อกี มากมาย

2. องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ ประวัติความเป็นมา เชือกมัดฟาง เป็นเชือกปอป่าน ซ่ึงพื้นเพมาจากเวลาชาวนาเกี่ยวข้าวจะใช้ เชือกปอป่านมัด ฟอ่ นขา้ ว พอเหลอื กน็ ามาทาอย่างอ่นื จนปัจจุบนั มีการเปลี่ยนเสน้ เชอื กมัดฟางเพ่ือ ทันสมัยและทนทานในการผลิตของโรงงาน ประกอบกับ กศน.ตาบลกุดผ้ึง ได้จัดหาวิทยากรมาให้ ความรู้ทางด้านการเปล่ียนแปลงรูปแบบจากเส้นเชือกเป็นตะกร้าใส่ของ และหลังจากการฤดูทานา แลว้ คนในชุมชนมเี วลาว่าง จึงรวมตวั กนั ขึน้ กลุ่มแม่บ้านนาคาน้อย เริ่มสานตะกร้าเชือกมัดฟาง 2558 และเมื่อเร่ิมมีคนรู้จักมากขึ้นโดยทางกลุ่ม แม่บ้านนาคาน้อย ได้ไปออกบูทกับ กศน.อาเภอ สุวรรณคูหา กศน.ตาลกุดผึ้ง สานักงานพัฒนาชุมชน อาเภอสุวรรณคุหา และเริ่มมีผู้สนใจมากทาให้เร่ิมมี ผู้สนใจมาเรียนซ่ึงทาง กลุ่มแม่บ้านนาคาน้อย ยินดี สอนโดยไม่คิดคา่ ใช้จา่ ย

กระบวนการผลติ วัตถดุ ิบและส่วนประกอบ 1. โครงเหลก็ 2. เชือกมัดฟ 3. ไฟแช๊ท 4.เทยี นไข 5. เหลก็ แหลม 6. กรรไกร ข้นั ตอนการผลิต 1. เลอื กเชือกขนาดและสตี ามต้องการ มาตดั แลว้ พนั กับโครงเหลก็ ให้รอบบังโครงเหล็ก 2. ตัดเชอื กตามขนาดทก่ี าหนดสานขอบบนและขอบลา่ ง ใหเ้ ป็นตัวตะขาบ 3. สานที่กน้ ตะกร้า เมื่อเสร็จแล้วตามตอ้ งการแลว้ ข้นึ ลายตามทีเ่ ลือก 4. สานลายตามต้องการเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้วให้สานหูตะกรา้ เมือ่ เสร็จเรยี บร้อยเปน็ รปู ทรง ตะกร้าให้นาตะกร้าไปล้างน้าทาความสะอาด แลว้ ตากใหแ้ ห้ง นาไปทานา้ มนั เคลือบเงา ตากใหแ้ ห้งแลว้ บรรจหุ บี หอ่ พร้อมติดป้ายขาย

ปัจจุบันน้ี ข้าวของมีราคาแพงข้ึน ไม่เฉพาะ อาหาร น้ามัน เท่าน้ัน ยังรวมไปถึงของแต่งบ้าน เม่ือเทียบกับ เมอื่ ก่อน ราคาในปัจจุบันอาจจะทาให้การตัดสินใจในการซื้อนานมากขึ้นอีกดว้ ย การตกแตง่ บ้านนั้น ไม่จาเปน็ ต้องใช้ เฟอร์นิเจอร์ท่ีมีราคาแพง หรูหรา จนเมื่อซ้ือแล้วต้องกลับมาเครียด ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ สามารถช่วยให้ การตกแต่งบ้าน ประหยัดขึ้น ใช้เงนิ นอ้ ยลง แตก่ ็ยงั ได้ความสวยงามเชน่ เดมิ หรอื อาจจะมากกว่าเดิม ตะกร้าสาน เป็น ภาชนะชนิดหน่ึงท่ีมีไว้สาหรับใส่ของ ให้มีความระเบียบเรียบร้อย แต่คุณประโยชน์ของ ตะกร้าสานสามารถเป็นได้มากกว่าน้ัน นอกจากไว้ใช้ เก็บของ กระจุ กกระจิกแล้ว ยังประยุกต์เป็น เฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย เช่น ตะกร้าสานขนาดใหญ่ทา เป็นโตะ๊ รบั แขก เปน็ เก้าอ้ที ี่มเี บาะรองน่ัง เป็นลิน้ ชักใส่ ของเก็บไว้ใต้เตียง ใต้ม้าน่ัง หรือสามารถนามาติดกับ ผนัง เป็นชั้นใส่ของติดผนังก๊ิบๆ เก๋ๆ เป็นต้น ตะกร้า สาน ให้ทั้งความสะดวกในการหยิบใช้งาน ความเป็น ระเบียบสบายตา และให้ความเป็นธรรมชาติ ที่เป็น ความสวยงามแบบยั่งยืนอีกดว้ ย

3. การถ่ายทอดความรู้และความเชยี่ วชาญ นางประยตั ิ จันทะฟอง ถา่ ยทอดความรู้เร่ืองการสานตะกรา้ จากเชอื กมัดฟาง ท้ัง รูปแบบการให้ ความรู้ การสาธิตและการปฏิบัติจริง สามารถถ่ายทอดความรู้ เรอ่ื งการสานตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ได้เป็นอย่าง ดี 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครือขา่ ย นางประยัติ จันทะฟอง มีเครอื ขา่ ยและมีการสรา้ งเครือขา่ ย มีเครือขา่ ยท้งั ภาครฐั และภาคเอกชน ดงั นี้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุวรรณคูหา กศนตาบลกุดผึ้ง. รพกุดผ้ึงองค์การ.สต. บริหารส่วนตาบลกุดผึ้ง สานักงานเกษตรอาเภอสุวรรณคูหา สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอสุวรรณคูหา สถานี ตารวจภธู รสวุ รรณคูหา กกต.จงั หวัดหนองบวั ลาภู โรงเรียนในพื้นที่ นางประยัติ จันทะฟอง มีการสร้างเครือข่าย มีการขยายต่อองค์ความรู้แบบรูปธรรม ให้กับคนในชุมชน ได้สานต่อความรู้ และโดยการเป็นวิทยากร ตลอดจนได้เชิญชวนผู้สนใจเพื่อให้มาศึกษาดูงาน และมีการ ประชาสัมพันธใ์ หก้ ับภาคีเครอื ข่าย และประชาชนผู้สนใจไดเ้ รยี นรู้อย่างต่อเน่อื ง 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในชุมชนที่สามารถถา่ ยทอดองค์ความรู้ใหก้ ับคนในชุมชนและผูส้ นใจเรียนรู้ไดเ้ ปน็ อย่างดี 6. รางวัลหรือเกียรติคุณที่ได้รบั ไดร้ ับความช่ืนชม ยินดี ในการเสยี สละ ภมู ิปญั ญาด้านการทาพานบายศรี จากชุมชน และผเู้ รียนรู้

ประวัติและผลงานครูภูมิปัญญาท้องถน่ิ ตาบลดงมะไฟ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ศลิ ปหตั ถกรรม สาขา การทอผ้า นางชาญ หอมพรมมา



นางชาญ หอมพรมมา ประวัติและผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ตาบลดงมะไฟ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศลิ ปหัตถกรรม สาขา การทอผ้าพนื้ เมือง 1. ประวตั แิ ละผลงาน นางชาญ หอมพรมมา อายุ 55 ปี อยบู่ า้ นเลขท่ี 12 หมู่ 9 บา้ นวงั หนิ ซา ตาบลดงมะไฟ อาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบัวลาภู มผี ลงานด้านการทอผ้าพนื้ เมอื ง เชน่ ผา้ ขาวมา้ ผา้ คลุมไหล่ ผา้ พันคอ ผา้ ตดั ชดุ ของหน่วยงานต่างๆ 2. องค์ความรแู้ ละความเชี่ยวชาญ เปน็ แหลง่ เรียนรภู้ มู ิปัญญาดา้ นการทอผา้ พืน้ เมอื ง วธิ กี ารทอผา้ ขน้ั ตอนการ ทอผา้ ตลอดจนการจดั จาหน่ายสินคา้ ผ้าทอในชุมชน เป็นต้น 3. การถา่ ยทอดความร้แู ละความเชย่ี วชาญ การถา่ ยทอดองค์ความรู้ในแหลง่ ภูมปิ ญั ญา การทอผ้าเป็นภมู ปิ ัญญาและเปน็ วฒั นธรรม สาคญั ของชุมชน เป็นกระบวนการขดั เกลาทางสังคมอยา่ งหน่ึง เม่ือผคู้ นมีการอพยพเคลือ่ นย้าย ไปต้ังถนิ่ ฐานในพ้นื ทใี่ ด วัฒนธรรมก็ติดตัวไปดว้ ยและนาไปปฏิบัตใิ นพ้ืนทีท่ ีย่ ้ายไปอยู่ ใหม่ ดงั นั้นในชมุ ชนใกลเ้ คยี งหรือในพ้ืนท่ีจงั หวัดชยั ภมู หิ ลายแห่ง รวมท้ังในภูมภิ าคตา่ งๆ ซง่ึ มีการ ผลิตผา้ ไหมมดั หมี่ จงึ มลี วดลายคลา้ ยคลงึ กนั จนไมส่ ามารถบอกความแตกต่างหรืออัตลักษณ์ ของลวดลายผา้ ไหมมดั หมใี่ นแต่ละพืน้ ทไ่ี ด้ อยา่ งชดั เจน วธิ กี ารทอผ้า ปจั จบุ นั ถงึ แม้วา่ ยังไมม่ หี ลักฐานทแ่ี น่ชดั บง่ บอกถงึ ต้นกาเนดิ ของการ ทอผา้ แต่ก็ สามารถเทยี บเคยี งกับหลักฐานอืน่ ๆ ซึ่งมคี วามคล้ายคลงึ กันโดย มีเหตุผลหลายอยา่ งสนับสนุน แนวคดิ ท่วี ่า การทอผ้ามีวิวัฒนาการมาจากการ ทาเชือก ทอเสอื่ และการจกั สาน โดยเฉพาะ อยา่ งย่ิงลายเชอื กทาบทป่ี รากฎร่องรอยให้เห็นบนภาชนะดนิ เผา ซงึ่ พบเปน็ จานวนมากตาม แหลง่ โบราณคดี กอ่ นประวตั ิศาสตรส์ มยั หินใหม่ เรอ่ื ยมาจนถงึ แหลง่ ่โบราณคดสี มัย ประวัติ ศาสตร์ ดว้ ยเหตุนเ้ี อง จงึ กลา่ วไดว้ า่ การทอผ้าเป็นงานหัตถกรรมที่เกา่ แกท่ สี่ ดุ ในโลก งานหนง่ึ

หลกั ของการทอผา้ กค็ อื การทาให้เส้นดา้ ยสองกลุ่มขดั กัน โดยทง้ั สอง พวกตั้งฉากกนั เส้นด้ายกลมุ่ หนงึ่ เรยี กวา่ ดา้ ยยืน และอกี กลุ่มหนึ่งเรียกวา่ ดา้ ยพงุ่ ลกั ษณะของการขัดกันของ ดา้ ยพุ่งและดา้ ยยืน จะขัดกันแบบธรรมดาที่เรยี กวา่ ลายขัด หรืออาจจะเพิม่ เทคนคิ พเิ ศษเพือ่ ให้ ผา้ มลี วดลาย สสี ันทส่ี วยงามแปลกตา ขั้นตอนในการทอผา้ 1. สบื เส้นด้ายยืนเขา้ กบั แกนม้วนดา้ ยยนื และร้อยปลายด้ายแตล่ ะเสน้ เขา้ ในตะ กอแต่ละชดุ และฟันหวี ดงึ ปลายเสน้ ดา้ ยยนื ทงั้ หมดม้วนเขา้ กับแกนม้วนผ้าอีกด้านหน่ึง ปรับความตึงหย่อน ให้พอเหมาะ กรอด้ายเข้ากระสวยเพ่อื ใชเ้ ปน็ ดา้ ยพงุ่ 2. เร่มิ การทอโดยกดเครื่องแยกหม่ตู ะกอ เสน้ ดา้ ยยนื ชุดที่ 1 จะถกู แยก ออกและเกดิ ชอ่ งว่าง สอดกระสวยดา้ ยพุ่งผ่าน สลับตะกอชุดท่ี 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยดา้ ยพุ่งกลับ ทา สลบั กันไปเรอ่ื ย ๆ 3. การกระทบฟันหวี (ฟมื ) เมื่อสอดกระสวยดา้ ยพุ่งกลับกจ็ ะกระทบ ฟันหวี เพอื่ ใหด้ ้ายพงุ่ แนบติดกนั ไดเ้ นอ้ื ผ้าทีแ่ นน่ หนา 4. การเกบ็ หรอื มว้ นผ้า เมอ่ื ทอผา้ ไดพ้ อประมาณแล้วก็จะม้วนเกบ็ ใน แกนมว้ นผา้ โดยผอ่ นแกนด้ายยนื ให้คลายออกและปรับความตึงหยอ่ นใหม่ ่ให้ พอเหมาะ การทอผา้ พื้น เปน็ การใช้หลกั การทอผา้ เบื้องตน้ ทีน่ าเอาด้ายเสน้ ยืนและด้ายเส้นพ่งุ มาขัดกนั เพื่อให้ เกิดเปน็ ผนื ผ้า โดยดา้ ยเสน้ พุง่ และเสน้ ยืนอาจเปน็ ดา้ ยสเี ดียวกัน หรอื ตา่ งสกี นั หรือนาเอา เส้นด้ายทีเ่ ป็นด้นิ เงินหรอื ด้นิ ทองมาทอควบด้าย เพ่ือให้ผา้ มีความมนั ระยับ สวยงามยิง่ ขน้ึ เทคนคิ พิเศษทใี่ ชใ้ นการทอผา้  การขดิ ขิด หมายถึง กรรมวธิ ีในการทอผา้ เพอ่ื ให้เกิดลวดลายตา่ งๆ ขึน้ มา โดยวธิ ีการ เพมิ่ เสน้ ด้ายพงุ่ พเิ ศษในระหว่างการ ทอ เพ่ือใหเ้ กดิ ลวดลายท่ีโดดเดน่ กว่าสพี น้ื วิธกี ารทา คือ ใช้ไม้เขย่ี หรอื สะกิด เพ่อื ช้อนเส้นด้ายยนื ขน้ึ แล้วสอดเสน้ ดา้ ยพุ่ง ไปตามแนวทีถ่ กู จัด ช้อน จังหวะการสอดเสน้ ด้ายพุง่ น่ีเอง ท่ีทาใหเ้ กดิ เปน็ ลวดลายต่าง ๆ  การจก เป็นเทคนิคการทอผา้ เพอื่ ให้เกิดลวดลายตา่ งๆ โดยเพมิ่ เส้นด้ายพุ่งพเิ ศษสอดขึน้ ลง วิธีการคอื ใช้ขนเม่น ไม้ หรือนวิ้ สอดเสน้ ดา้ ยยนื ข้นึ แล้วสอดเสน้ ดา้ ยพุ่งพเิ ศษเขา้ ไป ซึง่ จะทาใหเ้ กดิ เป็นลวดลายเปน็ ชว่ ง ๆ สามารถทาสลบั สลี วดลายไดห้ ลากสี

ซึ่งจะแตกตา่ งจากการขดิ ตรงท่ขี ิดท่เี ป็นการใชเ้ ส้นด้ายพงุ่ พเิ ศษเพยี งสี เดยี ว การทอผา้ วธิ จี กใชเ้ วลานานมากมกั ทา เปน็ ผนื ผ้าหนา้ แคบใชต้ อ่ กับตัวซน่ิ เรียกว่า “ซนิ่ ตนี จก”  การทอมัดหมี่ ผ้ามัดหมี่มีกรรมวิธีการทอผ้าที่ใช้เทคนิคการมัดและการย้อม เร่ิมจากนา เส้นด้ายหรือไหมมาย้อมสแี ลว้ มดั บริเวณท่ี ต้องการเกบ็ ไว้ เมอ่ื นาไปยอ้ มสอี น่ื จะไดไ้ มต่ ดิ สี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อมเรียงลาดับจากสีออ่ นไปหาสีเข้มจนครบ ตามลวดลาย ท่ีกาหนด หลงั จากนั้นจงึ นาดา้ ยกรอเขา้ หลอดตามลาดบั แลว้ นาไปทอจะเกดิ ลวดลายบน ผืนผ้าท่ีมีลักษณะคลาด เคลื่อนเหลื่อมล้า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัดหมี่ การทอผา้ ชนิดน้ีจึงต้องอาศัยความชานาญในการมัดย้อมและทอเป็น อย่างมาก ผ้ามัดหมี่มีอยู่ หลายชนิด ได้แก่ 1. มัดหมเ่ี ส้นพุง่ 2. มัดหมี่เส้นยืน 3. มัดหมี่เสน้ ยนื และเสน้ พงุ่  การทอผา้ ยก เป็นกรรมวิธีการทอให้เกิดลวดลายโดยการยกตะกอแยกดา้ ยเสน้ ยืน และ ในบางครง้ั การยกดอกจะมีการเพ่ิมด้ายเสน้ พุ่งจานวนสองเส้น หรอื มากกวา่ นัน้ เขา้ ไปใน ผนื ผ้าลวดลายทที่ อจะเป็นลายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วถิ ีชวี ติ สง่ิ แวดล้อม และความเชอื่ ทาง ศาสนา ซ่งึ ได้แก่ ลายปราสาท ลานธรร มาสน์ ลายสตั ว์ ลายพชื ลายจากสง่ิ ของเครือ่ งใช้ และลายเรขาคณิต 4. ลักษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครอื ขา่ ย เป็นภมู ิปญั ญาที่ กศน.ตาบลดงมะไฟ ได้ไปส่งเสริมโครงการศนู ยฝ์ ึกอาชีพชุมชน หลักสูตร การทอผา้ พน้ื เมอื ง 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสงั คม เปน็ ภมู ปิ ญั ญาที่ทาให้ชมุ ชนมีรายได้ สามารถสรา้ งรายไดใ้ ห้กับครอบครัวได้ และชมุ ชน ได้มีผ้าท่ีเปน็ เอกลกั ษณข์ องตนเอง

ประวัติและผลงานครภู ูมิปญั ญาท้องถน่ิ ตาบลนาสี อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น คหกรรม สาขา การถนอมอาหาร นางสาคร เสยี วสุข

หนังควายสด หนังควายทอด

นางสาคร เสียวสุข ประวัติและผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถิน่ ตาบลนาสี อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู ด้าน คหกรรม สาขา การถนอมอาหาร 1. ประวัตแิ ละผลงาน นางสาคร เสยี วสขุ เป็นบุคคลท่ีได้นาเอาความรู้ในเรื่องหนงั ควาย เน่ืองจากในตอนแรกขายหนัง ควายแห้ง สม้ หนงั ควาย หนงั ความต้ม หลังจากน้ันมคี วามคิดที่จะแปรรูปให้เป็นสนิ ค้าท่นี า่ สนใจ และ เหมาะสมกบั ท้องถนิ่ จึงได้มคี วามคิดเอาหนงั ความไปตากแห้งและนามาตม้ และเอามาหัน่ เป็นชน้ิ บางๆ ตากแห้งและทอดให้พอง โดยมีการปรุงรสด้วยรสดี เหลอื ปน่ 2. องคค์ วามรู้และความเชย่ี วชาญ การทาหนงั ควายทอดเปน็ ภูมิปญั ญาชาวบา้ นในการถนอมอาหารชาวอสี านส่วนใหญ่นยิ มนาไปเผา เล่นในช่วงสงครามไฟผงิ สบาย ๆ อีกหลายคนกน็ าไปสู่การประกอบอาหาร หนงั เค็มต้มซปุ หนังทอด สรรพคณุ ของหนังเคม็ น้นั นอกจากจะชว่ ยเจริญอาหารแลว้ ยังแก้โรคพรรดึกถา่ ยชาระนา้ เหลืองชาระเมือก ไขมนั ในห้างหุ้นสว่ นจากดั ลาไส้และฟอกโลหิตอกี ดว้ ย นางสาคร เสียวสุข ชาวบ้านหมู่ท่ี 3 บ้านดงยาง ต. นาสี อ. สวุ รรณคหู า จ. หนองบวั ลาภู เปิดเผยว่าตัวตนและครอบครวั ได้พยายามทาหนงั เคม็ ขายในหม่บู ้านจนเปน็ ท่ีถกู ขโมยกระตา่ ยใจของคนท่ี ได้รับการสัมผสั อยู่ท่วั ประเทศแลว้ 3. การถา่ ยทอดความรู้และความเช่ยี วชาญ การทาหนังควายทอดเป็นภมู ปิ ญั ญาชาวบ้านในการถนอมอาหารชาวอสี านส่วนใหญ่นิยมนาไปเผา เล่นในชว่ งสงครามไฟผิงสบาย ๆ อีกหลายคนกน็ าไปสกู่ ารประกอบอาหาร หนังเค็มต้มซปุ หนังทอด สรรพคุณของหนังเคม็ นั้นนอกจากจะช่วยเจรญิ อาหารแล้วยงั แก้โรคพรรดึกถ่ายชาระนา้ เหลอื งชาระเมือก ไขมนั ในหา้ งหุน้ สว่ นจากัดลาไส้และฟอกโลหติ อกี ดว้ ย 4. ลักษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย เปน็ ศนู ยก์ ารเรียนรู้ O TOP นววิถี บ้านดงยาง 5. ผลงานท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม เป็นผนู้ าในเร่ืองการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และเห็นผลประจักษ์ และเปน็ ผ้ใู ห้คาแนะนา ใหค้ วามร้กู ับประชาชนท่ีสนใจ

ประวตั ิและผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถ่นิ ตาบลนาดา่ น อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรทฤษฎีใหม่ สาขา เศรษฐกิจพอเพียง (ประเภทบุคคล) นายถาวร นวลสว่าง

นายถาวร นวลสว่าง ประวัติและผลงานครูภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ตาบลนาดา่ น อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรทฤษฎใี หม่ สาขา เศรษฐกิจพอเพียง (ประเภทบคุ คล) 1. ประวัติและผลงาน นายถาวร นวลสว่าง บ้านทงุ่ สว่าง บา้ นเลขที่ ตาบลนาดา่ น อาเภอสุวรรณคูหา 8 หมู่ 741 จงั หวัดหนองบวั ลาภู จบการศึกษาสงู สุดระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผลงานของ 07213นายถาวร นวลสวา่ ง ได้รับเชญิ เป็นวิทยากร 2. องค์ความรู้และความเช่ียวชาญ นายถาวร นวลสวา่ ง มอี งค์ความรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ ท่ีนาไปถา่ ยทอดใหแ้ กผ่ ้เู รียน และผคู้ นทีส่ นใจ โดยใช้กระบวนการถา่ ยทอดความรู้ท่หี ลากหลายเชน่ การอธบิ าย การสาธติ และให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏิบตั ิ จริง อีกทง้ั มีความรู้ความสามารถดา้ นการเกษตรทฤษฎใี หม่ เศรษฐกิจพอเพียง

3. การถา่ ยทอดความรู้และความเช่ียวชาญ นายถาวร นวลสวา่ ง มีการถา่ ยทอดความรู้และความเชีย่ วชาญดงั น้ี - ถา่ ยทอดความรใู้ ห้กบั ชมุ ชนต่างๆ - เป็นผ้นู าในการใชช้ วี ิตตามรอยเศรษฐกจิ พอเพียง

4. ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสรา้ งเครอื ข่าย นายถาวร นวลสว่าง มเี ครอื ขา่ ยและมวี ธิ กี ารสร้างเครอื ขา่ ยดงั น้ี - เครือข่ายภาครฐั และเอกชนประกอบด้วย สานักงานเกษตรจังหวดั - อาเภอ สานกั งานพัฒนาชมุ ชนจงั หวัด - อาเภอ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั – อาเภอ เทศบาลตาบล กลุ่มเกษตรอาเภอ วิธีการสรา้ งเครอื ขา่ ย นายถาวร นวลสว่าง มวี ธิ กี ารสรา้ งเครือขา่ ย โดยการเปน็ วิทยากรหลกั สตู รต่างๆ เช่น เกษตรทฤษฎใี หม่ โดยการได้รับเชิญจากหนว่ ยงานตา่ งๆที่ไดร้ ับการประสานมา และไดจ้ ดั ทาแผน่ พบั ประชาสัมพันธ์ แจกจา่ ยใหก้ ับเครือขา่ ย และประชาชนผู้สนใจไดศ้ กึ ษา 5. ผลงานท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชน นายถาวร นวลสวา่ ง มีผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชน โดยได้อทุ ศิ ตนในการเปน็ วทิ ยากรใหค้ วามรู้ให้แกบ่ คุ คล/ชมุ ชน/หนว่ ยงาน เปน็ ตน้ มา 6. รางวลั หรือเกยี รติคณุ ที่ไดร้ บั - นายถาวร นวลสวา่ ง ไดร้ บั เกียรติคณุ เป็นวทิ ยากรการศกึ ษาต่อเนอื่ ง

ประวตั ิและผลงานครูภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ตาบลสุวรรณคูหา อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน แหล่งเรยี นรู้ สาขา ประวัตศิ าสตร์ ทสปช.อาเภอสวุ รรณคูหา



ทสปช.อาเภอสุวรรณคูหา ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถิน่ ตาบลสวุ รรณคูหา อาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบัวลาภู ด้าน แหล่งเรยี นรู้ สาขา ประวตั ศิ าสตร์ 1. ประวตั ิและผลงาน ช่ือแหลง่ เรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้ทางประวัตศิ าสตร์ ทสปช. ประเภทแหลง่ เรียนร้ดู า้ นประวัตศิ าสตร์องคค์ วามรู้ของ แหล่งเรียนรู้ เพ่ือให้ประชาชนไดร้ จู้ กั ตง้ั อยู่ หนา้ ท่ีว่าการ อาเภอสุวรรณคหู าประวตั ิศาสตรค์ วามเปน็ มาของวีระชนผู้ กล้าของอาเภอสวุ รรณคูหา สรา้ งในปี ๒๕๔๖ สมัย นาย จารึก ปรญิ ญาพล เปน็ ผวู้ ่าราชการจงั หวัดหนองบัวลาภู ไทยอาสาปอ้ งกนั ชาติ (ทสปช.) ไดก้ ่อกาเนิดขึน้ คร้งั แรกท่ี บ้านนาดี และบา้ นโคก อาเภอสุวรรณคหู า เมอ่ื ปี ๒๕๑๗ โดยได้รวมกันเรียกตัวเองว่า “ทสป”(ไทยอาสาปอ้ งกัน ตนเอง) จับอาวุธขึ้นต่อส้กู ับ ผกค. จนได้รบั การยกย่อง สรรเสรญิ และถือเอาเป็นแบบอยา่ งนาไปขยายผลทัว่ ท้งั ประเทศ โดยเรียกราษฎรอาสาสมัครว่า ไทยอาสาป้องกัน ชาติ (ทสปช.) อนุสาวรยี แ์ ห่งนี้จงึ สรา้ งข้นึ เพ่ือเชดิ ชวู ีรกรรมของราษฎร ทสปช. และเพอ่ื ให้คนรนุ่ หลังได้ ราลกึ ถงึ บรรพบรุ ษุ สถานทต่ี ้งั หน้าที่วา่ การอาเภอสุวรรณคหู า ตาบลสุวรรณคูหา อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู ผู้ประสานงาน ชอ่ื นางยุพรัตน์ ทุมวนั ครู กศน.ตาบล เบอรโ์ ทรศพั ท์ 080 – 5489956 2. องค์ความรู้และความเช่ยี วชาญ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนได้รู้จักตั้งอยู่ หน้าที่วา่ การอาเภอสวุ รรณคูหาประวัตศิ าสตร์ความเปน็ มาของวรี ะ ชนผ้กู ล้าของอาเภอสุวรรณคูหา สร้างในปี ๒๕๔๖ สมัย นายจารึก ปริญญาพล เป็นผู้วา่ ราชการจังหวดั หนองบัวลาภู ไทยอาสาป้องกนั ชาติ (ทสปช.) ได้กอ่ กาเนดิ ขนึ้ ครั้งแรกที่บา้ นนาดี และบา้ นโคก อาเภอ สวุ รรณคูหา เมอ่ื ปี ๒๕๑๗ โดยได้รวมกนั เรียกตัวเองว่า “ทสป”(ไทยอาสาป้องกนั ตนเอง) จับอาวธุ ข้นึ ต่อสู้ กับ ผกค. จนได้รับการยกย่องสรรเสริญและถือเอาเป็นแบบอยา่ งนาไปขยายผลทัว่ ทั้งประเทศ โดยเรยี ก ราษฎรอาสาสมคั รว่า ไทยอาสาปอ้ งกนั ชาติ (ทสปช.) อนุสาวรียแ์ หง่ นจ้ี งึ สร้างขน้ึ เพื่อเชดิ ชูวรี กรรมของ ราษฎร ทสปช. และเพือ่ ใหค้ นร่นุ หลงั ไดร้ าลึกถงึ บรรพบุรุษ

3. การถ่ายทอดความรแู้ ละความเชีย่ วชาญ ถา่ ยทอดความรู้เรื่องมคี วามรู้ด้านประวัตศิ าสตร์ความเปน็ มาของอาเภอสวุ รรณคหู า และเพือ่ ให้ ประชาชนไดร้ ู้จักต้งั อยู่ หน้าที่ว่าการอาเภอสวุ รรณคูหาประวัติศาสตรค์ วามเป็นมาของวีระชนผู้กล้าของ อาเภอสุวรรณคูหา สรา้ งในปี ๒๕๔๖ สมัย นายจารึก ปรญิ ญาพล เปน็ ผู้ว่าราชการจงั หวัดหนองบวั ลาภู ไทยอาสาปอ้ งกันชาติ (ทสปช.) ไดก้ อ่ กาเนิดขน้ึ คร้ังแรกทบี่ า้ นนาดี และบ้านโคก อาเภอสุวรรณคหู า เมื่อปี ๒๕๑๗ โดยได้รวมกันเรียกตวั เองว่า “ทสป”(ไทยอาสาปอ้ งกันตนเอง) จบั อาวธุ ขน้ึ ตอ่ ส้กู บั ผกค. จนได้รบั การยกย่องสรรเสริญและถือเอาเปน็ แบบอย่างนาไปขยายผลทั่วทั้งประเทศ โดยเรียกราษฎรอาสาสมคั รวา่ ไทยอาสาปอ้ งกนั ชาติ (ทสปช.) อนุสาวรีย์แหง่ นีจ้ ึงสร้างข้นึ เพื่อเชดิ ชูวีรกรรมของราษฎร ทสปช. และ เพ่ือให้คนรุน่ หลงั ได้ราลกึ ถึงบรรพบรุ ุษ 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครอื ขา่ ย เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักต้ังอยู่ หน้าท่ีว่าการอาเภอสุวรรณคูหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวีระ ชนผู้กล้าของอาเภอสุวรรณคูหา สร้างในปี ๒๕๔๖ สมัย นายจารึก ปริญญาพล เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หนองบัวลาภู ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ได้ก่อกาเนิดขึ้นครั้งแรกที่บ้านนาดี และบ้านโคก อาเภอ สวุ รรณคหู า เม่ือปี ๒๕๑๗ โดยไดร้ วมกนั เรียกตัวเองว่า “ทสป”(ไทยอาสาป้องกนั ตนเอง) จับอาวธุ ข้ึนต่อสู้ กับ ผกค. จนได้รับการยกย่องสรรเสริญและถือเอาเป็นแบบอย่างนาไปขยายผลทั่วท้ังประเทศ โดยเรียก ราษฎรอาสาสมัครว่า ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงสร้างขึ้นเพื่อเชิดชูวีรกรรมของ ราษฎร ทสปช. และเพ่อื ใหค้ นรุ่นหลังได้ราลึกถึงบรรพบรุ ษุ 5. ผลงานท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม เพ่ือให้ประชาชนได้รู้จักต้ังอยู่ หน้าท่ีว่าการอาเภอสุวรรณคูหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวีระ ชนผู้กล้าของอาเภอสุวรรณคูหา สร้างในปี ๒๕๔๖ สมัย นายจารึก ปริญญาพล เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หนองบัวลาภู ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ได้ก่อกาเนิดขึ้นครั้งแรกท่ีบ้านนาดี และบ้านโคก อาเภอ สวุ รรณคูหา เมือ่ ปี ๒๕๑๗ โดยไดร้ วมกันเรียกตัวเองว่า “ทสป”(ไทยอาสาป้องกนั ตนเอง) จบั อาวุธขึ้นต่อสู้ กับ ผกค. จนได้รับการยกย่องสรรเสริญและถือเอาเป็นแบบอย่างนาไปขยายผลท่ัวทั้งประเทศ โดยเรียก ราษฎรอาสาสมัครว่า ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) อนุสาวรีย์แห่งน้ีจึงสร้างขึ้นเพ่ือเชิดชูวีรกรรมของ ราษฎร ทสปช. และเพ่ือใหค้ นรนุ่ หลังได้ราลกึ ถึงบรรพบรุ ษุ 6. รางวัลหรือเกียรตคิ ุณที่ได้รบั เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักต้ังอยู่ หน้าที่ว่าการอาเภอสุวรรณคูหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวีระ ชนผู้กล้าของอาเภอสุวรรณคูหา สร้างในปี ๒๕๔๖ สมัย นายจารึก ปริญญาพล เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หนองบัวลาภู ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ได้ก่อกาเนิดขึ้นคร้ังแรกท่ีบ้านนาดี และบ้านโคก อาเภอ สวุ รรณคูหา เมื่อปี ๒๕๑๗ โดยได้รวมกนั เรียกตัวเองว่า “ทสป”(ไทยอาสาป้องกันตนเอง) จับอาวธุ ขึ้นต่อสู้ กับ ผกค. จนได้รับการยกย่องสรรเสริญและถือเอาเป็นแบบอย่างนาไปขยายผลทั่วทั้งประเทศ โดยเรียก ราษฎรอาสาสมัครว่า ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงสร้างข้ึนเพ่ือเชิดชูวีรกรรมของ ราษฎร ทสปช. และเพ่อื ใหค้ นรนุ่ หลังได้ราลึกถงึ บรรพบรุ ษุ

ประวัติและผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลบุญทนั อาเภอสวุ รรณคหู า จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ปรชั ญาศาสนาและประเพณี สาขา การทาบายศรีสขู่ วัญ นายสวน บุญทา

พานบายศรี รูป 1 สูข่ วัญนาค รูป 2 ส่ขู วัญงานแตง่

นายสวน บุญทา ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ตาบลบญุ ทนั อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ปรัชญาศาสนาและประเพณี สาขา การทาบายศรีสขู่ วญั 1. ประวัติและผลงาน นายสวน บุญทา เกิดเมื่อวันท่ี 10 กันยายน 2488 เกิดที่บ้านดอนมะซ่อม ตาบลบุ่งคล้า อาเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี บิดาช่ือ นายมั่นสังเกต มารดาช่ือ นางล้วนสังเกต ปัจจุบัน นายสวน บุญทา ประกอบอาชีพทานา ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 553 หมู่ 5 ตาบลบุญทัน อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู นายสวน บุญทา เกิดใน ตระกูลชาวนา เรียนจบช้ัน ป.4 มีผลงาน การทาพิธีบายศรีสู่ขวัญ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ถึงปัจจุบัน และได้อุทิศตน เพือ่ ชมุ ชน และสงั คม โดยตลอด 2. องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ นายสวน บุญทา มคี วามเช่ยี วด้านปรัชญา ศาสนาและประเพณี ในด้านของการทาพิธี บายศรสี ่ขู วัญ และ พธิ ีกร ในงานต่างๆ สามารถถ่ายทอด องค์ความรู้ใหก้ บั ผู้สนใจ ด้วยวธิ ที ่ีหลากหลาย เชน่ การอธิบายบอกเล่า การสาธติ วิธกี ารทาบายศรสี ่ขู วญั เปน็ ต้น 3. การถ่ายทอดความรู้และความเชยี่ วชาญ นายสวน บญุ ทา ถา่ ยทอดความรู้ดงั นี้ 1. เป็นวทิ ยากร ถา่ ยทอดความร้ใู นโรงเรยี นผสู้ ูงอายุ 2. เปน็ วิทยากร ถา่ ยทอดความรใู้ ห้กับนักศึกษา กศน. และผคู้ นทวั่ ไป 4. ลักษณะของเครือขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย นายสวน บุญทา เครอื ข่ายดังน้ี เครอื ข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย 1. กศน.อาเภอสุวรรณคูหา 2. โรงเรยี นผูส้ ูงอายุ อบต.บุญทนั 3. กลุ่มเยาวชนตาบลบุญทนั 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม นายสวน บญุ ทา มผี ลงานทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสงั คม โดยได้อุทศิ ตน เปน็ วิทยากรใหแ้ ก่บุคคลบุคคล ในเขตอาเภอสุวรรณคูหาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 เป็นตน้ มา 6. รางวลั หรือเกียรตคิ ุณที่ไดร้ ับ 1. บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นดา้ นภาษา วัฒนธรรม จากหน่วยงาน กศน. 2. เครือขา่ ยพันธมิตร ธกส. จังหวัดหนองบวั ลาภู 3. คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบญุ ทนั ท่งุ น้อย

ประวตั ิและผลงานครูภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ตาบลบ้านโคก อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น ปราชญ์ชาวบ้าน สาขา หมอพน้ื บ้าน นายบปุ ผา สังเกตุ

รูปที่ 1 ตาแดง รปู 2 ตาแดง รูป 3 อาการโรคตาแดง

นายบุปผา สงั เกต ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ตาบลบญุ ทนั อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น ปราชญ์ชาวบา้ น สาขา หมอพืน้ บา้ น / เป่าคาถาโรคตาแดง 1. ประวตั ิและผลงาน นายบปุ ผา สังเกตุ เกิดเม่ือวนั ที่ 10 กนั ยายน 2498 เกิดท่บี า้ นดอนมะซอ่ ม ตาบลบุ่งคลา้ อาเภอเลงิ นกทา จงั หวดั อุบลราชธานี บดิ าชอื่ นายม่นั สังเกต มารดาชือ่ นางลว้ นสังเกต ปัจจุบนั นายบปุ ผา สงั เกต ประกอบอาชพี ทานา ท่อี ยู่ปจั จุบนั บา้ นเลขที่ 553 หมู่ 14 ตาบลบ้านโคก อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู นายบุปผาสังเกต เกดิ ใน ตระกลู ชาวนา เรียนจบชัน้ ม.3 จาก กศน.อาเภอสุวรรณคูหา มผี ลงาน การทาพิธีบายศรสี ขู่ วัญ มาตง้ั แต่พศ. 2540 ถึง ปจั จุบัน และได้อุทิศตน เพ่ือชุมชน และสงั คม โดยตลอด 2. องคค์ วามรู้และความเชี่ยวชาญ นายบุปผา สังเกตุ มีความเช่ยี วด้านปราชญ์ชาวบ้าน ในด้านการเปา่ คาภาแก้โรคตาแดงให้กบั ชาวบ้าน ในชุมชน องคค์ วามรู้ใหก้ ับผสู้ นใจ ด้วยวิธีท่องคาถาถอนพิษแกโ้ รคตาแดง 3. การถ่ายทอดความร้แู ละความเชยี่ วชาญ นายบุปผา สังเกตุ ถา่ ยทอดความรดู้ ังนี้ 1. เป็นวิทยากร ถา่ ยทอดความรู้ในโรงเรียนผู้สูงอายุ 2. เปน็ วิทยากร ถ่ายทอดความรใู้ ห้กับนกั ศกึ ษา กศน. และผู้คนทั่วไป 4. ลกั ษณะของเครือขา่ ยและการสร้างเครือข่าย นายบุปผา สงั เกตุ เครอื ขา่ ยดังน้ี เครอื ขา่ ยภาครฐั และเอกชน ประกอบด้วย 1. กศนอาเภอสวุ รรณคหู า 2. โรงเรยี นผสู้ ูงอายุ อบต.บา้ นโคก 3. กล่มุ เยาวชนตาบลบา้ นโคก 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสังคม นายบุปผา สงั เกตุ มีผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม โดยได้อุทิศตน เป็นวทิ ยากรใหแ้ ก่ บคุ คลบุคคล ในเขตอาเภอสุวรรณคหู าตัง้ แต่ พ.ศ. 2540 เป็นตน้ มา 6. รางวัลหรอื เกียรตคิ ณุ ทไี่ ด้รับ 1. บุคคลผมู้ ีผลงานดีเด่นดา้ นภาษา วัฒนธรรม จากหนว่ ยงาน กศน. 2. เครือขา่ ยพันธมิตร ธกส. จังหวัดหนองบัวลาภู 3. คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโคกทงุ่ น้อย

ประวัตแิ ละผลงานครูภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ตาบลนาดี อาเภอสวุ รรณคหู า จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน นางเพชรสมยั ทองมา



นางเพชรสมยั ทองมา ประวัติและผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน ตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบัวลาภู ด้านเกษตรกรรม สาขาภูมิปัญญาท้องถนิ่ 1. ประวัติและผลงาน นางเพชรสมยั ทองมา เกดิ เม่ือวันท่ี 3 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2505 จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขท่ี 19 หมู่ท่ี 12 บ้านศรีสาราญ ตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู เบอร์ โทรศพั ท์ 091-682-6449 นางเพชรสมัย ทองมา เดิมทีเป็นคนบ้านนาคาน้อย ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา แต่ได้มาสมรสกับ นายบุญ หลาย ทองมา เลยย้ายที่อยู่มาอยู่ท่ี บ้านศรีสาราญ ตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคูหา ปัจจุบัน นางเพชรสมัย ทองมา ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ พอได้แต่งงานและย้ายมาอยู่กับสามีที่บ้านศรีสาราญจึงมี แนวความคิดท่ีจะทาในเร่ืองการเกษตรแบบพอเพียง ทั้งการทานา การปลูกผักปลอดสาร การเลี้ยงปลาและเล้ียงกบใน บ่อซีเมนต์และยังได้รับเชญิ ใหเ้ ปน็ วิทยาให้กบั กศน. อีกด้วย 2. องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ 1. การเกษตรแบบพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสาย กลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพือ่ ใหก้ ้าวทันตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ัฒน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบ ภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ท้ังนี้ จะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างย่ิงในการนาวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการ ดาเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสรา้ งพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นัก ทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ใหม้ สี านึกในคุณธรรม ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ และให้มคี วามรอบรู้ทเ่ี หมาะสม ดาเนินชีวิต ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี 2. เกษตรทฤษฎใี หม่ เกษตรผสมผสาน เป็นการจัดระบบของกิจกรรมการผลิตในไร่นา ได้แก่ พืช สัตว์ ประมง ให้มีการ ผสมผสานอย่างต่อเน่ืองและเกื้อกูลในการผลิตซึ่งกันและกัน โดยการใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในไร่นา เช่น ดิน น้า แสงแดด อย่างเหมาะสมเกิดประโยชน์สูงสุด มีความสมดุล ของภาพแวดล้อมอย่างต่อเน่ืองและเกิดผลในการเพิ่มพูนความอุดม สมบูรณ์ของทรัพยากร ธรรมชาติดว้ ย

เกษตรธรรมชาติ หมายถึง การทาการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตรทุก ชนิด ตลอดจนไม่ใช้ส่ิงขับถ่ายจากมนุษย์ แต่เน้นการปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีพลังในการ เพาะปลูก เหมือนกับดินในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติโดยมีการนาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สงู สดุ เป็นวิธีการทไี่ ม่กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียตอ่ สภาพแวดลอ้ ม เกษตรอนิ ทรีย์ การทาการเกษตรอนิ ทรีย์ไม่วา่ จะปลูกพชื หรอื เลีย้ งสตั ว์ ต้องไม่ใชส้ ารเคมีทม่ี นษุ ย์ทา ขน้ึ แต่ใชว้ สั ดุจากธรรมชาตแิ ทนเพื่อลดพิษภัยตา่ งๆ ทีอ่ าจเกดิ จากสารเคมีที่มีอยใู่ นดนิ ในน้า ในอากาศ และในผลผลิตหลกั การใหญๆ่ ของเกษตรอินทรยี ์ 3. การทาปุย๋ หมกั โดยทัว่ ไปเรามักคนุ้ เคยกับการทานา้ หมักชีวภาพไว้ใช้กัน อยา่ งไรก็ตาม หากอยากจะให้พชื ผกั เจริญเติบโตดี ก็ แนะนาวา่ นอกจากการใชน้ ้าหมกั ชีวภาพรดแลว้ กค็ วรหม่ันเติมปุ๋ยหมักชีวภาพแบบแห้งลงไปดว้ ย เพื่อชว่ ยทง้ั บารุง พชื ผัก และชว่ ยทาใหด้ ินร่วนซุย ไมแ่ ข็งจนเกนิ ไป วิธีทาปุ๋ยหมกั ไวใ้ ชเ้ องทบ่ี ้าน ส่วนผสม 1. เศษผลไม้หรือเศษผัก 2 สว่ น 2. แกลบดบิ 2 สว่ น 3. ราละเอียด 1 สว่ น 4. มูลสตั ว์ 1 ส่วน 5. มูลคา้ งคาว เปลอื กไข่ กากท่ีเหลือจากการหมักน้าหมักชีวภาพ (ถา้ ม)ี 6. หัวเชื้อจุลนิ ทรีย์ และกากน้าตาล วิธที า 1. นาส่วนผสมต่างๆ มาคลุกเค้าใหเ้ ข้ากัน 2. ผสมกากน้าตาล 2 ช้อนแกง และหัวเชอ้ื จลุ ินทรีย์ 2 ชอ้ นแกง ลงในนา้ 10 ลิตร คนให้เข้ากนั 3. นานา้ ทีผ่ สมเขา้ กนั แลว้ ในขอ้ 2 มารดในกองปุ๋ยใหท้ วั่ คลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั โดยกะใหม้ ีความช้นื ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ วธิ ที ดสอบงา่ ยๆคือถา้ กาปุ๋ยไว้ในมือแลว้ ไม่มีนา้ ไหลออกมาตามงา่ มน้วิ และเม่อื แบมือออก ปยุ๋ กย็ งั จบั กันเป็นกอ้ น อย่างน้ีถอื ว่าใช้ได้ 4. หากมีท่ีกใ็ ห้กองปยุ๋ ทิ้งไว้โดยใหม้ ีความสงู ประมาณ 10 เซนติเมตร หรือหากไม่มีท่ีกใ็ ห้ตกั ปุ๋ยที่ผสม แล้วลงในกระสอบ ท้งิ ไว้ 15 วนั ก็สามารถนามาใชไ้ ด้ สงิ่ สาคญั คือการทาปยุ๋ หมักเหลา่ นี้ คอื ควรเกบ็ กองปยุ๋ ไว้ในท่รี ม่ ไมโ่ ดนฝน ไม่โดนแดด และปุ๋ยหมักทจ่ี ะนามาใช้กค็ วรจะมีการยอ่ ยสลายอยา่ งสมบรู ณ์ และไมเ่ หลือความร้อนอยู่ เพราะ หากปุ๋ยยังย่อยไมส่ มบูรณ์จุลินทรีย์กอ็ าจตอ้ งเอาอาหารในดินมาใช้ ซ่ึงจะเปน็ การแย่อาหารจากพืชไปได้ เรยี กวา่ แทนท่ี จะชว่ ยให้พืชเตบิ โต กอ็ าจทาใหพ้ ืชชะงกั การเจริญเติบโตไปได้ ส่วนวิธนี าไปใช้นอกจากจะสามารถนาไปผสมดินก่อน ปลกู แล้ว กค็ วรใส่ปุ๋ยหมกั แหง้ ควบคกู่ บั น้าหมกั ชวี ภาพเพอ่ื บารงุ พชื ผักดว้ ย เรียกว่าแหง้ ชาม นา้ ชาม เวลาใส่ปุย๋ หมัก ชวี ภาพแบบแห้งกจ็ ะใช้วิธีโรยไปท่หี น้าดนิ แล้วกร็ ดน้าตาม แนะนาว่าใหใ้ สท่ ุก 15 วนั

3.การถ่ายทอดความรแู้ ละความเชี่ยวชาญ นางเพชรสมัย ทองมา เป็นผ้ทู ่ีมีความสนใจในการทาเกษตรแบบปลอดสาร เคยมีการลองผิดลองถกู มาแลว้ หลายครั้ง โดยผักท่ปี ลูกแบบปลอดสารพิษจะมรี ดชาดทอ่ี ร่อย เก็บไว้ได้นาน ไม่มีสารอนั ตรายตกค้างในร่างการ ทงั้ ยังมี ความสนใจในการเลี้ยงปลาดุก ปลาหมอเทศ และกบ ในบ่อซีเมนตจ์ นทาให้เกิดเป็นรายได้แก่ตนเองและครอบครัว และ ยังไดข้ ยายแปลงผักออกไปปลูกตามไร่เพื่อเพ่ิมผลผลติ อกี ด้วย 4. ลักษณะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครอื ข่าย นางเพชรสมัย ทองมา ได้รับเชิญให้เปน็ วทิ ยากรให้ความรูแ้ ก่ผ้ทู ใ่ี ห้ความสนใจ ทั้งในหน่วยงานราชการหรือ รฐั วสิ าหกิจ 5. ผลงานทเี่ ป็นประโยชน์ต่อมชุมชนและสังคม เป็นวิทยากรใหค้ วามรู้

คณะผจู้ ดั ทำ ที่ปรกึ ษา สีเขียว ตาแหนง่ ผอ.กศน.อาเภอสวุ รรณคูหา นายขปี นาวุธ เพยี เทพ ตาแหน่ง ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรยี น นายวชรพล สทุ ธิโสม ตาแหนง่ ครอู าสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรยี น นายอภชิ าติ สทุ ธิโสม ตาแหนง่ ครอู าสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรียน นางสวุ รรณา คณะทางาน สมทอง ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางอัครอนงค์ ปัญญาพุทธิกลุ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายพสิ ิษฐ์พล ยาพนั ธ์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายรชั พล จงั พล ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสาวยศพร สที าสังข์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายไมตรี ไชยโพธิ์ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสุภาวดี พนั ธล์ ี ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางสาววงคเ์ ดือน บารุงภกั ดี ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายนิพนธ์ วงค์อนันท์ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายพชิ ยั รัตน์ พมิ พจ์ อ่ ง ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวหทัยรตั น์ บญุ หนา ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวนรินทรา ประครองญาติ ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายจตุพนธ์ พรชยั ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวศุภัชญา พรชยั ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายทรงศกั ดิ์ อาเคน ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นางสาวพรปวีณ์ โคตุราช ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายพิสษิ ฐ ชาวดอน ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นายทวีวทิ ย์ ทุมวนั ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางยุพรตั น์ ใหม่วงษ์ ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล นางฐิติพรรณ คาสที า ตาแหนง่ ครู กศน.ตาบล นายอฒั ชา ทนุ่ ใจ ตาแหน่ง ครู ศรช. นางสาวปรียารัตน์ ศรใี ชย ตาแหน่ง ครู ศรช. นางสาววาสกุ รี หลาวเหล็ก ตาแหน่ง ครผู ูส้ อนคนพิการ นางสาวรัตนาภรณ์ ผู้รวบรวม/เรียบเรียง/จัดทารูปเลม่ ตาแหนง่ บรรณารกั ษ์ นางสาวเบญจมาศ โคตรเพชร