Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทำเนียบแหล่งการเรียนรู้ เมษายน63

ทำเนียบแหล่งการเรียนรู้ เมษายน63

Description: ทำเนียบแหล่งการเรียนรู้ เมษายน63

Search

Read the Text Version

ทำเนยี บแหล่งกำรเรียนรู้ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบวั ลำภู ประจำเดอื น เมษำยน 2563 ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอโนนสงั สำนักงำน กศน.จังหวดั หนองบวั ลำภู สำนกั งำนปลดั กระทรวงศึกษำธิกำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร

คำนำ รายงานทาเนยี บแหล่งเรยี นรู้ อาเภอโนนสงั จังหวัดหนองบัวลาภู ฉบบั น้ี จัดทาขึ้นเพอ่ื รวบรวมข้อมูลแหล่งเรยี นรู้ เชน่ แหล่งเรียนรูท้ างโบราณคดี แหล่งเรียนรู้ทางโบราณวัตถุ แหลง่ ศกึ ษาทางธรรมชาติ แหลง่ เรยี นรู้ทางการเกษตร แหล่งเรียนร้ภู ูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภายในเขต อาเภอโนนสงั จังหวัดหนองบัวลาภู เพือ่ เปน็ แหลง่ รวมขององคค์ วามรู้อันหลากหลายพร้อมที่จะ ให้ผู้สนใจเขา้ ไปศกึ ษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่แี ตกต่างกันของแตล่ ะบคุ คล และเป็นการส่งเสรมิ การเรียนรตู้ ลอดชวี ิต เปน็ แหลง่ เชอ่ื มโยงใหส้ ถานศึกษาและชมุ ชนมี ความสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กนั การจัดทาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ อาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู คร้ังนี้ ได้รับความ ร่วมมืออย่างดีย่ิงจากชุมชน จึงขอขอบคุณอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สารสนเทศท่ีได้จากการจัดทาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ อาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู จะเป็น ประโยชนต์ ่อหน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้อง เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางในการขยายผลและพฒั นาการดาเนนิ งานท่ี ถูกตอ้ งเพื่อให้เกดิ ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลในการดาเนินงานย่งิ ขน้ึ ตอ่ ไป คณะผจู้ ัดทา

สารบญั หน้า แหล่งเรียนรู้ตำบลโนนสงั 1 การจักรสาน 2-4 แหล่งเรียนรตู้ ำบลนคิ มพฒั นำ 5 การทอผ้า 6-7 แหล่งเรยี นรตู้ ำบลโคกใหญ่ 8 การการทอ่ งเทยี่ ว 9-10 11 แหล่งเรยี นรตู้ ำบลบ้ำนถน่ิ 12-13 การเพาะเหด็ 14 แหลง่ เรยี นร้ตู ำบลหนองเรอื 15-16 การทาปลาแปรรูป 17 แหลง่ เรียนรู้ตำบลปำงกู่ 18-19 แหลง่ โบราณ 20 แหลง่ เรียนรู้ตำบลกุดดู่ 21 เลยี้ งวัวพอ่ พันธ์ุ 22 23 แหลง่ เรียนรู้ตำบลบ้ำนคอ้ 24 การทารชกระติบข้าว 25 26 แหลง่ เรยี นร้ตู ำบลโคกมว่ ง 27 การประดษิ ฐ์รถเกี่ยวข้าว แหล่งเรยี นรู้ตำบลโนนเมือง การทาผ้าขาวมา้

ตำบลโนนสงั ประวัติภมู ปิ ัญญำทอ้ งถิน่ อำเภอโนนสงั ดำ้ นแหลง่ อำชพี สำขำกำรจกั รสำน นำงสำยใจ โนนคำปอง

ประวัตแิ ละผลงำน หตั ถกรรมเครื่องจักสานเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนท่ีสาคัญย่ิงต่อการดารงชีวิตต้ังแต่อดีต ต้ังแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน หัตถกรรมเคร่ืองจักสานเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นภูมิปัญญา อันเฉลียวฉลาดของคนในท้องถิ่น ที่ใช้ภูมิปัญญาสามารถนาสิ่งท่ีมีอยู่ในชุมชนมาประยุกต์ทาเป็น เครื่องมอื เครื่องใช้ในชีวิตประจาวนั ซ่ึงมปี ระโยชนใ์ นการดารงชวี ติ จะเหน็ ไดว้ ่าหัตถกรรมเครื่องจักสานมมี านานแล้วและได้มีการพัฒนามาตลอดเวลาโดย อาศัยการถา่ ยทอดความรจู้ ากคนร่นุ หน่งึ ไปส่คู นอีกรนุ่ หนง่ึ การดารงชวี ติ ประจาวันของชาวบ้านส่วน ใหญ่ไม่ได้เอาการรู้หนังสือมาเกี่ยวข้อง การเรียนรู้ต่างๆ อาศัยวิธีการฝึกหัดและบอกเล่าซ่ึงไม่เป็น ระบบในการบันทึก (ชูเกียรติ์ ลีสุวรรณ, 2535) สะท้อนให้เห็นการเรียนรู้ ความรู้ท่ีสะสมที่สืบทอด กันมาจากอดีตมาถึงปัจจุบันหรือที่เรียกกันว่าภูมิปัญญาท้องถิ่น ดังน้ันกระบวนถ่ายทอดความรู้จึงมี ความสาคัญอย่างยิ่งที่ทาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิน่ นั้นคงอยู่ตอ่ เน่อื งและย่ังยนื จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยจึงสนใจทาการศึกษากระบวนการถ่ายทอดภูมิ ปญั ญาหตั ถกรรมเครือ่ งจกั สาน ซง่ึ มีความสาคญั ยง่ิ ทีจ่ ะให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นหัตถกรรมเคร่ืองจักสาน น้ันๆคงอยูต่ ลอดไป ซึ่งผลจากการศกึ ษากระบวนถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินหัตถกรรมเครื่องจักสาน นั้น จะนาไปเป็นข้อมูลท่ีจะนาไปไปพัฒนากระบวนการถ่ายทอดภูมิปัญญาในชุมชนมีประสิทธิภาพ ยง่ิ ขนึ้ และดารงอย่คู ูส่ งั คมสบื ตอ่ ไป ควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ มีควำมรูส้ ำมำรถสามารถถ่ายทอดการ สอนข้ันตอนการจักสานกระติบข้าวแก่ชาวบ้าน และ สามารถสอนใหร้ ้จู จกั หารายได้อีกดา้ น กำรถำ่ ยทอดองค์ควำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ มีการถ่ายทอดความรู้ความสามารถ ถ่ายทอดการ สอนข้ันตอนการจักสานกระติบข้าวแก่ ชาวบา้ น และสามารถสอนใหร้ ้จู จักหารายได้อกี ด้าน ลักษณะเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย มีความรู้ความสามารถด้านการจักสาน ทุกชนิดเช่น การสานกระติบข้าว การสานตะกร้า การสานมวยนงึ่ ขา้ ว และถา่ ยทอดแก่ ชมุ ชน และผู้ที่ต้องการ หรอื สนใจอยากเรียนรู้ ผลทเ่ี ปน็ ประโยชน์และตอ่ ชุมชนและสังคม 1.ชา่ ยสรา้ งรายไดใ้ ห้แกคนในชุมชน 2.ช่วยทาเวาลาใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 3.ไดฝ้ กึ ฝมี อื ในการจักสานและพัฒนาตนเอง

ขั้นตอนกำรจักสำน วธิ ีการจกั ตอก 1. การจักตอกป้ืน แบ่งไม้ไผ่ออกเป็นช้ินๆตามขนาดที่ต้องการ ใช้มีดจักตอกเอาส่วนในออก (ข้ี ตอก)จกั ในส่วนทเ่ี หลือออกเป็นเสน้ บางๆ แล้วหลาวให้เรียบรอ้ ยตากแดดใหแ้ หง้ 2. การจักตอกตะแคง ใช้วิธีเดียวกันกับการจักตอกปื้นเบื้องต้น แต่การจักให้เป็นเส้นตอกจะทาการ จกั ทางผวิ เปน็ เสน้ เล็กกว่าตอกปื้น ทาการหลาวให้เรยี บรอ้ ย แล้วนาออกตาก

การสาน การสาน เป็นข้ันตอนท่ียาก และต้องใช้ความละเอียดมากท่ีสุด เริ่มจากการก่อฐาน ด้านล่างด้วยเส้นตอกสองชนิด คือ ตอกยืน (ตอก-ตั้ง) ซ่ึงจะมีลักษณะคอดตรงกลางต่าง จากตอกท่วั ๆ ไป และตอกนอน (ตอกสาน) ที่มีขนาดกว้างเท่ากันเท่ากันท้ังเส้นตากปกติ เหตทุ ่ีตอกยนื มีลักษณะพิเศษ เนื่องมาจากเมื่อสานเสร็จจะได้ตะกร้าท่ีมีฐานเล็ก และค่อย ๆ บานขนึ้ บริเวณปาก การรมควนั เป็นข้ันตอนสุดท้ายของการสานเพ่ือเพิ่มความแข็งแรง สวยงาม แก่เคร่ืองจักสานด้วย หวาย ในส่วนที่ต้องการเสริมเป็นพิเศษได้แก่ ปาก ขา หู การผูกและพันด้วยหวาย จะ เสริมใหเ้ คร่อื งจักสานเกดิ ความสวยงาม การถกั และพนั เมื่อสานตัวเรียบร้อยก็ถึงการรมควันโดยจะทาในวันที่ไม่มีลม ใช้ฟางพรมน้าหมาด ๆ เป็น เช้ือเพลิงเพื่อให้เกิดควันมาก รมจนเคร่ืองจักสานมีสีเหลืองเท่ากันท้ังใบ แล้วนามาเข้า สว่ นประกอบหวาย มกี ารผูกปาก พนั ขา ใสฐ่ านและหูหิ้ว

ตำบลนิคมพัฒนำ ประวตั ิภูมปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ อำเภอโนนสงั ด้ำนแหล่งอำชีพ สำขำกำรทอผ้ำ นำงสม ลำยเมฆ

ประวตั แิ ละผลงำน ตาบลนคิ มพฒั นา โดยแยกออกจากตาลกดุ ดู่และตาบลโนนสงั ต้ังขึ้นเป็นตาบลโนนสังเมือ่ ประมาณปี พ.ศ.2524 ปจั จบุ ันเปน็ ตาบลที่อยู่ในเขตการปกครองของอาเภอโนนสงั ประกอบด้วย 11 หม่บู า้ น ได้แก่ หมู่ 1 บ้านนคิ มพัฒนา หมู่ 2 บ้านหนองหัวววั หมู่ 3 บ้านภเู ก้า หมู่ 4 บา้ นโคกสงา่ หมู่ 5 บ้านโคกสะอาด หมู่ 6 บา้ นหนองนาเลิง หมู่ 7 บ้านนคิ มทองหลาง หมู่ 8 บ้านโสกแดง หมู่ 9 บา้ นโสกม่วง หมู่ 10 บ้านดงบาก หมู่ 11 บ้านโคกเจริญ ควำมร้แู ละควำมเชย่ี วชำญ มคี วามร้คู วามสามารถเช่ียวชาญในการทอผ้า เช่น การทอผา้ พ้นื เมอื ง ทอผา้ ไหม ทอผ้าหมัด หมี่ ตามทล่ี ูกค้า ตอ้ งการทาแบบกทีล่ ูกคา้ ส่งเขา้ มาใหท้ า และคดิ สร้างสรรค์เอง กำรถ่ำยทอดองคค์ วำมรแู้ ละควำมเช่ียวชำญ การถ่ายทอดความร้คู วามสามารถเช่ยี วชาญในการทอผ้า เชน่ การทอผ้าพ้ืนเมือง ทอผ้าไหม ทอผ้าหมัดหมี่ ตามที่ลกู ค้า ต้องการทาแบบกทีล่ กู คา้ สง่ เข้ามาใหท้ า และคิดสรา้ งสรรค์เอง ลกั ษณะเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือข่ำย มคี วามรคู้ วามความสามาสรถในการทอผ้า เชน่ เช่น การทอผา้ พน้ื เมอื ง ทอผ้าไหม ทอผ้า หมดั หม่ี ตามท่ลี กู ค้า ต้องการทาแบบกทลี่ กู ค้าส่งเขา้ มาใหท้ า และคิดสร้างสรรค์เอง เพื่อไมใ่ หซ้ ้าใคร และมาการสอนหรือถ่ายทอดการทอผา้ และเลือกวสั ดใุ หด้ ีทีส่ ดุ ผลท่ีเปน็ ประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม 1.ไดม้ กี ารนายหนา้ มรี บั สนิ ค้าถึงบ้าน 2.ได้ช่วยผู้ไมม่ อี าชีพ ให้มีรายได้ 3.ไดม้ กี ารพฒั นา ฝมี อื

ข้นั ตอนในการทอผ้า 1. สืบเสน้ ดา้ ยยืนเขา้ กบั แกนมว้ นด้ายยนื และรอ้ ยปลายดา้ ยแตล่ ะเสน้ เขา้ ในตะ กอแตล่ ะชดุ และ ฟันหวี ดงึ ปลายเส้นด้ายยืนท้งั หมดม้วนเข้ากับแกนมว้ นผ้าอีกด้านหนง่ึ ปรบั ความตงึ หยอ่ นให้ พอเหมาะ กรอดา้ ยเข้ากระสวยเพื่อใช้เป็นดา้ ยพุง่ 2. เร่ิมการทอโดยกดเครื่องแยกหมตู่ ะกอ เสน้ ดา้ ยยืนชดุ ท่ี 1 จะถูกแยก ออกและเกดิ ชอ่ งว่าง สอด กระสวยด้ายพุง่ ผา่ น สลับตะกอชดุ ท่ี 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยด้ายพ่งุ กลบั ทาสลบั กันไป เรอื่ ย ๆ 3. การกระทบฟันหวี ( ฟมื ) เมื่อสอดกระสวยดา้ ยพุ่งกลับกจ็ ะกระทบ ฟนั หวี เพอื่ ให้ด้ายพ่งุ แนบ ตดิ กัน ไดเ้ นือ้ ผ้าทแ่ี น่นหนา 4. การเกบ็ หรือมว้ นผ้า เม่ือทอผา้ ไดพ้ อประมาณแล้วก็จะมว้ นเก็บใน แกนมว้ นผา้ โดยผ่อนแกน ด้ายยืนให้คลายออกและปรับความตึงหยอ่ นใหม่ ใ่ ห้พอเหมาะ

ตำบลโคกใหญ่ ประวัติและผลงำนภูมปิ ัญำทอ้ งถิน่ อำเภอโนนสงั ด้ำนแหลง่ กำรท่องท่ียว สำขำ กำรกำรทอ่ งเทย่ี ว หำดโนนยำว

ประวตั ิและผลงำน หาดโนนยาว หรอื พัทยาสาม เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วท่องธรมชาติ ลกั ษณะพ้ืนท่ีเปน็ เกาะขนาดใหญ่หาดทรายที่อยู่รมิ ทะเลสาบเข่ือนอุบลรัตนล์ อ้ มรอบท้ังสามดา้ นทอดตัวลง ไปเปน็ บรเิ วณกวา้ ง สามารถมองเหน็ เทือกเขาภพู านคาทอดแนวยาวได้ชัดเจน ทัศนยี ภาพ โดยทั่วไปสวยงาม นอกจากน้ยี งั มีแพ เรอื ท้องเทีย่ วเทศบาลตาบลโนนสงั ซ่งึ เป็นแพยนตท์ ่ี มคี วามยาว 14.99 เมตรความกว้าง 8 เมตร ลักษณะเด่น แหล่งท่องเที่ยวทอ่ งธรมชาติ สถานทีต่ ง้ั หมู่ 7 ตาบลโคกใหญ่ อาเภอโนนสัง จงั หวดั หนองบัวลาภู ผู้โดยสารได้ประมาณ 150 คน แพทอ้ งเทย่ี วนเี้ ปดิ บริการทุกวนั ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวเพ่ือใหป้ ระชาชนทว่ั ไป มาท่องเทีย่ วและเปน็ ทีพ่ กั ผอ่ นแกป่ ระชาชน ทั่วไป กำรถำ่ ยทอดองค์ควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ การถา่ ยทอดความรู้ ในการทอ่ งเทยี่ วและแนะนาผู้มาท่องเทย่ี ว อธบิ ายในแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว หาดโนนยาว ลกั ษณะเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย ลกั ษณะเครอื ขา่ ย ประชาชนท่ีมาท่องเทย่ี วก็จะมีการเชค็ อินท่หี าดโนนยาว และ เผยแพร่ในสื่อ ออนไลน์ต่างๆและมปี ระชาชนเขา้ มาใช้บริการเป็นจานวนมาก ผลท่เี ป็นประโยชน์และตอ่ ชมุ ชนและสังคม 1.แหลง่ เที่ยวประจาอาเภอโนนสงั 2.เสริมสร้างรายไดใ้ ห้ชุมชน 3.ประชาชนท่ัวไปได้รู้จัก หาดโนนยาว และจงู ใจอยากมาใชบ้ ริการ

ตำบลบ้ำนถิน่ ประวตั ิและผลงำนภูมปิ ัญำทอ้ งถ่นิ อำเภอโนนสงั ด้ำนแหลง่ อำชีพ สำขำ กำรเพำะเห็ด นำงสังวำลย์ ดวงตำ

ประวัตแิ ละผลงำน ตาบลบ้านถ่ิน ตามประวัติไม่ปรากฎหลักฐานว่าตั้งขึ้นในสมัยใด จากหลักฐานที่พบ บริเวณบ้านกุดกวางสร้อย มีร่องรอยแห่งอารยธรรมของมนุษย์สมัยโบราณ มีการขุดพบโครง กระดูกของมนุษย์ เครื่องประดับ เคร่ืองป้ันดินเผา และสิ่งของเคร่ืองใช้เป็นจานวนมาก กระจาย อยู่บริเวณที่ราบเชงิ เขาภเู ก้า ซ่งึ แสดงให้เห็นว่าเคยเปน็ แหลง่ ทอี่ ย่แู ละเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ มาชา้ นาน ปัจจุบันเป็นตาบลที่อยู่ในเขตการปกครองของอาเภอโนนสัง ประกอบด้วย 9 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ หมู่ 1 บ้านถ่ิน หมู่ 2 บ้านกุดกวางสร้อย หมู่ 3 บ้านหินสิ่ว หมู่ 4 บ้านหนองเล้าข้าว หมู่ 5 บ้านโสกก้านเหลือง หมู่ 6 บ้านโนนสูง หมู่ 7 บ้านโนนคูณ หมู่ 8 บ้านนิคมโคกม่วง หมู่ 9 บ้าน หนองสวรรค์ ควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ มีความรู้ความเช่ียวชาญด้านเพาะเห็ด และเก็บเห็ดตามท่ีเห็ดออกตามกาหนด และการ ดแู ลเห็ด รวมถงึ การดูแล ตลอดจนเก็บเห็ดจาหนา่ ย กำรถ่ำยทอดองค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ การถ่ายทอดองค์ความรู้ มีความรู้ความเช่ียวชาญด้านเพาะเห็ด และเก็บเห็ดตามท่ีเห็ด ออกตามกาหนด และการดูแลเหด็ รวมถงึ การดูแล ตลอดจนเกบ็ เห็ดจาหนา่ ย ลกั ษณะเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย มีการสอยในการเพาะเห็ดและอธิบายตลอด จนถึงการเก็บเห็ดขาย และการนาเห็ดไป ทาอาหาร และช่วยสอนสร้างใหค้ นในชมุ ชนมีรายได้ ในการเพาะเหด็ ผลทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละต่อชุมชนและสงั คม 1.ได้ประโยช์นในการเพาะเห็ด และเป็นอาชีพเสริม 2.ไดเ้ รยี นร้ใู นการนาเห็ดไประกอบอาหาร 3.ไดร้ ู้การดูแลรกั ษาเห็ด

ข้ันตอนในกำรทำ อปุ กรณ์ในกำรเพำะ • ก้อนเชื้อเหด็ นางฟา้ หรอื เหด็ ฮังการี • ถงั พน่ นา้ ใชถ้ ังพน่ ยากไ็ ด้ แตต่ อ้ งสะอาดน่ะคะ่ • แผน่ ยางพลาสติก ใชห้ รอื ไมใ่ ช้กไ็ ด้ แตใ่ ช้จะดสี าหรบั เวลาเรารดนา้ ก้อนเห็ดจะช่วยใน การเกบ็ ความช้นื ได้ดี พืน้ ท่ใี นกำรเพำะ • ตามบริเวณบ้านหรือสวน ทเ่ี ป็นที่โลง่ มีลมผา่ นได้ และทีส่ าคัญตอ้ งมรี ่มเงา ไมค่ วรให้ อยู่ทีก่ ลางแจ้งแดดจา้ อยา่ งบริเวณทบ่ี ้านน้อยใช้เพาะเหด็ นางฟา้ ฮังการีนั้น บา้ นนอ้ ยใช้ ดา้ นขา้ งของคอกไกค่ ะ วิธีกำรทำหรอื เรยี งกอ้ นเช้อื เหด็ • วธิ กี ารวางหรือเรยี งกอ้ นเช้อื เหด็ กป็ กติท่ัวไปเหมือนกบั เราวางเพาะในโรงเรอื น แตบ่ ้าน น้อยใช้แผน่ พลาสตกิ ใสที่มเี หลอื ในสวน มาขงึ ตงึ ใส่กบั ฝาคอกไก่ แล้วกใ็ ช้ไมว้ างรอง ดา้ นลา่ งยกข้ึนมาพอประมาณ เวลาเรียงก้อนเหด็ จะไม่ตอ้ งตดิ พ้ืนง่ายและสะดวก สะอาด เวลารดนา้ ก็ไมต่ อ้ งเปอื้ นดนิ

ตำบลหนองเรือ ประวตั แิ ละผลงำนภมู ปิ ญั ำทอ้ งถิ่นอำเภอโนนสงั ด้ำนแหล่งอำชีพ สำขำ กำรทำปลำแปรรูป นำงใบแบ้ง พรหมรำช

ประวตั แิ ละผลงำน ตาบลหนองเรอื ตงั้ ขนึ้ เมือ่ ปี พ.ศ.2469 ราษฎรสว่ นใหญ่อพยพมาจากจังหวัดร้อยเอด็ และอบุ ลราชธานี สาเหตุทตี่ ้งั ช่อื วา่ ตาบลหนองเรอื เนือ่ งจากสมัยกอ่ นมีหนองนา้ หลายแหลง่ เช่น หนองร้อย หนองเรือ และมีท่าเรอื ซง่ึ เปน็ ท่าจอดเรอื กระแซง ของพ่อคา้ ขายข้าว จงึ ตั้งชอ่ื ว่า ตาบลหนองเรอื จนปจั จบุ นั น้ี ควำมรู้และควำมเช่ียวชำญ มคี วามรู้เกยี่ วกับ ปลาแปรรูป เช่น ปลาแหง่ ปลาสม้ ปรารา้ และปลาอน่ื ๆอกี มากมาย และยังมีวิธขี ้นั ตอนในการทา มาสอนคนในชมุ ชน เพราะการทาปลาแปรรปู สามารถ ทาเปน็ รายได้เสรมิ ได้ กำรถ่ำยทอดองคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ มคี วามรเู้ กย่ี วกับ ปลาแปรรปู เชน่ ปลาแหง่ ปลาสม้ ปรา ร้า และปลาอน่ื ๆอกี มากมาย และยังมีวธิ ขี ัน้ ตอนในการทา มาสอนคนในชุมชน เพราะการทา ปลาแปรรูปสามารถ ทาเปน็ รายไดเ้ สรมิ ได้ ลักษณะเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย การเผยแพร่การทาปลาแปลรูป เปดิ สอนทีศ่ ูนย์ในชุมชนคนในชุมชนจะเข้ามาเรยี นรู้ ในการทาปลาแปรรปู ต่างๆ โดยพร้อมเพียงกนั ผลทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละต่อชมุ ชนและสงั คม 1.ได้รูจ้ กั การถนอมอาหาร 2.มรี ายได้เสรมิ 3.ทาเวลาวา่ งให้เป็นประโยช์น



ตำบลปำงกู่ ประวัตแิ ละผลงำนภมู ปิ ญั ำทอ้ งถิ่นอำเภอโนนสงั ดำ้ นแหลง่ เรียนรู้ กำรทไม้กวำด สำขำ ด้ำนอำชีพ นำงศวพิ ร อินใย

ประวัตแิ ละผลงำน ตาบลกู่ เป็นตาบลทเี่ กดิ ข้ึนเก่าแก่ ต้ังมานานแลว้ โดยไดแ้ ยกออกมาตงั้ เปน็ อาเภอปรางค์กู่ เดมิ ขนึ้ อยูก่ บั อาเภอขุขนั ธ์ ตอ่ มาได้แยกออกมาเปน็ อาเภอปรางค์กู่ โดยตง้ั เปน็ ชอ่ื ตาบลกเู่ น่อื งจาก มีปราสาทชื่อว่า \"ปราสาทปรางค์กู่\" แบ่งการปกครองออกเปน็ 17 หมบู่ ้าน พน้ื ท่ี สภาพท่วั ไปเปน็ ท่ีราบล่มุ ในฤดูฝนนา้ จะหลากมาทว่ มบรเิ วณนา ทาใหเ้ กดิ การเสยี หาย ราษฎรประกอบอาชีพทานาเกษตรอาศยั น้าฝน ถ้าปไี หนฝนไมต่ กเกษตรกรจะอพยพแรงงานไป ประกอบอาชีพนอกเขตพ้นื ท่ี สถานทีต่ งั้ หมู่ 1 บ้านดอนกู่ ตาบลปางกู่ อาเภอโนนสงั จังหวดั หนองบัวลาภู ควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ มีความรู้ความเชยี่ วชาญ ในการทาไมก้ วาดดอกหญ้า สามารถเลอื กดอกหญ้าแลเการเลอื ก ด้ามไมก้ วาดใหค้ งทนตอ่ การใช้ กำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ การถา่ ยทอดองค์ มคี วามรู้ความเช่ียวชาญ ในการทาไม้กวาดดอกหญา้ สามารถเลือกดอก หญ้าแลเการเลอื กดา้ มไม้กวาดใหค้ งทนต่อการใช้ และสามารถสอนคนในหมบู่ ้านได้อยา่ งเขา้ ใจ และท่วั ถึง ลักษณะเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครอื ขำ่ ย การสรา้ งเครอื ขา่ ย ผูเ้ ชย่ี วชาญในเรอ่ื งทาไม้กวาดดอกหญ้า สามารถเลือกดอกหญา้ แล เการเลอื กดา้ มไมก้ วาดให้คงทนตอ่ การใช้ และสามารถสอนคนในหมู่บ้านไดอ้ ยา่ งเข้าใจและทวั่ ถึง และมกี ำรนับพบผู้จะเรียน อำทติ ย์ละ2ครั้งตำมศูนยห์ มู่บ้ำน ผลทเ่ี ปน็ ประโยชน์และตอ่ ชมุ ชนและสงั คม 1.ได้เรียนรู้ภมู ิปัญญา 2.ได้รู้การทาไม้กวาดดอกหญา้ 3.มีอาชีพเสริม 4.ลดค่าซ้ือไมก้ วาดดอกหญา้

อุปกรณ์-วธิ ีกำรทำไมก้ วำดดอกหญ้ำ อุปกรณก์ ารทาไมก้ วาดดอกหญ้า 1. เขม็ เยบ็ กระสอบ 2. เชอื กฟาง 3. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ 80 ซม. 4. ดอกหญ้า 5. ตะปูขนาด 1 นว้ิ จานวน 2 ตวั ขนั้ ตอนการทาไม้กวาด วิธที าไม้กวาดดอกหญ้า 1.นาดอกหญา้ มาทาความสะอาดและตากแดดใหแ้ หง้ คดั เลือกเฉพาะดอกหญ้าท่ีมี คุณภาพ ดี 2. นาดอกหญ้าปริมาณ 1 กามอื มัดใหเ้ ป็นวงกลม 3. นาเข็มเย็บกระสอบ ซงึ่ ร้อยเชอื กฟางไวแ้ ลว้ แทงเขา้ ตรงกลางมดั ดอกหญ้า แลว้ ถกั ข้ึนลงแบบหางปลา ให้ได้ 3 ช้นั พร้อมจัดดอกหญ้าใหม้ ีลักษณะแบน 4. ตดั โคนดอกหญา้ ใหเ้ สมอกัน 5. นาดา้ มไมไ้ ผเ่ จาะรทู ่ีหัวไวส้ าหรบั ห้อยเชือกและเจาะรูตรงปลายนามาขดั ด้วย กอ้ นจากนัน้ เสยี บเขา้ ตรงกลางมดั ดอกหญ้า 6. นาเชือกฟางมัดดอกหญา้ ไว้ด้วยกัน โดยนาเชือกฟางมาสอดตรงรทู ่เี จาะ เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหด้ อกหญ้าออกจากกนั 7. ตอกตะปูท่เี ตรยี มไว้ เพือ่ ใหด้ อกหญา้ ติดกับด้ามไมไ้ ผ่ และมีความแขง็ แรงขึ้น * เคล็ดลับทาใหไ้ ม้กวาดแข็งแรง ควรนาดอกหญ้าตากแดดใหแ้ หง้ สนทิ กอ่ นมัด จะไดไ้ มก้ วาด ท่มี ีความแข็งแรง ไม่หลดุ งา่ ย เมอ่ื ถึงเวลาใชง้ าน

ตำบลกุดดู่ ประวัติและผลงำนภมู ิปัญำทอ้ งถ่นิ อำเภอโนนสงั ดำ้ น เลยี้ งววั พ่อพนั ธ์ุ สำขำ เกษตรกรเลี้ยง ววั พนั ธุ์ (นำยปรำโมทย์ หนิ กลำง )

ประวตั ิและผลงำน คณุ ปราโมทย์ หนิ กลาง อย่บู า้ นเลขท่ี 8 หมู่ที่ 4 ตาบกดุ ดู่ อาเภอโนนสงั จังหวัดหนองบัวลาภู เล่าให้ฟงั ว่า มีอาชพี ค้าขายอย่ดู ้วย ตอ่ มาเห็นพืน้ ทีบ่ รเิ วณในทด่ี นิ ของเธอค่อนข้างว่าง ยงั สามารถทา อะไรได้อกี หลายอย่าง ต่อมาประมาณ ปี 2544 จงึ ได้มองอาชพี เสริมทเี่ กิดรายไดใ้ ห้สอดคลอ้ งและ เหมาะสมกบั พื้นที่ของเธอเอง ควำมรู้และควำมเชีย่ วชำญ ได้ฝึกอบรมเกีย่ วกบั การจดั สรรเนอ้ื ท่ใี ห้เหมาะสม โดยแบง่ เปน็ ส่วนๆ ทั้งปลกู ผกั เล้ยี งปลา เล้ยี ง เปด็ เล้ยี งไก่ ซึ่งการทาอะไรแบบผสมผสาน อย่างน้อยเวลามีอะไรผดิ พลาด เรากจ็ ะไม่ขาดทุน ซงึ่ ชว่ ง นั้นการเล้ยี งวัวกระแสมาแรง เราก็เลยตัดสนิ ใจเล้ียงวัวดว้ ย” คณุ ปราโมทย์ เลา่ ถึงท่มี าของการเลอื ก อาชพี เสรมิ กำรถำ่ ยทอดองค์ควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ ซง่ึ ตอนเริ่มแรกของการเล้ยี งวัว คณุ ปราโมทย์ เลา่ วา่ จะซ้อื ลูกวัวมาเลย้ี งเอง มที ้งั พนั ธุ์บราห์มนั บราซิล และพนั ธ์ุอน่ื ๆ ทีน่ ยิ มของตลาดมาเล้ยี งเพ่ือขยายพันธเุ์ อง ซง่ึ การทจี่ ะใหล้ ูกววั เติบโตเตม็ วัยจน สามารถผสมพันธ์ุไดน้ ั้น ต้องใช้เวลาเลยี้ งกนั อยา่ งน้อย 18 เดอื น เลยทเี ดียว โดยราคาของน้าเช้อื มีราคาตา่ สดุ อยู่ที่ หลอดละ 300 บาท และราคาสูงสุด อยู่ท่ี 3,000 บาท ซึง่ ราคาท่ี แตกตา่ งกันน้ันขนึ้ อย่กู บั สายพันธุ์ ผลทีเ่ ปน็ ประโยชน์และต่อชมุ ชนและสงั คม เป็นท่ีรู้จักมากขน้ึ ก็ได้รูจ้ กั สตั วแพทย์หลายคน เรากเ็ ลยไดม้ โี อกาสมาเปน็ แหลง่ เกบ็ น้าเช้ือ โดย คนท่อี ยากไดส้ ายพนั ธ์ุดีๆ เขาก็มาตดิ ต่อซ้อื น้าเช้อื ที่เรา ซงึ่ การผสมกต็ ิดลูกดี เรยี กว่าน้าเชือ้ ที่เราเก็บนน้ั ดมี คี ุณภาพ เลยบอกกันไปปากตอ่ ปาก ทาให้เรามนี า้ เช้อื ของหลายพ่อพนั ธุ์มาเก็บไว้ ใหค้ นทีต่ อ้ งการซ้ือ ไปผสมไดท้ ันที” คณุ ปราโมทย์ กลา่ ว ลักษณะเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย ซ่งึ จากความสาเร็จของคุณปนาโมทยน์ เร่ืองน้ี เธอไดก้ ล่าวแนะนาสาหรบั ผู้ท่สี นใจอยากเล้ยี งววั ดว้ ยว่า การท่จี ะเลยี้ งใหไ้ ดก้ าไรนน้ั สิ่งท่สี าคญั ทสี่ ุดคอื ต้องลงมือทาดว้ ยตนเองเพื่อจะไดเ้ กดิ ความ ชานาญ จากน้ันกเ็ ริ่มจับทาการเกษตรดา้ นอน่ื ๆ อย่เู สมอ เพอ่ื ให้มีความหลากหลายในการประกอบ อาชีพ ความสาเร็จก็อย่ไู ม่ไกลเกินกว่าความพยามยาม เพราะไดท้ งั้ ความรู้และรายได้อกี ด้วย

ตำบลบ้ำนค้อ ประวตั ิและผลงำนภมู ิปญั ำทอ้ งถน่ิ อำเภอโนนสงั ด้ำน อำชพี สำขำ กำรทำรชกระตบิ ขำ้ ว นำยบุญชว่ ย ศิรชิ ำ

ประวัติและผลงำน ตาบลบ้านคอ้ มหี มูบ่ า้ นอย่ใู นเขตการปกครองเดิมของตาบลโนนสงั และตาบลโคกใหญ่ ตาบลโนนสังมี ม.1,2,3,4,6,7,8 ตาบลโคกใหญ่มี ม.5 ตอ่ มาไดจ้ ัดตั้งเป็นตาบลบา้ นค้อ เมอ่ื ปี พ.ศ.2513 กานนั คนแรกช่อื นายวนั พันธ์แน่น ปจั จุบันมีหมู่บา้ นในเขตการปกครอง 10 หมู่บา้ น กานันตาบลบา้ นคือช่ือ นายพิมพา จาปา ควำมร้แู ละควำมเช่ยี วชำญ มคี วามรู้ความเชย่ี วชาญเก่ียวกับสานกระติบข้าว เช่น การสานกระติบข้าว สานกระกร้า สานมวยน่ึงขา้ ว และยงั มคี นในหมูบ่ า้ นหรอื ชุมชน สนใจในหารสานกระตบิ ข้าว กำรถ่ำยทอดองคค์ วำมร้แู ละควำมเชย่ี วชำญ การถ่ายทอด มีความรคู้ วามเชี่ยวชาญเกีย่ วกับสานกระตบิ ขา้ ว เช่น การสานกระตบิ ขา้ ว สานกระกร้า สานมวยน่ึงข้าว และยงั มีคนในหมู่บ้านหรือชมุ ชน สนใจในหารสานกระตบิ ข้าว ลักษณะเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย ในการสร้างเครอื ขา่ ย จะมีการบอกตอ่ กนั กันวา่ 1อาทติ ย์สอนทากระตบิ ขา้ ว1ครง้ั และมี การออกแบบกระตบิ ข้าว และสอนการเลอื กไม้ไผ เพอื่ ใหค้ นในหมบู่ ้านมีรายได้เสรมิ และใช้เวลา วา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ผลทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละตอ่ ชุมชนและสังคม 1.มกี ารเรียนร้ใู นการทากระตบิ ขา้ ว 2.สามารถเผยแพร ในการทากระติบขา้ ว 3.ไดร้ ับความรู้ ในการเลือดไม้ไผ 4.ทาเวลาบางให้เป็นประโยชน์



ตำบลโคกมว่ ง ประวัติและผลงำนภมู ิปญั ำทอ้ งถ่ินอำเภอโนนสงั ดำ้ น ทำนำ สำขำ เกษตรกรทำนำ นายขวญั ชยั โชคพชิ ิตชยั

ประวัติและผลงำน เป็นผการประดษิ ฐร์ ถเกี่ยวข้าวลงานประดษิ ฐ์ของ นายขวัญชัย โชคพชิ ติ ชยั อาเภอบ้านโพธิ์ โดยร่วมกับ นายอารมณ์ ภมู ิลักษณ์ ผูใ้ หญ่บ้านในเขตอาเภอบางพลี จังหวดั สมทุ รปราการ เปน็ ผ้นู า อาชีพก้าวหน้าระดบั จงั หวดั ผู้ประดิษฐ์รถเกีย่ วขา้ ว นบั เป็นรายแรกของประเทศ องคค์ วำมรู้ เมอ่ื มีปญั หาการขาดแคลนแรงงานเกยี่ วขา้ วเกดิ ข้ึน รถเกีย่ วข้าวเปน็ เครือ่ งทนุ แรงทด่ี ี แต่ รถเก่ยี วข้าวท่ีสั่งซือ้ จากต่างประเทศ ไมส่ ามารถนามาใช้กับสภาพพืน้ ทน่ี าของประเทศเราได้ นาย ขวัญชยั จึงทดลองประดษิ ฐ์รถเกยี่ วข้าวขึ้นเพ่อื ใหเ้ หมาะสมกับสภาพการใช้งานของเมอื งไทย โดย รว่ มกบั นายอารมณ์ ภมู ลิ กั ษณ์ ผใู้ หญ่บา้ นในเขตอาเภอบางพลี จงั หวัดสมทุ รปราการ ระยะแรกนัน้ ไมไ่ ด้ผล เกิดความเสยี หายสูญเปล่า แต่นายขวญั ชัยกย็ งั ไมย่ อ่ ท้อ เขาได้ดัดแปลงสว่ นประกอบโดย คัดเลือกชิ้นสว่ นจากประเทศตา่ งๆ หลายประเทศ และปรบั ระบบการขบั เคลือ่ นเปน็ ระบบไฮโดรลิค ซง่ึ ทาใหผ้ ้ขู บั ขี่ไมต่ ้องออกแรงมาก และในท่ีสุดเขากป็ ระสบผลสาเรจ็ จนคนท่ัวไป ควำมรแู้ ละควำมเช่ยี วชำญ มคี วามรู้เก่ยี วกับ การก่ียวขา้ วและการดูแลต้นข้าวการใส่ปุ๋ย นากจากน้ยี ังมกี ารดเู มด็ ขา้ วใน เกี่ยว รวมถงึ การเพาะข้าว การทานาหว่านกล้า และการดานา กำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ การถ่ายทอดองค์ความรู้ มีความรเู้ กี่ยวกบั การก่ียวขา้ วและการดแู ลต้นข้าวการใส่ปุ๋ย นาก จากนี้ยังมีการดเู มด็ ขา้ วในเกี่ยว รวมถึงการเพาะข้าว การทานาหว่านกลา้ และการดานา ลักษณะเครือขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย การสรา้ งเครือขา่ ย การถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ มคี วามรูเ้ ก่ยี วกับ การก่ียวข้าวและการดแู ลตน้ ขา้ วการใสป่ ุ๋ย นากจากน้ยี ังมีการดูเมด็ ข้าวในเก่ยี ว รวมถงึ การเพาะข้าว การทานาหวา่ นกล้า และ การดานา เพ่อื ใหช้ ่าวนาไดผ้ ลขา้ วดี และ มผี ลิตเยอะข้นึ ผลทเ่ี ปน็ ประโยชน์และต่อชมุ ชนและสงั คม 1.ได้ผลผลติ เพ่ิมขน้ึ 2.ได้ผลดี มำกกวำ่ ปที ผ่ี ่ำนมำ 3.ได้ร้จู กั วิธใี ส่ปุย๋ ให้ถูกวิธี 4.ไดร้ ู้งบประมำณในกำรใชจ้ ำ่ ย กำรทำนำปี

วิธีเก็บเก่ียวข้าว ด้วยคน ในช่วงของการเกีย่ วข้าวเป็นอกี ช่วงหน่ึงท่มี คี วามตอ้ งการใช้แรงงานจานวนมาก ชาวไรช่ าวนามี วธิ รี ะดมแรงงานในกลุม่ เครอื ญาตหิ รือเพ่อื นบา้ นมาชว่ ยทางาน เรยี กวา่ “เอามื้อเอาวัน” หรอื “เอาม้ือเอาแฮง” แบง่ การเก่ียวข้าวเป็น การใชเ้ คยี วเก่ียวขา้ ว และการใชแ้ กระเกี่ยวขา้ ว เกีย่ วขา้ วโดยใชเ้ คยี ว :: วิธเี ก่ียวขา้ วโดยใชเ้ คียว ชาวไรช่ าวนาจะถอื เคยี วด้วยมือข้างท่ถี นดั แลว้ ใชเ้ คียวเก่ียวกระหวัดกอขา้ วที ละกอ ในขณะเดยี วกนั ก็ใชม้ ืออกี ข้างหนง่ึ จบั กอขา้ วนัน้ และออกแรงดึงเคยี วให้คมเคยี วตดั ลาต้นข้าว ให้ขาดออกมา โดยท่วั ไปจะเกี่ยวให้มคี วามยาวของตน้ ข้าวหา่ งจากรวงขา้ ว ใหพ้ อเหมาะท่ีจะนาไป ฟาดขา้ วไดส้ ะดวก หรอื ให้มคี วามยาวของตน้ ข้าวพอที่จะนาไปใช้ประโยชน์อย่างอ่ืนต่อไปได้ เช่น ใช้ คลุมแปลงปลูกหอม กระเทยี ม ฯลฯ

ตำบลโนนเมอื ง ประวัตแิ ละผลงำนภมู ิปัญำทอ้ งถ่นิ อำเภอโนนสงั ดำ้ น อำชพี สำขำ กำรทำผำ้ ขำวม้ำ นำงบญุ มี ปัดนำถำ

ประวตั ิและผลงำน ความเปน็ มาของผา้ ขาวม้าน้นั เก่าแกช่ ้านานจนยากที่จะสบื คน้ แตพ่ อจะมี หลักฐานทางโบราณคดที ปี่ รากฏชดั เจนว่าผ้าขาวม้าน้ันมีการใชส้ มัยเชยี งแสนหรอื ในชว่ ง พุทธศตวรรษท่ี 16 ผชู้ ายในยุคสมัยน้ันใชผ้ า้ ขาวม้าสาหรับคาดเอวหรอื นามาพาดไหล่ ท่ตี ั้ง 656 หมู่3 บ้านโนนเมอื ต.โนนเมือง อ.โนนสงั จ.หวัดหนองบัวลาภู เจ้าของภมู ิปญั ญา นางบุญมี ปดั นาถา ความรแู้ ละความเชีย่ วชาญ มคี วามรเู้ ก่ยี วกบั การทอผ้าขาวม้า เชน่ การยอ้ มผา้ การทอผ้า และการเลอื กสีผา้ ต่างๆ โดยมคี วามคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการเลอื ก สีผ้าใหส้ วยงาม เพื่อดึงดดู ความสนใจ กำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรแู้ ละควำมเชยี่ วชำญ มีกำรถ่ำยทอดควำมรู้เกย่ี วกับ การทอผ้าขาวม้า เชน่ การย้อมผา้ การทอผา้ และการเลอื กสผี า้ ตา่ งๆ โดยมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ในการเลือก สผี ้าให้สวยงาม เพ่อื ดงึ ดดู ความสนใจ ลกั ษณะเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครือขำ่ ย การสร้างเครือข่าย ไดม้ ีการแนะนาและสอนในการทาหรอื ทอผา้ ขาวม้า ออกแบบ ใหส้ วยงาม และออดแบบสใี หม้ ีความดงึ ดดู และนาเผยแพรส่ ่งขายในตวั จังหวดั ผลที่เป็นประโยชนแ์ ละตอ่ ชุมชนและสังคม 1.มรี ำยได้แกช่ มุ ชน 2.มคี วำมคิดสร้ำงสรรค์ 3.ผ้คู นในหมบู่ ้ำนมีรำยได้

คณะผจู้ ัดทำ ที่ปรึกษำ ครูรักษาการในตาแหนง่ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอโนนสัง ๑. นางนวพรรษ จันทราทลู ผรู้ ับผดิ ชอบ ครู กศน.ตาบล ๑. นางมะลิ ไชยพาฤทธ์ิ ครู กศน.ตาบล ๒. นางสาวมณทภิ า ดหู ฤคา ครู กศน.ตาบล ๓. นางธนพร สมสนั ต์ ครู กศน.ตาบล ๔. นางสาวสภุ าพร วงษ์ออ่ น ครู กศน.ตาบล ๕. นางสาวสุนีนาถ แวววงศ์ ครู กศน.ตาบล ๖. นางสาวอรดี ไชยบุรมณ์ ครู กศน.ตาบล ๗. นางถนอมทรัพย์ ทองเดช ครู กศน.ตาบล ๘. นายชยั กติ ติ โสภาศรี ครู กศน.ตาบล ๙. นายอรุณ รตั นงาม ครู กศน.ตาบล ๑๐. นายธนภทั ร สมสนั ต์ ครู กศน.ตาบล ๑๑. นายสทุ ธินัน สีอุดทา ครู กศน.ตาบล ๑๒. นายปฏิวัติ ววิ าจารย์ ครู กศน.ตาบล ๑๓. นายรตั นะ มว่ งกลาง ครู กศน.ตาบล ๑๔. นายอนุวฒั น์ ทองเดช ผู้รวบรวมและจัดพิมพ์ บรรณารกั ษ์ ๑. นางสาวจุฑามาศ พลนางาม เจำ้ ของเอกสำร ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโนนสัง

ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยอำเภอโนนสงั สำนักงำน กศน.จังหวดั หนองบวั ลำภู สำนกั งำนปลัดกระทรวงศึกษำธกิ ำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร