Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค

การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค

Published by โซนภาษาไทย, 2022-01-07 04:52:31

Description: ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

Search

Read the Text Version

การใชค้ าและกลมุ่ คา สรา้ งประโยค รายวชิ าภาษาไทย 6 ท33102 Insert the ชsuนั้ bมtัธitยleมoศึfกyษoาuปrีทpี่r6esentation ผสู้ อน นางสาวเกศรนิ ทร์ หาญดารงค์รกั ษ์ นางสาวดวงหทยั ชวลติ เลขา

จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นอธิบายหลกั การใช้คาและกลมุ่ คาสรา้ งประโยคได้ 2. นักเรียนใช้คาและกลมุ่ คาสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงคไ์ ด้ 3. นักเรียนเห็นความสาคญั ของการใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง

การใชค้ าให้ถูกต้องเหมาะสมกบั รู้จกั ใชค้ าท่มี ีความหมายเหมอื นกนั ระดบั ฐานะบคุ คล และกาลเทศะในการส่ือสาร แตใ่ ชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ กัน รจู้ ักใชค้ าท่มี คี วามหมายตรงข้ามกนั ขอ้ ควรคานงึ ใหถ้ ูกตอ้ ง ในการเลอื กใชค้ า ร้จู ักใชค้ าท่มี ีความหมายคล้ายกนั รู้จกั ใชค้ าให้เหมาะสมกับบรบิ ท ของสถานการณ์หรือขอ้ ความตา่ ง ๆ

ข้อบกพรอ่ งในการใช้คา อยา่ ใช้คากากวม อยา่ ใช้คาภาษาต่างประเทศ โดยไมจ่ าเป็น คากากวม คอื คาทีต่ ีความหมายได้หลายอย่าง ถา้ ใช้อาจเข้าใจผิด หรอื สอื่ สารได้ไมต่ รงกัน ยกเว้นคาทบั ศพั ทท์ ่ไี ทยไมม่ ีใช้ หรือไมม่ ีบัญญัตศิ ัพทไ์ วก้ ส็ ามารถใชไ้ ด้ ตัวอย่าง ผู้หญงิ ห้ามใส่กางเกง ในเวลาทางาน ตัวอยา่ ง - เมธาวนิ ชอบดู TV ทุกวนั ผ้หู ญิงหา้ มใส่กางเกงใน เวลาทางาน เมธาวินชอบดูโทรทัศน์ทุกวัน ผ้าขาดตง้ั เยอะ = ผา้ ไม่พอ / ผ้าฉีกขาด - งวดน้ีต้องซื้อลอตเตอร่ีแลว้ ผมยุ่งมาก = ผม (สรรพนาม) / เสน้ ผม เธอไมก่ นิ ข้าวเย็น = ขา้ วมือ้ เยน็ / ขา้ วทไ่ี ม่รอ้ น งวดนต้ี ้องซ้อื สลากกินแบง่ แลว้ - คนไทยปจั จุบันใชช้ วี ติ แบบ New Normal คนไทยปจั จบุ นั ใชช้ ีวติ แบบความปกตใิ หม่/ฐานวีถีชวี ิตใหม่

ขอ้ บกพร่องในการใชค้ า อย่าใชค้ าฟมุ่ เฟือย อยา่ ใช้คาขัดแย้งกนั หมายถงึ ใช้คาทมี่ คี วามหมายอยา่ งเดยี วกัน การใช้คาขัดแย้งกันทาให้การสอ่ื สารสับสน เชน่ ซ้าซ้อนกนั ในประโยคเดยี ว - ทกุ คนชอบดนตรีเปน็ สว่ นใหญ่ เชน่ “ทุกคน” กับ “ส่วนใหญ่” ขดั แยง้ กนั เองในประโยค ในส่วนของ มคี วาม มีการ ทาการ แลว้ ก็ - เขาสวมกางเกงขายาวเหนอื เขา่ นะครบั นะคะ โน้นนี่นนั่ สบื เน่อื งตามมา ฯลฯ “ขายาว” กับ “เหนือเขา่ ” ตัวอยา่ ง ผ้หู ญิงคนนี้มคี วามสวย ขดั แย้งกนั เองในประโยค = ผูห้ ญงิ คนนี้สวย

สมั พนั ธ์กันโดย สัมพนั ธก์ ันทางเวลา สัมพันธก์ นั ทางเหตผุ ล การใหเ้ ลือกตัวเลือก ความสมั พันธ์ สมั พนั ธ์กนั โดยความหมาย สมั พันธก์ นั โดยการขยายความ ของประโยค ทานองเดยี วกนั สัมพนั ธก์ ันโดย มีความหมายขดั แย้งกัน

1.1 ประโยคสัมพนั ธก์ ันทางเวลา 1.2 ประโยคสัมพันธก์ ันทางเหตุผล หมายถงึ ประโยคทส่ี ัมพนั ธก์ นั กับเวลาหรือเหตุการณ์ ประโยคลกั ษณะนจี้ ะแสดงความสมั พันธ์โดยประโยคหน่ึง ทเ่ี กิดข้นึ ในเวลาเดียวกัน หรือเวลาท่ตี อ่ เน่ืองกัน แสดงเหตอุ ีกประโยคหนง่ึ แสดงผล ตวั อย่าง หรือประโยคหนงึ่ เปน็ เงือ่ นไขทาให้เกดิ อีกประโยคหนงึ่ เธอเล่นเปียโนขณะทเ่ี ธอร้องเพลงไปด้วย (เวลาเดียวกนั ) ตวั อย่าง พอฉนั อาบนา้ เสร็จฉันกท็ าการบา้ นตอ่ (เวลาตอ่ เนอ่ื งกนั ) เขาเปน็ ไข้หวดั + เพราะ + เดินตากฝน เขาอา่ นหนังสือเสรจ็ + แลว้ ก็ + เข้านอน นทีชอบออกกาลังกาย นทีจึงแขง็ แรงอยเู่ สมอ (เวลาตอ่ เนื่องกนั ) (ประโยคเหตุและประโยคผล) ถ้าฝนไมต่ ก ฉนั ก็จะไปดูหนงั กบั เธอ (ประโยคแสดงเงือ่ นไขและผล)

1.3 ประโยคสมั พันธก์ ัน 1.4 ประโยคสัมพันธก์ ัน โดยความหมายทานองเดียวกัน โดยมคี วามหมายขดั แยง้ กัน ประโยคลักษณะน้ีสมั พนั ธ์กนั โดยกล่าวถึงสิ่งเดียวกนั ประโยคลกั ษณะนจ้ี ะกล่าวถงึ ประโยคหนึ่งตรงข้ามกับอกี ประเภทเดยี วกัน มีเนอ้ื ความคลอ้ ยตามกนั ประโยคหนง่ึ หรอื มีเนอ้ื ความขดั แยง้ กนั ในประโยค หรือกล่าวถงึ เหตกุ ารณต์ ่อเนือ่ งกัน ตวั อยา่ ง ตวั อย่าง ธามชอบรอ้ งเพลงแตก่ อหญ้าชอบวาดรปู สายธารมีรูปรา่ งอ้วนแต่สายฝนมีรปู รา่ งผอม แม่ทากับขา้ วอรอ่ ยและขนมอรอ่ ยด้วย (ใชค้ าทม่ี เี นอื้ ความคล้อยตามกัน) กวา่ เธอจะมา เขากไ็ ปแล้ว สมศรีซอ้ มละครเสรจ็ แล้วกซ็ ้อมดนตรตี อ่ (ใชค้ าแสดงเหตุการณต์ ่อเนื่อง) เขาทางานอย่างกระฉับกระเฉงและขยันขนั แขง็ (ใชค้ าบอกลักษณะเหมอื นกนั )

1.5 ประโยคสัมพันธก์ นั โดยการขยายความ 1.6 ประโยคสมั พันธก์ นั โดยการใหเ้ ลือกตวั เลอื ก หมายถึง ประโยคหนง่ึ ขยายความอีกประโยคหนงึ่ อาจเป็นการให้ตวั อยา่ ง เปรยี บเทียบ อธิบาย สรปุ ความ หมายถึง ประโยคลกั ษณะนจ้ี ะแสดงเหตกุ ารณ์ โดยใหเ้ ลอื กไดอ้ ย่างใดอย่างหน่งึ เนน้ ความ หรอื ให้รายละเอยี ด ตวั อยา่ ง ตวั อยา่ ง ปใี หมน่ ี้แม่ให้เธอเลือกว่าเธอจะไปเทีย่ วทะเลหรือภเู ขา • นา้ ฝนชอบกนิ ผลไม้ เธอชอบกินมะม่วงและแตงโม วนั หยดุ สุดสัปดาหน์ ีไ้ มเ่ ขากเ็ ธอตอ้ งไปต่างจังหวดั (ประโยคหลงั ขยายความประโยคแรกโดยให้ตัวอย่าง) เธอจะอยกู่ ับฉันหรือจะไปกบั เขา • นกั เรียนทกุ คนตกลงใจไปหัวหินตามมติ ของคณะกรรมการครูและนักเรียน (ประโยคหลังขยายความประโยคแรก)

การใชค้ าแสดงความสัมพนั ธข์ องประโยค 2.1 การใชค้ าแสดงความสมั พันธ์ 2.2 การใช้คาแสดงความสัมพันธ์ ในลกั ษณะคลอ้ ยตามกัน ในลักษณะเป็นเหตุเป็นผล มคี าเชอื่ มในประโยค ได้แก่ กับ, และ, ทั้ง, ท้งั ...และ, มีคาเชือ่ มในประโยค ได้แก่ ดงั น้นั ...จึง, เพราะ, เพราะ...จึง, รวมท้งั , อนึง่ , แลว้ ...จงึ , พอ...ก็, ครน้ั ...ก็ ,ถ้า...ก็ เพราะฉะนั้น, เพราะฉะนั้น...จึง ตัวอย่าง ตัวอยา่ ง เดี๋ยวเธอกบั เขาก็คืนดกี ัน สุภาพรชอบซอื้ ผักและผลไม้ เพราะภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบตอ่ โลกอย่างรุนแรง ถา้ นกั เรยี นส่งงานครบก็จะไดเ้ กรด 4 จงึ ต้องชว่ ยกันรักษาสิง่ แวดล้อม นกั เรยี นม.6 ตง้ั ใจเรยี นสมา่ เสมอ ดงั นัน้ พวกเขาจึง สอบคัดเลอื กเขา้ มหาวทิ ยาลัยได้

การใชค้ าแสดงความสมั พันธ์ของประโยค 2.3 การใชค้ าแสดงความสมั พนั ธ์ 2.4 การใชค้ าแสดงความสัมพนั ธ์ ในลักษณะขดั แยง้ กนั ในลกั ษณะเลือกอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง มีคาเชอ่ื มในประโยค ได้แก่ มีคาเช่ือมในประโยค ได้แก่ หรือ, มฉิ ะนน้ั , หรอื ไม่ก็ , แต่, ทวา่ , แตท่ ว่า, แมว้ า่ ...กย็ งั , ถงึ ...ก็ แม้...ก็ ไม่เชน่ นัน้ , ไม.่ ..ก็ ตัวอยา่ ง ตัวอยา่ ง มารค์ ชอบวาดรปู แต่ไม่ชอบระบายสี วนั ทองจะเลือกขนุ ช้างหรอื ขนุ แผน กว่าเพือ่ นจะมาถงึ เราก็กลับบ้านไปแล้ว ไม่เธอก็ฉนั ตอ้ งออกไปพูดหน้าห้อง องั กฤษตอ้ งปกปอ้ งจดุ นด้ี ว้ ยชวี ิต มิเช่นน้ันมหาอานาจ ของยโุ รปอ่นื ๆ จะเขา้ มารกุ รานได้

การใช้คาแสดงความสัมพนั ธ์ของประโยค 2.5 การใช้คาแสดงความสมั พันธ์ในลกั ษณะคาดคะเน มีคาเช่อื มในประโยค ไดแ้ ก่ ถา้ ...ก็ ตัวอย่าง ถ้าสถานการณก์ ารแพร่ระบายของเชือ้ ไวรัสโควดิ -19 ลดลง นักเรยี นก็จะได้มาโรงเรยี น ถา้ ความฝันของฉันเป็นจรงิ ฉันก็คงมคี วามสขุ มาก ถา้ หนนู ิดมีเวลาว่าง ก็คงจะดภู าพยนตร์กบั เพ่อื น ๆ

การทาประโยคใหส้ ัมพนั ธก์ นั การละคา การแทนคา การใช้คาเชื่อมตวั อย่าง คือ คาท่ีละไวใ้ นฐานะทเ่ี ขา้ ใจ คอื คาทีใ่ ช้แทนคาหรอื ขอ้ ความอื่น เชน่ ยกตวั อยา่ ง ตัวอยา่ ง อาทิ โดยตัดคาพูดหรอื ข้อความทีผ่ ู้พดู เพื่อใช้แทนนามวลี กรยิ าวลี เพื่อให้ข้อความสมั พันธ์กนั หรือประโยคทมี่ าข้างหน้า กับผู้ฟังรดู้ ีอยแู่ ลว้ ตัวอย่าง ตวั อย่าง ฉันชอบซอ้ื เครื่องประดบั ตัวอยา่ ง กระเปา๋ ใบนน้ั ไมส่ วยหรอก เช่น สร้อย แหวน ต่างหู เพอ่ื น ๆ สอบภาษาไทยผ่านหมดแลว้ น่ีสวยกว่า (น่ี แทน กระเปา๋ ) แนวดนตรีของไทยมหี ลายแนว อาทิ ลกู ทุง่ ลูกกรงุ ไทยสากล แต่ผมยงั ไม่ผา่ น นกั เรยี นคนนั้นขยันดี ข้อควรจา *ไม่มี อาทเิ ช่น * เธอชอบเลน่ กฬี า แตฉ่ นั ไมช่ อบ เขา (เขา แทน นักเรยี น) เพราะมคี วามหมายเดียวกัน นารีไม่สบาย วันนค้ี งไม่มาโรงเรียน ไปเรยี นท่ไี หนแลว้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook