Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 33_นิติวิทยาศาสตร์

33_นิติวิทยาศาสตร์

Published by bird.tent2626, 2020-04-20 04:40:03

Description: 33_นิติวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

๙๔ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา “สถานท่ี” หมายความวา อาคารหรือสวนของอาคาร และใหหมายความรวมถึงบริเวณ ของอาคารนั้น “เภสัชกร” หมายความวา ผูประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายวาดวยวิชาชีพ เภสัชกรรม “ขอ ความ” หมายความวา เรอ่ื งราวหรอื ขอ เทจ็ จรงิ ไมว า จะปรากฏในรปู แบบของตวั อกั ษร ภาพ ภาพยนตร แสง เสยี งหรอื เคร่อื งหมาย และใหหมายความรวมถึงการกระทําใด ๆ ใหป รากฏดวย ส่ิงน้นั อันทาํ ใหบ คุ คลทว่ั ไปสามารถเขาใจความหมายได “โฆษณา” หมายความวา การเผยแพรหรือการส่ือความหมายไมวากระทําโดยวิธีใด ๆ ใหประชาชนเห็นหรือทราบขอความเพื่อประโยชนในทางการคา แตไมรวมถึงเอกสารทางวิชาการ หรอื ตาํ ราทเี่ ก่ยี วกบั การเรยี นการสอน “หนวยงานของรัฐ” หมายความวา ราชการสวนกลาง ราชการสวนภูมิภาค ราชการ สวนทองถ่ิน รฐั วสิ าหกจิ องคก ารมหาชน และหนว ยงานอน่ื ของรัฐ “ผรู บั อนญุ าต” หมายความวา ผไู ดร บั ใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ในกรณที นี่ ติ บิ คุ คล เปนผูรับใบอนุญาต ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งนิติบุคคลแตงต้ังใหเปนผูดําเนินกิจการเก่ียวกับวัตถุ ออกฤทธ์ดิ วย “ผูอนญุ าต” หมายความวา (๑) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือผูซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา นอกจากการอนุญาตใน (๒) (๒) ผวู า ราชการจงั หวดั ในจงั หวดั อน่ื นอกจากกรงุ เทพมหานคร หรอื ผซู งึ่ ไดร บั มอบหมาย จากผูวาราชการจังหวดั นนั้ เฉพาะสําหรบั การอนญุ าตใหขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ การส่ังพักใชใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตดังกลาว ในจังหวัดที่อยูในเขต อาํ นาจ “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการวตั ถทุ ่อี อกฤทธติ์ อจิตและประสาท “พนกั งานเจา หนา ท”่ี หมายความวา ผซู ง่ึ รฐั มนตรแี ตง ตงั้ ใหป ฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ “เลขาธกิ าร” หมายความวา เลขาธกิ ารคณะกรรมการอาหารและยา “รฐั มนตรี” หมายความวา รัฐมนตรีผูรกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ไมใชบังคับแกสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และใหส ํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารายงานการรับ การจาย การเก็บรกั ษาและวธิ กี ารปฏบิ ตั ิ อยา งอ่ืนที่เก่ยี วกบั การควบคมุ วัตถอุ อกฤทธ์ิตอ คณะกรรมการทุกหกเดอื นของปปฏทิ นิ

๙๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมีอํานาจแตงต้ังพนักงานเจาหนาที่ ออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียมไมเกินอัตราทาย พระราชบญั ญตั นิ ้ี ยกเวน คา ธรรมเนยี มและกาํ หนดกจิ การอนื่ กบั ออกประกาศ ทงั้ น้ี เพอื่ ปฏบิ ตั กิ ารตาม พระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงและประกาศน้นั เม่ือไดประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลวใหใชบงั คับได มาตรา ๗ ใหร ฐั มนตรโี ดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการมอี าํ นาจประกาศกาํ หนดในเรอื่ ง ดังตอไปน้ี (๑) ระบชุ อ่ื และจดั แบง ประเภทวตั ถอุ อกฤทธวิ์ า วตั ถอุ อกฤทธอิ์ ยใู นประเภทใดประเภทหนงึ่ ดงั ตอไปนี้ (ก) ประเภท ๑ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ ไี่ มใ ชใ นทางการแพทย และอาจกอ ใหเ กดิ การนาํ ไปใช หรือมีแนวโนมในการนาํ ไปใชในทางที่ผิดสงู (ข) ประเภท ๒ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ใ่ี ชใ นทางการแพทย และอาจกอ ใหเกดิ การนาํ ไปใช หรอื มีแนวโนมในการนาํ ไปใชใ นทางทผี่ ดิ สูง (ค) ประเภท ๓ วัตถุออกฤทธ์ิทีใ่ ชในทางการแพทย และอาจกอใหเกิดการนําไปใช หรอื มแี นวโนมในการนําไปใชในทางท่ผี ิด (ง) ประเภท ๔ วัตถุออกฤทธท์ิ ่ีใชใ นทางการแพทย และอาจกอใหเกิดการนําไปใช หรอื มแี นวโนมในการนําไปใชใ นทางท่ผี ิดนอยกวาประเภท ๓ (๒) กาํ หนดมาตรฐานวา ดว ยปรมิ าณ สว นประกอบ คณุ ภาพ ความบรสิ ทุ ธหิ์ รอื ลกั ษณะอนื่ ของวตั ถอุ อกฤทธิ์ ตลอดจนการบรรจุและการเก็บรักษาวัตถุออกฤทธิต์ าม (๑) (๓) เพิกถอนหรอื เปล่ียนแปลงช่ือหรือประเภทวตั ถอุ อกฤทธิ์ตาม (๑) (๔) ระบชุ อ่ื และประเภทวตั ถอุ อกฤทธท์ิ ห่ี า มผลติ ขาย นาํ เขา สง ออก นาํ ผา นหรอื มไี วใ น ครอบครอง (๕) ระบุชอ่ื วตั ถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ซง่ึ อนญุ าตใหผ ลิตเพือ่ สง ออกและสง ออกได (๖) ระบชุ อื่ และประเภทวตั ถอุ อกฤทธท์ิ ต่ี อ งมคี าํ เตอื นหรอื ขอ ควรระวงั และขอ ความของ คําเตอื นหรือขอ ควรระวงั ใหผ ใู ชร ะมดั ระวังตามความจาํ เปนเพอ่ื ความปลอดภยั ของผใู ช (๗) ระบุช่อื และประเภทวัตถอุ อกฤทธ์ทิ ต่ี องแจงกําหนดการสิ้นอายไุ วใ นฉลาก (๘) เพกิ ถอนทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ระบวุ ตั ถตุ าํ รบั ใหเ ปน วตั ถตุ าํ รบั ยกเวน และเพกิ ถอนวตั ถุ ตํารับยกเวน (๙) กําหนดหลักเกณฑและวิธีการในการกําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ที่ผูอนุญาต จะอนุญาตใหผลิต ขาย นําเขาหรอื มไี วใ นครอบครอง

๙๖ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๕ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา (๑๐) กําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ท่ีผูประกอบวิชาชีพ เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทันตกรรมหรอื ผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช นั้ หนึ่งมีไวในครอบครอง ไดตามมาตรา ๙๐ (๑๑) ระบุช่ือและประเภทวัตถุออกฤทธ์ิที่ประเทศหนึ่งประเทศใดหามนําเขาตาม มาตรา ๑๑๑ (๑๒) กําหนดสถานท่ีแหงใดในราชอาณาจักรใหเปนดานตรวจสอบวัตถุออกฤทธ์ิท่ีนําเขา สง ออก หรอื นาํ ผา น (๑๓)ระบหุ นว ยงานของรัฐตามมาตรา ๒๑ (๒) มาตรา ๔๗ วรรคหนง่ึ มาตรา ๘๙ (๓) และมาตรา ๙๗ วรรคหนง่ึ (๑๔)กําหนดสถานพยาบาลตามพระราชบญั ญัตินี้ (๑๕)กาํ หนดระเบยี บขอ บงั คบั เพอื่ ควบคมุ การบาํ บดั รกั ษาและระเบยี บวนิ ยั สาํ หรบั สถาน พยาบาล หมวด ๑ คณะกรรมการวัตถทุ ่อี อกฤทธต์ิ อ จติ และประสาท มาตรา ๘ ใหมีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกวา “คณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธ์ิตอจิต และประสาท” ประกอบดว ย ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ เปน ประธานกรรมการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการ กฤษฎกี า อยั การสงู สดุ ผบู ญั ชาการตาํ รวจแหง ชาติ อธบิ ดกี รมการปกครอง อธบิ ดกี รมการแพทย อธบิ ดี กรมคุมประพฤติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการ สุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม ยาเสพตดิ นายกแพทยสภา นายกสภาเภสชั กรรม และผทู รงคณุ วฒุ อิ กี ไมเ กนิ เจด็ คน ซง่ึ รฐั มนตรแี ตง ตงั้ จากผูมีความรู ความสามารถหรือประสบการณเ กี่ยวกบั วัตถอุ อกฤทธ์ิ เปนกรรมการ ใหเลขาธิการเปนกรรมการและเลขานุการ และผูอํานวยการกองควบคุมวัตถุเสพติด สํานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา เปนกรรมการและผชู ว ยเลขานุการ มาตรา ๙ กรรมการผทู รงคณุ วุฒิมีวาระการดาํ รงตาํ แหนง คราวละสามป เมื่อครบกําหนดตามวาระดังกลาวในวรรคหนึ่ง หากยังมิไดมีการแตงตั้งกรรมการ ผูทรงคุณวุฒิขึ้นใหม ใหกรรมการซึ่งพนจากตําแหนงตามวาระนั้นอยูในตําแหนงเพื่อดําเนินงาน ตอไปจนกวา กรรมการซึ่งไดรบั แตงต้งั ใหมเ ขารับหนา ที่ กรรมการผทู รงคณุ วฒุ ิซงึ่ พนจากตาํ แหนงตามวาระอาจไดร ับการแตงตงั้ อีกได

๙๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๐ นอกจากการพน จากตาํ แหนง ตามวาระ กรรมการผทู รงคณุ วฒุ พิ น จากตาํ แหนง เมอื่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) รัฐมนตรีใหออก เพราะมีความประพฤติเส่ือมเสีย บกพรองหรือไมสุจริตตอหนาท่ี หรอื หยอนความสามารถ (๔) เปนคนไรความสามารถหรือคนเสมือนไรความสามารถ (๕) ไดร บั โทษจาํ คกุ โดยคาํ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ าํ คกุ เวน แตเ ปน โทษสาํ หรบั ความผดิ ทไี่ ด กระทําโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ (๖) ถูกส่ังพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตประกอบ โรคศลิ ปะ หรือใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี อน่ื เมอ่ื กรรมการผทู รงคณุ วฒุ พิ น จากตาํ แหนง กอ นวาระ ใหร ฐั มนตรแี ตง ตงั้ ผอู นื่ เปน กรรมการ แทน และใหผูน้นั อยใู นตําแหนงตามวาระของกรรมการซง่ึ ตนแทน มาตรา ๑๑ การประชมุ ของคณะกรรมการ ตอ งมกี รรมการมาประชมุ ไมน อ ยกวา กงึ่ หนงึ่ ของจาํ นวนกรรมการทงั้ หมด จงึ เปนองคป ระชมุ ใหประธานกรรมการเปนประธานในท่ีประชุม ถาประธานกรรมการไมมาประชุม หรอื ไมอ าจปฏิบตั ิหนา ทไี่ ด ใหกรรมการท่มี าประชมุ เลือกกรรมการคนหนึ่งเปน ประธานในท่ปี ระชุม การวินจิ ฉัยช้ีขาดของทปี่ ระชมุ ใหถ อื เสียงขา งมาก กรรมการคนหน่ึงใหมีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธาน ในที่ประชมุ ออกเสียงเพิ่มขึน้ อีกเสยี งหนึ่งเปนเสียงช้ขี าด มาตรา ๑๒ ใหคณะกรรมการมีอาํ นาจหนา ท่ี ดงั ตอไปนี้ (๑) ใหค ําแนะนําตอ รัฐมนตรีเพอื่ ปฏิบตั ิการตามมาตรา ๗ (๒) ใหค วามเห็นชอบตอ ผูอนุญาตในการขึน้ ทะเบียนวัตถตุ าํ รบั (๓) ใหค วามเหน็ ชอบตอ ผอู นญุ าตในการสง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื การเพกิ ถอนใบอนญุ าต (๔) เสนอความเหน็ ตอ รฐั มนตรใี นการออกกฎกระทรวงเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (๕) ใหความเห็นหรือคาํ แนะนาํ ตอ ผูอนญุ าตในการปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๖) ปฏบิ ตั กิ ารอนื่ ตามทพี่ ระราชบญั ญตั นิ บ้ี ญั ญตั ใิ หเ ปน อาํ นาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการ หรอื ตามทีร่ ฐั มนตรมี อบหมาย มาตรา ๑๓ ใหคณะกรรมการมีอํานาจแตงตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา ศึกษา หรอื วจิ ยั เกยี่ วกบั เรอ่ื งทอ่ี ยใู นอาํ นาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการ และใหน าํ ความในมาตรา ๑๑ มาใชบ งั คบั แกการประชมุ ของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

๙๘ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา หมวด ๒ การขออนญุ าตและการออกใบอนุญาตเกีย่ วกบั วตั ถุออกฤทธิ์ มาตรา ๑๔ หา มผูใ ดผลิต ขาย นาํ เขา หรอื สงออกซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๑ เวน แต ไดรบั ใบอนญุ าตจากผูอ นุญาตเฉพาะในกรณจี าํ เปนเพอื่ ประโยชนของทางราชการ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง การผลิต นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๑ คํานวณเปนสารบริสุทธิ์ เกนิ ปรมิ าณทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง ใหส ันนษิ ฐานวา ผลติ นาํ เขาหรือสง ออกเพอ่ื ขาย มาตรา ๑๕ หา มผูใ ดผลิต นําเขาหรอื สง ออกซ่งึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ เวนแตไ ดรบั ใบอนุญาตจากผูอนญุ าตเฉพาะกรณดี งั ตอ ไปนี้ (๑) มีความจาํ เปน เพอื่ ประโยชนข องทางราชการ (๒) เปน ผไู ดร บั มอบหมายจากกระทรวงสาธารณสขุ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ หรอื (๓) เปน การผลติ เพอ่ื สง ออกและสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ บางชนดิ ทร่ี ฐั มนตรี ประกาศระบชุ ่ือตามมาตรา ๗ (๕) การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีกําหนดในกฎกระทรวง การพจิ ารณาอนญุ าตตามวรรคหนงึ่ ใหผ ขู ออนญุ าตเปน ผรู บั ผดิ ชอบชาํ ระคา ใชจ า ยในการ ตรวจวิเคราะหหรือประเมินเอกสารทางวิชาการ ตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการ กาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา การผลิต นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ คํานวณเปนสารบริสุทธิ์ เกนิ ปรมิ าณท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ใหส นั นิษฐานวาผลติ นาํ เขาหรือสง ออกเพื่อขาย มาตรา ๑๖ หา มผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ เวน แตไ ดร บั ใบอนญุ าตจากผอู นญุ าต การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๗ ผูอนุญาตอาจอนุญาตใหยานพาหนะที่ใชในการขนสงสาธารณะระหวาง ประเทศทจี่ ดทะเบียนในราชอาณาจักร นาํ เขาหรอื สงออกซงึ่ วัตถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ในปริมาณเทาท่ีจําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ในยานพาหนะนน้ั ได

๙๙ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๘ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๘ บทบัญญัติมาตรา ๑๕ ไมใ ชบ งั คับแก (๑) การนําวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ติดตัวเขามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ไมเกินปริมาณที่จําเปนตองใชรักษาเฉพาะตัวภายในสามสิบวัน โดยมีหนังสือรับรองของผูประกอบ วิชาชพี เวชกรรม ผูป ระกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผปู ระกอบวิชาชพี การสตั วแพทยชัน้ หน่งึ หรอื (๒) การนําเขาหรือสง ออกซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ในปริมาณเทาท่ีจําเปน ตอ งใช ประจาํ ในการปฐมพยาบาลหรอื ในกรณเี กดิ เหตฉุ กุ เฉนิ ในยานพาหนะทใี่ ชใ นการขนสง สาธารณะระหวา ง ประเทศ ซ่ึงไมไ ดจดทะเบยี นในราชอาณาจักร มาตรา ๑๙ ผูอนุญาตจะออกใบอนุญาตใหขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ได เมอ่ื ปรากฏวาผูขออนุญาตเปน (๑) หนว ยงานของรฐั ทมี่ หี นา ทบี่ าํ บัดรกั ษาหรือปอ งกนั โรค และสภากาชาดไทย (๒) หนว ยงานของรัฐทไ่ี ดร ับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๕ (๑) (๓) ผรู ับอนญุ าตผลิตหรือนําเขาตามมาตรา ๑๕ (๒) หรือ (๔) ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพ การสัตวแพทยชั้นหนึ่ง ซ่ึงเปนผูดําเนินการตามกฎหมายวาดวยสถานพยาบาล หรือกฎหมายวาดวย สถานพยาบาลสัตว แลวแตกรณี และ (ก) มีถ่ินท่อี ยใู นประเทศไทย (ข) ไมเคยไดรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุกสําหรับความผิดตาม กฎหมายวาดวยวัตถุที่ออกฤทธ์ติ อจติ และประสาท กฎหมายวา ดวยยาเสพตดิ ใหโ ทษ กฎหมายวาดวย การปองกันการใชสารระเหย กฎหมายวาดวยมาตรการในการปราบปรามผูกระทําความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพตดิ และกฎหมายวาดวยยา (ค) ไมอยูระหวางถูกส่ังพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยชั้นหน่ึง ใบอนุญาต ตามกฎหมายวา ดว ยยาเสพติดใหโทษหรอื ใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (ง) ไมเปนบุคคลวิกลจรติ หรอื จิตฟนเฟอนไมสมประกอบ (จ) ไมเ ปนคนไรค วามสามารถหรือคนเสมือนไรค วามสามารถ ในการพิจารณาอนุญาตตามวรรคหน่ึง ผูอนุญาตจะตองคํานึงถึงความจําเปนของผูขอ อนญุ าตในการมีไวเ พื่อขาย และจะกาํ หนดเงอื่ นไขตามทเ่ี ห็นสมควรกไ็ ด มาตรา ๒๐ หามผูใดผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือ ประเภท ๔ หรอื นาํ ผา นซึง่ วตั ถุออกฤทธิ์ทุกประเภท เวนแตไ ดรับใบอนญุ าตจากผูอนญุ าต

๑๐๐ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง การผลิต นาํ เขาหรอื สงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ หรือนําผาน ซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท คํานวณเปนสารบริสุทธ์ิเกินปริมาณที่กําหนดในกฎกระทรวง ใหสนั นิษฐานวาผลติ นาํ เขา สงออก หรือนําผา นเพอื่ ขาย มาตรา ๒๑ บทบัญญตั มิ าตรา ๒๐ ไมใ ชบงั คับแก (๑) การผลิตซ่ึงกระทําโดยการปรุง การแบงบรรจุหรือการรวมบรรจุวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ของเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมการขายตามมาตรา ๕๑ เฉพาะตาม ใบส่ังยาของผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมสําหรับคนไขเฉพาะราย หรือของผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช ้ันหนงึ่ สําหรบั สตั วเ ฉพาะราย (๒) การผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ โดยกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรอื หนว ยงานของรัฐตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาํ หนด (๓) การขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในสถานพยาบาลตามกฎหมาย วาดวยสถานพยาบาลของผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม ซ่ึงขายเฉพาะ สาํ หรบั คนไขท ตี่ นใหก ารรกั ษาพยาบาล หรอื ในสถานพยาบาลสตั วต ามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาลสตั ว ของผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทยช นั้ หนง่ึ ซง่ึ ขายเฉพาะสาํ หรบั สตั วท ตี่ นทาํ การบาํ บดั หรอื ปอ งกนั โรค (๔) การนาํ วตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ตดิ ตวั เขา มาในหรอื ออกไปนอก ราชอาณาจกั รไมเ กนิ ปรมิ าณทจี่ าํ เปน ตอ งใชร กั ษาเฉพาะตวั ภายในสามสบิ วนั โดยมหี นงั สอื รบั รองของ ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูป ระกอบวิชาชพี ทันตกรรมหรอื ผูประกอบวชิ าชพี การสัตวแพทยชน้ั หนึ่ง หรือ (๕) การนาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในปรมิ าณเทา ที่ จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะที่ใชในการขนสง สาธารณะระหวางประเทศ ซ่งึ ไมไ ดจดทะเบียนในราชอาณาจกั ร มาตรา ๒๒ ผอู นญุ าตจะออกใบอนญุ าตใหผ ลติ ขายหรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ไดเมอื่ ปรากฏวา ผขู ออนุญาต (๑) ไดรับใบอนุญาตผลิต ขายหรือนําเขาซึ่งยาแผนปจจุบันตามกฎหมายวาดวยยา แลว แตก รณี และ (๒) มีเภสชั กรอยูป ระจําตลอดเวลาทเ่ี ปด ทําการ ผอู นญุ าตจะออกใบอนุญาตใหสงออกซงึ่ วัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ได เมื่อปรากฏวาผูขออนุญาตไดรบั ใบอนญุ าตผลิต ขายหรือนาํ เขาซ่งึ วตั ถอุ อกฤทธิ์ตามวรรคหน่งึ แลว

๑๐๑ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา ใหผูรับอนุญาตผลิตหรือนําเขาซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิ ขายวัตถุออกฤทธ์ิดังกลาวที่ตนผลิต หรอื นาํ เขา ไดโ ดยไมตอ งขออนุญาตขายอีก มาตรา ๒๓ ใบอนญุ าตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๘๘ และมาตรา ๑๐๐ ใหค มุ กนั ถงึ ลกู จางหรอื ตวั แทนของผรู บั อนุญาตดวย ใหถ อื วา การกระทาํ ของลกู จา งหรอื ตวั แทนของผรู บั อนญุ าตทไี่ ดร บั การคมุ กนั ตามวรรคหนง่ึ เปนการกระทําของผูรับอนุญาตดวย เวนแตผูรับอนุญาตจะพิสูจนไดวาการกระทําดังกลาวเปนการ สุดวิสัยท่ีตนจะลว งรูห รอื ควบคุมได มาตรา ๒๔ ใบอนญุ าตตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ (๑) และมาตรา ๘๘ ใหใ ชไ ดจ นถงึ วนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคมของปท อ่ี อกใบอนญุ าต ถา ผรู บั อนญุ าตประสงคจ ะขอตอ อายใุ บอนญุ าต ตอ งยน่ื คาํ ขอกอ นใบอนญุ าตสน้ิ อายุ เมอ่ื ไดย นื่ คาํ ขอแลว จะประกอบกจิ การตอ ไปกไ็ ดจ นกวา ผอู นญุ าต จะสั่งไมอนญุ าตใหตออายุใบอนญุ าตน้นั ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ใบอนญุ าตของตนสนิ้ อายไุ มเ กนิ สามสบิ วนั จะยนื่ คาํ ขอผอ นผนั พรอ มแสดง เหตผุ ลการขอผอ นผันการตออายใุ บอนุญาตกไ็ ด แตก ารยนื่ ขอผอ นผนั น้ไี มเปน เหตุใหพ น ความรบั ผดิ สําหรับการประกอบกจิ การในระหวา งใบอนญุ าตส้ินอายุ ซง่ึ ไดกระทําไปกอ นขอตอ อายุใบอนุญาต การขอตออายุใบอนุญาตและการอนุญาต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี ารและเงื่อนไข ท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๕ ในกรณีผูอนุญาตไมออกใบอนุญาตหรือไมอนุญาตใหตออายุใบอนุญาต ผขู ออนญุ าตหรอื ผขู อตอ อายใุ บอนญุ าตมสี ทิ ธอิ ทุ ธรณเ ปน หนงั สอื ตอ รฐั มนตรภี ายในสามสบิ วนั นบั แต วันทีไ่ ดร ับหนังสอื ของผอู นญุ าตแจงการไมอ อกใบอนญุ าตหรอื ไมอนุญาตใหตอ อายุใบอนุญาต ใหร ฐั มนตรวี นิ จิ ฉยั อทุ ธรณใ หแ ลว เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทไี่ ดร บั หนงั สอื อทุ ธรณ คาํ วนิ จิ ฉยั ของรัฐมนตรใี หเปนที่สดุ ในกรณมี กี ารอทุ ธรณก ารขอตอ อายใุ บอนญุ าตตามวรรคหนง่ึ กอ นทรี่ ฐั มนตรจี ะมคี าํ วนิ จิ ฉยั อุทธรณ รฐั มนตรีจะสงั่ อนุญาตใหประกอบกิจการไปพลางกอนเมื่อมีคําขอของผอู ุทธรณก ไ็ ด มาตรา ๒๖ ใหผูรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ีไดรับยกเวนไมตองปฏิบัติการ ตามกฎหมายวา ดวยยาอีก หมวด ๓ หนาที่ของผูรับอนุญาต มาตรา ๒๗ หา มผรู บั อนญุ าตผใู ด ผลติ ขาย นาํ เขา หรอื เกบ็ ไวซ งึ่ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ กุ ประเภท นอกสถานท่ีท่ีระบไุ วในใบอนญุ าต

๑๐๒ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๑ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๒๘ ผอู นญุ าตอาจออกใบอนญุ าตใหผ รู บั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ นอกสถานทท่ี ร่ี ะบุไวใ นใบอนญุ าตไดใ นกรณดี ังตอ ไปน้ี (๑) การขายสงตรงแกผูรับอนุญาตอ่ืนตามพระราชบัญญัตินี้ หรือแกผูประกอบวิชาชีพ เวชกรรม ผูป ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรมหรือผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช นั้ หนง่ึ (๒) การขายในบรเิ วณสถานทที่ ี่มีการประชุมของผูป ระกอบวิชาชพี เวชกรรม ผปู ระกอบ วิชาชีพทนั ตกรรม ผปู ระกอบวชิ าชีพเภสชั กรรมหรือผูประกอบวชิ าชีพการสัตวแพทยชน้ั หนึง่ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๙ ผรู บั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ จะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ได โดยมเี ง่ือนไขดังตอ ไปนี้ (๑) ขายเฉพาะสาํ หรบั คนไขท ผี่ ปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมหรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม ใหก ารรกั ษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลตามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาลหรอื สถานพยาบาลของรฐั หรอื ขายเฉพาะสาํ หรบั ใชก บั สตั วท ผ่ี ปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทยช นั้ หนงึ่ ทาํ การบาํ บดั หรอื ปอ งกนั โรค ณ สถานพยาบาลสตั วตามกฎหมายวาดว ยสถานพยาบาลสัตว และ (๒) ขายเฉพาะวัตถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ทีผ่ ูอ นุญาตไดอนุญาตใหผลิตหรอื นําเขา ความใน (๑) ไมใชบังคับแกผ ูรบั อนุญาตตามมาตรา ๑๙ (๒) และ (๓) แตตองปฏิบัติตาม เง่อื นไขการขายที่เลขาธิการประกาศกาํ หนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๓๐ ผรู บั อนญุ าตผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๕ ผรู บั อนญุ าตขายวัตถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๙ (๓) และผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา หรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามมาตรา ๒๐ ตองจัดใหมีเภสัชกร อยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การตามเวลาทีเ่ ปดทําการซ่ึงระบไุ วใ นใบอนุญาต ในระหวางที่เภสัชกรมิไดอยูประจําควบคุมกิจการ หามผูรับอนุญาตดําเนินการผลิต หรือขายวตั ถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในกรณีท่ีเภสัชกรพนจากหนาท่ีหรือไมสามารถปฏิบัติหนาที่ไดเปนการช่ัวคราว ใหผูรับ อนุญาตจัดใหมีเภสัชกรอื่นเขาปฏิบัติหนาท่ีแทนไดเปนระยะเวลาไมเกินเกาสิบวันโดยแจงเปนหนังสือ ตอผอู นุญาตและใหถือวา เภสัชกรผทู ําหนาท่ีแทนมหี นาทเี่ หมอื นผูทตี่ นแทน ในกรณที ผี่ รู บั อนญุ าตตามวรรคหนง่ึ ประสงคจ ะเปลยี่ นตวั เภสชั กรใหย น่ื คาํ ขอตอ ผอู นญุ าต และจะเปลีย่ นตัวไดเมอื่ ไดรบั อนุญาตแลว มาตรา ๓๑ ใหผรู ับอนญุ าตผลิตวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบตั ิดงั ตอไปนี้ (๑) จัดใหมีการวิเคราะหวัตถุออกฤทธ์ิที่ผลิตขึ้นกอนนําออกจากสถานที่ผลิตโดยตองมี การวิเคราะหทุกคร้ังและมีหลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะหซ่ึงตองเก็บรักษาไวไมนอยกวา สบิ ปน บั แตว นั วิเคราะห

๑๐๓ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๒ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา (๒) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิต หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับวัตถุ ออกฤทธส์ิ ําหรับวตั ถตุ ํารบั ที่ผลติ ทงั้ นี้ ใหเปน ไปตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเง่อื นไขทค่ี ณะกรรมการ กาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๓) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิเ์ ปนสวนสดั จากยาหรือวัตถอุ ่ืน (๔) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ดําเนินการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขในการผลิตยา ตามกฎหมายวาดว ยยา มาตรา ๓๒ ใหผูรับอนุญาตผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ปฏิบัติ ดงั ตอไปน้ี (๑) จัดใหมีปายแสดงวาเปนสถานท่ีผลิตวัตถุออกฤทธิ์ กับปายแสดงช่ือและเวลาทําการ ของเภสัชกรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดงายจากภายนอกอาคาร ณ สถานที่ผลิต ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอความทแี่ สดงในปายใหเปนไปตามท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๒) จัดใหมีการวิเคราะหวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิตข้ึนกอนนําออกจากสถานที่ผลิตโดยตองมี การวิเคราะหทุกครั้งและมีหลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะหซ่ึงตองเก็บรักษาไวไมนอยกวา สิบปน บั แตวนั วเิ คราะห (๓) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิต หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับ วัตถุออกฤทธ์ิตามที่ไดข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับไว ทั้งน้ี ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๔) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถุออกฤทธเิ์ ปนสวนสัดจากยาหรอื วัตถอุ น่ื (๕) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการผลิตและการขายวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงอื่ นไขทีค่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๖) ดําเนินการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไขในการผลิตยา ตามกฎหมายวา ดวยยา มาตรา ๓๓ ใหผ รู ับอนุญาตขายวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติดังตอ ไปน้ี (๑) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผี่ รู บั อนญุ าต ผลิตหรอื นาํ เขา จัดไว (๒) จัดใหมกี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเ์ิ ปนสวนสดั จากยาหรือวตั ถุอื่น (๓) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา

๑๐๔ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๓ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๔ ใหผูรับอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ปฏิบัติ ดังตอ ไปนี้ (๑) จัดใหมีปายแสดงวาเปนสถานที่ขายวัตถุออกฤทธิ์กับปายแสดงชื่อและเวลาทําการ ของเภสชั กรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง า ยจากภายนอกอาคาร ณ สถานท่ขี าย ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอ ความท่แี สดงในปายใหเ ปน ไปตามทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผี่ รู บั อนญุ าต ผลติ หรอื นําเขา จดั ไว (๓) จัดใหมีการแยกเก็บวตั ถุออกฤทธิ์เปน สว นสดั จากยาหรอื วตั ถอุ ่นื (๔) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ทีค่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๕ ใหผ รู บั อนญุ าตนาํ เขา ซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏบิ ัติดงั ตอ ไปน้ี (๑) จัดใหมใี บรบั รองของผผู ลติ ซ่งึ แสดงรายละเอยี ดการวิเคราะหวตั ถอุ อกฤทธิท์ น่ี ําเขา (๒) จัดใหมฉี ลากสําหรับวัตถอุ อกฤทธิ์ทน่ี ําเขา หรอื จัดใหมีฉลากและเอกสารกาํ กับวตั ถุ ออกฤทธส์ิ าํ หรบั วตั ถตุ าํ รบั ทนี่ าํ เขา ทง้ั น้ี ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการ กําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๓) จดั ใหม กี ารแยกเก็บวัตถอุ อกฤทธิ์เปนสว นสดั จากยาหรือวัตถุอนื่ (๔) จัดใหมีการทําบัญชีเกี่ยวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอื่ นไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๖ ใหผ รู บั อนญุ าตนําเขา ซึ่งวัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏบิ ัติ ดังตอไปน้ี (๑) จดั ใหม ปี า ยแสดงวา เปน สถานทน่ี าํ เขา วตั ถอุ อกฤทธิ์ กบั ปา ยแสดงชอื่ และเวลาทาํ การ ของเภสชั กรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง า ยจากภายนอกอาคาร ณ สถานทน่ี าํ เขา ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอความทแี่ สดงในปา ยใหเ ปนไปตามทค่ี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) จดั ใหม ใี บรบั รองของผผู ลิตซ่งึ แสดงรายละเอียดการวเิ คราะหวตั ถอุ อกฤทธทิ์ ีน่ าํ เขา (๓) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธ์ิที่นําเขา หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับ วัตถุออกฤทธิ์ตามท่ีไดข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับไว ท้ังนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๔) จดั ใหม กี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเ์ิ ปนสว นสัดจากยาหรือวตั ถุอ่นื (๕) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาและการขายวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเงอ่ื นไขที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

๑๐๕ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๓๗ ใหผ รู ับอนุญาตสงออกซง่ึ วัตถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ปฏิบตั ิดังตอ ไปน้ี (๑) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซิ์ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผ่ี รู บั อนญุ าต ผลิตหรือนําเขาจดั ไว (๒) จัดใหม ีการแยกเกบ็ วตั ถุออกฤทธ์ิเปนสว นสัดจากยาหรือวัตถุอื่น (๓) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการและ เงอ่ื นไขท่คี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๘ ใหผ รู บั อนญุ าตสง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) จดั ใหม ปี า ยแสดงวา เปน สถานทส่ี ง ออกวตั ถอุ อกฤทธ์ิ กบั ปา ยแสดงชอ่ื และเวลาทาํ การ ของเภสัชกรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง ายจากภายนอกอาคาร ณ สถานท่สี ง ออก ลกั ษณะและขนาดของ ปา ยและขอ ความทแี่ สดงในปา ยใหเ ปน ไปตามทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผ่ี รู บั อนญุ าต ผลติ หรือนําเขาจัดไว (๓) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วตั ถอุ อกฤทธเิ์ ปนสว นสดั จากยาหรือวตั ถุอน่ื (๔) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๙ บทบัญญัติมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๘ ไมใชบังคับแกผรู บั อนญุ าตผลิต นําเขา หรอื สงออกเพ่อื การ ศกึ ษาวจิ ยั หรอื กรณอี นื่ ตามความจาํ เปน เพอ่ื ประโยชนข องทางราชการตามทเี่ ลขาธกิ ารประกาศกาํ หนด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๔๐ ในกรณีท่ีใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทําลายในสาระสําคัญ ใหผูรับอนุญาต ยื่นคําขอรับใบแทนใบอนุญาตตอผูอนุญาตภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีไดทราบถึงการสูญหาย หรือถกู ทาํ ลายดงั กลา ว การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๑ ผูรับอนุญาตตองแสดงใบอนุญาตของตนไวโดยเปดเผยและเห็นไดงาย ณ สถานที่ท่รี ะบไุ วในใบอนุญาต มาตรา ๔๒ หามผูรับอนุญาตยาย เปล่ียนแปลงหรือเพ่ิมสถานที่ผลิต สถานท่ีขาย สถานท่นี ําเขา หรอื สถานท่เี กบ็ ซง่ึ วัตถอุ อกฤทธิ์ทุกประเภท เวน แตไดรับอนญุ าตจากผูอนุญาต การขออนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทก่ี าํ หนดใน กฎกระทรวง

๑๐๖ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๕ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๔๓ ภายใตบังคับมาตรา ๔๒ ในกรณีที่มีการเปล่ียนแปลงขอมูลตามรายการ ในใบอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๘๘ ใหผูรับอนุญาตย่ืนคําขอตอผูอนุญาตเพื่อแกไขรายการในใบอนุญาตดังกลาวภายในสามสิบวันนับแต วันทีม่ ีการเปลีย่ นแปลงขอมลู นั้น การขออนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทเี่ ลขาธกิ าร กาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๔๔ ผรู บั อนญุ าตผใู ดจะเลกิ กจิ การทไี่ ดร บั อนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหแ จง การเลิกกิจการเปนหนังสือใหผูอนุญาตทราบลวงหนา และใหถือวาใบอนุญาตสิ้นอายุต้ังแตวันท่ีเลิก กจิ การตามทีแ่ จงไวน นั้ ผรู บั อนญุ าตทเ่ี ลกิ กจิ การโดยมไิ ดป ฏบิ ตั ติ ามวรรคหนงึ่ ตอ งแจง การเลกิ กจิ การเปน หนงั สอื ใหผ อู นญุ าตทราบภายในสบิ หา วนั นบั แตว นั ทเี่ ลกิ กจิ การ และใหถ อื วา ใบอนญุ าตสน้ิ อายตุ งั้ แตว นั ทเ่ี ลกิ กจิ การ มาตรา ๔๕ ใหผ รู บั อนญุ าตซง่ึ ไดแ จง การเลกิ กจิ การ ไมต อ อายใุ บอนญุ าตหรอื ผอู นญุ าต ไมอ นญุ าตใหต อ อายใุ บอนญุ าต ทาํ ลายหรอื ขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ของตนที่เหลืออยูในสวนท่ีเกินกวาท่ีกฎหมายใหมีไวในครอบครอง ในกรณีท่ีขายใหขายแก ผูรับอนุญาตอ่ืนตามประเภทน้ัน หรือแกผูซึ่งผูอนุญาตเห็นสมควร ทั้งน้ี ภายในหกสิบวันนับแต วนั เลกิ กจิ การ วนั ทใ่ี บอนญุ าตสน้ิ อายหุ รอื วนั ทผี่ อู นญุ าตไมอ นญุ าตใหต อ อายใุ บอนญุ าต แลว แตก รณี เวน แตผอู นุญาตจะผอนผนั ขยายระยะเวลาตอไปอกี แตตอ งไมเ กินหกสบิ วนั ในกรณีท่ีผูรับอนุญาตไมปฏิบัติตามวรรคหน่ึง ใหวัตถุออกฤทธ์ิที่เหลืออยูตกเปนของ กระทรวงสาธารณสุข และใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายทําลาย หรอื นําไปใชประโยชนไ ดต ามระเบยี บทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ กาํ หนด มาตรา ๔๖ ถาผูรับอนุญาตตาย และทายาทหรือผูท่ีไดรับความยินยอมจากทายาท แสดงความจาํ นงตอ ผอู นญุ าตเพอ่ื ขอประกอบกจิ การทไ่ี ดร บั อนญุ าตนน้ั ตอ ไปภายในสามสบิ วนั นบั แต วนั ทผี่ รู บั อนุญาตตาย เมอื่ ผูอนุญาตตรวจสอบแลว เหน็ วาผูน นั้ มีคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๑๙ (๔) หรอื มาตรา ๒๒ แลวแตกรณี ใหผูแสดงความจํานงน้ันประกอบกิจการตอไปไดจนกวาใบอนุญาตส้ินอายุ และใหถ ือวาผแู สดงความจาํ นงเปน ผรู บั อนญุ าตตามพระราชบัญญตั นิ ้ีต้งั แตว ันทผ่ี รู ับอนุญาตตาย การแสดงความจํานงและการตรวจสอบ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ในกรณีท่ีไมมีการแสดงความจํานงเพ่ือขอประกอบกิจการตามวรรคหน่ึง ใหทายาท ผคู รอบครองวตั ถุออกฤทธน์ิ ้นั มหี นาที่ดาํ เนนิ การตามมาตรา ๔๕ ตอ ไป

๑๐๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๖ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๔๗ ผูรับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ หรือ มาตรา ๘๘ ผปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม หรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทย ชนั้ หน่ึง ซง่ึ มีวัตถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ไวในครอบครองในปรมิ าณไมเ กนิ ท่รี ัฐมนตรี ประกาศกําหนดตามมาตรา ๙๐ รวมทั้งกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทยหรือหนวยงาน ของรัฐตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด ที่ไดดําเนินกิจการเก่ียวกับการผลิต การขาย การนําเขา การสงออก การนําผาน หรือการมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิที่มิใชวัตถุตํารับยกเวน ตองเสนอรายงานเกีย่ วกบั การดาํ เนนิ กิจการดงั กลาวตอเลขาธกิ าร รายงานตามวรรคหนงึ่ ใหเ ปน ไปตามแบบและระยะเวลาทเี่ ลขาธกิ ารกาํ หนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา หมวด ๔ หนาทข่ี องเภสชั กร มาตรา ๔๘ ใหเภสัชกรผูมีหนาท่ีควบคุมการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ควบคมุ การผลิตวัตถอุ อกฤทธิใ์ หเ ปน ไปตามพระราชบัญญตั ินี้ (๒) ควบคมุ ใหมฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วัตถอุ อกฤทธ์ิตามมาตรา ๓๑ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเก็บวตั ถุออกฤทธเิ์ ปนสว นสดั จากยาหรอื วตั ถุอ่นื (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๕) ตองอยูประจําควบคมุ กิจการตลอดเวลาทเี่ ปดทําการ มาตรา ๔๙ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การผลติ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบัติดังตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การผลติ วัตถอุ อกฤทธิใ์ หเปน ไปตามพระราชบัญญตั ินี้ (๒) ควบคุมใหม ฉี ลากและเอกสารกํากับวตั ถอุ อกฤทธ์ติ ามมาตรา ๓๒ (๓) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิเ์ ปนสว นสดั จากยาหรือวัตถอุ นื่ (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๕) ตอ งอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทีเ่ ปด ทําการ มาตรา ๕๐ ใหเภสัชกรผูมีหนาท่ีควบคุมการขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติ ดงั ตอ ไปนี้

๑๐๘ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา (๑) ควบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธิ์ใหเ ปน ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามมาตรา ๓๓ (๑) (๓) ควบคุมใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปน สวนสดั จากยาหรอื วัตถอุ นื่ (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๕) ตอ งอยูป ระจําควบคุมกจิ การตลอดเวลาทเี่ ปดทําการ มาตรา ๕๑ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบตั ิดังตอ ไปนี้ (๑) ควบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธิใ์ หเ ปนไปตามพระราชบัญญตั นิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๔ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปนสว นสัดจากยาหรือวัตถอุ น่ื (๔) ควบคมุ การปรงุ หรอื การแบง บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธใ์ิ หเ ปน ไปตามใบสง่ั ยาของผปู ระกอบ วชิ าชพี ตาม (๕) (๕) ดูแลใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีปรุงหรือแบงบรรจุตามใบสั่งยาของผูประกอบ วิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช้ันหน่ึง ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๖) ควบคุมการสงมอบวัตถุออกฤทธิ์ใหถูกตองตามใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพ ตาม (๕) (๗) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๘) ควบคุมมิใหมีการขายวัตถุออกฤทธ์ิแกผูซ่ึงไมมีใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพ ตาม (๕) หรอื แกผซู งึ่ ไมไดร บั ใบอนุญาตผลิต ขายหรือนาํ เขาซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธิ์ (๙) ตองอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทีเ่ ปด ทําการ มาตรา ๕๒ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การนาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) ควบคุมการนําเขา วตั ถุออกฤทธ์ิใหเปน ไปตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๕ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเิ์ ปนสวนสดั จากยาหรือวตั ถุอน่ื (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอื่ นไขท่คี ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา

๑๐๙ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา (๕) ตองอยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การตลอดเวลาท่ีเปดทําการ มาตรา ๕๓ ใหเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมการนําเขาซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือ ประเภท ๔ ปฏิบัติดังตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การนําเขาวัตถอุ อกฤทธ์ใิ หเ ปน ไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๖ (๓) (๓) ควบคุมใหม ีการแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปนสวนสดั จากยาหรอื วตั ถอุ ่นื (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่อื นไขทีค่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ตอ งอยูป ระจาํ ควบคุมกิจการตลอดเวลาทเ่ี ปดทาํ การ มาตรา ๕๔ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ควบคุมการสง ออกวัตถอุ อกฤทธิใ์ หเปนไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๗ (๑) (๓) ควบคมุ ใหมีการแยกเก็บวัตถุออกฤทธเ์ิ ปน สวนสัดจากยาหรือวตั ถุอื่น (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่อื นไขที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ตอ งอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทเี่ ปดทาํ การ มาตรา ๕๕ ใหเภสชั กรผมู ีหนา ท่คี วบคมุ การสง ออกซึ่งวัตถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบตั ดิ งั ตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การสงออกวัตถอุ อกฤทธ์ใิ หเปน ไปตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๘ (๒) (๓) ควบคุมใหม กี ารแยกเกบ็ วตั ถอุ อกฤทธิ์เปนสวนสดั จากยาหรอื วัตถุอืน่ (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๕) ตองอยูประจําควบคุมกิจการตลอดเวลาที่เปด ทาํ การ มาตรา ๕๖ ในกรณีที่เภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการไมประสงคจะปฏิบัติหนาที่ตอไป ใหเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการน้ันแจงเปนหนังสือใหผูอนุญาตทราบภายในเจ็ดวันนับแตวันท่ีพน หนาที่

๑๑๐ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๙ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๕ วตั ถอุ อกฤทธิท์ ห่ี า มผลติ ขาย นาํ เขา หรือสงออก มาตรา ๕๗ หา มผูใดผลิต ขาย นาํ เขาหรือสง ออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิ ดังตอไปนี้ (๑) วัตถอุ อกฤทธป์ิ ลอม (๒) วัตถอุ อกฤทธิ์ผิดมาตรฐาน (๓) วตั ถุออกฤทธ์เิ สื่อมคุณภาพ (๔) วัตถุออกฤทธ์ทิ ่ตี องข้นึ ทะเบยี นวัตถตุ าํ รบั แตม ิไดข ้ึนทะเบยี นไว (๕) วัตถอุ อกฤทธท์ิ รี่ ฐั มนตรีส่งั เพกิ ถอนทะเบยี นวตั ถุตํารบั มาตรา ๕๘ วัตถอุ อกฤทธิห์ รอื สิ่งตอไปน้ี ใหถ ือวาเปน วตั ถอุ อกฤทธ์ปิ ลอม (๑) สงิ่ ทท่ี ําเทียมวตั ถุออกฤทธิ์ทัง้ หมดหรอื แตบ างสวน (๒) วัตถุออกฤทธิ์ท่ีแสดงช่ือวาเปนวัตถุออกฤทธิ์อ่ืนหรือแสดงเดือนปท่ีวัตถุออกฤทธิ์ สน้ิ อายุ ซง่ึ ไมใชความจริง (๓) วตั ถอุ อกฤทธทิ์ แี่ สดงชอื่ หรอื เครอ่ื งหมายของผผู ลติ หรอื ทต่ี งั้ ของสถานทผ่ี ลติ ซง่ึ ไมใ ช ความจริง (๔) วัตถุออกฤทธิ์หรือสิ่งที่แสดงวาเปนวัตถุออกฤทธ์ิตามที่กําหนดไวในประกาศของ รฐั มนตรีตามมาตรา ๗ (๑) หรือตามตาํ รบั ของวัตถตุ ํารับทข่ี ึ้นทะเบยี นไวซ่งึ ไมใชค วามจริง (๕) วัตถุออกฤทธ์ิท่ีผลิตข้ึนไมถูกตองตามมาตรฐานถึงขนาดสารออกฤทธิ์ขาด หรอื เกนิ กวา รอ ยละสบิ ของปรมิ าณทก่ี าํ หนดไวไ ปจากเกณฑต าํ่ สดุ หรอื สงู สดุ ตามทก่ี าํ หนดไวใ นประกาศ ของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรือตามตํารบั ของวัตถตุ าํ รบั ท่ขี ้ึนทะเบียนไว มาตรา ๕๙ วตั ถอุ อกฤทธ์ิตอไปนี้ ใหถือวา เปน วัตถอุ อกฤทธิ์ผดิ มาตรฐาน (๑) วตั ถุออกฤทธทิ์ ผี่ ลิตข้นึ ไมถูกตองตามมาตรฐานโดยมสี ารออกฤทธข์ิ าดหรอื เกินจาก เกณฑตา่ํ สดุ หรือสงู สุด ตามทก่ี าํ หนดไวในประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรอื ตามตาํ รบั ของ วัตถตุ ํารับทข่ี น้ึ ทะเบยี นไว แตไ มถ ึงขนาดทีร่ ะบุไวในมาตรา ๕๘ (๕) (๒) วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ผี่ ลติ ขน้ึ โดยมคี วามบรสิ ทุ ธห์ิ รอื ลกั ษณะอน่ื ซง่ึ มคี วามสาํ คญั ตอ คณุ ภาพ ของวตั ถอุ อกฤทธผ์ิ ดิ ไปจากเกณฑท กี่ าํ หนดไวใ นประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรอื ตามตาํ รบั ของวัตถตุ ํารบั ทีข่ น้ึ ทะเบยี นไว มาตรา ๖๐ วัตถุออกฤทธิ์ตอไปน้ี ใหถือวา เปนวัตถุออกฤทธเ์ิ ส่อื มคุณภาพ (๑) วัตถุออกฤทธ์ิท่สี ้ินอายุตามท่แี สดงไวใ นฉลากซงึ่ ขึ้นทะเบยี นวตั ถุตํารับไว (๒) วัตถุออกฤทธ์ิที่แปรสภาพจนมีลักษณะเชนเดียวกับวัตถุออกฤทธ์ิปลอมตาม มาตรา ๕๘ (๕) หรอื วตั ถุออกฤทธิผ์ ดิ มาตรฐานตามมาตรา ๕๙

๑๑๑ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๖๑ หามผูใดขายวัตถุออกฤทธิ์ต้ังแตสองชนิดข้ึนไปหรือขายวัตถุออกฤทธิ์ และยารวมกนั หลายขนาน โดยจดั เปนชุดไวลวงหนา เพ่ือประโยชนทางการคา หมวด ๖ การข้นึ ทะเบยี นวัตถุตํารบั มาตรา ๖๒ ผรู บั อนญุ าตผลติ หรอื นําเขาซึง่ วัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ จะผลติ หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถตุ าํ รบั ทมี่ วี ตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา ว ตอ งขอขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั นน้ั ตอ ผอู นญุ าต กอนและเมอื่ ไดร บั ใบสาํ คญั การขนึ้ ทะเบียนวัตถุตาํ รบั แลวจงึ จะผลติ หรอื นาํ เขา ซ่งึ วัตถตุ าํ รับนน้ั ได การขอข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับและการออกใบสําคัญการข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไป ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเง่อื นไขทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง ความในวรรคหนงึ่ ไมใ ชบ งั คบั แกผ รู บั อนญุ าตผลติ หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ทไ่ี ดร บั อนญุ าตใหผ ลติ หรอื นาํ เขา ตวั อยา งของวตั ถตุ าํ รบั ทจ่ี ะขอขนึ้ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั การขออนุญาตและการอนุญาตใหผลิตหรือนําเขาตัวอยางของวัตถุตํารับ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง การพจิ ารณาออกใบสาํ คัญตามวรรคหนึ่ง ใหผขู อข้นึ ทะเบียนวัตถตุ ํารบั เปน ผรู บั ผิดชอบ ชาํ ระคา ใชจ า ยในการตรวจวเิ คราะหห รอื ประเมนิ เอกสารทางวชิ าการ ตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๖๓ การขอขน้ึ ทะเบียนวัตถุตํารบั ตามมาตรา ๖๒ ตองแจง รายการ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) ชอ่ื วัตถตุ าํ รบั (๒) ช่ือและปรมิ าณของวัตถตุ า ง ๆ อันเปนสว นประกอบของวตั ถุตํารบั (๓) ขนาดบรรจุ (๔) วธิ วี ิเคราะหมาตรฐานของสว นประกอบของวัตถตุ าํ รับ (๕) ฉลาก (๖) เอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธ์ิ (๗) ชื่อผผู ลติ และประเทศท่ีสถานท่ผี ลติ ต้ังอยู (๘) รายการอื่นตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาํ หนด การแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากหรือเอกสารกํากับวัตถุออกฤทธ์ิ ใหเปนไปตาม หลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖๔ การแกไ ขรายการทะเบียนวัตถุตาํ รบั ที่ข้ึนทะเบียนไวแลว ตอ งไดรบั อนญุ าต เปน หนงั สอื จากผูอ นญุ าต

๑๑๒ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๑ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา การขอแกไขรายการและการอนุญาตแกไขรายการทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไปตาม หลกั เกณฑ วธิ กี ารและเง่ือนไขท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๕ ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจไมรับขึ้นทะเบียน วตั ถตุ ํารับในกรณดี งั ตอ ไปนี้ (๑) การขอขนึ้ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ทไี่ มเ ปน ไปตามมาตรา ๖๓ หรอื ตามกฎกระทรวงทอ่ี อก ตามมาตรา ๖๒ (๒) วตั ถตุ ํารับท่ีขอขึน้ ทะเบยี นไมเปน ที่เชือ่ ถือในสรรพคณุ หรืออาจไมป ลอดภยั แกผ ูใช (๓) วัตถุตํารับที่ขอข้ึนทะเบียนใชชื่อในทํานองโออวด ไมสุภาพหรืออาจทําใหเขาใจผิด จากความจรงิ (๔) วัตถุตํารับที่ขอขึ้นทะเบียนเปนวัตถุออกฤทธ์ิปลอมตามมาตรา ๕๘ หรือเปน วัตถตุ ํารบั ท่ีรัฐมนตรสี งั่ เพิกถอนตามมาตรา ๖๘ คําส่งั ไมร บั ขนึ้ ทะเบียนวตั ถุตาํ รบั ของผูอนุญาตใหเปน ทีส่ ุด มาตรา ๖๖ บทบัญญัติมาตรา ๖๕ ใหใชบังคับแกการแกไขรายการทะเบียนวัตถุตํารับ โดยอนโุ ลม มาตรา ๖๗ ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับใหมีอายุหาปนับแตวันท่ีออกใบสําคัญ ถาผูรับใบสําคัญประสงคจะขอตออายุใบสําคัญ จะตองย่ืนคําขอกอนใบสําคัญส้ินอายุ เมื่อไดยื่น คําขอแลว จะประกอบกิจการตอไปกไ็ ดจ นกวา จะไดม ีคาํ ส่งั ไมตอ อายุใบสาํ คญั นนั้ การขอตออายุและการตออายุใบสําคัญ การข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไปตาม หลักเกณฑ วิธกี ารและเงอ่ื นไขที่กําหนดในกฎกระทรวง ในกรณีท่ีผูขอตออายุใบสําคัญไมไดรับอนุญาตใหตออายุใบสําคัญ ใหนําความใน มาตรา ๒๕ มาใชบงั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๖๘ เม่ือคณะกรรมการเห็นวาวัตถุตํารับใดท่ีไดข้ึนทะเบียนไวแลวน้ัน ตอมา ปรากฏวา ไมม สี รรพคณุ ตามทขี่ น้ึ ทะเบยี นไว หรอื อาจไมป ลอดภยั แกผ ใู ช หรอื เปน วตั ถอุ อกฤทธป์ิ ลอม หรือใชช่ือผิดไปจากที่ข้ึนทะเบียนไว ใหคณะกรรมการเสนอตอรัฐมนตรี และใหรัฐมนตรีมีอํานาจ ส่งั เพิกถอนทะเบยี นวตั ถุตาํ รับนนั้ โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา คําสัง่ ของรัฐมนตรีใหเ ปน ท่สี ุด มาตรา ๖๙ ในกรณที ใ่ี บสาํ คญั การขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั สญู หายหรอื ถกู ทาํ ลายในสาระ สําคัญ ใหผูรับอนุญาตย่ืนคําขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับตอผูอนุญาตภายใน สิบหา วันนบั แตวนั ท่ไี ดท ราบถึงการสญู หายหรอื ถูกทาํ ลายดงั กลาว การขอรบั ใบแทนใบสาํ คญั การขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั และการออกใบแทนใบสาํ คญั การขน้ึ ทะเบียนวตั ถุตํารับ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเง่อื นไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง

๑๑๓ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา หมวด ๗ การโฆษณา มาตรา ๗๐ หามผใู ดโฆษณาวตั ถุออกฤทธ์ิ เวน แต (๑) เปนฉลากหรือเอกสารกํากับวัตถุออกฤทธิ์ที่ภาชนะหรือหีบหอบรรจุวัตถุออกฤทธ์ิ หรือ (๒) เปนการโฆษณาซ่ึงกระทําโดยตรงตอผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพ ทนั ตกรรม ผูประกอบวิชาชพี เภสชั กรรมหรือผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยชัน้ หนึ่ง การโฆษณาตาม (๒) ในกรณีท่ีเปนเอกสาร ภาพ ภาพยนตร ส่ืออิเล็กทรอนิกส หรือการบนั ทึกเสยี งหรอื ภาพ ตองไดร ับใบอนญุ าตจากผูอนุญาตกอ นจงึ จะใชโ ฆษณาได การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคสอง ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๗๑ ในกรณีท่ีผูอนุญาตเห็นวาการโฆษณาใดฝาฝนมาตรา ๗๐ วรรคสอง หรือ มีการใชขอความโฆษณาซ่ึงไมเปนไปตามท่ีไดรับอนุญาตจากผูอนุญาต ใหผูอนุญาตมีอํานาจออก คําส่งั อยา งหนงึ่ อยางใด ดงั ตอไปน้ี (๑) หามการโฆษณาหรือหามใชวธิ ีการนัน้ ในการโฆษณา (๒) หา มการใชขอความบางอยางท่ปี รากฏในการโฆษณา (๓) ใหแกไขขอ ความหรือวิธีการในการโฆษณา (๔) ใหโฆษณาเพอ่ื แกไขความเขาใจผิดท่อี าจเกดิ ขน้ึ ในการออกคําสั่งตาม (๔) ใหผูอนุญาตกําหนดหลักเกณฑและวิธีการโฆษณา โดยคาํ นึงถึงประโยชนข องประชาชนกบั ความสจุ ริตในการกระทําของผูทาํ การโฆษณา มาตรา ๗๒ ในกรณีที่ผูไดรับคําส่ังของผูอนุญาตตามมาตรา ๗๑ ไมเห็นดวยกับคําสั่ง ดงั กลาวใหม ีสทิ ธอิ ทุ ธรณต อคณะกรรมการได มาตรา ๗๓ การอุทธรณตามมาตรา ๗๒ ใหยื่นตอคณะกรรมการภายในสิบส่ีวันนับแต วนั ท่ีผูอทุ ธรณไดรับทราบคาํ สัง่ ของผูอนญุ าต หลกั เกณฑก ารยน่ื อทุ ธรณแ ละวธิ พี จิ ารณาอทุ ธรณ ใหเ ปน ไปตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศกาํ หนด การอทุ ธรณค าํ สงั่ ตามวรรคหนงึ่ ไมเ ปน การทเุ ลาการบงั คบั ตามคาํ สงั่ ของผอู นญุ าต เวน แต คณะกรรมการจะสง่ั เปน อยา งอน่ื เปนการช่วั คราวกอ นการวนิ จิ ฉยั อุทธรณ คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการใหเ ปน ทีส่ ุด

๑๑๔ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๘ พนักงานเจาหนาที่ มาตรา ๗๔ ในการปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหพ นกั งานเจา หนา ทมี่ อี าํ นาจหนา ท่ี ดงั ตอ ไปนี้ (๑) เขา ไปในสถานทที่ าํ การของผรู บั อนญุ าตนาํ เขา หรอื สง ออก สถานทผี่ ลติ สถานทข่ี าย สถานท่ีเก็บวัตถุออกฤทธิ์หรือสถานที่ท่ีตองไดรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ี ในเวลาทําการของ สถานท่นี ้นั เพ่อื ตรวจสอบการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เขาไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพ่ือตรวจคนเมื่อมีเหตุเช่ือไดตามสมควรวา มีทรัพยสิน ซ่ึงมีไวเปนความผิดหรือไดมาโดยการกระทําความผิด หรือไดใชหรือจะใชในการกระทํา ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี หรือซ่ึงอาจใชเปนพยานหลักฐานได ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อวา เน่ืองจากการเนิ่นชากวาจะเอาหมายคนมาได ทรัพยสินน้ันจะถูกโยกยาย ซุกซอน ทําลายหรือ ทําใหเปล่ียนสภาพไปจากเดมิ (๓) คนบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยวามีวัตถุออกฤทธ์ิซุกซอนอยู โดยไมช อบดว ยกฎหมาย (๔) ยึดหรืออายัดวัตถุออกฤทธ์ิท่ีมีไวโดยไมชอบดวยกฎหมาย หรือทรัพยสินอื่นใดที่ได ใชหรือจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (๕) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาใหถอยคํา หรือใหสงเอกสารหรือวัตถุใดมาเพื่อประกอบ การพิจารณา การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง (๒) ใหพนักงานเจาหนาท่ีผูคนปฏิบัติตามระเบียบท่ี คณะกรรมการกําหนดและแสดงความบริสุทธิ์กอนการเขาคน รายงานเหตุผลและผลการตรวจคนตอ ผูบังคบั บัญชาและผอู นุมตั ติ ามวรรคสาม บนั ทึกเหตุอนั ควรเช่ือตามสมควร และใหพนกั งานเจา หนา ท่ี แสดงเอกสารเพื่อแสดงตนและเอกสารท่ีแสดงอํานาจในการตรวจคน รวมทั้งเหตุอันควรเช่ือที่ทําให สามารถเขา คน ไดเ ปน หนงั สอื ใหไ วแ กผ คู รอบครองเคหสถาน สถานทค่ี น เวน แตไ มม ผี คู รอบครองอยู ณ ท่นี ัน้ ใหพนักงานเจาหนา ท่ีผูคน สงมอบสาํ เนาเอกสารและหนงั สอื นัน้ ใหแ กผคู รอบครองดงั กลา วทันที ท่ีกระทําได และหากเปนการเขาคนในเวลากลางคืนพนักงานเจาหนาท่ีผูเปนหัวหนาในการเขาคน ตอ งเปน ขา ราชการพลเรอื นตงั้ แตร ะดบั ชาํ นาญการขน้ึ ไป หรอื ขา ราชการตาํ รวจตาํ แหนง ตงั้ แตส ารวตั ร หรอื เทียบเทา ซ่งึ มยี ศตง้ั แตพ นั ตํารวจโทขึ้นไป พนักงานเจาหนาที่ตําแหนงใดหรือระดับใดจะมีอํานาจหนาท่ีตามท่ีไดกําหนดไวตาม วรรคหนง่ึ ทง้ั หมดหรือแตบางสว น หรอื จะตองไดรับอนมุ ัตจิ ากบุคคลใดกอ นดาํ เนนิ การ ใหเ ปนไปตาม

๑๑๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา ที่รัฐมนตรีกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ โดยมีเอกสารมอบหมายใหไวประจําตัวพนักงาน เจา หนา ท่ผี ไู ดรบั มอบหมายนัน้ มาตรา ๗๕ ในการปฏิบัติการของพนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา ๗๔ (๑) และ (๒) ใหพ นกั งานเจา หนา ทมี่ อี าํ นาจนาํ วตั ถอุ อกฤทธจิ์ ากสถานทน่ี น้ั ในปรมิ าณพอสมควรไปเพอ่ื เปน ตวั อยา ง ในการตรวจสอบหรอื วเิ คราะห และหากปรากฏวา วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ ดเปน วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ไี่ มป ลอดภยั หรอื อาจเปน อนั ตรายตอผใู ช ใหป ระกาศผลการตรวจสอบหรอื วิเคราะหค ุณภาพของวตั ถุออกฤทธิท์ ่นี าํ ไป ตรวจสอบหรือวิเคราะหน้ันใหประชาชนทราบตามวิธีการที่เห็นสมควร โดยไดรับความเห็นชอบ จากเลขาธิการ เพื่อประโยชนแกการคุมครองความปลอดภัยของผูใชวัตถุออกฤทธ์ิ ในกรณีท่ีปรากฏตอ พนักงานเจาหนาท่ีอันเช่ือไดวาวัตถุออกฤทธ์ิใดเปนวัตถุออกฤทธิ์ที่ไมปลอดภัยหรืออาจเปนอันตราย ตอผูใช ใหพนักงานเจาหนาที่เก็บวัตถุออกฤทธ์ิดังกลาวไว หรือส่ังใหผูรับอนุญาตงดผลิต ขาย นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธิ์ จดั เกบ็ วตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา วกลบั คนื มาภายในระยะเวลาทพ่ี นกั งาน เจาหนาท่ีกําหนด และอาจสั่งทําลายวัตถุออกฤทธิ์ดังกลาวเสียได ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๗๖ ในการปฏบิ ตั หิ นา ทต่ี ามพระราชบญั ญตั นิ ี้ พนกั งานเจา หนา ทตี่ อ งแสดงบตั ร ประจาํ ตวั ตอ ผูร ับอนุญาตหรือบุคคลทีเ่ กี่ยวของ บตั รประจาํ ตัวพนกั งานเจา หนา ทใ่ี หเปนไปตามแบบท่ีรฐั มนตรีประกาศกาํ หนด มาตรา ๗๗ ในการปฏิบตั กิ ารของพนักงานเจาหนา ท่ีตามมาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ และ มาตรา ๗๙ วรรคสาม ใหผ ูรบั อนญุ าตและบุคคลทเ่ี ก่ยี วขอ งอํานวยความสะดวกตามสมควร มาตรา ๗๘ ในการปฏิบัติหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี ใหพนักงานเจาหนาที่เปน เจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๙ การพกั ใชใ บอนญุ าตและการเพกิ ถอนใบอนุญาต มาตรา ๗๙ ผรู บั อนญุ าตผใู ดฝา ฝน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ห้ี รอื กฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติน้ี ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจ สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตไดโ ดยมกี าํ หนดครง้ั ละไมเ กนิ หนงึ่ รอ ยแปดสบิ วนั แตใ นกรณมี กี ารฟอ งผรู บั อนญุ าต ตอศาลวาไดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ผูอนุญาตจะส่ังพักใชใบอนุญาตไวรอคําพิพากษา ถงึ ทสี่ ุดก็ได

๑๑๖ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๕ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณที ผี่ รู บั อนญุ าตผลติ ขาย หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ แลวแตกรณี ถูกสั่งพักใชใบอนุญาตตามกฎหมายวาดวยยา ใหผูอนุญาตสั่งพักใชใบอนุญาตตาม พระราชบญั ญตั ิน้ขี องผูรับอนุญาตดวย แลวแตก รณี ใหพนักงานเจา หนา ท่อี ายัดวัตถอุ อกฤทธทิ์ เี่ หลือของผถู กู พกั ใชใบอนุญาตไว ณ สถานท่ี ทําการของผรู ับอนญุ าต ผูถูกสั่งพักใชใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ ในระหวางถูกสั่งพักใชใบอนุญาต อกี ไมไ ด มาตรา ๘๐ ผูรับอนุญาตผูใดขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ (๔) หรือมาตรา ๒๒ (๑) หรือไมจัดใหมีเภสัชกรอยูประจําควบคุมกิจการตลอดเวลาที่เปดทําการตามมาตรา ๓๐ วรรคหน่ึง ผอู นญุ าตโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสัง่ เพกิ ถอนใบอนญุ าตได ผูถูกส่ังเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ อีกไมไดจนกวาจะพนสองปนับแต วันทถ่ี ูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต มาตรา ๘๑ คาํ สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตและคาํ สง่ั เพกิ ถอนใบอนญุ าตใหท าํ เปน หนงั สอื แจง ให ผรู บั อนญุ าตทราบ ในกรณไี มพ บตวั ผรู บั อนญุ าตหรอื ผรู บั อนญุ าตไมย อมรบั คาํ สงั่ ดงั กลา ว ใหป ด คาํ สง่ั ไวในท่ีเปดเผยและเห็นไดงาย ณ สถานท่ีซึ่งระบุไวในใบอนุญาต และใหถือวาผูรับอนุญาตไดทราบ คําส่งั น้ันแลวต้งั แตว นั ท่ีรบั หรอื ปด คําสั่ง แลวแตกรณี คาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตและคาํ สงั่ เพกิ ถอนใบอนญุ าตตามวรรคหนงึ่ จะโฆษณาในหนงั สอื พมิ พ หรือโดยวธิ อี ืน่ อีกดว ยกไ็ ด มาตรา ๘๒ ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจส่ังยกเลิกคําส่ัง พกั ใชใ บอนญุ าตกอ นกาํ หนดเวลาได เมอื่ เปน ทพ่ี อใจวา ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ถกู สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตไดป ฏบิ ตั ิ ตามพระราชบัญญตั นิ ี้ หรือกฎกระทรวงหรอื ประกาศที่ออกตามพระราชบัญญตั ินแ้ี ลว มาตรา ๘๓ ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ถกู สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื เพกิ ถอนใบอนญุ าตมสี ทิ ธอิ ทุ ธรณ ตอ รฐั มนตรภี ายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทที่ ราบคาํ สง่ั รฐั มนตรมี อี าํ นาจสงั่ ใหย กอทุ ธรณ ยกเลกิ คาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื คาํ สง่ั เพกิ ถอนใบอนญุ าต หรอื แกไ ขคาํ สง่ั ของผอู นญุ าตในทางทเี่ ปน คณุ แกผ อู ทุ ธรณไ ด คาํ วินิจฉยั ของรัฐมนตรีใหเ ปนทีส่ ดุ การอทุ ธรณต ามวรรคหนงึ่ ไมเ ปน การทเุ ลาการบงั คบั ตามคาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื คาํ สง่ั เพิกถอนใบอนุญาต มาตรา ๘๔ ผูถูกส่ังเพิกถอนใบอนุญาตตองทําลายหรือขายวัตถุออกฤทธ์ิของตน ทเี่ หลอื อยใู นสว นทเ่ี กนิ กวา ทกี่ ฎหมายใหม ไี วใ นครอบครอง ในกรณที ข่ี ายใหข ายแกผ รู บั อนญุ าตอน่ื หรอื แก ผซู ึง่ ผอู นญุ าตเหน็ สมควร ทั้งนี้ ภายในหกสบิ วนั นับแตว นั ท่ีไดทราบคําส่งั เพิกถอนใบอนุญาตหรือวัน ท่ีไดทราบคําวินิจฉัยของรัฐมนตรี เวนแตผูอนุญาตจะผอนผันขยายระยะเวลาตอไปอีกแตตองไมเกิน หกสิบวนั

๑๑๗ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณีท่ีผูถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไมปฏิบัติตามวรรคหน่ึง ใหวัตถุออกฤทธ์ิท่ีเหลืออยู ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหก ระทรวงสาธารณสขุ หรอื ผซู ง่ึ กระทรวงสาธารณสขุ มอบหมาย ทําลายหรือนําไปใชป ระโยชนไดตามระเบียบทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ กําหนด หมวด ๑๐ มาตรการควบคมุ พเิ ศษ มาตรา ๘๕ ใหถือวาวัตถุตํารับที่มีวัตถุออกฤทธ์ิในประเภทหน่ึงประเภทใดปรุงผสมอยู เปน วัตถุออกฤทธ์ิในประเภทนนั้ ดวย มาตรา ๘๖ ในกรณีท่ีวัตถุตํารับมีวัตถุออกฤทธ์ิอันระบุอยูในประเภทตางกันมากกวา หน่ึงประเภทผสมอยู ใหถือวาวัตถุตํารับน้ันเปนวัตถุออกฤทธ์ิในประเภทที่มีการควบคุมเขมงวดท่ีสุด ในบรรดาวตั ถุออกฤทธิท์ ่ผี สมอยูน้นั มาตรา ๘๗ รฐั มนตรอี าจประกาศกาํ หนดใหว ตั ถตุ าํ รบั ใดซง่ึ มลี กั ษณะดงั ตอ ไปนเี้ ปน วตั ถุ ตาํ รับยกเวน ได ทงั้ น้ี ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง (๑) มีวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อยางหนึ่งอยางใด หรือหลายอยา งปรงุ ผสมอยู (๒) มีลักษณะทไ่ี มอ าจกอ ใหเกดิ การใชทผี่ ิดทาง (๓) ไมส ามารถจะแยกสกัดเอาวตั ถุออกฤทธ์ทิ ีม่ ีอยใู นวตั ถตุ ํารับนั้นกลับมาใชในปรมิ าณ ท่จี ะทําใหเกดิ การใชท ่ผี ิดทาง และ (๔) ไมก อใหเ กดิ อันตรายทางดานสขุ ภาพและสงั คมได วตั ถตุ าํ รบั ยกเวน ทปี่ ระกาศตามวรรคหนง่ึ รฐั มนตรอี าจประกาศเพกิ ถอนไดเ มอื่ ปรากฏวา วัตถุตํารบั นน้ั ไมต รงลักษณะท่กี ําหนดไว มาตรา ๘๘ หามผูใดมีไวในครอบครองหรือใชประโยชนซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท เวนแตไดร ับใบอนญุ าตจากผอู นุญาต การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง การมีวัตถุออกฤทธิ์ช่ือและประเภทใดไวในครอบครองซึ่งคํานวณเปนสารบริสุทธิ์เกิน ปรมิ าณทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง ใหสันนษิ ฐานวา มไี วในครอบครองเพอ่ื ขาย มาตรา ๘๙ บทบญั ญตั ิมาตรา ๘๘ วรรคหน่ึง ไมใชบ ังคบั แก (๑) การมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนซ ง่ึ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภทสาํ หรบั กจิ การของ ผูร บั อนุญาตผลติ ขาย นาํ เขา สง ออกหรือนําผา นซ่ึงวัตถอุ อกฤทธิป์ ระเภทน้ัน ๆ

๑๑๘ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) การมไี วใ นครอบครองของบคุ คลในปรมิ าณพอสมควรเพอ่ื การเสพ การรบั เขา รา งกาย หรอื การใชด ว ยวธิ อี น่ื ใดซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ทงั้ นี้ ตอ งเปน ไปตาม คาํ สงั่ ของผปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรมหรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทย ช้ันหนึ่ง ท่ีเกี่ยวกับการวิเคราะห บําบัด บรรเทา รักษาหรือปองกันโรคหรือความเจ็บปวยของบุคคล หรอื สัตวน้ัน (๓) การมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนต ามหนา ทซี่ งึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ของกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรอื หนว ยงานของรฐั ตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศ กาํ หนด (๔) การมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ในปริมาณเทาที่จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะ ทใ่ี ชในการขนสง สาธารณะระหวา งประเทศ ซ่ึงไมไ ดจดทะเบยี นในราชอาณาจักร มาตรา ๙๐ ในกรณที เี่ หน็ สมควรรฐั มนตรจี ะประกาศกาํ หนดวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ท่ีใหผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพ การสตั วแพทยช น้ั หนง่ึ มไี วใ นครอบครองในปรมิ าณทรี่ ฐั มนตรกี าํ หนดโดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการ โดยไมตองขออนญุ าตกไ็ ด มาตรา ๙๑ หา มผูใ ดเสพวัตถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๑ มาตรา ๙๒ หา มผูใดเสพวัตถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ เวนแตเปน การเสพตามคําส่งั ของ ผปู ระกอบวิชาชพี เวชกรรมหรือผูป ระกอบวิชาชีพทนั ตกรรม เพื่อประโยชนใ นการรกั ษาพยาบาลผนู ้นั มาตรา ๙๓ หา มผใู ดจงู ใจ ชกั นาํ ยยุ งสง เสรมิ ใชอ บุ ายหลอกลวง ขเู ขญ็ ใชอ าํ นาจครอบงาํ ผดิ คลองธรรมหรือใชวธิ ีขม ขืนใจดวยประการอนื่ ใดใหผ อู ่ืนเสพวัตถอุ อกฤทธิ์ ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมอาจแนะนําหรือส่ังใหผูอ่ืน เสพวัตถุออกฤทธ์ิเพอ่ื ประโยชนใ นการรักษาพยาบาลผนู นั้ ได มาตรา ๙๔ ในกรณจี าํ เปน และมเี หตอุ นั ควรเชอื่ ไดว า มบี คุ คลหรอื กลมุ บคุ คลใดเสพวตั ถุ ออกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ อนั เปน ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ใี้ นเคหสถาน สถานทใ่ี ด ๆ หรือยานพาหนะ ใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจหรือพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี มีอํานาจตรวจหรือทดสอบ หรือสั่งใหรับการตรวจหรือทดสอบวาบุคคลหรือกลุมบุคคลน้ันมีวัตถุ ออกฤทธิ์ดังกลาวอยใู นรา งกายหรอื ไม พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ตาํ แหนง ใด ระดับใด หรือช้ันยศใด จะมีอํานาจหนาที่ตามท่ีไดกําหนดไวตามวรรคหน่ึงทั้งหมดหรือแตบางสวน หรือจะตองไดรับอนุมัติจากบุคคลใดกอนดําเนินการ ใหเปนไปตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนดตาม

๑๑๙ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา คาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการโดยมเี อกสารทไี่ ดร บั มอบหมายประจาํ ตวั พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรือพนกั งานเจา หนาทผี่ ไู ดร ับมอบหมายนนั้ วธิ กี ารตรวจหรือการทดสอบตามวรรคหนงึ่ ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเง่อื นไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งน้ี ในประกาศดังกลาวอยางนอยตองมี มาตรการเกยี่ วกบั การแสดงความบรสิ ทุ ธข์ิ องพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ท่ี ในการปฏิบัติหนาที่ และมาตรการเก่ียวกับการหามเปดเผยผลการตรวจหรือทดสอบแกผูท่ีไมมีหนาที่ เก่ียวของในกรณีท่ีปรากฏผลในเบื้องตนเปนที่สงสัยวามีวัตถุออกฤทธ์ิอยูในรางกายจนกวาจะไดมีการ ตรวจยืนยนั ผลเปน ที่แนน อนแลว มาตรา ๙๕ ผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา สงออก นําผานหรือมีไวในครอบครอง หรือใชประโยชนซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิ ตองจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธ์ิสูญหาย หรือมีการนาํ ไปใชโดยมิชอบ มาตรา ๙๖ หา มผใู ดซง่ึ มใิ ชเ ภสชั กรทอี่ ยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การของสถานทผ่ี ลติ สถานทขี่ าย หรอื สถานทนี่ าํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธขิ์ ายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ หแ กผ อู น่ื ในสถานทนี่ นั้ เวน แตอ ยใู นความควบคมุ ดูแลอยา งใกลชดิ ของเภสัชกรประจาํ สถานที่นนั้ มาตรา ๙๗ ภายใตบังคับมาตรา ๙๘ เภสัชกรจะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ใหไดเฉพาะแกกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรือหนวยงานของรัฐตามที่ รัฐมนตรีประกาศกําหนด ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบ วิชาชีพการสตั วแพทยชัน้ หนง่ึ ผูที่มใี บส่ังยาของผปู ระกอบวชิ าชีพดังกลา ว หรอื ผูรบั อนญุ าตผลติ ขาย หรือมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ เทาน้ัน และตองจัดใหมีการ ลงบญั ชรี ายละเอยี ดการขายทกุ ครง้ั ตามแบบทค่ี ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ใบสั่งยาตามวรรคหนึ่งใหใชไดคร้ังเดียว เวนแตผูสั่งจะไดกําหนดไววาใหจายซ้ําได แตรวมกันตองไมเกินสามคร้ัง และจํานวนยาท่ีส่ังแตละครั้งตองไมเกินจํานวนที่จําเปนตองใชในเวลา ไมเ กนิ สามสิบวัน ใบส่ังยาแตละฉบบั ใหใชไดไ มเ กินเกาสิบวนั นบั แตวนั ท่อี อก มาตรา ๙๘ ในกรณที ไี่ มม สี ถานพยาบาลตามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาล สถานพยาบาล ของรัฐ สถานพยาบาลสัตวตามกฎหมายวาดวยสถานพยาบาลสัตว หรือสถานพยาบาลสัตวของรัฐ ซึ่งมีผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย ชนั้ หนง่ึ ใหก ารรกั ษาพยาบาลผปู ว ยหรอื สตั วป ว ยในปรมิ ณฑลหา กโิ ลเมตรนบั จากสถานทที่ ม่ี ใี บอนญุ าต ขายวตั ถอุ อกฤทธิ์ เภสชั กรทอี่ ยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การของสถานทขี่ ายนน้ั จะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ สําหรับผูปวยหรือสัตวปวยโดยไมตองมีใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพดังกลาวก็ได

๑๒๐ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๙ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา แตท้ังนี้จะขายสําหรับการใชแตละรายไดจํานวนไมเกินสามวันตอเดือน และตองจัดใหมีการลงบัญชี รายละเอยี ดการขายทุกคร้ังตามแบบทค่ี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๙๙ ในการสงมอบวัตถุออกฤทธ์ิตามมาตรา ๙๗ หรือมาตรา ๙๘ เภสัชกร ตอ งมอบคําเตือนหรือขอควรระวงั ตามประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๖) ใหแกผูซ อ้ื ดวย หมวด ๑๑ การคาระหวา งประเทศ มาตรา ๑๐๐ การนําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิของผูรับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๐ นอกจากจะตองไดรับใบอนุญาตตามมาตราดังกลาวแลว ในการนําเขา หรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิของผูรับอนุญาตในแตละคร้ังตองไดรับใบอนุญาตเฉพาะคราวทุกคร้ัง ที่นําเขาหรือสงออกอีกดวย ในกรณีที่ผูรับอนุญาตไมสามารถสงออกไดตามปริมาณท่ีระบุไวใน ใบอนุญาตเฉพาะคราวใหผูรับอนุญาตแจงไปยังเลขาธิการเพ่ือแกไขใบอนุญาตเฉพาะคราวใหถูกตอง ตามปรมิ าณทส่ี งออกจรงิ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๐๑ ในการนาํ เขา ซึ่งวตั ถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ ประเภท ๒ หรือประเภท ๓ ใหผูรับอนุญาตจัดใหมีสําเนาใบอนุญาตสงออกหรือสําเนาหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออกของ เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศทสี่ ง ออกนนั้ สง มาพรอ มกบั วตั ถอุ อกฤทธหิ์ นงึ่ ฉบบั และจดั ใหเ จา หนา ที่ ผูมีอํานาจของประเทศท่ีสงออกสงสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนาหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออก ไปยงั สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาดวย เมื่อเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศที่สงออกไดสงสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนา หนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออกตามวรรคหน่ึงมายังสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแลว ใหเจาหนาท่ีซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการสลักหลังสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนาหนังสือแสดงการ อนญุ าตใหสง ออกโดยแจง วนั เดอื นปและปรมิ าณที่แทจ รงิ ของวตั ถุออกฤทธิ์ท่นี ําเขา และสง สาํ เนานนั้ กลับไปใหเจาหนาที่ของประเทศผูออกใบอนุญาตหรือหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออก พรอมท้ัง จัดทาํ สาํ เนาเกบ็ รักษาไวท ส่ี าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาหนึง่ ฉบบั มาตรา ๑๐๒ ในการสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ ใหผ รู บั อนญุ าต นาํ ใบอนญุ าตนาํ เขา ของเจา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศนน้ั มามอบใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหาร และยากอนจึงจะไดร บั การพิจารณาออกใบอนุญาตเฉพาะคราวเพื่อสง ออก และในการสงออกใหผรู บั อนญุ าตแนบสําเนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวไปพรอ มกบั วตั ถุออกฤทธ์ิท่สี ง ออกดวยหน่งึ ฉบับ

๑๒๑ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอ่ื สง ออก ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธไิ์ ปยงั เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศผรู บั นน้ั ดว ย เพอ่ื ใหเ จา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศ ผูรบั จดั สงกลับมาและใหเ ลขาธกิ ารจัดใหม ีการตรวจสอบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวท่สี งกลับมาน้นั มาตรา ๑๐๓ ในการนําผานซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธิใ์ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ ผรู ับอนุญาต ตองมีใบอนุญาตสงออกของเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของประเทศที่สงออกนั้นมาพรอมกับวัตถุออกฤทธ์ิ และตอ งแจง ใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะทใ่ี ชบ รรทกุ ทราบกอ นผา นเขา มาในราชอาณาจกั ร และใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะน้ันจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธ์ิสูญหายหรือมีการนําเอาวัตถุ ออกฤทธิ์ที่อยูในยานพาหนะนนั้ ไปใชโ ดยมิชอบ ในกรณที ม่ี กี ารขนถา ยวตั ถอุ อกฤทธอิ์ อกจากยานพาหนะทใ่ี ชบ รรทกุ ไปยงั ยานพาหนะอน่ื ใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะทใี่ ชบ รรทกุ มานนั้ แจง ใหเ จา หนา ทศี่ ลุ กากร ณ ทนี่ น้ั ทราบกอ น และใหเ จา หนา ที่ ศุลกากรน้ันมีหนาท่ีควบคุมวัตถุออกฤทธ์ิในระหวางขนถาย เม่ือขนถายเสร็จใหผูควบคุมยานพาหนะ ทร่ี ับขนถายวตั ถอุ อกฤทธ์นิ น้ั มหี นาทีเ่ ชนเดียวกบั ผคู วบคมุ ยานพาหนะตามวรรคหน่งึ มาตรา ๑๐๔ ผรู บั อนญุ าตนาํ เขา สง ออกหรอื นาํ ผา นซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภท จะตอ ง นาํ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ตี่ นนาํ เขา สง ออกหรอื นาํ ผา น แลว แตก รณี มาใหพ นกั งานเจา หนา ที่ ณ ดา นตรวจสอบ วัตถุออกฤทธิ์ที่กําหนดไวในประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๗ (๑๒) เพื่อทําการตรวจสอบตาม หลักเกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทีร่ ฐั มนตรปี ระกาศกําหนด มาตรา ๑๐๕ ในการนําผานซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท หามผูใดเปลี่ยนแปลงการสง วัตถุออกฤทธิ์ไปยังจุดหมายอ่ืนที่มิไดระบุในใบอนุญาตสงออกท่ีสงมาพรอมกับวัตถุออกฤทธิ์ เวนแต ไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของประเทศผูออกใบอนุญาตนั้น และเลขาธิการ ใหค วามเหน็ ชอบดวย ในกรณที ไี่ มอ าจสง วตั ถอุ อกฤทธไ์ิ ปยงั จดุ หมายทกี่ าํ หนดตามวรรคหนงึ่ ได ใหผ รู บั อนญุ าต สง วตั ถอุ อกฤทธก์ิ ลบั คนื ไปยงั ประเทศทสี่ ง ออกภายในกาํ หนดเวลาสามสบิ วนั นบั แตว นั ทวี่ ตั ถอุ อกฤทธ์ิ ดงั กลา วเขา มาในราชอาณาจกั ร หากผรู บั อนญุ าตไมด าํ เนนิ การใหแ ลว เสรจ็ ภายในเวลาทกี่ าํ หนดใหว ตั ถุ ออกฤทธนิ์ นั้ ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหก ระทรวงสาธารณสขุ หรอื ผซู ง่ึ กระทรวงสาธารณสขุ มอบหมายทําลายหรือนาํ ไปใชป ระโยชนไดต ามระเบยี บทกี่ ระทรวงสาธารณสุขกําหนด มาตรา ๑๐๖ ในกรณีที่มีการเปล่ียนแปลงการสงวัตถุออกฤทธ์ิไปยังจุดหมายอ่ืนตาม มาตรา ๑๐๕ ใหถ อื วา วตั ถอุ อกฤทธนิ์ นั้ ไดส ง ออกจากประเทศทอ่ี อกใบอนญุ าตเขา มาในราชอาณาจกั ร และใหเ จา หนา ทซ่ี ง่ึ ไดร บั มอบหมายจากเลขาธกิ ารสลกั หลงั สาํ เนาใบอนญุ าตของเจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของ ประเทศทสี่ ง ออกนน้ั โดยแจง วันเดือนปแ ละปรมิ าณที่แทจริงของวัตถอุ อกฤทธท์ิ นี่ าํ ผาน และสงสําเนา น้ันกลับไปใหเจาหนาท่ีของประเทศผูออกใบอนุญาต พรอมท้ังจัดทําสําเนาเก็บรักษาไวที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาหนึง่ ฉบบั

๑๒๒ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๑ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในการสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ไปยังจุดหมายใหมตามวรรคหน่ึง ผูรับอนุญาตตองนํา ใบอนุญาตนําเขาของเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศผูรับใหมมามอบใหสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยากอ นจงึ จะไดร บั การพจิ ารณาออกใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก และใหผ รู บั อนญุ าต แนบสาํ เนาใบอนุญาตเฉพาะคราวนน้ั ไปพรอมกบั วัตถุออกฤทธิ์ท่ีสงไปยงั จดุ หมายใหมด ว ยหน่ึงฉบบั ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก ซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ไปยังเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศผูรับใหมดวย เพ่ือใหเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของ ประเทศผูรับจัดสงกลับมาและใหเลขาธิการจัดใหมีการตรวจสอบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวที่สง กลับมาน้นั มาตรา ๑๐๗ ในระหวางที่มีการนําผานซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๑ หรือประเภท ๒ หรือในระหวางที่วัตถุออกฤทธ์ิอยูในความควบคุมของเจาหนาท่ีศุลกากรตามมาตรา ๑๐๓ วรรคสอง หามผูใดแปรรูปหรือแปรสภาพวัตถุออกฤทธ์ิใหเปนอยางอื่น หรือเปลี่ยนหีบหอที่บรรจุวัตถุออกฤทธ์ิ เวนแตไดร ับอนญุ าตเปนหนงั สือจากเลขาธิการ มาตรา ๑๐๘ ในกรณที มี่ เี หตฉุ กุ เฉนิ หรอื จาํ เปน เลขาธกิ ารมอี าํ นาจผอ นผนั การใชบ งั คบั มาตรการควบคุมตามมาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๖ และมาตรา ๑๐๗ เกย่ี วกับการนําผา น ซ่ึงวัตถุออกฤทธไิ์ ดตามท่ีเห็นสมควร มาตรา ๑๐๙ ในการนาํ เขา ซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภท หา มผใู ดสง วตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา ว ไปยังบุคคลอ่ืนหรือสถานที่อื่นนอกเหนือไปจากบุคคลหรือสถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตเฉพาะคราว เพ่ือนําเขา เวนแตในกรณที ่มี ีเหตฉุ ุกเฉนิ หรือจําเปน โดยไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากเลขาธกิ าร มาตรา ๑๑๐ ในการสงออกแตละคร้ังซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ใหผูรับอนุญาตแนบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวเพื่อสงออกไปพรอมกับวัตถุออกฤทธ์ิท่ีสงออกนั้น หนึง่ ฉบบั ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธไ์ิ ปยงั เจา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศผรู บั นน้ั ดว ยเพอ่ื ใหเ จา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศ ผรู ับจดั สง กลบั มาและใหเ ลขาธกิ ารจดั ใหม ีการตรวจสอบสาํ เนาใบอนุญาตเฉพาะคราวท่ีสงกลับมานน้ั มาตรา ๑๑๑ เมอื่ กระทรวงสาธารณสขุ ไดร บั แจง การหา มนาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท หนึ่งประเภทใดที่ตางประเทศไดแจงผานเลขาธิการสหประชาชาติระบุหามนําเขาไปยังประเทศนั้น ใหรฐั มนตรีประกาศกําหนดการหามนาํ เขา ของประเทศนน้ั มาตรา ๑๑๒ หามผูใดสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิไปยังประเทศที่ระบุหามนําเขาตาม มาตรา ๑๑๑ เวนแตไดรับใบอนุญาตพิเศษเฉพาะคราวจากประเทศน้ันและใบอนุญาตพิเศษ เฉพาะคราวเพอ่ื สงออกจากเลขาธกิ าร

๑๒๓ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๑๓ การมวี ตั ถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในปริมาณ พอสมควรเทาที่จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะ ท่ใี ชในการขนสงสาธารณะระหวางประเทศ ใหไ ดร บั การยกเวน จากมาตรการควบคมุ สําหรับการนําเขา สงออก หรอื นําผานตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๑๑๔ ผคู วบคมุ ยานพาหนะตามมาตรา ๑๑๓ ตอ งจดั ใหม กี ารปอ งกนั ตามสมควร เพ่อื มิใหวัตถุออกฤทธนิ์ น้ั สญู หายหรอื มีการนําไปใชโดยมชิ อบ หมวด ๑๒ บทกําหนดโทษ มาตรา ๑๑๕ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตงั้ แตห า แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคหนึ่งเปน การกระทําเพือ่ ขาย ตอ งระวางโทษจําคุกต้งั แต เจ็ดปถ งึ ยีส่ บิ ป และปรับตง้ั แตเ จด็ แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุหรือรวมบรรจุ และมปี รมิ าณคาํ นวณเปน สารบรสิ ทุ ธไิ์ มถ งึ ปรมิ าณทก่ี าํ หนดตามมาตรา ๑๔ วรรคสาม ตอ งระวางโทษ จําคุกตัง้ แตส ี่ปถ ึงเจด็ ป หรอื ปรบั ตัง้ แตแปดหมน่ื บาทถึงหน่งึ แสนส่หี มื่นบาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรับ ถา การกระทําความผดิ ตามวรรคสามเปนการกระทาํ เพ่ือขาย ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต ส่ีปถ ึงยส่ี บิ ป และปรบั ต้ังแตส่ีแสนบาทถึงสองลานบาท มาตรา ๑๑๖ ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แตส ี่ปถึงย่ีสบิ ป และปรับต้ังแตส่แี สนบาทถงึ สองลา นบาท มาตรา ๑๑๗ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๕ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตง้ั แตห า แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถา การกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเปนการกระทาํ เพื่อขาย ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แต เจ็ดปถงึ ยี่สิบป และปรับตง้ั แตเจด็ แสนบาทถึงสองลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุหรือรวมบรรจุ และมปี รมิ าณคาํ นวณเปน สารบรสิ ทุ ธไิ์ มถ งึ ปรมิ าณทก่ี าํ หนดตามมาตรา ๑๕ วรรคสี่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตสีป่ ถ ึงเจด็ ป หรือปรบั ตัง้ แตแปดหมื่นบาทถงึ หน่ึงแสนสหี่ มื่นบาท หรอื ทงั้ จาํ ท้งั ปรับ

๑๒๔ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๓ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคสามเปนการกระทาํ เพ่อื ขาย ตองระวางโทษจาํ คกุ ต้งั แต สปี่ ถ งึ ยี่สิบป และปรับตั้งแตสี่แสนบาทถึงสองลา นบาท มาตรา ๑๑๘ ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๖ วรรคหนงึ่ ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตส ่ปี ถ งึ ย่สี ิบป และปรับตั้งแตส ีแ่ สนบาทถงึ สองลา นบาท มาตรา ๑๑๙ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ หรือนําผานซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธิท์ กุ ประเภทอนั เปนการฝาฝนมาตรา ๒๐ วรรคหน่ึง ตอ งระวางโทษจําคกุ ตง้ั แตส องปถ ึงสบิ ป และปรบั ต้ังแตส องแสนบาทถึงหนึ่งลานบาท ถา การกระทําความผดิ ตามวรรคหนึ่งเปน การกระทําเพือ่ ขาย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแต สามปถึงสบิ หา ป และปรับตั้งแตส ามแสนบาทถึงหน่ึงลา นหาแสนบาท มาตรา ๑๒๐ ผูใดขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อันเปนการฝาฝน มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถึงสิบป และปรับต้ังแตสองแสนบาท ถงึ หนึง่ ลานบาท มาตรา ๑๒๑ ผรู บั อนญุ าตตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ (๑) หรือมาตรา ๘๘ ผูใ ดดาํ เนินการภายหลังท่ใี บอนุญาตส้ินอายุแลว โดยมิไดย ืน่ คาํ ขอตอ อายุใบอนญุ าต ตองระวางโทษ ปรับวันละหารอยบาท นับแตวันถัดจากวันที่ใบอนุญาตส้ินอายุจนถึงวันที่ย่ืนคําขอผอนผันตออายุ ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ วรรคสอง มาตรา ๑๒๒ ผูร บั อนญุ าตผใู ดฝา ฝนมาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง ตองระวาง โทษปรับต้ังแตสองหมื่นบาทถงึ หา หม่ืนบาท มาตรา ๑๒๓ ผูรบั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ผูใดฝาฝน มาตรา ๒๙ ตอ ง ระวางโทษจําคกุ ตงั้ แตห น่ึงปถงึ หาป หรือปรับตั้งแตสองหม่ืนบาทถงึ หน่งึ แสนบาท หรือทั้งจาํ ท้งั ปรบั มาตรา ๑๒๔ ผรู บั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๓๐ วรรคหนง่ึ หรอื ฝา ฝน มาตรา ๓๐ วรรคสอง ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินหนง่ึ ป หรือปรับไมเ กนิ สองหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรับ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๓๐ วรรคสามหรือวรรคส่ี ตองระวางโทษปรับ ไมเ กนิ หา พันบาท มาตรา ๑๒๕ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๓๘ ตองระวางโทษปรับตั้งแต สองหม่นื บาทถงึ หนึ่งแสนบาท มาตรา ๑๒๖ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ วรรคหน่ึง มาตรา ๔๑ หรือ มาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกินหนงึ่ หมนื่ บาท มาตรา ๑๒๗ ผรู บั อนญุ าตผูใดไมปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๔๓ วรรคหน่ึง ตอ งระวางโทษปรับ ไมเกินหนึง่ พนั บาท

๑๒๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๔ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๒๘ ผูรบั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ัติตามมาตรา ๔๗ วรรคหนึง่ ตองระวางโทษปรับ ต้ังแตหนึ่งหมืน่ บาทถึงสองหม่ืนบาท มาตรา ๑๒๙ เภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการผูใดละท้ิงหนาที่หรือไมปฏิบัติหนาที่ ในการควบคุมกิจการของผูรับอนุญาตโดยไมมีเหตุอันควรตามมาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ หรอื มาตรา ๕๕ ตอ งระวางโทษปรบั ตง้ั แตห นงึ่ หมนื่ บาท ถึงหา หมน่ื บาท มาตรา ๑๓๐ เภสชั กรผมู หี นาทค่ี วบคุมกิจการผูใ ดไมป ฏิบัตติ ามมาตรา ๕๖ ตองระวาง โทษปรบั ไมเ กนิ สามพนั บาท มาตรา ๑๓๑ ผูใดผลิต นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ปลอมอันเปนการฝาฝน มาตรา ๕๗ (๑) ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงสิบหาป และปรับตั้งแตหาแสนบาทถึงหนึ่งลาน หาแสนบาท ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธ์ปิ ลอมอันเปน การฝาฝนมาตรา ๕๗ (๑) ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แต หนง่ึ ปถึงสิบป และปรบั ตง้ั แตห น่ึงแสนบาทถงึ หนึง่ ลานบาท มาตรา ๑๓๒ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธผิ์ ดิ มาตรฐานอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๒) ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กินหกหมน่ื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธผิ์ ดิ มาตรฐานอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๒) ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กินสองป หรือปรบั ไมเกินสี่หมน่ื บาท หรือท้ังจาํ ท้ังปรับ มาตรา ๑๓๓ ผใู ดขาย นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธเิ์ สอื่ มคณุ ภาพอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๓) ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเ กนิ สองป หรอื ปรับไมเกินสี่หมน่ื บาท หรือทั้งจาํ ทง้ั ปรบั มาตรา ๑๓๔ ผูใดผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ท่ีตองข้ึนทะเบียนวัตถุ ตาํ รบั แตมไิ ดขึ้นทะเบยี นไวอนั เปน การฝาฝนมาตรา ๕๗ (๔) ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินสามป หรอื ปรบั ไมเกินหกหมน่ื บาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรบั มาตรา ๑๓๕ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ร่ี ฐั มนตรสี ง่ั เพกิ ถอนทะเบยี น วตั ถตุ าํ รับอันเปนการฝา ฝนมาตรา ๕๗ (๕) ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตหนง่ึ ปถ ึงสิบป และปรับตง้ั แต หนึง่ แสนบาทถึงหน่ึงลา นบาท ผูใดขายวัตถุออกฤทธ์ิท่ีรัฐมนตรีส่ังเพิกถอนทะเบียนวัตถุตํารับอันเปนการฝาฝน มาตรา ๕๗ (๕) ตอ งระวางโทษจําคุกตง้ั แตห กเดอื นถึงหาป และปรบั ต้งั แตหาหมนื่ บาทถงึ หาแสนบาท มาตรา ๑๓๖ ผูใดขายวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝนมาตรา ๖๑ ตองระวางโทษจําคุก ตั้งแตหน่ึงปถ ึงหาป หรือปรบั ตง้ั แตสองหมนื่ บาทถงึ หนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๓๗ ผใู ดแกไ ขรายการทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ทข่ี นึ้ ทะเบยี นไวแ ลว อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๖๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษปรบั ไมเ กินสองหมื่นบาท

๑๒๖ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๕ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๓๘ ผูใดโฆษณาวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝนมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่งหรือ วรรคสอง หรือไมปฏิบัติตามคําส่ังของผูอนุญาตตามมาตรา ๗๑ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสองป หรือปรบั ตั้งแตสองหมืน่ บาทถงึ สองแสนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรบั ถาการกระทําตามวรรคหนึ่งเปนการกระทําของเจาของสื่อโฆษณาหรือผูประกอบกิจการ โฆษณา ผูกระทําตองระวางโทษเชน เดยี วกนั กบั ผูโฆษณา ผูกระทําความผิดซึ่งตองรับโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ยังตองระวางโทษปรับ อกี วันละไมเกินหน่งึ หมนื่ บาท ตลอดระยะเวลาทยี่ งั ฝา ฝนหรือจนกวาจะไดปฏิบตั ิใหถ กู ตอง มาตรา ๑๓๙ ผูรับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวของผูใดตอสูหรือขัดขวางการปฏิบัติหนาท่ี ของพนกั งานเจา หนาทต่ี ามมาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ หรือมาตรา ๗๙ วรรคสาม ตองระวางโทษจาํ คุก ไมเ กินหน่งึ ป หรือปรบั ไมเ กินสองหมื่นบาท หรอื ทง้ั จาํ ทัง้ ปรบั ผูรับอนุญาตหรือบุคคลที่เก่ียวของผูใดไมอํานวยความสะดวกตามสมควรแกพนักงาน เจาหนา ที่อันเปนการไมปฏบิ ัติตามมาตรา ๗๗ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพนั บาท มาตรา ๑๔๐ ผใู ดมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนซ ง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ อนั เปน การฝาฝน มาตรา ๘๘ วรรคหน่งึ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แตห นึ่งปถ งึ หาป หรือปรบั ตง้ั แตส องหมื่นบาทถึงหนึง่ แสนบาท หรือทั้งจําทง้ั ปรับ ผูใดมีไวในครอบครองหรือใชประโยชนซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๘๘ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรอื ทัง้ จําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๔๑ ผใู ดเสพวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๑ หรอื ผใู ด เสพวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ อันเปน การฝาฝน มาตรา ๙๒ ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกินสามป หรือ ปรับไมเ กินหกหม่นื บาท หรอื ท้งั จําท้ังปรบั มาตรา ๑๔๒ ผใู ดใหผ อู นื่ เสพวตั ถอุ อกฤทธอิ์ นั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๓ ตอ งระวางโทษ จําคกุ ต้ังแตหนงึ่ ปถึงหาป หรือปรบั ตงั้ แตส องหมน่ื บาทถงึ หน่งึ แสนบาท หรือท้งั จําทั้งปรับ ถาการกระทําตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําโดยใชกําลังประทุษราย หรือโดยใชอาวุธ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกตั้งแตห นง่ึ ปถ งึ สิบป และปรับต้ังแตหนึ่งแสนบาทถงึ หน่งึ ลา นบาท ถา การกระทําตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เปน การกระทาํ ตอ หญงิ หรือตอ บุคคลซ่งึ ยงั ไม บรรลุนิติภาวะ หรือเปนการกระทําเพื่อจูงใจใหผูอื่นกระทําความผิดทางอาญาหรือเพ่ือประโยชนแก ตนเองหรือผูอ่ืนในการกระทําความผิดทางอาญา ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสามปถึงจําคุก ตลอดชวี ติ และปรับตงั้ แตส ามแสนบาทถึงหาลา นบาท

๑๒๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๔๓ ผใู ดขดั ขวางหรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ของพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื พนกั งานเจา หนา ทตี่ ามมาตรา ๙๔ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หกเดอื น หรอื ปรบั ไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนบาท มาตรา ๑๔๔ ผูรับอนุญาตผูใดไมจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธิ์ สูญหายหรือมีการนําไปใชโดยมิชอบอันเปนการไมปฏิบัติตามมาตรา ๙๕ ตองระวางโทษปรับตั้งแต หน่ึงหม่นื บาทถึงหาหม่ืนบาท มาตรา ๑๔๕ ผใู ดฝา ฝน มาตรา ๙๖ ตอ งระวางโทษปรบั ตงั้ แตห นง่ึ หมนื่ บาทถงึ หา หมน่ื บาท มาตรา ๑๔๖ เภสชั กรผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธอ์ิ นั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๗ วรรคหนง่ึ หรอื มาตรา ๙๘ ตอ งระวางโทษปรบั ต้ังแตหนงึ่ หมน่ื บาทถึงหาหมน่ื บาท มาตรา ๑๔๗ เภสัชกรผูใดไมจัดใหมีการลงบัญชีรายละเอียดการขายตามมาตรา ๙๗ วรรคหน่งึ หรือมาตรา ๙๘ หรอื ไมปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๙๙ ตองระวางโทษปรับไมเ กินหนึ่งพนั บาท มาตรา ๑๔๘ ผรู บั อนญุ าตนาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๒๐ ผูใดกระทําการนําเขาหรือสงออกในแตละคร้ังซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝน มาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง ตอ งระวางโทษปรบั คร้ังละไมเ กินหา พันบาท มาตรา ๑๔๙ ผรู บั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๐๑ วรรคหนงึ่ มาตรา ๑๐๒ วรรคหนง่ึ มาตรา ๑๐๓ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๐๖ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๑๐ วรรคหน่ึง ตองระวางโทษปรับ ไมเกินหน่ึงพันบาท มาตรา ๑๕๐ ผคู วบคมุ ยานพาหนะผใู ดไมป ฏบิ ตั หิ นา ทต่ี ามมาตรา ๑๐๓ ตอ งระวางโทษ ปรบั ไมเ กนิ หา หมืน่ บาท มาตรา ๑๕๑ ผรู ับอนญุ าตนําเขา สงออกหรอื นาํ ผานซง่ึ วัตถุออกฤทธิ์ผใู ดไมป ฏิบัติตาม มาตรา ๑๐๔ ตอ งระวางโทษปรบั ต้งั แตหนงึ่ หมื่นบาทถึงหา หมืน่ บาท มาตรา ๑๕๒ ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๗ หรือมาตรา ๑๑๒ วรรคหน่ึง ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเกนิ หกหมื่นบาท หรือทั้งจําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๕๓ ผใู ดฝา ฝนมาตรา ๑๐๙ ตอ งระวางโทษจําคุกไมเกินสองป หรอื ปรบั ไมเ กิน สห่ี ม่ืนบาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรบั มาตรา ๑๕๔ ผูควบคุมยานพาหนะตามมาตรา ๑๑๓ ผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๑๑๔ ตองระวางโทษปรับไมเกนิ หาหมื่นบาท มาตรา ๑๕๕ ผูใดเสพ เสพและมีไวในครอบครอง เสพและมีไวในครอบครองเพ่ือขาย หรอื เสพและขายซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามลกั ษณะ ชนดิ ประเภทและปรมิ าณทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง และ ไดส มคั รใจขอเขา รบั การบาํ บดั รกั ษาในสถานพยาบาลกอ นความผดิ จะปรากฏตอ พนกั งานฝา ยปกครอง

๑๒๘ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา หรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ท่ี และไดป ฏบิ ตั คิ รบถว นตามระเบยี บขอ บงั คบั เพอ่ื ควบคมุ การบาํ บดั รกั ษาและระเบยี บวนิ ัยสําหรบั สถานพยาบาลตามมาตรา ๗ (๑๕) จนไดรับการรับรองเปน หนงั สือจาก ผูอํานวยการหรือหัวหนาสถานพยาบาลน้ัน ใหพนจากความผิดตามท่ีกฎหมายบัญญัติไว แตท้ังนี้ ไมรวมถงึ กรณคี วามผิดทีไ่ ดก ระทาํ ภายหลงั การสมคั รใจเขารบั การบาํ บัดรกั ษา การรับเขาบําบัดรักษาในสถานพยาบาลตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามหลักเกณฑ และวิธีการท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๑๕๖ ผูใดทําการบําบัดรักษาผูติดวัตถุออกฤทธิ์เปนปกติไมวาโดยวิธีใด ซงึ่ มิไดกระทาํ ในสถานพยาบาลตามท่ีกําหนดไวในพระราชบัญญัตนิ ี้ ไมว า จะไดร ับประโยชนต อบแทน หรือไม ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห กเดือนถงึ สามป และปรับตั้งแตห าหมน่ื บาทถึงสามแสนบาท มาตรา ๑๕๗ บรรดาวัตถุออกฤทธ์ิ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช ยานพาหนะหรือทรัพยสินอ่ืน ซ่ึงบุคคลไดใชในการกระทําความผิดหรือไดมาโดยการกระทําความผิดเก่ียวกับวัตถุออกฤทธิ์ตาม พระราชบญั ญตั ินี้ ใหร บิ เสยี ท้ังส้ิน มาตรา ๑๕๘ วตั ถอุ อกฤทธ์ิ ภาชนะหรอื หบี หอ บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธแิ์ ละเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ ง ท่ียดึ ไวต ามมาตรา ๗๔ หรอื ตามกฎหมายอ่นื รวมทงั้ ในกรณที มี่ กี ารนําเขา สง ออก หรือนาํ ผานซ่ึงวตั ถุ ออกฤทธ์ิโดยฝาฝนพระราชบัญญัติน้ี แลวแตกรณี และไมมีการฟองคดีตอศาลเพราะเหตุไมปรากฏ ผูกระทําความผิดและพนักงานอัยการส่ังงดการสอบสวน หรือเพราะพนักงานอัยการมีคําสั่งเด็ดขาด ไมฟองคดี หรือเพราะมีการเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๖๐ หรือมีการฟองคดีตอศาลและศาลมี คําพิพากษาถึงท่ีสุดไมริบ ถาไมมีผูใดมาอางวาเปนเจาของภายในกําหนดเกาสิบวันนับแตวันที่ พนักงานอัยการมีคําส่ังงดการสอบสวน หรือพนักงานอัยการมีคําสั่งเด็ดขาดไมฟองคดี หรือเพราะมี การเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๖๐ หรือมีการฟองคดีตอศาลและศาลมีคําพิพากษาถึงท่ีสุดไมริบ ใหว ตั ถอุ อกฤทธ์ิ ภาชนะหรอื หบี หอ บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธแ์ิ ละเอกสารนน้ั ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายทําลายหรือนําไปใชประโยชน ไดต ามระเบียบทีก่ ระทรวงสาธารณสุขกําหนด ถา มผี ทู อ่ี า งวา เปน เจา ของตามวรรคหนง่ึ แสดงตอ คณะกรรมการไดว า เปน เจา ของแทจ รงิ และมิไดรูเห็นเปนใจดวยในการกระทําความผิด ถาส่ิงที่ไดยึดไวยังคงอยูในครอบครองของพนักงาน เจา หนา ท่ี ใหคณะกรรมการสง่ั ใหค นื สง่ิ ที่ไดยึดแกผูเปน เจาของแทจริงได มาตรา ๑๕๙ ในกรณีที่มีการฟองคดีความผิดเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธ์ิตอศาลและไม ไดมีการโตแยงเรื่องประเภท จํานวนหรือน้ําหนักของวัตถุออกฤทธิ์นั้น ถาศาลชั้นตนมีคําพิพากษา หรอื คาํ สงั่ ใหร บิ วตั ถอุ อกฤทธดิ์ งั กลา วตามมาตรา ๑๕๗ หรอื ตามกฎหมายอนื่ และไมม คี าํ เสนอตอ ศาลวา ผเู ปน เจา ของแทจ รงิ ไมไ ดร เู หน็ เปน ใจดว ยในการกระทาํ ความผดิ ภายในกาํ หนดสามสบิ วนั นบั แตว นั ทศี่ าล

๑๒๙ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหริบวัตถุออกฤทธ์ินั้น ใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายทาํ ลายหรอื นําไปใชป ระโยชนไดต ามระเบียบทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ กาํ หนด มาตรา ๑๖๐ บรรดาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ซี้ ง่ึ มโี ทษปรบั สถานเดยี ว ใหเ ลขาธกิ าร หรือผูซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการมีอํานาจเปรียบเทียบไดตามหลักเกณฑหรือเงื่อนไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนด มาตรา ๑๖๑ กรรมการหรือพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี เจาหนาที่ของรัฐ ตามกฎหมายวาดวยบัตรประจาํ ตวั เจา หนาที่ของรัฐ หรอื ผูดาํ รงตําแหนง ทางการเมืองผใู ด ผลติ ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ หรือสนับสนุนในการกระทําดังกลาวอันเปนการกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ ตอ งระวางโทษเปนสามเทาของโทษที่กาํ หนดไวส ําหรับความผิดนนั้ มาตรา ๑๖๒ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ที้ มี่ โี ทษจาํ คกุ และปรบั ใหศ าลลงโทษจาํ คกุ และปรบั ดว ยเสมอ โดยคาํ นงึ ถงึ การลงโทษในทางทรพั ยส นิ เพอื่ ปอ งปรามการกระทาํ ความผดิ เกย่ี วกบั วัตถอุ อกฤทธิ์ มาตรา ๑๖๓ ในกรณที ศ่ี าลเหน็ วา การกระทาํ ความผดิ ของผใู ด เมอ่ื ไดพ เิ คราะหถ งึ ความ รา ยแรงของการกระทาํ ความผดิ และพฤตกิ ารณท เี่ กยี่ วขอ งประกอบแลว กรณมี เี หตอุ นั สมควรเปน การ เฉพาะราย ศาลจะลงโทษจาํ คกุ นอ ยกวา อตั ราโทษขนั้ ตา่ํ ทก่ี าํ หนดไวส าํ หรบั ความผดิ นนั้ กไ็ ด และถา เปน กรณีที่มีอัตราโทษปรับขั้นต่ํา ถาศาลไดพิเคราะหถึงความรายแรงของการกระทําความผิด ฐานะของ ผูกระทําความผิด และพฤติการณท่ีเก่ียวของประกอบแลว กรณีมีเหตุอันสมควรเปนการเฉพาะราย ศาลจะลงโทษปรบั นอยกวา อตั ราโทษขนั้ ตาํ่ ที่กําหนดไวส าํ หรบั ความผิดน้ันก็ได มาตรา ๑๖๔ ถาศาลเห็นวาผูกระทําความผิดผูใดไดใหขอมูลที่สําคัญในช้ันจับกุม หรือช้ันสอบสวน อันเปนการเปดเผยถึงการกระทําความผิดเก่ียวกับวัตถุออกฤทธ์ิของบุคคล ที่เปนเครือขายและเปนประโยชนอยางย่ิงตอการปราบปรามหรือดําเนินคดีแกบุคคลเหลานั้น ศาลจะลงโทษผนู ัน้ นอยกวาอตั ราโทษขัน้ ต่าํ ทกี่ าํ หนดไวส ําหรับความผดิ น้นั ก็ได บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๖๕ คําขอใดที่ไดยื่นไวตามพระราชบัญญัติวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ และยงั อยใู นระหวางพิจารณาใหถือวา เปนคําขอตามพระราชบัญญตั ิน้ี ในกรณีท่ีคําขอ มขี อ แตกตา งไปจากคาํ ขอซงึ่ ตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหผ อู นญุ าตมอี าํ นาจสง่ั ใหผ ขู ออนญุ าต แกไขเพิม่ เตมิ ไดต ามความจําเปน เพื่อใหก ารเปนไปตามพระราชบัญญัตินี้

๑๓๐ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๖๖ ใหผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา สงออกหรือมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุ ออกฤทธิ์ตามพระราชบัญญัติวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ในวันกอนวันท่ี พระราชบัญญัติน้ี ใชบังคับยังคงดําเนินกิจการตอไปไดจนกวาใบอนุญาตน้ันส้ินอายุ และถาประสงค จะดําเนินกิจการตอไปใหย่ืนคําขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ีกอนใบอนุญาตเดิมจะสิ้นอายุ แตถาผูอนุญาตมีคําสั่งเปนหนังสือไมออกใบอนุญาตให ผูนั้นไมมีสิทธิดําเนินกิจการนับแตวันที่ทราบ คําสง่ั เปน ตนไป มาตรา ๑๖๗ ใหคณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธ์ิตอจิตและประสาทตามพระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธ์ิตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งดํารงตําแหนงอยูในวันกอนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับปฏิบัติหนาท่ีตามพระราชบัญญัตินี้ตอไปจนกวาจะไดมีคณะกรรมการวัตถุ ท่ีออกฤทธ์ิตอจิตและประสาทตามพระราชบัญญัตินี้ แตตองไมเกินหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันท่ี พระราชบัญญัตนิ ใี้ ชบังคับ มาตรา ๑๖๘ บรรดากฎกระทรวง ระเบยี บหรอื ประกาศทอ่ี อกตามพระราชบญั ญัติวัตถุ ท่ีออกฤทธต์ิ อจติ และประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่ใี ชอยใู นวันกอ นวนั ทพ่ี ระราชบัญญัติน้ใี ชบงั คบั ใหยังคง ใชบ งั คบั ไดต อ ไปเพยี งเทา ทไี่ มข ดั หรอื แยง กบั บทบญั ญตั แิ หง พระราชบญั ญตั นิ ี้ จนกวา จะมกี ฎกระทรวง ระเบยี บหรอื ประกาศตามพระราชบัญญตั นิ ้ใี ชบงั คบั การดําเนินการออกกฎกระทรวง ระเบียบหรือประกาศตามวรรคหน่ึง ใหดําเนินการ ใหแ ลว เสรจ็ ภายในสองปน บั แตว นั ทพี่ ระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ งั คบั หากไมส ามารถดาํ เนนิ การได ใหร ฐั มนตรี รายงานเหตุผลทไ่ี มอ าจดําเนินการไดต อ คณะรัฐมนตรเี พอ่ื ทราบ ผูรบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ จันทรโ อชา นายกรัฐมนตรี

๑๓๑ อตั ราคาธรรมเนยี ม (๑) ใบอนญุ าตผลติ วัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท หรอื ประเภท ๔ (๒) ใบอนุญาตผลติ เพอ่ื สงออกวตั ถอุ อกฤทธิ์ในประเภท ๒ ฉบบั ละ ๕,๐๐๐ บาท (๓) ใบอนุญาตนําเขาวตั ถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท (๔) ใบอนญุ าตสง ออกวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๕) ใบอนุญาตขายวตั ถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๖) ใบอนุญาตนาํ ผานวตั ถุออกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๗) ใบอนุญาตใหม ีไวใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนวัตถอุ อกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๘) ใบอนุญาตนําเขา หรอื สงออกเฉพาะคราวซงึ่ วตั ถุออกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๙) ใบอนญุ าตโฆษณาวัตถอุ อกฤทธิ์ตามมาตรา ๗๐ ฉบบั ละ ๓,๐๐๐ บาท (๑๐) ใบสาํ คัญการขึ้นทะเบยี นวัตถตุ ํารับ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท (๑๑) การอนุญาตใหแกไขรายการทะเบียนวตั ถุตํารบั ตามมาตรา ๖๔ ฉบบั ละ ๑,๐๐๐ บาท (๑๒) ใบแทนใบอนญุ าตหรือใบแทนใบสาํ คญั การขนึ้ ทะเบยี นวัตถุตาํ รบั ฉบับละ ๑๐๐ บาท (๑๓) การตออายใุ บอนุญาตหรอื ใบสาํ คัญการขน้ึ ทะเบยี นวัตถตุ ํารบั ครั้งละไมเ กนิ คา ธรรมเนยี ม สําหรับใบอนญุ าตหรอื ใบสําคญั น้ัน

๑๓๒ หนา ๔๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คอื โดยทพี่ ระราชบญั ญตั วิ ตั ถทุ อี่ อกฤทธิ์ ตอ จติ และประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ไดใ ชบ งั คับมาเปน เวลานานแลว บทบัญญัติบางประการไมเ หมาะสม กับสถานการณในปจจุบันซึ่งมีสภาพปญหาเก่ียวกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น สมควร ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับองคประกอบของคณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท การขออนญุ าตและการออกใบอนญุ าตเกยี่ วกบั วตั ถอุ อกฤทธ์ิ หนา ทขี่ องผรู บั อนญุ าต หนา ทขี่ องเภสชั กร การโฆษณาและอาํ นาจหนา ทขี่ องพนกั งานเจา หนา ท่ี รวมทง้ั เพม่ิ เตมิ บทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั ดา นตรวจสอบ วตั ถอุ อกฤทธแิ์ ละการใหโ อกาสแกผ เู สพ เสพและมไี วใ นครอบครอง เสพและมไี วใ นครอบครองเพอื่ ขาย หรอื เสพและขายซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธไิ์ ดส มคั รใจเขา รบั การบาํ บดั รกั ษาในสถานพยาบาล ตลอดจนปรบั ปรงุ บทกาํ หนดโทษและอัตราคา ธรรมเนยี มใหเหมาะสมยิ่งข้ึน จงึ จําเปน ตอ งตราพระราชบัญญัติน้ี

เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๘ ๑๓๓ ราชกจิ จานเุ บกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ Ô ÂÒàʾμ´Ô ãËŒâ·É (©ººÑ ·èÕ ö) ¾.È. òõöð ÊÁà´ç¨¾ÃÐ਌ÒÍÂËÙ‹ ÑÇÁËÒǪÔÃÒŧ¡Ã³ º´Ô¹·Ãà·¾ÂÇÃÒ§¡ÃÙ ãËäŒ ÇŒ ³ Çѹ·èÕ ñô Á¡ÃÒ¤Á ¾.È. òõöð ໚¹»‚·Õè ò ã¹ÃѪ¡ÒÅ»˜¨¨Øº¹Ñ สมเดจ็ พระเจา อยหู วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู มพี ระราชโองการโปรดเกลา ฯ ใหป ระกาศวา โดยทีเ่ ปน การสมควรแกไขเพ่ิมเตมิ กฎหมายวา ดว ยยาเสพตดิ ใหโ ทษ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ นึ้ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอมของ สภานิตบิ ัญญัติแหง ชาติ ดงั ตอ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกวา “พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐” มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตงั้ แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน ตนไป มาตรา ๓ ใหยกเลกิ ความในวรรคสามของมาตรา ๑๕ แหงพระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ ทษ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใชค วามตอ ไปนแี้ ทน “การผลิต นาํ เขา สงออก หรือมีไวใ นครอบครองซงึ่ ยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ ตาม ปรมิ าณดังตอไปน้ี ใหส ันนษิ ฐานวา เปน การผลิต นําเขา สงออก หรอื มไี วในครอบครองเพอื่ จําหนา ย (๑) เด็กซโตรไลเซอรไยดหรือแอลเอสดี มีปริมาณคํานวณเปนสารบริสุทธ์ิตั้งแต ศนู ยจ ดุ เจด็ หา มลิ ลกิ รมั ขน้ึ ไป หรอื มยี าเสพตดิ ทม่ี สี ารดงั กลา วผสมอยจู าํ นวนสบิ หา หนว ยการใชข น้ึ ไป หรอื มนี ํา้ หนักสุทธิ ต้งั แตส ามรอ ยมิลลกิ รัมขึน้ ไป

๑๓๔ เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๙ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) แอมเฟตามีนหรืออนุพันธแอมเฟตามีน มีปริมาณคํานวณเปนสารบริสุทธิ์ตั้งแต สามรอยเจ็ดสิบหามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดท่ีมีสารดังกลาวผสมอยูจํานวนสิบหาหนวยการใช ข้ึนไปหรือมีนํา้ หนักสุทธติ ้งั แตหนึง่ จุดหากรมั ข้ึนไป (๓) ยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ นอกจาก (๑) และ (๒) มีปริมาณคํานวณเปน สารบรสิ ทุ ธิ์ ตง้ั แตส ามกรัมข้นึ ไป” มาตรา ๔ ใหยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา ๑๗ แหง พระราชบัญญัตยิ าเสพตดิ ใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใชความตอ ไปน้แี ทน “การมียาเสพติดใหโทษในประเภท ๒ ไวในครอบครองคํานวณเปนสารบริสุทธิ์ไดต้ังแต หนึง่ รอยกรมั ขนึ้ ไป ใหส นั นิษฐานวา มีไวในครอบครองเพ่ือจําหนาย” มาตรา ๕ ใหยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา ๒๖ แหง พระราชบัญญตั ิยาเสพติด ใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใชค วามตอไปน้แี ทน “การมียาเสพตดิ ใหโทษในประเภท ๔ หรือในประเภท ๕ ไวใ นครอบครองมีปริมาณต้ังแต สบิ กิโลกรมั ข้ึนไป ใหส ันนิษฐานวามีไวในครอบครองเพ่อื จาํ หนา ย” มาตรา ๖ ใหยกเลิกความในมาตรา ๖๕ แหงพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญัตยิ าเสพติดใหโทษ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และให ใชความตอ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๖๕ ผูใดผลิต นาํ เขา หรอื สงออกซ่งึ ยาเสพติดใหโ ทษในประเภท ๑ อันเปนการ ฝาฝน มาตรา ๑๕ ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบปถึงจําคุกตลอดชีวิต และปรับต้ังแตหนึ่งลานบาท ถึงหาลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการกระทําเพ่ือจําหนาย ตองระวางโทษจําคุก ตลอดชีวติ และปรับตัง้ แตห นง่ึ ลานบาทถึงหา ลา นบาท หรอื ประหารชวี ติ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุ หรือรวมบรรจุ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส ปี่ ถ งึ สบิ หา ป หรอื ปรบั ตงั้ แตแ ปดหมนื่ บาทถงึ สามแสนบาท หรอื ทงั้ จาํ ทง้ั ปรบั ถาการกระทาํ ความผิดตามวรรคสาม เปน การกระทําเพ่ือจาํ หนาย ตองระวางโทษจาํ คุก ตง้ั แตส ่ีปถงึ จาํ คุกตลอดชีวติ และปรับตัง้ แตส่ีแสนบาทถงึ หา ลา นบาท” มาตรา ๗ ใหย กเลกิ ความในมาตรา ๖๗ แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใ ชค วามตอ ไปนแี้ ทน “มาตรา ๖๗ ผใู ดมไี วใ นครอบครองซงึ่ ยาเสพตดิ ใหโ ทษในประเภท ๑ โดยไมไ ดร บั อนญุ าต ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหนึ่งปถึงสิบป หรือปรับตั้งแตสองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจํา ท้ังปรับ”

๑๓๕ เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๑๐ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๘ บทบญั ญตั มิ าตรา ๑๕ วรรคสาม มาตรา ๑๗ วรรคสอง และมาตรา ๒๖ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ้ี ไมใ หใ ชบ งั คบั แกค ดที ศ่ี าลชน้ั ตน มคี าํ พพิ ากษาแลว กอ นวนั ทพี่ ระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ งั คบั และใหน าํ กฎหมายซง่ึ ใชบ งั คบั อยใู นวนั กอ นวันทพี่ ระราชบัญญัตินใี้ ชบงั คบั บังคับแกคดีดงั กลา วตอ ไปจนกวาคดถี งึ ท่ีสุด คดีซ่ึงคางพิจารณาอยูในศาลชั้นตนในวันที่พระราชบัญญัติน้ีใชบังคับ ถาคูความฝายใด ฝายหน่ึง หรือทั้งสองฝายย่ืนคําแถลงขอสืบพยานหลักฐานเพ่ิมเติมวาการกระทําของจําเลยเปนการ กระทาํ เพ่ือจาํ หนา ยหรอื ไม ก็ใหศาลสบื พยานหลักฐานเพ่มิ เติมไดตามท่ีเหน็ สมควร มาตรา ๙ ในกรณีท่ีศาลพิพากษาลงโทษผูกระทําความผิดตามมาตรา ๖๕ วรรคหนึ่ง แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ ใชบ งั คบั อยใู นวนั กอ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ งั คบั และคดถี งึ ท่สี ดุ แลว ถา ผูกระทาํ ความผิดยงั ไมไดรับโทษ หรือกําลังรับโทษอยู เม่อื ความปรากฏแกศ าล หรอื เมอื่ ผกู ระทาํ ความผดิ ผแู ทนโดยชอบธรรมของผนู นั้ ผอู นบุ าลของผนู นั้ หรอื พนกั งานอยั การรอ งขอ ใหศ าลชนั้ ตน ทพี่ พิ ากษาคดนี น้ั มอี าํ นาจกาํ หนดโทษใหมต ามมาตรา ๖๕ วรรคหนง่ึ แหง พระราชบญั ญตั ิ ยาเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซงึ่ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ้ี ในการทศี่ าลจะกาํ หนดโทษใหมน ี้ ใหศาลมีอํานาจไตสวนผูท่ีเกี่ยวของตามท่ีเห็นวาจําเปน ถาปรากฏวา ผูกระทําความผิดไดรับโทษ มาบางแลว และศาลเห็นเปนการสมควร ศาลจะรอการลงโทษที่เหลืออยูหรือจะปลอยผูกระทํา ความผิดไปก็ได มาตรา ๑๐ ใหป ระธานศาลฎกี า นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีวา การกระทรวงยุติธรรม และ รัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี ในสวนที่เกี่ยวกับอํานาจหนาท่ี ของตน ผูรบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ จันทรโ อชา นายกรฐั มนตรี

๑๓๖ เลม ๑๓๔ ตอนท่ี ๕ ก หนา ๑๑ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คือ โดยทก่ี ฎหมายปจ จบุ ันมีบทบญั ญตั ิ บางสวน ท่ีกําหนดวาบุคคลใดซ่ึงกระทําความผิดเก่ียวกับยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ โดยมียาเสพตดิ ใหโ ทษเกนิ ปริมาณท่ีกาํ หนดไว ใหถือเปนเด็ดขาดวา ผูน น้ั กระทําเพ่ือจําหนาย โดยไมไดเปดโอกาสใหพิจารณาจากพฤติการณหรือคํานึงถึงเจตนาที่แทจริงของ ผกู ระทาํ ความผดิ และไมไ ดใ หส ทิ ธผิ ตู อ งหาหรอื จาํ เลยในการพสิ จู นค วามจรงิ ในคดี สมควรแกไ ขปรบั ปรงุ บทบัญญัติดังกลาวใหมีลักษณะเปนเพียงขอสันนิษฐาน เพ่ือใหผูตองหาหรือจําเลยมีโอกาสพิสูจน ความจรงิ ได นอกจากนี้ อตั ราโทษสาํ หรับความผิดเกี่ยวกับ การผลิต นําเขา หรอื สงออกซึง่ ยาเสพตดิ ใหโ ทษในประเภท ๑ ทกี่ าํ หนดโทษใหจ าํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แต หนง่ึ ลา นบาทถงึ หา ลา นบาท หรอื ประหารชวี ติ ยังไมเ หมาะสม สมควรแกไขปรับปรุงบทกําหนดโทษดงั กลา ว เพอื่ ใหก ารลงโทษผกู ระทาํ ความผิดมคี วามเหมาะสมยงิ่ ขน้ึ จึงจําเปนตอ งตราพระราชบัญญัตนิ ้ี

๑๓๗ º··Õè ó ¡Òû‡Í§¡¹Ñ Ã¡Ñ ÉÒʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤ ๑. เพ่อื ใหทราบถึงความสําคญั ของสถานทเ่ี กดิ เหตุและวตั ถุพยาน ๒. เพอื่ ใหม คี วามรคู วามเขา ใจถงึ หลกั การปอ งกนั รกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ และการตรวจเกบ็ วัตถพุ ยานตาง ๆ ในสถานท่เี กดิ เหตุ การตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตเุ ปน อาํ นาจหนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวน ตามประมวลกฎหมาย วธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๓๐ และ ๑๓๑ ผทู ม่ี ไิ ดด าํ รงตาํ แหนง หรอื ทาํ หนา ทพี่ นกั งานสอบสวน ไมมีอํานาจในการตรวจและเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุโดยตรง แตในฐานะเจาพนักงานตํารวจ เมื่อไดรับแจงเหตุหรือประสบเหตุซ่ึงหนาจะตองเขาอํานวยการรักษาสถานที่เกิดเหตุทันที จึงตอ งเรียนรใู นเร่ืองของการรักษาสถานที่เกดิ เหตเุ ปนสําคัญ ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ สถานที่เกิดเหตุ (Crime Scene) หมายถึง สถานที่ที่มีการกระทําความผิดเกิดขึ้น และสามารถหาวตั ถพุ ยานไดด ว ย ซง่ึ จะทาํ ใหผ ทู ไี่ ปตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุ สามารถอา นสภาพของสถานท่ี เกิดเหตุไดวาใครควรจะเปนผูกระทําความผิด ทําอยางไร ดวยวิธีใด เมื่อเวลาอะไร และประสงค ตออะไร ผูกระทําความผิดมักท้ิงรองรอยหรือพยานหลักฐานเหลาน้ันไวในสถานที่เกิดเหตุเสมอ เพราะเหตุน้ี สถานที่เกิดเหตุ คอื หัวใจสําคญั ของงานสบื สวนสอบสวน ถา ทาํ การตรวจสถานทเี่ กิดเหตุ อยางมีข้ันตอนตามหลักวิชาการแลว จะทําใหสามารถใชประโยชนจากวัตถุพยานตาง ๆ ในสถานที่ เกดิ เหตุ รวมถงึ จากตวั ผเู สียหายและคนรา ยไดอ ยางเตม็ ที่ ซึ่งจะนาํ ไปสูค วามสาํ เร็จในการคล่คี ลายคดี นอกจากสถานที่เกิดเหตุตามความหมายขางตนแลว สถานท่ีอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวของกับการ กระทาํ ความผดิ เชน สถานทที่ ค่ี นรา ยรอเวลาเพอื่ ทจี่ ะกระทาํ ความผดิ สถานทที่ ศ่ี พถกู นาํ ไปทง้ิ สถานท่ี ทพ่ี บวตั ถพุ ยานทค่ี นรา ยนาํ ไปทง้ิ หลงั กอ เหตุ รวมไปถงึ บรเิ วณทเ่ี กยี่ วเนอื่ ง เชน บรเิ วณทพ่ี บตวั ผกู ระทาํ ผดิ บริเวณท่ีผูกระทําผิดหลบหนีไปซอนตัว บริเวณที่พักของผูกระทําความผิด และพาหนะที่ใชในการ กระทาํ ความผดิ กม็ คี วามสาํ คญั ไมแ ตกตา งกนั เพราะเราอาจพบวตั ถพุ ยานทส่ี าํ คญั ทสี่ ามารถเชอ่ื มโยง กับสถานท่เี กิดเหตุ และตวั บคุ คลท่เี ก่ียวกบั การกระทําความผดิ ได

๑๓๘ ò. ¤ÇÒÁสํา¤ÞÑ ¢Í§Ê¶Ò¹·èàÕ ¡Ô´àËμØ สถานท่ีเกิดเหตุมีความสําคัญตองานสืบสวนสอบสวนเปนอยางยิ่ง เนื่องจากเปนแหลง รวมของวัตถพุ ยานตาง ๆ ท่ีจะทาํ ใหท ราบขอ มลู ดงั ตอไปนี้ ๒.๑ บงบอกวามีการกระทําความผิดเกิดข้ึน (Corpus Delicti) ในสถานที่เกิดเหตุ จะตองพบพยานหลักฐานท่ีแสดงถึงวามีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลว เชน ถาเปนคดีฆาตกรรม ก็อาจพบศพ หรือช้ินสวนศพ ถาเปนคดีลักทรัพยเราก็อาจพบรองรอยรื้อคนทรัพยสิน และมีการ แสดงถึงวาทรัพยน นั้ หายไป เปน ตน ๒.๒ บง บอกถงึ พฤตกิ รรมการกระทาํ ความผดิ ของคนรา ย (Modus Operandi) ในสถานท่ี เกดิ เหตจุ ะมีวตั ถพุ ยานที่แสดงใหท ราบถึงวิธีการทคี่ นรา ยใชในการกระทําความผิด เชน รอยบาดแผล ซึง่ บงบอกถงึ อาวุธที่ใชใ นการกระทาํ ความผิด เปน ตน ๒.๓ บง บอกถงึ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ (Linkage of persons to persons, object or scene/ Associative) รองรอยหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุท่ีสามารถใชเชื่อมโยงตัวบุคคลกับวัตถุส่ิงของ และสถานท่ีเกิดเหตุ อาจเปนรองรอยที่คนรา ยท้งิ ไวใ นสถานทีเ่ กดิ เหตุ เชน อาวธุ ทใี่ ช รอยเทา เปอ น โลหิต ลายนวิ้ มือแฝง เปน ตน ó. ¢¹Ñé μ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ในสว นของขนั้ ตอนการตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตนุ จ้ี ะขอกลา วใหท ราบถงึ ขนั้ ตอนโดยภาพรวม ของการตรวจสถานท่ีเกดิ เหตุ ซ่ีงึ ปจจุบนั มี ๑๒ ขัน้ ตอน ตามระบบของ FBI แตจ ะเนนในสวนของการ ปองกันรกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ ซึง่ เปนภารกิจหลกั ของผชู วยพนกั งานสอบสวนเปน หลัก และจะเพ่ิมเตมิ ในสวนของการถายภาพในงานสถานท่ีเกิดเหตุ ซึ่งมีความสําคัญเชนกัน เพราะการถายภาพ สถานที่เกดิ เหตกุ เ็ ปนสวนหนง่ึ ของการรักษาสถานที่เกดิ เหตุ ¢éѹμ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·àÕè ¡Ô´àËμØ ñò ¢¹éÑ μ͹ μÒÁÃкº FBI ขนั้ ตอนที่ ๑ การเตรยี มตวั (Preparation) เปน การตรวจสอบความพรอ มทงั้ เจา หนา ที่ ในการตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตุ และอปุ กรณเ ครอื่ งมอื ทใี่ ชใ นการตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุ รวมถงึ การประเมนิ สถานการณที่อาจเกิดขึน้ ขณะการตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ขั้นตอนท่ี ๒ เมอ่ื ใกลถ งึ สถานทเ่ี กดิ เหตุ (Approach Scene) เปน การเตรยี มความพรอ ม ครง้ั สุดทายในทุก ๆ ดาน เชน จติ ใจ เอกสาร อปุ กรณ ฯลฯ เพือ่ ใหเ จาหนาท่มี คี วามพรอมมากทีส่ ดุ ในการเขา ตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ขน้ั ตอนท่ี ๓ การรักษาความปลอดภัยและการรักษาสถานที่เกิดเหตุ (Secure and Protect Scene) เม่ือถึงสถานท่ีเกิดเหตุตองพิจารณาขอบเขตในการปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เพ่ือใหครอบคลุมวัตถุพยานทั้งหมด โดยตองไมลืมถึงความปลอดภัยในสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงการ จดบนั ทึกเหตกุ ารณตาง ๆ ท่เี กิดขึน้ ในสถานท่เี กดิ เหตุ

๑๓๙ ข้นั ตอนท่ี ๔ การตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตเุ บอ้ื งตน (Initiate Preliminary Survey) เปน การ ตรวจสถานท่ีเกดิ เหตเุ บือ้ งตน โดยหัวหนาทมี เพอ่ื กาํ หนดรูปแบบวธิ กี ารของทีมใหเ หมาะสมกบั สภาพ ของสถานทีเ่ กิดเหตรุ วมถงึ การบันทกึ สภาพทวั่ ๆ ไป ขัน้ ตอนที่ ๕ การประเมนิ พยานหลกั ฐานทพี่ บในสถานทเ่ี กดิ เหตุ (Evaluate Physical Evidence Possibility) เปนการประเมินถึงพยานหลักฐานที่อาจพบในสถานที่เกิดเหตุ เพ่ือจะได ครอบคลุมในการคนหาวตั ถุพยานและปองกันการทาํ ลายวัตถุพยาน ข้ันตอนท่ี ๖ การเตรียมบรรยายสรุปสภาพของสถานที่เกิดเหตุ (Prepare Narrative Description) บรรยายสภาพทั่วไปและลักษณะพิเศษของสถานท่ีเกิดเหตุ ซ่ึงการบันทึกอาจทําได หลายวธิ ี เชน บนั ทกึ เสียง การเขยี น หรอื บันทึกวดิ โี อ ขน้ั ตอนที่ ๗ การกําหนดการถา ยภาพ (Depict Scene Photographically) ถา ยภาพ สภาพของสถานทเ่ี กดิ เหตทุ ง้ั ระยะใกล กลาง และไกล โดยใหครอบคลุมสภาพหรือพฤตกิ ารณท เี่ กิดขนึ้ ในสถานท่ีเกดิ เหตุ โดยเฉพาะวัตถุพยานทีพ่ บในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ขน้ั ตอนที่ ๘ เตรยี มการวาดแผนผงั การสเกต็ ชภ าพสถานทเี่ กดิ เหตุ (Prepare Diagram / Sketch of Scene) เปนการสเก็ตชภาพของสถานท่ีเกดิ เหตุ โดยมกี ารกาํ หนด ทิศ มาตราสว น และ ระยะตา ง ๆ ข้นั ตอนท่ี ๙ การตรวจสถานที่เกิดเหตุอยางละเอียด (Conduct Detailed Search) เปนการคนหาพยานหลักฐานท่ีอาจพบในสถานท่ีเกิดเหตุ โดยการคนหาจะใชรูปแบบตาม ความเหมาะสม เชน แบบตาราง กน หอย ฯลฯ ข้นั ตอนที่ ๑๐ การบันทกึ และการตรวจเก็บหลักฐาน (Record and Collect Physical Evidence) เปนการบันทึกตําแหนงและถายภาพพยานหลักฐาน เพ่ือกําหนดตําแหนงของพยาน หลักฐานกอนการเก็บพยานหลกั ฐาน ขนั้ ตอนท่ี ๑๑ การตรวจสอบคร้ังสุดทา ย (Conduct Final Survey) เปน การตรวจสอบ ความสมบรู ณข องขอ มลู ตา ง ๆ รวมถงึ การเกบ็ พยานหลกั ฐานวา ไดก ระทาํ ถกู ตอ งและครบถว นสมบรู ณ หรือไม ข้ันตอนท่ี ๑๒ การออกและสงคืนสถานท่ีเกิดเหตุ (Release Scene) การสงมอบคืน สถานทีเ่ กิดเหตุ ตองมีบนั ทกึ วัน เวลา ท่สี งมอบคืนสถานทีเ่ กดิ เหตุ ขนั้ ตอนในสว นที่จะเนนใหท า นมีความรคู วามเขาใจ และใชเปน แนวทางในการปฏบิ ตั ิ คอื ขน้ั ตอนปอ งกันรักษาสถานท่เี กดิ เหตุ ซงึ่ จะไดกลา วในหัวขอ ถัดไป

๑๔๐ ô. ¡Òû‡Í§¡¹Ñ Ã¡Ñ ÉÒʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ เมื่อมีการกระทําความผิดเกิดขึ้น สถานท่ีเกิดเหตุเปนสถานที่ท่ีไดรับความสนใจจาก ประชาชน และสอื่ มวลชนจาํ นวนมาก ปจ จบุ นั อาชญากรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ กม็ คี วามรนุ แรงและซบั ซอ นมากขนึ้ เมอื่ มฝี งู ชนหรอื สอ่ื มวลชนจาํ นวนมากเขา มายงั พนื้ ทเ่ี กดิ เหตุ อาจสง ผลตอ วตั ถพุ ยานทก่ี ระจดั กระจาย ในสถานท่ีเกิดเหตุถูกเหยียบย่ําทําใหเกิดความเสียหายมากขึ้น เจาหนาท่ีตํารวจท่ีเกี่ยวของจึงจําเปน ตองมีการปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เพื่อปองกันรักษาวัตถุพยานที่จะนําไปสูการคล่ีคลายคดี การปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เปนการท่ีเจาหนาท่ีชุดแรกท่ีไปถึงสถานท่ีเกิดเหตุ รวมถึงเจาหนาที่ ที่ตามไปสมทบในภายหลังระวังปองกันขอเท็จจริงและวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ มิใหไดรับ ความเสียหายหรอื ถูกทาํ ลายจากการกระทําของบคุ คล สัตวหรือธรรมชาติ โดยกอนท่ีจะทราบถึงหลักการปองกันรักษาสถานที่เกิดเหตุ ก็ควรตองรูถึงปจจัยที่ทําให สถานทเี่ กิดเหตุไดร ับความเสียหาย และขอบเขตของการรกั ษาสถานทเ่ี กิดเหตุ ซงึ่ มีรายละเอียดดงั นี้ ô.ñ »¨˜ ¨ÂÑ ·èทÕ าํ ãˌʶҹ·àèÕ ¡´Ô àËμäØ ´ŒÃºÑ ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒ ไดแ ก ๔.๑.๑ บุคคลภายนอกทไี่ มเกีย่ วของเขาไปในสถานท่เี กิดเหตุ ๔.๑.๒ ผูม าเฝา สถานทเ่ี กิดเหตุชา ไป ๔.๑.๓ มกี ารเปลี่ยนแปลงสถานท่เี กิดเหตุ โดยความตัง้ ใจของคนราย ๔.๑.๔ สภาพภมู ปิ ระเทศหรอื ดนิ ฟา อากาศ ๔.๑.๕ ความพล้ังเผลอของเจาหนา ที่ตํารวจ ô.ò ÊèÔ§·μèÕ ÍŒ §คาํ ¹§Ö ¶Ö§¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒʶҹ·Õèà¡´Ô àËμØ ไดแก ๔.๒.๑ สภาพภมู ิศาสตร ดนิ ฟา อากาศ ๔.๒.๒ ปริมาณการจราจร ๔.๒.๓ ชนดิ ของเหตุท่ีเกดิ ขนึ้ ๔.๒.๔ ลกั ษณะของสถานที่เกดิ เหตุ ๔.๒.๕ ลักษณะท่ีอาศยั ท่ไี ดรับความเสยี หาย ๔.๒.๖ ชอ งทางทผี่ ูกระทาํ ความผดิ บกุ รุกหรือหลบหนี ฉะนนั้ เมอื่ ไดร บั แจง วา มเี หตเุ กดิ ขนึ้ ในการรกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ มขี น้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ ในเบ้อื งตน พอสรปุ ได ดงั นี้ ๑. รีบไปถงึ สถานที่เกิดเหตโุ ดยเรว็ ๒. ระงบั เหตุ ชวยเหลอื ผบู าดเจบ็ ๓. กน้ั สถานท่ีเกดิ เหตุ ๔. เขาสํารวจสถานทีเ่ กดิ เหตุเบื้องตน ถึงทางเขา - ออก ของคนรา ย ๕. ตรวจสอบบริเวณหองเกิดเหตุหลักและแยกบุคคลท่ีอยูในสถานที่เกิดเหตุ ใหอยูน อกโซนของหอ งเกิดเหตหุ ลกั

๑๔๑ ๖. หา มบุคคลเขา - ออกในท่ีเกดิ เหตโุ ดยเด็ดขาด ๗. จดบันทึกรายละเอียดของที่เกิดเหตุ สเก็ตชแผนท่ีเกิดเหตุ และถายรูป หรอื วิดโี อสถานทเี่ กดิ เหตุ ๘. รักษาสถานที่เกิดเหตุรอพนักงานสอบสวนและผูบงั คบั บญั ชา ô.ó ÇÔ¸Õ»‡Í§¡¹Ñ ÃÑ¡ÉÒʶҹ·Õèà¡´Ô àËμØ ÁÕ¢ŒÍ¾Ô¨ÒÃ³Ò ดังนี้ ๔.๓.๑ กรณสี ถานทเี่ กดิ เหตอุ ยใู นตัวอาคาร ใหปดล็อกประตูทางเขาทุกบาน ใชเชือกหรือเฟอรนิเจอรก้ันบริเวณ ท่เี กิดเหตุไว ปดกนั้ ทางเขา - ออก บรเิ วณท่ผี กู ระทําผดิ ผานเขา - ออก และทกุ จุดทผี่ ูกระทําความผิด เขาไปกออาชญากรรม ๔.๓.๒ กรณสี ถานทเี่ กดิ เหตุอยนู อกตวั อาคาร ใชเชอื กกน้ั (Police Line) หรอื แผงเหล็กจราจรลอ มบริเวณทเ่ี กดิ เหตไุ ว ควรก้ันพื้นที่ใหกวางกวาบริเวณท่ีเกิดเหตุ และจัดเจาหนาท่ีเฝาปองกันบุคคลผูไมเก่ียวของเขาไปใน สถานที่เกิดเหตทุ ่ลี อมไว ๔.๓.๓ กรณีมบี ุคคลผไู มเ กี่ยวของหรือไมมีหนาท่ีเขา ไปในสถานทเ่ี กดิ เหตุ จํากัด บุคคลเฉพาะผูมีหนาท่ีตรวจสถานท่ีเกิดเหตุเทานั้น ควรใหมีเจาหนาที่จํานวนนอยที่สุดท่ีจะเขาไปใน สถานท่ีเกดิ เหตุ และจดั สถานทเี่ ฉพาะสําหรับผบู ังคับบัญชา และสือ่ มวลชน ๔.๓.๔ กรณพี บผูบาดเจ็บในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ใหรีบเคลื่อนยายสงโรงพยาบาลกอน (แมวาวัตถุพยานบางอยาง จะเสยี หายไป แตช วี ติ คนยอ มสาํ คญั กวา ) ทง้ั น้ี ควรจดั เจา หนา ทไ่ี ปพรอ มกบั คนบาดเจบ็ ดว ย รวมไปถงึ การบนั ทกึ และถา ยภาพสงิ่ ทต่ี อ งมกี ารเคลอื่ นยา ยกอ นพนกั งานสอบสวนหรอื เจา หนา ทพ่ี สิ จู นห ลกั ฐาน จะมาถึง ๔.๓.๕ กรณีพบศพในสถานที่เกดิ เหตุ ควรรักษาสภาพเดิมของศพ หามเคลื่อนยายโดยเด็ดขาด ถาจําเปนตอง เคล่ือนยายศพ ใหบันทึกรายละเอียดของลักษณะท่ีเกิดเหตุ และตําแหนงศพไว โดยการจดบันทึก ระบุตาํ แหนง และถายภาพ ๔.๓.๖ กรณีพบวตั ถุพยานในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ไมค วรจบั ตอ งหรอื เคลอ่ื นยา ยวตั ถพุ ยานจากตาํ แหนง เดมิ ทพี่ บในตอนแรก ถาจําเปนตองมีการเคลื่อนยายวัตถุพยาน เพ่ือมิใหรองรอยและวัตถุพยานสูญหายหรือเสียสภาพ เจาหนาท่ีตํารวจที่ไปถึงสถานที่เกิดเหตุเปนชุดแรก สามารถตรวจเก็บรองรอยวัตถุพยานหลักฐาน ไดต ามเหตุผลขางตน โดยตองปฏิบตั ิใหถกู ตองตามหลักวชิ าการ คือ ๔.๓.๖.๑ ตองจดบันทึกรองรอยวัตถุพยานหลักฐานถึงความจําเปน ท่ีตอ งเก็บ

๑๔๒ ๔.๓.๖.๒ กอ นการตรวจเกบ็ ตอ งถา ยภาพระยะไกล ระยะกลาง ระยะใกล และระยะใกลแบบมสี เกล ๔.๓.๖.๓ ตองสเก็ตชภาพสถานท่ีเกิดเหตุ และรองรอยวัตถุพยาน หลกั ฐาน ในสถานที่เกิดเหตถุ ึงความสมั พนั ธก ัน õ. ¡Òöҋ ÂÀҾ㹧ҹʶҹ·èàÕ ¡´Ô àËμØ เปนการบรรยายลักษณะสถานท่ีเกิดเหตุโดยใชภาพถายเพ่ือบันทึกสิ่งที่ตามองเห็น และอาจลมื ได เพอ่ื แสดงทตี่ งั้ ของพยานหลกั ฐาน ทาํ ใหศ าลมองเหน็ ภาพอยา งชดั เจน หลกั การเบอ้ื งตน ในการถายภาพสถานท่ีเกิดเหตุ มดี งั น้ี ๕.๑ การถา ยภาพระยะไกล เปน การถา ยภาพรวมแสดงใหเ หน็ ถงึ ตาํ แหนง ทต่ี งั้ ของสถานท่ี เกดิ เหตุ เชน ถา ยภาพใหเ หน็ ปา ยชอ่ื ถนน ชอื่ ซอย ลกั ษณะอาคารหรอื สงิ่ กอ สรา งทอ่ี ยขู า งเคยี ง เปน ตน ๕.๒ การถายภาพระยะกลาง เปนการถายภาพใหเห็นพยานหลักฐานโดยรวมที่อยูใน ตําแหนงท่ีต้ังภายในสถานท่ีเกิดเหตุ แสดงใหเห็นความสัมพันธกับพ้ืนที่โดยรอบ ถายภาพทั้งกอน และหลงั วางปา ยหมายเลข ระบุตําแหนงหลักฐาน ๕.๓ การถายภาพระยะใกล เปนการถา ยภาพหลกั ฐานช้นิ ตาง ๆ ในระยะใกล ๕.๔ การถา ยภาพระยะใกลแ บบมสี เกล เปน การถา ยภาพหลกั ฐานชน้ิ ตา ง ๆ ในระยะใกล และมสี เกลกํากับไว ¡Òöҋ ÂÀÒ¾ã¹Ã»Ù ẺÍè¹× æ ·àèÕ »š¹»ÃÐ⪹μ‹Í¡ÒÃμÃǨʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμØ ๑. การถายภาพในมุมสูง เพื่อใหเห็นรายละเอียดและความเชื่อมโยงของเหตุการณ และหลักฐาน ๒. การถา ยภาพคนจาํ นวนมาก ทมี่ งุ ดเู หตอุ าชญากรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยถา ยภาพจากหลาย ๆ มมุ ของสถานทเ่ี กิดเหตุ เผ่อื มคี นรา ยยนื ปะปนอยกู ับคนจํานวนมากดงั กลา ว ö. ¡ÒÃà¡çºÃǺÃÇÁáÅÐÃÑ¡ÉÒÇÑμ¶Ø¾ÂÒ¹ (Collection and Preservation of Physical Evidence) สงิ่ สาํ คญั ทจ่ี ะตอ งรวบรวมและระบรุ ายการของหลกั ฐาน รวมไปถงึ การรกั ษาหว งโซห ลกั ฐาน ทเี่ หมาะสม กด็ ว ยเหตุผลสองประการ ประการแรก คือ ตองสามารถทจ่ี ะพิสูจนว าวตั ถุพยานรายการ ที่นํามาใชในศาล เปนรายการเดียวกันที่ถูกเก็บรวบรวมไวในสถานท่ีเกิดเหตุ ประการท่ีสอง คือ ตอ งใหแ นใ จวา รายการจะไมถ กู เปลย่ี นแปลง หรอื การปนเปอ นระหวา งเวลาทเี่ กบ็ รวบรวมและเวลาทถี่ กู ตรวจสอบ หรือเขามาเปนหลักฐาน วัตถุประสงคท้ังสองประการ จะประสบความสําเร็จไดดี ก็ดวยบรรจภุ ณั ฑทเ่ี หมาะสม และการปด ผนึกของหลกั ฐาน และทส่ี าํ คญั คอื การรักษาหวงโซข องวตั ถุ พยานทเี่ หมาะสม

๑๔๓ หลกั การเบอ้ื งตน ในการเก็บรวบรวมวตั ถพุ ยาน ๑. ตอ งเกบ็ วัตถพุ ยานซีึง่ จะสูญหายหรือเสยี หาย เปน ลําดับแรก ๒. ในกรณีที่มีวัตถุพยานหลายชนิด ไมควรเก็บไวในท่ีเดียวกัน เพราะอาจทําใหเกิด การสบั สน ปนเปอ น และอาจทาํ ใหวัตถุพยานเสียสภาพไป ๓. การตรวจเก็บวัตถพุ ยาน ควรกระทําโดยผูทมี่ ีอํานาจหนา ทโี่ ดยตรงเทาน้ัน ๔. กระบวนการเก็บวัตถุพยาน จนถึงขั้นตอนการตรวจพิสูจนหลักฐาน วัตถุพยาน ควรผา นมอื คนใหน อยท่ีสุด ๕. ควรมีลกู โซข องการครอบครองหลกั ฐาน การเก็บรวบรวมและรกั ษาวัตถพุ ยาน ควรดาํ เนนิ การตามหลักการขางตน และจะมคี วาม แตกตา งกันไป ขึ้นกบั ประเภทหลกั ฐาน ดังน้ี ö.ñ ¡ÒÃμÃǨà¡çºÇÑμ¶Ø¾ÂÒ¹»ÃÐàÀ·ÅÒ¹éÔÇÁ×Í ½Ò† Á×Í áÅн҆ à·ŒÒ ควรเกบ็ ในลกั ษณะทไี่ มค วรใหส มั ผสั กบั วตั ถอุ น่ื ไมค วรใชห รอื กระดาษหอ วตั ถพุ ยาน ที่ตองนํามาตรวจลายนิ้วมือ ฝามือ หรือฝาเทา เพราะอาจทําใหลายน้ิวมือ หรือฝามือแฝงถูกลบได ในหัวขอน้ีจะนําเสนอการตรวจเก็บลายนิ้วมือ ฝามือ และฝาเทาในสถานที่เกิดเหตุ ตามท่ีไดทราบ มาแลว วา เราจะพบลายน้ิวมือ ฝา มือ และฝา เทา ในสถานที่เกดิ เหตุ ได ๒ ลกั ษณะ คือ ลายนว้ิ มอื ที่มองดว ยตาเปลาเห็น และลายนิ้วมอื ที่มองดวยตาเปลาไมเ หน็ หรอื เห็นไมช ดั การตรวจหาลายนวิ้ มอื ในสถานทเ่ี กดิ เหตุ ในสว นนเ้ี ราจะกลา วถงึ การตรวจหารอย ลายนวิ้ มอื แฝง ฝา มอื แฝง และฝา เทา แฝง ในสถานทเ่ี กดิ เหตุ ซงึ่ เปน การตรวจหาดว ยตาเปลา ในบรเิ วณ ท่ีสงสัยวาจะมีลายนิ้วมือประทับและตรวจเก็บลายนิ้วมือที่มองไมเห็นดวยตาเปลา ทําใหมองเห็น โดยการใชผ งฝนุ บริเวณทีต่ องสงสยั วาจะมลี ายนิว้ มอื ปรากฏ เชน ทางเขา - ออกของคนราย, บริเวณ ท่มี ีการรอื้ คน ทรพั ยส นิ , บริเวณอาวุธท่ใี ช, บริเวณท่ีมีการขยับหรือเคลอ่ื นยา ยส่งิ ของ เปนตน ö.ñ.ñ ¡ÒÃμÃǨࡺç ÃÍÂÅÒ¹éÇÔ ÁÍ× ½Ò† ÁÍ× áÅн†Òà·ÒŒ á½§ วิธกี ารตรวจเก็บลายนิว้ มือ ฝา มอื และฝาเทาแฝง สามารถแยกได ๘ วธิ ี ไดแ ก ๑.วธิ แี หง หรือผงฝุน ๒.วิธเี ปย ก ๓.วธิ ีกา ซ ๔.วิธลี อกลายนวิ้ มอื ๕.วธิ กี ารถา ยภาพ ๖.วิธใี ชแสง ๗.วิธีหลอรองรอย และ ๘.ใชเ ครอื่ งมือ Dust Print Lifter Electrostatic ในสว นน้ีจะกลา วไวเพียง วิธแี หงหรือการใชป ด ผงฝนุ ดํา และวธิ กี ารหลอรอ งรอย วธิ ปี ด ผงฝนุ เปน วธิ พี นื้ ฐานทใ่ี ชใ นการปด เกบ็ ลายนวิ้ มอื แฝงหรอื ลายนว้ิ มอื ทม่ี องไมเ หน็ และใชเ ทปลอกตดิ บนกระดาษรองรบั หรอื โดยการถา ยภาพ วธิ นี ไ้ี ดผ ลกบั การเกบ็ ลายนวิ้ มอื ทมี่ องไมเ หน็ หรอื ไมช ดั บนพน้ื ผวิ ทเี่ รยี บ เชน กระจก แกว กระเบอื้ ง วตั ถทุ าสี โลหะตา ง ๆ พลาสตกิ ฯลฯ วิธีนเ้ี ปนวิธที างฟส กิ ส เพอ่ื ใหไ ดล ายนิว้ มอื ทมี่ สี ีแตกตา ง โดยการใชผงฝนุ ปด ผงฝนุ จะตดิ กับความช้นื และไขมันของสารท่ขี บั ถายออกทางนวิ้ มือ มอี ุปกรณท ่ใี ชแ ละรายละเอยี ด ดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook