๙๔ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา “สถานท่ี” หมายความวา อาคารหรือสวนของอาคาร และใหหมายความรวมถึงบริเวณ ของอาคารนั้น “เภสัชกร” หมายความวา ผูประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายวาดวยวิชาชีพ เภสัชกรรม “ขอ ความ” หมายความวา เรอ่ื งราวหรอื ขอ เทจ็ จรงิ ไมว า จะปรากฏในรปู แบบของตวั อกั ษร ภาพ ภาพยนตร แสง เสยี งหรอื เคร่อื งหมาย และใหหมายความรวมถึงการกระทําใด ๆ ใหป รากฏดวย ส่ิงน้นั อันทาํ ใหบ คุ คลทว่ั ไปสามารถเขาใจความหมายได “โฆษณา” หมายความวา การเผยแพรหรือการส่ือความหมายไมวากระทําโดยวิธีใด ๆ ใหประชาชนเห็นหรือทราบขอความเพื่อประโยชนในทางการคา แตไมรวมถึงเอกสารทางวิชาการ หรอื ตาํ ราทเี่ ก่ยี วกบั การเรยี นการสอน “หนวยงานของรัฐ” หมายความวา ราชการสวนกลาง ราชการสวนภูมิภาค ราชการ สวนทองถ่ิน รฐั วสิ าหกจิ องคก ารมหาชน และหนว ยงานอน่ื ของรัฐ “ผรู บั อนญุ าต” หมายความวา ผไู ดร บั ใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ในกรณที นี่ ติ บิ คุ คล เปนผูรับใบอนุญาต ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งนิติบุคคลแตงต้ังใหเปนผูดําเนินกิจการเก่ียวกับวัตถุ ออกฤทธ์ดิ วย “ผูอนญุ าต” หมายความวา (๑) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือผูซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา นอกจากการอนุญาตใน (๒) (๒) ผวู า ราชการจงั หวดั ในจงั หวดั อน่ื นอกจากกรงุ เทพมหานคร หรอื ผซู งึ่ ไดร บั มอบหมาย จากผูวาราชการจังหวดั นนั้ เฉพาะสําหรบั การอนญุ าตใหขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ การส่ังพักใชใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตดังกลาว ในจังหวัดที่อยูในเขต อาํ นาจ “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการวตั ถทุ ่อี อกฤทธติ์ อจิตและประสาท “พนกั งานเจา หนา ท”่ี หมายความวา ผซู ง่ึ รฐั มนตรแี ตง ตงั้ ใหป ฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ “เลขาธกิ าร” หมายความวา เลขาธกิ ารคณะกรรมการอาหารและยา “รฐั มนตรี” หมายความวา รัฐมนตรีผูรกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ไมใชบังคับแกสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และใหส ํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารายงานการรับ การจาย การเก็บรกั ษาและวธิ กี ารปฏบิ ตั ิ อยา งอ่ืนที่เก่ยี วกบั การควบคมุ วัตถอุ อกฤทธ์ิตอ คณะกรรมการทุกหกเดอื นของปปฏทิ นิ
๙๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมีอํานาจแตงต้ังพนักงานเจาหนาที่ ออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียมไมเกินอัตราทาย พระราชบญั ญตั นิ ้ี ยกเวน คา ธรรมเนยี มและกาํ หนดกจิ การอนื่ กบั ออกประกาศ ทงั้ น้ี เพอื่ ปฏบิ ตั กิ ารตาม พระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงและประกาศน้นั เม่ือไดประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลวใหใชบงั คับได มาตรา ๗ ใหร ฐั มนตรโี ดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการมอี าํ นาจประกาศกาํ หนดในเรอื่ ง ดังตอไปน้ี (๑) ระบชุ อ่ื และจดั แบง ประเภทวตั ถอุ อกฤทธวิ์ า วตั ถอุ อกฤทธอิ์ ยใู นประเภทใดประเภทหนงึ่ ดงั ตอไปนี้ (ก) ประเภท ๑ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ ไี่ มใ ชใ นทางการแพทย และอาจกอ ใหเ กดิ การนาํ ไปใช หรือมีแนวโนมในการนาํ ไปใชในทางที่ผิดสงู (ข) ประเภท ๒ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ใ่ี ชใ นทางการแพทย และอาจกอ ใหเกดิ การนาํ ไปใช หรอื มีแนวโนมในการนาํ ไปใชใ นทางทผี่ ดิ สูง (ค) ประเภท ๓ วัตถุออกฤทธ์ิทีใ่ ชในทางการแพทย และอาจกอใหเกิดการนําไปใช หรอื มแี นวโนมในการนําไปใชในทางท่ผี ิด (ง) ประเภท ๔ วัตถุออกฤทธท์ิ ่ีใชใ นทางการแพทย และอาจกอใหเกิดการนําไปใช หรอื มแี นวโนมในการนําไปใชใ นทางท่ผี ิดนอยกวาประเภท ๓ (๒) กาํ หนดมาตรฐานวา ดว ยปรมิ าณ สว นประกอบ คณุ ภาพ ความบรสิ ทุ ธหิ์ รอื ลกั ษณะอนื่ ของวตั ถอุ อกฤทธิ์ ตลอดจนการบรรจุและการเก็บรักษาวัตถุออกฤทธิต์ าม (๑) (๓) เพิกถอนหรอื เปล่ียนแปลงช่ือหรือประเภทวตั ถอุ อกฤทธิ์ตาม (๑) (๔) ระบชุ อ่ื และประเภทวตั ถอุ อกฤทธท์ิ ห่ี า มผลติ ขาย นาํ เขา สง ออก นาํ ผา นหรอื มไี วใ น ครอบครอง (๕) ระบุชอ่ื วตั ถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ซง่ึ อนญุ าตใหผ ลิตเพือ่ สง ออกและสง ออกได (๖) ระบชุ อื่ และประเภทวตั ถอุ อกฤทธท์ิ ต่ี อ งมคี าํ เตอื นหรอื ขอ ควรระวงั และขอ ความของ คําเตอื นหรือขอ ควรระวงั ใหผ ใู ชร ะมดั ระวังตามความจาํ เปนเพอ่ื ความปลอดภยั ของผใู ช (๗) ระบุช่อื และประเภทวัตถอุ อกฤทธ์ทิ ต่ี องแจงกําหนดการสิ้นอายไุ วใ นฉลาก (๘) เพกิ ถอนทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ระบวุ ตั ถตุ าํ รบั ใหเ ปน วตั ถตุ าํ รบั ยกเวน และเพกิ ถอนวตั ถุ ตํารับยกเวน (๙) กําหนดหลักเกณฑและวิธีการในการกําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ที่ผูอนุญาต จะอนุญาตใหผลิต ขาย นําเขาหรอื มไี วใ นครอบครอง
๙๖ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๕ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา (๑๐) กําหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ท่ีผูประกอบวิชาชีพ เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทันตกรรมหรอื ผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช นั้ หนึ่งมีไวในครอบครอง ไดตามมาตรา ๙๐ (๑๑) ระบุช่ือและประเภทวัตถุออกฤทธ์ิที่ประเทศหนึ่งประเทศใดหามนําเขาตาม มาตรา ๑๑๑ (๑๒) กําหนดสถานท่ีแหงใดในราชอาณาจักรใหเปนดานตรวจสอบวัตถุออกฤทธ์ิท่ีนําเขา สง ออก หรอื นาํ ผา น (๑๓)ระบหุ นว ยงานของรัฐตามมาตรา ๒๑ (๒) มาตรา ๔๗ วรรคหนง่ึ มาตรา ๘๙ (๓) และมาตรา ๙๗ วรรคหนง่ึ (๑๔)กําหนดสถานพยาบาลตามพระราชบญั ญัตินี้ (๑๕)กาํ หนดระเบยี บขอ บงั คบั เพอื่ ควบคมุ การบาํ บดั รกั ษาและระเบยี บวนิ ยั สาํ หรบั สถาน พยาบาล หมวด ๑ คณะกรรมการวัตถทุ ่อี อกฤทธต์ิ อ จติ และประสาท มาตรา ๘ ใหมีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกวา “คณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธ์ิตอจิต และประสาท” ประกอบดว ย ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ เปน ประธานกรรมการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการ กฤษฎกี า อยั การสงู สดุ ผบู ญั ชาการตาํ รวจแหง ชาติ อธบิ ดกี รมการปกครอง อธบิ ดกี รมการแพทย อธบิ ดี กรมคุมประพฤติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการ สุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม ยาเสพตดิ นายกแพทยสภา นายกสภาเภสชั กรรม และผทู รงคณุ วฒุ อิ กี ไมเ กนิ เจด็ คน ซง่ึ รฐั มนตรแี ตง ตงั้ จากผูมีความรู ความสามารถหรือประสบการณเ กี่ยวกบั วัตถอุ อกฤทธ์ิ เปนกรรมการ ใหเลขาธิการเปนกรรมการและเลขานุการ และผูอํานวยการกองควบคุมวัตถุเสพติด สํานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา เปนกรรมการและผชู ว ยเลขานุการ มาตรา ๙ กรรมการผทู รงคณุ วุฒิมีวาระการดาํ รงตาํ แหนง คราวละสามป เมื่อครบกําหนดตามวาระดังกลาวในวรรคหนึ่ง หากยังมิไดมีการแตงตั้งกรรมการ ผูทรงคุณวุฒิขึ้นใหม ใหกรรมการซึ่งพนจากตําแหนงตามวาระนั้นอยูในตําแหนงเพื่อดําเนินงาน ตอไปจนกวา กรรมการซึ่งไดรบั แตงต้งั ใหมเ ขารับหนา ที่ กรรมการผทู รงคณุ วฒุ ิซงึ่ พนจากตาํ แหนงตามวาระอาจไดร ับการแตงตงั้ อีกได
๙๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๐ นอกจากการพน จากตาํ แหนง ตามวาระ กรรมการผทู รงคณุ วฒุ พิ น จากตาํ แหนง เมอื่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) รัฐมนตรีใหออก เพราะมีความประพฤติเส่ือมเสีย บกพรองหรือไมสุจริตตอหนาท่ี หรอื หยอนความสามารถ (๔) เปนคนไรความสามารถหรือคนเสมือนไรความสามารถ (๕) ไดร บั โทษจาํ คกุ โดยคาํ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ าํ คกุ เวน แตเ ปน โทษสาํ หรบั ความผดิ ทไี่ ด กระทําโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ (๖) ถูกส่ังพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตประกอบ โรคศลิ ปะ หรือใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี อน่ื เมอ่ื กรรมการผทู รงคณุ วฒุ พิ น จากตาํ แหนง กอ นวาระ ใหร ฐั มนตรแี ตง ตงั้ ผอู นื่ เปน กรรมการ แทน และใหผูน้นั อยใู นตําแหนงตามวาระของกรรมการซง่ึ ตนแทน มาตรา ๑๑ การประชมุ ของคณะกรรมการ ตอ งมกี รรมการมาประชมุ ไมน อ ยกวา กงึ่ หนงึ่ ของจาํ นวนกรรมการทงั้ หมด จงึ เปนองคป ระชมุ ใหประธานกรรมการเปนประธานในท่ีประชุม ถาประธานกรรมการไมมาประชุม หรอื ไมอ าจปฏิบตั ิหนา ทไี่ ด ใหกรรมการท่มี าประชมุ เลือกกรรมการคนหนึ่งเปน ประธานในท่ปี ระชุม การวินจิ ฉัยช้ีขาดของทปี่ ระชมุ ใหถ อื เสียงขา งมาก กรรมการคนหน่ึงใหมีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธาน ในที่ประชมุ ออกเสียงเพิ่มขึน้ อีกเสยี งหนึ่งเปนเสียงช้ขี าด มาตรา ๑๒ ใหคณะกรรมการมีอาํ นาจหนา ท่ี ดงั ตอไปนี้ (๑) ใหค ําแนะนําตอ รัฐมนตรีเพอื่ ปฏิบตั ิการตามมาตรา ๗ (๒) ใหค วามเห็นชอบตอ ผูอนุญาตในการขึน้ ทะเบียนวัตถตุ าํ รบั (๓) ใหค วามเหน็ ชอบตอ ผอู นญุ าตในการสง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื การเพกิ ถอนใบอนญุ าต (๔) เสนอความเหน็ ตอ รฐั มนตรใี นการออกกฎกระทรวงเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (๕) ใหความเห็นหรือคาํ แนะนาํ ตอ ผูอนญุ าตในการปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๖) ปฏบิ ตั กิ ารอนื่ ตามทพี่ ระราชบญั ญตั นิ บ้ี ญั ญตั ใิ หเ ปน อาํ นาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการ หรอื ตามทีร่ ฐั มนตรมี อบหมาย มาตรา ๑๓ ใหคณะกรรมการมีอํานาจแตงตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา ศึกษา หรอื วจิ ยั เกยี่ วกบั เรอ่ื งทอ่ี ยใู นอาํ นาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการ และใหน าํ ความในมาตรา ๑๑ มาใชบ งั คบั แกการประชมุ ของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
๙๘ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา หมวด ๒ การขออนญุ าตและการออกใบอนุญาตเกีย่ วกบั วตั ถุออกฤทธิ์ มาตรา ๑๔ หา มผูใ ดผลิต ขาย นาํ เขา หรอื สงออกซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๑ เวน แต ไดรบั ใบอนญุ าตจากผูอ นุญาตเฉพาะในกรณจี าํ เปนเพอื่ ประโยชนของทางราชการ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง การผลิต นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๑ คํานวณเปนสารบริสุทธิ์ เกนิ ปรมิ าณทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง ใหส ันนษิ ฐานวา ผลติ นาํ เขาหรือสง ออกเพอ่ื ขาย มาตรา ๑๕ หา มผูใ ดผลิต นําเขาหรอื สง ออกซ่งึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ เวนแตไ ดรบั ใบอนุญาตจากผูอนญุ าตเฉพาะกรณดี งั ตอ ไปนี้ (๑) มีความจาํ เปน เพอื่ ประโยชนข องทางราชการ (๒) เปน ผไู ดร บั มอบหมายจากกระทรวงสาธารณสขุ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ หรอื (๓) เปน การผลติ เพอ่ื สง ออกและสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ บางชนดิ ทร่ี ฐั มนตรี ประกาศระบชุ ่ือตามมาตรา ๗ (๕) การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีกําหนดในกฎกระทรวง การพจิ ารณาอนญุ าตตามวรรคหนงึ่ ใหผ ขู ออนญุ าตเปน ผรู บั ผดิ ชอบชาํ ระคา ใชจ า ยในการ ตรวจวิเคราะหหรือประเมินเอกสารทางวิชาการ ตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการ กาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา การผลิต นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ คํานวณเปนสารบริสุทธิ์ เกนิ ปรมิ าณท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ใหส นั นิษฐานวาผลติ นาํ เขาหรือสง ออกเพื่อขาย มาตรา ๑๖ หา มผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ เวน แตไ ดร บั ใบอนญุ าตจากผอู นญุ าต การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๗ ผูอนุญาตอาจอนุญาตใหยานพาหนะที่ใชในการขนสงสาธารณะระหวาง ประเทศทจี่ ดทะเบียนในราชอาณาจักร นาํ เขาหรอื สงออกซงึ่ วัตถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ในปริมาณเทาท่ีจําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ในยานพาหนะนน้ั ได
๙๙ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๘ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๘ บทบัญญัติมาตรา ๑๕ ไมใ ชบ งั คับแก (๑) การนําวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ติดตัวเขามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ไมเกินปริมาณที่จําเปนตองใชรักษาเฉพาะตัวภายในสามสิบวัน โดยมีหนังสือรับรองของผูประกอบ วิชาชพี เวชกรรม ผูป ระกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผปู ระกอบวิชาชพี การสตั วแพทยชัน้ หน่งึ หรอื (๒) การนําเขาหรือสง ออกซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ในปริมาณเทาท่ีจําเปน ตอ งใช ประจาํ ในการปฐมพยาบาลหรอื ในกรณเี กดิ เหตฉุ กุ เฉนิ ในยานพาหนะทใี่ ชใ นการขนสง สาธารณะระหวา ง ประเทศ ซ่ึงไมไ ดจดทะเบยี นในราชอาณาจักร มาตรา ๑๙ ผูอนุญาตจะออกใบอนุญาตใหขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ได เมอ่ื ปรากฏวาผูขออนุญาตเปน (๑) หนว ยงานของรฐั ทมี่ หี นา ทบี่ าํ บัดรกั ษาหรือปอ งกนั โรค และสภากาชาดไทย (๒) หนว ยงานของรัฐทไ่ี ดร ับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๕ (๑) (๓) ผรู ับอนญุ าตผลิตหรือนําเขาตามมาตรา ๑๕ (๒) หรือ (๔) ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพ การสัตวแพทยชั้นหนึ่ง ซ่ึงเปนผูดําเนินการตามกฎหมายวาดวยสถานพยาบาล หรือกฎหมายวาดวย สถานพยาบาลสัตว แลวแตกรณี และ (ก) มีถ่ินท่อี ยใู นประเทศไทย (ข) ไมเคยไดรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุกสําหรับความผิดตาม กฎหมายวาดวยวัตถุที่ออกฤทธ์ติ อจติ และประสาท กฎหมายวา ดวยยาเสพตดิ ใหโ ทษ กฎหมายวาดวย การปองกันการใชสารระเหย กฎหมายวาดวยมาตรการในการปราบปรามผูกระทําความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพตดิ และกฎหมายวาดวยยา (ค) ไมอยูระหวางถูกส่ังพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยชั้นหน่ึง ใบอนุญาต ตามกฎหมายวา ดว ยยาเสพติดใหโทษหรอื ใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (ง) ไมเปนบุคคลวิกลจรติ หรอื จิตฟนเฟอนไมสมประกอบ (จ) ไมเ ปนคนไรค วามสามารถหรือคนเสมือนไรค วามสามารถ ในการพิจารณาอนุญาตตามวรรคหน่ึง ผูอนุญาตจะตองคํานึงถึงความจําเปนของผูขอ อนญุ าตในการมีไวเ พื่อขาย และจะกาํ หนดเงอื่ นไขตามทเ่ี ห็นสมควรกไ็ ด มาตรา ๒๐ หามผูใดผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือ ประเภท ๔ หรอื นาํ ผา นซึง่ วตั ถุออกฤทธิ์ทุกประเภท เวนแตไ ดรับใบอนญุ าตจากผูอนญุ าต
๑๐๐ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง การผลิต นาํ เขาหรอื สงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ หรือนําผาน ซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท คํานวณเปนสารบริสุทธ์ิเกินปริมาณที่กําหนดในกฎกระทรวง ใหสนั นิษฐานวาผลติ นาํ เขา สงออก หรือนําผา นเพอื่ ขาย มาตรา ๒๑ บทบัญญตั มิ าตรา ๒๐ ไมใ ชบงั คับแก (๑) การผลิตซ่ึงกระทําโดยการปรุง การแบงบรรจุหรือการรวมบรรจุวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ของเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมการขายตามมาตรา ๕๑ เฉพาะตาม ใบส่ังยาของผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมสําหรับคนไขเฉพาะราย หรือของผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช ้ันหนงึ่ สําหรบั สตั วเ ฉพาะราย (๒) การผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ โดยกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรอื หนว ยงานของรัฐตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาํ หนด (๓) การขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในสถานพยาบาลตามกฎหมาย วาดวยสถานพยาบาลของผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม ซ่ึงขายเฉพาะ สาํ หรบั คนไขท ตี่ นใหก ารรกั ษาพยาบาล หรอื ในสถานพยาบาลสตั วต ามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาลสตั ว ของผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทยช นั้ หนง่ึ ซง่ึ ขายเฉพาะสาํ หรบั สตั วท ตี่ นทาํ การบาํ บดั หรอื ปอ งกนั โรค (๔) การนาํ วตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ตดิ ตวั เขา มาในหรอื ออกไปนอก ราชอาณาจกั รไมเ กนิ ปรมิ าณทจี่ าํ เปน ตอ งใชร กั ษาเฉพาะตวั ภายในสามสบิ วนั โดยมหี นงั สอื รบั รองของ ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูป ระกอบวิชาชพี ทันตกรรมหรอื ผูประกอบวชิ าชพี การสัตวแพทยชน้ั หนึ่ง หรือ (๕) การนาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในปรมิ าณเทา ที่ จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะที่ใชในการขนสง สาธารณะระหวางประเทศ ซ่งึ ไมไ ดจดทะเบียนในราชอาณาจกั ร มาตรา ๒๒ ผอู นญุ าตจะออกใบอนญุ าตใหผ ลติ ขายหรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ไดเมอื่ ปรากฏวา ผขู ออนุญาต (๑) ไดรับใบอนุญาตผลิต ขายหรือนําเขาซึ่งยาแผนปจจุบันตามกฎหมายวาดวยยา แลว แตก รณี และ (๒) มีเภสชั กรอยูป ระจําตลอดเวลาทเ่ี ปด ทําการ ผอู นญุ าตจะออกใบอนุญาตใหสงออกซงึ่ วัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ได เมื่อปรากฏวาผูขออนุญาตไดรบั ใบอนญุ าตผลิต ขายหรือนาํ เขาซ่งึ วตั ถอุ อกฤทธิ์ตามวรรคหน่งึ แลว
๑๐๑ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา ใหผูรับอนุญาตผลิตหรือนําเขาซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิ ขายวัตถุออกฤทธ์ิดังกลาวที่ตนผลิต หรอื นาํ เขา ไดโ ดยไมตอ งขออนุญาตขายอีก มาตรา ๒๓ ใบอนญุ าตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๘๘ และมาตรา ๑๐๐ ใหค มุ กนั ถงึ ลกู จางหรอื ตวั แทนของผรู บั อนุญาตดวย ใหถ อื วา การกระทาํ ของลกู จา งหรอื ตวั แทนของผรู บั อนญุ าตทไี่ ดร บั การคมุ กนั ตามวรรคหนง่ึ เปนการกระทําของผูรับอนุญาตดวย เวนแตผูรับอนุญาตจะพิสูจนไดวาการกระทําดังกลาวเปนการ สุดวิสัยท่ีตนจะลว งรูห รอื ควบคุมได มาตรา ๒๔ ใบอนญุ าตตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ (๑) และมาตรา ๘๘ ใหใ ชไ ดจ นถงึ วนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคมของปท อ่ี อกใบอนญุ าต ถา ผรู บั อนญุ าตประสงคจ ะขอตอ อายใุ บอนญุ าต ตอ งยน่ื คาํ ขอกอ นใบอนญุ าตสน้ิ อายุ เมอ่ื ไดย นื่ คาํ ขอแลว จะประกอบกจิ การตอ ไปกไ็ ดจ นกวา ผอู นญุ าต จะสั่งไมอนญุ าตใหตออายุใบอนญุ าตน้นั ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ใบอนญุ าตของตนสนิ้ อายไุ มเ กนิ สามสบิ วนั จะยนื่ คาํ ขอผอ นผนั พรอ มแสดง เหตผุ ลการขอผอ นผันการตออายใุ บอนุญาตกไ็ ด แตก ารยนื่ ขอผอ นผนั น้ไี มเปน เหตุใหพ น ความรบั ผดิ สําหรับการประกอบกจิ การในระหวา งใบอนญุ าตส้ินอายุ ซง่ึ ไดกระทําไปกอ นขอตอ อายุใบอนุญาต การขอตออายุใบอนุญาตและการอนุญาต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี ารและเงื่อนไข ท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๕ ในกรณีผูอนุญาตไมออกใบอนุญาตหรือไมอนุญาตใหตออายุใบอนุญาต ผขู ออนญุ าตหรอื ผขู อตอ อายใุ บอนญุ าตมสี ทิ ธอิ ทุ ธรณเ ปน หนงั สอื ตอ รฐั มนตรภี ายในสามสบิ วนั นบั แต วันทีไ่ ดร ับหนังสอื ของผอู นญุ าตแจงการไมอ อกใบอนญุ าตหรอื ไมอนุญาตใหตอ อายุใบอนุญาต ใหร ฐั มนตรวี นิ จิ ฉยั อทุ ธรณใ หแ ลว เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทไี่ ดร บั หนงั สอื อทุ ธรณ คาํ วนิ จิ ฉยั ของรัฐมนตรใี หเปนที่สดุ ในกรณมี กี ารอทุ ธรณก ารขอตอ อายใุ บอนญุ าตตามวรรคหนง่ึ กอ นทรี่ ฐั มนตรจี ะมคี าํ วนิ จิ ฉยั อุทธรณ รฐั มนตรีจะสงั่ อนุญาตใหประกอบกิจการไปพลางกอนเมื่อมีคําขอของผอู ุทธรณก ไ็ ด มาตรา ๒๖ ใหผูรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ีไดรับยกเวนไมตองปฏิบัติการ ตามกฎหมายวา ดวยยาอีก หมวด ๓ หนาที่ของผูรับอนุญาต มาตรา ๒๗ หา มผรู บั อนญุ าตผใู ด ผลติ ขาย นาํ เขา หรอื เกบ็ ไวซ งึ่ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ กุ ประเภท นอกสถานท่ีท่ีระบไุ วในใบอนญุ าต
๑๐๒ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๑ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๒๘ ผอู นญุ าตอาจออกใบอนญุ าตใหผ รู บั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ นอกสถานทท่ี ร่ี ะบุไวใ นใบอนญุ าตไดใ นกรณดี ังตอ ไปน้ี (๑) การขายสงตรงแกผูรับอนุญาตอ่ืนตามพระราชบัญญัตินี้ หรือแกผูประกอบวิชาชีพ เวชกรรม ผูป ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรมหรือผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช นั้ หนง่ึ (๒) การขายในบรเิ วณสถานทที่ ี่มีการประชุมของผูป ระกอบวิชาชพี เวชกรรม ผปู ระกอบ วิชาชีพทนั ตกรรม ผปู ระกอบวชิ าชีพเภสชั กรรมหรือผูประกอบวชิ าชีพการสัตวแพทยชน้ั หนึง่ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๙ ผรู บั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ จะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ได โดยมเี ง่ือนไขดังตอ ไปนี้ (๑) ขายเฉพาะสาํ หรบั คนไขท ผี่ ปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมหรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม ใหก ารรกั ษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลตามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาลหรอื สถานพยาบาลของรฐั หรอื ขายเฉพาะสาํ หรบั ใชก บั สตั วท ผ่ี ปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทยช นั้ หนงึ่ ทาํ การบาํ บดั หรอื ปอ งกนั โรค ณ สถานพยาบาลสตั วตามกฎหมายวาดว ยสถานพยาบาลสัตว และ (๒) ขายเฉพาะวัตถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ทีผ่ ูอ นุญาตไดอนุญาตใหผลิตหรอื นําเขา ความใน (๑) ไมใชบังคับแกผ ูรบั อนุญาตตามมาตรา ๑๙ (๒) และ (๓) แตตองปฏิบัติตาม เง่อื นไขการขายที่เลขาธิการประกาศกาํ หนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๓๐ ผรู บั อนญุ าตผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๕ ผรู บั อนญุ าตขายวัตถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๙ (๓) และผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา หรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามมาตรา ๒๐ ตองจัดใหมีเภสัชกร อยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การตามเวลาทีเ่ ปดทําการซ่ึงระบไุ วใ นใบอนุญาต ในระหวางที่เภสัชกรมิไดอยูประจําควบคุมกิจการ หามผูรับอนุญาตดําเนินการผลิต หรือขายวตั ถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในกรณีท่ีเภสัชกรพนจากหนาท่ีหรือไมสามารถปฏิบัติหนาที่ไดเปนการช่ัวคราว ใหผูรับ อนุญาตจัดใหมีเภสัชกรอื่นเขาปฏิบัติหนาท่ีแทนไดเปนระยะเวลาไมเกินเกาสิบวันโดยแจงเปนหนังสือ ตอผอู นุญาตและใหถือวา เภสัชกรผทู ําหนาท่ีแทนมหี นาทเี่ หมอื นผูทตี่ นแทน ในกรณที ผี่ รู บั อนญุ าตตามวรรคหนง่ึ ประสงคจ ะเปลยี่ นตวั เภสชั กรใหย น่ื คาํ ขอตอ ผอู นญุ าต และจะเปลีย่ นตัวไดเมอื่ ไดรบั อนุญาตแลว มาตรา ๓๑ ใหผรู ับอนญุ าตผลิตวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบตั ิดงั ตอไปนี้ (๑) จัดใหมีการวิเคราะหวัตถุออกฤทธ์ิที่ผลิตขึ้นกอนนําออกจากสถานที่ผลิตโดยตองมี การวิเคราะหทุกคร้ังและมีหลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะหซ่ึงตองเก็บรักษาไวไมนอยกวา สบิ ปน บั แตว นั วิเคราะห
๑๐๓ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๒ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา (๒) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิต หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับวัตถุ ออกฤทธส์ิ ําหรับวตั ถตุ ํารบั ที่ผลติ ทงั้ นี้ ใหเปน ไปตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเง่อื นไขทค่ี ณะกรรมการ กาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๓) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิเ์ ปนสวนสดั จากยาหรือวัตถอุ ่ืน (๔) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ดําเนินการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขในการผลิตยา ตามกฎหมายวาดว ยยา มาตรา ๓๒ ใหผูรับอนุญาตผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ปฏิบัติ ดงั ตอไปน้ี (๑) จัดใหมีปายแสดงวาเปนสถานท่ีผลิตวัตถุออกฤทธิ์ กับปายแสดงช่ือและเวลาทําการ ของเภสัชกรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดงายจากภายนอกอาคาร ณ สถานที่ผลิต ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอความทแี่ สดงในปายใหเปนไปตามท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๒) จัดใหมีการวิเคราะหวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิตข้ึนกอนนําออกจากสถานที่ผลิตโดยตองมี การวิเคราะหทุกครั้งและมีหลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะหซ่ึงตองเก็บรักษาไวไมนอยกวา สิบปน บั แตวนั วเิ คราะห (๓) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีผลิต หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับ วัตถุออกฤทธ์ิตามที่ไดข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับไว ทั้งน้ี ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๔) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถุออกฤทธเิ์ ปนสวนสัดจากยาหรอื วัตถอุ น่ื (๕) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการผลิตและการขายวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงอื่ นไขทีค่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๖) ดําเนินการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไขในการผลิตยา ตามกฎหมายวา ดวยยา มาตรา ๓๓ ใหผ รู ับอนุญาตขายวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติดังตอ ไปน้ี (๑) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผี่ รู บั อนญุ าต ผลิตหรอื นาํ เขา จัดไว (๒) จัดใหมกี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเ์ิ ปนสวนสดั จากยาหรือวตั ถุอื่น (๓) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
๑๐๔ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๓ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๔ ใหผูรับอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ปฏิบัติ ดังตอ ไปนี้ (๑) จัดใหมีปายแสดงวาเปนสถานที่ขายวัตถุออกฤทธิ์กับปายแสดงชื่อและเวลาทําการ ของเภสชั กรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง า ยจากภายนอกอาคาร ณ สถานท่ขี าย ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอ ความท่แี สดงในปายใหเ ปน ไปตามทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผี่ รู บั อนญุ าต ผลติ หรอื นําเขา จดั ไว (๓) จัดใหมีการแยกเก็บวตั ถุออกฤทธิ์เปน สว นสดั จากยาหรอื วตั ถอุ ่นื (๔) จดั ใหม กี ารทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ทีค่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๕ ใหผ รู บั อนญุ าตนาํ เขา ซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏบิ ัติดงั ตอ ไปน้ี (๑) จัดใหมใี บรบั รองของผผู ลติ ซ่งึ แสดงรายละเอยี ดการวิเคราะหวตั ถอุ อกฤทธิท์ น่ี ําเขา (๒) จัดใหมฉี ลากสําหรับวัตถอุ อกฤทธิ์ทน่ี ําเขา หรอื จัดใหมีฉลากและเอกสารกาํ กับวตั ถุ ออกฤทธส์ิ าํ หรบั วตั ถตุ าํ รบั ทนี่ าํ เขา ทง้ั น้ี ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการ กําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๓) จดั ใหม กี ารแยกเก็บวัตถอุ อกฤทธิ์เปนสว นสดั จากยาหรือวัตถุอนื่ (๔) จัดใหมีการทําบัญชีเกี่ยวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอื่ นไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๖ ใหผ รู บั อนญุ าตนําเขา ซึ่งวัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏบิ ัติ ดังตอไปน้ี (๑) จดั ใหม ปี า ยแสดงวา เปน สถานทน่ี าํ เขา วตั ถอุ อกฤทธิ์ กบั ปา ยแสดงชอื่ และเวลาทาํ การ ของเภสชั กรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง า ยจากภายนอกอาคาร ณ สถานทน่ี าํ เขา ลกั ษณะและขนาดของปา ย และขอความทแี่ สดงในปา ยใหเ ปนไปตามทค่ี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) จดั ใหม ใี บรบั รองของผผู ลิตซ่งึ แสดงรายละเอียดการวเิ คราะหวตั ถอุ อกฤทธทิ์ ีน่ าํ เขา (๓) จัดใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธ์ิที่นําเขา หรือจัดใหมีฉลากและเอกสารกํากับ วัตถุออกฤทธิ์ตามท่ีไดข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับไว ท้ังนี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๔) จดั ใหม กี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเ์ิ ปนสว นสัดจากยาหรือวตั ถุอ่นื (๕) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาและการขายวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการและเงอ่ื นไขที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
๑๐๕ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๓๗ ใหผ รู ับอนุญาตสงออกซง่ึ วัตถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ปฏิบตั ิดังตอ ไปน้ี (๑) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซิ์ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผ่ี รู บั อนญุ าต ผลิตหรือนําเขาจดั ไว (๒) จัดใหม ีการแยกเกบ็ วตั ถุออกฤทธ์ิเปนสว นสัดจากยาหรือวัตถุอื่น (๓) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการและ เงอ่ื นไขท่คี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๘ ใหผ รู บั อนญุ าตสง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) จดั ใหม ปี า ยแสดงวา เปน สถานทส่ี ง ออกวตั ถอุ อกฤทธ์ิ กบั ปา ยแสดงชอ่ื และเวลาทาํ การ ของเภสัชกรไวใ นทเ่ี ปด เผยเหน็ ไดง ายจากภายนอกอาคาร ณ สถานท่สี ง ออก ลกั ษณะและขนาดของ ปา ยและขอ ความทแี่ สดงในปา ยใหเ ปน ไปตามทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๒) ดแู ลใหม ฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธซ์ิ งึ่ มขี อ มลู ครบถว นตามทผ่ี รู บั อนญุ าต ผลติ หรือนําเขาจัดไว (๓) จดั ใหม กี ารแยกเกบ็ วตั ถอุ อกฤทธเิ์ ปนสว นสดั จากยาหรือวตั ถุอน่ื (๔) จัดใหมีการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๙ บทบัญญัติมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๘ ไมใชบังคับแกผรู บั อนญุ าตผลิต นําเขา หรอื สงออกเพ่อื การ ศกึ ษาวจิ ยั หรอื กรณอี นื่ ตามความจาํ เปน เพอ่ื ประโยชนข องทางราชการตามทเี่ ลขาธกิ ารประกาศกาํ หนด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๔๐ ในกรณีท่ีใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทําลายในสาระสําคัญ ใหผูรับอนุญาต ยื่นคําขอรับใบแทนใบอนุญาตตอผูอนุญาตภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีไดทราบถึงการสูญหาย หรือถกู ทาํ ลายดงั กลา ว การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๑ ผูรับอนุญาตตองแสดงใบอนุญาตของตนไวโดยเปดเผยและเห็นไดงาย ณ สถานที่ท่รี ะบไุ วในใบอนุญาต มาตรา ๔๒ หามผูรับอนุญาตยาย เปล่ียนแปลงหรือเพ่ิมสถานที่ผลิต สถานท่ีขาย สถานท่นี ําเขา หรอื สถานท่เี กบ็ ซง่ึ วัตถอุ อกฤทธิ์ทุกประเภท เวน แตไดรับอนญุ าตจากผูอนุญาต การขออนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทก่ี าํ หนดใน กฎกระทรวง
๑๐๖ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๕ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๔๓ ภายใตบังคับมาตรา ๔๒ ในกรณีที่มีการเปล่ียนแปลงขอมูลตามรายการ ในใบอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๘๘ ใหผูรับอนุญาตย่ืนคําขอตอผูอนุญาตเพื่อแกไขรายการในใบอนุญาตดังกลาวภายในสามสิบวันนับแต วันทีม่ ีการเปลีย่ นแปลงขอมลู นั้น การขออนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทเี่ ลขาธกิ าร กาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๔๔ ผรู บั อนญุ าตผใู ดจะเลกิ กจิ การทไี่ ดร บั อนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหแ จง การเลิกกิจการเปนหนังสือใหผูอนุญาตทราบลวงหนา และใหถือวาใบอนุญาตสิ้นอายุต้ังแตวันท่ีเลิก กจิ การตามทีแ่ จงไวน นั้ ผรู บั อนญุ าตทเ่ี ลกิ กจิ การโดยมไิ ดป ฏบิ ตั ติ ามวรรคหนงึ่ ตอ งแจง การเลกิ กจิ การเปน หนงั สอื ใหผ อู นญุ าตทราบภายในสบิ หา วนั นบั แตว นั ทเี่ ลกิ กจิ การ และใหถ อื วา ใบอนญุ าตสน้ิ อายตุ งั้ แตว นั ทเ่ี ลกิ กจิ การ มาตรา ๔๕ ใหผ รู บั อนญุ าตซง่ึ ไดแ จง การเลกิ กจิ การ ไมต อ อายใุ บอนญุ าตหรอื ผอู นญุ าต ไมอ นญุ าตใหต อ อายใุ บอนญุ าต ทาํ ลายหรอื ขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ของตนที่เหลืออยูในสวนท่ีเกินกวาท่ีกฎหมายใหมีไวในครอบครอง ในกรณีท่ีขายใหขายแก ผูรับอนุญาตอ่ืนตามประเภทน้ัน หรือแกผูซึ่งผูอนุญาตเห็นสมควร ทั้งน้ี ภายในหกสิบวันนับแต วนั เลกิ กจิ การ วนั ทใ่ี บอนญุ าตสน้ิ อายหุ รอื วนั ทผี่ อู นญุ าตไมอ นญุ าตใหต อ อายใุ บอนญุ าต แลว แตก รณี เวน แตผอู นุญาตจะผอนผนั ขยายระยะเวลาตอไปอกี แตตอ งไมเ กินหกสบิ วนั ในกรณีท่ีผูรับอนุญาตไมปฏิบัติตามวรรคหน่ึง ใหวัตถุออกฤทธ์ิที่เหลืออยูตกเปนของ กระทรวงสาธารณสุข และใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายทําลาย หรอื นําไปใชประโยชนไ ดต ามระเบยี บทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ กาํ หนด มาตรา ๔๖ ถาผูรับอนุญาตตาย และทายาทหรือผูท่ีไดรับความยินยอมจากทายาท แสดงความจาํ นงตอ ผอู นญุ าตเพอ่ื ขอประกอบกจิ การทไ่ี ดร บั อนญุ าตนน้ั ตอ ไปภายในสามสบิ วนั นบั แต วนั ทผี่ รู บั อนุญาตตาย เมอื่ ผูอนุญาตตรวจสอบแลว เหน็ วาผูน นั้ มีคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๑๙ (๔) หรอื มาตรา ๒๒ แลวแตกรณี ใหผูแสดงความจํานงน้ันประกอบกิจการตอไปไดจนกวาใบอนุญาตส้ินอายุ และใหถ ือวาผแู สดงความจาํ นงเปน ผรู บั อนญุ าตตามพระราชบัญญตั นิ ้ีต้งั แตว ันทผ่ี รู ับอนุญาตตาย การแสดงความจํานงและการตรวจสอบ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ในกรณีท่ีไมมีการแสดงความจํานงเพ่ือขอประกอบกิจการตามวรรคหน่ึง ใหทายาท ผคู รอบครองวตั ถุออกฤทธน์ิ ้นั มหี นาที่ดาํ เนนิ การตามมาตรา ๔๕ ตอ ไป
๑๐๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๖ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๔๗ ผูรับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ หรือ มาตรา ๘๘ ผปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม หรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทย ชนั้ หน่ึง ซง่ึ มีวัตถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ไวในครอบครองในปรมิ าณไมเ กนิ ท่รี ัฐมนตรี ประกาศกําหนดตามมาตรา ๙๐ รวมทั้งกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทยหรือหนวยงาน ของรัฐตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด ที่ไดดําเนินกิจการเก่ียวกับการผลิต การขาย การนําเขา การสงออก การนําผาน หรือการมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิที่มิใชวัตถุตํารับยกเวน ตองเสนอรายงานเกีย่ วกบั การดาํ เนนิ กิจการดงั กลาวตอเลขาธกิ าร รายงานตามวรรคหนงึ่ ใหเ ปน ไปตามแบบและระยะเวลาทเี่ ลขาธกิ ารกาํ หนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา หมวด ๔ หนาทข่ี องเภสชั กร มาตรา ๔๘ ใหเภสัชกรผูมีหนาท่ีควบคุมการผลิตวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ควบคมุ การผลิตวัตถอุ อกฤทธิใ์ หเ ปน ไปตามพระราชบัญญตั ินี้ (๒) ควบคมุ ใหมฉี ลากและเอกสารกาํ กบั วัตถอุ อกฤทธ์ิตามมาตรา ๓๑ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเก็บวตั ถุออกฤทธเิ์ ปนสว นสดั จากยาหรอื วตั ถุอ่นื (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๕) ตองอยูประจําควบคมุ กิจการตลอดเวลาทเี่ ปดทําการ มาตรา ๔๙ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การผลติ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบัติดังตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การผลติ วัตถอุ อกฤทธิใ์ หเปน ไปตามพระราชบัญญตั ินี้ (๒) ควบคุมใหม ฉี ลากและเอกสารกํากับวตั ถอุ อกฤทธ์ติ ามมาตรา ๓๒ (๓) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิเ์ ปนสว นสดั จากยาหรือวัตถอุ นื่ (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การผลติ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๕) ตอ งอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทีเ่ ปด ทําการ มาตรา ๕๐ ใหเภสัชกรผูมีหนาท่ีควบคุมการขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ปฏิบัติ ดงั ตอ ไปนี้
๑๐๘ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๑๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา (๑) ควบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธิ์ใหเ ปน ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามมาตรา ๓๓ (๑) (๓) ควบคุมใหม กี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปน สวนสดั จากยาหรอื วัตถอุ นื่ (๔) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กยี่ วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๕) ตอ งอยูป ระจําควบคุมกจิ การตลอดเวลาทเี่ ปดทําการ มาตรา ๕๑ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบตั ิดังตอ ไปนี้ (๑) ควบคมุ การขายวตั ถอุ อกฤทธิใ์ หเ ปนไปตามพระราชบัญญตั นิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๔ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปนสว นสัดจากยาหรือวัตถอุ น่ื (๔) ควบคมุ การปรงุ หรอื การแบง บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธใ์ิ หเ ปน ไปตามใบสง่ั ยาของผปู ระกอบ วชิ าชพี ตาม (๕) (๕) ดูแลใหมีฉลากสําหรับวัตถุออกฤทธิ์ท่ีปรุงหรือแบงบรรจุตามใบสั่งยาของผูประกอบ วิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทยช้ันหน่ึง ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๖) ควบคุมการสงมอบวัตถุออกฤทธิ์ใหถูกตองตามใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพ ตาม (๕) (๗) ควบคมุ การทาํ บญั ชเี กย่ี วกบั การขายวตั ถอุ อกฤทธติ์ ามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (๘) ควบคุมมิใหมีการขายวัตถุออกฤทธ์ิแกผูซ่ึงไมมีใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพ ตาม (๕) หรอื แกผซู งึ่ ไมไดร บั ใบอนุญาตผลิต ขายหรือนาํ เขาซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธิ์ (๙) ตองอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทีเ่ ปด ทําการ มาตรา ๕๒ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การนาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) ควบคุมการนําเขา วตั ถุออกฤทธ์ิใหเปน ไปตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๕ (๒) (๓) ควบคมุ ใหมกี ารแยกเก็บวตั ถอุ อกฤทธเิ์ ปนสวนสดั จากยาหรือวตั ถุอน่ื (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอื่ นไขท่คี ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
๑๐๙ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา (๕) ตองอยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การตลอดเวลาท่ีเปดทําการ มาตรา ๕๓ ใหเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมการนําเขาซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือ ประเภท ๔ ปฏิบัติดังตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การนําเขาวัตถอุ อกฤทธ์ใิ หเ ปน ไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๖ (๓) (๓) ควบคุมใหม ีการแยกเกบ็ วัตถอุ อกฤทธิ์เปนสวนสดั จากยาหรอื วตั ถอุ ่นื (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการนําเขาวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่อื นไขทีค่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ตอ งอยูป ระจาํ ควบคุมกิจการตลอดเวลาทเ่ี ปดทาํ การ มาตรา ๕๔ ใหเ ภสชั กรผมู หี นา ทค่ี วบคมุ การสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ควบคุมการสง ออกวัตถอุ อกฤทธิใ์ หเปนไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๗ (๑) (๓) ควบคมุ ใหมีการแยกเก็บวัตถุออกฤทธเ์ิ ปน สวนสัดจากยาหรือวตั ถุอื่น (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธ์ิตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่อื นไขที่คณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๕) ตอ งอยปู ระจาํ ควบคมุ กิจการตลอดเวลาทเี่ ปดทาํ การ มาตรา ๕๕ ใหเภสชั กรผมู ีหนา ท่คี วบคมุ การสง ออกซึ่งวัตถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ปฏิบตั ดิ งั ตอไปนี้ (๑) ควบคมุ การสงออกวัตถอุ อกฤทธ์ใิ หเปน ไปตามพระราชบญั ญตั ินี้ (๒) ควบคมุ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ฉลากและเอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามมาตรา ๓๘ (๒) (๓) ควบคุมใหม กี ารแยกเกบ็ วตั ถอุ อกฤทธิ์เปนสวนสดั จากยาหรอื วัตถุอืน่ (๔) ควบคุมการทําบัญชีเก่ียวกับการสงออกวัตถุออกฤทธิ์ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๕) ตองอยูประจําควบคุมกิจการตลอดเวลาที่เปด ทาํ การ มาตรา ๕๖ ในกรณีที่เภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการไมประสงคจะปฏิบัติหนาที่ตอไป ใหเภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการน้ันแจงเปนหนังสือใหผูอนุญาตทราบภายในเจ็ดวันนับแตวันท่ีพน หนาที่
๑๑๐ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๑๙ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๕ วตั ถอุ อกฤทธิท์ ห่ี า มผลติ ขาย นาํ เขา หรือสงออก มาตรา ๕๗ หา มผูใดผลิต ขาย นาํ เขาหรือสง ออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิ ดังตอไปนี้ (๑) วัตถอุ อกฤทธป์ิ ลอม (๒) วัตถอุ อกฤทธิ์ผิดมาตรฐาน (๓) วตั ถุออกฤทธ์เิ สื่อมคุณภาพ (๔) วัตถุออกฤทธ์ทิ ่ตี องข้นึ ทะเบยี นวัตถตุ าํ รบั แตม ิไดข ้ึนทะเบยี นไว (๕) วัตถอุ อกฤทธท์ิ รี่ ฐั มนตรีส่งั เพกิ ถอนทะเบยี นวตั ถุตํารบั มาตรา ๕๘ วัตถอุ อกฤทธิห์ รอื สิ่งตอไปน้ี ใหถ ือวาเปน วตั ถอุ อกฤทธ์ปิ ลอม (๑) สงิ่ ทท่ี ําเทียมวตั ถุออกฤทธิ์ทัง้ หมดหรอื แตบ างสวน (๒) วัตถุออกฤทธิ์ท่ีแสดงช่ือวาเปนวัตถุออกฤทธิ์อ่ืนหรือแสดงเดือนปท่ีวัตถุออกฤทธิ์ สน้ิ อายุ ซง่ึ ไมใชความจริง (๓) วตั ถอุ อกฤทธทิ์ แี่ สดงชอื่ หรอื เครอ่ื งหมายของผผู ลติ หรอื ทต่ี งั้ ของสถานทผ่ี ลติ ซง่ึ ไมใ ช ความจริง (๔) วัตถุออกฤทธิ์หรือสิ่งที่แสดงวาเปนวัตถุออกฤทธ์ิตามที่กําหนดไวในประกาศของ รฐั มนตรีตามมาตรา ๗ (๑) หรือตามตาํ รบั ของวัตถตุ ํารับทข่ี ึ้นทะเบยี นไวซ่งึ ไมใชค วามจริง (๕) วัตถุออกฤทธ์ิท่ีผลิตข้ึนไมถูกตองตามมาตรฐานถึงขนาดสารออกฤทธิ์ขาด หรอื เกนิ กวา รอ ยละสบิ ของปรมิ าณทก่ี าํ หนดไวไ ปจากเกณฑต าํ่ สดุ หรอื สงู สดุ ตามทก่ี าํ หนดไวใ นประกาศ ของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรือตามตํารบั ของวัตถตุ าํ รบั ท่ขี ้ึนทะเบียนไว มาตรา ๕๙ วตั ถอุ อกฤทธ์ิตอไปนี้ ใหถือวา เปน วัตถอุ อกฤทธิ์ผดิ มาตรฐาน (๑) วตั ถุออกฤทธทิ์ ผี่ ลิตข้นึ ไมถูกตองตามมาตรฐานโดยมสี ารออกฤทธข์ิ าดหรอื เกินจาก เกณฑตา่ํ สดุ หรือสงู สุด ตามทก่ี าํ หนดไวในประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรอื ตามตาํ รบั ของ วัตถตุ ํารับทข่ี น้ึ ทะเบยี นไว แตไ มถ ึงขนาดทีร่ ะบุไวในมาตรา ๕๘ (๕) (๒) วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ผี่ ลติ ขน้ึ โดยมคี วามบรสิ ทุ ธห์ิ รอื ลกั ษณะอน่ื ซง่ึ มคี วามสาํ คญั ตอ คณุ ภาพ ของวตั ถอุ อกฤทธผ์ิ ดิ ไปจากเกณฑท กี่ าํ หนดไวใ นประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๒) หรอื ตามตาํ รบั ของวัตถตุ ํารบั ทีข่ น้ึ ทะเบยี นไว มาตรา ๖๐ วัตถุออกฤทธิ์ตอไปน้ี ใหถือวา เปนวัตถุออกฤทธเ์ิ ส่อื มคุณภาพ (๑) วัตถุออกฤทธ์ิท่สี ้ินอายุตามท่แี สดงไวใ นฉลากซงึ่ ขึ้นทะเบยี นวตั ถุตํารับไว (๒) วัตถุออกฤทธ์ิที่แปรสภาพจนมีลักษณะเชนเดียวกับวัตถุออกฤทธ์ิปลอมตาม มาตรา ๕๘ (๕) หรอื วตั ถุออกฤทธิผ์ ดิ มาตรฐานตามมาตรา ๕๙
๑๑๑ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๖๑ หามผูใดขายวัตถุออกฤทธิ์ต้ังแตสองชนิดข้ึนไปหรือขายวัตถุออกฤทธิ์ และยารวมกนั หลายขนาน โดยจดั เปนชุดไวลวงหนา เพ่ือประโยชนทางการคา หมวด ๖ การข้นึ ทะเบยี นวัตถุตํารบั มาตรา ๖๒ ผรู บั อนญุ าตผลติ หรอื นําเขาซึง่ วัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ จะผลติ หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถตุ าํ รบั ทมี่ วี ตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา ว ตอ งขอขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั นน้ั ตอ ผอู นญุ าต กอนและเมอื่ ไดร บั ใบสาํ คญั การขนึ้ ทะเบียนวัตถุตาํ รบั แลวจงึ จะผลติ หรอื นาํ เขา ซ่งึ วัตถตุ าํ รับนน้ั ได การขอข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับและการออกใบสําคัญการข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไป ตามหลักเกณฑ วธิ ีการและเง่อื นไขทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง ความในวรรคหนงึ่ ไมใ ชบ งั คบั แกผ รู บั อนญุ าตผลติ หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ทไ่ี ดร บั อนญุ าตใหผ ลติ หรอื นาํ เขา ตวั อยา งของวตั ถตุ าํ รบั ทจ่ี ะขอขนึ้ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั การขออนุญาตและการอนุญาตใหผลิตหรือนําเขาตัวอยางของวัตถุตํารับ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง การพจิ ารณาออกใบสาํ คัญตามวรรคหนึ่ง ใหผขู อข้นึ ทะเบียนวัตถตุ ํารบั เปน ผรู บั ผิดชอบ ชาํ ระคา ใชจ า ยในการตรวจวเิ คราะหห รอื ประเมนิ เอกสารทางวชิ าการ ตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ทคี่ ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๖๓ การขอขน้ึ ทะเบียนวัตถุตํารบั ตามมาตรา ๖๒ ตองแจง รายการ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) ชอ่ื วัตถตุ าํ รบั (๒) ช่ือและปรมิ าณของวัตถตุ า ง ๆ อันเปนสว นประกอบของวตั ถุตํารบั (๓) ขนาดบรรจุ (๔) วธิ วี ิเคราะหมาตรฐานของสว นประกอบของวัตถตุ าํ รับ (๕) ฉลาก (๖) เอกสารกาํ กบั วตั ถอุ อกฤทธ์ิ (๗) ชื่อผผู ลติ และประเทศท่ีสถานท่ผี ลติ ต้ังอยู (๘) รายการอื่นตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาํ หนด การแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากหรือเอกสารกํากับวัตถุออกฤทธ์ิ ใหเปนไปตาม หลักเกณฑ วธิ ีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖๔ การแกไ ขรายการทะเบียนวัตถุตาํ รบั ที่ข้ึนทะเบียนไวแลว ตอ งไดรบั อนญุ าต เปน หนงั สอื จากผูอ นญุ าต
๑๑๒ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๑ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา การขอแกไขรายการและการอนุญาตแกไขรายการทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไปตาม หลกั เกณฑ วธิ กี ารและเง่ือนไขท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๕ ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจไมรับขึ้นทะเบียน วตั ถตุ ํารับในกรณดี งั ตอ ไปนี้ (๑) การขอขนึ้ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ทไี่ มเ ปน ไปตามมาตรา ๖๓ หรอื ตามกฎกระทรวงทอ่ี อก ตามมาตรา ๖๒ (๒) วตั ถตุ ํารับท่ีขอขึน้ ทะเบยี นไมเปน ที่เชือ่ ถือในสรรพคณุ หรืออาจไมป ลอดภยั แกผ ูใช (๓) วัตถุตํารับที่ขอข้ึนทะเบียนใชชื่อในทํานองโออวด ไมสุภาพหรืออาจทําใหเขาใจผิด จากความจรงิ (๔) วัตถุตํารับที่ขอขึ้นทะเบียนเปนวัตถุออกฤทธ์ิปลอมตามมาตรา ๕๘ หรือเปน วัตถตุ ํารบั ท่ีรัฐมนตรสี งั่ เพิกถอนตามมาตรา ๖๘ คําส่งั ไมร บั ขนึ้ ทะเบียนวตั ถุตาํ รบั ของผูอนุญาตใหเปน ทีส่ ุด มาตรา ๖๖ บทบัญญัติมาตรา ๖๕ ใหใชบังคับแกการแกไขรายการทะเบียนวัตถุตํารับ โดยอนโุ ลม มาตรา ๖๗ ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับใหมีอายุหาปนับแตวันท่ีออกใบสําคัญ ถาผูรับใบสําคัญประสงคจะขอตออายุใบสําคัญ จะตองย่ืนคําขอกอนใบสําคัญส้ินอายุ เมื่อไดยื่น คําขอแลว จะประกอบกิจการตอไปกไ็ ดจ นกวา จะไดม ีคาํ ส่งั ไมตอ อายุใบสาํ คญั นนั้ การขอตออายุและการตออายุใบสําคัญ การข้ึนทะเบียนวัตถุตํารับ ใหเปนไปตาม หลักเกณฑ วิธกี ารและเงอ่ื นไขที่กําหนดในกฎกระทรวง ในกรณีท่ีผูขอตออายุใบสําคัญไมไดรับอนุญาตใหตออายุใบสําคัญ ใหนําความใน มาตรา ๒๕ มาใชบงั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๖๘ เม่ือคณะกรรมการเห็นวาวัตถุตํารับใดท่ีไดข้ึนทะเบียนไวแลวน้ัน ตอมา ปรากฏวา ไมม สี รรพคณุ ตามทขี่ น้ึ ทะเบยี นไว หรอื อาจไมป ลอดภยั แกผ ใู ช หรอื เปน วตั ถอุ อกฤทธป์ิ ลอม หรือใชช่ือผิดไปจากที่ข้ึนทะเบียนไว ใหคณะกรรมการเสนอตอรัฐมนตรี และใหรัฐมนตรีมีอํานาจ ส่งั เพิกถอนทะเบยี นวตั ถุตาํ รับนนั้ โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา คําสัง่ ของรัฐมนตรีใหเ ปน ท่สี ุด มาตรา ๖๙ ในกรณที ใ่ี บสาํ คญั การขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั สญู หายหรอื ถกู ทาํ ลายในสาระ สําคัญ ใหผูรับอนุญาตย่ืนคําขอรับใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับตอผูอนุญาตภายใน สิบหา วันนบั แตวนั ท่ไี ดท ราบถึงการสญู หายหรอื ถูกทาํ ลายดงั กลาว การขอรบั ใบแทนใบสาํ คญั การขน้ึ ทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั และการออกใบแทนใบสาํ คญั การขน้ึ ทะเบียนวตั ถุตํารับ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเง่อื นไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
๑๑๓ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา หมวด ๗ การโฆษณา มาตรา ๗๐ หามผใู ดโฆษณาวตั ถุออกฤทธ์ิ เวน แต (๑) เปนฉลากหรือเอกสารกํากับวัตถุออกฤทธิ์ที่ภาชนะหรือหีบหอบรรจุวัตถุออกฤทธ์ิ หรือ (๒) เปนการโฆษณาซ่ึงกระทําโดยตรงตอผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพ ทนั ตกรรม ผูประกอบวิชาชพี เภสชั กรรมหรือผปู ระกอบวิชาชีพการสัตวแพทยชัน้ หนึ่ง การโฆษณาตาม (๒) ในกรณีท่ีเปนเอกสาร ภาพ ภาพยนตร ส่ืออิเล็กทรอนิกส หรือการบนั ทึกเสยี งหรอื ภาพ ตองไดร ับใบอนญุ าตจากผูอนุญาตกอ นจงึ จะใชโ ฆษณาได การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคสอง ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๗๑ ในกรณีท่ีผูอนุญาตเห็นวาการโฆษณาใดฝาฝนมาตรา ๗๐ วรรคสอง หรือ มีการใชขอความโฆษณาซ่ึงไมเปนไปตามท่ีไดรับอนุญาตจากผูอนุญาต ใหผูอนุญาตมีอํานาจออก คําส่งั อยา งหนงึ่ อยางใด ดงั ตอไปน้ี (๑) หามการโฆษณาหรือหามใชวธิ ีการนัน้ ในการโฆษณา (๒) หา มการใชขอความบางอยางท่ปี รากฏในการโฆษณา (๓) ใหแกไขขอ ความหรือวิธีการในการโฆษณา (๔) ใหโฆษณาเพอ่ื แกไขความเขาใจผิดท่อี าจเกดิ ขน้ึ ในการออกคําสั่งตาม (๔) ใหผูอนุญาตกําหนดหลักเกณฑและวิธีการโฆษณา โดยคาํ นึงถึงประโยชนข องประชาชนกบั ความสจุ ริตในการกระทําของผูทาํ การโฆษณา มาตรา ๗๒ ในกรณีที่ผูไดรับคําส่ังของผูอนุญาตตามมาตรา ๗๑ ไมเห็นดวยกับคําสั่ง ดงั กลาวใหม ีสทิ ธอิ ทุ ธรณต อคณะกรรมการได มาตรา ๗๓ การอุทธรณตามมาตรา ๗๒ ใหยื่นตอคณะกรรมการภายในสิบส่ีวันนับแต วนั ท่ีผูอทุ ธรณไดรับทราบคาํ สัง่ ของผูอนญุ าต หลกั เกณฑก ารยน่ื อทุ ธรณแ ละวธิ พี จิ ารณาอทุ ธรณ ใหเ ปน ไปตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศกาํ หนด การอทุ ธรณค าํ สงั่ ตามวรรคหนงึ่ ไมเ ปน การทเุ ลาการบงั คบั ตามคาํ สงั่ ของผอู นญุ าต เวน แต คณะกรรมการจะสง่ั เปน อยา งอน่ื เปนการช่วั คราวกอ นการวนิ จิ ฉยั อุทธรณ คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการใหเ ปน ทีส่ ุด
๑๑๔ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๘ พนักงานเจาหนาที่ มาตรา ๗๔ ในการปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหพ นกั งานเจา หนา ทมี่ อี าํ นาจหนา ท่ี ดงั ตอ ไปนี้ (๑) เขา ไปในสถานทที่ าํ การของผรู บั อนญุ าตนาํ เขา หรอื สง ออก สถานทผี่ ลติ สถานทข่ี าย สถานท่ีเก็บวัตถุออกฤทธิ์หรือสถานที่ท่ีตองไดรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ี ในเวลาทําการของ สถานท่นี ้นั เพ่อื ตรวจสอบการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เขาไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพ่ือตรวจคนเมื่อมีเหตุเช่ือไดตามสมควรวา มีทรัพยสิน ซ่ึงมีไวเปนความผิดหรือไดมาโดยการกระทําความผิด หรือไดใชหรือจะใชในการกระทํา ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี หรือซ่ึงอาจใชเปนพยานหลักฐานได ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อวา เน่ืองจากการเนิ่นชากวาจะเอาหมายคนมาได ทรัพยสินน้ันจะถูกโยกยาย ซุกซอน ทําลายหรือ ทําใหเปล่ียนสภาพไปจากเดมิ (๓) คนบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยวามีวัตถุออกฤทธ์ิซุกซอนอยู โดยไมช อบดว ยกฎหมาย (๔) ยึดหรืออายัดวัตถุออกฤทธ์ิท่ีมีไวโดยไมชอบดวยกฎหมาย หรือทรัพยสินอื่นใดที่ได ใชหรือจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (๕) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาใหถอยคํา หรือใหสงเอกสารหรือวัตถุใดมาเพื่อประกอบ การพิจารณา การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง (๒) ใหพนักงานเจาหนาท่ีผูคนปฏิบัติตามระเบียบท่ี คณะกรรมการกําหนดและแสดงความบริสุทธิ์กอนการเขาคน รายงานเหตุผลและผลการตรวจคนตอ ผูบังคบั บัญชาและผอู นุมตั ติ ามวรรคสาม บนั ทึกเหตุอนั ควรเช่ือตามสมควร และใหพนกั งานเจา หนา ท่ี แสดงเอกสารเพื่อแสดงตนและเอกสารท่ีแสดงอํานาจในการตรวจคน รวมทั้งเหตุอันควรเช่ือที่ทําให สามารถเขา คน ไดเ ปน หนงั สอื ใหไ วแ กผ คู รอบครองเคหสถาน สถานทค่ี น เวน แตไ มม ผี คู รอบครองอยู ณ ท่นี ัน้ ใหพนักงานเจาหนา ท่ีผูคน สงมอบสาํ เนาเอกสารและหนงั สอื นัน้ ใหแ กผคู รอบครองดงั กลา วทันที ท่ีกระทําได และหากเปนการเขาคนในเวลากลางคืนพนักงานเจาหนาท่ีผูเปนหัวหนาในการเขาคน ตอ งเปน ขา ราชการพลเรอื นตงั้ แตร ะดบั ชาํ นาญการขน้ึ ไป หรอื ขา ราชการตาํ รวจตาํ แหนง ตงั้ แตส ารวตั ร หรอื เทียบเทา ซ่งึ มยี ศตง้ั แตพ นั ตํารวจโทขึ้นไป พนักงานเจาหนาที่ตําแหนงใดหรือระดับใดจะมีอํานาจหนาท่ีตามท่ีไดกําหนดไวตาม วรรคหนง่ึ ทง้ั หมดหรือแตบางสว น หรอื จะตองไดรับอนมุ ัตจิ ากบุคคลใดกอ นดาํ เนนิ การ ใหเ ปนไปตาม
๑๑๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา ที่รัฐมนตรีกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ โดยมีเอกสารมอบหมายใหไวประจําตัวพนักงาน เจา หนา ท่ผี ไู ดรบั มอบหมายนัน้ มาตรา ๗๕ ในการปฏิบัติการของพนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา ๗๔ (๑) และ (๒) ใหพ นกั งานเจา หนา ทมี่ อี าํ นาจนาํ วตั ถอุ อกฤทธจิ์ ากสถานทน่ี น้ั ในปรมิ าณพอสมควรไปเพอ่ื เปน ตวั อยา ง ในการตรวจสอบหรอื วเิ คราะห และหากปรากฏวา วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ ดเปน วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ไี่ มป ลอดภยั หรอื อาจเปน อนั ตรายตอผใู ช ใหป ระกาศผลการตรวจสอบหรอื วิเคราะหค ุณภาพของวตั ถุออกฤทธิท์ ่นี าํ ไป ตรวจสอบหรือวิเคราะหน้ันใหประชาชนทราบตามวิธีการที่เห็นสมควร โดยไดรับความเห็นชอบ จากเลขาธิการ เพื่อประโยชนแกการคุมครองความปลอดภัยของผูใชวัตถุออกฤทธ์ิ ในกรณีท่ีปรากฏตอ พนักงานเจาหนาท่ีอันเช่ือไดวาวัตถุออกฤทธ์ิใดเปนวัตถุออกฤทธิ์ที่ไมปลอดภัยหรืออาจเปนอันตราย ตอผูใช ใหพนักงานเจาหนาที่เก็บวัตถุออกฤทธ์ิดังกลาวไว หรือส่ังใหผูรับอนุญาตงดผลิต ขาย นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธิ์ จดั เกบ็ วตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา วกลบั คนื มาภายในระยะเวลาทพ่ี นกั งาน เจาหนาท่ีกําหนด และอาจสั่งทําลายวัตถุออกฤทธิ์ดังกลาวเสียได ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๗๖ ในการปฏบิ ตั หิ นา ทต่ี ามพระราชบญั ญตั นิ ี้ พนกั งานเจา หนา ทตี่ อ งแสดงบตั ร ประจาํ ตวั ตอ ผูร ับอนุญาตหรือบุคคลทีเ่ กี่ยวของ บตั รประจาํ ตัวพนกั งานเจา หนา ทใ่ี หเปนไปตามแบบท่ีรฐั มนตรีประกาศกาํ หนด มาตรา ๗๗ ในการปฏิบตั กิ ารของพนักงานเจาหนา ท่ีตามมาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ และ มาตรา ๗๙ วรรคสาม ใหผ ูรบั อนญุ าตและบุคคลทเ่ี ก่ยี วขอ งอํานวยความสะดวกตามสมควร มาตรา ๗๘ ในการปฏิบัติหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี ใหพนักงานเจาหนาที่เปน เจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๙ การพกั ใชใ บอนญุ าตและการเพกิ ถอนใบอนุญาต มาตรา ๗๙ ผรู บั อนญุ าตผใู ดฝา ฝน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ห้ี รอื กฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติน้ี ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจ สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตไดโ ดยมกี าํ หนดครง้ั ละไมเ กนิ หนงึ่ รอ ยแปดสบิ วนั แตใ นกรณมี กี ารฟอ งผรู บั อนญุ าต ตอศาลวาไดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ผูอนุญาตจะส่ังพักใชใบอนุญาตไวรอคําพิพากษา ถงึ ทสี่ ุดก็ได
๑๑๖ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๕ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณที ผี่ รู บั อนญุ าตผลติ ขาย หรอื นาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ แลวแตกรณี ถูกสั่งพักใชใบอนุญาตตามกฎหมายวาดวยยา ใหผูอนุญาตสั่งพักใชใบอนุญาตตาม พระราชบญั ญตั ิน้ขี องผูรับอนุญาตดวย แลวแตก รณี ใหพนักงานเจา หนา ท่อี ายัดวัตถอุ อกฤทธทิ์ เี่ หลือของผถู กู พกั ใชใบอนุญาตไว ณ สถานท่ี ทําการของผรู ับอนญุ าต ผูถูกสั่งพักใชใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ ในระหวางถูกสั่งพักใชใบอนุญาต อกี ไมไ ด มาตรา ๘๐ ผูรับอนุญาตผูใดขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ (๔) หรือมาตรา ๒๒ (๑) หรือไมจัดใหมีเภสัชกรอยูประจําควบคุมกิจการตลอดเวลาที่เปดทําการตามมาตรา ๓๐ วรรคหน่ึง ผอู นญุ าตโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสัง่ เพกิ ถอนใบอนญุ าตได ผูถูกส่ังเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ อีกไมไดจนกวาจะพนสองปนับแต วันทถ่ี ูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต มาตรา ๘๑ คาํ สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตและคาํ สง่ั เพกิ ถอนใบอนญุ าตใหท าํ เปน หนงั สอื แจง ให ผรู บั อนญุ าตทราบ ในกรณไี มพ บตวั ผรู บั อนญุ าตหรอื ผรู บั อนญุ าตไมย อมรบั คาํ สงั่ ดงั กลา ว ใหป ด คาํ สง่ั ไวในท่ีเปดเผยและเห็นไดงาย ณ สถานท่ีซึ่งระบุไวในใบอนุญาต และใหถือวาผูรับอนุญาตไดทราบ คําส่งั น้ันแลวต้งั แตว นั ท่ีรบั หรอื ปด คําสั่ง แลวแตกรณี คาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตและคาํ สงั่ เพกิ ถอนใบอนญุ าตตามวรรคหนงึ่ จะโฆษณาในหนงั สอื พมิ พ หรือโดยวธิ อี ืน่ อีกดว ยกไ็ ด มาตรา ๘๒ ผูอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจส่ังยกเลิกคําส่ัง พกั ใชใ บอนญุ าตกอ นกาํ หนดเวลาได เมอื่ เปน ทพ่ี อใจวา ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ถกู สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตไดป ฏบิ ตั ิ ตามพระราชบัญญตั นิ ี้ หรือกฎกระทรวงหรอื ประกาศที่ออกตามพระราชบัญญตั ินแ้ี ลว มาตรา ๘๓ ผรู บั อนญุ าตซงึ่ ถกู สงั่ พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื เพกิ ถอนใบอนญุ าตมสี ทิ ธอิ ทุ ธรณ ตอ รฐั มนตรภี ายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทที่ ราบคาํ สง่ั รฐั มนตรมี อี าํ นาจสงั่ ใหย กอทุ ธรณ ยกเลกิ คาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื คาํ สง่ั เพกิ ถอนใบอนญุ าต หรอื แกไ ขคาํ สง่ั ของผอู นญุ าตในทางทเี่ ปน คณุ แกผ อู ทุ ธรณไ ด คาํ วินิจฉยั ของรัฐมนตรีใหเ ปนทีส่ ดุ การอทุ ธรณต ามวรรคหนงึ่ ไมเ ปน การทเุ ลาการบงั คบั ตามคาํ สง่ั พกั ใชใ บอนญุ าตหรอื คาํ สง่ั เพิกถอนใบอนุญาต มาตรา ๘๔ ผูถูกส่ังเพิกถอนใบอนุญาตตองทําลายหรือขายวัตถุออกฤทธ์ิของตน ทเี่ หลอื อยใู นสว นทเ่ี กนิ กวา ทกี่ ฎหมายใหม ไี วใ นครอบครอง ในกรณที ข่ี ายใหข ายแกผ รู บั อนญุ าตอน่ื หรอื แก ผซู ึง่ ผอู นญุ าตเหน็ สมควร ทั้งนี้ ภายในหกสบิ วนั นับแตว นั ท่ีไดทราบคําส่งั เพิกถอนใบอนุญาตหรือวัน ท่ีไดทราบคําวินิจฉัยของรัฐมนตรี เวนแตผูอนุญาตจะผอนผันขยายระยะเวลาตอไปอีกแตตองไมเกิน หกสิบวนั
๑๑๗ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณีท่ีผูถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไมปฏิบัติตามวรรคหน่ึง ใหวัตถุออกฤทธ์ิท่ีเหลืออยู ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหก ระทรวงสาธารณสขุ หรอื ผซู ง่ึ กระทรวงสาธารณสขุ มอบหมาย ทําลายหรือนําไปใชป ระโยชนไดตามระเบียบทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ กําหนด หมวด ๑๐ มาตรการควบคมุ พเิ ศษ มาตรา ๘๕ ใหถือวาวัตถุตํารับที่มีวัตถุออกฤทธ์ิในประเภทหน่ึงประเภทใดปรุงผสมอยู เปน วัตถุออกฤทธ์ิในประเภทนนั้ ดวย มาตรา ๘๖ ในกรณีท่ีวัตถุตํารับมีวัตถุออกฤทธ์ิอันระบุอยูในประเภทตางกันมากกวา หน่ึงประเภทผสมอยู ใหถือวาวัตถุตํารับน้ันเปนวัตถุออกฤทธ์ิในประเภทที่มีการควบคุมเขมงวดท่ีสุด ในบรรดาวตั ถุออกฤทธิท์ ่ผี สมอยูน้นั มาตรา ๘๗ รฐั มนตรอี าจประกาศกาํ หนดใหว ตั ถตุ าํ รบั ใดซง่ึ มลี กั ษณะดงั ตอ ไปนเี้ ปน วตั ถุ ตาํ รับยกเวน ได ทงั้ น้ี ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง (๑) มีวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อยางหนึ่งอยางใด หรือหลายอยา งปรงุ ผสมอยู (๒) มีลักษณะทไ่ี มอ าจกอ ใหเกดิ การใชทผี่ ิดทาง (๓) ไมส ามารถจะแยกสกัดเอาวตั ถุออกฤทธ์ทิ ีม่ ีอยใู นวตั ถตุ ํารับนั้นกลับมาใชในปรมิ าณ ท่จี ะทําใหเกดิ การใชท ่ผี ิดทาง และ (๔) ไมก อใหเ กดิ อันตรายทางดานสขุ ภาพและสงั คมได วตั ถตุ าํ รบั ยกเวน ทปี่ ระกาศตามวรรคหนง่ึ รฐั มนตรอี าจประกาศเพกิ ถอนไดเ มอื่ ปรากฏวา วัตถุตํารบั นน้ั ไมต รงลักษณะท่กี ําหนดไว มาตรา ๘๘ หามผูใดมีไวในครอบครองหรือใชประโยชนซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท เวนแตไดร ับใบอนญุ าตจากผอู นุญาต การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง การมีวัตถุออกฤทธิ์ช่ือและประเภทใดไวในครอบครองซึ่งคํานวณเปนสารบริสุทธิ์เกิน ปรมิ าณทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง ใหสันนษิ ฐานวา มไี วในครอบครองเพอ่ื ขาย มาตรา ๘๙ บทบญั ญตั ิมาตรา ๘๘ วรรคหน่ึง ไมใชบ ังคบั แก (๑) การมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนซ ง่ึ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภทสาํ หรบั กจิ การของ ผูร บั อนุญาตผลติ ขาย นาํ เขา สง ออกหรือนําผา นซ่ึงวัตถอุ อกฤทธิป์ ระเภทน้ัน ๆ
๑๑๘ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๒๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) การมไี วใ นครอบครองของบคุ คลในปรมิ าณพอสมควรเพอ่ื การเสพ การรบั เขา รา งกาย หรอื การใชด ว ยวธิ อี น่ื ใดซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ทงั้ นี้ ตอ งเปน ไปตาม คาํ สงั่ ของผปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม ผปู ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรมหรอื ผปู ระกอบวชิ าชพี การสตั วแพทย ช้ันหนึ่ง ท่ีเกี่ยวกับการวิเคราะห บําบัด บรรเทา รักษาหรือปองกันโรคหรือความเจ็บปวยของบุคคล หรอื สัตวน้ัน (๓) การมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนต ามหนา ทซี่ งึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ของกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรอื หนว ยงานของรฐั ตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศ กาํ หนด (๔) การมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ในปริมาณเทาที่จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะ ทใ่ี ชในการขนสง สาธารณะระหวา งประเทศ ซ่ึงไมไ ดจดทะเบยี นในราชอาณาจักร มาตรา ๙๐ ในกรณที เี่ หน็ สมควรรฐั มนตรจี ะประกาศกาํ หนดวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ท่ีใหผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพ การสตั วแพทยช น้ั หนง่ึ มไี วใ นครอบครองในปรมิ าณทรี่ ฐั มนตรกี าํ หนดโดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการ โดยไมตองขออนญุ าตกไ็ ด มาตรา ๙๑ หา มผูใ ดเสพวัตถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๑ มาตรา ๙๒ หา มผูใดเสพวัตถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ เวนแตเปน การเสพตามคําส่งั ของ ผปู ระกอบวิชาชพี เวชกรรมหรือผูป ระกอบวิชาชีพทนั ตกรรม เพื่อประโยชนใ นการรกั ษาพยาบาลผนู ้นั มาตรา ๙๓ หา มผใู ดจงู ใจ ชกั นาํ ยยุ งสง เสรมิ ใชอ บุ ายหลอกลวง ขเู ขญ็ ใชอ าํ นาจครอบงาํ ผดิ คลองธรรมหรือใชวธิ ีขม ขืนใจดวยประการอนื่ ใดใหผ อู ่ืนเสพวัตถอุ อกฤทธิ์ ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผูประกอบวิชาชีพทันตกรรมอาจแนะนําหรือส่ังใหผูอ่ืน เสพวัตถุออกฤทธ์ิเพอ่ื ประโยชนใ นการรักษาพยาบาลผนู นั้ ได มาตรา ๙๔ ในกรณจี าํ เปน และมเี หตอุ นั ควรเชอื่ ไดว า มบี คุ คลหรอื กลมุ บคุ คลใดเสพวตั ถุ ออกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ อนั เปน ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ใี้ นเคหสถาน สถานทใ่ี ด ๆ หรือยานพาหนะ ใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจหรือพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี มีอํานาจตรวจหรือทดสอบ หรือสั่งใหรับการตรวจหรือทดสอบวาบุคคลหรือกลุมบุคคลน้ันมีวัตถุ ออกฤทธิ์ดังกลาวอยใู นรา งกายหรอื ไม พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ตาํ แหนง ใด ระดับใด หรือช้ันยศใด จะมีอํานาจหนาที่ตามท่ีไดกําหนดไวตามวรรคหน่ึงทั้งหมดหรือแตบางสวน หรือจะตองไดรับอนุมัติจากบุคคลใดกอนดําเนินการ ใหเปนไปตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนดตาม
๑๑๙ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา คาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการโดยมเี อกสารทไี่ ดร บั มอบหมายประจาํ ตวั พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรือพนกั งานเจา หนาทผี่ ไู ดร ับมอบหมายนนั้ วธิ กี ารตรวจหรือการทดสอบตามวรรคหนงึ่ ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและเง่อื นไข ท่ีคณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งน้ี ในประกาศดังกลาวอยางนอยตองมี มาตรการเกยี่ วกบั การแสดงความบรสิ ทุ ธข์ิ องพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ท่ี ในการปฏิบัติหนาที่ และมาตรการเก่ียวกับการหามเปดเผยผลการตรวจหรือทดสอบแกผูท่ีไมมีหนาที่ เก่ียวของในกรณีท่ีปรากฏผลในเบื้องตนเปนที่สงสัยวามีวัตถุออกฤทธ์ิอยูในรางกายจนกวาจะไดมีการ ตรวจยืนยนั ผลเปน ที่แนน อนแลว มาตรา ๙๕ ผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา สงออก นําผานหรือมีไวในครอบครอง หรือใชประโยชนซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิ ตองจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธ์ิสูญหาย หรือมีการนาํ ไปใชโดยมิชอบ มาตรา ๙๖ หา มผใู ดซง่ึ มใิ ชเ ภสชั กรทอี่ ยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การของสถานทผ่ี ลติ สถานทขี่ าย หรอื สถานทนี่ าํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธขิ์ ายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ หแ กผ อู น่ื ในสถานทนี่ นั้ เวน แตอ ยใู นความควบคมุ ดูแลอยา งใกลชดิ ของเภสัชกรประจาํ สถานที่นนั้ มาตรา ๙๗ ภายใตบังคับมาตรา ๙๘ เภสัชกรจะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ใหไดเฉพาะแกกระทรวง ทบวง กรม และสภากาชาดไทย หรือหนวยงานของรัฐตามที่ รัฐมนตรีประกาศกําหนด ผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบ วิชาชีพการสตั วแพทยชัน้ หนง่ึ ผูที่มใี บส่ังยาของผปู ระกอบวชิ าชีพดังกลา ว หรอื ผูรบั อนญุ าตผลติ ขาย หรือมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ เทาน้ัน และตองจัดใหมีการ ลงบญั ชรี ายละเอยี ดการขายทกุ ครง้ั ตามแบบทค่ี ณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ใบสั่งยาตามวรรคหนึ่งใหใชไดคร้ังเดียว เวนแตผูสั่งจะไดกําหนดไววาใหจายซ้ําได แตรวมกันตองไมเกินสามคร้ัง และจํานวนยาท่ีส่ังแตละครั้งตองไมเกินจํานวนที่จําเปนตองใชในเวลา ไมเ กนิ สามสิบวัน ใบส่ังยาแตละฉบบั ใหใชไดไ มเ กินเกาสิบวนั นบั แตวนั ท่อี อก มาตรา ๙๘ ในกรณที ไี่ มม สี ถานพยาบาลตามกฎหมายวา ดว ยสถานพยาบาล สถานพยาบาล ของรัฐ สถานพยาบาลสัตวตามกฎหมายวาดวยสถานพยาบาลสัตว หรือสถานพยาบาลสัตวของรัฐ ซึ่งมีผูประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผูประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผูประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย ชนั้ หนง่ึ ใหก ารรกั ษาพยาบาลผปู ว ยหรอื สตั วป ว ยในปรมิ ณฑลหา กโิ ลเมตรนบั จากสถานทที่ ม่ี ใี บอนญุ าต ขายวตั ถอุ อกฤทธิ์ เภสชั กรทอี่ ยปู ระจาํ ควบคมุ กจิ การของสถานทขี่ ายนน้ั จะขายวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรือประเภท ๔ สําหรับผูปวยหรือสัตวปวยโดยไมตองมีใบสั่งยาของผูประกอบวิชาชีพดังกลาวก็ได
๑๒๐ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๒๙ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา แตท้ังนี้จะขายสําหรับการใชแตละรายไดจํานวนไมเกินสามวันตอเดือน และตองจัดใหมีการลงบัญชี รายละเอยี ดการขายทุกคร้ังตามแบบทค่ี ณะกรรมการกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๙๙ ในการสงมอบวัตถุออกฤทธ์ิตามมาตรา ๙๗ หรือมาตรา ๙๘ เภสัชกร ตอ งมอบคําเตือนหรือขอควรระวงั ตามประกาศของรฐั มนตรตี ามมาตรา ๗ (๖) ใหแกผูซ อ้ื ดวย หมวด ๑๑ การคาระหวา งประเทศ มาตรา ๑๐๐ การนําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิของผูรับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๐ นอกจากจะตองไดรับใบอนุญาตตามมาตราดังกลาวแลว ในการนําเขา หรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธ์ิของผูรับอนุญาตในแตละคร้ังตองไดรับใบอนุญาตเฉพาะคราวทุกคร้ัง ที่นําเขาหรือสงออกอีกดวย ในกรณีที่ผูรับอนุญาตไมสามารถสงออกไดตามปริมาณท่ีระบุไวใน ใบอนุญาตเฉพาะคราวใหผูรับอนุญาตแจงไปยังเลขาธิการเพ่ือแกไขใบอนุญาตเฉพาะคราวใหถูกตอง ตามปรมิ าณทส่ี งออกจรงิ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเง่ือนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๐๑ ในการนาํ เขา ซึ่งวตั ถุออกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ ประเภท ๒ หรือประเภท ๓ ใหผูรับอนุญาตจัดใหมีสําเนาใบอนุญาตสงออกหรือสําเนาหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออกของ เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศทสี่ ง ออกนนั้ สง มาพรอ มกบั วตั ถอุ อกฤทธหิ์ นงึ่ ฉบบั และจดั ใหเ จา หนา ที่ ผูมีอํานาจของประเทศท่ีสงออกสงสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนาหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออก ไปยงั สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาดวย เมื่อเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศที่สงออกไดสงสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนา หนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออกตามวรรคหน่ึงมายังสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแลว ใหเจาหนาท่ีซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการสลักหลังสําเนาใบอนุญาตหรือสําเนาหนังสือแสดงการ อนญุ าตใหสง ออกโดยแจง วนั เดอื นปและปรมิ าณที่แทจ รงิ ของวตั ถุออกฤทธิ์ท่นี ําเขา และสง สาํ เนานนั้ กลับไปใหเจาหนาที่ของประเทศผูออกใบอนุญาตหรือหนังสือแสดงการอนุญาตใหสงออก พรอมท้ัง จัดทาํ สาํ เนาเกบ็ รักษาไวท ส่ี าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาหนึง่ ฉบบั มาตรา ๑๐๒ ในการสง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ ใหผ รู บั อนญุ าต นาํ ใบอนญุ าตนาํ เขา ของเจา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศนน้ั มามอบใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหาร และยากอนจึงจะไดร บั การพิจารณาออกใบอนุญาตเฉพาะคราวเพื่อสง ออก และในการสงออกใหผรู บั อนญุ าตแนบสําเนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวไปพรอ มกบั วตั ถุออกฤทธ์ิท่สี ง ออกดวยหน่งึ ฉบับ
๑๒๑ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอ่ื สง ออก ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธไิ์ ปยงั เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศผรู บั นน้ั ดว ย เพอ่ื ใหเ จา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของประเทศ ผูรบั จดั สงกลับมาและใหเ ลขาธกิ ารจัดใหม ีการตรวจสอบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวท่สี งกลับมาน้นั มาตรา ๑๐๓ ในการนําผานซ่ึงวตั ถอุ อกฤทธิใ์ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ ผรู ับอนุญาต ตองมีใบอนุญาตสงออกของเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของประเทศที่สงออกนั้นมาพรอมกับวัตถุออกฤทธ์ิ และตอ งแจง ใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะทใ่ี ชบ รรทกุ ทราบกอ นผา นเขา มาในราชอาณาจกั ร และใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะน้ันจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธ์ิสูญหายหรือมีการนําเอาวัตถุ ออกฤทธิ์ที่อยูในยานพาหนะนนั้ ไปใชโ ดยมิชอบ ในกรณที ม่ี กี ารขนถา ยวตั ถอุ อกฤทธอิ์ อกจากยานพาหนะทใ่ี ชบ รรทกุ ไปยงั ยานพาหนะอน่ื ใหผ คู วบคมุ ยานพาหนะทใี่ ชบ รรทกุ มานนั้ แจง ใหเ จา หนา ทศี่ ลุ กากร ณ ทนี่ น้ั ทราบกอ น และใหเ จา หนา ที่ ศุลกากรน้ันมีหนาท่ีควบคุมวัตถุออกฤทธ์ิในระหวางขนถาย เม่ือขนถายเสร็จใหผูควบคุมยานพาหนะ ทร่ี ับขนถายวตั ถอุ อกฤทธ์นิ น้ั มหี นาทีเ่ ชนเดียวกบั ผคู วบคมุ ยานพาหนะตามวรรคหน่งึ มาตรา ๑๐๔ ผรู บั อนญุ าตนาํ เขา สง ออกหรอื นาํ ผา นซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภท จะตอ ง นาํ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ตี่ นนาํ เขา สง ออกหรอื นาํ ผา น แลว แตก รณี มาใหพ นกั งานเจา หนา ที่ ณ ดา นตรวจสอบ วัตถุออกฤทธิ์ที่กําหนดไวในประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๗ (๑๒) เพื่อทําการตรวจสอบตาม หลักเกณฑ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทีร่ ฐั มนตรปี ระกาศกําหนด มาตรา ๑๐๕ ในการนําผานซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิทุกประเภท หามผูใดเปลี่ยนแปลงการสง วัตถุออกฤทธิ์ไปยังจุดหมายอ่ืนที่มิไดระบุในใบอนุญาตสงออกท่ีสงมาพรอมกับวัตถุออกฤทธิ์ เวนแต ไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของประเทศผูออกใบอนุญาตนั้น และเลขาธิการ ใหค วามเหน็ ชอบดวย ในกรณที ไี่ มอ าจสง วตั ถอุ อกฤทธไ์ิ ปยงั จดุ หมายทกี่ าํ หนดตามวรรคหนงึ่ ได ใหผ รู บั อนญุ าต สง วตั ถอุ อกฤทธก์ิ ลบั คนื ไปยงั ประเทศทสี่ ง ออกภายในกาํ หนดเวลาสามสบิ วนั นบั แตว นั ทวี่ ตั ถอุ อกฤทธ์ิ ดงั กลา วเขา มาในราชอาณาจกั ร หากผรู บั อนญุ าตไมด าํ เนนิ การใหแ ลว เสรจ็ ภายในเวลาทกี่ าํ หนดใหว ตั ถุ ออกฤทธนิ์ นั้ ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหก ระทรวงสาธารณสขุ หรอื ผซู ง่ึ กระทรวงสาธารณสขุ มอบหมายทําลายหรือนาํ ไปใชป ระโยชนไดต ามระเบยี บทกี่ ระทรวงสาธารณสุขกําหนด มาตรา ๑๐๖ ในกรณีที่มีการเปล่ียนแปลงการสงวัตถุออกฤทธ์ิไปยังจุดหมายอ่ืนตาม มาตรา ๑๐๕ ใหถ อื วา วตั ถอุ อกฤทธนิ์ นั้ ไดส ง ออกจากประเทศทอ่ี อกใบอนญุ าตเขา มาในราชอาณาจกั ร และใหเ จา หนา ทซ่ี ง่ึ ไดร บั มอบหมายจากเลขาธกิ ารสลกั หลงั สาํ เนาใบอนญุ าตของเจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจของ ประเทศทสี่ ง ออกนน้ั โดยแจง วันเดือนปแ ละปรมิ าณที่แทจริงของวัตถอุ อกฤทธท์ิ นี่ าํ ผาน และสงสําเนา น้ันกลับไปใหเจาหนาท่ีของประเทศผูออกใบอนุญาต พรอมท้ังจัดทําสําเนาเก็บรักษาไวที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาหนึง่ ฉบบั
๑๒๒ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๑ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา ในการสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ไปยังจุดหมายใหมตามวรรคหน่ึง ผูรับอนุญาตตองนํา ใบอนุญาตนําเขาของเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศผูรับใหมมามอบใหสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยากอ นจงึ จะไดร บั การพจิ ารณาออกใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก และใหผ รู บั อนญุ าต แนบสาํ เนาใบอนุญาตเฉพาะคราวนน้ั ไปพรอมกบั วัตถุออกฤทธิ์ท่ีสงไปยงั จดุ หมายใหมด ว ยหน่ึงฉบบั ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก ซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ไปยังเจาหนาที่ผูมีอํานาจของประเทศผูรับใหมดวย เพ่ือใหเจาหนาท่ีผูมีอํานาจของ ประเทศผูรับจัดสงกลับมาและใหเลขาธิการจัดใหมีการตรวจสอบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวที่สง กลับมาน้นั มาตรา ๑๐๗ ในระหวางที่มีการนําผานซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๑ หรือประเภท ๒ หรือในระหวางที่วัตถุออกฤทธ์ิอยูในความควบคุมของเจาหนาท่ีศุลกากรตามมาตรา ๑๐๓ วรรคสอง หามผูใดแปรรูปหรือแปรสภาพวัตถุออกฤทธ์ิใหเปนอยางอื่น หรือเปลี่ยนหีบหอที่บรรจุวัตถุออกฤทธ์ิ เวนแตไดร ับอนญุ าตเปนหนงั สือจากเลขาธิการ มาตรา ๑๐๘ ในกรณที มี่ เี หตฉุ กุ เฉนิ หรอื จาํ เปน เลขาธกิ ารมอี าํ นาจผอ นผนั การใชบ งั คบั มาตรการควบคุมตามมาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๖ และมาตรา ๑๐๗ เกย่ี วกับการนําผา น ซ่ึงวัตถุออกฤทธไิ์ ดตามท่ีเห็นสมควร มาตรา ๑๐๙ ในการนาํ เขา ซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธท์ิ กุ ประเภท หา มผใู ดสง วตั ถอุ อกฤทธด์ิ งั กลา ว ไปยังบุคคลอ่ืนหรือสถานที่อื่นนอกเหนือไปจากบุคคลหรือสถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตเฉพาะคราว เพ่ือนําเขา เวนแตในกรณที ่มี ีเหตฉุ ุกเฉนิ หรือจําเปน โดยไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากเลขาธกิ าร มาตรา ๑๑๐ ในการสงออกแตละคร้ังซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ใหผูรับอนุญาตแนบสําเนาใบอนุญาตเฉพาะคราวเพื่อสงออกไปพรอมกับวัตถุออกฤทธ์ิท่ีสงออกนั้น หนึง่ ฉบบั ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจดั สง สาํ เนาใบอนญุ าตเฉพาะคราวเพอื่ สง ออก ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธไ์ิ ปยงั เจา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศผรู บั นน้ั ดว ยเพอ่ื ใหเ จา หนา ทผี่ มู อี าํ นาจของประเทศ ผรู ับจดั สง กลบั มาและใหเ ลขาธกิ ารจดั ใหม ีการตรวจสอบสาํ เนาใบอนุญาตเฉพาะคราวท่ีสงกลับมานน้ั มาตรา ๑๑๑ เมอื่ กระทรวงสาธารณสขุ ไดร บั แจง การหา มนาํ เขา ซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท หนึ่งประเภทใดที่ตางประเทศไดแจงผานเลขาธิการสหประชาชาติระบุหามนําเขาไปยังประเทศนั้น ใหรฐั มนตรีประกาศกําหนดการหามนาํ เขา ของประเทศนน้ั มาตรา ๑๑๒ หามผูใดสงออกซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิไปยังประเทศที่ระบุหามนําเขาตาม มาตรา ๑๑๑ เวนแตไดรับใบอนุญาตพิเศษเฉพาะคราวจากประเทศน้ันและใบอนุญาตพิเศษ เฉพาะคราวเพอ่ื สงออกจากเลขาธกิ าร
๑๒๓ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไข ทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๑๓ การมวี ตั ถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ในปริมาณ พอสมควรเทาที่จําเปนตองใชประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะ ท่ใี ชในการขนสงสาธารณะระหวางประเทศ ใหไ ดร บั การยกเวน จากมาตรการควบคมุ สําหรับการนําเขา สงออก หรอื นําผานตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๑๑๔ ผคู วบคมุ ยานพาหนะตามมาตรา ๑๑๓ ตอ งจดั ใหม กี ารปอ งกนั ตามสมควร เพ่อื มิใหวัตถุออกฤทธนิ์ น้ั สญู หายหรอื มีการนําไปใชโดยมชิ อบ หมวด ๑๒ บทกําหนดโทษ มาตรา ๑๑๕ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตงั้ แตห า แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคหนึ่งเปน การกระทําเพือ่ ขาย ตอ งระวางโทษจําคุกต้งั แต เจ็ดปถ งึ ยีส่ บิ ป และปรับตง้ั แตเ จด็ แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุหรือรวมบรรจุ และมปี รมิ าณคาํ นวณเปน สารบรสิ ทุ ธไิ์ มถ งึ ปรมิ าณทก่ี าํ หนดตามมาตรา ๑๔ วรรคสาม ตอ งระวางโทษ จําคุกตัง้ แตส ี่ปถ ึงเจด็ ป หรอื ปรบั ตัง้ แตแปดหมน่ื บาทถึงหน่งึ แสนส่หี มื่นบาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรับ ถา การกระทําความผดิ ตามวรรคสามเปนการกระทาํ เพ่ือขาย ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต ส่ีปถ ึงยส่ี บิ ป และปรบั ต้ังแตส่ีแสนบาทถึงสองลานบาท มาตรา ๑๑๖ ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แตส ี่ปถึงย่ีสบิ ป และปรับต้ังแตส่แี สนบาทถงึ สองลา นบาท มาตรา ๑๑๗ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๕ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตง้ั แตห า แสนบาทถงึ สองลา นบาท ถา การกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเปนการกระทาํ เพื่อขาย ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แต เจ็ดปถงึ ยี่สิบป และปรับตง้ั แตเจด็ แสนบาทถึงสองลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุหรือรวมบรรจุ และมปี รมิ าณคาํ นวณเปน สารบรสิ ทุ ธไิ์ มถ งึ ปรมิ าณทก่ี าํ หนดตามมาตรา ๑๕ วรรคสี่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตสีป่ ถ ึงเจด็ ป หรือปรบั ตัง้ แตแปดหมื่นบาทถงึ หน่ึงแสนสหี่ มื่นบาท หรอื ทงั้ จาํ ท้งั ปรับ
๑๒๔ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๓ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคสามเปนการกระทาํ เพ่อื ขาย ตองระวางโทษจาํ คกุ ต้งั แต สปี่ ถ งึ ยี่สิบป และปรับตั้งแตสี่แสนบาทถึงสองลา นบาท มาตรา ๑๑๘ ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๒ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๑๖ วรรคหนงึ่ ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตส ่ปี ถ งึ ย่สี ิบป และปรับตั้งแตส ีแ่ สนบาทถงึ สองลา นบาท มาตรา ๑๑๙ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ หรือนําผานซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธิท์ กุ ประเภทอนั เปนการฝาฝนมาตรา ๒๐ วรรคหน่ึง ตอ งระวางโทษจําคกุ ตง้ั แตส องปถ ึงสบิ ป และปรบั ต้ังแตส องแสนบาทถึงหนึ่งลานบาท ถา การกระทําความผดิ ตามวรรคหนึ่งเปน การกระทําเพือ่ ขาย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแต สามปถึงสบิ หา ป และปรับตั้งแตส ามแสนบาทถึงหน่ึงลา นหาแสนบาท มาตรา ๑๒๐ ผูใดขายวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อันเปนการฝาฝน มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถึงสิบป และปรับต้ังแตสองแสนบาท ถงึ หนึง่ ลานบาท มาตรา ๑๒๑ ผรู บั อนญุ าตตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๘ (๑) หรือมาตรา ๘๘ ผูใ ดดาํ เนินการภายหลังท่ใี บอนุญาตส้ินอายุแลว โดยมิไดย ืน่ คาํ ขอตอ อายุใบอนญุ าต ตองระวางโทษ ปรับวันละหารอยบาท นับแตวันถัดจากวันที่ใบอนุญาตส้ินอายุจนถึงวันที่ย่ืนคําขอผอนผันตออายุ ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ วรรคสอง มาตรา ๑๒๒ ผูร บั อนญุ าตผใู ดฝา ฝนมาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง ตองระวาง โทษปรับต้ังแตสองหมื่นบาทถงึ หา หม่ืนบาท มาตรา ๑๒๓ ผูรบั อนญุ าตขายวตั ถอุ อกฤทธ์ใิ นประเภท ๒ ผูใดฝาฝน มาตรา ๒๙ ตอ ง ระวางโทษจําคกุ ตงั้ แตห น่ึงปถงึ หาป หรือปรับตั้งแตสองหม่ืนบาทถงึ หน่งึ แสนบาท หรือทั้งจาํ ท้งั ปรบั มาตรา ๑๒๔ ผรู บั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๓๐ วรรคหนง่ึ หรอื ฝา ฝน มาตรา ๓๐ วรรคสอง ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินหนง่ึ ป หรือปรับไมเ กนิ สองหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรับ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๓๐ วรรคสามหรือวรรคส่ี ตองระวางโทษปรับ ไมเ กนิ หา พันบาท มาตรา ๑๒๕ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๓๘ ตองระวางโทษปรับตั้งแต สองหม่นื บาทถงึ หนึ่งแสนบาท มาตรา ๑๒๖ ผูรับอนุญาตผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ วรรคหน่ึง มาตรา ๔๑ หรือ มาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกินหนงึ่ หมนื่ บาท มาตรา ๑๒๗ ผรู บั อนญุ าตผูใดไมปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๔๓ วรรคหน่ึง ตอ งระวางโทษปรับ ไมเกินหนึง่ พนั บาท
๑๒๕ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๔ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๒๘ ผูรบั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ัติตามมาตรา ๔๗ วรรคหนึง่ ตองระวางโทษปรับ ต้ังแตหนึ่งหมืน่ บาทถึงสองหม่ืนบาท มาตรา ๑๒๙ เภสัชกรผูมีหนาที่ควบคุมกิจการผูใดละท้ิงหนาที่หรือไมปฏิบัติหนาที่ ในการควบคุมกิจการของผูรับอนุญาตโดยไมมีเหตุอันควรตามมาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ หรอื มาตรา ๕๕ ตอ งระวางโทษปรบั ตง้ั แตห นงึ่ หมนื่ บาท ถึงหา หมน่ื บาท มาตรา ๑๓๐ เภสชั กรผมู หี นาทค่ี วบคุมกิจการผูใ ดไมป ฏิบัตติ ามมาตรา ๕๖ ตองระวาง โทษปรบั ไมเ กนิ สามพนั บาท มาตรา ๑๓๑ ผูใดผลิต นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ปลอมอันเปนการฝาฝน มาตรา ๕๗ (๑) ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงสิบหาป และปรับตั้งแตหาแสนบาทถึงหนึ่งลาน หาแสนบาท ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธ์ปิ ลอมอันเปน การฝาฝนมาตรา ๕๗ (๑) ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แต หนง่ึ ปถึงสิบป และปรบั ตง้ั แตห น่ึงแสนบาทถงึ หนึง่ ลานบาท มาตรา ๑๓๒ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธผิ์ ดิ มาตรฐานอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๒) ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กินหกหมน่ื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั ผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธผิ์ ดิ มาตรฐานอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๒) ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กินสองป หรือปรบั ไมเกินสี่หมน่ื บาท หรือท้ังจาํ ท้ังปรับ มาตรา ๑๓๓ ผใู ดขาย นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธเิ์ สอื่ มคณุ ภาพอนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๕๗ (๓) ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเ กนิ สองป หรอื ปรับไมเกินสี่หมน่ื บาท หรือทั้งจาํ ทง้ั ปรบั มาตรา ๑๓๔ ผูใดผลิต ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ท่ีตองข้ึนทะเบียนวัตถุ ตาํ รบั แตมไิ ดขึ้นทะเบยี นไวอนั เปน การฝาฝนมาตรา ๕๗ (๔) ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินสามป หรอื ปรบั ไมเกินหกหมน่ื บาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรบั มาตรา ๑๓๕ ผใู ดผลติ นาํ เขา หรอื สง ออกซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธทิ์ ร่ี ฐั มนตรสี ง่ั เพกิ ถอนทะเบยี น วตั ถตุ าํ รับอันเปนการฝา ฝนมาตรา ๕๗ (๕) ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตหนง่ึ ปถ ึงสิบป และปรับตง้ั แต หนึง่ แสนบาทถึงหน่ึงลา นบาท ผูใดขายวัตถุออกฤทธ์ิท่ีรัฐมนตรีส่ังเพิกถอนทะเบียนวัตถุตํารับอันเปนการฝาฝน มาตรา ๕๗ (๕) ตอ งระวางโทษจําคุกตง้ั แตห กเดอื นถึงหาป และปรบั ต้งั แตหาหมนื่ บาทถงึ หาแสนบาท มาตรา ๑๓๖ ผูใดขายวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝนมาตรา ๖๑ ตองระวางโทษจําคุก ตั้งแตหน่ึงปถ ึงหาป หรือปรบั ตง้ั แตสองหมนื่ บาทถงึ หนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๓๗ ผใู ดแกไ ขรายการทะเบยี นวตั ถตุ าํ รบั ทข่ี นึ้ ทะเบยี นไวแ ลว อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๖๔ วรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษปรบั ไมเ กินสองหมื่นบาท
๑๒๖ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๕ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๓๘ ผูใดโฆษณาวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝนมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่งหรือ วรรคสอง หรือไมปฏิบัติตามคําส่ังของผูอนุญาตตามมาตรา ๗๑ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสองป หรือปรบั ตั้งแตสองหมืน่ บาทถงึ สองแสนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรบั ถาการกระทําตามวรรคหนึ่งเปนการกระทําของเจาของสื่อโฆษณาหรือผูประกอบกิจการ โฆษณา ผูกระทําตองระวางโทษเชน เดยี วกนั กบั ผูโฆษณา ผูกระทําความผิดซึ่งตองรับโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ยังตองระวางโทษปรับ อกี วันละไมเกินหน่งึ หมนื่ บาท ตลอดระยะเวลาทยี่ งั ฝา ฝนหรือจนกวาจะไดปฏิบตั ิใหถ กู ตอง มาตรา ๑๓๙ ผูรับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวของผูใดตอสูหรือขัดขวางการปฏิบัติหนาท่ี ของพนกั งานเจา หนาทต่ี ามมาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ หรือมาตรา ๗๙ วรรคสาม ตองระวางโทษจาํ คุก ไมเ กินหน่งึ ป หรือปรบั ไมเ กินสองหมื่นบาท หรอื ทง้ั จาํ ทัง้ ปรบั ผูรับอนุญาตหรือบุคคลที่เก่ียวของผูใดไมอํานวยความสะดวกตามสมควรแกพนักงาน เจาหนา ที่อันเปนการไมปฏบิ ัติตามมาตรา ๗๗ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพนั บาท มาตรา ๑๔๐ ผใู ดมไี วใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนซ ง่ึ วตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ อนั เปน การฝาฝน มาตรา ๘๘ วรรคหน่งึ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แตห นึ่งปถ งึ หาป หรือปรบั ตง้ั แตส องหมื่นบาทถึงหนึง่ แสนบาท หรือทั้งจําทง้ั ปรับ ผูใดมีไวในครอบครองหรือใชประโยชนซ่ึงวัตถุออกฤทธ์ิในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๘๘ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรอื ทัง้ จําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๔๑ ผใู ดเสพวตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท ๑ อนั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๑ หรอื ผใู ด เสพวตั ถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ อันเปน การฝาฝน มาตรา ๙๒ ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกินสามป หรือ ปรับไมเ กินหกหม่นื บาท หรอื ท้งั จําท้ังปรบั มาตรา ๑๔๒ ผใู ดใหผ อู นื่ เสพวตั ถอุ อกฤทธอิ์ นั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๓ ตอ งระวางโทษ จําคกุ ต้ังแตหนงึ่ ปถึงหาป หรือปรบั ตงั้ แตส องหมน่ื บาทถงึ หน่งึ แสนบาท หรือท้งั จําทั้งปรับ ถาการกระทําตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําโดยใชกําลังประทุษราย หรือโดยใชอาวุธ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกตั้งแตห นง่ึ ปถ งึ สิบป และปรับต้ังแตหนึ่งแสนบาทถงึ หน่งึ ลา นบาท ถา การกระทําตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เปน การกระทาํ ตอ หญงิ หรือตอ บุคคลซ่งึ ยงั ไม บรรลุนิติภาวะ หรือเปนการกระทําเพื่อจูงใจใหผูอื่นกระทําความผิดทางอาญาหรือเพ่ือประโยชนแก ตนเองหรือผูอ่ืนในการกระทําความผิดทางอาญา ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสามปถึงจําคุก ตลอดชวี ติ และปรับตงั้ แตส ามแสนบาทถึงหาลา นบาท
๑๒๗ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๖ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๔๓ ผใู ดขดั ขวางหรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ของพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื พนกั งานเจา หนา ทตี่ ามมาตรา ๙๔ วรรคหนงึ่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หกเดอื น หรอื ปรบั ไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนบาท มาตรา ๑๔๔ ผูรับอนุญาตผูใดไมจัดใหมีการปองกันตามสมควรเพ่ือมิใหวัตถุออกฤทธิ์ สูญหายหรือมีการนําไปใชโดยมิชอบอันเปนการไมปฏิบัติตามมาตรา ๙๕ ตองระวางโทษปรับตั้งแต หน่ึงหม่นื บาทถึงหาหม่ืนบาท มาตรา ๑๔๕ ผใู ดฝา ฝน มาตรา ๙๖ ตอ งระวางโทษปรบั ตงั้ แตห นง่ึ หมนื่ บาทถงึ หา หมน่ื บาท มาตรา ๑๔๖ เภสชั กรผใู ดขายวตั ถอุ อกฤทธอ์ิ นั เปน การฝา ฝน มาตรา ๙๗ วรรคหนง่ึ หรอื มาตรา ๙๘ ตอ งระวางโทษปรบั ต้ังแตหนงึ่ หมน่ื บาทถึงหาหมน่ื บาท มาตรา ๑๔๗ เภสัชกรผูใดไมจัดใหมีการลงบัญชีรายละเอียดการขายตามมาตรา ๙๗ วรรคหน่งึ หรือมาตรา ๙๘ หรอื ไมปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๙๙ ตองระวางโทษปรับไมเ กินหนึ่งพนั บาท มาตรา ๑๔๘ ผรู บั อนญุ าตนาํ เขา หรอื สง ออกซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธต์ิ ามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๒๐ ผูใดกระทําการนําเขาหรือสงออกในแตละคร้ังซ่ึงวัตถุออกฤทธิ์อันเปนการฝาฝน มาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง ตอ งระวางโทษปรบั คร้ังละไมเ กินหา พันบาท มาตรา ๑๔๙ ผรู บั อนญุ าตผใู ดไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๐๑ วรรคหนงึ่ มาตรา ๑๐๒ วรรคหนง่ึ มาตรา ๑๐๓ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๐๖ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๑๐ วรรคหน่ึง ตองระวางโทษปรับ ไมเกินหน่ึงพันบาท มาตรา ๑๕๐ ผคู วบคมุ ยานพาหนะผใู ดไมป ฏบิ ตั หิ นา ทต่ี ามมาตรา ๑๐๓ ตอ งระวางโทษ ปรบั ไมเ กนิ หา หมืน่ บาท มาตรา ๑๕๑ ผรู ับอนญุ าตนําเขา สงออกหรอื นาํ ผานซง่ึ วัตถุออกฤทธิ์ผใู ดไมป ฏิบัติตาม มาตรา ๑๐๔ ตอ งระวางโทษปรบั ต้งั แตหนงึ่ หมื่นบาทถึงหา หมืน่ บาท มาตรา ๑๕๒ ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๗ หรือมาตรา ๑๑๒ วรรคหน่ึง ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเกนิ หกหมื่นบาท หรือทั้งจําทง้ั ปรับ มาตรา ๑๕๓ ผใู ดฝา ฝนมาตรา ๑๐๙ ตอ งระวางโทษจําคุกไมเกินสองป หรอื ปรบั ไมเ กิน สห่ี ม่ืนบาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรบั มาตรา ๑๕๔ ผูควบคุมยานพาหนะตามมาตรา ๑๑๓ ผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๑๑๔ ตองระวางโทษปรับไมเกนิ หาหมื่นบาท มาตรา ๑๕๕ ผูใดเสพ เสพและมีไวในครอบครอง เสพและมีไวในครอบครองเพ่ือขาย หรอื เสพและขายซง่ึ วตั ถอุ อกฤทธติ์ ามลกั ษณะ ชนดิ ประเภทและปรมิ าณทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง และ ไดส มคั รใจขอเขา รบั การบาํ บดั รกั ษาในสถานพยาบาลกอ นความผดิ จะปรากฏตอ พนกั งานฝา ยปกครอง
๑๒๘ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๗ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานเุ บกษา หรอื ตาํ รวจหรอื พนกั งานเจา หนา ท่ี และไดป ฏบิ ตั คิ รบถว นตามระเบยี บขอ บงั คบั เพอ่ื ควบคมุ การบาํ บดั รกั ษาและระเบยี บวนิ ัยสําหรบั สถานพยาบาลตามมาตรา ๗ (๑๕) จนไดรับการรับรองเปน หนงั สือจาก ผูอํานวยการหรือหัวหนาสถานพยาบาลน้ัน ใหพนจากความผิดตามท่ีกฎหมายบัญญัติไว แตท้ังนี้ ไมรวมถงึ กรณคี วามผิดทีไ่ ดก ระทาํ ภายหลงั การสมคั รใจเขารบั การบาํ บัดรกั ษา การรับเขาบําบัดรักษาในสถานพยาบาลตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามหลักเกณฑ และวิธีการท่ีคณะกรรมการกาํ หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๑๕๖ ผูใดทําการบําบัดรักษาผูติดวัตถุออกฤทธิ์เปนปกติไมวาโดยวิธีใด ซงึ่ มิไดกระทาํ ในสถานพยาบาลตามท่ีกําหนดไวในพระราชบัญญัตนิ ี้ ไมว า จะไดร ับประโยชนต อบแทน หรือไม ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห กเดือนถงึ สามป และปรับตั้งแตห าหมน่ื บาทถึงสามแสนบาท มาตรา ๑๕๗ บรรดาวัตถุออกฤทธ์ิ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช ยานพาหนะหรือทรัพยสินอ่ืน ซ่ึงบุคคลไดใชในการกระทําความผิดหรือไดมาโดยการกระทําความผิดเก่ียวกับวัตถุออกฤทธิ์ตาม พระราชบญั ญตั ินี้ ใหร บิ เสยี ท้ังส้ิน มาตรา ๑๕๘ วตั ถอุ อกฤทธ์ิ ภาชนะหรอื หบี หอ บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธแิ์ ละเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ ง ท่ียดึ ไวต ามมาตรา ๗๔ หรอื ตามกฎหมายอ่นื รวมทงั้ ในกรณที มี่ กี ารนําเขา สง ออก หรือนาํ ผานซ่ึงวตั ถุ ออกฤทธ์ิโดยฝาฝนพระราชบัญญัติน้ี แลวแตกรณี และไมมีการฟองคดีตอศาลเพราะเหตุไมปรากฏ ผูกระทําความผิดและพนักงานอัยการส่ังงดการสอบสวน หรือเพราะพนักงานอัยการมีคําสั่งเด็ดขาด ไมฟองคดี หรือเพราะมีการเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๖๐ หรือมีการฟองคดีตอศาลและศาลมี คําพิพากษาถึงท่ีสุดไมริบ ถาไมมีผูใดมาอางวาเปนเจาของภายในกําหนดเกาสิบวันนับแตวันที่ พนักงานอัยการมีคําส่ังงดการสอบสวน หรือพนักงานอัยการมีคําสั่งเด็ดขาดไมฟองคดี หรือเพราะมี การเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๖๐ หรือมีการฟองคดีตอศาลและศาลมีคําพิพากษาถึงท่ีสุดไมริบ ใหว ตั ถอุ อกฤทธ์ิ ภาชนะหรอื หบี หอ บรรจวุ ตั ถอุ อกฤทธแ์ิ ละเอกสารนน้ั ตกเปน ของกระทรวงสาธารณสขุ และใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายทําลายหรือนําไปใชประโยชน ไดต ามระเบียบทีก่ ระทรวงสาธารณสุขกําหนด ถา มผี ทู อ่ี า งวา เปน เจา ของตามวรรคหนง่ึ แสดงตอ คณะกรรมการไดว า เปน เจา ของแทจ รงิ และมิไดรูเห็นเปนใจดวยในการกระทําความผิด ถาส่ิงที่ไดยึดไวยังคงอยูในครอบครองของพนักงาน เจา หนา ท่ี ใหคณะกรรมการสง่ั ใหค นื สง่ิ ที่ไดยึดแกผูเปน เจาของแทจริงได มาตรา ๑๕๙ ในกรณีที่มีการฟองคดีความผิดเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธ์ิตอศาลและไม ไดมีการโตแยงเรื่องประเภท จํานวนหรือน้ําหนักของวัตถุออกฤทธิ์นั้น ถาศาลชั้นตนมีคําพิพากษา หรอื คาํ สงั่ ใหร บิ วตั ถอุ อกฤทธดิ์ งั กลา วตามมาตรา ๑๕๗ หรอื ตามกฎหมายอนื่ และไมม คี าํ เสนอตอ ศาลวา ผเู ปน เจา ของแทจ รงิ ไมไ ดร เู หน็ เปน ใจดว ยในการกระทาํ ความผดิ ภายในกาํ หนดสามสบิ วนั นบั แตว นั ทศี่ าล
๑๒๙ เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หนา ๓๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหริบวัตถุออกฤทธ์ินั้น ใหกระทรวงสาธารณสุขหรือผูซ่ึงกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายทาํ ลายหรอื นําไปใชป ระโยชนไดต ามระเบียบทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ กาํ หนด มาตรา ๑๖๐ บรรดาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ซี้ ง่ึ มโี ทษปรบั สถานเดยี ว ใหเ ลขาธกิ าร หรือผูซ่ึงไดรับมอบหมายจากเลขาธิการมีอํานาจเปรียบเทียบไดตามหลักเกณฑหรือเงื่อนไข ทคี่ ณะกรรมการกาํ หนด มาตรา ๑๖๑ กรรมการหรือพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี เจาหนาที่ของรัฐ ตามกฎหมายวาดวยบัตรประจาํ ตวั เจา หนาที่ของรัฐ หรอื ผูดาํ รงตําแหนง ทางการเมืองผใู ด ผลติ ขาย นําเขาหรือสงออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ หรือสนับสนุนในการกระทําดังกลาวอันเปนการกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ ตอ งระวางโทษเปนสามเทาของโทษที่กาํ หนดไวส ําหรับความผิดนนั้ มาตรา ๑๖๒ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ที้ มี่ โี ทษจาํ คกุ และปรบั ใหศ าลลงโทษจาํ คกุ และปรบั ดว ยเสมอ โดยคาํ นงึ ถงึ การลงโทษในทางทรพั ยส นิ เพอื่ ปอ งปรามการกระทาํ ความผดิ เกย่ี วกบั วัตถอุ อกฤทธิ์ มาตรา ๑๖๓ ในกรณที ศ่ี าลเหน็ วา การกระทาํ ความผดิ ของผใู ด เมอ่ื ไดพ เิ คราะหถ งึ ความ รา ยแรงของการกระทาํ ความผดิ และพฤตกิ ารณท เี่ กยี่ วขอ งประกอบแลว กรณมี เี หตอุ นั สมควรเปน การ เฉพาะราย ศาลจะลงโทษจาํ คกุ นอ ยกวา อตั ราโทษขนั้ ตา่ํ ทก่ี าํ หนดไวส าํ หรบั ความผดิ นนั้ กไ็ ด และถา เปน กรณีที่มีอัตราโทษปรับขั้นต่ํา ถาศาลไดพิเคราะหถึงความรายแรงของการกระทําความผิด ฐานะของ ผูกระทําความผิด และพฤติการณท่ีเก่ียวของประกอบแลว กรณีมีเหตุอันสมควรเปนการเฉพาะราย ศาลจะลงโทษปรบั นอยกวา อตั ราโทษขนั้ ตาํ่ ที่กําหนดไวส าํ หรบั ความผิดน้ันก็ได มาตรา ๑๖๔ ถาศาลเห็นวาผูกระทําความผิดผูใดไดใหขอมูลที่สําคัญในช้ันจับกุม หรือช้ันสอบสวน อันเปนการเปดเผยถึงการกระทําความผิดเก่ียวกับวัตถุออกฤทธ์ิของบุคคล ที่เปนเครือขายและเปนประโยชนอยางย่ิงตอการปราบปรามหรือดําเนินคดีแกบุคคลเหลานั้น ศาลจะลงโทษผนู ัน้ นอยกวาอตั ราโทษขัน้ ต่าํ ทกี่ าํ หนดไวส ําหรับความผดิ น้นั ก็ได บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๖๕ คําขอใดที่ไดยื่นไวตามพระราชบัญญัติวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ และยงั อยใู นระหวางพิจารณาใหถือวา เปนคําขอตามพระราชบัญญตั ิน้ี ในกรณีท่ีคําขอ มขี อ แตกตา งไปจากคาํ ขอซงึ่ ตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหผ อู นญุ าตมอี าํ นาจสง่ั ใหผ ขู ออนญุ าต แกไขเพิม่ เตมิ ไดต ามความจําเปน เพื่อใหก ารเปนไปตามพระราชบัญญัตินี้
๑๓๐ เลม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๐๗ ก หนา ๓๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๖๖ ใหผูรับอนุญาตผลิต ขาย นําเขา สงออกหรือมีไวในครอบครองซ่ึงวัตถุ ออกฤทธิ์ตามพระราชบัญญัติวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ในวันกอนวันท่ี พระราชบัญญัติน้ี ใชบังคับยังคงดําเนินกิจการตอไปไดจนกวาใบอนุญาตน้ันส้ินอายุ และถาประสงค จะดําเนินกิจการตอไปใหย่ืนคําขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ีกอนใบอนุญาตเดิมจะสิ้นอายุ แตถาผูอนุญาตมีคําสั่งเปนหนังสือไมออกใบอนุญาตให ผูนั้นไมมีสิทธิดําเนินกิจการนับแตวันที่ทราบ คําสง่ั เปน ตนไป มาตรา ๑๖๗ ใหคณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธ์ิตอจิตและประสาทตามพระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธ์ิตอจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งดํารงตําแหนงอยูในวันกอนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับปฏิบัติหนาท่ีตามพระราชบัญญัตินี้ตอไปจนกวาจะไดมีคณะกรรมการวัตถุ ท่ีออกฤทธ์ิตอจิตและประสาทตามพระราชบัญญัตินี้ แตตองไมเกินหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันท่ี พระราชบัญญัตนิ ใี้ ชบังคับ มาตรา ๑๖๘ บรรดากฎกระทรวง ระเบยี บหรอื ประกาศทอ่ี อกตามพระราชบญั ญัติวัตถุ ท่ีออกฤทธต์ิ อจติ และประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่ใี ชอยใู นวันกอ นวนั ทพ่ี ระราชบัญญัติน้ใี ชบงั คบั ใหยังคง ใชบ งั คบั ไดต อ ไปเพยี งเทา ทไี่ มข ดั หรอื แยง กบั บทบญั ญตั แิ หง พระราชบญั ญตั นิ ี้ จนกวา จะมกี ฎกระทรวง ระเบยี บหรอื ประกาศตามพระราชบัญญตั นิ ้ใี ชบงั คบั การดําเนินการออกกฎกระทรวง ระเบียบหรือประกาศตามวรรคหน่ึง ใหดําเนินการ ใหแ ลว เสรจ็ ภายในสองปน บั แตว นั ทพี่ ระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ งั คบั หากไมส ามารถดาํ เนนิ การได ใหร ฐั มนตรี รายงานเหตุผลทไ่ี มอ าจดําเนินการไดต อ คณะรัฐมนตรเี พอ่ื ทราบ ผูรบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ จันทรโ อชา นายกรัฐมนตรี
๑๓๑ อตั ราคาธรรมเนยี ม (๑) ใบอนญุ าตผลติ วัตถอุ อกฤทธใิ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท หรอื ประเภท ๔ (๒) ใบอนุญาตผลติ เพอ่ื สงออกวตั ถอุ อกฤทธิ์ในประเภท ๒ ฉบบั ละ ๕,๐๐๐ บาท (๓) ใบอนุญาตนําเขาวตั ถุออกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรอื ประเภท ๔ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท (๔) ใบอนญุ าตสง ออกวตั ถอุ อกฤทธ์ิในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๕) ใบอนุญาตขายวตั ถุออกฤทธิใ์ นประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท (๖) ใบอนุญาตนาํ ผานวตั ถุออกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๗) ใบอนุญาตใหม ีไวใ นครอบครองหรอื ใชป ระโยชนวัตถอุ อกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๘) ใบอนุญาตนําเขา หรอื สงออกเฉพาะคราวซงึ่ วตั ถุออกฤทธ์ิ ฉบบั ละ ๕๐๐ บาท (๙) ใบอนญุ าตโฆษณาวัตถอุ อกฤทธิ์ตามมาตรา ๗๐ ฉบบั ละ ๓,๐๐๐ บาท (๑๐) ใบสาํ คัญการขึ้นทะเบยี นวัตถตุ ํารับ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท (๑๑) การอนุญาตใหแกไขรายการทะเบียนวตั ถุตํารบั ตามมาตรา ๖๔ ฉบบั ละ ๑,๐๐๐ บาท (๑๒) ใบแทนใบอนญุ าตหรือใบแทนใบสาํ คญั การขนึ้ ทะเบยี นวัตถุตาํ รบั ฉบับละ ๑๐๐ บาท (๑๓) การตออายใุ บอนุญาตหรอื ใบสาํ คัญการขน้ึ ทะเบยี นวัตถตุ ํารบั ครั้งละไมเ กนิ คา ธรรมเนยี ม สําหรับใบอนญุ าตหรอื ใบสําคญั น้ัน
๑๓๒ หนา ๔๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๓๓ ตอนที่ ๑๐๗ ก หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คอื โดยทพี่ ระราชบญั ญตั วิ ตั ถทุ อี่ อกฤทธิ์ ตอ จติ และประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ ไดใ ชบ งั คับมาเปน เวลานานแลว บทบัญญัติบางประการไมเ หมาะสม กับสถานการณในปจจุบันซึ่งมีสภาพปญหาเก่ียวกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น สมควร ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับองคประกอบของคณะกรรมการวัตถุท่ีออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท การขออนญุ าตและการออกใบอนญุ าตเกยี่ วกบั วตั ถอุ อกฤทธ์ิ หนา ทขี่ องผรู บั อนญุ าต หนา ทขี่ องเภสชั กร การโฆษณาและอาํ นาจหนา ทขี่ องพนกั งานเจา หนา ท่ี รวมทง้ั เพม่ิ เตมิ บทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั ดา นตรวจสอบ วตั ถอุ อกฤทธแิ์ ละการใหโ อกาสแกผ เู สพ เสพและมไี วใ นครอบครอง เสพและมไี วใ นครอบครองเพอื่ ขาย หรอื เสพและขายซงึ่ วตั ถอุ อกฤทธไิ์ ดส มคั รใจเขา รบั การบาํ บดั รกั ษาในสถานพยาบาล ตลอดจนปรบั ปรงุ บทกาํ หนดโทษและอัตราคา ธรรมเนยี มใหเหมาะสมยิ่งข้ึน จงึ จําเปน ตอ งตราพระราชบัญญัติน้ี
เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๘ ๑๓๓ ราชกจิ จานเุ บกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ Ô ÂÒàʾμ´Ô ãËŒâ·É (©ººÑ ·èÕ ö) ¾.È. òõöð ÊÁà´ç¨¾ÃÐ਌ÒÍÂËÙ‹ ÑÇÁËÒǪÔÃÒŧ¡Ã³ º´Ô¹·Ãà·¾ÂÇÃÒ§¡ÃÙ ãËäŒ ÇŒ ³ Çѹ·èÕ ñô Á¡ÃÒ¤Á ¾.È. òõöð ໚¹»‚·Õè ò ã¹ÃѪ¡ÒÅ»˜¨¨Øº¹Ñ สมเดจ็ พระเจา อยหู วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู มพี ระราชโองการโปรดเกลา ฯ ใหป ระกาศวา โดยทีเ่ ปน การสมควรแกไขเพ่ิมเตมิ กฎหมายวา ดว ยยาเสพตดิ ใหโ ทษ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ นึ้ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอมของ สภานิตบิ ัญญัติแหง ชาติ ดงั ตอ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกวา “พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐” มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตงั้ แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน ตนไป มาตรา ๓ ใหยกเลกิ ความในวรรคสามของมาตรา ๑๕ แหงพระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ ทษ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใชค วามตอ ไปนแี้ ทน “การผลิต นาํ เขา สงออก หรือมีไวใ นครอบครองซงึ่ ยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ ตาม ปรมิ าณดังตอไปน้ี ใหส ันนษิ ฐานวา เปน การผลิต นําเขา สงออก หรอื มไี วในครอบครองเพอื่ จําหนา ย (๑) เด็กซโตรไลเซอรไยดหรือแอลเอสดี มีปริมาณคํานวณเปนสารบริสุทธ์ิตั้งแต ศนู ยจ ดุ เจด็ หา มลิ ลกิ รมั ขน้ึ ไป หรอื มยี าเสพตดิ ทม่ี สี ารดงั กลา วผสมอยจู าํ นวนสบิ หา หนว ยการใชข น้ึ ไป หรอื มนี ํา้ หนักสุทธิ ต้งั แตส ามรอ ยมิลลกิ รัมขึน้ ไป
๑๓๔ เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๙ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) แอมเฟตามีนหรืออนุพันธแอมเฟตามีน มีปริมาณคํานวณเปนสารบริสุทธิ์ตั้งแต สามรอยเจ็ดสิบหามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดท่ีมีสารดังกลาวผสมอยูจํานวนสิบหาหนวยการใช ข้ึนไปหรือมีนํา้ หนักสุทธติ ้งั แตหนึง่ จุดหากรมั ข้ึนไป (๓) ยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ นอกจาก (๑) และ (๒) มีปริมาณคํานวณเปน สารบรสิ ทุ ธิ์ ตง้ั แตส ามกรัมข้นึ ไป” มาตรา ๔ ใหยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา ๑๗ แหง พระราชบัญญัตยิ าเสพตดิ ใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใชความตอ ไปน้แี ทน “การมียาเสพติดใหโทษในประเภท ๒ ไวในครอบครองคํานวณเปนสารบริสุทธิ์ไดต้ังแต หนึง่ รอยกรมั ขนึ้ ไป ใหส นั นิษฐานวา มีไวในครอบครองเพ่ือจําหนาย” มาตรา ๕ ใหยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา ๒๖ แหง พระราชบัญญตั ิยาเสพติด ใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใชค วามตอไปน้แี ทน “การมียาเสพตดิ ใหโทษในประเภท ๔ หรือในประเภท ๕ ไวใ นครอบครองมีปริมาณต้ังแต สบิ กิโลกรมั ข้ึนไป ใหส ันนิษฐานวามีไวในครอบครองเพ่อื จาํ หนา ย” มาตรา ๖ ใหยกเลิกความในมาตรา ๖๕ แหงพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญัตยิ าเสพติดใหโทษ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และให ใชความตอ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๖๕ ผูใดผลิต นาํ เขา หรอื สงออกซ่งึ ยาเสพติดใหโ ทษในประเภท ๑ อันเปนการ ฝาฝน มาตรา ๑๕ ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบปถึงจําคุกตลอดชีวิต และปรับต้ังแตหนึ่งลานบาท ถึงหาลา นบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการกระทําเพ่ือจําหนาย ตองระวางโทษจําคุก ตลอดชีวติ และปรับตัง้ แตห นง่ึ ลานบาทถึงหา ลา นบาท หรอื ประหารชวี ติ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการผลิตโดยการแบงบรรจุ หรือรวมบรรจุ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส ปี่ ถ งึ สบิ หา ป หรอื ปรบั ตงั้ แตแ ปดหมนื่ บาทถงึ สามแสนบาท หรอื ทงั้ จาํ ทง้ั ปรบั ถาการกระทาํ ความผิดตามวรรคสาม เปน การกระทําเพ่ือจาํ หนาย ตองระวางโทษจาํ คุก ตง้ั แตส ่ีปถงึ จาํ คุกตลอดชีวติ และปรับตัง้ แตส่ีแสนบาทถงึ หา ลา นบาท” มาตรา ๗ ใหย กเลกิ ความในมาตรา ๖๗ แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใ ชค วามตอ ไปนแี้ ทน “มาตรา ๖๗ ผใู ดมไี วใ นครอบครองซงึ่ ยาเสพตดิ ใหโ ทษในประเภท ๑ โดยไมไ ดร บั อนญุ าต ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหนึ่งปถึงสิบป หรือปรับตั้งแตสองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจํา ท้ังปรับ”
๑๓๕ เลม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ ก หนา ๑๐ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๘ บทบญั ญตั มิ าตรา ๑๕ วรรคสาม มาตรา ๑๗ วรรคสอง และมาตรา ๒๖ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ้ี ไมใ หใ ชบ งั คบั แกค ดที ศ่ี าลชน้ั ตน มคี าํ พพิ ากษาแลว กอ นวนั ทพี่ ระราชบญั ญตั นิ ใี้ ชบ งั คบั และใหน าํ กฎหมายซง่ึ ใชบ งั คบั อยใู นวนั กอ นวันทพี่ ระราชบัญญัตินใี้ ชบงั คบั บังคับแกคดีดงั กลา วตอ ไปจนกวาคดถี งึ ท่ีสุด คดีซ่ึงคางพิจารณาอยูในศาลชั้นตนในวันที่พระราชบัญญัติน้ีใชบังคับ ถาคูความฝายใด ฝายหน่ึง หรือทั้งสองฝายย่ืนคําแถลงขอสืบพยานหลักฐานเพ่ิมเติมวาการกระทําของจําเลยเปนการ กระทาํ เพ่ือจาํ หนา ยหรอื ไม ก็ใหศาลสบื พยานหลักฐานเพ่มิ เติมไดตามท่ีเหน็ สมควร มาตรา ๙ ในกรณีท่ีศาลพิพากษาลงโทษผูกระทําความผิดตามมาตรา ๖๕ วรรคหนึ่ง แหง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซง่ึ ใชบ งั คบั อยใู นวนั กอ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ งั คบั และคดถี งึ ท่สี ดุ แลว ถา ผูกระทาํ ความผิดยงั ไมไดรับโทษ หรือกําลังรับโทษอยู เม่อื ความปรากฏแกศ าล หรอื เมอื่ ผกู ระทาํ ความผดิ ผแู ทนโดยชอบธรรมของผนู นั้ ผอู นบุ าลของผนู นั้ หรอื พนกั งานอยั การรอ งขอ ใหศ าลชนั้ ตน ทพี่ พิ ากษาคดนี น้ั มอี าํ นาจกาํ หนดโทษใหมต ามมาตรา ๖๕ วรรคหนง่ึ แหง พระราชบญั ญตั ิ ยาเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซงึ่ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ้ี ในการทศี่ าลจะกาํ หนดโทษใหมน ี้ ใหศาลมีอํานาจไตสวนผูท่ีเกี่ยวของตามท่ีเห็นวาจําเปน ถาปรากฏวา ผูกระทําความผิดไดรับโทษ มาบางแลว และศาลเห็นเปนการสมควร ศาลจะรอการลงโทษที่เหลืออยูหรือจะปลอยผูกระทํา ความผิดไปก็ได มาตรา ๑๐ ใหป ระธานศาลฎกี า นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีวา การกระทรวงยุติธรรม และ รัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี ในสวนที่เกี่ยวกับอํานาจหนาท่ี ของตน ผูรบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ จันทรโ อชา นายกรฐั มนตรี
๑๓๖ เลม ๑๓๔ ตอนท่ี ๕ ก หนา ๑๑ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คือ โดยทก่ี ฎหมายปจ จบุ ันมีบทบญั ญตั ิ บางสวน ท่ีกําหนดวาบุคคลใดซ่ึงกระทําความผิดเก่ียวกับยาเสพติดใหโทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ โดยมียาเสพตดิ ใหโ ทษเกนิ ปริมาณท่ีกาํ หนดไว ใหถือเปนเด็ดขาดวา ผูน น้ั กระทําเพ่ือจําหนาย โดยไมไดเปดโอกาสใหพิจารณาจากพฤติการณหรือคํานึงถึงเจตนาที่แทจริงของ ผกู ระทาํ ความผดิ และไมไ ดใ หส ทิ ธผิ ตู อ งหาหรอื จาํ เลยในการพสิ จู นค วามจรงิ ในคดี สมควรแกไ ขปรบั ปรงุ บทบัญญัติดังกลาวใหมีลักษณะเปนเพียงขอสันนิษฐาน เพ่ือใหผูตองหาหรือจําเลยมีโอกาสพิสูจน ความจรงิ ได นอกจากนี้ อตั ราโทษสาํ หรับความผิดเกี่ยวกับ การผลิต นําเขา หรอื สงออกซึง่ ยาเสพตดิ ใหโ ทษในประเภท ๑ ทกี่ าํ หนดโทษใหจ าํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แต หนง่ึ ลา นบาทถงึ หา ลา นบาท หรอื ประหารชวี ติ ยังไมเ หมาะสม สมควรแกไขปรับปรุงบทกําหนดโทษดงั กลา ว เพอื่ ใหก ารลงโทษผกู ระทาํ ความผิดมคี วามเหมาะสมยงิ่ ขน้ึ จึงจําเปนตอ งตราพระราชบัญญัตนิ ้ี
๑๓๗ º··Õè ó ¡Òû‡Í§¡¹Ñ Ã¡Ñ ÉÒʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤ ๑. เพ่อื ใหทราบถึงความสําคญั ของสถานทเ่ี กดิ เหตุและวตั ถุพยาน ๒. เพอื่ ใหม คี วามรคู วามเขา ใจถงึ หลกั การปอ งกนั รกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ และการตรวจเกบ็ วัตถพุ ยานตาง ๆ ในสถานท่เี กดิ เหตุ การตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตเุ ปน อาํ นาจหนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวน ตามประมวลกฎหมาย วธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๓๐ และ ๑๓๑ ผทู ม่ี ไิ ดด าํ รงตาํ แหนง หรอื ทาํ หนา ทพี่ นกั งานสอบสวน ไมมีอํานาจในการตรวจและเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุโดยตรง แตในฐานะเจาพนักงานตํารวจ เมื่อไดรับแจงเหตุหรือประสบเหตุซ่ึงหนาจะตองเขาอํานวยการรักษาสถานที่เกิดเหตุทันที จึงตอ งเรียนรใู นเร่ืองของการรักษาสถานที่เกดิ เหตเุ ปนสําคัญ ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ สถานที่เกิดเหตุ (Crime Scene) หมายถึง สถานที่ที่มีการกระทําความผิดเกิดขึ้น และสามารถหาวตั ถพุ ยานไดด ว ย ซง่ึ จะทาํ ใหผ ทู ไี่ ปตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุ สามารถอา นสภาพของสถานท่ี เกิดเหตุไดวาใครควรจะเปนผูกระทําความผิด ทําอยางไร ดวยวิธีใด เมื่อเวลาอะไร และประสงค ตออะไร ผูกระทําความผิดมักท้ิงรองรอยหรือพยานหลักฐานเหลาน้ันไวในสถานที่เกิดเหตุเสมอ เพราะเหตุน้ี สถานที่เกิดเหตุ คอื หัวใจสําคญั ของงานสบื สวนสอบสวน ถา ทาํ การตรวจสถานทเี่ กิดเหตุ อยางมีข้ันตอนตามหลักวิชาการแลว จะทําใหสามารถใชประโยชนจากวัตถุพยานตาง ๆ ในสถานที่ เกดิ เหตุ รวมถงึ จากตวั ผเู สียหายและคนรา ยไดอ ยางเตม็ ที่ ซึ่งจะนาํ ไปสูค วามสาํ เร็จในการคล่คี ลายคดี นอกจากสถานที่เกิดเหตุตามความหมายขางตนแลว สถานท่ีอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวของกับการ กระทาํ ความผดิ เชน สถานทที่ ค่ี นรา ยรอเวลาเพอื่ ทจี่ ะกระทาํ ความผดิ สถานทที่ ศ่ี พถกู นาํ ไปทง้ิ สถานท่ี ทพ่ี บวตั ถพุ ยานทค่ี นรา ยนาํ ไปทง้ิ หลงั กอ เหตุ รวมไปถงึ บรเิ วณทเ่ี กยี่ วเนอื่ ง เชน บรเิ วณทพ่ี บตวั ผกู ระทาํ ผดิ บริเวณท่ีผูกระทําผิดหลบหนีไปซอนตัว บริเวณที่พักของผูกระทําความผิด และพาหนะที่ใชในการ กระทาํ ความผดิ กม็ คี วามสาํ คญั ไมแ ตกตา งกนั เพราะเราอาจพบวตั ถพุ ยานทส่ี าํ คญั ทสี่ ามารถเชอ่ื มโยง กับสถานท่เี กิดเหตุ และตวั บคุ คลท่เี ก่ียวกบั การกระทําความผดิ ได
๑๓๘ ò. ¤ÇÒÁสํา¤ÞÑ ¢Í§Ê¶Ò¹·èàÕ ¡Ô´àËμØ สถานท่ีเกิดเหตุมีความสําคัญตองานสืบสวนสอบสวนเปนอยางยิ่ง เนื่องจากเปนแหลง รวมของวัตถพุ ยานตาง ๆ ท่ีจะทาํ ใหท ราบขอ มลู ดงั ตอไปนี้ ๒.๑ บงบอกวามีการกระทําความผิดเกิดข้ึน (Corpus Delicti) ในสถานที่เกิดเหตุ จะตองพบพยานหลักฐานท่ีแสดงถึงวามีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลว เชน ถาเปนคดีฆาตกรรม ก็อาจพบศพ หรือช้ินสวนศพ ถาเปนคดีลักทรัพยเราก็อาจพบรองรอยรื้อคนทรัพยสิน และมีการ แสดงถึงวาทรัพยน นั้ หายไป เปน ตน ๒.๒ บง บอกถงึ พฤตกิ รรมการกระทาํ ความผดิ ของคนรา ย (Modus Operandi) ในสถานท่ี เกดิ เหตจุ ะมีวตั ถพุ ยานที่แสดงใหท ราบถึงวิธีการทคี่ นรา ยใชในการกระทําความผิด เชน รอยบาดแผล ซึง่ บงบอกถงึ อาวุธที่ใชใ นการกระทาํ ความผิด เปน ตน ๒.๓ บง บอกถงึ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ (Linkage of persons to persons, object or scene/ Associative) รองรอยหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุท่ีสามารถใชเชื่อมโยงตัวบุคคลกับวัตถุส่ิงของ และสถานท่ีเกิดเหตุ อาจเปนรองรอยที่คนรา ยท้งิ ไวใ นสถานทีเ่ กดิ เหตุ เชน อาวธุ ทใี่ ช รอยเทา เปอ น โลหิต ลายนวิ้ มือแฝง เปน ตน ó. ¢¹Ñé μ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·èÕà¡´Ô àËμØ ในสว นของขนั้ ตอนการตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตนุ จ้ี ะขอกลา วใหท ราบถงึ ขนั้ ตอนโดยภาพรวม ของการตรวจสถานท่ีเกดิ เหตุ ซ่ีงึ ปจจุบนั มี ๑๒ ขัน้ ตอน ตามระบบของ FBI แตจ ะเนนในสวนของการ ปองกันรกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ ซึง่ เปนภารกิจหลกั ของผชู วยพนกั งานสอบสวนเปน หลัก และจะเพ่ิมเตมิ ในสวนของการถายภาพในงานสถานท่ีเกิดเหตุ ซึ่งมีความสําคัญเชนกัน เพราะการถายภาพ สถานที่เกดิ เหตกุ เ็ ปนสวนหนง่ึ ของการรักษาสถานที่เกดิ เหตุ ¢éѹμ͹¡ÒÃμÃǨʶҹ·àÕè ¡Ô´àËμØ ñò ¢¹éÑ μ͹ μÒÁÃкº FBI ขนั้ ตอนที่ ๑ การเตรยี มตวั (Preparation) เปน การตรวจสอบความพรอ มทงั้ เจา หนา ที่ ในการตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตุ และอปุ กรณเ ครอื่ งมอื ทใี่ ชใ นการตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุ รวมถงึ การประเมนิ สถานการณที่อาจเกิดขึน้ ขณะการตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ขั้นตอนท่ี ๒ เมอ่ื ใกลถ งึ สถานทเ่ี กดิ เหตุ (Approach Scene) เปน การเตรยี มความพรอ ม ครง้ั สุดทายในทุก ๆ ดาน เชน จติ ใจ เอกสาร อปุ กรณ ฯลฯ เพือ่ ใหเ จาหนาท่มี คี วามพรอมมากทีส่ ดุ ในการเขา ตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ ขน้ั ตอนท่ี ๓ การรักษาความปลอดภัยและการรักษาสถานที่เกิดเหตุ (Secure and Protect Scene) เม่ือถึงสถานท่ีเกิดเหตุตองพิจารณาขอบเขตในการปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เพ่ือใหครอบคลุมวัตถุพยานทั้งหมด โดยตองไมลืมถึงความปลอดภัยในสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงการ จดบนั ทึกเหตกุ ารณตาง ๆ ท่เี กิดขึน้ ในสถานท่เี กดิ เหตุ
๑๓๙ ข้นั ตอนท่ี ๔ การตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตเุ บอ้ื งตน (Initiate Preliminary Survey) เปน การ ตรวจสถานท่ีเกดิ เหตเุ บือ้ งตน โดยหัวหนาทมี เพอ่ื กาํ หนดรูปแบบวธิ กี ารของทีมใหเ หมาะสมกบั สภาพ ของสถานทีเ่ กิดเหตรุ วมถงึ การบันทกึ สภาพทวั่ ๆ ไป ขัน้ ตอนที่ ๕ การประเมนิ พยานหลกั ฐานทพี่ บในสถานทเ่ี กดิ เหตุ (Evaluate Physical Evidence Possibility) เปนการประเมินถึงพยานหลักฐานที่อาจพบในสถานที่เกิดเหตุ เพ่ือจะได ครอบคลุมในการคนหาวตั ถุพยานและปองกันการทาํ ลายวัตถุพยาน ข้ันตอนท่ี ๖ การเตรียมบรรยายสรุปสภาพของสถานที่เกิดเหตุ (Prepare Narrative Description) บรรยายสภาพทั่วไปและลักษณะพิเศษของสถานท่ีเกิดเหตุ ซ่ึงการบันทึกอาจทําได หลายวธิ ี เชน บนั ทกึ เสียง การเขยี น หรอื บันทึกวดิ โี อ ขน้ั ตอนที่ ๗ การกําหนดการถา ยภาพ (Depict Scene Photographically) ถา ยภาพ สภาพของสถานทเ่ี กดิ เหตทุ ง้ั ระยะใกล กลาง และไกล โดยใหครอบคลุมสภาพหรือพฤตกิ ารณท เี่ กิดขนึ้ ในสถานท่ีเกดิ เหตุ โดยเฉพาะวัตถุพยานทีพ่ บในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ขน้ั ตอนที่ ๘ เตรยี มการวาดแผนผงั การสเกต็ ชภ าพสถานทเี่ กดิ เหตุ (Prepare Diagram / Sketch of Scene) เปนการสเก็ตชภาพของสถานท่ีเกดิ เหตุ โดยมกี ารกาํ หนด ทิศ มาตราสว น และ ระยะตา ง ๆ ข้นั ตอนท่ี ๙ การตรวจสถานที่เกิดเหตุอยางละเอียด (Conduct Detailed Search) เปนการคนหาพยานหลักฐานท่ีอาจพบในสถานท่ีเกิดเหตุ โดยการคนหาจะใชรูปแบบตาม ความเหมาะสม เชน แบบตาราง กน หอย ฯลฯ ข้นั ตอนที่ ๑๐ การบันทกึ และการตรวจเก็บหลักฐาน (Record and Collect Physical Evidence) เปนการบันทึกตําแหนงและถายภาพพยานหลักฐาน เพ่ือกําหนดตําแหนงของพยาน หลักฐานกอนการเก็บพยานหลกั ฐาน ขนั้ ตอนท่ี ๑๑ การตรวจสอบคร้ังสุดทา ย (Conduct Final Survey) เปน การตรวจสอบ ความสมบรู ณข องขอ มลู ตา ง ๆ รวมถงึ การเกบ็ พยานหลกั ฐานวา ไดก ระทาํ ถกู ตอ งและครบถว นสมบรู ณ หรือไม ข้ันตอนท่ี ๑๒ การออกและสงคืนสถานท่ีเกิดเหตุ (Release Scene) การสงมอบคืน สถานทีเ่ กิดเหตุ ตองมีบนั ทกึ วัน เวลา ท่สี งมอบคืนสถานทีเ่ กดิ เหตุ ขนั้ ตอนในสว นที่จะเนนใหท า นมีความรคู วามเขาใจ และใชเปน แนวทางในการปฏบิ ตั ิ คอื ขน้ั ตอนปอ งกันรักษาสถานท่เี กดิ เหตุ ซงึ่ จะไดกลา วในหัวขอ ถัดไป
๑๔๐ ô. ¡Òû‡Í§¡¹Ñ Ã¡Ñ ÉÒʶҹ·Õàè ¡Ô´àËμØ เมื่อมีการกระทําความผิดเกิดขึ้น สถานท่ีเกิดเหตุเปนสถานที่ท่ีไดรับความสนใจจาก ประชาชน และสอื่ มวลชนจาํ นวนมาก ปจ จบุ นั อาชญากรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ กม็ คี วามรนุ แรงและซบั ซอ นมากขนึ้ เมอื่ มฝี งู ชนหรอื สอ่ื มวลชนจาํ นวนมากเขา มายงั พนื้ ทเ่ี กดิ เหตุ อาจสง ผลตอ วตั ถพุ ยานทก่ี ระจดั กระจาย ในสถานท่ีเกิดเหตุถูกเหยียบย่ําทําใหเกิดความเสียหายมากขึ้น เจาหนาท่ีตํารวจท่ีเกี่ยวของจึงจําเปน ตองมีการปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เพื่อปองกันรักษาวัตถุพยานที่จะนําไปสูการคล่ีคลายคดี การปองกันรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ เปนการท่ีเจาหนาท่ีชุดแรกท่ีไปถึงสถานท่ีเกิดเหตุ รวมถึงเจาหนาที่ ที่ตามไปสมทบในภายหลังระวังปองกันขอเท็จจริงและวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ มิใหไดรับ ความเสียหายหรอื ถูกทาํ ลายจากการกระทําของบคุ คล สัตวหรือธรรมชาติ โดยกอนท่ีจะทราบถึงหลักการปองกันรักษาสถานที่เกิดเหตุ ก็ควรตองรูถึงปจจัยที่ทําให สถานทเี่ กิดเหตุไดร ับความเสียหาย และขอบเขตของการรกั ษาสถานทเ่ี กิดเหตุ ซงึ่ มีรายละเอียดดงั นี้ ô.ñ »¨˜ ¨ÂÑ ·èทÕ าํ ãˌʶҹ·àèÕ ¡´Ô àËμäØ ´ŒÃºÑ ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒ ไดแ ก ๔.๑.๑ บุคคลภายนอกทไี่ มเกีย่ วของเขาไปในสถานท่เี กิดเหตุ ๔.๑.๒ ผูม าเฝา สถานทเ่ี กิดเหตุชา ไป ๔.๑.๓ มกี ารเปลี่ยนแปลงสถานท่เี กิดเหตุ โดยความตัง้ ใจของคนราย ๔.๑.๔ สภาพภมู ปิ ระเทศหรอื ดนิ ฟา อากาศ ๔.๑.๕ ความพล้ังเผลอของเจาหนา ที่ตํารวจ ô.ò ÊèÔ§·μèÕ ÍŒ §คาํ ¹§Ö ¶Ö§¢Íºà¢μ¢Í§¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒʶҹ·Õèà¡´Ô àËμØ ไดแก ๔.๒.๑ สภาพภมู ิศาสตร ดนิ ฟา อากาศ ๔.๒.๒ ปริมาณการจราจร ๔.๒.๓ ชนดิ ของเหตุท่ีเกดิ ขนึ้ ๔.๒.๔ ลกั ษณะของสถานที่เกดิ เหตุ ๔.๒.๕ ลักษณะท่ีอาศยั ท่ไี ดรับความเสยี หาย ๔.๒.๖ ชอ งทางทผี่ ูกระทาํ ความผดิ บกุ รุกหรือหลบหนี ฉะนนั้ เมอื่ ไดร บั แจง วา มเี หตเุ กดิ ขนึ้ ในการรกั ษาสถานทเี่ กดิ เหตุ มขี น้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ ในเบ้อื งตน พอสรปุ ได ดงั นี้ ๑. รีบไปถงึ สถานที่เกิดเหตโุ ดยเรว็ ๒. ระงบั เหตุ ชวยเหลอื ผบู าดเจบ็ ๓. กน้ั สถานท่ีเกดิ เหตุ ๔. เขาสํารวจสถานทีเ่ กดิ เหตุเบื้องตน ถึงทางเขา - ออก ของคนรา ย ๕. ตรวจสอบบริเวณหองเกิดเหตุหลักและแยกบุคคลท่ีอยูในสถานที่เกิดเหตุ ใหอยูน อกโซนของหอ งเกิดเหตหุ ลกั
๑๔๑ ๖. หา มบุคคลเขา - ออกในท่ีเกดิ เหตโุ ดยเด็ดขาด ๗. จดบันทึกรายละเอียดของที่เกิดเหตุ สเก็ตชแผนท่ีเกิดเหตุ และถายรูป หรอื วิดโี อสถานทเี่ กดิ เหตุ ๘. รักษาสถานที่เกิดเหตุรอพนักงานสอบสวนและผูบงั คบั บญั ชา ô.ó ÇÔ¸Õ»‡Í§¡¹Ñ ÃÑ¡ÉÒʶҹ·Õèà¡´Ô àËμØ ÁÕ¢ŒÍ¾Ô¨ÒÃ³Ò ดังนี้ ๔.๓.๑ กรณสี ถานทเี่ กดิ เหตอุ ยใู นตัวอาคาร ใหปดล็อกประตูทางเขาทุกบาน ใชเชือกหรือเฟอรนิเจอรก้ันบริเวณ ท่เี กิดเหตุไว ปดกนั้ ทางเขา - ออก บรเิ วณท่ผี กู ระทําผดิ ผานเขา - ออก และทกุ จุดทผี่ ูกระทําความผิด เขาไปกออาชญากรรม ๔.๓.๒ กรณสี ถานทเี่ กดิ เหตุอยนู อกตวั อาคาร ใชเชอื กกน้ั (Police Line) หรอื แผงเหล็กจราจรลอ มบริเวณทเ่ี กดิ เหตไุ ว ควรก้ันพื้นที่ใหกวางกวาบริเวณท่ีเกิดเหตุ และจัดเจาหนาท่ีเฝาปองกันบุคคลผูไมเก่ียวของเขาไปใน สถานที่เกิดเหตทุ ่ลี อมไว ๔.๓.๓ กรณีมบี ุคคลผไู มเ กี่ยวของหรือไมมีหนาท่ีเขา ไปในสถานทเ่ี กดิ เหตุ จํากัด บุคคลเฉพาะผูมีหนาท่ีตรวจสถานท่ีเกิดเหตุเทานั้น ควรใหมีเจาหนาที่จํานวนนอยที่สุดท่ีจะเขาไปใน สถานท่ีเกดิ เหตุ และจดั สถานทเี่ ฉพาะสําหรับผบู ังคับบัญชา และสือ่ มวลชน ๔.๓.๔ กรณพี บผูบาดเจ็บในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ใหรีบเคลื่อนยายสงโรงพยาบาลกอน (แมวาวัตถุพยานบางอยาง จะเสยี หายไป แตช วี ติ คนยอ มสาํ คญั กวา ) ทง้ั น้ี ควรจดั เจา หนา ทไ่ี ปพรอ มกบั คนบาดเจบ็ ดว ย รวมไปถงึ การบนั ทกึ และถา ยภาพสงิ่ ทต่ี อ งมกี ารเคลอื่ นยา ยกอ นพนกั งานสอบสวนหรอื เจา หนา ทพ่ี สิ จู นห ลกั ฐาน จะมาถึง ๔.๓.๕ กรณีพบศพในสถานที่เกดิ เหตุ ควรรักษาสภาพเดิมของศพ หามเคลื่อนยายโดยเด็ดขาด ถาจําเปนตอง เคล่ือนยายศพ ใหบันทึกรายละเอียดของลักษณะท่ีเกิดเหตุ และตําแหนงศพไว โดยการจดบันทึก ระบุตาํ แหนง และถายภาพ ๔.๓.๖ กรณีพบวตั ถุพยานในสถานทีเ่ กดิ เหตุ ไมค วรจบั ตอ งหรอื เคลอ่ื นยา ยวตั ถพุ ยานจากตาํ แหนง เดมิ ทพี่ บในตอนแรก ถาจําเปนตองมีการเคลื่อนยายวัตถุพยาน เพ่ือมิใหรองรอยและวัตถุพยานสูญหายหรือเสียสภาพ เจาหนาท่ีตํารวจที่ไปถึงสถานที่เกิดเหตุเปนชุดแรก สามารถตรวจเก็บรองรอยวัตถุพยานหลักฐาน ไดต ามเหตุผลขางตน โดยตองปฏิบตั ิใหถกู ตองตามหลักวชิ าการ คือ ๔.๓.๖.๑ ตองจดบันทึกรองรอยวัตถุพยานหลักฐานถึงความจําเปน ท่ีตอ งเก็บ
๑๔๒ ๔.๓.๖.๒ กอ นการตรวจเกบ็ ตอ งถา ยภาพระยะไกล ระยะกลาง ระยะใกล และระยะใกลแบบมสี เกล ๔.๓.๖.๓ ตองสเก็ตชภาพสถานท่ีเกิดเหตุ และรองรอยวัตถุพยาน หลกั ฐาน ในสถานที่เกิดเหตถุ ึงความสมั พนั ธก ัน õ. ¡Òöҋ ÂÀҾ㹧ҹʶҹ·èàÕ ¡´Ô àËμØ เปนการบรรยายลักษณะสถานท่ีเกิดเหตุโดยใชภาพถายเพ่ือบันทึกสิ่งที่ตามองเห็น และอาจลมื ได เพอ่ื แสดงทตี่ งั้ ของพยานหลกั ฐาน ทาํ ใหศ าลมองเหน็ ภาพอยา งชดั เจน หลกั การเบอ้ื งตน ในการถายภาพสถานท่ีเกิดเหตุ มดี งั น้ี ๕.๑ การถา ยภาพระยะไกล เปน การถา ยภาพรวมแสดงใหเ หน็ ถงึ ตาํ แหนง ทต่ี งั้ ของสถานท่ี เกดิ เหตุ เชน ถา ยภาพใหเ หน็ ปา ยชอ่ื ถนน ชอื่ ซอย ลกั ษณะอาคารหรอื สงิ่ กอ สรา งทอ่ี ยขู า งเคยี ง เปน ตน ๕.๒ การถายภาพระยะกลาง เปนการถายภาพใหเห็นพยานหลักฐานโดยรวมที่อยูใน ตําแหนงท่ีต้ังภายในสถานท่ีเกิดเหตุ แสดงใหเห็นความสัมพันธกับพ้ืนที่โดยรอบ ถายภาพทั้งกอน และหลงั วางปา ยหมายเลข ระบุตําแหนงหลักฐาน ๕.๓ การถายภาพระยะใกล เปนการถา ยภาพหลกั ฐานช้นิ ตาง ๆ ในระยะใกล ๕.๔ การถา ยภาพระยะใกลแ บบมสี เกล เปน การถา ยภาพหลกั ฐานชน้ิ ตา ง ๆ ในระยะใกล และมสี เกลกํากับไว ¡Òöҋ ÂÀÒ¾ã¹Ã»Ù ẺÍè¹× æ ·àèÕ »š¹»ÃÐ⪹μ‹Í¡ÒÃμÃǨʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμØ ๑. การถายภาพในมุมสูง เพื่อใหเห็นรายละเอียดและความเชื่อมโยงของเหตุการณ และหลักฐาน ๒. การถา ยภาพคนจาํ นวนมาก ทมี่ งุ ดเู หตอุ าชญากรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยถา ยภาพจากหลาย ๆ มมุ ของสถานทเ่ี กิดเหตุ เผ่อื มคี นรา ยยนื ปะปนอยกู ับคนจํานวนมากดงั กลา ว ö. ¡ÒÃà¡çºÃǺÃÇÁáÅÐÃÑ¡ÉÒÇÑμ¶Ø¾ÂÒ¹ (Collection and Preservation of Physical Evidence) สงิ่ สาํ คญั ทจ่ี ะตอ งรวบรวมและระบรุ ายการของหลกั ฐาน รวมไปถงึ การรกั ษาหว งโซห ลกั ฐาน ทเี่ หมาะสม กด็ ว ยเหตุผลสองประการ ประการแรก คือ ตองสามารถทจ่ี ะพิสูจนว าวตั ถุพยานรายการ ที่นํามาใชในศาล เปนรายการเดียวกันที่ถูกเก็บรวบรวมไวในสถานท่ีเกิดเหตุ ประการท่ีสอง คือ ตอ งใหแ นใ จวา รายการจะไมถ กู เปลย่ี นแปลง หรอื การปนเปอ นระหวา งเวลาทเี่ กบ็ รวบรวมและเวลาทถี่ กู ตรวจสอบ หรือเขามาเปนหลักฐาน วัตถุประสงคท้ังสองประการ จะประสบความสําเร็จไดดี ก็ดวยบรรจภุ ณั ฑทเ่ี หมาะสม และการปด ผนึกของหลกั ฐาน และทส่ี าํ คญั คอื การรักษาหวงโซข องวตั ถุ พยานทเี่ หมาะสม
๑๔๓ หลกั การเบอ้ื งตน ในการเก็บรวบรวมวตั ถพุ ยาน ๑. ตอ งเกบ็ วัตถพุ ยานซีึง่ จะสูญหายหรือเสยี หาย เปน ลําดับแรก ๒. ในกรณีที่มีวัตถุพยานหลายชนิด ไมควรเก็บไวในท่ีเดียวกัน เพราะอาจทําใหเกิด การสบั สน ปนเปอ น และอาจทาํ ใหวัตถุพยานเสียสภาพไป ๓. การตรวจเก็บวัตถพุ ยาน ควรกระทําโดยผูทมี่ ีอํานาจหนา ทโี่ ดยตรงเทาน้ัน ๔. กระบวนการเก็บวัตถุพยาน จนถึงขั้นตอนการตรวจพิสูจนหลักฐาน วัตถุพยาน ควรผา นมอื คนใหน อยท่ีสุด ๕. ควรมีลกู โซข องการครอบครองหลกั ฐาน การเก็บรวบรวมและรกั ษาวัตถพุ ยาน ควรดาํ เนนิ การตามหลักการขางตน และจะมคี วาม แตกตา งกันไป ขึ้นกบั ประเภทหลกั ฐาน ดังน้ี ö.ñ ¡ÒÃμÃǨà¡çºÇÑμ¶Ø¾ÂÒ¹»ÃÐàÀ·ÅÒ¹éÔÇÁ×Í ½Ò† Á×Í áÅн҆ à·ŒÒ ควรเกบ็ ในลกั ษณะทไี่ มค วรใหส มั ผสั กบั วตั ถอุ น่ื ไมค วรใชห รอื กระดาษหอ วตั ถพุ ยาน ที่ตองนํามาตรวจลายนิ้วมือ ฝามือ หรือฝาเทา เพราะอาจทําใหลายน้ิวมือ หรือฝามือแฝงถูกลบได ในหัวขอน้ีจะนําเสนอการตรวจเก็บลายนิ้วมือ ฝามือ และฝาเทาในสถานที่เกิดเหตุ ตามท่ีไดทราบ มาแลว วา เราจะพบลายน้ิวมือ ฝา มือ และฝา เทา ในสถานที่เกดิ เหตุ ได ๒ ลกั ษณะ คือ ลายนว้ิ มอื ที่มองดว ยตาเปลาเห็น และลายนิ้วมอื ที่มองดวยตาเปลาไมเ หน็ หรอื เห็นไมช ดั การตรวจหาลายนวิ้ มอื ในสถานทเ่ี กดิ เหตุ ในสว นนเ้ี ราจะกลา วถงึ การตรวจหารอย ลายนวิ้ มอื แฝง ฝา มอื แฝง และฝา เทา แฝง ในสถานทเ่ี กดิ เหตุ ซงึ่ เปน การตรวจหาดว ยตาเปลา ในบรเิ วณ ท่ีสงสัยวาจะมีลายนิ้วมือประทับและตรวจเก็บลายนิ้วมือที่มองไมเห็นดวยตาเปลา ทําใหมองเห็น โดยการใชผ งฝนุ บริเวณทีต่ องสงสยั วาจะมลี ายนิว้ มอื ปรากฏ เชน ทางเขา - ออกของคนราย, บริเวณ ท่มี ีการรอื้ คน ทรพั ยส นิ , บริเวณอาวุธท่ใี ช, บริเวณท่ีมีการขยับหรือเคลอ่ื นยา ยส่งิ ของ เปนตน ö.ñ.ñ ¡ÒÃμÃǨࡺç ÃÍÂÅÒ¹éÇÔ ÁÍ× ½Ò† ÁÍ× áÅн†Òà·ÒŒ á½§ วิธกี ารตรวจเก็บลายนิว้ มือ ฝา มอื และฝาเทาแฝง สามารถแยกได ๘ วธิ ี ไดแ ก ๑.วธิ แี หง หรือผงฝุน ๒.วิธเี ปย ก ๓.วธิ ีกา ซ ๔.วิธลี อกลายนวิ้ มอื ๕.วธิ กี ารถา ยภาพ ๖.วิธใี ชแสง ๗.วิธีหลอรองรอย และ ๘.ใชเ ครอื่ งมือ Dust Print Lifter Electrostatic ในสว นน้ีจะกลา วไวเพียง วิธแี หงหรือการใชป ด ผงฝนุ ดํา และวธิ กี ารหลอรอ งรอย วธิ ปี ด ผงฝนุ เปน วธิ พี นื้ ฐานทใ่ี ชใ นการปด เกบ็ ลายนวิ้ มอื แฝงหรอื ลายนว้ิ มอื ทม่ี องไมเ หน็ และใชเ ทปลอกตดิ บนกระดาษรองรบั หรอื โดยการถา ยภาพ วธิ นี ไ้ี ดผ ลกบั การเกบ็ ลายนวิ้ มอื ทมี่ องไมเ หน็ หรอื ไมช ดั บนพน้ื ผวิ ทเี่ รยี บ เชน กระจก แกว กระเบอื้ ง วตั ถทุ าสี โลหะตา ง ๆ พลาสตกิ ฯลฯ วิธีนเ้ี ปนวิธที างฟส กิ ส เพอ่ื ใหไ ดล ายนิว้ มอื ทมี่ สี ีแตกตา ง โดยการใชผงฝนุ ปด ผงฝนุ จะตดิ กับความช้นื และไขมันของสารท่ขี บั ถายออกทางนวิ้ มือ มอี ุปกรณท ่ใี ชแ ละรายละเอยี ด ดังน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186