๑๔๔ ๑.๓ การจดั ตง้ั จดุ สกดั จะตงั้ ไดเ ฉพาะกรณที มี่ เี หตกุ ารณฉ กุ เฉนิ หรอื จาํ เปน เรง ดว น เกดิ ขน้ึ และจะตอ งไดร บั อนมุ ตั จิ ากผบู งั คบั บญั ชาตง้ั แตร ะดบั หวั หนา สถานตี าํ รวจ หรอื ผรู กั ษาการแทน ขน้ึ ไป โดยมีกําหนดระยะเวลาเทา ท่มี เี หตกุ ารณฉุกเฉินหรอื จําเปนเรงดว นดังกลา วยงั คงมีอยูเทานน้ั ๒. การปฏิบัติ ๒.๑ การปฏบิ ตั หิ นา ที่ ณ ดา นตรวจ จดุ ตรวจหรอื จดุ สกดั จะตอ งมนี ายตาํ รวจระดบั ชัน้ สัญญาบัตรเปนหัวหนา และจะตองแตง เครอ่ื งแบบในการปฏิบัติหนาทด่ี ังกลา ว ๒.๒ การปฏบิ ตั ใิ นการตรวจคน จบั กมุ ตอ งปฏบิ ตั ติ ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา และประมวลระเบยี บการตํารวจเกย่ี วกับคดี วา ดวยการนัน้ โดยเครงครดั ๒.๓ ที่ดานตรวจหรือจุดตรวจ ตองมีแผงก้ันท่ีมีเคร่ืองหมายการจราจรวา “หยุด” โดยใหเปนไปตามมาตรฐานท่ีดานตรวจหรือจุดตรวจ จะตองมีในการติดตั้งปายและเครื่องหมาย การจราจร และในเวลากลางคนื จะตอ งใหม แี สงไฟสอ งสวา งใหม องเหน็ ไดอ ยา งชดั เจนในระยะไมน อ ยกวา ๑๕๐ เมตร กอ นถงึ จดุ ตรวจ และใหม แี ผน ปา ยแสดงยศ ชอ่ื นามสกลุ และตาํ แหนง ของหวั หนา เจา หนา ที่ ตํารวจที่ประจําดานตรวจและจุดตรวจดังกลาว นอกจากนั้นใหมีแผนปายแสดงขอความวา “หากพบ เจา หนา ทท่ี จุ รติ หรอื ประพฤตมิ ชิ อบใหแ จง ผบู งั คบั การ โทร. ................” (ใหใ สห มายเลขโทรศพั ทข อง ผบู ังคบั การไว ขอความดงั กลา วขา งตน ใหม องเห็นไดช ัดเจนในระยะไมนอยกวา ๑๕ เมตร ๒.๔ การต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัด ใหทุกหนวยประสานการปฏิบัติระหวางหนวย ใกลเคียงใหชัดเจน โดยเฉพาะอยางย่ิงหนวยที่มีเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบติดตอกัน โดยมิใหเกิดการตั้ง จุดตรวจ หรือจุดสกดั ซาํ้ ซอ นอนั เปนเหตใุ หเกิดความเดอื ดรอนแกประชาชนผสู ัญจรไปมาเปนอนั ขาด ๓. การควบคุมและตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ ๓.๑ เมอ่ื เจา หนา ทตี่ าํ รวจเรม่ิ ตน หรอื เลกิ ปฏบิ ตั หิ นา ทปี่ ระจาํ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ใหรายงานทางวิทยุ ใหผูบังคับบัญชาผูส่ังอนุมัติใหต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัดดังกลาวทราบ และเม่ือ เสรจ็ สน้ิ การปฏบิ ตั แิ ลว ใหห วั หนา เจา หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ดงั กลา ว รายงานผลการ ปฏบิ ตั เิ ปน ลายลกั ษณอ กั ษรเสนอผบู งั คบั บญั ชาตามลาํ ดบั ชน้ั จนถงึ ผสู ง่ั อนมุ ตั ภิ ายในวนั ถดั ไปเปน อยา งชา ๓.๒ ใหผ บู งั คบั บญั ชาตงั้ แตร ะดบั สารวตั รขน้ึ ไป ผลดั เปลยี่ นหมนุ เวยี นกนั ออกตรวจการ ปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องเจา หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ ดา นตรวจ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ทม่ี อี ยใู นเขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบ ๓.๓ ใหถือวาเปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาตาม ๓.๒ ที่จะตองเอาใจใสกวดขัน ดูแลการปฏิบตั ขิ องเจาหนา ท่ีตาํ รวจผใู ตบ งั คบั บัญชาของตน มิใหฉวยโอกาสขณะปฏบิ ัติหนาท่ปี ระจํา ดานตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัด เรียกหรือรับผลประโยชนจากผูใชรถที่กระทําผิดกฎหมาย หรือ ไปดาํ เนินการจัดตง้ั จุดตรวจ หรือจุดสกดั ในเขตเดนิ รถหรือทางหลวง โดยมไิ ดร ับคําส่งั จากผมู อี ํานาจ เพอื่ แสวงหาผลประโยชนโ ดยมชิ อบ และหากตรวจพบวา เจา หนา ทต่ี าํ รวจผใู ดประพฤตมิ ชิ อบในลกั ษณะ ดังกลาว ก็ใหรีบพิจารณาดําเนินการกับเจาหนาท่ีผูน้ันไปตามอํานาจหนาท่ี ทั้งทางคดีอาญาและคดี วินัย แลวรายงานใหผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ันจนถึง ตร. ทราบโดยมิชักชา โดยรายงานดังกลาว ใหระบุ ยศ นาม ตําแหนงของขาราชการตํารวจผูกระทําผิด พรอมกับรายละเอียดเก่ียวกับลักษณะ และพฤตกิ ารณแหงการกระทาํ ความผิดใหละเอียดชดั เจน
๑๔๕ ๓.๔ หากปรากฏวา ผูบงั คับบญั ชาในระดบั ตัง้ แตกองบงั คับการหรอื เทียบเทา ขน้ึ ไป หรอื ตาํ รวจอน่ื สบื สวนขอ เทจ็ จรงิ จนปรากฏชดั เจน หรอื ตรวจตราพบวา มเี จา หนา ทต่ี าํ รวจ ณ ดา นตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัดท่ีใด มีพฤติการณมิชอบดังกลาว ตาม ๓.๓ หรือจับกุมตัวได โดยลักษณะของ พฤตกิ ารณเ ปน การกระทาํ รว มหลายคน และหรอื เปน ระยะเวลาตอ เนอ่ื งกนั หลายวนั ใหผ บู งั คบั บญั ชา พจิ ารณาทณั ฑท างวนิ ยั แกผ บู งั คบั บญั ชาทใี่ กลช ดิ ของเจา หนา ทตี่ าํ รวจทกี่ ระทาํ ผดิ ดงั กลา วฐานบกพรอ ง ละเลยไมเอาใจใสด แู ลผใู ตบังคับบัญชาของตนอกี สว นหนึง่ ดว ย ๓.๕ ใหผ บู ญั ชาการตาํ รวจสอบสวนกลาง ผบู ญั ชาการตาํ รวจนครบาล ผบู ญั ชาการ ตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙ ผูบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน และจเรตํารวจติดตามผลการปฏิบัติ และรายงานผลการปฏิบัติใหสํานักงานตํารวจแหงชาติ ทราบภายในวันที่ ๗ ของแตละเดือน ในรายงานใหป รากฏดว ยวา ไดม อบหมายใหต รวจตดิ ตาม และมผี ลการปฏบิ ตั เิ ปน อยา งไร ทง้ั นใี้ หป ฏบิ ตั ิ อยา งจรงิ จงั และตอเนือ่ ง การตั้งดานตรวจ จุดตรวจ จุดสกัดในงานจราจร อาศัยหลักการของการตรวจจับ ความผิดตามกฎหมายจราจร มีความหมายครอบคลมุ ถึงเรอ่ื งดงั ตอไปนี้ ๑) การตรวจจบั เปน ยทุ ธวธิ หี นง่ึ ของการบงั คบั ใชก ฎหมาย (Law enforcement) ทม่ี ี หลักการแนชัด มเี หตผุ ล มใิ ชก ารลองถกู (Trial and Error) หรือปฏบิ ัติตามท่ีเคยสบื ตอกนั มา ๒) การตรวจจับเปนการบังคับใชกฎหมายที่ผูปฏิบัติตองมีความรู (Knowledge) ความเขา ใจในเหตผุ ลและทม่ี าของการกระทาํ มกี ารฝก อบรมอยา งมอื อาชพี (Professionalism) สามารถ ใชเ ครอื่ งมอื ในการตรวจวดั ไดแ ละมยี ทุ ธวธิ ี (Tactics) ในการดาํ เนนิ การทเ่ี หมาะสมในแตล ะสถานการณ ๓) การตรวจจับเปนการปฏิบัติหนาที่โดยนําเอาหลักจิตวิทยาเขามาใช เพ่ือใหเกิด ความสมั พันธท่ีดกี ับประชาชนไปพรอ มกนั ๔) การตรวจจบั มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ยบั ยงั้ อบุ ตั เิ หตุ (Accident) ลดความเสยี่ ง (Risk) ลดความสูญเสยี (Loss) ของประชาชน ดงั นั้น จงึ มใิ ชก ารทาํ งานเพ่อื ใหไดป ริมาณ (Quantity) หรือผล การจบั กมุ แตเปนการตรวจจบั ทีต่ อ งการคุณภาพ (Quality) คือ เพอ่ื ความปลอดภัยของประชาชน โดยหลกั การสาํ คญั ในการตรวจจบั ความผดิ จราจรควรมงุ เนน ความปลอดภยั มากกวา ปริมาณการจับ แตในสถานการณจริง บางครั้งเจาหนาท่ีตํารวจจราจรมักใหความสําคัญกับปริมาณ การจับกุมมากกวา ไมคอยมีการเก็บขอมูล หรือการวิเคราะหขอมูลตอเน่ืองภายหลังจากการต้ัง ดานตรวจ จุดตรวจในแตละคร้ังวาสามารถลดการสูญเสียหรือปองกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได อยางแทจรงิ ไดอ ยางไรบาง
๑๔๖ ô.ò ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¢ ͧ¡ÒÃμ§éÑ ¨Ø´μÃǨ¨ÃҨà ประเภทของการตั้งจดุ ตรวจตามวัตถปุ ระสงคใ นงานจราจร ไดแก ๑. การกวดขันตรวจจับ (Intensive Surveillance) มีวัตถุประสงคท่ีจะมุงจุดสนใจไปท่ี ถนนเสนใดเสน หนึ่ง ในชว งเวลาหนงึ่ อยางเขมงวด ไมใ ชการออกตรวจโดยท่วั ไป ตัวอยา งเชน ในระยะ เวลา ๑ - ๒ เดอื น จะสง เจา หนาทตี่ ํารวจออกตรวจจบั โดยปรากฏตวั ใหประชาชนเห็น พรอ มกับการตั้ง จดุ ตรวจ เพอื่ ตรวจจบั ความผดิ บางประเภท เชน ขบั รถเรว็ ไมส วมหมวกนริ ภยั ไมค าดเขม็ ขดั เมาสรุ าฯ ซึง่ เปน ความผดิ ทีส่ รา งความสูญเสียใหชมุ ชนมากท่สี ดุ ดงั น้ัน จงึ ควรจะเลอื กถนนท่มี ีเหตุเกิดมากท่ีสุด เปน พื้นทีก่ วดขันจบั กุม โดยอาจจะตงั้ จดุ ตรวจทจี่ ุดใดจดุ หนง่ึ บนถนนเสนน้นั ปรบั จุดทต่ี งั้ หรือเปล่ยี น เวลาตงั้ บาง เพื่อหลีกเล่ยี งการคาดเดาไดภายหลงั จากการกวดขนั จับกมุ อยา งหนักแลว พฤติกรรมการ ขับขี่ของประชาชนในถนนยานนั้นก็จะเร่ิมเปลี่ยนแปลงไป แตพฤติกรรมดังกลาวอาจจะกลับมาอีก ถาเจาหนาทไี่ มต รวจจบั อยางตอ เน่อื ง ดงั น้นั เม่อื หยุดพักการกวดขันที่จดุ ใดไปแลว กไ็ มควรจะเลิกไป อยา งถาวร ยังจําเปนที่จะตอ งกลบั มาต้ังจดุ ตรวจอกี เชน ทกุ ๑ เดือน จะกลับมา ๒ ครัง้ จนกวา จะ แนใ จวา จะไมมกี ารฝา ฝน อีก ๒. การตรวจจับแบบเฉพาะเร่ือง (Specializes Surveillance) การตรวจจับแบบน้ีเปน วิธีการที่มุงไปเพ่ือการแกปญหาทีละเร่ืองในครั้ง ๆ หนึ่ง ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพมากกวาการตรวจจับ พรอม ๆ กันทุกเรอ่ื งไมวาผูข ับขีไ่ ปกระทําผดิ ที่ใดก็จะถกู ตรวจจับเนอื่ งจากตอ งการจะพุงเปา ไปยงั การ แกป ญ หาเฉพาะดา นทจ่ี าํ เปน สงู สดุ ของสถานี อาทิ ผฝู า ฝน สญั ญาณไฟ การขบั รถเรว็ การขบั รถเมาสรุ า การแซงรถผดิ กฎหมาย พฤตกิ รรมทก่ี อ ใหเ กดิ อนั ตรายของรถบรรทกุ ฯลฯ การตรวจจบั แบบเฉพาะเรอ่ื งน้ี อาจวางกําลงั เจาหนาทีก่ ระจายไปในจดุ สําคญั และใชการต้ังจุดตรวจ (Check Point) เปน กลไกหนึง่ ใน พนื้ ท่ี เพอ่ื ใหป ระชาชนตระหนกั วา เจา หนา ทตี่ าํ รวจกวดขนั เอาจรงิ และตอ งปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม อนง่ึ ในการตง้ั จดุ ตรวจแบบนจ้ี ะตอ งเตรยี มเครอื่ งมอื อปุ กรณใ นการตรวจวดั ไปดว ย เชน เครอ่ื งวดั ความเมา เคร่อื งตรวจจับความเร็ว เนอ่ื งจากไมใชก ารต้ังจดุ ตรวจทัว่ ๆ ไป การตัง้ จดุ ตรวจแบบน้ีมีเปาหมายไว โดยเฉพาะ คอื กดดนั การกระทาํ ความผดิ ประเภทนน้ั อยา งรนุ แรง จนไมก ลา กระทาํ ผดิ หรอื เลกิ กระทาํ ไปโดยรวดเรว็ ๓. การต้งั จุดตรวจขา งทาง (Road side Checkpoints) หรือจดุ ตรวจกวดขันวนิ ยั จราจร หรอื ทเี่ รยี กกนั วา “ดา นลอย” มวี ตั ถปุ ระสงคส าํ หรบั ตรวจใบอนญุ าตขบั ขี่ ทะเบยี นรถ อปุ กรณส ว นควบ ของรถและเอกสารประจาํ รถ เปน ตน ขอ ดขี องการตงั้ จดุ ตรวจขา งทาง ทาํ ใหเ จา หนา ทตี่ าํ รวจสามารถตรวจ รถไดเ พมิ่ ขนึ้ เพราะไมท าํ ใหก ารจราจรหยดุ ชะงกั ชว ยใหเ จา หนา ทตี่ รวจพบรถทม่ี ลี กั ษณะไมป ลอดภยั ได เปนเคร่ืองมือหลักในการตรวจสอบรถที่ชื่อไมตรงกับทะเบียนและรถเชา เพ่ือขัดขวางกระบวนการขน ยาเสพตดิ ชว ยใหเ จา หนา ทสี่ ามารถตรวจสอบการใชอ ปุ กรณเ พอ่ื ความปลอดภยั เชน ยาง ไอเสยี รถยนต เข็มขัดนริ ภัย กระจกเงา กระจกหนา และขา ง ไฟสองสวางและไฟสญั ญาณอุปกรณท ีเ่ ก่ียวของชว ยนาํ รถทไ่ี มสมบรู ณออกจากทองถนน หรือส่งั ไปซอมได
๑๔๗ โดยหลักการสําคัญในการตรวจจับความผิดจราจรควรมุงเนนความปลอดภัยมากกวา ปริมาณการจับ แตในสถานการณจริง บางคร้ังเจาหนาท่ีตํารวจจราจรมักใหความสําคัญกับปริมาณ การจบั กมุ มากกวา สงั เกตไดจ ากมสี ถติ กิ ารจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หรอื พ.ร.บ.รถยนตฯ แตไ มคอ ยมีการเกบ็ ขอ มลู หรือการวเิ คราะหข อ มูล ตอเน่อื งภายหลังจากการตงั้ ดานตรวจ จดุ ตรวจในแตล ะครง้ั วา สามารถกวดขนั วินัยจราจร และสามารถลดการสญู เสยี หรือปองกนั การเกดิ อุบตั เิ หตทุ างถนนไดอยา งแทจรงิ ไดอยา งไรบาง ô.ó ¡ÒÃáÊ´§μÇÑ ã¹¡ÒÃμÃǨ¨ºÑ áÅСÒÃμÃǨ¤Œ¹Ã¶ ñ) ¡ÒÃáÊ´§μÑǢͧตาํ ÃǨ㹡ÒÃμÃǨ¨ºÑ การแสดงตวั ของตาํ รวจจราจรหรอื ทางหลวงในการตรวจจบั มกั จะมผี เู ขา ใจวา ตาํ รวจ ควรจะแอบซุมในความมืด หลบตามเสาไฟฟาหรือตนไม หรือตั้งจุดตรวจ (Check Point) ในที่มืด เพ่ือดักจับผูกระทําผิดใหได มิใหมีโอกาสหลบหนี ตํารวจจึงมักจะไมคอยเอาจริงเอาจังในท่ีเปดเผย หรือมักจะปฏบิ ัตติ ัวตามปกติเชน คนธรรมดาทวั่ ไปมากกวา การตรวจจบั ความผดิ จราจรนน้ั มคี าํ สาํ คญั (Key Words) ทตี่ อ งกระทาํ อยู ๓ ขอ คอื • ทาํ ตวั ใหเปนท่ีมองเห็น (Visible) • กระตือรือรน (Active) • เปนตวั อยา งท่ดี ี (Good Example) ทกุ ครง้ั ที่เจาหนา ทีอ่ อกทาํ งาน จะตองแสดงตวั ใหเห็นไดช ัดเจนในบรเิ วณทมี่ องเห็น ไดชัด (Visible) เชน มีแสงไฟฟาสวาง มีผูผานไปมาจํานวนมาก โดยมีวัตถุประสงคเพื่อสราง ความตระหนักถึงความเส่ียง (Perceived Risk) ใหแกประชาชน ซ่ึงจะไดรับผลกวางขวางมากกวา การตัง้ จดุ ตรวจแบบแอบซอ น สวนการตรวจจับแบบแอบซอนน้ัน นา จะใชไ ดในกรณีดักจบั ผกู ระทาํ ผดิ และหลบหนีในบางจุดเปนกรณพี เิ ศษเทา น้ัน ไมค วรนํามาใชใ นกรณีท่วั ไป เจา หนา ทตี่ าํ รวจเมอ่ื ปรากฏตวั บนถนนแตล ะครง้ั จะตอ งแสดงตวั ในการทาํ งานอยา ง กระตือรือรน (Active) กระฉับกระเฉง ไมควรอยนู ่ิงดูดายใหเ กดิ การกระทาํ ผิดจราจรตอ หนา ในบาง พื้นที่เจาหนาท่ีตํารวจจราจรทํางานเฉพาะเม่ือรวมตัวกันตั้งจุดตรวจ แตเม่ือเลิกจุดตรวจแลวก็จะเดิน ไปมาเหมือนประชาชนทั่วไป ปลอยใหมีการกระทําผิดตอหนา ซ่ึงเปนสิ่งที่จะตองแกไขเพราะความ กระตือรือรน ของตํารวจทําใหตาํ รวจนาเชอื่ ถอื เปน ทเี่ คารพยําเกรง เจา หนา ทีต่ ํารวจควรเปน ตัวอยา งทดี่ ี (Good Example) อยเู สมอ ไมวา ในเรือ่ งการ ขับข่ี การเคารพกฎจราจร ฯลฯ แตม ีตํารวจจํานวนหนึง่ ละเลยกฎจราจร ไมส นใจสายตาของประชาชน เพราะคิดวาประชาชนจะเขาใจเองวาเปนการปฏิบัติหนาท่ี หรือเชื่อวาตํารวจสามารถทําอะไรก็ได เพราะมีสทิ ธิพิเศษ
๑๔๘ ò) ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ö เมื่อมีการวางกําลังเจาหนาที่และเรียกหยุดรถในบริเวณจุดตรวจแลว เจาหนาท่ีควร ปฏิบตั ิตัวในการทํางานดังตอไปนี้ ๒.๑) การพดู คยุ กบั ผฝู า ฝน (Contact with Violator) เมอื่ สงั เกตเหน็ ผขู บั ขรี่ ถทฝี่ า ฝน กฎจราจร เรียกรถใหหยุดในบริเวณดานตรวจแลวเดินเขาไปตรวจ เจาหนาที่ตํารวจจะเริ่มการพูดคุย และปฏบิ ตั ิงาน ดงั น้ี - แนะนําตัวเอง - แจง สาเหตุทีเ่ รียกรถใหหยุด - ถามถงึ สาเหตทุ ี่ตองขบั รถฝาฝน วามเี หตผุ ลความจาํ เปน อยางไร - ขอดูใบอนญุ าตขับขี่ หรอื หลักฐานอนื่ - ตดั สินใจวา จะออกใบสั่งหรอื ไมอ อกใบสั่งใหผูฝาฝน - ถาออกใบสง่ั แลว สง ใบส่งั พรอมกับแนะนําการไปชาํ ระคา ปรบั - ถา วา กลา วตกั เตอื น กอ็ บรม ตกั เตอื นโดยเผชญิ หนา และบอกใหส ญั ญาวา จะไมกระทาํ ผิดอกี เพือ่ ผลในการจดจาํ การแนะนําตัวที่เหมาะสมนาจะเปนการเขาไปทักทายอยางปกติท่ีกระทํากัน ในสังคมทั่วไป สวนการทําความเคารพหรือไม ควรจะใหเปนวิจารณญาณของเจาหนาที่เอง เชน ถาพบขาราชการหรือผูสูงอายุ แตประเด็นสําคัญไมไดอยูท่ีวิธีการแตอยูที่วัตถุประสงค คือ ตองการ สรา งความเปนกันเองและมีการตดิ ตอสอ่ื สารทเี่ ขา ใจกนั ชดั เจนทส่ี ดุ มากกวา ๒.๒) การตรวจคน รถ (Vehicle Searches) การตรวจคน รถของเจา หนา ทจ่ี ะกระทาํ ได ก็ตอเม่ือมีเหตุผลท่ีกฎหมายใหอํานาจเทานั้น ไดแก มีเหตุผลท่ีควรสงสัยวารถคันน้ีมีส่ิงของที่ผิด กฎหมาย หรอื สงิ่ ของทจ่ี ะนาํ ไปใชก ระทาํ ความผดิ หรอื สง่ิ ของทไี่ ดม าจากการกระทาํ ความผดิ ซกุ ซอ นอยู การตรวจคน รถอาจเกดิ ข้ึนหลังจากเจา หนา ทไ่ี ดพ ูดคุยกบั ผูขับข่แี ลวเกดิ ความสงสยั กไ็ ด แตไ มส ามารถ กระทําไดหากจะใชเปน การตอบโต ผูขบั ขท่ี ี่มปี ากเสยี งกับตํารวจ หรือไมพ อใจผูขับขี่ ในขณะทาํ การตรวจคนรถนนั้ ควรใหผ ขู บั ข่ยี ืนหางจากเจา หนา ที่ แตยังคงยืน ในบรเิ วณทสี่ ามารถมองเหน็ การตรวจคน และมีสิทธดิ ูการตรวจคน ไดโ ดยตลอด หลักการตรวจคน รถควรดําเนินการตามลําดับ ดังน้ี - เรม่ิ จากเปด ฝากระโปรงทา ยรถและตรวจหาสง่ิ ของแบบวนตามเขม็ นาฬก า (Clockwise Pattern) ในทายรถ - ตอ ไปเดนิ ไปดานหนา รถและเปดฝากระโปรงหนาตรวจ - ตรวจดทู ใี่ ตก นั ชน - ตรวจดทู ี่ตะแกรงชอ งลมหนา รถ - ตรวจดทู ่ีหมอ นา้ํ - ตรวจดูลอรถหนา หลังและซอกลอ
๑๔๙ - ตรวจดภู ายในหองโดยสาร เรมิ่ จากดานหลงั ของแผงหนาปดรถ - ตรวจดเู บาะหนาและใตเ บาะ - ตรวจดทู ่ีพิงศรี ษะและทบี่ ังแดด - ตรวจดูผา หุมเบาะ ที่เกบ็ ของหนา รถ และคอนโซล - ตรวจดเู บาะหลงั และใตเ บาะ - ตรวจดูพ้นื รถ การตรวจคน แตล ะคร้ังลําดบั และวธิ กี ารตรวจคนรถ สามารถปรับตามสถานท่ี และส่ิงของทจี่ ะคนหา แตจ ะตองกระทาํ โดยความนมุ นวล ไมก อ ใหเ กิดความสกปรก ขา วของถูกรอื้ คน เสียหายและควรจัดเกบ็ ขา วของใหอยูใ นสภาพเดิมในแตละขั้นตอนทผ่ี า นไป ô.ô ËÅѡ㹡ÒÃμ§Ñé ¨´Ø μÃǨ¨ÃҨà ñ) ¡ÒÃμé§Ñ ¨´Ø μÃǨ ¡ÒÃàÅÍ× ¡Ê¶Ò¹·ÕèμÑ駨شμÃǨ สถานที่ควรรองรบั ความปลอดภัยสาธารณะ และการ ทาํ งานของเจาหนาทตี่ ํารวจ โดยควรมีลักษณะ ดงั นี้ การตง้ั จดุ ตรวจทดี่ ีควรจะประกอบไปดว ย หลกั การดังนี้ • เลอื กสถานทีท่ ่ปี ลอดภยั เปนสง่ิ สําคญั อันดบั แรกที่ตองคาํ นงึ ถึง โดยหลีกเลี่ยง บรเิ วณทางแยก ทางโคง เนนิ เขา และพนื้ ทไ่ี มม แี สงสวา งหรอื มคี วามมดื สนทิ มรี ะยะการมองเหน็ จาก ผขู บั ขท่ี เี่ พยี งพอ มพี นื้ ทกี่ วา งพอใหเ จา หนา ทแี่ ละผกู ระทาํ ผดิ จอดรถ โดยไมก ดี ขวางการจราจร นอกจากน้ี อาจจะมีอุปกรณการตรวจรถอยูดวย แตตองไมกลายเปนส่ิงอันตรายควรเปนสิ่งท่ีสามารถเดินทางไป ไดท ัง้ กลางวนั และกลางคนื • ใชรถยนตตาํ รวจ ๑ คัน จอดบงั เพ่อื ปอ งกันอันตราย • ใชปา ยเตอื น โดยตั้งหา งจากจุดตรวจเพียงพอท่รี ถจะชะลอได • วางกรวยยางบงั คับรถใหเดนิ ในชองท่ีตอ งการ • เลือกเจา หนา ที่ตํารวจ ทาํ หนา ทเี่ ปนผูหยุดรถ (stopper) ๑ คน • เจา หนาทท่ี ุกคนควรสวมเสื้อสะทอนแสง • ใชรถตํารวจอีก ๑ คัน เตรยี มสาํ หรับการไลลารถท่ีหลบหนี • มหี วั หนา จดุ ตรวจทค่ี อยตรวจสอบทงั้ การจดั การ และควบคมุ มารยาทเจา หนา ท่ี • ทาํ งานโดยมขี น้ั ตอนทวี่ างแผนลว งหนา ดว ยความสภุ าพและปฏบิ ตั อิ ยา งมอื อาชพี • ไมควรตรวจกลางถนนทกุ ชอ งจราจร • ไมควรเรยี กรถทุกคันตรวจโดยไมม ีเหตุผลหรอื ไมมีขอ สงสัยมากอ น
๑๕๐ ò) »ÃÐàÀ·¢Í§¨Ø´μÃǨ จุดตรวจในประเทศไทยอาจจําแนกตามลักษณะการทํางาน ขนาดและจํานวน เจาหนาท่ีท่ีใชได ๓ ลักษณะ เริ่มจากลักษณะท่ีใชมากท่ีสุดบนทางหลวง คือ แบบเสนตรง ตอมา เปนแบบท่ีใชบนทางหลวงเชนกันแตมีความซับซอนมากกวา คือ แบบวงกลม และแบบสุดทาย เปน แบบทใ่ี ชม ากทส่ี ดุ ในเมอื งทมี่ รี ถตดิ แตก ระทาํ ไดง า ยมคี วามคลอ งตวั สงู คอื แบบในเมอื ง ทงั้ นโี้ ดยมี รายละเอยี ดของแตละประเภทดังนี้ ๒.๑ จุดตรวจแบบท่ี ๑ “จดุ ตรวจแบบเปน เสน ตรง” การต้ังจุดตรวจแบบน้ีเหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวง ที่มีรถ จํานวนไมหนาแนนมาก และรถอาจจะวิ่งดวยความเร็ว หากเลือกไดควรเลือกต้ังบริเวณท่ีมีไหลทาง เพอ่ื มพี น้ื ทใ่ี นการทาํ งานแกเ จา หนา ที่ หรอื เลอื กตงั้ ในพน้ื ทท่ี เี่ ปน ทางบงั คบั ทรี่ ถจะตอ งชะลอความเรว็ กอนมาถึงจุดนี้ เชน มีทางโคง ถนนขรุขระ มีการกอสราง หรือคอขวด ซ่ึงรถไมกลาใชความเร็วสูง อยูแ ลว ซึ่งจะทาํ ใหเจาหนาท่ปี ลอดภยั กวาที่จะตองเรยี กหยดุ รถที่มคี วามเรว็ ในการทํางานทุกครั้งเจาหนาท่ีจะตองวางปายเตือนสําหรับจุดตรวจแบบน้ี ปายเตือนน้ีมีเพ่ือใหสัญญาณแกผูขับขี่เตรียมตัวในการชะลอรถลงตามลําดับกอนมาถึงบริเวณที่ เรียกหยุด อาจใชป า ยทีม่ ขี อความใหระวัง ขา งหนามจี ุดตรวจ หรือหากไมมกี ใ็ ชก รวยยางวางเตอื นเปน ระยะๆ กอ นมาถงึ จดุ ตรวจกไ็ ด ควรจะวางปา ยเตอื นกอ นหนา จดุ ตรวจออกไปประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตร ซง่ึ ระยะทเ่ี วน ไวน เ้ี ปน ระยะทรี่ ถซง่ึ มาดว ยความเรว็ สงู สามารถชะลอรถลงมาไดพ อดโี ดยไมเ ปน อนั ตราย หลักคิดมาจากการคํานวณระยะคิดและระยะหยุดของรถบนถนนไวเผ่ือสําหรับผูขับขี่ หากไมวาง ปายเตือนเลย จะทําใหผูขับขี่ตองหยุดรถกะทันหัน ซึ่งอาจจะเปนอันตราย อาจถูกฟองรองไว และ ยังแสดงวาเจาหนาท่ีตํารวจไมมีความรูในเร่ืองความปลอดภัยดวย การตั้งจุดตรวจแบบเสนตรง จึงควรดาํ เนนิ การดังนี้ โปรดดภู าพท่ี ๑
๑๕๑ ÀÒ¾·èÕ ñ : ¡ÒÃμ§éÑ ¨´Ø μÃǨẺ໹š àʹŒ μç
๑๕๒ จากภาพขางตน จะเห็นไดวาในการตั้งจุดตรวจแบบเสนตรงนั้น เจาหนาท่ีอาจจะใชผิว การจราจรเปน พื้นท่เี รียกหยดุ รถได แตจ ะตอ งแนใ จวา เปนพน้ื ท่ีทป่ี ลอดภยั โดยมีการจดั การพรอมกับ ใชกรวยยางวางเปนแนวพื้นท่ีไว และเพ่ือปองกันรถที่มองไมเห็นจุดตรวจหรือหยุดไมทันว่ิงมาชน เจา หนา ท่ี กอ็ าจจะใชร ถยนตส ายตรวจจอดบงั ไว ๑ คนั เปน เสมอื นแนวกาํ แพงปอ งกนั ตวั ไว โดยเปด ไฟ วบั วาบชว ยในการมองเหน็ ของผขู บั ขี่ สว นรถยนตท จ่ี อดนนั้ ใหห นั หวั รถออกในลกั ษณะพรอ มทจี่ ะวงิ่ ได ทนั ทีหากมเี หตุทจี่ ะตอ งไลต ดิ ตามผขู ับขข่ี น้ึ เมื่อรถยนตของประชาชนวิ่งใกลจุดตรวจ การจัดการภายในจุดตรวจจะตองมีเจาหนาที่ คนหนง่ึ ทาํ หนา ทเี่ รยี กรถและคดั เลอื กรถ โดยจะเรยี กรถทตี่ อ งสงสยั วา กระทาํ ผดิ วงิ่ เขา ไปในพนื้ ทต่ี รวจ เพ่ือคดั กรองแตร ถทนี่ าจะตรวจ สวนรถอื่นทไ่ี มใ ชเปา หมายอาจจะแยกออกใหว ง่ิ บนถนนตอ ไป ท้ังนี้ เพ่ือไมสรางปญหาการจราจร เพราะไมจําเปนวาการตั้งจุดตรวจทุกคร้ังจะตองเรียกหยุดรถทุกคัน เมื่อมีการคัดเลือกรถเขามาในพื้นท่ีตรวจแลว หลังจากน้ันก็จะเปนหนาท่ีของตํารวจคนอ่ืนๆ ท่ีจะทํา หนาท่ีตรวจตามเปาหมายของการตั้งจุดตรวจตอไป เชน การตรวจใบขับขี่ การตรวจลักษณะผูขับขี่ การตรวจสภาพรถ ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ควรมีเจาหนาที่เฝาระวังรถท่ีหลบหนีดวยอีก ๑ คน จัดใหยืนอยูทาย ทส่ี ดุ ของจดุ ตรวจ เพราะการตง้ั จดุ ตรวจแตล ะครงั้ มกั จะมผี ขู บั ขท่ี ห่ี ลบเลยี่ งระหวา งทเี่ จา หนา ทท่ี าํ งาน แอบขับรถออกจากจุดตรวจไปโดยไมมีใครสังเกตเห็น เจาหนาท่ีคนน้ีจะคอยสังเกตรถที่หลบหนีนี้ และเรียกมาตรวจเองหรืออาจจะวิทยุแจงตํารวจอีก ๑ นาย ที่วางแผนใหจอดรถเลยจุดตรวจออกไป คอยสกดั จบั ตวั ไว เพ่อื ทําใหผ ูหลบหนีรูว า ตํารวจเปนมอื อาชพี ไมสามารถหลบหนีได การตั้งจุดตรวจแบบนี้ หัวหนาจุดตรวจจะตองคอยสังเกตและควบคุมการทํางานของ ทกุ คน ในกรณมี รี ถตดิ บนถนนเพราะการตรวจเปนสาเหตุ หัวหนาจุดตรวจอาจจะพิจารณาปลอ ยรถ ทั้งหมดไปโดยไมเ รยี กเขา ในพน้ื ที่ตรวจเปนครง้ั คราว เพอ่ื แกปญหาจราจรกอนก็ได การตรวจพบผูกระทําผิด เจาหนาท่ีอาจจะออกใบสั่งใหไปเสียคาปรับท่ีสถานีตํารวจ หรอื อาจจะตง้ั โตะ ปรบั บรเิ วณจดุ ตรวจ ซงึ่ หากตงั้ โตะ ปรบั กจ็ ะมขี อ ดใี นเรอ่ื ง การบงั คบั ใชก ฎหมายทร่ี วดเรว็ ซงึ่ จะสง ผลตอ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมของผกู ระทาํ ผดิ มากขน้ึ มไิ ดม ขี อ หา มหรอื ถอื วา เปน เรอ่ื งเสยี หาย สําหรับปายเตือนกอนถึงจุดตรวจน้ันอาจจัดทําเปนแบบตูไฟฟามีแสงสวางหรือปาย สะทอนแสงท่ีไมมีไฟฟาก็ได ข้ึนอยูกับภูมิประเทศและความสะดวก ขณะเดียวกันบริเวณจุดตรวจ ก็อาจจะเพ่ิมปายเตือนหรือตูไฟฟามีแสงสวางเขาไปอยูติดกันดวย เพื่อเพ่ิมการสังเกตเห็นของผูขับขี่ ไดชัดเจนขึ้น มีขอสงั เกตถงึ จดุ ตรวจในปจจุบันจาํ นวนหนึ่ง ท่ีไมมกี ารเตอื นแตวางกรวยยางขวางถนน หางจากตัวจุดตรวจ ประมาณ ๑๕ เมตร ทําใหไมมีระยะหยุดระยะคิดเพียงพอ นอกจากนั้น ยังวางกรวยยางยาวเปน เสนตรงตลอดระยะทาง ๑๕ เมตรดวย ทําใหส้ินเปลืองกรวยยางจาํ นวนมาก และไมสะดวกในการขนยาย การต้ังจุดตรวจแบบนี้พบเห็นมากในเขตภูธร ฉะนั้นควรเปล่ียนแปลง
๑๕๓ โดยใหเวนระยะหยุดระยะคิดเปนระยะทางประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ เมตร ท้ังนี้อาจจะวางกรวยยาง ทจี่ ดุ แรกของระยะ ๑๕๐ หรอื ๒๐๐ เมตรกอ นถงึ จดุ ตรวจ เพยี ง ๑ กรวยกอ น ในลกั ษณะขวางกลางถนน เพ่ือเตือนรถท่ีวิ่งมาดวยความเร็วเปลี่ยนชองจราจรและชะลอความเร็วเตรียมเขาจุดตรวจ ตอมาที่ ระยะประมาณ ๗๕ หรือ ๑๐๐ เมตรจากจุดตรวจ ใหวางกรวยยางอีกคร้งั หนง่ึ แตวางเพิ่มเปน ๓ กรวย ในแนวขวางถนน ๑ ชอง เพอื่ เตอื นอกี ครัง้ หลังจากน้นั ก็จะถึงจดุ ตรวจเลย หากทาํ แบบน้ีจะประหยัด กรวยยางและปลอดภยั มากกวา หลักการตั้งจุดตรวจแบบเสนตรงโดยสรุปคือ - ใหรถทข่ี บั ข่มี าบนถนนไดเห็นปายเตือนเพอื่ ชะลอรถลวงหนา - ทจ่ี ดุ ตรวจมเี จา หนา ทแี่ ยกรถทจ่ี ะตรวจ ออกจากรถทไ่ี มต อ งสงสยั และตรวจเฉพาะรถ ทต่ี อ งสงสยั เทานั้น เพ่ือไมใ หประชาชนเสยี เวลา - รถทีจ่ ะตรวจ จะตองจดั การใหเขาจอดในที่ปลอดภัย - การตรวจจะตอ งเปนไปอยางรวดเร็ว คาํ นงึ ถึงเวลาทปี่ ระชาชนเสยี ไป - การทํางานของเจาหนาท่ีจะตองตรงไปตรงมา อยางมืออาชีพ ตองตอบคําถามท่ี ประชาชนถาม - หากมีการหลบหนจี ะตองมกี ารวางแผนลวงหนาท่จี ะจดั การ - หากพบผูกระทําผิดอาจจะออกใบส่งั หรือวา กลาวตักเตอื น - การตัง้ โตะ ปรับเปนผลดี ไมใ ชข อเสยี หาย - ระยะเวลาในการตั้งจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาท่ีผูปฏิบัติวา มีความเหนอ่ื ยลาหรือยัง หากเจา หนา ท่ไี มพรอมควรหยดุ ไมควรทําตอ ไป
๑๕๔ ๒.๒ จุดตรวจแบบที่ ๒ “จุดตรวจแบบวงกลม” การตงั้ จดุ ตรวจแบบนี้ เปน การตงั้ จดุ ตรวจทใี่ ชค นจาํ นวนมาก เปน การระดม คร้ังใหญหรือมีเปาหมายเพ่ือบูรณาการหลายหนวยงาน โดยอาจใชพ้ืนท่ีริมถนน เชน โรงเรียน สนามกีฬา ปมนํ้ามันเกา ในการตรวจแทนที่จะใชพ้ืนที่บนผิวการจราจรหรือไหลทาง ความลึกของ พื้นทีว่ งกลมจากริมถนนไมควรมากกวา ๕ - ๑๐ เมตร แตต วั ปา ยเตือนน้นั ไปวางไวบ นถนน หา งจาก จุดตรวจประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตรเชนเดิม ดวยเหตุผลเดียวกันคือเวนไวเผื่อสําหรับระยะคิด และระยะหยดุ ของผูขบั ขี่ จุดตรวจแบบน้ีเหมาะสําหรบั ตาํ รวจทางหลวง หรอื ตํารวจภูธรทต่ี ัง้ จุดตรวจ ในเขตนอกเมอื งหรอื ชานเมอื ง มรี ถไมห นาแนน มากรถวง่ิ ไดเ รว็ หรอื พน้ื ทจี่ งั หวดั ชายแดนภาคใตท อ่ี าจ จะมกี ารตอ สกู บั เจา หนา ทขี่ ณะตงั้ จดุ ตรวจ โดยอาจใชก าํ ลงั ฝา ยปอ งกนั ปราบปรามรว มตงั้ จดุ ตรวจดว ย เปนจุดตรวจที่เหมาะสําหรับจํานวนเจาหนาที่มาก เพ่ือเปาหมายทั้งดานอาชญากรรมและจราจร ไปพรอมกนั การตั้งจุดตรวจแบบน้ี เจาหนาที่สามารถตรวจรถไดเปนเวลานาน โดยไม ทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรและปลอดภยั สงู โดยจะตอ งมผี เู รยี กหยดุ รถและคดั เลอื กรถเขา ตรวจ ๑ หรอื ๒ คน แตห ากอยูใ นพนื้ ที่อันตราย อาจจะเพมิ่ เจาหนา ทต่ี ดิ อาวธุ สงครามเพ่อื รกั ษาความปลอดภยั ไว ทจี่ ดุ นี้ดว ย เม่อื รถเขาพืน้ ที่ตรวจแลว ก็จะเปนหนาทีต่ รวจตามเปาหมาย โปรดดภู าพท่ี ๒
๑๕๕ ÀÒ¾·Õè ò : ¡ÒÃμ§éÑ ¨´Ø μÃǨẺǧ¡ÅÁ
๑๕๖ จากภาพขางตน จะเห็นไดวาการตั้งจุดตรวจแบบนี้ เจาหนาที่สามารถใชเวลา ในการตรวจไดนาน เชน การตรวจคนตัวรถท่ีซุกซอนยาเสพติดอยางละเอียด โดยมีไฟฟาสองสวาง ทเี่ ตรยี มตวั ไว หรอื ตรวจปส สาวะผขู บั ขี่ เมอื่ รถเขา มาพนื้ ทต่ี รวจ เจา หนา ทอ่ี าจแบง งานกนั ทาํ แยกยอ ย ออกไปได เชน ตาํ รวจจราจร ตาํ รวจสายตรวจ เจา หนา ทก่ี รมการขนสง ทางบก เจา หนา ทดี่ า นกกั กนั สตั ว ศุลกากร ฯลฯ นอกจากนี้หากใชจุดตรวจแบบนี้ในภารกิจการลดอุบัติเหตุ อาจจะแบงแยกงาน เจาหนาที่ผูตรวจออกไป เชน ตรวจใบขับขี่ ตรวจวัดความเมา ตรวจควันดํา เสียงดัง ฯลฯ มีโตะ เปรียบเทียบปรับพรอม ซ่ึงปกติกระทําไดยากในจุดตรวจทั่วไป เน่ืองจากจุดตรวจแบบน้ีมีพ้ืนท่ีมาก ดงั น้นั อาจจะเพิม่ กิจกรรมอืน่ ในจุดตรวจไดด วย เชน การรณรงคในชวงเทศกาลอาจจะเพิ่มเจาหนา ที่ พยาบาล ท่ีน่ังพกั หรือการใหความรูแ กผูขบั ข่ีฯ เขาไปดวย เมอื่ มกี ารตรวจเสรจ็ แลว รถแตล ะคนั จะวงิ่ ออกจากพนื้ ทตี่ รวจโดยมเี จา หนา ทคี่ ดั เลอื กรถ หมายเลข ๓ ทําหนา ทตี่ รวจสอบครงั้ สดุ ทา ย เพือ่ ปองกันรถท่ีหลบเลี่ยง โดยมีกรวยยางตั้งไวใหรถวิง่ เขาออกคนละทาง จุดตรวจแบบนี้สามารถต้ังข้ึนโดยมีระยะเวลานานได สามารถจัดที่พักสําหรับ เจา หนาทใี่ หหมุนเวยี นกันทาํ งาน จดั หาอาหารเครือ่ งด่ืม จัดหอ งสุขาได โดยอาจจะเปนจุดตรวจหลัก ของสถานีตํารวจซ่ึงเปดใชเปนคร้ังคราว เพื่อใหผูใชถนนไมสามารถคาดเดาเวลาตั้งไดวาจะเปดใช เมื่อใด แตไมควรเปดใชเปนเวลาท่ีแนนอนตายตัวจนประชาชนคาดหมายได เพราะประชาชนเรียนรู ทจี่ ะหลบหลีกอยเู สมอ หลกั การต้งั จุดตรวจแบบวงกลมโดยสรปุ คือ - ใหรถที่ขบั ขม่ี าบนถนนไดเ หน็ ปา ยเตอื นเพอื่ ชะลอรถลวงหนา - จัดที่ตรวจอยูในพ้ืนที่เฉพาะ ท่ีจะตองเล้ียวรถเขามาขางถนน ไมมีการตรวจบน ผิวการจราจรเหมอื นจดุ ตรวจแบบอน่ื ๆ - จะตองมีเจาหนาท่ีคัดแยกรถ เพ่ือเรียกรถที่ตองสงสัยใหเขามาในพื้นที่ตรวจ สวนรถอื่นๆ ท่ไี มต อ งสงสัยจะคดั แยกใหว ง่ิ บนถนนตอ ไปไมรบกวนเวลาผูขับขที่ เ่ี ปน พลเมอื งดี - รถที่จะตรวจ จะมีเสนทางวนเปนวงกลมเพ่ือใหเจาหนาที่ตํารวจหลายคนเรียก หยุดตรวจ - การเรียกใหเขาชองตรวจใด อาจจะมีการประสานงานกันระหวางเจาหนาท่ี คัดแยกกับผูตรวจเพราะผูหยุดรถรูลวงหนาวาตองสงสัยในเร่ืองใด เชน ขาดตอภาษี ไมคาดเข็มขัดฯ หรือเปนเรือ่ งพเิ ศษ เชน แอลกอฮอล ใชส ารเสพตดิ ฯ - การทาํ งานของเจาหนาทีจ่ ะตองตรงไปตรงมา เชน สงสยั วา กระทาํ ผิดเรื่องหนงึ่ แตเ มือ่ ตรวจสอบแลวไมผ ดิ ก็ไมควรหาเรอื่ งอืน่ โยกโยเพ่ือหาเร่อื งจะจับใหไ ด ควรปลอยไปใหเดนิ ทาง ตอ ไปโดยเรว็
๑๕๗ - หากสงสยั มกี ารหลบหนี เจา หนา ทผ่ี ปู ลอ ยรถออกสถู นน จะตอ งสอบถามผตู รวจวา รถคันนี้ตรวจสอบเสรจ็ แลวหรอื ไม โดยสื่อสารทางวทิ ยุกนั ตลอดเวลา - หากพบผกู ระทาํ ผดิ อาจจะออกใบสงั่ หรอื วา กลา วตกั เตอื น การวา กลา วตกั เตอื น ไมใ ชเ รอื่ งทไ่ี มค วรทาํ อาจจะทาํ ไดห ากผขู บั ขข่ี าดเจตนา นา เชอื่ วา จะปรบั ปรงุ ตวั ได ไมจ าํ เปน วา จะตอ ง เอาผลคดไี ปเสยี ทั้งหมด - การตั้งโตะ ปรบั เปน ผลดี ไมใ ชขอเสยี หาย - ระยะเวลาในการต้ังจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาท่ีผูปฏิบัติ วามคี วามเหนอื่ ยลา หรอื ยัง หากเจา หนา ที่เหน่อื ยแลว อาจจัดชุดไปสลบั เปลี่ยน หรือหยุดตรวจไปเลย และไมควรมคี ําสง่ั ต้งั จดุ ตรวจ ๒๔ ชม. เตม็ ที่สาํ หรับจุดตรวจแบบนี้ไมค วรเกนิ ๔ ชม. ๒.๓ จุดตรวจแบบที่ ๓ “แบบในเมือง” จดุ ตรวจแบบนม้ี กั จะเปน ขนาดเลก็ ทใี่ ชใ นเขตเมอื งของนครบาลหรอื อาํ เภอใหญ ของตํารวจภูธร ที่อาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด วิ่งไดชา ซึ่งแตเดิมมักจะมีกําลังเจาหนาที่ยืนอยู ริมถนนเรยี กรถระหวาง ๔ - ๕ คน ไมมเี คร่อื งมือในเรื่องความปลอดภัย เรียกรถใหจอดขา งทางแลว แยกกนั ตรวจ ทง้ั นโ้ี ดยควรทจ่ี ะตอ งเปลย่ี นแปลงวธิ กี ารตรวจแบบนใ้ี หเ กดิ ความปลอดภยั เพมิ่ ขนึ้ ไดแ ก การเพ่ิมปายเตือนระหวางระยะ ๑๐ - ๓๐ เมตร เพื่อใหผูขับขี่เตรียมตัวหยุดรถ ซ่ึงเวนระยะทางไว ไมมากนักเพราะรถว่ิงดวยความเร็วต่ําอยูแลว พรอมกันน้ันก็เพิ่มใหมีวางกรวยยาง และการจอดรถ จักรยานยนตเ พือ่ เปนกําแพงความปลอดภยั ดวย รถจักรยานยนตที่เปนกําแพงความปลอดภัยนี้ ยังอาจใชเปนรถติดตาม รถหลบหนดี ว ย โดยใหน าํ รถจกั รยานยนตเ จา หนา ทที่ ม่ี หี ลายคนั มาจอดเปน กาํ แพงความปลอดภยั รว มกนั หากเปนเวลากลางคืนควรจะตองมีไฟฉาย กระบองแสงสวางและเจาหนาที่ควรสวมเส้ือสะทอนแสง ทุกคน การตรวจแบบน้ีหากมีรถยนต ก็ใหใชเปนกําแพงกั้นเขตปลอดภัยแทนรถจักรยานยนต การตัง้ จุดตรวจแบบน้อี าจพิจารณารูปแบบได ตามภาพท่ี ๓
๑๕๘ ÀÒ¾·èÕ ó : ¡ÒÃμÑ駨´Ø μÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁÍ× §
๑๕๙ จากภาพขางตน จะเหน็ ไดว า ผูข ับขีบ่ นถนนจะมองเห็นปา ยเตอื นหรือตูไฟแสดงจดุ ตรวจ ในระยะที่ใกลกับจุดตรวจมาก แตเน่ืองจากเปนการต้ังจุดตรวจในเมืองที่รถว่ิงดวยความเร็วต่ํา ผูขับข่ี สามารถชะลอรถเตรียมตัวถูกเรียกหยุดได บุคคลสําคัญของการต้ังจุดตรวจคนแรกคือผูทําหนาที่ คัดแยกรถ เพราะถนนในเมืองจะมีรถติดขัดไดงาย หากคัดแยกไมดีจะทําใหเกิดรถติดได ดังน้ัน เจา หนา ทคี่ ดั แยกรถจะตอ งมที กั ษะทจี่ ะตอ งแยกรถตอ งสงสยั ออกจากรถปกตทิ วั่ ไป และใชห ลกั การเดมิ คอื รถไมตองสงสัยหรือประชาชนท่ัวไปไมตองเดือดรอน แตจะถูกแยกใหขับข่ีตอไปโดยสะดวก หลักการ สําคัญคือ การต้ังจุดตรวจไมใชจะตองตรวจรถทุกคัน การเรียกรถแตละคันเปนการรบกวนสิทธิของ ประชาชนทต่ี าํ รวจจะตองเคารพดว ย ผทู ถี่ กู คดั แยกจะตอ งเขา ไปในพน้ื ทตี่ รวจทจ่ี ดั ไวโ ดยมเี จา หนา ทตี่ าํ รวจรอตรวจ เจา หนา ท่ี คัดแยกจะตอ งใชสัญญาณมอื ส่ือสารกับเจา หนาที่ผูตรวจ วา ใหรบั รถที่สง ไป โดยอาจจะมกี ารพูดดวย วาจาหรอื สญั ลกั ษณต อ กนั เพอื่ ใหเ กดิ ความเขา ใจตรงกนั เชน ไมส วมหมวก หรอื ไมต ดิ แผน ปา ยทะเบยี น การตรวจอาจจะกระทําโดยตํารวจกลุมเลก็ ๆ ประมาณ ๔-๕ คน หรอื กลมุ ใหญขน้ึ ประมาณ ๗-๑๐ คน ก็ได แตถึงแมจ ะมีตํารวจนอยเชน ๕ คน แตท ี่ขาดไมไ ดค ือผทู าํ หนา ที่ระวงั หลงั เมอ่ื รถหลบหนี ที่อาจ จะตองตรวจดวยและสอดสองรถหลบเลี่ยงไปดวยพรอมกัน โดยอาจจะตองจอดรถจักรยานยนตไว เพ่อื การตดิ ตามดานหลังสุดของจุดตรวจ เน่ืองจากมีการวางกรวยยาง ฉะน้ันเจาหนาที่จะมีพ้ืนท่ีทํางานชัดเจนวาเรียกรถได ครงั้ ละเทา ใด ซงึ่ ผแู ยกคดั รถจะตอ งสง รถเขา มาตรวจเทา ทมี่ พี นื้ ที่ การวางกรวยยางนย้ี งั มปี ระโยชนอ น่ื ๆ ดวย คือ เร่ืองความปลอดภยั จากการถูกรถเฉี่ยวชน และการปอ งกนั การหลบหนี โดยผูถกู เรยี กตรวจ ไมส ามารถใชเวลาชุลมุนหลบหนไี ปจากจุดตรวจไดเหมือนแตกอ น เพราะมแี นวกรวยยางท่ีสังเกตเหน็ ไดช ัดถา มีรถฝา ออกไป และมกี ารจัดชอ งทางออกไวเ ฉพาะแลว หลกั การต้ังจดุ ตรวจขนาดเลก็ ในเมอื ง โดยสรปุ คอื - ใหรถทีข่ บั ขม่ี าบนถนนไดเ หน็ ปา ยเตอื นเพื่อชะลอรถลวงหนา - การตรวจอาจใชผ วิ การจราจรหรือไหลทาง แตมีการกน้ั ใหเหน็ พืน้ ที่เฉพาะน้แี ลว - มีเจาหนาท่ีคัดแยกรถและสงใหผูตรวจโดยประสานงานทางวาจาหรือสัญลักษณ ทา ทาง ไมต อ งใชว ิทยสุ ือ่ สารก็ได - รถทจี่ ะเขา ชอ งตรวจควรมจี าํ นวนไมม าก แตจ ะตอ งควบคมุ ใหส มดลุ ไมเ กดิ การชลุ มนุ หรอื ทาํ ใหร ถตดิ - การทาํ งานของเจา หนา ทจ่ี ะตอ งตรงไปตรงมา และไมแ สดงกริ ยิ าอาการทผี่ ขู บั ขที่ ว่ั ไป มองเหน็ วาไมส ุภาพเพราะมผี ูขบั ขผ่ี านไปมาจํานวนมาก - มีการควบคุมรถท่ีจะหลบหนีโดยวางตัวเจาหนาท่ีระวังหลังไวเชนปกติ แมจะมี เจา หนาท่ีจาํ นวนนอ ย
๑๖๐ - หากพบผูกระทําผิดอาจจะออกใบส่ังหรือวากลาวตักเตือน การวากลาวตักเตือน เปนเรอ่ื งทก่ี ระทาํ ได ไมใชเ รอ่ื งเสียหายหรือมองไปในทางทจุ ริต - การตั้งโตะปรับเปนผลดี สามารถกระทําไดระยะเวลาในการต้ังจุดตรวจไมควรนาน เกินไป เต็มที่ไมควรเกนิ ๒ ชม. จากหลักการตั้งจุดตรวจที่ไดกลาวมาไดจําแนกประเภทของการต้ังจุดตรวจออกเปน ๓ ประเภทหลัก ไดแก ñ. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ໚¹àÊŒ¹μçเหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวงที่มีรถ จาํ นวนไมหนาแนนมาก และรถอาจจะว่งิ ดว ยความเรว็ ò. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ໚¹Ç§¡ÅÁเปนการต้ังจุดตรวจที่ใชคนจํานวนมาก เปนการระดม ครง้ั ใหญห รือมเี ปาหมายเพื่อบูรณาการหลายหนวยงาน ó. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁ×ͧจุดตรวจแบบน้ีมักจะเปนขนาดเล็กที่ใช ในเขตเมืองของนครบาลหรืออําเภอใหญของตํารวจภูธร ที่อาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด ว่ิงไดชา ซึ่งรูปแบบการตั้งจุดตรวจทั้ง ๓ แบบ เปนการพิจารณาจากสภาพถนน และปริมาณของรถท่ีสัญจร ไปมาเพอื่ เปน หลกั ในการพิจารณา ต้งั จุดตรวจใหเกดิ ความปลอดภัยในการปฏบิ ตั ิหนา ท่ี ó) ¡ÒÃμ§éÑ ¨Ø´μÃǨà¾Íè× Å´ÍºØ ÑμÔàËμØ ๓.๑ การตง้ั จดุ ตรวจเพอื่ ควบคมุ อบุ ตั เิ หตุ มขี อ พจิ ารณาเพมิ่ เตมิ ในการตง้ั ๒ ขอ คอื ๓.๑.๑ ขอมูลอุบัติเหตุท่ัวไปในพื้นท่ี ไดแก ผูวางแผนต้ังจุดตรวจจะตอง ทราบขอมูลสถานที่และเวลาเกิดอุบัติเหตุสูงสุดในแตละเดือนของสถานีตํารวจแหงน้ันเสียกอน เพ่ือใชพิจารณาในการวางแผนต้ังจุดตรวจ โดยควรท่ีจะเลือกต้ังจุดตรวจในบริเวณที่มีอุบัติเหตุเกิด สูงทส่ี ุดกอน เชน อุบตั เิ หตุเกดิ บนถนนเสน ใด สวนเวลาทเ่ี กดิ อบุ ัติเหตสุ ูงสดุ กค็ วรออกไปตง้ั จดุ ตรวจ ในเวลานั้นดวย เชน เวลากลางคืน เม่ือรวมกันก็จะไดสถานที่ตั้งจุดตรวจท่ีเหมาะสมคือ สถานที่ และเวลาที่เกิดอุบตั เิ หตสุ ูงสุด ไมใชตง้ั จดุ ตรวจในท่ีเดมิ เวลาเดิม หรอื ตง้ั จุดตรวจทม่ี ีไฟฟาไวต อสายไฟ ดังน้ันการตั้งจุดตรวจโดยทั่วไปที่เจาหนาที่ตํารวจสถานีตางๆ ออกไปต้ัง จดุ ตรวจ ในเวลาวางจากการจดั การจราจร เชน ๑๐.๐๐ น. หรอื ๑๔.๐๐ น. จงึ ไมใ ชก ารต้งั จดุ ตรวจ เพ่ือลดอุบัติเหตุดวยเชนกัน แตเปนการตั้งจุดตรวจเพ่ือทําผลงานหรือสรางสถิติการออกใบส่ังเทานั้น ไมส ามารถนาํ มาอางไดว า ไดว างมาตรการเพ่ือควบคุมอบุ ัตเิ หตุในพน้ื ทีแ่ ลว เพราะการวางมาตรการ เพ่ือควบคุมอุบัติเหตุจะตองใชขอมูลอุบัติเหตุจริงๆ และมีแนวทางท่ีสอดคลองกันจริง การต้ัง จดุ ตรวจจราจร จงึ อาจจะแยกไดเ ปน ๒ แบบ คอื การตง้ั จดุ ตรวจเพอ่ื กวดขนั วนิ ยั จราจรทว่ั ไป กบั การตงั้ จุดตรวจเพื่อควบคุมอุบัติเหตุ ซึ่งแทจริงแลวแตกตางกัน ไมสามารถจะทําเร่ืองเดียวแลวอางวาใช ท้งั สองวตั ถปุ ระสงคไ ด
๑๖๑ ๓.๑.๒ ขอมูลอุบัติเหตุเฉพาะทาง ไดแก การเก็บขอมูลอุบัติเหตุสําคัญ บางประเภทเพอื่ ใชใ นการแกไ ข เชน อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากความเมา ซงึ่ ทราบขอ มลู วา สถานบนั เทงิ ยา นใด เปน สาเหตุ กว็ างแผนตง้ั จดุ ตรวจเมอ่ื สถานบนั เทงิ ปด รา นบนถนนในยา นนน้ั อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากการขบั รถเรว็ ก็ต้ังจุดตรวจบนถนนที่มีขอมูลการขับรถเร็ว หรืออุบัติเหตุท่ีเกิดจากการฝาไฟแดง ก็ตั้งชุดตรวจจับ ทางแยกทมี่ กั จะมกี ารขบั รถฝา ไฟแดง เปน เรอ่ื งการวางแผนลดอบุ ตั เิ หตใุ นแตล ะประเภทเฉพาะเจาะจง ลงไป โดยเริ่มจากการมีขอมูลและนําขอมลู มาใชใ นการตดั สนิ ใจ การวางแผนตง้ั จดุ ตรวจแบบเฉพาะเจาะจงน้ี อาจจะไดข อ มลู อบุ ตั เิ หตหุ ลายประเภท ซ่ึงสถานีตํารวจจะตองจัดลําดับความสําคัญกอน จึงจะวางแผนควบคุมได โดยใหความสําคัญกับ ประเภทอุบัติเหตุท่ีเสียหายมากกอน อาทิ มีขอมูลอุบัติเหตุจาก ความเมา ขับรถเร็ว ฯ เปนเรื่องที่ สถานตี ํารวจดาํ เนนิ การกอ นเพราะมีผูเ สยี ชีวิตและบาดเจบ็ จาํ นวนมาก แตอ บุ ตั ิเหตุจากสาเหตอุ ื่นทมี่ ี ความเสียหายนอย ก็รอไวดําเนินการในภายหลังได โดยผูบังคับบัญชาในยุคใหมจะตองเปล่ียน จากบทบาทผูตรวจการณบนทองถนน ที่ตรวจดูความเรียบรอยท่ัวไป เปนผูกํากับแผนงาน กิจกรรม โดยใชขอมูลมาพิจารณาแทน ¢ŒÍ椄 à¡μ การจัดลาํ ดับความสําคญั ในการตงั้ จดุ ตรวจจราจรนน้ั มกั จะมกี ารสบั สน ไปกับการควบคุมการจราจร โดยไมเห็นความสําคัญของการควบคุมอุบัติเหตุ ดังนั้นในแตละสถานี ตํารวจ จงึ มีการออกคาํ สัง่ ใหนาํ กาํ ลังตํารวจจราจรไปจดั การจราจรประจาํ วนั ตามจุดตางๆ เกอื บหมด แตไมมีการวางแผนเพื่อลดอุบัติเหตุแตอยางใด ซึ่งแสดงถึงการวางแผนที่สับสน ระหวางแผนงาน อบุ ตั เิ หตแุ ละแผนงานจดั การจราจร ทจี่ ะตอ งมที งั้ ๒ ดา น แตห วั หนา สถานตี าํ รวจหรอื รองผกู าํ กบั จราจร จํานวนมากยังไมสามารถแยกแยะความสําคัญ หรือแบงหมวดหมูงาน แตปฏิบัติงานเหมือน ท่เี คยทาํ มาแลว ท้ังท่เี ปน เรอ่ื งสําคญั เทาเทยี มกนั ทงั้ คู การตง้ั จดุ ตรวจเพอื่ ลดอบุ ตั เิ หตจุ ะเกดิ ผลดไี ด จะตอ งอาศยั ผบู งั คบั บญั ชาและนโยบาย ทส่ี อดคลอ งกนั เพอื่ สนบั สนนุ ใหม กี ารปฏบิ ตั ดิ า นการตรวจจบั แตเ ปน การตรวจจบั เฉพาะทางทม่ี ขี อ มลู ในการตดั สนิ ใจ ดว ยเหตนุ กี้ องบญั ชาการตาํ รวจนครบาลและภธู รในอนาคต จงึ ควรจะแยกประเภทงาน จราจรใหมีน้ําหนักเทากัน ระหวางการควบคุมอุบัติเหตุและการอํานวยความสะดวกดานการจราจร โดยใหสถานีตํารวจแตละแหงตองมีแผนงานรองรับ คอยตรวจสอบกิจกรรมวาสอดคลองกันหรือไม และตรวจสอบจากสถิติขอมูลอุบัติเหตุจราจรภายหลังดําเนินการมาประกอบการพิจารณาจึงจะทําให การตั้งจดุ ตรวจจราจรในอนาคตมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล
๑๖๒ การตั้งจุดตรวจเพื่อลดอุบัติเหตุ จากงานวิจัยตางประเทศที่นาสนใจสามารถนํามา เปนขอมลู ประกอบการพจิ ารณาต้งั จุดตรวจ ดงั นี้ -. ò) ¡ÒÃμé§Ñ ¨Ø´μÃÇ¨Ç´Ñ áÍÅ¡ÍÎÍÅ àÁ×ͧ û٠Ẻ ਺ç -μÒ ¨Ò¡´è×ÁáÅÇŒ ¢ºÑ ਺ç -μÒ´ŒÇÂÊÒàËμØÍ×è¹ Modesto ตาํ รวจ ๖-๑๒ นาย/คนื ละ ๑ จดุ -๙.๓ % +๑๒.๙ % Ventura ตาํ รวจ ๓-๕ นาย/คืนละ ๓ จุด -๓๙.๗ % -๗.๔ % Visalia ตํารวจ ๓-๕ นาย/คนื ละ ๑ จุด -๑๔.๗ % +๓.๕ % Ontario หนวยลาดตระเวน -๑๘.๐ % -๓.๙ % μÒÃÒ§·èÕ ó.ò การต้ังจุดตรวจวัดความเมารูปแบบตางๆ กับความสามารถในการลดการเจ็บ-ตาย จากด่ืมแลวขับ ¡ÒáÃШÒÂกําÅѧตําÃǨ໚¹Ë¹‹ÇÂàÅç¡ (ó-õ ¹ÒÂ) á실Ãͺ¤ÅØÁËÅÒ¨ش䴌¼Å´Õ áÅШÐãËŒ¼Å㹡ÒÃÅ´à¨çºμÒ¨ҡàÁÒáŌǢѺÁÒ¡¡Ç‹ÒÇ¸Ô Õ¡ÒÃÍè×¹æ ในสถานการณท ี่ทรัพยากร (คน- เวลา-เงนิ )มีจํากดั ... การตัง้ ดา น ตอ งพจิ ารณาถงึ ขอมลู วา จดุ ใด (แผนทอี่ ุบตั ิเหต)ุ ชวงเวลาใด (นาฬกา อุบัติเหตุ) จึงจะเกิดผลมากที่สุด ซึ่งในหลายพ้ืนท่ี... การเพิ่มขึ้นของจุดตรวจ นอกจากจะลดจํานวน อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ เสยี ชีวติ แลว...คดีอาชญากรรมอน่ื ๆ ก็ลดลงดว ย ò) ¡ÒÃμÑ§é ¨Ø´μÃǨ¨ºÑ “¤ÇÒÁàÃçÇ” รถทแี่ ลน ดว ยความเรว็ ทแี่ ตกตา งกนั มากบนถนน นาํ ไปสกู ารเกดิ อบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั เิ หตุ จากความเร็วท่ีมีผูเสียชีวิต มักเกิดกับถนนตรงหรือทางโคงมากกวาทางแยกบนถนนท่ีมีชองจราจร มากกวา ๑ ชอ งจราจร และในชว งทฝี่ นตก ขอมูลจาก NHTSA (National Highway and Traffic Safety Administration) พบวา ปจ จยั ท่สี ง ผลตอ พฤติกรรมการขบั ขีเ่ ร็ว o พฤตกิ รรมของผูข บั ขเี่ พศชาย อายุ ๑๕-๒๐ ป มีพฤตกิ รรมขับข่ีรถเร็วมากที่สุด o ปริมาณแอลกอฮอลในเลือดทเี่ พ่มิ มากขึน้ สงผลตอ พฤติกรรมการขับขี่เรว็ o ชว งเวลาหลงั เทยี่ งคนื ถงึ ตสี าม เปน ชว งเวลาทผี่ ขู บั ขม่ี พี ฤตกิ รรมขบั ขเี่ รว็ มากทส่ี ดุ จากขอ มูลดังกลาวแสดงใหเหน็ วา “¤¹¢ÑºÃ¶ÁáÕ ¹Çâ¹ÁŒ ·¨Õè Ð㪌¤ÇÒÁàÃçÇμÒÁÊÀÒ¾¶¹¹ÁÒ¡¡ÇÒ‹ ¾Ô¡´Ñ º¹»Ò‡ Âจาํ ¡Ñ´¤ÇÒÁàÃÇç ”
๑๖๓ การตั้งจุดตรวจจะยังคงมีผลตอการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการขับขี่เร็วในระยะหาง ออกไปอกี ประมาณ ๔ กโิ ลเมตร จากตําแหนง ท่ีต้ังจดุ ตรวจ ดังน้ันการเลือกตง้ั จดุ ตรวจทม่ี ีความถขี่ อง จดุ เสย่ี งในชว ง ๔ กโิ ลเมตร จงึ เปน ตาํ แหนง การตง้ั ดา นทม่ี ผี ลตอ การลดอบุ ตั เิ หตไุ ดส งู สดุ จากการศกึ ษา วิจยั พบวา มาตรการเขม งวดในการตง้ั จดุ ตรวจจบั ความเรว็ สามารถลดการสญู เสยี ชีวิตลงไดร อ ยละ ๖ และลดการชนแบบรนุ แรงไดถึงรอยละ ๑๔ ÀÒ¾·Õè ô รูปแบบ แบงพน้ื ท่ีออกเปน ๕ โซน
๑๖๔ คําอธิบายเพ่มิ เติมในการตัง้ จดุ ตรวจแบบแบง พ้นื ทีอ่ อกเปน ๕ โซน พนื้ ทส่ี ว นที่ ๑ เปน พน้ื ที่ เฝา สงั เกตรถและบคุ คลทอี่ ยภู ายในรถทจี่ ะวงิ่ ผา นเขา มาในบรเิ วณพนื้ ทต่ี งั้ จดุ ตรวจ มเี จา หนา ทีต่ าํ รวจอยปู ฏิบัติ ๒ นาย โดยอยูก อ นถงึ พ้นื ท่ตี ้งั จุดตรวจหางประมาณ ๒๐-๑๐๐ เมตร (ตามสภาพพ้นื ที่) พนื้ ทส่ี ว นที่ ๒ เปนพ้ืนทท่ี ี่พจิ ารณาคัดกรองรถเพื่อเรยี กรถเขามาสพู ื้นทต่ี รวจคน มีเจา หนา ทตี่ ํารวจ ๒ นาย และเจา หนาทีต่ ํารวจท่ีทําหนาท่เี ปน หวั หนาจุดตรวจ ๑ นาย รวมเจา หนาท่ีจํานวน ๓ นาย พนื้ ทส่ี ว นท่ี ๓ เปน พน้ื ทตี่ รวจคน มเี จา หนา ทต่ี าํ รวจทาํ หนา ทตี่ รวจคน รถและบคุ คลตอ งสงสยั ทนี่ ง่ั มา ๒ ชดุ ปฏบิ ัติ (๑ ชุดปฏบิ ตั ิมี ๓ – ๔ คน รถทเี่ ขาทําการตรวจคน ควรมไี มเกิน ๒ คนั ในแตล ะชว ง ทที่ าํ การตรวจคน และการตรวจคน ใชเ จา หนา ทต่ี าํ รวจ ๓ – ๔ คนตอ รถทาํ การตรวจคน ๑ คนั โดยคน ๒ คน คมุ กนั ๑ - ๒ คน) มเี จา หนา ทตี่ าํ รวจอกี ๑ คน ทาํ หนา ทบี่ นั ทกึ ภาพขณะตรวจคน ไวเปนหลักฐาน และมีเจาหนาท่ีตํารวจอีก ๑ คน ทําหนาที่คอยควบคุมการปลอยรถออก จากพน้ื ทต่ี รวจคน เพ่ือปองกนั อบุ ัตเิ หตุ รวมเจาหนา ทต่ี าํ รวจท่ีอยูใ นพนื้ ท่ีนี้ ๘ - ๑๑ คน พน้ื ทสี่ ว นท่ี ๔ เปนพื้นที่คอยสกัดรถ หากรถตองสงสัยที่เขามาในพื้นท่ีตั้งจุดตรวจไมยอมหยุดรถใหทําการ ตรวจคน เจาหนาที่ตํารวจที่อยูปฏิบัติหนาที่ทายพื้นที่จุดตรวจน้ีจะทําหนาท่ีนํารถตํารวจ ท่ีจอดอยูทายจุดตรวจเขาสกัดขวางกันไมใหผานหรือไลติดตามหากหลบหนี ในสวนนี้จะมี เจาหนาที่ตํารวจทําหนาท่ีประจํารถยนต ๑ คัน ๑ คน และเจาหนาที่ตํารวจประจํา รถจกั รยานยนต ๑ คัน ๒ คน รวมเจาหนาที่จํานวน ๓ คน พน้ื ทส่ี ว นที่ ๕ เปน พื้นทีค่ วบคุมผกู ระทาํ ความผิด หรอื พน้ื ท่บี รกิ ารประชาชน มเี จาหนา ท่ีตาํ รวจอยปู ฏิบัติ อยางนอย ๑ คน จากภาพประกอบดงั กลา วและคาํ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ การตง้ั จดุ ตรวจแบบแบง พนื้ ทอ่ี อกเปน ๕ โซน ลกั ษณะจดุ ตรวจดงั กลา วเปน หลกั พน้ื ฐานในการวางกาํ ลงั และตาํ แหนง หนา ทข่ี องเจา หนา ทต่ี าํ รวจ ซงึ่ ตอ งใชก าํ ลงั พลทมี่ ปี รมิ าณเพยี งพอ มลี กั ษณะการวางกาํ ลงั แบบการตงั้ จดุ ตรวจเปน วงกลม เปน การตง้ั จุดตรวจท่ีใชคนจํานวนมาก เปนการระดมคร้ังใหญหรือมีเปาหมายเพื่อบูรณาการหลายหนวยงาน ซึ่งในการปฏิบัติหนาที่จริง หากไมมีกําลังพลเพียงพอหรือสถานท่ีต้ังไมเหมาะสมก็ควรตองพิจารณา ในรูปแบบอ่นื ที่เหมาะสม และคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภัยตอ ผูป ฏบิ ตั งิ านตอไป
๑๖๕ ÀÒ¾·èÕ õ แสดงการตั้งจุดตรวจในทางเดินรถท่ีมีการจราจรไปในทิศทางเดียวกัน (One Way) ÀÒ¾·èÕ ö แสดงการตัง้ จดุ ตรวจในทางเดนิ รถที่มกี ารจราจรสวนกนั (Two Way)
๑๖๖ ÀÒ¾·Õè ÷ แสดงการตง้ั จดุ สกดั ในถนนสายเล็ก โดยใชรถยนตชว ยเปน สิง่ กีดขวาง ÀÒ¾·èÕ ø แสดงการตง้ั จุดสกดั ในถนนสายเลก็ โดยหลุมบอ บนถนนเปน เครอ่ื งชวย
๑๖๗ ÀÒ¾·èÕ ù แสดงการตั้งจดุ สกดั ในถนนสายเลก็ โดยใชเ ครื่องกีดขวางชว ย
๑๖๘ ÀÒ¾·èÕ ñð การต้ังจดุ ตรวจแบบ สองชอ งจราจรตอ ทศิ ทาง (ใชพ้นื ที่จอดรถที่มอี ย)ู 150-200 ม. ÊÞÑ Åѡɳ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตํารวจ ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ปา ยเตอื น ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทท่ี าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตาํ รวจทท่ี ําหนา ท่ี ตรวจสอบรถยนต รถยนตทถ่ี กู ตรวจสอบ Í»Ø ¡Ã³· μèÕ ÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเสอื้ กก๊ั ทสี่ ะทอ นแสงได ตลอดเวลา ■ ปายเตือนท่สี ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้ง บนปา ยเตือน ■ กรวยทสี่ ะทอ นแสงได (ถา จาํ เปน ) ËÁÒÂàËμØ ภายหลังจากการตรวจสอบ ตํารวจ คทว่ที าาํ มหสนะดา ทวกี่ตใรนวรจถสยอนบตคจนัะดตงัอกงลอา าํวนออวยก จากจุดตรวจสอบไดอยางปลอดภยั เกาะกลาง POLICE POLICE
๑๖๙ ÀÒ¾·Õè ññ รูปแบบการตงั้ จดุ ตรวจ สองชอ งจราจรตอทิศทาง (ใชพ ้ืนทไี่ หลทาง) ÊÞÑ Åѡɳ รถตาํ รวจ ปายเตอื น ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํ รหถนยานทตหี่ บ ยนดุ ถหนรนอื ตตาํรวรวจจสทอีท่บาํรหถยนนาทตี่ รถยนตทถ่ี กู ตรวจสอบ กรวยทีส่ ะทอ นแสงได การวางกรวย 150-200 ม. Í»Ø ¡Ã³· μÕè ÍŒ §ãªŒ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน ไปแกฟสรา เงวยตไยฟเอื ตทแนอืล่สีกะนะะเทพทสอ้ืรอส่ี บิกะนกสั๊ทแทเี อหสส่ี ลงนะไอืทแดงอสตน(งดถิ ไแตาดสจงั้งบาํไดนเปตปลนา อย)ดเตเวอื ลนา ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ■ ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ■ ■ POLICE ■ เกาะกลาง ËÁÒÂàËμØ ทภาท่ี ยาํ หหลนังา จทาตี่ กรกวาจรสตอรบวจจะสตออบงอตาํ ํานรววยจ ความสะดวกในรถยนตคันดังกลาว ออกจากจดุ ตรวจสอบไดอ ยา งปลอดภยั POLICE
๑๗๐ ÀÒ¾·Õè ñò ทางหลวงขนาดสองชอ งจราจร (ใชพ นื้ ทห่ี ยดุ รบั สง รถโดยสารหรอื พน้ื ทจี่ อดรถ) 150-200 m. ÊÞÑ Åѡɳ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตาํ รวจ ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ปายเตอื น ตง้ั แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทที่ าํ หนา ทห่ี ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตํารวจทที่ าํ หนาที่ ตรวจสอบรถยนต รถยนตท ่ีถกู ตรวจสอบ ÍØ»¡Ã³·ÕèμÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเสื้อกั๊กที่สะทอนแสงได ตลอดเวลา ■ ปา ยเตอื นทีส่ ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพรบิ สเี หลอื งติดตงั้ บนปา ย ËÁÒÂàËμØ ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจที่ทาํ หสะนดาวทก่ีตใรนวรจถสยอนบตจคะันตดอังงกอลําานวอวยอคกวจาามก จดุ ตรวจสอบไดอ ยา งปลอดภัย POLICE
๑๗๑ ÀÒ¾·èÕ ñó รปู แบบการตงั้ จดุ ตรวจสองชองจราจร รถวง่ิ สวน (ใชพนื้ ทข่ี องไหลท าง) ÊÞÑ Åѡɳ รถตาํ รวจ ปา ยเตอื น ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํรหถนยานทตหี่ บ ยนดุ ถหนรนอื ตตํารวรวจจสทอีท่บํารหถยนนา ทต่ี รถยนตท่ถี กู ตรวจสอบ กรวยท่สี ะทอนแสงได การวางกรวย 150-200 m. ÍØ»¡Ã³· èÕμŒÍ§ãªŒ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน ไตปกปแฟสรลาาวเงยยอตยไเเดฟืตตอทเอือืแวนี่สลลนนะกาะททะเพอีส่สะนรื้อทิบแกอสส๊ักงนีเทหไแี่สดลสะ ือ(งทถไงอาดตจนิดําแตเสปั้งงบนไ)นด ตาํ แหนง ทส่ี ามารถมองเหน็ ได ■ ตง้ั แตร ะยะประมาณ 300 ม. ■ POLICE ■ ■ ËÁÒÂàËμØ ภายหลังจากการตรวจสอบ ตาํ รวจทท่ี าํ หนาที่ตรวจสอบจะตองอํานวยความ สจุดะตดรววกจใสนอรบถยไดนอตยคาันงปดลังกอลดาภวัยออกจาก
๑๗๒ ÀÒ¾·Õè ñô บริเวณชมุ ชน (ใชพ้ืนท่หี ยดุ รับสง รถโดยสารหรือพืน้ ทีจ่ อดรถ) 50-75 ม. ÊÑÞÅѡɳ รถตํารวจ ปายเตือน ตาํ รวจทท่ี าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตาํ รวจท่ที ําหนา ที่ ตรวจสอบรถยนต รถยนตท ่ถี กู ตรวจสอบ ÍØ»¡Ã³· μÕè ÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเส้ือก๊ักที่สะทอนแสงได ตลอดเวลา ■ ปา ยเตอื นทีส่ ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้งบนปาย เตอื น ■ กรวยที่สะทอ นแสงได (ถาจาํ เปน ) ËÁÒÂàËμØ ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจทที่ าํ หนา ที่ ตรวจสอบจะตองอํานวยความสะดวกใน อรถยยานงปตลคอันดดภังัยกลาวออกจากจุดตรวจสอบได POLICE
๑๗๓ จากเนื้อหาทไี่ ดก ลา วมาเปนเรอ่ื งของรูปแบบการตงั้ จดุ ตรวจประเภทตา ง ๆ สามารถนาํ ไปปรับใชไดตามสถานการณตางๆ ข้ึนอยูกับความเหมาะสมในแตละพ้ืนที่ แตสิ่งหนึ่งที่ตองคํานึงถึง ใหมากเพอ่ื สรา งความปลอดภยั ใหกบั เจาหนา ท่ตี าํ รวจจราจรผูปฏิบัติหนาทีบ่ ริเวณจดุ ตรวจ คอื ความ เขา ใจพ้ืนฐานของ หลักการการบรหิ ารจราจรในบริเวณทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงชองจราจรมาประกอบการ พจิ ารณารปู แบบการตงั้ จดุ ตรวจ เพอื่ ความปลอดภยั ซงึ่ ในเลม นไ้ี ดน าํ หลกั การสากลมาแนะนาํ ใหท ราบดงั นี้ ËÅÑ¡¡ÒáÒúÃÔËÒèÃÒ¨Ã㹺ÃÔàdz·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ª‹Í§¨ÃҨà »ÃСͺ仴ŒÇ ËÅ¡Ñ ¡Òôѧ¹éÕ Advance warning area มกี ารเตอื นลว งหนา เพอ่ื ใหผ ขู บั ขที่ ราบวา จะมกี ารเปลยี่ นแปลงชอ งจราจรอยา งไรขา งหนา เพ่ือใหผูขบั ข่ชี ะลอ เปล่ยี นชองจราจร ลดการติดขดั บริเวณจดุ ท่จี ะมกี ารเบีย่ งการจราจร Transition Area มรี ะยะการเบยี่ งชอ งจราจรทีย่ าวเพยี งพอ เหมาะสม ชัดเจน Working/Activity Area มีการกั้นพืน้ ทท่ี าํ งาน และพ้ืนทีจ่ ราจรชัดเจน กําหนดความเรว็ ในการควบคุม Termination Area แจงผูขับข่ีถึงจุดส้ินสุดการเบ่ียงการจราจร เพื่อใหคืนสภาพ การเดินทางอยางรวดเร็ว ปลอดภัย
๑๗๔ CSLWDeiihgorgaenrenkcnntsideoplniazcoinefgtrdaevveilce tthoTaerplaloaafficwstcssivtSithtrpyaroaffiacurcegeha Downstream Taper nleTotesrrmmtraianlffiaotcpioernreasAtuiromenaes Bapunfpoffdr(lorraeotwtrteveroicSardratffipekiloa)escncrse Buffer Space (longitudinal) awnodisrkWmseoaersrttke,areSisaqipdluaesipctofemoraregnet isAtacwktihevesitryeplAwarcoeerak prtorvaiffiBd(loeucsnffagepnirtrduoSdtwpeinacoactrilkeo)enrsfor omfToritavsnesnsiottirromanffiaAlcrpeoaautht Shoulder Taper AdtveallesnxctpereaWcffitcaarwhneihnaagdtAtorea
๑๗๕ Êμ٠÷ãÕè ªŒã¹¡ÒÃคาํ ¹Ç³ Table 6C-3. Taper Length Criteria for Temporary Traffic Control Zones Type of Taper Taper Length Merging Taper at least L Shifting Taper at least 0.5 L Shoulder Taper at least 0.33 L One-Lane, Two-Way Traffic Taper 50 feet minimum, 100 feet maximum Downstream Taper 100 feet per lane Note : Use Table 6C-4 to calculate L Table 6C-4. Formulas for Determining Taper Length Speed (S) Taper Length (L) in feet 40 mph or less L = WS2/ 60 45 mph or more L = WS Where : ● L = taper length in feet ● W = width of offset in feet ● S = posted speed limit, or off-peak 85th-percentile speed prior to work starting, or the anticipated operating speed in mph Table 6C-1. Recommended Advance Warning Sign Minimum Spacing Road Type Distance Between Signs** A BC Urban (low speed)* 100 feet 100 feet 100 feet Urban (high speed)* 350 feet 350 feet 350 feet Rural 500 feet 500 feet 500 feet Expressway / Freeway 1,000 feet 1,500 feet 2,640 feet
๑๗๖ ¡ÒûÃÐÂ¡Ø μãªËŒ ÅÑ¡¡ÒúÃËÔ ÒèÃҨà ¡Ñº ¨´Ø μÃǨ ¨Ø´Ê¡´Ñ áÅÐ ´‹Ò¹ ´Ò‹ ¹μÃǨ ตงั้ เปน การถาวร รปู แบบ การบริหารจราจรใหนาํ มาประยุกตใชไ ด (Advance Warning, Transition) ¨Ø´μÃǨ / ¨Ø´Ê¡Ñ´ ควรนําหลักการบริหารจราจรมาประยุกต แตกรณีจําเปน เพอื่ ความมน่ั คง ถา จะไมต อ งการเตอื นลว งหนา (Advance Warning) กส็ ามารถลดชดุ ปา ยเตอื นลว งหนา ออกตามความเหมาะสมของภารกจิ ¡ÒÃẋ§¾é¹× ·ÕèºÃàÔ Ç³¨´Ø μÃǨ ¨´Ø Ê¡´Ñ ´‹Ò¹ à»ÃÂÕ ºà·Õºã¹ËÅÑ¡¡ÒúÃËÔ ÒèÃҨà = Activity/Working Area หลังจากสน้ิ สุดการตรวจแลว ตอ งวางตําแหนง Termination Area (พ้ืนท่ีส้นิ สดุ การตง้ั จดุ ตรวจ) ไดแก Buffer Space + Dowstream Taper ÊÃØ»â´ÂËÅÑ¡¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡Ñ´ ´‹Ò¹ã¹ºÃÔàdz·èÕÁÕ¡ÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§ª‹Í§¨ÃҨà μÍŒ §คํา¹Ö§¶Ö§¾¹é× ·èÕ¡ÒèѴ¡ÒÃàËŋҹ¾Õé ¨Ô ÒóÒà¾èÍ× ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ Advance Warning Area (¾¹é× ·¡èÕ ÒÃàμ×͹ÅÇ‹ §Ë¹ÒŒ ) กรณีดานท่ีต้ังถาวร ตองมีปายเตือนลวงหนากอนถึงดานวาจะปดชองจราจรไหน เปนระยะๆ หางกอนถึงดาน ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ เมตร (กรณีจุดตรวจ จุดสกัด พิจารณาเปนกรณี ตามภารกิจวา การเตอื นลว งหนา มีผลกระทบตอ ความมัน่ คงของภารกิจหรือไม) Transition Area (¾¹é× ·èºÕ ÃÔàdzà»ÅèÂÕ ¹/àºÂèÕ §¡ÒèÃÒ¨Ã) ในการต้ังจุดตรวจ จุดสกัด ดาน ตองมีการเบ่ียงการจราจรดวยกรวยยางที่เห็นเดนชัด โดยระยะวางกรวยยาง ตองมีระยะยาวพอสมควรใหรถที่ชะลอความเร็วสามารถชะลอรถและเบ่ียง การจราจรไดอยางปลอดภัยกอนเขาดาน โดยมีระยะตามสูตรการคํานวณ (โดย แผงเตือน/ปายไฟ จดุ ตรวจ จะวางอยูห ลังแนวกรวยยางทเ่ี บีย่ งจราจร)
๑๗๗ Activity/Working Area (¾¹é× ·ºèÕ ÃÔàdz¨Ø´μÃǨ ¨´Ø ʡѴ ´Ò‹ ¹) พ้ืนที่ชวงดังกลาวจะกําหนดตามภารกิจของเจาหนาที่ โดยพื้นท่ีเฝาสังเกตจะเริ่มต้ังแต สน้ิ สุด แนวเบี่ยงการจราจร ระยะทางของพน้ื ท่ีบริเวณจุดตรวจ พิจารณาจาก กาํ ลังพล ยานพาหนะ ท่ีตอ งใช Termination Area มีการคืนสภาพการจราจรปกติ โดยวางกรวยยาง เพ่ือคืนชองจราจรระยะทางประมาณ ๓๐-๕๐ เมตร ตามความเหมาะสม ¡ÒÃầ‹ ¾é×¹·èÕºÃÔàdz¨´Ø μÃǨáμ‹Åоé¹× ·èàÕ ¾Í×è ãËŒà¡´Ô ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ (áμ‹Åоé×¹·èÕμŒÍ§ÁÕÃÐÂÐËÒ‹ § à¾×Íè ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ) ๑ พงษส ันต คงตรแี กว (๒๕๕๑), การตรวจจบั ความผิดจราจร Traffic Surveillance เอกสารประกอบการสอนวิชาจราจร, นครปฐม : โรงเรียนนายรอยตํารวจ ๒ Stuster JW, Blowers PA. Experimental evaluation of sobriety checkpoint programs. Washington, DC: U.S. Department of Transportation, National Highway Safety Traffic Administration, ๑๙๙๕. DOT HS ๘๐๘ ๒๘๗
๑๗๘
๑๗๙ บทท่ี ๕ การบังคบั ใชก ฎหมายใหม ปี ระสิทธิภาพ õ.ñ ¨ÔμÇÔ·ÂÒ㹡Òúѧ¤ºÑ 㪡Œ ®ËÁÒ ¨μÔ Ç·Ô ÂÒ หมายถงึ วชิ าทว่ี า ดว ยการศกึ ษาเกย่ี วกบั พฤตกิ รรม หรอื กริ ยิ าอาการของมนษุ ย รวมถึงความพยายามที่จะศึกษาวามีอะไรบางหรือตัวแปรใดบาง ในสถานการณใดที่เกี่ยวของกับการ ทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมตา ง ๆ ซง่ึ ขอ มลู ดงั กลา วจะทาํ ใหส ามารถคาดคะเน หรอื พยากรณไ ดโ ดยใชแ นวทาง หรอื วิธกี ารทางวิทยาศาสตรเ ปน เคร่อื งมือชว ยในการวเิ คราะห ปญ หาดา นการจราจรทเ่ี กดิ ขนึ้ ทาํ ใหม คี วามจาํ เปน อยา งยง่ิ ทจ่ี ะตอ งมกี ารกาํ หนดวธิ กี าร เชงิ กลยทุ ธใ หส งั คมไดร บั รถู งึ ปญ หา ตระหนกั วา เปน ปญ หาทสี่ าํ คญั ของสงั คม โดยมงุ เปา ไปยงั ทศั นคติ และพฤตกิ รรมของประชาชนในการใชร ถใชถ นน วธิ กี ารทางจติ วทิ ยา หรอื จติ วทิ ยาจราจรไดถ กู นาํ มาใช ในประเทศท่พี ัฒนาแลว ทงั้ หลาย อยา งเชน ประเทศญป่ี ุน เปน วิถที างในการเรยี นรคู วามจรงิ เก่ียวกบั ปญ หาการขบั ข่ี และการใชพ ื้นที่ของถนนรวมกบั คนอนื่ ๆ และครอบคลมุ ในเรอื่ งของการใหการศกึ ษา เพือ่ สรา งวัฒนธรรมความปลอดภัยดวย การบังคับใชก ฎหมายเปนเครอ่ื งมอื อยา งหนึ่งในทางจติ วทิ ยา เพอ่ื ใหเ กดิ การแปลงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการใชร ถใชถ นน ขณะเดยี วกนั ตอ งคาํ นงึ ถงึ กระบวนการปรบั เปลยี่ น พฤติกรรมใหครบกระบวนการ โดยเฉพาะอยางยิ่งตองแกไขสาเหตุนํากอนการกระทําพฤติกรรม การขบั ข่ีที่ละเมิดกฎหมาย ในสวนของการบังคับใชกฎหมายซึ่งเปนบทบาทสําคัญของตํารวจ ตองใหความสําคัญ ตอการสรางการยอมรับ การบังคับใชกฎหมายของประชาชนและการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการขับขี่ ทดี่ ขี ้ึน ดงั นั้น จติ วทิ ยาการบังคบั ใชก ฎหมายตอ งเปนการบรู ณาการดวยหลกั การเบื้องตน ๔ ประการ เขาดว ยกนั เพอ่ื ใหเกดิ ผลดงั ตอไปนี้คอื ñ. ãËŒ»ÃЪҪ¹ÃѺÃÙŒ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÁÒ¡¢éÖ¹ ซ่ึงไดแก การต้ังจุดตรวจ และ ดา นจราจรในจดุ ตา งๆ ทเ่ี ดน ประชาชนเหน็ ไดช ดั เจน มกี ารเปลยี่ นสถานท่ี ความเขม งวดในการตรวจจบั และเวลาท่ีออกไปตรวจจบั อยูเรอ่ื ยๆ และในแตล ะทีมงานควรมตี ํารวจอยหู ลายๆ คน มกี ารแตง กาย ที่เหน็ เดน ชดั มีรายชอ่ื หัวหนา ชุดปฏิบัตกิ ารพรอ มหมายเลขโทรศพั ท ò. óç¤ãËŒÁÕ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒ«íéÒËÅÒÂæ ¤Ãéѧ เพื่อยํ้าใหผูขับข่ีและผูโดยสาร รถจกั รยานยนตท ราบวา มกี ารเสยี่ งในการถกู จับสูงไดใ นทุกที่และทุกเวลา หากมีการฝา ฝนกฎหมาย ó. Á¡Õ Òúѧ¤ÑºãªÍŒ ‹ҧࢌÁ§Ç´áÅÐÊมํ่าàÊÁÍ ไมม ีการแบง แยกหรือเลือกปฏบิ ตั ิ ซ่ึงจะ นาํ ไปสูการเปลย่ี นแปลงอยางถาวรของพฤติกรรมของผูใชรถใชถนน ô. à¼Âá¾Ã‹¢ŒÍÁÙÅ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÍ‹ҧá¾Ã‹ËÅÒ ทั้งน้ีเพราะกฎหมายจราจร เปนกฎหมายที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของผูใชรถใชถนนจึงตองอาศัยความรวมมือจากประชาชน ทัว่ ไป
๑๘๐ ฉะนั้น การบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจราจร เพ่ือใหประชาชนปฏิบัติตาม กฎหมายดวยการรักษาวินยั ในการขับข่ี หรอื โดยสารยวดยานพาหนะ แมก ฎหมายไดม ขี อบังคบั ไวแลว ก็ตาม แตก็ไมไดหมายความวาผูใชรถใชถนนจะไมฝาฝนกฎหมายจราจร ตรงกันขามผูขับขี่กลับมอง ไมเ หน็ ความสาํ คญั ของกฎหมายจราจรดว ยซา้ํ ไป เนอื่ งจากเหน็ วา มโี ทษเลก็ นอ ย เปน เหตใุ หก ารปฏบิ ตั งิ าน ถูกผูบังคับบัญชา หรือแมแตประชาชนท่ัวไป ตําหนิติเตียน วาไมเขมงวดในการบังคับใชกฎหมาย จนเกดิ การกระทาํ ความผดิ กฎจราจรอยา งตอ เนอื่ ง และกลายเปน วฒั นธรรมทปี่ ฏบิ ตั ติ ามกนั มาอยา งผดิ ๆ จิตวิทยาการบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจึงมีความจําเปนอยางย่ิงที่ตํารวจตองเรียนรู โดยเฉพาะอยางยิ่ง การปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ซ่ึงเปนยุคของโลกแหงการใช เทคโนโลยี สังคมออนไลน (Social Media) หมายถึง สังคมท่ีมีการตอบสนองไดหลายทิศทาง โดยผานเครือขายอินเทอรเน็ต ซ่ึงก็คือ เว็บไซต ที่บุคคลบนโลกน้ีสามารถมีปฏิสัมพันธโตตอบกันได ขณะนเ้ี ทคโนโลยเี วบ็ ไดพ ฒั นาเขา สยู คุ ๔.๐ มกี ารพฒั นาเวบ็ ไซตท เี่ รยี กวา Web application คอื เวบ็ ไซต ท่ีมีโปรแกรมตางๆ มีการตอบโตกับผูใชงานมากข้ึน ซึ่งก็เปนประโยชนตอการพัฒนางานเจาหนาท่ี ตํารวจ ขณะเดียวกันก็เปนสื่อที่ตํารวจตองระมัดระวังเน่ืองจากความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยี ก็ทําใหคนรายใชเปนเคร่ืองมือในการจับผิดการปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในหลายรูปแบบ เชน เมื่อไมพอใจการปฏิบัติงานของตํารวจก็จะหลอกลอใหตํารวจตกเปนเครื่องมือทางอารมณ แลว แอบถา ยคลปิ วดิ ีโอ ซ่งึ เจาหนาท่ีอาจถูกกลนั่ แกลงโดยรูเทาไมถ งึ การณไ ด การบงั คบั ใชก ฎหมายจงึ มสี ถานะเปน กลไกการลงโทษเพอ่ื ทาํ ใหพ ฤตกิ รรมทไี่ มเ หมาะสมยตุ ลิ ง อยางไรก็ตาม ¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒ์¹ÂéíÒÇ‹Ò ¡ÒÃŧâ·É·ÕèÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀҾ㹡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹Ñé¹ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ä»â´Â·èÕ¼ÙŒ·¶Õè ¡Ù »ÃѺà»ÅèÕ¹¾Äμ¡Ô ÃÃÁÃºÑ ÃŒÙ (ãËŒ¤ÇÒÁÃ)ŒÙ ÇÒ‹ ¼Œ·Ù Õèŧâ·É (ตาํ ÃǨ) ¡ÃÐทํา ¡ÒÃŧâ·É´ŒÇÂà¨μ¹Ò·èÕ´Õ ÁØ‹§ËÇѧãËŒ¼ÙŒ¶Ù¡Å§â·Éä´Œ»ÃÐ⪹¨Ò¡¡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹éѹ Í¡Õ ·§éÑ ¡ÒÃŧâ·É¨ÐμÍŒ §äÁท‹ าํ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ŧâ·ÉÃʌ٠¡Ö ÇÒ‹ μ¹àͧä´ÃŒ ºÑ ¡ÒÃŧâ·É·äÕè Áà‹ »¹š ¸ÃÃÁ ËÃÍ× Ã¹Ø áç à¡¹Ô ä»Í¡Õ ´ÇŒ  เนอ่ื งจากการลงโทษทร่ี นุ แรงจะทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมการตอ ตา น ดงั นนั้ เจา หนา ทตี่ าํ รวจ จราจรจงึ จาํ เปน ตอ งใชศ ลิ ปะทด่ี ใี นการบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ ใหผ ขู บั ขย่ี อมรบั การบงั คบั ใชก ฎหมายนน้ั ไมเ กิดการตอตาน หรอื มีทัศนคตทิ ีไ่ มด ีตอ ตาํ รวจ อกี ท้ังเกิดการปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการใชรถใชถนน ทเ่ี ปนไปตามกฎหมายจราจรในที่สุด ÈÅÔ »Ð¡Òúѧ¤ºÑ 㪌¡®ËÁÒ¨ÃÒ¨Ãã¹ºÃºÔ ·Êѧ¤ÁÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â เจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งแสดงบทบาทหนา ทด่ี งั ตอ ไปนใี้ หป รากฏแกส งั คมโดยทวั่ กนั ในพนื้ ที่ รบั ผดิ ชอบของแตล ะสถานเี พอื่ ใหส รา งความเขา ใจจนกลายเปน กระแสเชงิ บวกในสงั คม และเปน การสรา ง ความชอบธรรมในการปฏิบัติหนาที่ในการบังคับใชกฎหมายจราจรในบริบทที่สังคมไทยยังไมสามารถ แกไขเหตปุ จ จยั นําท่ีทําใหเกดิ พฤตกิ รรมที่ไมเ หมาะสมได ดังนี้ ñ. ËҾǡ การเดินเขาหาภาคีเครือขาย ผูมีสวนไดเสียในทุกกลุม ทุกอาชีพ และสรางความ สมั พนั ธท แี่ นน แฟน ในบรบิ ทของการทาํ งานรว มกนั โดยทตี่ าํ รวจเปด พนื้ ทใ่ี หภ าคเี ครอื ขา ยไดม สี ว นรว ม
๑๘๑ ในทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการทาํ งานนน้ั นอกจากจะทาํ ใหต าํ รวจมพี ลงั มวลชนในการรว มทาํ งานแลว ยังชวยเสริมสรางพลังอํานาจแกตํารวจในกรณีท่ีมีการตอตาน ตอรอง ขัดขืนการบังคับใชกฎหมาย อกี ดว ย สงิ่ ทค่ี วรตระหนกั คอื อยา คดิ ตดิ กรอบเพยี งการตดิ ตอ เชอื่ มความสมั พนั ธก บั กลมุ ภาคี เครือขายท่ีเปนกลุมคนทํางานแตเพียงเทาน้ัน กลุมผูใชรถใชถนนก็นับวาเปนภาคีเครือขายที่สําคัญ เชน เดยี วกนั ไมว า จะเปน นกั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษา คนงาน กลมุ แมบ า น แมค า คนขบั รถโดยสารประจาํ ทาง เปน ตน อีกทั้งการสรางความสัมพันธก็ไมควรจํากัดวงกิจกรรมอยูเพียงการทํางาน ประชุม หารือรวมกันแตเพียงเทานั้น หากแตการเลนกีฬา การจัดกิจกรรมสันทนาการตางๆ ก็สามารถสราง ความสัมพันธท่ีแนนแฟนและนํามาซึ่งความรวมมือที่ดีที่อาจจะมากกวาการทําบันทึกขอตกลงรวม (MOU) ดวย ดังท่ีพบวาหนวยงานราชการ หรือสถานศึกษาหลายแหงทํา MOU รวมกับตํารวจ แตก็มิไดดําเนินการอยางเขมแข็งเทาท่ีควร ดังนั้น การสรางเครือขายจึงควรเร่ิมตนดวยการมุงเนนท่ี คุณภาพมากกวามุงเนนปริมาณ เมื่อความสัมพันธมีความใกลชิดแนนแฟนแลวจึงเพิ่มจํานวนภาคี มากขนึ้ เรอื่ ยๆ ทง้ั นตี้ าํ รวจควรเรม่ิ ตน เดนิ เขา หาภาคที เ่ี ปน กลมุ เปา หมายทเี่ ฉพาะเจาะจงกบั ปญ หาดว ย ทั้งน้ี ตํารวจจราจรอาจจะใชเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบตางๆ เพ่ือสรางกลุม ทางสังคมใหมีความใกลชิดกันมากยิ่งข้ึน มีการติดตอสัมพันธกันโดยมีกิจกรรมในการทํางานดานการ จราจรรว มกันในรูปแบบตางๆ เชน การใชระบบไลนก ลุม Social Network เปนตน การทํางานรว มกัน เปน โซนและการมองเหน็ ความเหมอื นความตา งระหวา งโซนอน่ื ๆ ในมติ เิ รอ่ื งตา งๆ นนั้ อาจจะสามารถ สรา งบรรยากาศในการรว มมอื ทเ่ี ขม แขง็ มากขน้ึ ทง้ั นเี้ จา หนา ทตี่ าํ รวจจะตอ งทาํ การพจิ ารณาตามบรบิ ท ของสังคม วัฒนธรรมทีแ่ ตกตา งกนั ไปในแตท องที่ กลยุทธท ด่ี ีของที่แหง หนง่ึ อาจจะไมเหมาะสมกับอกี แหง หน่ึงกไ็ ด ส่ิงที่สําคัญในการเสริมพลังอํานาจใหตํารวจสามารถบังคับใชกฎหมายไดอยางมี ประสิทธิภาพ ลดการตอตาน และสรา งการยอมรบั จากประชาชนสว นรวมได คอื การสื่อสารผานส่อื ตางๆ ที่มากพออยางทั่วถึง และตอเนื่องถึงการกระทําของตํารวจทุกๆ กิจกรรม เนื่องจากจะทําให ประชาชนรบั รขู า วสารอยา งตอ เนอื่ ง ซมึ ซบั เขา ไปในภาพจาํ วา “ตาํ ÃǨÁ¤Õ ÇÒÁÁ§‹Ø Á¹èÑ Á¤Õ ÇÒÁ¾ÂÒÂÒÁ 㹡Òû¯ÔºμÑ Ô˹ŒÒ·ÕÍè ÂÒ‹ §àμçÁ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ¶§Ö áÁŒÇ‹Ò¨Ðทาํ §Ò¹´ŒÇ¤ÇÒÁ¢Ò´á¤Å¹·Ã¾Ñ ÂÒ¡Ãμ‹Ò§æ â´ÂÁàÕ ¨μจํา¹§à¾èÍ× ãË»Œ ÃЪҪ¹ Êдǡ ÃÇ´àÃçÇ áÅж֧·èÕËÁÒÂÍÂÒ‹ §»ÅÍ´ÀÂÑ ” ò. 㪢Œ ŒÍÁÅ٠໚¹ÍÒÇØ¸·Ò§»Þ˜ ÞÒ㹡Ò÷Òí §Ò¹ ตํารวจจราจรตองทํางานอยางมืออาชีพ (Professional) นั่นหมายความวา ตองใช หลกั วชิ าการ มขี อ มลู ในระดบั พนื้ ทที่ ส่ี ามารถนาํ มาใชป ระโยชนใ นการโนม นา ว ชกั จงู วางแผนการทาํ งาน ท้ังในสวนของตํารวจ และในสวนท่ีตองการใหภาคีเครือขายและผูมีสวนไดเสียเห็นความสําคัญ เห็นความจําเปนท่ีจะตองเขามารวมมือกันในการแกไขปองกันพฤติกรรมการขับข่ีท่ีละเมิด กฎหมายจราจร
๑๘๒ การนําขอมูลที่เฉพาะเจาะจง ที่เกิดข้ึนในพื้นที่แตละแหงมาใชน้ันจะสามารถสราง ความตระหนักในปญหาที่ทําใหประชาชนรับรูวาเปนปญหาใกลตัวไดมากกวาการใชขอมูลระดับชาติ ที่ไมเ ฉพาะเจาะจง อีกทั้งขอมูลจะทําใหการทํางานของตํารวจภายใตทรัพยากรท่ีจํากัดเปนไปอยางมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ดว ย เรยี กไดว า สามารถแกป ญ หาตามความสาํ คญั กอ นหลงั สามารถแกป ญ หาได ถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา โดยใชข อมลู ที่มปี ระสทิ ธิภาพในการตดั สนิ ใจ การทํางานอยา งมอื อาชพี น้ีจะสรา ง ศรัทธาและการยอมรับที่ดีในที่สดุ ó. ¡ÒûÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸ã ¹§Ò¹¨ÃҨà “วิสัยทัศน” ในการประชาสัมพันธในงานจราจร “การสรางภาพลักษณที่ดี และการ สื่อสารงานจราจรสูสงั คม” ó.ñ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸ã¹§Ò¹¨ÃҨà สามารถจาํ แนกองคป ระกอบสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธอ อกเปน ๔ ประการ คือ ๑. องคกร สถาบนั หรือหนวยงานในงานจราจร หนว ยงานจราจรแตละ สภ. ศูนยปฏิบัตกิ ารจราจร ๒. ขาวสารประชาสัมพันธในงานจราจร ขอมูลเก่ียวกับเสนทาง ทางลัด ถนนเสีย การเปดปดถนนเปนชวงเวลา การยายสถานที่ราชการ หางราน การซอมผิวทาง ขบวนแหประเพณีตางๆ ๓. สื่อประชาสัมพันธในงานจราจร สวนใหญตํารวจมักจัดทําเปนแผนปาย ปายสัญลกั ษณ การออกรายการวทิ ยุ ทวี ที องถิ่น หนังสอื พมิ พท อ งถ่ิน ในปจจุบันมสี อ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส ทีใ่ ชใ นชีวิตประจําวนั มากข้ึน แมจะเขา ถงึ ไดน อ ยราย แตสามารถแพรขา วไดอยางรวดเรว็ เชน เฟซบกุ (facebook) ไลน (line) ๔. กลุมประชาชนเปาหมายของการประชาสัมพันธในงานจราจร ไดแก กลุม บุคคลหรอื ประชาชนทีเ่ ปนเปา หมายในการสอื่ สารประชาสัมพันธค รงั้ น้นั ๆ ดงั น้ี ๔.๑ กลุมประชาชนภายใน เจาหนา ที่ตาํ รวจทุกนาย ไวส ําหรบั สอื่ สาร รับคาํ สง่ั แสดงผลการปฏบิ ัติ ๔.๒ กลุมประชาชนภายนอก กลุมประชาชนทว่ั ไป ó.ò ¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸à ª§Ô Ã¡Ø (Pro-active Public Relation) หมายถึง การประชาสัมพันธที่มีการชี้แจงและใหความรูความเขาใจกับกลุม เปาหมายโดยตรง โดยมีการวางแผนไวลวงหนากอนที่จะมีกิจกรรม หรือเหตุการณใด เพื่อใหเกิด ความยอมรบั และความรว มมือ
๑๘๓ Â·Ø ¸ÈÒÊμá ÒûÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸àªÔ§ÃØ¡ ÁÕ ô »ÃСÒà ¤×Í ñ. Â·Ø ¸ÈÒÊμáÒÃà¼Âá¾Ã‹¢‹ÒÇÊÒà »ÃСͺ´ŒÇ ๑.๑ มีการวางแผนปฏบิ ตั กิ ารประชาสัมพันธ ๑.๒ เนน ความชัดเจนของการกาํ หนดวิธกี ารตางๆ ๑.๓ ดําเนินยทุ ธวิธตี ามแผนใหครบถว น ò. Â·Ø ¸ÈÒÊμá Òêѡ¨Ù§ã¨ »ÃСͺ´ÇŒ  ๒.๑ การกําหนดแผน หรือวิธีการท่ีจะจูงใจประชาชนกลุมเปาหมาย ใหเ หน็ พอ งกับเนอ้ื หาท่ีนาํ ไปประชาสมั พันธอ ยางเปนขนั้ ตอน ๒.๒ นําขาวสารใหถึงผูรับสารกลุมเปาหมายโดยตรงแบบเผชิญหนา (face to face) ó. ÂØ·¸ÈÒÊμáÒèѴͧ¤¡Òà ໚¹¡ÒÃกํา˹´μÑǺؤ¤Åทํา§Ò¹ μŒÍ§ãªŒ ºØ¤Åҡ÷ÁÕè Õ¤³Ø ÊÁºμÑ ´Ô ѧ¹Õé ๓.๑ เปนนักประชาสัมพันธท่ีแทจริง เปนผูชํานาญในวิชาชีพ การประชาสมั พันธ ๓.๒ มภี ูมปิ ญญา ๓.๓ มคี วามรับผิดชอบ ๓.๔ มีความรอบรใู นงานหลายสาขาวิชาชพี ๓.๕ มคี วามอดทน เสียสละ มานะ สงู าน ๓.๖ มีจรรยาบรรณ ๓.๗ ไมหวนั่ ตอ ปญ หา ô. Â·Ø ¸ÈÒÊμáÒÃäμÃμ‹ Ãͧ เปนการทบทวนและใครค รวญการดาํ เนนิ การ ประชาสัมพันธที่ดําเนินไปแลว เพื่อจะไดปรับแผนหรือแกไขปญหาใหสอดคลองกับเหตุการณท่ีกําลัง เผชิญอยูไดท นั ทว งที การส่ือสารเพื่อการประชาสัมพนั ธ การส่ือสารเชิงรุก ๑. กอ เสริมสรา ง ๑. ใหค วามรู ๒. กนั ปองกนั ๒. สรา งความเขา ใจ ๓. แก รกั ษา ๓. เนน การแสดงออก ๔. กู ฟนฟู ๔. รวดเร็วฉับไว ๕. ตรงประเดน็
๑๘๔ ó.ó ¡ÒÃãªÊŒ Íè× »ÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸μÒ‹ §æ ã¹§Ò¹¨ÃҨà ñ. ÊÍ×è ºØ¤¤Å ประกอบดวย - สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ - กองบญั ชาการ - กองบงั คับการ - กองกาํ กบั การ - ขา ราชการตาํ รวจ - บคุ คลท่ีมชี ่ือเสยี งหรือผูน าํ ชมุ ชน ò. ÊÍ×è ʧèÔ ¾ÔÁ¾ ประกอบดวย - ใบปลวิ แผน พับ โปสเตอร - จดหมายขา ว - ปา ยประกาศ - สตกิ๊ เกอร - แผน ปา ยประชาสมั พันธ ó. Ê×èÍÁÇŪ¹ ประกอบดว ย - สถานีวิทยุขาวสารดา นจราจร ระดับประเทศ/ระดบั ทองถ่นิ - โทรทศั น - หนงั สือพมิ พ - นติ ยสาร - ภาพยนตร - เครอื ขา ยท่ใี ชใ นการประชาสัมพนั ธ (Connection) ô. ÊÍè× ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ประกอบดว ย - นิทรรศการ - โครงการ - การประกวด - การแขงขัน - การรณรงค õ. ÊèÍ× âÊμ·ÈÑ ¹ ประกอบดวย - ปา ยสลบั ขอความ - เวบ็ ไซต - Application - Line - Facebook - Video Clip - Spot โฆษณา
๑๘๕ ó.ô à·¤¹Ô¤¡ÒÃ㪌Ê×Íè »ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ● สะดวกในการเขาถึงหลายชองทาง ● งายตอ การจดจํา ● รวดเร็วและทันสถานการณ ● ใชข อ ความท่ที นั สมัย เขาใจงา ยและนา สนใจ ó.õ ÀÒ¤Õà¤Ã×Í¢‹Ò»ÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸ ● ปจจัยแหงความสําเร็จในงานประชาสัมพันธ คือ การมีสวนรวม ทุกภาคสวนท้ังภายในและภายนอกองคกรอยางเขมแข็ง เชน ชุมชน ผูนําทองถ่ิน หนวยราชการ ส่ือมวลชน สถานศกึ ษา เอกชน ฯลฯ ● การสรางสอ่ื สมั พันธก บั องคก รภายในและภายนอกองคก ร ● ส่ือมวลชนทุกแขนงเพื่อสรางสัมพันธไมตรี/ทุกภาคสวนทั้งภาครัฐ และเอกชน ● การสง ขาวสารเปนไปอยางตอเนอ่ื งและชัดเจน ● ตดิ ตอ ประสานงานโดยขอหมายเลขโทรศพั ท e-mail, line หรอื เทคโนโลยี การสงขอมูลอนื่ ๆ ท่สี ะดวก ● มีการสรางความสัมพันธท่ีดีโดยมีการนัดกับสื่อและองคกรภายใน เดอื นละ ๑ คร้งั หรอื ประชมุ หรือในรปู แบบสภากาแฟ ¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸· ´Õè ·Õ ÊÕè Ø´ã¹§Ò¹¨ÃҨà ¤Í× “à¨ÒŒ ˹ŒÒ·Õตè าํ ÃǨ·Ø¡¹Ò” º·ÊÃØ» การทงี่ านประชาสมั พนั ธข องหนว ยงานจราจรจะดาํ เนนิ ไปไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ยอ มขน้ึ อยูกับปจจัยหลายๆ ดาน ที่สําคัญท่ีสุดคือ ตัวของขาราชการตํารวจจราจรซ่ึงปฏิบัติหนาท่ีอยูบน ทองถนนนั่นเอง ถาพวกเขามีการประชาสัมพันธท่ีดี มีความสามารถในการประชาสัมพันธใหแก หนวยงาน รูจักการสรางความเขาใจอันดีใหเกิดแกประชาชน หรือหนวยงานท่ีเกี่ยวของแลว งานประชาสมั พนั ธของหนวยงานจราจรก็ยอ มจะประสบผลสําเรจ็ ไดโดยงา ย ตาํ รวจจราจรทเี่ ปน นกั ประชาสมั พนั ธ จะตอ งเปน ตาํ รวจทท่ี าํ งานเพอื่ การสรา งสรรค ธาํ รงไว ซ่ึงความสัมพันธอันดีงามระหวางหนวยงานจราจรกับกลุมประชาชน ตํารวจที่วานี้ไมจําเปนตองเปน ตาํ รวจทมี่ รี ปู รา งหนา ตาดี มบี คุ ลกิ ทชี่ วนตอ งตาผพู บเหน็ หรอื คลอ งแคลว พดู เกง เสมอไป แตส รปุ แลว ควรจะตองเปนผูมีคุณสมบัติดังน้ี คือ เฉลียวฉลาด ซ่ือสัตยสุจริต มีความคิดริเริ่มสรางสรรค มคี วามสามารถในการเขียน พดู ไดดี มคี ณุ ธรรม กลาทจี่ ะทําในสง่ิ ท่ีถูกตอ ง รูจักข้นั ตอนในการทาํ งาน และที่สําคัญท่ีสุดก็คือ ตองมีความรูในการประชาสัมพันธเปนอยางดี จึงจะเปนนักประชาสัมพันธ ทสี่ มบูรณแบบได
๑๘๖ ตาํ รวจไทยทกุ คนตอ งตระหนกั วา วชิ าชพี ของตนเองนนั้ ยอ มจะตอ งเกย่ี วขอ งกบั ประชาชน ไมท างตรงกท็ างออ ม การศกึ ษาวา ทาํ อยา งไรจงึ จะสามารถเขา กบั ประชาชนไดด ี จงึ เปน เรอ่ื งทน่ี า สนใจ ยอมหวังวาถา ไดศกึ ษาเรยี นรเู ขาใจถึงหลกั การประชาสัมพันธแลว ก็นา จะนาํ วชิ าความรูท่ีไดร ับนไ้ี ปใช ใหเ ปน ประโยชนใ นการทาํ งานตอ ไปได สดุ ทา ยนข้ี อฝากคตเิ ตอื นใจสาํ หรบั ตาํ รวจจราจรทต่ี อ งการเปน นกั ประชาสมั พนั ธท ด่ี วี า “ภาพลกั ษณข องเราจะดหี รอื เลว เปน ผลมาจากการประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องตวั เราเอง โดยแท” (the result of our conduct) ซงึ่ เปน คติของ ARISTOTLE นกั ปราชญผ ูย่ิงใหญของโลก ท่ีกลา วไวเ มือ่ หลายพันปมาแลว และก็ยงั คงเปน อมตะอยเู สมอตราบจนทุกวนั นี้ ô. ¡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒ·ËÕè ÅÒ¡ËÅÒÂáÅÐàËÁÒÐÊÁ การบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมนนั้ เปน ขน้ั ตอนสดุ ทา ยทน่ี าํ มาใช ภายหลังจากมีการใชกลยทุ ธต า งๆ อยา งครบถวนมาระยะเวลาหน่ึงแลว นนั่ หมายถงึ ตํารวจตองผา น ขนั้ ตอนการกระทําดังตอไปนม้ี าแลว ๑) มีการรวบรวมขอมูล และนําเสนอขอมูลที่เปนปญหาที่เกิดข้ึนในชุมชนแหงนั้น แลว จนทําใหประชาชนตระหนักเห็นปญหา และเกิดความเขาใจวาตํารวจมีความต้ังใจ มุงมั่นที่จะ แกป ญหาเพอ่ื ใหป ระชาชนไดรบั ผลประโยชนจากการแกไ ขปองกันปญหาเหลาน้นั ๒) มกี ารสรา งภาคเี ครอื ขา ยทม่ี คี ณุ ภาพ มคี วามหลากหลาย มคี วามเปน ผมู สี ว นไดเ สยี ทุกภาคสวน และมีจํานวนท่ีมากพอโดยมีความสัมพันธท่ีดีตอกันระหวางตํารวจจราจรกับภาคี เหลานนั้ ๓) มีการสอ่ื สารในรปู แบบตางๆ จนสามารถสรา งกระแสทางสงั คมในระดับชุมชน ท่ีตอ งการแกป ญหา จนเปน ที่รบั รกู นั อยางทัว่ ถึง ชดั เจน ๔) มีการส่ือสารใหเห็นวาตํารวจคํานึงถึงความสะดวก ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสนิ ของประชาชนเปน สาํ คัญ และมงุ มัน่ ทาํ เพอ่ื ใหประชาชนในชุมชนปลอดภยั และผาสกุ ๕) ดําเนินการบังคับใชกฎหมายในระดับที่มีความรุนแรงนอยและเพิ่มระดับ ตามพฤติกรรมการกระทําผิด โดยจะตองยึดมั่นในหลักความยุติธรรมในการบังคับใชกฎหมาย และแสดงใหป ระชาชนเหน็ ความโปรงใสในการดาํ เนนิ การเพื่อสรา งศรัทธาและความเช่อื มั่น ท้ังนี้ ควรดําเนินการสื่อสารทางสังคมอยางตอเนื่องโดยเปล่ียนแปลงกลยุทธ ในการสอ่ื สารดวย เพอื่ ดึงดูดความสนใจ สรา งการจดจาํ และการยอมรับ º·ÊÃ»Ø จิตวิทยาสังคมกับการบังคับใชกฎหมายจราจร เปนการท่ีตํารวจจราจรพึงตระหนักวา การทาํ งานของตาํ รวจเปน ปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คมจติ วทิ ยาโดยมเี ปา หมายเพอ่ื เปลย่ี นและสรา งพฤตกิ รรม การใชรถใชถนนของประชาชนใหเปนไปอยางปลอดภัยและเคารพสิทธิในการใชรถใชถนนซึ่งเปนพื้นท่ี สาธารณะรว มกนั
๑๘๗ การปฏิบัตกิ ารทางสงั คมจติ วิทยา มดี ังตอไปนี้ ๑. ทบทวน พัฒนาตนเอง เพ่ือสรางศรัทธาและการยอมรับ โดยใชหลัก “สุภาพบุรุษ จราจร” ๒. เขาใจประวัติศาสตร สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชนที่เก่ียวของกับ การใชร ถใชถ นนอยา งลกึ ซงึ้ เพอ่ื ทาํ ความเขา ใจสาเหตขุ องปญ หากอ นคดิ วางแผนแกไ ขปญ หาไดอ ยา ง ตรงเปา หมาย ๓. ใหความสําคัญกับการจัดเก็บขอมูลท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือนําขอมูลมาใชประโยชน ใหมากทส่ี ุด เรยี กวาเปนการทาํ งานในรปู แบบตาํ รวจมืออาชีพ ๔. แสดงบทบาทของนักส่ือสารมวลชนในทุกรูปแบบ และเปดชองทางการสื่อสาร ที่สามารถเขาถงึ กลุมเปา หมายใหไดมากท่สี ดุ เพือ่ สรางความรู ความประทบั ใจ ความเชือ่ มัน่ ศรทั ธา รว มกันกบั ประชาชน โดยทํางานเปน ทีมในแนวระนาบ และใหเกียรติกบั ทุกๆ ฝา ย อีกทั้งพึงหลีกเล่ยี ง การแสดงภาพเดนเพียงลาํ พงั หรือเฉพาะกลมุ เทา น้ัน เพือ่ ปองกนั การเกดิ กลุมตรงขา ม ๕. เทคนคิ การสอื่ สารจะตอ งทาํ ใหเ หน็ เนอื้ หาสาระของความพยายามอยา งแรงกลา ของ ตาํ รวจที่จะกระทาํ ทกุ วิถีทางในการรกั ษาชวี ติ และทรัพยส นิ ของประชาชนในการใชรถใชถ นน นําเสนอ อยางตอเนื่อง ใชวิธีการส่ือสารที่หลากหลาย เปล่ียนแปลงไปตามบริบทสถานการณเพื่อสราง ความสนใจในการรบั สาร ๖. สรา งดา นในการปะทะกอ นการปะทะกบั ตาํ รวจ โดยการใชพ ลงั มวลชนทม่ี พี ลงั อาํ นาจ ในการปองกันหรือบังคับปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กอนที่จะถึงขั้นการดําเนินการบังคับใชกฎหมายของ ตาํ รวจ ยกตวั ยา งเชน ทมี เจา หนา ทตี่ าํ รวจจราจรของสถานตี าํ รวจแมร มิ จงั หวดั นา น สรา งความสมั พนั ธ อยางเขมแข็งกับภาคีเครือขายทุกภาคสวนโดยเฉพาะอยางย่ิงกลุมผูนําชุมชนซ่ึงเปนผูนําเชิง บารมแี ละใหข อ มลู ใหแ นวทางแลกเปลย่ี นโนม นา วใหผ นู าํ เหลา นเี้ กดิ แรงบนั ดาลใจในการชว ยรกั ษาชวี ติ ของชาวแมร ิมจากอบุ ัตเิ หตทุ างถนน ทาํ ใหผูนํามสี ว นรวมอยา งเขมแข็งในรูปแบบตา งๆ เชน การสรา ง กฎระเบยี บหมบู า นในการปกครองดแู ล บงั คบั ควบคมุ พฤตกิ รรมระหวา งกนั การสอ่ื สารโดยการใชเ สยี ง ตามสายเพอ่ื เตอื นลกู บา น และเยาวชนใหส วมหมวกนริ ภยั “พนี่ อ งทกุ ทา น วนั นจ้ี ะขบั ขร่ี ถมอเตอรไ ซค อยาลืมใสหมวกกันน็อกดวย หากทานไมใสนอกจากจะเปนการปองกันอันตรายแลว ยังจะถูกตํารวจ จับดวย ตํารวจแจง มาวา ต้ังแตน ี้จะจบั จรงิ แลว ปรับ ๕๐๐ บาท และไมสามารถชว ยไดด ว ย จึงขอเตอื น พีน่ อ งไว อยา ลืมสวมหมวกกันน็อกดวย” การกระทาํ ดงั กลา วจะเปน การลดแรงกดดนั ลดการตอ ตา นและสรา งการยอมรบั การบงั คบั ใชก ฎหมายโดยประชาชนยังมีทัศนคตทิ ่ดี ตี อ ตํารวจดว ย
๑๘๘ õ.ò ·¡Ñ ÉÐ㹡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒ การบังคับใชก ฎหมายจราจร หมายถงึ การบังคับใหผใู ชรถใชถ นนไดป ฏิบัติตามกฎหมาย ขอบังคับเกี่ยวกับการจราจร การขนสงทางบก เพื่อความเปนระเบียบเรียบรอยของสังคม และเพ่ือ เปน การสรา งวนิ ยั ในการขบั ขใ่ี หแ กป ระชาชนผใู ชร ถใชถ นน การบงั คบั ใชก ฎหมายจราจร เปน มาตรการ ทสี่ าํ คญั มาตรการหนง่ึ ในการแกไ ขปญ หาจราจร ซงึ่ การบงั คบั ดว ยกฎหมายใหผ ใู ชร ถใชถ นนตอ งปฏบิ ตั ิ ตามกฎหมายจราจร เพอ่ื ใหเ กดิ ความเรยี บรอ ยในสงั คม โดยมจี ดุ ประสงคเ พอื่ ทจ่ี ะเปน การขม ขมู ากกวา จะเปน การแกแ คน ผกู ระทาํ ความผดิ กฎหมายจราจรทอี่ อกมาใชบ งั คบั กเ็ พอื่ ความสะดวกและปลอดภยั ของผูใชรถใชถนน วิธีการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีประสิทธิภาพ ก็โดยผานการดําเนินการ ตามกระบวนการยตุ ธิ รรม ซงึ่ หมายความวา หนว ยงานในกระบวนการยตุ ธิ รรม คอื ตาํ รวจ อยั การ ศาล และราชทัณฑ จะตองประสานกันในการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว เสมอภาค และมีโทษท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะทําใหกฎหมายมีผลใชบังคับในการขมขูยับยั้งใหคนเกิด ความเกรงกลัวและไมกลา ท่ีจะกระทาํ ผิด ความแนน อน รวดเร็ว เสมอภาค และการมโี ทษทเ่ี หมาะสม สาํ หรับการบงั คับใชกฎหมายแยกออกพจิ ารณา ดงั น้ี ๒.๑ การบังคบั ใชก ฎหมายตอ งมีความแนนอน การทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามแนน อน หมายความวา จะตอ งทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ มคี วามรสู ึกวามโี อกาสทจ่ี ะถูกจับกมุ และถกู ลงโทษ เมอ่ื มกี ารกระทําความผดิ หากเมอื่ มกี าร กระทําความผิดเกิดข้ึนมาแลว ผูกระทําความผิดสามารถหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม และการถูกลงโทษ ไปไดแ ลว ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะคดิ วา มโี อกาสทจ่ี ะหลดุ รอดจากการถกู จบั กมุ ไปได และคมุ คา ทจี่ ะเสย่ี งตอ การกระทาํ ความผดิ เนอ่ื งจากมโี อกาสทจี่ ะไดร บั ประโยชนจ ากการกระทาํ ความผดิ แตผ ลเสียไมมี หรือมีโอกาสท่ีจะไดร ับผลเสยี นอยมาก ๒.๒ การบังคบั ใชกฎหมายตอ งมีความรวดเรว็ การทจี่ ะทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากจะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามแนน อนแลว ยงั จะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามรวดเรว็ ดว ย ทวี่ า การบงั คบั ใชกฎหมายมีความรวดเร็ว หมายความวา หลังจากท่ีมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลว จะตองมีการ จับกุมลงโทษผูกระทําความผิดใหไดอยางรวดเร็ว เพ่ือใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวไมกลา กระทาํ ความผดิ อกี ซง่ึ ตา งกบั กรณที มี่ กี ารกระทาํ ความผดิ เกดิ ขน้ึ แตส ามารถจบั กมุ ไดเ มอ่ื เวลาทลี่ ว งเลย มา ๓-๔ ป แลว ผลในการขม ขูย บั ยงั้ จะลดลง เพราะคนโดยทว่ั ไปจะมองไมเ หน็ ตวั อยางหรอื ผลรา ย ท่ีไดรับจากการกระทําความผิด เชน มีคดีฆาตกรรมอยางโหดเห้ียม เปนขาวตามหนาหนังสือพิมพ แตไ มส ามารถจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษไดอ ยา งรวดเรว็ หรอื จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ไดเ มอื่ ระยะ เวลาไดผ า นไปแลว ๒-๓ ป ประชาชนกจ็ ะลมื เหตกุ ารณด งั กลา ว หรอื กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ไดอ ยา งรวดเรว็ แตก ารพจิ ารณาคดเี ปน ไปอยา งลา ชา ใชเ วลา ๒-๓ ป แมผ กู ระทาํ ความผดิ จะถกู ลงโทษ แตป ระชาชนกอ็ าจ จะลมื เลอื นเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ ไปแลว เชน นจ้ี ะทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยงั้ ของการบงั คบั ใชก ฎหมายลดลง
๑๘๙ ดงั นั้น เพ่ือจะทําใหวัตถุประสงคของการบังคบั ใชก ฎหมาย อันเปนการขม ขูยบั ย้ัง เปนไปอยางมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน กระบวนการยุติธรรมของไทย จึงตองตอบสนองตอการเรง การดําเนินการเก่ียวกับคดีสําคัญๆ ที่เปนท่ีสะเทือนขวัญประชาชน และท่ีประชาชนใหความสนใจ โดยเม่ือตํารวจสามารถจับกุมผูกระทําผิดไดอยางรวดเร็วภายในเวลาไมก่ีวัน ก็สามารถเรงทําสํานวน สงพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟองตอศาล ศาลก็จะไดเรงการพิจารณาและตัดสินดวยความรวดเร็ว โดยใชเ วลาเพยี ง ๑๕ วนั นบั แตจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ได เปน ตน ซงึ่ ยอ มจะทาํ ใหป ระชาชนไดเ หน็ ผล ของโทษทผ่ี กู ระทาํ ความผดิ ไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ และทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ เพม่ิ มากขน้ึ ๒.๓ การบงั คับใชกฎหมายตองยดึ หลกั เสมอภาค การบงั คบั ใชก ฎหมายตอ งยดึ หลกั ความเสมอภาค กลา วคอื จะตอ งบงั คบั ใชก ฎหมาย กับบคุ คลทกุ คนโดยไมมีการเลือกปฏบิ ตั ิ แตจะตองมกี ารปฏิบัติดว ยความเทาเทยี มกัน โดยไมคํานงึ ถงึ ความแตกตา งในเรอื่ ง ฐานะ อํานาจ ตําแหนง ศาสนา เช้ือชาติ สีผิว และอน่ื ๆ มิฉะน้ันจะทาํ ใหการ บงั คับใชกฎหมายไมมผี ลในการขม ขู ยับย้งั หรอื ทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยั้งลดลง การบังคับใชกฎหมายที่ไมเทาเทียมกัน จะมีผลทําใหผลในการขมขู ยับยั้งลดลง น้ันเน่ืองมาจากผูท่ีคิดวาตนมีอภิสิทธิ์ หรือจะเปนผูท่ีมีสิทธิไดรับการยกเวนในการถูกจับกุมลงโทษ และจะไมเกรงกลัวตอการกระทําความผิด เพราะคิดวา เมื่อทําความผิดแลวจะสามารถหลุดรอด หรอื ไดร บั การละเวน ในการบงั คบั ใชก ฎหมายได นอกจากนก้ี ารบงั คบั ใชก ฎหมายทไี่ มเ ทา เทยี มกนั ยงั เปน การ เปด ชองทางใหม ขี อยกเวน หรือขอ แกต วั ในการหลบหนจี ากการดําเนนิ คดีลงโทษได ซ่งึ จะมผี ลตามมา ก็คือ ทําใหคนไมเกรงกลัวการบังคับใชกฎหมาย ด่ังคํากลาวท่ีวา “บุคคลทุกคนมีสิทธิเทาเทียมกัน ภายใตกฎหมาย ดังนั้นไมวาผูใดกระทําความผิดในลักษณะเดียวกัน จะตองไดรับโทษเชนเดียวกัน” หรอื กลา วอกี นยั หนง่ึ การบงั คบั ใชก ฎหมายและการลงโทษ จะตอ งกระทาํ อยา งเสมอภาค และเทา เทยี มกนั โดยคาํ นงึ ถึง “การกระทําความผดิ ” มใิ ช “ผูกระทาํ ความผดิ ” ๒.๔ การบังคับใชกฎหมายจะตอ งมบี ทลงโทษทีเ่ หมาะสม ปจจัยที่สําคัญประการหน่ึงท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีผลในการขมขูหรือ ยบั ยงั้ หรอื ไมน น้ั อยทู บ่ี ทโทษ ถา บทลงโทษไมร นุ แรงหรอื มบี ทลงโทษทเี่ บา กจ็ ะทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ และคนทว่ั ไปไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะผลประโยชนท จ่ี ะไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ จะมมี ากกวา ผลรา ยทไ่ี ดร บั จากการถกู ลงโทษ ถอื ไดว า เปน สง่ิ ทคี่ มุ คา ตอ การเสย่ี ง “การลงโทษจะตอ งใหเ ปน อตั ราสว น กบั การกระทาํ ความผดิ ” กลาวคือ โทษท่จี ะลงนั้น จะตองมากพอทจ่ี ะทาํ ใหผ กู ระทําความผดิ เกิดความ รสู กึ เกรงกลวั และสญู เสยี เกนิ กวา ประโยชนท ไ่ี ดร บั จากการกระทาํ ความผดิ ดงั นนั้ การทจี่ ะทาํ ใหก ารบงั คบั ใชกฎหมายมีผลทําใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวจะตองมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับความผิด คําวา “เหมาะสม” หมายความวา โทษที่จะลงจะตองไมเบาจนเกินไป และไมหนักจนเกินไป เพราะหากการบงั คบั ใชก ฎหมายมบี ทลงโทษทหี่ นกั เกนิ ความเหมาะสม จะกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ๓ ประการ คือ (จรุ ีรตั น ประยูรฉตั รพันธ, ๒๕๓๙: ๕๓-๕๔)
๑๙๐ ๑) ทําใหผูเสียหายหรือเหย่ือไดรับผลรายจากการกระทําความผิดรุนแรงมากขึ้น ทั้งน้ีเพราะผูกระทําความผิดจะพยายามปกปดการกระทําความผิดของตน มิใหมีผูลวงรูหรือมีพยาน รเู หน็ เชน ในกรณคี วามผดิ ทมี่ โี ทษประหารชวี ติ สาํ หรบั คดขี ม ขนื ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ พยี งแตข ม ขนื อยางเดียว แตจ ะฆา เหย่อื เพอ่ื ปกปดความผดิ ของตนเองดว ย เพราะถึงอยา งไรการกระทําผดิ แตเพยี ง การขมขืน ก็จะตองถูกลงโทษประหารชีวิตอยูแลว การฆาเหยื่ออาจทําใหตนเองหลุดรอดจากการถูก ลงโทษได เปน ตน ๒) ทําใหผูกระทําความผิดมีโอกาสหลุดรอดจากการดําเนินคดีตามกระบวนการ ยุติธรรมไดมากข้ึน เพราะย่ิงมีโทษรุนแรงมากข้ึนเทาไร ก็ตองมีพยานหลักฐานท่ีเพียงพอและม่ันคง ในการทจี่ ะลงโทษจาํ เลยมากขน้ึ เทา นน้ั หากพยานหลกั ฐานไมเ พยี งพอ กจ็ ะทาํ ใหจ าํ เลยมโี อกาสหลดุ รอด จากการถกู พพิ ากษาลงโทษได เพราะศาลจะถอื คติ “ปลอ ยคนผดิ สบิ คน ดกี วา เอาคนบรสิ ทุ ธมิ์ าลงโทษ เพยี งคนเดยี ว” ดงั นนั้ ถา ไมม พี ยานหลกั ฐานทเ่ี พยี งพอและมนี า้ํ หนกั จรงิ ๆ กจ็ ะเปด โอกาสใหผ กู ระทาํ ความผิดหลุดรอดไปได และย่ิงโทษหนักเทาใดก็ยิ่งตองการพยานหลักฐานมากขึ้น และย่ิงมีโอกาส หลุดรอดมากขนึ้ ๓) จะทาํ ใหเกดิ การกล่นั แกลง โดยการโยนความผิดใหผ ูอ่นื เพ่อื ใหผูอื่นไดร บั โทษ แทนการกระทําความผิดของตนเอง เชน ในบางประเทศ การพกอาวุธปนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต ดงั นนั้ หากตอ งการเอาชวี ติ ของผอู น่ื ก็เพยี งการกล่ันแกลงใหบุคคลนัน้ มอี าวุธอยใู นความครอบครอง เทา นัน้ ดังนั้น การมีบทลงโทษท่ีหนักเกินไป ก็จะเกิดผลเสียซึ่งเปนผลกระทบทําให การบังคับใชกฎหมายดอยประสิทธิภาพลง ในขณะเดียวกัน การมีบทลงโทษท่ีเบาเกินไปก็จะทําให การบังคับใชกฎหมายไมมีผลในการขมขูและยับย้ัง ดังน้ันการบังคับใชกฎหมายจะใหมีผลในการขมขู ยับยง้ั และมีประสิทธิภาพ จะตองมีบทลงโทษท่เี หมาะสม ในขณะเดยี วกันการบงั คับใชก ฎหมายตองมี ความรวดเรว็ แนน อน และเสมอภาค ประกอบดว ย การมโี ทษรนุ แรงแตเ พยี งอยา งเดยี วไมอ าจมผี ลในการ ขมขู ยับยง้ั หากไมส ามารถจับกมุ และนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษได แตก ารจะทําใหมีการบังคบั ใชก ฎหมายมปี ระสิทธิภาพ กระบวนการยตุ ธิ รรมจะตองมบี ทบาทอยางมาก ในการทาํ ใหการบงั คบั ใช กฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว เสมอภาค และเหมาะสม สําหรับการบังคับใชกฎหมายจราจรในประเทศไทย มีเจาหนาที่ตํารวจและ เจาหนาท่ีของกรมการขนสงทางบก เปนผูมีอํานาจบังคับใชกฎหมายท่ีเก่ียวของกับการจราจร โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งหามาตรการกวดขนั มใิ หม กี ารฝา ฝน กฎจราจรและรกั ษากฎหมายใหศ กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ โดยนาํ กฎหมายทม่ี อี ยแู ลว มาปฏบิ ตั อิ ยา งจรงิ จงั และใหเ ครง ครดั ยงิ่ ขนึ้ ดว ยความซอื่ สตั ยแ ละซอ่ื ตรงตอ หนา ทขี่ องตนเอง และจะตอ งไมม กี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยใหม กี ารละเมดิ ตอ กฎหมายจราจร เพราะหาก มกี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยแลว อาจจะทาํ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตแุ ละยงั ความเสยี หายใหแ กช วี ติ และทรพั ยส นิ ได และนอกจากน้ีอาจจะทําใหเกิดปญหาการจราจร โดยจุดมุงหมายสําคัญของการบังคับใชกฎหมาย
๑๙๑ จราจร กเ็ พือ่ เปนการขมขู ยับยงั้ ผลู ะเมดิ หรอื ผมู แี นวโนมวาจะละเมิดตอ กฎหมาย กฎ หรือระเบยี บ ท่ีเก่ียวกับการจราจร ในขณะเดียวกันการบังคับใชกฎหมายจราจรที่เหมาะสมนั้น มิใชเพียงเพื่อทําให ผูละเมิดไดเรียนรูท่ีจะหลีกเล่ียงพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย หรือลดพฤติกรรมท่ีเห็นแกประโยชน สวนตน ในการใชรถใชถนน โดยไมคํานึงถึงบุคคลอื่น แตวัตถุประสงคของการควบคุมการจราจร โดยทวั่ ไป กเ็ พอื่ ความปลอดภยั และเปน ระเบยี บเรยี บรอ ยของผใู ชร ถใชถ นน ตลอดจนเพอื่ ใหก ารจราจร มีความคลอ งตัวสามารถเคลอ่ื นไหวไดโดยไมติดขัด õ.ó ÂØ·¸Ç¸Ô ãÕ ¹¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¼Œ¡Ù ÃÐทํา¼´Ô ¡®¨ÃÒ¨Ãã¹Å¡Ñ ɳÐμÒ‹ §æ “¡®¨ÃҨà ¤Í× ¡®á˧‹ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ” เมื่อทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรอยางเครงครัดจะทําใหการจราจรบนทองถนน ไมต ดิ ขดั และตรงกนั ขา ม หากมบี างคนไมป ฏบิ ตั ติ ามกฎจราจรกจ็ ะทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรตดิ ขดั ขน้ึ ได นอกจากน้ีท่ีสําคัญอยางย่ิง คือ การปฏิบัติตามกฎจราจรจะเปนการปองกันอุบัติเหตุท่ีจะนํามาซ่ึง ความสูญเสียชีวิต รางกาย และทรัพยสินของประชาชนและประเทศชาติ ในปจจุบันน้ียังมีผูฝาฝน กฎหมายจราจรเปน จาํ นวนมาก และเปน สาเหตใุ หเ กดิ อบุ ตั เิ หตอุ ยเู สมอๆ ดงั จะเหน็ ไดจ ากขา วอบุ ตั เิ หตุ ตามถนนสายตางๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและตางจังหวัด ดังนั้น เจาหนาที่ตํารวจเมื่อออกปฏิบัติ หนาที่ควรตระหนักวากําลังชวยลดและปองกันการเสียชีวิตและบาดเจ็บใหกับประชาชน และระหวาง การออกตรวจทกุ ครัง้ เจาหนาทตี่ ํารวจควรจะสอดแทรกขอ มลู ใหค าํ แนะนาํ ตอผูข บั ขที่ ุกครั้ง การเพม่ิ ความปลอดภยั ทางถนนนน้ั ควรจะใชก ารแกไ ขทางจติ วทิ ยา (Psychological correct) ตอ ผกู ระทาํ ผดิ ดว ย โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจอาจใหค าํ แนะนาํ ตอ ผขู บั ขที่ ขี่ าดความรหู รอื ประพฤตไิ มเ หมาะสม สาระสาํ คญั ทส่ี ดุ ของกฎจราจรนน้ั อยทู เี่ จา หนา ทต่ี าํ รวจเขา ถงึ ผขู บั ขแ่ี ตล ะคน (Individual) ดว ยการใหข อ มลู หรอื แนะนาํ เม่ือมีโอกาสเพ่ือใหเขาใจกฎจราจรมากกวาเนนปริมาณการจับกุม เจาหนาท่ีตํารวจควรปฏิบัติงาน อยา งหนักแนน แตยุตธิ รรม (Firm but Fair) ตลอดเวลา โดยเคารพตอสทิ ธิของประชาชน ตองสภุ าพ ไมหยาบคาย หรือแสดงความไมเคารพตอผูใชถนน หรือแมแตผูใชถนนจะแสดงความหยาบคาย ไมสุภาพ หรือแสดงความไมเคารพตอเจาหนาท่ีตํารวจ ก็ไมควรท่ีจะกระทําเชนนั้นตอบกลับไป เจา หนาทต่ี ํารวจทุกคนควรจดจาํ ไววาไดถูกฝกฝนมาเพอื่ เปนผสู งบ ใจเยน็ และเกงกลา ในยามฉกุ เฉิน หรอื ยามท่ตี องตอสูกับเหตุรา ย สามารถควบคมุ อารมณจ ากการดูถกู การทาทาย ย่ัวยุ และเหตกุ ารณ เลวรา ย ๆ ได การเปนตัวอยา งทด่ี ีเปนส่งิ ทส่ี าํ คัญมาก โดยเฉพาะเจา หนาทต่ี าํ รวจและตาํ รวจจราจร ซ่ึงเปนตัวอยางท่ีถูกสนใจ ถูกวิพากษวิจารณอยางมาก เจาหนาท่ีตํารวจคนหนึ่งจะตองยอมลําบาก เพื่อจะเปนตัวอยางของพฤติกรรมที่ดี รถยนตที่เจาหนาที่ตํารวจใชโดยเฉพาะรถท่ีมีสัญลักษณตํารวจ จําเปนจะตองมีการขับข่ีใหเปนตัวอยางท่ีดีตามแบบแผนท่ีกําหนดไว ถาเจาหนาท่ีตํารวจเปนผูฝาฝน กฎหมายแลว เจา หนาท่ีตาํ รวจจะไปชักชวนใหประชาชนปฏบิ ัติตามกฎหมายไดอ ยา งไร
๑๙๒ ñ) ÂØ·¸ÇÔ¸Õ¡ÒÃμÃǨμÃҨѺ¡ØÁ¤ÇÒÁ¼Ô´¡®¨ÃҨà ในการเตรียมแนวทางปฏิบัติ ในการตรวจตราจับกุมความผิดกฎจราจร การจัดการของเจาหนาที่ตํารวจในเร่ืองดังกลาวจําเปน ตองใชยุทธวิธี (tactics) มาดําเนินการ การวางแผนดําเนินการเก่ียวกับการตรวจตราจับกุมจะตอง ดําเนินการในเชิงบวก (Positive) ที่ถูกกําหนดโดยมีปจจัยของเวลา (time) โครงการ (Projects) จะตอ งกาํ กบั อยา งแนน อนตายตวั ซงึ่ เมอื่ มแี ผนหรอื การดาํ เนนิ การเสรจ็ แลว กจ็ ะตอ งมกี ารประเมนิ ผล (Evaluate) ตามมา โดยแผนตาง ๆ ท่ีจะดําเนินการควร¨ÐμŒÍ§ÁÕ¢ŒÍÁÙÅ¢ŒÍà·ç¨¨ÃԧʹѺʹعจึงจะ ดาํ เนินการได แผนประเภทตา ง ๆ ทเ่ี จาหนา ทีต่ ํารวจสามารถนํามาใช ดงั ตวั อยางตอไปน้ี ๑.๑) แผนกวดขันตรวจตราจับกุม (Intensive Surveillance) การตรวจตรา จับกุม โดยมุงจุดสนใจไปที่ถนนเสนใดเสนหน่ึง ในระยะเวลาหนึ่งเวลาใดเปนส่ิงที่สําคัญมาก เชน ในระยะเวลา ๑-๒ เดอื นทมี่ กี ารกวดขนั จะมกี ารสง เจา หนา ทตี่ าํ รวจออกตรวจ โดยปรากฏตวั ตอ ประชาชน อยา งคึกคักเขมแข็งในการออกตรวจจบั ความผดิ อาทิ การขบั รถเร็วเปนหลัก เปนตน เมื่อจะมีการเลือกถนนที่จะทําการตรวจจับน้ัน ควรจะเลือกถนนท่ีมีความ จาํ เปน สงู ทสี่ ดุ ในชอ งจราจรทจี่ าํ เปน ทส่ี ดุ ใหไ ดเ ปน สง่ิ สาํ คญั มาก นอกจากนี้ ระยะเวลาซงึ่ มกี ารจราจร หนาแนน มากทสี่ ดุ กเ็ ปน สง่ิ สาํ คญั ทตี่ อ งตรวจสอบ เพราะจาํ เปน จะตอ งใชเ ปน ขอ มลู ประกอบการทาํ งาน รวมไปถึงการเคล่ือนยายจุดตรวจไปยังสถานที่แตกตางกัน ไมใชจุดเดิมที่จําเจก็จําเปนดวย ภายหลัง จากการกวดขันจับกุมอยางหนักแลว จะปรากฏวาพฤติกรรมการขับขี่ของประชาชนในถนนยานนั้น ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอยางมากดวย แตเมื่อเลิกการกวดขันตรวจจับท่ีจุดใดไปแลวก็ไมควรจะเลิกรา ไปอยางถาวร เพราะยังจําเปนที่จะตองกลับมาตรวจจับอีก เชน ทุก ๑ เดือนจะกลับมา ๒ ครั้ง เพื่อทจ่ี ะสรางการจดจําแกประชาชนในยา นน้ันใหรสู ึกวาเจาหนาทตี่ าํ รวจทํางานอยางสมา่ํ เสมอ การกวดขนั จบั กมุ เฉพาะแหง ทสี่ าํ คญั อกี ประการหนงึ่ ไดแ ก การตรวจจบั ผขู บั รถ ดวยความเร็วสูงบริเวณโรงเรียนในชวงเปดเทอม ยุทธวิธีดําเนินการก็คือ การออกตรวจจับปรากฏตัว เจา หนา ทตี่ ามบรเิ วณหนา โรงเรยี นตา ง ๆ ใหม ากทส่ี ดุ เทา ทจ่ี ะทาํ ได ในชว งเปด เทอม ระยะแรกประมาณ ๑-๒ สปั ดาหแ รก เพอ่ื เปน การเตอื นผขู บั ขเ่ี กย่ี วกบั ความปลอดภยั ภายหลงั จากทโี่ รงเรยี นหยดุ ปด เทอม ไปเปน เวลานาน การดาํ เนินการทง้ั หลายทใ่ี ชทรพั ยากรตา ง ๆ ไป วิธีการท่ีใชแตละวิธีและเวลา ทํางานที่เสียไป จะตองมีการจดบันทึกเปนหลักฐานเอกสารท้ังส้ินเพ่ือผลในอนาคต ทั้งน้ี รวมถึง การบนั ทกึ เกย่ี วกบั การใชใ บสง่ั ขณะกวดขนั และจาํ นวนอบุ ตั เิ หตเุ ฉลย่ี ทลี่ ดลงไปในชว งทด่ี าํ เนนิ การดว ย ๑.๒) การตรวจตราจบั กมุ แบบเฉพาะเรอื่ ง (Specialized Surveillance) ในบาง กรณกี ารตรวจตราจบั กมุ กค็ วรทจ่ี ะมงุ ไปทกี่ ารตรวจจบั แกป ญ หาทลี ะเรอื่ งในครงั้ ๆ หนง่ึ ซง่ึ อาจจะเปน วิธีทีม่ ปี ระสิทธิภาพมากกวาตรวจจับพรอม ๆ กนั หลาย ๆ เรื่อง อาทิ • ผูฝา ฝน สัญญาณไฟ • การขบั รถเร็ว
๑๙๓ • ไมย อมใหผ ขู ามถนนไปกอ น • การแซงรถผิดกฎหมาย • การควบคมุ รถพวงทา ยรถบรรทุก • ผูขบั ข่ีมนึ เมาสรุ า ʶҹ·ÕèáÅÐàÇÅÒ㹡ÒèѴàÇÃÍÍ¡μÃǨμÃҨѺ¡ÁØ ในทางทฤษฎี การออกตรวจตราจบั กมุ ควรจะดาํ เนนิ การทกุ เสน ทางของ ถนนทั่วเขตพ้ืนท่ีจังหวัดหรือเมือง โดยสับเปล่ียนชั่วโมงท่ีออกทํางานกันไปทั้งกลางวันและกลางคืน แตอ ยา งไรกต็ าม สว นทส่ี าํ คญั และควรมากอ น คอื ถนนหรอื พนื้ ทซี่ ง่ึ มคี วามตอ งการใหเ จา หนา ทตี่ าํ รวจ ออกตรวจตราจับกุมมากท่ีสุด และดําเนินการในชวงเวลาที่มีการจราจรมากท่ีสุด หรือตองการคน มาตรวจจับท่ีสุด เมื่อจําเปนตองมีการประเมินความจําเปนที่จะตองตรวจจับ ควรท่ีจะพิจารณาออก ตรวจจบั บนถนนทม่ี กี ารจราจรหนาแนน ในหลายชว งเวลา หรอื เลอื กถนนทม่ี อี บุ ตั เิ หตจุ ราจรในชว งเวลา และสถานท่เี ดิม ๆ อยเู สมอ นอกจากนี้ ยงั จะตอ งระมดั ระวังเตรยี มวางแผนทีจ่ ะแกไข หากเสนกราฟ อตั ราอบุ ตั ิเหตเุ ริ่มตกี ลับมจี าํ นวนอบุ ัติเหตสุ งู ขึน้ มาอีก ¡ÒÃÂÍÁã˽Œ †Ò½„¹à»š¹Èٹ (Zero Tolerance) ภารกจิ ดา นความปลอดภยั บนทอ งถนน (Road Safety) จาํ เปน อยา งมาก ทเ่ี จา หนา ทจ่ี ะตอ งชนี้ าํ หรอื สง สญั ญาณ (Signals) หลายประเภทใหป ระชาชนไดร บั รสู ญั ญาณดงั กลา ว ไดแ ก • หามทําแบบน้นั (Don’t do that) • ทาํ ไดแบบนี้ (Do like this) เม่ือใดท่ีเจาหนาที่เห็นผูกระทําผิดขึ้น เขาจะตองรีบเขามาจัดการ โดยไมนั่งเฉย การจัดการน้ันอาจจะเปนการตักเตือนถึงขั้นออกใบสั่งก็ตาม แตส่ิงท่ีสําคัญก็คือ เจาหนาที่ไดมีการดําเนินการตอบโตข้ึนมาทันควัน เมื่อกําลังมีอะไรเกิดขึ้นตอหนา และเจาหนาท่ี ตํารวจเองก็จะตองเปนตัวอยางที่ดี (Good Examples) ในดานการจราจรอยูเสมอดวย ไดแก การใชเข็มขัดนิรภัย การขับรถโดยอัตราความเร็วตามท่ีกฎหมายกําหนด ฯลฯ เพราะถาหาก เจา หนาที่ตาํ รวจไมปฏิบัตติ ามกฎหมายแลว ทําไมประชาชนจะตอ งปฏบิ ตั ดิ ว ย ส่ิงสาํ คญั ที่สดุ คอื ผบู งั คบั บญั ชาระดับสูงจะตองปฏบิ ัติตามกฎและเปน ตัวอยางที่ดีตอผูอื่นดวย มิฉะนั้นก็จะเปนไปไมไดท่ีจะประสบความสําเร็จในการบังคับใหผูอ่ืนปฏิบัติ ถูกตอง ถาเจาหนาท่ีตํารวจเพิกเฉยที่จะเขาไปเก่ียวของหรือจัดการเม่ือมีการกระทําผิด ส่ิงน้ีเปนการ สงสญั ญาณใหทราบวา • กฎหมายไมม ีความสําคญั • เจาหนาทต่ี าํ รวจไมมคี วามสนใจ • เจา หนา ท่ตี าํ รวจไมมีความรู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260