Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 34_จราจร

34_จราจร

Published by bird.tent2626, 2020-04-20 04:21:04

Description: 34_จราจร

Search

Read the Text Version

๑๔๔ ๑.๓ การจดั ตง้ั จดุ สกดั จะตงั้ ไดเ ฉพาะกรณที มี่ เี หตกุ ารณฉ กุ เฉนิ หรอื จาํ เปน เรง ดว น เกดิ ขน้ึ และจะตอ งไดร บั อนมุ ตั จิ ากผบู งั คบั บญั ชาตง้ั แตร ะดบั หวั หนา สถานตี าํ รวจ หรอื ผรู กั ษาการแทน ขน้ึ ไป โดยมีกําหนดระยะเวลาเทา ท่มี เี หตกุ ารณฉุกเฉินหรอื จําเปนเรงดว นดังกลา วยงั คงมีอยูเทานน้ั ๒. การปฏิบัติ ๒.๑ การปฏบิ ตั หิ นา ที่ ณ ดา นตรวจ จดุ ตรวจหรอื จดุ สกดั จะตอ งมนี ายตาํ รวจระดบั ชัน้ สัญญาบัตรเปนหัวหนา และจะตองแตง เครอ่ื งแบบในการปฏิบัติหนาทด่ี ังกลา ว ๒.๒ การปฏบิ ตั ใิ นการตรวจคน จบั กมุ ตอ งปฏบิ ตั ติ ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญา และประมวลระเบยี บการตํารวจเกย่ี วกับคดี วา ดวยการนัน้ โดยเครงครดั ๒.๓ ที่ดานตรวจหรือจุดตรวจ ตองมีแผงก้ันท่ีมีเคร่ืองหมายการจราจรวา “หยุด” โดยใหเปนไปตามมาตรฐานท่ีดานตรวจหรือจุดตรวจ จะตองมีในการติดตั้งปายและเครื่องหมาย การจราจร และในเวลากลางคนื จะตอ งใหม แี สงไฟสอ งสวา งใหม องเหน็ ไดอ ยา งชดั เจนในระยะไมน อ ยกวา ๑๕๐ เมตร กอ นถงึ จดุ ตรวจ และใหม แี ผน ปา ยแสดงยศ ชอ่ื นามสกลุ และตาํ แหนง ของหวั หนา เจา หนา ที่ ตํารวจที่ประจําดานตรวจและจุดตรวจดังกลาว นอกจากนั้นใหมีแผนปายแสดงขอความวา “หากพบ เจา หนา ทท่ี จุ รติ หรอื ประพฤตมิ ชิ อบใหแ จง ผบู งั คบั การ โทร. ................” (ใหใ สห มายเลขโทรศพั ทข อง ผบู ังคบั การไว ขอความดงั กลา วขา งตน ใหม องเห็นไดช ัดเจนในระยะไมนอยกวา ๑๕ เมตร ๒.๔ การต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัด ใหทุกหนวยประสานการปฏิบัติระหวางหนวย ใกลเคียงใหชัดเจน โดยเฉพาะอยางย่ิงหนวยที่มีเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบติดตอกัน โดยมิใหเกิดการตั้ง จุดตรวจ หรือจุดสกดั ซาํ้ ซอ นอนั เปนเหตใุ หเกิดความเดอื ดรอนแกประชาชนผสู ัญจรไปมาเปนอนั ขาด ๓. การควบคุมและตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ ๓.๑ เมอ่ื เจา หนา ทตี่ าํ รวจเรม่ิ ตน หรอื เลกิ ปฏบิ ตั หิ นา ทปี่ ระจาํ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ใหรายงานทางวิทยุ ใหผูบังคับบัญชาผูส่ังอนุมัติใหต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัดดังกลาวทราบ และเม่ือ เสรจ็ สน้ิ การปฏบิ ตั แิ ลว ใหห วั หนา เจา หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ดงั กลา ว รายงานผลการ ปฏบิ ตั เิ ปน ลายลกั ษณอ กั ษรเสนอผบู งั คบั บญั ชาตามลาํ ดบั ชน้ั จนถงึ ผสู ง่ั อนมุ ตั ภิ ายในวนั ถดั ไปเปน อยา งชา ๓.๒ ใหผ บู งั คบั บญั ชาตงั้ แตร ะดบั สารวตั รขน้ึ ไป ผลดั เปลยี่ นหมนุ เวยี นกนั ออกตรวจการ ปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องเจา หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ ดา นตรวจ จดุ ตรวจ หรอื จดุ สกดั ทม่ี อี ยใู นเขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบ ๓.๓ ใหถือวาเปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาตาม ๓.๒ ที่จะตองเอาใจใสกวดขัน ดูแลการปฏิบตั ขิ องเจาหนา ท่ีตาํ รวจผใู ตบ งั คบั บัญชาของตน มิใหฉวยโอกาสขณะปฏบิ ัติหนาท่ปี ระจํา ดานตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัด เรียกหรือรับผลประโยชนจากผูใชรถที่กระทําผิดกฎหมาย หรือ ไปดาํ เนินการจัดตง้ั จุดตรวจ หรือจุดสกดั ในเขตเดนิ รถหรือทางหลวง โดยมไิ ดร ับคําส่งั จากผมู อี ํานาจ เพอื่ แสวงหาผลประโยชนโ ดยมชิ อบ และหากตรวจพบวา เจา หนา ทต่ี าํ รวจผใู ดประพฤตมิ ชิ อบในลกั ษณะ ดังกลาว ก็ใหรีบพิจารณาดําเนินการกับเจาหนาท่ีผูน้ันไปตามอํานาจหนาท่ี ทั้งทางคดีอาญาและคดี วินัย แลวรายงานใหผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ันจนถึง ตร. ทราบโดยมิชักชา โดยรายงานดังกลาว ใหระบุ ยศ นาม ตําแหนงของขาราชการตํารวจผูกระทําผิด พรอมกับรายละเอียดเก่ียวกับลักษณะ และพฤตกิ ารณแหงการกระทาํ ความผิดใหละเอียดชดั เจน

๑๔๕ ๓.๔ หากปรากฏวา ผูบงั คับบญั ชาในระดบั ตัง้ แตกองบงั คับการหรอื เทียบเทา ขน้ึ ไป หรอื ตาํ รวจอน่ื สบื สวนขอ เทจ็ จรงิ จนปรากฏชดั เจน หรอื ตรวจตราพบวา มเี จา หนา ทต่ี าํ รวจ ณ ดา นตรวจ จุดตรวจ หรือจุดสกัดท่ีใด มีพฤติการณมิชอบดังกลาว ตาม ๓.๓ หรือจับกุมตัวได โดยลักษณะของ พฤตกิ ารณเ ปน การกระทาํ รว มหลายคน และหรอื เปน ระยะเวลาตอ เนอ่ื งกนั หลายวนั ใหผ บู งั คบั บญั ชา พจิ ารณาทณั ฑท างวนิ ยั แกผ บู งั คบั บญั ชาทใี่ กลช ดิ ของเจา หนา ทตี่ าํ รวจทกี่ ระทาํ ผดิ ดงั กลา วฐานบกพรอ ง ละเลยไมเอาใจใสด แู ลผใู ตบังคับบัญชาของตนอกี สว นหนึง่ ดว ย ๓.๕ ใหผ บู ญั ชาการตาํ รวจสอบสวนกลาง ผบู ญั ชาการตาํ รวจนครบาล ผบู ญั ชาการ ตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙ ผูบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน และจเรตํารวจติดตามผลการปฏิบัติ และรายงานผลการปฏิบัติใหสํานักงานตํารวจแหงชาติ ทราบภายในวันที่ ๗ ของแตละเดือน ในรายงานใหป รากฏดว ยวา ไดม อบหมายใหต รวจตดิ ตาม และมผี ลการปฏบิ ตั เิ ปน อยา งไร ทง้ั นใี้ หป ฏบิ ตั ิ อยา งจรงิ จงั และตอเนือ่ ง การตั้งดานตรวจ จุดตรวจ จุดสกัดในงานจราจร อาศัยหลักการของการตรวจจับ ความผิดตามกฎหมายจราจร มีความหมายครอบคลมุ ถึงเรอ่ื งดงั ตอไปนี้ ๑) การตรวจจบั เปน ยทุ ธวธิ หี นง่ึ ของการบงั คบั ใชก ฎหมาย (Law enforcement) ทม่ี ี หลักการแนชัด มเี หตผุ ล มใิ ชก ารลองถกู (Trial and Error) หรือปฏบิ ัติตามท่ีเคยสบื ตอกนั มา ๒) การตรวจจับเปนการบังคับใชกฎหมายที่ผูปฏิบัติตองมีความรู (Knowledge) ความเขา ใจในเหตผุ ลและทม่ี าของการกระทาํ มกี ารฝก อบรมอยา งมอื อาชพี (Professionalism) สามารถ ใชเ ครอื่ งมอื ในการตรวจวดั ไดแ ละมยี ทุ ธวธิ ี (Tactics) ในการดาํ เนนิ การทเ่ี หมาะสมในแตล ะสถานการณ ๓) การตรวจจับเปนการปฏิบัติหนาที่โดยนําเอาหลักจิตวิทยาเขามาใช เพ่ือใหเกิด ความสมั พันธท่ีดกี ับประชาชนไปพรอ มกนั ๔) การตรวจจบั มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ยบั ยงั้ อบุ ตั เิ หตุ (Accident) ลดความเสยี่ ง (Risk) ลดความสูญเสยี (Loss) ของประชาชน ดงั นั้น จงึ มใิ ชก ารทาํ งานเพ่อื ใหไดป ริมาณ (Quantity) หรือผล การจบั กมุ แตเปนการตรวจจบั ทีต่ อ งการคุณภาพ (Quality) คือ เพอ่ื ความปลอดภัยของประชาชน โดยหลกั การสาํ คญั ในการตรวจจบั ความผดิ จราจรควรมงุ เนน ความปลอดภยั มากกวา ปริมาณการจับ แตในสถานการณจริง บางครั้งเจาหนาท่ีตํารวจจราจรมักใหความสําคัญกับปริมาณ การจับกุมมากกวา ไมคอยมีการเก็บขอมูล หรือการวิเคราะหขอมูลตอเน่ืองภายหลังจากการต้ัง ดานตรวจ จุดตรวจในแตละคร้ังวาสามารถลดการสูญเสียหรือปองกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได อยางแทจรงิ ไดอ ยางไรบาง

๑๔๖ ô.ò ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¢ ͧ¡ÒÃμ§éÑ ¨Ø´μÃǨ¨ÃҨà ประเภทของการตั้งจดุ ตรวจตามวัตถปุ ระสงคใ นงานจราจร ไดแก ๑. การกวดขันตรวจจับ (Intensive Surveillance) มีวัตถุประสงคท่ีจะมุงจุดสนใจไปท่ี ถนนเสนใดเสน หนึ่ง ในชว งเวลาหนงึ่ อยางเขมงวด ไมใ ชการออกตรวจโดยท่วั ไป ตัวอยา งเชน ในระยะ เวลา ๑ - ๒ เดอื น จะสง เจา หนาทตี่ ํารวจออกตรวจจบั โดยปรากฏตวั ใหประชาชนเห็น พรอ มกับการตั้ง จดุ ตรวจ เพอื่ ตรวจจบั ความผดิ บางประเภท เชน ขบั รถเรว็ ไมส วมหมวกนริ ภยั ไมค าดเขม็ ขดั เมาสรุ าฯ ซึง่ เปน ความผดิ ทีส่ รา งความสูญเสียใหชมุ ชนมากท่สี ดุ ดงั น้ัน จงึ ควรจะเลอื กถนนท่มี ีเหตุเกิดมากท่ีสุด เปน พื้นทีก่ วดขันจบั กุม โดยอาจจะตงั้ จดุ ตรวจทจี่ ุดใดจดุ หนง่ึ บนถนนเสนน้นั ปรบั จุดทต่ี งั้ หรือเปล่ยี น เวลาตงั้ บาง เพื่อหลีกเล่ยี งการคาดเดาไดภายหลงั จากการกวดขนั จับกมุ อยา งหนักแลว พฤติกรรมการ ขับขี่ของประชาชนในถนนยานนั้นก็จะเร่ิมเปลี่ยนแปลงไป แตพฤติกรรมดังกลาวอาจจะกลับมาอีก ถาเจาหนาทไี่ มต รวจจบั อยางตอ เน่อื ง ดงั น้นั เม่อื หยุดพักการกวดขันที่จดุ ใดไปแลว กไ็ มควรจะเลิกไป อยา งถาวร ยังจําเปนที่จะตอ งกลบั มาต้ังจดุ ตรวจอกี เชน ทกุ ๑ เดือน จะกลับมา ๒ ครัง้ จนกวา จะ แนใ จวา จะไมมกี ารฝา ฝน อีก ๒. การตรวจจับแบบเฉพาะเร่ือง (Specializes Surveillance) การตรวจจับแบบน้ีเปน วิธีการที่มุงไปเพ่ือการแกปญหาทีละเร่ืองในครั้ง ๆ หนึ่ง ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพมากกวาการตรวจจับ พรอม ๆ กันทุกเรอ่ื งไมวาผูข ับขีไ่ ปกระทําผดิ ที่ใดก็จะถกู ตรวจจับเนอื่ งจากตอ งการจะพุงเปา ไปยงั การ แกป ญ หาเฉพาะดา นทจ่ี าํ เปน สงู สดุ ของสถานี อาทิ ผฝู า ฝน สญั ญาณไฟ การขบั รถเรว็ การขบั รถเมาสรุ า การแซงรถผดิ กฎหมาย พฤตกิ รรมทก่ี อ ใหเ กดิ อนั ตรายของรถบรรทกุ ฯลฯ การตรวจจบั แบบเฉพาะเรอ่ื งน้ี อาจวางกําลงั เจาหนาทีก่ ระจายไปในจดุ สําคญั และใชการต้ังจุดตรวจ (Check Point) เปน กลไกหนึง่ ใน พนื้ ท่ี เพอ่ื ใหป ระชาชนตระหนกั วา เจา หนา ทตี่ าํ รวจกวดขนั เอาจรงิ และตอ งปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม อนง่ึ ในการตง้ั จดุ ตรวจแบบนจ้ี ะตอ งเตรยี มเครอื่ งมอื อปุ กรณใ นการตรวจวดั ไปดว ย เชน เครอ่ื งวดั ความเมา เคร่อื งตรวจจับความเร็ว เนอ่ื งจากไมใชก ารต้ังจดุ ตรวจทัว่ ๆ ไป การตัง้ จดุ ตรวจแบบน้ีมีเปาหมายไว โดยเฉพาะ คอื กดดนั การกระทาํ ความผดิ ประเภทนน้ั อยา งรนุ แรง จนไมก ลา กระทาํ ผดิ หรอื เลกิ กระทาํ ไปโดยรวดเรว็ ๓. การต้งั จุดตรวจขา งทาง (Road side Checkpoints) หรือจดุ ตรวจกวดขันวนิ ยั จราจร หรอื ทเี่ รยี กกนั วา “ดา นลอย” มวี ตั ถปุ ระสงคส าํ หรบั ตรวจใบอนญุ าตขบั ขี่ ทะเบยี นรถ อปุ กรณส ว นควบ ของรถและเอกสารประจาํ รถ เปน ตน ขอ ดขี องการตงั้ จดุ ตรวจขา งทาง ทาํ ใหเ จา หนา ทตี่ าํ รวจสามารถตรวจ รถไดเ พมิ่ ขนึ้ เพราะไมท าํ ใหก ารจราจรหยดุ ชะงกั ชว ยใหเ จา หนา ทตี่ รวจพบรถทม่ี ลี กั ษณะไมป ลอดภยั ได เปนเคร่ืองมือหลักในการตรวจสอบรถที่ชื่อไมตรงกับทะเบียนและรถเชา เพ่ือขัดขวางกระบวนการขน ยาเสพตดิ ชว ยใหเ จา หนา ทสี่ ามารถตรวจสอบการใชอ ปุ กรณเ พอ่ื ความปลอดภยั เชน ยาง ไอเสยี รถยนต เข็มขัดนริ ภัย กระจกเงา กระจกหนา และขา ง ไฟสองสวางและไฟสญั ญาณอุปกรณท ีเ่ ก่ียวของชว ยนาํ รถทไ่ี มสมบรู ณออกจากทองถนน หรือส่งั ไปซอมได

๑๔๗ โดยหลักการสําคัญในการตรวจจับความผิดจราจรควรมุงเนนความปลอดภัยมากกวา ปริมาณการจับ แตในสถานการณจริง บางคร้ังเจาหนาท่ีตํารวจจราจรมักใหความสําคัญกับปริมาณ การจบั กมุ มากกวา สงั เกตไดจ ากมสี ถติ กิ ารจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หรอื พ.ร.บ.รถยนตฯ แตไ มคอ ยมีการเกบ็ ขอ มลู หรือการวเิ คราะหข อ มูล ตอเน่อื งภายหลังจากการตงั้ ดานตรวจ จดุ ตรวจในแตล ะครง้ั วา สามารถกวดขนั วินัยจราจร และสามารถลดการสญู เสยี หรือปองกนั การเกดิ อุบตั เิ หตทุ างถนนไดอยา งแทจรงิ ไดอยา งไรบาง ô.ó ¡ÒÃáÊ´§μÇÑ ã¹¡ÒÃμÃǨ¨ºÑ áÅСÒÃμÃǨ¤Œ¹Ã¶ ñ) ¡ÒÃáÊ´§μÑǢͧตาํ ÃǨ㹡ÒÃμÃǨ¨ºÑ การแสดงตวั ของตาํ รวจจราจรหรอื ทางหลวงในการตรวจจบั มกั จะมผี เู ขา ใจวา ตาํ รวจ ควรจะแอบซุมในความมืด หลบตามเสาไฟฟาหรือตนไม หรือตั้งจุดตรวจ (Check Point) ในที่มืด เพ่ือดักจับผูกระทําผิดใหได มิใหมีโอกาสหลบหนี ตํารวจจึงมักจะไมคอยเอาจริงเอาจังในท่ีเปดเผย หรือมักจะปฏบิ ัตติ ัวตามปกติเชน คนธรรมดาทวั่ ไปมากกวา การตรวจจบั ความผดิ จราจรนน้ั มคี าํ สาํ คญั (Key Words) ทตี่ อ งกระทาํ อยู ๓ ขอ คอื • ทาํ ตวั ใหเปนท่ีมองเห็น (Visible) • กระตือรือรน (Active) • เปนตวั อยา งท่ดี ี (Good Example) ทกุ ครง้ั ที่เจาหนา ทีอ่ อกทาํ งาน จะตองแสดงตวั ใหเห็นไดช ัดเจนในบรเิ วณทมี่ องเห็น ไดชัด (Visible) เชน มีแสงไฟฟาสวาง มีผูผานไปมาจํานวนมาก โดยมีวัตถุประสงคเพื่อสราง ความตระหนักถึงความเส่ียง (Perceived Risk) ใหแกประชาชน ซ่ึงจะไดรับผลกวางขวางมากกวา การตัง้ จดุ ตรวจแบบแอบซอ น สวนการตรวจจับแบบแอบซอนน้ัน นา จะใชไ ดในกรณีดักจบั ผกู ระทาํ ผดิ และหลบหนีในบางจุดเปนกรณพี เิ ศษเทา น้ัน ไมค วรนํามาใชใ นกรณีท่วั ไป เจา หนา ทตี่ าํ รวจเมอ่ื ปรากฏตวั บนถนนแตล ะครง้ั จะตอ งแสดงตวั ในการทาํ งานอยา ง กระตือรือรน (Active) กระฉับกระเฉง ไมควรอยนู ่ิงดูดายใหเ กดิ การกระทาํ ผิดจราจรตอ หนา ในบาง พื้นที่เจาหนาท่ีตํารวจจราจรทํางานเฉพาะเม่ือรวมตัวกันตั้งจุดตรวจ แตเม่ือเลิกจุดตรวจแลวก็จะเดิน ไปมาเหมือนประชาชนทั่วไป ปลอยใหมีการกระทําผิดตอหนา ซ่ึงเปนสิ่งที่จะตองแกไขเพราะความ กระตือรือรน ของตํารวจทําใหตาํ รวจนาเชอื่ ถอื เปน ทเี่ คารพยําเกรง เจา หนา ทีต่ ํารวจควรเปน ตัวอยา งทดี่ ี (Good Example) อยเู สมอ ไมวา ในเรือ่ งการ ขับข่ี การเคารพกฎจราจร ฯลฯ แตม ีตํารวจจํานวนหนึง่ ละเลยกฎจราจร ไมส นใจสายตาของประชาชน เพราะคิดวาประชาชนจะเขาใจเองวาเปนการปฏิบัติหนาท่ี หรือเชื่อวาตํารวจสามารถทําอะไรก็ได เพราะมีสทิ ธิพิเศษ

๑๔๘ ò) ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ö เมื่อมีการวางกําลังเจาหนาที่และเรียกหยุดรถในบริเวณจุดตรวจแลว เจาหนาท่ีควร ปฏิบตั ิตัวในการทํางานดังตอไปนี้ ๒.๑) การพดู คยุ กบั ผฝู า ฝน (Contact with Violator) เมอื่ สงั เกตเหน็ ผขู บั ขรี่ ถทฝี่ า ฝน กฎจราจร เรียกรถใหหยุดในบริเวณดานตรวจแลวเดินเขาไปตรวจ เจาหนาที่ตํารวจจะเริ่มการพูดคุย และปฏบิ ตั ิงาน ดงั น้ี - แนะนําตัวเอง - แจง สาเหตุทีเ่ รียกรถใหหยุด - ถามถงึ สาเหตทุ ี่ตองขบั รถฝาฝน วามเี หตผุ ลความจาํ เปน อยางไร - ขอดูใบอนญุ าตขับขี่ หรอื หลักฐานอนื่ - ตดั สินใจวา จะออกใบสั่งหรอื ไมอ อกใบสั่งใหผูฝาฝน - ถาออกใบสง่ั แลว สง ใบส่งั พรอมกับแนะนําการไปชาํ ระคา ปรบั - ถา วา กลา วตกั เตอื น กอ็ บรม ตกั เตอื นโดยเผชญิ หนา และบอกใหส ญั ญาวา จะไมกระทาํ ผิดอกี เพือ่ ผลในการจดจาํ การแนะนําตัวที่เหมาะสมนาจะเปนการเขาไปทักทายอยางปกติท่ีกระทํากัน ในสังคมทั่วไป สวนการทําความเคารพหรือไม ควรจะใหเปนวิจารณญาณของเจาหนาที่เอง เชน ถาพบขาราชการหรือผูสูงอายุ แตประเด็นสําคัญไมไดอยูท่ีวิธีการแตอยูที่วัตถุประสงค คือ ตองการ สรา งความเปนกันเองและมีการตดิ ตอสอ่ื สารทเี่ ขา ใจกนั ชดั เจนทส่ี ดุ มากกวา ๒.๒) การตรวจคน รถ (Vehicle Searches) การตรวจคน รถของเจา หนา ทจ่ี ะกระทาํ ได ก็ตอเม่ือมีเหตุผลท่ีกฎหมายใหอํานาจเทานั้น ไดแก มีเหตุผลท่ีควรสงสัยวารถคันน้ีมีส่ิงของที่ผิด กฎหมาย หรอื สงิ่ ของทจ่ี ะนาํ ไปใชก ระทาํ ความผดิ หรอื สง่ิ ของทไี่ ดม าจากการกระทาํ ความผดิ ซกุ ซอ นอยู การตรวจคน รถอาจเกดิ ข้ึนหลังจากเจา หนา ทไ่ี ดพ ูดคุยกบั ผูขับข่แี ลวเกดิ ความสงสยั กไ็ ด แตไ มส ามารถ กระทําไดหากจะใชเปน การตอบโต ผูขบั ขท่ี ี่มปี ากเสยี งกับตํารวจ หรือไมพ อใจผูขับขี่ ในขณะทาํ การตรวจคนรถนนั้ ควรใหผ ขู บั ข่ยี ืนหางจากเจา หนา ที่ แตยังคงยืน ในบรเิ วณทสี่ ามารถมองเหน็ การตรวจคน และมีสิทธดิ ูการตรวจคน ไดโ ดยตลอด หลักการตรวจคน รถควรดําเนินการตามลําดับ ดังน้ี - เรม่ิ จากเปด ฝากระโปรงทา ยรถและตรวจหาสง่ิ ของแบบวนตามเขม็ นาฬก า (Clockwise Pattern) ในทายรถ - ตอ ไปเดนิ ไปดานหนา รถและเปดฝากระโปรงหนาตรวจ - ตรวจดทู ใี่ ตก นั ชน - ตรวจดทู ี่ตะแกรงชอ งลมหนา รถ - ตรวจดทู ่ีหมอ นา้ํ - ตรวจดูลอรถหนา หลังและซอกลอ

๑๔๙ - ตรวจดภู ายในหองโดยสาร เรมิ่ จากดานหลงั ของแผงหนาปดรถ - ตรวจดเู บาะหนาและใตเ บาะ - ตรวจดทู ่ีพิงศรี ษะและทบี่ ังแดด - ตรวจดูผา หุมเบาะ ที่เกบ็ ของหนา รถ และคอนโซล - ตรวจดเู บาะหลงั และใตเ บาะ - ตรวจดูพ้นื รถ การตรวจคน แตล ะคร้ังลําดบั และวธิ กี ารตรวจคนรถ สามารถปรับตามสถานท่ี และส่ิงของทจี่ ะคนหา แตจ ะตองกระทาํ โดยความนมุ นวล ไมก อ ใหเ กิดความสกปรก ขา วของถูกรอื้ คน เสียหายและควรจัดเกบ็ ขา วของใหอยูใ นสภาพเดิมในแตละขั้นตอนทผ่ี า นไป ô.ô ËÅѡ㹡ÒÃμ§Ñé ¨´Ø μÃǨ¨ÃҨà ñ) ¡ÒÃμé§Ñ ¨´Ø μÃǨ ¡ÒÃàÅÍ× ¡Ê¶Ò¹·ÕèμÑ駨شμÃǨ สถานที่ควรรองรบั ความปลอดภัยสาธารณะ และการ ทาํ งานของเจาหนาทตี่ ํารวจ โดยควรมีลักษณะ ดงั นี้ การตง้ั จดุ ตรวจทดี่ ีควรจะประกอบไปดว ย หลกั การดังนี้ • เลอื กสถานทีท่ ่ปี ลอดภยั เปนสง่ิ สําคญั อันดบั แรกที่ตองคาํ นงึ ถึง โดยหลีกเลี่ยง บรเิ วณทางแยก ทางโคง เนนิ เขา และพนื้ ทไ่ี มม แี สงสวา งหรอื มคี วามมดื สนทิ มรี ะยะการมองเหน็ จาก ผขู บั ขท่ี เี่ พยี งพอ มพี นื้ ทกี่ วา งพอใหเ จา หนา ทแี่ ละผกู ระทาํ ผดิ จอดรถ โดยไมก ดี ขวางการจราจร นอกจากน้ี อาจจะมีอุปกรณการตรวจรถอยูดวย แตตองไมกลายเปนส่ิงอันตรายควรเปนสิ่งท่ีสามารถเดินทางไป ไดท ัง้ กลางวนั และกลางคนื • ใชรถยนตตาํ รวจ ๑ คัน จอดบงั เพ่อื ปอ งกันอันตราย • ใชปา ยเตอื น โดยตั้งหา งจากจุดตรวจเพียงพอท่รี ถจะชะลอได • วางกรวยยางบงั คับรถใหเดนิ ในชองท่ีตอ งการ • เลือกเจา หนา ที่ตํารวจ ทาํ หนา ทเี่ ปนผูหยุดรถ (stopper) ๑ คน • เจา หนาทท่ี ุกคนควรสวมเสื้อสะทอนแสง • ใชรถตํารวจอีก ๑ คัน เตรยี มสาํ หรับการไลลารถท่ีหลบหนี • มหี วั หนา จดุ ตรวจทค่ี อยตรวจสอบทงั้ การจดั การ และควบคมุ มารยาทเจา หนา ท่ี • ทาํ งานโดยมขี น้ั ตอนทวี่ างแผนลว งหนา ดว ยความสภุ าพและปฏบิ ตั อิ ยา งมอื อาชพี • ไมควรตรวจกลางถนนทกุ ชอ งจราจร • ไมควรเรยี กรถทุกคันตรวจโดยไมม ีเหตุผลหรอื ไมมีขอ สงสัยมากอ น

๑๕๐ ò) »ÃÐàÀ·¢Í§¨Ø´μÃǨ จุดตรวจในประเทศไทยอาจจําแนกตามลักษณะการทํางาน ขนาดและจํานวน เจาหนาท่ีท่ีใชได ๓ ลักษณะ เริ่มจากลักษณะท่ีใชมากท่ีสุดบนทางหลวง คือ แบบเสนตรง ตอมา เปนแบบท่ีใชบนทางหลวงเชนกันแตมีความซับซอนมากกวา คือ แบบวงกลม และแบบสุดทาย เปน แบบทใ่ี ชม ากทส่ี ดุ ในเมอื งทมี่ รี ถตดิ แตก ระทาํ ไดง า ยมคี วามคลอ งตวั สงู คอื แบบในเมอื ง ทงั้ นโี้ ดยมี รายละเอยี ดของแตละประเภทดังนี้ ๒.๑ จุดตรวจแบบท่ี ๑ “จดุ ตรวจแบบเปน เสน ตรง” การต้ังจุดตรวจแบบน้ีเหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวง ที่มีรถ จํานวนไมหนาแนนมาก และรถอาจจะวิ่งดวยความเร็ว หากเลือกไดควรเลือกต้ังบริเวณท่ีมีไหลทาง เพอ่ื มพี น้ื ทใ่ี นการทาํ งานแกเ จา หนา ที่ หรอื เลอื กตงั้ ในพน้ื ทท่ี เี่ ปน ทางบงั คบั ทรี่ ถจะตอ งชะลอความเรว็ กอนมาถึงจุดนี้ เชน มีทางโคง ถนนขรุขระ มีการกอสราง หรือคอขวด ซ่ึงรถไมกลาใชความเร็วสูง อยูแ ลว ซึ่งจะทาํ ใหเจาหนาท่ปี ลอดภยั กวาที่จะตองเรยี กหยดุ รถที่มคี วามเรว็ ในการทํางานทุกครั้งเจาหนาท่ีจะตองวางปายเตือนสําหรับจุดตรวจแบบน้ี ปายเตือนน้ีมีเพ่ือใหสัญญาณแกผูขับขี่เตรียมตัวในการชะลอรถลงตามลําดับกอนมาถึงบริเวณที่ เรียกหยุด อาจใชป า ยทีม่ ขี อความใหระวัง ขา งหนามจี ุดตรวจ หรือหากไมมกี ใ็ ชก รวยยางวางเตอื นเปน ระยะๆ กอ นมาถงึ จดุ ตรวจกไ็ ด ควรจะวางปา ยเตอื นกอ นหนา จดุ ตรวจออกไปประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตร ซง่ึ ระยะทเ่ี วน ไวน เ้ี ปน ระยะทรี่ ถซง่ึ มาดว ยความเรว็ สงู สามารถชะลอรถลงมาไดพ อดโี ดยไมเ ปน อนั ตราย หลักคิดมาจากการคํานวณระยะคิดและระยะหยุดของรถบนถนนไวเผ่ือสําหรับผูขับขี่ หากไมวาง ปายเตือนเลย จะทําใหผูขับขี่ตองหยุดรถกะทันหัน ซึ่งอาจจะเปนอันตราย อาจถูกฟองรองไว และ ยังแสดงวาเจาหนาท่ีตํารวจไมมีความรูในเร่ืองความปลอดภัยดวย การตั้งจุดตรวจแบบเสนตรง จึงควรดาํ เนนิ การดังนี้ โปรดดภู าพท่ี ๑

๑๕๑ ÀÒ¾·èÕ ñ : ¡ÒÃμ§éÑ ¨´Ø μÃǨẺ໹š àʹŒ μç

๑๕๒ จากภาพขางตน จะเห็นไดวาในการตั้งจุดตรวจแบบเสนตรงนั้น เจาหนาท่ีอาจจะใชผิว การจราจรเปน พื้นท่เี รียกหยดุ รถได แตจ ะตอ งแนใ จวา เปนพน้ื ท่ีทป่ี ลอดภยั โดยมีการจดั การพรอมกับ ใชกรวยยางวางเปนแนวพื้นท่ีไว และเพ่ือปองกันรถที่มองไมเห็นจุดตรวจหรือหยุดไมทันว่ิงมาชน เจา หนา ท่ี กอ็ าจจะใชร ถยนตส ายตรวจจอดบงั ไว ๑ คนั เปน เสมอื นแนวกาํ แพงปอ งกนั ตวั ไว โดยเปด ไฟ วบั วาบชว ยในการมองเหน็ ของผขู บั ขี่ สว นรถยนตท จ่ี อดนนั้ ใหห นั หวั รถออกในลกั ษณะพรอ มทจี่ ะวงิ่ ได ทนั ทีหากมเี หตุทจี่ ะตอ งไลต ดิ ตามผขู ับขข่ี น้ึ เมื่อรถยนตของประชาชนวิ่งใกลจุดตรวจ การจัดการภายในจุดตรวจจะตองมีเจาหนาที่ คนหนง่ึ ทาํ หนา ทเี่ รยี กรถและคดั เลอื กรถ โดยจะเรยี กรถทตี่ อ งสงสยั วา กระทาํ ผดิ วงิ่ เขา ไปในพนื้ ทต่ี รวจ เพ่ือคดั กรองแตร ถทนี่ าจะตรวจ สวนรถอื่นทไ่ี มใ ชเปา หมายอาจจะแยกออกใหว ง่ิ บนถนนตอ ไป ท้ังนี้ เพ่ือไมสรางปญหาการจราจร เพราะไมจําเปนวาการตั้งจุดตรวจทุกคร้ังจะตองเรียกหยุดรถทุกคัน เมื่อมีการคัดเลือกรถเขามาในพื้นท่ีตรวจแลว หลังจากน้ันก็จะเปนหนาท่ีของตํารวจคนอ่ืนๆ ท่ีจะทํา หนาท่ีตรวจตามเปาหมายของการตั้งจุดตรวจตอไป เชน การตรวจใบขับขี่ การตรวจลักษณะผูขับขี่ การตรวจสภาพรถ ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ควรมีเจาหนาที่เฝาระวังรถท่ีหลบหนีดวยอีก ๑ คน จัดใหยืนอยูทาย ทส่ี ดุ ของจดุ ตรวจ เพราะการตง้ั จดุ ตรวจแตล ะครงั้ มกั จะมผี ขู บั ขท่ี ห่ี ลบเลยี่ งระหวา งทเี่ จา หนา ทท่ี าํ งาน แอบขับรถออกจากจุดตรวจไปโดยไมมีใครสังเกตเห็น เจาหนาท่ีคนน้ีจะคอยสังเกตรถที่หลบหนีนี้ และเรียกมาตรวจเองหรืออาจจะวิทยุแจงตํารวจอีก ๑ นาย ที่วางแผนใหจอดรถเลยจุดตรวจออกไป คอยสกดั จบั ตวั ไว เพ่อื ทําใหผ ูหลบหนีรูว า ตํารวจเปนมอื อาชพี ไมสามารถหลบหนีได การตั้งจุดตรวจแบบนี้ หัวหนาจุดตรวจจะตองคอยสังเกตและควบคุมการทํางานของ ทกุ คน ในกรณมี รี ถตดิ บนถนนเพราะการตรวจเปนสาเหตุ หัวหนาจุดตรวจอาจจะพิจารณาปลอ ยรถ ทั้งหมดไปโดยไมเ รยี กเขา ในพน้ื ที่ตรวจเปนครง้ั คราว เพอ่ื แกปญหาจราจรกอนก็ได การตรวจพบผูกระทําผิด เจาหนาท่ีอาจจะออกใบสั่งใหไปเสียคาปรับท่ีสถานีตํารวจ หรอื อาจจะตง้ั โตะ ปรบั บรเิ วณจดุ ตรวจ ซงึ่ หากตงั้ โตะ ปรบั กจ็ ะมขี อ ดใี นเรอ่ื ง การบงั คบั ใชก ฎหมายทร่ี วดเรว็ ซงึ่ จะสง ผลตอ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมของผกู ระทาํ ผดิ มากขน้ึ มไิ ดม ขี อ หา มหรอื ถอื วา เปน เรอ่ื งเสยี หาย สําหรับปายเตือนกอนถึงจุดตรวจน้ันอาจจัดทําเปนแบบตูไฟฟามีแสงสวางหรือปาย สะทอนแสงท่ีไมมีไฟฟาก็ได ข้ึนอยูกับภูมิประเทศและความสะดวก ขณะเดียวกันบริเวณจุดตรวจ ก็อาจจะเพ่ิมปายเตือนหรือตูไฟฟามีแสงสวางเขาไปอยูติดกันดวย เพื่อเพ่ิมการสังเกตเห็นของผูขับขี่ ไดชัดเจนขึ้น มีขอสงั เกตถงึ จดุ ตรวจในปจจุบันจาํ นวนหนึ่ง ท่ีไมมกี ารเตอื นแตวางกรวยยางขวางถนน หางจากตัวจุดตรวจ ประมาณ ๑๕ เมตร ทําใหไมมีระยะหยุดระยะคิดเพียงพอ นอกจากนั้น ยังวางกรวยยางยาวเปน เสนตรงตลอดระยะทาง ๑๕ เมตรดวย ทําใหส้ินเปลืองกรวยยางจาํ นวนมาก และไมสะดวกในการขนยาย การต้ังจุดตรวจแบบนี้พบเห็นมากในเขตภูธร ฉะนั้นควรเปล่ียนแปลง

๑๕๓ โดยใหเวนระยะหยุดระยะคิดเปนระยะทางประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ เมตร ท้ังนี้อาจจะวางกรวยยาง ทจี่ ดุ แรกของระยะ ๑๕๐ หรอื ๒๐๐ เมตรกอ นถงึ จดุ ตรวจ เพยี ง ๑ กรวยกอ น ในลกั ษณะขวางกลางถนน เพ่ือเตือนรถท่ีวิ่งมาดวยความเร็วเปลี่ยนชองจราจรและชะลอความเร็วเตรียมเขาจุดตรวจ ตอมาที่ ระยะประมาณ ๗๕ หรือ ๑๐๐ เมตรจากจุดตรวจ ใหวางกรวยยางอีกคร้งั หนง่ึ แตวางเพิ่มเปน ๓ กรวย ในแนวขวางถนน ๑ ชอง เพอื่ เตอื นอกี ครัง้ หลังจากน้นั ก็จะถึงจดุ ตรวจเลย หากทาํ แบบน้ีจะประหยัด กรวยยางและปลอดภยั มากกวา หลักการตั้งจุดตรวจแบบเสนตรงโดยสรุปคือ - ใหรถทข่ี บั ข่มี าบนถนนไดเห็นปายเตือนเพอื่ ชะลอรถลวงหนา - ทจ่ี ดุ ตรวจมเี จา หนา ทแี่ ยกรถทจ่ี ะตรวจ ออกจากรถทไ่ี มต อ งสงสยั และตรวจเฉพาะรถ ทต่ี อ งสงสยั เทานั้น เพ่ือไมใ หประชาชนเสยี เวลา - รถทีจ่ ะตรวจ จะตองจดั การใหเขาจอดในที่ปลอดภัย - การตรวจจะตอ งเปนไปอยางรวดเร็ว คาํ นงึ ถึงเวลาทปี่ ระชาชนเสยี ไป - การทํางานของเจาหนาท่ีจะตองตรงไปตรงมา อยางมืออาชีพ ตองตอบคําถามท่ี ประชาชนถาม - หากมีการหลบหนจี ะตองมกี ารวางแผนลวงหนาท่จี ะจดั การ - หากพบผูกระทําผิดอาจจะออกใบส่งั หรือวา กลาวตักเตอื น - การตัง้ โตะ ปรับเปนผลดี ไมใ ชข อเสยี หาย - ระยะเวลาในการตั้งจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาท่ีผูปฏิบัติวา มีความเหนอ่ื ยลาหรือยัง หากเจา หนา ท่ไี มพรอมควรหยดุ ไมควรทําตอ ไป

๑๕๔ ๒.๒ จุดตรวจแบบที่ ๒ “จุดตรวจแบบวงกลม” การตงั้ จดุ ตรวจแบบนี้ เปน การตงั้ จดุ ตรวจทใี่ ชค นจาํ นวนมาก เปน การระดม คร้ังใหญหรือมีเปาหมายเพ่ือบูรณาการหลายหนวยงาน โดยอาจใชพ้ืนท่ีริมถนน เชน โรงเรียน สนามกีฬา ปมนํ้ามันเกา ในการตรวจแทนที่จะใชพ้ืนที่บนผิวการจราจรหรือไหลทาง ความลึกของ พื้นทีว่ งกลมจากริมถนนไมควรมากกวา ๕ - ๑๐ เมตร แตต วั ปา ยเตือนน้นั ไปวางไวบ นถนน หา งจาก จุดตรวจประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตรเชนเดิม ดวยเหตุผลเดียวกันคือเวนไวเผื่อสําหรับระยะคิด และระยะหยดุ ของผูขบั ขี่ จุดตรวจแบบน้ีเหมาะสําหรบั ตาํ รวจทางหลวง หรอื ตํารวจภูธรทต่ี ัง้ จุดตรวจ ในเขตนอกเมอื งหรอื ชานเมอื ง มรี ถไมห นาแนน มากรถวง่ิ ไดเ รว็ หรอื พน้ื ทจี่ งั หวดั ชายแดนภาคใตท อ่ี าจ จะมกี ารตอ สกู บั เจา หนา ทขี่ ณะตงั้ จดุ ตรวจ โดยอาจใชก าํ ลงั ฝา ยปอ งกนั ปราบปรามรว มตงั้ จดุ ตรวจดว ย เปนจุดตรวจที่เหมาะสําหรับจํานวนเจาหนาที่มาก เพ่ือเปาหมายทั้งดานอาชญากรรมและจราจร ไปพรอมกนั การตั้งจุดตรวจแบบน้ี เจาหนาที่สามารถตรวจรถไดเปนเวลานาน โดยไม ทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรและปลอดภยั สงู โดยจะตอ งมผี เู รยี กหยดุ รถและคดั เลอื กรถเขา ตรวจ ๑ หรอื ๒ คน แตห ากอยูใ นพนื้ ที่อันตราย อาจจะเพมิ่ เจาหนา ทต่ี ดิ อาวธุ สงครามเพ่อื รกั ษาความปลอดภยั ไว ทจี่ ดุ นี้ดว ย เม่อื รถเขาพืน้ ที่ตรวจแลว ก็จะเปนหนาทีต่ รวจตามเปาหมาย โปรดดภู าพท่ี ๒

๑๕๕ ÀÒ¾·Õè ò : ¡ÒÃμ§éÑ ¨´Ø μÃǨẺǧ¡ÅÁ

๑๕๖ จากภาพขางตน จะเห็นไดวาการตั้งจุดตรวจแบบนี้ เจาหนาที่สามารถใชเวลา ในการตรวจไดนาน เชน การตรวจคนตัวรถท่ีซุกซอนยาเสพติดอยางละเอียด โดยมีไฟฟาสองสวาง ทเี่ ตรยี มตวั ไว หรอื ตรวจปส สาวะผขู บั ขี่ เมอื่ รถเขา มาพนื้ ทต่ี รวจ เจา หนา ทอ่ี าจแบง งานกนั ทาํ แยกยอ ย ออกไปได เชน ตาํ รวจจราจร ตาํ รวจสายตรวจ เจา หนา ทก่ี รมการขนสง ทางบก เจา หนา ทดี่ า นกกั กนั สตั ว ศุลกากร ฯลฯ นอกจากนี้หากใชจุดตรวจแบบนี้ในภารกิจการลดอุบัติเหตุ อาจจะแบงแยกงาน เจาหนาที่ผูตรวจออกไป เชน ตรวจใบขับขี่ ตรวจวัดความเมา ตรวจควันดํา เสียงดัง ฯลฯ มีโตะ เปรียบเทียบปรับพรอม ซ่ึงปกติกระทําไดยากในจุดตรวจทั่วไป เน่ืองจากจุดตรวจแบบน้ีมีพ้ืนท่ีมาก ดงั น้นั อาจจะเพิม่ กิจกรรมอืน่ ในจุดตรวจไดด วย เชน การรณรงคในชวงเทศกาลอาจจะเพิ่มเจาหนา ที่ พยาบาล ท่ีน่ังพกั หรือการใหความรูแ กผูขบั ข่ีฯ เขาไปดวย เมอื่ มกี ารตรวจเสรจ็ แลว รถแตล ะคนั จะวงิ่ ออกจากพนื้ ทตี่ รวจโดยมเี จา หนา ทคี่ ดั เลอื กรถ หมายเลข ๓ ทําหนา ทตี่ รวจสอบครงั้ สดุ ทา ย เพือ่ ปองกันรถท่ีหลบเลี่ยง โดยมีกรวยยางตั้งไวใหรถวิง่ เขาออกคนละทาง จุดตรวจแบบนี้สามารถต้ังข้ึนโดยมีระยะเวลานานได สามารถจัดที่พักสําหรับ เจา หนาทใี่ หหมุนเวยี นกันทาํ งาน จดั หาอาหารเครือ่ งด่ืม จัดหอ งสุขาได โดยอาจจะเปนจุดตรวจหลัก ของสถานีตํารวจซ่ึงเปดใชเปนคร้ังคราว เพื่อใหผูใชถนนไมสามารถคาดเดาเวลาตั้งไดวาจะเปดใช เมื่อใด แตไมควรเปดใชเปนเวลาท่ีแนนอนตายตัวจนประชาชนคาดหมายได เพราะประชาชนเรียนรู ทจี่ ะหลบหลีกอยเู สมอ หลกั การต้งั จุดตรวจแบบวงกลมโดยสรปุ คือ - ใหรถที่ขบั ขม่ี าบนถนนไดเ หน็ ปา ยเตอื นเพอื่ ชะลอรถลวงหนา - จัดที่ตรวจอยูในพ้ืนที่เฉพาะ ท่ีจะตองเล้ียวรถเขามาขางถนน ไมมีการตรวจบน ผิวการจราจรเหมอื นจดุ ตรวจแบบอน่ื ๆ - จะตองมีเจาหนาท่ีคัดแยกรถ เพ่ือเรียกรถที่ตองสงสัยใหเขามาในพื้นที่ตรวจ สวนรถอื่นๆ ท่ไี มต อ งสงสัยจะคดั แยกใหว ง่ิ บนถนนตอ ไปไมรบกวนเวลาผูขับขที่ เ่ี ปน พลเมอื งดี - รถที่จะตรวจ จะมีเสนทางวนเปนวงกลมเพ่ือใหเจาหนาที่ตํารวจหลายคนเรียก หยุดตรวจ - การเรียกใหเขาชองตรวจใด อาจจะมีการประสานงานกันระหวางเจาหนาท่ี คัดแยกกับผูตรวจเพราะผูหยุดรถรูลวงหนาวาตองสงสัยในเร่ืองใด เชน ขาดตอภาษี ไมคาดเข็มขัดฯ หรือเปนเรือ่ งพเิ ศษ เชน แอลกอฮอล ใชส ารเสพตดิ ฯ - การทาํ งานของเจาหนาทีจ่ ะตองตรงไปตรงมา เชน สงสยั วา กระทาํ ผิดเรื่องหนงึ่ แตเ มือ่ ตรวจสอบแลวไมผ ดิ ก็ไมควรหาเรอื่ งอืน่ โยกโยเพ่ือหาเร่อื งจะจับใหไ ด ควรปลอยไปใหเดนิ ทาง ตอ ไปโดยเรว็

๑๕๗ - หากสงสยั มกี ารหลบหนี เจา หนา ทผ่ี ปู ลอ ยรถออกสถู นน จะตอ งสอบถามผตู รวจวา รถคันนี้ตรวจสอบเสรจ็ แลวหรอื ไม โดยสื่อสารทางวทิ ยุกนั ตลอดเวลา - หากพบผกู ระทาํ ผดิ อาจจะออกใบสงั่ หรอื วา กลา วตกั เตอื น การวา กลา วตกั เตอื น ไมใ ชเ รอื่ งทไ่ี มค วรทาํ อาจจะทาํ ไดห ากผขู บั ขข่ี าดเจตนา นา เชอื่ วา จะปรบั ปรงุ ตวั ได ไมจ าํ เปน วา จะตอ ง เอาผลคดไี ปเสยี ทั้งหมด - การตั้งโตะ ปรบั เปน ผลดี ไมใ ชขอเสยี หาย - ระยะเวลาในการต้ังจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาท่ีผูปฏิบัติ วามคี วามเหนอื่ ยลา หรอื ยัง หากเจา หนา ที่เหน่อื ยแลว อาจจัดชุดไปสลบั เปลี่ยน หรือหยุดตรวจไปเลย และไมควรมคี ําสง่ั ต้งั จดุ ตรวจ ๒๔ ชม. เตม็ ที่สาํ หรับจุดตรวจแบบนี้ไมค วรเกนิ ๔ ชม. ๒.๓ จุดตรวจแบบที่ ๓ “แบบในเมือง” จดุ ตรวจแบบนม้ี กั จะเปน ขนาดเลก็ ทใี่ ชใ นเขตเมอื งของนครบาลหรอื อาํ เภอใหญ ของตํารวจภูธร ที่อาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด วิ่งไดชา ซึ่งแตเดิมมักจะมีกําลังเจาหนาที่ยืนอยู ริมถนนเรยี กรถระหวาง ๔ - ๕ คน ไมมเี คร่อื งมือในเรื่องความปลอดภัย เรียกรถใหจอดขา งทางแลว แยกกนั ตรวจ ทง้ั นโ้ี ดยควรทจ่ี ะตอ งเปลย่ี นแปลงวธิ กี ารตรวจแบบนใ้ี หเ กดิ ความปลอดภยั เพมิ่ ขนึ้ ไดแ ก การเพ่ิมปายเตือนระหวางระยะ ๑๐ - ๓๐ เมตร เพื่อใหผูขับขี่เตรียมตัวหยุดรถ ซ่ึงเวนระยะทางไว ไมมากนักเพราะรถว่ิงดวยความเร็วต่ําอยูแลว พรอมกันน้ันก็เพิ่มใหมีวางกรวยยาง และการจอดรถ จักรยานยนตเ พือ่ เปนกําแพงความปลอดภยั ดวย รถจักรยานยนตที่เปนกําแพงความปลอดภัยนี้ ยังอาจใชเปนรถติดตาม รถหลบหนดี ว ย โดยใหน าํ รถจกั รยานยนตเ จา หนา ทที่ ม่ี หี ลายคนั มาจอดเปน กาํ แพงความปลอดภยั รว มกนั หากเปนเวลากลางคืนควรจะตองมีไฟฉาย กระบองแสงสวางและเจาหนาที่ควรสวมเส้ือสะทอนแสง ทุกคน การตรวจแบบน้ีหากมีรถยนต ก็ใหใชเปนกําแพงกั้นเขตปลอดภัยแทนรถจักรยานยนต การตัง้ จุดตรวจแบบน้อี าจพิจารณารูปแบบได ตามภาพท่ี ๓

๑๕๘ ÀÒ¾·èÕ ó : ¡ÒÃμÑ駨´Ø μÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁÍ× §

๑๕๙ จากภาพขางตน จะเหน็ ไดว า ผูข ับขีบ่ นถนนจะมองเห็นปา ยเตอื นหรือตูไฟแสดงจดุ ตรวจ ในระยะที่ใกลกับจุดตรวจมาก แตเน่ืองจากเปนการต้ังจุดตรวจในเมืองที่รถว่ิงดวยความเร็วต่ํา ผูขับข่ี สามารถชะลอรถเตรียมตัวถูกเรียกหยุดได บุคคลสําคัญของการต้ังจุดตรวจคนแรกคือผูทําหนาที่ คัดแยกรถ เพราะถนนในเมืองจะมีรถติดขัดไดงาย หากคัดแยกไมดีจะทําใหเกิดรถติดได ดังน้ัน เจา หนา ทคี่ ดั แยกรถจะตอ งมที กั ษะทจี่ ะตอ งแยกรถตอ งสงสยั ออกจากรถปกตทิ วั่ ไป และใชห ลกั การเดมิ คอื รถไมตองสงสัยหรือประชาชนท่ัวไปไมตองเดือดรอน แตจะถูกแยกใหขับข่ีตอไปโดยสะดวก หลักการ สําคัญคือ การต้ังจุดตรวจไมใชจะตองตรวจรถทุกคัน การเรียกรถแตละคันเปนการรบกวนสิทธิของ ประชาชนทต่ี าํ รวจจะตองเคารพดว ย ผทู ถี่ กู คดั แยกจะตอ งเขา ไปในพน้ื ทตี่ รวจทจ่ี ดั ไวโ ดยมเี จา หนา ทตี่ าํ รวจรอตรวจ เจา หนา ท่ี คัดแยกจะตอ งใชสัญญาณมอื ส่ือสารกับเจา หนาที่ผูตรวจ วา ใหรบั รถที่สง ไป โดยอาจจะมกี ารพูดดวย วาจาหรอื สญั ลกั ษณต อ กนั เพอื่ ใหเ กดิ ความเขา ใจตรงกนั เชน ไมส วมหมวก หรอื ไมต ดิ แผน ปา ยทะเบยี น การตรวจอาจจะกระทําโดยตํารวจกลุมเลก็ ๆ ประมาณ ๔-๕ คน หรอื กลมุ ใหญขน้ึ ประมาณ ๗-๑๐ คน ก็ได แตถึงแมจ ะมีตํารวจนอยเชน ๕ คน แตท ี่ขาดไมไ ดค ือผทู าํ หนา ที่ระวงั หลงั เมอ่ื รถหลบหนี ที่อาจ จะตองตรวจดวยและสอดสองรถหลบเลี่ยงไปดวยพรอมกัน โดยอาจจะตองจอดรถจักรยานยนตไว เพ่อื การตดิ ตามดานหลังสุดของจุดตรวจ เน่ืองจากมีการวางกรวยยาง ฉะน้ันเจาหนาที่จะมีพ้ืนท่ีทํางานชัดเจนวาเรียกรถได ครงั้ ละเทา ใด ซงึ่ ผแู ยกคดั รถจะตอ งสง รถเขา มาตรวจเทา ทมี่ พี นื้ ที่ การวางกรวยยางนย้ี งั มปี ระโยชนอ น่ื ๆ ดวย คือ เร่ืองความปลอดภยั จากการถูกรถเฉี่ยวชน และการปอ งกนั การหลบหนี โดยผูถกู เรยี กตรวจ ไมส ามารถใชเวลาชุลมุนหลบหนไี ปจากจุดตรวจไดเหมือนแตกอ น เพราะมแี นวกรวยยางท่ีสังเกตเหน็ ไดช ัดถา มีรถฝา ออกไป และมกี ารจัดชอ งทางออกไวเ ฉพาะแลว หลกั การต้ังจดุ ตรวจขนาดเลก็ ในเมอื ง โดยสรปุ คอื - ใหรถทีข่ บั ขม่ี าบนถนนไดเ หน็ ปา ยเตอื นเพื่อชะลอรถลวงหนา - การตรวจอาจใชผ วิ การจราจรหรือไหลทาง แตมีการกน้ั ใหเหน็ พืน้ ที่เฉพาะน้แี ลว - มีเจาหนาท่ีคัดแยกรถและสงใหผูตรวจโดยประสานงานทางวาจาหรือสัญลักษณ ทา ทาง ไมต อ งใชว ิทยสุ ือ่ สารก็ได - รถทจี่ ะเขา ชอ งตรวจควรมจี าํ นวนไมม าก แตจ ะตอ งควบคมุ ใหส มดลุ ไมเ กดิ การชลุ มนุ หรอื ทาํ ใหร ถตดิ - การทาํ งานของเจา หนา ทจ่ี ะตอ งตรงไปตรงมา และไมแ สดงกริ ยิ าอาการทผี่ ขู บั ขที่ ว่ั ไป มองเหน็ วาไมส ุภาพเพราะมผี ูขบั ขผ่ี านไปมาจํานวนมาก - มีการควบคุมรถท่ีจะหลบหนีโดยวางตัวเจาหนาท่ีระวังหลังไวเชนปกติ แมจะมี เจา หนาท่ีจาํ นวนนอ ย

๑๖๐ - หากพบผูกระทําผิดอาจจะออกใบส่ังหรือวากลาวตักเตือน การวากลาวตักเตือน เปนเรอ่ื งทก่ี ระทาํ ได ไมใชเ รอ่ื งเสียหายหรือมองไปในทางทจุ ริต - การตั้งโตะปรับเปนผลดี สามารถกระทําไดระยะเวลาในการต้ังจุดตรวจไมควรนาน เกินไป เต็มที่ไมควรเกนิ ๒ ชม. จากหลักการตั้งจุดตรวจที่ไดกลาวมาไดจําแนกประเภทของการต้ังจุดตรวจออกเปน ๓ ประเภทหลัก ไดแก ñ. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ໚¹àÊŒ¹μçเหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวงที่มีรถ จาํ นวนไมหนาแนนมาก และรถอาจจะว่งิ ดว ยความเรว็ ò. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ໚¹Ç§¡ÅÁเปนการต้ังจุดตรวจที่ใชคนจํานวนมาก เปนการระดม ครง้ั ใหญห รือมเี ปาหมายเพื่อบูรณาการหลายหนวยงาน ó. ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁ×ͧจุดตรวจแบบน้ีมักจะเปนขนาดเล็กที่ใช ในเขตเมืองของนครบาลหรืออําเภอใหญของตํารวจภูธร ที่อาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด ว่ิงไดชา ซึ่งรูปแบบการตั้งจุดตรวจทั้ง ๓ แบบ เปนการพิจารณาจากสภาพถนน และปริมาณของรถท่ีสัญจร ไปมาเพอื่ เปน หลกั ในการพิจารณา ต้งั จุดตรวจใหเกดิ ความปลอดภัยในการปฏบิ ตั ิหนา ท่ี ó) ¡ÒÃμ§éÑ ¨Ø´μÃǨà¾Íè× Å´ÍºØ ÑμÔàËμØ ๓.๑ การตง้ั จดุ ตรวจเพอื่ ควบคมุ อบุ ตั เิ หตุ มขี อ พจิ ารณาเพมิ่ เตมิ ในการตง้ั ๒ ขอ คอื ๓.๑.๑ ขอมูลอุบัติเหตุท่ัวไปในพื้นท่ี ไดแก ผูวางแผนต้ังจุดตรวจจะตอง ทราบขอมูลสถานที่และเวลาเกิดอุบัติเหตุสูงสุดในแตละเดือนของสถานีตํารวจแหงน้ันเสียกอน เพ่ือใชพิจารณาในการวางแผนต้ังจุดตรวจ โดยควรท่ีจะเลือกต้ังจุดตรวจในบริเวณที่มีอุบัติเหตุเกิด สูงทส่ี ุดกอน เชน อุบตั เิ หตุเกดิ บนถนนเสน ใด สวนเวลาทเ่ี กดิ อบุ ัติเหตสุ ูงสดุ กค็ วรออกไปตง้ั จดุ ตรวจ ในเวลานั้นดวย เชน เวลากลางคืน เม่ือรวมกันก็จะไดสถานที่ตั้งจุดตรวจท่ีเหมาะสมคือ สถานที่ และเวลาที่เกิดอุบตั เิ หตสุ ูงสุด ไมใชตง้ั จดุ ตรวจในท่ีเดมิ เวลาเดิม หรอื ตง้ั จุดตรวจทม่ี ีไฟฟาไวต อสายไฟ ดังน้ันการตั้งจุดตรวจโดยทั่วไปที่เจาหนาที่ตํารวจสถานีตางๆ ออกไปต้ัง จดุ ตรวจ ในเวลาวางจากการจดั การจราจร เชน ๑๐.๐๐ น. หรอื ๑๔.๐๐ น. จงึ ไมใ ชก ารต้งั จดุ ตรวจ เพ่ือลดอุบัติเหตุดวยเชนกัน แตเปนการตั้งจุดตรวจเพ่ือทําผลงานหรือสรางสถิติการออกใบส่ังเทานั้น ไมส ามารถนาํ มาอางไดว า ไดว างมาตรการเพ่ือควบคุมอบุ ัตเิ หตุในพน้ื ทีแ่ ลว เพราะการวางมาตรการ เพ่ือควบคุมอุบัติเหตุจะตองใชขอมูลอุบัติเหตุจริงๆ และมีแนวทางท่ีสอดคลองกันจริง การต้ัง จดุ ตรวจจราจร จงึ อาจจะแยกไดเ ปน ๒ แบบ คอื การตง้ั จดุ ตรวจเพอ่ื กวดขนั วนิ ยั จราจรทว่ั ไป กบั การตงั้ จุดตรวจเพื่อควบคุมอุบัติเหตุ ซึ่งแทจริงแลวแตกตางกัน ไมสามารถจะทําเร่ืองเดียวแลวอางวาใช ท้งั สองวตั ถปุ ระสงคไ ด

๑๖๑ ๓.๑.๒ ขอมูลอุบัติเหตุเฉพาะทาง ไดแก การเก็บขอมูลอุบัติเหตุสําคัญ บางประเภทเพอื่ ใชใ นการแกไ ข เชน อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากความเมา ซงึ่ ทราบขอ มลู วา สถานบนั เทงิ ยา นใด เปน สาเหตุ กว็ างแผนตง้ั จดุ ตรวจเมอ่ื สถานบนั เทงิ ปด รา นบนถนนในยา นนน้ั อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากการขบั รถเรว็ ก็ต้ังจุดตรวจบนถนนที่มีขอมูลการขับรถเร็ว หรืออุบัติเหตุท่ีเกิดจากการฝาไฟแดง ก็ตั้งชุดตรวจจับ ทางแยกทมี่ กั จะมกี ารขบั รถฝา ไฟแดง เปน เรอ่ื งการวางแผนลดอบุ ตั เิ หตใุ นแตล ะประเภทเฉพาะเจาะจง ลงไป โดยเริ่มจากการมีขอมูลและนําขอมลู มาใชใ นการตดั สนิ ใจ การวางแผนตง้ั จดุ ตรวจแบบเฉพาะเจาะจงน้ี อาจจะไดข อ มลู อบุ ตั เิ หตหุ ลายประเภท ซ่ึงสถานีตํารวจจะตองจัดลําดับความสําคัญกอน จึงจะวางแผนควบคุมได โดยใหความสําคัญกับ ประเภทอุบัติเหตุท่ีเสียหายมากกอน อาทิ มีขอมูลอุบัติเหตุจาก ความเมา ขับรถเร็ว ฯ เปนเรื่องที่ สถานตี ํารวจดาํ เนนิ การกอ นเพราะมีผูเ สยี ชีวิตและบาดเจบ็ จาํ นวนมาก แตอ บุ ตั ิเหตุจากสาเหตอุ ื่นทมี่ ี ความเสียหายนอย ก็รอไวดําเนินการในภายหลังได โดยผูบังคับบัญชาในยุคใหมจะตองเปล่ียน จากบทบาทผูตรวจการณบนทองถนน ที่ตรวจดูความเรียบรอยท่ัวไป เปนผูกํากับแผนงาน กิจกรรม โดยใชขอมูลมาพิจารณาแทน ¢ŒÍ椄 à¡μ การจัดลาํ ดับความสําคญั ในการตงั้ จดุ ตรวจจราจรนน้ั มกั จะมกี ารสบั สน ไปกับการควบคุมการจราจร โดยไมเห็นความสําคัญของการควบคุมอุบัติเหตุ ดังนั้นในแตละสถานี ตํารวจ จงึ มีการออกคาํ สัง่ ใหนาํ กาํ ลังตํารวจจราจรไปจดั การจราจรประจาํ วนั ตามจุดตางๆ เกอื บหมด แตไมมีการวางแผนเพื่อลดอุบัติเหตุแตอยางใด ซึ่งแสดงถึงการวางแผนที่สับสน ระหวางแผนงาน อบุ ตั เิ หตแุ ละแผนงานจดั การจราจร ทจี่ ะตอ งมที งั้ ๒ ดา น แตห วั หนา สถานตี าํ รวจหรอื รองผกู าํ กบั จราจร จํานวนมากยังไมสามารถแยกแยะความสําคัญ หรือแบงหมวดหมูงาน แตปฏิบัติงานเหมือน ท่เี คยทาํ มาแลว ท้ังท่เี ปน เรอ่ื งสําคญั เทาเทยี มกนั ทงั้ คู การตง้ั จดุ ตรวจเพอื่ ลดอบุ ตั เิ หตจุ ะเกดิ ผลดไี ด จะตอ งอาศยั ผบู งั คบั บญั ชาและนโยบาย ทส่ี อดคลอ งกนั เพอื่ สนบั สนนุ ใหม กี ารปฏบิ ตั ดิ า นการตรวจจบั แตเ ปน การตรวจจบั เฉพาะทางทม่ี ขี อ มลู ในการตดั สนิ ใจ ดว ยเหตนุ กี้ องบญั ชาการตาํ รวจนครบาลและภธู รในอนาคต จงึ ควรจะแยกประเภทงาน จราจรใหมีน้ําหนักเทากัน ระหวางการควบคุมอุบัติเหตุและการอํานวยความสะดวกดานการจราจร โดยใหสถานีตํารวจแตละแหงตองมีแผนงานรองรับ คอยตรวจสอบกิจกรรมวาสอดคลองกันหรือไม และตรวจสอบจากสถิติขอมูลอุบัติเหตุจราจรภายหลังดําเนินการมาประกอบการพิจารณาจึงจะทําให การตั้งจดุ ตรวจจราจรในอนาคตมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล

๑๖๒ การตั้งจุดตรวจเพื่อลดอุบัติเหตุ จากงานวิจัยตางประเทศที่นาสนใจสามารถนํามา เปนขอมลู ประกอบการพจิ ารณาต้งั จุดตรวจ ดงั นี้ -. ò) ¡ÒÃμé§Ñ ¨Ø´μÃÇ¨Ç´Ñ áÍÅ¡ÍÎÍŏ àÁ×ͧ û٠Ẻ ਺ç -μÒ ¨Ò¡´è×ÁáÅÇŒ ¢ºÑ ਺ç -μÒ´ŒÇÂÊÒàËμØÍ×è¹ Modesto ตาํ รวจ ๖-๑๒ นาย/คนื ละ ๑ จดุ -๙.๓ % +๑๒.๙ % Ventura ตาํ รวจ ๓-๕ นาย/คืนละ ๓ จุด -๓๙.๗ % -๗.๔ % Visalia ตํารวจ ๓-๕ นาย/คนื ละ ๑ จุด -๑๔.๗ % +๓.๕ % Ontario หนวยลาดตระเวน -๑๘.๐ % -๓.๙ % μÒÃÒ§·èÕ ó.ò การต้ังจุดตรวจวัดความเมารูปแบบตางๆ กับความสามารถในการลดการเจ็บ-ตาย จากด่ืมแลวขับ ¡ÒáÃШÒÂกําÅѧตําÃǨ໚¹Ë¹‹ÇÂàÅç¡ (ó-õ ¹ÒÂ) á실Ãͺ¤ÅØÁËÅÒ¨ش䴌¼Å´Õ áÅШÐãËŒ¼Å㹡ÒÃÅ´à¨çºμÒ¨ҡàÁÒáŌǢѺÁÒ¡¡Ç‹ÒÇ¸Ô Õ¡ÒÃÍè×¹æ ในสถานการณท ี่ทรัพยากร (คน- เวลา-เงนิ )มีจํากดั ... การตัง้ ดา น ตอ งพจิ ารณาถงึ ขอมลู วา จดุ ใด (แผนทอี่ ุบตั ิเหต)ุ ชวงเวลาใด (นาฬกา อุบัติเหตุ) จึงจะเกิดผลมากที่สุด ซึ่งในหลายพ้ืนท่ี... การเพิ่มขึ้นของจุดตรวจ นอกจากจะลดจํานวน อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ เสยี ชีวติ แลว...คดีอาชญากรรมอน่ื ๆ ก็ลดลงดว ย ò) ¡ÒÃμÑ§é ¨Ø´μÃǨ¨ºÑ “¤ÇÒÁàÃçÇ” รถทแี่ ลน ดว ยความเรว็ ทแี่ ตกตา งกนั มากบนถนน นาํ ไปสกู ารเกดิ อบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั เิ หตุ จากความเร็วท่ีมีผูเสียชีวิต มักเกิดกับถนนตรงหรือทางโคงมากกวาทางแยกบนถนนท่ีมีชองจราจร มากกวา ๑ ชอ งจราจร และในชว งทฝี่ นตก ขอมูลจาก NHTSA (National Highway and Traffic Safety Administration) พบวา ปจ จยั ท่สี ง ผลตอ พฤติกรรมการขบั ขีเ่ ร็ว o พฤตกิ รรมของผูข บั ขเี่ พศชาย อายุ ๑๕-๒๐ ป มีพฤตกิ รรมขับข่ีรถเร็วมากที่สุด o ปริมาณแอลกอฮอลในเลือดทเี่ พ่มิ มากขึน้ สงผลตอ พฤติกรรมการขับขี่เรว็ o ชว งเวลาหลงั เทยี่ งคนื ถงึ ตสี าม เปน ชว งเวลาทผี่ ขู บั ขม่ี พี ฤตกิ รรมขบั ขเี่ รว็ มากทส่ี ดุ จากขอ มูลดังกลาวแสดงใหเหน็ วา “¤¹¢ÑºÃ¶ÁáÕ ¹Çâ¹ÁŒ ·¨Õè Ð㪌¤ÇÒÁàÃçÇμÒÁÊÀÒ¾¶¹¹ÁÒ¡¡ÇÒ‹ ¾Ô¡´Ñ º¹»Ò‡ Âจาํ ¡Ñ´¤ÇÒÁàÃÇç ”

๑๖๓ การตั้งจุดตรวจจะยังคงมีผลตอการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการขับขี่เร็วในระยะหาง ออกไปอกี ประมาณ ๔ กโิ ลเมตร จากตําแหนง ท่ีต้ังจดุ ตรวจ ดังน้ันการเลือกตง้ั จดุ ตรวจทม่ี ีความถขี่ อง จดุ เสย่ี งในชว ง ๔ กโิ ลเมตร จงึ เปน ตาํ แหนง การตง้ั ดา นทม่ี ผี ลตอ การลดอบุ ตั เิ หตไุ ดส งู สดุ จากการศกึ ษา วิจยั พบวา มาตรการเขม งวดในการตง้ั จดุ ตรวจจบั ความเรว็ สามารถลดการสญู เสยี ชีวิตลงไดร อ ยละ ๖ และลดการชนแบบรนุ แรงไดถึงรอยละ ๑๔ ÀÒ¾·Õè ô รูปแบบ แบงพน้ื ท่ีออกเปน ๕ โซน

๑๖๔ คําอธิบายเพ่มิ เติมในการตัง้ จดุ ตรวจแบบแบง พ้นื ทีอ่ อกเปน ๕ โซน พนื้ ทส่ี ว นที่ ๑ เปน พน้ื ที่ เฝา สงั เกตรถและบคุ คลทอี่ ยภู ายในรถทจี่ ะวงิ่ ผา นเขา มาในบรเิ วณพนื้ ทต่ี งั้ จดุ ตรวจ มเี จา หนา ทีต่ าํ รวจอยปู ฏิบัติ ๒ นาย โดยอยูก อ นถงึ พ้นื ท่ตี ้งั จุดตรวจหางประมาณ ๒๐-๑๐๐ เมตร (ตามสภาพพ้นื ที่) พนื้ ทส่ี ว นที่ ๒ เปนพ้ืนทท่ี ี่พจิ ารณาคัดกรองรถเพื่อเรยี กรถเขามาสพู ื้นทต่ี รวจคน มีเจา หนา ทตี่ ํารวจ ๒ นาย และเจา หนาทีต่ ํารวจท่ีทําหนาท่เี ปน หวั หนาจุดตรวจ ๑ นาย รวมเจา หนาท่ีจํานวน ๓ นาย พนื้ ทส่ี ว นท่ี ๓ เปน พน้ื ทตี่ รวจคน มเี จา หนา ทต่ี าํ รวจทาํ หนา ทตี่ รวจคน รถและบคุ คลตอ งสงสยั ทนี่ ง่ั มา ๒ ชดุ ปฏบิ ัติ (๑ ชุดปฏบิ ตั ิมี ๓ – ๔ คน รถทเี่ ขาทําการตรวจคน ควรมไี มเกิน ๒ คนั ในแตล ะชว ง ทที่ าํ การตรวจคน และการตรวจคน ใชเ จา หนา ทต่ี าํ รวจ ๓ – ๔ คนตอ รถทาํ การตรวจคน ๑ คนั โดยคน ๒ คน คมุ กนั ๑ - ๒ คน) มเี จา หนา ทตี่ าํ รวจอกี ๑ คน ทาํ หนา ทบี่ นั ทกึ ภาพขณะตรวจคน ไวเปนหลักฐาน และมีเจาหนาท่ีตํารวจอีก ๑ คน ทําหนาที่คอยควบคุมการปลอยรถออก จากพน้ื ทต่ี รวจคน เพ่ือปองกนั อบุ ัตเิ หตุ รวมเจาหนา ทต่ี าํ รวจท่ีอยูใ นพนื้ ท่ีนี้ ๘ - ๑๑ คน พน้ื ทสี่ ว นท่ี ๔ เปนพื้นที่คอยสกัดรถ หากรถตองสงสัยที่เขามาในพื้นท่ีตั้งจุดตรวจไมยอมหยุดรถใหทําการ ตรวจคน เจาหนาที่ตํารวจที่อยูปฏิบัติหนาที่ทายพื้นที่จุดตรวจน้ีจะทําหนาท่ีนํารถตํารวจ ท่ีจอดอยูทายจุดตรวจเขาสกัดขวางกันไมใหผานหรือไลติดตามหากหลบหนี ในสวนนี้จะมี เจาหนาที่ตํารวจทําหนาท่ีประจํารถยนต ๑ คัน ๑ คน และเจาหนาที่ตํารวจประจํา รถจกั รยานยนต ๑ คัน ๒ คน รวมเจาหนาที่จํานวน ๓ คน พน้ื ทส่ี ว นที่ ๕ เปน พื้นทีค่ วบคุมผกู ระทาํ ความผิด หรอื พน้ื ท่บี รกิ ารประชาชน มเี จาหนา ท่ีตาํ รวจอยปู ฏิบัติ อยางนอย ๑ คน จากภาพประกอบดงั กลา วและคาํ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ การตง้ั จดุ ตรวจแบบแบง พนื้ ทอ่ี อกเปน ๕ โซน ลกั ษณะจดุ ตรวจดงั กลา วเปน หลกั พน้ื ฐานในการวางกาํ ลงั และตาํ แหนง หนา ทข่ี องเจา หนา ทต่ี าํ รวจ ซงึ่ ตอ งใชก าํ ลงั พลทมี่ ปี รมิ าณเพยี งพอ มลี กั ษณะการวางกาํ ลงั แบบการตงั้ จดุ ตรวจเปน วงกลม เปน การตง้ั จุดตรวจท่ีใชคนจํานวนมาก เปนการระดมคร้ังใหญหรือมีเปาหมายเพื่อบูรณาการหลายหนวยงาน ซึ่งในการปฏิบัติหนาที่จริง หากไมมีกําลังพลเพียงพอหรือสถานท่ีต้ังไมเหมาะสมก็ควรตองพิจารณา ในรูปแบบอ่นื ที่เหมาะสม และคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภัยตอ ผูป ฏบิ ตั งิ านตอไป

๑๖๕ ÀÒ¾·èÕ õ แสดงการตั้งจุดตรวจในทางเดินรถท่ีมีการจราจรไปในทิศทางเดียวกัน (One Way) ÀÒ¾·èÕ ö แสดงการตัง้ จดุ ตรวจในทางเดนิ รถที่มกี ารจราจรสวนกนั (Two Way)

๑๖๖ ÀÒ¾·Õè ÷ แสดงการตง้ั จดุ สกดั ในถนนสายเล็ก โดยใชรถยนตชว ยเปน สิง่ กีดขวาง ÀÒ¾·èÕ ø แสดงการตง้ั จุดสกดั ในถนนสายเลก็ โดยหลุมบอ บนถนนเปน เครอ่ื งชวย

๑๖๗ ÀÒ¾·èÕ ù แสดงการตั้งจดุ สกดั ในถนนสายเลก็ โดยใชเ ครื่องกีดขวางชว ย

๑๖๘ ÀÒ¾·èÕ ñð การต้ังจดุ ตรวจแบบ สองชอ งจราจรตอ ทศิ ทาง (ใชพ้นื ที่จอดรถที่มอี ย)ู 150-200 ม. ÊÞÑ Åѡɳ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตํารวจ ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ปา ยเตอื น ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทท่ี าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตาํ รวจทท่ี ําหนา ท่ี ตรวจสอบรถยนต รถยนตทถ่ี กู ตรวจสอบ Í»Ø ¡Ã³· μèÕ ÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเสอื้ กก๊ั ทสี่ ะทอ นแสงได ตลอดเวลา ■ ปายเตือนท่สี ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้ง บนปา ยเตือน ■ กรวยทสี่ ะทอ นแสงได (ถา จาํ เปน ) ËÁÒÂàËμØ ภายหลังจากการตรวจสอบ ตํารวจ คทว่ที าาํ มหสนะดา ทวกี่ตใรนวรจถสยอนบตคจนัะดตงัอกงลอา าํวนออวยก จากจุดตรวจสอบไดอยางปลอดภยั เกาะกลาง POLICE POLICE

๑๖๙ ÀÒ¾·Õè ññ รูปแบบการตงั้ จดุ ตรวจ สองชอ งจราจรตอทิศทาง (ใชพ ้ืนทไี่ หลทาง) ÊÞÑ Åѡɳ รถตาํ รวจ ปายเตอื น ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํ รหถนยานทตหี่ บ ยนดุ ถหนรนอื ตตาํรวรวจจสทอีท่บาํรหถยนนาทตี่ รถยนตทถ่ี กู ตรวจสอบ กรวยทีส่ ะทอ นแสงได การวางกรวย 150-200 ม. Í»Ø ¡Ã³· μÕè ÍŒ §ãªŒ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน ไปแกฟสรา เงวยตไยฟเอื ตทแนอืล่สีกะนะะเทพทสอ้ืรอส่ี บิกะนกสั๊ทแทเี อหสส่ี ลงนะไอืทแดงอสตน(งดถิ ไแตาดสจงั้งบาํไดนเปตปลนา อย)ดเตเวอื ลนา ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ■ ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ■ ■ POLICE ■ เกาะกลาง ËÁÒÂàËμØ ทภาท่ี ยาํ หหลนังา จทาตี่ กรกวาจรสตอรบวจจะสตออบงอตาํ ํานรววยจ ความสะดวกในรถยนตคันดังกลาว ออกจากจดุ ตรวจสอบไดอ ยา งปลอดภยั POLICE

๑๗๐ ÀÒ¾·Õè ñò ทางหลวงขนาดสองชอ งจราจร (ใชพ นื้ ทห่ี ยดุ รบั สง รถโดยสารหรอื พน้ื ทจี่ อดรถ) 150-200 m. ÊÞÑ Åѡɳ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตาํ รวจ ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ปายเตอื น ตง้ั แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทที่ าํ หนา ทห่ี ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตํารวจทที่ าํ หนาที่ ตรวจสอบรถยนต รถยนตท ่ีถกู ตรวจสอบ ÍØ»¡Ã³·ÕèμÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเสื้อกั๊กที่สะทอนแสงได ตลอดเวลา ■ ปา ยเตอื นทีส่ ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพรบิ สเี หลอื งติดตงั้ บนปา ย ËÁÒÂàËμØ ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจที่ทาํ หสะนดาวทก่ีตใรนวรจถสยอนบตจคะันตดอังงกอลําานวอวยอคกวจาามก จดุ ตรวจสอบไดอ ยา งปลอดภัย POLICE

๑๗๑ ÀÒ¾·èÕ ñó รปู แบบการตงั้ จดุ ตรวจสองชองจราจร รถวง่ิ สวน (ใชพนื้ ทข่ี องไหลท าง) ÊÞÑ Åѡɳ รถตาํ รวจ ปา ยเตอื น ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํรหถนยานทตหี่ บ ยนดุ ถหนรนอื ตตํารวรวจจสทอีท่บํารหถยนนา ทต่ี รถยนตท่ถี กู ตรวจสอบ กรวยท่สี ะทอนแสงได การวางกรวย 150-200 m. ÍØ»¡Ã³· èÕμŒÍ§ãªŒ จุดตรวจสอบไมควรอยูใน ไตปกปแฟสรลาาวเงยยอตยไเเดฟืตตอทเอือืแวนี่สลลนนะกาะททะเพอีส่สะนรื้อทิบแกอสส๊ักงนีเทหไแี่สดลสะ ือ(งทถไงอาดตจนิดําแตเสปั้งงบนไ)นด ตาํ แหนง ทส่ี ามารถมองเหน็ ได ■ ตง้ั แตร ะยะประมาณ 300 ม. ■ POLICE ■ ■ ËÁÒÂàËμØ ภายหลังจากการตรวจสอบ ตาํ รวจทท่ี าํ หนาที่ตรวจสอบจะตองอํานวยความ สจุดะตดรววกจใสนอรบถยไดนอตยคาันงปดลังกอลดาภวัยออกจาก

๑๗๒ ÀÒ¾·Õè ñô บริเวณชมุ ชน (ใชพ้ืนท่หี ยดุ รับสง รถโดยสารหรือพืน้ ทีจ่ อดรถ) 50-75 ม. ÊÑÞÅѡɳ รถตํารวจ ปายเตือน ตาํ รวจทท่ี าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื ตรวจสอบรถยนตบ นถนน ตาํ รวจท่ที ําหนา ที่ ตรวจสอบรถยนต รถยนตท ่ถี กู ตรวจสอบ ÍØ»¡Ã³· μÕè ÍŒ §ãªŒ ■ แสงไฟและเส้ือก๊ักที่สะทอนแสงได ตลอดเวลา ■ ปา ยเตอื นทีส่ ะทอ นแสงได ■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้งบนปาย เตอื น ■ กรวยที่สะทอ นแสงได (ถาจาํ เปน ) ËÁÒÂàËμØ ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจทที่ าํ หนา ที่ ตรวจสอบจะตองอํานวยความสะดวกใน อรถยยานงปตลคอันดดภังัยกลาวออกจากจุดตรวจสอบได POLICE

๑๗๓ จากเนื้อหาทไี่ ดก ลา วมาเปนเรอ่ื งของรูปแบบการตงั้ จดุ ตรวจประเภทตา ง ๆ สามารถนาํ ไปปรับใชไดตามสถานการณตางๆ ข้ึนอยูกับความเหมาะสมในแตละพ้ืนที่ แตสิ่งหนึ่งที่ตองคํานึงถึง ใหมากเพอ่ื สรา งความปลอดภยั ใหกบั เจาหนา ท่ตี าํ รวจจราจรผูปฏิบัติหนาทีบ่ ริเวณจดุ ตรวจ คอื ความ เขา ใจพ้ืนฐานของ หลักการการบรหิ ารจราจรในบริเวณทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงชองจราจรมาประกอบการ พจิ ารณารปู แบบการตงั้ จดุ ตรวจ เพอื่ ความปลอดภยั ซงึ่ ในเลม นไ้ี ดน าํ หลกั การสากลมาแนะนาํ ใหท ราบดงั นี้ ËÅÑ¡¡ÒáÒúÃÔËÒèÃÒ¨Ã㹺ÃÔàdz·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ª‹Í§¨ÃҨà »ÃСͺ仴ŒÇ ËÅ¡Ñ ¡Òôѧ¹éÕ Advance warning area มกี ารเตอื นลว งหนา เพอ่ื ใหผ ขู บั ขที่ ราบวา จะมกี ารเปลยี่ นแปลงชอ งจราจรอยา งไรขา งหนา เพ่ือใหผูขบั ข่ชี ะลอ เปล่ยี นชองจราจร ลดการติดขดั บริเวณจดุ ท่จี ะมกี ารเบีย่ งการจราจร Transition Area มรี ะยะการเบยี่ งชอ งจราจรทีย่ าวเพยี งพอ เหมาะสม ชัดเจน Working/Activity Area มีการกั้นพืน้ ทท่ี าํ งาน และพ้ืนทีจ่ ราจรชัดเจน กําหนดความเรว็ ในการควบคุม Termination Area แจงผูขับข่ีถึงจุดส้ินสุดการเบ่ียงการจราจร เพื่อใหคืนสภาพ การเดินทางอยางรวดเร็ว ปลอดภัย

๑๗๔ CSLWDeiihgorgaenrenkcnntsideoplniazcoinefgtrdaevveilce tthoTaerplaloaafficwstcssivtSithtrpyaroaffiacurcegeha Downstream Taper nleTotesrrmmtraianlffiaotcpioernreasAtuiromenaes Bapunfpoffdr(lorraeotwtrteveroicSardratffipekiloa)escncrse Buffer Space (longitudinal) awnodisrkWmseoaersrttke,areSisaqipdluaesipctofemoraregnet isAtacwktihevesitryeplAwarcoeerak prtorvaiffiBd(loeucsnffagepnirtrduoSdtwpeinacoactrilkeo)enrsfor omfToritavsnesnsiottirromanffiaAlcrpeoaautht Shoulder Taper AdtveallesnxctpereaWcffitcaarwhneihnaagdtAtorea

๑๗๕ Êμ٠÷ãÕè ªŒã¹¡ÒÃคาํ ¹Ç³ Table 6C-3. Taper Length Criteria for Temporary Traffic Control Zones Type of Taper Taper Length Merging Taper at least L Shifting Taper at least 0.5 L Shoulder Taper at least 0.33 L One-Lane, Two-Way Traffic Taper 50 feet minimum, 100 feet maximum Downstream Taper 100 feet per lane Note : Use Table 6C-4 to calculate L Table 6C-4. Formulas for Determining Taper Length Speed (S) Taper Length (L) in feet 40 mph or less L = WS2/ 60 45 mph or more L = WS Where : ● L = taper length in feet ● W = width of offset in feet ● S = posted speed limit, or off-peak 85th-percentile speed prior to work starting, or the anticipated operating speed in mph Table 6C-1. Recommended Advance Warning Sign Minimum Spacing Road Type Distance Between Signs** A BC Urban (low speed)* 100 feet 100 feet 100 feet Urban (high speed)* 350 feet 350 feet 350 feet Rural 500 feet 500 feet 500 feet Expressway / Freeway 1,000 feet 1,500 feet 2,640 feet

๑๗๖ ¡ÒûÃÐÂ¡Ø μãªËŒ ÅÑ¡¡ÒúÃËÔ ÒèÃҨà ¡Ñº ¨´Ø μÃǨ ¨Ø´Ê¡´Ñ áÅÐ ´‹Ò¹ ´Ò‹ ¹μÃǨ ตงั้ เปน การถาวร รปู แบบ การบริหารจราจรใหนาํ มาประยุกตใชไ ด (Advance Warning, Transition) ¨Ø´μÃǨ / ¨Ø´Ê¡Ñ´ ควรนําหลักการบริหารจราจรมาประยุกต แตกรณีจําเปน เพอื่ ความมน่ั คง ถา จะไมต อ งการเตอื นลว งหนา (Advance Warning) กส็ ามารถลดชดุ ปา ยเตอื นลว งหนา ออกตามความเหมาะสมของภารกจิ ¡ÒÃẋ§¾é¹× ·ÕèºÃàÔ Ç³¨´Ø μÃǨ ¨´Ø Ê¡´Ñ ´‹Ò¹ à»ÃÂÕ ºà·Õºã¹ËÅÑ¡¡ÒúÃËÔ ÒèÃҨà = Activity/Working Area หลังจากสน้ิ สุดการตรวจแลว ตอ งวางตําแหนง Termination Area (พ้ืนท่ีส้นิ สดุ การตง้ั จดุ ตรวจ) ไดแก Buffer Space + Dowstream Taper ÊÃØ»â´ÂËÅÑ¡¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡Ñ´ ´‹Ò¹ã¹ºÃÔàdz·èÕÁÕ¡ÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§ª‹Í§¨ÃҨà μÍŒ §คํา¹Ö§¶Ö§¾¹é× ·èÕ¡ÒèѴ¡ÒÃàËŋҹ¾Õé ¨Ô ÒóÒà¾èÍ× ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ Advance Warning Area (¾¹é× ·¡èÕ ÒÃàμ×͹ÅÇ‹ §Ë¹ÒŒ ) กรณีดานท่ีต้ังถาวร ตองมีปายเตือนลวงหนากอนถึงดานวาจะปดชองจราจรไหน เปนระยะๆ หางกอนถึงดาน ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ เมตร (กรณีจุดตรวจ จุดสกัด พิจารณาเปนกรณี ตามภารกิจวา การเตอื นลว งหนา มีผลกระทบตอ ความมัน่ คงของภารกิจหรือไม) Transition Area (¾¹é× ·èºÕ ÃÔàdzà»ÅèÂÕ ¹/àºÂèÕ §¡ÒèÃÒ¨Ã) ในการต้ังจุดตรวจ จุดสกัด ดาน ตองมีการเบ่ียงการจราจรดวยกรวยยางที่เห็นเดนชัด โดยระยะวางกรวยยาง ตองมีระยะยาวพอสมควรใหรถที่ชะลอความเร็วสามารถชะลอรถและเบ่ียง การจราจรไดอยางปลอดภัยกอนเขาดาน โดยมีระยะตามสูตรการคํานวณ (โดย แผงเตือน/ปายไฟ จดุ ตรวจ จะวางอยูห ลังแนวกรวยยางทเ่ี บีย่ งจราจร)

๑๗๗ Activity/Working Area (¾¹é× ·ºèÕ ÃÔàdz¨Ø´μÃǨ ¨´Ø ʡѴ ´Ò‹ ¹) พ้ืนที่ชวงดังกลาวจะกําหนดตามภารกิจของเจาหนาที่ โดยพื้นท่ีเฝาสังเกตจะเริ่มต้ังแต สน้ิ สุด แนวเบี่ยงการจราจร ระยะทางของพน้ื ท่ีบริเวณจุดตรวจ พิจารณาจาก กาํ ลังพล ยานพาหนะ ท่ีตอ งใช Termination Area มีการคืนสภาพการจราจรปกติ โดยวางกรวยยาง เพ่ือคืนชองจราจรระยะทางประมาณ ๓๐-๕๐ เมตร ตามความเหมาะสม ¡ÒÃầ‹ ¾é×¹·èÕºÃÔàdz¨´Ø μÃǨáμ‹Åоé¹× ·èàÕ ¾Í×è ãËŒà¡´Ô ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ (áμ‹Åоé×¹·èÕμŒÍ§ÁÕÃÐÂÐËÒ‹ § à¾×Íè ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ) ๑ พงษส ันต คงตรแี กว (๒๕๕๑), การตรวจจบั ความผิดจราจร Traffic Surveillance เอกสารประกอบการสอนวิชาจราจร, นครปฐม : โรงเรียนนายรอยตํารวจ ๒ Stuster JW, Blowers PA. Experimental evaluation of sobriety checkpoint programs. Washington, DC: U.S. Department of Transportation, National Highway Safety Traffic Administration, ๑๙๙๕. DOT HS ๘๐๘ ๒๘๗

๑๗๘

๑๗๙ บทท่ี ๕ การบังคบั ใชก ฎหมายใหม ปี ระสิทธิภาพ õ.ñ ¨ÔμÇÔ·ÂÒ㹡Òúѧ¤ºÑ 㪡Œ ®ËÁÒ ¨μÔ Ç·Ô ÂÒ หมายถงึ วชิ าทว่ี า ดว ยการศกึ ษาเกย่ี วกบั พฤตกิ รรม หรอื กริ ยิ าอาการของมนษุ ย รวมถึงความพยายามที่จะศึกษาวามีอะไรบางหรือตัวแปรใดบาง ในสถานการณใดที่เกี่ยวของกับการ ทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมตา ง ๆ ซง่ึ ขอ มลู ดงั กลา วจะทาํ ใหส ามารถคาดคะเน หรอื พยากรณไ ดโ ดยใชแ นวทาง หรอื วิธกี ารทางวิทยาศาสตรเ ปน เคร่อื งมือชว ยในการวเิ คราะห ปญ หาดา นการจราจรทเ่ี กดิ ขนึ้ ทาํ ใหม คี วามจาํ เปน อยา งยง่ิ ทจ่ี ะตอ งมกี ารกาํ หนดวธิ กี าร เชงิ กลยทุ ธใ หส งั คมไดร บั รถู งึ ปญ หา ตระหนกั วา เปน ปญ หาทสี่ าํ คญั ของสงั คม โดยมงุ เปา ไปยงั ทศั นคติ และพฤตกิ รรมของประชาชนในการใชร ถใชถ นน วธิ กี ารทางจติ วทิ ยา หรอื จติ วทิ ยาจราจรไดถ กู นาํ มาใช ในประเทศท่พี ัฒนาแลว ทงั้ หลาย อยา งเชน ประเทศญป่ี ุน เปน วิถที างในการเรยี นรคู วามจรงิ เก่ียวกบั ปญ หาการขบั ข่ี และการใชพ ื้นที่ของถนนรวมกบั คนอนื่ ๆ และครอบคลมุ ในเรอื่ งของการใหการศกึ ษา เพือ่ สรา งวัฒนธรรมความปลอดภัยดวย การบังคับใชก ฎหมายเปนเครอ่ื งมอื อยา งหนึ่งในทางจติ วทิ ยา เพอ่ื ใหเ กดิ การแปลงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการใชร ถใชถ นน ขณะเดยี วกนั ตอ งคาํ นงึ ถงึ กระบวนการปรบั เปลยี่ น พฤติกรรมใหครบกระบวนการ โดยเฉพาะอยางยิ่งตองแกไขสาเหตุนํากอนการกระทําพฤติกรรม การขบั ข่ีที่ละเมิดกฎหมาย ในสวนของการบังคับใชกฎหมายซึ่งเปนบทบาทสําคัญของตํารวจ ตองใหความสําคัญ ตอการสรางการยอมรับ การบังคับใชกฎหมายของประชาชนและการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการขับขี่ ทดี่ ขี ้ึน ดงั นั้น จติ วทิ ยาการบังคบั ใชก ฎหมายตอ งเปนการบรู ณาการดวยหลกั การเบื้องตน ๔ ประการ เขาดว ยกนั เพอ่ื ใหเกดิ ผลดงั ตอไปนี้คอื ñ. ãËŒ»ÃЪҪ¹ÃѺÃÙŒ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÁÒ¡¢éÖ¹ ซ่ึงไดแก การต้ังจุดตรวจ และ ดา นจราจรในจดุ ตา งๆ ทเ่ี ดน ประชาชนเหน็ ไดช ดั เจน มกี ารเปลยี่ นสถานท่ี ความเขม งวดในการตรวจจบั และเวลาท่ีออกไปตรวจจบั อยูเรอ่ื ยๆ และในแตล ะทีมงานควรมตี ํารวจอยหู ลายๆ คน มกี ารแตง กาย ที่เหน็ เดน ชดั มีรายชอ่ื หัวหนา ชุดปฏิบัตกิ ารพรอ มหมายเลขโทรศพั ท ò. ó礏ãËŒÁÕ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒ«íéÒËÅÒÂæ ¤Ãéѧ เพื่อยํ้าใหผูขับข่ีและผูโดยสาร รถจกั รยานยนตท ราบวา มกี ารเสยี่ งในการถกู จับสูงไดใ นทุกที่และทุกเวลา หากมีการฝา ฝนกฎหมาย ó. Á¡Õ Òúѧ¤ÑºãªÍŒ ‹ҧࢌÁ§Ç´áÅÐÊมํ่าàÊÁÍ ไมม ีการแบง แยกหรือเลือกปฏบิ ตั ิ ซ่ึงจะ นาํ ไปสูการเปลย่ี นแปลงอยางถาวรของพฤติกรรมของผูใชรถใชถนน ô. à¼Âá¾Ã‹¢ŒÍÁÙÅ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÍ‹ҧá¾Ã‹ËÅÒ ทั้งน้ีเพราะกฎหมายจราจร เปนกฎหมายที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของผูใชรถใชถนนจึงตองอาศัยความรวมมือจากประชาชน ทัว่ ไป

๑๘๐ ฉะนั้น การบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจราจร เพ่ือใหประชาชนปฏิบัติตาม กฎหมายดวยการรักษาวินยั ในการขับข่ี หรอื โดยสารยวดยานพาหนะ แมก ฎหมายไดม ขี อบังคบั ไวแลว ก็ตาม แตก็ไมไดหมายความวาผูใชรถใชถนนจะไมฝาฝนกฎหมายจราจร ตรงกันขามผูขับขี่กลับมอง ไมเ หน็ ความสาํ คญั ของกฎหมายจราจรดว ยซา้ํ ไป เนอื่ งจากเหน็ วา มโี ทษเลก็ นอ ย เปน เหตใุ หก ารปฏบิ ตั งิ าน ถูกผูบังคับบัญชา หรือแมแตประชาชนท่ัวไป ตําหนิติเตียน วาไมเขมงวดในการบังคับใชกฎหมาย จนเกดิ การกระทาํ ความผดิ กฎจราจรอยา งตอ เนอื่ ง และกลายเปน วฒั นธรรมทปี่ ฏบิ ตั ติ ามกนั มาอยา งผดิ ๆ จิตวิทยาการบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจึงมีความจําเปนอยางย่ิงที่ตํารวจตองเรียนรู โดยเฉพาะอยางยิ่ง การปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ซ่ึงเปนยุคของโลกแหงการใช เทคโนโลยี สังคมออนไลน (Social Media) หมายถึง สังคมท่ีมีการตอบสนองไดหลายทิศทาง โดยผานเครือขายอินเทอรเน็ต ซ่ึงก็คือ เว็บไซต ที่บุคคลบนโลกน้ีสามารถมีปฏิสัมพันธโตตอบกันได ขณะนเ้ี ทคโนโลยเี วบ็ ไดพ ฒั นาเขา สยู คุ ๔.๐ มกี ารพฒั นาเวบ็ ไซตท เี่ รยี กวา Web application คอื เวบ็ ไซต ท่ีมีโปรแกรมตางๆ มีการตอบโตกับผูใชงานมากข้ึน ซึ่งก็เปนประโยชนตอการพัฒนางานเจาหนาท่ี ตํารวจ ขณะเดียวกันก็เปนสื่อที่ตํารวจตองระมัดระวังเน่ืองจากความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยี ก็ทําใหคนรายใชเปนเคร่ืองมือในการจับผิดการปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในหลายรูปแบบ เชน เมื่อไมพอใจการปฏิบัติงานของตํารวจก็จะหลอกลอใหตํารวจตกเปนเครื่องมือทางอารมณ แลว แอบถา ยคลปิ วดิ ีโอ ซ่งึ เจาหนาท่ีอาจถูกกลนั่ แกลงโดยรูเทาไมถ งึ การณไ ด การบงั คบั ใชก ฎหมายจงึ มสี ถานะเปน กลไกการลงโทษเพอ่ื ทาํ ใหพ ฤตกิ รรมทไี่ มเ หมาะสมยตุ ลิ ง อยางไรก็ตาม ¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒ์¹ÂéíÒÇ‹Ò ¡ÒÃŧâ·É·ÕèÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀҾ㹡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹Ñé¹ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ä»â´Â·èÕ¼ÙŒ·¶Õè ¡Ù »ÃѺà»ÅèÕ¹¾Äμ¡Ô ÃÃÁÃºÑ ÃŒÙ (ãËŒ¤ÇÒÁÃ)ŒÙ ÇÒ‹ ¼Œ·Ù Õèŧâ·É (ตาํ ÃǨ) ¡ÃÐทํา ¡ÒÃŧâ·É´ŒÇÂà¨μ¹Ò·èÕ´Õ ÁØ‹§ËÇѧãËŒ¼ÙŒ¶Ù¡Å§â·Éä´Œ»ÃÐ⪹¨Ò¡¡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹éѹ Í¡Õ ·§éÑ ¡ÒÃŧâ·É¨ÐμÍŒ §äÁท‹ าํ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ŧâ·ÉÃʌ٠¡Ö ÇÒ‹ μ¹àͧä´ÃŒ ºÑ ¡ÒÃŧâ·É·äÕè Áà‹ »¹š ¸ÃÃÁ ËÃÍ× Ã¹Ø áç à¡¹Ô ä»Í¡Õ ´ÇŒ  เนอ่ื งจากการลงโทษทร่ี นุ แรงจะทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมการตอ ตา น ดงั นนั้ เจา หนา ทตี่ าํ รวจ จราจรจงึ จาํ เปน ตอ งใชศ ลิ ปะทด่ี ใี นการบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ ใหผ ขู บั ขย่ี อมรบั การบงั คบั ใชก ฎหมายนน้ั ไมเ กิดการตอตาน หรอื มีทัศนคตทิ ีไ่ มด ีตอ ตาํ รวจ อกี ท้ังเกิดการปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการใชรถใชถนน ทเ่ี ปนไปตามกฎหมายจราจรในที่สุด ÈÅÔ »Ð¡Òúѧ¤ºÑ 㪌¡®ËÁÒ¨ÃÒ¨Ãã¹ºÃºÔ ·Êѧ¤ÁÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â เจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งแสดงบทบาทหนา ทด่ี งั ตอ ไปนใี้ หป รากฏแกส งั คมโดยทวั่ กนั ในพนื้ ที่ รบั ผดิ ชอบของแตล ะสถานเี พอื่ ใหส รา งความเขา ใจจนกลายเปน กระแสเชงิ บวกในสงั คม และเปน การสรา ง ความชอบธรรมในการปฏิบัติหนาที่ในการบังคับใชกฎหมายจราจรในบริบทที่สังคมไทยยังไมสามารถ แกไขเหตปุ จ จยั นําท่ีทําใหเกดิ พฤตกิ รรมที่ไมเ หมาะสมได ดังนี้ ñ. ËҾǡ การเดินเขาหาภาคีเครือขาย ผูมีสวนไดเสียในทุกกลุม ทุกอาชีพ และสรางความ สมั พนั ธท แี่ นน แฟน ในบรบิ ทของการทาํ งานรว มกนั โดยทตี่ าํ รวจเปด พนื้ ทใ่ี หภ าคเี ครอื ขา ยไดม สี ว นรว ม

๑๘๑ ในทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการทาํ งานนน้ั นอกจากจะทาํ ใหต าํ รวจมพี ลงั มวลชนในการรว มทาํ งานแลว ยังชวยเสริมสรางพลังอํานาจแกตํารวจในกรณีท่ีมีการตอตาน ตอรอง ขัดขืนการบังคับใชกฎหมาย อกี ดว ย สงิ่ ทค่ี วรตระหนกั คอื อยา คดิ ตดิ กรอบเพยี งการตดิ ตอ เชอื่ มความสมั พนั ธก บั กลมุ ภาคี เครือขายท่ีเปนกลุมคนทํางานแตเพียงเทาน้ัน กลุมผูใชรถใชถนนก็นับวาเปนภาคีเครือขายที่สําคัญ เชน เดยี วกนั ไมว า จะเปน นกั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษา คนงาน กลมุ แมบ า น แมค า คนขบั รถโดยสารประจาํ ทาง เปน ตน อีกทั้งการสรางความสัมพันธก็ไมควรจํากัดวงกิจกรรมอยูเพียงการทํางาน ประชุม หารือรวมกันแตเพียงเทานั้น หากแตการเลนกีฬา การจัดกิจกรรมสันทนาการตางๆ ก็สามารถสราง ความสัมพันธท่ีแนนแฟนและนํามาซึ่งความรวมมือที่ดีที่อาจจะมากกวาการทําบันทึกขอตกลงรวม (MOU) ดวย ดังท่ีพบวาหนวยงานราชการ หรือสถานศึกษาหลายแหงทํา MOU รวมกับตํารวจ แตก็มิไดดําเนินการอยางเขมแข็งเทาท่ีควร ดังนั้น การสรางเครือขายจึงควรเร่ิมตนดวยการมุงเนนท่ี คุณภาพมากกวามุงเนนปริมาณ เมื่อความสัมพันธมีความใกลชิดแนนแฟนแลวจึงเพิ่มจํานวนภาคี มากขนึ้ เรอื่ ยๆ ทง้ั นตี้ าํ รวจควรเรม่ิ ตน เดนิ เขา หาภาคที เ่ี ปน กลมุ เปา หมายทเี่ ฉพาะเจาะจงกบั ปญ หาดว ย ทั้งน้ี ตํารวจจราจรอาจจะใชเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบตางๆ เพ่ือสรางกลุม ทางสังคมใหมีความใกลชิดกันมากยิ่งข้ึน มีการติดตอสัมพันธกันโดยมีกิจกรรมในการทํางานดานการ จราจรรว มกันในรูปแบบตางๆ เชน การใชระบบไลนก ลุม Social Network เปนตน การทํางานรว มกัน เปน โซนและการมองเหน็ ความเหมอื นความตา งระหวา งโซนอน่ื ๆ ในมติ เิ รอ่ื งตา งๆ นนั้ อาจจะสามารถ สรา งบรรยากาศในการรว มมอื ทเ่ี ขม แขง็ มากขน้ึ ทง้ั นเี้ จา หนา ทตี่ าํ รวจจะตอ งทาํ การพจิ ารณาตามบรบิ ท ของสังคม วัฒนธรรมทีแ่ ตกตา งกนั ไปในแตท องที่ กลยุทธท ด่ี ีของที่แหง หนง่ึ อาจจะไมเหมาะสมกับอกี แหง หน่ึงกไ็ ด ส่ิงที่สําคัญในการเสริมพลังอํานาจใหตํารวจสามารถบังคับใชกฎหมายไดอยางมี ประสิทธิภาพ ลดการตอตาน และสรา งการยอมรบั จากประชาชนสว นรวมได คอื การสื่อสารผานส่อื ตางๆ ที่มากพออยางทั่วถึง และตอเนื่องถึงการกระทําของตํารวจทุกๆ กิจกรรม เนื่องจากจะทําให ประชาชนรบั รขู า วสารอยา งตอ เนอื่ ง ซมึ ซบั เขา ไปในภาพจาํ วา “ตาํ ÃǨÁ¤Õ ÇÒÁÁ§‹Ø Á¹èÑ Á¤Õ ÇÒÁ¾ÂÒÂÒÁ 㹡Òû¯ÔºμÑ Ô˹ŒÒ·ÕÍè ÂÒ‹ §àμçÁ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ¶§Ö áÁŒÇ‹Ò¨Ðทาํ §Ò¹´ŒÇ¤ÇÒÁ¢Ò´á¤Å¹·Ã¾Ñ ÂÒ¡Ãμ‹Ò§æ â´ÂÁàÕ ¨μจํา¹§à¾èÍ× ãË»Œ ÃЪҪ¹ Êдǡ ÃÇ´àÃçÇ áÅж֧·èÕËÁÒÂÍÂÒ‹ §»ÅÍ´ÀÂÑ ” ò. 㪢Œ ŒÍÁÅ٠໚¹ÍÒÇØ¸·Ò§»Þ˜ ÞÒ㹡Ò÷Òí §Ò¹ ตํารวจจราจรตองทํางานอยางมืออาชีพ (Professional) นั่นหมายความวา ตองใช หลกั วชิ าการ มขี อ มลู ในระดบั พนื้ ทที่ ส่ี ามารถนาํ มาใชป ระโยชนใ นการโนม นา ว ชกั จงู วางแผนการทาํ งาน ท้ังในสวนของตํารวจ และในสวนท่ีตองการใหภาคีเครือขายและผูมีสวนไดเสียเห็นความสําคัญ เห็นความจําเปนท่ีจะตองเขามารวมมือกันในการแกไขปองกันพฤติกรรมการขับข่ีท่ีละเมิด กฎหมายจราจร

๑๘๒ การนําขอมูลที่เฉพาะเจาะจง ที่เกิดข้ึนในพื้นที่แตละแหงมาใชน้ันจะสามารถสราง ความตระหนักในปญหาที่ทําใหประชาชนรับรูวาเปนปญหาใกลตัวไดมากกวาการใชขอมูลระดับชาติ ที่ไมเ ฉพาะเจาะจง อีกทั้งขอมูลจะทําใหการทํางานของตํารวจภายใตทรัพยากรท่ีจํากัดเปนไปอยางมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ดว ย เรยี กไดว า สามารถแกป ญ หาตามความสาํ คญั กอ นหลงั สามารถแกป ญ หาได ถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา โดยใชข อมลู ที่มปี ระสทิ ธิภาพในการตดั สนิ ใจ การทํางานอยา งมอื อาชพี น้ีจะสรา ง ศรัทธาและการยอมรับที่ดีในที่สดุ ó. ¡ÒûÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸ã ¹§Ò¹¨ÃҨà “วิสัยทัศน” ในการประชาสัมพันธในงานจราจร “การสรางภาพลักษณที่ดี และการ สื่อสารงานจราจรสูสงั คม” ó.ñ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸ã¹§Ò¹¨ÃҨà สามารถจาํ แนกองคป ระกอบสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธอ อกเปน ๔ ประการ คือ ๑. องคกร สถาบนั หรือหนวยงานในงานจราจร หนว ยงานจราจรแตละ สภ. ศูนยปฏิบัตกิ ารจราจร ๒. ขาวสารประชาสัมพันธในงานจราจร ขอมูลเก่ียวกับเสนทาง ทางลัด ถนนเสีย การเปดปดถนนเปนชวงเวลา การยายสถานที่ราชการ หางราน การซอมผิวทาง ขบวนแหประเพณีตางๆ ๓. สื่อประชาสัมพันธในงานจราจร สวนใหญตํารวจมักจัดทําเปนแผนปาย ปายสัญลกั ษณ การออกรายการวทิ ยุ ทวี ที องถิ่น หนังสอื พมิ พท อ งถ่ิน ในปจจุบันมสี อ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส ทีใ่ ชใ นชีวิตประจําวนั มากข้ึน แมจะเขา ถงึ ไดน อ ยราย แตสามารถแพรขา วไดอยางรวดเรว็ เชน เฟซบกุ (facebook) ไลน (line) ๔. กลุมประชาชนเปาหมายของการประชาสัมพันธในงานจราจร ไดแก กลุม บุคคลหรอื ประชาชนทีเ่ ปนเปา หมายในการสอื่ สารประชาสัมพันธค รงั้ น้นั ๆ ดงั น้ี ๔.๑ กลุมประชาชนภายใน เจาหนา ที่ตาํ รวจทุกนาย ไวส ําหรบั สอื่ สาร รับคาํ สง่ั แสดงผลการปฏบิ ัติ ๔.๒ กลุมประชาชนภายนอก กลุมประชาชนทว่ั ไป ó.ò ¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸à ª§Ô Ã¡Ø (Pro-active Public Relation) หมายถึง การประชาสัมพันธที่มีการชี้แจงและใหความรูความเขาใจกับกลุม เปาหมายโดยตรง โดยมีการวางแผนไวลวงหนากอนที่จะมีกิจกรรม หรือเหตุการณใด เพื่อใหเกิด ความยอมรบั และความรว มมือ

๑๘๓ Â·Ø ¸ÈÒÊμᏠÒûÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸àªÔ§ÃØ¡ ÁÕ ô »ÃСÒà ¤×Í ñ. Â·Ø ¸ÈÒÊμÏ¡ÒÃà¼Âá¾Ã‹¢‹ÒÇÊÒà »ÃСͺ´ŒÇ ๑.๑ มีการวางแผนปฏบิ ตั กิ ารประชาสัมพันธ ๑.๒ เนน ความชัดเจนของการกาํ หนดวิธกี ารตางๆ ๑.๓ ดําเนินยทุ ธวิธตี ามแผนใหครบถว น ò. Â·Ø ¸ÈÒÊμᏠÒêѡ¨Ù§ã¨ »ÃСͺ´ÇŒ  ๒.๑ การกําหนดแผน หรือวิธีการท่ีจะจูงใจประชาชนกลุมเปาหมาย ใหเ หน็ พอ งกับเนอ้ื หาท่ีนาํ ไปประชาสมั พันธอ ยางเปนขนั้ ตอน ๒.๒ นําขาวสารใหถึงผูรับสารกลุมเปาหมายโดยตรงแบบเผชิญหนา (face to face) ó. ÂØ·¸ÈÒÊμÏ¡ÒèѴͧ¤¡Òà ໚¹¡ÒÃกํา˹´μÑǺؤ¤Åทํา§Ò¹ μŒÍ§ãªŒ ºØ¤Åҡ÷ÁÕè Õ¤³Ø ÊÁºμÑ ´Ô ѧ¹Õé ๓.๑ เปนนักประชาสัมพันธท่ีแทจริง เปนผูชํานาญในวิชาชีพ การประชาสมั พันธ ๓.๒ มภี ูมปิ ญญา ๓.๓ มคี วามรับผิดชอบ ๓.๔ มีความรอบรใู นงานหลายสาขาวิชาชพี ๓.๕ มคี วามอดทน เสียสละ มานะ สงู าน ๓.๖ มีจรรยาบรรณ ๓.๗ ไมหวนั่ ตอ ปญ หา ô. Â·Ø ¸ÈÒÊμÏ¡ÒÃäμÃμ‹ Ãͧ เปนการทบทวนและใครค รวญการดาํ เนนิ การ ประชาสัมพันธที่ดําเนินไปแลว เพื่อจะไดปรับแผนหรือแกไขปญหาใหสอดคลองกับเหตุการณท่ีกําลัง เผชิญอยูไดท นั ทว งที การส่ือสารเพื่อการประชาสัมพนั ธ การส่ือสารเชิงรุก ๑. กอ เสริมสรา ง ๑. ใหค วามรู ๒. กนั ปองกนั ๒. สรา งความเขา ใจ ๓. แก รกั ษา ๓. เนน การแสดงออก ๔. กู ฟนฟู ๔. รวดเร็วฉับไว ๕. ตรงประเดน็

๑๘๔ ó.ó ¡ÒÃãªÊŒ Íè× »ÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸μÒ‹ §æ ã¹§Ò¹¨ÃҨà ñ. ÊÍ×è ºØ¤¤Å ประกอบดวย - สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ - กองบญั ชาการ - กองบงั คับการ - กองกาํ กบั การ - ขา ราชการตาํ รวจ - บคุ คลท่ีมชี ่ือเสยี งหรือผูน าํ ชมุ ชน ò. ÊÍ×è ʧèÔ ¾ÔÁ¾ ประกอบดวย - ใบปลวิ แผน พับ โปสเตอร - จดหมายขา ว - ปา ยประกาศ - สตกิ๊ เกอร - แผน ปา ยประชาสมั พันธ ó. Ê×èÍÁÇŪ¹ ประกอบดว ย - สถานีวิทยุขาวสารดา นจราจร ระดับประเทศ/ระดบั ทองถ่นิ - โทรทศั น - หนงั สือพมิ พ - นติ ยสาร - ภาพยนตร - เครอื ขา ยท่ใี ชใ นการประชาสัมพนั ธ (Connection) ô. ÊÍè× ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ประกอบดว ย - นิทรรศการ - โครงการ - การประกวด - การแขงขัน - การรณรงค õ. ÊèÍ× âÊμ·ÈÑ ¹ ประกอบดวย - ปา ยสลบั ขอความ - เวบ็ ไซต - Application - Line - Facebook - Video Clip - Spot โฆษณา

๑๘๕ ó.ô à·¤¹Ô¤¡ÒÃ㪌Ê×Íè »ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ● สะดวกในการเขาถึงหลายชองทาง ● งายตอ การจดจํา ● รวดเร็วและทันสถานการณ ● ใชข อ ความท่ที นั สมัย เขาใจงา ยและนา สนใจ ó.õ ÀÒ¤Õà¤Ã×Í¢‹Ò»ÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸ ● ปจจัยแหงความสําเร็จในงานประชาสัมพันธ คือ การมีสวนรวม ทุกภาคสวนท้ังภายในและภายนอกองคกรอยางเขมแข็ง เชน ชุมชน ผูนําทองถ่ิน หนวยราชการ ส่ือมวลชน สถานศกึ ษา เอกชน ฯลฯ ● การสรางสอ่ื สมั พันธก บั องคก รภายในและภายนอกองคก ร ● ส่ือมวลชนทุกแขนงเพื่อสรางสัมพันธไมตรี/ทุกภาคสวนทั้งภาครัฐ และเอกชน ● การสง ขาวสารเปนไปอยางตอเนอ่ื งและชัดเจน ● ตดิ ตอ ประสานงานโดยขอหมายเลขโทรศพั ท e-mail, line หรอื เทคโนโลยี การสงขอมูลอนื่ ๆ ท่สี ะดวก ● มีการสรางความสัมพันธท่ีดีโดยมีการนัดกับสื่อและองคกรภายใน เดอื นละ ๑ คร้งั หรอื ประชมุ หรือในรปู แบบสภากาแฟ ¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸· ´Õè ·Õ ÊÕè Ø´ã¹§Ò¹¨ÃҨà ¤Í× “à¨ÒŒ ˹ŒÒ·Õตè าํ ÃǨ·Ø¡¹Ò” º·ÊÃØ» การทงี่ านประชาสมั พนั ธข องหนว ยงานจราจรจะดาํ เนนิ ไปไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ยอ มขน้ึ อยูกับปจจัยหลายๆ ดาน ที่สําคัญท่ีสุดคือ ตัวของขาราชการตํารวจจราจรซ่ึงปฏิบัติหนาท่ีอยูบน ทองถนนนั่นเอง ถาพวกเขามีการประชาสัมพันธท่ีดี มีความสามารถในการประชาสัมพันธใหแก หนวยงาน รูจักการสรางความเขาใจอันดีใหเกิดแกประชาชน หรือหนวยงานท่ีเกี่ยวของแลว งานประชาสมั พนั ธของหนวยงานจราจรก็ยอ มจะประสบผลสําเรจ็ ไดโดยงา ย ตาํ รวจจราจรทเี่ ปน นกั ประชาสมั พนั ธ จะตอ งเปน ตาํ รวจทท่ี าํ งานเพอื่ การสรา งสรรค ธาํ รงไว ซ่ึงความสัมพันธอันดีงามระหวางหนวยงานจราจรกับกลุมประชาชน ตํารวจที่วานี้ไมจําเปนตองเปน ตาํ รวจทมี่ รี ปู รา งหนา ตาดี มบี คุ ลกิ ทชี่ วนตอ งตาผพู บเหน็ หรอื คลอ งแคลว พดู เกง เสมอไป แตส รปุ แลว ควรจะตองเปนผูมีคุณสมบัติดังน้ี คือ เฉลียวฉลาด ซ่ือสัตยสุจริต มีความคิดริเริ่มสรางสรรค มคี วามสามารถในการเขียน พดู ไดดี มคี ณุ ธรรม กลาทจี่ ะทําในสง่ิ ท่ีถูกตอ ง รูจักข้นั ตอนในการทาํ งาน และที่สําคัญท่ีสุดก็คือ ตองมีความรูในการประชาสัมพันธเปนอยางดี จึงจะเปนนักประชาสัมพันธ ทสี่ มบูรณแบบได

๑๘๖ ตาํ รวจไทยทกุ คนตอ งตระหนกั วา วชิ าชพี ของตนเองนนั้ ยอ มจะตอ งเกย่ี วขอ งกบั ประชาชน ไมท างตรงกท็ างออ ม การศกึ ษาวา ทาํ อยา งไรจงึ จะสามารถเขา กบั ประชาชนไดด ี จงึ เปน เรอ่ื งทน่ี า สนใจ ยอมหวังวาถา ไดศกึ ษาเรยี นรเู ขาใจถึงหลกั การประชาสัมพันธแลว ก็นา จะนาํ วชิ าความรูท่ีไดร ับนไ้ี ปใช ใหเ ปน ประโยชนใ นการทาํ งานตอ ไปได สดุ ทา ยนข้ี อฝากคตเิ ตอื นใจสาํ หรบั ตาํ รวจจราจรทต่ี อ งการเปน นกั ประชาสมั พนั ธท ด่ี วี า “ภาพลกั ษณข องเราจะดหี รอื เลว เปน ผลมาจากการประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องตวั เราเอง โดยแท” (the result of our conduct) ซงึ่ เปน คติของ ARISTOTLE นกั ปราชญผ ูย่ิงใหญของโลก ท่ีกลา วไวเ มือ่ หลายพันปมาแลว และก็ยงั คงเปน อมตะอยเู สมอตราบจนทุกวนั นี้ ô. ¡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒ·ËÕè ÅÒ¡ËÅÒÂáÅÐàËÁÒÐÊÁ การบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมนนั้ เปน ขน้ั ตอนสดุ ทา ยทน่ี าํ มาใช ภายหลังจากมีการใชกลยทุ ธต า งๆ อยา งครบถวนมาระยะเวลาหน่ึงแลว นนั่ หมายถงึ ตํารวจตองผา น ขนั้ ตอนการกระทําดังตอไปนม้ี าแลว ๑) มีการรวบรวมขอมูล และนําเสนอขอมูลที่เปนปญหาที่เกิดข้ึนในชุมชนแหงนั้น แลว จนทําใหประชาชนตระหนักเห็นปญหา และเกิดความเขาใจวาตํารวจมีความต้ังใจ มุงมั่นที่จะ แกป ญหาเพอ่ื ใหป ระชาชนไดรบั ผลประโยชนจากการแกไ ขปองกันปญหาเหลาน้นั ๒) มกี ารสรา งภาคเี ครอื ขา ยทม่ี คี ณุ ภาพ มคี วามหลากหลาย มคี วามเปน ผมู สี ว นไดเ สยี ทุกภาคสวน และมีจํานวนท่ีมากพอโดยมีความสัมพันธท่ีดีตอกันระหวางตํารวจจราจรกับภาคี เหลานนั้ ๓) มีการสอ่ื สารในรปู แบบตางๆ จนสามารถสรา งกระแสทางสงั คมในระดับชุมชน ท่ีตอ งการแกป ญหา จนเปน ที่รบั รกู นั อยางทัว่ ถึง ชดั เจน ๔) มีการส่ือสารใหเห็นวาตํารวจคํานึงถึงความสะดวก ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสนิ ของประชาชนเปน สาํ คัญ และมงุ มัน่ ทาํ เพอ่ื ใหประชาชนในชุมชนปลอดภยั และผาสกุ ๕) ดําเนินการบังคับใชกฎหมายในระดับที่มีความรุนแรงนอยและเพิ่มระดับ ตามพฤติกรรมการกระทําผิด โดยจะตองยึดมั่นในหลักความยุติธรรมในการบังคับใชกฎหมาย และแสดงใหป ระชาชนเหน็ ความโปรงใสในการดาํ เนนิ การเพื่อสรา งศรัทธาและความเช่อื มั่น ท้ังนี้ ควรดําเนินการสื่อสารทางสังคมอยางตอเนื่องโดยเปล่ียนแปลงกลยุทธ ในการสอ่ื สารดวย เพอื่ ดึงดูดความสนใจ สรา งการจดจาํ และการยอมรับ º·ÊÃ»Ø จิตวิทยาสังคมกับการบังคับใชกฎหมายจราจร เปนการท่ีตํารวจจราจรพึงตระหนักวา การทาํ งานของตาํ รวจเปน ปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คมจติ วทิ ยาโดยมเี ปา หมายเพอ่ื เปลย่ี นและสรา งพฤตกิ รรม การใชรถใชถนนของประชาชนใหเปนไปอยางปลอดภัยและเคารพสิทธิในการใชรถใชถนนซึ่งเปนพื้นท่ี สาธารณะรว มกนั

๑๘๗ การปฏิบัตกิ ารทางสงั คมจติ วิทยา มดี ังตอไปนี้ ๑. ทบทวน พัฒนาตนเอง เพ่ือสรางศรัทธาและการยอมรับ โดยใชหลัก “สุภาพบุรุษ จราจร” ๒. เขาใจประวัติศาสตร สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชนที่เก่ียวของกับ การใชร ถใชถ นนอยา งลกึ ซงึ้ เพอ่ื ทาํ ความเขา ใจสาเหตขุ องปญ หากอ นคดิ วางแผนแกไ ขปญ หาไดอ ยา ง ตรงเปา หมาย ๓. ใหความสําคัญกับการจัดเก็บขอมูลท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือนําขอมูลมาใชประโยชน ใหมากทส่ี ุด เรยี กวาเปนการทาํ งานในรปู แบบตาํ รวจมืออาชีพ ๔. แสดงบทบาทของนักส่ือสารมวลชนในทุกรูปแบบ และเปดชองทางการสื่อสาร ที่สามารถเขาถงึ กลุมเปา หมายใหไดมากท่สี ดุ เพือ่ สรางความรู ความประทบั ใจ ความเชือ่ มัน่ ศรทั ธา รว มกันกบั ประชาชน โดยทํางานเปน ทีมในแนวระนาบ และใหเกียรติกบั ทุกๆ ฝา ย อีกทั้งพึงหลีกเล่ยี ง การแสดงภาพเดนเพียงลาํ พงั หรือเฉพาะกลมุ เทา น้ัน เพือ่ ปองกนั การเกดิ กลุมตรงขา ม ๕. เทคนคิ การสอื่ สารจะตอ งทาํ ใหเ หน็ เนอื้ หาสาระของความพยายามอยา งแรงกลา ของ ตาํ รวจที่จะกระทาํ ทกุ วิถีทางในการรกั ษาชวี ติ และทรัพยส นิ ของประชาชนในการใชรถใชถ นน นําเสนอ อยางตอเนื่อง ใชวิธีการส่ือสารที่หลากหลาย เปล่ียนแปลงไปตามบริบทสถานการณเพื่อสราง ความสนใจในการรบั สาร ๖. สรา งดา นในการปะทะกอ นการปะทะกบั ตาํ รวจ โดยการใชพ ลงั มวลชนทม่ี พี ลงั อาํ นาจ ในการปองกันหรือบังคับปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กอนที่จะถึงขั้นการดําเนินการบังคับใชกฎหมายของ ตาํ รวจ ยกตวั ยา งเชน ทมี เจา หนา ทตี่ าํ รวจจราจรของสถานตี าํ รวจแมร มิ จงั หวดั นา น สรา งความสมั พนั ธ อยางเขมแข็งกับภาคีเครือขายทุกภาคสวนโดยเฉพาะอยางย่ิงกลุมผูนําชุมชนซ่ึงเปนผูนําเชิง บารมแี ละใหข อ มลู ใหแ นวทางแลกเปลย่ี นโนม นา วใหผ นู าํ เหลา นเี้ กดิ แรงบนั ดาลใจในการชว ยรกั ษาชวี ติ ของชาวแมร ิมจากอบุ ัตเิ หตทุ างถนน ทาํ ใหผูนํามสี ว นรวมอยา งเขมแข็งในรูปแบบตา งๆ เชน การสรา ง กฎระเบยี บหมบู า นในการปกครองดแู ล บงั คบั ควบคมุ พฤตกิ รรมระหวา งกนั การสอ่ื สารโดยการใชเ สยี ง ตามสายเพอ่ื เตอื นลกู บา น และเยาวชนใหส วมหมวกนริ ภยั “พนี่ อ งทกุ ทา น วนั นจ้ี ะขบั ขร่ี ถมอเตอรไ ซค อยาลืมใสหมวกกันน็อกดวย หากทานไมใสนอกจากจะเปนการปองกันอันตรายแลว ยังจะถูกตํารวจ จับดวย ตํารวจแจง มาวา ต้ังแตน ี้จะจบั จรงิ แลว ปรับ ๕๐๐ บาท และไมสามารถชว ยไดด ว ย จึงขอเตอื น พีน่ อ งไว อยา ลืมสวมหมวกกันน็อกดวย” การกระทาํ ดงั กลา วจะเปน การลดแรงกดดนั ลดการตอ ตา นและสรา งการยอมรบั การบงั คบั ใชก ฎหมายโดยประชาชนยังมีทัศนคตทิ ่ดี ตี อ ตํารวจดว ย

๑๘๘ õ.ò ·¡Ñ ÉÐ㹡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒ การบังคับใชก ฎหมายจราจร หมายถงึ การบังคับใหผใู ชรถใชถ นนไดป ฏิบัติตามกฎหมาย ขอบังคับเกี่ยวกับการจราจร การขนสงทางบก เพื่อความเปนระเบียบเรียบรอยของสังคม และเพ่ือ เปน การสรา งวนิ ยั ในการขบั ขใ่ี หแ กป ระชาชนผใู ชร ถใชถ นน การบงั คบั ใชก ฎหมายจราจร เปน มาตรการ ทสี่ าํ คญั มาตรการหนง่ึ ในการแกไ ขปญ หาจราจร ซงึ่ การบงั คบั ดว ยกฎหมายใหผ ใู ชร ถใชถ นนตอ งปฏบิ ตั ิ ตามกฎหมายจราจร เพอ่ื ใหเ กดิ ความเรยี บรอ ยในสงั คม โดยมจี ดุ ประสงคเ พอื่ ทจ่ี ะเปน การขม ขมู ากกวา จะเปน การแกแ คน ผกู ระทาํ ความผดิ กฎหมายจราจรทอี่ อกมาใชบ งั คบั กเ็ พอื่ ความสะดวกและปลอดภยั ของผูใชรถใชถนน วิธีการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีประสิทธิภาพ ก็โดยผานการดําเนินการ ตามกระบวนการยตุ ธิ รรม ซงึ่ หมายความวา หนว ยงานในกระบวนการยตุ ธิ รรม คอื ตาํ รวจ อยั การ ศาล และราชทัณฑ จะตองประสานกันในการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว เสมอภาค และมีโทษท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะทําใหกฎหมายมีผลใชบังคับในการขมขูยับยั้งใหคนเกิด ความเกรงกลัวและไมกลา ท่ีจะกระทาํ ผิด ความแนน อน รวดเร็ว เสมอภาค และการมโี ทษทเ่ี หมาะสม สาํ หรับการบงั คับใชกฎหมายแยกออกพจิ ารณา ดงั น้ี ๒.๑ การบังคบั ใชก ฎหมายตอ งมีความแนนอน การทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามแนน อน หมายความวา จะตอ งทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ มคี วามรสู ึกวามโี อกาสทจ่ี ะถูกจับกมุ และถกู ลงโทษ เมอ่ื มกี ารกระทําความผดิ หากเมอื่ มกี าร กระทําความผิดเกิดข้ึนมาแลว ผูกระทําความผิดสามารถหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม และการถูกลงโทษ ไปไดแ ลว ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะคดิ วา มโี อกาสทจ่ี ะหลดุ รอดจากการถกู จบั กมุ ไปได และคมุ คา ทจี่ ะเสย่ี งตอ การกระทาํ ความผดิ เนอ่ื งจากมโี อกาสทจี่ ะไดร บั ประโยชนจ ากการกระทาํ ความผดิ แตผ ลเสียไมมี หรือมีโอกาสท่ีจะไดร ับผลเสยี นอยมาก ๒.๒ การบังคบั ใชกฎหมายตอ งมีความรวดเรว็ การทจี่ ะทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากจะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามแนน อนแลว ยงั จะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามรวดเรว็ ดว ย ทวี่ า การบงั คบั ใชกฎหมายมีความรวดเร็ว หมายความวา หลังจากท่ีมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลว จะตองมีการ จับกุมลงโทษผูกระทําความผิดใหไดอยางรวดเร็ว เพ่ือใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวไมกลา กระทาํ ความผดิ อกี ซง่ึ ตา งกบั กรณที มี่ กี ารกระทาํ ความผดิ เกดิ ขน้ึ แตส ามารถจบั กมุ ไดเ มอ่ื เวลาทลี่ ว งเลย มา ๓-๔ ป แลว ผลในการขม ขูย บั ยงั้ จะลดลง เพราะคนโดยทว่ั ไปจะมองไมเ หน็ ตวั อยางหรอื ผลรา ย ท่ีไดรับจากการกระทําความผิด เชน มีคดีฆาตกรรมอยางโหดเห้ียม เปนขาวตามหนาหนังสือพิมพ แตไ มส ามารถจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษไดอ ยา งรวดเรว็ หรอื จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ไดเ มอื่ ระยะ เวลาไดผ า นไปแลว ๒-๓ ป ประชาชนกจ็ ะลมื เหตกุ ารณด งั กลา ว หรอื กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ไดอ ยา งรวดเรว็ แตก ารพจิ ารณาคดเี ปน ไปอยา งลา ชา ใชเ วลา ๒-๓ ป แมผ กู ระทาํ ความผดิ จะถกู ลงโทษ แตป ระชาชนกอ็ าจ จะลมื เลอื นเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ ไปแลว เชน นจ้ี ะทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยงั้ ของการบงั คบั ใชก ฎหมายลดลง

๑๘๙ ดงั นั้น เพ่ือจะทําใหวัตถุประสงคของการบังคบั ใชก ฎหมาย อันเปนการขม ขูยบั ย้ัง เปนไปอยางมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน กระบวนการยุติธรรมของไทย จึงตองตอบสนองตอการเรง การดําเนินการเก่ียวกับคดีสําคัญๆ ที่เปนท่ีสะเทือนขวัญประชาชน และท่ีประชาชนใหความสนใจ โดยเม่ือตํารวจสามารถจับกุมผูกระทําผิดไดอยางรวดเร็วภายในเวลาไมก่ีวัน ก็สามารถเรงทําสํานวน สงพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟองตอศาล ศาลก็จะไดเรงการพิจารณาและตัดสินดวยความรวดเร็ว โดยใชเ วลาเพยี ง ๑๕ วนั นบั แตจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ได เปน ตน ซงึ่ ยอ มจะทาํ ใหป ระชาชนไดเ หน็ ผล ของโทษทผ่ี กู ระทาํ ความผดิ ไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ และทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ เพม่ิ มากขน้ึ ๒.๓ การบงั คับใชกฎหมายตองยดึ หลกั เสมอภาค การบงั คบั ใชก ฎหมายตอ งยดึ หลกั ความเสมอภาค กลา วคอื จะตอ งบงั คบั ใชก ฎหมาย กับบคุ คลทกุ คนโดยไมมีการเลือกปฏบิ ตั ิ แตจะตองมกี ารปฏิบัติดว ยความเทาเทยี มกัน โดยไมคํานงึ ถงึ ความแตกตา งในเรอื่ ง ฐานะ อํานาจ ตําแหนง ศาสนา เช้ือชาติ สีผิว และอน่ื ๆ มิฉะน้ันจะทาํ ใหการ บงั คับใชกฎหมายไมมผี ลในการขม ขู ยับย้งั หรอื ทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยั้งลดลง การบังคับใชกฎหมายที่ไมเทาเทียมกัน จะมีผลทําใหผลในการขมขู ยับยั้งลดลง น้ันเน่ืองมาจากผูท่ีคิดวาตนมีอภิสิทธิ์ หรือจะเปนผูท่ีมีสิทธิไดรับการยกเวนในการถูกจับกุมลงโทษ และจะไมเกรงกลัวตอการกระทําความผิด เพราะคิดวา เมื่อทําความผิดแลวจะสามารถหลุดรอด หรอื ไดร บั การละเวน ในการบงั คบั ใชก ฎหมายได นอกจากนก้ี ารบงั คบั ใชก ฎหมายทไี่ มเ ทา เทยี มกนั ยงั เปน การ เปด ชองทางใหม ขี อยกเวน หรือขอ แกต วั ในการหลบหนจี ากการดําเนนิ คดีลงโทษได ซ่งึ จะมผี ลตามมา ก็คือ ทําใหคนไมเกรงกลัวการบังคับใชกฎหมาย ด่ังคํากลาวท่ีวา “บุคคลทุกคนมีสิทธิเทาเทียมกัน ภายใตกฎหมาย ดังนั้นไมวาผูใดกระทําความผิดในลักษณะเดียวกัน จะตองไดรับโทษเชนเดียวกัน” หรอื กลา วอกี นยั หนง่ึ การบงั คบั ใชก ฎหมายและการลงโทษ จะตอ งกระทาํ อยา งเสมอภาค และเทา เทยี มกนั โดยคาํ นงึ ถึง “การกระทําความผดิ ” มใิ ช “ผูกระทาํ ความผดิ ” ๒.๔ การบังคับใชกฎหมายจะตอ งมบี ทลงโทษทีเ่ หมาะสม ปจจัยที่สําคัญประการหน่ึงท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีผลในการขมขูหรือ ยบั ยงั้ หรอื ไมน น้ั อยทู บ่ี ทโทษ ถา บทลงโทษไมร นุ แรงหรอื มบี ทลงโทษทเี่ บา กจ็ ะทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ และคนทว่ั ไปไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะผลประโยชนท จ่ี ะไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ จะมมี ากกวา ผลรา ยทไ่ี ดร บั จากการถกู ลงโทษ ถอื ไดว า เปน สง่ิ ทคี่ มุ คา ตอ การเสย่ี ง “การลงโทษจะตอ งใหเ ปน อตั ราสว น กบั การกระทาํ ความผดิ ” กลาวคือ โทษท่จี ะลงนั้น จะตองมากพอทจ่ี ะทาํ ใหผ กู ระทําความผดิ เกิดความ รสู กึ เกรงกลวั และสญู เสยี เกนิ กวา ประโยชนท ไ่ี ดร บั จากการกระทาํ ความผดิ ดงั นนั้ การทจี่ ะทาํ ใหก ารบงั คบั ใชกฎหมายมีผลทําใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวจะตองมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับความผิด คําวา “เหมาะสม” หมายความวา โทษที่จะลงจะตองไมเบาจนเกินไป และไมหนักจนเกินไป เพราะหากการบงั คบั ใชก ฎหมายมบี ทลงโทษทหี่ นกั เกนิ ความเหมาะสม จะกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ๓ ประการ คือ (จรุ ีรตั น ประยูรฉตั รพันธ, ๒๕๓๙: ๕๓-๕๔)

๑๙๐ ๑) ทําใหผูเสียหายหรือเหย่ือไดรับผลรายจากการกระทําความผิดรุนแรงมากขึ้น ทั้งน้ีเพราะผูกระทําความผิดจะพยายามปกปดการกระทําความผิดของตน มิใหมีผูลวงรูหรือมีพยาน รเู หน็ เชน ในกรณคี วามผดิ ทมี่ โี ทษประหารชวี ติ สาํ หรบั คดขี ม ขนื ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ พยี งแตข ม ขนื อยางเดียว แตจ ะฆา เหย่อื เพอ่ื ปกปดความผดิ ของตนเองดว ย เพราะถึงอยา งไรการกระทําผดิ แตเพยี ง การขมขืน ก็จะตองถูกลงโทษประหารชีวิตอยูแลว การฆาเหยื่ออาจทําใหตนเองหลุดรอดจากการถูก ลงโทษได เปน ตน ๒) ทําใหผูกระทําความผิดมีโอกาสหลุดรอดจากการดําเนินคดีตามกระบวนการ ยุติธรรมไดมากข้ึน เพราะย่ิงมีโทษรุนแรงมากข้ึนเทาไร ก็ตองมีพยานหลักฐานท่ีเพียงพอและม่ันคง ในการทจี่ ะลงโทษจาํ เลยมากขน้ึ เทา นน้ั หากพยานหลกั ฐานไมเ พยี งพอ กจ็ ะทาํ ใหจ าํ เลยมโี อกาสหลดุ รอด จากการถกู พพิ ากษาลงโทษได เพราะศาลจะถอื คติ “ปลอ ยคนผดิ สบิ คน ดกี วา เอาคนบรสิ ทุ ธมิ์ าลงโทษ เพยี งคนเดยี ว” ดงั นนั้ ถา ไมม พี ยานหลกั ฐานทเ่ี พยี งพอและมนี า้ํ หนกั จรงิ ๆ กจ็ ะเปด โอกาสใหผ กู ระทาํ ความผิดหลุดรอดไปได และย่ิงโทษหนักเทาใดก็ยิ่งตองการพยานหลักฐานมากขึ้น และย่ิงมีโอกาส หลุดรอดมากขนึ้ ๓) จะทาํ ใหเกดิ การกล่นั แกลง โดยการโยนความผิดใหผ ูอ่นื เพ่อื ใหผูอื่นไดร บั โทษ แทนการกระทําความผิดของตนเอง เชน ในบางประเทศ การพกอาวุธปนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต ดงั นนั้ หากตอ งการเอาชวี ติ ของผอู น่ื ก็เพยี งการกล่ันแกลงใหบุคคลนัน้ มอี าวุธอยใู นความครอบครอง เทา นัน้ ดังนั้น การมีบทลงโทษท่ีหนักเกินไป ก็จะเกิดผลเสียซึ่งเปนผลกระทบทําให การบังคับใชกฎหมายดอยประสิทธิภาพลง ในขณะเดียวกัน การมีบทลงโทษท่ีเบาเกินไปก็จะทําให การบังคับใชกฎหมายไมมีผลในการขมขูและยับย้ัง ดังน้ันการบังคับใชกฎหมายจะใหมีผลในการขมขู ยับยง้ั และมีประสิทธิภาพ จะตองมีบทลงโทษท่เี หมาะสม ในขณะเดยี วกันการบงั คับใชก ฎหมายตองมี ความรวดเรว็ แนน อน และเสมอภาค ประกอบดว ย การมโี ทษรนุ แรงแตเ พยี งอยา งเดยี วไมอ าจมผี ลในการ ขมขู ยับยง้ั หากไมส ามารถจับกมุ และนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษได แตก ารจะทําใหมีการบังคบั ใชก ฎหมายมปี ระสิทธิภาพ กระบวนการยตุ ธิ รรมจะตองมบี ทบาทอยางมาก ในการทาํ ใหการบงั คบั ใช กฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว เสมอภาค และเหมาะสม สําหรับการบังคับใชกฎหมายจราจรในประเทศไทย มีเจาหนาที่ตํารวจและ เจาหนาท่ีของกรมการขนสงทางบก เปนผูมีอํานาจบังคับใชกฎหมายท่ีเก่ียวของกับการจราจร โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งหามาตรการกวดขนั มใิ หม กี ารฝา ฝน กฎจราจรและรกั ษากฎหมายใหศ กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ โดยนาํ กฎหมายทม่ี อี ยแู ลว มาปฏบิ ตั อิ ยา งจรงิ จงั และใหเ ครง ครดั ยงิ่ ขนึ้ ดว ยความซอื่ สตั ยแ ละซอ่ื ตรงตอ หนา ทขี่ องตนเอง และจะตอ งไมม กี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยใหม กี ารละเมดิ ตอ กฎหมายจราจร เพราะหาก มกี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยแลว อาจจะทาํ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตแุ ละยงั ความเสยี หายใหแ กช วี ติ และทรพั ยส นิ ได และนอกจากน้ีอาจจะทําใหเกิดปญหาการจราจร โดยจุดมุงหมายสําคัญของการบังคับใชกฎหมาย

๑๙๑ จราจร กเ็ พือ่ เปนการขมขู ยับยงั้ ผลู ะเมดิ หรอื ผมู แี นวโนมวาจะละเมิดตอ กฎหมาย กฎ หรือระเบยี บ ท่ีเก่ียวกับการจราจร ในขณะเดียวกันการบังคับใชกฎหมายจราจรที่เหมาะสมนั้น มิใชเพียงเพื่อทําให ผูละเมิดไดเรียนรูท่ีจะหลีกเล่ียงพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย หรือลดพฤติกรรมท่ีเห็นแกประโยชน สวนตน ในการใชรถใชถนน โดยไมคํานึงถึงบุคคลอื่น แตวัตถุประสงคของการควบคุมการจราจร โดยทวั่ ไป กเ็ พอื่ ความปลอดภยั และเปน ระเบยี บเรยี บรอ ยของผใู ชร ถใชถ นน ตลอดจนเพอื่ ใหก ารจราจร มีความคลอ งตัวสามารถเคลอ่ื นไหวไดโดยไมติดขัด õ.ó ÂØ·¸Ç¸Ô ãÕ ¹¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¼Œ¡Ù ÃÐทํา¼´Ô ¡®¨ÃÒ¨Ãã¹Å¡Ñ ɳÐμÒ‹ §æ “¡®¨ÃҨà ¤Í× ¡®á˧‹ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ” เมื่อทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรอยางเครงครัดจะทําใหการจราจรบนทองถนน ไมต ดิ ขดั และตรงกนั ขา ม หากมบี างคนไมป ฏบิ ตั ติ ามกฎจราจรกจ็ ะทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรตดิ ขดั ขน้ึ ได นอกจากน้ีท่ีสําคัญอยางย่ิง คือ การปฏิบัติตามกฎจราจรจะเปนการปองกันอุบัติเหตุท่ีจะนํามาซ่ึง ความสูญเสียชีวิต รางกาย และทรัพยสินของประชาชนและประเทศชาติ ในปจจุบันน้ียังมีผูฝาฝน กฎหมายจราจรเปน จาํ นวนมาก และเปน สาเหตใุ หเ กดิ อบุ ตั เิ หตอุ ยเู สมอๆ ดงั จะเหน็ ไดจ ากขา วอบุ ตั เิ หตุ ตามถนนสายตางๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและตางจังหวัด ดังนั้น เจาหนาที่ตํารวจเมื่อออกปฏิบัติ หนาที่ควรตระหนักวากําลังชวยลดและปองกันการเสียชีวิตและบาดเจ็บใหกับประชาชน และระหวาง การออกตรวจทกุ ครัง้ เจาหนาทตี่ ํารวจควรจะสอดแทรกขอ มลู ใหค าํ แนะนาํ ตอผูข บั ขที่ ุกครั้ง การเพม่ิ ความปลอดภยั ทางถนนนน้ั ควรจะใชก ารแกไ ขทางจติ วทิ ยา (Psychological correct) ตอ ผกู ระทาํ ผดิ ดว ย โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจอาจใหค าํ แนะนาํ ตอ ผขู บั ขที่ ขี่ าดความรหู รอื ประพฤตไิ มเ หมาะสม สาระสาํ คญั ทส่ี ดุ ของกฎจราจรนน้ั อยทู เี่ จา หนา ทต่ี าํ รวจเขา ถงึ ผขู บั ขแ่ี ตล ะคน (Individual) ดว ยการใหข อ มลู หรอื แนะนาํ เม่ือมีโอกาสเพ่ือใหเขาใจกฎจราจรมากกวาเนนปริมาณการจับกุม เจาหนาท่ีตํารวจควรปฏิบัติงาน อยา งหนักแนน แตยุตธิ รรม (Firm but Fair) ตลอดเวลา โดยเคารพตอสทิ ธิของประชาชน ตองสภุ าพ ไมหยาบคาย หรือแสดงความไมเคารพตอผูใชถนน หรือแมแตผูใชถนนจะแสดงความหยาบคาย ไมสุภาพ หรือแสดงความไมเคารพตอเจาหนาท่ีตํารวจ ก็ไมควรท่ีจะกระทําเชนนั้นตอบกลับไป เจา หนาทต่ี ํารวจทุกคนควรจดจาํ ไววาไดถูกฝกฝนมาเพอื่ เปนผสู งบ ใจเยน็ และเกงกลา ในยามฉกุ เฉิน หรอื ยามท่ตี องตอสูกับเหตุรา ย สามารถควบคมุ อารมณจ ากการดูถกู การทาทาย ย่ัวยุ และเหตกุ ารณ เลวรา ย ๆ ได การเปนตัวอยา งทด่ี ีเปนส่งิ ทส่ี าํ คัญมาก โดยเฉพาะเจา หนาทต่ี าํ รวจและตาํ รวจจราจร ซ่ึงเปนตัวอยางท่ีถูกสนใจ ถูกวิพากษวิจารณอยางมาก เจาหนาท่ีตํารวจคนหนึ่งจะตองยอมลําบาก เพื่อจะเปนตัวอยางของพฤติกรรมที่ดี รถยนตที่เจาหนาที่ตํารวจใชโดยเฉพาะรถท่ีมีสัญลักษณตํารวจ จําเปนจะตองมีการขับข่ีใหเปนตัวอยางท่ีดีตามแบบแผนท่ีกําหนดไว ถาเจาหนาท่ีตํารวจเปนผูฝาฝน กฎหมายแลว เจา หนาท่ีตาํ รวจจะไปชักชวนใหประชาชนปฏบิ ัติตามกฎหมายไดอ ยา งไร

๑๙๒ ñ) ÂØ·¸ÇÔ¸Õ¡ÒÃμÃǨμÃҨѺ¡ØÁ¤ÇÒÁ¼Ô´¡®¨ÃҨà ในการเตรียมแนวทางปฏิบัติ ในการตรวจตราจับกุมความผิดกฎจราจร การจัดการของเจาหนาที่ตํารวจในเร่ืองดังกลาวจําเปน ตองใชยุทธวิธี (tactics) มาดําเนินการ การวางแผนดําเนินการเก่ียวกับการตรวจตราจับกุมจะตอง ดําเนินการในเชิงบวก (Positive) ที่ถูกกําหนดโดยมีปจจัยของเวลา (time) โครงการ (Projects) จะตอ งกาํ กบั อยา งแนน อนตายตวั ซงึ่ เมอื่ มแี ผนหรอื การดาํ เนนิ การเสรจ็ แลว กจ็ ะตอ งมกี ารประเมนิ ผล (Evaluate) ตามมา โดยแผนตาง ๆ ท่ีจะดําเนินการควร¨ÐμŒÍ§ÁÕ¢ŒÍÁÙÅ¢ŒÍà·ç¨¨ÃԧʹѺʹعจึงจะ ดาํ เนินการได แผนประเภทตา ง ๆ ทเ่ี จาหนา ทีต่ ํารวจสามารถนํามาใช ดงั ตวั อยางตอไปน้ี ๑.๑) แผนกวดขันตรวจตราจับกุม (Intensive Surveillance) การตรวจตรา จับกุม โดยมุงจุดสนใจไปที่ถนนเสนใดเสนหน่ึง ในระยะเวลาหนึ่งเวลาใดเปนส่ิงที่สําคัญมาก เชน ในระยะเวลา ๑-๒ เดอื นทมี่ กี ารกวดขนั จะมกี ารสง เจา หนา ทตี่ าํ รวจออกตรวจ โดยปรากฏตวั ตอ ประชาชน อยา งคึกคักเขมแข็งในการออกตรวจจบั ความผดิ อาทิ การขบั รถเร็วเปนหลัก เปนตน เมื่อจะมีการเลือกถนนที่จะทําการตรวจจับน้ัน ควรจะเลือกถนนท่ีมีความ จาํ เปน สงู ทสี่ ดุ ในชอ งจราจรทจี่ าํ เปน ทส่ี ดุ ใหไ ดเ ปน สง่ิ สาํ คญั มาก นอกจากนี้ ระยะเวลาซงึ่ มกี ารจราจร หนาแนน มากทสี่ ดุ กเ็ ปน สง่ิ สาํ คญั ทตี่ อ งตรวจสอบ เพราะจาํ เปน จะตอ งใชเ ปน ขอ มลู ประกอบการทาํ งาน รวมไปถึงการเคล่ือนยายจุดตรวจไปยังสถานที่แตกตางกัน ไมใชจุดเดิมที่จําเจก็จําเปนดวย ภายหลัง จากการกวดขันจับกุมอยางหนักแลว จะปรากฏวาพฤติกรรมการขับขี่ของประชาชนในถนนยานนั้น ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอยางมากดวย แตเมื่อเลิกการกวดขันตรวจจับท่ีจุดใดไปแลวก็ไมควรจะเลิกรา ไปอยางถาวร เพราะยังจําเปนที่จะตองกลับมาตรวจจับอีก เชน ทุก ๑ เดือนจะกลับมา ๒ ครั้ง เพื่อทจ่ี ะสรางการจดจําแกประชาชนในยา นน้ันใหรสู ึกวาเจาหนาทตี่ าํ รวจทํางานอยางสมา่ํ เสมอ การกวดขนั จบั กมุ เฉพาะแหง ทสี่ าํ คญั อกี ประการหนงึ่ ไดแ ก การตรวจจบั ผขู บั รถ ดวยความเร็วสูงบริเวณโรงเรียนในชวงเปดเทอม ยุทธวิธีดําเนินการก็คือ การออกตรวจจับปรากฏตัว เจา หนา ทตี่ ามบรเิ วณหนา โรงเรยี นตา ง ๆ ใหม ากทส่ี ดุ เทา ทจ่ี ะทาํ ได ในชว งเปด เทอม ระยะแรกประมาณ ๑-๒ สปั ดาหแ รก เพอ่ื เปน การเตอื นผขู บั ขเ่ี กย่ี วกบั ความปลอดภยั ภายหลงั จากทโี่ รงเรยี นหยดุ ปด เทอม ไปเปน เวลานาน การดาํ เนินการทง้ั หลายทใ่ี ชทรพั ยากรตา ง ๆ ไป วิธีการท่ีใชแตละวิธีและเวลา ทํางานที่เสียไป จะตองมีการจดบันทึกเปนหลักฐานเอกสารท้ังส้ินเพ่ือผลในอนาคต ทั้งน้ี รวมถึง การบนั ทกึ เกย่ี วกบั การใชใ บสง่ั ขณะกวดขนั และจาํ นวนอบุ ตั เิ หตเุ ฉลย่ี ทลี่ ดลงไปในชว งทด่ี าํ เนนิ การดว ย ๑.๒) การตรวจตราจบั กมุ แบบเฉพาะเรอื่ ง (Specialized Surveillance) ในบาง กรณกี ารตรวจตราจบั กมุ กค็ วรทจ่ี ะมงุ ไปทกี่ ารตรวจจบั แกป ญ หาทลี ะเรอื่ งในครงั้ ๆ หนง่ึ ซง่ึ อาจจะเปน วิธีทีม่ ปี ระสิทธิภาพมากกวาตรวจจับพรอม ๆ กนั หลาย ๆ เรื่อง อาทิ • ผูฝา ฝน สัญญาณไฟ • การขบั รถเร็ว

๑๙๓ • ไมย อมใหผ ขู ามถนนไปกอ น • การแซงรถผิดกฎหมาย • การควบคมุ รถพวงทา ยรถบรรทุก • ผูขบั ข่ีมนึ เมาสรุ า ʶҹ·ÕèáÅÐàÇÅÒ㹡ÒèѴàÇÃÍÍ¡μÃǨμÃҨѺ¡ÁØ ในทางทฤษฎี การออกตรวจตราจบั กมุ ควรจะดาํ เนนิ การทกุ เสน ทางของ ถนนทั่วเขตพ้ืนท่ีจังหวัดหรือเมือง โดยสับเปล่ียนชั่วโมงท่ีออกทํางานกันไปทั้งกลางวันและกลางคืน แตอ ยา งไรกต็ าม สว นทส่ี าํ คญั และควรมากอ น คอื ถนนหรอื พนื้ ทซี่ ง่ึ มคี วามตอ งการใหเ จา หนา ทตี่ าํ รวจ ออกตรวจตราจับกุมมากท่ีสุด และดําเนินการในชวงเวลาที่มีการจราจรมากท่ีสุด หรือตองการคน มาตรวจจับท่ีสุด เมื่อจําเปนตองมีการประเมินความจําเปนที่จะตองตรวจจับ ควรท่ีจะพิจารณาออก ตรวจจบั บนถนนทม่ี กี ารจราจรหนาแนน ในหลายชว งเวลา หรอื เลอื กถนนทม่ี อี บุ ตั เิ หตจุ ราจรในชว งเวลา และสถานท่เี ดิม ๆ อยเู สมอ นอกจากนี้ ยงั จะตอ งระมดั ระวังเตรยี มวางแผนทีจ่ ะแกไข หากเสนกราฟ อตั ราอบุ ตั ิเหตเุ ริ่มตกี ลับมจี าํ นวนอบุ ัติเหตสุ งู ขึน้ มาอีก ¡ÒÃÂÍÁã˽Œ †Ò½„¹à»š¹Èٹ (Zero Tolerance) ภารกจิ ดา นความปลอดภยั บนทอ งถนน (Road Safety) จาํ เปน อยา งมาก ทเ่ี จา หนา ทจ่ี ะตอ งชนี้ าํ หรอื สง สญั ญาณ (Signals) หลายประเภทใหป ระชาชนไดร บั รสู ญั ญาณดงั กลา ว ไดแ ก • หามทําแบบน้นั (Don’t do that) • ทาํ ไดแบบนี้ (Do like this) เม่ือใดท่ีเจาหนาที่เห็นผูกระทําผิดขึ้น เขาจะตองรีบเขามาจัดการ โดยไมนั่งเฉย การจัดการน้ันอาจจะเปนการตักเตือนถึงขั้นออกใบสั่งก็ตาม แตส่ิงท่ีสําคัญก็คือ เจาหนาที่ไดมีการดําเนินการตอบโตข้ึนมาทันควัน เมื่อกําลังมีอะไรเกิดขึ้นตอหนา และเจาหนาท่ี ตํารวจเองก็จะตองเปนตัวอยางที่ดี (Good Examples) ในดานการจราจรอยูเสมอดวย ไดแก การใชเข็มขัดนิรภัย การขับรถโดยอัตราความเร็วตามท่ีกฎหมายกําหนด ฯลฯ เพราะถาหาก เจา หนาที่ตาํ รวจไมปฏิบัตติ ามกฎหมายแลว ทําไมประชาชนจะตอ งปฏบิ ตั ดิ ว ย ส่ิงสาํ คญั ที่สดุ คอื ผบู งั คบั บญั ชาระดับสูงจะตองปฏบิ ัติตามกฎและเปน ตัวอยางที่ดีตอผูอื่นดวย มิฉะนั้นก็จะเปนไปไมไดท่ีจะประสบความสําเร็จในการบังคับใหผูอ่ืนปฏิบัติ ถูกตอง ถาเจาหนาท่ีตํารวจเพิกเฉยที่จะเขาไปเก่ียวของหรือจัดการเม่ือมีการกระทําผิด ส่ิงน้ีเปนการ สงสญั ญาณใหทราบวา • กฎหมายไมม ีความสําคญั • เจาหนาทต่ี าํ รวจไมมคี วามสนใจ • เจา หนา ท่ตี าํ รวจไมมีความรู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook