บทที่ 1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เก่ยี วกบั ฐานข้อมลู ยุคปัจจุบันถือเป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถส่ือสารกันได้ท่ัวโลก สารสนเทศอันไดแ้ ก่ ข้อมูลที่ผ่านการกล่ันกรองอย่างเหมาะสมสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพท้ังด้านธุรกิจ วิชาการ การเมือง และอ่ืน ๆ ความสาคัญของข้อมูลมีผลต่อการพัฒนาในทุก ๆ ด้านผู้ใดสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วที่สุด ถูกต้องที่สุด และทันต่อเหตุการณ์ ผู้นั้นย่อมประสบความสาเร็จในการดาเนินงานสูง ฐานข้อมูลได้เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก และมีความสาคัญอย่างย่ิงต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ อุตสาหกรรม การศึกษา การแพทย์ และการประกอบการอ่ืน ๆ ดังน้ัน เพ่ือให้ได้มาซ่ึงระบบสารสนเทศท่ีมีประสิทธิภาพ จึงจาต้องนาเอาฐานข้อมลู เข้ามาใชใ้ นการเก็บขอ้ มลู หรอื บรหิ ารงานข้อมูล สาหรับการพัฒนาและออกแบบสารสนเทศน้ัน ๆ ซ่ึงจะทาให้ได้สารสนเทศท่ีถูกต้อง ทันสมัย และรวดเร็ว เพ่ือให้ผู้บริหารใช้ในการ ตัดสินใจการพัฒนาระบบสารสนเทศจึงจาเป็นต้องทาความเข้าใจเกี่ยวกับฐานข้อมูล การออกแบบฐานข้อมูลและเทคโนโลยีระบบจดั การฐานขอ้ มูล
ระบบฐานขอ้ มูล 2 ในบทท่ี 1 นี้ จะกล่าวถึงความรู้เบ้ืองต้นที่เป็นพ้ืนฐาน ความรู้ในเรื่องของฐานข้อมูลประกอบดว้ ย ความหมายของฐานขอ้ มลู โครงสร้างข้อมูล ความเป็นมา องค์ประกอบของฐานข้อมูลความหมายและหน้าที่ของการจดั การฐานข้อมูล และความสาคัญของฐานข้อมลู1.1 ความหมายฐานขอ้ มลู ฐานขอ้ มลู มาจากคาศพั ท์ 2 คา คอื ฐาน และขอ้ มูล พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถานพทุ ธศกั ราช 2542 (2542: 392) ได้อธบิ ายว่า ฐาน หมายถงึ ทีต่ ้งั ท่รี องรับ ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง หรือสิ่งที่ถือหรือยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง สาหรับใช้เป็นหลักอนมุ านหาความจรงิ หรือการคานวณ” ดงั นน้ั หากแปลตามคาศพั ท์ จึงหมายถงึ ท่ีตัง้ แหง่ ขอ้ เท็จจริง หากพิจารณาแปลเอาความ มีตาราหลายเล่มได้อธิบายความหมายของฐานข้อมูลไม่แตกต่างกันนกั เช่น วราภรณ์ โกวิทวรางกรู (2543 : 8) ไดอ้ ธบิ ายความหมายของฐานขอ้ มูลวา่ ฐานขอ้ มลู หมายถงึ ทเ่ี กบ็ ข้อมูล และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเหล่าน้ันมารวม เข้าด้วยกนั อย่างมรี ะบบ สว่ น ดร. ดวงแก้ว สวามิภักดิ์ ( 2534 : 22) ให้นิยามคานวี้ ่า ฐานข้อมูล คือ โครงสร้างสารสนเทศ (Information) ท่ีประกอบด้วย entity หลาย ๆ ตัวซ่ึงบรรดา entity เหล่านตี้ ้องมคี วามสมั พนั ธ์กนั นอกจากนี้ รศ.ศิริลักษณ์ โรจนกิจอานวย (2542 : 9) ได้ให้ความหมายของฐานข้อมูล(Database) ว่า ฐานขอ้ มูล คอื การจัดเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ ซ่ึงผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูล ในลักษณะตา่ ง ๆ ได้ เช่น การเพิม่ เติมขอ้ มลู การเรยี กดขู อ้ มูล การแกไ้ ขหรือลบข้อมลู กล่าวโดยรวม ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง การจัดเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันอยา่ งเป็นระบบ รวมไว้เป็นฐานข้อมลู เดยี ว ซงึ่ ผูใ้ ชส้ ามารถเรยี กใช้ข้อมูลร่วมกนั ได้ ขอ้ มูล (Data) ซึง่ เปน็ ขอ้ เท็จจรงิ เมือ่ นาข้อมูลมาผ่านการประมวลผล (Processing) ก็จะได้สารสนเทศ (Information) ซึ่งมีความถูกต้องและเช่ือถือได้มากกว่าข้อมูลท่ีได้จากแหล่งข้อมูลดังรปู ที่ 1.1ขอ้ มลู การประมวลผล สารสนเทศ(Data) (Processing) (Information)
ระบบฐานขอ้ มูล 3 รูปที่ 1.1 กระบวนการสารสนเทศ1.2 โครงสรา้ งขอ้ มลู (Data Structure) ระบบดิจิตอลคอมพิวเตอร์ทางานโดยใช้ข้อมูลที่เป็นรหัสของตัวเลข ตัวเลขท่ีใช้เป็นรหัสแทนขอ้ มูล คือ ระบบเลขฐานสอง ซงึ่ มีรหัสแทนข้อมลู 2 ตวั ได้แก่ 0 และ 1 แล้วนาตัวเลขมาต่อเรียงกัน รหัสของเลขฐาน 2 1 หลกั = 1 bit รหสั ของเลขฐาน 2 8 หลัก = 8 bit = 1 byte หรอื 1 Character 1.2.1 องคป์ ระกอบโครงสรา้ งฐานขอ้ มลู โครงสรา้ งของขอ้ มลู จึงประกอบดว้ ย 1.2.1 Character หรือ Byte หมายถึง ตัวอักษร (A-Z,ก-ฮ), ตัวเลข (0-9) และสญั ลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ท่อี ยบู่ นแปน้ พมิ พ์ 1.2.2 Field หมายถึง Character ตัง้ แต่ 1 ตัวขน้ึ ไปมารวมกนั มีความสัมพันธก์ นั 1.2.3 Record หมายถงึ Field ตั้งแต่ 1 Field ข้นึ ไปมารวมกัน มคี วามสมั พนั ธก์ ัน 1.2.4 File หมายถึง Record ต้ังแต่ 1 Record ขึ้นไปมารวมกนั มีความสัมพนั ธก์ นั จากโครงสร้างข้อมูลดังกล่าว โครงสร้างของข้อมูลที่เล็กที่สุด คือ Character และโครงสร้างของข้อมูลท่ีใหญ่ท่ีสุด คือ File แต่ก็ยังมีโครงสร้างของข้อมูลที่ใหญ่กว่า File ก็คือDatabase หรอื ฐานขอ้ มลู ซ่ึงหมายถึง File ตงั้ แต่ 1 File ข้ึนไปมารวมกัน มีความสมั พนั ธ์กัน
ระบบฐานขอ้ มูล 41.2.2 ตวั อยา่ งโครงสรา้ งฐานขอ้ มลู ตัวอย่าง การจัดเก็บข้อมูลจาแนกตามโครงสร้างข้อมูล เช่น วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมาได้จัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติของนักศึกษาระดับช้ัน ปวส. 1 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ มีโครงสร้างดังนี้เลขท่ี 1 เลขท่ี 2 เลขที่ 3รหสั ประจำตวั นกั ศึกษำ 4932001 รหสั ประจำตวั นกั ศึกษำ 4932002 รหสั ประจำตวั นกั ศึกษำ 4932003ชื่อ น.ส.กสิณา ชื่อ น.ส.ขนิษฐา ชื่อ นายคณินนำมสกลุ ยมนานนท์ นำมสกลุ สร้างสรรคด์ ี นำมสกลุ คิดการทอ่ี ยู่ 254 ถ.สรุ นารายณ์ อ.เมอื ง ทอี่ ยู่ 47 ต.หนองไผล่ อ้ ม อ.เมือง จ. ทอ่ี ยู่ 68 ถ. จกั รี ต.ในเมือง อ.เมืองจ.นครราชสมี า นครราชสีมา จ.นครราชสีมาเบอร์โทรศัพท์ 044-276548 เบอร์โทรศัพท์ 044-245670 เบอร์โทรศัพท์ 044-238765วนั /เดอื น/ปี เกดิ 13 เม.ย. 2527 วนั /เดอื น/ปี เกดิ 5 ส.ค. 2526 วนั /เดอื น/ปี เกดิ 9 พ.ค. 2526ชื่อบิดำ นายสรรชยั ยมนานนท์ ชื่อบิดำ นายสินเจริญ สร้างสรรคด์ ี ช่ือบิดำ นายมโน คิดการชื่อมำรดำ นางสุนิสา ยมนานนท์ ชื่อมำรดำ นางนริณี สร้างสรรคค์ ด์ ี ชื่อมำรดำ นางพสุธิการ คิดการช่ือผ้ปู กครอง นายสรรชยั ยมนานนท์ ช่ือผ้ปู กครอง นายสินเจริญ ช่ือผ้ปู กครอง นายมโน คิดการ สร้างสรรคค์ ด์ ี เลขท่ี 4 ถึง......เลขทส่ี ุดท้ำย เลขที่ 5รหสั ประจำตวั นกั ศึกษำ ………... รหสั ประจำตวั นกั ศึกษำ ………... รหัสประจำตวั นกั ศึกษำ ………...ช่ือ …………………………. ช่ือ …………………………. ช่ือ ………………………….นำมสกลุ …………………… นำมสกลุ …………………… นำมสกลุ ……………………ทอี่ ยู่ ……………………….. ทอ่ี ยู่ ……………………….. ทอี่ ยู่ ………………………..เบอร์โทรศัพท์ ……………….. เบอร์โทรศัพท์ ……………….. เบอร์โทรศัพท์ ………………..วนั /เดอื น/ปี เกดิ ………………. วนั /เดอื น/ปี เกดิ ………………. วนั /เดอื น/ปี เกดิ ……………….ชื่อบิดำ …………………….. ชื่อบิดำ …………………….. ช่ือบิดำ ……………………..ชื่อมำรดำ …………………… ชื่อมำรดำ …………………… ชื่อมำรดำ ……………………ชื่อผู้ปกครอง ………………… ช่ือผ้ปู กครอง ………………… ชื่อผู้ปกครอง …………………รปู ท่ี 1.2 ตัวอย่างโครงสร้างข้อมลู ของแฟ้มข้อมูลทะเบียนประวัติของนักศกึ ษาแผนกคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ
ระบบฐานขอ้ มูล 5 จากตวั อย่างข้างต้น Character คือ ตวั อักษรแต่ละตวั เช่น ช, ว,ื ว่, อ Field คือ ตัวอักษรตัง้ แต่ 1 ตวั ข้นึ ไปมารวมกัน เช่น Field : รหสั ประจาตัวนักศึกษา Field : ชอื่ Field : นามสกุล Field : ทอ่ี ยู่ Field : เบอร์โทรศพั ท์ Field : วัน/เดือน/ปีเกิด Field : ชอ่ื บิดา Field : ชอ่ื มารดา Field : ชือ่ ผู้ปกครอง Record คือ Field ตั้งแต่ 1 Field ขน้ึ ไปมารวมกนั เปน็ ขอ้ มลู ของนักศึกษาแตล่ ะคน ข้อมูลของนกั ศึกษาเลขที่ 1 คอื Record ที่ 1 ประกอบไปดว้ ย Field : รหสั ประจาตวั นักศึกษา ข้อมลู คือ 4932001 Field : ชื่อ ข้อมลู คือ น.ส.กสณิ า Field : นามสกุล ข้อมูล คือ ยมนานนท์ Field : ที่อยู่ ข้อมูล คอื 254 ถ.สุรนารายณ์ อ.เมอื ง จ.นครราชสีมา Field : เบอร์โทรศพั ท์ ข้อมูล คือ 044-276548 Field : วัน/เดือน/ปีเกิด ข้อมูล คือ 13 เมษายน 2527 Field : ช่ือบิดา ข้อมูล คือ นายสรรชัย ยมนานนท์ Field : ชื่อมารดา ขอ้ มูล คือ นางสนุ ิสา ยมนานนท์ Field : ชอ่ื ผปู้ กครอง ข้อมูล คือ นายสรรชัย ยมนานนท์ ข้อมูลของนักศึกษาแต่ละคนมารวมกัน ช่ือ Field เหมือนกัน แต่ข้อมูลที่อยู่ในField แต่ละ Field แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับข้อมูลเฉพาะของนักศึกษาแต่ละคน ข้อมูลของนักศึกษาเลขที่ 2 คือ Record ที่ 2 ตามลาดับ File คือ Record ต้ังแต่ 1 Record ขึ้นไปมารวมกัน ซ่ึงในตัวอย่างน้ี File คือแฟม้ ข้อมลู ทะเบยี นประวัตขิ องนักศึกษาระดบั ชั้น ปวส. 1 แผนกวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ
ระบบฐานขอ้ มลู 61.3ความเปน็ มาของฐานขอ้ มลู เป็นเร่ืองยากที่จะบอกว่าฐานข้อมูลได้ถือกาเนิดข้ึนเม่ือใด แต่มีเหตุผลท่ีน่าเชื่อถือได้ว่าต้นกาเนิดของฐานข้อมูลเกิดข้ึนจากโครงการอพอลโลของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์ เมื่อปีพ.ศ. 2511 เบ้ืองหลังการจัดการระบบข้อมูลในโครงการนี้เกิดจากการว่าจ้างบริษัท IBM ให้พัฒนาระบบการดูแลข้อมูล ที่เรียกว่า GUAM (Generalized UpdateAccess Method) ซึ่งถือเป็นต้นกาเนิดของระบบจัดการฐานข้อมูลในอีก 2 ปีถัดมา IBM จึงได้พัฒนาการจัดการข้อมูลข้ึนมาใหม่ เพ่ือการใช้งานในวงการธุรกิจท่ัวไป ได้แก่ ระบบ DL/I (DataLanguage/I) พัฒนาจนกระทั่งไดร้ ะบบ IMS (Information Management System) นอกจากบริษัท IBM แล้วยังมีบริษัท GE (General Electric) ที่ได้พัฒนาฐานข้อมูล เช่นระบบ IDS (Integrated Data Store) โดยมี Charles Bachman เป็นหัวหน้าทีม IDS เร่ิมใช้งานในปี พ.ศ. 2509 และเป็นต้นกาเนิดของระบบโคดาชิวล์ (CODASYL) หรือโมเดลแบบเน็ตเวิร์คที่ยังนิยมใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน CODASYL เกิดขึ้นต้ังแต่ พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นทีมงานเดียวกับชดุ ท่พี ัฒนาภาษาโคบอล ในช่วงเวลาไล่เล่ียกับที่ CODASYL ฉบับมาตรฐานได้รับการบัญญัติขึ้น ดร.คอดด์(E.F.Codd) ได้เสนอผลงานทางวิชาการเก่ียวกับโมเดลใหม่ ได้แก่ โมเดลเชิงสัมพันธ์ หลักทฤษฎีของ ดร.คอดด์ได้ถูกพัฒนาโดยบริษัท IBM คือ ระบบ R ซึ่งเป็นระบบต้นแบบท่ีใช้เฉพาะในห้องวจิ ัยเท่านัน้ โดย IBM ได้สรา้ งระบบ DB2 ขน้ึ มาแทน เพอ่ื นาออกสงู่ านดา้ นธรุ กจิ1.4 องคป์ ระกอบของฐานขอ้ มลู การจัดการฐานข้อมูลมักจะนาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดเก็บฐานข้อมูล เพ่ือให้ทันต่อความต้องการในการใช้งาน สะดวก รวดเร็ว และถูกต้องมีความเช่ือถือได้ โดยมีซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมชว่ ยจัดการขอ้ มูล องคป์ ระกอบของฐานขอ้ มูล แบ่งออกเป็น 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1.4.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware) 1.4.2 ซอฟต์แวร์ (Software) 1.4.3 ข้อมลู (Data) 1.4.4 บคุ ลากร (Personal)
ระบบฐานขอ้ มลู 71.4.5 ขั้นตอนการปฏิบัตงิ าน (Procedure)ฮาร์ ดแวร์ ซอฟต์แวร์ - โปรแกรมประยกุ ต์- หนว่ ยรับข้อมลู - โปรแกรมระบบ- หนว่ ยแสดงผล- หนว่ ยประมวลผลกลาง- หนว่ ยเก็บข้อมลู สารอง ขอ้ มูล- อปุ กรณ์การสอื่ สาร - แฟ้ มขอ้ มูลบุคลากร - ฐานขอ้ มลู ขัน้ ตอนการดาเนินงาน - ขนั้ ตอนการใช้งานของผ้ใู ช้- ผ้ใู ช้งาน - ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิการของ- ผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน ผ้ปู ฏบิ ตั ิงาน- ผ้คู วบคมุ ระบบและผ้พู ฒั นาโปรแกรม รปู ที่ 1.3 องค์ประกอบของฐานขอ้ มลู 1.4.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง ตัวเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบนอกที่ต่อเข้ากับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ สามารถจบั ตอ้ งได้ ฐานขอ้ มูลทม่ี ปี ระสิทธิภาพควรมีฮารด์ แวร์ทม่ี ปี ระสิทธิภาพ สามารถอานวยความสะดวกในการบริหารฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขนาดของหน่วยความจาหลัก ความเร็วของหน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจาสารอง อุปกรณ์นาเข้าข้อมูลและอุปกรณ์ออกรายงานต้องรองรบั การประมวลผลขอ้ มูลได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ 1.4.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software) ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง โปรแกรม หรือชุดคาส่ังที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทางาน ซ่ึงระบบจัดการฐานข้อมูล ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ 2 ประเภท คอื
ระบบฐานข้อมูล 8 1) ซอฟต์แวร์ระบบ ซ่ึงเรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database ManagementSystem : DBMS) เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการจัดการและควบคุมดูแลการสร้าง การเรียกใช้ข้อมูลการจัดทารายงาน การปรับเปล่ียน แก้ไขโครงสร้าง ทาหน้าที่ในการจัดการฐานข้อมูลโดยจะเป็นส่ือกลางระหว่างผู้ใช้และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล ในการติดต่อกับข้อมูลในฐานข้อมูล จะต้องตดิ ตอ่ ผา่ นโปรแกรม DBMS หน้าทข่ี องระบบจัดการฐานข้อมูล หรอื โปรแกรม DBMS (1) ชว่ ยกาหนด และเก็บโครงสรา้ งฐานข้อมูล (2) ช่วยดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล ข้อมูลที่นามาประมวลผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทาการรับและเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล เพ่ือใช้ในการประมวลผล (3) ช่วยเก็บและดูแลข้อมูล ข้อมูลท่ีเก็บในฐานข้อมูลจะถูกรวบรวมได้ด้วยกนั โดยมรี ะบบจัดการฐานข้อมลู เปน็ ผู้ดูแลรกั ษาข้อมูลเหล่านั้น (4) ช่วยประสานงานกับระบบปฏิบัติการ เน่ืองจากคอมพิวเตอร์ต้องพ่ึงระบบปฏิบัติการในการทางาน ดังนั้นระบบปฏิบัติการจะคอยควบคุมการทางานของอุปก รณ์คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมตา่ ง ๆ ซ่งึ ระบบจัดการฐานข้อมลู จะทาการประสานงานกับระบบปฏิบัติการในการเรยี กใช้ แกไ้ ขขอ้ มลู ลบข้อมลู ออกรายงาน เป็นตน้ (5) ช่วยควบคุมความปลอดภัย ระบบจัดการฐานข้อมูลจะมีวิธีควบคุมการเรียกใช้ข้อมูล หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ใช้ในระบบ แตกต่างกัน เพ่ือป้องกันความเสยี หายที่จะเกิดข้นึ กับฐานข้อมูล (6) การจัดทาข้อมูลสารองและการกู้คืน ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทาการสารองข้อมูลของฐานข้อมูล เมื่อเกิดปัญหาข้ึนกับฐานข้อมูล เช่น แฟ้มข้อมูลเสียหายเน่ืองจากดิสก์เสีย หรือถูกโปรแกรมไวรัสทาลายข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูลจะใช้ระบบสารองนี้ในการฟื้นฟูสภาพการทางานของระบบใหส้ ู่สภาวะปกติ (7) ควบคุมการใช้ข้อมูลพร้อมกันของผู้ใช้ในระบบ ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีผ้ใู ชห้ ลายคนสามารถเรียกใชข้ อ้ มลู ไดพ้ ร้อมกัน ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทาการควบคุมการใช้ข้อมูลพรอ้ มกันของผูใ้ ช้หลายคนในเวลาเดยี วกนั โดยมีการควบคุมอยา่ งถูกต้องเหมาะสม (8) ควบคุมความบูรณภาพของข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทาการควบคุมคา่ ของข้อมูลในระบบให้ถกู ต้องและเช่อื ถือได้ (9) ทาหน้าที่จัดทาพจนานุกรมข้อมูล ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางซอฟต์แวร์ทาหน้าที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล เช่น โครงสร้างของแต่ละตาราง ใครเป็น
ระบบฐานข้อมูล 9ผู้สร้าง สร้างเมื่อใด และแตล่ ะตารางประกอบด้วยเขตข้อมูลใดบ้าง คุณลักษณะของแต่ละเขตข้อมูลเป็นอย่างไร มีการเรียกใช้อยู่ในโปรแกรมประยุกต์ใดบ้าง และมีตารางใดท่ีมีความสัมพันธ์กันบ้าง มีเขตขอ้ มลู ใดเป็นคีย์บา้ ง เป็นตน้ (สมจติ ร อาจอินทร์ และงามนิจ อาจอนิ ทร์, 2540 : 38) 2) ซอฟต์แวร์ใช้งาน (Application Software) เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของระบบจัดการฐานข้อมูล ในการทางานเฉพาะอย่าง เช่น การเข้าถึงข้อมูลการออกรายงาน ฯลฯ โปรแกรมใช้งานนี้ถูกเขียนโดยใช้ภาษาระดับสูงท่ีสามารถติดต่อส่ือสารกับระบบจดั การฐานขอ้ มลู ได้ เช่น ภาษา SQL, Visual Basic เปน็ ต้น1.4.3 ขอ้ มลู (Data) ข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในฐานข้อมูลควรเก็บรวบรวมแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน โ ดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซ้าซ้อนของข้อมูลท่ีจะถูกเก็บในแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าท่ีจะสามารถทาได้ ซ่งึ ผ้ใู ชห้ ลาย ๆ คน สามารถเรยี กใชห้ รอื ดงึ ข้อมูลชดุ เดียวกันได้ ณ เวลาเดียวกัน หรือตา่ งเวลากนั ก็ได้1.4.4 บคุ ลากร (Personal) บคุ ลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการฐานข้อมูล มดี งั นี้ 1) ผู้ใช้ทัว่ ไป (User) เป็นบุคลากรทใ่ี ชข้ ้อมลู จากฐานข้อมลู เพ่ือให้งานสาเรจ็ ลลุ ่วงได้ 2) พนักงานปฏบิ ัติการ (Operator) เป็นผู้ปฏิบัติการด้านการประมวลผล การป้อนขอ้ มลู เข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 3) นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst) เป็นบุคลากรท่ีทาหน้าท่ีวเิ คราะหฐ์ านข้อมูล และออกแบบระบบงานที่จะนามาใช้ 4) ผู้เขียนโปรแกรมประยุกต์ใช้งาน (Programmer) เป็นผู้ทาหน้าที่เขียนโปรแกรมประยกุ ตใ์ ชง้ านตา่ ง ๆ เพื่อใหก้ ารจัดเกบ็ การเรยี กใชข้ อ้ มลู เป็นไปตามความต้องการของผใู้ ช้ 5) ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA) เป็นบุคลากรที่มีหน้าท่ีควบคุมและบริหารทรัพยากรฐานข้อมูลขององค์กร ควรมีความรู้ท้ังหลักการบริหารและด้านเทคนิคของระบบจัดการฐานข้อมลู เนื่องจากผบู้ รหิ ารฐานขอ้ มลู จะทาหน้าที่เปน็ ทีป่ รึกษาและประสานงานกับเจ้าหน้าท่ีฝ่ายปฏิบัติการ เช่น นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ โปรแกรมเมอร์ และผู้ใช้ เพ่ือให้การบริหารฐานข้อมูลเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ระบบฐานขอ้ มลู 101.4.5 ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน (Procedure) ในฐานข้อมูลควรมีการจัดทาเอกสารที่ระบุข้ันตอนการทางานของหน้าท่ีงานต่าง ๆ ของฐานขอ้ มูล ทั้งในสภาวะปกติ และในสภาวะที่ระบบเกิดปัญหา ซ่ึงเป็นข้ันตอนการปฏิบัติงานสาหรับบคุ ลากรในทุกระดบั ขององคก์ ร เน่ืองจากข้ันตอนการปฏบิ ัติงานเป็นกฎระเบียบที่ใช้ควบคุมการใช้งานฐานข้อมูล ซึ่งผู้ใช้งานฐานข้อมูลต้องปฏิบัติตามข้ันตอนการทางานทุกข้ันตอนที่อยู่ในเอกสาร เพ่ือไมใ่ ห้เกดิ ปญั หา และข้อผิดพลาดในการใช้งานฐานขอ้ มูล1.5 ความสาคญั ของฐานขอ้ มลู การจัดข้อมูลให้เป็นฐานข้อมูลทาให้ข้อมูลมีส่วนดีกว่าการเก็บข้อมูลในรูปของแฟ้มข้อมูลเพราะการจดั เก็บข้อมูลในฐานข้อมูลจะมสี ว่ นท่สี าคัญกว่าการจัดเก็บข้อมลู ของแฟม้ ขอ้ มลู ดังนี้1.5.1 ความสาคญั ของฐานขอ้ มลู การจัดเก็บข้อมูลโดยใช้ระบบจดั การฐานข้อมูลมปี ระโยชน์ต่อองค์กร พอสรุปไดด้ งั น้ี 1) สามารถลดความซา้ ซอ้ นของข้อมูลได้ การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะแฟ้มข้อมูล อาจทาให้ข้อมูลเรื่องเดียวกันถูกจัดเก็บไว้ในหลาย ๆ แห่งในองค์กร ทาให้เกิดความซ้าซ้อนของข้อมูลได้ การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลจึงช่วยลดปัญหาความซ้าซ้อนของข้อมูลได้ โดยระบบจัดการฐานข้อมูลจะช่วยลดความซ้าซ้อนทั้งในด้านการจดั เก็บและการประมวลผล รวมถงึ ความเชอื่ ถอื ได้ของข้อมลู 2) สามารถหลกี เลีย่ งความขดั แย้งของข้อมลู ได้ การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะแฟ้มข้อมูล ข้อมูลเร่ืองเดียวกันอาจถูกจัดเก็บอยู่ในหลายแฟม้ ขอ้ มลู หลายแหง่ ในองคก์ ร ซงึ่ กอ่ ให้เกดิ ความขดั แย้งของข้อมูลได้ เพราะข้อมูลแต่ละแฟ้มข้อมูลแต่ละแห่งในองคก์ ร ไมส่ ามารถปรบั ปรงุ ใหท้ นั สมัย ถกู ต้อง เหมือนกันทุกแฟ้มข้อมูลได้ จึงอาจทาให้ข้อมลู ในแต่ละแฟ้ม แต่ละแหง่ ในองค์กร ขัดแย้งกนั ได้ 3) สามารถใช้ขอ้ มูลร่วมกันได้ ระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นการเก็บรวบรวมแฟ้มข้อมูลรวมไว้ด้วยกัน ซึ่งผู้ใช้หลาย ๆ คนสามารถเรียกใชห้ รือดึงข้อมลู ชุดเดียวกนั ได้ ณ เวลาเดยี วกัน หรอื ตา่ งเวลากนั ก็ได้ 4) สามารถรักษาความถกู ต้องและเชอื่ ถือไดข้ องขอ้ มลู
ระบบฐานข้อมูล 11 ในการจัดเกบ็ ข้อมลู ในฐานข้อมลู อาจมคี วามผดิ พลาดเกิดข้ึน เช่นการป้อนข้อมูลผิดพลาดจากข้อมูลหนึ่งเป็นอีกข้อมูลหนึ่ง ซึ่งในระบบจัดการฐานข้อมูลสามารถระบุกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมความผดิ พลาดท่ีเกดิ ขน้ึ ได้ 5) สามารถกาหนดความเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ การเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลต้องกาหนดและควบคุมความมีมาตรฐานของข้อมูลให้เป็นไปในลักษณะเดยี วกนั เช่น โครงสร้างข้อมลู ประเภทของข้อมลู ท่ีจัดเก็บ เปน็ ตน้ 6) สามารถกาหนดระบบความปลอดภัยของข้อมูลได้ ผู้บริหารฐานข้อมูลสามารถกาหนดระดับการเรียกใช้ข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคนให้แตกต่างกันตามหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบได้ 7) มคี วามเป็นอิสระของขอ้ มลู และโปรแกรม ระบบจัดการฐานข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ใช้งานจะทางานโดยมีระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นตัวเชื่อมโยงกับฐานข้อมูล ถ้าหากมีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างข้อมูลในแฟ้มข้อมูล ก็จะทาการแก้ไขเฉพาะโปรแกรมท่เี รยี กใชโ้ ครงสร้างข้อมลู ที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น ส่วนโปรแกรมที่ไม่ได้เรียกใช้โครงสรา้ งขอ้ มลู ทเ่ี ปล่ยี นแปลงกจ็ ะเปน็ อสิ ระจากการเปลย่ี นแปลงน้ี 8) สามารถขยายงานไดง้ า่ ย เม่ือต้องการจัดเพิ่มเติมข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องจะสามารถเพ่ิมได้อย่างง่ายไม่ซับซ้อน เนื่องจากมีความเปน็ อสิ ระของข้อมูล จึงไมม่ ผี ลกระทบตอ่ ขอ้ มลู เดิมทีม่ อี ยู่ 9) ทาใหข้ อ้ มลู บูรณะกลบั สสู่ ภาพปกติได้เร็วและมีมาตรฐาน เนื่องจากการจัดพิมพ์ข้อมูลในระบบท่ีไม่ได้ใช้ฐานข้อมูล ผู้เขียนโปรแกรมแต่ละคนมีแฟ้มข้อมูลของตนเองเฉพาะ ฉะนั้นแต่ละคนต่างก็สร้างระบบการบูรณะข้อมูลให้กลับสู่สภาพปกติในกรณีที่ข้อมูลเสียหายด้วยตนเอง และด้วยวิธีการของตนเอง จึงขาดประสิทธิภาพและมาตรฐานแต่เม่ือมีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบฐานข้อมูลแล้ว การบูรณะข้อมูลให้กลับคืนสู่สภาพปกติจะมีโปรแกรมชุดเดียวและมีผู้ดูแลเพียงคนเดียวที่จะดูแลท้ังระบบ ซ่ึงย่อมต้องมีประสิทธิภาพและเปน็ มาตรฐานเดยี วกนั แน่นอน
ระบบฐานข้อมลู 12 1.5.2 ขอ้ เสยี ของการจดั เก็บขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู ข้อเสยี ของการจดั เกบ็ ข้อมูลรวมเป็นฐานข้อมูล มีดังน้ี 1) มตี น้ ทุนสูง การใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูลต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มข้ึน ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรอื บคุ ลากรท่ีมคี วามรูค้ วามเข้าใจเทคโนโลยีระบบจัดการฐานข้อมลู 2) มคี วามซบั ซอ้ น ระบบจัดการฐานข้อมูลมีซอฟต์แวร์ที่ประกอบไปด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย จึงต้องอาศัยผู้ใช้ และผดู้ แู ลทีม่ ีความรคู้ วามเข้าใจในเทคโนโลยรี ะบบจัดการฐานข้อมลู 3) การเส่ยี งตอ่ การหยุดชะงกั ของระบบ ขอ้ มลู ท่จี ัดเก็บในระบบจัดการฐานข้อมูลมีลักษณะเป็นศูนย์รวม ดังนั้นหากฮาร์ดแวร์ หรือซอฟตแ์ วรเ์ กดิ ปัญหาอาจทาใหร้ ะบบหยุดชะงกั ได้สรปุ ฐานขอ้ มูล เป็นการจดั เกบ็ ข้อมูลท่ีมคี วามสัมพันธ์กนั ไว้อยา่ งเป็นระบบในที่เดียวกัน ซ่ึงผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลร่วมกันได้ ซ่ึงจะสามารถแก้ไขปัญหาในการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟ้มข้อมูลได้การจัดเก็บข้อมูลแบบฐานข้อมูลจะเป็นการลดความซ้าซ้อนของข้อมูล ความไม่ถูกต้องของข้อมูลและการสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างข้อมลู องค์ประกอบของฐานข้อมูล ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ขอ้ มลู ซึ่งผู้ใช้หลายคนสามารถเรียกใช้หรือดึงข้อมูลชุดเดียวกันได้ ณ เวลาเดียวกัน หรือต่างเวลากันบุคลากร และข้ันตอนการปฏิบัติงานท้ังในสภาวะปกติ และในสภาวะที่ระบบเกิดปัญหา การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบฐานข้อมูล มีความสาคัญ คือ ลดการเก็บข้อมูลท่ีซ้าซ้อน ทาให้ไม่เปลืองเน้ือท่ีในการเกบ็ ขอ้ มูล ข้อมูลจงึ มีความถูกตอ้ งเชอื่ ถือได้ ผู้ใช้สามารถเรยี กใชข้ อ้ มลู ร่วมกนั ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: