Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่3 หลักการและขั้นตอนการเขียนโครงการ

หน่วยที่3 หลักการและขั้นตอนการเขียนโครงการ

Published by nithiwan, 2018-05-20 22:57:24

Description: หน่วยที่3

Search

Read the Text Version

3204-8501 โครงการหน่วยท่ี 3 การเลือกหวั ข้อหรือปัญหาทจ่ี ะศกึ ษา

1บทท่ี 3การเลอื กหัวข้อหรือปญั หาทีจ่ ะศึกษา การวเิ คราะห์ การเลอื กกระทาโครงการใดนัน้ ผู้กระทาจะตอ้ งเลือกสง่ิ ทเ่ี หมาะสม และตรงกบั ความสามารถใหม้ ากที่สดุ การทาโครงการของผเู้ รยี นเชน่ เดียวกัน ผู้เรียนจะตอ้ งมกี ารวิเคราะหห์ รือพิจารณาตนเองกอ่ นว่า มีความสนใจมคี วามรู้ ทกั ษะและประสบการณ์ ดา้ นใดแล้วจงึ เลอื กทาโครงการทค่ี ิดว่าเหมาะสมกับตนเองมากที่สดุ

23.1 การเลอื กวเิ คราะห์โครงการ การเลอื กโครงการ เปน็ ขัน้ ตอนทีส่ าคญั ขน้ั ตอนหน่งึ ในการเรยี นวิชาโครงการวิชาชีพ เพราะถ้าเลือกโครงการไดถ้ กู ต้อง เหมาะสมกับความพร้อม ความถนัด ความรักและความจริงใจของตนเองก็จะส่งผลให้ปฏบิ ัติงานโครงการมีความสขุ ขณะปฏิบัติงาน และประสบผลสาเร็จในการทาโครงการ ได้ช้ินงานที่ตนพอใจดงั น้นั การศกึ ษาข้อมูลโครงการดา้ นตา่ ง ๆ เช่น ลกั ษณะและประโยชน์ของช้ินงาน วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องท่ีใช้แหล่งจดั ซอ้ื จดั หา เทคนิคและขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ ควรมกี ารวิเคราะห์ นอกจากนั้น การตัดสินใจเลือกโครงการควรมอี งค์ประกอบดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ข้อมลู ประกอบการตดั สินใจ มี 3 ด้าน ได้แก่ 1.1 ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ตนเอง คอื ข้อมูลเกี่ยวกบั ความพรอ้ มของตนเองในด้านความรู้ ทักษะในโครงการนัน้ ๆ วสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งใช้ คา่ ใช้จ่าย เวลา แรงงาน ตลอดจนสิ่งอนื่ ๆ ทีจ่ าเปน็ ตอ่ การทาโครงการท่ีตนกาลังจะตัดสินใจเลอื กทา 1.2 ข้อมลู เกี่ยวกบั สังคมแวดลอ้ ม ซึง่ เป็นข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา หรือจะต้องเข้ามาเก่ยี วขอ้ ง อนั อาจจะสง่ ผลดหี รอื ผลเสียต่อการทาโครงการ ในด้านความเห็นชอบของคนในครอบครัว ผู้สอนผู้สอนทีป่ รึกษา แหล่งการเรียนรู้ แหลง่ จดั หาวัสดุ อปุ กรณ์ ตลอดจนสถานที่ที่จะใช้ปฏบิ ตั ิโครงการ 1.3 ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ความรู้พนื้ ฐานทางวิชาการของโครงการ คอื ข้อมูลความรู้และเทคนิคต่างๆ สาหรับทาโครงการ 2. ความสนใจและความถนดั ของแต่ละบคุ คล การทีจ่ ะทาโครงการให้ไดผ้ ลดี จะต้องพิจารณาความสนใจและความถนดั ของตนเองด้วย เพราะความสนใจและความถนัดจะช่วยให้ทาโครงการได้สะดวก รวดเร็วคล่องแคล่ว และมองเหน็ ชอ่ งทางทจี่ ะพฒั นา หรอื ปรบั ปรงุ โครงการใหม้ ีประสิทธภิ าพย่งิ ข้นึ 3. ความรักและความจริงใจ เป็นองคป์ ระกอบท่เี กดิ ความรู้สึกภายในของแต่ละคน ความรู้สึกน้ีจะเปน็ แรงผลักดันใหเ้ กดิ ความมานะ อดทน ขยนั และละเอียดรอบคอบในการทาโครงการจึงถือเป็นองค์ประกอบในการตดั สนิ ใจทส่ี าคญั อกี ข้อหนง่ึ หากพิจารณาตัดสนิ ใจมิได้คานงึ ถึงส่ิงนแ้ี ล้ว การจดั ทาโครงการอย่างเด็ดเดี่ ยวมั่นคงจะลดนอ้ ยลงได้ง่าย เมือ่ มอี ปุ สรรคเกดิ ข้นึ อาจสง่ ผลให้การทาโครงการไมป่ ระสบความสาเร็จ

33.2 การเลอื กโครงการของผูเ้ รียน การเรยี นโครงการของผูเ้ รยี น ควรคานึงถงึ ส่ิงตอ่ ไปน้คี ือ 1. มีความรู้ ประสบการณ์ ทกั ษะ ความถนัดและความพร้อมในการทาโครงการท่ีเลอื กไว้ซึง่ โครงการควรมคี วามเหมาะสมกับเพศ วยั ความสามารถ และงบประมาณของตนเอง 2. โครงการมีความเหมาะสม สอดคล้องกับหลักสูตรที่เรียน สามารถนาความรู้มาบูรณาการกับการปฏิบัติงานในระหวา่ งการทาโครงงานได้ 3. ควรเป็นโครงการทีส่ ามารถคน้ คว้าขอ้ มูลเพ่มิ เติมได้ทั้งจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ิน ภมู ิปัญญาชาวบ้าน ผู้รู้ และผูช้ านาญทจี่ ะให้คาปรึกษา 4. ชว่ งระยะเวลาในการดาเนนิ งานโครงการไมค่ วรสนั้ เกนิ ไปและไม่เกิน 1 ภาคเรยี น 5. โครงการมีความเหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมหรือท้องถิ่นของตนเอง สามารถนาผลงานไปพัฒนาสูส่ ถานประกอบอาชีพได้

4 3.3 การเลือกโครงการประเภทโครงการ ส่งิ ประดิษฐ์ โครงการสิ่งประดิษฐ์ เป็นการประยกุ ตท์ ฤษฎหี รอื หลักการทเ่ี รียนมามาประดิษฐ์เป็นเคร่ืองมือ อุปกรณ์เพ่ือประโยชน์ใชส้ อยในชวี ิตประจาวัน ส่ิงประดษิ ฐด์ ังกล่าวอาจเปน็ สง่ิ ใหม่ท่เี กิดจากความคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์ข้ึนเอง หรืออาจเปน็ การปรับปรงุ ตดั แปลงจากของเดิมที่มอี ย่แู ลว้ ให้มีประสิทธิภาพ กอ่ นทจ่ี ะเลอื กทาโครงการผู้เรียนจะต้องพิจารณาตนเองหรือคณะกลุ่มทางานก่อนตัดสินใจเลือก เพ่ือให้โครงการหรอื ชน้ิ งานทีอ่ อกมามีประสิทธิภาพซงึ่ คุณลักษณะของผู้เรียนหรือกลุม่ ทมี งานควรเป็นดังนี้ 1. มีความรูท้ างด้านวชิ าการ การประดษิ ฐ์สง่ิ ตา่ ง ๆ ย่อมต้องใช้ความรู้ทางวิชาการอยา่ งแทจ้ รงิ มาเป็นพนื้ ฐานการทางาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ถูกตอ้ ง มีหลักการ และมคี วามเปน็ ไปได้ ซงึ่ หากเรยี นมีความสนใจประดิษฐ์ งานด้านใด ก็ควรแสวงหาความรู้ทางวชิ าการทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การประดิษฐช์ น้ิ งานนัน้ ๆ ให้ชัดเจน และ ควรเป็นความรูท้ ถ่ี ูกตอ้ ง กันความเสียหายที่จะเกิดข้ึนได้ เชน่ การประดษิ ฐเ์ ครอื่ งกรองนา้ ผ้เู รยี นกต็ อ้ งหารความรู้เกย่ี วกับการทางานของเคร่ืองและอ่ืน ๆ การหาความรู้ทางวชิ าการในปัจจุบันทาได้ไม่ยาก มีแหล่งคน้ คว้าหาความรู้มากมายหายหากผู้เรยี นสนใจอย่างแท้จริง 2. มที กั ษะในการปฏิบตั ิงาน ทกั ษะในการปฏิบตั ิงาน มีความสาคญั อีกอย่างหนึ่งในการดาเนินงานดา้ นโครงการ เพราะทักษะส่วนใหญ่เกิดจากการฝกึ ฝนจนเกดิ ความชานาญหรอื เชี่ยวชาญ การมที กั ษะในการปฏิบัติงาน จะช่วยให้ช้ินงานที่ประดิษฐ์ข้ึนมาน้ันมีประสทิ ธภิ าพ และสามารถใชง้ านได้ตามจุดม่งุ หมายท่ตี ้งั ไว้ 3. มจี รรยาบรรณ จรรยาบรรณ เป็นส่งิ ทท่ี ุกอาชพี พึงมี การมจี รรยาบรรณทาใหอ้ าชพี นนั้ ได้รับการยอมรับและเป็นท่ีน่าเชื่อถือแกบ่ ุคคลทวั่ ไป ผูเ้ รยี นจะต้องมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในการปฏบิ ัติงาน และมีจิตสานกึ ในหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบ อันเป็นพ้ืนฐานทด่ี ที ีจ่ ะเปน็ ผปู้ ระกอบการทีม่ จี รรยาบรรณในอนาคต 4. มีความคดิ สร้างสรรค์ การทาโครงการในแต่ละประเภทจะตอ้ งประกอบไปกับความรูค้ วามชานาญและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ให้โครงการหรือสิ่งประดิษฐ์ท่ที าขน้ึ มาเกิดความสมบูรณ์ และมปี ระสิทธภิ าพเป็นทีย่ อมรบั ของผูใ้ ชบ้ ริการ 5. มีเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ งานอาชีพการเลือกประกอบอาชีพใดกต็ าม บุคคลนนั้ จะตอ้ งมเี จตคตทิ ี่ดตี ่ออาชีพทเ่ี ลอื ก จงึ จะปฏิบตั งิ านได้อย่างมีความสุข การทีผ่ ้เู รียนเลอื กประดิษฐ์ช้นิ งานใดก็ตามยอ่ มต้องมีเจตคตทิ ่ีดตี อ่ งานนน้ั ด้วย

5 ข้อกาหนดของโครงการสง่ิ ประดษิ ฐ์ สิ่งประดิษฐ์ ข้อกาหนดโครงการส่งิ ประดิษฐ์ ควรมีขอ้ กาหนด ดงั ต่อไปน้ี 1. จะต้องเป็นการทาส่งิ ประดษิ ฐท์ ่เี กดิ จากการบรู ณาการความรู้ความสามารถ ประสบการณ์และทกั ษะทีเ่ กดิ ข้นึ จากการปฏิบัตงิ านในสาขางาน 2. จะตอ้ งเปน็ งานท่ีสร้างสรรค์และพฒั นาความรู้ให้เกิดประโยชน์ในการประกอบอาชีพในสาขางาน 3. จะตอ้ งพจิ ารณาความถนัด และความสนใจของแตล่ ะบุคลหรือกลุ่มโดยผ่านกระบวนการตัดสินใจและความเห็นชอบจากครผู สู้ อนที่ปรึกษา 4. จะต้องเกิดจากการออกแบบขึ้นใหม่โดยคานงึ ถงึ รปู แบบความเหมาะสม ความสวยงามและประโยชนใ์ นการใช้ไดจ้ ริง 5. สามารถทาไดเ้ ป็นกลมุ่ กล่มุ 5-6 คน หรอื ตามความเหมาะสม 6. ต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้สอนทป่ี รึกษาและคณะกรรมการโครงการ

6 หลกั การออกแบบส่ิงประดิษฐ์ ส่ิงประดษิ ฐ์ หลกั การออกแบบสง่ิ ประดิษฐ์ ควรคานึงถึงสิง่ ต่อไป 1. ประโยชน์ใชส้ อย นับเป็นปจั จัยแรกท่ีต้องคานงึ เพราะเมอื่ อกแบบส่ิงประดิษฐ์แล้วจะต้องมีเปา้ หมายว่าจะนาไปใช้ในดา้ นใด 2. วัสดทุ ี่ใชท้ า เปน็ ปจั จัยทีน่ กั ออกแบบหรือผสู้ รา้ งผลงานจะต้องทาการสารวจ ค้นคว้าหาขอ้ มูล และควรเลือกใชว้ ัสดุทม่ี ีอย่ใู นทอ้ งถ่ินหรอื วสั ดุทีม่ ีอยู่ในทอ้ งถ่นิ เพื่อความสะดวกและประหยดั 3. ขั้นตอนหรือวิธีการในการประดิษฐ์ผลงาน ควรศึกษาถึงขั้นตอนหรือวิธีการในการประดิษฐ์ผลงานแต่ละชนดิ ให้เข้าใจอย่างละเอียด เพ่ือจะได้ประดิษฐ์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามลาดบั ข้นั ตอน 4. ความทนทานและความสวยงาม นอกจากจะคานึงถึงเร่ืองความประหยัดต้องคานึงถึงความทนทานหรือระยะเวลาในการใชง้ าน และความสวยงามดว้ ย

7 แนวทางในการออกแบบสง่ิ ประดิษฐ์ สิ่งประดษิ ฐ์ แนวทางในการออกแบบส่งิ ประดิษฐ์ มแี นวทางดังนี้ การสร้างผลงานขึ้นใหม่ เป็นการสร้างประดษิ ฐ์ชนิ้ งาน หรือเครอื่ งใช้เป็นการขายหรือชุมชนสรา้ งขนึ้ มาใหมส่ ามารถทาได้ ดังนี้ 1. เปลีย่ นวสั ดุ หมายถึง การใชว้ สั ดอุ ื่นที่มีคุณภาพมากกว่าเดิมมาสร้างผลงานให้เป็นรูปแบบเดยี วกนั 2. เปลี่ยนวธิ กี ารใหม่ หมายถึง การใช้เทคนิคสร้างประดิษฐ์ผลงานท่ีแปลกใหม่กว่าเดิมเพ่ือให้ผลงานนา่ สนใจและใช้ประโยชน์ไดม้ ากขน้ึ 3. การปรับปรุงเปล่ยี นแปลงสภาพจากของเดิม เป็นการประดิษฐ์ที่ยึดหลักความประหยัดและปรบั ปรงุ แก้ไขปัญหาให้ดียงิ่ ขึน้ และอาจเปลีย่ นวสั ดอุ ปุ กรณ์บางชนิดให้มีคุณภาพมากกว่าต้นแบบและประสทิ ธภิ าพในการทางานดขี ึ้น

8 3.4 การเลอื กโครงการประเภทโครงการทดลองและวจิ ยั โครงการทดลองและวจิ ยั เป็นโครงการท่ีทาการศกึ ษาคาตอบของปญั หาซ่งึ คาตอบของปญั หานั้นได้มาจากการสารวจและรวบรวมข้อมูลโดยข้อมูลเหล่านั้นมาจัดเป็นหมวดหมู่แล้วนาเสนอ เพื่อให้เห็นลกั ษณะหรือความสมั พันธใ์ นเรอื่ งที่ตอ้ งการศึกษาได้ชัดเจนมากยิ่งข้ึน ขอ้ กาหนดของโครงการทดลองและวิจัย 1. ต้องผ่านความเห็นชอบของผู้สอนท่ีปรึกษา และคณะกร รมกา ร อานวยการ 2. ต้องมแี ผนการทดลองวิจัย ประกอบด้วย สมมติฐาน ขั้นตอนการ ทดลองและวจิ ยั ระยะ งบประมาณ และผลท่คี าดวา่ จะได้รับจากการทดลองและการวจิ ยั 3. ต้องเกิดจากความถนัดและความสนใจของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มโดย ผ่านกระบวนการตดั สนิ ใจและความเหน็ ชอบของผู้สอนทปี่ รึกษา 4. ตอ้ งเกดิ จากการสรา้ งสมมติฐานและการคาดหมายผลท่จี ะเกิดขึ้นตาม หลกั วิชาทกั ษะและประสบการณ์ในสาขางานทน่ี า่ จะเปน็ ไปได้ 5. ต้องเปน็ งานทสี่ รา้ งสรรคแ์ ละพัฒนาความรู้ให้เกิดประโยชน์ในการ นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันหรอื ประกอบอาชพี 6. สามารถทาไดเ้ ปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4-6 คน หรอื ตาม ความเหมาะสม

9ตารางวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือตัดสินใจเลือกโครงการสิ่งประดิษฐ์รายละเอยี ด โครงการ 1 โครงการ 2 โครงการ 3 หมายเหตุขอ้ มลู เกยี่ วกับตนเอง 1. ความถนัดและความสนใจ 2. ความรู้ 3. ประสบการณ์ 4. เงินทนุ 5. วสั ดุอุปกรณ์ 6. ความพร้อมในด้านเวลาและ แรงงานขอ้ มลู เกี่ยวกับสงั คมแวดล้อม 1. เป็นโครงการทมี่ ีประโยชน์ 2. มคี นสนับสนุน 3. สามารถจดั หาวัสดไุ ด้ง่าย 4. มสี ถานทีป่ ฏบิ ตั เิ หมาะสม 5. มีแหลง่ ความรทู้ ีจ่ ะศกึ ษา รายละเอียดขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความรพู้ น้ื ฐานทางวชิ าการ 1. ความรู้เก่ยี วกับอาชีพ 2. ขั้นตอนในการปฏิบตั ิงานไมซ่ ับซ้อน 3. นาความรทู้ ักษะในโครงการนน้ี าไป เป็นขอ้ มูลในการสรา้ งงานอื่นได้ คะแนนรวมหมายเหตุ 1.การใหค้ ะแนนมี 4 ระดับ คือ 4.= มากทส่ี ุด 3. = มาก 2. = ปานกลาง 1. = น้อย

103.5 หวั ข้อโครงการสงิ่ ประดษิ ฐ์ หวั ขอ้ โครงงาน คอื สงิ่ ทแี่ สดงลกั ษณะของภาระงาน ช้นิ งาน หรือกิจกรรมอิสระที่ผู้ทาโครงงานต้องทา การคัดเลอื กหวั ขอ้ โครงงานใหป้ ระสบผลสาเร็จ ผทู้ าโครงงานจะตอ้ งพจิ ารณาแรงจูงใจของตนเอง เพื่อให้สามารถตอบคาถามสาคญั 2 ประการ คอื ต้องการศกึ ษาการแกป้ ัญหาส่ิงใดและเหตใุ ดจึงตอ้ งการศกึ ษาส่งิ น้นั โดยหัวข้อโครงงานจะตอ้ งเป็นเรื่องทีเ่ ฉพาะเจาะจง ชัดเจน โดยมุ่งเนน้ ทาโครงงานทอ่ี ยู่ใกลต้ ัว ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาของผู้ทาโครงงานหรือผู้ทาโครงงานมีความคุ้นเคยกบั สิ่งน้นั ดงั นน้ั ผทู้ าโครงงานจึงควรสารวจตวั เองและพิจารณาส่งิ ตา่ งๆ ดังนี้ 1. ความรู้ ความสามารถ และประสบการณข์ องตนเอง โดยพจิ ารณาจากคะแนนวักผลความรหู้ รอืผลงานทีเ่ คยปฏิบัติ 2. ถนัดและความสนใจของผทู้ าโครงงาน เป็นการพจิ ารณาความชอบของผู้ทาโครงงาน ซึง่ ถ้าเป็นโครงงานท่ีผทู้ ่ไี มม่ ีความรู้ ความสามารถ และประสบการณม์ าก่น ผทู้ าก็จะต้องค้นคว้าหาความรู้เก่ยี วกบั โครงงานนั้นมากเปน็ พเิ ศษ 3. ประโยชน์ท่ีไดร้ บั โครงงานทีท่ าควรเป็นโครงงานที่มีประโยชน์ท้ังตอ่ ผทู้ าโครงงาน สงั คม และประเทศชาติ โดยโครงงานน้ันควรจะสามารถควรจะสามารถนาไปพฒั นาและใช้ไดจ้ รงิ ในชวี ติ ประจาวัน 4. ความคดิ สรา้ งสรรค์ โครงงานที่ทาควรมคี วามแปลกใหม่ ทนั สมัย ใชไ้ ด้จรงิ และไม่มีผอู้ ่ืนทาไวห้ รือเป็นการพฒั นาโครงงานของผอู้ นื่ ให้มีประสิทธิภาพมากยง่ิ ขึ้น 5. ระยะเวลาในการทาโครงงาน เป็นปจั จยั ที่ผทู้ าโครงงานจะตอ้ งวางแผนก่อนการทาโครงงานจรงิ เพ่ือกาหนดขอบเขตและเป้าหมายในการทาโครงงาน 6. ค่าใชจ้ ่ายในการทาโครงงาน โครงงานบางประเภทจาเป็นตอ้ งใช้ตน้ ทุนจานวนมาก ผทู้ าโครงงานจึงควรประเมนิ คา่ ใชจ้ า่ ยและเลอื กทาโครงงานทตี่ นเองมีทรัพยากรอยแู่ ล้วเพ่อื ลดคา่ ใช้จ่ายในการทาโครงงาน 7. ความปลอดภยั เป็นปัจจยั สาคัญในการทาโครงงาน กลา่ วคอื โครงงานน้นั จะตอ้ งมีความปลอดภยั ไมม่ ีอนั ตรายท้งั ตอ่ ผ้ทู าโครงงาน สงั คม และประเทศชาติ 8. ค่านิยมของสังคม เป็นปัจจัยภายนอกที่เกยี่ วกบั ผทู้ าโครงงานโดยโครงงานทท่ี าจะต้องไมข่ ัดตอ่ คา่ นิยมวฒั นธรรมและความเชือ่ ของสังคม 9. ความเป็นไปได้ ผู้ทาโครงงานควรนาปัจจัยข้างตน้ มาพิจารณาว่า โครงงานดังกล่าวสามารถทาได้จรงิตามปจั จยั ต่าง ๆ ทม่ี อี ยหู่ รอื ไม่แล้วจงึ ตัดสนิ ใจเลอื กทาโครงงานในหวั ขอ้ น้ัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook