เรื่องพทุ ธสาวก.o.พสnุท่ือธlกiสnาราวeสกิ อาEน...Pช-าboวoพwทุ oeธkตrวัใPอชยoโ้ า่ ปiงnรtแกรม Pubhtml5 รายวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ (พระพทุ ธศาสนา) จดั ทำโดย นำงสำวพรทพิ ย์ พลกิจ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ โรงเรยี นแหลมสิงหว์ ิทยำคม จ.จนั ทบรุ ี สำนกั งำนเขตพืน้ ท่ีกำรศกึ ษำมธั ยมศกึ ษำเขต ๑๗
คานา • ส่ือการสอน PowerPoint online E-bookใชโ้ ปรแกรม Pubhtml5 เรื่องพทุ ธสาวก/พทุ ธสาวิกา/ชาวพุทธตัวอย่างใช้เป็ นสื่อการ เรียนการสอนในรายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหัสวชิ า ส ๓๑๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๔ ใช้เวลาสอน ๖ ช่ัวโมง ทางผู้จดั ทาหวงั ว่าสื่อการสอน PowerPoint เร่ืองพุทธสาวก/พุทธสาวกิ า/ชาวพุทธตัวอย่างคงเป็ นประโยชน์ต่อนักเรียน และคุณครูผู้สอนรายวชิ าสังคมศึกษาได้พอสมควร
พทุ ธสาวก พุทธสาวิกา พระอัสสชิ • เกดิ ในตระกลู พราหมณ์แหง่ กรงุ กบลิ พสั ดุ์ • เมอ่ื เจ้าชายสทิ ธตั ถะตรัสรเู้ ปน็ พระพุทธเจ้าแล้ว ได้เสด็จมาแสดงปฐมเทศนาแก่พระอสั สชิ ทาให้ท่านกราบทูลขอบวช ซ่ึงต่อมาได้บรรลเุ ป็นพระอรหันต์ • พระอัสสชิไดร้ ับการยกยอ่ งว่ามีความสามารถในการเทศนาสัง่ สอนธรรมะแก่ประชาชน อย่างได้ใจความ ส้ันกะทดั รัด ครอบคลมุ หลกั พระพทุ ธศาสนา คุณธรรมท่คี วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เป็นผู้มีความสารวม • เป็นผูม้ ีความออ่ นน้อมถ่อมตน • เป็นครทู ่ีดี • เป็นผทู้ ม่ี ีความเลือ่ มใสในพระพทุ ธศาสนาและมสี ่วนสาคัญ ในการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา
พระอานนท์ • เป็นพระอนชุ าของพระพทุ ธเจา้ • หลังจากบวชไม่นานพระอานนท์ได้ฟงั ธรรมจากพระปณุ ณมนั ตานีบุตรจนบรรลเุ ป็นโสดาบนั ต่อ มาไดร้ บั หน้าที่เป็นพทุ ธอปุ ัฏฐากปรนนบิ ตั ริ ับใชพ้ ระพทุ ธเจ้า • ก่อนเข้ารับหนา้ ทีพ่ ทุ ธอุปฏั ฐาก พระอานนทไ์ ด้ทูลขอพร (เงือ่ นไข) ๘ ประการจากพระพทุ ธเจา้ • พระอานนท์ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจา้ วา่ มคี วามเปน็ เลิศกว่าผู้อน่ื (เอตทัคคะ) ๕ ด้าน คอื เปน็ ผเู้ ลิศในทางพหูสูตเปน็ ผ้เู ลศิ ในทางมสี ติ เป็นผเู้ ลศิ ในทางคติ เป็นผูเ้ ลิศในทางความเพยี ร พยายาม เป็นผูเ้ ลศิ ในทางพทุ ธอุปัฏฐาก • เปน็ ผูใ้ ฝรุ ู้อย่างยง่ิ คณุ ธรรมท่ีควรถือเปน็ แบบอยา่ ง • เปน็ ผมู้ สี ติเสมอ • เป็นผมู้ ีเมตตากรณุ า • เปน็ ผู้มองการณ์ไกล • เป็นผู้มคี วามเพียรพยายาม • เป็นผมู้ ีความจงรักภกั ดเี คารพรกั ในพระพุทธเจ้าสามารถอุทิศชวี ิต • เปน็ ผู้ที่รู้จกั กาลเทศะอย่างยงิ่ เพ่อื พระพทุ ธองคไ์ ด้ • มีวธิ ีในการจดจาพระพุทธวจนะ • เปน็ ผ้วู า่ ง่ายและเคารพยาเกรงผใู้ หญ่
พระอนรุ ทุ ธเถระ • เป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ • ตอ่ มาเม่อื เจา้ ชายแหง่ ศากยวงศแ์ ละโกลิยวงศป์ รารถนาออกบวช เจา้ ชายอนุรทุ ธะไดต้ ดั สนิ ใจ ออกบวชด้วย • ทา่ นมคี วามเช่ยี วชาญเรื่องทิพยจกั ขุมาก จนได้รบั การยกยอ่ งจากพระพทุ ธเจา้ วา่ เป็นเลศิ ในทางมที ิพพจกั ขุ พระอนุรทุ ธเถระกลา่ วเตอื นภกิ ษุ คณุ ธรรมที่ควรถอื เป็นแบบอยา่ ง รูปอน่ื ให้เหน็ ว่าสังขารมีเกดิ และดับ แม้พระพทุ ธเจา้ กไ็ มอ่ าจเล่ียงได้ • มคี วามพากเพยี รยง่ิ • มคี วามมกั นอ้ ย • เป็นหลักแหง่ พระธรรมวนิ ยั
พระองคุลิมาล • เกดิ ในวรรณะพราหมณ์ บดิ าเปน็ ปุโรหิตแหง่ ราชสานกั พระเจา้ ปเสนทโิ กศล • เม่อื โตขึ้นบิดาได้ส่งไปศึกษาในสานกั ของอาจารย์ทิศาปาโมกขแ์ ห่งเมืองตักกสิลา อหงิ สกะ เป็นผทู้ ต่ี ง้ั ใจเรยี น จึงเป็นทีร่ กั ของอาจารย์ ทาให้ศิษย์ร่วมสานักพากนั อจิ ฉาและหาเรอื่ งใส่ร้าย ในทีส่ ุดอาจารย์หลงเชอ่ื และวางแผนฆา่ อหิงสกะ • โดยบอกว่าศษิ ย์ที่ศกึ ษาจบน้นั จะตอ้ งให้ครุทกั ษิณา (ของบูชาคร)ู แกอ่ าจารย์ น่นั คอื นว้ิ ขวา ของคน ๑,๐๐๐ นิ้ว ดว้ ยเช่ือมั่นวา่ จะเป็นวิธฆี ่าศษิ ย์ได้โดยไมม่ คี วามผดิ • พระพุทธเจ้าทรงเกรงวา่ องคุลมิ าลจะทาอนันตริยกรรมต่อมารดา จงึ เสดจ็ ไปดักหนา้ องคุลมิ าล กอ่ นท่มี ารดาจะไปถึง พระพุทธเจา้ จึงตรสั ส่ังสอนและประทานอปุ สมบทให้ • ได้รบั การยกย่องวา่ เปน็ พระประเภทต้นคดปลายตรง หมายถงึ เป็นผ้ปู ระมาทในเบอื้ งตน้ แต่ต่อมากลบั ตวั เปน็ พระสาวกท่ีดี คณุ ธรรมทคี่ วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เปน็ ผมู้ ีขนั ตธิ รรมอยา่ งยงิ่ • เป็นบคุ คลประเภทตน้ คดปลายตรง • เป็นผมู้ ีเมตตากรณุ ามาก
พระกสี าโคตมีเถรี • เป็นธดิ าของบุคคลในตระกลู เก่าแกต่ ระกลู หนึ่งในเมอื งสาวตั ถี • นางกสี ามลี กู ชายคนหนึ่งและเสียชวี ติ อยา่ งกะทนั หนั นางเสียใจมากจนสตฟิ ั่นเฟือน ไมย่ อมเผา ศพลกู เพราะคิดว่าลกู ชายยงั ไมต่ าย • พระพุทธเจ้าไดต้ รัสบอกนางกีสาใหไ้ ปเอาเมล็ดพันธ์ุผกั กาดมาหนึง่ กามือแล้วพระพุทธองคจ์ ะทรง ทายาให้ โดยได้ตรัสกาชบั วา่ “ผกั กาดน้นั จะตอ้ งเอาจากบ้านเรอื นทไ่ี มม่ ใี ครตายจงึ จะทาได้” • นางกสี าไมส่ ามารถหาไดเ้ พราะบา้ นทไ่ี มม่ ีคนตายนน้ั ไม่มีนางจึงคิดได้วา่ ในโลกน้ไี มม่ บี ้านไหน ไมม่ ีคนตาย • พระพุทธเจา้ ทรงแสดงธรรมเทศนาจนนางไดบ้ รรลโุ สดาบนั และไดร้ บั ยกย่องจากพระพทุ ธเจา้ วา่ เป็นเอตทัคคะในการทรงจวี รเศร้าหมอง เป็นผถู้ ือธุดงควตั รเครง่ ครดั เรยี บงา่ ย คุณธรรมท่คี วรถอื เป็นแบบอย่าง • เปน็ ผู้มคี วามเคารพนบนอบย่ิง • เปน็ ผมู้ ีความคดิ ฉบั ไว • เป็นครูท่ดี ีของสตรีทัง้ หลาย • เป็นผู้มชี วี ติ เรียบง่าย
พระธัมมทินเถรี • เป็นสตรีท่ีสวยงาม มีความรู้ และเพยี บพรอ้ มด้วยคณุ สมบัติของกลุ สตรี แตง่ งานกบั บตุ ร เศรษฐชี าวเมอื งราชคฤห์ ชือ่ วิสาขะ • วิสาขะเศรษฐีไดพ้ บพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรมเทศนาจนบรรลเุ ป็นพระอนาคามี เม่อื นาง ธัมมทนิ นาเถรที ราบจงึ เกิดความเล่ือมใส • นางหาโอกาสไปฟงั ธรรมเทศนาจากพระพุทธเจา้ และทลู ขอบวชไม่นานพระธมั มทินนาเถรี ก็บรรลอุ รหนั ต์ • พระธัมมทินนาเถรไี ดร้ บั การยกยอ่ งจากพระพุทธเจา้ วา่ เป็นเอตทัคคะด้านการแสดงธรรมโดย เปน็ ผูเ้ ชี่ยวชาญในการแสดงธรรมแกป่ ระชาชน สามารถอธบิ ายธรรมที่ยากใหเ้ ขา้ ใจได้โดยง่าย คุณธรรมทคี่ วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เป็นผู้มปี ญั ญาและสามารถใช้ปญั ญาแกไ้ ขปญั หาชีวิต • เปน็ ผมู้ จี ิตใจใฝุหาความดี • เปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ ม่นั • เปน็ ผ้ทู ่สี ามารถทาให้บคุ คลท่ีสนใจพระพุทธศาสนาอยู่แลว้ เกิดศรัทธาในคาสอนมากขึน้
พระปฏาจาราเถรี • เกิดในตระกูลเศรษฐีเมอื งสาวัตถี แตน่ างแอบรกั กบั ชายซงึ่ เป็นคนรับใชใ้ นบา้ นและพากนั หนีไป • เมอื่ นางปฏาจาราเถรีต้ังครรภบ์ ุตรคนท่ี ๒ นางขอรอ้ งให้สามีพานางกลับไปคลอดบตุ รท่ี บ้านแตถ่ กู ปฏเิ สธจากสามนี างจึงหนีไป และสามกี ็ตามนางไปทนั ระหว่างทางนางปฏาจารา เกดิ เจ็บทอ้ งจวนจะคลอดลกู ขณะนนั้ ฝนได้ตกหนกั นางจงึ ให้สามีไปตัดกง่ิ ไม้มาทาซมุ้ กัน บงั ฝนแตส่ ามีของนางกลบั ถกู งูมีพิษกัดถงึ แกค่ วามตาย นางจึงพาลูกทงั้ สองกลับไปยงั บ้าน เกิดแตล่ กู คนเลก็ กลับถกู เหย่ยี วจิกไป ส่วนคนโตจมนา้ หายไป เม่ือเธอกลบั ไปหาบดิ ามารดา ก็ทราบขา่ วว่าถกู เรือนพงั ทลายทับเนื่องจากฝนตกหนกั ทาให้นางเสยี สตวิ ่งิ เพ้อจนหลงเข้า ไปยังพระเชตวันวิหาร ซ่งึ ขณะนน้ั พระพุทธเจา้ กาลังแสดงธรรมเทศนาแกป่ ระชาชน • พระพุทธเจา้ ตรัสแสดงธรรมแก่นางเรอื่ ง การเวียนว่ายตายเกิด เมื่อนางไดฟ้ ังกบ็ รรลโุ สดาบนั และไดบ้ าเพญ็ เพยี รจนบรรลุมรรคผลเปน็ พระอรหันต์ • ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั จากพระพุทธเจ้าให้เป็นเอตทคั คะในทางทรงจาพระวินยั คณุ ธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง • เป็นผู้ไมม่ ที ิฐมิ านะในทางด้ือรนั้ • เปน็ ผู้มีความวิริยอุตสาหะ • เปน็ ผู้แนะนาการแก้ปัญหาชีวติ ให้แก่ผูท้ เ่ี ดือดร้อน
หมอชวี กโกมารภัจจ์ • เป็นบุตรของนางสาลวดีซ่ึงเป็นหญงิ นครโสเภณี เมื่อนางคลอดบตุ รแลว้ ได้นาไปท้ิงทก่ี องขยะ นอกเมือง เจ้าชายอภยั ราชกุมารซึ่งเปน็ พระราชโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพมิ พสิ ารพบเขา้ จึงนาไปเลี้ยงและตั้งชอื่ วา่ ชวี กโกมารภจั จ์ • ชีวกโกมารภจั จไ์ ดร้ บั การเลย้ี งดูจากเจ้าชายอภยั ราชในฐานะบุตรบุญธรรม และได้ศกึ ษาวิชา แพทย์ท่สี านกั ศกึ ษาทิศาปาโมกข์ เม่อื เรียนจบได้กราบลาอาจารย์กลับยังบ้านเมืองตน • หมอชวี กโกมารภัจจ์ไดถ้ วายการรักษาพระเจา้ พมิ พสิ ารให้หายจากพระโรคริดสีดวงทวาร พระองค์ได้พระราชทานรางวลั แตห่ มอชวี กโกมารภจั จ์ ไม่ยอมรับ • พระเจา้ พมิ พิสารแต่งตง้ั หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นแพทย์หลวง ทาหนา้ ทรี่ กั ษาพระองคแ์ ละ ข้าราชบริพารฝุายใน ขณะเดียวกนั หมอชวี กโกมารภัจจ์ยงั เป็นแพทยป์ ระจาพระองค์ พระพุทธเจ้าและรักษาพระสงฆส์ าวกทีอ่ าพาธ • ได้รบั การยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นอบุ าสกผเู้ ลิศในด้านมีความเล่ือมใส เป็นหมอท่ี เสียสละและบาเพ็ญตนเพ่อื ประโยชน์สว่ นรวม คุณธรรมท่คี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผ้ใู ฝุรู้และมีความพากเพยี ร • เปน็ ผมู้ ีความเสียสละ • เป็นอบุ าสกท่ีดี
จติ ตคหบดี • กอ่ นทท่ี ่านจะมานับถือพระพทุ ธศาสนานั้น ทา่ นได้มีโอกาสพบพระมหานามะ จึงเกดิ ความ ศรทั ธาและนมิ นต์ทา่ นไปฉนั ภัตตาหารทค่ี ฤหาสนข์ องตน และสร้างวัดถวายท่านทสี่ วนช่อื อัมพาฏการาม และนิมนตใ์ หท้ ่านอยจู่ าพรรษา • วันหนงึ่ พระสารบี ุตรและพระโมคคัลลานะเดนิ ทางผ่านมาจิตตคหบดีได้นิมนต์ทา่ นท้งั สองให้ พานักอยูท่ ่ีอัมพาฏการามและนมิ นต์ใหฉ้ ันอาหารในวนั รงุ่ ขึน้ พระสุธรรมเหน็ ว่าจติ ตคหบดใี ห้ ความสาคญั พระอคั รสาวกมากกว่าตนจงึ ไม่ยอมรับนิมนตแ์ ละตอ่ ว่าจิตตคหบดีอย่างรุนแรง • เม่ือพระพทุ ธเจ้าทรงทราบเรอื่ งจึงตาหนพิ ระสุธรรม และมีพุทธบัญชาใหก้ ลับไปขอโทษ จิตตคหบดี ซึง่ จิตตคหบดีได้ยกโทษให้และไดก้ ล่าวขอโทษท่ีได้ลว่ งเกินพระสุธรรม • จิตตคหบดรี ับการยกยอ่ งจากพระพุทธเจ้าวา่ เปน็ เอตทคั คะ คอื เปน็ เลิศกว่าผู้อ่ืนในทาง ธรรมกถกึ คณุ ธรรมทีค่ วรถอื เปน็ แบบอยา่ ง • เป็นผทู้ เี่ คารพพระสงฆม์ าก • เป็นตวั อยา่ งทด่ี ีแก่ชาวพุทธผู้ครองเรือน • เปน็ ผทู้ ่รี จู้ กั การใหอ้ ภยั และรจู้ ักขออภัยผู้อ่ืน
สมุ นมาลาการ • เป็นชาวเมืองราชคฤห์ มหี น้าทีน่ าดอกมะลิ วนั ละ ๘ ทะนาน ไปถวายพระเจา้ พมิ พสิ ารทุกเช้า • เช้าวันหน่งึ สมุ นมาลาการถือดอกไม้เดินเข้าประตูเมอื งได้พบพระพุทธเจ้าเสดจ็ ออกบิณฑบาต พร้อมด้วยพระภกิ ษสุ งฆ์ เกิดความเล่ือมใสศรทั ธา จึงตดั สินใจนาดอกไม้ทีจ่ ะต้องไปถวาย พระเจา้ พิมพสิ ารมาถวายพระพทุ ธองค์ • สมุ นมาลาการนาเร่อื งนี้ไปเล่าใหภ้ รรยาฟัง ภรรยาของเขาไมพ่ อใจและนาความไปกราบทูล พระเจ้าพมิ พิสารซึ่งเปน็ ผมู้ คี วามศรทั ธาในพระพุทธศาสนา ทาใหพ้ ระองค์ทรงทราบวา่ หญงิ นน้ั เปน็ คนไมด่ ี • พระเจ้าพมิ พิสารตรสั ยกยอ่ งสมุ นมาลาการเปน็ มหาบรุ ษุ และพระราชทานรางวัลแก่เขา คณุ ธรรมทีค่ วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เปน็ แบบอยา่ งที่ดีแก่พทุ ธศาสนกิ ชนในเรอ่ื งความเสียสละ • เปน็ ผู้มคี วามซอ่ื สัตยจ์ ริงใจ • เป็นผ้ทู รี่ ้จู กั ตดั สินใจอยา่ งฉับไวบนพนื้ ฐานความคดิ ท่ถี กู ตอ้ ง
พระนางมัลลกิ า • อภิเษกสมรสกบั เจ้าชายพันธลุ ะ และมบี ุตรชายฝาแฝด ๑๖ คู่ • เจ้าชายพนั ธุละและบุตรชายถกู ฆ่าเพราะถูกข้าราชการทีพ่ ้นจากตาแหนง่ กล่าวหาว่าคิดกอ่ กบฏ • ในวนั ทเ่ี จา้ ชายพันธุละและบุตรชายถกู ฆ่าพระนางมลั ลิกาไดน้ มิ นต์พระสารีบตุ ร พระโมคคัลลานะ และพระภกิ ษุสงฆ์อกี ๕๐๐ รูป มาฉันภตั ตาหารท่ีบ้าน มีผ้สู ่งขา่ วมาแจ้งแกพ่ ระนางว่าสามีและ บุตรชายถกู โจรฆา่ ตาย แต่พระนางกส็ ามารถขม่ ใจระงับความทุกขโ์ ศกไว้ได้ และยังคงถวาย ภตั ตาหารแก่พระภิกษสุ งฆต์ อ่ ไปตามปกติ • พระสารบี ุตรจงึ เทศนาสั่งสอนใหพ้ ระนางมลั ลกิ าเข้าใจวา่ ชวี ิตของสัตวท์ ้ังหลายในโลกนี้ ไม่มี สิ่งบอกเหตใุ หท้ ราบล่วงหน้า วา่ จะตายท่ีไหน เมื่อไร อยา่ งไร และไม่มใี ครรไู้ ด้ ชีวติ น้ัน ประกอบดว้ ยความทกุ ข์ คุณธรรมทค่ี วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เปน็ ภรรยาที่ดีและมารดาทีด่ ี • เปน็ ชาวพุทธทีด่ ี • เปน็ ผมู้ ีสตสิ มั ปชัญญะและมคี วามอดทนสงู • เปน็ ผู้ทไ่ี ม่คิดอาฆาตพยาบาท • เปน็ ผู้ท่ีมีความเล่ือมใสในพระพทุ ธศาสนาอย่างมั่นคง
นางจูฬสภุ ทั ทา • เปน็ ธดิ าของทา่ นอนาถบิณฑกิ เศรษฐี • เพ่ือนของอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีชื่อวา่ อคุ คเศรษฐี ไดส้ ูข่ อนางจูฬสภุ ทั ทาให้ แตง่ งานกบั บตุ รชายของตน • ทา่ นอุคคเศรษฐีไดจ้ ดั งานมงคลตอ้ นรบั ลกู สะใภแ้ ละเชญิ นกั บวชเปลือยทตี่ นเคารพ มาทาบญุ ท่ีบา้ น และไดเ้ รียกใหน้ างจูฬสุภัททาออกไปไหว้นักบวชเหลา่ น้ัน แต่นาง ไม่ยอมไหว้อคุ คเศรษฐีโกรธจงึ ไล่ลกู สะใภ้ออกจากเรอื น • นางใหพ้ ราหมณท์ ้ัง ๘ เป็นผู้ชาระข้อกล่าวหา ซ่ึงพราหมณ์ได้พจิ ารณาและตัดสนิ วา่ นางจฬู สุภทั ทาไม่ผิด นอกจากนน้ี างจูฬสุภัททายังได้แนะนาอคุ คเศรษฐีและ ภรรยา จนเกิดความเลือ่ มใสและปฏญิ าณตนเปน็ สาวกของพระพุทธเจ้า คุณธรรมทค่ี วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เป็นผมู้ ีความกตญั ญูกตเวที • เป็นผ้มู ีความศรทั ธาตอ่ พระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง • เป็นผมู้ ีเหตผุ ล • เป็นผู้ทีร่ ้จู ักวิธกี ารเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา
ศาสนิกชนตวั อย่าง พระนาคเสน-พระยามลิ นิ ท์ • เปน็ บตุ รของพราหมณช์ ือ่ โสณตุ ตระ • วันหนงึ่ มอี ุบาสิกาคนหน่งึ นิมนต์พระอสั สคตุ กับพระนาคเสนไปฉนั ภตั ตาหารท่ีบา้ น เมอื่ ฉนั อาหารเสร็จแล้ว พระนาคเสน ไดก้ ล่าวอนุโมทนากถาด้วยธรรมทสี่ มควรกับสติปญั ญาของอุบาสกิ า ซึง่ ได้ฟังโดยพจิ ารณาตามไปด้วยจนได้บรรลุโสดาบนั และพระนาคเสนเองกไ็ ดบ้ รรลุเป็นพระโสดาบันด้วย • พระนาคเสนไดศ้ กึ ษาพระไตรปิฎกจากพระธัมมรักขิตร่วมกบั พระสงฆจ์ ากลังกา จนมีความร้แู ตกฉานในพระไตรปฎิ กได้ ในเวลาไม่นาน • ครงั้ หนงึ่ พระนาคเสนได้มีโอกาสโต้วาทะกบั พระยามิลินทก์ ษัตรยิ ์กรกี พระองคห์ นึ่ง โดยแสดงหลกั แหง่ พระพทุ ธศาสนา ใหพ้ ระยามลิ นิ ท์เขา้ ใจจนยอมรับนับถอื พระพุทธศาสนา คณุ ธรรมท่คี วรถอื เป็นแบบอย่าง • เปน็ ผู้ใฝุหาความรอู้ ย่างยิ่งและเป็นผู้มปี ญั ญา • มคี วามฉลาดในการแสดงธรรม • รจู้ กั ยอมรบั ผิดและแก้ไขตนเอง
สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจาร)ี • เกดิ ทจี่ งั หวัดอุทยั ธานี • ทา่ นบรรพชาเป็นสามเณรและสอบปริยัติธรรมสนามหลวงได้เปรียญ ๕ ตัง้ แตย่ งั เป็นสามเณร • เมอ่ื อายคุ รบ ๒๐ ปบี ริบูรณ์ ท่านได้อปุ สมบทเปน็ พระภิกษุ เล่าเรียนพระปริยตั ิธรรมจนสามารถ สอบได้เปรยี ญธรรม ๙ ประโยค เมอื่ อายุได้ ๒๔ ปี • สมเด็จพระวนั รตั (เฮง เขมจาร)ี ได้ชื่อวา่ เป็นผเู้ คร่งครัดในพระธรรมวนิ ยั • นอกจากนี้ท่านยงั เป็นผู้ท่ีเข้มงวดกวดขนั เร่ืองการทาวตั รสวดมนต์เชา้ -เยน็ ของพระภกิ ษุ สามเณร อบุ าสก อบุ าสิกา ทีม่ าถือศีลฟงั ธรรมท่วี ัด คณุ ธรรมที่ควรถือเป็นแบบอยา่ ง • เป็นผูท้ ี่มคี วามเพียรพยายาม • เปน็ นกั ปกครองท่ดี ี • เป็นผมู้ ีความกตญั ญกู ตเวที • เปน็ ผเู้ คารพต่อพระรตั นตรัย
พระอาจารยม์ ัน่ ภูริทตโฺ ต • เกิดที่จงั หวัดอบุ ลราชธานี • ทา่ นบรรพชาเป็นสามเณรเม่ืออายุ ๑๕ ปี • อายุ ๒๒ ปี ทา่ นไดอ้ ุปสมบทและไดร้ บั ขนานนามวา่ ภูรทิ ตฺโต • สมเด็จพระวันรตั (เฮง เขมจาร)ี ได้ชอื่ ว่าเป็นผเู้ คร่งครดั ในพระธรรมวินัย • พระอาจารยม์ ัน่ เปน็ พระนักปฏบิ ัติธรรมท่ีแทจ้ ริง มลี ูกศิษย์เขา้ ศกึ ษาและปฏิบตั ิธรรมกับท่าน เปน็ จานวนมาก ซง่ึ คาสอนของท่านยงั ไดร้ บั การพมิ พ์เผยแพรแ่ ละเป็นแบบอยา่ งของการฝกึ จิต และเจรญิ ปญั ญามาจนถึงปจั จุบัน คณุ ธรรมที่ควรถือเปน็ แบบอย่าง • เทศนาสง่ั สอนประชาชนด้วยหลกั ธรรมทเ่ี หมาะสมแก่บุคคลต่างๆ • ปฏบิ ัติตนเป็นแบบอยา่ งท่เี หมาะสมกบั สมณเพศ • มคี วามเพยี รพยายามในการส่งั สอน • มีความเอาใจใส่ในการศึกษา
พระโพธญิ าณเถระ (ชา สภุ ทโฺ ท) • บรรพชาเปน็ สามเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี ต่อมาลาสกิ ขาออกไปช่วยบดิ าทางานเลย้ี งชีพ และ ตัดสนิ ใจบวชเมอ่ื อายุ ๒๑ ปี ทีว่ ัดก่อใน จงั หวดั อุบลราชธานี • ทา่ นได้จาริกธุดงคจ์ ากจังหวัดอุบลราชธานไี ปสู่ภาคกลางยงั จงั หวดั ตา่ งๆ และได้มีโอกาสฝึก ปฏิบตั ิกรรมฐานกบั พระเกจอิ าจารย์หลายรูป เช่น หลวงปมุู ั่น ภรู ิทตฺโต หลวงปุูกินรี จนทฺ ิโย • ทา่ นได้จดั ตง้ั สานกั สงฆ์ข้นึ มชี ื่อว่า วัดหนองปา่ พง • วิธกี ารแสดงธรรมของหลวงพ่อชานั้นง่าย แตไ่ ด้ใจความลึกซ้ึง จงึ เป็นทศี่ รัทธาแก่บคุ คลทว่ั ไป รวมทั้งมชี าวตา่ งประเทศมาศึกษาและปฏิบัตธิ รรมกบั ท่านเป็นจานวนมาก จนมกี ารจัดต้ัง วัดปา่ นานาชาติขนึ้ ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ คุณธรรมที่ควรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผ้มู ีความกตญั ญกู ตเวที • เปน็ ผู้มคี วามใฝุรู้ • เปน็ แบบอยา่ งในการปฏบิ ตั ติ นทางด้านวปิ ัสสนากรรมฐาน • เป็นผูม้ แี บบอยา่ งทดี่ ีในการสอน
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ • เกดิ ทอี่ าเภอไชยา จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี • เมือ่ มีอายุครบ ๒๐ ปี ไดอ้ ุปสมบทท่ีวดั โพธาราม อาเภอไชยา จงั หวดั สุราษฎร์ธานี ได้รับ ฉายาวา่ อนิ ฺทปญฺโญ • ทา่ นได้จัดต้ังสานักศึกษาค้นควา้ และปฏิบตั ิธรรมขน้ึ ซงึ่ ในเวลาต่อมาไดเ้ ปลย่ี นชอ่ื เป็น สวนโมกขพลาราม • ท่านพุทธทาสมผี ลงานด้านหนงั สอื ธรรมะซึ่งเป็นท่ียอมรับในวงการพระพทุ ธศาสนาอีกเป็น จานวนมาก เชน่ ตายเสียกอ่ นตาย ทางานดว้ ยจิตวา่ ง คมู่ อื มนุษย์ และตวั กู ของกู เปน็ ต้น คุณธรรมที่ควรถอื เปน็ แบบอย่าง • เป็นนกั คดิ ผูย้ งิ่ ใหญ่ • เปน็ นักประยกุ ต์คาสอนทางพระพุทธศาสนา • เป็นผู้อทุ ศิ ตนเพอ่ื พระพุทธศาสนา
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานนั ทภกิ ขุ) • เกดิ จงั หวดั พทั ลุง • เมอ่ื มอี ายุครบ ๒๐ ปีบรบิ ูรณ์ ไดอ้ ุปสมบทเป็นพระภกิ ษุ ไดฉ้ ายาว่า “ปญญฺ านนโฺ ท” • ทา่ นปญั ญานันทภกิ ขุไดด้ าเนนิ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาโดยวิธที ่ที ่านไดเ้ รม่ิ เปล่ยี นแปลง รูปแบบการเทศนา แบบดัง้ เดมิ ที่นงั่ เทศนาบนธรรมาสน์เป็นการยนื พูดปาฐกถาธรรม แบบพดู ปากเปลา่ ตอ่ สาธารณชน ใช้ถ้อยคาทง่ี า่ ยในการแสดง เปน็ การดงึ ดดู ความสนใจแกค่ นฟัง • ทา่ นมผี ลงานด้านหนงั สือเกย่ี วกับพระพุทธศาสนาและแถบบนั ทกึ เสยี งการบรรยายธรรมะ เปน็ จานวนมากเป็นการเผยแผ่หลักธรรมคาสอนของพระพุทธศาสนาใหแ้ กป่ ระชาชนทว่ั ไป คุณธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอยา่ ง • มีความเป็นเลิศในการถา่ ยทอดธรรมะ • เปน็ พระสงฆท์ ดี่ ี • เป็นพระสงฆท์ ีม่ ีชีวติ เรยี บง่าย • เป็นนกั ประยุกต์วธิ กี ารเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) • บรรพชาเป็นสามเณรเมือ่ อายุ ๑๓ ปี ทจ่ี ังหวดั สุพรรณบุรี • งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของท่านมปี รากฏหลายลกั ษณะท้ังในดา้ นการสอน การบรรยาย การปาฐกถา การอภปิ รายแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น การแสดงธรรมเทศนา • ทา่ นมผี ลงานตาราวิชาการท้ังภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศ ทาใหผ้ อู้ า่ นสามารถเข้าใจ พระพุทธศาสนาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง • ทา่ นได้รับนมิ นตเ์ ปน็ ท่ีปรึกษาของมหาวิทยาลัยมหดิ ล ในการสรา้ งพระไตรปิฎกฉบบั คอมพิวเตอร์ สาเร็จสมบูรณเ์ ป็นฉบบั แรกของโลก ทาให้การศึกษาคน้ คว้าหลักคาสอนของพระพทุ ธศาสนา ทาได้อยา่ งสะดวก รวดเร็ว และถกู ตอ้ งแมน่ ยามากข้ึน คณุ ธรรมท่ีควรถือเปน็ แบบอยา่ ง • เป็นผ้ใู ฝุรใู้ ฝุเรยี น • เป็นผูอ้ ทุ ิศตนให้แก่พระพทุ ธศาสนา • เปน็ ผ้ปู ฏิบัติตนเรียบงา่ ยเป็นแบบอยา่ งทด่ี แี ก่พระสงฆแ์ ละบุคคลทวั่ ไป
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช • ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแหง่ กรงุ ศรีอยุธยา • ทรงไดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นพระมหากษตั ริย์ทที่ รงพระปรีชาสามารถ ทรงทานุบารุงกรงุ ศรีอยุธยา ใหม้ คี วามเจริญรุ่งเรอื งทกุ ด้าน • ทรงตอบโต้บาทหลวงฝรงั่ เศสทเ่ี ขา้ มาเผยแผค่ ริสต์ศาสนาและทูลขอใหพ้ ระองค์ให้ทรงนบั ถือครสิ ต์ ศาสนาด้วยวิธกี ารท่ีนุ่มนวลทานองวา่ “ถ้าครสิ ตศ์ าสนาเป็นศาสนาทีม่ ีหลกั การดีแลว้ สักวันหนง่ึ พระองค์คงจะเขา้ รตี นับถือคริสตศ์ าสนาก็ได้” และได้ประกาศแก่ราษฎรวา่ ถ้าผใู้ ดมคี วามเล่อื มใส จะเข้ารีตนบั ถือคริสตศ์ าสนาก็ได้ คุณธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอย่าง • ทรงมีปฏภิ าณในการแกป้ ัญหา • เป็นชาวพทุ ธทดี่ ี • ทรงมคี วามมั่นคงในพระพุทธศาสนา • ทรงมคี วามเมตตากรณุ า
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว • ทรงเปน็ พระมหากษตั ริย์รชั กาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จกั รี เสดจ็ ขึน้ ครองราชยเ์ มื่อทรงมพี ระชนมายุ เพียง ๑๕ พรรษา • พระองค์มีโอกาสประพาสต่างประเทศหลายแหง่ ทาใหพ้ ระองค์ไดแ้ นวคดิ มาพัฒนาประเทศไทย ใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้ ทดั เทียมอารยประเทศ • ทรงมพี ระราชกรณียกจิ ท่ีสาคัญในการพฒั นาประเทศให้เจริญรงุ่ เรืองทั้งในด้านพระพุทธศาสนา การศกึ ษา สังคมและวฒั นธรรม • พระองค์ทาให้ประเทศไทยเปน็ ประเทศเดยี วในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตท้ ่สี ามารถรกั ษาเอกราช ไว้ไดเ้ พราะนโยบายผอ่ นปรนสละสว่ นนอ้ ยเพอ่ื ส่วนใหญ่ คณุ ธรรมท่คี วรถือเปน็ แบบอยา่ ง • ทรงเปน็ ผู้มีความคดิ กว้างไกล • ทรงเป็นนกั พฒั นาทแี่ ทจ้ ริง • ทรงมปี ฏิภาณในการแก้ไขปญั หา • ทรงเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนทด่ี ี
ดร. เอม็ เบดการ์ • มีชอื่ เต็มวา่ บาบาสาเหบ พมิ เรารามชิ เอ็มเบดการ์ (Dr. Babasaheb Bhimrao RamjiAmbedkar) เกดิ ในวรรณะศทู รทีย่ ากจนในประเทศอินเดีย • ครูคนหน่ึงเห็นว่าเขาเปน็ เด็กนิสัยดแี ละมีสตปิ ญั ญาเฉลียวฉลาด จึงใหเ้ ขาใช้นามสกลุ ของครวู ่า เอม็ เบดการ์ จากนามสกุลใหมท่ าใหค้ นทว่ั ไปคดิ วา่ เขาเป็นคนในตระกลู พราหมณ์ จงึ ไม่เปน็ ท่ี รังเกียจของคนท่วั ไป • เขามบี ทบาทสาคัญในการเปน็ ผนู้ าชาวพทุ ธในวรรณะศูทรกว่า ๕ แสนคน ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ รวมทั้งได้ทางานฟืน้ ฟพู ระพุทธศาสนาในอนิ เดียโดยเฉพาะในหมชู่ นชน้ั ลา่ ง • นอกจากนยี้ งั ได้ผลักดันให้เกิดวทิ ยาลยั สทิ ธตั ถะ วทิ ยาลยั ในเครอื ของมหาวทิ ยาลัยบอมเบย์ และได้ ตัง้ มิลินทวิทยาลยั ขึ้นทเี่ มอื งออรังกาบาด คณุ ธรรมทคี่ วรถือเป็นแบบอย่าง • เปน็ ผมู้ คี วามอดทนสูง • เปน็ ผู้ใฝรุ ู้ในการศกึ ษา • เปน็ ผมู้ ีปณธิ านแนว่ แน่ • เปน็ ชาวพทุ ธตัวอย่าง
สชุ ีพ ปญุ ญานุภาพ • ชาวพุทธผู้อุทศิ ตนเพ่ือความเจริญก้าวหน้าของพระพทุ ธศาสนาเป็นเวลายาวนานนบั ตั้งแต่ ท่านอปุ สมบทและเมอื่ อยู่ในชีวิตฆราวาส • ท่านไดร้ ิเร่มิ งานสาคัญหลายอยา่ ง เชน่ การเผยแผห่ ลักธรรมทางนวนยิ าย การก่อต้งั และ สง่ เสริมโรงเรยี นพระพทุ ธศาสนาวันอาทิตย์ ยวุ พทุ ธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย • ทา่ นแต่งหนังสือซงึ่ มเี นื้อหาเกี่ยวกบั พระพุทธศาสนาจานวนมาก เชน่ เชงิ ผาหิมพานต์ กองทพั ธรรม ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เปน็ ตน้ คณุ ธรรมทีค่ วรถอื เปน็ แบบอย่าง • เปน็ ผใู้ ฝุรอู้ ย่างยิง่ • เปน็ พุทธศาสนิกชนที่ดี • เปน็ ครูที่ดี
อนาคาริก ธรรมปาละ • มชี อื่ เดมิ วา่ ดอน เดวดิ เทวะวติ ถรณะ บิดาเปน็ ชาวพุทธ • ในวยั เด็ก ดอน เดวดิ ได้รับการอบรมจากพอ่ แม่ให้อยใู่ นศีลธรรม สอนใหม้ คี วามศรทั ธาตอ่ พระรตั นตรยั ในพระพทุ ธศาสนา • เม่ืออายุ ๒๐ ปี ท่านได้ขออนุญาตบิดามารดาเพ่อื เดินทางไปร่วมงานของสมาคมธอี อสโซฟี ทา่ นได้มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนาและภาษาบาลีเพ่ิมมากขนึ้ • ทา่ นอนาคารกิ ธรรมปาละมโี อกาสเดินทางไปกบั พนั เอกโอลคอตต์ไปในประเทศที่นับถือ พระพทุ ธศาสนา และเดินทางไปอนิ เดยี เพ่อื นมสกั ารพุทธสถานและสังเวชนยี สถาน และ สดุ ทา้ ยท่านไดม้ าอทุ ิศตนในการฟ้นื ฟพู ระพทุ ธศาสนาท่ีพุทธคยาตลอดชีวติ คุณธรรมที่ควรถือเปน็ แบบอย่าง • เป็นผู้มคี วามม่นั คงในพระพุทธศาสนา • เปน็ ผ้ทู ่ใี ฝุหาความรู้ • เปน็ ผมู้ คี วามเสยี สละเพือ่ พระพุทธศาสนา
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: