Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Public

Public

Published by Guy Wiwi, 2018-08-28 10:24:11

Description: Public

Search

Read the Text Version

นาย.ชยพล ธิมาภรณ์ 11นาย.ณฐั ดนย์ โชตดิ ลิ กสวสั ด์ิ 12นาย.ปัฐาวกิ รณ์ กลางถนิ่ 13นางสาว.พมิ พ์ไพลิน จติ เย็น 14นาย..ศวิ กร แทง่ ทอง 15นางสาว.จีรดา วชิรภุ าพ 16นาย.พรี วชิ ญ์ ปทมุ เงิน 17นางสาว.วลั ย์ชนก โปรเทยี รณ์ 18นาย.ทวที รพั ย์ บญุ วเิ ศษ 19นาย.นนทนนั ทร์ อมรเอกกุลชยั 20นางสาว.พมิ พ์สุภางค์ ศรีอมร 21นาย.ภูมเิ มทา แสงวไิ ล 22

รายงานน่เี ปน็ เร่อื งเก่ยี วกับพระ พระมหาชนก เป็นข้อมลู ไม่มากก็น้อยหวังว่าจะเปน็ ประโยชนใ์ หก้ ับผ้อู า่ น

เรอื่ งเล่าพระมหาชนก๑ 5-10พระมหาชนก๒ 11-15พระมหาชนก๓-๔ 16-19พระมหาชนก๕ 20-22พระมหาชนก๖ 23-24บรรณานกุ รม 25

เรื่องเล่าพระมหาชนก ๑ ในอดตี ทีล่ ่วงมาแลว้ มพี ระมหากษตั รยิ ์พระองค์หนึ่ง นามวา่ มหาชนก เสวยราชสมบตั ิในเมอื งมิถิลา ทา้ ว เธอมีโอรสสองพระองค์ องค์หนงึ่ นามวา่ อริฎฐชนก อีก องค์หนึ่งมีนามวา่ โปลชนก พระองค์ไดท้ รงต้งั อรฎิ ฐชนก ในตาเเหน่ง อุปราช และโปลชนกในตาเเหนง่ เสนาบดี ต่อมาเมอื่ ทา้ วเธอสวรรคตแลว้ อุปราชก็ไดข้ น้ึ ครอง แผน่ ดินเสวยราชสมบตั ิแทน และไดแ้ ตง่ ตั้งเจา้ โปลชนก ผู้เป็นน้องใหเ้ ป็นอปุ ราช ในขณะเมื่อเจ้าอรฎิ ฐชนกเปน็ อุราชอย่นู ้ันกร็ ้สู ึกวา่ เปน็ คนยตุ ิธรรมดีอยู่ แตเ่ มือ่ เป็น พระเจ้าแผน่ ดนิ แลว้ หเู บา ฟงั แตถ่ อ้ ยคาคนประจบ สอพลอ เพราะตามธรรมดาคนประจบสอพลอนน้ั จะต้องหาเรื่องฟอ้ งคนน้นั คนนี้อยู่เสมอ เพราะคนไม่ ทางานแต่กอ็ ยากไดค้ วามชอบ และการไดค้ วามชอบ โดยไมต่ ้องทางานวิธงี ่ายท่สี ุดคือเหยียบยา่ ผ้อู นื่ ใหต้ ก แล้วตนจะไดแ้ ทนตาแหนง่ นนั้

ตามธรรมดาของโลกยอ่ มจะมีเชน่ น้ตี ลอดกาล ผ้ทู รงอานาจกับความหูเบามกั จะเป็นของค่กู ัน ถ้าใครได้อา่ นพงศาวดารจนี หรอื แมแ้ ต่ประวตั ิศาตรข์ องไทยจะเห็นความหเู บามกั จะทาไห้บ้านเมืองต้องพนิ าศเร่ืองนก้ี เ็ ชน่ เดียวกันเจ้าอปุ ราชโปลชนกถูกกลา่ วหาจากผู้ใกลช้ ิดของพระเจ้ากรงุ มิถิลาวา่ จะทาการกบฎ เพราะเจา้ อปุ ราชทรงอานาจในทางการเมอื งมาก คร้งั แรกกย็ ัง ไม่ยอมเชอ่ืคร้งั ทสี่ องก็ชักลังเล พอคร้งั มี่สามกท็ รงเช่ือเอาเลยลมื คดิ วา่ ผู้เป็นน้องของพระองคท์ ีค่ ลานตามกนัออกมาแท้ ๆ ลกั ษณะเช่นน้ีเขา้ หลกั ทวี่ ่า“อนั เสาหนิ แปดศอกตอกเปน็ หลักไปมาผลักบอ่ ยเข้าเสายงั ไหว”

แม้ความรักระหว่างพีก่ ับน้องก็ตดั ได้ ถึงกับสั่งให้จับพระมหาอุปราชไปคุมขงั ไว้ยังทีแ่ ห่งหน่งึ โดยหาความผดิ มไิ ด้มีคนควบคมุ อยอู่ ย่างแข็งแรง เจ้าอปุ ราชถูกควบคุมโดยหาความผิดมไิ ด้ กค็ ดิ จะหลบหนอี อกไป จึงต้ังสัตยอ์ ธิษฐานว่า “ขอเดชะพระเส้อื เมอื งทรงเมอื งที่ศักดส์ิ ิทธท์ิ ้ังหลายตัวข้าพเจา้มิไดค้ ดิ ทรยศตอ่ ทช่ี ายเลย แตก่ ลบั ถูกจบั คมุ ขังทาโทษหาความผิดมิได้ ถ้าใจของขา้ พเจ้าซอ่ื สัตยต์ อ่ พ่ชี ายจริงแลว้ ขอให้โซ่ตรวนข่อื คาตลอดจนประตคู ุก จงเปดิ ให้ประจกั ษ์เถิด” พอสนิ้ คาอธิษฐานเทา่ นัน้ ด้วยความสตั ยส์ จุ ริตของมหาอปุ ราช บรรรดาเคร่ืองจองจาท้งั หลายกห็ ลดุ ออกจากกายของพระองค์ประตเู รือนจากเ็ ปดิ มหาอุปราชกเ็ ลยหนอี อกจากท่ีน้นัไปซ่มุ ซ่อนอยู่ตามชายแดน พวกพลเมืองไดท้ ราบข่าวอปุ ราชหนอี อกมา และเหน็ ว่าพระเจ้าแผ่นดินเชอื่ ถือแต่คาสอพลอถงึ กบั กาจัดนอ้ งในไสจ้ งึ พากันเห็นใจเจา้ อุปราช ๆ กไ็ พลพ่ ลมากขึ้น ตอนนี้พระเจ้าแผน่ ดนิ ไม่กลา้ ส่งคนออกติดตามแลว้ เพราะกลัวจะเกดิ ศกึ กลางเมอื งขึ้นเพราะทราบดีวา่ ถ้าส่งคนออกไปจบั เจา้ อปุ ราชกค็ งจะตอ้ งสู้จึงเลยทาเปน็ ใจดไี ม่ติดตาม

เจ้าอุปราชรวบรวมไพล่พลได้พอสมควรแล้วก็คิดว่า “ครงั้ กอ่ นเราซ่ือสัตย์ตอ่ พช่ี าย แตถ่ ูกกลา่ วหาวา่ เป็นกบฎถูกจบัคมุ ขงั จนต้องทาสัตยาอธิษธานจงึ หลุดพน้ ออกมาได้ ตอ่ ไปน้เี ราจะต้องทาความชว่ั ตอบแทนพชี่ ายบา้ งล่ะ” เมือ่ ตัดสินใจเช่นนแ้ี ลว้ เจ้าโปลชนกกร็ วบรวมไพลพ่ ลเสบยี งอาหาร พรอ้ มแล้วกย็ กกองทัพเข้ามายังมิถลิ านคร บรรดาหัวเมืองรายทางรูว้ า่ เป็นกอง ทัพของพระเจ้าโปลชนก ก็ไม่ส้กู ลับเข้าด้วยเสยี อีก เจา้ โปลชนกกเ็ ลยได้คนมากขึ้นอกี ทัพก็ยกมาได้โดยเร็วเพราะหาคนตา้ นทานมไิ ด้ ตราบจนกระทั่งถงึ ชานพระนคร จงึ มสี าสน์ สง่ เข้าทา้ รบวา่ “พระเจา้ พ่ี ครัง้ กอ่ นหม่อมฉนั ไม่เคยจะคิดประทษุ ร้ายพระเจ้าพ่ีเลย แต่หม่อมฉันก็ต้องถกู จองจาทาโทษทพ่ี ระเจา้ พ่ีเชอื่ แตค่ าสอพลอ บัดนี้หม่อมฉันจะประทุษร้ายพระเจา้ พีบ่ ้างล่ะ ถา้ จะไมใ่ หเ้ กดิ สงคราม ขอใหพ้ ระเจ้าพม่ี อบราชสมบัตใิ ห้หม่อมฉนั เสียโดยดี ถา้ ไม่ใหก้ จ็ งเรง่ เตรียมตัวออกมาชนช้างกับหม่อมฉันในวนั รุง่ ขึน้

พระเจา้ อรฎิ ฐชนก พอมาถงึ ตอนน้กี ็ต้องตกกระไดพลอยโจน จงึคดิ จะยกพลออกไปต่อสกู้ นั แตใ่ นขณะน้นี พระอัครมเหสีทรงพระครรภอ์ ยู่ พระเจ้าอริฎฐชนกจงึ ตรัสเรยี กมาส่ังวา่ “นอ้ งหญงิ ข้ึนชื่อว่าสงครามแลว้ ไม่ดีเลย เพราะมีแตค่ วามพินาศเทา่ นน้ั ประดจุ สาดนา้ รด กนั กย็ อ่ มจะเปยี กปอนไปดว้ ยกันทัง้ สองฝ่ายอกี ประการหน่งึ เป็นเรอื่ งที่คาดหมายลงไปแลว้ แนน่ อนว่าจะชนะฝา่ ยเดียวนัน้ ก็ไมไ่ ด้ พ่ีจะยกพลออกไปสกู้ ับเจา้ โปลชนก หากพี่เปน็ อะไรไป เจา้ จงพยายามรกั ษาครรภ์ให้จงดีเจ้าจงคดิ ถึงลูกของเราให้มาก”แล้วกย็ กพลออกไป และกเ็ ปน็ ตามลางสงั หรณ์ทพี่ ระเจ้าอรฎิ ฐชนกคาดวา่ จะแพก้ แ็ พ้จรงิ ๆ เพราะเมอ่ื ได้ชนชา้ งกับเจา้ โปลชนกกพ็ ลาดพล้งั เสียที ถูกเจา้ โปลชนกฟันส้นิ พระชนม์กบั คอชา้ งไพลพ่ ลก็แตกกระจดั กระจายพา่ ยหนอี ยา่ งไม่เป็นกระบวน

พระเทวีไดท้ ราบข่าววา่ พระสวามีส้ินพระชนม์ และประชาชนพลเมืองแตกต่ืนอมุ้ ลกู จงู หลานหนีขา้ ศึก พระนางกเ็ กบ็ ของมีค่าใสล่ งใน กระเช้า เอาผา้ เก่า ๆ ปดิ แลว้ แอาข้าวสารใส่ขา้ งบนแล้วแต่งตวั ด้วยเสอื้ ผ้าเก่า ๆ รอ้ งไห้ฟูมฟายหลบหนีปะปนไปกบั ประชาชนพลเมอื ง โดยไมร่ ้วู า่ ใครเป็นใคร“จะหนีไปทางใดจงึ จะรอดพ้นจากข้าศึก” พระนางคดิ อยแู่ ตใ่ นใจ แลว้ ระลึกข้นึ ไดว้ า่“เมอื งกาลจมั ปาอยูท่ างทิศเหนือกับมิถลิ า ถา้ หากหลบหนไี ปเมืองนีไ้ ดก้ ป็ ลอดภัย” จึงพยายามด้นั ด้นไปจนออกประตูด้านเหนอื ของเมอื งได้ด้วยบญุ ญาธิการของทารกในครรภ์ บนั ดาลใหร้ อ้ นไปถึงพระอินทร์ เข้าลักษณะทวี่ า่ “ทิพยอ์ าสนเ์ คยออ่ นแต่ก่อนมา กระด้างดังศลิ าประหลาดใจ จะมเี หตมุ ่ันแมน่ ในแดนดนิ \" อมรนิ ทร์เร่งคดิสงสัย จงึ สอดสอ่ งทิพย์เนตรดเู หตภุ ยั กไ็ ด้ทราบว่าพระโพธิสตั ว์ซ่งึ อยู่ในครรภ์ของพระนางจะไดร้ บั ทุกข์ พระนางจะไปเมอื งกาลจมั ปาแตก่ ไ็ มร่ ูจ้ ักหนทาง เดี๋ยวนไี้ ปนัง่ ถามทางผู้คนท่ีผ่านไปมาอยู่ ณ ศาลาพกั คนเดินทางจาจะตอ้ งอนเุ คราะห์ ถา้ ไม่อนเุ คราะห์หัวเราจะต้องแตกเป็นเจ็ดเส่ยี ง เออ.? คดิ ดูก็น่าหนกั ใจแทนพระอินทรเ์ สยี จริง ไมว่ ่าคนมบี ุญจะตกทกุ ข์ได้ยากอยา่ งไรเป็นต้องเดอื ดร้อนไปกบั เขาด้วยเสมอ เวลาเขาเสวยสุขสิไม่ เคยคดิ ถงึ พระอินทรเ์ ลย จงึ เนรมิตตนเปน็ คนชรา ขับเกวยี นผ่านมาทางนน้ั พระนางพอเหลอื บแลเห็นกอ็ อกปากถามทนั ที

“ตาจ๋า หลานอยากจะรู้วา่ เมอื งกาลจัมปาอยทู่ างไหน”“แมห่ นจู ะไปไหนละ่ ”“ฉันจะไปเมอื งกาลจัมปา”“ญาติฉันมอี ยทู่ างเมอื งนนั้ สามอี อกไปรบข้าศกึ ก็ตายเสยี ฉนั ก็เลยจะพึง่ พาอาศัยญาติอยู่”“ถ้าอยา่ งนั้นดที ีเดยี ว ตากจ็ ะไปเมืองกาลจมั ปาเหมือนกันแม่หนมู าขึน้ เกวียนเถดิ ” เหมอื นเทวดามาโปรด และแทท้ ่ีจรงิ ก็เทวดามาโปรดจริง ๆ พระมหาชนก ๒

เม่ือขน้ึ เกวียนเพราะความเหนอ่ื ยและเพลียในการท่รี ะหกระเหนิพระนางกเ็ อนกายลงพกั ผ่อนและก็เลยหลับไป นางตนื่ ขึ้นในตอนเย็น ก็พบว่านางไดถ้ งึ เมอื งแหง่ หน่ึง จงึ ถามตาคนขบัเกวยี นว่าตาจา๋ เมอื งท่ีเหน็ อยขู่ ้างหนา้ น้ันเขาเรยี กวา่ เมืองอะไร” “เมอื งกาลจัมปาทแ่ี มห่ นตู ้องการจะมาน้ันเเหละ” “โอ.? ตา เขาว่าเมืองกาลจัมปาไกลตัง้ ๖๐ โยชน์ทาไมถงึ เร็วนกั ” “แม่หนไู ม่รู้ดอก ตาเป็นคนเดนิ ทางผ่านไปมาเสมอ ยอ่ มจะร้จู กั ทางอ้อม นี่ตามาทางลดั จงึ เรว็ นกั ” เทวดาว่าเขา้ นน้ั

บ้านอยู่ทางเหนอื จะต้องรีบไป ใหพ้ ระนางลงเสียตรงนี้ พระนางจึงลงจากเกวยี นไปพกั อยูท่ ี่ศาลาหน้าเมือง คดิ ไมต่ กว่าจะไปทางไหนดี เพราะเมอื งนี้นางไม่รจู้ ักใครเลย ในขณะนั้นอาจารยผ์ ู้ใหญ่ผ้หู นงึ่ พาลูกศิษย์เดินทาง ผา่ นมาทางน้ัน เหน็ นางนัง่ อยใู่ นศาลาหน้าตานา่ เอน็ ดูเกิดความสงสารเขา้ สอบถามไดค้ วามว่า นางหนีภยั มาจากขา้ ศกึ มาญาตพิ ่ีน้องกไ็ ม่มีนางดลู ักษณะ เหน็ ว่าเปน็ คนดีก็ยอมไปด้วย และได้แสดงตนให้บรรดาศษิ ย์และคนอืน่ ทราบวา่ นางเปน็ นอ้ งของอาจารยผ์ ู้นัน้ และได้ไปอาศยั อยกู่ ับอาจารยฐ์ านะน้อง จวบจนกระทั่งนาง ได้คลอดบตุ รวา่ มหาชนกมหาชนกเม่อื เติบใหญ่ข้นึ มาไปกับเด็กทงั้ ปวง ถกู รังแกก็ต่อสู้เด็กเหล่าน้นั สู้ไม่ได้ วิ่งไปบอกพอ่ แมว่ ่าถกู เดก็ ลูกไม่มพี อ่ ทารา้ ยเอา เมอื่ เดก็ พดู กันบอ่ ย ๆ มหาชนกกเ็ กดิ สงสัย วันหน่งึ สบโอกาสจึงถามมารดาวา่“แม่จ๋า ใครเป็นพ่อฉนั ” “กท็ ่านอาจารย์นัน้ เเหละเปน็ บิดาของเจา้ ” คร้งั แรกพระมหาชนกก็เช่อื แต่เม่อื ไดย้ ินพวกเด็ก ๆ ยงั พดูอยูเ่ ช่นน้นั ก็เกิดสงสยั ดรี า้ ยมารดาเหน็ จะไมบ่ อกกบั เราจริง ๆแมค้ รงั้ ท่ีสองมหาชนกถามมารดากต็ อบเชน่ เดยี วกับครัง้ แรกมหาชนกจงึ คดิ หาอบุ ายจะใหม้ ารดาบอกใหไ้ ด้ แมจ่ ๋า ขอให้บอกความจรงิ กับฉนั เถิดว่า ใครเปน็ พอ่ ของฉัน” “กท็ า่ นอาจารย์

และนบั ตัง้ แตน่ ัน้ มาเจ้ามหาชนกแม้จะถูกพวกเดก็ ๆ วา่ ลูกไมม่ ีพอ่ กไ็ มม่ ีความโกรธเคือง และพยายามเลา่ เรียนวชิ าการทุกประเภท เพื่อตอ้ งการจะกลบั ไปเอาราชสมบัตคิ ืนใหจ้ งได้ จวบจนกระทงั่ อายุได้ ๑๖ ปี เจ้ามหาชนกก็เรยี นศลิ ปศาสตร์ ๑๘ประการจบหมด ผวิ พรรณของเจา้ มหาชนกผอ่ งใสเปรียบเหมอื นทองคาความคดิ ทจ่ี ะเอาสมบตั ขิ องพอ่ คนื ก็มากข้ึน วนั หน่ึงจึงเข้าไปถามมารดาวา่ “แม่จ๋า แมจ่ ากเมืองมาแตต่ วั หรือว่าได้สมบตั ขิ องพ่อมาบ้าง” “เจ้าถามทาไม” “เพราะว่าลูกตอ้ งการจะเอาไปทาทนุ แกแ้ คน้ เอาสมบตั ิของพ่อกลบั คนื มา” “แม่เอาแกว้มาดว้ ย ๓ ดวง เป็นแกว้ วิเชยี น ๑ ดวง มณีดวง ๑ แก้วมุกดาดวง ๑ แกว้ ทัง้ ๓ นี้ มรี าคามาก หากจะมาขายก็ได้เปน็เงินเปน็ จานวนมาก พอทจ่ี ะทาทุนสาหรบั เอาราชสมบตั ิของพอ่เจ้ากลบั คืนมาได”้ “ลูกตอ้ งเอาเพยี งครง่ึ เดียว เพอ่ี จะทาทุนไปค้าขายยังสุวรรณภูมิ จะไดร้ วบรวมเงนิ ทองและผู้คนเพ่ือชงิ เอาราชสมบัติของพระบดิ ากลบั คนื มาใหไ้ ด้” “เจา้ อยา่ ไปคา้ ขายเลยเอาแกว้ สามดวงน้ีแหละขายซ่องสมผู้คนเถิด เจา้ ไปไกลแมเ่ ป็นห่วง”

เจา้ มหาชนกกไ็ ม่ยินยอม มารดาจึงเอาเงนิ ทองมาให้ เจา้มหาชนกก็ซ้ือสินคา้ บรรทุกสาเภาเตรยี มจะไปคา้ ขาย ณสวุ รรณภูมกิ ับพวกพ่อค้ามากหน้าหลายตาดว้ ยกัน เม่ือจดั แจงเรยี บรอ้ ยแลว้ มหาชนกก็มาลามารดาเพอ่ื จะเดินทาง“เจ้าจงเดนิ ทางโดยสวัสดภิ าพ คิดอะไรให้สมปรารถนา”มารดาเจา้ มหาชนกใหพ้ รแถมทา้ ยว่า “เจา้ จงอยา่ จองเวรเลยสมบัติมนั เสียไปแล้ว กแ็ ลว้ ไปเถดิ เรามีอยมู่ กี ินก็พอสมควรแล้ว” แต่เจา้ มหาชนกกบ็ อกวา่ อยากจะเดินทางท่องเทยี่ วเป็นการเปดิ หเู ปดิ ตา และจะไปเพยี งครงั้ เดยี วเทา่ นั้นในขณะท่เี จา้ มหาชนกลงเรอื เพ่ือเดนิ ทางไปคา้ ขายยังสุวรรณภูมนิ ้นั ก็พอกบั เจา้ โปลชนกกาลังประชวรหนักอยูใ่ นเมอื งมิถิลานคร หลังจากท่ีออกเดินทางเห็นแตน่ า้ กบั ฟ้าแลว้ ประมาณได้สัก ๗ วนั เรอื กป็ ระสบเขา้ กับมรสุมอย่างหนกั ผลสดุ ท้ายเรอื บรรทุกสินค้า และผู้โดยสารก็อัปปางลงทา่ มกลางเสียงรอ้ งไหค้ รา่ ครวญของผ้กู ลัวตาย แต่เจ้ามหาชนกมไิ ด้ครา่ ครวญร่าไรอย่างคนอนื่ เขา กบั ๑๕ วา นับว่าเปน็ ระยะไกลมาก ขณะทีเ่ รอื ของเจา้ มหาชนกอบั ปางน้ัน ก็พอดีกับเจา้ โปลชนกซง่ึครองราชสมบัติอยู่ ณ กรุงมิถลิ า เสดจ็ สวรรคตเพราะโรคาพาธ .. เจา้มหาชนกมไิ ด้ท้อถอย พยายามว่ายน้ากระเสอื กกระสนเพ่อื จะใหร้ อดจากความตาย กล่าววา่ นานถึง ๗ วัน และในวันท่ี ๗ กาหนด

พระมหาชนก ๓-๔ได้วา่ เปน็ วนั อุโบสถ ก็ยงั ไดส้ มาทานโดยอธิษธานอโุ บสถในขณะลอยคออยใู่ นทะเล ..ด้วยบญุ บารมแี ต่ปางบรรพข์ องเจ้ามหาชนกไดท้ าไว้ให้ รอ้ นถึงนางเมขลาซงึ่ กลา่ วว่าเป็นผรู้ ักษาสมุทรดังทีเ่ ลา่ ไวใ้ นรามเกียรตว์ิ ่า นางเมขลาเป็นพนักงานรักษาสมทุ ร มแี กว้ ประจาตวั อยู่ ๑ ดวง ถา้ นางโยนข้ึนจะเหน็ แสงแวววับจบั ตา ซึ่งเราเรยี กกันวา่ ฟา้ แลบ่ ไดไ้ ปเล่นกับเทพบตุ รและนางฟ้าในเวลานกั ขัตฤกษ์ได้โยนแกว้ เลน่ แสง แกว้ นี้ส่องไปจนรามสูรเหน็ ก็อยากได้ จึงไปไล่หวังจะไดแ้ กว้ แตก่ ไ็ มไ่ ด้ เพระนางเมขลาเอาแก้วสอ่ งตาทาใหห้ นา้ มดื เลยโมโหขว้างขวานหวังจะฆา่ ซง่ึ ก็ไม่ถกู นาง ทางมนษุ ยเ์ ราเรียกฟ้ารอ้ งและฟ้าผา่ นั้นเอง น้ีแหละเปน็ เรื่องของนางเมขลาเผอญิ วันเรอื แตกนั้นนางเมขลากาลงั ไปประชมุ อยู่กบั เทพบตุ รนางฟา้ จวบจนถึงวันท่ี ๘ จึงกลบั มา ไดเ้ หน็ มหาชนกวา่ ยน้าอยูจ่ ึงชว่ ยพาข้นึ จากสมุทรมาไวใ้ นอทุ ยานของพระเจา้ โปลชนก แล้วก็

เม่ือเจา้ มมหาชนกมาหลบั อย่ใู นพระราชอทุ ยาน นนั้ พระเจ้ากรงุ มถิ ิลาสวรรคตได้ ๗ วันนี้ ราชธิดาของเจ้าโปลชนกพยายามเลอื กหาผู้สมควร ให้เสวยราชสมบัตแิ ทนพระบิดา โดยปา่ วร้องให้อามาตย์ขา้ ราชการมาเฝ้านางจะเลือกเอาเปน็ คคู่ รอง นางก็ไมเ่ ลอื กใคร ต่อมาถงึ วาระเศรษฐีคฤหบดีกไ็ มม่ ีใครได้นาง นางจึงปรกึ ษากบั ราชปุโรหิตว่า จะทาอย่างไรดีจึงจะไดค้ นมาครองราชสมบตั ิ ราชปุโลหิตจงึ ทูลตอบว่า“ขา้ แตพ่ ระแมเ่ จา้ ตามโบราณมาถ้าพระเจา้ แผ่นดินไม่มบี ตุ รชายถึงแก่สวรรคตแล้ว อามาตย์ข้าราชบริพานตา่ งกจ็ ะเซน่ สรวงสงั เวยเทพยดาอารักษ์ เสยี่ งราชรถออกไป ถา้ ราชรถไปเกยถูกผใู้ ด เหน็ ทีบญุ แลว้ กจ็ งเชญิ มาครองราชสมบัติ”“ถา้ เชน่ นั้นท่านอาจารยจ์ งจัดแจงทาพธิ เี สี่ยงราชรถเถิด” ราชปุโรหิตจงึ จัดแจงทาบวงสรวงสังเวยอธษิ ฐานขอไหไ้ ด้ผู้พระทาการสืบราชสมบัตแิ ทน แลว้ เทยี มรถดว้ ยมา้ มงคลปลอ่ ยออกไป มา้ ทน่ี ารถนั้นเหมือนจะมหี ัวใจ หรอื ไมก่ ็ดเู หมอื นมคี นมาชกั สายขับขไ่ี ปใหบ้ า่ ยหนา้ ออกประตเู มืองด้านทศิ ตะวันออก มงุ่ หน้าตรงไปยังอุทยานที่เจ้ามหาชนกนอนหลับอยู่ ราชรถไปถงึ สวนหลวงก็เล้ียวเข้าไปภายในสวน

เมอื่ ถงึ ท่ีเจา้ มหาชนกนอนอยู่ ก็ไป แลน่ วนอยู่สามรอบกห็ ยดุ ทป่ี ลายเทา้ ของเจ้ามหาชนก ราชปโุ รหติ ทตี่ ามราชรถไปเห็นดังนน้ั จงึ คดิ วา่“ถ้าชายคนน้ีเป็นผู้ทีบุญ เวลาไดย้ ินเสียงดุรยิ ดนตรีคงจะไมต่ น่ื ตกใจ ถ้าไม่มีบญุ คงตื่นตกใจหนเี ป็นแน่” “จงึ ส่ังให้ประโคมดนตรีข้ึนพร้อมกนั เสยี งดังกกึ กอ้ ง เจา้ มหาชนกไดย้ นิ เสียงอึกทึกครกึ โครม รู้สึกตัวตน่ื ขึน้ ก็เปิดผ้าคลมุ หน้าออกดู ก็เหน็ คนชุมนมุ กันอยู่มากมายกร็ ู้ไดท้ ันทีว่าเราน่ีจะถงึ แกส่ มบตั ิแล้ว เลยชักผ้าปิดหนา้ นอนต่อไป ราชปุโรหิตจึงคลานเขา้ ปลายพระบาท เลกิ ผ้าคลมุ ออกพิจารณาดูเทา้ แล้วประกาศแก่ชนทัง้ ปวงที่มารว่ มชุมนมุ กนั วา่ “อย่าว่าแต่จะครองสมบตั ิในเมืองเท่าน้แี มร้ าชสมบัตทิ งั้ ๓ ทวปิ ทา่ นผนู้ ้ีก็สามาถจะครอบครองได้ แล้วจงึ ส่ังใหป้ ระโคมดนตรีข้นึ อีกครงั้ หนง่ึ คราวนีด้ งั ยง่ิ กว่าคราวแรกเสียอีก เจ้ามหาชนกจึงเปดิ ผา้ มองดู ราชปโุ รหติ จึงทูลวา่“ข้าแต่พระองค์ อย่าทรงบรรทมอยูเ่ ลย สมบัตใิ นเมอื งมถิ ิลาน้มี าถงึ แล้ว” เจ้ามหาชนกจงึ ครัสถามวา่\"พระเจ้าแผน่ ดินของพวกทา่ นไปไหนเสียเล่า จึงมาหาคนอยา่ งเราไปเปน็ พระเจ้าแผน่ ดิน”“ขอเดชะ พระราชาพระองค์กอ่ นไดเ้ สดจ็ สวรรคตได้ ๗ วนั แล้วพระเจ้าขา้ ”“พระราชโอรสของพระแผ่นดนิ ท่านไมม่ หี รอื ”“ขอเดชะ ไมม่ ีพระเจ้าข้า มแี ตพ่ ระราชธิดาองค์เดยี วเท่านั้น”\"ถ้าอย่างน้ันเราจะรบั ครองราชสมบตั ”ิ ราชปโุ รหติ จงึ เอาเครือ่ งทรงมาถวายให้เจา้ มหาชนกทรงทาพธิ มี อบราชสมบตั ิมอบราชบัตกิ นั ณ ทนี่ ั้นเอง แล้วจงึ ไดเ้ สดจ็ ขน้ึ สพู่ ระราชมณเฑียร

พระราชธิดาคิดจะลองดูวา่ คนผู้นีจ้ ะมปี ัญญาหรือไม่จงึ ตรสั ใหร้ าชบรุ ษุ คนหนึ่งไปทูลเจ้ามหาชน ว่าพระราชธดิ ารับสั่งใหเ้ สด็จเข้าไปเฝา้ แต่เจ้ามหาชนกทาเป็นไมใ่ สใ่ จ เพยี งดาเนนิ ชมปรางค์ปราสาทที่นั่นก็สวย ที่นี่ก็สวย แม้พระราชธิดาจะใช้ไห้มาเชิญ ๒ ครั้ง กย็ งัปฎิบตั เิ ชน่ตอ่ มาเมื่อไดเ้ วลาพอสมควรแล้ว เจา้ มหาชนกกไ็ ดเ้ สดจ็ ขนึ้ สู่เรอื นหลวง พระราชธดิ าเสดจ็ ออกมารบั ถึงบนั ได ยน่ื พระหัตถใ์ หเ้ จ้ามหาชนก ๆ จงึ จบั มอื พระราชธิดาพาเข้าไปประทบั ภายในพรอ้ มกับดารัสเรียกราชปุโรหติ แล้วถามวา่“พระราชาของพวกทา่ นจวนจะสวรรคต ได้รบั สง่ั ข้อความว่าอยา่ งไรไว้บา้ ง”“บอกไวว้ ่ามอี ะไรบา้ ง”“ขอเดชะ มีรบั สัง่ ไวห้ ลายประการ”“ข้อแรก ถา้ ผู้ใดทาใหส้ ิวลรี าชธดิ าของเรายินดีได้กใ็ หย้ กราชสมบตั ิใหผ้ ู้น้นั ”“ข้อนไ้ี ม่มปี ญั หาแลว้ พระนางไดย้ ื่นมอื ใหเ้ ราพาเข้าในเรือนหลวงแลว้ ข้อต่อไปเล่า”“ข้อต่อไปนใ้ี หผ้ ้ทู ร่ี ้จู ักบัลลงั ก์ ๔ เหลีย่ ม ว่าท่ใี ดเปน็ ปลายเท้าและทางใดเปน็ ทางศีรษะ”

พวกอามาตย์ได้ยนิ ดังนัน้ ก็ให้จัดแจงจอบเสียมแล้วพาไปขุดในที่นั้น ก็พบสมบัติของพระราชาเป็นขุมแรก ก็พากันดีประหลาดใจ เมอ่ื กลับมากพ็ ากันสง่ เสยี งดว้ ยความปีตวิ า่“ขอเดชะ ขมุ ทรพั ย์ท่ีพระองคช์ ใ้ี ห้ขดุ นัน้ พบแล้วพระเจ้าข้า”“เออ พบแลว้ ขุดขึ้นเสียให้หมด แลว้ นามาเกบ็ ไว้ในพระคลังหลวง”“พวกขา้ พระองค์สงสัย”“สงสัยอะไรละ่ ”“ทาไมพระองคจ์ ึงชี้ให้ขดุ ทน่ี ้นั ”พระมหาชนก ๕ แลว้ ตรัสใหค้ นไปรับพระมารดามาจากเมอื งกาลจมั ปา พร้อมกบั ให้รางวลั ทา่ นอาจารย์ทม่ี ารดาของพระองคไ์ ปอาศัยอยู่ ความจริง ได้ปรากฎออกมาว่าพระองค์ไม่ใช่ใครอนื่ เลยแท้ทีจ่ ริงเปน็ พระโอรส ชองพระเจา้ อริฎฐาชนกนั่นเอง แลว้ จึงใหม้ ีการสมโภชในการเสวย ราชสมบัติ เมอื่ ออย่พู ระองค์เดียวก็ทรงราพงึ วา่ เพราะพระองคไ์ ม่ ทอดทิง้ ความเพียรพยายามในการที่เอาตัวรอดจากภยั อนั ตรายจึง ไดป้ ระสบสุขถึงเพียงน้ี ฉะน้นั เกดิ เป็นคนควรพยายามเรอ่ื ยไป จนกว่าจะสาเรจ็ ความประสงค์ พระองคไ์ ดเ้ สวยราชสมบัติอยู่ชา้ นาน จนมพี ระโอรสทรงพระนามว่า ทีฆาวุ เมอ่ื อายุเจรญิ วัยแล้วก็ ได้ตงั้ ใหเ้ ปน็ อปุ ราช

วนั หน่งึ เจ้าพนกั งานพระอุทยาน ได้นาพชื พรรณชนดิ ตา่ ง ๆ มาถวายทรงถามไดค้ วามว่า นามาจากพระราชอทุ ยานกค็ ิดจะไปประพาส จึงตรัสสั่งให้ขา้ ราชบริพารจัดกระบวนไปเสดจ็ ประพาส ในขณะทีท่ รงชา้ งเสดจ็ ถงึ ประตสู วนก็เห็นมะม่วงตน้ หนง่ึ มลี กู ดก แลดเู ต็มต้นไปทั้งต้น กาลังอยากเลยเสด็จลุกขึ้นยืนบนหลังชา้ ง เก็บมะม่วงลูกหน่งึ มาเสวย แลว้ กเ็ ลยเข้าไปประพาสในพระราชอุทยาน ทรงสาราญอย่ใู นพระราชอุทยานนนั้ จนกระทงั่ เย็นจงึ เสดจ็ ออกมา พอถึงประตูสวนพระองคก์ แ็ ปลกพระทัยเพราะปรากฎว่ามามว่ งตน้ ทีม่ ลี ูกเต็มไปหมดนน้ั จะหาแมแ้ ต่ลกู เดียวกไ็ ม่พบ แถมขา้ งลา่ งยงั เต็มไปดว้ ยก่ิงก้านสาขาทีห่ กั ใบออ่ นใบแก่หลน่ เกลือ่ นกลาดไปท้งั บรเิ วณโคนตน้จงึ ตรัสถามผรู้ ักษาสวนวา่ เป็นเพราะเหตุอะไรจงึ เป็นเชน่ นนั้ เขากราบทลู ให้ทราบว่า เพราะประชาชนเหน็ วา่ มะม่วงต้นนน้ั พระองคเ์ สวยแลว้เขาพากันมาเกบ็ ตา่ งย้อื แยง่ กัน สภาพของตน้ มะม่วงจึงเปน็ อยา่ งที่ทอดพระเนตรบัดน้ี พระองค์ได้ทรงสดับ จึงเกดิ ความคดิ ข้ึนวา่ มะม่วงตน้ นี้เพราะมลี กูจงึ ตอ้ งมสี ภาพเช่นน้ี ถา้ ไม่มีลูกก็คงจะไมต่ อ้ งหกั ยบั เยินอยา่ งนี้ ถา้ เราไมม่ รี าช สมบตั เิ สยี ก็จะหาคนปองรา้ ยมิได้ พระราชาเสด็จพระนครเสด็จข้ึนปราสาท. ประทับท่พี ระทวารปราสาท ทรงมนสกิ ารถึงวาจาของนางมณเี มขลา ในกาลทีน่ างอ้มุ พระมหาสตั วข์ น้ึ จากมหาสมุทร.พระราชาทรงจดจาคาพูดของเทวดาไมไ่ ดท้ ุกถ้วยคา เพราะพระสรีระเศร้าหมองด้วยนา้ เคม็ ตลอดเจด็ วนั . แตท่ รงทราบว่า เทวดากล่าวชว้ี า่พระองค์จะยังเข้ามรรคาแห่งความสุขไม่ได้ หากไมก่ ลา่ วธรรมให้สาธชุ นไดส้ ดบั .

นางมณีเมขลาใหพ้ ระองคต์ ง้ั สถาบนั การศกึ ษา ให้ชอื่ ว่า ปทู ะเลย์มหาวชิ ชาลยั . แม้ในกาลนน้ั ก็จะสาเรจ็ กจิ และได้มรรคาแห่งบรมสุข. พระมหาสัตวท์ รงดารวิ า่ : \"ทุกบคุ คลจะเป็นพอ่ ค้าวาณิชเกษตรกร กษัตรยิ ์ หรอื สมณะ ต้องทาหน้าท่ที ั้งนนั้ . อย่างไรก็ตามก่อนอื่นเราต้องหาทางฟน้ื ฟตู ้นมะม่วงทมี่ ีผล. เม่ือพระองคด์ ารฉิ ะน้ีแล้ว พอเสด็จเขา้ มาถึงพระราชวังก็ตรสั เรียกอามาตยม์ าสัง่ ว่า“ตอ่ ไปนีไ้ ปปราสาทของเราหา้ มคนไปมา นอกจากผทู้ จี่ ะนาอาหารเขา้ มาให้เราเท่านั้น เมื่อมีราชกจิ ใดมมี าพวกท่านจงช่วยกันพจิ ารณาจัดไปตามความคดิ เราจะจาศีลภาวนาสกั ระยะหนง่ึ ” และนบั แตน่ ั้น พระมหาชนกกบ็ าเพญ็ สมณธรรมอยู่ในพระปรางคป์ ระสาทมิได้เสดจ็ ไปทางใดเลย พวกพสกนิกรทั้งหลายพากนั สงสัยสนเท่หว์ า่ พระราชาของพวกเขาเสด็จไปอยแู่ หง่ ใด เคยสนุกสนานร่ืนเริงในการดมู หรสพกม็ ไิ ด้มีในวนั น้ันเองพระสวิ ลีเทวีผอู้ คั รชายา คดิ วา่ เรามิไดพ้ บเห็นพระสวามีของเราถึง ๕ เดือนแล้ว ควรจะไปเยย่ี มเยอื นเสียที จึงส่งั ใหน้ างสนมกานลั ตกแต่งร่างกาย แลว้ พาไป ณ ปรางค์ปราสาทของพระเจ้ามหาชนก พอย่างขนึ้ บนปรางค์ปราสาทก็ให้นกึ เอะใจ เพราะปรากฎวา่ เสน้ พระเกศาซง่ึ นายภษู ามาลาเก็บรวบรวมไว้ยังมไิ ดน้ าไปที่อนื่

พระมหาชนก ๖ จนกระทง่ั ถึงเมืองถุนันนคร เห็นเดก็ ผหู้ ญงิ มอื ข้างหน่งึ ใส่ กาไลสองเส้น ข้างทม่ี ีกาไล สองขา้ งก็กระทบกันดงั กรุ๊งกร๊งิ ตลอดเวลาท่เี คล่อื นไหว พระมหาชนกจงึ เสด็จเขา้ ไปตรัสถาม เด็กจงึ บอกวา่ “ข้างท่มี ีสองข้างทส่ี ง่ เสียงดงั เพราะมันกระทบกันกระทั้งกัน ท่านเดินมาดว้ ยกนั ๒ คน จะไปทางใดเลา่ ” พระมหาชนกไดฟ้ ังคากุมาริกาแล้วคิดว่า “สตรีเป็นมลทิน ของพรมจรรย์ ควรจะให้พระสวิ ลีแยกทางไปเสีย” เมอื่ ถึงหนทางสองแพร่งจึงบอกกับนางวา่ “น้องหญิง นับ แตน่ ตี้ ่อไปเราแยกทางกันเดินเถิด และอยา่ เรียกเราเปน็ สามี อีกต่อไป เจา้ จงเลอื กทางเอาวา่ จะไปทางใดดี” พระนางสวิ ลที รงเศร้าโศกและตรัสตอบวา่ “ขา้ แตพ่ ระองค์ ข้าพระบาทมีชาติอนั ต่าช้า ขอเลือกไปทางซ้าย ขอพระองค์ เสด็จไปทางขวาเถดิ ”

บดั นี้พระองคไ์ ปท่ีใดหรอื จะส้นิ พระชนม์เสียแลว้ พากนั ปรบั ทุกข์และเลา่ ลอื ไปต่าง ๆ นานา แม้ เม่ือพระมหาชนกแยกทางไปแล้วพระนางมคี วามอาลัยกเ็ สด็จตามตดิ ไปดา้ นเบอ่ื งหลงั อกี และเม่ือถูกตดั รอนความเยื่อใย พระนางก็ถงึ ล้มสลบลง แต่กไ็ มท่ าใหพ้ ระมหาชนกกลบั คนื ความคิดได้ คงเสดจ็ มุง่ หนา้ ตอ่ ไปเพ่ือหาความสงบสงดั จกั ได้บาเพญ็ พรตภาวนา เมื่อพระนางสิวลฟี ้นื คนื สติขึน้ มากไ็ ดพ้ บพระสวามีของพระนางไดเ้ สดจ็ ไปเสยี แล้ว พระนางจงึ ดาริว่าราชสมบัตทิ ้ังปวงนี้แม้สวามขี องเรายังมไิ ดอ้ าลัยอาวรณ์ เราจะยนิ ดีเพื่อประโยชน์อะไร จงึ รบั สั่งใหเ้ รียกข้าราชบรพิ ารมา แล้วอภเิ ษกให้เจา้ ทีฆาวเุ สวยราชสมบัติพระองคเ์ องก็เสดจ็ ออกบรรพชา ตราบจนกระทัง่ สน้ิ ชีพไปบังเกดิ บนสวรรค์ท้ังสองพระองค์ คตขิ องเร่อื งน้ีควรกำหนด ข้นึ ชือ่ วำ่ เป็นคนแลว้ ทำอะไรตอ้ งหมัน่ พยำยำมทำไป จนกวำ่ ชวี ติ จะสิน้ ผลดีท่ีจะไดก้ บ็ ังเกิดขึน้ แนน่ อน

บรรณานกุ รมhttp://www.larnbuddhism.com/buddha/mahasa6.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook