เฉินตู (Chengdu) ข้อมลู ทวั่ ไป เฉินตู เป็ นเมอื งหลวงของมณฑลเสฉวน 1 ใน 6 มณฑล กินพนื ้ ที่ใหญ่ทสี่ ดุ ในประเทศจีนถงึ 567,000 ตารางกิโลเมตร มปี ระชากรเกือบ 100 ล้านคนบนพนื ้ ที่ราบเฉินตลู มุ่ แมน่ า้ แยงซเี กียง อีกทงั้ ยงั เป็ นแหลง่ อารยธรรมท่ีมีอายเุ นนิ่ นานกวา่ 2,300 ปี เมอื งเฉินตมู สี มญาวา่ อาณาจกั รสวรรค์ เน่อื งด้วยมณฑลเสฉวนนนั้ ตงั้ อยบู่ นท่ีราบลมุ่ มแี มน่ า้ ไหลผา่ นถึง 3 สาย คอื หมนิ เจียง ต้าต้เู หอ และจ่ินเจียง ทงั้ หมดมารวมและไหลลงแมน่ า้ แยงซเี กียงอีกทีหนง่ึ จึงอดุ มสมบรู ณ์นกั สามารถทานาได้ปี ละ 3 หน มีพืชเศรษฐกิจชนิดหนงึ่ มีชื่อเป็ นภาษาจีนวา่ อ๋ิวไฉ้จ่ือ หรือ ผกั นา้ มนั ผ้คู รองแคว้นเสฉวน เป็ นอขู่ ้าวอนู่ า้ ในแถบลมุ่ แมน่ า้ แยงซเี กียง ตอนบนมนี า้ มนั และก๊าซธรรมชาติ อกี ทงั้ ยงั เป็ นมณฑลทม่ี ีความเจริญ ก้าวหน้า ทางด้านการศกึ ษา มมี หาวทิ ยาลยั 59 แหง่ โดยเป็ นมหาวิทยาลยั แหง่ ชาติ 9 แหง่ อยใู่ นเขตเฉินตู 6 แหง่ และเสฉวนยงั เป็ น บ้านเกิดของเติง้ เสย่ี วผงิ อกี ด้วย
สถานท่ีท่องเท่ียวในเฉินตู ศาลเจ้าสามก๊ก (อู่โหวฉือ) สามก๊ก เป็ นนวนิยายอิงประวตั ศิ าสตร์เรื่องยง่ิ ใหญ่ของจีน เรื่องราวเร่ิมขนึ ้ ในปลายสมยั ราชวงศฮ์ น่ั ตะวนั ออก ของจกั รพรรดเิ หยี ้ นเต้ ท่บี ลั ลงั ก์ของพระองคเ์ ตม็ ไปด้วยพวกขนั ทแี ละขนั นางกงั ฉิน ครัง้ นนั้ ตง๋ั โต๊ะและโจโฉ ผ้เู ป็ นขนุ นางชนั้ ผ้ใู หญ่เห็นวา่ ราชบลั ลงั ก์ของจกั รพรรดิเหยี ้ นเต้ออ่ นแอ จงึ คดิ ขนึ ้ เป็นใหญ่ ทาการรวบรวมพลตงั้ ก๊กวยุ่ ขนึ ้ มา ฝ่ ายซนุ กวนที่ เมอื งกงั ตง๋ั ได้รวบหวั เมอื งใหญ่ทางตะวนั ออกไว้ และตงั้ ก๊กหวขู นึ ้ ขณะเดียวกนั ทางแคว้นเสฉวน เลา่ ปี่ ผ้คู รองแคว้นในขณะนนั้ ต้องการคานอานาจของก๊กทงั้ สองจึงรวบรวมกาลงั พลของตนขนึ ้ เป็ นก๊กสู่ มีศนู ย์กลางอยทู่ ่ี เมอื งเฉินตู เลา่ ปี่มขี นุ ศกึ ทเี่ กง่ กล้าสามารถ ทงั้ กวนอู เตยี วหยุ และจลู ง่ และมีกนุ ซอื ที่เฉียบแหลมอยา่ งขงเบ้ง “ศาลเจ้าสามก๊ก สร้างขนึ ้ ในสมยั ราชวงศ์จ๋ิน อนั ท่ีจริงเรียกวา่ ศาลเจ้าขงเบ้ง หรือสสุ านเลา่ ปี่ เน่ืองจากในสมยั สามก๊ก นนั้ เลา่ ปี่ ตงั้ ราชธานที เี่ สฉวน เมอื งเฉินตู โดยมขี งเบ้งผ้ชู ว่ ยของเลา่ ปี่ มาช่วยบริหาร ทาให้ประชาชนอยเู่ ย็นเป็ นสขุ มีผลงานดงี าม เม่ือเลา่ ปี่ สนิ ้ เมอื งแล้วประชาชนนบั ถือขงเบ้งมากกวา่ เลา่ ปี่ จงึ สร้างศาลเจ้าขงเบ้งขนึ ้ มา แตถ่ ดั มาไม่ นานผ้ปู กครองจีนเหน็ วา่ ไมถ่ กู ต้อง ขงเบ้งเป็ นผ้ชู ว่ ยเลา่ ปี่ แตเ่ ลา่ ปี่กลบั ไมม่ ศี าลเจ้า เลยออกคาสง่ั สร้างศาลเจ้าเลา่ ป่ี ให้มี รูปปัน้ ของขนุ นาง 14 ทา่ น และขนุ ศกึ 14 ทา่ น อยซู่ ้ายขวาในศาลเจ้า เพ่ือให้ขนุ พลเหลา่ นจี ้ งรกั ภกั ดีตอ่ เลา่ ป่ีตลอดเวลา ทงั้ ยงั ให้สร้างสสุ านเลา่ ป่ี ด้วย เนอ่ื งจากเลา่ ป่ี ใหญก่ วา่ ขงเบ้ง เลยวางศาลเจ้าเลา่ ปี่ ไว้หน้าศาลเจ้าขงเบ้ง ทงั้ ยงั ให้สงู กวา่ ศาลเจ้าขงเบ้ง 3 ขนั้ บนั ได” การสร้างสสุ านของผ้มู ยี ศศกั ดม์ิ อี านาจในสมยั นนั้ ต้องสร้างสสุ านขนึ ้ หลายแหง่ เพ่ือลวงไมใ่ ห้รู้ได้วา่ แหง่ ใดคือทฝี่ ังศพจริง ป้ องกนั มใิ ห้ศตั รูมาขดุ ทาลาย สสุ านเลา่ ป่ีจงึ มีอยหู่ ลายแหง่ และไมม่ ใี ครบอกได้วา่ ศพของเลา่ ป่ี ถกู ฝังอยทู่ ่ใี ดแน่
เอ๋อเหมยซาน (เขาง้อไบ้) เทือกเขาเออ๋ เหมยซานตงั้ อยทู่ างตะวนั ตกเฉียงใต้ของลมุ่ แมน่ า้ เสฉวน โดยอยหู่ า่ งจากเมอื งเฉินตปู ระมาณ 160 กิโลเมตร เขาเออ๋ เหมยซานได้ช่ือมาจากรูปทรงของตวั มนั เอง ซง่ึ มีลกั ษณะคล้ายควิ ้ ผ้นู บั ถือลทั ธิเตา๋ ได้สร้างวัดเตา๋ ขนึ ้ ทน่ี ่ี ศตวรรษท่ี 2 นบั ตงั้ แตศ่ ตวรรษท่ี 6 ซง่ึ เป็ นยคุ ท่พี ทุ ธศาสนาได้มอี ทิ ธิพลสงู ในอาณาจกั รเป็ นต้นมา เขานีไ้ ด้กลายเป็ นสถานทศ่ี กั ดิ์สทิ ธ์ิแหง่ พทุ ธศาสนาโดยเป็ นหนงึ่ ในเขาศกั ดิ์สทิ ธิ์ทงั้ ส่ี กลา่ วกนั วา่ ทีน่ เี่ คยมีอารามตา่ งๆ อยถู่ ึง 151 แหง่ แตบ่ างแหง่ ได้ทรุดโทรมเสยี หายไปตามกาลเวลา และบางแหง่ ได้ทรุดโทรมเสยี หายไปตามกาลเวลา และบางแหง่ ก็ถกู ทาลายไป
ยอดเขาจนิ ต่งิ หรือยอดเขาทองมคี วามสงู 3,100 เมตรบนยอดเขาจะมวี ดั เขาทอง หรือวดั จินตง่ิ สอื ตงั้ อยตู่ า่ ลงมาจากยอดเขา ประมาณ 70 เมตร และเป็ นที่ตงั้ ของศาลาทอง ซงึ่ กว้าง 20 เมตร และทาจากโลหะสมั ฤทธ์ิ ในวนั ทม่ี สี ภาพอากาศดอาจมโี อกาส ได้เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ี่แปลกของเขานี ้ ในชว่ งทีพ่ ระอาทิตยม์ ีวงโคจรอยใู่ นจดุ ท่ีพอเหมาะ เงาของผ้ทู ีอ่ ยบู่ นยอดเขาจะสะท้อนอยบู่ นก้อนเมฆท่อี ยตู่ า่ จากยอดเขาลงไป และเงานมี ้ ีแสงสรี ุ้งล้อมรอบ พทุ ธศาสนกิ ทีจ่ าริกมายงั เขานเี ้ชอ่ื วา่ ปรากฏการณ์นมี ้ นี ยั เชิงสญั ลกั ษณ์ทส่ี าคญั แฝงอยู่ ในอดตี ผ้แู สวงบญุ บางคนถงึ กบั กระโดดจากยอดเขานลี ้ งมา ด้วยเช่ือวา่ ปรากฏการณ์ทเ่ี ห็นเป็ นเคร่ืองชีห้ นทางไปสนู่ ิพพาน
วัดเป่ าก๋ัว หรือวดั เป่ ากวั๋ สอื อนั เป็ นวดั จากสมยั ศตวรรษท่ี 16 วดั นเี ้ป็ นวดั ทีต่ งั้ อยบู่ นพนื ้ ท่ลี าดชนั และมศี าลา 4 แหง่ และยงั มศี าลาจดั แสดงโบราณวตั ถุ และผลงานการเขยี นตวั อกั ษรและงานจติ รกรรม
วัดว่านเหนียน สร้างขนึ ้ ตงั้ แตส่ มยั ราชวงศ์จิน้ เดิมช่ือวา่ “ วดั ไป๋ สยุ่ ”ตอ่ มาฮอ่ งเต้วา่ นลแ่ี หง่ ราชวงศ์ถงั ได้เปลยี่ นชื่อเป็ นวดั วา่ นเหนยี น เนอ่ื งในวนั เกิดปี ที่ 70 ของพระมารดา เพอ่ื เป็ นนิมิตหมายให้พระมารดามีอายยุ ืนยาวหมื่นปี ภายในมพี ระโพธิสตั ว์ผเู่ สยี น ทรงช้างทาด้วยทองเหลอื งหนกั 62 ตนั และสง่ิ ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิลา้ คา่ 3 สงิ่ คือ พระทนั ตธาตุ , พระคมั ภรี ์ใบลาน , ตราราชสญั จกร ของฮอ่ งเต้วา่ นลหี่ นกั 4 ก.ก.
หลวงพ่อโตเล่อซาน ประดิษฐานบนเขาหลงิ หยนุ่ อยบู่ ริเวณหน้าผาของเขานี ้ซง่ึ แปลวา่ เขาทจี่ รดก้อนเมฆ มีพระพทุ ธรูปปางสมาธิ ซงึ่ เป็ น ผลงานสลกั หน้าผาของพระสงฆแ์ หง่ พทุ ธศาสนาในศตวรรษ 8 โดยใช้เวลาทางานร่วม 90 ปี พระพทุ ธรูปนมี ้ คี วามสงู 71 เมตร มีพระเศียรสงู 14.7 เมตร และกว้าง10 เมตร พระเศยี รนมี ้ พี ระเกศเป็ นก้นหอยกวา่ 1,000 ปม และคนกวา่ หนงึ่ ร้อยคนสามารถยืนบนพระบาทซงึ่ กว้าง 8.5 เมตรของพระพทุ ธรูปนไี ้ ด้มีตานานกลา่ ววา่ พระพทุ ธรูปนสี ้ ร้างขนึ ้ โดยพระ จากอารามหลงิ หยนุ่ เพ่อื บรรเทาความกราดเกรีย้ วของลานา้ ทไ่ี หลผา่ นตอนลา่ งของผา ยงั คงสภาพดใี นปัจจบุ นั เนื่องจากมี การสลกั ภายในองค์พระให้กลวง (ซงึ่ มองไมเ่ หน็ จากภายนอก) เพอื่ เป็ นระบบระบายนา้ ฝนทอ่ี าจกดั เซาะองค์พระได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: