พชื ผกั สวนครวั ภาคเหนอื ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ชมุ ชนสวนแสงประทีป ตง้ั อยู่เลขท่ี 197 หม่ทู ี่ 10 ตาบลกลางเวยี ง อาเภอเวยี งสา จังหวัดนา่ น การปลูกพืชผักสวนครัวมีความสาคัญเป็นอันดับแรกของชีวิตประจาวัน เพราะใช้เป็น อาหาร ในครัวเรือนได้ดี ถ้าปลูกมาก มีเหลือก็จาหน่ายได้ และสามารถยึดเป็นอาชีพได้ ขอให้มี ความยึดมั่นในธรรมชาติมีความขยัน และอดทน การปลูกพืชผักสวนครัวมีหลักปฏบิ ตั ิ 5 ประการ 1. การเลือกเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธ์ุมีความจาเป็นในการเริ่มต้นในการเพาะปลูก จึงควรศึกษาเลือก เมล็ดพนั ธุท์ ี่ดี แข็งแรง ไมเ่ ปน็ โรคงา่ ย คัดสรรแล้วเกบ็ รักษาไวอ้ ยา่ งดีกอ่ นปลูก 2. การเตรียมดิน คุณภาพของดิน จะเป็นตัวกาหนดการเจริญเติบโตของพืช การให้อาหารแก่ดิน ดว้ ยป๋ยุ ชีวภาพจะทาให้ดินมชี ีวิตและช่วยยอ่ ยอนิ ทรีย์วตั ถุในดิน ให้ดินอดุ มพร้อมแกก่ ารเพาะปลกู แปลงใหม่ (ดินไมส่ มบรู ณ์) ถา้ ดินแขง็ มาก อาจใช้เคร่ืองจักรช่วยในการไถก่อน ยกแปลง ดินขาดอินทรีย์วัตถุ ควร แหวะท้องหมู ใส่ปุ๋ยแห้ง และรดด้วยปุ๋ยนายกร่องให้สวยงาม โรยปุ๋ยแห้ง ตารางเมตรละ 1 กามือ รดด้วยปยุ๋ นา คลมุ ด้วยฟางไว้ 5 - 7 วนั ปลกู พืชด้วยเมล็ดหรือกลา้ แปลงเกา่ (ดินสมบรู ณ์) หลงั จากตดั ผักหรอื ถอนผกั ออกแลว้ ถอนหญา้ ปรบั ปรุงแปลง (ไม่ต้องขุด) แล้วเริ่มต้น ดังนัน ใส่ปุ๋ยแห้ง ตารางเมตรละ 1 - 2 กามือ ใช้จอบสับเบาๆ ให้คลุกกับดินคลุมด้วยฟางหรือหญ้า แหง้ ปกตริ ดนาธรรมดารดด้วยป๋ยุ นา 1 - 2 วันหมกั ไว้ 7 วนั ปลกู ด้วยเมลด็ หรือกล้า 3. การปลกู มี 2 อยา่ ง คือ 3.1 การปลูกด้วยเมล็ด นาเมล็ดไปแช่ในนาจุลินทรีย์ ประมาณ 30 นาที หากผิว เมลด็ แข็งให้แชน่ านหน่อยแหวกหญา้ หรือฟางทค่ี ลมุ ออกใชไ้ ม้กระดานหน้า 1/2 x 2 นิว กดเป็นรอย ลึก 1 - 2 ซม. หยอดเมล็ดตามรอยท่ีกดไว้คลุมฟางเหมือนเดิมรดนาเช้าเย็น 2 วันแรกให้รดด้วยปุ๋ย นาชว่ งเย็นวนั ละ 1 ครัง หลงั จากนนั ให้รดป๋ยุ นา 3 วนั / ครงั นอกนันรดนาปกติ
3.2 ปลกู ดว้ ยกลา้ การเพาะกลา้ มี 2 ชนิด คอื เพาะด้วยกะบะ อาจเป็นภาชนะสาเร็จรูป หรือใช้ไม้ 1/2 x 2 นิว หรือวัสดุอ่ืน ทา เป็นกระบะขนาด 50 x 50 หรือ 50 x 70 หรือ 50 x 100 ซม. ให้สามารถยกย้ายและวางบนพืนได้ สะดวกผสมปุ๋ยแห้งกับดินร่วน แกลบเผา อัตราส่วน 1 : 5 : 3 ลงในกระบะหยอดเมล็ดหรือหว่าน เมล็ดให้ทัว่ อยา่ ใหแ้ น่นเกินไปคลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางบางๆ รดด้วยปุ๋ยนาให้ชุ่มจากนันรดนา เช้า - เย็นรดปุ๋ยนาชว่ งเยน็ ติดต่อกัน 3 วนั หลงั จากนันรดปยุ๋ นา 3 วัน/ครงั การเพาะในแปลง นาปุ๋ยแหง้ และแกลบเผาผสมดินในแปลง คลุกให้ทั่ว ทาหน้าดิน ให้ละเอียดหยอดเมล็ด หรือ โรยเมล็ดคลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางแห้งบางๆ รดปุ๋ยนาให้ชุ่มท่ัวแปลง รดนา เช้า - เย็น 3 วันแรกรดปุ๋ยนาช่วงเย็นทุกวัน หลังจากนันรด 3 วันต่อครัง วันปกติรดนา ธรรมดา 4. การดแู ลรกั ษา ผกั เกือบทกุ ชนดิ เพาะกล้าก่อนปลูกจะดี เพราะถ้าให้ร่นระยะเวลาในการลงปลูก สามารถปลูกได้หลายรุ่น และดูแลรักษาง่ายยกเว้นพืชผักที่ย้ายกล้าไม่ได้ เช่น แครอท หัวผักกาด การปลูกด้วยกล้า ทาให้ประหยัดเมล็ดพันธ์ุได้ด้วย ดีกว่าปลูกด้วยเมล็ดแล้วต้องถอนทิงเมื่อผักแน่น เกินไปปกติจะใส่ปุ๋ยแห้งครังเดียว แต่ถ้าผักมีอายุยาวเกิน 50 วัน ให้สังเกตว่าผักไม่สวย ไม่สมบูรณ์ กใ็ สป่ ยุ๋ แห้งได้ระหวา่ งแถว ไมใ่ หถ้ ูกตน้ พชื ผกั การเตรียมแปลงดี ผักจะเจริญเติบโตเสมอกันทังแปลงผักต้นใดมีโรคให้งดนา และรด ด้วย EM สด ขยาย ผสมนา 50 เทา่ ทงิ ไว้ 24 ช่ัวโมง จึงให้นาต่อผักมีหัวให้ขุดแปลงลึกๆ แหวะท้อง หมูบอ่ ยๆ และใส่ปุ๋ยแหง้ ผสมให้ดีการรดนา ควรใชบ้ วั รดนารเู ล็กๆ ให้เปน็ ฝอยได้มากเท่าไรยิ่งดี ไมค่ วรรดนาด้วยสายยางท่ีนาพุ่งแรงๆ จะทาให้ผักนอนราบ โดยเฉพาะผักกาดขาวจะ ห่อใบยาวขนึ หากถูกนาซัดแรงๆ ทกุ วนั พ่นดว้ ยสารไลศ่ ตั รูพืช หรือ สารป้องกันเชอื รา ทกุ ๆ 3 วัน ข้อสงั เกตุ เพื่อป้องกันแมลงศัตรพู ชื โดยธรรมชาติ ควรปลูกผักกาดหอม ผักชีใบแหลม ปนกับผักอื่นๆ ปลูกต้นดาวเรือง ตะไคร้หอม ผกากรองไว้เป็นรัว และใช้ใบตะไคร้หอมมาคลุมแปลง ผกั จะป้องกนั แมลงรบกวนไดด้ ้วย 5. การเก็บผลผลิต – การจาหน่าย การเก็บผลผลิต ควรดาเนินไปตามอายุของผักแต่ละประเภท และหากปลูกโดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพดังกล่าวข้างต้น ควรเก็บก่อนกาหนด เล็กน้อยเพราะ ร่น ระยะเวลาปลกู ลดแรงงาน และรายจา่ ย,ผกั ธรรมชาติเจริญเติบโตเร็ว}หากเก็บช้าหรือเกินอายุทาให้ ผักมีภูมิต้านทานต่าเกิดโรคได้,การเก็บควรใช้วิธีตัด ยกเว้นผักหัวใช้ถอนผักท่ีเป็นผลควรเก็บอย่าง ปราณีต เพื่อให้โอกาสเกิดผลใหม่อีก เช่น ถั่ว แตงผักทั่วไปเก็บแล้วล้างให้สะอาด บรรจุถุงเพ่ือ จาหนา่ ยผักท่เี ปน็ ฝัก เช่น ถ่ัว เกบ็ แลว้ ไมต่ ้องล้าง ไมต่ อ้ งพรมนา
ข้อควรจา 1. ผักธรรมชาติทนทาน ขัวไม่หลุดงา่ ย เห่ยี วยาก 2. ไมต่ อ้ งแชส่ ารเคมี 3. นาพรมผักหรือแชผ่ กั ควรผสม EM ด้วย 4. ไม่ควรนาผลผลิตไปขายร่วมกับแผงผักเคมี จะทาให้เสียคุณภาพ ควรเปิดแผงผัก ปลอดสารพิษหรือผกั ธรรมชาติ เพอ่ื สะดวกตอ่ การเลือกซือของผูบ้ รโิ ภค สามารถรบั รองคณุ ภาพและ สามารถกาหนดราคาได้ดใี นอนาคต ช่วงท่เี หมาะสมในการปลกู พืชผกั ช่วงเดือน ผกั ท่ีควรปลกู กุมภาพนั ธ์ – เมษายน - ผักชี หอม ผักบุ้งจีน ผักกาดหัว ถ่ัวฝักยาว แตงกวา มะระ ผักกาด พฤษภาคม - กรกฎาคม เขียวปลี ผกั กวางต้งุ ผกั กาดขาว สิงหาคม – ตลุ าคม (ปลายฝน) - ผกั คะน้า กยุ ชา่ ย บวบเหลี่ยม ขา้ วโพดหวาน หอมแดง - ผักชีลาว ผักโขม กุยช่าย ผักกาดขาว ผักกาดหอม พริก มะเขือเปราะ ปลกู ไดท้ ังปี มะเขือยาว - ผกั สวนครวั ตา่ งๆ เช่น ขงิ ขา่ ตะไคร้ โหระพา แมงลัก ฯลฯ
การปรับปรงุ บารงุ ดินสาหรบั พชื ผัก ปัจจุบันการปลูกผกั นับวา่ เป็นอาชีพทีส่ ามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นกอบเป็นกา ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยก่อนท่ีปลูกเป็นสวนหลังบ้านเอาไว้กินและเหลือขายในพืนท่ีบ้าง ดังนันการ ปลูกผักจึงต้องทาอย่างมืออาชีพเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึน หัวใจสาคัญท่ีทาให้การปลูกผักประสบ ความสาเร็จไปกว่าคร่ึงก็คือ การเตรียมดินที่ดีซึ่งหมายถึงมีการปรับปรุงบารุงดินอย่างดี และ สม่าเสมอเพื่อใหพ้ ืชผกั เจริญเติบโตไดด้ ี นอกจากนยี ังสง่ ผลให้ผกั มีความตา้ นทานโรคตา่ งๆ เกษตรกร จึงไม่ควรละเลยเกี่ยวกับการปรับปรุงบารุงดินในแปลงผักการปรับปรุงบารุงดินอย่างง่ายๆ และเป็น พืนฐานของการปลกู ผักทดี่ ีควรมวี ิธดี าเนินการดงั นี 1. การปรับปรุงบารุงดิน ควรเริ่มตังแต่แรกก่อนปลูกผักขณะที่ยังไม่ได้ยกแปลงยก ร่อง ให้ไถดะ และตากดินไว้ประมาณ 7 - 1 0 วันเพ่ือกาจัดวัชพืช หลังจากนันจึงหว่านปูนขาวเพื่อ ปรับสภาพความเป็นกรดเป็นดา่ งของดินโดยใช้อตั รา 100-300 กก.ต่อไร่การหว่านปูนขาวจะช่วยฆ่า เชือโรคในดิน นอกจากนอี าจใชห้ ินปูนฝนุ่ ซึง่ หางา่ ยในพนื ท่ภี าคใต้ ใช้อตั รา 1,000 - 1,500 กก.ต่อไร่ ทุกๆ 3 ปี ส่วนในพนื ทที่ ่หี าโดโลไมท์ไดง้ า่ ยกใ็ ส่โดโลไมท์อัตรา 500 - 1,000 กก.ต่อไร่ 2. ปลูกพืชปุ๋ยสดตระกูลถั่ว ได้แก่ ปอเทือง ถั่วพุ่ม และถ่ัวพร้า อย่างใดอย่างหน่ึง แล้วไถกลบตอนออกดอกปล่อยให้สลายตัวในดินซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 วัน การปลูกพืชปุ๋ยสดจะ ชว่ ยเพ่ิมอนิ ทรยี วัตถแุ ละธาตุอาหารสาคัญแก่ดนิ ดังนี ชนดิ พืชปุ๋ยสด น้าหนกั สด ใหไ้ นโตรเจนแกด่ นิ ใหฟ้ อสฟอรสั ใหโ้ พแทสเซียมแก่ดิน เม่อื ไถกลบ (กก./ไร่) ปอเทอื ง (ตนั /ไร่) (กก./ไร่) (กก./ไร่) ถว่ั พมุ่ 17.2 ถ่วั พร้า 5 28.9 2.8 52.4 4 14.1 5.4 23.7 35.5 2.8 4 ทม่ี า : กล่มุ อนิ ทรยี วัตถแุ ละวสั ดเุ หลอื ใช้ กรมพัฒนาทด่ี นิ ( 2 5 4 4 ) หมายเหตุ : ปริมาณธาตุอาหารในมูลสัตว์แต่ละชนิดอาจแตกต่างกันบ้างขึนอยู่กับชนิดและปริมาณ อาหารทส่ี ัตว์ได้รับ
ชนดิ พชื นา้ หนักสด น้าหนกั แหง้ ไนโตรเจนในพชื เทยี บเทา่ เทียบเท่า (กก./ไร่) (กก./ไร่) ต่อนา้ หนกั แหง้ 100 ปุ๋ยแอมโมเนยี ม ป๋ยุ ยเู รยี ซัลเฟต (กก.) (กก.) กก. ปอเทือง 2,870 412 2.76 54.14 24.72 ถ่วั พุ่ม 2,260 742 2.68 94.71 43.24 ถวั่ พร้า 2,346 450 2.72 58.29 26.61 ท่ีมา : กลุ่มอินทรยี วัตถแุ ละวัสดเุ หลอื ใช้ กรมพฒั นาท่ีดนิ (2544 ) 3. หลังจากไถกลบพชื ปุ๋ยสดแลว้ จงึ เตรียมแปลงยกร่องตามความเหมาะสมกับพืชผักท่ี จะปลูก ให้โรยปุ๋ยคอกท่ีแห้งซึ่งอาจเป็นมูลไก่ มูลหมู มูลวัว ที่หาง่ายในพืนที่หรือใส่ปุ๋ยหมักจาก พด.1 อัตรา 3,000 กก.ต่อไร่ หว่านให้ท่ัวแปลงแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน การทาปุ๋ยหมัก พด.1 ทาได้ จากวสั ดชุ นิดตา่ งๆ เชน่ ฟางข้าว ซังข้าวโพด ชานอ้อย และวัสดุอินทรีย์เดิมๆท่ีหาได้ในพืนท่ี การใส่ ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักช่วยเพ่ิมธาตุอาหารให้กับดิน และยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ร่วนซุยมี การระบายนาและอากาศดีขึนเหมาะสมสาหรับการปลูกผักทุกชนิด ขอคาแนะนาวิธีการทา และขอ เชอื พด.1 ฟรีไดท้ ่ีสถานีพฒั นาทดี่ ินใกลบ้ า้ น หรือขอคาแนะนาจากหมอดินอาสาในหมู่บา้ น ปรมิ าณธาตอุ าหารในปยุ๋ หมกั (นาหนัก ) ชนดิ วัสดุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม (กก.) ปุ๋ยหมักฟางข้าว (กก.) (กก.) ปยุ๋ หมกั ซังข้าวโพด 1.47 ปุย๋ หมกั ชานอ้อย 1.02 4.43 1.19 ขุยมะพร้าว 0.98 แกลบ 1.07 0.51 2.03 ปุ๋ยหมัก กทม. 1.29 ปุ๋ยหมักผกั ตบชวา 0.87 0.25 1.06 4.86 0.46 0.14 0.42 4.03 0.98 1.04 1.69 0.66 ที่มา : กล่มุ งานวิจัยปยุ๋ กองปฐพีวิทยา (2542 )
ภาคกลาง ศนู ย์เรียนรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ตงั อยู่บา้ นเลขท่ี 55/2 หมูท่ ่ี 2 ตาบล บา้ นแห อาเภอเมือง จงั หวดั อา่ งทอง ตวั อยา่ งปฏิทินการเกษตรตามฤดกู าล ลาดับ กิจกรรมการผลิต ระยะเวลาการผลิต ลาดับ กจิ กรรมการผลิต ระยะเวลาการผลติ 1. ผักบุง้ จีน 25 วัน 21. กระเทยี ม 90 วัน 2. แตงกวา 35 วัน 22. ขงิ 70 วนั 3. ผักคะนา้ 45 วนั 23. ข่า 70 วัน 4. มะเขือ 60 วัน 24. โหระพา 45 วัน 5. ถัว่ ฝกั ยาว 60 วัน 25. กระเพรา 70 วัน 6. มะเขือเทศ 56 วนั 26. ชะพลู 90 วัน 7. พริกชีฟา้ 80 วัน 27. ผกั ชุนไข่ 40 วนั 8. ถว่ั เขยี ว 90 วนั 28. สะระแหน่ 40 วนั 9. ข้าวนาปี 120 วัน 29. แตงโม 60 วนั 10. พรกิ ขีหนู 60 วนั 30. ฟักทอง 150 วนั 11. ผักกาดเขยี วปลี 50 วนั 31. แฟง 60 วนั 12. ผักกาดหอม 90 วัน 32. บวบ 60 วัน 13. กะหลา่ ปลี 50 วัน 33. แตงร้าน 120 วัน 14. ผกั กาดขาวปลี 50 วัน 34. แตงไทย 66 วัน 15. กะหล่าดอก 90 วัน 35. มะระไทย 70 วนั 16. กะหล่าปม 60 วัน 36. ถ่ัวลนั เตา 100 วัน 17. ผักตงั โอ๋ 40 วัน 37. เลียงเป็ดเทศ 120 วัน 18. ผกั ชี 30 วัน 38. เลียงปลาแรด 160 วนั 19. หอมหวั เลก็ 70 วัน 20. หอมหวั ใหญ่ 140 วัน
ในการปลูกพืชผกั สวนครวั เกษตรกรควรคานงึ ว่าจะปลูกในช่วงเดอื นใดจึงเหมาะสมกบั ฤดูกาล และท้องตลาดตอ้ งการดังตวั อย่างปฏิทินการปลกู พืชผกั สวนครัว ดังตอ่ ไปนี้ ลาดับ ชือ่ ผัก ม.ค. ก.พ. ม.ี ค เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ท่ี 1 กะหลา่ ปลี + - - - - - - - - + ++ + 2 ผักกาดขาวปลี ++ + + + + + + + + + + ++ 3 ผักกาดขาวปลี ++ + + + + + + + + + + ++ 4 ผกั คะนา้ ++ + + + + + + + + + + ++ 5 ผักกาดหอม ++ + + + + + + ++ + + ++ + 6 หอมแดง ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ 7 ผกั ชี ++ + + + + + + - - - ++ ++ 8 ผักบุ้ง ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ผักกวางตงุ้ 9 มะเขือเทศ + + - - - - - - - - ++ ++ 10 มะเขือตา่ งๆ + ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ 11 พริกต่างๆ ++ ++ + + + + + + + + ++ ++ 12 ถว่ั ฝักยาวและ ++ ++ ++ + + + + + + + ++ ++ อ่นื ๆ 13 บวบและมะระ ++ ++ + + + + + + + + ++ ++ 14 ถ่ัวลันเตา + + + + + + + + + + ++ ++ 15 ฟักทอง ++ ++ + + + + + + + + ++ ++ 16 ฟกั เขยี ว แฟง ++ ++ + + + + + + + + ++ ++ 17 แตงกวา ++ + + - - + + + - - ++ ++ 18 กะหล่าปี ++ ++ + - - - - - + + ++ ++ 19 ผกั กาดหัว ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ 20 หัวหอม ++ ++ ++ - - - - - - - ++ ++ 21 หอมหัวใหญ่ ++ ++ - - - - - - - + ++ ++
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ศนู ย์เรียนรกู้ ลุม่ ฟน้ื ฟเู กษตรพน้ื บ้านอาเภอแวงนอ้ ย เลขท่ี 108 หมู่ท่ี 6 บา้ นโสกนา้ ขาว ตาบลก้านเหลอื ง อาเภอแวงน้อย จังหวดั ขอนแก่น การปลกู ผกั สวนครวั ชนดิ ผกั ทค่ี วรปลกู ในฤดูต่าง ๆ การปลกู ผักใหถ้ ูกฤดกู าลจะทาให้ได้ผกั ทมี่ คี ณุ ภาพ (1) ผักท่ีควรปลูกในต้นฤดูฝน ตังแต่เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ได้แก่ หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตงุ้ ผักบงุ้ คะนา้ พรกิ ต่าง ๆ มะเขือตา่ ง ๆ ผักกาดหวั ผกั กาดหอมจีน ผักกาดเขียว เล็ก ผกั กาดขาวเล็ก บวบ มะระ ฟกั ยาว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถัว่ ฝกั ยาว ถ่ัวพุ่ม นาเต้า ถั่วพู ถว่ั แปบ ผกั บุง้ จนี มะเขือมอญ (2) ผักที่ควรปลูกปลายฤดูฝน ผักท่ีปลูกต้นฤดูฝนได้ก็ปลูกได้ผลดีในปลายฤดูฝน ย่ิงกว่านันยังปลูกฤดูหนาวได้อีก เช่น กะหล่าปลี กะหล่าดอก กะหล่าปม กะหล่าอิตาเลียน ถั่ว ลันเตา หอมหัวใหญ่ บี๊ท แครอท แรดิช ผักชี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหอมห่อ ขา้ วโพดหวาน แตงกวา แตงโม พริกหยวก ฟักทอง มะเขอื เทศ ถัว่ ไลมา ขนึ ฉ่าย (3) ผักที่ควรปลูกในฤดูร้อน ได้แก่ ผักที่ทนร้อนได้ดี และทนความแห้งแล้งพอสมควร ต้องรดนาเช้า - เย็น พรวนดินแล้วคลุมด้วยฟางข้าว เพื่อรักษาความชุ่มชื่นไว้ให้พอ เช่น ข้าวโพด หวาน ข้าวโพดเทียน บวบ มะระ ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม นาเต้า แฟง ฟักทอง ถ่ัวพู คะน้า ผักกาดหอม ผักชี (ผักกาดหอมและผักชี ควรทาร่มราไรด้วย) ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักกาดขาวเล็ก ผักกาดเขียว ใหญ่ มะเขอื มอญ (4) ผักท่คี วรปลูกไวร้ บั ประทานตลอดปี ได้แก่ พืชที่ทนทาน ปลกู ครังเดียวรับประทาน ได้ตลอดปี เช่น สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมแบ่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ตาลึง กระชาย ข่า ตะไคร้ บวั บก มะแวง้ มะเขือพวง พริกชฟี ้า พรกิ ขหี นู มะเขือตา่ ง ๆ การเตรียมดินปลูกผัก พืชผักส่วนใหญ่มีเมล็ดขนาดเล็ก ระบบรากละเอียดอ่อน หากเตรียมดินไม่ดีจะ กระทบกระเทือนต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตได้ ต้องปรับสภาพดิน ให้เหมาะกับการ เจริญเติบโตด้วยความพิถีพิถัน แล้วจึงค่อยไถพรวนให้ลึกประมาณ 6 - 8 นิว พลิกหน้าดินตากไว้ ประมาณ 7 - 10 วัน เพื่อฆ่าไข่แมลงศัตรูพืชบางชนิดแล้วจึงไถคราด เพ่ือกาจัดหญ้าหรือวัชพืชออก ให้หมด ขณะไถพรวนใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจะทาให้ดินร่วนซุย เตรียมดินง่ายทาให้มีสภาพ ทาง กายภาพและเคมี เหมาะสมกบั การเจริญเตบิ โต ป๋ยุ คอกทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ ขีเปด็ ขีไก่ ขีหมู
การเตรียมเมลด็ พนั ธ์ุ การปลูกผักด้วยเมล็ดพันธุ์ท่ีดีจะช่วยให้คุ้มค่าในการลงทุน เพราะไม่เสียเวลาและ แรงงานซ่อมบ่อย ๆ ผลผลิตได้ผลดีผลตอบแทนสูง สาหรับผักบางชนิด ไม่สามารถเก็บพันธ์ุไว้ได้ ควรเลือกซือจากร้านค้าท่ีไวว้ างใจได้ การเลอื กซอ้ื เมลด็ พันธ์ุ ควรเป็นเมล็ดพันธ์ุใหม่ สะอาด ไม่มีเศษวัสดุอ่ืนหรือเมล็ดพันธ์ุชนิดอื่นๆ เจือปน ปราศจากโรคและแมลง มีความงอกดี เป็นพันธ์ุที่ประชาชนนิยม และให้ผลผลิตสูง ขณะซือให้ พิจารณาเลือกภาชนะบรรจุท่ีมีคุณภาพดี ควรตรวจสภาพของซอง หรือกระป๋อง ดูเปอร์เซ็นต์ความ งอก วนั ที่บรรจเุ มลด็ พนั ธุ์ และวนั เสอ่ื มอายุของเมล็ดพนั ธุ์ การปลกู ผกั วิธีปลกู มหี ลายประเภท แบ่งออกเปน็ ประเภทใหญ่ ๆ 4 ประเภท ดังนี (1) ประเภททีต่ อ้ งเพาะเมลด็ ก่อนแล้วจึงยา้ ยปลกู เปน็ พืชท่ีเมล็ดมรี าคาแพงและขนาด เล็ก การดูแลรกั ษาระยะกล้าต้องการความพิถีพิถันมากกว่าพืชอ่ืน ได้แก่ กะหล่าปลี ผักกาดขาวปลี หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ พริก เปน็ ตน้ (2) ประเภทท่ีหว่านเมล็ดลงในแปลงได้เลย ได้แก่ ผักชี ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักกาด เขยี วปลี คะนา้ ผักประเภทนมี ีอายุสนั โตเร็ว ระยะปลูกถ่ี เมลด็ หาง่ายและราคาถกู แบง่ เปน็ 2 วิธี คอื (2.1) การหว่านเมลด็ ให้กระจายท่ัวทังแปลงแล้วใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักโรยทับบางๆ คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแหง้ สะอาดบาง ๆ รดนาดว้ ยบัวฝอยละเอียดให้ชุ่มและทั่วถึง เมื่อต้นกล้างอก มีใบจริงประมาณ 1 - 2 ใบ ให้เร่ิมถอนแยก เลือกต้นอ่อนแอไม่สมบูรณ์และเบียดชิดแน่นออก พร้อมกับจัดระยะปลกู ใหเ้ หมาะสม (2.2) การโรยเป็นแถว วิธีนีประหยัดเมล็ดพันธ์ุได้มากกว่าวิธีหว่าน การโรยเมล็ดให้ เป็นแถวลึก 0.5 - 1.0 ซม. ควรให้เมล็ดในแถวห่างกันพอสมควร เมื่อต้นกล้างอกควรเริ่มถอนแยก ตน้ ทอี่ ่อนแอไมส่ มบรู ณ์ และเบียดกนั ออกเสีย (3) ประเภทที่ใช้ปลูกเป็นหลุม ได้แก่ พวกที่มีเมล็ดโต ได้แก่ ถั่วฝักยาว ถ่ัวลันเตา กระเจี๊ยบเขียว ถ่ัวแขก มะระ แตงโม แตงกวา ฟักทอง ผักกาดหัว เป็นต้น วิธีปลูกให้หยอดเมล็ด โดยตรงในแปลง หลุมละ 2 - 3 เมล็ด ลึกลงไปในดินประมาณ 1.2 - 2.5 ซม. กลบด้วยดินละเอียดท่ี ผสมปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เม่ือต้นกล้ามีใบจริงประมาณ 2 ใบ ให้ถอนต้นที่อ่อนแอทิงเหลือไว้เพียงหลุม ละ 1 ตน้ (4) ประเภทท่ีใช้ส่วนต่าง ๆ ต้น รากและหัวปลูก ได้แก่ หอมแบ่ง กระเทียม กระชาย ขิง ขา่ ตะไคร้ เปน็ ตน้
การเพาะพนั ธ์ุผัก (1) การเพาะในแปลงเพาะ เป็นวิธีท่ีสะดวก สถานท่ีทาแปลงควรอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัย เลือกที่ดินดี นาไม่ท่วม และไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่หรือบ้านบังแสงแดดในช่วงเวลาเช้า เพื่อให้ต้นกล้า ไดร้ บั แสงแดดโดยตรง ช่วยใหต้ ้นกลา้ สะสมอาหารไดม้ ากขึน ทนทานต่อโรคโคนเน่าได้ดี ควรมีขนาด กวา้ ง 1 เมตร ความยาวตามตอ้ งการ ขุดดินตากไว้ 2 - 3 สปั ดาห์ ใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกเพื่อช่วยให้ ดินรว่ นซยุ ยกหน้าดินสงู จากพืนทางเดนิ 10 ซม. แตง่ หนา้ ดินใหเ้ รยี บ การหว่านเมลด็ พนั ธ์ุผกั ทาได้ 2 วธิ ี คือ การหวา่ น กบั โรยเป็นแถวขึนอยู่กบั ชนดิ ของผกั ราคา เวลา และแรงงาน (1.1) การหว่านเมลด็ ต้องหวา่ นให้สมา่ เสมอ อย่าให้แน่นเกินไปหากติดกันมากจะทา ให้เกิดโรคได้งา่ ย หลกั จานันหว่านดนิ กลบพอมิด (1.2) การโรยเมล็ด ใช้จอบตีหรือปลายไม้กดเป็นแถว ตามความกว้างหรือตามยาว ของแปลงเพาะกลา้ ขนึ อยกู่ บั ความสะดวกในการทางาน ให้แตล่ ะแถวมีระยะหา่ งกนั 1 คืบ (ประมาณ 6 - 8 นิว) โรยลงในชอ่ งว่างและเกล่ียดินกลบบาง ๆ แล้วรดนา (2) การย้ายกลา้ ผัก ควรปฏบิ ัติ ดงั นี (2.1) กล้าซึง่ เหมาะทีจ่ ะย้ายปลกู ควรมีใบจรงิ 3 - 5 ใบ (2.2) ควรย้ายกลา้ ไปปลกู ในเวลาเย็นแดดอ่อน คือ ตงั แตเ่ วลา 16.30 น. เป็นตน้ ไป (2.3) สาหรับกล้าที่เพาะรวมกันในกระบะ หรือแปลงเพาะก่อนย้ายออกควรรดนา ก่อน ส่วนกล้าทเ่ี พาะในกระทงหรือถงุ ตอ้ งงดการรดนา 1 วัน (2.4) การย้ายกล้าควรจบั เบา ๆ เอาไมบ้ าง ๆ แงะใหม้ ีดนิ และรากติดไปดว้ ยมาก ๆ (2.5) ถอนกลา้ แล้วให้รบี นาไปปลูกทันที ไม่ควรทิงไวจ้ นเห่ยี ว (2.6) เลอื กตน้ ทแ่ี ขง็ แรง ลาตน้ ตรง ไมค่ ดไม่งอ ใบสมบูรณ์ ไม่ฉกี ขาด ยอดไมด่ ว้ น (2.7) เวลาปลูกควรตงั ตน้ ใหต้ รง แลว้ กดดนิ รอบโคนต้นให้แน่นพอสมควร (2.8) เม่ือปลูกกล้าเสร็จแลว้ ให้รีบรดนาทนั ที การปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั ษา (1) การให้นา จาเปน็ ตอ้ งให้นาอยา่ งเพยี งพอ ควรปฏิบตั ิ ดงั นี (1.1) รดเวลา เชา้ - เย็น ไมค่ วรรดตอนแดดจัด (1.2) รดแตพ่ อชุ่มอย่าใหโ้ ชก (1.3) เม่อื ผักยงั เล็กอยู่ให้รดด้วยบัวฝอยละเอียด จนกว่าผักโตพอจึงใช้บัวฝอยหยาบ รด
(2) การใหป้ ุ๋ย มี 2 ระยะ คือ (2.1) ใส่รองพืน ตอนเตรียมดิน หรือรองก้นหลุมก่อนปลูก ปุ๋ยท่ีใส่ควรใช้ปุ๋ยคอก หรือปยุ๋ หมัก เช่น ขเี ป็ด ขีไก่ ขวี วั และขีหมู มปี รมิ าณธาตุอาหารสงู ช่วยปรับปรงุ ดินใหโ้ ปร่ง ร่วนซุย ช่วยให้ต้นกล้าตังตัวได้เร็ว และยังช่วยในการอุ้มนารักษาความชืนของดินให้เหมาะกับการ เจรญิ เติบโตของพชื ในกรณที ห่ี าปุ๋ยคอกไมไ่ ด้อาจจะใช้ปุ๋ยหมกั แทน (2.2) การใส่ปุ๋ยบารุง แบ่งเป็น 2 ครัง เมื่อย้ายกล้าไปปลูกจนกล้าตังตัวได้แล้ว ครังหน่ึง และใสค่ รังที่ 2 หลังจากครังแรกประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ การใส่ให้โรยบาง ๆ ระหว่างแถว อย่าให้ปุ๋ยชิดต้นเพราะจะทาให้ผักตายได้ เมื่อใส่ปุ๋ยแล้วให้พรวนดินกลบและรดนาตามทันที พืช ปลูกต้องการผลหรือดอกใชส้ ูตร 15 - 15 - 15 หากต้องการใบใช้ท่ีมีไนโตรเจนสงู เช่น ปุ๋ยยูเรีย และ ปยุ๋ แอมโมเนียมไนเตรท
ศนู ยเ์ รยี นรู้สวนไทเกษตร เลขที่ 38 หมู่ 10 บ้านโคกผกั หวาน ตาบลผาขาว อาเภอผาขาว จังหวัดเลย ปลูกผักอยา่ งไรใหก้ นิ ไดท้ ้ังปี พอขึนหัวข้อ บางคนต้องคิดแล้วว่าผักอะไรหนอจึงจะปลูกกินได้ทังปี คนเมืองก็คิดไป ว่าผักมีกินทังปีอยู่แล้ว เต็มตลาดไปไม่เห็นมีผักชนิดไหนขาดหายไปจากตลาด คะน้า ผักกาด ผักชี กะหล่าปลี ก็มีขายอยเู่ ตม็ ไปหมด แต่คนชนบทบ้านเราอาจจะคิดหนกั ไปกว่านี โดยคิดว่าคงมีเทคนิค พิเศษอะไรสักอย่าง ทาให้ปลูกผักได้ทังปี แต่ท่านที่มีประสบการณ์ตรง มองเห็นพืชพรรณไม้รอบตัว อยู่เป็นนิจ ก็จะถึงบางอ้อ ตอบคาถามได้ทันที ก็ผักพืนบ้านไง ปลูกครังเดียวกินไปได้ทังปี หรือทัง ชวี ิต มใี หก้ นิ หมุนเวยี นกนั อย่ใู นธรรมชาติ ยง่ิ มกี ารจัดการให้ดีขนึ อาจจะเปน็ การตัดแต่งกิ่ง ตัดใบทิง เช่น ชะอม ผักหวาน ผักก้านตง ผักอ่อมแซบ ย่ิงตัดยิ่งแตก ย่ิงขยายปริมาณมากมายจนกินไม่ทัน นี แหละปลูกเหนื่อยครังเด่ียวกินได้ตลอด ทังยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา อันดับแรก ก็คือ ปลอดสารเคมี อันที่สอง ก็คือคุณค่าทางอาหารของผักพืนบ้านมีมากมาย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างให้ ทราบพอเป็นแรงจงู ใจใหเ้ ราหันมาหาของดีรอบตัว เป็นขอ้ มลู แสดงปริมาณคุณค่าทางอรหารของผัก พนื บา้ นจาก กองโภชนาการ ปี 2530 (ขนาด 100 กรมั ) ผักพืนบ้าน โปรตนี แคลเซยี ม เหล็ก วติ ามนิ เอ (มก.) (มก.) (มก.) (IU) ชะพลู (ผักอเี ลิศ) 5.5 420 9.8 15,800 ใบตาลงึ 4.1 126 4.6 18,075 ผักหวานบา้ น 6.8 225 3.4 16,590 ผักหวานปา่ 1.0 179 3.3 _ หน่อไม้ 2.5 17 0.9 25 น่ีเป็นเพียงบางส่วนของบางส่วนของคุณค่าทางอาหารของผักพืนบ้าน 5 ชนิด ที่อยู่ รอบภูผาขาว โดยเฉพาะ ผกั หวานบ้าน ตาลึง ชะพลู ให้ทังโปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามิน เอสูงถึง 16,590 IU (หน่วยวัด) แน่นอนต้องมีผลในการบารุงสายตาของผู้รับประทานเป็นแน่ ใครท่ี ตาฟาง ๆ ก็หันมาปลกู ผักหวานบ้าน ชะพลู กนิ ก็แล้วกัน กินทงั ใบทังลูกออ่ น “ปลกู ผกั หวานตามสไตล์ไทเกษตร” ตอนตน้ เดอื นเมษายนปนี ี ได้มโี อกาสเข้ากรงุ เทพอยู่ 2 - 3 วนั มีโอกาสเดินชมตลาด สดเล็กๆ ในชมุ ชนวันโคนอน ภาษีเจริญ มขี องมากมาย รวมไปถงึ ผักพืนบา้ นตา่ งๆ ทสี่ ง่ ตรงมาจาก ภาคอสี านบา้ นเรา ทน่ี า่ สะดดุ ตากค็ งจะเปน็ ผกั หวานปา่ และไขม่ ดแดง ซึ่งวางขายคกู่ นั คนขายกเ็ ปน็
เลอื ดเนือเชอื ไขของคนอีสานโดยแท้ โฆษณาชกั ชวนให้เชือผักหวานและไข่มดแดง ว่าต้องแกงใสก่ นั จึงจะแซบสดุ สุด มผี ู้คนสนใจและซอื หาไม่นานกห็ มด ผู้เขยี นอดภมู ิใจกับแมค่ า้ ไมไ่ ดว้ ่า สินคา้ พนื บา้ นของเราขายได้ดี และเปน็ สินค้าคณุ ภาพปลอดสารเคมี และสามารถตีตลาดสดในกรงุ เทพได้ โดยประมาณการแล้วในช่วงฤดูผักหวานป่าออกยอด มีผู้มีรายได้จากการหาผักหวาน ปา่ ขายไมต่ า่ กวา่ รายละ 3 - 4 พันบาท บางรายท่ีขยันหาได้ถึง 1 หม่ืนบาทก็มี นีเฉพาะข้อมูลในเขต ภูผาขาว ที่อื่นๆ เช่นแถบสกลนคร เคยสอบถามผู้ที่อยู่แถบนันได้ความว่า แต่ละวันผักหวานป่าลง จากภูพานวันละเกือบ 1 พันกิโลกรัม ถ้าคิดราคาถูกๆ กิโลกรัมละ 100 บาท (ช่วงแรกออกใหม่ๆ กิโลกรัมละ 250 บาท) ก็เป็นเงินมากโขอยู่ ยิ่งตลาดของผักหวานขยายออกไปไม่แต่เฉพาะภาค อสี านเทา่ นนั น่ีเป็นเพียงบางส่วนของบางส่วนของคุณค่าทางอาหารของผักพืนบ้าน 5 ชนิด ที่อยู่ รอบภูผาขาว โดยเฉพาะ ผักหวานบา้ น ตาลึง ชะพลู ให้ทังโปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามิน เอสูงถึง 16,590 IU (หน่วยวัด) แน่นอนต้องมีผลในการบารุงสายตาของผู้รับประทานเป็นแน่ ใครที่ ตาฟางๆ กห็ นั มาปลกู ผักหวานบ้าน ชะพลู กนิ กแ็ ลว้ กนั กินทังใบทงั ลกู ออ่ น “ปลูกผักหวานตามสไตล์ไทเกษตร” ตอนต้นเดือนเมษายนปีนี ได้มีโอกาสเข้ากรุงเทพอยู่ 2 - 3 วัน มีโอกาสเดินชมตลาด สดเล็กๆ ในชุมชนวันโคนอน ภาษีเจริญ มีของมากมาย รวมไปถึงผักพืนบ้านต่างๆ ท่ีส่งตรงมาจาก ภาคอีสานบ้านเรา ท่ีน่าสะดดุ ตาก็คงจะเป็นผกั หวานปา่ และไข่มดแดง ซึ่งวางขายคู่กัน คนขายก็เป็น เลอื ดเนือเชือไขของคนอีสานโดยแท้ โฆษณาชักชวนให้เชือผักหวานและไข่มดแดง ว่าต้องแกงใส่กัน จึงจะแซบสุดสุด มีผู้คนสนใจและซือหาไม่นานก็หมด ผู้เขียนอดภูมิใจกับแม่ค้าไม่ได้ว่า สินค้า พนื บ้านของเราขายได้ดี และเป็นสินค้าคุณภาพปลอดสารเคมี และสามารถตีตลาดสดในกรุงเทพได้ โดยประมาณการแล้วในช่วงฤดูผักหวานป่าออกยอด มีผู้มีรายได้จากการหาผักหวานป่าขายไม่ต่า กว่ารายละ 3 - 4 พันบาท บางรายที่ขยันหาได้ถึง 1 หม่ืนบาทก็มี นีเฉพาะข้อมูลในเขตภูผาขาว ท่ี อน่ื ๆ เชน่ แถบสกลนคร เคยสอบถามผู้ทอี่ ยู่แถบนนั ได้ความว่า แต่ละวันผักหวานป่าลงจากภูพานวัน ละเกือบ 1 พันกิโลกรัม ถ้าคิดราคาถูกๆ กิโลกรัมละ 100 บาท (ช่วงแรกออกใหม่ๆ กิโลกรัมละ 250 บาท) ก็เป็นเงนิ มากโขอยู่ ย่งิ ตลาดของผกั หวานขยายออกไปไมแ่ ต่เฉพาะภาคอีสานเท่านนั
ภาคใต้ ศูนย์กสกิ รรมธรรมชาตทิ ุ่งสง หมู่ 4 ตดิ ถนนเอเชยี สายทุง่ สง - สรุ าษฎรธ์ านี ตาบลนาโพธิ์ อาเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช การปลูกผกั สวนครวั เพ่ือการบริโภคภายในครวั เรอื น การปลกู ผักสวนครวั เพือ่ การบริโภคภายในครัวเรือน สิ่งแรกท่ีต้องนามาพิจารณาก็คือ พืนที่ท่ีจะนามาปลูกผัก สาหรับคนที่มีบ้านอยู่ในชนบท นอกเขตเมือง คงไม่มีปัญหาเรื่องพืนท่ีปลูก สาหรับคนท่ีมีบ้านอยู่ในเมือง ก็มักจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝดท่ีมีพืนท่ีอยู่ระหว่าง 50 - 100 ตารางวา บา้ นทาวนเ์ ฮาส์มพี นื ทอ่ี ยรู่ ะหวา่ ง 18 - 30 ตารางวา และบา้ นตกึ แถว ในกรณีบ้านเด่ียวหรือบ้านแฝด สามารถใช้พืนที่ว่างบริเวณหน้าบ้าน หลังบ้านหรือ ด้านข้างของบา้ น แตค่ วรพิจารณาว่าเป็นพืนทท่ี ี่มแี สงแดดสอ่ งถึงนานอย่างน้อยครึง่ วนั พืนทใ่ี ต้รม่ ไม้ ใหญ่หรือใต้ร่มเงาอื่น จะเหมาะกับการปลูกผักบางชนิดเท่านัน คือ ผักจาพวกผักสวนครัว ผัก พืนบ้าน จะปลูกผักจีนไม่ได้ นอกจากนัน บริเวณริมรัวก็เป็นพืนที่อีกพืนท่ีหน่ึงที่น่าสนใจ ควร พิจารณาปลูกผักริมรัว แต่ถ้าเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีพืนท่ีว่างอยู่น้อย จะทาแปลงปลูกก็คงจะทาแปลงเล็ก จงึ ขอแนะนาให้ปลกู ผักในกระถาง หรอื ในกระบะ แล้วทาชันวางในแนวตัง หรือจะใช้แขวนเป็นขันๆ ที่เรียกว่า “สวนลอยฟ้า” หรือทา “สวนครัวกาแพง” โดยหาภาชนะก้นสูงปากเปิด เช่น กระถาง แขวนกาแพง หรอื จะใช้แกลลอนนามนั ตดั ปากยึดติดกบั ผนังกาแพงเป็นชันๆ ก็จะช่วยเพิ่มพืนท่ีปลูก ผักไดม้ ากทเี ดียว ในกรณีของบ้านตึกแถวหรือคอนโดมิเนียม จะมีพืนท่ีว่างก็คือ ระเบียงและดาดฟ้า ถ้า เป็นระเบียงคงต้องปลูกผักกระถางสวนครัวลอยฟ้า หรือสวนครัวกาแพง ถ้าเป็นดาดฟ้า นอกจาก ปลกู ผกั ในกระถาง สวนครัวลอยฟา้ หรือสวนครวั กาแพงแลว้ จะจดั เปน็ แปลงปลูกผกั ก็ได้ โดยการทา บ่อหรือคอกบรรจุดิน แต่ต้องคานึงถึงความแข็งแรงของพืนท่ีดาดฟ้าท่ีจะรับนาหนักแปลงปลูกผัก หรอื มีการระบายนาที่ดีและนาจะไม่ซมึ ลงไปสูห่ ้องใต้ดาดฟ้า ทศิ ทางของแสง ผักเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะผักจีน ควรทาแปลงปลูก ผักให้อยู่ในแนวเหนือใต้ เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดเท่ากันตลอดทังแปลงในหนึ่งวัน แต่ถ้าพืนที่ที่ถูก บังคับให้ต้องวางแปลงปลูกในแนวตะวันออก ตะวันตก ก็คงต้องทาไปตามพืนท่ี ผักในแปลงก็จะ ไดร้ ับแสงแดดไม่เท่ากนั อาจจะแก้ไขไดโ้ ดยการทาแปลงเป็นสี่เหล่ียมจตั รุ สั แต่ที่สาคญั แปลงปลูกผัก ควรได้รับแสงแดดอยา่ งน้อยครึ่งวนั
ในกรณีปลูกผักในกระถางหรือภาชนะปลูกอื่น เช่น กระบะไม้ ก็ให้วางภาชนะปลูกไว้ ในตาแหน่งที่ได้รับแสงแดด อย่างน้อยครึ่งวัน แต่การปลูกผักในกระถาง มีข้อดีคือ สามารถ เคล่ือนย้ายไปหาแสงแดดหรอื หลบแดดไดต้ ามตอ้ งการ กรณีท่ีปลูกผักบนดาดฟ้า คงไม่มีปัญหาเรื่อง แสงแดดไม่พอ จะมีปัญหาว่าแสงแดดแรงจัดมากเกินไป เพราะนอกจากความร้อนจากแสงแดด ผัก ยังจะได้รับความร้อนจากตัวตึกอีกทางหนึ่ง จึงควรทาผ้าตาข่ายมาขึงหรือทาค้างทางมะพร้าว เพ่ือ กรองแสงหรือใหร้ ่มเงาแกผ่ ักในชว่ งทีผ่ กั ยังเลก็ หรอื ชว่ งท่แี ดดจัด ขนาดของแปลงและจานวนแปลง ขนาดของแปลงควรกว้างไม่เกิน 1 เมตร เพ่ือความสะดวกในการทางานในแปลงผัก ส่วนความยาวนันสามารถให้ยาวได้ตามขนาดของพืนที่ที่มี เช่น 4 เมตร 5 เมตร หรือ 6 เมตร ใน กรณีท่ีมีพืนที่มาก จะทาแปลงผักหลายๆแปลงเท่าที่พืนที่ที่มีอยู่ เพ่ือปลูกพืชผักหลายๆชนิด ก็จะมี พชื ผกั ปริมาณมากพอทจี่ ะบริโภคตลอดทงั ปหี รอื เหลือจาหน่ายได้ด้วย ในกรณีท่ีมีพืนที่จากัด แต่ต้องการปลูกผักให้มีผักพอบริโภคตลอดทังปี ขอแนะนา รูปแบบการจัดแปลงผักดังนี คือทาแปลงผักขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 5 เมตร 2 แปลงติดกัน ให้มี ชอ่ งวา่ งระหวา่ งแปลงกวา้ ง 50 เซนติเมตร และทาค้างไม้ไผ่อีก 1 แปลง กว้าง 1 เมตร ยาว 5 เมตร ตดิ อยูก่ ับแปลงดนิ ด้านใดดา้ นหน่งึ เพื่อปลูกผกั จาพวกเลอื ยหรอื เถา ปลกู ผักในกระถาง การปลูกผักในกระถาง ต้องพจิ ารณาความลกึ ของกระถางเป็นหลัก ควรเลือกชนิดของ ผักที่มีระบบรากตืนหรือลึกปานกลาง กระถางหรือภาชนะปลูก ควรมีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร หากเป็นผักที่มีระบบรากลึก หรือผักประเภทหัวก็ให้มีความลึกมากกว่านีหรือประมาณ 50 เซนติเมตร กระถางพลาสติก เก็บนาไว้ได้นาน นาหนักเบา สะดวกในการเคล่ือนย้าย ส่วน กระถางดินเผามกี ารระบายอากาศดีกว่า แตด่ นิ จะแห้งเร็ว ทาใหต้ ้องรดนาบอ่ ยขึนและมีนาหนักมาก เคลอื่ นยา้ ยไมส่ ะดวก แตม่ ีความสวยงาม การปลกู ผักในกระถางควรใช้จานรองกระถาง แล้วหล่อนา ไว้ เพือ่ ชว่ ยใหด้ นิ ในกระถางมคี วามชุม่ ชืนอยตู่ ลอดเวลา ชว่ ยแก้ปัญหาผักขาดนา เมื่อไม่สามารถรด นาไดท้ กุ วัน แปลงผกั บนดาดฟา้ การทาแปลงผักบนดาดฟ้าของบ้าตึกนัน จะต้องทาแปลงแบบยกสูง โดยทาเป็นบ่อ หรือกันคอก ก่อขอบด้วยอิฐหรือไม้ให้มีขอบสูงอย่างน้อย 30 เซนติเมตร แต่ขนาดท่ีเหมาะสม คือ 50 เซนติเมตร แล้วผสมดินปลูกใส่ลงไปให้เต็มแปลงให้มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร พืน ด้านล่างควรดูให้ดีกว่า นาจะไหลถ่ายเทได้สะดวก ไม่ท่วมขัง ดังนันการทาแปลงผักบนดาดฟ้า จึง ต้องคิดถึงการระบายนาทงิ จากดาดฟา้ ด้วย
การเตรยี มดนิ การเตรียมดินสาหรบั การปลูกผกั ปลอดสารเคมีให้ขุดแปลงพลิกหน้าดิน ตากแดดไว้ 7 วนั ทาแปลงกวา้ ง 1 เมตร ยาว 4 หรือ 5 เมตร ขุดดินให้ลึก 30 เซนติเมตร หรือ 1 หน้าจอบ ใส่ปุ๋ย หมักหรือปุ๋ยคอก 2 กิโลกรัม ต่อ1 ตารางเมตร และอาจใช้เมล็ดสะเดาบดคลุกลงไปด้วย เพ่ือช่วย ป้องกนั โรคและแมลง คลุกเคล้าให้เข้ากนั รดนาให้ชุม่ แล้วทิงไว้ 3-5 วนั จงึ พร้อมท่ีจะปลูกผกั การเตรียมดินสาหรับการปลูกผักในกระถาง หรือภาชนะปลูกอ่ืน ก็ให้ผสมดิน 1 ส่วน กับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน และอาจจะผสมเมล็ดสะเดาบดลงไปด้วยก็ได้ ดินที่ใช้ปลุก ถ้าซือมา จากรา้ นขายตน้ ไม้ ก็ควรเลอื กซือดินที่มีส่วนผสมของใบกา้ มปู จะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน หาก ดินท่ีนามาใช้เปน็ ดนิ เหนียว กอ็ าจจะผสมทรายหรอื ขีเถา้ แกลบลงไปด้วย เพ่ือช่วยให้ดินระบายนาได้ ดีขนึ ชนิดของผักทีจ่ ะปลูก ผักท่ีจะปลูก แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ ผักจีน ได้แก่ ผักคะน้า ผักกาดขาว กะหลา่ ปลี กวางต้งุ ถั่วฝักยาว หัวไชเท้า เป็นต้น เป็นผักที่ค่อนข้างปลูกยาก ต้องการการดูแลเอาใจ ใส่ในเร่ืองดิน นา แสงแดด โดยเฉพาะเร่ืองศัตรูพืช จะค่อนข้างมีปัญหามาก ต้องการการจัดการสูง สว่ นผกั อกี ชนิดหน่งึ คือ ผกั พนื บา้ น เช่น ตาลงึ กะเพรา โหระพา แมงลัก ถ่ัวพู ข่า ตะไคร้ สะระแหน่ พริก เปน็ ต้น ผักพวกนีเป็นผักที่ปลูกง่าย ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก ทนทานต่อโรคและแมลง ศัตรูพืชได้ดี เติบโตได้ให้ผลผลิตตลอดทังปี นอกจากนัน ควรเลือกปลูกผักให้เหมาะสมกับฤดูกาล ของผักแตล่ ะชนดิ ด้วย พันธุ์ผกั ผักส่วนใหญ่มักใช้เมล็ดพันธ์ุในการปลูก การเลือกซือเมล็ดพันธุ์ผัก ให้เลือกซือเมล็ด พันธุ์ท่ีมีอัตราการงอกสูงๆ คือ เกินกว่า 70-80% ขึนไป และควรเลือกซือเมล็ดพันธุ์ท่ีใหม่ ที่เพิ่ง บรรจุถงุ หรอื กระปอ๋ งออกมาจาหนา่ ย โดยให้ดูได้จากฉลากขา้ งถงุ หรอื กระปอ๋ ง ผักหลายชนิดใช้ปักชาด้วยกิ่งหรือลาต้น โดยเฉพาะผักจาพวกผักสวนครัว เช่นโหรพา แมงลัก ตาลึง ตะไคร้ เป็นต้น หรือแม้แต่ผักจีนอย่างผักบุ้ง ผักขึนฉ่าย ก็สามารถใช้ส่วนของลาต้นที่ ยังมีรากตดิ อยไู่ ปปลกู ได้ นอกนนั ก็ใชห้ วั ในการปลกู เชน่ หอม กระเทยี ม เปน็ ต้น
ตารางฤดกู าลของผกั ฤดกู าล ชนิดผัก กุมภาพันธ์ุ - พฤษภาคม คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ผักกาดหอม ชะอม ผักบุ้ง (ฤดูร้อน) ดอกแค มิถุนายน - กนั ยายน (ฤดฝู น) คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ผักกาดหอม ชะอม ผักบุ้ง ตาลึง หนอ่ ไม้ ถว่ั ฝักยาว มะระ ตน้ หอม ผกั ชี ธันวาคม - มกราคม (ฤดหู นาว) ฟักทอง ฟักแฟง กะหล่าปลี แครอท ผักกาดขาว หัวไชเท้า สลัดแก้ว ผักกาดฮ่องแต้ ถ่ัวแขก ถ่ัวพู กะหล่าดอก บร็อค แคร่ี ตังโอ๋ ปวยแล้ง มะเขือเทศ ถ่ัวลันเตา หอมหัวใหญ่ กระเทียม พริกชีฟ้า พริกหวาน ปลูกผักแบบหมนุ เวยี นและผสมผสาน การปลูกผกั แบบหมนุ เวียนและผสมผสาน คอื การปลูกผกั พร้อมๆ กนั ไปทัง 4 ประเภท คือ พืชท่ีใช้ใบเป็นอาหาร พืชที่ใช้รากเป็นอาหาร พืชที่ใช้ผลเป็นอาหาร และพืชตระกูลถั่ว โดยแบ่ง ปลูกเป็นส่วนย่อย 4 ประเภท ในหนึ่งแปลง ปลูกทุกประเภททุกฤดู หมุนเวียนสลับพืนที่กัน เพราะ ผกั แต่ละประเภทจะมีลกั ษณะ ความยาวของรากท่ีแตกต่างกัน ทาให้ดูดซึมอาหารจากดินในระดับที่ แตกต่างกัน จึงเปน็ การชว่ ยไมท่ าให้ดนิ เสอื่ มสภาพเร็วและช่วยป้องกนั โรคและแมลงศัตรพู ืชได้ดี การปลูกผักควรปลูกให้มีระยะชิดกัน โดยกะระยะให้ใบของผักเมื่อโตเต็มท่ีแล้วซ้อน เกยกนั เพ่อื เปน็ การใชพ้ ืนที่ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด และที่สาคัญเป็นการช่วยไม่ให้ผิวดินถูกความร้อน จากแสงแดด ช่วยรักษาความชุ่มชืนใหก้ บั ดิน ตารางการปลกู ผกั แบบหมุนเวียน ฤดูที่ 1 ฤดูท่ี 2 ฤดทู ี่ 3 ฤดทู ี่ 4 ใบ ราก ตระกลู ถวั่ ผล ราก ใบ ผล ตระกูลถ่วั ตระกูลถว่ั ผล ราก ผล ตระกลู ถว่ั ใบ ใบ ราก
ตวั อยา่ งพชื ทงั 4 ประเภท พืชที่ให้ใบ ผักกาดหอม กะหล่าปลี ผักบุ้ง พืชท่ีให้ราก หัวไชเท้า ขิง เผือก มัน พืชที่ ให้ผล มะเขอื เทศ พริก มะระ บวบ มะเขอื พืชตระกลู ถ่วั ถ่ัวพู ถว่ั ฝกั ยาว การปลกู การปลกู ผกั ลงแปลงปลูก สามารถทาได้ 2 วธิ ี คือ แบบเพาะกล้าแล้วย้ายปลุกกับแบบ หว่านลงแปลงปลูก แบบเพาะกล้าแล้วย้ายปลูก ก็ให้หว่านเมล็ดลงไปแปลงเพาะกล้าที่เตรียมดินไว้ แล้ว โรยทบั ด้วยดินท่ีคลุกปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกหนา 1 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง รดนา ให้ชุ่ม เช้า - เย็น เมื่อต้นกลา้ มีใบจรงิ 3 - 5 ใบใหย้ ้ายปลูกในแปลงปลกู ซ่ึงควรยา้ ยปลกู ในตอนเยน็ สาหรับการหว่านเมล็ดลงแปลงปลูก ก็ให้หว่านเมล็ดลงแปลงปลูกหรือใช้วิธีหยอดลง ร่องปลูก หรือหลุมปลูกที่ลึกประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วโรยทับด้วยดินผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก คลมุ ด้วยฟางหรอื หญา้ แหง้ รดนาใหช้ มุ่ จากนันรดนาเชา้ - เย็น เม่ือต้นกล้ามีใบจริง 3 - 5 ใบ ให้จัด ระยะของต้นกล้า ให้มรี ะยะห่างตามชนดิ ของผักทีป่ ลูก ส่วนการปลูกผักในกระถาง ให้หยอดเมล็ดผักลงกระถางปลูกโดยทาหลุมเล็กๆตรง กลางกระถางลึก 1 เซนติเมตร แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์ผัก 3 - 4 เมล็ด กลบด้วยดิน คลุมด้วยฟางหรือ หญ้าแห้ง รดนาให้ชุ่ม จากนันรดนาเช้า - เย็น พอต้นกล้ามีใบจริง 3 - 5 ใบ ให้ถอนต้นท่ีไม่แข็งแรง ทิงไป เหลือไวเ้ พยี งตน้ เดียว การดแู ลและการกาจดั ศตั รพู ชื ถา้ เปน็ ผกั จนี ควรรดนาวนั ละ 2 ครงั เชา้ - เยน็ อย่าให้ผกั ขาดนา ส่วนผักพืนบ้านควร รดนาอย่างน้อยวันละ 1 ครัง ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก หลังการย้ายกล้าและถอนกล้า การให้ปุ๋ยหมัก หรือปยุ๋ คอกหลังจากนันขึนอยกู่ บั ชนิดของผกั ท่ปี ลกู ถ้ามีหนอนหรือเพลียมารบกวน ให้ใช้ใบสะเดาหรือเมล็ดสะเดาบด 1 กิโลกรัม ข่าแก่ 1 กโิ ลกรมั ตะไคร้หอม 1 กิโลกรัม ตาให้ละเอียด แช่นา 20 ลิตร หมักไว้ 1 คืน กรองเอานายาผสม นา 1 : 20 ฉดี พน่ ช่วงเย็น ทกุ ๐ 3 วัน ควรจะผสมสบู่ลงไปดว้ ย 10 กรัม เพ่ือชว่ ยใหน้ ายาจบั ใบ การเกบ็ เกย่ี ว การเก็บเก่ียวผลผลิต ขึนอยู่กับอายุของผักแต่ละชนิด ส่วนใหญ่จะถอนทังต้น หรือใช้ มีดคมๆ ตัดท่ีโคนต้น โดยเฉพาะถ้าปลูกเพ่ือจาหน่าย แต่ถ้าปลูกเพ่ือบริโภคเองในครอบครัว ผัก หลายชนิดสามารถตัดเฉพาะใบแก่หรือใบอ่อนเท่าท่ีจะนามาบริโภค โดยให้ยังมีใบเหลือไว้ท่ีต้น 2-3 ใบ ผกั กจ็ ะแตกใบใหมอ่ อกมา ใหเ้ กบ็ เกี่ยวได้อีกหลายครัง เช่นผักบุ้ง ผักคะน้า ขึนฉ่าย ผักกาด เป็น ตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: