Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออาเซียนpub

หนังสืออาเซียนpub

Published by Paramed Rachbandid, 2020-04-20 03:18:25

Description: หนังสืออาเซียนpub

Search

Read the Text Version

การจัดทาเน้ือหาของกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการ เรียนการสอนในรายวิชาการจัดการสารสนเทศอาเซียน ภาคการเรียน 2 / 2 5 6 3 ข อ ง นั ก ศึ ก ษ าชั้ น ปี ท่ี 3 ส า ข า วิ ช า ส า ร ส น เ ท ศ ศ า ส ต ร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร โดยการ ดาเนนิ การจัดสารสารสนเทศประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนเนื้อหา ซึ่งเกิดจากการรวบรวมเอกสารต่าง ๆ เช่น เน้ือหาจาก หนังสือ บทความวารสาร ฐานข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลจากเว็บไซต์ เป็นต้น ท่ีเกี่ยวข้องกับประเด็นท่ีศึกษาประกอบด้วยข้อมูลเก่ียวกับประชาคมอาเซียน ข้อมูลของประเทศท่ีใช้เป็นกรณีศึกษา และการจัดการสารสนเทศอาหารของ ประเทศที่ศึกษา เพ่ือให้การจัดการสารสนเทศอาเซียน ให้มีความถูกต้อง สมบรู ณ์ ส่วนของโปรแกรมในการจัดทาเอกสารในรูปแบบ e-book มีการใช้ โปรแกรมการสร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-book) มาช่วยในการจัดเก็บ เอกสารและนาเสนอเน้ือหาให้มีความน่าสนใจ โดยนาเสนอเน้ือหาในรูปแบบ ตัวอักษร ภาพ และส่อื มลั ตมิ ีเดยี หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเน้ือหาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สาหรับผู้เข้ามา ศึกษา การจัดรวบรวมเน้ือหาดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกและนาไปสู่การประยุกต์ และการสรา้ งงานดา้ นการจัดทา e-book ในงานสารสนเทศต่อไป นักศกึ ษาชั้นปที ี่ 3 สาขาวชิ าสารสนเทศศาสตร์

กระบวนการจดั การสารสนเทศ หนา้ ความเปน็ มาของอาเซียน ประเทศเกาหลีใต้ 1 การจัดการสารสนเทศอาเซียน:อาหารเกาหลี ชนิดของอาหารเกาหลตี ามประเพณนี ยิ ม 3 อาหารประเภทซปุ 5 อาหารประเภทสตูว์ 9 อาหารประเภทตุ๋น 11 อาหารประเภทลวก อาหารประเภทปง้ิ ย่าง 13 อาหารประเภททอด อาหารประเภทอื่น ๆ ที่ทามาจากขา้ ว 21 บรรณานุกรม 29 อ้างองิ รปู ภาพ 37 ข้อมลู ผู้จัดทา 45 53 61

1. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การเก็บข้อมูลการจัดการสารสนเทศอาเซียน : อาหารเกาหลี ผู้จัดทารวบรวมข้อมูลจากหนังสืออาหารเกาหลี หนังสือคู่มือนัก เดินทางเกาหลี เว็บไซต์ เว็บบล็อก และสื่อวิดีโอต่าง ๆ ท่ีเป็นท้ัง ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ และภาษาท้องถ่ิน โดยใช้เป็นส่ือท่ีนามาใช้ ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ของอาหาร 2. การตรวจสอบข้อมูล เมื่อรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับอาหารเกาหลีแล้ว ได้นาข้อมูลมา คัดเลือก และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดยตรวจเชคจาก เว็บซ่ึงเป็นภาษาถ่ิน และเว็บไซต์ท่ีเป็นภาษาต่างประเทศ ทาการ แปลโดยเทียบเคียงความหมายจากโปรแกรม Google Trans และ หนังสือพจนานุกรมภาษาอังกฤษ และได้คัดเลือกอาหารเกาหลีท่ีมี การจัดเป็นหมวดหมู่ตามประเพณีนิยมมาจัดเป็นกลุ่มหลัก และได้ ทาการเพ่ิมข้อมูลในบางส่วน เช่น ท่ีมาของอาหาร ส่วนผสม และ วธิ ีทา เพ่อื ให้ข้อมลู มีความถกู ตอ้ งและน่าเชื่อถอื

3. การจัดแบ่งกลมุ่ ข้อมูล อาหารเกาหลีตามประเพณีนิยมใช้วิธีการแบ่งตามลักษณะของ กรรมวิธีการปรุงของอาหาร ซึ่งแบ่งได้ท้ังหมด 7 กลุ่ม ได้แก่ อาหาร ประเภทซุป อาหารประเภทสตูว์ อาหารประเภทตุ๋น อาหารประเภท ลวก อาหารประเภทย่าง อาหารประเภททอด และอาหารประเภท อ่ืน ๆ เพื่อความเข้าใจเนือ้ หาได้งา่ ยข้ึน 4. การเผยแพรข่ อ้ มลู เก็บข้อมูลไว้ในสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดการสารสนเทศอาเซียน : อาหารเกาหลี และส่ืออิเล็กทรอนิกส์โปรแกรม PUB HTML5 โปรแกรมสร้างอบี ุ๊คและสามารถเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา เกีย่ วกับอาหารเกาหลีได้

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ลงนามโดย รัฐมนตรีจาก 5 ประเทศ ได้แก่ นายอาดมั มาลิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการตา่ งประเทศ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตุน อับดุล ราซัก บิน ฮุสเซน รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติประเทศ มาเลเซีย นายนาซิโซ รามอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การตา่ งประเทศ สาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์นายเอส ราชารัตนัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐ สิ งคโปร์ และ พั นเอก (พิ เศษ) ดร.ถนั ด คอมั นตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ราชอาณาจักรไทย เมอื่ วนั ท่ี 8 สงิ หาคม 2510

โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกัน ระหว่างประเทศในภูมิภาค ธารงไว้ซ่ึงสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงปลอดภัยทางการเมือง สรา้ งสรรค์ความเจริญเติบโตทางดา้ นเศรษฐกิจ การพฒั นา ทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดีอยู่ดีบนพ้ืนฐานของ ความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน จากเจตจานงท่ี สอดคล้องกันน้ีนาไปสู่การขยายสมาชิกภาพ โดยบรูไน ดารุสซาลาม ได้เข้าเป็นสมาชิกในลาดับที่ 6 เม่ือวันที่ 7 มกราคม 2527 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเป็น สมาชิกลาดับท่ี 7 เมื่อวันท่ี 28 กรกฎาคม 2538 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้าเป็นสมาชิกพร้อมกัน เมื่อวันท่ี 23 กรกฎาคม 2540 และราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าเป็น สมาชิกลาดับที่ 10 เม่ือวันที่ 30 เมษายน 2542 ทา ใ ห้ปัจ จุบัน อ า เ ซีย น มีส ม า ชิก ร ว ม ทั้ง ห ม ด 10 ประเทศ

จากหลักฐานท่ีปรากฏพบว่า มนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยในดินแดนที่เป็น ประเทศเกาหลีใต้ในปัจจุบันเม่ือราว 500,000 ปีมาแล้ว อาณาจักรแรก มี ช่ือว่า โคโชซอน (Gojoseon หรือ Kochoson) หรือโชซอนโบราณ 2333 ปีก่อนคริสตกาล โดยยุคแรกเกาหลีปกครองด้วย 3 อาณาจักรคือ โคกูรยอ (Goguryeo หรือ Koguryo) เป็กเซ (Baekje หรือ Paekche) และชิลลา (Silla) ซ่ึงปกครองทั้งคาบสมุทรเกาหลี และพื้นท่ีส่วนใหญ่ในแมนจูเรีย นับเป็นอาณาจักรที่มีอานาจและมีชื่อเสียงมากที่สุดในแถบน้ี ช่วงเวลาท่ีมี อานาจของ 3 อาณาจักรนีอ้ ยูร่ าว 57 ปีกอ่ นคริสตกาลจนถึงปี 668 ท้งั สามผลดั กนั เรอื งอานาจ เรมิ่ ด้วยโคกรู ยอ เป็กเช และชิลลา ในปี 676 อาณาจกั รชิลลาสามารถรวมคาบสมทุ รทั้งหมดเข้าด้วยกันได้เป็นครัง้ แรก ชว่ งเวลาการรวมชาตใิ นยคุ ชิลลาคือปี 676-935 ซ่งึ เป็น ยคุ ทองของ ศลิ ปวฒั นธรรมเกาหลี โดยเฉพาะความกา้ วหน้าด้านพุทธศลิ ป์ เม่ือรวม อาณาจักรต่าง ๆ ได้แลว้ กส็ ถาปนาอาณาจักรใหม่ชื่อวา่ อาณาจักรโครยอ (Koryo, ค.ศ. 918-1392) เป็นยุคศกั ดนิ าของรฐั บาลทป่ี กครองโดยขนุ นาง มศี าสนาพทุ ธเปน็ ศาสนาประจาชาติและมอี ิทธพิ ลอยา่ งมากในการเมอื งและ การบรหิ าร ซ่ึงช่อื “เกาหล”ี (Korea) เพีย้ น มาจาก “โครยอ” (Koryo) นั่นเอง ราชวงศโ์ ชซอน (Joseon หรือ Choson, ค.ศ. 1392-1910) เปน็ ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี เปน็ ช่วงที่มกี ารปฏริ ปู ดา้ นการ เมอื งและเศรษฐกจิ โดยมีลกั ษณะเดน่ ท่ีรบั มาจากลทั ธขิ งจ๊ือ ซ่งึ ราชวงศ์น้ีไดส้ ร้างวรรณคดีและประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรเกาหลี ท่ีเรยี กวา่ ฮันกึล (Hangul)

ราชวงศ์โชซอนสิ้นสุดลงเม่ือถูกญ่ีปุ่นเข้ารุกรานในปี 1910 เกาหลี ตก เป็นอาณานิคมของญ่ีปุ่นอยู่ 35 ปี จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งท่ี 2 เมื่อ วันท่ี 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ญี่ปุ่นยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรและถอน กาลังออกจากคาบสมุทรเกาหลี ตั้งแต่น้ันเกาหลีก็ถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศคือ สาธารณรัฐ เกาหลี ห รือเกาหลีใ ต้ ( South Korea) เป็ น ประเท ศ ประชาธิปไตย กับสาธารณรัฐประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ (North Korea) ท่ีเปน็ ประเทศคอมมวิ นิสต์ สงครามเกาหลีเรม่ิ ขน้ึ ในวันท่ี 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950 โดยทาง เกาหลี เหนือบุกรุกเกาหลีใต้ ข้อตกลงสงบศึกเกิดขึ้นใน 3 ปีต่อมา โดยมีการกาหนด เส้นขนานท่ี 38 และเขตปลอดทหาร หลังจากนั้นเกาหลีใต้ได้พยายามฟ้ืนฟู ประเทศจากภาวะหลังสงครามซ่ึงประสบความสาเร็จอย่างสูงทั้งด้านความ ม่นั คงและเศรษฐกจิ เกาหลีใต้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเม่ือ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1948 โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดอีก 9 ครั้ง การแก้ไข รัฐธรรมนูญ ครั้งล่าสุดมีข้ึนเมื่อวันท่ี 29 ตุลาคม ค.ศ. 1987 สมัยของ ประธานาธิบดี ชุนดูฮวาน (Chun Doo-hwan) ท่ีต้องประสบกับภาวะกดดัน ทางการเมืองจากพรรคต่าง ๆ ซ่ึงเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพ่ือให้มี การเลือกต้ังประธานาธิบดีโดยตรง และในท่ีสุดประธานาธิบดีชุนดูฮวานก็ ยนิ ยอม ใหม้ กี ารลงประชามติแกไ้ ขรฐั ธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยตรง โดยอยู่ในตาแหน่งได้เพียงวาระเดียว (5 ปี) และให้มีการจัดระบบ การปกครองทอ้ งถิน่ อสิ ระเปน็ คร้ังแรกในรอบ 30 ปี

ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อธันวาคม ค.ศ. 1997 ได้เกิด พรรคใหมข่ ึ้นคือ พรรค Grand National Party-GNP (ซ่ึงเป็น การ รวมตัวของพรรค People's New Party-PNP กับพรรค New Korea Party-NKP) WISA Millennium Democratic Party-MDP ซ่ึงมีนาย คิมแดจุง (Kim Dae-jung) เป็นหัวหน้าพรรค และพรรค United Liberal Democrats-ULD ซ่ึงมีนายคิมจองอิล (Kim Jong-il) เป็น หวั หนา้ พรรค ในการเลือกประธานาธิบดีคร้ังนั้น พรรค MDP กับ พรรค ULD ไดร้ ว่ มกนั สง่ นายคมิ แดจุงเขา้ ชิงตาแหน่งประธานาธิบดีและ ได้รับ ชยั ชนะ โดยนายคิมจองอิลได้รับการแต่งต้งั เปน็ นายกรัฐมนตรี แต่ต่อมา พรรค ULD ได้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ปัจจุบันมีพรรคฝ่ายค้าน (Grand National Party-GNP) และพรรครัฐบาล (Millennium Democratic Party-MDP) และพรรคฝ่ายคา้ นเสียงส่วนน้อย (United Liberal Democrats-ULD) ท้ั ง นี้ ปั จ จุ บั น พร ร ค ฝ่ า ย ค้ า น GNP สามารถคมุ เสยี งขา้ งมากในสภาไดแ้ บบเดด็ ขาด

เกาหลสี ร้างตัวเองขึ้นมาใหมจ่ ากภาวะของสงคราม และประสบ ความ สาเร็จทางเศรษฐกิจอย่างมากในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี เป็น ตัวอย่างให้กับประเทศกาลังพัฒนาหลาย ๆ ประเทศเกาหลีมีความ งามทางธรรมชาตแิ ละศิลปะวัฒนธรรมท่โี ดดเด่นแตกตา่ งจากประเทศ อ่ืนในเอเชีย น่ันจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก ยิ่งไปกว่าน้ัน การได้เป็นเจ้าภาพจัดงานสาคัญต่าง ๆ ยัง ทาให้ชอ่ื เสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนับต้ังแต่ในปี 1988 กรุงโซลได้เป็น เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 1993 เป็นเจ้าภาพงาน แทจอน เอ็กซ์โป 1994 ปีท่องเท่ียวของเกาหลีมีการเฉลิมฉลองในวาระ ครบรอบ 600 ปีที่กรุงโซลเป็นเมอื งหลวงของเกาหลี และในปี 2002 ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬานานาชาติอย่างเอเชียนเกมส์ที่ เมอื งพซู าน และเปน็ เจ้าภาพการแข่งขันฟตุ บอลโลกร่วมกับญ่ีปุ่น ซึ่ง เปน็ การจดั ฟตุ บอลโลกคร้งั แรกในเอเชยี ด้วยอารยธรรมอันเก่าแก่ท่ีมกี ารผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีอัน ล้าสมัย และกระแสนิยมทางดนตรี และธรรมชาติอันสวยงามที่ แตกต่างกันทั้ง 4 ฤดู ทาให้ส่งผลต่อวัฒนธรรมการกินของคนเกาหลี ในแต่ละฤดู และด้วยประเทศเกาหลีเป็นประเทศท่ีเป็นเมืองหนาว อาหารท่ีคนเกาหลีนิยมรับประทานจึงมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะ ท้ังยัง อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนา และมีแคลอรีต่า เนื่องจากอาหารส่วน ใหญ่ทามาจากผัก เคร่ืองปรุงมีท้ังกระเทียม พริกแดง หัวหอม ซอส ถัว่ เหลือง ถวั่ หมกั แผ่น ขิง และน้ามันงา (ตถตา, 2557)











กุก(국) บางครั้งก็รู้จักกันในช่ือ ทัง(탕) เป็นอาหาร จานสาคัญท่ีมักจะเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย วัตถุดิบหลัก ของซุปจะมีกระดูกวัว เนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ปลา หอย สาหร่ายทะเล และผัก ปรุงรสด้วยดเวนจัง (ถ่ัวหมัก เกาหลี) หรือ กันจัง (กุ้งหมักเกาหลี) และนอกจากจะใช้ กระดูกวัวในการต้มน้าซุปแล้ว ยังสามารถใช้กระดูกไก่ หรอื กระดกู หมู กจ็ ะทาใหน้ ้าซุปมรี สชาตดิ ีเชน่ เดียวกัน คนเกาหลีนยิ มรับประทานกุกเพ่ือเป็นการสร้างความ อบอุ่นให้กับร่างกาย เพราะประเทศเกาหลีถือได้ว่าเป็น เมืองหนาว ชาวเกาหลีจึงปรุงอาหารที่เป็นอาหารร้อนไว้ รับประทาน และเผยแพร่สูตรของอาหารของไปจน กลายเป็นท่ีนิยมในหมู่ของนักท่องเที่ยวท่ีไปเยือนประเทศ เกาหลีนั่นเอง (Wikipedia, 2020)





ซัมกเยทัง หรือ ไก่ตุ๋นโสม เป็นอาหารข้ึนชื่อท่ีมีเอกลักษณ์ ของเกาหลีชนิดหน่ึง มักเสิร์ฟในหม้อซุปสีดาท่ีทามาจากหินเพื่อ เพิม่ ความนา่ ทานให้กบั อาหาร ถงึ แมว้ ่าซัมกเยทังจะดูเหมอื นเป็น อาหารท่ีช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในฤดูหนาว แต่คนเกาหลี นิยมรับประทานซัมกเยทังในฤดูร้อน เพราะสมนุ ไพรต่าง ๆ ที่ใส่ ลงไปมีส่วนช่วยในการปรบั สมดลุ และธาตุต่าง ๆ ภายในร่างกาย โดยจุดเด่นอยู่ที่เน้ือไก่ที่ภายในจะยัดไส้ด้วยโสมคุณภาพดี สมุนไพรต่าง ๆ และตุ๋นเป็นเวลานาน เป็นอาหารที่ช่วยบารุง สขุ ภาพแก่ทุกเพศ ทุกวยั (วิกพิ เี ดยี , 2558)

วตั ถดุ บิ 2. กระเทยี ม 5-6 กลีบ 4. ขงิ 1 หัว 1. ไก่ 1 ตวั 6. ตน้ หอม 1-2 ตน้ 3. ขา้ วเหนยี ว 1 หยิบมอื 8. เม็ดแปะก๊วย 4-5 เมด็ 5. โสม 2 หวั 10. พริกไทยตามชอบ 7. พทุ รา 3 ลูก 9. เกลอื ตามชอบ 11. น้าเปลา่ 1 ลติ ร วิธีทา 1. ลา้ งไก่ให้สะอาด ผ่ึงใหส้ ะเดด็ น้า (บางคนทีไ่ มช่ อบหนังไก่ จะ ลอกออกกไ็ ด)้ 2. ล้างขา้ วเหนียว แชท่ ้ิงไว้ประมาณ 1 ช่ัวโมง 3. นากระเทยี ม ข้าวเหนียว พุทรา โสม แปะกว๊ ยใสไ่ ว้ในตวั ไก่ ไขวข้ าไกเ่ ขา้ ด้วยกันหรือจะใช้ด้ายมดั ไว้ 4. นาไกใ่ สห่ มอ้ ใสข่ ิงและนา้ ตม้ ด้วยไฟแรง 5. หลังจากนา้ เดือดใหใ้ ช้ไฟอ่อน ใช้เวลาตนุ๋ ประมาณ 1 ช่ัวโมง 6. ช้อนน้ามนั ท่ีออกมาจากตัวไก่ท้ิงเปน็ ระยะ 7. ปรุงรสด้วยพรกิ ไทยและเกลือ

ซอลลองทัง เชื่อกันว่ามีต้นกาเนิดในสมัยราชวงศ์โชซอน ในตอนแรก ชาวเกาหลีในสมยั น้ันได้ทาเมนูนี้ขึ้นเพ่ือใช้ในพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษที่เรียกว่า ทันกุน (ผู้ก่อตั้งอาณาจักรโกโชซอน) ต่อมาพระเจ้าซองจงได้มีการเสด็จไป เยี่ยมเยือนราษฎรในโชซอน พร้อมกับมีรับส่ังให้ชาวบ้านคิดค้นอาหารที่ สามารถเล้ียงคนได้มากท่ีสุด แต่ใช้ส่วนผสมน้อยที่สุด ซอลลองทังจึงเป็น อาหารทีถ่ ูกปรุงขนึ้ มาเพือ่ ถวายตามรับสง่ั ของกษัตริย์ อย่างไรก็ตาม ซอลลองทัง ยังเช่ือว่ามีต้นกาเนิดมาตั้งแต่สมัย โครยอ โดยได้รับอิทธิพลมาจากอาหารของมองโกเลียท่ีมีช่ือว่า Sulen และถูกนามา ปรับใหเ้ ป็นสูตรและรสชาตขิ องคนเกาหลี ซอลลองทงั หรือซุปกระดูกวัว มีลักษณะคล้ายกับซุปเนื้อวัว ชาวเกาหลี นิยมกินกับข้าวและเครื่องเคียง ตามสไตล์เกาหลี ส่วนใหญ่จะมีเส้นก๋วยเต๋ียว เล็ก ๆ อยู่ในน้าซุป เป็นอาหารท่ีเหมาะสาหรับช่วงอากาศหนาวที่เกาหลี (Wikipedia, 2020)

วัตถดุ บิ 2. เนื้อววั ½ กโิ ลกรมั 4. กระเทียมสับ 3-4 กลีบ 1. กระดกู วัวสว่ นใดกไ็ ด้ 1-2 อัน 6. พริกไทยตามชอบ 3. หวั หอมห่ัน 1 หวั 8. นา้ เปลา่ 1 ลิตร 5. พรกิ ปน่ 1 ชอ้ น 7. เกลือตามชอบ วิธที า 1. ใสน่ ้าเปลา่ ตงั้ ไฟใหเ้ ดือด จากนน้ั ใส่กระดกู ววั ลงไป 2. ตม้ กระดกู ววั ประมาณ 30 นาที 3. ใส่เนอื้ ววั ในน้าซปุ เน้อื แลว้ ต้มดว้ ยไฟอ่อน 4. เติมหัวหอมหน่ั พรกิ ปน่ กระเทยี มสบั พรกิ ไทย เกลอื เล็กน้อย ตามชอบ และคนให้เข้ากนั 5. จะได้ซอลลองทงั แบบสวยงาม นา่ กินพร้อมรับประทาน



ชิ เ ก เ ป็ น อ า ห า ร เ ก า ห ลี ที่ ค ล้ า ย กั บ ส ตู ว์ ข อ ง ท า ง ต ะ วั น ต ก มีหลายเมนู โดยมีวัตถุดิบหลักคือเนื้อ อาหารทะเล ผัก และ เต้าเจ้ียว ปรุงรสด้วย โคชูจัง (ซอสพริกเกาหลี) ดเวนจัง (ถ่ัวหมัก เกาหลี) กันจัง (ซอสถ่ัวเหลืองหมักเอง) หรือบางคร้ังก็จะใช้ เซอู จอซ (กงุ้ หมกั ) แทน ชิเกในช่วงราชวงศ์โชซอนมันเป็นท่ีรู้จักในฐานะอาหารจาน หลกั ทีแ่ ละมกั จะปรากฏบนซูราซัง(ชดุ อาหารทีจ่ ัดถวายกษตั รยิ ์) อาหารประเภทชิเกมักตั้งชื่อตามส่วนผสมหลัก เช่น แซงซอนชิเก (생선찌개) ทท่ี าจากปลา ตูบูชิเก (두부찌개) ที่ทาจากเต้าหู้ ห รื อ ต้ัง ตามน้ าซุป แล ะเ ค รื่ อง ปรุง รส เ ช่น โค ชูจัง ชิเ ก ( 고추장찌개) ห รื อ ด เ ว น จั ง ( 된장찌개) เ ป็ น ต้ น (Wikipedia, 2019)





กิมจิชิเก หรือ แกงกิมจิ ถูกเช่ือว่ามีการเริ่มทาเมนูน้ีในยุค กลางโชซอน มวี ตั ถุดิบหลกั คือ กมิ จิ ที่เปน็ ท่รี ู้จักกันว่าเป็นอาหาร ประจาชาติของเกาหลี และเป็นท่ีรู้จักกันในปัจจุบัน และมี ส่วนผสมอ่ืน ๆ เช่นต้นหอม หัวหอม เต้าหู้ หมู ปลาทูน่า และ อาหารทะเล (โดยทั่วไปหมูและอาหารทะเลไม่ได้ใช้ในสูตร เดียวกัน) เป็นเมนูท่ีเป็นที่นิยมมากสาหรับชาวเกาหลี และ นกั ท่องเทยี่ วที่ไปเยอื นเกาหลี (วิกพิ เี ดีย, 2562)

วตั ถุดิบ 1. หมู ½ กิโลกรัม 2. กิมจิ 250 กรมั 3. ต้นหอม 1-2 ตน้ 4. เต้าหตู้ ามชอบ 5. พริกขี้หนู 1-2 เม็ด 6. นา้ ซาวข้าว 200 มลิ ลิลิตร 7. กระเทยี มสับ 1 ชอ้ นชา 8. ซอี ๊วิ 1 ชอ้ นชา 9. ซอสถั่วเหลอื ง 1 ชอ้ นโต๊ะ 10. พริกป่น 1 ชอ้ นชา 11. น้าหมกั จากกงุ้ 1 ช้อนโต๊ะ 12. เต้าเจ้ยี ว 1 ช้อนชา วิธที า 1. ใส่กมิ จิ,หมู และนา้ ซาวขา้ วลงในหม้อ ปดิ ฝาหมอ้ และต้มให้ เดือด 2. เมอื่ นา้ เดือดใหป้ รงุ รสเพมิ่ โดยใส่กระเทยี มสับ ซอี ว๊ิ ซอสถว่ั เหลอื ง พริกป่น น้าหมกั จากกงุ้ เตา้ เจ้ียว และตุน๋ ใหเ้ นื้อเปื่อยโดยใช้ เวลาประมาณ 20 นาที 3. ใสเ่ ตา้ หูห้ ัน่ เป็นชน้ิ ตน้ หอมหั่น พริกข้ีหนหู ั่น และเคยี่ วให้ได้ สตูว์กิมจิรสชาติเขม้ ข้น หลังจากน้นั ใชก้ รรไกรตัดเนือ้ หมแู ละกมิ จใิ หไ้ ด้ ขนาดช้ินพอดีคา รับประทานคกู่ บั ข้าวสวยรอ้ น ๆ

บูแดชิเก เป็นเมนูด้ังเดิมของชาวเกาหลี ในตอนแรกเมนูน้ีไม่ได้มี ส่วนผสมที่หลากหลายอย่างเช่นทุกวันนี้เพราะมีส่วนผสมแค่ กิมจิ แป้งต๊อก เน้ือสัตว์ เท่านั้น แต่เมื่อสมัยสงครามโลกที่มีทหารอเมริกันเข้า มาอยู่ในเกาหลีเป็นจานวนมาก ได้มีการนาอาหารจาพวก แฮม เบคอน ไสก้ รอก เอาเข้ามาด้วย และเวลาน้นั ในเกาหลอี าหารเหล่านี้ถือเป็นอาหาร ใหม่ ที่คนสมยั นัน้ ร้จู ัก เลยมีการคดิ ค้นเมนูน้ขี ึ้นมา จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ท่ี คิ ด ข้ึ น เ พ ร า ะ ต้ อ ง ก า ร ท า ข า ย ใ ห้ ท ห า ร ต่ า ง ช า ติ พอคนเกาหลียุคนั้นนาเอาเคร่ืองปรุง ส่วนผสมจากทหารอเมริกันมาใช้ ปรับให้เข้ากับแกงให้ออกมาเป็นสไตล์เกาหลี จึงทาให้เป็นท่ีนิยมและมี รสชาติท่ีอร่อยขึ้นกว่าเดิม คนเกาหลีเลยถือโอกาสเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ข อ ง บู แ ด ชิ เ ก ตั้ ง แ ต่ นั้ น ม า แ ล ะ ก ล า ย เ ป็ น ที่ ม า ข อ ง ชื่ อ เ ม นู นี้ เ พ ร า ะ บูแด แปลว่า ทหาร ชิเก แปลวา่ แกง (วกิ ิพเี ดยี , 2557)

วัตถดุ ิบ 2. แฮมตามชอบ 4. กิมจิ 100 กรัม 1. บะหมีก่ ่ึงสาเร็จรปู 1 ซอง 6. เหด็ นางฟ้า 60 กรัม 3. ฮอทดอ็ ก 4 อัน 8. หวั หอมซอย 1 หวั 5. ซอี ๊ิวขาว 1 ช้อนโตะ๊ 10. ชสี 1 แผน่ 7. ตน้ หอมญปี่ ่นุ ซอย 1-2 ตน้ 12. นา้ เปล่า ½ ลิตร 9. กระเทยี มสับ 1-2 กลีบ 14. พริกปน่ เกาหลี 1 ชอ้ นชา 11. ผงซปุ เกาหลี 1 ซอง 16. น้ามนั งา 1 ช้อนโตะ๊ 13. โคชจู ัง 1 ช้อนโต๊ะ 15. น้าตาลทราย 1 ช้อนโตะ๊ วธิ ีทา 1. นากระเทยี มสบั ซอี ๊วิ ขาว นา้ ตาลทราย โคชจู งั พริกป่น นา้ มนั งาใส่ลงไปในชามผสม คนใหเ้ ขา้ กันแล้วพกั ไว้ 2. ใช้หมอ้ ดินหรอื หม้อสกุ ไ้ี ฟฟ้า เติมนา้ เปล่าและผงซุปเกาหลีลง ไป จัดวางบะหมีก่ ึ่งสาเร็จรูปใหอ้ ยู่ตรงกลางหมอ้ วางชีสลงบนบะหมี่ และวางเรยี งวตั ถดุ บิ อน่ื ๆ ล้อมรอบบะหมกี่ ง่ึ สาเรจ็ รูปให้สวยงาม 3. นาไปตั้งไฟร้อนปานกลาง หากใชห้ ม้อไฟฟ้ากเ็ ปิดไฟกลาง ตาม ดว้ ยราดซอสทผ่ี สมไวใ้ นข้อแรกต้มจนทกุ อยา่ งสกุ กาลงั ดี ปิดไฟ นาไป เสริ ์ฟได้เลย



จิมและชอริมเป็นอาหารคล้ายกันทาด้วยเนื้อหรือ ปลาตนุ๋ โดยมีส่วนผสมของผัก ปรุงรสด้วยซอสถ่ัวเหลือง แล้วนามาเค่ียวด้วยไฟอ่อน นอกจากน้ียังมีส่วนผสมของ โคชูจัง (고추장) หรือซอสพริกเกาหลี และโคชุซการู (고춧가루) หรือพริกป่นเกาหลีเพ่ือเป็นการเพิ่มรสเผ็ด จิมและชอริมเป็นอาหารในราชสานักเกาหลีที่มีมาตั้งแต่ สมัยโบราณ โดยในสมัยน้ันเรียกว่าโจรีนี (조리니) (Wikipedia, 2019)





อันดงจิมดัก มีเร่ืองเล่ากันว่าอาหารเมนูนี้ เป็นอาหารเมนู พเิ ศษของหมู่บ้านในเมืองอันดงในสมัยโชซอนท่ีนิยมรับประทานใน โอกาสพิเศษต่าง ๆ ต่อมาในช่วงปี1980 ร้านอาหารดักกล-มก (닭골목) ซ่ึงได้ตั้งอยู่ในตลาดอันดง ได้ทาเมนูนี้ขายและได้รับ ความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นท่ีมาของช่ือ อนั ดงจิมดกั (Wikipedia, 2020)

วตั ถุดิบ 2. แครอท 2 หวั 4. เหด็ ออรนิ จิ 10 กรัม 1. เนอื้ ไกห่ ่ัน 2 กโิ ลกรัม 6. พรกิ 4-5 เมด็ 3. หัวหอม 1 หัว 8. มนั ฝร่ัง 6 หวั 5. เห็ดหอมตามชอบ 10. นา้ มัน ชอ้ นโตะ๊ 7. ว้นุ เส้นเกาหลี 200 กรัม 9. ฟกั ทอง 20 กรัม 11. น้าสตอ๊ ก วิธีทา 1. ตั้งกระทะ ใส่นา้ มัน นาไกไ่ ปลวกน้า 2. พอรอบ ๆ สกุ ใส่หอม แครอท เห็ดหอม พริกลงไป พอหอม สลด เติมนา้ สต๊อกลงไป 3. พอเดอื ดเติมซอสลงไปเคย่ี วไฟอ่อน ประมาณ 15 นาที 4. เตมิ มันฝรั่ง ฟักทอง เหด็ ออรินจิ เคี่ยวต่อจนมันฝรง่ั สุก 5. ใสว่ ุน้ เสน้ เกาหลี ต้มตอ่ จนเส้นใส ใส่ต้นหอม คน 2-3 ครั้ง เปิดเตา ใสจ่ านพร้อมเสิรฟ์

อากวีจิม หรือตุ๋นปลาอากวี มีต้นกาเนิดมาจากตลาดปลาใน เมืองมาซาน ท่ีอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดคยองซัง ในทศวรรษ ที่ 1940 ชาวประมงท่ีตกปลาอากวีได้มักจะไม่นามาบริโภคหรือขาย เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของปลาอากวีน่าเกลียด ชาวประมงใน ท้องถิ่นมักจะถามเหล่าพ่อค้าและแม่ค้าร้านอาหารในตลาดว่าปลา อากวีสามารถรังสรรค์เมนูอะไรได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าท่ีจะนาไป ปรุงเป็นอาหารเพื่อบริโภค และมูลค่าการค้าต่า อย่างไรก็ตามเมื่อ ปลาเริ่มขาดแคลนมากข้ึนในปลายศตวรรษท่ี 20 ชาวบ้านในพืน้ ที่ก็ เริ่มท่ีจะคดิ รังสรรคเ์ มนทู ่ีทาจากปลาอากวี จนกลายเป็นเมนูท่ีนิยมใน ปัจจบุ นั (Wikipedia, 2020)

วัตถดุ บิ 2. ปลาแอนโชวี่ 1 ½ ถ้วย 4. ถว่ั งอก 300 กรมั 1. ปลาอากวี 1 ตวั 6. พริกเกาหลเี ขียว 1-2 เมด็ 3. ผกั ชลี ้อม 100 กรมั 8. หอมญี่ปุ่น 1 ต้น 5. พริกเกาหลแี ดง 1-2 เมด็ 10. พริกไทยตามชอบ 7. กระเทียมสับ 1 ชอ้ นชา 12. เกลือ ½ ช้อนชา 9. นา้ มันงา 1 ชอ้ นชา 14. นา้ สตอ็ กสาหร่าย 11. พริกป่นเกาหลี 6 ช้อนชา 16. เหลา้ โซจู 13. ซอสถว่ั เหลือง 3 ช้อนชา 15. นา้ ตาล 1 ช้อนชา วธิ ที า 1. ใส่น้าลงไปในหมอ้ แลว้ เตมิ โซจู เปดิ ไฟแลว้ รอจนน้าเรม่ิ เดือด 2. พอน้าเร่ิมเดอื ดเล็กนอ้ ยแล้วใสป่ ลาอากวีลงไปลวกก่อน จากนน้ั ค่อยใส่ก้งุ ลงไปพอเร่ิมสุกแลว้ ตักขน้ึ พักไว้ 3. ใสน่ า้ สตอ็ กสาหรา่ ยและปลาแอนโชวล่ี งไปจากนัน้ ใส่ เครอ่ื งปรุงทท่ี าไว้ลงไป 4. ใสป่ ลาอากวีและกงุ้ ท่ีลวกไว้ใส่ถัว่ งอกลงไปก่อน ตามดว้ ยพริก เขยี วพรกิ แดง และต้นหอม เกลือ นา้ มนั งาเล็กน้อย 5. ใส่เพรียงลงไปปิดหม้อและรอประมาณ 10 นาที 6. เมอื่ ครบ 10 นาทีแล้วใสผ่ ักชีล้อมลงไปตามดว้ ยน้าแป้งมนั ฝร่งั 7. คนใหเ้ ขา้ กนั เสร็จพร้อมทาน



นามุล (나물) หมายถึง ผักหลากหลายชนิดท่ีสามารถนามา กินหรือปรุงด้วยสมุนไพรได้ โดยผักสีเขียวเรียกว่า ซานนามุล (산나물) และผักฤดูใบไม้ผลิเรียกว่า บมนามุล (봄나물) ในวัน แดโบรึม (대보름) คือวันพระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกของปี ชาวเกาหลีจะกิน โบรึมนามุล(보름나물) กับข้าวท่ีผสมธัญพืชห้า ชนิด โดยมคี วามเชอ่ื กันว่าการกนิ โบรมึ นามลุ ในชว่ งฤดูหนาวจะช่วย ให้ทนต่อความร้อนของหนา้ รอ้ นได้ นามุล เป็นอาหารที่ใช้ผัก เสิร์ฟโดยการลวก ปรุงรสด้วยเกลือ น้าส้มสายชู น้ามันงา ซอสถั่วเหลือง ดเวนจัง (ถั่วหมักเกาหลี) โคชูจัง (ซอสพรกิ เกาหลี) เครือ่ งเทศ และเคร่ืองปรุงรสอ่นื ๆ โดยท่ัวไปแล้วนามุล จะเป็นอาหารท่ีเป็น บันชาน (반찬) คือเป็นเคร่ืองเคียง และจะมีนามุลมากกว่าหนึ่งประเภทเป็นเคร่ือง เคียงในอาหารม้ือเดียว นามุลแต่ละจานจะมีชื่อขึ้นอยู่กับส่วนผสม หลัก และวิธีการปรุง เช่น นามุลท่ีทาจากหัวไชเท้าดิบเรียกว่า มูแซงแช (무생채) นามุลท่ีทาด้วยหัวไชเท้าสุกท่ีเรียกว่า มูนามุล (무나물) เปน็ ตน้ (Wikipedia, 2020)





โกซารนี ามลุ เป็นผกั นานาชนดิ ถูกนามาตม้ แบบดบิ ๆสุกๆ และ ปรุงรสในซอสที่หลากหลายรสชาติ ผักสดบางชนิดก็เสิร์ฟในขณะที่ ผักอน่ื ๆ กาลงั ถกู ปรงุ หรอื กาลังอยูใ่ นกระบวนการทาอาหารอยู่ โกซารีนามุลเป็นเคร่ืองเคียงท่ีจะถูกเสิร์ฟพร้อมกับอาหารในแต่ ละมื้อของอาหารเกาหลี แต่ละภาคของประเทศเกาหลีน้ันมีผักและ ผลผลิตจากผักที่แตกต่างกันไป (Never, 2016)

วัตถดุ ิบ 2. กระเทยี มโขลก 1 ช้อนชา 4. น้าปลาเกาหลี 1 ช้อนชา 1. ผักกดู 300 กรัม 6. เกลือ ½ ช้อนชา 3. งาตามชอบ 8. นา้ หรอื น้าซุป 5. น้ามนั งา 1 ชอ้ นชา 7. ต้นหอมโขลก 1 ช้อนชา วธิ ีทา 1. นาผักกูดแห้งใสแ่ ช่ในน้า 1 คนื ให้พอง และเอาไปตม้ จน นุ่ม 2. สว่ นท่ีแขง็ ของผดั กดู ให้ตัดท้งิ แล้วหน่ั ยาว ประมาณ 5ซม. 3. ผัดให้ผกั กดู สกุ ใหท้ ว่ั โดยการพลิกไปมา 4. ใสเ่ คร่ืองปรงุ ลงไปผดั สกั ครู่ แลว้ ใสน่ า้ หรือนา้ ซุปลงไปปดิ ฝา ใช้ไฟออ่ น จนสกุ 5. เมอื่ สุกได้ที่ (จะนุม่ ) ใหโ้ รยงาใส่ พร้อมรับประทาน

ชีกึมชีนามุล หรือ ปวยเล้งลวกปรุงรส นาปวยเล้งมาลวกให้สุก และนามาคลุกปรุงด้วยน้ามันงา กระเทียมสับ ซอสถั่วเหลือง และโรย ด้วยเมลด็ งา (Homemade, 2016)

วตั ถุดิบ 2. เกลอื 1 ชอ้ นชา 4. น้าปลาเกาหลี 1 ช้อนชา 1. ผกั โขม 100 กรมั 6. กระเทียมโขลก 1-2 ช้อนชา 3. งาตามชอบ 5. ต้นหอมหัน่ 1-2 ช้อนชา 7. นา้ มนั งา 1 ช้อนชา วธิ ีทา 1. นาผักโขมมาทาความสะอาด ใบผกั โขมท่ีเหย่ี วเฉาให้เด็ดท้งิ 2. เทน้าใส่หมอ้ และใส่เกลอื เล็กน้อย ตม้ ใหเ้ ดือด แล้วนาผกั โขมลงไปลวก (ลวกโดยที่ใบยงั ดเู ขยี ว) โดย ไม่ตอ้ งปิดฝาหม้อ 3. พอลวกได้ทแี่ ล้ว นาไปใส่ในภาชนะที่มนี า้ เยน็ ลา้ งน้าเยน็ เสรจ็ นาผกั โขมมาบดิ ให้น้าแหง้ 4. นาผกั โขมส่วนที่เปน็ รากเรียบเรียงรวมในระดบั เดยี วกนั แล้ว หน่ั ท้งิ ส่วนที่เหลอื ให้หนั่ ยาว 5 ซม. 5. เอาผักโขม ใส่เครื่องปรงุ ยาใหเ้ ขา้ กัน ใส่ภาชนะแล้วโรยด้วย งา พร้อมรับประทาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook