Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการ (1)

โครงการ (1)

Published by taekab5, 2017-11-20 06:16:00

Description: โครงการ (1)

Search

Read the Text Version

โครงการบาบัดนา้ เสียบึงมกั กะสันอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริWastewater treatment project by using plant, swamp Makkasan, Bangkokนางสาวกานตช์ นก นาคครุฑ รหสั นิสิต 60560115นางสาวเกศรินทร์ญาณี ดวงตาปา รหสั นิสิต 60560139นายเกียรติศกั ด์ิ อ่าเอี่ยม รหสั นิสิต 60560146นายจิรกฤต ยศยอด รหสั นิสิต 60560153นางสาวจิราพา แซ่พา่ น รหสั นิสิต 60560160นางสาวจิราภา สวสั ดี รหสั นิสิต 60560177นางสาวจิราวรรณ ชมภูพลอ้ ย รหสั นิสิต 60560184นางสาวจีรานนั ท์ คาปวง รหสั นิสิต 60560191นางสาวจุฑามาศ คะลา รหสั นิสิต 60560214นางสาวจุฬารัตน์ ป้องทา้ ว รหสั นิสิต 60560221 คณะพยาบาลศาสตร์รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของรายวชิ า GE 001221 สารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้า มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ปี การศึกษาที่ 1/2560

กช่ือ : นายเกียรติศกั ด์ิ อ่าเอี่ยม, นายจิรกฤต ยศยอด, นางสาวจุฑามาศ คะลา , นางสาวจุฬารัตน์ ป้องทา้ ว, นางสาวเกศรินทร์ญาณี ดวงตาปา, นางสาวจิราภา สวสั ดี, นางสาวนางสาวจิราพา แซ่พา่ น, นางสาวจิราวรรณ ชมพูพลอ้ ย, นางสาวจีรานนั ท์ คาปวง, นางสาวกานตช์ นก นาคครุฑชื่อเร่ือง : โครงการบาบดั น้าเสียสาขาวชิ า : พยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรปี การศึกษา : 2560 บทคดั ย่อ บึงมกั กะสันเป็นบึงขนาดใหญ่ท่ีอยใู่ จกลางกรุงเทพมหานคร ซ่ึงการรถไฟ แห่งประเทศไทยไดข้ ดุข้ึน ในปี พ.ศ. 2474 เพ่อื ใชเ้ ป็ นแหล่งระบายน้าและรองรับ น้าเสีย รวมท้งั น้ามนั เคร่ืองจากโรงงานรถไฟมกั กะสัน ทาใหบ้ ึงมกั กะสนั ต้ืนเขิน จากการตกตะกอนของสารแขวนลอย ครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญ่ตา่ งก็ถ่ายสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอยลงสู่บึงมกั กะสนั จนเกิด ปัญหาภาวะสิ่งแวดลอ้ มเส่ือมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็นแหล่งเพาะเช้ือโรคแห่งหน่ึง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงภยั แห่งภาวะมลพิษน้ีจึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริ โดยใชว้ ธิ ีการในรูปแบบของ \"เครื่องกรองน้า ธรรมชาติ\" กล่าวคือ ใหม้ ีการทดลองใชผ้ กั ตบชวา ซ่ึงเป็นวชั พืชท่ีตอ้ งการกาจดั อยูแ่ ลว้ น้ี มา ทาหนา้ ท่ีดูดซบั ความโสโครก รวมท้งั สารพษิจากน้าเน่าเสีย โดยทรงเนน้ ใหท้ า การปรับปรุง อยา่ งประหยดั และไมก่ ่อใหเ้ กิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนท่ีอาศยั อยรู่ ิมบึงการทางานของระบบอาศยั การทางานร่วมกนั ระหวา่ ง พชื น้า ไดแ้ ก่ สาหร่าย หรือ อลั จี กบัแบคทีเรีย โดยในเวลากลางวนั อลั จีซ่ึงเป็น พชื น้าสีเขียวจะทาการสงั เคราะห์แสง โดยใช้คาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้าและแสงแดด อลั จีจะนาคาร์โบไฮเดรตไปใชส้ ร้างเซลลใ์ หม่ ส่วนออกซิเจนท่ีเป็ นผลพลอยไดน้ ้นั กจ็ ะถูกแบคที่เรียนา ไปใชใ้ นการยอ่ ยสลายน้าเสีย ซ่ึงผลของปฏิกิริยาน้ีจะได้คาร์บอนไดออกไซด์ ซ่ึงเป็นส่วนประกอบสาคญั ในการ ดารงชีพของอลั จี ดงั น้นั อลั จี และแบคทีเรียจึงสามารถดารงชีวติ อยรู่ ่วมกนั ได้ โดยต่างพ่ึงพาอาศยั กนั และกนั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปรียบเทียบวา่ \"บึงมกั กะสัน\" เป็นเสมือนดง่ั \"ไตธรรมชาติ\" ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นแหล่งเก็บกกั และ

ขระบายน้าในฤดูฝน นอกจากน้ี ยงั มีผลพลอยไดห้ ลายอยา่ งเช่น ป๋ ุย เช้ือเพลิง เยอ่ื สานจากผกั ตบชวาและการปลูกพืชน้าอ่ืนๆProject title Wastewater treatment project by using plant, swamp Makkasan, BangkokName Miss. Kanchanok nakkrut ID. 60560115 Miss.Kedsarinyanee Duangtapa ID.60560139 ID. 60560146 Mr.Kiattisak Aumaiam Mr.Jirakit Yotyod ID. 60560153 Miss.Jirapa Saepan ID. 60560160 Miss.Jirapa Sawasdee ID. 60560177 Miss. Jirawan chomphuploy ID. 60560184 Miss. Jeeranan Khampuang ID. 60560191 Miss. Jutamas Kala ID. 60560214 Miss.Jularat Pongtaw ID. 60560221Project advisor Instructors of Information Science subject (GE001221)Department Faculty of nursingAcademic year 2017 Abstract Makkasan marsh is a large lake in the heart of Bangkok. The Railway of Thailand was excavatedin 1931.To use as a source of drainage and support waste water as well as lubricants from the MakasanRailway. The Makkasan Shoa. As a result of the precipitation of household effluents, most of them alsodisposed of waste and solid waste into the marsh.The problem of environmental degradation and sewage

คbecame a source of germs.His Majesty King Bhumibol Adulyadej is well aware of the dangers of thispollution. Using the method in the form of \"Natural water filter\" is to have a trial of water hyacinth. Thisis a weed that needs to be removed to absorb the sewage. Including toxins from rotten water. Itemphasizes on economical improvement and does not cause suffering to people living along the lagoon.The work of the system relies on the collaboration between aquatic plants, namely algae or algae withbacteria. In daylight Which is Green plants are made of photosynthesis. Use carbon dioxide in water andsunlight. LG will introduce carbohydrates to create new cells. Oxygen is a by-product. I will be back.Used to degrade waste water. The effect of this reaction. carbon dioxide This is an important component.Algae and bacteria can live together. They depend on each other. His Majesty compares that. \"MakkasanMarsh\" is like \"natural kidney\" of Bangkok. There are also many byproducts such as fertilizer, fuel, waterhyacinth, and other water crops.

ง กติ ตกิ รรมประกาศ รายงานฉบบั น้ีสาเร็จอยา่ งสมบูรณ์ไดด้ ว้ ยความช่วยเหลืออยา่ งยงิ่ จากคณะอาจารยผ์ รู้ ับผดิ ชอบและผชู้ ่วยสอนในรายวชิ า001221สารสนเทศศาสตร์เพือ่ การศึกษาคน้ ควา้ ท่ีไดใ้ หค้ าแนะนาใหค้ าปรึกษาตลอดจนแนวทางการทารายงานในคร้ังน้ี ขอกราบขอบพระคุณอยา่ งสูง ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคุณ อาจารยส์ มทั รชา เนียมเรือง อาจารยท์ ่ีรับผดิ ชอบรายวชิ า ท่ีไดใ้ หค้ าแนะนาตลอดจนตรวจสอบวธิ ีการดาเนินงาน ขอขอบพระคุณ สานกั หอสมุด มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ที่ไดเ้ อ้ือเฟ้ื อสถานท่ีในการศึกษาคน้ ควา้สาหรับการทารายงาน อน่ึง ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะมีประโยชน์อยไู่ มน่ อ้ ย จึงขอมอบส่วนดีท้งั หมดน้ีใหแ้ ก่เหล่าอาจารยท์ ่ีไดป้ ระสิทธ์ิประสาทวชิ าจนทาใหผ้ ลงานป็นประโยชน์ต่อผเู้ กี่ยวขอ้ งและขอมอบความกตญั ญูกตเวทิตาคุณแด่บิดา มารดา และผมู้ ีพระคุณทุกท่านตลอดจนเพ่ือนๆ ท่ีคอยใหค้ วามช่วยเหลือและให้กาลงั ใจ คณะผจู้ ดั ทา

จ คานา น้ามีความสาคญั ต่อการดาเนินชีวติ ของสิ่งมีชีวติ ท้งั ในดา้ นอุปโภคและบริโภค นอกจากน้นัน้ายงั มีคุณสมบตั ิที่จาเป็นต่อส่ิงมีชีวติ อีกมากมายนบั ไมถ่ ว้ น มนุษยใ์ ชน้ ้าอยา่ งไมค่ านึงถึงความสาคญั จึงทาใหม้ ีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มและส่ิงมีชีวติ ในปัจจุบนั น้าเสียเป็นปัญหาที่ทุกคนพบเจอบ่อยและมีความรุนแรงเพิ่มมากข้ึนในระดบัชุมชน จนส่งผลถึงระดบั ประเทศ โดยเฉพาะในชุมชนและในพ้ืนท่ีอุตสาหกรรม ถา้ หากไม่ไดร้ ับแกไ้ ขอยา่ งทนั ท่วงทีกจ็ ะก่อใหเ้ กิดผลกระทบมากมายต่อส่ิงแวดลอ้ ม คุณภาพสิ่งชีวติ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วัรัชกาลที่ 9 ทรงห่วงใย และทรงใหค้ วามสนพระราชหฤทยั เก่ียวกบั การพฒั นาแหล่งน้าเป็นอยา่ งมากทรงตระหนกั ถึงความสาคญั ของน้าต่อความอยรู่ อดของชีวติ ท้งั มนุษย์ สัตว์ และพชื เพราะน้าเป็นองคป์ ระกอบสาคญั ของส่ิงมีชีวติ ถา้ ไม่มีน้าชีวติ กไ็ มส่ ามารถอยรู่ อดได้ โดยทา่ นไดด้ าเนินพระราชกรณียกิจตามแนวทางวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ เพื่อแกไ้ ขปัญหาดงั กล่าวไวห้ ลายวธิ ีการ นิสิตจึงเลือกโครงการบาบดั น้าเสียตามแนวพระราชดาริบึงมกั กะสันมานาเสนอ ซ่ึงเป็นแหล่งระบายน้าและรองรับน้าเสีย รวมท้งั น้ามนั เคร่ืองจากโรงงานรถไฟมกั กะสันชีวปฏิกลู และขยะมูลฝอยจากชุมชนแออดั จากอดีตจนกระทง่ั ส่งผลถึงปัจจุบนัเพ่ือใหท้ ุกคนท่ีไดศ้ ึกษาในเร่ืองน้ีไดท้ ราบถึงโครงการบาบดั น้าเสียในพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 9

สารบัญ ฉเรื่อง หน้าบทคดั ยอ่ ภาษาไทย กบทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ ข-คกิตติกรรมประกาศ งคานา จสารบญั ฉสารบญั รูปภาพ ชสารบญั ตาราง ฌบทท่ี 1 บทนา 1 1-2 1.1 ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงการ 2 1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 2 1.3 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 2 1.4 ขอบเขตของการทาโครงการ 3-5บทที่ 2 หลกั การและทฤษฏี 6-14 2.1 เอกสารที่เก่ียวขอ้ งบทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน 15 3.1 แผนการปฏิบตั ิงานบทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน 16 4.1 ผลการดาเนินงานบทที่ 5 สรุปและขอ้ เสนอแนะ 17-18 5.1 สรุปผล 18-20 5.2 อภิปรายและขอ้ เสนอแนะเอกสารอา้ งอิง

สารบญั รูปภาพ ชรูปท่ี หน้า1) ผกั ตบชวา 62) ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ 12 สารบญั ตาราง หน้าตารางท่ี 151) ตารางการวงแผนการปฏิบตั ิงาน

1 บทที่ 1 บทนาความเป็ นมาและความสาคญั ของโครงงาน “...บึงมกั กะสันนี้ ทาโครงการทเี่ รียกว่าแบบคนจน โดยใช้หลกั ว่าผกั ตบชวาทม่ี อี ยู่ทวั่ ไปน้ัน เป็ นพืชดูดความโสโครกออกมาแล้วกท็ าให้นา้ สะอาดขนึ้ ได้ เป็ นเคร่ืองกรองธรรมชาตใิ ช้พลงั งานแสงอาทติ ย์และธรรมชาติของการเติบโตของพืช...” พระราชดารัสในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช วนั ท่ี 15 เมษายน และวนั ที่ 20เมษายน พ.ศ. 2528 หลกั การบาบดั น้าเสียโดยการกรองน้าเสียดว้ ยผกั ตบชวา ตามแนวทฤษฎีการพฒั นาอนั เน่ือง มาจากพระราชดาริ \"บึงมกั กะสัน\" บึงมกั กะสันเป็นบึงขนาดใหญ่ท่ีอยใู่ จกลางกรุงเทพมหานคร ซ่ึงการรถไฟ แห่งประเทศไทยไดข้ ดุข้ึน ในปี พ.ศ. 2474 เพ่ือใชเ้ ป็ นแหล่งระบายน้าและรองรับ น้าเสีย รวมท้งั น้ามนั เคร่ืองจากโรงงานรถไฟมกั กะสนั ทาใหบ้ ึงมกั กะสนั ต้ืนเขิน จากการตกตะกอนของสารแขวนลอย ครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญต่ ่างกถ็ ่ายส่ิงปฏิกูลและขยะมูลฝอยลงสู่บึงมกั กะสัน จนเกิด ปัญหาภาวะสิ่งแวดลอ้ มเสื่อมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็ นแหล่งเพาะเช้ือโรคแห่งหน่ึง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงภยั แห่งภาวะมลพิษน้ีจึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริโดยใชว้ ธิ ีการในรูปแบบของ \"เคร่ืองกรองน้า ธรรมชาติ\" กล่าวคือ ใหม้ ีการทดลองใชผ้ กั ตบชวา ซ่ึงเป็นวชั พชื ท่ีตอ้ งการกาจดั อยแู่ ลว้ น้ี มา ทาหนา้ ท่ีดูดซบั ความโสโครก รวมท้งั สารพิษจากน้าเน่าเสีย โดยทรงเนน้ใหท้ า การปรับปรุง อยา่ งประหยดั และไมก่ ่อใหเ้ กิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนท่ีอาศยั อยรู่ ิมบึงการทางานของระบบอาศยั การทางานร่วมกนั ระหวา่ ง พชื น้า ไดแ้ ก่ สาหร่าย หรือ อลั จี กบั แบคทีเรีย โดยในเวลากลางวนั อลั จีซ่ึงเป็น พชื น้าสีเขียวจะทาการสงั เคราะห์แสง โดยใชค้ าร์บอนไดออกไซดใ์ นน้าและแสงแดดอลั จีจะนาคาร์โบไฮเดรตไปใชส้ ร้างเซลลใ์ หม่ ส่วนออกซิเจนท่ีเป็นผลพลอยไดน้ ้นั กจ็ ะถูกแบคทีเรียนา ไปใชใ้ นการยอ่ ยสลายน้าเสีย ซ่ึงผลของปฏิกิริยาน้ีจะได้ คาร์บอนไดออกไซด์ ซ่ึงเป็นส่วนประกอบสาคญั ในการ ดารงชีพของอลั จี ดงั น้นั อลั จี และแบคทีเรียจึงสามารถดารงชีวติ อยรู่ ่วมกนั ได้ โดยต่างพ่งึ พาอาศยั กนัและกนั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปรียบเทียบวา่ \"บึงมกั กะสนั \" เป็นเสมือนดงั่ \"ไตธรรมชาติ\" ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็ นแหล่งเก็บกกั และระบายน้าในฤดูฝน นอกจากน้ี ยงั มีผลพลอยไดห้ ลายอยา่ งเช่น ป๋ ุย

2เช้ือเพลิง เย่ือสานจากผกั ตบชวาและการปลูกพชื น้าอ่ืนๆ เช่น ผกั บุง้ เป็นตน้ รวมท้งั การเล้ียงปลาดว้ ย โดยมิไดม้ ีพระราชประสงคจ์ ะทาใหเ้ ป็น สวนสาธารณะแต่อยา่ งใด บึงมกั กะสนั จึงเป็นบึงที่สร้างภาวะแวดลอ้ มดว้ ยวธิ ีธรรมชาติ เรียบง่าย ประหยดั และท่ีสาคญั เป็น แหล่งคน้ ควา้ ทดลองท่ีพระราชทานเพอ่ื ปวงประชา จกัไดม้ ีสุขถว้ นทวั่ หนา้ กนั การพฒั นาบึงมกั กะสนั จึงนบั เป็นความสาเร็จท่ีเกิดจาก พระปรีชาสามารถในเชิงวชิ าการดา้ นนิเวศวทิ ยาและการแกไ้ ขปัญหาภาวะมลพิษทางน้า ดว้ ย สายพระเนตรท่ียาวไกล จึงนบั เป็นพระมหากรุณาธิคุณอยา่ งยง่ิ แก่ชาวไทยท้งั มวลวตั ถุประสงค์ 1. เพือ่ ทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงความรู้ ประสบการณ์ นาไปสู่การพฒั นาการเรียนรู้ใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึน 2. เพ่ือศึกษาใหเ้ ขา้ ใจในโครงการบาบดั น้าเสียและสามารถนาไปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวติ ได้ 3. เพือ่ ใหส้ มาชิกในกลุ่มเกิดความสามคั คีและมีความร่วมมือในการทาโครงงานประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1.ทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ ประสบการณ์ เพอื่ นาไปสู่การพฒั นาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน 2.เขา้ ใจในโครงการบาบดั น้าเสียและสามารถนาไปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวิตได้ 3.สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามคั คีและใหค้ วามร่วมมือในการทาโครงงานขอบเขตการศึกษา 1.สิ่งที่ศึกษา : โครงการบาบดั น้าเสียบึงมกั กะสัน 2.สถานท่ีในการศึกษา : มหาวทิ ยาลยั นเรศวร 3.ระยะเวลาในการศึกษา : 15 ตุลาคม 2560 – 18 พฤศจิกายน 2560

3 บทที่ 2 หลกั การและทฤษฏีที่เกย่ี วข้อง การบาบดั น้าเสียดว้ ยผกั ตบชวา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงสนพระราชหฤทยั ในการปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้าที่มีอยแู่ ลว้ เช่น บึงและหนองต่างๆ เพ่อื ทาเป็ นแหล่งบาบดั น้าเสีย โดยหน่ึงในจานวนน้นั ไดแ้ ก่ โครงการบึงมกั กะสันอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ มีหลกั การบาบดั น้าเสียตามแนวทฤษฎีการพฒั นาโดยการกรองน้าเสียดว้ ยผกั ตบชวา (Filtration) โครงการบึงมกั กะสัน บึงมกั กะสัน เป็นบึงขนาดใหญ่ที่อยใู่ จกลางกรุงเทพมหานคร รวมพ้ืนท่ีบึงประมาณ 92 ไร่ เป็นแหล่งน้าอยใู่ นเขตโรงงานรถไฟมกั กะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซ่ึงการรถไฟแห่งประเทศไทยไดข้ ดุ ข้ึน ในปี พ.ศ. 2474 เพ่อื ใชเ้ ป็ นแหล่งระบายน้าและรองรับน้าเสีย รวมท้งั น้ามนั เคร่ืองจากโรงงานรถไฟมกั กะสนั ทาใหบ้ ึงมกั กะสันต้ืนเขิน จากการตกตะกอนของสารแขวนลอย กอปรกบั รอบบึงมกั กะสันมีชุมชนแออดั 3 ชุมชน รวม 729 ครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญ่ต่างกถ็ ่ายสิ่งปฏิกลู และขยะมูลฝอยลงสู่บึงมกั กะสัน จนเกิดปัญหาภาวะสิ่งแวดลอ้ มเส่ือมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็นแหล่งเพาะเช้ือโรค พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงภาวะมลพิษน้ี จึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริ เมื่อวนั ที่ 15 เมษายน และวนั ท่ี 20 เมษายน พ.ศ. 2528 ใหห้ น่วยงานตา่ ง ๆ ร่วมกนั ปรับปรุงบึงมกั กะสนั เพ่ือใช้เป็นสถานที่กกั เกบ็ น้า ช่วยในการระบายน้าในหนา้ ฝนและบรรเทาสภาพน้าเสียในคลองสามเสน โดยพระราชทานคาแนะนา ใหใ้ ชผ้ กั ตบชวากรองน้าเสีย เพราะผกั ตบชวามีคุณสมบตั ิทาหนา้ ท่ีเป็นตวั กรอง ซ่ึงเรียกวา่ เคร่ืองกรองน้าธรรมชาติ คือใชผ้ กั ตบชวา ซ่ึงเป็นวชั พืชท่ีมีอยมู่ าก มาทาหนา้ ท่ีดูดซบั ความโสโครกและสารพษิ จากแหล่งน้าเน่าเสีย และในเวลาเดียวกนั กต็ อ้ งหมนั่ นาผกั ตบชวาออกจากบึงทุกๆ 10 สัปดาห์เพอ่ื ไมใ่ หผ้ กั ตบชวามีการเจริญพนั ธุ์จนบดบงั แสงแดดท่ีจะส่องลงไปในบึง แตห่ ลงั จากท่ีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีการก่อสร้างทางด่วนมหานครข้นั 2 ระยะที่ 1 โดยมีแนวผา่ นบึงมกั กะสันและมีโครงสร้างอยกู่ ลางบึง ทาใหน้ ้าในบึงไมถ่ ูกแสงแดด พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั จึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริใหใ้ ช้ เครื่องพน่ อากาศเขา้ ช่วย เม่ือมูลนิธิชยั พฒั นาและกรุงเทพมหานครรับสนองพระราชดาริ ทาใหบ้ ึงมกั กะสัน สามารถฟอกน้าในคลองสามเสนใหส้ ะอาดข้ึนวนั ละ 260,000 ลูกบาศกเ์ มตร ดว้ ยการใชเ้ ครื่องเติมอากาศแบบทุ่นลอยผสมกบั การใชผ้ กั ตบชวา สามารถบาบดั น้าเสียไดเ้ พ่มิ จากเดิม 10 เท่า โดยมูลนิธิชยั พฒั นาเป็ นผจู้ ดั หา และติดต้งั เคร่ืองเติมอากาศ ขนาด 11KW จานวน 10 เคร่ือง และกรุงเทพมหานครเป็นผดู้ าเนินการขดุ ลอกบึง พร้อมท้งั ติดต้งั เคร่ืองสูบน้าและ

4ปลูกผกั ตบชวา สาหรับน้าท่ีใสสะอาดข้ึนน้ีใหร้ ะบายออกสู่คลองธรรมชาติตามเดิม แลว้ รับน้าเสียจานวนใหม่มาดาเนินการผา่ นกรรมวธิ ีเป็นวงจรเช่นน้ีตลอดไปในอนาคต เม่ือการกาจดั น้าเน่าเสียดว้ ยผกั ตบชวาในบึงมกั กะสนั แห่งน้ีไดผ้ ลดี ก็จะไดน้ าไปใชเ้ ป็ นแบบอยา่ งในการแกไ้ ขปัญหาน้าเน่าเสียท่ีแหล่งน้า หรือลาคลองอ่ืนต่อไป ซ่ึงในขณะน้ีกรุงเทพมหานครและการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นหน่วยงานหลกั ในการใชป้ ระโยชน์ และดูแลรักษาบึงแห่งน้ีใหค้ งมีสภาพที่ดีสืบไป พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปรียบเทียบวา่ \"บึงมกั กะสัน\" เป็นเสมือนดงั่ \"ไตธรรมชาติ\" ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็ นแหล่งเก็บกกั และระบายน้าในฤดูฝน สาหรับผกั ตบชวาและพชื น้าอื่นๆ กจ็ ะกลายเป็นผลพลอยไดท้ ่ีนามาทาเป็นป๋ ุย เช้ือเพลิง และส่ิงของเครื่องใชท้ ่ีสานจากผกั ตบชวา อีกท้งั ยงั มีพชื น้าบางชนิดท่ีนามาเป็ นอาหารได้ เช่น ผกั บุง้ รวมถึงสามารถเล้ียงปลาในบึงเพ่อื ใหเ้ ป็นอาหารของประชาชนท่ีพกั อาศยั อยโู่ ดยรอบไดอ้ ีกทางหน่ึงดว้ ย ผกั ตบชวาสามารถช่วยในการบาบดั น้าเสีย โดยการทาหนา้ ท่ีกรองน้าท่ีไหลผา่ นกอผกั ตบชวาอยา่ งชา้ ๆ ทาใหข้ องแขง็ แขวนลอยตา่ งๆ ที่ปนอยใู่ นน้าถูกสกดั ก้นั กรองออกนอกจากน้นั ระบบรากท่ีมีจานวนมากจะช่วยกรองสารอินทรียท์ ี่ละเอียด และจุลินทรียท์ ี่อาศยั เกาะอยทู่ ่ีรากจะช่วยดูดสารอินทรียไ์ วด้ ว้ ยอีกทางหน่ึง รากผกั ตบชวาจะดูดสารอาหารที่อยใู่ นน้า ทาใหไ้ นโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้าเสียจึงถูกกาจดั ไป อยา่ งไรกต็ ามไนโตรเจนในน้าเสียน้นั ส่วนมากจะอยใู่ นรูปสารประกอบทางเคมี เช่น สารอินทรีย์ไนโตรเจน แอมโมเนียไนโตรเจน และไนเตรทไนโตรเจน พบวา่ ผกั ตบชวาสามารถดูดไนโตรเจนไดท้ ้งั 3ชนิด แตใ่ นปริมาณที่แตกต่างกนั คือ ผกั ตบชวาสามารถดูดอินทรียไ์ นโตรเจนไดส้ ูงกวา่ ไนโตรเจนในรูปอื่นๆคือ ประมาณ 95 % ขณะท่ีไนเตรทไนโตรเจน และแอมโมเนียไนโตรเจน จะเป็ นประมาณ 80 % และ 77 %ตามลาดบั สถานที่แรกในประเทศไทยท่ีใชก้ ารบาบดั ดว้ ยวธิ ีน้ีคือ \"บึงมกั กะสัน\" ซ่ึงเป็นโครงการบึงมกั กะสนัอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั โดยใชห้ ลกั การบาบดั น้าเสียตามแนวทฤษฎีการพฒั นาโดยการกรองน้าเสียดว้ ยผกั ตบชวา

5เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กี่ยวข้อง ภาพท่ี1 ผกั ตบชวาชื่อวทิ ยาศาสตร์ Eichhornia crassipes (Mart.) Solms ผกั ตบชวา (องั กฤษ: Water Hyacinth) เป็นพืชน้าลม้ ลุกอายุหลายฤดู สามารถอยไู่ ดท้ ุกสภาพน้า มีถิ่นกาเนิดในแถบลุ่มน้าอะเมซอน ประเทศบราซิล ในทวปี อเมริกาใต้ มีดอก สีม่วงอ่อน คลา้ ยช่อดอกกลว้ ยไม้ และแพร่พนั ธุ์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วจนกลายเป็นวชั พืชที่ร้ายแรงในแหล่งน้าทวั่ ไป มีช่ือเรียกในแต่ละทอ้ งถิ่นดงั น้ี: ผกั ปอด, สวะ, ผกั โรค, ผกั ตบชวา, ผกั ยะวา, ผกั อีโยก, ผกั ป่ องประวตั ิ ผกั ตบชวา เป็นวชั พชื ท่ีมีแหล่งกาเนิดในทวปี อเมริกาแถบประเทศบราซิล แพร่กระจายไปยงั ประเทศต่างๆ ในทวปี ยโุ รป เพราะชอบสีสนั ตลอดจนรูปทรงของดอก จึงเอาไปปลูกเป็นไมป้ ระดบัในองั กฤษ เยอรมนั เนเธอร์แลนด์ ชาวเนเธอร์แลนดไ์ ดน้ าไปปลูกในประเทศอินโดนีเซีย เม่ือปีพ.ศ. 2424 ในสวนพฤกษศาสตร์ เมืองโบกอร์ และแพร่ระบาดออกสู่ลาน้าต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย ผกั ตบชวาถูกนาเขา้ มาในประเทศไทยเม่ือปี พ.ศ.2424 แลว้ ขยายพนั ธุ์รวดเร็วลงสู่แม่น้าตา่ งๆจนตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิสาหรับผกั ตบชวาข้ึน ในปี พ.ศ.2456 แต่ระยะหลงั ไดล้ ะเลิกการกวดขนั ตาม

6พระราชบญั ญตั ิดงั กล่าว ปัญหาผกั ตบชวาจึงสะสมและตกทอดจนถึงปัจจุบนั ผกั ตบชวาเป็นวชั พชื น้าประเภทขา้ มปี อยใู่ นตระกลู Pontederiaceae มีความสามารถสูงในการขยายพนั ธุ์ พบวา่ ผกั ตบชวาเพยี ง 1 ตน้ สามารถแตกไหล Stolon จนไดต้ น้ ผกั ตบชวาจนเตม็ พ้นื ที่ 600 ตารางเมตร โดยใชเ้ วลาเพียง 30 วนั ดงั น้นั การกาจดั ใหห้ มดสิ้น จึงเป็นเรื่องยากเพราะถา้ หลงเหลือเพยี งไมก่ ่ีตน้ ก็สามารถแพร่กระจายไดอ้ ีกในระยะเวลาอนั ส้ัน แมว้ า่ จะเห็นล่องลอยอยบู่ นผวิ น้า แตล่ าตน้ Stem ยงั คงจมอยใู่ ตน้ ้าโผล่ใหเ้ ห็นเฉพาะส่วนที่เป็ นกา้ นใบ Petole กา้ นใบ มีลกั ษณะพองโป่ ง เพ่ือพยงุ ลาตน้ ใบและส่วนตา่ งๆของผกั ตบชวาใหล้ อยอยทู่ ่ีผวิ น้าได้ ผกั ตบชวาท่ีพบข้ึนตามแหล่งช้ืนแฉะ หรือมีโคนตม กา้ นใบจะไมม่ ีลกั ษณะพองโป่ ง รากจะยดึ ติดกบั ผวิ ดินแน่น ผกั ตบชวาสามารถสืบพนั ธุ์ได้ 2 วธิ ี คือ โดยอาศยั เพศ และไมอ่ าศยั เพศ - การสืบพนั ธ์ุโดยอาศัยเพศ จะตอ้ งอาศยั เมลด็ ท่ีเกิดจากการผสมเกสรของดอกเม่ือเมลด็ หลุดลอยออกจากกระเปราะแลว้ จะถูกกระแสน้าพดั ไป หรือจมอยใู่ นโคลนใตน้ ้าเน้ือท่ี 1 ไร่ มีผกั ตบชวาถึง 18 ลา้ นเมตร มีชีวติ อยไู่ ดน้ านถึง 15 ปี หากสภาพแวดลอ้ มเหมาะสมกง็ อกไดท้ นั ทีและเจริญเป็นผกั ตบชวา แต่กา้ นไมพ่ องโปง รากฝอยจะยดึ กบัโคลนตมแน่น เมื่อถูกน้าท่วมอยา่ งฉบั พลนั จะตายได้ เมล็ดที่อยใู่ นระดบั ความลึกจากผวิ น้า2-3 เซนติเมตร เม่ืองอกแลว้ จะค่อยๆ ลอยสู่ผวิ น้าในเวลา 5 สัปดาห์ จะเห็นกา้ นใบพองโป่ งอยา่ งชดั เจน ระบบรากเจริญอยา่ งรวดเร็วในเวลาต่อมา การงอกของเมลด็ ตอ้ งอาศยั อุณหภูมิไม่ต่ากวา่ 2 องศาเซลเซียส และอาศยั แสงสวา่ งช่วย -การสืบพนั ธ์ุโดยไม่อาศัยเพศ จะตอ้ งอาศยั ไหลที่แตกตน้ แม่ ทาใหไ้ ดต้ น้ ใหม่จานวนมากมาย ผกั ตบชวาเพียง 10 ตน้ สามารถแตกไหลไดถ้ ึง 600,000 ตน้ ภายในเวลา 6 เดือนนบั วา่ ขยายพนั ธุ์ดว้ ยวธิ ีน้ีจะมีประสิทธิภาพดียงิ่ ผกั ตบชวามีความสามารถพเิ ศษในการเจริญเติบโตและแพร่ระบาดอยา่ งรวดเร็ว เนื่องจากมีกากหุม้ ลาตน้ ทาใหป้ ลอดภยั จากความหนาวเยน็ อยบู่ นบกไดน้ าน 3 สปั ดาห์ ถึงแหง้ ตาย ลาตน้แตกไหลไดด้ ีมาก รากมีประสิทธิภาพสูงในการดูดอาหารผลิตเมด็ ไดม้ ากมาย มีใบใหญ่เรียงตวั อยา่ งมีระเบียบเพอ่ื รับแสงเเดด และนามาปรุงอาหารไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสูง นอกจากน้ียงั ทนทานต่อสภาพน้าเคม็ ไดน้ านพอสมควร ผกั ตบชวาทาความเสียหายใหก้ บั นาขา้ ว โดยบดบงั แสง เป็นท่ีอาศยั ของศตั รูขา้ วสร้างปัญหาทางการประมง ชลประทาน การไฟฟ้าพลงั น้า การคมนาคม การทอ่ งเท่ียวและการสาธารณะสุขรัฐบาลตอ้ งจา่ ยเงินปี ละมาก ๆ เพ่ือกาจดั อยา่ งไรก็ตามผกั ตบชวายงั ใชเ้ ป็นอาหารสตั ว์ ผลิตป๋ ุย แก๊สหุงตม้เป็นวสั ดุเพาะเห็ดฟาง ท่ีสาคญั มีความสามารถในการดึงดูดสารประกอบอินทรีย์ และอนินทรีย์ ที่เป็ นตวัทาใหน้ ้าเสีย จึงใชผ้ กั ตบชวาเป็นตวั แกปัญหาน้าเสียไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

7ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นวชั พชื น้าท่ีมีอายยุ นื หลายปี สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีลาตน้ ส้นั รากแตกออกจากลาตน้บริเวณขอ้ รากมกั มีสีม่วงดา เกิดจากสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ลาตน้ แตกไหลเกิดเป็นลาตน้ ใหม่ติดต่อกนั ไป ใบ ออกเป็นกลุ่มรอบลาตน้ (rosettes) ใบกวา้ งใหญ่ รูปร่างคอ่ นขา้ งกลม ส่วนฐานใบเวา้ เขา้ หากา้ นใบ มีหูใบ ปลายใบมน ขนาดของใบและความยาวของกา้ นใบข้ึนกบั สภาความอุดมสมบูรณ์ในบริเวณท่ีเจริญเติบโตอยู่ ส่วนของกา้ นใบจะพองออกภายในมีรูพรุนลกั ษณะคลา้ ยฟองน้า ช่วยพยงุ ใหล้ าตน้ ลอยน้าได้ดอก ออกเป็นช่อชนิดสไปด์ ออกดอกไดต้ ลอดปี ในช่อหน่ึงๆ มีดอกยอ่ ย 6-30 ดอก กา้ นช่อดอกยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร กลีบเล้ียงและกลีบดอกหลอมรวมกนั (perianth) มีสีมว่ ง มีจุดเหลืองตรงกลางส่วนฐานกลีบดอกหลอมรวมกนั เป็นรูปกรวย ส่วนปลายแยกเป็น 6 กลีบ มีเกสรตวั ผู้ 6 อนั เกสรตวั เมียเป็นเส้นบางๆ ท่ีส่วนปลายเป็นตุ่มสีขาว ผล เป็นชนิดแคปซูล แบง่ เป็น 3 พู ภายในมีเมลด็ จานวนมาก เมล็ดมีรูปร่างกลม พบข้ึนตามลาคลอง คลองชลประทาน หนองน้า และท่ีช้ืนแฉะมีน้าขงั ขยายพนั ธุ์โดยอาศยั เมล็ดและส่วนของลาตน้สรรพคุณของผกั ตบชวา -ทุกส่วนของตน้ นามาหน่ั เป็ นฝอยใชเ้ ล้ียงหมูหรือทาเป็ นป๋ ุยหมกั ได้ -ลาตน้ นามาตากแหง้ ใชท้ าเป็ นเครื่องจกั สานตา่ ง ๆ เช่น กระเป๋ า เป็นตน้ -ใชป้ ลูกเป็นไมป้ ระดบั -ยอดอ่อน กา้ นใบอ่อน และช่อดอก ใชร้ ับประทานเป็นผกั สดผกั ตบไทยสดจะน่ิมกรอบ นิยมนามารับประทานสดร่วมกบั น้าพริก น้าพริกปลา ส้มตา หรือลวกจิ้มกบั น้าพริก ส่วนยอดออ่ นและดอกอ่อนนาไปปรุงเป็นแกงส้ม แกงเลียง หรือนามาผดั กไ็ ด้ โดยคุณค่าทางโภชนาการของผกั ตบไทย ต่อ 100 กรัม จะให้พลงั งาน 9 กิโลแคลอร่ี, ใยอาหาร 0.7 กรัม, แคลเซียม 31 มิลลิกรัม, ธาตุเหลก็ 0.1 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 28มิลลิกรัม, เบตา้ แคโรทีน 1,961 ไมโครกรัม, วติ ามินเอ 324 ไมโคกรัมของเรตินอล, วติ ามินบี1 0.01 มิลลิกรัม, วติ ามินบี2 0.30 มิลลิกรัม, วติ ามินบี3 3.1 มิลลิกรัม, วติ ามินซี 5 มิลลิกรัม -ใบใชเ้ ป็นยาขบั ปัสสาวะ (ใบ) -ตน้ สดใชต้ าพอกแกแ้ ผลอกั เสบ หรือใชเ้ ป็ นยาทาหรือพอกถอนพษิ แกอ้ าการปวดแสบปวดร้อน(ท้งั ตน้ ) -ใบใชเ้ ป็นยาทาแกฝ้ ี (ใบ) ชาวเกาะจะใชเ้ หงา้ ผกั ตบไทย นามาบดกบั ถ่านใชท้ าแกร้ ังแค (เหงา้ ) -ท้งั ตน้ มีรสจืด มีสรรพคุณเป็ นยาแกพ้ ษิ ในร่างกาย (ท้งั ตน้ )

8 -ใบมีสรรพคุณเป็นยาขบั พิษร้อน (ใบ) -ท้งั ตน้ ใชเ้ ป็ นยาขบั ลม (ท้งั ตน้ ) -ใบนามาตาผสมกบั ผกั กระเฉด ตาค้นั เอาน้าดื่มเป็ นยาแกพ้ ษิ เบื่อเมา (ใบ) -ผลเป็นแบบแคปซูล ลกั ษณะเป็นรูปรี แหง้ และแตกได้ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ภายในมีเมลด็จานวนมาก เมล็ดเป็นสีน้าตาล -ใบเป็นใบเดี่ยว แทงออกมาจากลาตน้ ใตด้ ิน กา้ นใบส่วนล่างมีลกั ษณะเป็นกาบหุม้ ซอ้ น ๆ กนั ส่วนกา้ นใบส่วนบนมีลกั ษณะกลมยาวและอวบน้า แผน่ ใบเป็ นรูปหวั ใจหรือรูปสามเหลี่ยมคลา้ ยหวั ลูกศร ปลายใบแหลม โคนใบมนเวา้ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกวา้ งประมาณ 0.9-1.9 เซนติเมตร และยาวประมาณ4.5-8 เซนติเมตร หลงั ใบและทอ้ งใบเรียบเกล้ียง กา้ นใบยาวอวบ ส่วนโคนของกา้ นใบแผอ่ อกเป็ นกาบ -ตารายาไทย ใบ ขบั ปัสสาวะ ขบั พษิ ร้อน ใชท้ าฝี นาใบมาตาผสมกบั ผกั กระเฉดเอาน้าด่ืมแกเ้ บื่อเมา ท้งั ตน้ มีรสจืด แกพ้ ิษในร่างกาย ขบั ลม ใชต้ น้ สดตาพอก แกแ้ ผลอกั เสบ ใชเ้ ป็นยาทาหรือพอก ถอนพษิแกป้ วดแสบปวดร้อน ยอดอ่อน กา้ นใบออ่ น ช่อดอก ใชเ้ ป็นผกั สด ลวกจิ้มน้าพริก หรือทาแกงส้ม - ชาวเกาะ ใช้ เหงา้ มาบดกบั ถ่านใชท้ าแกร้ ังแคประโยชน์ของผกั ตบชวา - ช่วยทาใหน้ ้าสะอาดข้ึน สารอินทรียแ์ ละอนินทรียท์ ่ีถูกพดั พาไหลลงมาสู่ลาน้าจากแหล่งต่างๆ เช่นจากส่ิงสกปรกโสโครก และสิ่งขบั ถ่ายของมนุษย์ และสัตวต์ ลอดจนของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม การชะลา้ งพงั ทลายของดินในป่ าเขาท่ีถูกโค่นป่ าไมล้ ง และจากผนื ดินท่ีทาการเพาะปลูกโดยการใส่ป๋ ุยเคมีเพ่มิ เติมให้ ลว้ นแลว้ แต่เป็นตน้ เหตุของการทาใหน้ ้าเสียท้งั สิ้น หากไมม่ ีผกั ตบชวาข้ึนอยใู่ นน้าคอยดูดธาตุอาหาร เหล่าน้ีไวน้ ้าก็จะสกปรกจากการปนเป้ื อนสารพิษต่างๆ เพ่ิมข้ึนเรื่อยๆ ยง่ิ ไปกวา่ น้นั แร่ธาตุต่างๆ กจ็ ะถูกน้าพดั พาไปและในที่สุดกจ็ ะตกตะกอนสู่ใตพ้ ้นื น้าในแม่น้า ลาคลอง อา่ งเกบ็ น้า ทะเลสาป ทะเล หรือมหาสมุทร อนั นบั เป็นการสูญเสียอาหารธาตุโดยเปล่าประโยชน์ ผกั ตบชวาเป็ นพืชที่มีประสิทธิภาพดีเยย่ี มในการดารงอยใู่ นน้าท่ีมีอาหารธาตุมาก (highly eutrophicated) และเปลี่ยนอาหารธาตุเหล่าน้ีเป็นโครงสร้างของมนั อยา่ งรวดเร็ว จึงช่วยลดการสูญเสียอาหารธาตุ และสามารถนากลบั มาใชแ้ ลว้ ใชอ้ ีก (recycle) ได้ หากเรานาผกั ตบชวาท่ีไดก้ าจดั ไปมาใชป้ ระโยชน์ -ช่วยสะสมพลงั งานจากดวงอาทิตย์ พลงั งานท่ีมนุษยใ์ ชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั มีตน้ กาเนิดมาจากดวงอาทิตยแ์ ทบท้งั สิ้น เราไดใ้ ชพ้ ลงั งานจากดวงอาทิตยท์ ่ีโลกสะสมไวเ้ ป็นเวลาหลายร้อยลา้ นปี ในรูปของน้าเช้ือเพลิง ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ จนเกือบจะหมดแลว้ ในปัจจุบนั น้ี การสะสมพลงั งานจากดวงอาทิตย์นบั วา่ มีประสิทธิภาพดีไดม้ าจากขบวนการสงั เคราะห์แสง (photosynthesis) ของพชื เป็ นบอ่ เกิดของ

9พลงั งาน ตลอดจนปัจจยั สี่ของมนุษย์ แตเ่ มื่อมีมนุษยม์ ากข้ึน และมีการร่อยหรอไปของพลงั งานดึกดาบรรพ์การเสาะแสวงหาพลงั งานจากแหล่งอื่นจึงเป็นเรื่องท่ีจาเป็ น ผกั ตบชวาจดั ไดว้ า่ เป็ นพชื มีประสิทธิภาพดีเยยี่ ม ในการสะสมพลงั งานจากดวงอาทิตย์ ท้งั น้ีเพราะมนั มีโครงสร้างที่เหมาะสม อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มที่มีน้า และอาหารธาตุบริบูรณ์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในประเทศไทยซ่ึงมีอุณหภูมิเหมาะต่อการเจริญเติบโตของมนั ตลอดปี พลงั งานที่ผกั ตบชวาสะสมไวใ้ นโครงสร้างของมนั สามารถนามาใช้ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งคุม้ คา่หากได้ มีการศึกษาคน้ ควา้ หาวธิ ีการท่ีเหมาะสม -ช่วยทาใหอ้ ากาศบริสุทธิและเยน็ สบาย พชื ทุกชนิดมีคุณสมบตั พั ิเศษกล่าวคือ ช่วยคายกา๊ ซออกซิเจน ซ่ึงเป็นผลผลิตพลอยไดข้ องขบวนการสังเคราะห์แสง และช่วยลดอุณหภูมิของอากาศจากขบวนการคายน้า (transpiration) แต่ผกั ตบชวาเป็นพืชท่ีเจริญเติบโตเร็วกวา่ พชื อ่ืน ๆ จึงช่วยทาใหเ้ กิดกา๊ ซออกซิเจนมากกวา่ และลดอุณหภูมิของอากาศไดด้ ีกวา่ พืชอ่ืน ๆ ก๊าซออกซิเจนเป็นก๊าซที่จาเป็นสาหรับการหายใจของมนุษย์ สัตว์ และส่ิงที่มีชีวติ ท้งั มวล -ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากวชั พืชใตน้ ้า ผกั ตบชวาลดปริมาณของวชั พืชใตน้ ้าลงอยา่ งมากท้งั น้ีเพราะผกั ตบชวาลอยอยเู่ หนือน้า จึงไปบดบงั แสงแดด และดูดธาตุอาหารส่วนใหญใ่ นน้าไป หากกาจดั ผกั ตบชวาจนหมดสิ้นไป วชั พืชใตน้ ้าจะเจริญเติบโตข้ึนแทนท่ี และเป็นปัญหาที่แกย้ ากกวา่ ผกั ตบชวามากมาย ตวั อยา่ งที่เกิดข้ึนเม่ือเร็วๆ น้ีก็คือการระดมลูกเสือชาวบา้ นกาจดั ผกั ตบชวาอยา่ งราบคาบที่กวา๊ นพะเยามีผลทาใหเ้ กิดสาหร่ายใตน้ ้าข้ึนอยา่ งหนาทึบจนไมม่ ีทางปราบไดส้ าเร็จ แมว้ า่ ชาวบา้ นจะใตน้ ้าไปเล้ียงหมูเป็นประจา ก็ไม่สามารถสู้กบั การเจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็วของสาหร่ายเหล่าน้ีได้ -เป็นท่ีอยขู่ องปลาและสตั วน์ ้า สภาพใตแ้ พผกั ตบชวาเหมาะสาหรับการดารงชีพของปลาและ สัตว์น้าอ่ืน ๆ ซ่ึงเป็นอาหารบริบูรณ์ การทาพุม่ กลาง ท่ีคลองบางขาม อาเภอทา่ วงุม้ และอาเภอบา้ นหมี่ จงั หวดัลพบุรีและที่ทะเลนอ้ ย จงั หวดั พทั ลุง เป็นตวั อยา่ งที่แสดงใหเ้ ห็นถึงประโยชน์ (ต่อผูเ้ ล้ียงปลา) ของผกั ตบชวาช่วยทาใหเ้ กิดทศั นียภาพที่เจริญตา แมว้ า่ แพผกั ตบชวาจะเป็นท่ีราคาญตาของคนบางประเภท โดยเฉพาะถา้ไมก่ ่อใหเ้ กิดปัญหาแก่คนเหล่าน้นั แต่ผกั ตบชวาท่ีข้ึนอยใู่ นคูคลองที่ไมไ่ ดม้ ีการสัญจรทางน้า และการใช้ประโยชน์อ่ืนใด ก็เป็ นทศั นียภาพที่สวยสดงดงาม มีสีเขียวท่ีสดใส และมีดอกสีฟ้าที่งดงามทาให้ เกิดความเจริญตาเจริญใจ ดีกวา่ ปล่อยใหเ้ ห็นพ้ืนน้าคร่าดาสกปรกส่งกล่ินเหมน็ ตลบอบอวลหรือมีหญา้ อยา่ ง อ่ืนข้ึนรกรุงรัง การบริโภค ดอกอ่อนและกา้ นใบออ่ นกินเป็นผกั ลวกจิ้มน้าพริกหรือทาแกงส้ม ใชเ้ ป็ นอาหารเล้ียงสัตว์ เช่นหมู ใชท้ าป๋ ุยหมกั กา้ นและใบอ่อนนามารับประทานได้ เครื่องจกั สานผกั ตบชวาดา้ นสมุนไพร ใชแ้ กพ้ ษิ ภายในร่างกาย และขบั ลม ใชท้ าหรือพอกแกแ้ ผลอกั เสบ อาหารสัตว์ โดยปกติ ปศุสตั วห์ ลายชนิดกินผกั ตบชวาอยแู่ ลว้ กล่าวคือ ววั ควาย แพะ แกะ หินผกั ตบชวาที่ข้ึนอยรู่ ิมฝั่งตามธรรมชาติ ปลาบางชนิดกินผกั ตบชวาในน้า หมูกินผกั ตบชวาท่ีผเู้ ล้ียงเก็บมาตม้

10ใหก้ ิน สัตวเ์ หล่าน้ี จะช่วยกาจดั ผกั ตบชวาใหล้ ดนอ้ ยลงได้ และเรายงั ไดป้ ระโยชน์จากสัตวเ์ ล้ียงเหล่าน้ีดว้ ยอยา่ งไรก็ตาม เจา้ ของสตั วเ์ ล้ียงเหล่าน้ีไม่ควรปลูกเล้ียงผกั ตบชวาในที่สาธารณะ เพราะเป็นการช่วยส่งเสริมการแพร่กระจายของผกั ตบชวาไปในที่ตา่ งๆ อีกท้งั ยงั เป็นสิ่งที่ผดิ กฎหมายตาม พรบ. สาหรับกาจดัผกั ตบชวาอีกดว้ ย ในปัจจุบนั ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีการนาผกั ตบชวาไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์โดยการบดเอาน้าออก อบให้แหง้ แลว้ อดั เป็นเมด็ แบบเดียวกบั มนั สาปะหลงั เมด็ ผกั ตบชวาแหง้ มีโปรตีน11.15% ซ่ึงนาวา่ สูงพอสมควร ป๋ ุย ผกั ตบชวามาตุโปแตสเซียมอยมู่ ากเป็นพิเศษ ส่วนธาตุในโตรเจนและฟอสฟอรัส ก็มีพอสมควรและข้ึนอยกู่ บั สภาพของน้าที่มนั ข้ึนอยกู่ บั สภาพของน้าที่มนั ข้ึนอยู่ เราอาจจะนาผกั ตบชวาไปทาป๋ ุยได้ 32 วธิ ีคือ (1) ปล่อยใหแ้ หง้ แลว้ เผาเพื่อเก็บข้ีเถา้ ซ่ึงมีโปแตสเซียมอยถู่ ึง 20% เอาไปใส่ใหแ้ ก่พืชปลูก ซ่ึงมีขอ้ไดเ้ ปรียบตรงที่ไมต้ อ้ งขนหนกั แตก่ ็ไดเ้ ผาอินทรียวตั ถุที่พืชตอ้ งการไปหมด (2) ทาเป็นป๋ ุยหมกั โดยกองสลบั ช้นั กบั ดิน ป๋ ุยคอก ขยะ ฯลฯ ซ่ึงจะเน่าเปื่ อยเป็นป๋ ุยหมกั นาไปใชไ้ ด้ภายใน 2 เดือน ระหวา่ งหมกั ควรกลบั กองป๋ ุยหมกั ทุกๆ 15 วนั โดยเอาส่วนบนลงล่างและส่วนล่างข้ึนบนกลบั กองป๋ ุยหมกั สัก 2 คร้ัง จากน้นั กป็ ล่อยใหค้ ่อยๆ กลายเป็นป๋ ุยหมกั ซ่ึงจะมีสีดาคล้า ป๋ ุยหมกั จากผกั ตบชวา(ผสมดิน) มีองคป์ ระกอบคือ ไนโตรเจน 2.05% ฟอสฟอรัส 1.1% โปแตสเซียม 2.5% ธาตุท้งั สามอยา่ งน้าเป็นอาหารธาตุที่จาเป็นแก่การเจริญเติบโตของพชื ทุกชนิดในดิน ป้องกนั ไม่ให้วชั พืชข้ึน และเม่ือสลายตวั ก็กลายเป็นอินทรียวตั ถุและป๋ ุยใหแ้ ก่พืชปลูก (3) ทาวสั ดุคลุมดิน โดยกานาผกั ตบชวาไปคลุมพชื ปลูก เพื่อช่วยรักษาความชุ่มช้ืนไวใ้ นดิน ป้องกนัไม่ใหว้ ชั พชื ข้ึน และเมื่อสลายตวั กก็ ลายเป็นอินทรียวตั ถุและป๋ ุยใหแ้ ก่พืชปลูก เพาะเห็ด ผกั ตบชวาท่ีตากแดดจนแหง้ ดีแลว้ สามารถนามาเพาะเห็ดฟางไดด้ ี วธิ ีท่ีเหมาะท่ีสุดก็คือใชผ้ กั ตบชวาแหง้ 1 ส่วน สลบั กบั ฟางขา้ ว 1 ส่วน ควรใชล้ งั ไมเ้ ป็นแบบในการกองเห็ด ขนาดของลงัประมาณ 30 x 30 x 50 ซม. เพื่อความสะดวกในการยกกองเห็ดออกจากลงั ควรทาลงั ไมเ้ ป็น 2 ส่วน ไม่มีฝาบนและล่าง แลว้ ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั โดยใชส้ ายยเู ก่ียว วางลงั ท่ีประกอบแลว้ ลงบนแผน่ ไม้ วางผกั ตบชวาแหง้ ที่แช่น้าใหช้ ุ่มลงในลงั เป็นช้นั สูงประมาณ 10 ซม. แลว้ กดใหแ้ น่น โรยเช้ือเห็ดตามริม (ลึกเขา้ ไปประมาณ 2-3 ซม.) วางฟางขา้ วท่ีแช่น้าใหช้ ุ่มเป็ นช้นั แบบเดียวกบั ช้นั ผกั ตบชวา แลว้ โรยเช้ือเห็ดดว้ ยวธิ ีเดียวกนั วางผกั ตบชวาและฟางขา้ วสลบั ช้นั เช่นน้ีจนกระทง่ั ถึงปากลงั ดา้ นบนโรยเช้ือเห็ดท้งั หมด กองหน่ึงใชเ้ ช้ือเห็ดประมาณคร่ึงกระป๋ อง (กระป๋ องละ 3 บาท) จากน้นั กแ็ กะไมแ้ บบลงั ออก ยกกองเห็ดเขา้ ไปไวใ้ นที่อบั ลมและช้ืน เช่นใตถ้ ุนบา้ น เพ่อื ช่วยใหเ้ ห็ดมีความช้ืนมากๆ ควรทาท่ีกาบงั ลมโดยใชแ้ ผงจาก แฝก หรือ

11แผน่ พลาสติกก้นั รักษาใหค้ วามช้ืนอยเู่ สมอ จะเกิดดอกเห็ดท้งั ดา้ นขา้ ส่ีดา้ นและดา้ นบนประมาณวนั ท่ี 7ปริมาณเห็ดที่เกิดบนไดป้ ระมาณกองละ 1 กิโลกรัม ซากผกั ตบชวาและฟางขา้ วท่ีเกบ็ เห็ดไปหมดแลว้ ใชเ้ ป็ นป๋ ุยหมกั หรือวสั ดุคลุมดินไดเ้ ป็นอยา่ งดี การกองเห็ดกองขนาดน้ีจะใชเ้ วลาไมเ่ กิน 10 นาที หากสามารถทาได้ทุกวนั ๆ ละกองจะมีเห็ดฟางรับประทานวนั ละ 1 กิโลกรัม ถา้ หากรับประทานไมห่ มด ก็สามารถนาไปจาหน่ายไดใ้ นราคาเฉลี่ยประมาณกิโลกรัม 15 บาท โดยลงทุนคา่ เช้ือเห็ดเพียง 1.510 บาท หรือไดก้ าไรถึง 10เท่าระบบบาบดั นา้ เสียด้วยพชื นา้ ระบบบาบดั น้าเสียโดยใชพ้ ชื น้าเป็นระบบบาบดั น้าเสียโดยวธิ ีธรรมชาติ อาศยั พชื น้า จุลินทรียแ์ ละดินเป็นตวั บาบดั มีกลไก ในการบาบดั น้าเสียคือ ในการลดปริมาณบีโอดี สารอินทรียท์ ี่ตกตะกอนไดจ้ ะจมตวั ลงสู่กน้ บึงเกิดการยอ่ ยสลายแลว้ ซึมลงดิน ส่วนสารละลายอินทรียถ์ ูกกาจดั โดยจุลินทรียท์ ้งั ที่เกาะติดอยู่กบั พชื น้าและแขวนลอยอยใู่ นน้า สารแขวนลอยส่วนใหญ่จะจมตวั อยใู่ นช่วงตน้ ๆ ของระบบ การลดปริมาณไนโตเจนจะเป็นไปตามกระบวนการ Nitrification และ Denitrification ซ่ึงแอมโมเนียจะถูกเปล่ียนเป็นไนเตรทโดย Nitrifying Bacteria ในสภาพท่ีมีออกซิเจน แลว้ ไนเตรทจะถูกเปลี่ยนเป็นแกส๊ไนโตรเจนในสภาพท่ีไร้ออกซิเจน โดย denitrifying bacteria ส่วนการลดปริมาณฟอสฟอรัส มกั จะเกิดท่ีช้นัดินส่วนพ้นื บึง และพืชน้าที่ใชใ้ นการบาบดั จะใชพ้ ืชพ้ืนเมืองท่ีมีอยแู่ ลว้ ในพ้นื ท่ีน้นั ๆ เพือ่ ช่วยบาบดั น้าเสียโดยน้าเสียท่ีผา่ นการบาบดั แลว้ จะอยใู่ นเกณฑม์ าตราฐานน้าทิ้งท่ีอาจซึมลงดินเพื่อเพ่มิ น้าในดิน หรือระบายลงสู่แหล่งน้าใกลเ้ คียง นอกจากน้ีการดูแลรักษาระบบน้ีง่ายและเสียค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ย ดงั น้นั ระบบบาบดั น้าเสียดว้ ยพืชน้าน้ี จึงเป็นท่ีนิยมและไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งกวา้ งขวางในปัจจุบนั (Senzia M., Mashauri D., MayoA., 2003) ภาพที่ 2 ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ (ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ, 2555)

12การบาบัดนา้ เสียโดยใช้พืชในบึงมกั กะสัน ระบบบาบดั น้าเสียในบึงมกั กะสนั เป็นแบบธรรมชาติที่เรียกวา่ ระบบ Oxidation Pond หรือ \"ระบบสายลมแสงแดด\" ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นบ่อดิน ลึก 0.5 - 2 เมตร และแสงสวา่ งสามารถส่องลงไปในน้าภายในบอ่ได้ มีการปลูกผกั ตบชวา ในบ่อเพือ่ ดูดซบั สารอาหารและโลหะหนกั จากน้าในบอ่ เป็ นการทางานร่วมกนั ของพชื น้า (สาหร่าย) กบั แบคทีเรีย ในช่วงกลางวนั สาหร่ายจะใชก้ า๊ ซคาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้าและแสงแดดดาเนินกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (Photosynthesis) เพอ่ื ผลิตคาร์โบไฮเดรตสาหรับการเติบโตและการขยายพนั ธุ์ของตนเอง พร้อมกบั ปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนสาหรับใหแ้ บคทีเรียใชใ้ นการ ยอ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นน้าเสีย (ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ, 2555)บทบาทในการกาจัดนา้ เสีย ผกั ตบชวาสามารถช่วยในการบาบดั น้าเสีย โดยการทาหนา้ ท่ีกรองน้าที่ไหลผา่ นกอผกั ตบชวาอยา่ งชา้ ๆ ทาใหข้ องแขง็ แขวนลอยตา่ งๆ ที่ปนอยใู่ นน้าถูกสกดั ก้นั กรองออก นอกจากน้นั ระบบรากที่มีจานวนมากจะช่วยกรองสารอินทรียท์ ่ีละเอียด และจุลินทรียท์ ่ีอาศยั เกาะอยทู่ ี่ราก จะช่วยดูดสารอินทรียไ์ วด้ ว้ ยอีกทางหน่ึง รากผกั ตบชวาจะดูดสารอาหารที่อยใู่ นน้า ทาใหไ้ นโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้าเสียจึงถูกกาจดั ไปอยา่ งไรก็ตามไนโตรเจนในน้าเสียน้นั ส่วนมากจะอยใู่ นรูปสารประกอบทางเคมี เช่น สารอินทรียไ์ นโตรเจนแอมโมเนียไนโตรเจน และไนเตรทไนโตรเจน พบวา่ ผกั ตบชวาสามารถดูดไนโตรเจนไดท้ ้งั 3 ชนิด แตใ่ นปริมาณที่แตกตา่ งกนั คือ ผกั ตบชวาสามารถดูดอินทรียไ์ นโตรเจนไดส้ ูงกวา่ ไนโตรเจนในรูปอ่ืนๆ คือประมาณ 95 % ขณะที่ไนเตรทไนโตรเจน และแอมโมเนียไนโตรเจน จะเป็ นประมาณ 80 % และ 77 %ตามลาดบั [6] สถานที่แรกในประเทศไทยที่ใชก้ ารบาบดั ดว้ ยวธิ ีน้ีคือ \"บึงมกั กะสนั \" ซ่ึงเป็นโครงการบึงมกั กะสนั อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั โดยใชห้ ลกั การบาบดั น้าเสียตามแนวทฤษฎีการพฒั นาโดยการกรองน้าเสียดว้ ยผกั ตบชวา (Filtration)ตวั อยา่ งระบบบาบดั น้าเสียโดยใชพ้ ชื น้าร่วมกบั ระบบน้าเสียระบบอื่นๆระบบบาบดั นา้ เสีย บงึ พระราม 9 เป็นอีกระบบหน่ึงท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริ เป็ นระบบ ที่ใช้กระบวนการทางชีววทิ ยาผสมผสานกบั เครื่องกลเติมอากาศแบบ สระเติมอากาศชีวภาพบาบดั เป็นหลกัจาเป็นตอ้ งใชเ้ ครื่อง เติมอากาศลงไปในน้า โดยทาเป็นระบบสระเติมอากาศ (Aerated Lagoon) เป็นการให้แบคทีเรียเป็ นตวั กาจดั สารอินทรียใ์ นน้าทิ้ง ดว้ ยปฏิกิริยาแบบใชอ้ อกซิเจนในสระอากาศ (Aerated Lagoon)

13เป็นเวลา 16 ชว่ั โมง จึงจาเป็นตอ้ งมีกา๊ ซออกซิเจนในน้าอยา่ ง พอเพยี งตลอดข้นั ตอนน้ี แลว้ ใหน้ ้าไหลออกจากสระดงั กล่าวไปสู่บอ่ ก่ึงไร้อากาศ (Facultative Pond) เพือ่ การตกตะกอนและการ ขจดั สารอินทรีย์คงเหลือ โดยใหเ้ วลาแก่กระบวนการดงั กล่าว 2-4 ชวั่ โมง ตอ่ จากน้นั จึงปล่อยน้าใส ซ่ึงเป็นน้าเสียที่บาบดัแลว้ จากบ่อก่ึงไร้อากาศกลบั คืนสู่คลองลาดพร้าว ซ่ึงเป็นคลองส่งน้าเสียลงสู่บึงมกั กะสันแตแ่ รก ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ (ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ, 2555)การบาบดั นา้ เสียโดยใช้พืชนา้ กบั การเตมิ อากาศ เป็นระบบบาบดั น้าเสียอีกระบบหน่ึงท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ได้ พระราชทานพระราชดาริเป็นประเดิม กรณีระบบหนองสนม ประกอบดว้ ย 3 ส่วน คือ (ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ,2555) ส่วนแรกเป็ น การบาบดั น้าเสียดว้ ยกกอียปิ ต์ โดยการปล่อยน้าเสียเขา้ ไปบนลานกอ้ นกรวดเสียก่อนเพ่ือใหก้ อ้ นกรวดทาหนา้ ที่กรองสารแขวนลอยออกจากน้าเสีย พร้อมกบั ช่วยเติมก๊าซ ออกซิเจน ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กิดจุลินทรียเ์ กาะตามกอ้ นกรวดมากข้ึน อนั จะนาไปสู่การยอ่ ยสลายสารอินทรียท์ ี่มีอยใู่ นน้าเสียไดม้ ากข้ึนแลว้ จึงปล่อยน้าเสียผา่ นตะแกรงดกั เศษขยะท่ีติดต้งั ไวท้ างดา้ นทา้ ยของลานน้นั ออกไปยงั บ่อที่ปลูกกกอียปิ ต์ไวเ้ พ่ือกาจดั สารอินทรีย์ ในน้าเสียอีกต่อหน่ึง จากน้นั จึงปล่อยใหไ้ หลเขา้ สู่บ่อตกตะกอนตามธรรมชาติ ส่วนที่สอง การเร่งการตกตะกอนและการลดสารพษิ โดยใชก้ งั หนั น้าชยั พฒั นาเติมกา๊ ซออกซิเจนเขา้ ไปในน้าเสียในข้นั ตอนสุดทา้ ยของส่วนแรก เพอื่ เร่งการยอ่ ยสลายสารอินทรียท์ ี่ละลายอยใู่ นน้าน้นั ให้กลายเป็นตะกอนจุลินทรีย์ (Sludge) ที่ตกตะกอนไดร้ วดเร็ว แลว้ ปล่อยน้าเสียท่ีตกตะกอนดงั กล่าวแลว้ น้นัเขา้ สู่บอ่ ผกั ตบชวา เพ่อื ใหผ้ กั ตบชวาดูดซบั สารพษิ ต่าง ๆ ที่เหลืออยไู่ ว้ ตอ่ จากน้นั จึงส่งน้าเสียน้นั กลบั เขา้ สู่บอ่ ตกตะกอนอีกคร้ังหน่ึง เพ่ือใหไ้ ดน้ ้าท่ีใสสะอาดยง่ิ ข้ึน ส่วนท่ีสุดทา้ ย เป็นการปรับปรุงคุณภาพน้าใหด้ ียงิ่ ข้ึนโดยใชก้ งั หนั น้าชยั พฒั นาเติมอากาศเขา้ ไปเป็นข้นั สุดทา้ ย พร้อมกบั ปลูก ผกั ตบชวาก้นั เป็นคอกเรียงสลบั กนั เป็นแถว ๆ ไว้ เพอื่ ดูดซบั สารพิษอีกคร้ังหน่ึงและเป็นท่ีอยอู่ าศยั ของสัตวน์ ้าดว้ ย ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริการบาบัดนา้ เสียโดยใช้พืชในหนองหาน สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริใหผ้ นั น้าเสียดว้ ยท่อและคูน้ามารวมไว้ ณ จุดท่ีเหมาะสม เพื่อบาบดั ใหม้ ีคุณภาพ ดีข้ึนเสียก่อน แลว้ จึงระบายลงสู่หนองหาน ทรงแนะนาใหใ้ ชร้ ะบบบอ่ ผ่งึ(Wastewater Stabilization Ponds) ในข้นั ตอนแรก และระบบบาบดั น้าเสียดว้ ยพืชน้า (Constructed Wetland

14for Wastewater Treatment ) ในลาดบั ถดั ไป ซ่ึงแบ่งออกเป็น 4 เซลล์ แตล่ ะเซลลป์ ระกอบดว้ ย หนองน้าต้ืน(Marsh) ขนาบสองดา้ นของบ่อน้าลึก (pond) ที่อยตู่ รงกลาง หนองน้าต้ืนมีความลึกของน้า 10-20 เซนติเมตรและใชป้ ลูกพชื น้า ไดแ้ ก่ ธูปฤาษี กกเล็ก กกกลม กกอียปิ ต์ แหว้ กระเทียม กกสามเหลี่ยม หญา้ ปลอ้ งละมานแพงพวยน้า ตาลปัตรฤาษี เอ้ืองเพชรมา้ พทุ ธรักษา บอน ขาเขียด ผกั ตบไทย ผกั บุง้ เพื่อลดค่าบีโอดี ลดปริมาณของแขง็ แขวนลอย ที่เกิดจากสาหร่ายสีเขียว กาจดั แบคทีเรียชนิด Faecal Coliform เปลี่ยนรูปของธาตุไนโตรเจนให้เป็นแอมโมเนีย และลดปริมาณ ฟอสฟอรัส บอ่ น้าลึก มีความลึกของน้า 1 เมตร และใช้ปลูกพชื น้า ไดแ้ ก่ สาหร่ายหางกระรอก บวั สาย ดีปลีน้า ดีปลีน้าเล็ก กระจบั เพ่อื เปล่ียนรูปของธาตุไนโตเจนใหเ้ ป็นไนเตรท เปล่ียนไนเตรทใหเ้ ป็นกา๊ ซไนโตรเจน และลดปริมาณฟอสฟอรัส พืชน้าที่ปลูก จะเติบโตอยา่ งสมบูรณ์ในเวลาประมาณ 6 - 12 เดือน นบั ต้งั แตน่ ้นั เป็นตน้ ไป ระบบบาบดั น้าเสียน้ีกจ็ ะสามารถบาบดัน้าเสียใหเ้ ป็น น้าดีไดอ้ ยา่ งเต็มที่ (ระบบบาบดั น้าเสียโครงการพระราชดาริ, 2555)สรุปการบาบัดนา้ เสียโดยใช้พืช ในการนาเทคโนโลยกี ารบาบดั น้าเสียดว้ ยระบบพชื กรองน้าเสียสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดท้ ว่ั ไปท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั การออกแบบและจานวนหน่วยของระบบเพ่ือใชใ้ นการรองรับจานวนประชากรในชุมชน หากมีประชากรนอ้ ยกวา่ หรือมากกวา่ สามารถทาไดโ้ ดยการขยายหรือลดขนาดความกวา้ งของแปลงได้ ในการปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้าท่ีมีอยแู่ ลว้ เช่น บึงและหนองต่างๆ เพือ่ ทาเป็ นแหล่งบาบดั น้าเสีย ไมว่ า่ จะเป็นน้าเสียจากครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญต่ า่ งกถ็ ่ายสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอย จนเกิดปัญหาภาวะส่ิงแวดลอ้ มเสื่อมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็นแหล่งเพาะเช้ือโรคกส็ ามารถประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบบาบดั น้าเสียโดยการใชก้ ารฟ้ื นฟูสภาพดว้ ยพืชได้ ท้งั เป็ นการช่วยลดปัญหามลพิษทางน้าและประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการดูแลระบบบาบดัน้าเสีย

15 บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน แผนการปฏบิ ัตงิ าน ระยะเวลา ตุลาคม พฤศจิกายนลาดับ การดาเนินงาน1 ไดร้ ับหวั ขอ้ โครงการ สัปดาห์ สัปดาห์ สปั ดา สปั ดาห์ สัปดาห์ สปั ดาห์ สัปดาห์ สัปดาห์ ท่ี1 ท่ี2 ห์ท่ี3 ท่ี4 ท่ี1 ที่2 ที่3 ที่42 รวมกลุ่ม คน้ ควา้ หา ขอ้ มูลเกี่ยวกบั โครงการ บาบดั น้าเสียบึง มกั กะสนั3 จดั ทารูปเล่มรายงาน4 นาเสนอความคืบหนา้ ของโครงการ และรับคา แนะนาจากอาจารย์ ประจารายวชิ า5 ปรับปรุงและแกไ้ ข รูปเล่มรายงาน6 ทา power point นาเสนอ 7 นาเสนอโครงการ ตางรางที่ 1. การวงแผนการปฏบิ ตั งิ าน

16 บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน ผลการดาเนินงานในการจดั ทาโครงงานการบาบดั น้าเสียท่ีบึงมกั กะสันซ่ึงเป็นโครงการในพระราชดาริของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่9 เป็นการนาผกั ตบชวามาใชใ้ นการบาบดั น้าเสีย ซ่ึงบึงมกั กะสนั เป็นบึงขนาดใหญท่ ่ีอยใู่ จกลางกรุงเทพมหานคร ซ่ึงการรถไฟ แห่งประเทศไทยไดข้ ดุ ข้ึน ในปีพ.ศ. 2474 เพ่ือใชเ้ ป็นแหล่งระบายน้าและรองรับ น้าเสีย รวมท้งั น้ามนั เครื่องจากโรงงานรถไฟมกั กะสัน ทาใหบ้ ึงมกั กะสันต้ืนเขิน จากการตกตะกอนของสารแขวนลอย ครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญ่ตา่ งกถ็ ่ายส่ิงปฏิกูลและขยะมูลฝอยลงสู่บึงมกั กะสนั จนเกิด ปัญหาภาวะส่ิงแวดลอ้ มเสื่อมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็ นแหล่งเพาะเช้ือโรคแห่งหน่ึง ทางผจู้ ดั ทาไดค้ น้ ควา้ และรวบรมขอ้ มูลจากท้งั อินเทอร์เน็ตและหนงั สืออา้ งอิงตา่ งๆของโครงการท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี9ทรงงานไว้ ทาใหท้ ราบวา่ ผกั ตบชวาสามารถช่วยในการบาบดั น้าเสีย โดยการทาหนา้ ท่ีกรองน้าที่ไหลผา่ นกอผกั ตบชวาอยา่ งชา้ ๆ ทาใหข้ องแขง็ แขวนลอยตา่ งๆ ท่ีปนอยใู่ นน้าถูกสกดั ก้นั กรองออก นอกจากน้นั ระบบรากท่ีมีจานวนมากจะช่วยกรองสารอินทรียท์ ี่ละเอียดและจุลินทรียท์ ่ีอาศยั เกาะอยทู่ ่ีราก จะช่วยดูดสารอินทรียไ์ วด้ ว้ ยอีกทางหน่ึง รากผกั ตบชวาจะดูดสารอาหารท่ีอยใู่ นน้า ทาใหไ้ นโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้าเสียจึงถูกกาจดั ไปได้ ในวตั ถุประสงคข์ องโครงงานเพื่อท่ีศึกษาใหเ้ ขา้ ใจในโครงการบาบดั น้าเสียและสามารถนาไปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวติ ได้ ตลอดจนสามารถนาความรู้ท่ีไดจ้ ากการทาโครงงานไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั

17 บทที่ 5 สรุปและข้อเสนอแนะจากการศึกษาโครงการบาบดั น้าเสียบึงมกั กะสนั ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ช้นั ปี ที่ ๑ กลุ่มที่ ๑๖ โดยมีรายละเอียด และผลการศึกษาดงั น้ี ๑. วตั ถุประสงค์ของการศึกษา การศึกษาคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือศึกษาการนาผกั ตบชวามาใชใ้ นการบาบดั น้าเสียโดยนาเทคโนโลยกี ารบาบดั น้าเสียดว้ ยระบบพืชกรองน้าเสียสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดท้ วั่ ไป ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั การออกแบบและจานวนหน่วยของระบบเพื่อใชใ้ นการรองรับจานวนประชากรในชุมชน หากมีประชากรนอ้ ยกวา่ หรือมากกวา่ สามารถทาไดโ้ ดยการขยายหรือลดขนาดความกวา้ งของแปลงได้ ในการปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้าท่ีมีอยแู่ ลว้ เช่น บึงและหนองตา่ งๆ เพื่อทาเป็ นแหล่งบาบดั น้าเสีย ไมว่ า่ จะเป็นน้าเสียจากครัวเรือน ซ่ึงส่วนใหญ่ตา่ งก็ถ่ายสิ่งปฏิกลู และขยะมูลฝอย จนเกิดปัญหาภาวะส่ิงแวดลอ้ มเส่ือมโทรมและน้าเน่าเสียกลายเป็นแหล่งเพาะเช้ือโรคกส็ ามารถประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบบาบดั น้าเสียโดยการใชก้ ารฟ้ื นฟูสภาพดว้ ยพชื ได้ ท้งั เป็นการช่วยลดปัญหามลพิษทางน้าและประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายในการดูแลระบบบาบดั น้าเสีย การดาเนินการวจิ ยั ผวู้ จิ ยั ไดร้ วบรวมขอ้ มูลจากหนงั สือ วทิ ยานิพนธ์ เวบ็ ไซตต์ า่ งๆ ที่เกี่ยวกบั การนาผกั ตบชวามาใชใ้ นการบาบดั น้าเสีย ขอ้ มูลที่เกี่ยวกบั บึงมกั กะสนั และขอ้ มูลที่ไดจ้ ากอาจาร์ยที่วจิ ยั เกี่ยวกบัผกั ตบชวา ของมหาวทิ ยาลยั นเรศวร ๒. สรุปผลการศึกษา ๒.๑ ลกั ษณะทวั่ ไปของผกั ตบชวา ผกั ตบชวามีลาตน้ ส้ันแตกใบเป็นกอลอยไปตามน้า มีไหล ซ่ึงเกิดตามซอกใบแลว้ เจริญเป็นตน้ อ่อนท่ีปลายไหล ถา้ น้าต้ืนกจ็ ะหยง่ั รากลงดิน ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไขห่ รือเกือบกลม กา้ นใบกลมอวบน้าตรงกลางพองออกภายในเป็ นช่องอากาศคลา้ ยฟองน้าช่วยใหล้ อยน้าได้ ดอกเกิดเป็นช่อท่ีปลายยอดมีดอกยอ่ ย 3-25 ดอก สีมว่ งอ่อน มีกลีบดอก 6 กลีบ กลีบบนสุดขนาดใหญ่กวา่ กลีบอื่น ๆ และมีจุดเหลืองที่กลางกลีบ ขยายพนั ธุ์โดยการแยกตน้ อ่อนท่ีปลายไหลไปปลูก

18 ๒.๒ การบาบดั น้าเสียโดยใชพ้ ืชในบึงมกั กะสัน ระบบบาบดั น้าเสียในบึงมกั กะสันเป็นแบบธรรมชาติที่เรียกวา่ ระบบ Oxidation Pond หรือ \"ระบบ สายลมแสงแดด\" ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นบอ่ ดิน ลึก 0.5 - 2 เมตร และแสงสวา่ งสามารถส่องลงไปในน้าภายในบ่อได้ มีการปลูกผกั ตบชวา ในบอ่ เพือ่ ดูดซบั สารอาหารและโลหะหนกั จากน้าในบ่อ เป็นการทางานร่วมกนั ของพชืน้า (สาหร่าย) กบั แบคทีเรีย ในช่วงกลางวนั สาหร่ายจะใชก้ า๊ ซคาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้าและแสงแดดดาเนินกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (Photosynthesis) เพอื่ ผลิตคาร์โบไฮเดรตสาหรับการเติบโตและการขยายพนั ธุ์ของตนเอง พร้อมกบั ปลดปล่อยกา๊ ซออกซิเจนสาหรับใหแ้ บคทีเรียใชใ้ นการ ยอ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นน้าเสีย ๓. อภปิ รายผล น้าโสโครกหรือน้าเสียเป็นปัญหาที่ทวคี วามรุนแรงมากข้ึนตามระดบั การพฒั นาชุมชนและการพฒั นาประเทศที่เพม่ิ ข้ึน โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ ในชุมชนเมืองและในพ้ืนท่ีอุตสาหกรรม หากมิไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งทนั ท่วงทีจะส่งผลท่ีไมพ่ ึงประสงคอ์ ยา่ ง มากมายตอ่ คุณภาพชีวติ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงห่วงใยเรื่องน้ีอยา่ งยง่ิ ตลอดมา จึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริและทรง ดาเนินพระราชกรณียกิจตามแนวทางวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ เพื่อแกป้ ัญหาดงั กล่าวน้ีไวห้ ลายประการ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี บึงมกั กะสันมีขนาดใหญม่ าก อยใู่ จกลางกรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งระบายน้าและรองรับน้าเสียรวมท้งั น้ามนั เครื่องจาก โรงงานรถไฟมกั กะสนั ชีวปฏิกลู และขยะมูลฝอยจากชุมชนแออดั ซ่ึงอยโู่ ดยรอบเป็นเวลานานหลายปี อีกดว้ ย จนเกิดปัญหาภาวะ ส่ิงแวดลอ้ มเส่ือมโทรมและน้าเน่าเสีย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงภยั แห่งภาวะมลพิษดงั กล่าวที่พสกนิกรจะไดร้ ับ โดยตรงมากข้ึนตามกาลเวลา จึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาริเก่ียวกบั \"เคร่ืองกรองน้าธรรมชาติ\" เม่ือวนั ที่ 15และ 20 เมษายน พ.ศ. 2528 เพ่อืบาบดั น้าเสียในบึงมกั กะสัน ดงั พระราชดารัสตอนหน่ึงวา่ \"….บึงมกั กะสันน้ีทาโครงการท่ีเรียกวา่ แบบคนจน โดยใชห้ ลกั วา่ ผกั ตบชวาที่มีอยทู่ วั่ ไปน้นั เป็ นพืชดูดความโสโครกออกมา แลว้ ก็ทาใหส้ ะอาดข้ึนได้ เป็ นเคร่ืองกรองธรรมชาติ ใชพ้ ลงั งานแสงอาทิตย์ และธรรมชาติของการเติบโตของพืช….\" นอกจากน้ียงั ได้พระราชทานพระราชาธิบายเกี่ยวกบั ผกั ตบชวาเป็นการเฉพาะวา่ \"….แนะนา วา่ ผกั ตบชวาน้ีใชไ้ ดห้ ลายทางใชม้ าหมกั เป็นป๋ ุยไดข้ อ้ หน่ึง ถา้ จะทาเป็นก๊าซชีวภาพกไ็ ดข้ อ้ หน่ึง ถา้ จะนามาใชเ้ ป็ นอาหารสตั วก์ ็ได้ แม้ตอ่ ไปจะใชเ้ ป็นอาหารสาหรับมนุษยก์ ไ็ ด้ เพราะวา่ ค่าโปรตีนในผกั ตบชวามีสูงพอสมควร จะใชม้ าทา

19ประกอบกบั แกลบมาอดั เป็ นฟื นหรือที่เรียกวา่ ถ่าน แทน ถ่านท่ีเขาใชเ้ ผากนั ทาใหป้ ่ าไมเ้ สียหาย ซ่ึงก็ได้ทดลองแลว้ ไดผ้ ลดี….\" ระบบบาบดั น้าเสีย \"บึงมกั กะสนั \" เป็นระบบบาบดั น้าเสียแบบธรรมชาติท่ีเรียกวา่ ระบบOxidationPond หรือ \"ระบบ สายลมแสงแดด\" ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นบอ่ ดิน ลึก 0.5 - 2 เมตร และแสงสวา่ งสามารถส่องลงไปในน้าภายในบอ่ ได้ มีการปลูกผกั ตบชวา ในบอ่ เพื่อดูดซบั สารอาหารและโลหะหนกั จากน้าในบ่อ เป็ นการทางานร่วมกนั ของพืชน้า (สาหร่าย) กบั แบคทีเรีย ในช่วงกลางวนั สาหร่ายจะใชก้ ๊าซคาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้าและแสงแดดดาเนินกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง (Photosynthesis)เพ่ือผลิตคาร์โบไฮเดรตสาหรับการเติบโตและการขยายพนั ธุ์ของตนเอง พร้อมกบั ปลดปล่อยกา๊ ซออกซิเจนสาหรับใหแ้ บคทีเรียใชใ้ นการ ยอ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นน้า ระบบบาบดั น้าเสีย \"บึงพระราม 9\" เป็นอีกระบบหน่ึงที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริ เป็นระบบ ที่ใชก้ ระบวนการทางชีววทิ ยาผสมผสานกบั เครื่องกลเติมอากาศแบบ \"สระเติมอากาศชีวภาพบาบดั \" เป็นหลกั โดยโปรดเกลา้ ฯพระราชทานพระราชดาริวา่ \"การใชว้ ธิ ีทางธรรมชาติแต่เพยี งอยา่ งเดียวไม่เพียงพอในการบาบดั น้าเสียใหด้ ีข้ึน จาเป็นตอ้ งใชเ้ ครื่อง เติมอากาศลงไปในน้า โดยทาเป็ นระบบสระเติมอากาศ (aerated lagoon)\" เป็นการใหแ้ บคทีเรียเป็นตวั กาจดั สารอินทรียใ์ นน้าทิ้ง ดว้ ยปฏิกิริยาแบบใชอ้ อกซิเจนในสระอากาศ (aeratedlagoon) เป็นเวลา 16 ชวั่ โมง จึงจาเป็นตอ้ งมีก๊าซออกซิเจนในน้าอยา่ ง พอเพยี งตลอดข้นั ตอนน้ี แลว้ ใหน้ ้าไหลออกจากสระดงั กล่าวไปสู่บ่อก่ึงไร้อากาศ (facultative pond) เพ่ือการตกตะกอนและการ ขจดัสารอินทรียค์ งเหลือ โดยให้เวลาแก่กระบวนการดงั กล่าว 2-4 ชวั่ โมง ตอ่ จากน้นั จึงปล่อยน้าใส ซ่ึงเป็นน้าเสียท่ีบาบดั แลว้ จากบอ่ ก่ึงไร้อากาศกลบั คืนสู่คลองลาดพร้าว ซ่ึงเป็นคลองส่งน้าเสียลงสู่บึงมกั กะสันแต่แรก ๔. ข้อเสนอแนะจากรายงานคร้ังนี้ ๔.๑ การที่ไดศ้ ึกษาเก่ียวกบั โครงการบาบดั น้าเสียบึงมกั กะสันเป็นการคน้ ควา้ จากหนงั สือและเวบ็ ไซต์ซ่ึงหาไดย้ ากท่ีจะตรงกบั เน้ือหาท่ีตอ้ งการจะศึกษาและมองไม่เห็นภาพวา่ โครงการจริงๆน้นั เป็นอยา่ งไรอาจจะตอ้ งใชก้ ารศึกษาสถานที่จริงเพือ่ ที่จะไดเ้ ขา้ ใจไดอ้ ยา่ งลึกซ้ึงมากยงิ่ ข้ึน ๔.๒ ควรมีการปรับปรุงหนงั สือใหม้ ีความครอบคลุม เพือ่ รองรับการใชบ้ ริการไดอ้ ยา่ งเพียงพอและมีลกั ษณะที่สอดคลอ้ งกบั การใชบ้ ริการ

20 ๔.๓ ควรมีการสื่อสารระหวา่ งอาจารยก์ บั นกั ศึกษาในเรื่องของการจดั ทามากยงิ่ ข้ึน โดยช้ีแจงใหล้ ะเอียดในลกั ษณะของการจดั ทารูปเล่ม

เอกสารอ้างองิ กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม.(2557). พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั กบั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม. กรุงเทพมหานคร: อรุณการพิมพ์ ชูศกั ด์ิ วาดอา้ ยวงค.์ (2555). การออกแบบเฟอร์นิเจอร์จากผกั ตบชวาของกลุ่มแม่บา้ นเกษตรบา้ นออ้ ย อ.สรรพยา จ.ชยั นาท. วทิ ยานิพนธ์ สภ.บ., มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, พษิ ณุโลก. ดร.บุญร่วม คิดคา้ , ดร.วพิ รพรรณ์ เนื่องเมก็ , ดร.วาสนา พิทกั ษพ์ ล, ดร.ภาวนิ ี จนั ทรวจิ ิตร.(2556). การจดั การผกั ตบชวาแบบบูรณาการ เพ่อื การพฒั นากวา๊ นพะเยาอยา่ งยง่ั ยนื .พะเยา : คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ, มหาวทิ ยาลยั พะเยา. นิศารัตน์ สรรคพงษ.์ (2555).การพฒั นาผลิตภณั ฑก์ ระเป๋ าผกั ตบชวา บา้ นคลองมหาดไทย. วทิ ยานิพนธ์ สถ.บ., มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, พษิ ณุโลก. สุทธิมล เกษสมบูรณ์.(12 ตุลาคม 2560).โครงการบาบดั น้าเสียบึงมกั กะสัน อนั เน่ืองมาจาก พระราชดาริ.พระบารมีลน้ ฟ้ามหานคร.สืบคน้ เม่ือ 13 ตุลาคม 2560,จากhttp://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=151325&t=news_special สานกั งาน กปร..(2535).โครงการบาบดั น้าเสียบึงมกั กะสนั .โครงการพฒั นาดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม. สืบคน้ เม่ือ 13 ตุลาคม 2560,จาก http://km.rdpb.go.th/Project/View/6639 ศาสตราจารย์ พลโท พศิ าล เทพสิทธา.(2543). พระมหากษตั ริยน์ กั วทิ ยาศาสตร์.กรุงเทพ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลิชชิ่ง จากดั