Giant Anaconda งอู นาคอนดา
คานา รายงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า อิเลก็ ทรอนิกส์ ช้นั ม.1/1 เพื่อใหไ้ ด้ ศึกษาหาความรู้ในเร่ือง Giant Anaconda และไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพือ่ เป็นประโยชน์ กบั การเรียน ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชนต์ ่อผอู้ า่ น หรือนกั เรียน นกั ศึกษาที่ กาลงั หาขอ้ มลู เร่ืองน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ ม รับไวแ้ ละขออภยั ณ ท่ีน้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา ด.ญ.ศุภิสรา โออ้ อมทรัพย์ ด.ญ.เอ้ือการย์ งามสม วนั ที่ 02/01/63
สารบัญ หนา้ 2 คานา 3 สารบญั 4,5 งูอนาคอนดา้ เขียว 6 ลกั ษณะงูอนาคอนดา้ เขยี ว 7 ที่อยอู่ าศยั งูอนาคอนดา้ เขียว 8 วธิ ีล่าเหยอ่ื ของงูอนาคอนดา้ เขียว 9 การผสมพนั ธุ์ของงูอนาคอนดา้ เขียว 10 11 แหล่งอา้ งอิ้ง(1) 12 งูเหลือม 13 ลกั ษณะของงูเหลือม 14 พฤติกรรมของงูเหลือม 15 . วิธีล่าเหยอื่ ของงูเหลือม 16 .การผสมพนั ธข์ องงูเหลือม แหล่งอ่างอิง
สายพนั ธ์ุงูทใี่ หญ่ท่สี ุด 1.งูอนาคอนดา้ เขียว (Eunectes murinus)
1.งูอนาคอนด้าเขยี ว (Eunectes murinus) เป็นงูขนาดใหญ่มากท่ีสุดในโลกท่ียงั คงสืบเผา่ พนั ธุม์ าจนถึงปัจจุบนั ชนิดหน่ึง มีช่ือ วทิ ยาศาสตร์วา่ Eunectes murinus อยใู่ นวงศย์ อ่ ย Boinae ในวงศใ์ หญ่ Boidae สามารถ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ชนิดยอ่ ย
ลกั ษณะงูอนาคอนด้าเขียว งอู นาคาคอนดาเขียวนบั เป็นงูอนาคอนดา ชนิดที่ใหญ่ที่สุดและรู้จกั ดีที่สุด เม่ือโตเตม็ ท่ีอาจยาว ไดถ้ ึง 30 ฟุต และหนกั ไดถ้ ึง 550 ปอนดม์ ีผวิ ลาตวั สีเขียว มีลายเป็นวงกลมสีดา ใตท้ อ้ งเป็นสีขาว ตาเป็นสีดา ตวั เมียมีขนาดใหญ่กวา่ ตวั ผมู้ าก
ทอ่ี าศัยของงูอนาคอนด้า อาศยั อยใู่ นพ้ืนท่ีชุ่มน้าต่าง ๆ ในทวีปอเมริกาใต้ เช่น ป่ าอเมซอน, บราซิล, โบลิเวีย, กายอานา ในหนองน้า หรือบึง โดยมกั จะอาศยั อยใู่ นน้าหรือหมกตวั ในโคลนมากกวา่ จะเล้ือยมาอยบู่ นบก เนื่องจากน้าหนกั ตวั ท่ีมากทาใหง้ ุ่มง่ามเช่ืองชา้ มากเมื่ออยบู่ นบก แต่จะวอ่ งไวกวา่ เมื่ออยใู่ นน้า วา่ ยน้าไดเ้ ก่ง บางคร้ังอาจใชว้ ิธีการลอยน้าอยบู่ ริเวณผวิ น้าแลว้ ปล่อยใหก้ ระแสน้าไหลพดั ไป แต่มกั จะข้ึนมาอาบแดดเป็นบางคร้ังดว้ ยการ เกาะเกี่ยวกบั กิ่งไมร้ ิมน้า
วธิ กี ารลา่ เหยอ่ื งของงอู นาคอนดา้ เขยี ว ล่าเหย่ือดว้ ยการใชแ้ อ่งรบั ความร้อนอนิ ฟราเรดทอ่ี ยบู่ รเิ วณหนา้ ผาก ในเวลากลางคนื โดยกินอาหาร ไดห้ ลากหลายมาก ทง้ั สตั ว์เล็กและสตั ว์ใหญ่ ท้งั คาปรบี ารา, จระเขไ้ คแมน, ปลา, กบ หรอื แม้กระทง่ั ววั หรือควาย หรือปศุสัตว์ตา่ ง ๆ ของชาวบ้าน โดยใช้วธิ ีการรดั เหยอ่ื ด้วยลาตวั อยา่ งแน่น และกดลงไปในนา้ ให้จมน้าตายกอ่ นจะเขมอื บกลืนเขา้ ไปทง้ั ตวั โดยเรม่ิ จากสว่ นหัวกอ่ น ซง่ึ อาจใช้ เวลานานหลายชั่วโมง แต่กระนน้ั ก็จะทาใหไ้ ม่ต้องกินอะไรอีกไปนานนบั เดือน
การผสมพนั ธ์ุของงูอนาคอนด้าเขียว ในยามที่อาหารขาดแคลนเช่นในช่วงฤดูร้อน อาจอดอาหารไดน้ านถึง 7 เดือน หลงั จาก น้นั แลว้ จะเร่งรีบกินเพอ่ื ชดเชยพลงั งานที่สูญเสียไปและผสมพนั ธุ์ โดยถึงวยั เจริญพนั ธุ์ เม่ืออายไุ ด้ 3-4 ปี ฤดูผสมพนั ธุ์จะตกอยู่ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ตวั เมียจะปล่อยกล่ินเพอื่ ดึงดูดตวั ผใู้ หม้ าผสมพนั ธุ์ โดยอาจผสมพนั ธุก์ บั ตวั ผไู้ ดม้ ากถึง 2-12 ตวั ใชเ้ วลาต้งั ทอ้ งนาน 6 เดือน ตกลูกเป็นตวั [2] ซ่ึงอาจออกไดค้ ร้ังละ 40 ตวั หรือมากกวา่ น้นั ลกู งูท่ีออกมาใหม่จะมีความยาวราว 2 ฟุต และจะไม่ถูกดแู ลโดยแม่ ซ่ึงอาจจะตกเป็นเหยอื่ ของสตั วท์ ่ีใหญ่กวา่ หรือแมก้ ระทง่ั งูอนาคอนดาดว้ ยกนั เองกินก่อนท่ีจะโตต่อไปในอนาคต งูอนาคอนดาเขยี วเป็ นงทู ี่มนุษย์ให้ความสนใจมาก ด้วยขนาดทใ่ี หญ่โตและพละกาลงั ที่ มากมายมหาศาล ดงั น้ัน เมื่อมีการจบั งูชนิดนีไ้ ด้ในแต่ละคร้ังมักปรากฏเป็ นข่าวโด่งดงั [5] และถูกนาไปสร้างเป็ นภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ อาทิ Anaconda เมื่อปี ค.ศ. 1997 ของ ฮอลลวี ้ดู เป็ นต้น
แหล่งอ้างองิ้ ขอบคุณเรื่องจาก : 1. จาก ITIS.gov (องั กฤษ) 2. จาก วรี ยุทธ์ เลาหะจนิ ดา, วทิ ยาสัตว์เลอื้ ยคลานและสัตว์สะเทินนา้ สะเทนิ บก หน้า 406 (พ.ศ. 2552) 3. นักชีววทิ ยาองั กฤษจบั งูอนาคอนดานา้ หนัก 100 กก.ด้วยมือเปล่า จาก สานักข่าวไทย
สายพนั ธ์ุงูทใ่ี หญ่ทีส่ ุด 2.งเู หลือม (ช่ือวิทยาศาสตร์: Malayopython reticulatus)
อ.งเู หลือม (Malayopython reticulatus)
งูเหลอื ม จดั อยใู่ นไฟลมั สตั วม์ ีแกนสนั หลงั ช้นั สตั วเ์ ล้ือยคลาน เป็นงูขนาดใหญ่ ลาตวั ยาวเฉล่ีย ประมาณ 3.5-6 เมตร จดั เป็นงูที่ยาวที่สุดของโลกซ่ึงตวั ที่ยาวที่สุดยาวถึง 9.6 เมตร ถกู จบั ไดเ้ ม่ือปี ค.ศ. 1917 ท่ี เกาะซีลิเบท เป็นหม่เู กาะแห่งหน่ึงในมาเลเซีย[4] โดยมีความ ยาวกวา่ งูอนาคอนดา (Eunectes murinus) ท่ีพบในทวีปอเมริกาใต้ แต่มีน้าหนกั นอ้ ย กวา่ อาจจะหนกั นอ้ ยกวา่ งูอนาคอนดาไดถ้ ึงคร่ึงเท่าตวั [4]
ลกั ษณะของงูเหลอื ม ปากมีขนาดใหญ่และฟันแหลมคม ขากรรไกรแขง็ แรงมากและสามารถถอดขากรรไกร ในการกลืนเหยอื่ ท่ีมีขนาดใหญ่ได[้ 6] เกลด็ บริเวณลาตวั ต้งั แต่ปลายหวั จรดปลายหางมี สีเหลืองหรือสีเหลืองปนน้าตาล พ้ืนของตวั สีน้าตาลแดง มีลายแบ่งเป็นวงมีหลายสี ที่ บริเวณส่วนหวั มีเสน้ สีดาขนาดเลก็ เรียวยาว เรียกวา่ \"ศรดา\" จนเกือบถึงปลายปาก หวั เด่นแยกออกจากคออยา่ งชดั เจน ปลายหางยาวแหลม เกลด็ เรียบเรียงเป็นแถวได้ ระหวา่ ง 69 ถึง 74 แถวที่บริเวณกลางลาตวั เกลด็ ทวารเป็นแผน่ เดี่ยว
พฤติกรรม จดั ในอยปู่ ระเภทงูไม่มีพิษ เล้ือยชา้ ๆ และอาจดุตามสญั ชาตญาณเม่ือมีศตั รู ออกหากิน กลางคืน หากินท้งั บนบกและในน้า อาศยั นอนตามโพรงดินโพรงไมใ้ นที่มืดและเยน็ หลาย ๆ วนั จึงจะออกหากินคร้ังหน่ึง งูเหลือมกินสตั วแ์ ทบทุกชนิดโดยมกั ดกั ซุ่มรอ เหยอื่ บนตน้ ไม้ เมื่อไดจ้ งั หวะจะทิง้ ตวั ลงมารดั เหยอ่ื ยจนขาดอากาศหายใจ มีสีและลาย กลืนไปกบั ธรรมชาติ สืบพนั ธุค์ ลา้ ยงูหลาม (Python bivittatus) แต่มีระยะฟักไข่ 3 เดือน ลกู งูที่ออกจากไข่มีความยาวประมาณ 55 เซนติเมตร กินสตั วข์ นาดเลก็ เช่น นก หรือหนู หรือสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมขนาดกลางเช่น เกง้ , กวาง, สุนขั , กระต่าย, หนู, ไก่, เป็ด รวมท้งั สตั วเ์ ล้ือยคลานดว้ ยกนั เองขนาดกลาง เช่น ตวั เงินตวั ทอง, ตะกวด[7] จึงมกั มีรายงานอยเู่ สมอ ๆ วา่ เขา้ ไปแอบกินสตั วเ์ ล้ียงของมนุษยใ์ นเวลากลางคืน อีกท้งั มี รายงานวา่ ทาร้ายมนุษยไ์ ดด้ ว้ ย[8] [9] อาศยั อยไู่ ดใ้ นป่ าทุกประเภท ชอบอาศยั ในที่ช้ืน ในประเทศไทยพบไดท้ วั่ ทุกภาค ปัจจุบนั ถือเป็นสตั วป์ ่ าคุม้ ครอง ตามพระราชบญั ญตั ิ สงวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ า พุทธศกั ราช 2535[10]
การกระจายพนั ธ์ุ พบกระจายพนั ธุ์ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตต้ ้งั แต่หมู่เกาะนิโคบาร์ , พม่า, ไทย, ลาว และกมั พชู า, เวยี ดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เกาะสุมาตรา, เกาะบอร์เนียว, เกาะซูลาเวซี, เกาะชวา, เกาะลซู อน และหลายหม่เู กาะในหมู่เกาะฟิ ลิปปิ นส์ปัจจุบนั ถือ เป็นชนิดพนั ธุ์ต่างถ่ินของสหรัฐอเมริกา โดยมีการพบในอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ [9] เชื่อวา่ ถกู นาเขา้ มาจากภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตข้ องผทู้ ่ีนิยมเล้ียง สตั วเ์ ล้ือยคลาน เช่นเดียวกบั งูหลาม ไดร้ ับความนิยมอยา่ งมากโดยเฉพาะในตวั ท่ีสีและ ลวดลายแปลกไปจากทวั่ ไปหรือสีกลายเป็นสีเผอื กซ่ึงมีราคาขายท่ีแพงมาก ซ่ึงงูเหลือม เมื่อเทียบนิสยั กบั งูหลามหรืองูเหลือมชนิดอ่ืน ๆ แลว้ ดุร้ายกวา่ มาก เล้ียงใหเ้ ช่ืองได้ ยาก
แหล่งอ้างองิ ขอบคุณเร่ืองจาก 1. McDiarmid RW, Campbell JA, Touré T. 1999. Snake Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference, Volume 1. Washington, District of Columbia: Herpetologists' League. 511 pp. ISBN 1-893777-00-6 (series). ISBN 1-893777-01-4 (volume).
ผู้จดั ทา ด.ญ.ศุภสิ รา โอ้ออมทรัพย์ เลขที่ 34 ด.ญ.เออื้ การย์ งามสม เลขท่ี 38 ม.1/1 เสนอ คุณครู ประภสั สร ก๋าเขยี ว วชิ า การสร้างหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ โรงเรียนแจ้ห่มวทิ ยา อาเภอแจ้ห่ม จังหวดั ลาปาง สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต35 ภาคเรียนท่ี2 ปี การศึกษา 2562
ขอบคุณทุกท่านทีเ่ ข้ามา อ่านนะคะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: