Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ

หน่วยที่ 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ

Published by กรรณิการ์ ผิวสะอาด, 2019-06-08 09:08:13

Description: หน่วยที่ 6 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ การจดทะเบียนพาณชิ ย์ของผู้ประกอบการ ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ คือ บุคคลธรรมดาคนเดียวหรือหลายคน (ห้างหุ้นส่วนสามัญ)หรือนิติ บุคคล รวมท้ังนิติบุคคลที่ต้ังขึน้ ตามกฎหมายต่างประเทศท่ีมาต้ังสานักงานสาขาในประเทศไทย ข้นั ตอนการจดทะเบยี นพาณิชย์

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ กฎหมายภาษตี ามประมวลรัษฎากร ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดา ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลท่ัวไป หรือจากหน่วยภาษีท่ีมีลักษณะพเิ ศษตามท่ี กฎหมายกาหนดและมีรายได้เกิดขึน้ ตามเกณฑ์ที่กาหนด โดยปกติจดั เก็บเป็ นรายปี รายได้ที่เกดิ ขึน้ ในปี ใดๆ ผู้ มีรายได้มีหน้าท่ีต้องนาไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กาหนดภายในเดือนมกราคมถึง มีนาคมของปี ถัดไป ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ ผู้ท่ีมเี งนิ ได้เกิดขนึ้ ระหว่างปี ท่ีผ่านมาโดยมสี ถานะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ 1. บุคคลธรรมดา 2. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลท่ีมใิ ช่นิติบุคคล 3. ผู้ถงึ แก่ความตายระหว่างปี ภาษี 4. กองมรดกท่ียังไม่ได้แบ่ง 5. วสิ าหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวสิ าหกจิ ชุมชน

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ ภาษเี งินได้นิติบุคคล ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์รวมถึงนิติบุคคลอ่ืนๆ ท่ีไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษทั หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลท่ีมีหน้าที่เสียภาษเี งินได้นิติบุคคล มีดังนี้ 1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ต้ังขนึ้ ตามกฎหมายไทย 2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ต้ังขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซ่ึงมีหน้าท่ีเสียภาษีเงินได้นิติ บุคคลในประเทศไทย 3. กจิ การซ่ึงดาเนินการเป็ นทางค้า หรือหากาไร 4. กิจการร่วมค้า 5. มูลนิธิหรือสมาคม 6. นิติบุคคลที่อธิบดีกาหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็ นบริษัทหรือห้าง หุ้นส่ วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ นิตบิ ุคคลทไ่ี ม่ต้องการเสียภาษเี งนิ ได้ 1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่ วนนิติบุคคลตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ตามสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทาง เศรษฐกจิ 2. บริษทั จากดั ท่ีได้รับการยกเว้นภาษเี งนิ ได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 3. บริษทั จากดั และนิตบิ ุคคลท่มี ีสภาพเช่นเดยี วกบั บริษทั จากดั 4. บริษทั หรือห้างหุ้นส่วนนิตบิ ุคคลทอี่ ย่ใู นประเทศที่มอี นุสัญญาว่าด้วยการเว้นการเกบ็ ภาษซี ้อนกบั ประเทศไทย ฐานภาษขี องภาษเี งินได้นินิบุคคล 1. กาไรสุทธิ 2. ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย 3. เงนิ ได้ท่ีจ่ายจากหรือในประเทศไทย 4. การจาหน่ายเงินกาไรออกไปจากประเทศไทย

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ ภาษมี ูลค่าเพมิ่ ผ้ปู ระกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบยี นภาษมี ูลค่าเพมิ่ 1. ผู้ประกอบการที่มรี ายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกนิ 1.8 ล้านบาทต่อปี 2. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการทไ่ี ด้รับยกเว้นภาษมี ูลค่าเพม่ิ ตามกฎหมาย 3. ผ้ปู ระกอบการทใ่ี ห้บริการจากต่างประเทศ และไดมีการใช้บริการน้ันในราชอาณาจักร 4. ผู้ประกอบการท่ีอยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกจิ การขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็ น คร้ังคราว 5. ผู้ประกอบการอ่ืนตามท่อี ธิบดจี ะประกาศกาหนดเมื่อมีเหตอุ นั สมควร

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ หน้าทข่ี องผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพมิ่ 1. เรียกเกบ็ ภาษมี ูลค่าเพม่ิ จากผ้ซู ื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ 2. จดั ทารายงานตามทก่ี ฎหมายกาหนด 3. ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษตี ามแบบ ภ.พ.30 ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ ภาษธี ุรกิจเฉพาะ เป็ นภาษีตามประมวลรัษฎากร ที่จัดเก็บจากการประกอบกจิ การเฉพาะอย่างแทนภาษีการค้าท่ี ถูกยกเลกิ ภาษธี ุรกจิ เฉพาะเร่ิมใช้บังคับใน พ.ศ.2535 พร้อมกนั กบั ภาษมี ูลค่าเพมิ่ ผู้มหี น้าทีเ่ สียภาษธี ุรกจิ เฉพาะ ได้แก่ ผู้ประกอบกจิ การที่ต้องเสียภาษธี ุรกจิ เฉพาะไม่ว่าผู้ประกอบกจิ การดงั กล่าว จะประกอบกจิ การในรูปของ 1. บุคคลธรรมดา 2. คณะบุคคลทม่ี ิใช่นิตบิ ุคคล 3. กองมรดก

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ 4. ห้างหุ้นส่วนสามัญ 5. กองทุน 6. หน่วยงานหรือกจิ การของเอกชนทก่ี ระทาโดยบุคคลธรรมดาต้งั แต่สองคนขึน้ ไปอนั มิใช่นิตบิ ุคคล 7. องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอ่ืนท่กี ฎหมายกาหนดให้เป็ นนิตบิ ุคคล การย่ืนแบบแสดงรายการภาษธี ุรกจิ เฉพาะ 1. ผู้มีหน้าทยี่ ่ืนแบบแสดงรายการภาษธี ุรกจิ เฉพาะ 2. แบบแสดงรายการท่ใี ช้ 3. หน้าที่ในการจัดทารายงาน 4. หน้าทีใ่ นการเกบ็ รักษารายงานและเอกสารหลกั ฐาน 5. หน้าทใ่ี นการออกใบรับ

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ สิทธิและหน้าที่เสียภาษมี ีสิทธิตามกฎหมาย โดยสรุปดงั นี้ 1. การผ่อนชาระภาษี 2. การยื่นอทุ ธรณ์คัดค้านการประเมนิ ภาษี 3. ขอทุเลาการชาระภาษอี ากรโดยจดั ให้มหี ลกั ประกนั การชาระหนีภ้ าษอี ากรค้าง 4. ของดหรือลดเบยี้ ปรับและเงินเพม่ิ ภาษอี ากร 5. ขอคดั เอกสารหรือขอสาเนาเอกสารเสียภาษี การจดทะเบียนสิทธิบตั ร สิทธิบัตร คือหนังสือสาคัญที่ออกให้เพ่ือคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการอกแบบผลิตภัณฑ์การประดิษฐ์ คือผล การสร้างสรรค์ เกยี่ วกบั การผลติ ภณั ฑ์ สถานท่ีย่ืนคาขอ ส่วนบริหารงานจดทะเบียน สานักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือสานักงานพาณิชย์ จงั หวดั

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ การประดษิ ฐ์ คือ การคดิ ค้น หรือคดิ ทาขนึ้ เพ่ือให้ได้ผลติ ภัณฑ์ หรือกรรมวธิ ีใหม่ทีแ่ ตกต่างไปจากเดมิ เง่ือนไขการขอรับอนุสิทธิบตั ร มีดงั นี้ 1. ต้องเป็ นการประดษิ ฐ์ขึน้ ใหม่ทแี่ ตกต่างไปจากเดมิ 2. สามารถประยกุ ต์ใช้ในทางอตุ สาหกรรมได้ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้ามี 3 ประเภท ได้แก่ 1. เครื่องหมายบริการ 2. เครื่องหมายรับรอง 3. เครื่องหมายร่วม

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงาน หมายถึง กฎหมายท่ีบัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรของนายจ้างและ องค์กรของลูกจ้าง รวมท้ังมาตรการท่ีกาหนดให้ปฏิบัติต่อกันเพื่อให้การจ้างงานและการใช้งานการประกอบกิจการ และความสัมพนั ธ์ระหว่างนายจ้างและลกู จ้างเป็ นไปโดยเหมาะสม สิทธินายจ้างและลกู จ้าง 1. เวลาทางานปกติ 2. เวลาพกั 3. วนั หยุด 4. การทางานล่วงเวลา การทางานในวนั หยุด 5. วนั ลา 6. ค่าตอบแทนในการทางาน

หน่วยท่ี 6 กฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ กฎหมายประกนั สังคม การประกันสังคม คือ การสร้างหลักประกันสังคมในการดารงชีวิตในกลุ่มของสมาชิกที่มีรายได้และจ่ายเงิน สมทบเข้ากองทุนประกนั สังคมเพ่ือรับผดิ ชอบในการเฉลยี่ ความเสี่ยง ผู้ประกนั ตน หมายถึง ลกู จ้างท่ีมีอายุไม่ตา่ กว่า 15 ปี บริบูรณ์ในวนั เข้าทางานและทางานอยู่ในสถานประกอยการ ที่มีลกู จ้างต้งั แต่ 1 คนขนึ้ ไป เงินสมทบกองทุนประกนั สังคม หมายถึง เงินท่ีนายจ้าง ลกู จ้าง จะต้องนาส่งเข้ากองทุนประกนั สังคมทุกเดือน หลกั เกณฑ์และสิทธิประโยชน์ 1. กรณเี จ็บป่ วยท่วั ไป ประสบอนั ตราย ผู้ประกนั ตนมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลท่ีเลือก โดยไม่ เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ระหว่างที่หยุดพักรักษาตัวตามคาส่ังแพทย์ในจานวนคร่ึงหน่ึง ของค่าจ้างตามจานวนวันที่หยุดจริง ไม่เกินคร้ังละ 90 วนั และไม่เกนิ 180 วันในหน่ึงปี หากเจ็บป่ วยเรื้อรังจะได้รับ เงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกนิ 365 วนั

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ 2. กรณเี จบ็ ป่ วยฉุกเฉิน - ผ้ปู ่ วยนอก สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจาเป็ น - ผู้ป่ วยใน สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าทจ่ี ่ายจริงตามความจาเป็ นภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยกเว้น ค่าห้องและค่าอาหารเบิกไม่เกนิ วนั ละ 700 บาท 3. กรณีประสบอันตราย หรือบาดเจ็บฉุกเฉิน หากผู้ประกันตนได้รับอุบัตเิ หตุได้รับบาดเจ็บฉุกเฉินผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้ระบุไว้ตามบัตรรับรองสิทธิได้ โดยแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรอง สิทธิทรายด้วยโดยเร็ว 4. กรณีประสงค์จะทาหมัน ผู้ประกันตนสามารถเข้าทาหมันได้ ในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการ รักษาพยาบาลที่ผู้ประกนั ตนเลือกไว้ในสถานพยาบาลน้ันๆ ผู้ประกนั ตนชาย ไม่เกนิ 500 บาท ส่วนผู้ประกันตนหญิง จะจ่ายจริงไม่เกนิ 1,000 บาทต่อราย

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ 5. กรณีทันตกรรม ผู้ประกันตนสามารถยื่นเรื่องขอเบิกสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมภายในปี ท่ีเข้ารับบริการ ทางการแพทย์ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยนับต้ังแต่วันที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ที่ระบุในใบรับรองแพทย์เป็ น หลกั 6. กรณีคลอดบุตร ผู้ทีส่ ามารถเบกิ ค่าคลอดบุตรในแต่ละคร้ังได้ต้องเป็ นผู้ที่จ่ายเงินสมทบครบ7เดือน ภายใน15เดือนเดือนคลอดบุตร เช่น ผ้ปู ระกนั ตนหญิงรายหนึ่งใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรคนแรกไปเมื่อ พ.ศ.2550 ต้ังครรภ์มา 5 เดือน และคลอดเม่ือเดือนมีนา พ.ศ.2551 นับย้อนไป15เดือน จากเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ผู้ประกนั ตนรายนีม้ เี งินสมทบเพยี ง3เดือน จงึ ไม่มีสิทธิเบกิ ค่าคลอดบุตรคนท่ี2 7. กรณีทุพพลภาพ ผู้ประกนั ตนทีป่ ระสบอบุ ตั เิ หตุทุพพลภาพ เช่น ป่ วยเป็ นโรคเบาหวานและมภี าวะแทรกซ้อน ทาให้ตาบอดท้งั 2ข้าง หรือประสบอนั ตรายจนถึงข้นั ทุพพลภาพและไม่สามารถทางานได้สามารถขอรับเงินชดเชยได้ แต่ต้องเป็ นผ้ทู ีจ่ ่ายเงินสมทบมาครบ3เดือน ภายในระยะเวลา15เดือน ก่อนทส่ี านักงานประกนั สังคมกาหนดให้เป็ น ผ้ทู ุพพลภาพ ท้งั นี้ สิทธิทผ่ี ู้ทุพพลภาพจะได้รับประกอบด้วย

หน่วยที่ 6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเป็ นผู้ประกอบการ 8. กรณีเสียชีวิต ผู้ประกนั ตนท่ีเสียชีวิตจากสาเหตุที่ไม่เกี่ยวกับการทางาน และจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน ภายในระยะเวลา6เดือน ก่อนเดือนทเี่ สียชีวติ ผู้จดั ศพ สามารถขอรับค่าทาศพได้ 40,000บาท 9. กรณีว่างงาน หากผ้กู นั ตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า6เดือน ภายในระยะเวลา15เดือนก่อนการ ว่างงาน สามารถติดต่อขอรับเงินชดเชยกรณีว่างงานได้ โดยต้องขึน้ ทะเบียนผู้ว่างงานท่ีสานักงานจัดหางาน ของรัฐภายใน30วันนับต้งั แต่วันท่ีว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน และต้องรายงานตัว ต่อเจ้าหน้าที่สานักจดั หางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 คร้ัง