Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทย

คู่มือการเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทย

Published by BENZ1300, 2022-11-22 06:02:54

Description: คู่มือการเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทย

Search

Read the Text Version

ปลาทองคมู่ ือการเพาะเล้ยี ง ในประเทศไทย จัดทา� โดย อรุณี รอดลอย ผ้เู ชี่ยวชาญด้านสตั วน า�้ และพรรณไม้นา�้ สวยงาม กรมประมง ได้รบั ทนุ อุดหนนุ การทา� กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนนุ การวจิ ยั และนวัตกรรม จากสา� นักงานการวิจยั แห่งชาติ (วช.) ภายใตแ้ ผนงานการขบั เคลอ่ื นปลาสวยงาม

ปลาทองคู่มือการเพาะเลย้ี ง ในประเทศไทย ISBN 978-974-326-694-2 เรยี บเรยี งโดย อรณุ ี รอดลอย ผู้เชี่ยวชาญดา้ นสตั วน์ ํ้าและพรรณไม้นา้ํ สวยงาม กรมประมง จัดพมิ พ์โดย ทุนอดุ หนุนการทาํ กิจกรรมส่งเสริมและสนบั สนุนการวจิ ัย และนวัตกรรม จากสาํ นักงานการวิจยั แห่งชาติ (วช.) ภายใตแ้ ผนงานการขับเคลื่อนปลาสวยงาม ปีที่จัดพิมพ์ มนี าคม 2565 จำ� นวน 500 เลม่ ออกแบบ/พิมพ์ที่ หจก.วนิดาการพมิ พ์ (สาขาที่ 1) โทรศพั ท์ 08 1789 8569

1 ค�ำ น�ำ ปลาทอง มถี ิน่ กำ� เนิดในประเทศจนี ตอนใต้ และไดม้ กี ารนำ� เขา้ มาในประเทศไทย เพ่ือเล้ียงเป็นปลาสวยงามมานานหลายสิบปี เป็นปลาสวยงามท่ีได้รับความนิยมเลี้ยง กนั ทัว่ โลก และเปน็ สญั ลักษณข์ องความโชคดี ความสมบรู ณ์ม่ังคงั่ เพราะมชี ือ่ ท่เี รยี กกนั ทั่วไปว่า ปลาเงินปลาทอง หรือในต่างประเทศเรียกช่ือสามัญว่า Goldfish เนื่องจาก ประเทศไทยมสี ภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั การเพาะเลยี้ งปลาทอง รวมท้ังเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทยมีความรู้และประสบการณ์ในการ เพาะเลี้ยงและพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้ปลาทองที่ผลิตในประเทศไทย ไดร้ บั ความนยิ มในตา่ งประเทศ เปน็ สนิ คา้ ปลาสวยงามทมี่ มี ลู คา่ การสง่ ออกอยใู่ นอนั ดบั ตน้ ๆ มาหลายสบิ ปี รวมทงั้ หนว่ ยงานของกรมประมงไดม้ กี ารตรวจตดิ ตามเฝา้ ระวงั โรคในฟารม์ ที่ขึน้ ทะเบียนกับกรมประมง เพื่อสรา้ งความเชือ่ ม่นั กบั ผูค้ ้าทั่วโลก คู่มือการเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทย เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ จากเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทองท่ีมีความรู้และมีประสบการณ์ทั้งด้านการเพาะเล้ียง การพัฒนาสายพันธุ์ การค้า รวมท้ังองค์ความรู้ด้านวิชาการ การตลาดและการส่งออก ข้อกำ� หนดทางการคา้ ระหวา่ งประเทศท่ีส�ำคญั จากหนว่ ยงานของกรมประมง การจัดท�ำ คมู่ อื เลม่ นไ้ี ดร้ บั ทนุ อดุ หนนุ การทำ� กจิ กรรมสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การวจิ ยั ภายใตแ้ ผนงาน การขับเคลื่อนปลาสวยงาม จากส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เพ่ือเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจ ที่จะน�ำไปประกอบอาชีพด้านการเพาะเล้ียงปลาทอง นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สถาบนั การศึกษาทม่ี ีการเรยี นการสอนเกี่ยวกบั สัตว์น้�ำสวยงาม และผู้สนใจตอ่ ไป อรณุ ี รอดลอย ผูเ้ ช่ียวชาญด้านสัตว์นำ้� และพรรณไม้นำ�้ สวยงาม มนี าคม 2565 กรมประมง

2 สารบาญ 3 บทนำ� 4 สายพันธ์แุ ละประเภทของปลาทอง ท่นี ิยมเพาะเลยี้ งในประเทศไทย 11 การเพาะเลย้ี งปลาทองในประเทศไทย (รปู แบบฟารม์ เพาะเลย้ี ง การเพาะพนั ธ์ุ การอนุบาล และการเลีย้ ง) 19 อาหารท่ีเหมาะสมในการอนุบาล และการเลยี้ งปลาทอง 21 โรคที่พบในการเพาะเลี้ยงปลาทอง และวิธีการรักษา 31 มาตรฐานการจดั การ ฟารม์ เพาะเลี้ยงสัตวน์ ำ�้ สวยงาม 33 การบรรจุหบี หอ่ และการล�ำ เลยี งขนสง่ 34 ตลาดและธรุ กจิ การสง่ ออกปลาทอง

บทนำ� ปลาทอง มชี ่ือสามญั วา่ Goldfish ช่ือวิทยาศาสตร ์ Carassius auratus (Linn.) มีถนิ่ ก�ำเนิด ในประเทศจีนตอนใต้ ปลาทองท่ีผลิตในประเทศไทยได้รับ ความนยิ มในตา่ งประเทศเพราะมคี วามสมบรู ณส์ วยงาม สายพนั ธท์ุ นี่ ยิ มเลย้ี งไดแ้ ก่ สงิ หญ์ ปี่ นุ่ สงิ หล์ กู ผสม สงิ หต์ ามดิ ออรนั ดา และริวกน้ิ นอกจากนยี้ งั มสี ายพนั ธอ์ุ น่ื ๆ ทม่ี คี วามสวยงาม แปลกตา เช่น เกลด็ แก้ว ตาโปน สิงห์ตาลูกโป่ง สิงห์ตากลับ เป็นตน้ เกษตรกรผ้เู พาะเล้ียง ปลาทองในประเทศไทยมีความรู้และประสบการณ์ในการเพาะเล้ียงและพัฒนาสายพันธุ์ มาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง รวมทั้งหนว่ ยงานของกรมประมงไดม้ กี ารตรวจตดิ ตามเฝา้ ระวงั โรคในฟารม์ ที่ข้นึ ทะเบียนกับกรมประมง เพ่อื สร้างความเชอ่ื ม่ันกับผู้คา้ ท่ัวโลก สัตว์น�้ำสวยงามเป็นสัตว์น้�ำท่ีจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นการซอ้ื ไปเลี้ยง เพื่อผ่อนคลายความตึงเครยี ด ดังนัน้ ราคาจงึ ไม่เป็นไปตามกลไกของตลาด ขึน้ อยู่กับ ความพึงพอใจของผู้บริโภค ซง่ึ ส่วนใหญ่พึงพอใจในเรอื่ งรูปร่าง สีสัน ความสวยงาม และความสมบูรณ์ ท้งั น้ีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำสวยงามควรศึกษาแนวโน้มความ ตอ้ งการของตลาดอยเู่ สมอ รวมทง้ั ตอ้ งมกี ารพฒั นาสนิ คา้ สตั วน์ ำ�้ สวยงามใหม้ คี วามสวยงาม แปลกใหม่ และมกี ารพฒั นาสายพนั ธใ์ุ หม่ เพอื่ ใหส้ นิ คา้ มคี วามหลากหลาย ดงึ ดดู ผบู้ ริโภคใหเ้ ขา้ มา ซอ้ื อย่างต่อเน่ือง นอกจากน้ี ควรศึกษาเรอ่ื งข้อก�ำหนดการน�ำเข้าสินค้าสัตว์น้�ำสวยงาม ของประเทศผคู้ า้ เพอื่ ใหส้ ามารถผลติ และสง่ ออกไดต้ ามเงอื่ นไขและขอ้ ก�ำหนดของประเทศคคู่ า้ โดยเฉพาะปลาทองมีข้อก�ำหนดของผู้ค้าในต่างประเทศท่ีต้องการให้สินค้าสัตว์น้�ำสวยงาม มาจากฟารม์ ทไ่ี ดร้ บั การรบั รองมาตรฐานการผลติ จากภาครฐั สามารถตรวจสอบยอ้ นกลบั ได ้ กรณีท่ีสินค้ามีปัญหา จึงต้องมีการเฝ้าระวังโรคตามข้อก�ำหนดของประเทศคู่ค้า โดยต้อง ได้รับการตรวจรับรองการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำท่ีดีส�ำหรับฟาร์มสัตว์น�้ำจืด สวยงาม (Good Aquaculture Practices for Ornamental Freshwater Animals Farm : GAP) ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 7426-2555 และข้ึนทะเบียน สถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำสวยงามเพ่ือการส่งออก (สอ.3) จากกรมประมง จึงสามารถมาขอใบรับรองสขุ ภาพสัตว์นำ้� (Health Certificate) เพือ่ ส่งออกได้

4 สายพนั ธแ์ุ ละประเภทของปลาทอง ท่ีนยิ มเพาะเลี้ยงในประเทศไทย ปลาทองเป็นปลาท่ีมีผู้นิยมเลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์กันมานาน ท�ำให้ปลาทอง ที่พบในปัจจุบันมีหลากหลายสายพันธุ์ ปลาทองที่ได้รับความนิยมในการเพาะเลี้ยง เพอื่ ส่งออกจ�ำหน่ายตา่ งประเทศ และนิยมจัดประกวดในประเทศ มีดังนี้ 1. ปลาทองหวั สงิ หญ์ ป่ี นุ่ (Ranchu) ปลาทองหัวสิงห์ญ่ีปุ่นจัดเป็นปลาทองหัวสิงห์ท่ีได้รับ ความนิยมแพร่หลายมากท่ีสุด เน่ืองจากมีรูปร่างสวยงามและ มีสีเข้มสดใส เป็นปลาท่ีชาวญ่ีปุ่นผสมและคัดพันธุ์มาจาก ปลาทองหัวสิงห์จีน ลักษณะเด่นของปลาหัวสิงห์ญี่ปุ่น คือ มีล�ำตวั ส้นั และโคง้ มนมากกวา่ ปลาทองหวั สิงหจ์ ีน สว่ นหัวมีว้นุ ท่ีมีเน้ือละเอียด สามารถแบ่งออกได้ 3 ส่วน ได้แก่ บนหัว บริเวณกระพุ้งแก้ม และบริเวณเหนือริมฝีปาก ส่วนบริเวณ สนั หลงั ใหญห่ นาตง้ั แตโ่ คนหวั จรดถงึ ปลายหาง มคี รบี หางตอ่ กบั ลำ� ตวั เปน็ มมุ แหลม และขอ้ ตอ่ หางโคง้ เล็กน้อย ครบี ทวารหรือ ครบี กน้ มที ้ังครบี เดย่ี วและครบี คู่ 2. ปลาทองหวั สงิ หล์ กู ผสม (Hybrid lionhead, Ranchu × Chinese lionhead) ปลาทองหัวสิงห์ลูกผสมเป็นลูกผสมท่ีเพาะพันธุ์ ในประเทศไทย ซงึ่ นำ� เอาจดุ เดน่ ของปลาทองสายพนั ธห์ุ วั สงิ หจ์ นี และสิงห์ญ่ีปุ่นมารวมกันไว้ในปลาสายพันธุ์น้ี ส�ำหรับสาเหตุ ของการผสมข้ามพันธุ์นั้น เน่ืองมาจากปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น ผสมพันธไุ์ ดค้ ่อนข้างยาก จึงมีการน�ำปลาทองหวั สิงหจ์ นี มาผสมเพ่ือชว่ ยใหก้ ารแพรพ่ นั ธ์ุ งา่ ยขน้ึ และยงั ไดจ้ ำ� นวนลกู ปลาทเี่ พมิ่ มากขนึ้ ซงึ่ ลกั ษณะเดน่ ของปลาทองหวั สงิ หล์ กู ผสม

5 คือ วุ้นบนหัวของปลามีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่และไม่หนา เท่ากับปลาทองหัวสิงห์จีน แต่ใหญ่กว่าปลาทองหัวสิงห์ญ่ีปุ่น หลังโค้งมนกว่าปลาทองหัวสิงห์จีน แต่ไม่โค้งและไม่ส้ันเท่า ปลาทองหวั สงิ หญ์ ่ปี ุน่ สว่ นครบี หางสนั้ กว่าปลาทองหวั สิงห์จนี แตย่ าวกว่าปลาทองหวั สิงหญ์ ่ีปนุ่ 3. ปลาทองหวั สงิ หส์ ยามหรอื สงิ หต์ ามดิ (Siamese lionhead) ปลาทองหัวสิงห์สยาม หรือที่เรียกกันว่าหัวสิงห์ตามิด ซึ่งเป็นปลาทองลูกผสมท่ีมีต้นก�ำเนิดในประเทศไทย โดยมี ลักษณะหัวแบบสิงห์จีนหรือหัวสิงห์ญี่ปุ่น มีวุ้นปกคลุมบริเวณ หัวหนาแน่นจนมองไม่เห็นตา มีลักษณะล�ำตัวคล้ายหัวสิงห์ ญ่ีปุ่น ลักษณะเด่นของปลาสายพันธุ์นี้ คือ ล�ำตัวและครีบ ตอ้ งมสี ีดำ� สนทิ ไมม่ ีสีอื่นแซม 4. ปลาทองออรนั ดาหวั วนุ้ (Dutch lionhead) ปลาทองออรันดาหัววุ้นสามารถเพาะพันธุ์ได้ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก จึงเรยี กว่า ออรนั ดาชชิ ิกะชิระ (Oranda shishigashira) ซงึ่ แปลเปน็ ภาษาอังกฤษได้วา่ Dutch lionhead มีลักษณะเด่นคือ บริเวณหัวด้านบนมีวุ้นมากและวุ้นมีลักษณะ ละเอียดกวา่ วนุ้ ของปลาทองหวั สงิ ห์ ถา้ มองจากดา้ นบนจะเหน็ เป็นกอ้ นกลมหรอื เหล่ยี ม คลา้ ยปลาสวมหมวกไวบ้ นหวั สว่ นครีบหางมลี ักษณะแผ่กวา้ งและไมส่ ั้นจนเกนิ ไป สำ� หรบั ปลาทองออรนั ดาสายพนั ธท์ุ นี่ ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ปลาทองออรนั ดา หวั วนุ้ (Dutch lionhead) ปลาทองออรนั ดาหวั แดง (Red cap Oranda หรอื ภาษาญ่ปี ุ่น เรยี กวา่ ตนั โจ) ลกั ษณะลำ� ตวั มสี ขี าวเงนิ สว่ นหวั มวี นุ้ กอ้ นกลมสแี ดงคล้ายปลาสวมหมวก สแี ดง และปลาทองออรนั ดาหา้ สี มลี กั ษณะเหมอื นออรนั ดาหวั วนุ้ ทวั่ ไป แตส่ บี รเิ วณลำ� ตวั มี 5 สี คือ ฟ้า ด�ำ แดง ขาว และส้ม ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือ ปลาทองออรันดาหางพวง ซงึ่ สายพนั ธน์ุ ม้ี คี รบี หางยาวเปน็ พวง ครบี หลงั พลวิ้ ยาว อกี ทง้ั บรเิ วณหวั มวี นุ้ นอ้ ยหรอื ไมม่ เี ลย

6 1 ปลาทองออรนั ดาหวั วนุ้ แบบดง้ั เดมิ 2 ปลาทองออรนั ดาหวั วนุ้ แบบปจั จบุ นั จะมลี กั ษณะหางยาวเปน็ พวง จะมลี กั ษณะหางสน้ั กวา่ เดมิ 3 ปลาทองออรนั ดาหวั แดง 4 ปลาทองออรนั ดาทม่ี ลี กั ษณะครบี หางและครบี หลงั (Red cap Oranda) สน้ั กวา่ เดมิ มาก ล�ำ ตวั สน้ั กลม เรยี กอกี ชอ่ื วา่ หยวนเปา่ 5. ปลาทองรวิ คนิ (Ryukin) ปลาทองพันธุ์ริวคินมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Veiltail goldfish เป็นปลาที่ได้รับ ความนิยมเลยี้ งกันทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญีป่ ุ่น เน่อื งจาก เปน็ ปลาทมี่ รี ปู ทรงสวยงามและมสี สี นั ทส่ี ดใส ในขณะวา่ ยนำ้� มที ว่ งทา่ ทส่ี งา่ งาม ซงึ่ ลกั ษณะเดน่ ของปลาชนดิ นค้ี อื ลำ� ตวั ดา้ นขา้ งกวา้ งและสนั้ สว่ นทอ้ งอว้ นกลม มองจากดา้ นหนา้ โหนกหลงั สูงเท่ากับส่วนโค้งของคอ โดยปลาที่มีลักษณะดีนั้นส่วนหัวต้องเล็ก เกล็ดหนาเรียง เปน็ ระเบยี บ ส่วนสีทีพ่ บมีทัง้ สีแดง ขาว-แดง และส้ม หรอื มี 5 สี คอื แดง สม้ ดำ� ขาว ฟ้า ซ่ึงในประเทศไทยนิยมเรยี กว่า ริวคนิ หา้ สี 1 ปลาทองรวิ คนิ 2 ปลาทองรวิ คนิ 3 ปลาทองรวิ กน้ิ ปจั จบุ นั หรอื รวิ กน้ิ หรอื รวิ กน้ิ ความยาวหางจะสน้ั แบบดง้ั เดมิ แบบความยาว หรอื เรยี กวา่ จะมลี กั ษณะ หางกลาง รวิ กน้ิ หางสน้ั หางยาวเปน็ พวง

7 6. ปลาทองตาโปน (Telescope eyes goldfish) ปลาทองตาโปนน้ี ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า เดะเมะคิน (Demekin) ซ่ึงหมายถึง ปลาตาโปน มีช่ือภาษาอังกฤษหลายชื่อ ในบางครั้งเรียกว่า Pop-eyes goldfish ส่วนชาวจีนนิยมเรียกว่า Dragon eyes ซ่ึงหมายถึงปลาที่มีตาเหมือนตามังกร ลักษณะเด่นของปลาทองสายพันธุ์น้ีคือ ส่วนตาย่ืนโปนออกไปข้างหน้าดูคล้ายกล้อง สอ่ งทางไกล จงึ มีช่อื ภาษาองั กฤษว่า Telescope eyes goldfish ซ่ึงลักษณะท่ดี ขี องปลา สายพนั ธนุ์ ้ีคือ ตาโตและมขี นาดเท่ากนั ทั้ง 2 ข้าง 6.1 ปลาทองตาโปนญี่ปุ่น (Red telescope eyes goldfish) ปลาทองตาโปนญ่ีปุ่นน้ี ชาวญี่ปุ่นบางคนเรียกว่า Red metallic globe-eyes เปน็ ปลาทองสายพันธุ์ ตาโปนท่ีมีล�ำตัวเป็นสีแดงตลอดทั้งล�ำตัว ชาวญี่ปุ่น เรยี กปลาสายพนั ธน์ุ ว้ี า่ อะคาเดะเมะคนิ (Akademakin) แต่ในปจั จบุ ันสีที่นยิ มเลย้ี งในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ขาว แดง ขาวสม้ ส้ม หรอื ขาวด�ำ 6.2 ปลาทองตาโปนห้าสี (Calico telescope eyes goldfish) ปลาทองตาโปนห้าสีนี้ ชาวญี่ปุ่นบางคนเรียกว่า ซนั โชคเุ ดะเมะคนิ (Sanshokudemekin) ซ่งึ แปลวา่ ป ล า ท อ ง ต า โ ป น ท่ี มี สี ส า ม สี อ ยู ่ ใ น ตั ว เ ดี ย ว กั น ในประเทศไทยนิยมเรียกว่าปลาห้าสี โดยสีท่ีปรากฏ ได้แก่ สแี ดง ดํา ขาว ส้ม และฟ้า

8 6.3 ปลาทองสายพันธุ์เล่ห์ (Black telescope eyes goldfish หรอื Black Moor) ปลาทองสายพนั ธเ์ุ ลห่ ม์ ชี อ่ื ทเี่ รยี กกนั ในประเทศไทยวา่ ลักเล่ห์ ส่วนชาวญ่ีปุ่นเรียกว่า คุโรเดะเมะคิน (Kurodemekin) เปน็ ปลาทองตาโปนทมี่ ลี กั ษณะเดน่ คือ ล�ำตัวและครีบทุกครีบเป็นสีด�ำหรือสีนาก ซงึ่ สามารถจำ� แนกออกเปน็ สายพนั ธย์ุ อ่ ยไดต้ ามลกั ษณะ ลำ� ตวั ลักษณะสี และลักษณะหาง เช่น เลห่ ก์ ระโปรง เล่หต์ ุก๊ ตา เล่ห์ควาย และผเี ส้อื (หลงั อฐู ) 7. ปลาทองหวั สงิ หต์ ากลบั (Celestial goldfish) ปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ตากลับนี้เป็นปลาท่ีมี ต้นก�ำเนิดอยู่ในประเทศจีน ดังน้ันชาวจีนจึงเรียกว่า โชเตนกนั (Chotengan) ซ่ึงมีความหมายวา่ ปลาตาดูฟ้า ดดู าว หรอื ตามงุ่ สวรรค์ ชาวญปี่ นุ่ เรยี กชอ่ื ปลาสายพนั ธน์ุ ว้ี า่ เดะเมะรันชู (Demeranchu) อกี ทงั้ ลกั ษณะเด่นของปลา สายพันธุ์น้ีคือ ตาหงายกลับข้ึนข้างบนผิดจากปลาทอง สายพันธุ์อ่ืน มีตาใหญ่สดใสท้ังสองข้าง ส่วนหัวไม่มีวุ้น หรือมีเล็กน้อย มีล�ำตัวยาว หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย ส่วนครีบหางยาวและไม่มีครีบหลัง 8. ปลาทองสงิ หต์ าลกู โปง่ (Bubble eyes goldfish) ปลาทองสิงห์ตาลูกโป่งมีถิ่นก�ำเนิดดั้งเดิมอยู่ในประเทศจีน มีลักษณะเด่น ท่ีสังเกตได้ง่ายคือ เบ้าตาของปลาทองสายพันธุ์นี้มีถุงน้�ำขนาดใหญ่ดูคล้ายมีลูกโป่ง ตดิ อยทู่ บ่ี รเิ วณใตต้ า จงึ เปน็ ทมี่ าของชอ่ื สงิ หต์ าลกู โปง่ ชาวญปี่ นุ่ เรยี กวา่ ซอู โิ ฮกนั (Suihogan) ซงึ่ ถงุ นำ้� ใตต้ าโดยปกตจิ ะโปรง่ แสงและมขี นาดเสมอกนั ปลาทองสายพนั ธน์ุ บ้ี รเิ วณสว่ นหวั ไมม่ ีว้นุ หรือมเี ล็กน้อย ครบี หางยาวและไมม่ คี รบี หลัง

9 9. ปลาทองเกลด็ แกว้ (Pearl Scale goldfish) ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้วเป็นปลาทองท่ีมี ลกั ษณะเดน่ คอื ลำ� ตวั มลี กั ษณะปอ้ มสน้ั โดยสว่ นใหญ่ มีล�ำตัวอ้วนกลม และมีลักษณะท่ีแตกต่างไปจาก ปลาทองสายพันธุ์อ่ืนคือ มีเกล็ดหนานูนข้ึนมา จนเห็นเป็นตมุ่ ปลาท่มี ลี กั ษณะที่ดนี ้นั เกล็ดควรเรยี ง เป็นระเบียบ บริเวณส่วนหัวอาจมีวุ้นหรือไม่มีก็ได้ ซ่ึงประเทศไทยมีช่ือเสียงท่ีสามารถเพาะพันธุ์ปลา เกล็ดแก้วหนา้ หนูไดเ้ ป็นครงั้ แรก อีกทั้งยงั เปน็ ทีร่ ู้จัก และยอมรับกันท่ัวโลกว่าปลาทองสายพันธุ์นี้เป็น ปลาทองทแ่ี ตกตา่ งจากสายพนั ธอ์ุ น่ื และมสี ว่ นหวั เลก็ แหลม ล�ำตัวอ้วนกลม และมีเกล็ดท่ีมีลักษณะเฉพาะท�ำให้ดูเหมือนลูกกอล์ฟท่ีสามารถ เคล่ือนไหวอยู่ใต้น้�ำ ปลาทองเกล็ดแก้วที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เกล็ดแกว้ หนา้ หนู เกลด็ แกว้ หวั วนุ้ และเกลด็ แกว้ หวั มงกุฎ 10. ปลาทองโคเมท (Comet) ปลาทองโคเมทเป็นปลาทองสายพนั ธุห์ นึ่งทปี่ รากฏในปจั จุบัน มีถ่ินกำ� เนิดดง้ั เดิม ที่สหรัฐอเมริกา มีลักษณะล�ำตัวผอมเพรียวยาวแลดูคล้ายปลาคาร์ป ครีบทุกครีบยาว โดยเฉพาะครบี หาง ลำ� ตวั มกั มสี เี ดยี ว เชน่ สขี าว หรอื สแี ดง ขนาดเมอื่ โตเตม็ ทมี่ คี วามยาว ได้ถึง 12 นิ้ว จดั ว่าเปน็ ปลาทองสายพันธ์ทุ มี่ ขี นาดใหญ่มากสายพันธุ์หนึ่ง โดยชื่อโคเมท หมายถึงดาวหาง เพราะมีลกั ษณะเพรยี วยาวเหมือนดาวหาง ปลาทองโคเมทในประเทศ แถบตะวันตก เช่น ท่ีสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษเป็นสายพันธุ์ท่ีได้รับความนิยมมาก

10 และมีราคาสูง ในประเทศไทยและแถบเอเชียสายพันธุ์นี้กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าและ มีราคาต�่ำท้ังท่ีปลาทองสายพันธุ์น้ีจัดว่าเลี้ยงง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นมาก ทั้งน้ีเน่ืองจาก ไม่มีจุดเด่นเพียงพอที่ท�ำให้แลดูสวยงามเหมือนสายพันธุ์อ่ืน อีกทั้งยังมีลักษณะท่ัวไป คล้ายปลาคาร์ปจึงท�ำให้มีความเข้าใจผิดและสับสนกันระหว่างปลาทั้งสองชนิดนี้เสมอ โดยเฉพาะในตัวทย่ี งั เลก็ อยู่ และบางคนอาจเลี้ยงปนกนั ในบ่อเดยี วกนั ดว้ ย 11. ปลาทองชบู งุ กิง (Shubunkin) ปลาทองชูบุงกิงมีลักษณะคล้ายพันธุ์โคเมท แต่ที่ล�ำตัวมีหลายสี เช่น แดง ขาว ม่วง ส้ม และ ดำ� เกลด็ คอ่ นขา้ งใส จดั เปน็ ปลาทองทสี่ วยงามมาก ชนิดหนึ่ง ได้รับความนิยมมากในสมัยก่อนและ มกี ารตง้ั ชอ่ื ไวห้ ลายชอ่ื เชน่ Harlequin goldfish, Vermilion goldfish, Coronation goldfish เปน็ ตน้ 12. ปลาทองปอมปอม ปลาทองปอมปอมมีลักษณะช่วงล�ำตัวยาว และเพรียว สว่ นหวั มผี นังก้นั จมกู ขยายเจรญิ เติบโต ออกมาขา้ งนอก มองดเู หมอื นเป็นพู่สองขา้ ง ทำ� ให้ แลดูแปลกตาออกไป

11 การเพาะเลย้ี งปลาทองในประเทศไทย (รูปแบบฟาร์มเพาะเล้ยี ง การเพาะพันธุ์ การอนุบาล และการเลี้ยง) รปู แบบฟาร์มเพาะเลีย้ งปลาทองในประเทศไทย ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ การเลี้ยง ในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และในกระชัง ส่วนใหญ่ในฟาร์มใหญ่ ๆ เป็นการผสมผสานท้ัง 3 รปู แบบ โดยทำ� การผสมพนั ธ์ุ และอนบุ าลลกู ปลาระยะแรกในบอ่ ซเี มนตเ์ ปน็ หลกั จากนน้ั นำ� ลกู ปลาไปอนบุ าลตอ่ ในบอ่ ดนิ หรอื ในกระชงั ทอ่ี ยใู่ นบอ่ ดนิ เพอื่ ใหส้ ะดวกในการบรหิ าร จัดการ เช่น การคดั ขนาดปลา การให้อาหารและการดแู ลอยา่ งท่ัวถงึ การเลี้ยงในบอ่ ดิน มขี อ้ ดคี อื มอี าหารธรรมชาตแิ ละบอ่ กวา้ งทำ� ใหป้ ลาทองเจรญิ เตบิ โตเรว็ แตต่ อ้ งระมดั ระวงั เร่ืองศัตรูปลา เช่น นกหรือปลาจากแหล่งน�ำ้ ธรรมชาตทิ ่ีเขา้ มากินลูกปลาได้ ส�ำหรับผู้ที่เลี้ยงปลาทองแบบปลาเกรด นิยมเลี้ยงในบ่อซีเมนต์เพราะสามารถ บริหารจดั การไดอ้ ยา่ งใกลช้ ิดทกุ ขนั้ ตอนและมกี ารใหอ้ าหารทมี่ คี ณุ ภาพดแี ละมรี าคาสงู 1. การเลีย้ งในบ่อดิน บอ่ ดินทใี่ ชเ้ ลี้ยงปลาทองถูกคลุมดว้ ยตาขา่ ยเพอ่ื ปอ้ งกนั นกและศัตรูปลาอนื่ ๆ ไมใ่ ห้เขา้ มากินปลา

12 2. การเล้ียงในบอ่ ซีเมนต์ บ่อซีเมนต์ทใี่ ช้เลี้ยงปลาทองถกู คลมุ ดว้ ยตาขา่ ยเพือ่ ป้องกันนกไมใ่ ห้มากินปลา บ่อหรอื ภาชนะท่ใี ชใ้ นการเพาะเลีย้ งปลาทอง 1. อ่างซเี มนต์ส�ำเรจ็ รปู ขนาดเล็ก เป็นอ่างสี่เหล่ยี มขนาด 60 × 80 เซนติเมตร หรือเปน็ บอ่ ซีเมนตก์ ลมเส้นผ่าศูนยก์ ลาง 80-120 เซนติเมตร ความลกึ 30-50 เซนติเมตร 2. บ่อซีเมนต์ ขนาด 2 × 2 หรือ 2 × 3 เมตร บ่อชนิดน้ีเหมาะกับการเล้ียง พอ่ แมพ่ นั ธแ์ุ ละเลย้ี งปลาไดท้ กุ ขนาด บ่อซเี มนต์ทุกประเภท ก่อนน�ำมาใช้ต้องมีการล้างท�ำความสะอาดแช่น้�ำท้งิ ไว้ ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วถา่ ยน�ำ้ ท้ิงเพอ่ื ลา้ งและก�ำจดั ปนู ซเี มนต์ออกให้หมด 3. การเลี้ยงในกระชัง ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมเน่ืองจากเป็นการเพ่ิมค่าใช้จ่าย ทไ่ี มจ่ ำ� เปน็ การเลย้ี งในปจั จบุ นั สว่ นใหญจ่ ะเลย้ี งปลาในบอ่ ดนิ ชว่ งแรก เมอ่ื ปลาโตขนึ้ จะน�ำมาเล้ียงในบ่อซีเมนต์ ถ้าเลี้ยงในกระชังเป็นการแยกเล้ียงตามขนาดปลา ซึ่งวิธีการเล้ียงเหมือนกับการเล้ียงในบ่อดิน เพียงแต่มีการแขวนกระชังในบ่อดิน เพอื่ ความสะดวกในการคดั ขนาดระหวา่ งการเล้ยี ง

13 การเตรียมปลาทองเพ่อื การเพาะพันธุ์ 1. การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ควรเลือกพ่อแม่พันธุ์ท่ีมีลักษณะดี รูปร่างสมส่วน มลี กั ษณะดตี รงตามสายพนั ธ์ุ สสี นั เขม้ สดใส มคี วามสมบรู ณแ์ ขง็ แรง ไมพ่ กิ าร พอ่ แมพ่ นั ธ์ุ ควรมอี ายไุ มเ่ กนิ 2 ปี เพราะแมป่ ลาอายชุ ว่ งนว้ี างไขไ่ ดค้ รงั้ ละจำ� นวนมาก พอ่ พนั ธม์ุ นี ำ�้ เชอ้ื แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ควรเลือกพ่อแม่พันธุ์จากปลาครอกเดียวกันมาท�ำการผสมพันธุ์ เพราะอาจได้ลูกปลาท่มี ลี กั ษณะดอ้ ย โตช้า อ่อนแอ หรือมคี วามผิดปกติ 2. การเลี้ยงพอ่ แมพ่ นั ธุ์ ปลาทองทจ่ี ะนำ� มาเป็นพอ่ แมพ่ ันธ์ุควรมีอายุ 5-6 เดือน ขึ้นไป สามารถเลี้ยงได้ท้ังบ่อซีเมนต์และบ่อดิน ไม่ควรเล้ียงพ่อแม่พันธุ์หนาแน่นเกินไป น้�ำท่ีใช้เล้ียงควรเป็นน้�ำสะอาด มีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 6.8-7.5 มีการเพ่ิมอากาศในบ่อเลีย้ งพอ่ แมพ่ นั ธุ์ตลอดเวลา 3. การจ�ำแนกเพศปลาทอง ความแตกต่างลักษณะเพศของปลาทองน้ัน ถ้าดูจากลักษณะภายนอกล�ำตัวไม่พบความแตกต่างกัน การแยกเพศท�ำได้ต่อเม่ือปลา มีความสมบูรณ์เพศ คือ เป็นปลาโตเต็มวัย อายุประมาณ 6-8 เดือน ปลาเพศผู้จะเกิด ตมุ่ สวิ (Pearl organ หรือ Nuptial tubercles) ซง่ึ เป็นตมุ่ หรือจุดเล็ก ๆ สขี าวเกดิ ขนึ้ บริเวณกา้ นครีบอันแรกของครีบอกและบริเวณกระพุ้งแก้ม ซึ่งถา้ สังเกตดี ๆ พอเห็นได้ และมักเกิดเด่นชัดเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ของปลาทอง แต่ในช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์เช่น ในฤดูหนาวหรือปลาไม่มีความพร้อมทางเพศ ตุ่มสิวนี้จะมีขนาดเล็กสังเกตได้ยาก แต่สามารถแยกเพศได้โดยการใช้มือลูบเบา ๆ ที่ครีบอก ถ้าเป็นปลาทองเพศผู้จะรู้สึก สากมือเน่ืองจากมีตุ่มสิวดังกล่าว แต่ถ้าเป็นปลาเพศเมียจะรู้สึกว่าครีบอกน้ันล่ืน นอกจากนั้นถ้าปลามีความพร้อมในการผสมพันธุ์ คือปลาเพศเมียมีไข่แก่และปลาเพศผู้ มีน้�ำเชื้อสมบูรณ์ ถ้าจับท่ีบริเวณท้องของเพศเมีย จะคอ่ นขา้ งน่ิมและทชี่ ่องเพศขยายตวั นูนสูงขึ้น ส่วนปลาเพศผถู้ ้าลองรดี ทบ่ี รเิ วณท้องลงไป ทางชอ่ งเพศจะมนี ้ำ� เชือ้ ที่มสี ีขาวขนุ่ คลา้ ยน�้ำนมไหลออกมาเลก็ น้อย

14 การเพาะพันธปุ์ ลาทอง ปลาทองเปน็ ปลาทมี่ ไี ขป่ ระเภทไขต่ ดิ ดงั นนั้ กอ่ นทำ� การเพาะพนั ธค์ุ วรเตรยี มวสั ดุ ท่ีจะใช้ส�ำหรับการวางไข่และฟักไข่ ในธรรมชาติปลาทองมีพฤติกรรมการวางไข่ โดยปลาเพศผู้จะว่ายน้�ำไล่ปลาเพศเมียไปเรื่อย ๆ ปลาเพศเมียพร้อมวางไข่จะว่ายน้�ำ เข้าหาพรรณไม้น�้ำตามริมน้�ำแล้วปล่อยไข่ครั้งละ 10-20 ฟอง ปลาเพศผู้ท่ีว่ายน�้ำ ตามมาจะปล่อยน�้ำเชื้อลงไปผสมกับไข่ ไข่ที่ได้รับการผสมจะเกิดสารเหนียวท่ีเปลือกไข่ ทำ� ให้ไขเ่ กาะติดอย่ตู ามราก ลำ� ต้น และใบของพรรณไมน้ �ำ้ ดังนั้นการเตรยี มวสั ดุสำ� หรับ ให้ไข่ติดหรือเรียกว่ารังไข่ไว้ในบ่อเพาะปลาทอง รังควรเป็นวัสดุที่ช่วยให้ไข่ติดได้ง่าย และมากที่สุด คือมีลักษณะเป็นฝอยนิ่มและค่อนข้างยาว รังที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ รงั ทที่ ำ� จากเชอื กฟาง โดยนำ� เชอื กฟางมาผกู เปน็ กระจกุ ใหม้ คี วามยาวประมาณ 20 เซนตเิ มตร แล้วฉีกให้เป็นฝอยขนาดเล็ก จากนั้นน�ำไปจุ่มในน้�ำเดือดเพื่อให้เกิดความนุ่ม แล้วท�ำ กรอบไม้ (อาจใชท้ อ่ เอสลอ่ น) ใหล้ อยอยผู่ วิ นำ้� ในบอ่ นำ� รงั มาผกู ในกรอบไมเ้ พอ่ื ใหร้ งั ลอยตวั และกระจายตวั กนั หากไมท่ ำ� กรอบผกู รงั รงั จะถกู แรงลมทเ่ี กดิ จากเครอื่ งใหอ้ ากาศ ทำ� ให้ รังลอยไปรวมเป็นกระจุกอยู่ริมบ่อ ปลาจะวางไข่ที่รังได้ยาก การท�ำให้รังกระจายตัวกัน ชว่ ยใหป้ ลาสามารถวางไขโ่ ดยกระจายไขต่ ามรังท่จี ัดไว้ทกุ รังได้เปน็ อยา่ งดี วธิ กี ารเพาะพนั ธ์ุปลาทอง แบง่ ออกได้ 3 วิธี ดังน้ี 1. การเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ ใช้บ่อที่มีขนาดประมาณ 1-2 ตารางเมตร พ่นน�้ำให้เป็นฝอยคล้ายฝนตก หรือปล่อยน้�ำหยดลงบ่อแล้วให้ล้นออก ตรงทอ่ นำ้� ลน้ เพอ่ื ใหม้ กี ารไหลเวยี นของนำ้� เปน็ การกระตนุ้ ใหแ้ มป่ ลาวางไข่ นำ� พอ่ แมพ่ นั ธ์ุ ทมี่ คี วามสมบรู ณพ์ รอ้ มผสมพนั ธท์ุ ค่ี ดั ไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ มาใสใ่ นบอ่ เพาะพนั ธ์ุ 5-10 ตวั ตอ่ บอ่ ในอัตราส่วนตัวผู้ : ตัวเมีย 1 : 1 หรือ 2 : 1 ขึ้นกับปริมาณน�้ำเช้ือของพ่อพันธุ์และ ความสมบรู ณเ์ พศของแมพ่ ันธ์ปุ ลา ตวั ผเู้ รมิ่ ไลป่ ลาตัวเมยี โดยใชป้ ากดนุ ท่ที อ้ งปลาตวั เมยี เพ่ือกระตุ้นให้วางไข่ ตัวเมียจะปล่อยไข่เป็นระยะ ๆ ขณะเดียวกันตัวผู้จะปล่อยน�้ำเช้ือ ผสมกับไข่ ไข่จะกระจายติดกับสาหร่าย ผักตบชวา หรือเชือกฟางที่เตรียมไว้ในบ่อ แมป่ ลาวางไขค่ รง้ั ละ 500-5,000 ฟอง โดยปรมิ าณไขข่ น้ึ อยกู่ บั ขนาดของแมป่ ลา หลงั จาก แมป่ ลาวางไขแ่ ลว้ ควรแยกพอ่ แมป่ ลาออกไปเลยี้ งในบอ่ อนื่ โดยปกตแิ มป่ ลาทองจะวางไข่ มากในชว่ งเดอื นเมษายน-ตลุ าคม

15 2. การเพาะพันธุ์โดยวิธีผสมเทียม การเพาะพันธุ์วิธีน้ีท�ำให้อัตราการผสม ของไข่และน้�ำเชื้อสูงและไข่ท่ีได้รับการผสมมีอัตราการฟักไข่สูงกว่าการเพาะพันธุ์โดย วิธีเลียนแบบธรรมชาติ แต่ข้ันตอนยุ่งยากกว่า วิธีการน้ีใช้การฉีดฮอร์โมนเพ่ือเร่งให้ พอ่ แมพ่ นั ธป์ุ ลามกี ารพฒั นาของไขแ่ ละนำ�้ เชอื้ แลว้ จงึ รดี ไขผ่ สมกบั นำ้� เชอื้ แมพ่ นั ธป์ุ ลาทอง ที่มีความพร้อมในการน�ำมาผสมเทียมคือ แม่พันธุ์ปลาทองท่ีพร้อมส่วนท้องจะน่ิมพร้อม ท่ีจะวางไข่ การเพาะพันธุ์วิธีน้ีควรท�ำในตอนเช้ามืดใกล้สว่างซ่ึงเป็นเวลาท่ีปลาชอบ ผสมพันธุ์ โดยใช้สัดสว่ นปลาตวั ผู้ : ปลาตัวเมยี 1 : 1 หรอื 2 : 1 ตวั เพ่ือให้น�ำ้ เชอ้ื ของตัวผู้ มีปริมาณเพียงพอกับจ�ำนวนไข่ของปลาตัวเมีย รีดไข่จากแม่ปลาลงกะละมังที่สะอาด ข้ันตอนการรีดไข่ต้องรวดเร็วและนุ่มนวลเพราะปลาอาจเกิดการบอบช�้ำและตายได้ ถา้ ปลาอยใู่ นมอื นาน จากนน้ั รดี นำ้� เชอื้ จากปลาตวั ผู้ 1-2 ตวั ลงผสมกบั ไขพ่ รอ้ มกนั ใชข้ นไก่ คนใหไ้ ขก่ บั นำ้� เชอื้ เขา้ กนั เพอ่ื ใหน้ ำ�้ เชอ้ื ของปลาตวั ผผู้ สมกบั ไขข่ องปลาตวั เมยี ไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ จากนั้นล้างไข่ด้วยน�้ำสะอาด 1-2 ครั้ง เมื่อไข่ท่ีได้รับการผสมแล้วถูกน�้ำจะดูดซึมน�้ำ เข้าภายในเซลล์ และมีสารเหนียว ๆ ท�ำให้ไข่ติดกับกะละมัง น�ำกะละมังท่ีมีไข่ติดอยู่ ไปใส่ในบ่อฟักที่มีระดับน้�ำลึกประมาณ 30 เซนติเมตร โดยวางกะละมังให้จมน�้ำ ให้อากาศเบา ๆ เป็นจุด ๆ ตลอดเวลา หรือน�ำไข่ที่ได้รับการผสมแล้วโรยในรังไข่ท่ีผูก ในกรอบไม้ลอยตัวกระจายอยู่ในบ่อ ไข่ท่ีได้รับการผสมจะฟักเป็นตัวภายใน 2-3 วัน อุณหภมู ขิ องนำ้� ภายในอ่างฟกั ไข่อยูใ่ นชว่ ง 27-28 องศาเซลเซียส 3. การเพาะพนั ธโ์ุ ดยกง่ึ ธรรมชาติ การเพาะพนั ธว์ุ ธิ นี ที้ ำ� ใหอ้ ตั ราการผสมของไข่ และนำ้� เชอื้ สงู กว่าการเพาะพันธ์โุ ดยวธิ ีเลียนแบบธรรมชาติ แต่น้อยกวา่ วธิ กี ารผสมเทียม วิธกี ารน้ใี ช้การฉดี ฮอรโ์ มนเพ่อื เร่งให้พอ่ แมป่ ลามีการพฒั นาไข่และนำ�้ เช้ือ แล้วปล่อยให้พ่อแม่พันธผ์ุ สมกนั ในบอ่ เหมอื นกบั วิธที ่ี 1

16 ในวธิ ที ี่ 1 การเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ ปลามีไข่แก่และน้�ำเช้ือดี จะวางไข่และผสมพันธุ์ตอนรุ่งเช้าของวันถัดไป หากปลายังไม่วางไข่จะปล่อย พ่อแมป่ ลาไว้อกี 1 คนื แตถ่ ้าเชา้ วนั ถดั ไปปลาก็ยังไมว่ างไข่แสดงวา่ ปลาเพศเมยี ท่ีคัดมาเพาะพันธุ์นั้นไข่ยังไม่แก่จัดพอที่จะวางไข่ ต้องปล่อยพ่อแม่ปลาท่ีคัดมา เพาะกลบั คนื ลงบอ่ เลยี้ ง แตถ่ า้ ปลาวางไขแ่ ลว้ จะสงั เกตไดจ้ ากนำ้� ในบอ่ เพาะมเี มอื ก เป็นฟองตามผิวน้�ำและรัง เม่ือพิจารณาที่รังจะเห็นว่ามีไข่ปลาทองท่ีมีลักษณะ เป็นเม็ดเล็ก ๆ สเี หลอื งออ่ นคอ่ นข้างใส เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 1 มลิ ลเิ มตร ตดิ อยตู่ ามเสน้ เชอื กภายในรงั เมด็ ไขท่ ใี่ สเปน็ ไขท่ ไ่ี ดร้ บั การผสมหรอื ไขด่ ี และเมด็ ไข่ ที่มสี ขี นุ่ ขาวเป็นไขท่ ไ่ี มไ่ ดร้ บั การผสมหรือเปน็ ไขเ่ สีย การฟักไข่ปลาทอง เม่ือพ่อแม่พันธุ์ปลาทองผสมพันธุ์วางไข่หรือท�ำการผสมเทียมแล้ว ข้ันตอนต่อไป คือการฟักไข่ซึ่งอาจใช้บ่อเพาะเป็นบ่อฟักไข่ได้เลย โดยน�ำพ่อแม่ปลาออกจากบ่อ จากนั้นเพิม่ ระดบั นำ้� เปน็ 30-40 เซนตเิ มตร พร้อมให้อากาศหรือท�ำใหเ้ กิดการหมนุ เวยี น นำ้� ตลอดเวลา และถา้ สามารถเพม่ิ นำ้� ใหมห่ รอื มกี ารเปลยี่ นถา่ ยนำ้� ดว้ ยจะชว่ ยไลค่ วามคาว ที่เกิดข้ึนระหว่างการพัฒนาของไข่ออกไปเร่ือย ๆ ท�ำให้ไข่ปลาทองฟักตัวได้ดี ไม่ค่อยมี การติดเช้ือ แต่ต้องใส่ผ้ากรองกันไว้ท่ีทางออกของท่อน้�ำล้นเพ่ือกันลูกปลาที่ฟักตัว ออกจากไข่ไม่ให้ไหลไปตามน้�ำ แม่ปลา 1 ตัว วางไข่ได้ครั้งละ 1,000-3,000 ฟอง ไขใ่ ชร้ ะยะเวลาในการฟกั ตวั ประมาณ 48-56 ชว่ั โมง (2-3 วนั ) ลกู ปลาทฟ่ี กั ตวั ออกจากไข่ แล้วมักเกาะอยทู่ ร่ี งั หรือว่ายนำ้� ออกไปเกาะอยู่ทผ่ี นังบ่อ รอจนเช้าวนั ท่ี 4 หลังจากที่ปลา วางไขจ่ ึงค่อย ๆ เขย่ารงั เพ่อื ไลล่ กู ปลาออกจากรังแลว้ ปลดรังออก

17 การอนุบาลลูกปลาทอง บ่อที่ใช้ส�ำหรับอนุบาลลูกปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์ขนาด 4-10 ตารางเมตร มีความลึก 40-50 เซนติเมตร เป็นบ่อที่สามารถถ่ายเทน้�ำได้อย่างดี ถ้าสามารถ ปรับระบบน�้ำไหลได้จะท�ำให้ลูกปลามีความแข็งแรงมาก เจริญเติบโตรวดเร็วและ มีอตั รารอดสูง เพราะการเปล่ียนถา่ ยน้ำ� จะช่วยระบายของเสียหรอื สิ่งขบั ถ่ายของลูกปลา ออกไปได้เป็นอย่างดี ดังน้ันสิ่งส�ำคัญที่ท�ำให้ลูกปลาเติบโตเร็วคือการระบายน�้ำและ การเปลี่ยนถา่ ยน�้ำเปน็ ประจำ� ทกุ วัน ในช่วงท่ีลูกปลาฟักตัวออกมาระยะ 2-3 วันแรก ยังไม่จ�ำเป็นต้องให้อาหาร เน่ืองจากลกู ปลามีถุงอาหาร (Yolk sac) ติดอยู่ หลังจาก 3 วนั ไปแล้วจึงเร่ิมให้อาหาร โดยให้ลูกไรแดงขนาดเล็กท่ีผ่านการกรองด้วยตาข่าย หรือให้ไข่แดงต้มสุกละลายน�้ำ หยดใหป้ ลากนิ วนั ละ 3-4 ครงั้ ถา้ ปลากนิ เหลอื ควรดดู เศษอาหารออก อตั ราการเปลย่ี นนำ้� แต่ละครัง้ ไมค่ วรเกนิ 20-25% ของปริมาณน้�ำในบอ่ 2-3 วนั หลังจากนัน้ ควรเปล่ยี นเป็น ไรแดงขนาดใหญข่ น้ึ เมอื่ ลกู ปลามอี ายุ 15 วนั จงึ เรมิ่ ใหอ้ าหารสำ� เรจ็ รปู และอาหารสดเสรมิ ทำ� การคดั ขนาดลกู ปลาใหม้ ขี นาดสมำ่� เสมอกนั เพราะลกู ปลาทม่ี ขี นาดเลก็ จะแยง่ อาหาร ไม่ทันลูกปลาท่ีมีขนาดใหญ่กว่า จึงควรคัดออกเพื่อน�ำมาแยกเล้ียง การอนุบาลลูกปลา ที่มีขนาดเล็กไม่ควรเล้ียงในน�้ำที่มีระดับความลึกมาก ควรเลี้ยงในอัตราความหนาแน่น 100-250 ตวั ต่อตารางเมตร อาหารท่ีเป็นไข่ต้มสุกใช้ไข่ไก่หรือไข่เป็ดต้มสุก แล้วเอาเฉพาะไข่แดงไปขย้ีน�้ำ ผา่ นผา้ ไนลอ่ นหรอื กระชอนจะได้น�ำ้ ไขแ่ ดง น�ำไปสาดใหล้ ูกปลากนิ เป็นระยะเวลา 3 วัน ลูกปลาจะเคยชินกับการกินอาหารและกินอาหารเก่ง ขนาดของลูกปลาก็จะโตข้ึน อย่างเด่นชัด จากน้ันใช้อาหารผงซ่ึงเป็นอาหารส�ำหรับอนุบาลลูกปลาดุกในการอนุบาล ลูกปลาทอง โดยในช่วงแรกโปรยลงบนผิวน้�ำอาหารจะค่อย ๆ จมตัวลง เลี้ยงต่อไป

18 อีกประมาณ 5 วัน แล้วเปลยี่ นวิธีให้อาหารจากการโปรยอาหารลงผวิ น�ำ้ เปน็ น�ำอาหารผง มาคลกุ นำ�้ พอหมาด ๆ อาหารประเภทนมี้ คี ณุ สมบตั ใิ นการปน้ั กอ้ นไดด้ ี นำ� ไปวางไว้ ลกู ปลา จะมาตอดกนิ อาหารไดเ้ อง ถึงแม้ลูกปลากินอาหารผงได้ดีแต่อาหารผงก็มีข้อเสียท่ีมักมีการแตกตัวและ กระจายตัวได้ง่าย ทำ� ใหค้ ุณภาพน้ำ� ไม่ดี ดงั น้ันเมื่ออนุบาลลกู ปลาในช่วงแรกดว้ ยไข่และ อาหารผงเป็นระยะเวลาประมาณ 15 วัน ควรเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดลอยน้�ำ โดยใช้ อาหารเมด็ สำ� หรบั ลกู ปลาดกุ เลก็ ระยะแรกใหล้ กู ปลาไดเ้ ลย จะเหน็ วา่ อาหารลอยตวั อยผู่ วิ นำ้� จากนนั้ ประมาณ 15-20 นาที อาหารจะพองขยายตวั ขน้ึ และนมิ่ ในวนั แรกลกู ปลายงั ไมเ่ คยชนิ กับอาหารลอยน้�ำให้ใช้นิ้วบีบอาหารท่ีลอยอยู่บางส่วนให้จมตัวลงและมีอาหารลอยน�้ำ เหลืออยูบ่ า้ ง ทำ� เช่นนป้ี ระมาณ 3 วัน ลกู ปลาจะเคยชินกบั การกินอาหารเมด็ ลอยน�้ำได้ดี การเลี้ยง การเล้ยี งปลาทองในบ่อซีเมนต์ ขน้ั ตอนนเ้ี ปน็ การเลย้ี งเพอ่ื ใหป้ ลาทองมขี นาดใหญ่ เหมาะสมที่จะส่งตลาดต่อไป บ่อเล้ียงปลาทองควรเป็น บอ่ ซีเมนตข์ นาด 2-4 ตารางเมตร ควรมีจ�ำนวนหลายบอ่ หากต้องการให้ปลาเจริญเติบโตเร็วจะต้องจ�ำกัดจ�ำนวน ปลาที่ปล่อยลงเล้ียง โดยปล่อยในอัตราความหนาแน่น 50 ตวั ตอ่ พนื้ ที่ 1 ตารางเมตร ควรทยอยคดั ปลาจากบอ่ อนุบาลมาปล่อยลงบ่อเลี้ยง จากน้ันเลี้ยงด้วยอาหารเม็ด เป็นระยะเวลา 40-60 วัน ปลาจะเติบโตจนสามารถ ส่งจ�ำหน่ายได้ เมื่อส่งปลาออกจ�ำหน่ายแล้วก็ทยอยคัด ปลาจากบอ่ อนบุ าลมาปลอ่ ยเลยี้ งอกี ตอ่ ไป สำ� หรบั ลกู ปลา ที่เหลืออยู่ในบ่ออนุบาลซึ่งมีเป็นจ�ำนวนมาก ถึงแม้จะมี การให้อาหารดีและมีการเปลี่ยนถ่ายน�้ำสม�่ำเสมอ ลกู ปลากจ็ ะเจรญิ เตบิ โตขน้ึ ไมม่ ากนกั เนอ่ื งจากจำ� นวนปลา เป็นข้อจ�ำกัด แต่เม่ือถูกกระจายออกไปยังบ่อเล้ียง ก็จะสามารถเจรญิ เติบโตต่อไปได้

19 อาหารทเ่ี หมาะสมในการอนบุ าล และการเลี้ยงปลาทอง ปลาทองขนาดเล็กนิยมให้กินอาหารมีชีวิตท่ีมีขนาดเล็ก เช่น ไรแดง ไรทะเล (อารท์ เี มยี ) ผสมกบั ไขต่ นุ๋ เมอื่ ปลามขี นาดโตขนึ้ ใหอ้ าหารสำ� เรจ็ รปู ทัง้ แบบผสมเองหรือ เปน็ อาหารเมด็ สำ� เร็จรปู หรอื เสริมอาหารมชี วี ติ ประเภท ไสเ้ ดอื น หนอนแดง เปน็ ตน้ 1. อาหารธรรมชาติ ปลาทองชอบกินอาหารจ�ำพวกลูกน�้ำ ไรแดง ไรทะเล (อาร์ทีเมีย) หนอนแดง และไสเ้ ดอื นนำ้� อาหารมชี วี ติ เหล่านม้ี คี ณุ ค่าทางอาหารสงู ทำ� ใหป้ ลาโตเรว็ มีความสมบรู ณ์ทางเพศดีเหมาะสมตอ่ การเลยี้ งพ่อแมพ่ ันธุ์ โดยให้วนั ละ 1-2 ครัง้ ไรแดง และไรทะเล (อาร์ทีเมีย) ทีเ่ ตรียมใหเ้ ปน็ ไสเ้ ดือนทนี่ �ำ มาให้เปน็ อาหารปลาทอง อาหารปลาทอง 2. อาหารส�ำเรจ็ รูป ได้แก่ อาหารเม็ดขนาดเล็กที่มี เปอร์เซ็นต์โปรตีนสูง ท�ำให้ปลาเจริญเติบโตดีและ มีสีสันสวยงาม โดยทั่วไปควรประกอบด้วย โปรตีน 40% คาร์โบไฮเดรต 44% ไขมัน 10% วิตามิน และเกลือแร่ 6% การให้อาหารควรให้วันละ 3-5% ของน้�ำหนักปลา (ปัจจุบันบางฟาร์มนิยมเลี้ยง ด้วยอาหารเม็ดส�ำเร็จรูปชนิดเกล็ดจมส�ำหรับลูกกุ้ง วัยออ่ นท่มี ีปรมิ าณโปรตนี ประมาณ 42%) อาหารส�ำ เร็จรูปทีน่ ยิ ม ใชเ้ ลยี้ งปลาทอง

20 3. อาหารเรง่ สี ปัจจุบันมีการใช้สารเร่งสี (แอสทาแซนธิน) เสริมในอาหารให้ปลากิน เพ่ือให้ปลาทองมีสีสวยงาม และมีการใช้สไปรูไลน่า (Spirulina) ผสมกับอาหาร เลย้ี งปลาทองเพอื่ เพมิ่ ความเขม้ ของสแี ดง สสี ม้ หรอื สเี หลอื งในตวั ปลา ซง่ึ ใชเ้ ลย้ี งปลา ทมี่ อี ายปุ ระมาณ 3 สปั ดาหข์ น้ึ ไป โดยใหก้ นิ ในมอื้ เช้า สว่ นในมอื้ เยน็ จะใหอ้ าหารมชี วี ติ การเตรียมอาหารเรง่ สีในไข่ต๋นุ ที่นยิ มใชเ้ ลีย้ งปลาทองเพื่อใหม้ สี ีสันสวยงาม

21 โรคท่พี บในการเพาะเล้ยี งปลาทอง และวธิ กี ารรกั ษา ธุรกิจการเล้ียงปลาสวยงาม ปัญหาหน่ึงที่ผู้เลี้ยงปลามักประสบอยู่เสมอคือ เร่ืองการเกิดโรค ดังนั้นถ้าผู้เลี้ยงปลามีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับชนิดและสาเหตุของ การเกดิ โรคปลา รวมทง้ั วธิ กี ารปอ้ งกนั และรกั ษาจะชว่ ยใหก้ ารดำ� เนนิ ธรุ กจิ การเพาะเลย้ี ง ปลาสวยงามบรรลเุ ปา้ หมายไดเ้ ปน็ อย่างดี การเกดิ โรคในปลามสี าเหตมุ าจากหลายปจั จยั ด้วยกัน เช่น การเกดิ โรคจากปรสติ ภายนอก ปรสิตภายใน แบคทีเรยี ไวรสั หรอื เชอื้ รา รวมท้ังคุณภาพน้�ำหรืออาหารท่ีใช้เล้ียงไม่เหมาะสม เป็นต้น ดังน้ันผู้เลี้ยงปลาสวยงาม ควรมีความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับโรคปลา วิธีการป้องกันและรักษาโรคเบื้องต้น ส�ำหรับโรค ท่พี บในการเพาะเล้ียงปลาทองและวธิ ีการป้องกันรักษา มดี ังนี้ โรคจุดขาว ปลาทีเ่ ปน็ โรคนี้มจี ดุ สขี าวข่นุ ขนาดเทา่ ปลายเข็มหมุดเล็ก ๆ กระจายอยู่ ทั่วล�ำตัวและครีบ ปรสิตท่ีท�ำให้เกิดโรคนี้ในปลาน�้ำจืดมีช่ือว่า อี๊กทิอ๊อฟทีเรียส มัลติฟิลิส (Ichthyopthirius multifilis) หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า อ๊ิก โปรตัวซัวชนิดนี้ มีลักษณะเด่นคือ มีนิวเคลียสเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่ (ดูจากกล้องจุลทรรศน์) ปรสิตชนิดนี้อาศัยอยู่ใต้ผิวหนังของปลา เม่ือโตเต็มท่ีจะออกจากตัวปลาจมตัวลง สู่บริเวณพ้ืนบ่อปลาและสร้างเกราะหุ้มตัว ต่อจากน้ันจะมีการแบ่งเซลล์เป็นตัวอ่อน จ�ำนวนมากภายในเกราะน้ัน เมื่อสภาวะแวดล้อมภายนอกเหมาะสม เกราะหุ้มตัว แตกออกและตัวออ่ นของปรสติ จะวา่ ยนำ้� เข้าเกาะตามผวิ หนงั ของปลาต่อไป การป้องกันและรักษา การก�ำจัดปรสิตที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังยังไม่มีวิธีที่ได้ผลเต็มท่ี แต่สามารถท�ำลายตัวอ่อนในน�้ำหรือท�ำลายตัวแก่ขณะว่ายน�้ำเป็นอิสระได้ โดยการ เลอื กใช้สารเคมีอย่างใดอย่างหน่ึงตอ่ ไปนี้ 1. ฟอรม์ าลนิ 150-200 มลิ ลลิ ติ รตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร (1 ลกู บาศกเ์ มตร) แชไ่ วน้ าน 1 ชวั่ โมง สำ� หรบั ปลาขนาดใหญ่ หรอื 25-50 มลิ ลลิ ิตรต่อน้ำ� 1,000 ลิตร นาน 24 ชว่ั โมง 2. เมทลิ นี บลู 1-2 กรัมตอ่ น�้ำ 1,000 ลิตร แช่ติดตอ่ กนั นาน 7 วนั

22 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปรสิตชนิดน้ีขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว ดังนั้นวิธีการป้องกันเป็นวิธี ท่ีดีที่สุดเพ่ือให้ปลาที่น�ำมาเล้ียงปราศจากการรบกวนของปรสิต โดยด�ำเนินการดังน้ี 1. กอ่ นทจี่ ะนำ� ปลามาเลยี้ งควรนำ� มาขงั ไวใ้ นทกี่ กั กนั กอ่ น ประมาณ 7-10 วนั เพอื่ ตรวจดู วา่ มีปรสิตติดมาหรอื ไม่ เมอ่ื แนใ่ จว่าไมเ่ ปน็ โรคแล้วจึงน�ำไปเลี้ยงตอ่ 2. การปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคนโ้ี ดยวธิ งี า่ ย ๆ คอื เมอ่ื ปลาเปน็ โรคควรแยกปลา ออกไปรักษาตา่ งหาก จากนัน้ ใส่ฟอรม์ าลิน 100-150 มิลลลิ ิตรต่อน�ำ้ 1,000 ลติ ร ลงในตู้เดิม ทง้ิ ไว้ 10-12 ชัว่ โมง เพื่อกำ� จัดปรสิตให้หมดแลว้ จึงถา่ ยนำ้� ทงิ้ ไป ทำ� ซ�ำ้ 2-3 คร้งั โรคสนิมเหล็ก ปลาท่ีป่วยเป็นโรคน้ีจะว่ายน�้ำทุรนทุราย บางคร้ังพบว่ากระพุ้งแก้ม เปิดอ้ามากกว่าปกติ อาจมีแผลเลือดออกหรือรอยด่างสีน�้ำตาลหรือเหลืองคล้าย สีสนิมตามล�ำตัว ครีบหางตกหรือลู่ลง ปลาทยอยตายติดต่อกันทุกวัน ปรสิตท่ีท�ำให้ เกิดโรคนี้ในปลาน�้ำจดื มชี อื่ ว่า โอโอดเิ นียม (Oodinium sp.) หรือพสิ ซิโนโอดเิ นียม (Piscinoodinium sp.) ปรสิตพวกนี้เป็นปรสิตเซลล์เดียวที่มีรูปร่างกลมรี สีเหลือง ปนน�้ำตาลหรือเหลืองปนเขียวแบบสีสะท้อนแสง ภายในเซลล์มีองค์ประกอบ ท่ีคล้ายฟองสบู่อยู่เป็นจ�ำนวนมาก สามารถเพิ่มจ�ำนวนได้อย่างรวดเร็วโดยการ แบ่งเซลล์ ถ้าปลาไม่ได้รบั การรักษาอยา่ งถกู ต้อง ปลาจะตายหมด การปอ้ งกนั และรักษา 1. ใชเ้ กลอื เมด็ ปรมิ าณ 1-5 กโิ ลกรมั ตอ่ นำ้� 1,000 ลติ ร แชป่ ลาในนำ้� เกลอื นาน 24 ชวั่ โมง ท้ังนี้ขึ้นกับชนิดและขนาดของปลา ถ้าปลาขนาดเล็กควรใช้เกลือน้อยกว่าปลา ขนาดใหญ่ (กอ่ นใช้โปรดอ่านข้อควรระวงั ในการใช้เกลอื ) 2. น�ำเกลือเม็ดตามปริมาณท่ีค�ำนวณได้แช่ในสารละลายจุนสี (CuSO4) ท่ีมีความ เข้มข้น 1 ส่วนในล้านส่วน (1 กรัมต่อน้�ำ 1,000 ลิตร) จากนั้นน�ำเกลือท่ีแช่ ในจุนสแี ล้วนี้ไปใสใ่ นตปู้ ลา ทิ้งไว้ 24 ช่ัวโมงจงึ เปลีย่ นถ่ายน�้ำ ให้สงั เกตอาการปลา ถ้าไม่ดขี ึ้นท�ำซ�้ำอกี 2-3 ครั้ง

23 โรคเหบ็ ระฆงั โรคนท้ี ำ� ใหป้ ลาเกดิ การระคายเคอื ง เนอ่ื งจากปรสติ ในกลมุ่ Trichodinids ซึ่งเป็นปรสิตเซลล์เดียวรูปร่างคล้ายระฆังทรงเตี้ย มีแผ่นคล้ายใบมีดจ�ำนวนมาก อยู่กลางเซลล์ใช้ในการเกาะผิวตัวและเหงือกปลา มีการเคล่ือนที่ไปมาจากที่หน่ึง ไปอีกที่หนึ่งอยู่ตลอดเวลา ท�ำให้ปลาเกิดเป็นแผลขนาดเล็กตามผิวตัวและเหงือก มกั พบในลกู ปลา ถา้ พบเป็นจำ� นวนมากจะท�ำให้ปลาตายได้หมดบ่อหรือหมดตู้ การปอ้ งกันและรกั ษา 1. การนำ� ปลาใหมเ่ ขา้ มาเลยี้ งควรแยกขงั ไวก้ อ่ น แลว้ แชด่ ว้ ยฟอรม์ าลนิ 25-30 มลิ ลลิ ติ ร ต่อนำ้� 1,000 ลิตร นาน 24 ชว่ั โมง ก่อนปลอ่ ยปลาลงบ่อ 2. แช่ปลาในฟอร์มาลิน 30-50 มลิ ลิลติ รตอ่ นำ�้ 1,000 ลิตร นาน 24 ชั่วโมง โรคเลอื ดออกตามซอกเกลด็ อาการของโรคนี้คือปลามีแผลเปิดเป็นสีแดงตามล�ำตัว โดยเฉพาะทค่ี รบี และซอกเกลด็ มกั พบในปลาทม่ี เี กลด็ เปน็ สว่ นใหญ่ ถา้ เปน็ แผลเรอ้ื รงั อาจมีอาการเกลด็ หลดุ บรเิ วณรอบ ๆ แผล และดา้ นบนของแผลจะมสี ่วนท่คี ล้ายสำ� ลี สีน้�ำตาลปนเหลืองติดอยู่ โรคนี้เกิดจากปรสิตชื่อ อิพิสไทลิส (Epistylis sp.) ซงึ่ เปน็ ปรสติ เซลลเ์ ดียวทอี่ ยรู่ วมกันเปน็ กลุม่ หรอื เปน็ กระจกุ ปรสติ แต่ละเซลล์จะยดื หดตวั ไม่พรอ้ มกนั การป้องกนั และรกั ษา 1. ใช้เกลือเม็ดในปริมาณ 1-5 กิโลกรัมต่อน้�ำ 1,000 ลิตร แชน่ าน 48 ช่วั โมง 2. ใช้ฟอรม์ าลนิ ในปริมาณ 25-40 มิลลิลติ รตอ่ น�้ำ 1,000 ลิตร แช่นาน 48 ชั่วโมง หลังจาก แชย่ าแลว้ ถา้ ปลายงั มอี าการไมด่ ขี น้ึ ควรเปลย่ี น ถ่ายน�้ำแล้วพักไว้ 1 วัน จากน้ันใส่ยาซ�้ำอีก 1-2 คร้ัง ปลาทองท่มี อี าการตกเลอื ด บรเิ วณเหงอื กและหาง

24 โรคเมือกขุ่น อาการของปลาที่เป็นโรคนี้คือมีเมือกสีขาวขุ่นปกคลุมล�ำตัวเป็นหย่อม ๆ หรือปลาขับเมือกออกมามากจนกระท่ังได้กลิ่นคาว ครีบหุบ ว่ายน�้ำกระเสือกกระสน บางครั้งจะลอยอยู่ตามผิวน้�ำ สาเหตุของโรคเกิดจากกลุ่มปรสิตเซลล์เดียว เช่น คอสเตีย (Costia sp.) ซโิ ลโดเนลลา่ (Chilodonella sp.) ไซฟเิ ดยี (Scyphidia sp.) และโบโดโมแนส (Bodomonas sp.) การป้องกนั และรกั ษา 1. แชป่ ลาในฟอรม์ าลนิ ในอตั ราสว่ น 25-40 มลิ ลลิ ติ รตอ่ นำ้� 1,000 ลติ ร นาน 48 ชว่ั โมง 2. แชป่ ลาในดา่ งทบั ทิม ในอัตราส่วน 1-3 กรัมต่อน�ำ้ 1,000 ลิตร นาน 24 ชว่ั โมง 3. ใช้เกลือเม็ด ในอัตราส่วน 1-5 กิโลกรัมต่อน�้ำ 1,000 ลิตร แช่นาน 48 ชั่วโมง ขน้ึ กบั ขนาดของปลา โรคตัวเปื่อย ปลาท่ีเป็นโรคนี้มีผิวตัวเป็นรอยด่างขาวตกเลือด เกล็ดพอง เกล็ดหลุด จนกระทัง่ เป็นแผลเปือ่ ย บางตัวเกดิ แผลลึกจนถงึ กลา้ มเนื้อล�ำตวั ลักษณะอาการต่าง ๆ นี้ เกิดข้ึนได้ทั่วท้ังล�ำตัว ถ้าอาการของโรครุนแรงมากอาจท�ำให้ปลาตายได้ในระยะเวลาส้ัน โรคน้มี สี าเหตุจากปรสิตเซลลเ์ ดยี วมชี ือ่ ว่า เททราไฮมีนา (Tetrahymena sp.) มลี ักษณะ เป็นรูปไข่ มีขนเล็กๆ (Cilia) รอบเซลล์ใช้ในการเคล่ือนที่ ร่องปากมีลักษณะเฉพาะตัว ผนังเซลล์ของปรสิตชนิดน้ียืดหดตัวได้ดี สามารถแทรกตัวผ่านเน้ือเยื่อปลาท�ำให้บริเวณ ผวิ หนงั หรอื เหงอื กปลาเกดิ การระคายเคอื งเปน็ แผล นอกจากนป้ี รสติ ยงั สามารถผลติ นำ้� ยอ่ ย โปรตนี (Protease) ทม่ี คี ณุ สมบตั ทิ ำ� ลายเนอื้ เยอ่ื ปลาและเคลอ่ื นทไ่ี ปยงั อวยั วะภายในตา่ ง ๆ เททราไฮมนี าสามารถเพม่ิ จำ� นวนไดร้ วดเรว็ ดว้ ยการแบง่ ตวั โดยเฉพาะเมอ่ื มเี ศษอาหารหรอื ซากปลาตายที่พ้ืนบอ่ หรอื ตู้กระจก การปอ้ งกนั และรกั ษา 1. การจดั การระบบการเลยี้ งทด่ี แี ละเหมาะสมจะชว่ ยปอ้ งกนั โรคไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. เม่ือตรวจพบเททราไฮมีนาในน้�ำหรือในตัวปลาที่เร่ิมป่วย ให้ใช้ฟอร์มาลิน 25-30 มิลลิลิตรต่อน้�ำ 1,000 ลิตร พร้อมทั้งให้อากาศตลอดเวลานาน 24 ชั่วโมง แล้ว เปลย่ี นถา่ ยน�ำ้ ท�ำซำ�้ ตดิ ตอ่ กันอยา่ งน้อย 3 วัน 3. กรณที ี่ปลาเปน็ โรคจากเททราไฮมนี าข้ันรุนแรง ยงั ไม่มีวธิ รี กั ษาท่ีไดผ้ ล ควรทำ� ลาย ปลาปว่ ยทง้ั หมดโดยการฆา่ หรอื ฝงั จากนนั้ ทำ� ความสะอาดบอ่ หรอื ภาชนะทใ่ี ชเ้ ลยี้ ง

25 รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงด้วยคลอรีนหรือดา่ งทับทิม และเว้นระยะการเล้ียง เพอ่ื ป้องกันการแพรก่ ระจายของโรคไปยงั ปลาและแหล่งเล้ียงอื่น ๆ โรคเชอ้ื รา โดยทว่ั ไปโรคทเี่ กดิ จากเชอื้ รามกั เกดิ รว่ มกบั โรคอนื่ ๆ หลงั จากทป่ี ลาเกดิ เปน็ แผล แบบเรอ้ื รงั แลว้ มกั พบเชอื้ ราเขา้ มารว่ มทำ� ใหแ้ ผลลกุ ลามมากขนึ้ โดยบรเิ วณทแี่ ผลตดิ เชอื้ รา จะมลี กั ษณะเปน็ ปยุ ขาว ๆ ปนเทา คลา้ ยสำ� ลปี กคลมุ อยู่ ในการเพาะพนั ธป์ุ ลาถา้ มไี ขเ่ สยี มาก จะพบเชอ้ื ราเขา้ เกาะไขท่ เี่ สยี และลกุ ลามไปทำ� ลายไขด่ ตี อ่ ไปหากไมไ่ ดท้ ำ� การรกั ษาอยา่ งทนั ที การป้องกันและรกั ษา 1. ส�ำหรับปลาป่วยใช้ไตรฟลูราริน (Triflurarin) ในอัตราส่วน 8-10 มิลลิลิตรต่อน้�ำ 100 ลูกบาศกเ์ มตร 2. กรณขี องปลาทเ่ี ลยี้ งในบอ่ ดนิ ปว่ ยเปน็ โรคตดิ เชอ้ื รามกั พบวา่ มสี าเหตมุ าจากคณุ ภาพ ของนำ�้ ในบอ่ ไมด่ ี ใหป้ รับคุณภาพนำ้� ด้วยปนู ขาวในอัตรา 60 กโิ ลกรัมต่อไร่ โรคปรสติ ปลงิ ใส ปลงิ ใสจดั เปน็ ปรสติ กลมุ่ หนอนพยาธทิ มี่ หี ลายขนาด สว่ นใหญไ่ มส่ ามารถ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเพียงบางชนิดที่มีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ปลิงใส แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ตามต�ำแหนง่ ทเ่ี ข้าเกาะปลา คอื ปลงิ ใสทเี่ กาะอย่ทู ผี่ ิวตวั และพวกทีเ่ กาะ ทเ่ี หงอื กของปลาดงั นนั้ ปลาทมี่ พี ยาธปิ ลงิ ใสเกาะจะมอี าการวา่ ยนำ�้ ทรุ นทรุ ายลอยตวั ตามผวิ นำ้� แยกฝูง ซึม ผอม กระพุ้งแก้มเปิดปิดเร็วกว่าปกติ อาจมีแผลขนาดเล็กเกิดขึ้นท่ัวล�ำตัว ถ้าเป็นการติดโรคในข้ันรุนแรง ปลาจะตายเป็นจ�ำนวนมากเน่ืองจากบาดแผลท่ีเกิดข้ึน จากการยึดเกาะของปลิงใสท�ำให้เกิดการติดเช้ือแบคทีเรียหรือเชื้อราตามมา โรคน้ีพบได้ ในปลาเกอื บทกุ ชนดิ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ลกู ปลาทเ่ี รม่ิ ปลอ่ ยลงเลย้ี งในบอ่ ดนิ ใหม่ ๆ ควรระวงั โรคน้ีดว้ ย ถา้ พบวา่ ปลาเปน็ โรคในระยะแรก ๆ สามารถรกั ษาให้หายไดไ้ ม่ยาก การปอ้ งกนั และรักษา 1. ใชฟ้ อรม์ าลนิ ในอตั ราสว่ น 25-50 มลิ ลลิ ติ ร ตอ่ นำ้� 1,000 ลติ ร แชน่ าน 24 ชวั่ โมง 2. ใชไ้ ตรคลอรฟ์ อน ในอตั ราสว่ น 0.25-0.50 กรมั ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แชน่ าน 24 ชว่ั โมง อาการเหงือกซีด เนื่องจาก พบปลิงใสในเหงือกจำ�นวนมาก

26 โรคเห็บปลา เห็บปลาเป็นปรสิตเปลือกแข็งท่ีเกาะภายนอกตัวปลาบริเวณล�ำตัว หัว และครีบ มีรูปร่างโค้งมนทางด้านหน้า ส่วนท้ายแคบเล็กลง ล�ำตัวใส บริเวณ กลางตัวอาจมีสีเขียวปนน้�ำตาล ขนาดประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ในกรณีท่ีปลามี สีตัวสดใสจะมองเห็นไดด้ ้วยตาเปลา่ แตถ่ า้ เปน็ ปลาทม่ี ีสีตวั ด�ำหรือทึบอาจสงั เกตเห็น เหบ็ ปลาไดย้ าก ปลาทป่ี ว่ ยเปน็ โรคนจ้ี ะวา่ ยนำ้� ทรุ นทรุ ายและพยายามถตู วั เองกบั ขา้ งบอ่ หรอื ตเู้ พอ่ื ใหป้ รสติ หลดุ ทำ� ใหเ้ กดิ แผลเลอื ดออกตามลำ� ตวั และตดิ เชอื้ แบคทเี รยี ตามมา การปอ้ งกนั และรกั ษา 1. แช่ปลาทมี่ ีปรสติ น้ใี นสารละลายไตรคลอรฟ์ อน (Trichorfon) ในอัตราส่วน 0.25- 0.50 กรมั ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร นาน 24 ชวั่ โมง 2. ก�ำจัดเห็บปลาออกโดยการจับออกด้วยปากคีบ หากปรสิตชนิดนี้เกาะแน่นเกินไป ใหห้ ยดนำ�้ เกลอื หรอื ดา่ งทบั ทมิ เขม้ ขน้ ประมาณ 1-2 หยดลงบนตวั ปรสติ แลว้ จงึ ใช้ ปากคบี ดงึ ออก ปรสติ จะหลุดออกง่ายขน้ึ 3. กำ� จดั เหบ็ ปลาทเี่ กดิ ขน้ึ ในบอ่ ทำ� ไดโ้ ดยการตากบอ่ ใหแ้ หง้ แลว้ โรยปนู ขาวในอตั ราสว่ น 30-50 กโิ ลกรมั ต่อไร่ให้ท่ัวบอ่ โรคหนอนสมอ หนอนสมอเป็นปรสิตภายนอกที่พบเสมอในปลาน้�ำจืด หนอนสมอ ตัวเมียเท่าน้ันท่ีพบเกาะอยู่ตามล�ำตัวของปลา โดยเฉพาะบริเวณโคนครีบ ส่วนหัว ของปรสิตชนดิ นีม้ อี วยั วะรูปรา่ งคลา้ ยสมอเรือแทงทะลุลงไปใต้ผวิ หนงั หรือซอกเกล็ด ลึกถึงชั้นกล้ามเน้ือเพ่ือยึดเกาะกับตัวปลา ท�ำให้เห็นเฉพาะส่วนล�ำตัวท่ีมีลักษณะ คล้ายหนอนซงึ่ ตอนปลายมถี งุ ไขอ่ ยู่ 1 คโู่ ผลอ่ อกมาจากผวิ หนงั ของปลา บรเิ วณทป่ี รสติ ชนดิ นอี้ าศยั อยเู่ กดิ เปน็ แผลขนาดใหญ่ได้ เน่ืองจากการเข้าท�ำลายของเชื้อแบคทีเรีย ปลาทม่ี หี นอนสมอเกาะอยมู่ กั มแี ผลเลอื ดออกตามตวั มอี าการระคายเคอื งและผอมลง จนผดิ ปกติ ถา้ เกดิ โรคนใี้ นปลาขนาดเลก็ อาจทำ� ใหป้ ลาตายได้ ปลาทเี่ ปน็ โรคเนอื่ งจาก หนอนสมอจะว่ายน�้ำผดิ ปกติ กระโดดข้นึ ลงบริเวณผิวน้�ำและเอาตัวสขี า้ งบอ่

27 การปอ้ งกันและรักษา 1. แช่ปลาที่มีปรสิตน้ีในสารละลายไตรคลอร์ฟอน ในอัตราส่วน 0.5 กรัมต่อน้�ำ 1,000 ลิตร แช่นานประมาณ 24 ช่ัวโมง แล้วเปลี่ยนถ่ายน้�ำ เว้นระยะ 5-7 วัน แลว้ จงึ ทำ� การแชน่ �้ำยาซ้ำ� อีก 2-3 คร้งั 2. กำ� จดั หนอนสมอและตวั ออ่ นในบอ่ ทไี่ มม่ ปี ลาอยแู่ ลว้ โดยการละลายไตรคลอรฟ์ อน ในอัตราสว่ น 2 กรมั ต่อน�ำ้ 1,000 ลิตร สาดลงไปในบอ่ ใหท้ ั่วแล้วทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ จงึ นำ� ปลากลับมาเลีย้ งตามเดมิ ได้ โรคตัวด่าง ปลาท่ีเป็นโรคนี้มีแผลด่างขาวตามล�ำตัว โรคนี้มักเกิดกับปลาหลังจาก การย้ายบ่อ การล�ำเลียง หรือการขนส่งเพ่ือการน�ำไปเล้ียง หรือในช่วงที่อุณหภูมิ ของอากาศมีการเปลี่ยนแปลงในรอบวันมาก ปลาที่ติดโรคน้ีจะตายเป็นจ�ำนวนมาก และรวดเร็วภายใน 24-48 ช่วั โมง การปอ้ งกนั และรกั ษา วธิ ที ด่ี ที สี่ ดุ ทค่ี วรทำ� เพอ่ื ปอ้ งกนั การเกดิ โรคนโ้ี ดยการปรบั ปรงุ สภาพภายในบอ่ ให้เหมาะสม เช่น การเพิ่มอากาศ และการลดสารอนิ ทรยี ใ์ นน้�ำ ใหน้ ้อยลง นอกจากน้ยี ังมขี ้อควรปฏิบตั ิ ดังน้ี 1. ในขณะขนสง่ ลำ� เลยี งปลาควรใสเ่ กลอื เมด็ ลงในนำ�้ ทใ่ี ชส้ ำ� หรบั ลำ� เลยี งปลาประมาณ 1 ช้อนชาต่อน�้ำ 1 ลติ ร 2. กอ่ นปลอ่ ยปลาลงเลย้ี งควรปรบั อณุ หภมู ขิ องนำ้� ในภาชนะบรรจปุ ลาใหใ้ กลเ้ คยี ง กบั นำ้� ในบ่อ 3. การรกั ษา ใชด้ า่ งทบั ทมิ ในอตั ราสว่ น 1-3 กรมั ตอ่ นำ้� 1,000 ลติ ร แชน่ าน 24 ชวั่ โมง 4. การรกั ษา ใชฟ้ อรม์ าลนิ ในอตั ราสว่ น 40-50 มลิ ลลิ ติ รตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แชน่ าน 24 ชวั่ โมง โรคแผลตามล�ำตัว โรคแผลตามล�ำตัวนี้เกิดจากการติดเช้ือแบคทีเรียชนิดที่ท�ำลาย เม็ดเลือดแดง อาการในระยะเร่ิมแรกของโรคน้ีในปลาท่ีมีเกล็ด เกล็ดจะหลุดออก ส่วนบริเวณรอบ ๆ เกล็ดท่ีหลุดออกนั้นเกล็ดอาจจะตั้งข้ึน ถ้าเป็นปลาไม่มีเกล็ด บรเิ วณตดิ เชอื้ มอี าการบวมและมสี แี ดง ตอ่ มาผวิ หนงั เรมิ่ เปอ่ื ยเปน็ แผลลกึ ลงไปจนเหน็ กลา้ มเนอ้ื โดยแผลทเ่ี กดิ จะกระจายทวั่ ตวั และเปน็ สาเหตใุ หป้ ลาตดิ โรคเชอื้ ราตอ่ ไปได้

28 การป้องกนั และรักษา 1. ใช้ยาต้านจุลชีพซัลฟาไตรเมทโทรพริม ในอัตราส่วน 1-2 มิลลิกรัมต่อน้�ำ 1 ลิตร แช่ปลานานประมาณ 2-3 วัน หรอื ตามทีร่ ะบไุ วบ้ นฉลากยา 2. ใช้ยาต้านจลุ ชีพออกซเิ ททราไซคลิน ในอัตราส่วน 10-30 มิลลิกรัมต่อน�้ำ 1 ลิตร แชน่ าน 1-2 วัน ท�ำติดตอ่ กนั 3-4 ครั้ง หรอื ตามทีร่ ะบุไว้บนฉลากยา 3. ถา้ เปน็ ปลาทเี่ ลยี้ งในบอ่ และเรมิ่ มอี าการของโรค อาจผสมยาตา้ นจลุ ชพี ดงั กลา่ วขา้ งตน้ กบั อาหาร ในอัตราสว่ น 60-70 มลิ ลกิ รัมต่อน้ำ� หนกั ปลา 1 กิโลกรัม หรือ 2-3 กรมั ตอ่ อาหาร 1 กโิ ลกรัม ใหก้ นิ ติดต่อกันนาน 3-5 วัน หรือตามทร่ี ะบไุ วบ้ นฉลากยา 4. การฆ่าเช้อื ในบ่อเล้ยี งอาจท�ำได้โดยใชป้ ูนขาว ในอัตรา 50-60 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ โรคครบี -หางกรอ่ น เปน็ โรคทพ่ี บไดบ้ อ่ ยในปลาขนาดเลก็ เกดิ จากการตดิ เชอ้ื โรคหลายชนดิ ทง้ั ปรสติ และแบคทเี รยี ปลาปว่ ยระยะแรกจะเกดิ การกรอ่ นบรเิ วณปลายครบี กอ่ นและคอ่ ย ๆ ลามเข้าไปจนท�ำใหด้ เู หมอื นวา่ ครบี มขี นาดเล็กลง ในบางคร้ังครีบจะกรอ่ นไปจนหมด การปอ้ งกันและรกั ษา 1. ใชย้ าตา้ นจลุ ชพี ซลั ฟาไตรเมทโทรพรมิ ในอตั ราสว่ น 1-2 มลิ ลกิ รมั ตอ่ นำ�้ 1,000 ลติ ร แช่นานประมาณ 2-3 วัน หรือตามทร่ี ะบุไว้บนฉลากยา 2. การฆ่าเช้อื ในบอ่ เล้ียงอาจทำ� ได้โดยใชป้ ูนขาว ในอตั รา 50-60 กิโลกรัมต่อไร่ โรคทอ้ งบวม สาเหตขุ องโรคทอ้ งบวมเกดิ จากการตดิ เชอื้ แบคทเี รยี อาการทอ้ งบวมของปลา ท่ีเป็นโรคนี้มี 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่มีสาเหตุจากกระเพาะหรือล�ำไส้มีแก๊สมาก สว่ นอีกลักษณะหนงึ่ คือ มีเลอื ดปนน�ำ้ เหลอื งในช่องท้อง การปอ้ งกันและรกั ษา 1. แช่ปลาในยาตา้ นจลุ ชพี ออกซิเททราไซคลนิ หรือเททราไซคลิน ในอัตราสว่ น 10-30 มลิ ลิกรมั ต่อน�้ำ 1 ลิตร หรอื ตามทร่ี ะบไุ วบ้ นฉลากยา 2. ฆา่ เชอื้ ในบอ่ เลย้ี งปลาโดยใชป้ นู ขาวโรย 50-60 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ โรยใหท้ วั่ บอ่ หลงั จาก สูบนำ้� ออกแลว้ 3. ไม่ควรเล้ียงปลาในปริมาณที่หนาแน่นจนเกินไป และควรให้อาหารท่ีมีคุณภาพ ในปรมิ าณท่ีเหมาะสม

29 โรคเกล็ดตั้ง โรคนี้พบได้เสมอในปลาสวยงาม ปลาที่มอี าการของโรคเกลด็ ตงั้ อาการของโรคอาจพบเกล็ดตั้งเป็นบางส่วน หรือเกล็ดต้ังตลอดท้ังตัว นอกจากนี้ยังพบ ลั ก ษ ณ ะ จุ ด แ ด ง ท่ั ว ตั ว โ ด ย เ ฉ พ า ะ บ ริ เ ว ณ ครีบและล�ำตัว โรคเกล็ดตั้งท่ีพบอาจเกิดขึ้น ต่อเนือ่ งจากการเกิดโรคท้องบวม หรอื อาจเป็น อาการของโรคโดยเฉพาะท่ีเกิดจากการติดเช้ือ แบคทเี รีย การปอ้ งกันและรกั ษา 1. แช่ปลาในยาตา้ นจลุ ชีพออกซิเททราไซคลนิ หรือเททราไซคลิน ในอตั ราส่วน 10-30 มลิ ลกิ รัมต่อน้�ำ 1 ลติ ร หรือตามที่ระบไุ ว้บนฉลากยา 2. ฆ่าเชื้อในบ่อเลี้ยงปลาโดยใช้ปูนขาว 50-60 กิโลกรัมต่อไร่ โรยให้ท่ัวบ่อหลังจาก สูบน้�ำออกแล้ว และตากบอ่ ใหแ้ หง้ กอ่ นเตรยี มน้�ำเพ่อื ปล่อยปลาลงเลย้ี งรุน่ ใหม่ โรควัณโรคปลา สาเหตุของโรคน้ีเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ปลาท่ีป่วยส่วนใหญ่ ไมแ่ สดงอาการภายนอกใหเ้ หน็ แตบ่ างชนดิ แสดงอาการตา่ ง ๆ เชน่ ผอม ไมก่ นิ อาหาร สซี ดี ลง หรอื เขม้ ขนึ้ เกลด็ หลดุ ผวิ หนงั เปน็ แผล ครบี เปอ่ื ย/ขาด ขากรรไกรหรอื กระดกู สนั หลงั บดิ เบยี้ ว หรอื ผดิ รปู ไป ตาโปนหรอื ตาอาจจะหลดุ ออกมาได้ ตาขนุ่ หรอื เกดิ จดุ ขาวตามอวยั วะภายใน การป้องกันและรักษา เน่ืองจากยังไม่มีวิธีการรักษาท่ีได้ผลแน่นอน ส่ิงที่ควรท�ำ เม่ือเกดิ การระบาดของโรค คอื 1. แยกปลาทเี่ ปน็ โรคนอี้ อกและทำ� ลายใหห้ มด แลว้ ฆา่ เชอ้ื ในบอ่ โดยการตากบอ่ ใหแ้ หง้ และใส่ปนู ขาวในอัตรา 100 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ 2. หลกี เลย่ี งการให้อาหารมีชวี ติ เช่น ลกู ไร ลกู น้�ำ เนือ่ งจากเปน็ พาหะของโรค 3. ส�ำหรับการป้องกันโรควัณโรคปลานั้น ต้องพยายามอย่าเลี้ยงปลาหนาแน่นเกินไป ไม่วา่ จะเป็นลกู ปลาหรือปลาใหญ่ และจะต้องรกั ษาบ่อเล้ยี งให้สะอาดอยูเ่ สมอ 4. ปลาที่น�ำมาเล้ียงควรมาจากแหลง่ ทีไ่ มม่ ปี ระวัติการเกดิ โรควัณโรคปลา 5. โรคนี้อาจเกดิ ท่ีผวิ หนังของคนได้ จงึ ควรหลีกเลย่ี งการสัมผัสปลาทเี่ ป็นโรคโดยตรง เมอ่ื ร่างกายมบี าดแผล

30 โรคหูดปลาหรอื โรคแสนปม โรคนีเ้ กิดจากเชือ้ ไวรสั ในครอบครัวอริ ิโดไวรัส (Iridovirus) ลกั ษณะอาการของปลามตี มุ่ สขี าวครมี หรอื เทาดํา คลา้ ยหดู มขี นาดตา่ ง ๆ กนั มกั พบบรเิ วณหลงั และครบี หลังของปลา ตุ่มเหลา่ นมี้ ักอยรู่ วมกนั เปน็ กระจกุ เนอ่ื งจากการขยายตวั ของเซลล์ ทีต่ ดิ เชื้อไวรัสดงั กล่าว การปอ้ งกนั และรกั ษา ในขณะนี้ยังไม่มียาหรือสารเคมีที่ใช้รักษาปลาป่วยท่ีติดเช้ือ ไวรัสน้ีได้ แต่ปลาที่เป็นโรคหูดนี้สามารถหายเป็นปกติได้เองในกรณีที่มีอาการป่วย ไม่รุนแรง โดยการปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสม เช่น เล้ยี งปลาไมแ่ นน่ จนเกินไป อาหารมคี ณุ ภาพดี และมกี ารหมนุ เวยี นถา่ ยเทนำ้� ทเี่ หมาะสม หรอื การเพมิ่ อณุ หภมู ขิ องนำ้� ให้สูงขนึ้ กวา่ ปกตเิ ป็นระยะเวลา 10-12 ชัว่ โมง ติดต่อกัน 3-4 วนั ลักษณะของปลาทีเ่ ปน็ โรคหูดปลา มตี ่มุ สีครีมบนล�ำ ตัว

31 มาตรฐานการจัดการฟาร์ม เ พ า ะ เ ล้ี ย ง สั ต ว ์ น�้ ำ ส ว ย ง า ม ในปี พ.ศ. 2563 ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำสวยงามที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน การจดั การฟารม์ เพาะเลยี้ งสตั วน์ ำ้� จดื สวยงาม (GAP มาตรฐานสนิ คา้ เกษตร มกษ. 7426- 2555) มีจ�ำนวน 350 ฟาร์ม ฟาร์มท่ีขึ้นทะเบียนสถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำ สวยงามเพื่อการส่งออก (สอ.3) จ�ำนวน 189 ราย ขึ้นทะเบียนสถานที่รวบรวมสัตว์น�้ำ สวยงามเพื่อการส่งออก (สอ.4) จ�ำนวน 83 ราย และฟาร์มที่มีทั้ง สอ.3 และ สอ. 4 จ�ำนวน 68 ราย การขอรับรองมาตรฐานการจัดการฟาร์มเพาะเล้ียงสัตว์น้�ำจืดสวยงาม ไม่ได้เป็น ข้อบังคับ ข้ึนอยู่กับความสมัครใจของเกษตรกร ปัจจุบันเกษตรกรได้ให้ความส�ำคัญกับ เร่ืองการขอรับรองมาตรฐานฟาร์มมากข้ึน เน่ืองจากเร่ิมมีข้อก�ำหนดของประเทศคู่ค้า ทต่ี อ้ งการใหส้ นิ คา้ สตั วน์ ำ้� สวยงามมาจากฟารม์ ทไี่ ดร้ บั มาตรฐานการผลติ สามารถตรวจสอบ ย้อนกลับได้กรณีที่สินค้ามีปัญหา นอกจากนี้ยังมีสัตว์น�้ำสวยงามบางชนิดท่ีต้องมีการ เฝา้ ระวงั โรคเพิม่ เติมตามขอ้ ก�ำหนดประเทศคู่ค้า โดยต้องข้นึ ทะเบียนสถานประกอบการ เพาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� สวยงามเพอื่ การสง่ ออก (สอ.3) จงึ จะสามารถขอใบรบั รองสขุ ภาพสตั วน์ ำ�้ (Health Certificate) จากหน่วยงานกรมประมงได้ ส�ำหรับปลาทอง มีข้อปฏิบัติที่ส�ำคัญท่ีสุดคือปลาท่ีจะส่งออกไปต่างประเทศ ตอ้ งมาจากฟารม์ ทไ่ี ดร้ บั การรบั รองมาตรฐานการจดั การฟารม์ เพาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� จดื สวยงาม และขึ้นทะเบียน สอ.3 (สถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำสวยงามเพื่อการส่งออก) กบั หนว่ ยงานของกรมประมงเทา่ นั้น เน่ืองจากมขี อ้ ก�ำหนดของประเทศคู่ค้าทก่ี �ำหนดว่า ปลาทองต้องปลอดจากโรคท่ีก�ำหนดไว้ใน OIE ซึ่งฟาร์มที่ข้ึนทะเบียน สอ.3 จะได้รับ การตรวจและเฝ้าระวังโรคจากกรมประมง และขอใบรับรองสุขภาพสัตว์น�้ำ (Health Certificate) เพอ่ื การส่งออก จากกรมประมงได้

32 GAPการเตรียมความพรอ้ มการขอรบั รองมาตรฐานฟารม์ หรอื การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำท่ีดี ส�ำหรับสัตว์น�้ำจืดสวยงาม GOOD AQUACULTURE PRACTICES FOR ORNAMENTAL FRESHWATER ANIMALS FARM เบ้อื งตน้ เกษตรกรควรมีการเตรียมความพรอ้ ม ดงั น้ี 1. ผเู้ พาะเลยี้ งปลาสวยงามตอ้ งขน้ึ ทะเบยี นเกษตรกร (ทบ.1) ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ น จงึ จะขอรบั รองมาตรฐานฟารม์ GAP ได้ 2. คัดเลือกสถานที่ท่ีเหมาะสมในการท�ำฟาร์ม เช่น การคมนาคมสะดวก สาธารณูปโภคพร้อม คือมีน้�ำสะอาด ใชอ้ ย่างเพยี งพอ มีไฟฟา้ ใช้ 3. การสร้างฟาร์มและแบ่งพื้นที่ฟาร์มให้เป็นสัดส่วน ซึ่งมีส่วนที่กักกันปลาที่เป็นโรค แยกออกจากส่วนที่มี การเพาะเล้ียงปลา การเตรียมอาหารปลา การรวบรวมและ บรรจปุ ลาเพอื่ ขนสง่ เป็นตน้ 4. มีการจัดการฟาร์มให้มีความสะอาดอยู่เสมอ ลกั ษณะฟารม์ ปลาทอง เกบ็ ของใชใ้ หเ้ ปน็ สดั สว่ น จดั เกบ็ อาหาร ยารกั ษาโรค อปุ กรณ์ ท่ีได้รบั การรบั รองมาตรฐาน การจดั การฟาร์มเพาะเลีย้ ง ของใช้ ใหม้ ิดชิด สตั วน์ ำ�้ สวยงาม 5. การเพาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� สวยงามทด่ี ี คอื การคดั เลอื กพอ่ แมพ่ นั ธท์ุ ด่ี ี แหลง่ อาหารทดี่ ี และมกี ารจัดการดูแลท่ีดี ถูกสุขอนามัย 6. ไมใ่ ชย้ า สารเคมี หรอื สารชวี ภาพตอ้ งหา้ ม ตามประกาศทางราชการทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กบั สตั ว์นำ้� สวยงาม 7. มคี มู่ อื การจดั การฟารม์ และปฏบิ ตั ใิ หส้ อดคลอ้ งกบั คมู่ อื ฯ มกี ารบนั ทกึ การใชย้ า สารเคมี การรกั ษาโรค การเข้าตรวจเยี่ยมฟารม์ เม่ือเกษตรกรมีความพร้อมสามารถย่ืนค�ำร้องในการขอเข้ารับการตรวจรับรองฟาร์มฯ จากหน่วยงานของกรมประมง ได้แก่ สำ� นักงานประมงจังหวดั สำ� นกั งานประมงอ�ำเภอ ในจังหวดั ที่เป็นที่ตงั้ ฟาร์ม จากน้ันหน่วยงานกรมประมงท่ีเก่ียวข้องจะนัดวันเข้าไปตรวจประเมินฟาร์ม หากผ่านการประเมินจะได้รับใบรับรองมาตรฐานการจัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำสวยงาม หากยงั ไม่ผา่ นเจา้ หนา้ ที่จะให้คำ� แนะนำ� ในการปรบั ปรุงฟาร์มใหต้ รงกับข้อก�ำหนด และเขา้ ตรวจใหม่ จนกว่าจะผา่ นการประเมิน

33 การบรรจหุ แลบี ะหกาอ่ รลำ� เลียงขนส่ง การล�ำเลียงขนส่งปลาสวยงามทกุ ชนิด มขี อ้ พึงปฏิบตั ทิ สี่ �ำคญั ดังนี้ 1. ผเู้ พาะเลยี้ งปลาควรคดั เลอื กปลาทสี่ มบรู ณ์ แขง็ แรง สขุ ภาพดี วา่ ยนำ�้ ปราดเปรยี ว ไมเ่ ซื่องซมึ มสี ายพนั ธห์ุ รอื ประเภท รวมท้งั ขนาดใหต้ รงตามความตอ้ งการของลกู คา้ 2. ท�ำการพกั ปลาในบอ่ หรอื ตทู้ ม่ี นี ำ้� สะอาด ใหอ้ ากาศอยา่ งเพยี งพอ และงดใหอ้ าหาร อยา่ งนอ้ ย 3 วัน 3. ระหวา่ งพักปลา ให้สังเกตความผิดปกติของปลา เชน่ วา่ ยน้�ำไม่ปกติ เซือ่ งซมึ มแี ผล เกลด็ ถลอก มอี าการตกเลอื ด หรือมปี รสติ เกาะ ทัง้ น้ี หากพบวา่ ปลาปว่ ย ใหแ้ ยกออกจากปลาปกติไปท�ำการรกั ษาทันที 4. ปลาทสี่ มบรู ณ์ แข็งแรง สุขภาพดีเทา่ น้นั ทน่ี �ำออกไปจ�ำหนา่ ยหรือส่งให้แกล่ ูกค้า เพราะปลาที่ไม่แข็งแรง หรือมอี าการติดเช้อื ก่อโรค อาจจะตายระหว่างขนส่ง หรือ ตายเม่อื ไปถึงมือลูกคา้ ไม่นาน ท�ำให้ลูกคา้ ไมเ่ ชือ่ มัน่ ตอ่ คณุ ภาพสินคา้ การบรรจุและการขนส่งภายในประเทศ ปลาทองที่ขายในจ�ำนวนมาก จะขนส่ง โดยบรรจุปลาอยู่ในถุงท่ีมีน้�ำสะอาด และมีการเพ่ิมอากาศในถุงแล้วมัดให้แน่น บรรจุ ในกล่องโฟม อาจลดอุณหภูมิในกล่องโดยการใส่ถุงท่ีมีน�้ำแข็งและห่อด้วยกระดาษ หนงั สอื พมิ พว์ างไวใ้ นกลอ่ ง เพอ่ื ใหม้ คี วามเยน็ ระหวา่ งการขนสง่ และปลาไมม่ คี วามเครยี ด การขนสง่ ปลาทองไปตา่ งประเทศ จะบรรจถุ งุ ละ 1 ตวั หรอื มากกวา่ 1 ตวั ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของปลา และระยะเวลาในการเดนิ ทาง โดยบรรจปุ ลาอยู่ในถุงท่มี นี �้ำสะอาด และ มกี ารเพมิ่ อากาศในถงุ แลว้ มดั ใหแ้ นน่ บรรจใุ นกลอ่ งโฟม อาจลดอณุ หภมู ใิ นกลอ่ งโดยการ ใสถ่ งุ ทมี่ นี ำ้� แขง็ และหอ่ ดว้ ยกระดาษหนงั สอื พมิ พว์ างไวใ้ นกลอ่ ง เพอ่ื ใหม้ คี วามเยน็ ระหวา่ ง การขนส่งและปลาไม่มีความเครียด จากนั้นบรรจุกล่องโฟมที่มีปลาลงในกล่องกระดาษ ท่ีมีการติดสติกเกอร์หรือข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้า เช่น เป็นสินค้าที่มีชีวิต ห้ามโยน และอาจมีช่ือบริษัทและรายละเอียดสินค้า ชื่อบริษัทต้นทางและปลายทาง เป็นต้น ทุกข้ันตอนในการบรรจุจะท�ำให้ห้องท่ีมีอุณหภูมิท่ีไม่ร้อน ส่วนใหญ่ห้องบรรจุ จะเปน็ หอ้ งปรับอากาศที่มีอณุ หภมู ปิ ระมาณ 25 องศาเซลเซยี ส

34 การคดั เลอื กปลาและเตรยี มปลากอ่ นบรรจุ การคดั เลอื กปลาจากบอ่ เลย้ี งและน�ำ มาพกั ไวก้ อ่ นเตรยี มการบรรจุ การบรรจปุ ลาเพอ่ื ขนสง่ ให้ลกู คา้ ข้นั ตอนการบรรจปุ ลาและการขนสง่ ปลาทอง ตลาดและธรุ กจิ สง่ ออก ปลาทอง ผลผลิตปลาทองในประเทศไทยถูกส่งออกไปจ�ำหน่ายตลาดต่างประเทศ ในปริมาณ 80-90% และจำ� หนา่ ยภายในประเทศไม่เกิน 20% ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ ซ้ือขาย ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการติดต่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook, Instagram, Line, WhatsApp รวมท้ัง E-mail และโทรศัพท์ ส�ำหรับราคาที่จ�ำหน่ายข้ึนอยู่กับ สายพันธุ์ ความสวยงามสะดุดตา โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีการพัฒนาใหม่ ฟาร์มท่ีมี การพฒั นาสายพนั ธอ์ุ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะสามารถจำ� หนา่ ยในราคาทส่ี งู กวา่ ฟารม์ ทเ่ี นน้ การผลติ สายพันธเ์ุ ดิมที่ผลิตไดจ้ ำ� นวนมาก ๆ

35 ปัจจุบัน ปลาทองท่ีผลิตในประเทศไทยเป็นท่ีต้องการของตลาดโลก เน่ืองจาก เกษตรกรผู้เพาะเล้ียงปลาทองในประเทศไทยมีความสามารถทั้งด้านการเพาะเลี้ยง และการพฒั นาสายพนั ธใ์ุ หส้ วยงาม มสี สี นั สวยงาม ซงึ่ ตา่ งจากปลาทองยคุ กอ่ นทส่ี ว่ นใหญ่ เปน็ ปลาทองท่ีมสี โี ทนสีส้ม สขี าว หรือขาวแดง เทา่ นัน้ ปจั จบุ ันเกษตรกรผผู้ ลิตปลาทอง สามารถพฒั นาปลาใหม้ สี สี นั มคี วามโดดเดน่ เชน่ ลำ� ตวั สดี ำ� หวั แดง หรอื มหี ลากหลายสี เปน็ Calico goldfish ซง่ึ เปน็ ทตี่ อ้ งการของตลาด นอกจากนยี้ งั พฒั นารปู รา่ ง ครบี สดั สว่ น ของปลาให้ตรงตามความต้องการของตลาด เช่น ล�ำตัวสั้น ครีบส้ันลง ครีบต้ังสวยงาม เป็นต้น ซ่ึงการพัฒนาดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาในการคัดเลือกพันธุ์ ท�ำให้ปลาที่ได้รับ การพัฒนามีราคาสงู กวา่ ปลารูปแบบเดิม และมีความตอ้ งการของลูกค้ามากข้ึน ตลาดในประเทศทเ่ี ปน็ ตลาดใหญข่ องปลาสวยงาม มอี ยู่ 2 แหง่ ไดแ้ ก่ ตลาดคา้ สง่ และ ร้านคา้ ในตลาดปลาจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นตลาดปลาสวยงามทใ่ี หญท่ ่ีสดุ ในประเทศไทย ซงึ่ มรี า้ นคา้ มากกวา่ 200 รา้ น ทเ่ี ปดิ จำ� หนา่ ยปลาสวยงาม พรรณไมน้ ำ�้ และอปุ กรณ์ ทกุ วนั เวลา 10.00-18.00 น. และมีเกษตรกรน�ำปลาจากฟาร์มมาจ�ำหน่ายในราคาส่งบริเวณ ตลาดนดั โซนลานเร่ ทกุ วนั พธุ เวลา 07.00-17.00 น. และตลาดฟชิ วลิ เลจ อำ� เภอบา้ นโปง่ จงั หวัดราชบรุ ี เป็นตลาดค้าส่งในเย็นวนั อาทิตย์ ตง้ั แต่เวลา 16.30-18.30 น. ในปี 2564 มผี คู้ ้าส่งจำ� นวน 66 ราย ร้านคา้ ปลกี เปิดจ�ำหน่ายตามปกติ ตั้งแตเ่ วลา 9.30-17.00 น. มีรา้ นคา้ ประมาณ 400 ร้าน ตลาดคา้ ส่ง และร้านค้า ปลาสวยงามและอปุ กรณ์ ในตลาดปลาจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ ตลาดคา้ สง่ และร้านคา้ ปลาสวยงามและอปุ กรณ์ ในตลาดฟิช วลิ เลจ อ�ำ เภอบ้านโป่ง จงั หวดั ราชบรุ ี ประเทศที่มีการน�ำเข้าสินค้าปลาทองจากประเทศไทย เช่น อเมริกา ไต้หวัน เกาหลใี ต้ สงิ คโปร์ อยา่ งไรกต็ าม ผเู้ พาะเลย้ี งในประเทศไทยกม็ กี ารนำ� เขา้ ปลาจากประเทศ สาธารณรฐั ประชาชนจีน เพื่อน�ำมาเป็นพ่อแมพ่ ันธุ์ และนำ� มาพัฒนาสายพนั ธ์ุ เนอ่ื งจาก จดุ เดน่ ของปลาทองจากประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี คอื สสี นั ทส่ี ดใส สายพนั ธท์ุ ลี่ กู คา้ มีความต้องการจะมีแทบทุกสายพนั ธ์ุ มสี สี ันและลวดลายแตกต่างกนั ออกไป

36 ตวั อยา่ งการนำ�เสนอสินค้า ปลาทองใหล้ ูกคา้ (1-2) น�ำ มาใส่ คู่มอื การเพาะเลีย้ งในตปู้ ลา หรอื ใสใ่นกะละมังสีขาว (1) (2) แลว้ ถ่ายภาพหรอื คลปิ วดิ โี อสน้ั ๆ (3-4) กรณที ่ลี กู คา้ เข้ามาเลือก ซอ้ื ในฟารม์ จะเตรียมตู้ปลา ปลาทองหรอื กะละมงั สีขาวไว้ทบ่ี ่อ ใหล้ ูกคา้ เลือกปลาน�ำ ใสไ่ ว้ (3) (4) เพื่อดูความสวยงาม ในประเทศไทยข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมประมง ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 พบว่าฟาร์มท่ีมีการเล้ียงปลาทองมีจ�ำนวน 204 ฟาร์ม พ้ืนท่ีเล้ียงรวม 278.47 ไร่ และข้อมูลจากกลุ่มควบคมุ การน�ำเขา้ ส่งออกสัตวน์ �ำ้ กองตรวจสอบเรอื ประมง สินค้าน�ำเขา้ และปจั จัยการผลิต กรมประมง พบวา่ ในปี พ.ศ. 2561 การสง่ ออกปลาทอง ไปต่างประเทศอยู่อันดับ 8 มIีปSBลาNท9อ7งท8ี่ส-9่ง7อ4อ-ก3จ2�ำ6น-ว6น942-,2784,428 ตัว คิดเป็นมูลค่า ท38ี่ส.่ง6อ6อลกา้ จน�ำบนาวทนใน2ป,7ี พ79.ศ,5. 22756ต2ัวกาคริดสเง่ อปเอรร็นอยีณุ มกบูลีปเรครลอยี่าาดทงลโ4อดอ2งยย.ไ3ป6ตา่ ลง้าปนรบะเาททศอแยลูอ่ ะันในดปับี 5 มปี ลาทอง พ.ศ. 2563 การสง่ ออกปลาทผอเู้ งชไีย่ ปวตชา่ างญปรดะ้าเนทสศตั อวย์น่อู ํ้านั แดลับะพ5รรมณปี ไลมา้นท้าํ อสงวทย่สี งง่ าอมอกกจร�ำมนปวรนะม2ง,337,863 ตัว คิดเป็นมูลค่า 36.95 ล้านบาท ทั้งน้ีช่วงจตัด้นพปิมี พ2์โ5ด6ย3 เป็นช่วงท่ีเร่ิมมีการกระจายของเชื้อ Covid-19 ท�ำใหร้ ทะบุนบอกดุ าหรนขนุ กสา่งรสทนิ าํคกา้ จิชกะรงรกั มไปสทง่ เว่ั สโรลมิกแเลกะิดสปนญั ับหสนาแนุ ลกะาอรุปวสิจยัรรคในการขนสง่ สินค้าทุกชนิด รวมทแั้งลสะินนคว้ตัาสกัตรวร์นม้�ำจสาวกยสงาาํ นมักทงา�ำนใหก้การาวรสิจัย่งอแอหกง่ ชปาลตาิ ส(ววยชง.)ามไปต่างประเทศ ไดร้ ับผลกระทบไปด้วย จภนกายระใตทแ้ ัง่ ผสนถงาานนกกาารรณข์กบั าเครขลน่ือสน่งปไลด้มาสกี วายรปงารมบั ตัวในระยะหลงั ทำ� ให้ สามารถสง่ ออกไปได้ แต่ยังไมส่ ามปาีทร่ีจถัดสพง่ อมิ อพก์ ไมดีนส้ าะคดมวก2เ5ห6ม5ือนสถานการณ์ปกติ ท�ำให้ยอด การส่งออกลดลง ทงั้ ๆ ท่ีความตอ้ งกาจร�ำปนลวานทอ5ง0จ0ากเลป่มระเทศไทยมมี ากขนึ้ ออกแบบ/พิมพ์ที่ อยา่ งไรกต็ าม สถานการหณจก์ กา.รวผนลดิ ติ าปกลาารทพอมิ งพเพ์ อื่(กสาารขสาทง่ อ่ี 1อก)มแี นวโนม้ ทจ่ี ะเตบิ โตสงู ข้นึ ความต้องการของผู้ซือ้ มีมากขนึ้ โทโดรศยัพสินทค์ 0้าป8ล1า7ท8อง9ม8ีรา5ค6า9สูงขน้ึ ในช่วง 3-5 ปีท่ีผ่านมา จากการพัฒนาสายพันธุ์ของเกษตรกรให้มีความสวยงามมากขึ้น และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยง ปลาสวยงามได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์ม GAP (มาตรฐานการจัดการฟาร์มเพาะเลี้ยง สัตว์น�้ำสวยงาม) และขึน้ ทะเบียน สอ.3 (สถานประกอบการเพาะเล้ียงสัตว์น�้ำสวยงาม เพอ่ื การส่งออก) กบั หน่วยงานของกรมประมง เพือ่ เฝา้ ระวงั โรคท่ีก�ำหนดไว้ใน OIE สามารถ ขอใบรับรองสขุ ภาพสัตวน์ ้ำ� (Health Certificate) เพอื่ การสง่ ออกจากกรมประมงได้

คา� ขอบคณุ การจัดท�าคู่มือการเพาะเล้ียงปลาทองในประเทศไทยส�าเร็จลุล่วงด้วยดี ด้วยการอนุเคราะห์ข้อมูลและองค์ความรู้จากเจ้าของฟาร์มท่ีได้รับการรับรองมาตรฐาน การเพาะเล้ียงสตั ว์นา�้ จดื สวยงามจากกรมประมง ดังน้ัน ขอขอบคณุ ผูเ้ พาะเลย้ี งปลาทอง ทใ่ี ห้ข้อมลู ทง้ั เรอ่ื งการเพาะเล้ยี ง การตลาด และการสง่ ออก ดังนี้ Banpong goldfish farm, Sakchai farm, รงุ่ มณชี าฟารม์ , Paiy goldfish, ฟารม์ และบรษิ ทั สง่ ออก CGS farm เอกสารอา้ งองิ การเพาะพนั ธป์ุ ลาทอง. แหลง่ ทม่ี า : https://www.fisheries.go.th/aquaorna/การเพาะพนั ธ์ุ ปลาทอง.html ประภาส โฉลกพันธ์รัตน์. การเพาะพันธุ์ปลาทอง แหล่งท่ีมา : https://home.kku.ac.th/ pracha/Goldfish.htm ปลาทองโคเมท แหลง่ ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/โคเมท สถาบนั วจิ ยั สขุ ภาพสตั วน์ ้�าจดื สา� นกั วจิ ยั และพฒั นาประมงน้�าจดื . 2553. การปอ้ งกนั และรกั ษา โรคปลา. กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 33 หน้า สปุ าณี ภสู่ นิ ชยั มงคล แดงแยม้ และนคสทิ ธิ์ แสงมณ.ี 2560. การศกึ ษาคณุ ภาพนา�้ ทางการขนสง่ ปลาทอง. ปัญหาพเิ ศษสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ (เทคโนโลยกี ารเพาะเลย้ี งสัตวน์ ้�า) คณะ เทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครสวรรค.์ 34 หนา้ . แหลง่ ท่ีมา : http://ait.nsru.ac.th/stuResearch/re_20190313124841.pdf อรณุ ีรอดลอย.คมู่ อื การประกวดปลาสวยงามในประเทศไทย.กลมุ่ วจิ ยั สตั วน์ า้� สวยงามและพรรณไมน้ า�้ กองวจิ ยั และพฒั นาการเพาะเลยี้ งสตั วน์ า�้ จดื กรมประมง. 78 หนา้ . แหลง่ ทม่ี า : https:// www4.fisheries.go.th/local/file_document/20200611095108_1_file.pdf Speckled Goldfish, Harlequin Goldfish, Vermilion Goldfish, Coronation fish. แหล่งที่มา : https://www.fisheries.go.th/aquaorna/web2/index.php? option=com_content&view=article&id=61%3A2010-04-05-04-05-27& catid=3%3A2009-08-19-02-33-55&showall=1

กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ 50 เกษตรกลาง ถนนพหลโยธนิ เเขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook