การเลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ เรียบเรยี งโดย : ธิตินันท ขวัญสด • แฟนซีคารพ • การเรยี กชอ่ื ปลาแบบญป่ี นุ • บอเลย้ี งปลาทถ่ี กู แบบ • ขนาด–สายพนั ธุ–จํานวนปลาท่ี เหมาะสม • อาหารและการใหอ าหาร • เทคนิคการเลย้ี งและการดแู ล คํานํา แ ฟนซีคารพ เปนปลานํ้าจืดที่มีเสนหชวนหลงไหล ใหกับผูที่ไดพบเห็นและผูที่เลี้ยง เพราะ มีสีสันแพรวพรรณหลากสี ลวดลายเกอื บจะไมเ หมอื นกนั สกั ตวั กว็ า ได ลําตวั อว นใหญน า รัก เลี้ยงงาย เชอ่ื งงา ย มอี ายยุ นื ยาว เปน ปลาทเ่ี สรมิ สรา งคณุ คา และความสงา งามใหก บั สวนและบอปลาในบานไดเปนอยางดียิ่ง ตลอดจนสรา งความสนกุ สนาน เพลิดเพลินใหแกสมาชิกทุกคน ในครอบครวั จนคนสว นใหญถ อื วา ปลาแฟนซคี ารพ เปน สญั ลกั ษณแ หง ความสนั ติ กระแสความนิยมการเลี้ยงปลาแฟนซีคารพในประเทศไทยกําลังเปนที่นิยมอยางสูง จึงมี ผูตองการเลี้ยงปลาแฟนซีคารพไวดูเลนและเลี้ยงเพื่อธุรกิจ หนงั สอื เลม นจ้ี งึ เหมาะอยา งยง่ิ สําหรับผูเริ่ม เลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ ธติ นิ นั ท ขวญั สด
2 แ ฟ น ซี ค า ร พ มนุษยชาติคนพบและรูจักปลาแฟนซีคารพ เมอ่ื ประมาณ 3,100 ปม าแลว หรือที่รูจักกันใน นาม “ ปลาไนแฟนซี” หรือ “ปลาไนทรงเครอ่ื ง” บา งกเ็ รยี กสน้ั ๆวา “ปลาไน” ชาวจนี เรยี กปลากอย” แตชาวไทยเรียกวา “คารพ” ตอ มามกี ารขยายพนั ธุ ไดม ากมายหลากหลายสสี ัน จึงเรียกวา “แฟนซี คารพ ” ปลาคารพเปนปลานานาชาตทิ ท่ี ว่ั โลกนยิ มเลย้ี งกนั เพราะฉะนน้ั ปลาคารพแตล ะชื่อทเ่ี รียกกนั หนึ่งชื่อในประเทศไทยกับหนึ่ง ชอ่ื ทเ่ี รยี กกนั ในอเมรกิ า คือชือ่ เดียวกันหมดเขาจะเรยี กชอ่ื ท่ัวโลกเหมือน กนั หมด ปลาคารพเปนปลาทท่ี นตอ สภาวะแวดลอ มมาก สามารถอดอาหารไดเ ปน เดอื นๆ ถา น้ําเปน น้ํา แขง็ ปลาคารพ กจ็ ะอยนู ง่ิ ๆคลา ยกบจําศลี พออณุ หภมู พิ อเหมาะสําหรบั มนั แลว มนั ถงึ จะวา ยน้ําปลา คารพ จึงเปน ปลาทแ่ี ตกตา งจากปลาสวยงามชนดิ อน่ื ๆ อยา งสน้ิ เชงิ การเรยี กชอ่ื ปลาแบบญป่ี นุ ไทโช – ซันโชกุ (Taisho – Sanshohu) พนื้ ลาํ ตวั เปน สขี าว มลี วดลายหรอื จดุ แตม สีแดงหรือสีดําทเ่ี ดน ชดั ที่ครีบหูก็แนบสี ขาวดวย ตนั โจ (Tancho) มสี ีแดงลกั ษณะ กลมทห่ี วั ลําตัวมีสีขาวหรือสีอื่นก็ได
3 ชโิ ร อทุ ซรึ ึ (Shiro – Utsuri) ปลาทมี่ ี ลายสีดําเปนแถบคาดคลุมจากหลังลงมาถึงสวน ทอ งดานลางบนพื้นสีอื่นๆ อาซากิ (Asagi) ปลาสฟี าออน สวนบน ของลําตัวเปนสีฟาหรือเทา มลี วดลาย คลานรางแหหรือตาขาย ยามาบกู โิ อกอน (Yamabuki Ogon) ปลาที่ มสี เี หลอื งสเี ดยี วตลอดตวั คูจากุ (KujaKu) ปลาทม่ี เี กลด็ สเี งนิ และสที องเปน แสงรศั มี
4 โชวา – ซันโชกุ (Showa-Sanahoku) ปลาทม่ี สี แี ดง ดํา ขาว ซง่ึ มสี ดี ําเปนพื้น ของลําตัวตลอดจนครีบหู โคฮากุ (Kojaku) ปลาทม่ี สี แี ดง กบั สขี าวเหมอื นสหี มิ ะ ชโิ ร – เบคโกะ (Shiro – bekko) ปลาสขี าว ทม่ี ลี วดลายสีดําเปนดอกบนลําตัว ตนั โจ –โชวา (Tancho – Showa) ปลาสขี าว มีลายสีดํา และมสี แี ดง เปน วงกลม
บอ เลย้ี งปลาทถ่ี กู แบบ ในการสรา งบอ เลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ ใหถ กู แบบ ควรคํานงึ ถงึ ปจ จยั ตา งๆ ที่สําคญั ดงั ตอ ไปน้ี 1. การเลือกทําเลในการสรา งบอ 2. วัสดทุ ใ่ี ชใ นการสรา งบอ 3. ขนาดและรปู รา งของบอ 4. ความลึกของบอ 5. แสงสวาง 6. อปุ กรณป ระกอบอน่ื ๆ ไดแก บอ พกั น้ําดี บอ ตกตะกอน บอ หรอื ถงั กรองน้ํา ระบบ หมนุ เวยี นของน้ํา กระแสนํ้า การเพม่ิ ออกซเิ จน การเลือกทําเลในการสรา งบอ
6 บริเวณท่ีจะใชสรางควรเปนสถานท่ีที่อากาศถายเทไดดี มีแสงแดดสองในชวงเชาและชวงเย็น รวมแลว ไมน อ ยกวา 3-4 ชั่วโมง หากเปน บรเิ วณทโ่ี ลง แจงจําเปน ตอ งทําหลงั คาหรอื รม เงา เพอ่ื ปอ งกนั มิใหแสงแดดในเวลากลางวนั สองตรงลงในบอมากเกนิ ไป พน้ื ดนิ บรเิ วณทจ่ี ะสรา งบอ ควรมรี ะดบั สงู กวา บริเวณใกลเคียงเพื่อปองกันนํ้าทวมเม่ือฝนตก การสรางบออาจสรางบอลอยตั้งลงในดินจะเหมาะกวา เน่ืองจากบอที่ฝงลึกอยูในดินจะชวยทําใหอุณหภูมิของน้ําเปลี่ยนแปลงชาและอุณหภูมิจะตํ่ากวาน้ําท่ีอยู ในบอลอยบนพน้ื ดนิ ซง่ึ ปลาแฟนซคี ารพ ชอบอาศยั ในน้ําทม่ี อี ณุ หภมู คิ อ นขา งต่ํา (20 – 25 ซ) ถา สรา ง บอลึกลงในดิน ควรสรา งปากบอ ใหอ ยสู งู กวา พน้ื ดนิ อยา งนอ ย 20 เซนตเิ มตร เพอ่ื กนั น้ําทว มขณะฝนตก วัสดทุ ใ่ี ชใ นการสรา งบอ บอซีเมนตเปนบอที่เหมาะสมในการเลี้ยงปลาแฟนซีคารพมากที่สุด เน่ืองจากอุณหภูมิของนํ้า ในบอท่ีสรางดวยซเี มนตม กี ารเปลย่ี นแปลงชา อกี ทง้ั บอ ยงั มคี วามแขง็ แรงทนทาน ผนงั บอ ดา นในควร ฉาบใหเ รยี บไมข รขุ ระ เพราะปลาแฟนซีคารพเปนปลาท่วี า ยน้ําเรว็ และวา ยน้ําตลอดเวลา พืน้ ผวิ ทีข่ รุขระ อาจทําใหผิวผนังปลาเกิดบาดแผลได เมอ่ื วา ยไปชนผนงั บอ และนอกจากนน้ั ผวิ พน้ื ทข่ี รขุ ระเกดิ แรงตา น ทานของกระแสน้ําในบอ ปลาอกี ดว ย สว นผนงั ดา นนอกอาจใชว สั ดอุ น่ื ๆ ตกแตง ไดต ามความพอใจของ ผูเลี้ยง ขนาดและรปู รา งของบอ บอขนาดที่เหมาะสมและดูแลไดงา ยควรจุน้ําไมเ กนิ 50 ตนั สว นรปู รา งของบอ อาจสรา งเปน รปู กลม รูปไข รูปเหลี่ยม หรอื รปู เวา แหวง ตามเนอ้ื ทท่ี ม่ี อี ยกู ไ็ ด ถา หากสรา งบอ เปน รปู สเ่ี หลย่ี มไมค วรสรา ง ใหมีมุมภายในบอ เพราะมมุ บอ จะตา นกระแสน้ํา ควรตกแตง ใหเ ปน รปู มนโคง เพ่ือใหน ํ้าไหลสะดวกข้ึน ภายในบอควรปลอ ยวา ง ไมค วรสรา งสง่ิ ใดๆ ภายในบอ เพราะจะเปน สง่ิ กดี ขวางการวา ยน้ําของปลา และตานทานกระแสน้ําดว ยเชน กนั พน้ื ทส่ี ง่ิ กดี ขวางการวา ยน้ําของปลา และตา นทานกระแสน้ําดวยเชน กัน พ้ืนท่ีกนบอ ควรสรา งใหล าดเอยี งลงไปยงั จดุ ศนู ยก ลางของกน บอ ทํามมุ ประมาณ 20-30 องศา เพ่ือใหตกตะกอนสิ่งสกปรกตางๆ ตกลงไปตรงศูนยกลาง ซ่ึงมีชองระบายน้ําเสียผานทอไปยังบอ พกั นํ้าเสยี ความลกึ ของบอ ความลกึ ของบอ ทเ่ี หมาะสําหรบั เลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ ประมาณ 100-200 เซนตเิ มตร ระดบั น้ําในบอ ควรต่ํากวา ขอบบอ ประมาณ 20-30 เซนตเิ มตร บอ ทม่ี รี ะดบั น้ําลึกเกินไปจะทําใหมองเหน็ ปลาไมเดน ชดั แตร ะดบั น้ําที่ตื้นเกินไปก็จะทําใหป ลาตน่ื ตกใจงา ย กนิ อาหารไดน อ ย เจรญิ เตบิ โตไมด ี เทาที่ควร อีกทั้งจะทําใหอณุ หภูมขิ องนํ้าเปลย่ี นแปลงไดง า ยดว ย
7 แสงสวา ง แสงแดดท่ีสอ งลงบอ โดยตรงไมเ หมาะในการเลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ บอ อยใู นทโ่ี ลง ไมมีที่กําบงั แสง ควรสรา งคากนั แสงแดดใหส อ งเพยี ง 50 เปอรเ ซน็ ต แตถ า มรี ม เงาจากตน ไมห รอื ชายคาบา นชว ย กันแสงแดดบางในบางเวลา กอ็ าจไมต อ งสรา งหลงั คา ทง้ั ทเ่ี นอ่ื งจากแสงแดดทส่ี อ งผา นน้ํามากเกนิ ไป จะทําใหแพลงคตอนพืชที่แขวนลอยในนํ้าในบอ เลย้ี งปลาเจรญิ เรว็ น้าํ จะขนุ และมสี เี ขยี ว ไมใ ส มองตวั ปลาไมชัด ทําใหข าดความสวยงาม อุปกรณอื่นๆ - บอ พกั หรอื ถงั พกั น้ํา เปน ทเ่ี กบ็ น้ําดี ซง่ึ เปน น้ําจากทอใหมๆ อาจใชน ้ําประปา หรอื น้ําบาดาล - บอ ตกตะกอน เปนบอ ทส่ี รา งขน้ึ เพอ่ื เปน ทเ่ี กบ็ น้ําเสยี ท่ีถายเทจากบอเลยี้ งปลา โดยมีทอตดิ ตอจากบอเล้ียงปลา น้าํ เสยี จะผา นทางชอ งเปด ตรงจดุ ศนู ยก ลางของบอ เลย้ี งปลาผา นมายังบอน้ี บอ ตก ตะกอนจะมีประโยชนมาก ถา สรา งเปน หลายๆ ตอน หรือหลายๆ บอ โดยแตล ะบอ หรอื แตล ะสว นมที อ เช่ือมตอกัน เพอ่ื ใหต กตะกอน และสง่ิ สกปรกตา งๆ ตกตะกอนในบอ แรกๆ น้าํ ที่ผานไปยังบอพักที่อยูถัด ไป จะเปน น้ําทอ่ี ยดู า นบน ซง่ึ มสี ง่ิ ตะกอนสกปรกแขวนลอยอยนู อ ยกวา เดมิ น้าํ จากบอ ตกตะกอนบอ สดุ ทายนี้ จะถกู สบู ไปยงั เครอ่ื งกรองผสมน้ําดเี พอ่ื นํากลงั ไปใชใ นบอ เลย้ี งปลาอกี ในแตล ะวนั ควรเปด น้ําจาก บอพักน้ําเสียบอแรกทิ้งไวทุกวัน วนั ละ 10-20 เปอรเ ซน็ ต และทกุ เดอื นควรมกี ารถา ยและลา งบอ กรองน้ํา แลว ปลอ ยน้ําดีที่เก็บพักไวทดแทนนํ้าที่ทิ้งไป ขนาดของบอ ตะกอนแตล ะบอ ทเ่ี หมาะสม ควรมี ปริมาตรจุน้ําประมาณ 10-20 เปอรเ ซน็ ตข องปรมิ าตรน้ําในบอ เลย้ี งปลา - บอ หรอื ถงั กรองน้ํา การกรองน้ําเปนหัวใจสําคญั ในการเลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ หากนํ้าไมใ ส สะอาดพอทําใหแ สงสวา งสอ งลงไปไดน อ ย กไ็ มส ามารถเหน็ ความสวยงามของปลาได การกรองน้ําทําได โดยใชวัสดุตางๆ กรองตะกอนท่ีแขวนลอยในนํ้า ของเสียที่ปลาขับถายเศษอาหารที่เหลือจากปลากิน ตลอดจนแพลงคตอนพชื ทแ่ี ขวนลอยในน้ําออก ภาพแสดงแบบตา งๆของถงั กรอง
8 - ระบบการหมนุ เวยี นของน้ํา เม่ือสรางบอ เตรยี มน้ําและอปุ กรณต า งๆ พรอ มแลว หลงั จาก ปลอยปลา น้ําเสยี จากบอ ปลาจะไหลผา นทางชอ งจดุ ศนู ยก ลางบอ ไปยงั บอ พกั น้ําเสยี ซง่ึ บอ พกั น้ําเสยี จะเปด น้ํากน บอ ทง้ิ ไปประมาณ 10-20 เปอรเ ซน็ ตท กุ วนั น้าํ เสยี ทเ่ี หลอื จะสบู เขา ถงั กรองผสมกบั น้ําดี จากถังพักนํ้าเขา ไปในบอ เลย้ี งอกี หมนุ เวยี นเรอ่ื ยไปเชน นด้ี งั แสดงในภาพ ภาพแสดงระบบการหมนุ เวยี นของน้ํา - กระแสน้ํา การทําใหกระแสน้ําในบอเล้ียงปลาแฟนซคี ารพก็เปนส่ิงจําเปน เนื่องจาก ในธรรมชาตขิ องปลาแฟนซคี ารพ ชอบอาศยั ในน้ําไหล กระแสนํ้าทําไดโ ดย ปลอ ยน้ําทผ่ี า นเครอ่ื งกรอง น้ําลงบอ ผา นทอ ขนาดเลก็ หรือบีบปลายทอใหมีขนาดเล็ก เพื่อทาํ ใหกระแสนํ้าแรงขน้ึ ปจจุบันเชื่อวา การที่กระแสน้ําไหลไปในทศิ ทางเดยี วกนั ตลอดไป อาจทําใหป ลามรี ปู รา งผดิ ปกตไิ ด ฉะนน้ั ควรมกี าร เปลย่ี นทศิ ทางของกระแสน้ําอยา งสม่ําเสมอ - การเพม่ิ ออกซเิ จน ปริมาณออกซเิ จนในบอ เลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ อาจขาดแคลนไดใ นบาง คร้ัง โดยเฉพาะในเวลากลางคนื ซึ่งแพลงคตอนพืชไมสามารถสังเคราะหแสงได ดงั นน้ั กอ นน้ําไหลผาน เคร่ืองกรองจะไหลลงสบู อ ควรใหน ้ําไดร บั ออกซเิ จนเสยี กอ น อาจใชว ธิ ใี หน้ําไหลผา นรางน้ําเปด เพื่อ ละลายกับออกซิเจนกอน ความยาวของรางน้ําอยา งนอ ย 30 เซนตเิ มตร รางน้ําตอ งสรา งใหม คี วามลาด เอียงเพ่ือใหน้ําไหลเร็วข้ึนได ถาไมมีที่วางสําหรับสรางรางน้ํา อาจจะวางถังกรองใหสูงจากระดับน้ํา กอนน้ําจะไหลลงบอ ปลอยใหนํ้าสัมผสั กบั อากาศเสยี กอ น หรอื ใชเ ครอ่ื งเพม่ิ ออกซเิ จนในบอ ปลาโดย ตรงกไ็ ด
ขนาด – สายพนั ธุ – จาํ นวนปลาที่เหมาะสม ผูสนใจเลีย้ งปลาแฟนซีคารพ สว นใหญ ประสงคจะหา ปลามาปลอ ยลงเลย้ี งในตกู ระจกและบอ ใหม ากทส่ี ดุ โดยเพียง ตองการเห็นความสวยงามหลากสีใหมากท่ีสุดเทาท่ีจะทําได จนอาจลืมนกึ ถงึ ความเปน ไปได และความเหมาะสมเปน หลกั พิจารณา การเพม่ิ ออกซเิ จนกระแสน้ํา คณุ สมบตั ขิ องน้ํา และ จากสภาพแวดลอ มตา งๆใหเ หมาะสม อาจชว ยใหป ลามชี วี ติ อยรู อดไดเ พม่ิ ขน้ึ แตมิไดหมายความวา จะ ทําใหปลาโตและสมบูรณไดดีเพิ่มขึ้นดวยทุกครั้งดังนั้นความเหมาะสมของขนาดและจํานวนปลาทป่ี ลอ ย ลงเลี้ยง ควรเปน ดงั น้ี ปลา 1 ตวั จะสามารถมชี วี ติ อยรู อดไดใ นน้ําทม่ี ปี รมิ าณ 100 เทา ของน้ําหนกั ตวั ปลาแตห ากตอ งการใหป ลาเจรญิ เตบิ โตดแี ลว ปลา 1 ตวั ตอ งการน้ําไมต ่ํากวา 1,000 เทา ของน้ําหนกั ตัวปลาขน้ึ ไป ดงั นน้ั หากคิดคํานวณจากปลา 1 ตวั น้าํ หนกั 1 กิโลกรัม ความยาว 30-50 เซนตเิ มตร จะเห็นวาเนอ้ื ท่ี 1 ตารางเมตรเหมาะสมทจ่ี ะเลย้ี งปลาน้ี แตถ า ผเู ลย้ี งใชอ ปุ กรณเ สรมิ เชน ปม อากาศ ปมน้ํา ระบบกรองทด่ี ี อาจเพิ่มจํานวนปลาทป่ี ลอ ยลงไดถ งึ 4 ตวั ตอ ตารางเมตร ชนิดและสีของปลาที่เหมาะสมในการปลอยลงเลี้ยงรวมกัน นักเล้ียงปลาหลายทานกลาววา แมวาปลาแฟนซีคารพจะเปนปลาท่ีรักสงบไมรังแกหรือทํารายกันเองก็ตาม แตไมสมควรเลี้ยงปลาที่ ขนาดตางกันมาก หรือเล้ียงปลาชนิดน้ีรวมกับปลาชนิดอน่ื ๆ ตวั อยา งสําหรบั สแี ละชนดิ สายพนั ธขุ อง ปลาท่ีเหมาะสมจะนํามาเลย้ี งรวมในบอ เดยี วกนั ในจํานวน 10 ตวั ควรเลอื กเลย้ี งปลา 5 กลมุ ดงั น้ี - โคฮากุ (Kohaku) 4 ตวั - ไทโช – ซนั โชกุ (Taisho Sanshoku) 2 ตวั - โชวา –ซันโชกุ (Showa Sanshoku) 2 ตวั - ชิโร – อุทซึรึ (Shiro Utsuri) 1 ตวั อนึ่ง ตูกระจกเลยี้ งปลา เหมาะทจ่ี ะเลย้ี งปลาขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลางเทา นน้ั เนอ่ื งจากเนอ้ื ท่ี จํากัด ไมเ หมาะกบั การเลย้ี งปลาทม่ี ขี นาดใหญ และการจดั ตปู ลาเพอ่ื เลย้ี งปลาแฟนซคี ารพ ควรจดั ตง้ั ตู ใหอยูต่ํากวาระดับสายตา เพ่ือจะไดเหน็ ปลาจากดา นขา งและดา นบน ซง่ึ ตรงกบั วตั ถปุ ระสงคข องการ เล้ียงปลาชนดิ นน้ั อยา งแทจ รงิ
10 อาหารและการใหอาหาร ปลาแฟนซคี ารพ จัดเปน ปลาที่กนิ อาหารไดท ั้งพืชและสัตว (Omniverous)และสามารถฝก ใหกิน อาหารไดเกือบทุกชนิด อาหารทดี่ ีและมีคณุ คา จะชว ยใหปลาเจริญเตบิ โตดี และมสี สี รรสดใสสวยงามอยู เสมอ ปจจุบันในการเล้ียงปลาชนิดนี้นิยมใชอาหารสําเรจ็ รปู ทส่ี ง่ั เขา มาจากตา งประเทศ นอกจากนน้ั แลวอาหารเล้ียงปลาสวยงามทผ่ี ลติ ขน้ึ ในประเทศและอาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งปลาดกุ กส็ ามารถนํามาใชไ ดเ ชน เดียวกัน การใหอ าหารควรใหป ระมาณ 2-5 เปอรเซนตข องนํ้าหนกั ตวั ปลาตอ วนั หรอื สงั เกตใหป ลากนิ อ่ิม การเล้ียงปลานค้ี วรใหอ าหารวนั ละ 2 ครง้ั ในชว งเชา และบา ย ในการใหอ าหารเรง สที ม่ี สี ว นผสม ของสไปรลู นิ า (Spirulina) อาจทําไดใ นกรณที ต่ี อ งการใหป ลาสสี วยสดโดยเฉพาะสแี ดง แตไมควรให มากและบอ ยครง้ั จนเกนิ ไป เพราะจะทําใหส ขี าวเปลย่ี นเปน สเี หลอื ง อนึ่งการใหอาหารประเภทผักซึ่งมีวิตามิน หากเสรมิ ใหป ลากนิ บา งเปน ครง้ั คราวกจ็ ะทําใหป ลามี กินบางเปนครั้งคราวก็จะทําใหป ลามสี ขุ ภาพแขง็ แรงดขี น้ึ ผักทีน่ ิยมนํามาใหป ลากนิ เชน ผักบุง ผักกาด ขาว แตงโม ฯลฯ ขอ ควรระวงั คอื ตอ งใชผ กั ทป่ี ราศจากสารพษิ หรอื สง่ิ ทเ่ี ปน อนั ตรายตอ ปลา เทคนคิ การเลย้ี งและการดแู ล ผูเ ล้ียงปลาแฟนซคี ารพ มกั จะคดิ วา การเลย้ี งปลา คอื การหาปลามาใสไ วใ นทบ่ี อ เลย้ี งทใ่ี สน ้ํา จัดคุณสมบัตินํ้าและสภาพแวดลอมตามตําราแนะนํา หาซ้ืออาหารท่ีมีวางขายจากรานขายปลามาให ลางทําความสะอาดบอ และใสย าปอ งกนั โรคตามกําหนดเวลาเทา นน้ั เปน การเพยี งพอ แตใ นสง่ิ ทเ่ี ปน จริง การเล้ียงปลามิไดมีเพียงเทาน้ัน สิ่งที่สําคัญคือ ความรักและความดแู ลเอาใจใสจ ากเจา ของบอ ถึงกับมีคํากลาวไวว า “เงาของเจา ของบอ ทย่ี นื ดปู ลาอยา งเอาใจใส คอื สง่ิ ทป่ี ลาในบอ ตอ งการมากทส่ี ดุ ในการเลี้ยงปลาหรือสัตวอื่นใดก็ตาม ปญหาท่ีมิไดคาดคิดวาจะเกิดยอมเกิดข้ึนไดเสมอ เชน ปลากระโดดออกมาตายนอกบอ ปลาเกดิ การช็อค เนอ่ื งจากน้ําเปลี่ยนสภาพอุณหภูมิโดยฉับพลัน ปลาเปนโรคโดยไมทราบสาเหตุ หรอื ปลาตายเพราะไฟรว่ั จากเครอ่ื งปม น้ําไฟฟา ทเ่ี สอ่ื มอายกุ ารใช ฯลฯ ส่ิงเหลาน้ีเปน สง่ิ ทผ่ี เู ลย้ี งปลาตอ งหมน่ั สํารวจตรวจตราดว ยตนเองอยเู สมอ การเคล่ือนยายปลาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หน่ึง วิธีลําเลียงปลาตองทําโดยนุมนวล โดยใชสวิง ขนาดท่ีเหมาะสมทจ่ี ะชอ นปลา ใชถ งุ พลาสตกิ หรอื ถงั ตกั ปลาจากในน้ํา ไมค วรชอ นปลาขน้ึ จากน้ําเพอ่ื ใส ถังเพราะขณะที่ปลาดิ้นอยูในสวิงจะทําใหผ วิ หนงั หรอื เกลด็ ปลาบอบช้ําจนเปนสาเหตุที่ทําใหป ลาเปน โรค ตามมาภายหลังได สําหรบั ปลาขนาดใหญแ ละผจู บั ปลาทม่ี คี วามชํานาญอาจใชว ธิ จี บั แบบอมุ จากน้ํากไ็ ด กอนปลอยปลาลงในสถานท่ีใหม ตองมีการปรับอุณหภูมิและคุณภาพของน้ําอยางชาๆ เพ่ือใหปลา สามารถปรับตัวใหเขากับสภาพแวดลอ มใหมได และทา ยสดุ หลงั การปลอ ยปลาในชว ง 1-2 วันแรกควร หม่ันสังเกตอาการของปลาวา เปน ปรกตดิ หี รอื ไม และควรปอ งกนั การกระโดดหนจี ากบอ เลย้ี ง โดยการ
11 ใชตาขายปดหรอื กนั ลอ มรอบบอ หรอื อาจลดระดบั น้ําลงในระยะ 1-2 วนั แรกของการปลอ ยปลา จน แนใจวา ไมม อี าการตน่ื ตกใจ จงึ เพม่ิ น้ําใหเทาระดบั เดมิ การเพ่ิมออกซเิ จนในน้ํา โดยใชร ะบบปบ อากาศหรอื ปม น้ํานอกจากจะเปน การเพม่ิ ออกซเิ จนลด ปริมาณคารบอนไดออกไซดแ ละแอมโมเนยี แลว ยอ มกอ ใหเ กดิ การเคลอ่ื นไหวของกระแสน้ําทไ่ี หลออ นๆ ในความเรว็ ทส่ี ม่ําเสมอจะชว ยใหป ลารวมกลมุ วา ยน้ํา ตา นกระแสน้ํา ทําใหร ปู รา งปลาไดส ดั สว นทส่ี วย งาม อาหาร อาหารปลาทม่ี คี ณุ คา ทางอาหารครบถว น ปลาเจรญิ เตบิ โตแขง็ แรงและสมบรู ณ อตั ราการ ปลอยท่ีเหมาะสมไมแ นจ นเกนิ ไป จะชวยใหปลามีสุขภาพดี และมโี อกาสเกดิ จะชวยใหปลามีสุขภาพดี และมีโอกาสเกดิ โรคไดน อ ยกวา ทป่ี ลอ ยเลย้ี งอยา งหนาแนน การปองกันโรคเปนสิ่งท่ีผูเล้ียงควรศึกษาและดํ าเนินการใหถูกตองมากกวาการรักษา ซ่ึงสามารถชวยชีวติ ปลาไดเ พยี งบางครง้ั เทา นน้ั กอ นการเกดิ โรคจนถงึ ระยะอนั ตราย หรอื เกดิ การตายขน้ึ ในแตละครง้ั จะมสี ง่ิ บอกเหตุ เชน ปลาจะลอยขน้ึ มาหายใจทผ่ี วิ น้ํา (ลอยหวั ) เมอ่ื ออกซเิ จนในน้ําไมเพียง พอ ปลาวายเอาตัวเขา ถขู า งบอ หรอื วตั ถใุ นบอ แสดงวา ปลามบี างสง่ิ บางอยางผิดปรกติที่ผิวหนัง ซง่ึ เมอ่ื ผู เล้ียงตรวจพบควรรบี ดําเนนิ การแกไ ขในทันที ในบางกรณี ผเู ลย้ี งปลาอาจพบปลาบางตวั ในบอ แสดงลกั ษณะผดิ ปรกติ เชน อา ปาไมห บุ แผน ปดเหงือกเปดอา ตวั คด หรอื ตวั สน้ั หรอื สบี นตวั ปลาไมแ จมใสเทา ทค่ี วร ทง้ั นอ้ี าจเกดิ จากสายพนั ธไุ มด ี หรือการเล้ียงดทู ไ่ี มถ กู ตอ ง เชน ในระยะการอนบุ าลปลาขนาดเลก็ หากออกซเิ จนในน้ํามีไมเพียงพอ ลูกปลาตองลอยข้ึนมาหายใจที่ผิวน้ําบอยคร้ัง จะทําใหหัวมีรูปรางผิดปรกติ และแผนปดเหงือกตอง ทํางานหนกั จนเปน เหตใุ หแผนปดเหงอื กยืน่ ยาว หรอื แผน ปด เหงอื กตอ งทํางานหนกั จนเปนเหตุใหแผน ปดเหงือกย่ืนยาว หรอื เปด อา ได บางครง้ั อาจมสี าเหตมุ าจากโรคปลา ในกรณที ป่ี ลาในบอ เลย้ี งเกดิ เปน โรคควรแยกปลาทเ่ี ปน โรคออก แลว หาสาเหตเุ พอ่ื แกไ ขและหาทางปอ งกนั โรคทอ่ี าจตดิ ตอ ไปถงึ ปลาตวั อน่ื ๆ จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: