การจัดการประมง - 1 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ บทที่ 1 การจัดการประมงและสภาวะการประมงของโลกและประเทศไทย คาํ วา่ “การจดั การ” สามารถแยกความหมายตามพจนานุกรมไดเ้ ป็ น “การ” (นาม) งาน สิ่งหรือเร่ืองท่ีทาํ เรื่อง ธุระ หน้าที่ และ “จดั การ” (กริยา) สั่งงาน ควบคุมงาน ดาํ เนินงาน (ราชบณั ฑิตยสถาน, 2538) ดงั น้นั โดยทว่ั ไป “การจดั การ” หมายความว่า ธุระหรือหน้าที่ในการดาํ เนินงาน ส่วนคาํ ว่า “ทรัพยากรประมง” ตามพระราชบญั ญตั ิการประมง (พรบ. ประมง) พ.ศ. 2490 หมายความวา่ ปลา ตะพาบ เต่า กุง้ ปู แมงดาทะเล หรือสัตวเ์ ล้ือยคลานอื่นๆ รวมท้งั ไข่ของสัตวเ์ หล่าน้ี สัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม หอย รวมท้งั เปลือกและมุก ปลิงทะเล ฟองน้าํ สาหร่ายทะเล รวมถึงสัตวน์ ้าํ และพ้ืนน้าํ อื่นๆ ที่ไดม้ ีระบุ ไวใ้ นพระราชกฤษฎีกา (Niumnampeth, 1976) ดงั น้ันในภาพรวม “การจดั การประมง” ก็คือ ธุระหรือหน้าท่ีในการ ดาํ เนินการควบคุมและจดั การบริหารทรัพยากรสัตวน์ ้าํ (และพืชน้าํ ) ให้มีประสิทธิภาพและไดป้ ระโยชน์สูงสุด ซ่ึง FAO (1997) ไดใ้ ห้คาํ จาํ กดั ความของการจดั การทรัพยากรประมงไวว้ า่ “เป็ นขบวนการแบบบูรณาการ ในการรวบรวมขอ้ มูล วิเคราะห์วางแผน ให้คาํ ปรึกษา ตดั สินใจ และจดั สรรแนวทางและรูปแบบการใชท้ รัพยากรประมง และนาํ ไปใชใ้ นทาง ปฏิบตั ิ ซ่ึงอาจจะตอ้ งมีการควบคุมดูแลในกรณีท่ีจาํ เป็น โดยมีมาตรการต่างๆ มาควบคุมการทาํ การประมง เพื่อท่ีจะมนั่ ใจได้ ถึงความสามารถในผลิตของทรัพยากรไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องเพ่ือผลประโยชน์ในการประมงอยา่ งยงั่ ยนื ” หรือกล่าวอยา่ งสรุป การ จดั การประมง คือ การทาํ การควบคุมปริมาณผลจบั สัตวน์ ้าํ เพื่อใหไ้ ดผ้ ลจบั ในระดบั ท่ีสต๊อคสัตวน์ ้าํ ในธรรมชาติท่ีเหลืออยู่ สามารถเติบโตและผลิตสตั วน์ ้าํ รุ่นใหม่มาชดเชยส่วนที่ถกู จบั ไปไดอ้ ยา่ งเหมาะสม FAO (2002) ไดเ้ สนอวา่ การจดั การประมงน้นั จะตอ้ งเก่ียวเน่ืองกบั ความผนั แปรของสภาพสิ่งแวดลอ้ ม และการ เปล่ียนแปลงระยะยาวท่ีอาจเกิดจากการกระทาํ ของมนุษย์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ มลภาวะต่างๆ นอกจากน้ีการจดั การประมงน้นั ควรจะเนน้ การสร้างความเช่ือมน่ั ในเร่ืองความมนั่ คงดา้ นอาหารและวิถีชีวติ ของชุมชนที่ใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรประมงน้นั ๆ และพยายามท่ีจะใชป้ ระโยชน์ของผลผลิตส่วนเกินของทรัพยากรใหด้ ีท่ีสุดและใหเ้ ช่ือมโยงกบั กระบวนทศั น์ทางเศรษฐกิจ ซ่ึงเหมาะสมตอ่ ท้งั การเมือง สังคม และการพฒั นาต่อสิ่งแวดลอ้ ม ทาํ ไมต้องจัดการประมง? ถึงแมน้ วา่ ทรัพยากรประมงจะถูกจดั วา่ เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถทดแทนที่ส่วนที่สูญเสียได้ (renewable resource) แต่ในสภาวะปัจจุบนั พบวา่ ทรัพยากรประมงที่มีอยใู่ นโลก มีทรัพยากรประมงส่วนนอ้ ยมากที่ยงั สามารถเพ่ิมระดบั การลง แรงงานประมงไดอ้ ีก (under-exploited) ส่วนใหญ่ใกลจ้ ะอยใู่ นระดบั การประมงที่ระดบั ที่ถูกนาํ มาใชป้ ระโยชน์อยา่ งเตม็ ท่ี (fully exploited) หรืออยใู่ นระดบั ที่เกินขนาดไปแลว้ (over-exploited) จากการประเมินล่าสุดขององคก์ ารอาหารและ การเกษตรแห่งสหประชาชาติใน เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 (FAO, 2012) พบวา่ ร้อยละ 30 ของสต๊อคสัตวน์ ้าํ ทว่ั โลกอยใู่ น สภาวะการประมงเกินขนาดเรียบร้อยแลว้ ในขณะที่ร้อยละ 57 อยใู่ นสภาวะท่ีใกลก้ บั สภาวะการประมงเกินขนาด และเพียง แค่ร้อยละ 13 เท่าน้นั ท่ีอาจพิจารณาไดว้ า่ อยใู่ นสภาวะที่สมบูรณ์ ซ่ึงการท่ีเกิดสภาวะการประมงเกินขนาดน้นั เป็นอนั ตราย ต่อสตอ๊ คของสตั วน์ ้าํ เป็นอยา่ งยง่ิ เพราะเป็นผลใหข้ นาดของสตอ๊ ค ลดลงจนเกินขนาดและในที่สุดจะถึงข้นั เสื่อมโทรมพนั ธุ์
การจัดการประมง - 2 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ (stock depletion) คือมีสัตวน์ ้าํ เหลอื อยนู่ อ้ ยจนไม่สามารถจะแพร่พนั ธุ์และเติบโต เพื่อเพิ่มปริมาณของสัตวน์ ้าํ ในสต๊อคจนมี ปริมาณเท่าเดิมไดภ้ ายในระยะเวลาอนั ส้ัน (ปรีชา, 2520) ทาํ ให้เห็นไดว้ า่ ความเช่ือของนกั ชีววิทยาประมงหลายๆ ท่านใน อดีตที่วา่ สัตวน์ ้าํ ที่มีอยใู่ นแหล่งน้าํ ต่างๆ มีปริมาณสูงกวา่ ส่วนท่ีมนุษยส์ ามารถนาํ ข้ึนมาใชป้ ระโยชน์ และมนุษยส์ ามารถจะ จบั ข้ึนมาใชป้ ระโยชน์ไดโ้ ดยไม่มีวนั หมด (inexhaustible) ไม่เป็นความจริงอกี ต่อไปแลว้ สภาวะการประมงท่ีเกินขนาดไป น้นั ส่วนใหญ่เกิดจากการจบั สัตวน์ ้าํ ที่ไม่มีการควบคุมเน่ืองจากเป็ นชลสมบตั สิ ่วนรวม ทาํ ให้เกิดปรากฎการณ์ “มือใครยาว สาวไสวเอา” ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎี “Tragedy of the Commons” ท่ีเสนอโดย Hardin (1968) ในการใชป้ ระโยชน์ของ สาธารณะสมบตั ิ รวมท้งั การพฒั นาทางเทคโนโลยีท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การประมง เชน่ การพฒั นาประสิทธิภาพของเครื่องยนตเ์ รือ และเครื่องมือหาฝงู ปลา โดยประมาณวา่ เรือประมงที่ทนั สมยั เหล่าน้ีในปัจจุบนั มีกวา่ 3.5 ลา้ นลาํ ที่กาํ ลงั ทาํ การประมงอยทู่ ว่ั โลก (Mari, 2012) นอกจากน้ีจากการศึกษาพบวา่ หลายๆ สต๊อคของสัตวน์ ้าํ ทม่ี ีการล่มสลายและเสื่อมโทรมพนั ธุ์ อาทิเช่น Peruvian anchoveta, northern cod, New England groundfish และ Atlantic swordfish เป็นตน้ เกิดจากการที่ไม่มีการจดั การ ประมงท่ีท่ีดี (Buckworth, 1998) และจากการรายงานของ De Silva (2012) ไดแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ นบั ต้งั แต่การหยดุ ชะงกั และ ลดลงของปริมาณผลจบั การประมงในประเทศท่ีพฒั นาต้งั แต่ช่วง ค.ศ. 1980 เป็นตน้ มา ยงั ไม่พบแนวโนม้ ของการฟ้ื นตวั ของ ทรัพยากรประมงอยา่ งชดั เจน นอกจากน้ี ผลจบั จากการประมงในเหล่าประเทศกาํ ลงั พฒั นาก็มีแนวโนม้ ที่คงท่ีต้งั แต่ ค.ศ. 2000 เป็นตน้ มา ในขณะท่ีภาพรวมผลผลิตการประมงทว่ั โลกกล็ ดลงอยา่ งชดั เจน รูปท่ี 1.1 การเปลี่ยนแปลงปริมาณผลจบั ทางการประมงเปรียบเทียบระหวา่ งประเทศท่ีพฒั นากับประเทศกาํ ลงั พฒั นาระหวา่ ง ค.ศ. 1950 – 2009 (ดดั แปลงจาก De Silva, 2012) นอกจากน้ีผลของการเปลี่ยนแปลงของเป้ าหมายทางการประมง อนั เป็ นผลต่อเนื่องจากการทาํ การประมงทีเกิน ขนาดในบางชนิดหรือบางกลุ่ม ก็เป็ นประเด็นที่ตอ้ งให้ความสําคญั เพ่ือการบริหารจดั การประมงอย่างยงั่ ยืนและความ สมบูรณ์ของระบบนิเวศ ซ่ึงกรณีการเปล่ียนแปลงดงั กล่าวที่ไดร้ ับความสนใจและกล่าวถึงกนั มาก นบั ต้งั แต่ ค.ศ. 2000 เป็ น
การจัดการประมง - 3 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ตน้ มา ไดแ้ ก่การเกิดปรากฎการณ์ (ก) การประมงของกลุ่มปลาที่อยใู่ นลาํ ดบั ช้นั อาหารระดบั ล่าง (Fishing down food web: Pauly et al., 1998) และ (ข) ปรากฏการณ์ในการทาํ การปะมงของสัตวน์ ้าํ ท่ีอยลู่ ึกลงไป (Fishing down the deep: Morato et al., 2006) โดยปรากฏการณ์แรกเกิดจากการที่การทาํ การประมงอยา่ งหนกั ในกลุ่มปลาหรือสัตวน์ ้าํ ในกลุ่มที่เป็นปลาขนาด ใหญ่ที่มกั จะเป็ นกลุ่มผลู้ ่าและเป็นปลากินเน้ือที่อยใู่ นลาํ ดบั ช้นั การกินอาหารสูงๆ ทาํ ให้ปลาในกลุ่มน้ีลดปริมาณลงและ เกิดปรากฎการณ์ต่อเนื่องในการทปี่ ลากลุ่มที่เป็นปลาเหยอื่ ท่ีอยใู่ นลาํ ดบั ช้นั การกินอาหารที่ต่าํ กวา่ เพ่ิมปริมาณข้ึน และทาํ ให้ เป้ าหมายทางการประมงเปลี่ยนไปจากเดิมไปสู่กลุ่มปลาเหยือ่ ดงั กล่าว ซ่ึงสามารถแสดงใหเ้ ห็นภาพไดอ้ ยา่ งง่ายในรูปท่ี 1.2 และสาํ หรับปรากฏการณ์ท่ี 2 เกิดจากการท่ีสัตวน์ ้าํ ที่ระดบั ผิวน้าํ และชายฝั่งถูกทาํ การประมงอยา่ งหนกั จนทาํ ให้มีการ พฒั นาเทคโนโลยีการเดินเรือและเครื่องมือประมงที่สามารถจบั สัตวน์ ้าํ ไดใ้ นบริเวณทะเลเปิ ดและบริเวณท่ีลึกลงไป ดงั แสดงในรูปที่ 1.3 ซ่ึงท้งั สองปรากฏการณ์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ในทอ้ งทะเลและจะมีผลต่อความยงั่ ยนื ของ ทรัพยากรประมงในระยะยาว และทาํ ใหม้ ุมมองของการจดั การประมงที่ตอ้ งจดั การในลกั ษณะท่ีเป็ นองคร์ วมมากข้ึน ไม่ใช่ เพียงกลุ่มสตั วน์ ้าํ เป้ าหมายชนิดหน่ึงชนิดใดหรือกลุม่ หน่ึงกลุ่มใดเพียงชนิดเดียว เพื่อคาดการณ์ผลกระทบของการประมงต่อ ระบบนิเวศน์ในระยะยาวจากการทาํ การประมงอยา่ งหนกั ในบางกลุ่มสัตวน์ ้าํ และแนวโนม้ ในการเปล่ียนเป้ าหมายในการทาํ การประมง รูปที่ 1.2 แนวคิดของการเกิดปรากฎการณ์การประมงของกลุม่ ปลาที่อยใู่ นลาํ ดบั ช้นั อาหารระดับล่าง (Pauly et al., 1998)
การจัดการประมง - 4 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ รูปที่ 1.3 แนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงระดบั ความลึกเฉล่ียของผลจบั ทางการประมงระหวา่ ง ค.ศ. 1950 ถึง 2000 ของกลุ่มปลา ผวิ น้าํ (จุดกลมทึบเขม้ ) และปลาหนา้ ดิน (จุดเหล่ียมทึบ) ในบริเวณเขตเศรษฐกิจจาํ เพาะ และจุดใสและเหลย่ี มใส เป็นขอ้ มูล สาํ หรับปลาผวิ น้าํ และปลาหนา้ ดินในบริเวณทะเลเปิ ด ตามลาํ ดบั (ดดั แปลงมาจาก Morato et al., 2006) กระบวนทศั น์ในการจัดการประมง กระบวนทศั น์ (Paradigm) คือ ชุดแนวความคิดในการท่ีจะนาํ ไปดาํ เนินการในทางปฏิบตั ิ ซ่ึงไดก้ ่อตวั เป็ นแบบ แผนของทศั นะอยา่ งเฉพาะแบบหน่ึงเพื่อการจดั การตนเอง หรือชุมชน หรือทรพั ยากรต่างๆ โดยทาํ หนา้ ท่ีสองประการ ไดแ้ ก่ การกาํ หนดกรอบแนวคิด และแนวในการปฏิบตั ิ โดย อานนั ท์ (2543) ไดช้ ้ีใหเ้ ห็นวา่ ในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติน้นั มี 4 กระบวนทศั นท์ ่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่ (1) กระบวนทศั น์ในการจดั การทรัพยากรในเชิงอรรถประโยชน์ ท่ีต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานความคิด เกี่ยวกบั สภาพแวดลอ้ มธรรมชาติ เนน้ ความเขา้ ใจระบบนิเวศแบบวิทยาศาสตร์ (2) กระบวนทศั น์ในการจดั การทรัพยากร ในเชิงนิเวศวฒั นธรรม ท่ีมีพ้ืนฐานวิธีคิดแบบบูรณาการอยา่ งเป็นองคร์ วม พยายามทาํ ความเขา้ ใจสภาพความเป็ นจริง ใน การอยรู่ ่วมกนั ของระบบสังคมและธรรมชาติ (3) กระบวนทศั น์ในการจดั การทรัพยากรในเชิงสถาบนั แนวทางการศึกษาน้ี ใหค้ วามสาํ คญั กบั เงื่อนไขดา้ นความสัมพนั ธ์เชิงสถาบนั (ท้งั ในแบบท่ีมีตวั ตนและไม่มีตวั ตน) ที่ไม่ไดผ้ กู ตดิ กบั ชุมชน และ (4) กระบวนทศั น์ในการจดั การทรัพยากรในเชิงความสัมพนั ธ์ของอาํ นาจ แนวทางการศึกษาน้ีมีสมมติฐานว่า สาเหตุ เก่ียวขอ้ งกบั ความสัมพนั ธ์เชิงอาํ นาจในสังคม ท่ีมีความขดั แยง้ และความไม่เท่าเทียมกนั ในการเขา้ ถึงทรัพยากร ทาํ ใหด้ า้ น หน่ึงเกิดการกีดกนั กลุ่มชนบางกลมุ่ ขณะที่อีกดา้ นหน่ึงกลบั เปิ ดโอกาสใหก้ ลมุ่ ชนอีกบางกลุ่มที่มีอาํ นาจแสวงหาประโยชน์ จากทรัพยากร สาํ หรับในการประมง Charles (2000) ไดใ้ หแ้ นวความคิดวา่ ในการจดั การประมงโดยทวั่ ไปมีกระบวนทศั น์ หลกั ที่ ตอ้ งคาํ นึงถึง 3 ประการ ไดแ้ ก่กระบวนทศั น์ทางการอนุรักษท์ รัพยากร ทางสังคมและทางเศรษฐกิจ ความยงุ่ ยากซบั ซอ้ นใน วางนโยบายในการจดั การทรัพยากรประมงมกั จะต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานที่จะตอ้ งผสมผสานและรักษาสมดุลของท้งั 3 กระบวน ทศั น์น้ี (ตารางท่ี 1.1; รูปท่ี 1.4)
การจัดการประมง - 5 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ตารางท่ี 1.1 วตั ถุประสงคใ์ นการวางนโยบายจดั การทรัพยากรประมง นโยบายจดั การทรัพยากรประมง กระบวนทศั น์ที่เกี่ยวขอ้ ง การอนุรักษแ์ ละรักษาทรัพยากรประมง การอนุรักษ์ การเพ่มิ ผลผลิตและรายได้ เศรษฐกิจ การเท่าเทียม สวสั ดิภาพและโอกาสในสงั คม สังคม ทม่ี า: Charles (2000) กระบวนทศั น์ทางการอนุรักษ์ สร้างสมดุลใน ทุกกระบวนทศั นเ์ พ่ือ การจดั การทรัพยากร กระบวนทศั น์ทางเศรษฐกิจ กระบวนทศั นท์ างสงั คม รูปท่ี 1.4 ความสัมพนั ธ์ของกระบวนทศั น์ในการจดั การทรัพยากรประมง (ทม่ี า: Charles, 2000) 1. กระบวนทัศน์ทางการอนรุ ักษ์ กระบวนทศั น์น้ีจะเนน้ ไปท่ีความยงั่ ยืนของการนาํ เอาทรัพยากรมาใชป้ ระโยชน์ การเส่ือมโทรมพนั ธุ์ของสต๊อค สตั วน์ ้าํ เกิดจากการทาํ การประมงพาณิชยท์ ่ีไม่ไดร้ ับการจดั การท่ีดีพอ ดงั น้นั การจดั การจะทาํ การควบคุมกองเรือและปริมาณ การลงแรงงานประมง รวมท้งั ปริมาณผลจบั ของสัตวน์ ้าํ โดยทว่ั ไปการทาํ การประมงท่ีระดบั ผลจบั ถาวรสูงสุด (maximum sustainable yield, MSY) จะเป็นเป้ าหมายในการจดั การโดยยดึ กระบวนทศั น์น้ี ซ่ึงตอ้ งอาศยั ขอ้ มูลทางชีววิทยาและสถิติการ ประมงเพ่ือศึกษาและประเมินสถาวะของทรัพยากรประมงเพ่ือประกอบการตดั สินใจ ซ่ึงมกั จะอยใู่ นรูปแบบการกาํ หนด ปริมาณผลจบั การกาํ หนดบริเวณพ้ืนท่ีและช่วงเวลาที่จะใชใ้ นการอนุรักษท์ รัพยากรประมง และการจาํ กดั เคร่ืองมือประมง บางชนิด 2. กระบวนทัศน์ทางเศรษฐกิจ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 กระบวนทศั น์น้ีไดเ้ ขา้ มาแทนท่ีและท้าทายกระบวนทศั น์ทางการอนุรักษ์ทรัพยากร เป้ าหมายคือผลตอบแทนสูงสุดท่ีจะไดจ้ ากการลงทุน (อาทิเช่น จากเจา้ ของเรือ เจา้ ของแพปลาและเจา้ ของเงินทุน เป็ นตน้ ) และรายไดห้ รือค่าจา้ งสูงสุด (จากลูกเรือ) โดยเนน้ คาํ นึงถึงตน้ ทุน รายไดแ้ ละผลกาํ ไรจากการทาํ การประมง เป้ าหมายใน การจดั การทรัพยากรโดยอาศยั กระบวนทศั น์น้ีจะคาํ นึงถึงผลจบั ที่ใหผ้ ลกาํ ไรสูงสุด (maximum economic yield, MEY) ใน การจัดการน้ันจะพยายามลดกองเรือ จาํ นวนชาวประมงและปริมาณการลงแรงงานประมง รวมท้ังการจัดสรรผลจับ (individual quotas, IQ หรือ individual transferable quotas, ITQ) ที่จะทาํ ใหเ้ กิดผลกาํ ไรสูงสุดในแต่ละราย ซ่ึงอาจจะมี ผลกระทบต่อสตอ๊ คของสัตวน์ ้าํ จนถึงข้นั ทาํ ให้เสื่อมโทรมพนั ธุ์ เช่นการประมงวาฬ ซ่ึงระดบั ผลจบั ที่จะทาํ ใหเ้ กิดผลกาํ ไร
การจัดการประมง - 6 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ สูงสุดอยใู่ นระดบั ท่ีสูงกวา่ ระดบั ท่ีสตอ๊ ควาฬจะทนได้ หรืออาจกล่าวไดว้ า่ อตั ราดอกเบ้ียในธนาคาร (จากรายไดท้ ี่ไดจ้ ากการ ประมงวาฬ) เพ่ิมข้ึนอยา่ งรวดเร็วกวา่ อตั ราการเติบโตของสัตวน์ ้าํ (Clark, 1985) อยา่ งไรก็ตาม เม่ือไม่นานมาน้ีไดม้ ีการ นาํ เอากระบวนทศั นท์ างการอนุรักษท์ รัพยากรมาร่วมในการวาง นโยบายในการจดั การร่วมกบั กระบวนทศั น์น้ี เน่ืองจากการ ลดจาํ นวนเรือและปริมาณการลงแรงงานประมงกส็ ามารถใชใ้ นการควบคุมปริมาณผลจบั ได้ (โดยยงั ไม่คาํ นึงถึงกาํ ไรสูงสุด) (van der Heijden, 2001) 3. กระบวนทัศน์ทางสังคม ทรัพยากรมนุษยจ์ ะเป็ นหลกั ในกระบวนทศั น์น้ี ชาวประมงเป็ นมากกว่าองคป์ ระกอบหน่ึงของแรงงานประมง (เปรียบเทียบกบั กระบวนทศั น์ทางการอนุรักษ์และเศรษฐกิจ) แต่เป็ นองค์ประกอบหลกั ในชุมชนประมง ความสําคญั ทางดา้ นวิถีชีวิต วฒั นธรรมของชาวประมงจะเป็ นอีกองค์ประกอบท่ีสําคญั ที่ถูกตระหนักถึง ความสําคญั ในการจดั การ ทรัพยากรประมงให้มีความยงั่ ยืนจะมีความสําคญั ในการอนุรักษ์วิถีชีวิตของชาวประมงในชุมชน ในการจัดการตาม กระบวนทัศน์น้ีจะเป็ นการกระตุ้นให้กลุ่มชาวประมงเข้ามามีส่วนร่วมในการตดั สินใจร่วมกับนักสังคมศาสตร์และ นกั วชิ าการประมงในการจดั การทรัพยากร ส่วนใหญ่การประยกุ ตใ์ ชก้ ารจดั การทรัพยากรประมงตามกระบวนทศั น์น้ีจะเป็น การจดั การการประมงขนาดเลก็ ชายฝั่ง (small-scale fisheries) เพ่ือป้ องกนั และเฝ้ าระวงั ผลกระทบอนั เนื่องมาจากการประมง พาณิชย์ รูปแบบการใช้ประโยชน์ทรัพยากรประมง Bromley (1991) ได้อธิบายลักษณะรูปแบบการเข้าไปใช้ประโยชน์ทรัพยากรประมง ซ่ึงแบ่งออกได้เป็ น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดงั น้ี 1. ในกรณีที่ผเู้ ขา้ ไปใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรประมงตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎระเบียบและแบบแผนของการเขา้ ไปใชป้ ระโยชน์ท่ี กาํ หนดออกมาโดยหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การจดั การทรัพยากรประมงน้นั ซ่ึงจดั วา่ เป็นทรัพยากรประมงที่มีรัฐ เป็นเจา้ ของ 2. ในกรณีที่ชาวประมงมีสิทธิที่จะวางแผนและออกมาตรการต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับในสังคมน้นั ๆ ในการใชป้ ระโยชน์จาก ทรัพยากรประมงดว้ ยตวั กลุ่มชาวประมงเอง ถึงแมน้ วา่ ชาวประมงจะตอ้ งยอมรับกฎหมายหลกั ที่วา่ ดว้ ยการหา้ มทาํ การ ประมงที่ผดิ กฎหมาย รูปแบบการใชป้ ระโยชนท์ รัพยากรแบบน้ีจะถือวา่ เป็นทรัพยากรประมงส่วนบุคคล 3. ในกรณีท่ีรัฐทาํ การจดั สรรสิทธิในการใชแ้ ละจดั การทรัพยากรให้แต่ละกลุ่มชาวประมง ซ่ึงมีสิทธิและหนา้ ท่ีเฉพาะท่ี จะตอ้ งปฏิบตั ิตามในการใชท้ รัพยากรประมงในบริเวณและช่วงเวลาที่ไดร้ ับการจดั สรร ทาํ ใหท้ รัพยากรเป็นสมบตั ิของ กลุ่ม (res communis) ซ่ึงจะต่างจากขอ้ 1 โดยเฉพาะในเรื่องความจาํ เพาะของกลุม่ พ้นื ที่และเวลาท่ีไดร้ ับการจดั สรร 4. ในการทาํ การประมงแบบเสรี (res nullius) ทรัพยากรประมงจะเป็นชลสมบตั ิส่วนรวมซ่ึงแต่ละบุคคลสามารถเขา้ ไปใช้ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไม่มีขอ้ จาํ กดั และขอ้ กาํ หนดต่างๆ ใหป้ ฏิบตั ิตาม
การจัดการประมง - 7 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ใครจะเป็ นผ้จู ดั การประมงและจดั การเพอ่ื ใคร? ในหลายๆ ประเทศรวมท้งั ประเทศไทย ทรัพยากรประมงจะเป็ นสาธารณะสมบตั ิ ซ่ึงจะตอ้ งไดร้ ับการจดั การจาก ภาครัฐ เพ่ือผลประโยชน์ของประชาชน หน่วยงานของรัฐจะเป็ นผูร้ ับผิดชอบหลกั ในการวางแผนการจดั การทรัพยากร ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร และการมีให้จบั อยา่ งยงั่ ยืนจะเป็ นที่ปรารถนาของผใู้ ชป้ ระโยชน์ทรัพยากรข้นั แรก อนั ได้แก่ชาวประมงและอุตสาหกรรมต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพื่อท่ีจะไดม้ ีผลกาํ ไรจากการทาํ การประมง อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ชาวประมงและอุตสาหกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง มิไดเ้ ป็นกลุ่มผใู้ ชป้ ระโยชน์จากแหล่งประมงเพียงกลุ่มเดียว ยงั มีส่วนอื่นๆ ท่ี เก่ียวขอ้ งในสังคมและชุมชนประมงอีกมากมาย อาทิเช่น การใชป้ ระโยชน์พ้ืนท่ีชายฝ่ังเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม การ เพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํ การท่องเท่ียว และการอนุรักษ์ทรัพยากร (ดงั เช่นกรณีนก Cormorant ในทะเลสาป IJssel ในประเทศ เนเธอร์แลนด;์ van der Heijden, 2002) ดงั น้นั ภาครัฐจะตอ้ งเป็นผนู้ าํ ในการจดั การและร่วมมือกบั ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียเหล่าน้ี เพื่อวางแผนการจดั การทรัพยากรประมงเพือ่ ใหป้ ระสานผลประโยชน์และมีทรัพยากรใชอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ข้ันตอนในการดาํ เนินงานการจัดการประมง 1. ตงั้ วตั ถปุ ระสงค์ในการจัดการ การต้งั วตั ถุประสงคใ์ นการจดั การทรัพยากรประมงควรจะมองแบบองคร์ วม โดยมีการรวบรวมขอ้ มูลท่ีมีอยแู่ ละ จาํ เป็ นในดา้ นต่างๆ อาทิเช่น ขอ้ มูลทางดา้ นชีวประวตั ิและสถิติการประมงต่างๆ เป็ นตน้ มีการประเมินสภาวะปัจจุบนั ของสต๊อคที่ทาํ การประมง เพ่ือดูถึงปัญหาอนั เนื่องมาจากการนาํ เอาทรัพยากรข้ึนมาใชป้ ระโยชน์ และมีการศึกษาถึงปัญหา ดา้ นอื่นๆ ท่ีมีอยใู่ นการใชท้ รัพยากรประมงน้นั ๆ แลว้ ต้งั วตั ถุประสงคข์ ้ึนมา 2. การวางแผน การวางแผนในการจดั การทรัพยากรประมง ควรจะเป็นแนวทางท่ีสามารถตอบปัญหาท่ีไดต้ ้งั ข้ึนตามวตั ถุประสงค์ ที่ไดต้ ้งั ข้ึน และตอ้ งสามารถตอบปัญหาหลกั ที่วา่ “เราตอ้ งการใชป้ ระโยชน์อะไรบา้ งจากการทาํ การประมง?” (What do we want the fisheries systems provide?) และ “ปัญหาอะไรอนั เนื่องมาจากการทาํ การประมงที่เราตอ้ งการแกไ้ ข?” (What problems do we want to be solved?) ในบางคร้ังที่ขอ้ มูลหรือสถิติขาดแคลน แผนในการจดั การทรัพยากรประมงน้นั อาจจะ ยดึ เอาปัญหาท่ีเกิดข้ึนอยา่ งเด่นชดั และ/หรือมีความขดั แยง้ สูงเป็นแนวทางในการวางแผนจดั การได้ 3. การนาํ ไปใช้ในทางปฏิบัติและติดตามตรวจสอบ ในข้นั น้ีจะเป็นการนาํ แผนการจดั การทรัพยากรประมงที่ไดว้ างไวม้ าทาํ การปฏิบตั ิ ซ่ึงก่อนที่จะประยกุ ตใ์ ชค้ วรจะ มีการสอบถามความคิดเห็นของผทู้ ี่มีส่วนร่วมในการใชแ้ ละในการบริหารจดั การทรัพยากร เพ่ือหาจุดร่วมและรับฟังความ คิดเห็นและขอ้ ขดั แยง้ เพ่ือประยกุ ตอ์ อกมาเป็นมาตรการต่างๆ ในการจดั การทรัพยากรประมง ซ่ึงดาํ เนินงานการจดั การทรัพยากรประมงในอุดมคติน้นั (Berkes et al., 2001) จะตอ้ งประกอบไปดว้ ย ตอ้ งมีองคก์ รและชุมชนที่มีส่วนไดส้ ่วนเสียในการจดั การทรัพยากรประมงเขา้ มามีส่วนร่วมในการดาํ เนินการ
การจัดการประมง - 8 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ตอ้ งมีการดาํ เนินการอยา่ งโปร่งใส อธิบายใหเ้ กิดความเขา้ ใจและลดความขดั แยง้ ในแต่ละองคก์ รและชุมชนที่มีส่วนได้ ส่วนเสียใหน้ อ้ ยที่สุด ตอ้ งมีการดาํ เนินการอยา่ งต่อเน่ือง รวมท้งั การติดตามประเมินผลและปรับปรุงแกไ้ ขมาตรการในการจดั การใหท้ นั สมยั อยตู่ ลอดเวลา อธิบายให้สังคมทว่ั ไป ไดเ้ ขา้ ใจถึงผลดีของการจดั การทรัพยากรและเพื่อหาแนวร่วมให้เพิ่มข้ึน มีงบประมาณอย่าง เพียงพอเพื่อใหแ้ ผนการจดั การทรัพยากรเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เป้ าหมายหลกั ในการจัดการทรัพยากรประมง ในอดีตเป้ าหมายหลกั ในการจัดการทรัพยากรประมงอยู่ท่ีการอนุรักษ์สัตว์น้ํา ในขณะที่ปัจจุบนั การจัดการ ทรัพยากรไดข้ ยายขอบเขตไปถึงทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คมและส่ิงแวดลอ้ มที่เก่ียวเน่ืองกบั การประมง ดงั น้นั ในภาพกวา้ ง การ จดั การประมงจะตอ้ งจดั การให้ไดม้ ีการใชท้ รัพยากรประมงอยา่ งอนุรักษ์ท้งั ตวั ทรัพยากรเองและสิ่งแวดลอ้ ม โดยให้ได้ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุดและมีการจดั สรรการใชท้ รัพยากรอยา่ งเหมาะสม ในกลุ่มผทู้ ่ีมีส่วนไดส้ ่วนเสียในทรัพยากร ประมง โดยจะเป็ นการผสมผสานกนั ระหวา่ งการจดั การระบบนิเวศน์และการจดั การสังคม ซ่ึงจะทาํ ใหก้ ารจดั การน้นั ท้งั ง่ายและยากข้ึน กลา่ วคือ ง่ายข้ึนในแง่ท่ีไดข้ อ้ มูลใกลเ้ คียงกบั ความเป็นจริงในการใชป้ ระโยชน์ทรัพยากร และยากข้ึนในแง่ท่ี ตอ้ งผสมผสานองคค์ วามรู้ตา่ งๆ เพอื่ ใหไ้ ดก้ ารจดั การทรัพยากรประมงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด (Berkes et al., 2001) อยา่ งไรกต็ าม นโยบายในการจดั การทรัพยากรประมงน้นั จะถกู ปรับเปล่ียนไปไดต้ ามวตั ถุประสงคห์ ลกั อาทิเช่น ในการทาํ การประมงพาณิชย์ ซ่ึงผลจบั ส่วนใหญ่จะถูกส่งออกและเป็ นรายไดห้ ลกั ของประเทศ การทาํ กาํ ไรใหไ้ ดส้ ูงสุดจาก การทาํ การประมงประเภทน้ีก็จะเป็ นเป้ าหมายหลกั ในการจดั การทรัพยากรประมง ซ่ึงยทุ ธศาสตร์ในการจดั การรูปแบบน้ี จะตอ้ งทาํ การควบคุมปริมาณเรือประมงท่ีมีประสิทธิภาพสูงใหอ้ ยใู่ นปริมาณท่ีพอเหมาะ ในขณะท่ีถา้ เป็นการทาํ การประมง พ้ืนบา้ น ซ่ึงสัตวน์ ้าํ ท่ีจบั ไดน้ ้นั จะเป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากสัตวร์ าคาถกู และรายไดแ้ ก่ชาวประมงพ้ืนบา้ นผดู้ อ้ ยโอกาส ที่ มีอยเู่ ป็ นจาํ นวนมากโดยใชเ้ ครื่องมือประมงพ้ืนบา้ น ยุทธศาสตร์ในการจดั การจะเน้นไปที่การเปิ ดโอกาสให้ชาวประมง พ้นื บา้ นทุกคนมีโอกาสที่จะเขา้ ไปเกบ็ เกี่ยวทรัพยากรเท่าๆ กนั จากตวั อยา่ ง 2 รูปแบบน้ี จะเห็นไดว้ า่ ความยากลาํ บากในการ จดั การทรัพยากรประมงน้นั จะอยทู่ ี่การควบคุมจาํ นวนชาวประมง (และ/หรือ เรือประมง) รวมท้งั จาํ นวน ชนิดและขนาดของ เครื่องมือ นอกเหนือไปจากการจดั การต่อตวั ทรัพยากรประมงเอง ในดา้ นการประมงเพ่ือเป็ นการพกั ผ่อนหยอ่ นใจ การ จดั การทรัพยากรประมงมกั จะทาํ โดยการกาํ หนดปริมาณเครื่องมือที่อนุญาตใหม้ ีไดต้ ่อคน (ตารางที่ 1.2) เพื่อเปิ ดโอกาสท่ีจะ เพ่ิมจาํ นวนนกั ตกปลาสมคั รเล่นท่ีจะเขา้ ไปใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรเพอ่ื การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ
การจัดการประมง - 9 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ตารางท่ี 1.2 จาํ นวนเครื่องมือที่อนุญาตใหใ้ ชใ้ นการประมงเพ่ือการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจในรัฐ Victoria ประเทศ Australia ประเภทของเครื่องมอื แหล่งประมงทะเล แหล่งประมงนํา้ จดื 1. เบด็ / เบด็ ราว ตอ่ คน 42 2. จาํ นวนเบด็ ต่อสาย 22 3. ลอบมีเหยอื่ (bait trap: ตอ้ งลงทะเบียน) 2 2 4. สวงิ มีแบบสาย (hoop net: ตอ้ งลงทะเบียน) 2 (หา้ มในฤดูหา้ มทาํ การประมง) 5 5. ลอบกงุ้ Yappy 0 3 (อนุญาตในบางพ้ืนที่) 6. อวนยกแบบมีเหยอ่ื (bait hauling net) (อนุญาตในบางพ้นื ที่) (อนุญาตในบางพ้นื ท่ี) 7. อวนชอ้ นแบบมีเหยอ่ื (bait dip net) 1 หา้ มทาํ การในเขตอุทยาน 8. ขา่ ยกางก้นั ประเภทต่าง ๆ 00 ทม่ี า: Natural resources and environment (2000) จะเห็นไดว้ ่าการจดั การทรัพยากรประมงจะตอ้ งพยายามประสานและรักษาสมดุลขององค์ประกอบต่าง ๆ ท้งั ทางดา้ นชีววทิ ยา เศรษฐกิจ และสังคมเขา้ ดว้ ยกนั เพื่อใหม้ ีทรัพยากรประมงใชอ้ ยา่ งยงั่ ยนื คือไม่ก่อใหเ้ กิดการทาํ การประมง เกินขนาดท้งั ในชีววิทยาและเศรษฐกิจ รวมท้งั ลดผลกระทบที่จะเกิดแก่สิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงในการวางแผนและนโยบายในการ จัดการทรัพยากรประมงน้ัน ตอ้ งประกอบไปด้วยขอ้ มูลท้งั ทางดา้ นชีววิทยาประมง การประเมินผลสภาวะทรัพยากร วตั ถุประสงคใ์ นการจดั การทรัพยากร ยทุ ธศาสตร์รวมท้งั กฎหมายและขอ้ บงั คบั ท่ีจะนาํ มาบงั คบั ใชแ้ ละท่ีมีอยู่ (รูปท่ี 1.5) ซ่ึง โดยทว่ั ไปแลว้ การวางแผนในการจดั การทรัพยากรประมงจะตอ้ งประกอบไปดว้ ย 4 องคป์ ระกอบใหญ่ ไดแ้ ก่ (1) ขอ้ มูล ของสภาวะปัจจุบนั และแนวโนม้ ในอนาคตของการทาํ การประมง (2) เป้ าหมายของนโยบาย (หรือวตั ถุประสงค)์ ในการ จดั การทรัพยากรประมง (3) ยทุ ธศาสตร์ในการจดั การเพอื่ ท่ีจะบรรลุวตั ถุประสงค์ และ (4) กฎหมายและขอ้ บงั คบั ต่างๆ ท่ีถูก ประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ขา้ กบั ยทุ ธศาสตร์ท่ีกาํ หนดไว้ การตายโดยธรรมชาติ การเตบิ โต สตอ็ ค การตายอนั เนอื่ งมาจาก ปริมาณการลงแรงงาน การประมง ประมง การทดแทนที่ สตั วน์ ้าํ การควบคมุ ผลจบั การประเมนิ ผล ผลจบั ตอ่ หนว่ ยการลง สภาวะทรพั ยากร แรงงาน การควบคมุ และตดิ ตาม การทาํ การประมง วตั ถปุ ระสงคใ์ นการ ยทุ ธศาสตรใ์ นการจดั การ กฏหมายและขอ้ บงั คบั ใน จดั การทรพั ยากรประมง ทรพั ยากรประมง การทาํ การประมง ขอ้ มลู ทจี่ าํ เป็นอน่ื ๆ อาทิ เชน่ ทางดา้ นเศรษฐกจิ การประเมนิ ความเสยี่ ง และทางดา้ นสงั คม รูปท่ี 1.5 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขอ้ มูลท้งั ทางดา้ นชีววทิ ยาประมง การประเมินผลสภาวะทรัพยากร เพ่ือการวางยทุ ธศาสตร์ ในการจดั การทรัพยากรประมง (ดดั แปลงมาจาก King, 1995)
การจัดการประมง - 10 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ การควบคุมการประมงเพ่ือให้ไดผ้ ลจบั ที่ไดจ้ ากการประมงตรงตามเป้ าหมายในระดบั ที่แตกต่างกนั จะตอบสนอง ต่อความตอ้ งการและวตั ถุประสงคใ์ นสังคมในประเด็นที่แตกต่างกนั ไป (รูปท่ี 1.6) ซ่ึงอาจจะเนน้ ท่ีปริมาณของสัตวน์ ้าํ ที่จบั ได้ (ทางชีววิทยา) รายไดจ้ ากการทาํ การประมง (เศรษฐกิจ) หรือเพ่ือก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและชุมชนในดา้ นอื่นๆ อาทิเช่นการท่องเท่ียวและการจา้ งงานเป็นตน้ อาหาร (MSY) การจ้างงาน สู ง ผลกาํ ไร (MEY) ทุนในการทาํ การประมง ผล ัจบ การส่ งออก ต่าํ ก า ร ท่ อ ง เที่ ย ว จุ ด คุ้ม ทุ น ต่าํ ปริ มาณการลงแรงงานประมง สู ง ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้าํ ลดลง ผ ล จับ ต่ อ ห น่ ว ย ก า ร ล ง แ ร ง ง า น ล ด ล ง ป ล า ท่ี จับ ไ ด้มี ข น า ด เล็ ก ล ง ปลาบางชนิดสู ญพันธุ์ ราคาต่อหน่วยสัตว์น้าํ ลดลง รูปท่ี 1.6 ผลจบั ในระดบั ที่ตอบสนองวตั ถุประสงคใ์ นประเดน็ ต่างๆ (ดดั แปลงมาจาก Caddy and Mahon, 1995) ผลจบั ถาวรสูงสุด (MSY) จะถูกนาํ มาใชเ้ ป็ นวตั ถุประสงคท์ ่ีตอบสนองต่อความตอ้ งการท่ีจะประกนั ความมนั่ คง ทางอาหารในขณะที่ถา้ ตอ้ งการให้เกิดผลกาํ ไรสูงสุดจากการทาํ การประมง การลงแรงงานประมง ณ ระดบั MEY จะถูก นาํ มาใช้ นอกจากน้ีแลว้ หากจะมองในแง่อนุรักษท์ รัพยากร การทาํ การประมง ณ ระดบั MEY สัตวน์ ้าํ จะถูกจบั นาํ ข้ึนมาใช้ ประโยชนน์ อ้ ยกวา่ นอกจากยงั พบวา่ การเลือกใช้ MSY เป็นระดบั ปริมาณการลงแรงงานประมง ค่อนขา้ งจะมีโอกาสเส่ียงสูง ท่ีจะเกิดการประมงเกินขนาด (Caddy and Mahon, 1995) จุดอา้ งอิงท่ีจะใชใ้ นการหาระดบั ปริมาณการลงแรงงานประมงท่ี เหมาะสม ควรจะเป็ นระดบั ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสต๊อคสัตวน์ ้าํ ให้นอ้ ยที่สุดโดยสามารถใชข้ อ้ มูลทางชีววิทยา ซ่ึงจะ กล่าวถึงในบทที่ 4 และจะตอ้ งตอบสนองต่อความตอ้ งการของสังคมโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในเรื่องความมนั่ คงทางอาหารได้ ดว้ ย
การจัดการประมง - 11 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ภาพรวมทว่ั ไปของการทาํ การประมงของโลก นับต้งั แต่สิ้นสงครามโลกคร้ังที่ 2 ใน ค.ศ. 1946 เกิดจากการเพ่ิมข้ึนของเรือประมงและการท่ีทรัพยากรไม่ถูกนาํ มาใช้ ประโยชน์ในช่วงสงคราม รัฐบาลหลายประเทศใหค้ วามช่วยเหลืออุตสาหกรรมประมงภายในประเทศเพื่อเป็นแหล่งอาหาร โปรตีนจากเน้ือสัตวร์ าคาถูกและกระตุน้ เศรษฐกิจ โดยการให้กูเ้ งินลงทุน ค้าํ ประกนั เงินกู้ รวมท้งั จดั หาน้าํ มนั ราคาถูก นอกจากน้ีเรือประมงและอุปกรณ์รวมท้งั เคร่ืองมือประมงไดม้ ีการพฒั นามากข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (ก) การใชเ้ ส้นใย สังเคราะห์ในการทาํ เครื่องมืออวน (ข) การพฒั นากวา้ นท่ีมีประสิทธิภาพมากข้ึนเพ่ือช่วยในการลากอวน และ (ค) การนาํ เครื่อง echo sounder และ SONAR มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประมง ทาํ ใหผ้ ลผลติ จากการประมงเพิ่มข้ึนอยา่ งรวดเร็วและการ เปล่ียนแปลงนบั ต้งั แต่ยคุ น้นั จนถึงปัจจุบนั ยงั มีแนวโนม้ ในภาพรวมที่เพิ่มข้ึน แสดงใหเ้ ห็นถึงการที่ทรัพยากรประมงถกู เกบ็ เกี่ยวผลประโยชน์อยา่ งตอ่ เนื่อง ผลผลิตของการประมงทวั่ โลกท้งั จากการทาํ การประมงและการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํ จากการประเมินขององคก์ าร อาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO, 2012) พบวา่ ในรอบปี พ.ศ. 2553 อยทู่ ี่ระดบั 148.5 ลา้ นตนั โดยที่ผลผลิตที่ ไดจ้ ากการทาํ การประมงจะค่อนขา้ งคงท่ีอยทู่ ่ี 90 ลา้ นตนั ต่อปี ต้งั แต่ พ.ศ. 2544 ในขณะท่ีผลผลิตจากการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํ มี แนวโนม้ ที่จะเติบโตต่อเนื่องนบั ต้งั แต่ พ.ศ. 2533 โดยในช่วงต้งั แต่ พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2553 มีอตั ราการเพิ่มสูงถึงร้อยละ 10 จาก 34.6 ลา้ นตนั เป็น 59.9 ลา้ นตนั (รูปท่ี 1.7) รูปที่ 1.6 ปริมาณผลผลิตจากการประมงทวั่ โลกต้งั แต่ ค.ศ. 1950 – 2010 (FAO, 2012) เมื่อเทียบในดา้ นของประเทศผผู้ ลิตใน 5 อนั ดบั แรกของโลก พบวา่ ประเทศจีนเป็ นประเทศที่มีผลผลิตทางการ ประมงเป็ นอนั ดบั หน่ึง ตามมาดว้ ยอินโดนีเซีย อินเดีย สหรัฐอเมริกา และเปรู ซ่ึงจากการที่ปริมาณผลจบั ปลาแอนโชวีที่ ลดลงอยา่ งมากใน พ.ศ. 2553 จากปรากฏการณ์เอล นิลโน ทาํ ให้เปรูหล่นจากผผู้ ลิตอนั ดบั ที่สองลงมาอยใู่ นลาํ ดบั ที่ห้า สําหรับในแง่ของตวั ทรัพยากรประมง ปลาแอนโชวี ซ่ึงเป็ นปลาผิวน้าํ มีปริมาณการจบั ท่ีมากท่ีสุด ตามมาดว้ ย อลาสกา พอลล๊อค สคิพแจ๊คทูน่า แอตแลนติคเฮอรร์ริง และปลาแมคเคอเรล ซ่ึงจะเหน็ ไดว้ า่ เป็ นกลุ่มปลาผิวน้าํ ท้งั หมด อยา่ งไรก็ ตามเม่ือดูแนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงเป็นรายกลุม่ (รูปท่ี 1.7) พบวา่ ผลจบั ปลาผวิ น้าํ ปลาหนา้ ดิน และปลาทะเลอื่นๆ ค่อนขา้ ง คงที่นบั แต่ พ.ศ. 2543 ในขณะที่ผลจบั ปลาน้าํ จืดและปลาสองน้าํ รวมท้งั สัตวจ์ าํ พวกกงุ้ ปแู ละพชื น้าํ มีแนวโนม้ ท่ีเพมิ่ ข้ึน
การจัดการประมง - 12 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ รูปท่ี 1.7 ผลจบั สตั วน์ ้าํ จากการทาํ การประมงทวั่ โลกต้งั แต่ ค.ศ. 1950 – 2010 (FAO, 2012) โดยลกั ษณะของการทาํ การประมงและทรัพยากรประมงสามารถจะอธิบายไดต้ ามแหล่งทาํ การประมงของโลกที่ แบ่งออกเป็นเขต (รูปที่ 1.8) สามารถอธิบายไดด้ งั น้ี (FAO, 2001) 1. มหาสมทุ รแอตแลนติคฝั่งตะวนั ออกตอนกลาง (Central east Atlantic): เขตท่ี 34 ในรูปท่ี 1.8 เป็นบริเวณทาํ การประมงทะเลที่อยใู่ นฝ่ังแอฟริกาตะวนั ตก จากช่องแคบยบิ บรอลตา (Gibraltar Strait) ถึงปากของ แม่น้าํ แซร์ (Zaire) ซ่ึงจะครอบคลุมส่วนที่เป็ นเขตอบอุ่น เขตร้อน และเขตเส้นศูนยส์ ูตร รวมท้งั มีส่วนท่ีเป็นทะเลสาบบน เกาะหินปะการัง (lagoon) และป่ าชายเลน ความแตกต่างของพ้ืนท่ีทาํ ให้คุณสมบตั ิทางสมุทรศาสตร์ของบริเวณน้ีมีความ แตกต่างกนั สูง รวมท้งั มีการเกิดขบวนการน้าํ ผุด (upwelling) และน้าํ แยกศนู ยส์ ูตร (Equatorial Convergence) สัตวน์ ้าํ ประมาณ 150 ชนิดถกู จบั ข้ึนมาใชป้ ระโยชน์บริเวณน้ี การประมงในบริเวณน้ีส่วนใหญ่จะเป็นปลาผิวน้าํ ขนาดเลก็ โดยเฉพาะปลาซาร์ดีน (sardines) และกลุ่ม clupeids ซ่ึงรวมแลว้ ประมาณ 50% ของผลจบั ท้งั หมด ในช่วงปลายทศวรรษท่ี 1980 การเปล่ียนแปลงการปกครองในกลุ่มประเทศ ยโุ รปตะวนั ออกเป็ นผลของการเพิ่มของกองเรือต่างชาติในบริเวณน้ี ต่อมาการเปล่ียนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจในประเทศ เหลา่ น้ีและแรงบีบค้นั ทางดา้ นการตลาดทาํ ใหผ้ ลจบั ของสตั วน์ ้าํ ลดลง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ปลาผิวน้าํ ขนาดเลก็ 2. มหาสมทุ รแปซิฟิ คตอนกลางฝ่ังตะวนั ออก (Eastern central Pacific): เขตท่ี 77 ในรูปท่ี 1.8 บริเวณการประมงในแหล่งน้ีจะครอบคลุมชายฝ่ังตะวนั ตกของทวีปอเมริกา จากแคลิฟอร์เนียตอนเหนือถึง ปานามาตอนใต้ ซ่ึงคิดเป็นพ้นื ท่ีท้งั หมด 48.9 x 106 ตร. กม. และพ้ืนที่ไหล่ทวปี ท้งั หมดเท่ากบั 0.81 x 106 ตร. กม. ไหล่ทวปี ในบริเวณน้ีค่อนขา้ งแคบและไม่คอ่ ยจะเกินระยะทาง 20 กม. จากชายฝ่ัง ยกเวน้ ในบางพ้ืนที่ไดแ้ ก่ อ่าวซานฟรานซิสโก เอล ซาวาดอร์ นิคารากวั และอ่าวปานามา ซ่ึงไหล่ทวปี ขยายไปถึง 60 กม. ลกั ษณะของพ้ืนทอ้ งทะเลจะมีความแตกต่างกนั แต่กม็ ี หลายพ้ืนท่ีที่เหมาะสมในการทาํ การประมงอวนลาก อยา่ งไรก็ตามการทาํ อวนลากส่วนใหญ่จะเป็ นการทาํ อวนลากกุง้ ใน
การจัดการประมง - 13 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ บริเวณชายฝั่ง ส่วนการทาํ อวนลากหนา้ ดินและอวนลากน้าํ ลึกไม่ค่อยมีมากนกั ประเทศที่ใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรประมง บริเวณน้ียงั รวมถึง หมู่เกาะขนาดเลก็ บริเวณตอนใตข้ องแคลิฟอร์เนียและปานามา รวมท้งั หมู่เกาะฮาวาย ซ่ึงหมู่เกาะเหล่าน้ี จะเป็นหมู่เกาะที่มีไหล่ทวปี ท่ีแคบ พ้ืนท่ีทาํ การประมงบริเวณน้ีจะตกอยภู่ ายใตอ้ ิทธิพลของกระแสน้าํ ผิวหนา้ 2 กระแสคือ ในบริเวณตอนเหนือจะ เป็ นกระแสน้าํ แคลิฟอร์เนียและกระแสน้าํ ศูนยส์ ูตรทางตอนใต้ การผสมผสานของกระแสน้าํ ผิวหนา้ ท้งั 2 กระแส ลกั ษณะ ภมู ิประเทศและความแตกตา่ งของความกดดนั อากาศทาํ ใหเ้ กิดขบวนการน้าํ ผดุ ขนาดใหญ่ตลอดชายฝั่งแคลิฟอร์เนียและอ่าว ปานามา นอกจากน้ียงั มีขบวนการน้าํ ผดุ ขนาดเลก็ ๆ ตลอดชายฝ่ังอเมริกากลางและชายฝ่ังคอสตาริกา ในขณะที่ขบวนการน้าํ ผุดมีอิทธิพลสําคญั ในบริเวณตอนเหนือ (เขตอบอุ่น) ในตอนใตท้ ่ีเป็ นเขตร้อน (อเมริกากลาง) จะไดร้ ับแร่ธาตุอาหารจาก แม่น้าํ สายหลกั ต่างๆ สาเหตุหลกั 2 ประการน้ีทาํ ใหท้ รัพยากรประมงในบริเวณน้ีมีความอุดมสมบูรณ์ การทาํ การประมงจะ เนน้ ที่ปลาผิวน้าํ ท้งั ขนาดใหญ่และขนาดเลก็ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในบริเวณที่เกิดขบวนการน้าํ ผุด นอกจากน้ียงั มีการทาํ การ ประมงกงุ้ และปลาหนา้ ดินในบริเวณอเมริกากลาง เมก็ ซิโกและปานามา 3.มหาสมทุ รอินเดียฝั่งตะวนั ออก(Eastern Indian Ocean): เขตท่ี 57 ในรูปที่ 1.8 บริเวณทาํ การประมงน้ีประกอบด้วย อ่าวเบงกอล ทะเลอนั ดามนั และส่วนตอนเหนือของแหลมมะละกาฝ่ัง ตะวนั ออกและทะเลในบริเวณออสเตรเลียใตแ้ ละตะวนั ตก ในบริเวณอ่าวเบงกอลและมาร์ตาบาน (Martaban) ในขณะท่ี บริเวณทางตอนใตแ้ ละตะวนั ตกของอินโดนิเชียและออสเตรเลียน้นั ชายฝ่ังจะแคบทาํ ใหก้ ารประมงชายฝั่งจะทาํ การอยใู่ น บริเวณไหล่ทวปี น้ีและจดั วา่ เป็นแหล่งประมงที่สาํ คญั ในเขตน้ี ทรัพยากรประมงมีต้งั แต่สัตวน์ ้าํ เขตร้อนในบริเวณตอนเหนือ และสตั วน์ ้าํ ในเขตอบอุน่ ในบริเวณทางตอนใตบ้ ริเวณทวปี ออสเตรเลีย การทาํ การประมงในบริเวณน้ีมีแนวโน้มของการเพ่ิมของปริมาณการลงแรงงานประมง โดยเฉพาะ บริเวณชายฝ่ัง ท่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่ ชายฝั่งของอินเดียฝ่ังตะวนั ออก ฝั่งตะวนั ตกของไทยและตอนใตข้ องชวากลาง ขอ้ มูลของสต๊อค สัตวน์ ้าํ ในบริเวณน้ีคอ่ นขา้ งจาํ กดั การจดั การทรัพยากรมกั จะแปรเปล่ียนไปตามสถานการณ์
การจัดการประมง - 14 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ รูปที่ 1.8 การแบ่งเขตการประมงของโลก (FAO, 2001)
การจัดการประมง - 15 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ 4. ทะเลเมดิเตอร์ เรเนียนและทะเลดาํ (Mediterranean and Black Sea) เขตท่ี 37 ในรูปท่ี 1.8 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะประกอบดว้ ยทะเลก่ึงปิ ดจากบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนฝ่ังตะวนั ตกซ่ึงรับมวลน้าํ จาก มหาสมุทรแอตแลนติคจนถึงบริเวณอ่าว Levant ท่ีมวลน้าํ มีความอุ่นและความเคม็ ที่ค่อยๆ สูงข้ึน ในขณะท่ีบริเวณทะเลดาํ ความเคม็ ค่อนขา้ งต่าํ นอกจากน้ียงั รวมถึงบริเวณน้าํ กร่อยท่ีอุณหภมู ิต่าํ ในบริเวณตอนเหนือของทะเล Azov จากลกั ษณะความแตกต่างขา้ งตน้ น้ีทาํ ให้บริเวณน้ีมีลกั ษณะแหล่งท่ีอยอู่ าศยั และชนิดของสัตวน์ ้าํ ท่ีหลากหลาย การประมงในบริเวณน้ีไดแ้ สดงใหเ้ ห็นถึงศกั ยภาพในความทนทานต่อปริมาณการลงแรงงานประมงท่ีสูง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในกรณีท่ีหลายๆ ประเทศในบริเวณน้ีขาดการจดั การประมงท่ีเป็นระบบ 5. มหาสมทุ รแอตแลนติคฝ่ังตะวนั ออกเฉียงเหนือ (Northeast Atlantic): เขตที่ 27 ในรูปที่ 1.8 ส่วนของวงกระแสน้าํ (gyre) ในบริเวณ sub-polar ในมหาสมุทรแอตแลนติคตอนเหนือ จะเป็นตวั ท่ีมีอิทธิพลหลกั ต่อระบบนิเวศน์และการกระจายของประชากรสัตวน์ ้าํ ในบริเวณน้ี วงจรกระแสน้าํ น้ีจะเป็ นน้าํ เยน็ และมีความเคม็ ต่าํ สต๊อค ของสัตวน์ ้าํ บริเวณน้ีจะเป็ นกลุ่มที่มีการทดแทนท่ีต่าํ สาเหตุน่าจะเนื่องมาจากการท่ีปริมาณอาหารที่ลดลงและการที่น้าํ มี อุณหภูมิท่ีค่อนขา้ งต่าํ อนั เป็ นผลใหก้ าํ ลงั ผลิตเบ้ืองตน้ อยใู่ นระดบั ต่าํ อยา่ งไรกต็ ามในช่วงฤดูร้อนจะเกิดขบวนการน้าํ ผดุ ใน บริเวณชายฝั่งสเปนและโปรตุเกส การประมงในบริเวณอย่ใู นระดบั ท่ีถูกนาํ มาใชป้ ระโยชน์อยา่ งเต็มที่หรือระดบั ที่เกินขนาด ซ่ึงพบว่าสต๊อคปลา หลายสต๊อคอยใู่ นระดบั เสื่อมโทรมพนั ธุ์ อาทิเช่น การล่มสลาย (collapse) ของสต๊อคปลาเฮอริ่งในทะเลเหนือเป็ นคร้ังท่ี 2 ในรอบ 20 ปี เป็นผลใหเ้ กิดการแนะนาํ ใหล้ ดระดบั การลงแรงงานประมงร้อยละ 50 กาํ ลงั ไดร้ ับความสนใจและจบั ตามองถึง ผลที่จะเกิดข้ึน และโดยส่วนใหญ่แลว้ ถึงแมน้ วา่ จะมีความพยายามในการลดระดบั การลงแรงงานประมงลงถึงร้อยละ 40 ใน หลายๆ สตอ๊ คสัตวน์ ้าํ ในบริเวณน้ี แตก่ ย็ งั ไม่สามารถแกป้ ัญหาการประมงเกินขนาดได้ 6. มหาสมทุ รแปซิฟิ คฝ่ังตะวนั ออกเฉียงเหนือ (Northeast Pacific): เขตท่ี 67 ในรูปที่ 1.8 ในบริเวณน้ีประกอบดว้ ยบริเวณยอ่ ยๆ หลายแห่งและจดั วา่ เป็นระบบนิเวศน์ทางทะเลขนาดใหญ่ ซ่ึงครอบคลุมถึง บริเวณตอนเหนือของกระแสน้าํ แคลิฟอร์เนีย อ่าวอลาสกาและส่วนตะวนั ออกของทะเลเบอร่ิง (Bering Sea) บริเวณยอ่ ย เหล่าน้ีมีลกั ษณะทางสภาพแวดลอ้ มที่แตกต่างกนั โดยสิ้นเชิง กระแสน้าํ แคลิฟอร์เนีย (ซ่ึงอยใู่ นเขตก่ึงร้อน) จะเป็ นบริเวณท่ี เกิดขบวนการน้ําผุด อ่าวอลาสกาและทะเลเบอร่ิงท่ีอยู่ในบริเวณก่ึงข้วั โลก จะอยู่ภายใตอ้ ิทธิพลของความกดดันต่าํ นอกจากน้ีในบริเวณอ่าวอลาสกา การผสมผสานระหวา่ งกระแสน้าํ และน้าํ ท่ีไหลออกมาจากทวีปทาํ ใหม้ ีความอุดมสมบูรณ์ ของสตั วน์ ้าํ
การจัดการประมง - 16 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ 7. มหาสมทุ รแอตแลนติคฝั่งตะวนั ตกเฉียงเหนือ (Northwest Atlantic): เขตที่ 21 ในรูปที่ 1.8 ในเขตน้ีเป็ นแหล่งการทาํ การประมงที่สําคญั นบั ต้งั แต่ตอนตน้ ศตวรรษท่ี 1500 อิทธิพลของการทาํ การประมง ชายฝ่ังจะอยใู่ นบริเวณกระแสน้าํ เยน็ Baffin นอกจากน้ียงั มีการประมงในบริเวณกระแสน้าํ อุ่นกลั ฟ์ สตรีม (Gulf Stream) ใน บริเวณเขตน้าํ ต้ืน 3 แห่ง อนั ไดแ้ ก่ Grand Banks, Scotian Shelf และ George’s Bank เป็นแหล่งทาํ การประมงสัตวน์ ้าํ หนา้ ดิน ท่ีสาํ คญั ไหล่ทวีปขนาดเลก็ อ่ืนๆ เช่นบริเวณ Hamilton’s Bank จดั วา่ เป็ นหล่งการทาํ ประมงปลา cod ท่ีสาํ คญั นอกจากน้ี บริเวณ Flemish Cap จะเป็นแหล่งประมงที่สาํ คญั ของปลาแซลมอน รวมถึงตอนใตข้ องอ่าว St. Lawrence ถึงแมว้ ่าในบางสต๊อคของสัตวน์ ้าํ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงกุง้ ลอบสเตอร์ และหอย scallop ยงั อยใู่ นสภาวะท่ีสมบูรณ์ แต่ทวา่ สถานการณ์ประมงสัตวน์ ้าํ หนา้ ดินทวั่ ๆ ไปอยใู่ นสภาวะท่ีค่อนขา้ งเสี่ยงต่อการล่มสลายของสต๊อค ดงั จะเห็นไดจ้ าก ในเขตตอนเหนือของบริเวณน้ี (Labrador และ Grand Banks) การล่มสลายของสต๊อคสัตวน์ ้าํ หนา้ ดินน้ีเกิดจากการที่มีการลง แรงงานประมงสูงและผลกระทบจากสภาพแวดลอ้ ม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ น้าํ ท่ีมีอุณหภูมิต่าํ บริเวณกระแสน้าํ Labrador ซ่ึงใน ค.ศ. 1995 การประมงสัตวน์ ้าํ หน้าดินในเขตน้ีไดป้ ิ ดตวั ลงหรือลดโควตา้ ในการจบั ลงอย่างมากอนั เนื่องมาจากการลดลง เกือบถึงข้นั วิกฤติของมวลชีวภาพของสต๊อค อยา่ งไรกต็ าม ยงั มีความหวงั ในการที่จะฟ้ื นฟสู ตอ๊ คของปลา haddock และปลา ซีกเดียวในบริเวณชายฝั่งสกอ็ ตแลนด์ ในขณะท่ีสตอ๊ คของปลาหนา้ ดินในเขตการประมงน้ีลดต่าํ ลง สภาวะของปลาผิวน้าํ ยงั อยใู่ นสภาพค่อนขา้ งดี พบวา่ ความหลากหลายของสต๊อคปลาเฮอร่ิงในบริเวณชายฝ่ัง นอกจากน้ีความอุดมสมบูรณ์ของลูกปลาเฮอร่ิงวยั อ่อนอยใู่ นระดบั ร้อยละ 50 ของระดบั สูงสุดที่เคยศึกษาพบใน ค.ศ. 1973-74 ผลจบั ของปลาผิวน้าํ ลดลงเพียงเลก็ นอ้ ยจากในอดีตท่ีผา่ นๆ มา และในขณะท่ีผลจบั ของกลุ่มสัตวท์ ี่ไม่มีกระดูกสันหลงั เริ่มท่ีจะลดลงอนั เน่ืองมาจากความตอ้ งการของตลาดและราคาที่สูง นอกจากน้ีกลุม่ ปลากระดกู อ่อนจาํ พวก dogfishes กาํ ลงั เป็นเป้ าหมายทางการประมงท่ีมีแนวโนม้ เพิ่มข้ึน 8. มหาสมทุ รแปซิฟิ คฝ่ังตะวนั ตกเฉียงเหนือ (Northwest Pacific): เขตท่ี 61 ในรูปที่ 1.8 บริเวณน้ีกเ็ ป็นอีกบริเวณหน่ึงที่แบ่งออกเป็ นเขตยอ่ ยๆ ท่ีมีความแตกต่างกนั อยา่ งชดั เจนไดห้ ลายเขต ซ่ึงส่วนใหญ่ จะประกอบไปดว้ ยเขตแนวไหล่ทวีปขนาดใหญ่ที่มีกาํ ลงั การผลิตเบ้ืองตน้ สูง อาทิเช่น เขตตอนเหนือของทะเลจีนใต้ ทะเล จีนตะวนั ออก (East China Sea) ทะเลเหลือง (Yellow Sea) ทะเลญี่ป่ ุน (Sea of Japan) และทะเล Okhotsk ส่วนบริเวณเขต อื่นๆ แมจ้ ะมีไหล่ทวีปไม่กวา้ งใหญ่นกั แต่กระน้นั ก็ดี ยงั เป็ นบริเวณที่มีกาํ ลงั การผลิตเบ้ืองตน้ ค่อนขา้ งสูง อาทิเช่น บริเวณ ฝั่งตะวนั ตกของทะเลเบอร่ิง บริเวณฝ่ังตะวนั ออกของเกาะริวกิว และฝ่ังตะวนั ออกเฉียงใตข้ องแหลม Kamchatka ในดา้ นการประมง ผลจบั ของปลา Alaskan pollock และ Japanese pilchard ลดลงไปเหลือประมาณ 2.3 และ 4.1 ลา้ นตนั ต่อปี นบั ต้งั แต่ ค.ศ. 1988 ซ่ึงการลดลงของปลา Alaskan pollock เกิดมาจากสาเหตุอนั เน่ืองมาจากการทาํ การประมง เกินขนาด ในขณะท่ีสาเหตุเบ้ืองตน้ ของการลดลงของปลา Japanese pilchard เชื่อวา่ มาจากปัจจยั ของการเปล่ียนแปลง สภาพแวดลอ้ ม
การจัดการประมง - 17 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ 9. มหาสมทุ รแปซิฟิ คฝั่งตะวนั ออกเฉียงใต้ (Southwest Pacific): เขตท่ี 81 ในรูปท่ี 1.8 เขตการประมงบริเวณน้ีครอบคลุมพ้นื ท่ี 30.02 ลา้ น ตร. กม. จากชายฝ่ังดา้ นตะวนั ตกของอมริกาใต้ จากตอนเหนือ ของโคลมั เบียจนถึงตอนใตข้ องชิลี รวมท้งั บริเวณไหล่ทวปี ท่ีมีความกวา้ ง 0.57 ลา้ น ตร. กม. ไหล่ทวปี ในบริเวณน้ีค่อนขา้ ง แคบและชนั ตลอดท้งั พ้ืนท่ี ยกเวน้ ในบริเวณนอกชายฝ่ังเอกวาดอร์ตอนใต้ เปรูตอนเหนือ และชิลีตอนใต้ ซ่ึงไหล่ทวีปแผ่ กวา้ งออกไปถึง 120 กม. เกาะท่ีสาํ คญั ในเขตน้ีไดแ้ ก่เกาะกาลาปากอส นอกชายฝ่ังเอกวาดอร์ และเกาะฮวน เฟอร์นานเดซ และเกาะอีสเตอร์ นอกชายฝั่งชิลี พ้ืนที่ในเขตการประมงน้ีมีความเหมาะสมในการทาํ อวนลากหนา้ ดินซ่ึงพบท้งั ในบริเวณ นอกชายฝ่ังโคลมั เบียตอนเหนือ เอกวาดอร์ เปรูตอนเหนือ และชิลีตอนกลางและตอนเหนือ อยา่ งไรก็ตาม บริเวณท่ีดีที่สุด และใหผ้ ลผลิตสูงในการทาํ การประมงอวนลากจะอยใู่ นบริเวณเปรูตอนเหนือและชิลีตอนเหนือ ในตอนเหนือของเขตการประมงบริเวณน้ี (นอกชายฝั่งโคลมั เบียและเอกวาดอร์) จะมีลกั ษณะอากาศแบบเขตร้อน คา่ เฉล่ียของอุณหภมู ิน้าํ ทะเลและค่าความเคม็ จะอยทู่ ี่ 28 oC และ 33 psu ตามลาํ ดบั และมีกาํ ลงั ในการผลิตค่อนขา้ งต่าํ ในทาง ตอนใตล้ งมานอกชายฝ่ังเปรูและชิลีตอนกลางและตอนเหนือ สภาพแวดลอ้ มจะตกอยู่ภายใตอ้ ิทธิพลของกระแสน้าํ เยน็ Humboldt-Peru ขนานฝั่งตะวนั ออก ซ่ึงเป็ นตวั ท่ีก่อใหเ้ กิดขบวนการน้าํ ผุดที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์และมีกาํ ลงั การผลิตสูง และถึงแมน้ วา่ จะอยใู่ กลเ้ ขตศนู ยส์ ูตร แต่สาเหตุจากกระแสน้าํ น้ีทาํ ใหอ้ ุณหภูมิน้าํ ผวิ หนา้ ค่อนขา้ งต่าํ คืออยใู่ นช่วง 14-20 oC และค่าความเค็มจะอย่ทู ่ี 35 psu ในขณะที่ตอนใตส้ ุดของเขตน้ีอุณหภูมิน้าํ จะยิ่งลดลงต่าํ ค่าความเค็มสูงและกระแสน้าํ ป่ันป่ วนแตย่ งั มีกาํ ลงั การผลิตท่ีสูง โดยมีคา่ เฉลี่ยของอุณหภมู ิน้าํ ทะเลและคา่ ความเคม็ จะอยทู่ ่ี 14 oC และ 44 psu ตามลาํ ดบั การแพร่กระจายและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงรวมท้งั การพฒั นาของระดบั การประมงในเขตน้ีจะ ถูกกาํ หนดโดยสภาพของสิ่งแวดลอ้ มเป็ นหลกั โดยท่ีกงุ้ ปลาผิวน้าํ ชายฝ่ังขนาดเลก็ และปลาผวิ น้าํ ที่มีการอพยพจะเป็นสัตว์ น้าํ หลกั ในการทาํ การประมงบริเวณนอกชายฝ่ังโคลมั เบียและเอกวาดอร์ ปลาผิวน้าํ จะเป็ นเป้ าหมายในการทาํ การประมงใน บริเวณนอกชายฝั่งเปรูและชิลีตอนกลางและตอนเหนือ ส่วนปลาหนา้ ดินจะเป็ นการทาํ การประมงที่สาํ คญั ในทางตอนใต้ ของเขตการประมงน้ี ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดลอ้ มต่อการประมงจะเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนในบริเวณน้ี อนั จะ เป็นผลใหข้ องความแปรปรวนในปี ตอ่ ปี และการเปล่ียนแปลงในระยะยาวของความอุดมสมบูรณ์และปริมาณผลจบั ของสัตว์ น้าํ ตวั อยา่ งที่เห็นชดั เจนไดแ้ ก่การเกิดปรากฏการณ์ “เอล นิโน (El Nino)” ที่มีผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของปลา Peruvian anchovies (Engralis ringens) อยา่ งไรกต็ ามปรากฏการณ์น้ีจะไม่กระทบมากนกั ต่อปลาผิวน้าํ ขนาดเลก็ อ่ืนๆ ปลา hakes กงุ้ หมึก หอย และสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนม 10. หม่เู กาะแปซิฟิ คใต้ (South Pacific Islands) บริเวณการประมงน้ี ส่วนใหญ่จะอยใู่ นบริเวณหมู่เกาะ Micronesia, Polynesia และ Melanesia รวมท้งั บางส่วนที่ ติดต่อกบั กลุ่มประเทศในเอเชีย ออสเตรเลียเหนือและตะวนั ออก และหมู่เกาะฮาวาย โดยที่เขตเศรษฐกิจจาํ เพาะ (Exclusive economic zone: EEZ) จะครอบคลุมพ้ืนท่ีท้งั หมด 25.2 ลา้ น ตร. กม. ประเทศท่ีเป็ นหมู่เกาะมีประชากรประมาณ 5.25 ลา้ นคน โดยท่ีร้อยละ 67 อาศยั อยใู่ นปาปัวนิวกินี ซ่ึงมีการใช้ ทรัพยากรประมงทะเลอยา่ งมากท้งั ในแง่ที่เป็ นแหล่งอาหารและเงินตราต่างประเทศ (รวมถึงจากการขายใบอนุญาตทาํ การ
การจัดการประมง - 18 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ประมงและส่งออก) ค่าปริมาณการบริโภคสัตวน์ ้าํ เฉล่ียอยทู่ ี่ 50 กก. ต่อคนต่อปี และอาจจะถึง 250 กก. ต่อคนต่อปี ในบาง พ้ืนท่ี 11. มหาสมทุ รแอตแลนติคฝั่งตะวนั ออกเฉียงใต้ (Southeast Atlantic): เขตที่ 47 ในรูปท่ี 1.8 บริเวณน้ีจะครอบคลุมพ้ืนที่ใน 3 ประเทศ คือแองโกลา นามิเบีย และแอฟริกาใต้ สภาวะแวดลอ้ มและการประมง จะอยภู่ ายใตอ้ ิทธิพลของแนวท่ีเกิดขบวนการน้าํ ผดุ Benguela ซ่ึงจะนาํ มาซ่ึงความอุดมสมบูรณ์และกาํ ลงั การผลิตที่สูง ในเขตน้ีจะเป็ นบริเวณที่มีผลผลิตการประมงท่ีสมบูรณ์และค่อนขา้ งมีการจดั การทรัพยากรประมงท่ีดีหลงั จากที่ เกิดการทาํ การประมงเกินขนาด โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในช่วงทศวรรษท่ี 1950 และ 1960 และถึงแมน้ วา่ จะมีระดบั ในการจดั การ ท่ีดี ในบางรัฐผลจบั ของทรัพยากรประมงยงั อยใู่ นระดบั ท่ีต่าํ อนั เน่ืองมาจากอิทธิพลของสภาพแวดลอ้ ม การประมงปลาผิว น้าํ ในเขตน้ีไดร้ ับผลกระทบจากการลดลงของทรัพยากรปลาซาร์ดีนในทางตอนเหนือและปลาแอนโชวใี นตอนใต้ ในขณะที่ การทาํ การประมงอวนลากในประเทศนามิเบียและแองโกลาไดร้ ับผลกระทบจากการลดลงของปลา hakes 12. มหาสมทุ รตอนใต้ (Southern Oceans): เขตที่ 58, 88 และ 48 ในรูปท่ี 1.8 บริเวณน้ีจะครอบคลุมพ้ืนที่ในทางซีกโลกใตต้ ้งั แต่ทวีปแอนตาร์คติคจนถึงแนวน้าํ แยกแอนตาร์คติค (Antarctic Convergence) ซ่ึงจะเป็นบริเวณที่น้าํ ผวิ หนา้ ท่ีเยน็ จากแอนตาร์ติคมาเจอและจมตวั ลงกบั น้าํ อุ่นท่ีมาจากมหาสมุทรอินเดีย แป ซิฟิ คและแอตแลนติค ซ่ึงบริเวณน้ีจะอยรู่ ะหวา่ งเส้นรุ้งท่ี 50-60 0S สภาพแวดลอ้ มในบริเวณน้ีมีปริมาณออกซิเจนสูงและ อุณหภูมิท่ีต่าํ คงที่ สัตวน์ ้าํ ท่ีอาศยั อยใู่ นบริเวณน้ีจะตอ้ งปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพที่หนาวเยน็ ใกลจ้ ุดเยอื กแขง็ สัตวน์ ้าํ ท่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่เคย (krill; Euphausia superba) ซ่ึงมวลชีวภาพสูงถึง 1,000 ลา้ นตนั ตอ่ ปี ในอดีตบริเวณน้ีเคยเป็ นแห่งการทาํ ประมงวาฬที่สาํ คญั ของโลก แต่หลงั จากการออกกฎหมายหา้ มทาํ การประมง วาฬในช่วงทศวรรษท่ี 1960 เป้ าหมายทางการประมงในเขตน้ีไดเ้ ปล่ียนไปเป็ นการประมงเคยแทน ถึงแมน้ ว่าเคยจะเป็ น เป้ าหมายในการทาํ การประมงนบั ต้งั แต่ ค.ศ. 1960 แต่ผลจบั ยงั อยใู่ นระดบั ท่ีต่าํ และไม่แน่นอน ต่างจากกลุ่มสต๊อคของปลา หนา้ ดินในบริเวณน้ีซ่ึงมีปริมาณการลงแรงงานประมงที่สูงโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การทาํ เบ็ดราวหนา้ ดิน ปัญหาสภาพแวดลอ้ ม หลกั ในบริเวณน้ีไดแ้ ก่การที่เกิดปัญหาการทะลุโหวข่ องช้นั โอโซนในอากาศซ่ึงมีผลต่อกาํ ลงั ผลิตเบ้ืองตน้ และผลต่อเนื่อง จากการท่ีเกิดสภาวะโลกอุ่น (Global warming) ทาํ ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงของแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสัตวน์ ้าํ อนั เนื่องมาจาก การพงั ทลายของน้าํ แขง็ 13. มหาสมทุ รแอตแลนติคฝั่งตะวนั ตกเฉียงใต้ (Southwest Atlantic): เขตท่ี 41 ในรูปท่ี 1.8 บริเวณน้ีครอบคลุมพ้นื ท่ี 17.62 ลา้ น ตร. กม. นอกชายฝั่งอเมริกาใต้ จากบราซิลตอนเหนือถึงอาร์เจนตินาทางตอน ใต้ และมีพ้ืนท่ีไหล่ทวีปท้งั หมดเท่ากบั 1.96 ลา้ น ตร. กม. ในบริเวณปากแม่น้าํ อะเมซอน ไหล่ทวีปจะแผอ่ อกไปถึง 65 กม. (35 ไมลท์ ะเล) และจะเป็ นพวกตะกอนเป็ นส่วนใหญ่ ไหล่ทวีปในบริเวณตอนเหนือของเขตน้ีจะค่อนขา้ งแคบและมีแนว ปะการังทาํ ให้ไม่เหมาะสมกบั การทาํ ประมงอวนลาก ในบริเวณบราซิลตอนกลางและตอนใต้ ไหล่ทวีปจะมีลกั ษณะแคบ
การจัดการประมง - 19 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ อยา่ งต่อเนื่องและเป็นพ้นื หิน แตเ่ ม่ือค่อนไปทางเหนือ (ใกลป้ ากแม่น้าํ อะเมซอน) ไหล่ทวปี จะกวา้ งข้ึนและเหมาะสมในการ ทาํ การประมงอวนลาก บริเวณที่ดีท่ีสุดในการทาํ การประมงอวนลากในบริเวณพ้ืนที่ River Plate บริเวณไหล่ทวีป Patagonian และบริเวณ Falkland-Malvinas ซ่ึงไหล่ทวปี สามารถแผข่ ยายออกไปไดเ้ กิน 200 ไมลท์ ะเล (มากกวา่ 370 กม.) ประเภทและความหลากหลายรวมท้งั ความอุดมสมบูรณ์ของการทาํ การประมงในบริเวณน้ี ถกู กาํ หนดโดยลกั ษณะ ของภมู ิประเทศและลกั ษณะทางกายภาพอื่นๆ รวมท้งั ความแตกต่างของสภาพแวดลอ้ ม ซ่ึงมีต้งั แต่ลกั ษณะเขตร้อนทางตอน เหนือจนถึงก่ึงข้วั โลกในตอนใต้ กุง้ และกุง้ มงั กร ปลาในแนวปะการังและปลาหนา้ ดินเป็ นเป้ าหมายทางการประมงที่สาํ คญั ในเขตเหนือ ปลาผิวน้าํ ขนาดเลก็ เป็ นสัตวน์ ้าํ เศรษฐกิจท่ีสาํ คญั ในบริเวณชายฝั่งทะเลท่ีมีความอุดมสมบูรณ์นอกฝ่ังบราซิล ตอนกลางและบริเวณ River Plate ปลาหนา้ ดินชายฝั่งจะเป็นผลจบั หลกั ในในบริเวณชายฝ่ังบราซิลตอนใตแ้ ละพ้ืนท่ี River Plate ส่วนบริเวณไหล่ทวปี Patagonian และบริเวณ Falkland-Malvinas จะเป็นแหล่งทาํ การประมงหมึกท่ีสาํ คญั 14. มหาสมทุ รแปซิฟิ คฝั่งตะวนั ตกเฉียงใต้ (Southwest Pacific): เขตท่ี 81 ในรูปที่ 1.8 บริเวณน้ีจะครอบคลุมทะเล Tasman และมหาสมุทรแปซิฟิ คฝั่งตะวนั ออกจนถึงเส้นแวงที่ 105 oE การทาํ การ ประมงบริเวณน้ีค่อนขา้ งมีความหลากหลายต้งั แต่บริเวณชายฝ่ังจนถึงเขตทะเลลึก (ความลึก > 600 ม.) ในบริเวณประเทศ นิวซีแลนด์ ทรัพยากรประมงประกอบไปดว้ ยสัตวน์ ้าํ ชายฝ่ังในในบริเวณรัฐนิวเซาทเ์ วลส์จนถึงตอนเหนือของรัฐวิคตอเรีย ออสเตรเลีย และในนิวซีแลนด์ ปลาผิวน้าํ และปลากลางน้าํ (ปลาที่สาํ คญั ไดแ้ ก่ปลา orange roughy และปลา hoki) ในเขต แปซิฟิ คฝั่งตะวนั ตกเฉียงใต้ ปลา (และสัตวน์ ้าํ ) หนา้ ดินในบริเวณทะเล Tasman และทางตะวนั ออกและใตข้ องนิวซีแลนด์ และปลาในทะเลลึกบริเวณตะวนั ตกของหมู่เกาะทะเลใต้ 15. มหาสมทุ รแอตแลนติคตอนกลางฝั่งตะวนั ตก (Western Central Atlantic): เขตท่ี 31 ในรูปท่ี 1.8 จุดศูนยก์ ลางของบริเวณน้ีอยู่บริเวณทะเลแคริเบียนและอเมริกากลาง ซ่ึงมีความหลากหลายของท้งั ทรัพยากร ประมงและวิธีการทาํ การประมง จากสถิติของ FAO พบวา่ สัตวน์ ้าํ อยา่ งนอ้ ย 147 ชนิดถูกจบั นาํ มาใชป้ ระโยชน์ จาํ นวนรัฐ (ประเทศ) ที่ทาํ การประมงบริเวณมีท้งั สิ้น 26 รัฐซ่ึงมีการทาํ การประมงต้งั แต่ประมงพ้ืนบา้ นจนถึงประมงพาณิชยข์ นาดใหญ่ สภาพทางสมุทรศาสตร์ในเขตน้ีข้ึนกบั อิทธิพลของน้าํ ที่ไหลมาจากแม่น้าํ เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ แม่น้าํ Mississippi แม่น้าํ Orinoco และแม่น้าํ Amazon ความผนั แปรของคุณภาพน้าํ ทะเลในบริเวณน้ีในแต่ละปี จะข้ึนกบั ความผนั แปรของ คุณภาพน้าํ ในแม่น้าํ เหลา่ น้ี นอกจากน้ียงั ประกอบไปดว้ ยอิทธิพลของสภาพอากาศและการเกิดพายเุ ฮอริเคน ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผา่ นมา ปริมาณการลงแรงงานประมงและผลจบั ของสัตวน์ ้าํ ในเขตน้ีมีแนวโนม้ ท่ีเพ่ิมข้ึน อย่างไรก็ตามความรู้และขอ้ มูลของสต๊อคของสัตวน์ ้าํ ในบริเวณมีน้อยมาก และระดบั อตั ราการตายอนั เนื่องมาจากการ ประมงท่ีเหมาะสมในสตอ๊ คสัตวน์ ้าํ ส่วนใหญ่ยงั ไม่เป็นท่ีทราบแน่ชดั แต่เป็นท่ีตระหนกั โดยนกั วิชาการประมงวา่ สต๊อคส่วน ใหญ่ในบริเวณอยใู่ นระดบั ท่ีถูกนาํ มาใชป้ ระโยชน์อย่างเต็มท่ีจนถึงระดบั ที่เกินขนาด อาทิเช่นในปลา Nassau grouper (Epinephelus striatus) และปลา jewfish (E. itajara) รวมท้งั กลุ่มสัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั อาทิเช่นกงุ้ มงั กรและหอยสังข์
การจัดการประมง - 20 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ยกั ษ์ (queen conch) ดงั น้นั ส่ิงที่จาํ เป็นอยา่ งยงิ่ ในการจดั การประมงในบริเวณน้ีคือขอ้ มูลและสถิติในแต่ละสต๊อคของสัตวน์ ้าํ เพอ่ื นาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การทรัพยากรที่เหมาะสม 16. มหาสมทุ รแปซิฟิ คตอนกลางฝ่ังตะวนั ตก (Western Central Pacific): เขตท่ี 71 ในรูปท่ี 1.8 บริเวณการประมงน้ีจะอยู่ในบริเวณทะเลของกลุ่มประเทศเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ลงมาถึงตอนเหนือและ ตะวนั ออกของประเทศออสเตรเลีย และดา้ นตะวนั ออกสุดของบริเวณน้ีไปถึงกลุ่มหมู่เกาะขนาดเลก็ ในแปซิฟิ คใต้ ไหล่ทวปี ในบริเวณน้ีจะมีขนาดใหญ่และส่วนใหญ่จะอยใู่ นเขตเศรษฐกิจจาํ เพาะของกลุ่มประเทศเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ใน ค.ศ. 1994 สัตวน์ ้าํ ท่ีถูกจบั ในบริเวณน้ีคิดเป็ นร้อยละ 97 ของท้งั หมดในเขตมหาสมุทรแปซิฟิ คตอนกลางฝ่ังตะวนั ตก ในพ้ืนท่ี ไหล่ทวีปน้ีมีความอุดมสมบูรณ์ของปลาหนา้ ดิน รวมถึงกงุ้ และปลาผิวน้าํ ในขณะที่ในบริเวณทะเลเปิ ดมีทรัพยากรปลาทูน่า ที่อุดมสมบูรณ์ การพฒั นาการประมงในบริเวณน้ีไดร้ ับอิทธิพลอยา่ งมากจากความตอ้ งการของตลาดโลก ดงั จะเห็นไดจ้ ากการ พฒั นาอยา่ งรวดเร็วของการทาํ การประมงอวนลากในช่วง ค.ศ. 1970 เพ่ือจบั กุง้ ไปส่งออก การพฒั นาอวนลอ้ มจบั ในช่วง ค.ศ. 1980 เพ่ืออุตสาหกรรมปลาทูน่า การลดลงของผลจบั กุง้ ในธรรมชาตินับต้งั แต่ช่วง ค.ศ. 1985 อนั เนื่องมาจากการ พฒั นาการเพาะเล้ียงกุ้งเพื่อการพาณิชย์ ถึงแม้นว่าการประมงในบริเวณน้ีจะพฒั นาอย่างรวดเร็ว ข้อมูลและความรู้ เกี่ยวกบั สต๊อคของสัตวน์ ้าํ ยงั มีอย่ไู ม่เพียงพอ การจดั การทรัพยากรประมงหลายๆ กรณี อยู่ภายใตก้ ารตดั สินใจโดยไม่มี หลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตร์เพยี งพอ 17. มหาสมทุ รอินเดียฝั่งตะวนั ตก (Western Indian Ocean): เขตท่ี 51 ในรูปท่ี 1.8 พ้ืนที่ผิวหน้าน้าํ ในเขตน้ีมีประมาณ 30 ลา้ น ตร. กม. และครอบคลุมพ้ืนที่ท่ีมีความหลากหลายของทรัพยากร ประมง ในดา้ นตะวนั ตกเฉียงเหนือของทะเลอารเบียน (Arabian Sea) จะเกิดขบวนการน้าํ ผดุ อยา่ งต่อเนื่องเกือบตลอดท้งั ปี ในบริเวณนอกชายฝ่ังประเทศโอมาน ทาํ ใหม้ ีกาํ ลงั การผลิตสูงในบริเวณน้ี รวมท้งั การเกิดขบวนการน้าํ ผดุ เป็นช่วงฤดูมรสุม ในนอกชายฝั่งอิหร่านและปากีสถานในอ่าวโอมานและทะเลอารเบียน และในบางคร้ังกเ็ ลยไปถึงบริเวณชายฝ่ังตะวนั ตกของ อินเดีย การประมงในอ่าวเปอร์เซียนจะมีความเฉพาะตวั อนั เนื่องมาจากลกั ษณะที่เป็ นอ่าวก่ึงปิ ดท่ีต้ืน น้าํ อุ่นและมีความเคม็ สูง เช่นเดียวกนั กบั ในทะเลแดงท่ีมีไหล่ทวีปท่ีแคบ ส่วนในบริเวณอ่าวเอเดน (Gulf of Aden) และชายฝ่ังประเทศโซมาลีจะ เป็ นอีกบริเวณหน่ึงท่ีมีกาํ ลงั ผลิตสูงอนั เนื่องมาจากขบวนการน้าํ ผดุ เป็นช่วงฤดูมรสุม ในเขตน้ียงั รวมประเทศหมู่เกาะต่างๆ อนั ไดแ้ ก่ ประเทศซีเซลล์ (Seychelles) มอริเชียส (Mauritius) และโคโมลอส (the Comoros) ซ่ึงมีลกั ษณะการทาํ การประมง เฉพาะตวั อนั เนื่องมาจากสภาพของทะเลเปิ ด และทางตอนใตข้ องเขตน้ีจะอยบู่ ริเวณแอฟริกาใตซ้ ่ึงมีทรัพยากรประมงในเขต อบอุน่ และก่ึงข้วั โลก ทรัพยากรประมงที่สาํ คญั ของเขตน้ีไดแ้ ก่ ปลาในกลุ่ม myctophids (Benthosema pterotum) ในอ่าวโอมานและ ทะเลอารเบียน การพฒั นาการประมงในบริเวณน้ียงั มีคาํ ถามในการจดั การทรัพยากรประมงอีกมาก อาทิเช่น สถานภาพ
การจัดการประมง - 21 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ปัจจุบนั ของสต๊อค ศกั ยภาพในการพฒั นาการประมงและสัมพนั ธ์ของเป้ าหมายทางการประมงของส่ิงมีชีวิตอื่นในระบบ นิเวศน์ โดยเฉพาะปลาที่มีการอพยพยา้ ยถิ่นในกลุม่ scrombrids 18. การประมงนา้ํ จืด (Inland Fisheries) การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรประมงน้าํ จืดใน ค.ศ. 1996 คิดเป็นจาํ นวน 7.6 ลา้ นตนั หรือเท่ากบั ร้อยละ 8 ของผล จบั จากการประมงท้งั หมด ผลจบั ส่วนใหญ่จะเป็ นปลา ในขณะที่ผลจบั ท่ีเป็ นพวกหอยคิดเป็ นรอยละ 7 และพวกกุง้ -ปู คิด เป็ นร้อยละ 6 โดยที่ประเทศจีนเป็ นประเทศที่มีผลผลิตทางการประมงน้าํ จืดสูงสุดโดยมีปริมาณ 1.8 ลา้ นตนั ต่อปี (คิดเป็ น ร้อยละ 23 ของท้งั โลก) และมากเกือบจะเป็น 3 เท่าของประเทศอินเดียซ่ึงเป็นประเทศผผู้ ลิตอนั ดบั สอง ในทวปี แอฟริกาผล จบั สัตวน์ ้าํ จืดส่วนใหญ่จะเป็นพวกปลา Nile perch, Nile tilapia, tilapias, dagaas และ silver cyprinids ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึง ความสาํ คญั ของการประมงในทะเลสาปน้าํ จืดขนาดใหญ่ อาทิเช่น ทะเลสาปวคิ ตอเรีย ในทวีปเอเชียผลจบั ส่วนใหญ่จะเป็นปลากลุ่ม cyprinids, ปลาช่อน (snakeheads) และ shads ส่วนในทวปี ยโุ รปจะ เป็นพวก European perch, common carp, northern pike และ roaches ส่วนในกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียตและรัสเซีย (เดิม) ไดแ้ ก่ Azov sea sprat, freshwater bream, roaches และ pike perch ในทวปี อเมริกา ในดา้ นละตินอเมริกาไดแ้ ก่ ปลาในกลุ่ม characinids และ freshwater siluroids ส่วนในดา้ นอเมริกาเหนือไดแ้ ก่ lake whitefish, yellow perch, catfish และพวกกุง้ crayfish จากขอ้ มูลของผลจบั ทรัพยากรประมงน้าํ จืดระหว่าง ค.ศ. 1984-1996 พบว่าผลจบั มีแนวโนม้ ท่ีเพ่ิมข้ึน ปริมาณท่ี เพ่ิมข้ึนโดยเฉล่ียจะประมาณ 130,000 ตนั ต่อปี (ประมาณร้อยละ 2 ต่อปี ) และยงั มีแนวโนม้ ที่เพ่ิมข้ึนแต่ในอตั ราที่ลดลง หลงั จาก ค.ศ. 2000 โดยแหลง่ ทาํ การประมงท่ีมีความสาํ คญั ไดแ้ ก่ทวปี เอเชียและแอฟริกา ส่ิงท่ีควรจะตระหนกั อยา่ งย่ิงในการทาํ ประมงน้าํ จืดของโลกคือการสูญเสียการความหลากหลายของชีวภาพและ การเส่ือมโทรมของป่ าไมแ้ ละท่ีอย่อู าศยั ของสัตวน์ ้าํ รวมท้งั สภาวะมลพิษโดยเฉพาะแอฟริกา เอเชีย แถบแปซิฟิ ค ละติน อเมริกา และแถบแคริเบียน นอกจากน้ีการลดลงของผลจับทรัพยากรประมงในบางพ้ืนท่ีเกิดจากการสร้างเขื่อนเพื่อ ประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆ ในกลุม่ ประเทศที่พฒั นาการประมงน้าํ จืดมกั จะเป็นเพื่อการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจในขณะที่การประมงใน กลุม่ ประเทศท่ีกาํ ลงั พฒั นาจะเป็นเพ่อื การยงั ชีพและพาณิชย์ สภาวะการทาํ การประมงของประเทศไทย ประเทศไทยจดั เป็ นหน่ึงในประเทศแถวหนา้ ของโลกในเร่ืองการประมงตลอดมา และในระหว่าง พ.ศ. 2544 – 2546 ประเทศไทยเคยอยสู่ ูงถึงในลาํ ดบั ที่ 2 ของการส่งออกสินคา้ ประมง สาํ หรับผลผลิตจากการทาํ การประมงในประเทศไทยท้งั ในแหล่งน้าํ จืดและทะเลน้นั จะมีความหลากหลายท้งั ในเรื่องของเคร่ืองมือและขนาดของเรือประมงและการลงทุน โดย สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็ นประมงขนาดเลก็ ซ่ึงเป็ นการประมงโดยชาวประมงรายยอ่ ย และการประมงขนาดใหญ่ท่ีเป็ นการ ประมงพานิชย์ โดยปริมาณผลจบั จากการทาํ การประมงทะเลอยทู่ ่ีเฉล่ียประมาณ 2 ลา้ นตนั ต่อปี ในขณะท่ีอยทู่ ่ีเฉลี่ยประมาณ 2 แสนตนั ต่อปี คิดเป็นร้อยละ 52 และ 7 ของผลผลิตดา้ นการประมงของประเทศท้งั หมด
การจัดการประมง - 22 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ รูปท่ี 1.9 ผลผลิตทางการประมงของประเทศไทยต้งั แตป่ ี ค.ศ. 1981 ถึง 2008 (ดดั แปลงมาจาก กรมประมง, 2556) ผลผลิตจากการประมงน้าํ จืด สําหรับการทาํ การประมงน้าํ จืดของไทยนับเป็ นหน่ึงในปัจจัยที่มีผลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจในทอ้ งถิ่นของ ประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเป็นแหล่งรายไดแ้ ละแหล่งอาหารโปรตีนในครัวเรือนของเกษตรกรรายยอ่ ย หรือผอู้ าศยั อยู่ ริมฝั่งน้าํ และเนื่องจากการประมงน้าํ จืดของไทยเป็ นการทาํ ประมงในรูปแบบการประมงเพื่อยงั ชีพสําหรับบริโภคใน ครอบครัวและขายในตลาดทอ้ งถน่ิ ทาํ ใหค้ า่ ประมาณผลผลิตท่ีไดต้ ่าํ กวา่ ความเป็นจริง อยา่ งไรกต็ าม Lymer et al. (2008) ได้ ทาํ การประเมินผลผลิตจากการทาํ การประมงน้าํ จืดของประเทศไทย โดยใชฐ้ านขอ้ มูลครัวเรือนประมงและผลผลิตมวลรวม รายจงั หวดั (Gross provincial Product, GPP) พบวา่ ค่าประมาณปริมาณผลจบั จากการประมงน้าํ จืดอยทู่ ่ีประมาณ 1.06 ลา้ น ตนั ต่อปี ซ่ึงเป็น 5 เท่าของค่าประมาณที่ไดจ้ ากสถิติการประมง โดยแหล่งทาํ การประมงที่สาํ คัญมาจาก 5 แหล่งไดแ้ ก่ หนอง บึงธรรมชาติ, แม่น้าํ , อ่างเกบ็ น้าํ , คลองชลประทาน และบ่อล่อปลา โดยคิดเป็นร้อยละ 53, 29, 17, 1 และ 0.004 ของปริมาณ ผลจบั ตามลาํ ดบั โดยชนิดของสตั วน์ ้าํ ท่ีจบั ไดม้ ีความหลาหลายมาก แต่กช็ นิดเด่น ไดแ้ ก่ ปลาตะเพียน ปลาชอ่ น ปลาดุก และ ปลาสลิด ดงั รูปที่ 1.10 รูปท่ี 1.10 สัดส่วนของผลจบั ปลาน้าํ จืดในประเทศไทย (ดดั แปลงจาก Lymer et al., 2008)
การจัดการประมง - 23 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ผลผลิตจากการประมงทะเล ผลจบั จากการประมงทะเลของประเทศไทยมาจากสองแหล่งท่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่ อ่าวไทยและทะเลอนั ดามนั ซ่ึงมี ปริมาณผลจบั รวมกนั เฉล่ียอยทู่ ี่ 2.5 ลา้ นตนั ต่อปี โดยสัดส่วนปริมาณผลจบั ของท้งั สองแหล่งอยทู่ ่ีร้อยละ 68.5 และ 31.5 ของผลจบั ท้งั หมด ตามลาํ ดบั (กรมประมง, 2549) นอกจากน้ี Lymer et al. (2008) ยงั ไดป้ ระมาณวา่ ผลจบั จากการประมง ทะเลนอกเขตเศรษฐกิจจาํ เพาะของไทยจะอยทู่ ่ีประมาณ 1.2 ลา้ นตนั ต่อปี สาํ หรับผลจบั ในประเทศน้นั ปลาผวิ น้าํ ขนาดเลก็ ในกลุ่มปลากระตกั เป็ นกลุ่มท่ีมิปริมาณผลจบั มากที่สุด ตามมาดว้ ยกลุ่มปลาทู และปลาซาร์ดีน โดยมีปริมาณผลจบั เฉล่ียที่ 163,000, 160,000 และ 100,000 ตนั ต่อปี ในขณะที่กลุ่มปลาหนา้ ดินน้นั ผลจบั ของปลาสีกุนตาโตจะมากที่สุดท่ีประมาณ 136,000 ต่อปี ตามมาดว้ ยปลากเุ ราและปลาปากคม ท่ีประมาณ 100,000 และ 57,000 ตนั ต่อปี โดยเม่ือเปรียบเทียบสัดส่วน ปริมาณผลจบั ระหวา่ งการประมงพ้ืนบา้ น (small-scale fisheries) กบั การประมงพานิชย์ (large-scale fisheries) พบวา่ ในส่วน ของสัตวน์ ้าํ จาํ พวกกุง้ -ปู รวมถึงหมึก ส่วนใหญ่จะถูกจบั โดยประมงพ้ืนบา้ น ในขณะท่ีกลุ่มปลาจะถกู จบั โดยประมงพานิชย์ (รูปที่ 1.11) ซ่ึงน่าจะสัมพนั ธ์กบั การกาํ หนดเขตที่ห้ามการประมงพานิชยท์ รี่ ะยะ 3 ไมลท์ ะเลจากชายฝั่ง และเคร่ืองมือ ประมงที่เลือกใช้ (รูปที่ 1.12) ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ ในขณะที่ประมงพ้ืนบา้ นใชเ้ คร่ืองมืออวนลอย (gillnet) ที่จาํ เพาะกบั ชนิดของ สตั วน์ ้าํ ในขณะที่การประมงพานิชยส์ ่วนใหญ่จะเป็นอวนลาก (trawl) และอวนลอ้ มจบั (purse seine) รูปที่ 1.11 ร้อยละของผลจบั ปลาทะเลในประเทศไทยเปรียบเทียบระหวา่ งการประมงพ้ืนบา้ น (Small-scale fisheries) กบั การ ประมงพานิชย์ (Large-scale fisheries) (ทม่ี า: Lymer et al., 2008) หมายเหตุ Pelagic fish: ปลาผวิ น้าํ , Trash fish: ปลาเป็ด, Demersal fish: ปลาหนา้ ดิน, Other food fish: ปลาอื่นๆ, Squids: หมึก, Shrimps: กงุ้ , Crabs: ปู, Shellfish: หอย, Others: สัตวน์ ้าํ อื่น
การจัดการประมง - 24 - การจดั การประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ รูปท่ี 1.12 ปริมาณผลจบั ปลาทะเลในประเทศไทยเปรียบเทียบระหวา่ งการประมงพ้ืนบา้ น (Small-scale fisheries: SSF) กบั การประมงพานิชย์ (Large-scale fisheries: LSF) ตามประเภทของเคร่ืองมือประมง (ทมี่ า: Lymer et al., 2008) หมายเหตุ Collecting shellfish: คราดหอย, Crab gillnets: อวนลอยป,ู Mackerel gillnet: อวนลอยปลาอินทรี, Squid falling net: อวนครอบหมึก, Shrimp trammel net: อวนจมกงุ้ , Otter board trawl: อวนลากแผน่ ตะเฆ่, Purse seine: อวน ลอ้ มจบั , Pair trawl: อวนลากคู่, Anchovy purse seine: อวนลอ้ มจบั ปลากะตกั , Push net: อวนรุน ทศิ ทางในการจัดการประมงของไทย จากแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 8-10 (2540 - 2554) ไดน้ าํ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็ นปรัชญานาํ ทางในการพฒั นาและบริหารประเทศควบคู่ไปกบั กระบวนทศั น์การพฒั นาแบบบูรณาการเป็ นองคร์ วมท่ีมี “คนเป็นศูนยก์ ลางการพฒั นา” ในระยะแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะตอ้ งเผชิญ กบั กระแสการเปลี่ยนแปลงที่สําคญั ทงั ภายนอกและภายในประเทศที่ปรับเปลี่ยนเร็วและซับซ้อนมากยงิ่ ข้ึน ซ่ึงมีผลต่อ โอกาสและความเสี่ยงต่อการพฒั นาประเทศ โดยเฉพาะขอ้ ผูกพนั ที่จะเป็ นประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทาํ ให้ตอ้ งมีการ เตรียมความพร้อมเพื่อปรับตวั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วนรวมท้งั การประมง ซ่ึงสถานการณ์ภายนอกที่จะมีผลต่อการ พฒั นาการประมง ที่เพิ่มเติม นอกเหนือจากปัญหาการเส่ือมโทรมของทรัพยากรประมงโดยตรง และการบริหารจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มยงั ไม่มีประสิทธิภาพเท่าท่ีควร ไดแ้ ก่ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกที่ส่งผลใหส้ ภาพ ภูมิอากาศแปรปรวน และปัญหาความมน่ั คงทางอาหารและพลงั งาน ทาํ ให้มีความตอ้ งการทรัพยากรมากข้ึน จากการที่ ประชากรโลกมีแนวโนม้ ที่เพ่ิมข้ึน จึงเป็นท่ีมาของยทุ ธศาสตร์การจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยนื ใน แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 11 ซ่ึงใหค้ วามสาํ คญั ใน 8 ประเดน็ ต่อไปน้ี (สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ, 2555) (ก) การอนุรักษ์ ฟ้ื นฟู และสร้างความมนั่ คงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม (ข) การปรับกระบวนทศั น์ การพฒั นาและขบั เคลื่อนประเทศเพ่ือเตรียมพร้อมไปสู่การเป็ นเศรษฐกิจและสงั คมคาร์บอนต่าํ และเป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม (ค) การยกระดบั ขีดความสามารถในการรองรับและปรับตวั ต่อการเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศเพอื่ ใหส้ งั คมมีภมู ิคุม้ กนั (ง) การเตรียมความพร้อมรองรับกบั ภยั พิบตั ิทางธรรมชาติ (จ) การสร้างภมู ิคุม้ กนั ดา้ นการคา้ จากเง่ือนไขดา้ นสิ่งแวดลอ้ มและวกิ ฤตจากการเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ
การจัดการประมง - 25 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ (ฉ) การเพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีประชาคมโลกท่ีเกี่ยวขอ้ งกับกรอบความตกลงและพนั ธกรณี ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม ระหวา่ งประเทศ (ช) การควบคุมและลดมลพษิ และ (ซ) การพฒั นาระบบการบริหารจดั การทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มใหม้ ีประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็ นธรรมอยา่ ง บรู ณาการ ซ่ึงจากแผนยุทธศาสตร์ดงั กล่าว กรมประมงไดน้ าํ มาจดั ทาํ ประเด็นท่ีจาํ เป็ นและมีความสําคญั ในการบริหารจดั การ ทรัพยากรประมงดงั น้ี การทาํ การประมงน้าํ จืด ไดใ้ หค้ วามสาํ คญั ในการบริหารจดั การท้งั แหล่งประมง และตวั ทรัพยากรประมง (สัตวน์ ้าํ ) โดย มีประเด็นหลกั ที่ตอ้ งทาํ การศึกษาวิจยั ก่อนพฒั นาไปเป็ นสารสนเทศประกอบในการจดั การประมง ไดแ้ ก่ การสาํ รวจ แหล่งที่อยทู่ ่ีสําคญั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงแหล่งวางไข่และเล้ียงตวั อ่อน รวมท้งั เส้นทางอพยพยา้ ยถ่ินในแหล่งน้าํ ที่สาํ คญั , การศึกษาวิจยั ดา้ นพลวตั ประชากรปลาและประสิทธิภาพเคร่ืองมือประมง เพ่ือใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการกาํ หนดมาตรการ บริหารจดั การแหล่งน้าํ และใชใ้ นการกาํ หนดนโยบายการอนุญาตให้ทาํ การประมง, การศึกษาวิจยั เพ่ือติดตามการ เปลี่ยนแปลงของชนิดและปริมาณปลาในแหล่งน้าํ เพื่อใชเ้ ป็นขอ้ มูลพ้ืนฐานในการบริหารจดั การแหล่งน้าํ และใชใ้ นการ ติดตามการเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศ และ การศึกษาวิจยั เพื่อประเมินความสําเร็จของการเพิ่มผลผลิตประมงโดย มาตรการต่างๆ ที่ดาํ เนินการโดยกรมประมง (สาํ นกั วจิ ยั และพฒั นาประมงน้าํ จืด, 2556) การทาํ การประมงทะเล ไดใ้ หค้ วามสาํ คญั ในการผลกั ดนั ใหแ้ ผนแม่บทการจดั การประมงทะเลไทย โดยเนน้ พฒั นาการ ประมงทะเลอยา่ งยงั่ ยนื ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีคนเป็นศูนยก์ ลาง” ท่ีมีเป้ าหมายสุดทา้ ยคือ เพื่อความอยดู่ ีมีสุข ของชาวประมง และไดม้ ีการกาํ หนดยทุ ธศาสตร์การจดั การประมงทะเลไทย ที่ประกอบไปดว้ ย 5 กลยทุ ธ์ (กรมประมง, 2556) ดงั น้ี กลยุทธ์ท่ี 1 ปรับปรุงระบบการจดั การประมงทะเลใหม้ ีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วม กลยทุ ธ์น้ีเพ่ือตอ้ งดาํ เนินการในเรื่องปรับปรุงกฎหมาย กฎกระทรวงและขอ้ บงั คบั ต่างๆ ใหท้ นั สมยั และสอดคลอ้ ง กบั การเปลี่ยนแปลงของการใชเ้ ครื่องมือประมง ตอ้ งการที่จะกาํ หนดเขตการทาํ ประมงท้งั เขตชายฝ่ังและเขตทางทะเลของ ทุกจงั หวดั ใหเ้ หมาะสม ส่งเสริมใหม้ ีการจดั การประมงแบบสิทธิเพื่อใหผ้ ใู้ ชท้ รัพยากรมีหนา้ ที่รับผดิ ชอบและมีส่วนร่วมใน การจดั การทรัพยากร ส่งเสริมให้มีการจดั การประมงโดยการมีส่วนร่วมกบั ภาครัฐและตอ้ งมีการควบคุมการลงแรงการทาํ ประมงใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาวะของทรัพยากร เพ่ือให้มีการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรสัตวน์ ้าํ อยา่ งเหมาะสมและคุม้ ค่าโดย ตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากชาวประมง กลยทุ ธ์ท่ี 2 ปรับปรุงโครงสร้างและศกั ยภาพองคก์ รภาคประมง ประเด็นสําคญั ของกลยุทธ์น้ีเพ่ือให้บรรลุวตั ถุประสงค์ที่ตอ้ งการปรับโครงสร้างองค์กรภาคประมงท้งั ระดบั นโยบาย การจดั ต้งั องคก์ รเพ่ือแกไ้ ขปัญหาในระดบั ชาติ การส่งเสริมให้ผูป้ ระกอบการประมงรวมกลุ่มเป็ นสหกรณ์หรือ องค์กรท่ีมีกฎหมายและระเบียบรับรอง รวมท้งั ตอ้ งพฒั นาศกั ยภาพให้องค์กรเหล่าน้นั เพื่อร่วมปฏิบตั ิงานกบั ภาครัฐและ เอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาครัฐต้องดาํ เนินการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและองค์กรหรือชุมชน ชาวประมงที่มีความเขม้ แข็งเขา้ ร่วมจัดการประมงชายฝ่ัง อีกท้ังตอ้ งพฒั นาองค์ความรู้และศกั ยภาพด้านการอนุรักษ์ ทรัพยากรประมงและการจดั การประมงทะเลไทยให้มีความรู้และเสริมแนวคิดในการหาอาชีพทางเลือก และตอ้ งพฒั นา ระบบฐานขอ้ มูลการประมงทะเลใหถ้ กู ตอ้ งแม่นยาํ และเป็นปัจจุบนั กลยุทธ์ท่ี 3 พฒั นาและส่งเสริมการใชท้ รัพยากรประมงทะเลอยา่ งรับผิดชอบและยงั่ ยนื เป้ าหมายของกลยทุ ธ์น้ีเพ่อื ตอ้ งการกาํ หนดประเภท และชนิดของเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนวิธีการทาํ การประมง ที่ใชใ้ นการจบั สัตวน์ ้าํ ไดโ้ ดยที่มีชนิดและปริมาณสัตวน์ ้าํ ใชไ้ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ตลอดจนการดาํ เนินการควบคุมไม่ใหใ้ ชเ้ คร่ืองมือ
การจัดการประมง - 26 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ ประมงท่ีผิดกฎหมายและ กาํ หนดบทลงโทษให้เหมาะสมเพ่ือป้ องกนั และลดการฝ่ าฝื น และทรัพยากรประมงที่นาํ มาใช้ ประโยชน์จะไดม้ ีการลดการสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ รวมท้งั การมุ่งสาํ รวจและคน้ หาแหล่งทรัพยากรท่ียงั ไม่ถูกนาํ มาใชใ้ หม้ ี การใชป้ ระโยชน์ มากข้ึนทดแทนการทาํ ประมงในน่านน้าํ กลยุทธ์ท่ี 4 ฟ้ื นฟูระบบนิเวศและพฒั นาแหล่งประมงทะเล เพ่ือรักษาความหลากหลายทาง ชีวภาพและคุณภาพสิ่งแวดลอ้ ม ทางทะเล เป้ าหมายของกลยทุ ธ์เพ่ือตอ้ งดาํ เนินการฟ้ื นฟูระบบนิเวศน์โดยการกาํ หนดเขตและฤดูการอนุรักษท์ รัพยากรทาง ทะเลและชายฝ่ังอย่างจริงจงั โดยให้ชุมชนและองค์กรของชาวประมงมีส่วนร่วมอย่างแทจ้ ริง และมีการติดตามผลของ กิจกรรมฟ้ื นฟรู ะบบนิเวศน์ ทรัพยากรประมงและแหลง่ ทาํ การประมง รวมท้งั มีการส่งเสริมใหม้ ีการฟ้ื นฟทู รัพยากรในระดบั ทอ้ งถิ่น และในการฟ้ื นฟูระบบนิเวศน์และการพฒั นาแหล่งประมงทะเลในระดบั การส่งเสริมเศรษฐกิจและรายไดข้ อง ประชาชนในภาพรวม คือ การส่งเสริมใหม้ ีการทาํ ฟาร์มทะเล (sea ranching) กลยุทธ์ท่ี 5 ส่งเสริม และพฒั นาการประมงนอกน่านน้าํ ไทย ประเดน็ สาํ คญั ของกลยุทธ์ เพื่อเปิ ดโอกาสให้กองเรือประมงทะเลของไทย เขา้ ไปร่วมทาํ การประมงนอกน่านน้าํ หรือในทะเลหลวงอยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั การสากล เพื่อลดการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรประมงในน่านน้าํ ไทย โดยจะตอ้ ง เร่งพฒั นาการจดั ทาํ ฐานขอ้ มลู ใหค้ รอบคลุมทุกดา้ น เช่น จาํ นวน ประเภท ขนาดของเรือประมง ลูกเรือตลอดจนนโยบายการ ใชท้ รัพยากรและเงื่อนไขต่างๆ เพ่ือนาํ มาปรับโครงสร้างในการพฒั นาศกั ยภาพของภาครัฐและเอกชน โดยอาจดาํ เนินการ จดั ต้งั กองทุนสําหรับพฒั นาการประมงนอกน่านน้าํ นอกจากน้ีการจดั ระเบียบการทาํ ประมงนอกน่านน้าํ จะช่วยให้มีการ ดาํ เนินการท่ีเหมาะสมเพ่ือจาํ แนกผทู้ าํ การประมงนอกน่านน้าํ ไทยกบั ในน่านน้าํ นอกจากน้ีการจดั ทาํ ขอ้ ตกลงทาํ การประมง นอกน่านน้าํ ควรตรวจสอบเง่ือนไขและขอ้ ตกลงก่อนไดร้ ับอนุญาต โดยภาครัฐตอ้ งเขา้ ไปร่วมมือในการควบคุมใหม้ ีการทาํ ประมงนอกน่านน้าํ เป็ นไปตามระเบียบเงื่อนไขที่กาํ หนดและเป็ นหลกั ประกนั ความเชื่อถือเพ่ือให้เกิดความยง่ั ยืนต่อไป
การจัดการประมง - 27 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ เอกสารอ้างองิ กรมประมง. 2556. แผนแม่บทการจดั การประมงทะเลของไทย http://www.fisheries.go.th/dof/ [เขา้ ถึงขอ้ มลู เมื่อ กมุ ภาพนั ธ์ 2556] ปรีชา สมมณี. 2520. การจดั การทรัพยากรประมง. คณะประมง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 46 น. ราชบณั ฑิตยสถาน. 2538. พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน (พิมพค์ ร้ังที่ 6). สาํ นกั พิมพอ์ กั ษรเจริญทศั น์. 972 น. ศนู ยพ์ ฒั นาชายฝั่ง. 2547. รายงานการประชุมเชิงปฏิบตั ิการเพอ่ื ระดมความคิดเห็นต่อแผนปฏิบตั ิการดา้ นการประมง. ศนู ย์ พฒั นาชายฝ่ัง, มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 26 น. สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2555. สรุปสาระสาํ คญั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ที่สิบเอด็ พ.ศ. 25555-2559. สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 21 น. สาํ นกั วจิ ยั และพฒั นาประมงน้าํ จืด. 2556. นโยบายและกรอบงานวจิ ยั ดา้ นการประมงน้าํ จืดประจาํ ปี 2555-2559 http://www.inlandfisheries.go.th/images/pdf/op/04877.pdf [เขา้ ถึงขอ้ มลู เมื่อ มกราคม 2556] อานนั ท์ กาญจนพนั ธุ์ (บรรณาธิการ). 2543. พลวตั ของชุมชนในการจดั การทรัพยากร: กระบวนทศั น์และนโยบาย. สาํ นกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั , กรุงเทพฯ. 600 น. Berkes F., Mahon R., McConney P., Pollnac R. and Pomeroy R. 2001. Managing Small Scale Fisheries. IDRC, Ottawa. 320 p. Bromley D.W. 1991. Testing for common versus private property: comment. Journal Environmental & Economic Management 21: 92-96. Buckworth R.C. 1998. World fisheries are in crisis? We must respond! In: Pitcher T.J., Hart P.J.B. and Pauly D. (eds.): Reinventing Fisheries Management, pp. 3-17. Kluwer Academic Publishers, London. Caddy J.F. and Mahon R. 1995. Reference Points for Fisheries Management. FAO Fisheries Technical Paper No. 347. FAo, Rome. 83 p. Clark W.G. 1985. Bioeconomic Modeling and Fisheries Management. John Wiley and Sons, New York. 291 p. Charles A.T. 2000. Sustainable Fishery Systems. Blackwell Science Inc., New York. 678 p. De Silva S.S. 2012. Aquaculture: a newly emergent food production sector—and perspectives of its impacts on biodiversity and conservation. Biodiversity and Conservation 21(12): 3187-3220. FAO. 1997. Fisheries Management: FAO Technical Guidelines for Responsible Fisheries 4. FAO, Rome. 82 p. FAO. 2001. Review of the State of World Fisheries Resources: Inland Fisheries. FAO Fisheries Circular No. 942. FAO Rome. 53 p. FAO. 2002. The State of World Fisheries and Aquaculture 2002. FAO, Rome. 156 p. FAO. 2012 The State of World Fisheries and Aquaculture 2012. FAO, Rome. 209 p. Hardin G. 1968. The tragedy of the commons. Science 162: 1243-1248.
การจัดการประมง - 28 - การจัดการประมงและ สภาวะการประมงของโลกฯ King M. 1995. Fisheries biology, assessment and management. Fishing News Books, London. 341 p. Lymer D., Funge-smith S., Khemakorn P., Naruepon S. and Ubolratana S. 2008. A Review and Synthesis of Capture Fisheries Data in Thailand: Large Versus Small-Scale Fisheries. RAP Publication 2008/17. FAO Regional Office for Asia and the Pacific, Bangkok. 51 p. Natural resources and environment. 2000. Victorian Recreational Fishing Guide 2000-2001. Natural Resources and Environment, Melbourne. 64 p. Niumnampeth W. 1976. The Translations of Fisheries Act B.E. 2490, Fisheries Act (No. 2) B.E. 2496 and Act Governing the Right to Fish in Thai Fishery Water B.E. 2482. Royal Thai Department of Fisheries, Bangkok. 24 p. Mari F.J. 2012. In foreign water. Development and Cooperation 11: 423-427 Pauly D, Christensen V, Dalsgaard J, Froese R and Torres F. 1998. Fishing down marine food webs. Science 279: 860- 863. Morato T., Watson R., Pitcher T.J. and Pauly D. 2006. Fishing down the deep. Fish and Fisheries 7: 24–34 van der Heijden, P.G.M. 2001. Paradigms and Objectives in Fisheries Management. Wageningen University and Research Centre, Wageningen. 6 p. van der Heijden, P.G.M. 2002. The Fisheries of Lake Ijssel, The Netherlands. Wageningen University and Research Centre, Wageningen. 16 p.
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: