ประเภทเคร่อื ง ดนตรตี ะวนั ตก กลุ่มเครอื่ งสาย (String Instruments) เป็นเคร่อื งดนตรที ่ีทำใหเ้ กดิ เสียงโดยกำรสัน่ สะเทอื นของสำยลวด เชือก เอน็ หรอื ไนลอน และมตี ัวกำธรเสยี ง ทำหน้ำทข่ี ยำยเสียงให้ดงั มำกขึ้น คณุ ภำพของเสียงข้ึนอยู่กับรูปรำ่ ง และวตั ถทุ ใี่ ช้ ทำ กำรสั่นสะเทอื นของสำยอำจทำไดโ้ ดยกำรสี หรอื ดีดโดยอำจกระทำโดยตรง หรอื เพิ่มกลไกใหย้ ่งุ ยำกขึ้น เครือ่ งสำยทีพ่ บเห็นในปจั จบุ นั นิยมใช้วิธีทำให้เกดิ เสียงได้ 2 วิธี คอื วิธสี ี และวธิ ีดีด 1.1 เครอื่ งสายประเภทใชค้ นั สี ในกลุม่ น้ีประกอบดว้ ย 1)ไวโอลิน (Violin) ไวโอลนิ คันหนง่ึ ๆ ประกอบด้วยแผ่นไมห้ ลำยชิ้น แต่ละชนิ้ เลอื ก มำจำกไม้ชนดิ ตำ่ ง ๆ กนั ตำมควำมเหมำะสมทจี่ ะนำมำทำเป็นสว่ นต่ำง ๆ ของซอ ดำ้ นหน้ำใช้ไมพ้ รชุ ซ่ึงเปน็ ไมเ้ นอื้ ออ่ นมีลำยละเอียดดำ้ นหลังใชไ้ ม้เมเปล้ิ ไวโอลินประกอบด้วยสำย 4 สำย แต่ละสำยเทียบเสยี งหำ่ งกันคู่ 5 เพอรเ์ ฟค คอื เสียง G-D-A-E สำยต่ำสดุ เทียบเสียง G ต่ำถดั จำก Middle C สำยทั้งส่ีมีควำมยำวเทำ่ กนั แต่ระดบั เสยี ง แตกต่ำงกันตำมขนำดไวโอลินขนำดมำตรฐำนจะมคี วำมยำวทง้ั สน้ิ 23.5 นวิ้ คันชกั ยำว 29 นว้ิ ไวโอลินเปน็ เครือ่ งดนตรที ใี่ ชเ้ ล่นทว่ งทำนอง (Melodic Instrument) มเี สยี งแหลมสดใส ถ่ำยทอดอำรมณ์ไดด้ ถี ้ำต้องกำรจะเลน่ ใหเ้ สยี งหวำน เศรำ้ ก็ทำได้ โดยใช้เทคนคิ กำรเลน่ แบบต่ำง ๆ
Back to the top 2) วโิ อลำ (Viola) มรี ปู ร่ำงเหมอื นไวโอลินทุกประกำร แต่มีขนำดใหญ่กวำ่ ไวโอลิน ประมำณหนง่ึ ในห้ำ มคี วำมยำวท้งั สน้ิ 26.5 นิ้ว วโิ อลำประกอบด้วยสำย 4 สำย ตงั้ เสียงต่ำกว่ำ ไวโอลินลงไปอกี คู่ 5 เพอร์เฟค คอื C-G-D-A มเี สยี งทุ้มและนุ่มนวลกวำ่ ไวโอลนิ แตไ่ มม่ ีบทบำทเด่น เหมือนไวโอลนิ กำรเลน่ เครอ่ื งดนตรีไวโอลนิ และวโิ อลำน้ผี เู้ ลน่ จะใชม้ อื ซ้ำยจับทคี่ อของเครื่อง โดยใหค้ อของเคร่อื งอยู่ในร่องระหว่ำงหัวแมม่ ือกบั นิว้ ช้ี นว้ิ ทั้งสี่ (ยกเวน้ หวั แม่มือ) ทำหน้ำทกี่ ดลงบนสำย เพอื่ เปล่ียนระดับเสยี ง ด้ำนทำ้ ยของเคร่อื งวำงบนไหลซ่ ำ้ ยของผเู้ ล่น และผ้เู ลน่ จะใชค้ ำงหนีบกระชับ จบั ตัวเครื่องด้วยมอื ซำ้ ยและใช้มอื ขวำจับคันชักในกำรสี
Back to the top 3) เชลโล (Cello) มีรปู ร่ำงเหมอื นไวโอลินและวิโอลำ แตม่ ีขนำดโตกวำ่ มำก คอื ควำม ยำวประมำณ 48.5 นว้ิ ขณะเลน่ ตอ้ งน่ังเก้ำอ้ี เอำเครื่องไวร้ ะหวำ่ งขำทงั้ สองข้ำงหันหนำ้ เครอื่ งออก เทคนคิ กำรเลน่ เหมือนกบั ไวโอลนิ สำยทั้งส่เี สียงต่ำกว่ำวโิ อลำ 1 ชว่ งคู่ 8 คอื C-G-D-A เสียงของเชลโล นุม่ นวล แสดงอำรมณ์เศร้ำสร้อย
Back to the top . 4) ดบั เบลิ เบส(DoubleBass) เปน็ เคร่อื งท่ีมขี นำดใหญท่ สี่ ุดในตระกูลไวโอลิน มี ควำมยำวประมำณ 74 น้ิว ผบู้ รรเลงตอ้ งยืนเลน่ เสียงของดบั เบลิ เบส ต่ำสุดแสดงถงึ ควำมมอี ำนำจ ควำมกลวั ควำมลกึ ลบั สำยทงั้ ส่ตี งั้ เสยี งหำ่ งกนั เปน็ คู่ 4 เพอรเ์ ฟค คอื E- A- D- G
Back to the top 1.2 เครือ่ งสายประเภทเครอ่ื งดดี (Plucked String) ในกลมุ่ น้ปี ระกอบดว้ ย 1) ฮำรพ์ (Harp) ฮำรพ์ เป็นพิณโบรำณขนำดใหญ่ มีประวัติเก่ำแก่มำก ชำวอยี ปิ ต์ โบรำณใชฮ้ ำร์พเปน็ เครื่องดนตรสี ำคัญในรำชสำนกั ของฟำโรห์ ในยุโรปสมยั กลำงฮำรพ์ เป็นเคร่อื งดนตรี ทีไ่ ดร้ ับควำมนยิ มจำกชำวไอริช และเวลส์ เปน็ อยำ่ งมำก ฮำรพ์ มีลกั ษณะเปน็ โครงสำมเหล่ียมขนำดใหญ่ ด้ำนบนโคง้ งอสวยงำม มีสำยขงึ อยู่ทั้งหมด 47 สำย ชว่ งเสียงกว้ำง 6 ? Octaves บนั ไดเสยี งพ้ืนฐำนของฮำร์พเป็น Cb Major ทีฐ่ ำนของฮำร์พ จะ มกี ระเด่อื ง 7 อนั สำหรบั เหยยี บ (ประจำทง้ั 7 เสียง) ถ้ำเหยียบจมลงครงั้ หนึ่งสำยจะดึงขึ้นทำใหเ้ สยี งสูง ขึน้ ครง่ึ เสียง ถำ้ เหยียบอกี เป็นครัง้ ท่ีสองสำยจะตงึ ขึ้นอีกทำใหเ้ สยี งสงู ขน้ึ อีกทำให้ผเู้ ล่น เล่นเพลงไดท้ กุ บนั ไดเสยี งในกำรบรรเลงฮำร์พผู้เลน่ จะต้องน่งั ลงใหไ้ หลข่ วำชดิ กับตวั ฮำร์พใชน้ ้วิ มอื ทัง้ สอง ยกเว้นนว้ิ ก้อยดดี สำย เสยี งของฮำรพ์ เบำและนมุ่ นวลกวำ่ เปียโนมำกปัจจุบันฮำร์พใชบ้ รรเลงในวงดนตรีประเภท ออรเ์ คสตรำเท่ำนน้ั
Back to the top 2) ลูท (Lute) เปน็ พณิ ชนดิ หนง่ึ ทเ่ี ป็นตน้ กำเนิดของเครอ่ื งสำยประเภทดดี ลทู มรี ูปทรง เหมือนผลส้มผำ่ ซกี มสี ะพำนวำงนิว้ ที่มชี อ่ งปรำกฏอยู่ เชน่ เดียวกับกตี ำร์ แบนโจ แมนโดลนิ ฯลฯ ชำวอำหรบั โบรำณนิยมกันมำกแต่ปัจจบุ นั นีไ้ มไ่ ด้รบั ควำมนิยม
Back to the top 3) กตี ำร์ (Guitar) กตี ำรเ์ ป็นเคร่ืองดนตรีทแ่ี พร่หลำยมำกในปัจจบุ ันมีรูปรำ่ งคลำ้ ยคลึงกับ พณิ ลูทแต่ผดิ กนั ตรงท่ีรปู ร่ำงแบนกวำ่ ในปจั จุบันมคี วำมสำคัญท้ังในวงดนตรีประเภทสตริง แจ๊สร็อค เปน็ ตน้ กตี ำรป์ ระกอบดว้ ยสำย 6 สำย โดยต้ังระดบั เสียงตำ่ ไปหำสูง ในแต่ละสำยดงั น้ี E,A,D,G,B,E ไม่ว่ำจะเปน็ กีตำรโ์ ปร่งธรรมดำ หรอื กีตำร์ไฟฟำ้ นอกจำกนเ้ี ครอื่ งสำยประเภทดดี ยังมีแมนโดลิน แบนโจ ซึ่งเป็นเครื่องสำยประเภทดดี ทม่ี รี ูป ร่ำงคล้ำยกีตำร์ แต่มิไดน้ ำมำใช้ในวงดนตรมี ำกนักสว่ นมำกใชใ้ นดนตรขี องชำวพืน้ เมอื งแถบลำตนิ อเมริกำอย่ำงไรก็ตำมทัง้ แมนโดลิน และแบนโจกเ็ ป็นผลกำรววิ ัฒนำกำรของลูทน่ันเอง
Back to the top 4) แมนโดลนิ (Mandolin) เป็นเครื่องดนตรีตระกลู ลูท มีสำย 4 คู่ (8สำย) หรือ 6 คู่ (12สำย) ต้งั เสยี งเท่ำกันเป็นคู่ มีลกู บดิ คลำ้ ยกีตำร์ใช้ในกำรตัง้ เสยี ง และมนี ม (Feat) รองรับสำย เวลำ เล่นจะใชน้ ้ิวมอื ซำ้ ยจบั ตัวแมนโดลนิ และใชม้ อื ขวำดีด ลกั ษณะกำรดดี คลำ้ ยกำรดดี กตี ำร์โดยใชป้ ิค๊ (Pick) เสยี งทเ่ี กดิ จำกแมนโดลนิ มคี วำมไพเรำะเป็นเสียงทมี่ คี ณุ ภำพ เรำ้ อำรมณไ์ ดด้ โี ดยเฉพำะอำรมณ์ โศกเศร้ำเกี่ยวกบั ควำมรกั แมนโดลินมถี นิ่ กำเนดิ ทปี่ ระเทศอติ ำลี เป็นเคร่อื งดนตรที ีช่ ำวอติ ำเลียนนยิ ม กนั แพร่หลำย ในปี ค.ศ. 1713 ไดม้ ีผนู้ ำเอำแมนโดลนิ มำเลน่ ผสมในวงคอนเสิร์ตในประเทศองั กฤษ
Back to the top 5) แบนโจ (Banjo) เปน็ เคร่อื งดนตรใี นตระกูลลูท จุดเรม่ิ ตน้ ทมี่ ีผ้นู ำมำเลน่ อยใู่ นแถบ แอฟรกิ ำตะวนั ตก (Western Africa) เปน็ เครอ่ื งดนตรีพ้ืนบำ้ นของพวกนิโกร ต่อมำจงึ เปน็ ที่แพรห่ ลำย ในหมู่อเมริกันนโิ กร วธิ ีกำรเล่นคล้ำยกับกตี ำร์
2. กลมุ่ เครือ่ งลมไม้ (Woodwind Instruments) เครือ่ งดนตรีประเภทเคร่อื งลมไม้ (Woodwind Instruments) ในปจั จุบันมเี ครื่องดนตรหี ลำยเครื่องที่ไม่ไดท้ ำด้วยไม้เนอ่ื งจำกไมห้ ำยำก จึงใช้วสั ดุอยำ่ งอื่น สร้ำงขึ้นแต่วธิ กี ำรเกดิ เสยี งและคณุ ภำพเสยี งก็ยังเหมอื นกับทำดว้ ยไมท้ ุกประกำรเคร่อื งดนตรกี ลมุ่ เครอื่ ง ลมไมย้ งั แบง่ ได้อยำ่ งกวำ้ ง ๆ เปน็ 2 ประเภทคือประเภทเป่ำลมเข้ำไปในรเู ปำ่ (Blowing into a tube) ลำตัวมีลักษณะเป็นทอ่ เครือ่ งเป่ำประเภทน้ีเป่ำลมเขำ้ ทำงด้ำนข้ำง และประเภทเป่ำลมใหผ้ ำ่ นลน้ิ ของ เคร่อื งดนตรี (Blowing through a reed)เครื่องลมไม้ประเภทขลยุ่ ยงั แบ่งตำมลักษณะของกำรเปำ่ ได้ 2 ประเภทคือ ประเภทเป่ำตรงปลำย เชน่ ขลุ่ยเรคคอรเ์ ดอร์ ประเภทเป่ำดำ้ นข้ำง เชน่ ฟลูต และปคิ โคโล 1) ฟลูต (Flute) เปน็ เครือ่ งดนตรีทเี่ ก่ำแกท่ ี่สุดชนดิ หน่ึงท่มี พี ฒั นำกำรมำจำกมนุษย์ก่อน ประวตั ศิ ำสตร์ที่คิดใช้กระดกู สตั วห์ รอื เขำของสตั วท์ ่เี ป็นทอ่ กลวงหรือไม่ก็ใช้ปลอ้ งไมไ้ ผม่ ำเจำะรแู ลว้ เปำ่ ให้เกิดเสยี งต่ำง ๆ วตั ถุนน้ั จงึ เป็นตน้ กำเนิดของเครอื่ งดนตรปี ระเภทขลยุ่ ฟลูตเปน็ ขลยุ่ เปำ่ ด้ำนขำ้ ง มคี วำมยำว 26 ?นิ้วมีช่วงเสยี งต้ังแต่ C กลำงจนถึง C สงู ข้นึ ไปอีก 3 ออคเทฟ เสียงแจม่ ใสจึงเหมำะ สำหรบั เปน็ เคร่อื งดนตรีประเภทเล่นทำนองใชเ้ ลียนเสียงนกเลก็ ๆ ได้ดีและเสยี งตำ่ ของฟลตู จะให้เสยี งที่ นมุ่ นวล Back on the top 2) พิคโคโล (Piccolo)
เปน็ ขล่ยุ ขนำดเล็กมีลกั ษณะเช่นเดยี วกับฟลูตแตเ่ ลก็ กว่ำทำมำจำก ไม้หรอื อีบอรไ์ นท์ แตป่ ัจจบุ นั ทำดว้ ยโลหะ ยำวประมำณ 12 น้ิว เสยี งเลก็ แหลมชัดเจน แมว้ ำ่ จะเปำ่ เพยี ง เครอ่ื งเดยี ว พิคโคโลเล่นได้ดีเปน็ พิเศษโดยเฉพำะกำรทำเสียงรวั (Trillo) และกำรบรรเลงเด่ยี ว (Solo) Back on the top เครื่องลมไมอ้ กี ประเภทหนึ่งคอื ประเภทปมี่ สี ว่ นประกอบที่สำคัญคือมีล้นิ (Reed) เปน็ ตัวสนั่ สะเทือนส่วนทเี่ ป็นลิ้นจะอยตู่ รงปลำยดำ้ นหนง่ึ ของป่ีเมอ่ื เป่ำลมผำ่ นล้ินใหเ้ กดิ กำรสั่นสะเทือนแล้วลมก็ จะเข้ำไปในท่อซึ่งทำหนำ้ ทีเ่ ปน็ ตวั ขยำยเสยี งหรอื ตัวกำธร แลว้ ออกไปยงั ปำกลำโพง นอกจำกนี้เคร่ืองดนตรีพวกปี่ยังจำแนกออกไดต้ ำมลักษณะของลนิ้ ท่ีใชเ้ ปน็ ประเภทลน้ิ คู่ (Double reed) และลิน้ เดยี่ ว(Single reed) . 2.1.1 ประเภทลน้ิ คู่ (Double reed) 1) โอโบ (Oboe) เป็นป่ลี ้นิ คู่ทเ่ี กำ่ แกท่ ี่สดุ ชำวอยี ปิ ต์โบรำณ ได้เคยใช้ป่ที ่มี ลี ักษณะ คล้ำยคลงึ กับป่ีโอโบ เมอื่ ประมำณ 3,500 ปกี อ่ นคริสตก์ ำลมำแล้ว ชำวกรีกและชำวโรมันโบรำณ มีป่ลี น้ิ คู่ชนดิ หนึ่งเรยี กว่ำ “ออโรส” (Aulos) โอโบลำตัวยำวประมำณ 25.5 น้ิว เป็นรูปทรงกรวย ทำดว้ ยไม้หรอื อบี อไนท์ ส่วนลิ้นค่นู ้นั ทำจำกไมท้ ่ลี ำต้นมีขอ้ และปล้อง จำพวก กก หรอื อ้อ ทขี่ ้นึ ในแถบ เมดเิ ตอร์เรเนียนลิ้นของปีโ่ อโบไดร้ ับกำรผลิตอยำ่ งปรำณตี มำแลว้ จำกโรงงำนผเู้ ลน่ ส่วนมำกนยิ มนำมำ ตกแต่งเพมิ่ เติมให้เหมำะสมกบั ริมฝปี ำกของตนเอง โอโบเป็นเครื่องดนตรีท่ีเลน่ ยำกมำก คนส่วนใหญม่ ักเขำ้ ใจวำ่ โอโบต้องใชล้ มเปำ่ มำก แต่ ควำมจรงิ แล้วแม้แต่เด็กผหู้ ญิงกส็ ำมำรถเป่ำไดส้ ิง่ ทเี่ ปน็ อปุ สรรคสำคญั อยตู่ รงทีล่ ้นิ คู่หรือลน้ิ แฝด ผู้เล่น ตอ้ งสำมำรถเม้มรมิ ฝปี ำก และเปำ่ ลมแทรกลงไประหวำ่ งล้ินคทู่ ง้ั สองที่บอบบำง เขำ้ ไปในท่อลม เทคนิค กำรควบคุมลมใหส้ ม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นมำกจึงต้องฝึกฝนกนั เปน็ เวลำนำน ช่วงเสยี งของโอโบกวำ้ ง
ประมำณ 2 ออคเทฟครึ่ง เร่มิ ต้งั แต่ B flat ตำ่ ถัดจำก C กลำง สำเนียงของโอโบ ไมส่ ง่ำผำ่ เผยเหมือน ฟลตู มลี ักษณะแบน ๆ คล้ำยเสียงออกจมูก เหมำะสำหรบั ทำนองเศร้ำ ๆ บรรยำกำศของธรรมชำติและ ลกั ษณะของดินแดนทำงตะวันออก หน้ำที่ทสี่ ำคญั ของโอโบอีกอยำ่ งหนงึ่ คอื เป็นเคร่ืองเทียบเสยี งของวง ออรเ์ คสตรำ (A tuning fork for the orchestra) กอ่ นกำรบรรเลงเครื่องดนตรตี ำ่ ง ๆ จะตอ้ งเทยี บเสยี ง “ลำ” (A) Back on the top 2)คอร์ แองเกลส์ (Cor Anglais or English horn) ป่ชี นิดนม้ี ลี ำตวั ยำวกว่ำป่ีโอโบ ดงั นั้น เพอ่ื ง่ำยตอ่ กำรเป่ำส่วนทต่ี อ่ จำกท่เี ปำ่ (ลน้ิ )กับลำตวั ป่จี งึ ตอ้ งงอโค้งเป็นมมุ และเกดิ คำว่ำ “อองเกล (Angle)” ข้นึ ตอ่ มำคำน้ีได้เพ้ยี นไปกลำยเป็นอองแกลส์ (Anglais) ในภำษำฝรง่ั เศส ซ่ึงตรงกบั ภำษำ องั กฤษว่ำ English สว่ นคำวำ่ “คอร”์ (Cor) ในภำษำฝรัง่ เศส ซึง่ ตรงกบั ภำษำองั กฤษว่ำ ฮอร์น (Horn) ปช่ี นิดน้ีนอกจำกมีชอ่ื ประหลำดแล้ว ยงั มรี ปู รำ่ งท่ีนำ่ ทงึ่ อกี ด้วย คอื ส่วนทต่ี ่อจำกท่เี ปำ่ (ล้นิ คู่) เปน็ ท่อลม โลหะโค้งงอตดิ กับลำตวั ปี่ ซึ่งปีโ่ อโบไม่มี ตรงปลำยสดุ ที่เปน็ ปำกลำโพง (Bell) ปอ่ งเป็นกระเปำะกลม ๆ ซง่ึ ปีโ่ อโบมีลำโพงคล้ำยปค่ี ลำรเิ นต คอร์ แองเกลสเ์ ป็นปี่ตระกลเู ดียวกับโอโบแตม่ ขี นำดใหญ่กวำ่ และมี รูปรำ่ งท่ีแตกตำ่ งไปจำกโอโบระดบั เสยี งตำ่ กวำ่ โอโบและเวลำเล่นจะต้องมีสำยติดกับลำตัวป่โี ยงไปคล้อง คอผู้เลน่ เพอ่ื พยงุ นำ้ หนักของปี่
Back on the top 3)บำสซูน (Bassoon) เป็นปข่ี นำดใหญ่ใชล้ นิ้ คูเ่ ช่นเดยี วกับโอโบรูปร่ำงของบำสซนู คอ่ นขำ้ ง จะประหลำดกว่ำปี่ชนดิ อน่ื ๆ ได้รับฉำยำวำ่ เปน็ “ตัวตลกของวงออรเ์ คสตรำ” (The Clown of the Orchestra) ทั้งนี้เพรำะเวลำบรรเลงเสยี งส้นั ๆ ห้วน ๆ (Staccato) อย่ำงเร็ว ๆ จะมีเสยี งดัง ปดู …ป๊ดู … คล้ำยลกั ษณะทำ่ ทำงของตวั ตลกท่มี อี ำกัปกริยำกระโดดเต้นหยอง ๆ ในโรงละครสตั วเ์ นือ่ งจำกควำมใหญ่ โตของท่อลม ซ่งึ มีควำมยำวถงึ 109 น้ิว แตเ่ พอ่ื ไมใ่ ห้ยำวเกะกะ จงึ ใชว้ ธิ ที บท่อลมใหเ้ หลือควำมยำว ประมำณ 4 ฟุตเศษ บำสซูนมนี ำ้ หนกั มำกจงึ ตอ้ งมสี ำยคล้องคอเพอ่ื ช่วยพยงุ น้ำหนกั เรยี กว่ำ Sling เพอื่ ใหม้ อื ทง้ั สองของผเู้ ล่นขยับไปกดแป้นนว้ิ ต่ำง ๆ ได้สะดวก เสยี งของบำสซูนตำ่ นุ่มลกึ ถอื เปน็ แนวเบสของ กลมุ่ เครือ่ งลมไม้ นอกจำกนแ้ี ลว้ ยังสำมำรถเล่นทำนองเดียวไดอ้ ย่ำงไพเรำะอีกด้วย
Back on the top 4)คอนทรำบำสซูนหรอื ดบั เบลิ บำสซนู (Contra Bassoon or Double Bassoon) คอนทรำบำสซนู ประดิษฐ์ขึน้ ครงั้ แรกโดยชำวอังกฤษสองคน ชอ่ื สโตน และ มอร์ตัน (Stone & Morton) ตอ่ มำ เฮคเคล (Heckel) ได้ปรับปรุงโดยติดกลไกของแป้นน้ิวตำ่ ง ๆ ใหส้ มบรู ณ์ และนำมำใช้จนถงึ ทุกวันน้ี คอนทรำบำสซูนเปน็ ปีท่ ใ่ี หญ่กวำ่ ปบี่ ำสซนู ประมำณเท่ำตวั คือมีควำมยำว ของท่อลมทัง้ หมดถึง 18 ฟตุ 4 นว้ิ หรือ 220 นิ้วพับเปน็ ส่ีทอ่ น แตล่ ะท่อนเชอ่ื มตอ่ ดว้ ย Butt และขอ้ ต่อ รูปตวั U ที่ปลำยทอ่ นสุดทำ้ ยจะตอ่ กับลำโพงโลหะทีค่ ว่ำลงในแนวด่งิ แตค่ อนทรำบำสซนู อีกชนดิ หน่งึ ลำโพงหงำยข้ึนในแนวด่ิง ให้เสยี งตำ่ กว่ำบำสซนู ลงไปอกี 1 ออคเทฟ เสียงจะน่มุ ไมแ่ ขง็ กรำ้ วเหมือน บำสซูน แตถ่ ำ้ บรรเลงเสยี งตำ่ อย่ำงช้ำ ๆ ในวงออรเ์ คสตรำขณะท่เี ครือ่ งดนตรอี นื่ ๆ เลน่ อยำ่ งเบำ ๆ จะ สร้ำงภำพพจน์คล้ำยมงี ูใหญ่เลอื้ ยออกมำจำกท่ีมืด โอกำสทใี่ ชใ้ นกำรบรรเลงมไี ม่มำกนกั ทง้ั นี้ก็ขนึ้ อยู่ กับบทเพลงนั้น ๆ
Back on the top 2.1.2 เคร่อื งดนตรีประเภทปี่ลิ้นเดียว (Single Reed) ประกอบด้วย 1)คลำริเนต (Clarinet) เป็นเคร่อื งดนตรที ร่ี จู้ ักกนั แพรห่ ลำยกว่ำเครื่องอ่นื ๆ ในบรรดำ เครือ่ งลมไม้ดว้ ยกนั คลำริเนตเปน็ เครื่องดนตรีทีใ่ ช้ไดใ้ นวงดนตรเี กอื บทุกประเภทและเปน็ เคร่อื งดนตรีท่ี สำคัญในวงออรเ์ คสตรำ วงโยธวำทิต และวงแจ๊ส ป่คี ลำริเนตทำด้วยไม้หรืออีบอไนท์เชน่ เดยี วกับป่ีโอโบมรี ปู ร่ำงคล้ำยโอโบมำกควำมแตกต่ำง อย่ทู ีม่ ลี ิ้นเดยี ว คลำริเนตยำวกวำ่ โอโบเลก็ นอ้ ย รปู ทรงของท่อลมเป็นทรงกระบอก ปำกลำโพงบำนเปน็ ทรงระฆัง ควำมยำวทั้งสนิ้ ประมำณ 26 นว้ิ คลำรเิ นตมีเสยี งกว้ำงท่สี ดุ ในบรรดำเครอื่ งลมไม้ ปชี่ นดิ นี้ แตกต่ำงกับฟลตู ในเรือ่ งคณุ สมบัตขิ องเสยี ง เสียงของฟลตู จำกเสยี งต่ำไปเสียงสงู ไม่ค่อยแตกต่ำงกนั เท่ำใด แตเ่ สยี งของคลำริเนตแตกต่ำงกนั มำกจนสงั เกตเหน็ ได้อยำ่ งชัดเจน คลำริเนตใหเ้ สียงสงู สดใส่ ร่ำเริง คม ชัดเจน มคี วำมคลอ่ งตวั ในกำรบรรเลงสูง เวลำเป่ำผู้เปำ่ จะเม้มริมฝีปำกให้ลนิ้ ของป่ีแตะอยู่บน รมิ ฝปี ำกลำ่ ง ส่วนรมิ ฝีปำกบนผ้เู ปำ่ จะทำให้เกดิ คณุ สมบตั ิของเสียงตลอดจนควำมดงั หรอื เบำให้ แตกตำ่ งกันโดยกำรให้ลนิ้ ของปีเ่ ข้ำไปอยใู่ นปำกมำกหรือนอ้ ยและกำรเมม้ ริมฝปี ำกล่ำงกดกบั ล้ินปี่ หนกั – เบำ เพยี งใด
ในวงโยธวำทิตปคี่ ลำริเนตถือเป็นเคร่ืองดนตรีที่สำคญั และได้รบั สมญำวำ่ เป็นไวโอลินของวง โยธวำทิต ปีค่ ลำริเนตมหี ลำยขนำดแต่ท่ีนยิ มใช้โดยทว่ั ไปในปจั จบุ ันมี Bb คลำรเิ นต และ Eb คลำริเนต Back on the top 2)เบส คลำรเิ นต (Bass Clarinet) เปน็ ปคี่ ลำริเนตขนำดใหญม่ ีชว่ งเสยี งต่ำกว่ำ คลำริเนตธรรมดำ 1 ออคเทฟ ลำตวั ยำวกวำ่ คลำรเิ นต สว่ นปำกลำโพงทำดว้ ยโลหะและงอนขน้ึ สว่ นที่ เป่ำงอโคง้ ทำมุมกับตวั ปี่ วตั ถุประสงค์ของกำรประดิษฐ์เบสคลำรเิ นตข้ึนเพ่อื ใหม้ ีเสยี งของเคร่ืองดนตรี ในตระกลู คลำริเนตครบทุกเสยี ง
Back on the top 3)แซกโซโฟน (Saxophone) มลี กั ษณะกำ้ กง่ึ ระหว่ำงเครอ่ื งลมทองเหลอื งและเครื่องลมไม้ มอี ำยนุ อ้ ยเมื่อเทียบกับเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ ประดษิ ฐเ์ ม่ือ ค.ศ. 1840 ทน่ี ครปำรีส ประเทศฝร่งั เศส โดย อดอลฟ์ แซกเป็นผู้ผลติ ซง่ึ เขำผลิตแซกโซโฟนขน้ึ ในรำว ค.ศ. 1840 ในขณะนนั้ ไดม้ ีหัวหนำ้ วง โยธวำทิตมำจำ้ งให้เขำผลิตเครื่องดนตรชี นิดใดก็ได้ซ่ึงสำมำรถเล่นเสยี งใหด้ ัง เพอื่ ใช้ในวงโยธวำทติ (Military Band) และตอ้ งกำรใหเ้ ครอื่ งดนตรีชนดิ ใหมน่ ี้เป็นเครือ่ งลมไม้ เขำจงึ นำเอำเครือ่ งดนตรี ประเภทเครอื่ งทองเหลืองชนดิ หนึ่งซึง่ ล้ำสมยั แล้วเรยี กวำ่ แตรออพิคเลียด (Ophiclede) มำถอดท่ีเปำ่ อนั เดิมออกแล้วเอำที่เปำ่ ของคลำริเนตมำใส่แทนจำกน้นั เขำได้แก้กลไกของกระเดอื่ งตำ่ ง ๆ และปรบั ปรงุ จน สำมำรถใช้งำนได้ แซกโซโฟนจึงได้กำเนดิ ขน้ึ มำเปน็ ช้ินแรกของโลก ในอดีตแซกโซโฟนมฉี ำยำว่ำคลำรเิ นตทองเหลือง เพรำะสำมำรถเลน่ ไดอ้ ยำ่ งคลอ่ งแคล่ว ปรำดเปรยี วเหมือนคลำรเิ นต ในปจั จุบันแซกโซโฟนไดร้ บั ควำมนยิ มสงู สดุ ดังจะเห็นไดจ้ ำกศลิ ปินชำว ต่ำงประเทศได้นำมำแสดงในเมืองไทยหลำยครั้ง และมีกำรจัดอนั ดับผทู้ ม่ี คี วำมสำมำรถในกำรเล่น แซกโซโฟนของโลกดว้ ย เชน่ Kenny G, Grover Washington,Jr., Sadao Watanabe เป็นตน้ ในวงออร์เคสตรำไม่นยิ มใช้แซกโซโฟน เพรำะบทบรรเลงท่ีใชส้ ำหรบั วงออร์เคสตรำสว่ นใหญเ่ กดิ กอ่ น แซกโซโฟน แต่ปัจจุบนั แซกโซโฟนเปน็ เคร่ืองเปำ่ ทีม่ ีบทบำทมำกท้งั ในวงโยธวำทิต วงแจ๊ส วงคอมโบ ตลอดจนวงดนตรสี มัยใหม่ แซกโซโฟนทน่ี ยิ มใชใ้ นปจั จบุ ันมี 4 ขนำด คอื บแี ฟลตโซปรำโน อแี ฟลตอลั โต บีแฟลตเทเนอร์ และอแี ฟลตบำริโทน
3.เครอ่ื งลมทองเหลือง (Brass Instruments) เครื่องดนตรใี นกลุม่ เครื่องลมทองเหลอื งนเ้ี รยี กรวม ๆ ว่ำกลมุ่ แตร สว่ นประกอบทส่ี ำคัญของ เครื่องดนตรีกลมุ่ น้ี คอื ท่อลมทำด้วยโลหะขนำดต่ำง ๆ กนั กำรเกิดเสยี งเกิดจำกกำรเปำ่ ลมใหเ้ กิดกำรสน่ั สะเทอื นทร่ี ิมฝปี ำกของผู้เล่น ผำ่ นเขำ้ ไปในปำกเปำ่ (Mouth Piece) กำรเป่ำเครอ่ื งลมทองเหลืองจึงขึ้น อยกู่ บั ริมฝีปำกเป็นสำคัญเครอื่ งดนตรีในกลมุ่ เคร่ืองลมทองเหลอื งท่ใี ช้อยใู่ นปัจจบุ นั มีดงั นี้ 1) เฟรนช์ฮอรน์ (France horn) ปัจจบุ ันเรียกว่ำ “ฮอรน์ ” ต้นกำเนิดของฮอรน์ คอื เขำสตั ว์ ฮอรน์ ท่เี ก่ำแก่ทีส่ ุดคือ โชฟำร์ (Shofar) ของชำว ฮิบรู ทำดว้ ยเขำแกะ เฟรนชฮ์ อร์นเป็นแตรท่ีมชี ว่ งเสียงกวำ้ งถึง 3 ออคเทฟครง่ึ มีท่อยำวประมำณ 12-15 ฟตุ
แตน่ ำมำขดเป็นวงโคง้ ไปมำเพอ่ื ใหส้ ะดวกแก่ผ้เู ปำ่ จนเหลอื ควำมยำวจำกปำกเปำ่ ถงึ ปำกลำโพงเพียง 20 น้วิ เสียงของเฟรนช์ฮอรน์ สดใส สง่ำ จัดวำ่ เป็นพระเอกในบรรดำเครือ่ งลมทองเหลือง นักแตง่ เพลงหลำยคนใช้ เสียงของเฟรนซฮ์ อรน์ บรรยำยควำมงำมของธรรมชำตเิ ชน่ ทอ้ งทะเลครำมอนั กว้ำงใหญไ่ พศำล และหุบเขำท่มี ี เสยี งสะทอ้ นก้องกลบั ไปกลบั มำเนื่องจำกท่อลมมีขนำดยำวมำกกำรบงั คับริมฝปี ำกในกำรเปำ่ จงึ เปน็ เรือ่ งยำก Back to the top Back to the top 2)ทรอมโบน (Trombone) เป็นแตรซง่ึ ใชม้ ำตง้ั แตค่ ริสตศ์ ตวรรษที่ 15 ในพิธีศำสนำและพิธยี ุรยำตรำร่วมกับแตรโบรำณ ทรอมโบน ประกอบดว้ ยท่อลมสวมซอ้ นเลือ่ นเขำ้ – ออกได้ (Telescopic slide) ขนำดยำวโคง้ ได้สองทบ สองในสำม ของทอ่ ลมนเ้ี ปน็ ท่อทรงกระบอกเชน่ เดยี วกบั ทรัมเปตส่วนทีเ่ หลือค่อย ๆ บำนออกเป็นปำกลำโพง ส่วนที่เปน็ ทอ่ ลมทรงกระบอกจะเปน็ ทอ่ สองชน้ั สวมกนั ไว้ในลักษณะรูปตวั U เล่ือนเข้ำออกเพ่ือปรับระดับเสยี ง เมื่อ เล่อื นออกจะยำวประมำณ 9 ฟุต แต่เมอ่ื เลอื่ นเขำ้ จะเหลือเพียง 3 ฟุตเศษ ทรอมโบนมเี สียงทุ้ม หำ้ ว ไมส่ ดใส เหมือนทรัมเปต ปจั จุบันนยิ มใช้แพร่หลำยในวงดนตรชี นิดตำ่ ง ๆ เชน่ เดยี วกนั ทรมั เปตประกอบดว้ ยเทเนอร์ ทรอมโบน (Tenor Trombone)และ เบสทรอมโบน (Bass Trombone)
Back to the top 3)ทรมั เปต (Trumpet) ในสมัยโบรำณชำวยโุ รปถอื ว่ำแตรทรมั เปตเปน็ ของคนชนั้ สูงผู้ท่จี ะมสี ทิ ธเิ ปน็ เจำ้ ของแตรชนิดนี้ได้ต้องเป็น พระเจ้ำแผ่นดิน หรือเจ้ำนำยชั้นสงู หรอื ไม่ก็นกั รบชั้นแมท่ พั สำมัญชนไมม่ สี ทิ ธิทจ่ี ะเป็นเจำ้ ของแตรชนิดน้ี ทรมั เปตเปน็ แตรท่ีมีทอ่ ลมรปู ทรงกระบอกขนำดของท่อลมมเี ส้นผำ่ ศนู ยก์ ลำงประมำณ 3 นว้ิ โคง้ งอทบกนั เปน็ สำมทบ ตดิ ลูกสูบเพอ่ื ใช้บังคับเสียง3 อัน ( 3 valve) อยตู่ รงกลำงลำตวั ผูเ้ ป่ำจะใช้นว้ิ ขวำบังคับลูกสบู ทั้ง สำมโดยกำรกดลงหรือผอ่ นให้ข้นึ แนวตง้ั กำพวด (Mouthpiece) ของทรมั เปตเป็น “กำพวดรปู ถว้ ยหรือระฆงั ” ซ่งึ ทำใหแ้ ตร ทรมั เปต สำมำรถเล่นเสยี งสูงได้สดใสแผดกลำ้ ให้ควำมรสู้ ึกต่นื เตน้ ได้ดีแตถ่ ำ้ เลน่ เสียงต่ำจะใหค้ วำมนุม่ นวล ลกั ษณะคลำ้ ยเสียงกระซิบกระซำบไดด้ เี ชน่ เดยี วกันบำงครงั้ ผูเ้ ปำ่ ตอ้ งกำรลดเสยี งของแตรให้เบำลงทำให้
เกดิ เสียงทีแ่ ปลกหกู ส็ ำมำรถใช้ “มิวท”์ (Mute) สวมเข้ำไปในปำกลำโพงของแตร ในปัจจุบัน ทรมั เปต เปน็ แตรที่แพรห่ ลำยและใชใ้ นวงดนตรีเกอื บทกุ ประเภท Back to the top 4)คอร์เนต (Cornet) คอรเ์ นตคอื เคร่ืองเป่ำทองเหลืองทม่ี ลี ักษณะคลำ้ ยกับทรมั เปต แต่ลำตัวส้ันกวำ่ คณุ ภำพของเสยี งมีควำมนุ่มนวลกลมกลอ่ มแตค่ วำมสดใสของเสียงน้อยกวำ่ ทรมั เปต คอรเ์ นตถกู นำมำใชใ้ นวงออร์เคสตรำครง้ั แรกประมำณ ค.ศ. 1829 ในกำรแสดงโอเปร่ำของ Rossini เรือ่ ง William Tell ในปจั จุบนั คอรเ์ นตเป็นเครือ่ งดนตรสี ำคัญสำหรบั วงโยธวำทิตและแตรวง
Back to the top 5)ฟลเู กิลฮอรน์ (Flugelhorn) เป็นเคร่อื งดนตรปี ระเภทเครื่องเปำ่ ทองเหลืองเชน่ เดยี ว กบั ทรมั เปต มลี กั ษณะคลำ้ ยกับแตรบิวเกลิ ปกติจะมี 3 อัน ท่อลมกลวงเป็นรูปกรวยปลำยบำนเป็น ลำโพงรปู รำ่ งค่อนข้ำงจะใหญ่กว่ำคอรเ์ นต ลกั ษณะของเสียงจะคลำ้ ยกบั ฮอร์น แต่มีควำมห้ำวมำก กว่ำฮอร์น Back to the top 6)ยูโฟเนียม (Euphonium) ยโู ฟเนยี ม คือเครอื่ งดนตรีประเภทเครอ่ื งเป่ำทองเหลืองคุณ ภำพเสยี งของยูโฟเนียมจะนุ่มนวล ทุม้ ลกึ และมีควำมหนกั แน่นมำก สำมำรถเล่นในระดบั เสียงตำ่ ไดด้ ี บำงคร้ังนำไปใช้บรรเลงในวงออร์เคสตรำแทนทบู คำว่ำยูโฟเนียมมำจำกภำษำ กรกี หมำยถงึ “เสียงดี” ลักษณะทั่วไปของยูโฟเนยี มเหมือนกบั เครอ่ื งเป่ำทองเหลอื งท่วั ไปคือมีลูกสบู 3-4 อนั มกี ำพวดเปน็ รูป ถว้ ย ทอ่ ลมกลวงบำนปลำยเป็นลำโพง
Back to the top 7)ทูบา (Tuba) เปน็ เครอื่ งดนตรตี ระกลู แซกฮอร์น ซ่ึงอดอล์ฟ แซก ได้ประดิษฐ์ขน้ึ เมื่อ ปี 1845 แตรตระกลู แซกฮอร์น มหี ลำยขนำดเรียกชอ่ื ต่ำง ๆ กนั ตำมขนำด เช่น บำรโิ ทน ยโู ฟเนียม กำรผลติ ใหม้ หี ลำยขนำดกเ็ พ่อื จะให้มแี ตรหลำย ๆ ระดบั เสียงเพ่อื ใชใ้ นวงแตรวง และวงโยธวำทติ สว่ น ท่ีใช้ในวงออร์เคสตรำ ซ่ึงมมี ำแต่เดิม และนยิ มใช้มำกทสี่ ดุ คอื ทูบำ ทูบำมที อ่ ลมขนำดใหญ่ และมคี วำมยำวตัง้ แต่ 9 ,12,14,16 และ 18 ฟตุ แลว้ แตข่ นำด มีชว่ งเสียงกว้ำง 3 ออคเทฟ เศษ ๆ ท่อลมเป็นทรงกรวย เชน่ เดยี วกบั ฮอรน์ สว่ นกลำงลำตวั ตดิ ลกู สูบ บังคบั เสยี ง 3 อัน หรอื 4 อนั เสียงของทูบำต่ำลึกน่มุ นวล ไมแ่ ตกพรำ่ เสยี งต่ำมำกท่เี รยี กว่ำ “เพดัล โทน” (Pedal tones) น้ันมีคุณสมบตั เิ ฉพำะตัว ปกตแิ ตรทบู ำทำหน้ำทเี่ ปน็ แนวเบส ใหแ้ กก่ ลุ่มเครือ่ งลมทอง เหลอื ง
Back to the top 8) ซซู าโฟน (Sousaphone) เป็นเคร่อื งดนตรีท่ี จอร์น ฟลิ ิป ซูซำ (Johe Philip Sousa,1854-1932)ประดษิ ฐข์ ้นึ เพ่ือใชแ้ ทนทูบำ เพือ่ ใหง้ ่ำยแกก่ ำรเดนิ สนำม สุ้มเสยี งของซซู ำโฟน มี เสยี งแบบเดยี วกบั ทบู ำ ฉะนน้ั จงึ ใชแ้ ทนกันได้
5.เคร่อื งดนตรปี ระเภทล่ิมน้ิว (Keyboard) เครอ่ื งดนตรใี นกลมุ่ นม้ี กั นยิ มเรยี กทบั ศพั ทใ์ นภำษำอังกฤษวำ่ “เคร่ืองดนตรีประเภท คีย์บอรด์ ” ลักษณะเดน่ ของเครือ่ งดนตรีท่อี ย่ใู นกล่มุ น้ีกค็ อื มลี ิม่ นิ้วสำหรับกดเพือ่ ปรับเปลีย่ นระดบั เสียง ดนตรี ลม่ิ นวิ้ สำหรับกดเรียกวำ่ “คยี ์ (Key)” เครอ่ื งดนตรีแต่ละชนดิ มีจำนวนคยี ์ไม่เทำ่ กนั โดยปกติสี ของคยี เ์ ป็นสขี ำวกับดำ คียส์ ดี ำโผล่สงู ข้นึ มำมำกกวำ่ คยี ์สีขำว กำรเกิดเสยี งของเครอื่ งดนตรีในกลุ่มนมี้ ีหลำยลักษณะเช่นเปียโน ฮำร์ปสิคอรด์ คลำวคิ อรด์ เกิดเสียงโดยกำรกดคีย์ทต่ี อ้ งกำรแล้วคียน์ ัน้ จะสง่ แรงไปทีก่ ลไกตำ่ ง ๆ ภำยในเครื่องเพ่ือท่จี ะไปทำใหส้ ำย โลหะที่ขึงตึงส่ันสะเทอื นทำให้เกดิ เสียงดังขึ้น เคร่อื งดนตรปี ระเภทคยี บ์ อร์ดบำงชนดิ ใช้ลมพ่นไปยังลน้ิ โลหะให้สน่ั สะเทือนทำให้เกดิ เสยี ง ในปัจจบุ นั นิยมใชน้ ้อยมำกเช่น ออร์แกน แอกคอรเ์ ดยี น สำหรบั เมโลเดียนและเมโลดกิ ำซึง่ นำมำใช้ประกอบกำรเรียนกำรสอนในโรงเรียนระดบั อนุบำลจนถึงระดบั ประถมศกึ ษำนน้ั ก็จัดอยูใ่ นเครอื่ งดนตรีประเภทคยี ์บอร์ดเช่นกัน
ในปจั จุบันนเ้ี คร่อื งดนตรปี ระเภทคีย์บอร์ดที่เกิดเสยี งโดยใช้วงจรอิเล็กโทรนกิ ส์ ไดร้ ับควำม นยิ มมำกเพรำะสำมำรถเลียนแบบเสยี งเคร่อื งดนตรีต่ำง ๆ ได้หลำยชนดิ ซงึ่ ไดพ้ ัฒนำมำจำกออรแ์ กน ไฟฟำ้ นน้ั เองมีหลำยชอ่ื แต่ละช่ือมคี ณุ ลกั ษณะแตกต่ำงกันไปเชน่ เคร่อื งอเิ ล็กโทนคอื เครือ่ งดนตรปี ระเภท คยี บ์ อรด์ ทม่ี จี ังหวะในตัวสำมำรถบรรเลงเพลงตำ่ ง ๆ ได้ด้วยนักดนตรีเพียงคนเดียว ในยคุ คอมพิวเตอร์เครื่องดนตรปี ระเภทคีย์บอร์ดได้ววิ ฒั นำกำรไปมำกเสียงตำ่ ง ๆ มีมำกขึ้น นอกจำกเสียงดนตรีแลว้ ยังมีเสียงเอฟเฟคต่ำง ๆ ใหเ้ ลอื กใชม้ ำกเสยี งตำ่ ง ๆ เหลำ่ นเ้ี ป็นเพยี งเสียงที่ สงั เครำะห์ ขึ้นมำด้วยระบบอเิ ล็กโทรนิกดงั น้นั เครื่องดนตรีประเภทน้จี ึงถกู เรยี กว่ำ “ซนิ ธไิ ซเซอร์ (Synthesizer)” 1) เปยี โน (Piano) เปียโนเป็นเครือ่ งดนตรปี ระเภทคยี ์บอร์ดประเภทใช้สำยเสียงหรอื ประเภทลม่ิ นว้ิ ทีม่ ีวิวฒั นำกำรมำจำกฮำรป์ สคิ อร์ด (Harpsichord) ประดิษฐ์ข้ึนครั้งแรกทเ่ี มอื งฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตำลี ในต้นศตวรรษที่ 18 เดมิ มชี ่ือเรยี กว่ำเปียโนฟอรเ์ ตเพรำะทำได้ท้ังเสยี งเบำและเสยี งดงั สำยเสียงจะถูกตีดว้ ยค้อนเช่อื มโยงไปทคี่ ีย์กดโดยผ่ำนเครอื่ งกลไกซับซ้อนทีเ่ รยี กวำ่ แอคชั่น (Action) เปยี โนเป็นเครื่องดนตรีท่ีสำมำรถเลน่ เปน็ ทำนองเพลงและเปน็ เสยี งประสำนหรือเล่นเปน็ คอร์ดได้ ในขณะทีเ่ ลน่ ผู้เล่นตอ้ งใชม้ ือ 2 ข้ำงเลน่ พรอ้ มกัน เปียโนเหมำะสำหรับเปน็ เคร่ืองดนตรปี ระจำ บำ้ น สำมำรถบังคบั ให้เสยี งดังหรือเบำไดโ้ ดยกำรเหยียบเพดลั (Pedal) ดำ้ นลำ่ งของเคร่ือง เปยี โนมี เพดลั 3 แบบ คือ 1. เพดัลประเภทให้เสียงตอ่ เนือ่ ง จะอยู่ทำงขวำสว่ นเทำ้ เหยียบของผู้เลน่ เมื่อเหยยี บเพดัล ลงไปจะทำให้เสียงทุกเสยี งทก่ี ดยำวต่อเนอ่ื งกนั ไป 2. เพดัลประเภทเด่ยี วอยตู่ รงกลำงระหว่ำงเท้ำเหยยี บของผู้เลน่ เมอ่ื เหยยี บเพดัลลงทำให้ เสยี งยำวต่อเนื่องหรือลำกยำวไดเ้ สยี งเดยี วหรอื คอรด์ เดยี ว 3. เพดลั แบบอูนำคอร์ดำ อยูท่ ำงซำ้ ยส่วนเทำ้ เหยียบของผู้เล่นเม่ือเหยยี บเพดัลลงทำเสยี ง เบำได้ช่วยลดเสียงหรอื ทำให้เสียงเบำลง เปียโนประกอบด้วย 2 ประเภทคอื แกรนดเ์ ปียโน (Grand Piano) สำยของเปียโนชนดิ นี้เรียง สำยในแนวนอน และอพั – ไรทเ์ ปียโน (Up – right Piano) สำยของเปยี โนชนิดน้ีเรียงสำยในแนวตั้ง เปยี โนเป็นเครือ่ งดนตรที ีม่ ีชว่ งเสียงกว้ำงมำกถงึ 7 ? ออคเทฟ (Octaves) หรอื ในบำงรุ่นอำจมถี งึ 8 ออคเทฟ (Octaves) มีล่มิ ทั้งหมด 88 ล่ิม
Back to the top 2) ออร์แกน (Organ) เป็นเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดประเภทใชล้ มทมี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ุดกล่าวกัน ว่าเป็น “The King of Instruments” เป็นเคร่ืองดนตรสี าคัญในโบสถใ์ ช้บรรเลงประกอบบทเพลง รอ้ ง ทางศาสนาที่เรียกวา่ “เพลงโบสถ”์ (Church Music) จงึ มักเรียกออร์แกนทีอ่ ยใู่ นโบสถ์วา่ เป็น “ออรแ์ กน โบสถ์” (Church Organ) เมือ่ มีลมเป่าผา่ นทอ่ ทาใหเ้ กดิ เสยี งท่อละหนง่ึ เสยี งออร์แกนมีแผงคีย์ สาหรบั กดดว้ ยนวิ้ มอื และแผงคยี เ์ หยยี บดว้ ยเทา้ แผงคยี ท์ ก่ี ดเลน่ ดว้ ยมือเรียกว่าแมนนว่ ล (Manual) แผงคีย์ ที่ เหยยี บด้วยเทา้ เรียกว่าเพดลั (Pedal) การบังคับกลุม่ ท่อตา่ ง ๆ ซึ่งจดั ไวเ้ ปน็ พวกเดียวกันทาไดโ้ ดย การ ใชป้ มุ่ กดหรือคนั ยกขน้ึ ลงทเ่ี รียกวา่ สต็อป (Stops) ออร์แกนขนาดใหญ่จะมีกลุ่มทอ่ เปลยี่ นเสยี ง เรียกว่า ไพพ์ (Pipes) เปน็ จานวนมากเพอ่ื ใช้สรา้ งสีสันแหง่ เสยี งไดห้ ลากหลาย ออรแ์ กนสมัยใหมใ่ ชไ้ ฟฟา้ บังคบั
แทนลมซึ่งตามแบบดัง้ เดิมนนั้ ลมทใ่ี ชเ้ กิดจากการอัดลมดว้ ยเทา้ ของผเู้ ลน่ หรอื ไม่ก็มผี ู้ช่วยอัดลมแทน ให้ Back to the top 3)ฮำรป์ สคิ อรด์ (Harpsichord) เปน็ เครื่องดนตรที ีเ่ ก่ำแก่ใช้กนั มำกในศตวรรษที่ 16,17 และ18 เกดิ กอ่ นเปียโน สำยภำยในเคร่อื ง ดนตรีจะถกู เกีย่ วด้วยไม้ดีด ขณะท่เี รำกดคยี ล์ งไป ฮำรป์ สิคอร์ดไม่สำมำรถเล่นให้เกิดเสียงดงั – ค่อย ไดเ้ หมอื นเปยี โน Back to the top 4)คลำวิคอร์ด (Clavichord) เปน็ เคร่อื งดนตรีคยี ์บอรด์ ในยคุ แรก ๆ ประเภทเกดิ เสยี งได.้ จำกกำรดดี โดยมสี ำยเสยี งทข่ี งึ ไปตำมสว่ นรปู ของกลอ่ งไม้ ส่วนปลำยสดุ ของคีย์จะมกี ลไกกำรงดั หรือ แตะของลิ่มทองเหลอื งเล็ก ๆ เมื่อผู้เล่นกดคยี ์ลงไปลม่ิ ทองเหลอื งนก้ี ็จะยกข้ึนและตีไปที่สำยเสยี งเพื่อทำ ใหเ้ กดิ เสียง
คลำวิคอรด์ เปน็ เคร่อื งดนตรปี ระเภทคยี ์บอรด์ ประเภทแรกท่ีสำมำรถเลน่ ได้ทงั้ เบำและดังโดย เปลี่ยนแปลงนำ้ หนักกำรกดคยี ์ เสยี งทไ่ี ด้จำกคลำวคิ อร์ดนม้ี ีควำมไพเรำะและนุ่มนวล Back to the top 5) แอกคอรเ์ ดียน (Accordion) เปน็ เคร่อื งดนตรปี ระเภทลิม่ นิว้ เช่นเดียวกับเปยี โนเสียงของ แอกคอรเ์ ดยี นเกดิ จำกกำรสั่นสะเทือนของลิ้นทองเหลอื งเล็ก ๆ ภำยในตวั เครอ่ื งอนั เนอื่ งมำจำกกำรเล่น ผำ่ นเข้ำ – ออกของลมซ่ึงตอ้ งใช้แรงของผู้เล่นสูบเข้ำ – ออก แอกคอรเ์ ดยี นมหี ลำยขนำดเชน่ ขนำด 25 ลิ่มนว้ิ 12 เบส ขนำด 37 ลิ่มน้ิว 80 เบส และขนำด ใหญซ่ ง่ึ นิยมใชเ้ ล่นโดยท่ัวไปจะมี 41 ลิ่มน้วิ 120 เบส และยังมปี ุม่ ปรบั เสียงเปลี่ยนระดับเสียงตดิ อยู่ทำง ด้ำนขวำอกี หลำยปมุ่ ทำงด้ำนซำ้ ยอำจมชี อ่ งปรับควำมดัง – คอ่ ยซึง่ เปิด – ปิด ไดอ้ ีก 3-4 ชอ่ ง ป่มุ ปรบั ระดับเสียงจะเปน็ ปมุ่ เสียงตำ่ (Low reed) แอกคอรเ์ ดยี นนยิ มใช้กบั วงดนตรีขนำดเลก็ เชน่ วงดนตรปี ระจำหมูบ่ ้ำน วงดนตรีลูกทุ่ง วงคอมโบ วงโฟล์คซอง เป็นต้น
เครื่องดนตรีประเภทเคร่ืองตกี ระทบไดแ้ ก่ เคร่อื งดนตรีทีเ่ กดิ เสียงดงั ข้นึ จำกกำรตกี ระทบ กำรส่นั กำรเขย่ำ หรอื กำรเคำะ กำรตอี ำจใชไ้ ม้ตหี รือใช้สง่ิ หนึ่งกระทบเข้ำกบั อีกส่งิ หนึ่งเพอ่ื ทำใหเ้ กดิ เสียง เคร่ืองตีกระทบประกอบขนึ้ ด้วยวัสดุของแข็งหลำยชนิด เช่น โลหะ ไม้ หรอื แผ่นหนงั ขงึ ตึง เคร่อื งดนตรีในกลุ่มเครอ่ื งตกี ระทบแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื
4.1 เครือ่ งดนตรีมรี ะดับเสยี งแน่นอน เครอื่ งดนตรใี นกลุม่ น้ีมรี ะดับเสียงสูงตำ่ เหมอื นกบั เครื่องดนตรปี ระเภทอื่นเกิดเสียงโดยกำรตกี ระทบ ไดแ้ ก่ 1)ระฆังรำว (Tubular Bells) ในภำษำองั กฤษเรียกระฆงั รำววำ่ “Orchestral Bells” และ “Chimes” เครื่องดนตรีชนิดนป้ี ระดิษฐข์ ้ึนเพ่อื เลยี นเสียงระฆงั จรงิ ๆ ทำดว้ ยท่อโลหะแขวนเรียง ตำมลำดบั เสยี งตำ่ ไปยังเสยี งสงู ทอ่ โลหะที่มขี นำดสนั้ จะเปน็ เสยี งสูงส่วนท่อยำวจะเปน็ เสยี งตำ่ แขวนกับ โครงโลหะในแนวดง่ิ ใชไ้ มต้ ีทปี่ ลำยทอ่ ดำ้ นหวั จะเกดิ เปน็ เสยี งเหมือนเสยี งระฆัง Back to the top 2)มำริมบำ (Marimba) คือเครื่องตีกระทบทม่ี ีระดับเสยี งแน่นอนเป็นระนำดของดนตรี ตะวนั ตก ลักษณะท่ัว ๆ ไปเหมอื นกับไซโลโฟนหรือไวปรำโฟนเปน็ ระนำดไมข้ นำดใหญล่ ูกระนำดทำด้วย ไมท้ มี่ ชี อื่ ว่ำ “โรสวดู้ ” ใตล้ กู ระนำดมีท่อโลหะตดิ อย่เู พอ่ื เป็นตัวขยำยเสียง
Back to the top 3)ไซโลโฟน (Xylophone) คอื เครื่องตกี ระทบทมี่ รี ะดบั เสยี งแนน่ อน เปน็ ระนำดไม้ ขนำดเลก็ ของดนตรีตะวันตกลกั ษณะทว่ั ไปคลำ้ ยกบั มำรมิ บำหรอื ไวบรำโฟนลกู ระนำดทำด้วยไมเ้ น้ือแข็ง จัดเรียงลำดบั เสยี งตำมบันไดเสยี งโครมำตกิ (Chromatic) เชน่ เดียวกับเปียโนหรอื ออร์แกนใตล้ ูกระนำด มีท่อโลหะติดอยเู่ พื่อเปน็ ตวั ขยำยเสยี งประกอบดว้ ย 2 ขนำด Back to the top 4)ไวปรำโฟน (Vibraphone) คอื เครอื่ งตกี ระทบที่มีระดับเสยี งแนน่ อนเปน็ ระนำด โลหะของดนตรีตะวันตก ลกั ษณะทั่วไปคลำ้ ยกับมำริมบำหรอื ไซโลโฟนเปน็ ระนำดขนำดใหญ่ ลกู ระนำด ทำดว้ ยโลหะใต้ลูกระนำดมที อ่ โลหะเพ่ือเปน็ ตวั ขยำยเสียงมแี กนใบพดั เลก็ ๆ ประจำอย่แู ตล่ ะท่อใช้ระบบ มอเตอรห์ มุนใบพัด ทำให้เกดิ เอฟเฟค (Sound Ettect) เสยี งสัน่ รัวได้
Back to the top 4.2 เครอ่ื งดนตรมี ีระดับเสยี งไม่แน่นอน เคร่อื งดนตรีในกลุ่มนี้ไม่มรี ะดับเสยี งแน่นอนหนำ้ ทส่ี ำคญั ก็คอื ใชเ้ ปน็ เครือ่ งดนตรปี ระกอบจังหวะเกิดเสียง โดยกำรตี สนั่ เขยำ่ เคำะ หรอื ขูด ประกอบดว้ ย 1) ฉำบ (Cymbals) ฉำบคือเครื่องตกี ระทบ มหี ลำยลักษณะบำงชนิดใช้ตเี ปน็ คู่ใหเ้ กดิ เสยี งผตู้ ีต้องสอดมือเข้ำไปทหี่ รู อ้ ยฉำบซ่ึง ทำด้วยสำยหนงั แบฝ่ำมอื ประกบแนบกับฝำฉำบตรงสว่ นนนู กลำงฉำบ แล้วตกี ระทบฝำฉำบด้วยมอื ทั้งสองข้ำง ฉำบบำงชนิดใชเ้ พียงข้ำงเดยี ว ตีด้วยไม้ตี ฉำบประเภทนต้ี ้องตดิ ต้ังบนขำต้งั เชน่ ฉำบสำหรับกลองชดุ ฉำบมี หลำยขนำดเสน้ ผำ่ ศนู ย์กลำงมำกก็จะทำให้เกิดเสียงดัง และควำมกอ้ งกงั วำนมำกขนึ้ ด้วย Back to the top 2)ไทรแองเกลิ หรอื ก่ิง (Triangle)
คือเคร่ืองตีกระทบ ทำด้วยแทง่ โลหะ ดัดให้เปน็ รูปสำมเหลี่ยม แท่งโลหะมขี นำดเสน้ ผำ่ ศูนยก์ ลำงประมำณ 1 ซ.ม. เพอื่ ใหเ้ สียงดงั กังวำนตอ้ งแขวนกง่ิ ไว้ กบั เชือกแล้วตกี ระทบด้วยแทง่ โลหะ ก่ิงมเี สยี งแจม่ ใสมีชวี ิตชีวำ Back to the top 3) มำรำคสั (Maracas) คือ เคร่อื งตีกระทบเดมิ ทำดว้ ยผลนำ้ เต้ำแก่จัดทำใหแ้ หง้ ภำยใน บรรจดุ ว้ ยเมลด็ น้ำเต้ำ เมลด็ ถ่วั ตำ่ ง ๆ ตอ่ ดำ้ มไวส้ ำหรบั ถือเวลำเลน่ ใช้เขยำ่ เพือ่ ใหเ้ กดิ เสยี งดงั ซ่ำ ๆ จะ เขย่ำดว้ ยมอื ทัง้ สองข้ำงใหด้ ังสลบั กันในปจั จบุ ันทำดว้ ยไมแ้ ละมักใช้ประกอบในเพลงประเภทลกู กรงุ ของ ไทย หรือเพลงในกลุม่ อเมริกำใต้ Back to the top 4)คำบำซำ (Cabaza) คือเคร่อื งกระทบจังหวะเดมิ ทำดว้ ยผลน้ำเต้ำหรือ ผลบวบแห้งภำยนอกกรอบ ๆ ทอ่ หุม้ ด้วยลกู ประคำรอ้ ยเชือกมีดำ้ มถือหรือไม่ มกี ไ็ ด้เกิดเสยี งโดยกำรหมนุ ส่นั เขยำ่ ถู เพ่ือใหล้ กู ประคำเคลือ่ นท่ีเสียด สกี ับผวิ ของผลนำ้ เต้ำหรือผลบวบทำให้เกดิ เสียงดังข้นึ เสยี งของคำบำซำ ฟังคล้ำยกับเสียงของมำรำคัสปจั จบุ ันคำบำซำทำดว้ ยไม้ประกอบโลหะ เปน็ ทรงกระบอกมดี ำ้ มจับถือ ผิวของทรงกระบอกห่อหุม้ ดว้ ยแผน่ โลหะ ทำผิวให้ขรุขระลูกประคำทำด้วยโลหะร้อยตดิ กันลอ้ มรอบผิวโลหะ
Back to the top 5) กลองใหญ่ (Bass drum) คอื เครอ่ื งตกี ระทบ มี 2 หน้ำขงึ ด้วยหนงั กลอง กลองใหญ่ท่ใี ชใ้ นวงออรเ์ คสตรำจะ มีขนำดใหญก่ วำ่ 32 น้ิว ถ้ำใชใ้ นวงโยธวำทิตจะมีขนำดตง้ั แต่ 24-32 น้ิว ตดี ว้ ยไม้ตี ปลำยไมข้ ้ำงหนึ่งทำเปน็ ปมไวส้ ำหรับใช้ ตีกระทบกบั หนังกลอง ปมนั้นอำจจะหุ้มดว้ ยสกั หลำด ไมก้ อ็ ก ผำ้ นวม หรือฟองนำ้ เสยี งกลองใหญ่ตีเนน้ ยำ้ จงั หวะเพือ่ ให้ เกิดควำมหนกั แน่น หรืออำจจะใช้รัวเพอ่ื ให้เกิดควำมตืน่ เตน้ รัวเพ่อื สรำ้ งจดุ สนใจในบทเพลงเพ่ิมขนึ้ กไ็ ด้ Back to the top 6)กลองเลก็ (Snare drum) กลองเล็ก คือเครอ่ื งตกี ระทบ มี 2 หนำ้ ขงึ ดว้ ยหนงั กลอง ลกั ษณะเฉพำะกค็ ือหนำ้ กลองดำ้ นล่ำงขงึ คำดไวด้ ว้ ยสำยสะแนรท์ ำด้วยเอ็นสัตว์ในปัจจุบันสำยสะแนร์ มีทงั้ ที่ทำด้วยไนลอ่ นและทำด้วยเสน้ ลวดโลหะ กลองเล็กมชี อื่ เรียกหลำยช่ือ เชน่ Snare drum มีขำตั้งรองรบั
ตัวกลองใชเ้ ปน็ ส่วนหน่ึงของกลองชุดหรอื นำมำใช้บรรเลงประกอบจังหวะสำหรบั วงออรเ์ คสตรำหรอื วงดนตรี อืน่ ๆ ที่นงั่ บรรเลง สำหรับวงโยธวำทติ และแตรวงมตี วั ยดึ กลองทำด้วยโลหะคล้องยึดไวก้ ับลำตัวของผู้ตีกลอง จะอยดู่ ้ำนหน้ำของผู้ตี Back to the top 7)กลองทิมปำนี (Timpani) กลองทมิ ปำนเี ป็นกลองท่มี ลี กั ษณะเหมือนกะทะหรือกำต้ม นำ้ จงึ มชี ือ่ หนง่ึ วำ่ Kettle drum ตวั กลองทำดว้ ยโลหะทองแดงตั้งอยบู่ นขำหยัง่ กลองทิมปำนีมีระดับ เสียงแน่นอนเทยี บเทำ่ กับเสียงเบส มีเท้ำเหยยี บเพอ่ื เปล่ยี นระดับเสียงตำมที่ตอ้ งกำร ในกำรบรรเลง ต้องใชอ้ ย่ำงนอ้ ย 2 ใบ จงึ มีรปู พหพู จนอ์ ยู่เสมอคอื “Timpani” ถำ้ เปน็ เอกพจน์หรือกลองลูกเดยี วเรยี ก ว่ำ “Timpano” เสียงของกลองทิมปำนแี สดงอำนำจควำมยิ่งใหญ่ต่ืนเตน้ เร้ำใจ กลองทมิ ปำนเี ปน็ กลองทมี่ รี ะดบั เสยี งที่นยิ มมี 4 ขนำด คือ 20 นว้ิ 23 น้ิว 26 นว้ิ และ29นว้ิ กลองแตล่ ะใบจะมชี ว่ งหำ่ งของเสียงอยู่รำวคู่ 5 เพอรเ์ ฟค (Perfect) และถำ้ ตอ้ งกำรจะใหม้ ีเสียงทด่ี ีควร จดั ใหเ้ สยี งอยชู่ ่วงกลำง เสียงของกลองแต่ละใบมชี ่วงกว้ำงของเสยี งดงั นค้ี ือ
Back to the top 8)กลองชุด (Drum set) กลองชดุ คอื กลองทีป่ ระกอบด้วยกลองใหญ่ กลองสะแนร์ ฉำบ 1 หรอื 2 ใบ กลองทอม 2 หรอื 3 ลกู ไฮแฮท 1คู่ พร้อมทง้ั ยังเพมิ่ เคร่อื งกระทบจงั หวะอน่ื ๆ ประกอบเขำ้ ดว้ ยกนั เป็นพเิ ศษอกี เชน่ คำวเบลส์ เปน็ ตน้ Back to the top 9)คองกำ้ (Conga) คองก้ำคือชอื่ กลองชนดิ หนง่ึ มีรปู ทรงตำ่ ง ๆ กัน โดยปกตมิ ีควำมสงู ประมำณ 30 นิ้ว เส้นผ่ำศนู ยก์ ลำงประมำณ 11 นิ้ว ตวั กลองทำดว้ ยไมอ้ ำจใช้ท่อนไม้นำมำขุดให้กลวง หรอื ใชแ้ ผ่นไมต้ ดั ให้เปน็ รปู ทรงตัวกลองคำดแผน่ โลหะไว้รอบตวั กลองตดิ ยดึ ดว้ ยหมุดโลหะ คองก้ำเป็น กลองหนำ้ เดียว ขึงด้วยหนังสตั ว์ กลองคองกำ้ มหี ลำยขนำด ต่ำงระดับเสียงกัน จะใช้ 3-5 ใบ หรอื มำกกวำ่ นน้ั กไ็ ด้ ปกติใช้
อยำ่ งต่ำ 2 ใบตีสอดสลบั กันตำมลลี ำจังหวะของบทเพลง ตีดว้ ยปลำยนิ้วและฝ่ำมอื เชน่ เดยี วกบั กำรตี กลองบองโก Back to the top 10) กลองบองโก (Bongos) กลองบองโกเป็นกลองคู่ตอ้ งมี 2 ลูกเสมอ เล็ก 1 ลูก ใหญ่ 1 ลูก ระดับเสียงของกลอง 2 ลกู ตัง้ ใหห้ ่ำงกนั ในระยะคู่ 4 หรอื คู่ 5 โดยประมำณ หนงั กลองบองโกต้ังตึง กว่ำกลองคองก้ำ กลองบองโกทงั้ สองลกู ตดิ ตง้ั กับอปุ กรณ์ยดึ ติดให้อยคู่ ่กู ัน ขณะท่ตี ีกลองผตู้ ตี ้องหนบี กลองทั้ง 2 ใบ ให้อยรู่ ะหวำ่ งขำท้งั 2 ข้ำงด้วยหัวเข่ำหรือวำงต้ังไวบ้ นขำต้ังโลหะก็ได้ กลองบองโกจะตอ้ งตีดว้ ยปลำยนิ้วมือและฝำ่ มือเชน่ เดียวกบั กลองคองก้ำ Back to the top 11)แทมบูรีน(Tambourine) เป็นเครื่องตกี ระทบจงั หวะประกอบข้ึนด้วยขอบกลมเหมอื น ขอบกลองขนำดเลก็ ประมำณ 10 นวิ้ ขอบอำจจะทำดว้ ยไม้ พลำสตกิ หรอื โลหะ รอบ ๆ ขอบติดดว้ ย แผน่ โลหะประกบกัน 2 แผ่นหรอื ตดิ ดว้ ยลูกกะพรวนเปน็ ระยะใช้ตกี ระทบกบั ฝำ่ มือ หรอื สัน่ เขยำ่ ให้เกดิ เสยี งดงั กร๋งุ กริ๋งเพอ่ื ประกอบจงั หวะ แทมบรู ีนบำงชนิดขึงดว้ ยหนัง 1 ดำ้ น ใชฝ้ ่ำมอื ตที ห่ี นงั ได้
Back to the top 12)คำวเบลส์ (Cowbells) คำวเบลสค์ ือเครอื่ งดนตรีประเภทตกี ระทบ พัฒนำมำจำก กระดง่ิ ผกู คอววั นำมำทัง้ รูปร่ำงและช่อื รปู ทรงคลำ้ ยกับระฆงั มำกกวำ่ กระดิ่ง ตีดว้ ยไม้กลอง คำวเบลส์ ใชม้ ำกในดนตรลี ะตนิ อเมรกิ ำ ดนตรีประกอบกำรเตน้ ลลี ำศหรอื เพลงลูกทงุ่ ของไทย คำวเบลสย์ งั ใชเ้ ป็น อุปกรณ์สว่ นหนึ่งของกลองชุดอีกด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: