ต อ น ท่ี ๒ การสถาปนาอาณาจักร สุโขทัย หนว่ ยการเรยี นที่ 2 เรอื่ งประเดน็ สาคญั ในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย โรงเรยี นบรรพตพสิ ัยพทิ ยาคม จังหวัดนครสวรรค์ สำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำนครสวรรค์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธกิ ำร
การสถาปนาอาณาจักรสุโขทยั ปรากฏหลักฐานในชว่ งกลาง พทุ ธศตวรรษที่ 18 สาเหตุจาก ทา้ เลทต่ี ั้งเหมาะสม แมล่ า้ นา้ ยม ไหลผ่าน สามารถตดิ ตอ่ คา้ ขาย กบั ผคู้ นหัวเมืองเหนือตอนบน บริเวณลุม่ แม่น้าเจ้าพระยา ตอนกลาง ตลอดจนบริเวณ ภาคใต้ผา่ นนครศรธี รรมราช จนถึงฝั่งทะเลด้านตะวันออก ตดิ ต่อกับบรเิ วณแม่นา้ โขง จึง ทา้ ใหส้ โุ ขทัยเปน็ ศูนยก์ ลางทง้ั ทางบกและทางน้า อาณาจักร สโุ ขทัยจึงเจริญรุ่งเรอื งในเวลา ตอ่ มา
แผนทแ่ี สดงขอบเขต 1. ลา้ นนา อาณาจกั รท่มี อี า้ นาจมากที่สดุ กอ่ นการสถาปนาอาณาจกั ร รัฐโบราณใน 2. ลา้ นชา้ ง สโุ ขทัย คอื อาณาจกั รขอมโบราณ (ยคุ พระเจ้าชัยวรมนั ท่ี 7) 3. เวยี งจนั ทน์ ดินแดนประเทศไทย 4. ล้าน้ามูล และใกล้เคยี ง 5. นครวดั -นครธม 6. ปัตตานี กอ่ นการสถาปนา 7. ไทรบรุ ี กรงุ ศรีอยุธยา 8. นครศรีธรรมราช 9. สุพรรณภูมิ 10. ละโว-้ อโยธยา 11. สุโขทยั 12. หงสาวดี 13. พกุ าม 14. สิบสองจไุ ท
การขยายตัวของชุมชนสโุ ขทัย อาณาจักรขอมเสือ่ มอ้านาจ การเตบิ โตของชมุ ชน เคลื่อนยา้ ยถิน่ ฐาน กษัตรยิ ข์ อมพระเจ้าชัยวรมนั ท7่ี สิ้นพระชนม์ ทา้ เลท่ตี ้ังสโุ ขทัยเป็นศนู ยก์ ลาง มีความสมั พนั ธ์ทีด่ ีกบั อาณาจักรอน่ื อาณาจกั รอน่ื ยอมรบั อา้ นาจสโุ ขทยั เปน็ เสน้ ทางติดตอ่ ท้งั ทางบกและทางน้า อาณาจักรอื่นๆ กแ็ ยกตวั เป็นอสิ ระจากขอม มฐี านะเป็นสถานีการคา้ ของอาณาจักรละโว้ (ลพบุรี) ทกุ อาณาจกั รเรง่ ฟ้ืนฟู มอี ิสระของตนเอง มีผูน้ ้าชุมชนที่เข้มแขง็ พ่อขุนบางกลางหาว และพอ่ ขุนผาเมือง
1. สโุ ขทยั เริ่มตั้งตัวเป็นอิสระ เมื่อพ่อขุนศรีนาวน้าถม ขอมสบาด พอ่ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ ยกทัพมาตเี มอื งอสิ ระท่แี ยกตัวจากอ้านาจขอมได้ เชน่ โขลญลาพง เมืองแกง่ หลวง/เมอื งอโยธยา/เมืองละแวก และเมืองสโุ ขทัย (นายทหารขอม/ ขึน้ เป็นกษตั ริย์ ผู้ดแู ลเทวาลัย) 2. ขอมอ่อนแอมาก หลังจากพระเจา้ ชัยวรมนั ที่ 7 สิน้ พระชนม์ สถาปนาอาณาจกั ร (พ.ศ.1761) ถงึ ขนาดไมส่ ามารถส่งทัพมายตุ กิ ารรกุ รานได้ 1750-1760 แตส่ ง่ ขอมสบาดโขลญล้าพงมาดูแล โดยตงั้ ทัพท่ีเมอื งละโว้ สโุ ขทยั 3. ขอมพยายามสร้างสมั พนั ธ์ฉนั ทเ์ ครอื ญาตกิ ับสุโขทัย 1792 โดยพระเจ้าอินทรวรมนั ท2่ี (พ.ศ.1762-1786) สง่ ธดิ า คือพระนางสิขรมหาเทวี มาสมรสกบั พ่อขนุ ผาเมอื ง พ.ศ.1700-1724 1762 (เจ้าเมอื งราด) และมอบพระขรรคช์ ยั ศรใี ห้ เปลย่ี นพระนาม ให้เป็น กมรเต็งอัญศรีอนิ ทราบดินทราทติ ย์ (เป้าหมายคอื พ่อขุนศรีนาวนาถม พระเจา้ ชัยวรมันท่ี 7 ใหล้ กู เขยมีศักดิ์และสทิ ธิเทียบเท่าพ่อตา และปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ เชื้อสายเชียงแสน กษตั ริยข์ อม แยกตัวออกไปเป็นอิสระ) ครองเมอื งสโุ ขทัย สิ้นพระขนม์ และศรีสัชนาลัย รัฐตา่ งแยกตวั เป็นอิสระจากขอม และยกทพั ไปตเี มอื งในปกครองของขอม TIMELINE การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทัย
ตา้ นานสงิ หนวตั ิกุมาร (บางแห่งเรียกลวจกั ราช) ตน้ ราชวงศ์เชยี งแสน สร้างเมอื งนาคพนั ธ์สงิ หนวตั ิ (เชยี งแสน) ตน้ ราชวงศ์เชียงแสน มีโอรสสืบเช้อื สายหลายชัน้ จนถงึ ขุนจอมธรรม พอ่ ขุนบางกลางหาว พอ่ ขุนศรนี าวน้าถม พระเจา้ สรุ ิยวรมันท่ี 7 เมอื งสวนตาล (นาคอง) เจ้าเมอื งบางยาง เจา้ เมืองศรีสัชนาลยั -สุโขทยั (พระเจ้าชยั วรมันที่ 7) กษัตริยข์ อม ขุนเจอื ง เมอื งพะเยา ตอ่ มาได้เป็นกษตั ริย์ นางสิงขรเทวี (ธิดา) สืบเชื้อสายมาถงึ พอ่ ขนุ เม็งราย สโุ ขทัย ทรงพระนามวา่ (ล้านนา) พ่อขนุ ศรอี ินทราทติ ย์ นางเสือง พอ่ ขุนผาเมอื ง พระยาคา้ แหง่ พระราม พอ่ ขนุ บานเมอื ง (ขนุ ปาลราช) เจ้าเมืองราด พระศรศี รัทธา บวชเป็น ขอมใหช้ ่อื สมเดจ็ มหาเถรศรศี รทั ธา พอ่ ขนุ รามคา้ แหง ศรีบดนิ ทราอินทราทติ ย์ ราชจฬุ ามณี
ขอ้ สันนิษฐานเก่ียวกบั การข้ึนครองราชยข์ องพ่อขนุ ผาเมอื ง - พอ่ ขุนบางกลางหาว การเทียบก้าลงั ระหวา่ ง 2 กองทพั และพอ่ ขุนผาเมืองเสียเปรียบ กองทพั ของพอ่ ขนุ ผาเมืองตอ่ ตา้ นอา้ นาจของขอมสบาดโขลญล้าโพงมาระยะหน่งึ แตก่ องทัพของพ่อขนุ บางกลางหาวยงั ไม่ไดร้ บจงึ สามารถปอ้ งกนั เมอื งสโุ ขทัยในกรณีทขี่ อมยกทพั มาโจมตีซ้า พอ่ ขุนผาเมือง อาศยั หลักฐาน ศลิ าจารึกหลกั ที่ 2 วดั ศรชี มุ ตอนหน่งึ กลา่ วว่า \"พอ่ ขุนผาเมืองมสิ ู้เขา\" พ่อขนุ บางกลางหาว สันนิษฐานว่า นา่ จะหมายถงึ การเทยี บก้าลงั ระหว่าง 2 กองทัพและพอ่ ขนุ ผาเมือง ยอมรับความพ่ายแพ้ กลุ่มคนไทยไมไ่ วใ้ จพอ่ ขุนผาเมอื ง เน่อื งจาก อาศัยหลักฐานคือ โบราณราชประเพณขี องขอม สทิ ธใิ นพระราช พ่อขนุ ผาเมอื งมสี ถานะเป็นลูกเขยของกษัตรยิ ์ บัลลงั ก์จะตกแก่พระธดิ าองคโ์ ต ดังนน้ั พอ่ ขนุ ผาเมอื ง ซง่ึ เสกสมรส ขอมดังนัน้ การท่ีไทยขับไล่อา้ นาจของขอม กับพระราชธิดาองค์โต (เป็นการสันนิษฐาน) ของกษัตริยข์ อม ออกไปได้ คนไทยจึงอาจจะไม่ต้องการให้ ท้าให้มีสถานะเป็นพระราชบุตรเขยทีจ่ ะสืบทอดราชบลั ลงั กซ์ ่ึงใน ผู้ปกครองไทย มคี วามสมั พันธท์ างเครอื ญาติ กรณีน้ี นับวา่ เปน็ การรวมเอาเมืองสุโขทัยกลับไปขนึ้ กบั ขอมอกี กับกษัตริยข์ อมอกี คร้งั ในระยะเวลาอันใกล้ คนไทยจงึ ไมส่ นับสนนุ พอ่ ขุนผาเมือง
หลงั การครองเมอื งสโุ ขทัยของพอ่ ขุนบางกลางหาว ได้เปลี่ยนพระนามใหม่เปน็ พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ พ.ศ. 1792 ทรงสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัยขึน้ และต้ังราชวงศ์พระรว่ ง มีกษตั รยิ ค์ รองสืบกนั ต่อมา 9 พระองค์ 1. พอ่ ขุนศรอี ินทราทิตย์ เสวยราชยร์ าว พ.ศ. 1792 ถึงปีใดไมป่ รากฏ 2. พ่อขุนบานเมอื ง ครองต่อมาจนถงึ พ.ศ. 1822 3. พ่อขุนรามคา้ แหงมหาราช พ.ศ. 1822-1841 4. พระยาเลอไทย พ.ศ. 1841-1866 5. พระยางั่วน้าถมุ พ.ศ. 1866-1890 6. พระมหาธรรมราชาท่ี 1 หรอื พระยาลไิ ทย พ.ศ. 1890-1911 7. พระบรมธรรมราชาท่ี 2 พ.ศ. 1911-1942 8. พระมหาธรรมราชาที่ 3 หรอื พระยาไสยลือไทย พ.ศ. 1943-1962 9. พระมหาธรรมราชาท่ี 4 หรือพระยาบาล พ.ศ. 1962-1981
รายนามและการครองราชย์ของพระมหากษตั ริยส์ มยั อาณาจกั รสโุ ขทยั (ราชวงศ์พระรว่ ง) ลำดับ พระบรมรูป พระนำม พระรำชสมภพ เร่ิมครองรำชย์ สิ้นรชั กำล สวรรคต ระยะเวลำครองรำชย์ พ.ศ. 1740 พ.ศ. 1792 1 พ่อขุนศรอี นิ ทรำทติ ย์ (พอ่ ขุนบำงกลำงหำว) พ.ศ. 1822 30 ปี (กมรเตงอญั ศรีอินทรบดนิ ทรำทิตย์) (พระชนมำยุ 82 พรรษำ) 2 พอ่ ขนุ บำนเมอื ง พ.ศ. 1780 พ.ศ. 1822 1 ปี (พระชนมำยุ 42 พรรษำ) 3 พ่อขุนรำมคำแหงมหำรำช (พ่อขุนรำมรำช) พ.ศ. 1780 พ.ศ. 1822 พ.ศ. 1842 20 ปี (พระชนมำยุ 62 พรรษำ) (พระบำทกมรเตงอญั ศรีรำมรำช) 4 พระยำเลอไทย พ.ศ. 1805 พ.ศ. 1842 พ.ศ. 1866 24 ปี (พระชนมำยุ 61 พรรษำ) 5 พระยำง่วั นำถม 1809 พ.ศ. 1866 พ.ศ. 1890 24 ปี (พระชนมำยุ 81 พรรษำ) 6 พระมหำธรรมรำชำท่ี 1 (ลไิ ทย) 1843 พ.ศ. 1890 พ.ศ. 1911 21 ปี (พระชนมำยุ 68 พรรษำ) [พระบำทกมรเตงอญั ศรสี ุรยิ พงศ์รำมมหำรำชำธิรำช] (พระบำทกมรเตงอญั ฦๅไทยรำช) ภายใต้การปกครองของอาณาจกั รอยุธยา 7 พระมหำธรรมรำชำที่ 2 ? พ.ศ. 1911 พ.ศ. 1942 31 ปี 8 พระมหำธรรมรำชำที่ 3 (ไสลือไทย) ? พ.ศ. 1943 พ.ศ. 1962 19 ปี 9 พระมหำธรรมรำชำท่ี 4 (บรมปำล) ? พ.ศ. 1962 พ.ศ. 1981 19 ปี
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: