วดั พระธาตลุ าปางหลวง ศิลปะลา้ นนา บารมีเมือง จดั ทาโดย นางอรอนงค์ ตมุ้ นาค คร ู ค.ศ.1โรงเรยี นอนบุ าลเกาะคา(น้าตาลอนเุ คราะห)์ ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลาปางสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา ลาปางเขต 2
คาํ นาํ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เร่ือง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ศิลปะลา้ นนา บารมีเมือง เล่มน้ี จดั ทาํ ข้ึนเพ่ือตอ้ งการนาํ เสนอความสวยงามของโบราณสถาน โบราณวตั ถุ วดั คู่บา้ นคู่เมืองจงั หวดั ลาํ ปาง ท่ีมีอายเุ ก่าแก่ มีประวตั ิความเป็นมาท่ียาวนาน มีงานศลิ ปะ และสถาปัตยกรรมลา้ นนาที่สวยสดงดงาม ที่ชาวบา้ นสร้างข้ึนเป็นพุทธบชู าและ เพอื่ เผยแพร่ใหผ้ สู้ นใจในประวตั ิของวดั พระธาตุลาํ ปางหลวงไดศ้ ึกษาหาความรู้ความเป็นมาความสาํ คญั ของวดั คู่บา้ นคู่เมืองลาํ ปางวา่ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงน้ี มีความยง่ิ ใหญ่และสาํ คญั มีคุณค่าทางจิตใจแก่ชนชาวลาํ ปางมากเพยี งไหน และเพ่อื ตอ้ งการใหน้ กั ท่องเท่ียว และผเู้ กี่ยวขอ้ งร่วมช่วยกนั ในการอนุรักษณ์สถาปัตยกรรม และโบราณสถาน โบราณวตั ถุเหล่าน้ีไวอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมดว้ ยเช่นกนั นางอรอนงค์ ตุม้ นาค ผจู้ ดั ทาํ
สารบญั หน้าเรื่อง ๑ตาํ นานและความเป็นมา ๑๑สถาปัตยกรรม โบราณสถาน โบราณวตั ถุวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ๑๑ ๑๒๑. ก่พู ระเจา้ ลา้ นทอง วหิ ารหลวง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา ลาํ ปาง ๑๔๒. ซุม้ ประตโู ขง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา ลาํ ปาง ๑๖๓. สิงห์ปูนป้ัน ฐานชุกชี วหิ ารน้าํ แตม้ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาํ ปาง ๑๙๔. พระธาตุลาํ ปางหลวง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาํ ปาง ๒๐๕. โคมร้ัว วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาํ ปาง ๒๑๖. จิตรกรรมฝาผนงั วหิ ารน้าํ แตม้ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ๒๓๗. สถาณการณ์สร้างวรี บุรุษ ที่วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง๘. ตน้ ขะจาว ๒๖พุทธมรดก ความทา้ ทายอนุรักษ์ ๒๗ปัญหาการอนุรักษณ์ และการบูรณะวดั วา อาราม โบราณสถานโบราณวตั ถุ ๓๐บรรณานุกรม
๑ ตานานวดั พระธาตุลาปางหลวง ความยง่ิ ใหญ่และสง่างามของวดั พระธาตุลาปางหลวงน้ัน เห็นและสัมผสั ได้เด่นชัดทนั ที ต้งั แต่เมอื่มองจากบริเวณภายนอกในระยะไกลหลายร้อยเมตร เป็ นความงามทสี่ ะกดผู้พบเหน็ ให้ต่นื ตะลงึ ใจ จนรู้สึกตวัเลก็ ลบี ลงในช่ัวพริบตา ในบรรดาคาํ พรรณนาชื่นชมวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง บทความช่ือ ‘เท่ียวเมืองลา้ นนา’ โดยไมเคิลไรทม์ ากสุด อาจารยไ์ มค์ เขียนไวว้ า่ ‚โอพ้ ระธาตุลาํ ปางหลวงเอ๋ย ไม่รู้จะสรรเสริญดว้ ยคาํ ใด เห็นท่านแลว้กิเลสหล่น ค่าเราเพยี งเถา้ ถ่าน หมดไฟ‛ ส้ัน กระชบั เขา้ เป้ า ถูกตอ้ ง และใช่เลย
๒ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพ้ืนท่ีกวา้ งขวาง และสร้างข้ึนอยา่ งประณีตดีเยยี่ ม จนกลายเป็นความยงิ่ ใหญ่ท่ีชวนใหร้ ู้สึกอศั จรรยใ์ จ ความสง่างามน้นั เกิดจาก การออกแบบวางผงั วดั ดว้ ยภูมิปัญญาอนั ชาญฉลาด ฝี มือเชิงช่างท่ีล้าํ เลิศ เปี่ ยมดว้ ยคุณค่าความงามทางศิลปะ และสภาพหอ้ มลอ้ มรอบ ๆบริเวณวดั ตวั วดั ท้งั วดั ต้งั อยบู่ นเนินยอ่ ม ๆ (ซ่ึงไม่ใช่เนินตามธรรมชาติ แต่เป็นฝี มือมนุษย์ ถมดินก่อข้ึน) สูงจากพ้ืนราบปกติประมาณสิบเมตร เนินน้นั ช่วยขบั เนน้ เสริมให้ วหิ ารหลวงและองคพ์ ระธาตุเจดีย์ ซ่ึงอยหู่ ลงั เขตแนวกาํ แพงแกว้ (หรือเรียกกนั อีกอยา่ งวา่ ศาลาบาตร) เพม่ิ ทวคี วามสูงจนโดดเด่นข้ึนกวา่ เดิมอีกมาก ประกอบกบั รอบ ๆ บริเวณวดั ครอบคลุมเลยไกลไปสุดหูสุดตา ไม่มีอาคารบา้ นเรือนตึกสูงใด ๆ มาบดบงั หรือรบกวนทศั นียภาพ ความยง่ิ ใหญ่สง่างามน้นั จึง เปล่งประกายอยา่ งถึงท่ีสุด และสามารถสัมผสั รับรู้ได้ทนั ที ถึงเจตนาในการออกแบบสร้างข้ึน โดยมุ่งหมายเนรมิตใหเ้ ป็นเขตแดนศกั ด์ิสิทธ์ิ สูงส่งเหนือกวา่ โลกปกติของปุถุชน พดู อีกแบบ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง คือภาพจาํ ลองอยา่ งเป็นรูปธรรมของสวรรคบ์ นดิน และเป็นภาพจาํ ลองสรวงสวรรคแ์ ดนศกั ด์ิสิทธ์ิ ซ่ึงไปไดก้ วา้ งไกลสุดเท่าที่จินตนาการของมนุษย์ (ในยคุ สมยั อดีต)จะสามารถนึกคิดประดิษฐอ์ อกมาได้ นี่ยงั ไม่นบั รวมว่า มีส่ิงก่อสร้างอาคารสาํ คญั ๆ อีกมากมายหลายหลากภายในวดั ซ่ึงสร้างข้ึนอยา่ งอลงั การวจิ ิตรบรรจง เฉพาะในมุมของผนู้ ิยมชมชอบทางศลิ ปะ
๓ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงเปรียบไดก้ บั พิพธิ ภณั ฑห์ รือหอศิลป์ ขนาดใหญ่ ซ่ึงเกบ็ รวบรวมจดั แสดงผลงานศลิ ปะช้นั เยย่ี ม จาํ นวนนบั ไม่ถว้ น ยกยอ่ งกนั วา่ น่ีเป็นแหล่งรวมงานศิลปกรรมลา้ นนาท่ีสมบูรณ์ถึงพร้อมมากสุดอีกแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ล้าํ เลิศเป็นหน่ึงในจงั หวดั ลาํ ปาง (ซ่ึงมงั่ คงั่ ดว้ ยวดั สวย ๆ เยอะแยะมากมาย) เท่าน้นั แต่ถือเป็นเพชรน้าํ เอกครอบคลุมทว่ั ตลอดท้งั ภาคเหนือเลยทีเดียว หลายส่ิงหลายอยา่ งในวดั น้ี หาดูที่ไหนอีกไม่ได้แลว้ กระทงั่ ในเชียงใหม่ ซ่ึงเคยมีฐานะเป็นราชธานีของอาณาจกั รลา้ นนา กเ็ หลือตกทอดมาถึงปัจจุบนั ไม่เพยี บพร้อมครบถว้ น เทียบเท่า ที่สาํ คญั คือวหิ ารสามหลงั ไดแ้ ก่ วหิ ารหลวง วหิ ารพระพุทธ และวหิ ารน้าํ แตม้ ผรู้ ู้นกั วชิ าการต่างลงความเห็นวา่ เหล่าน้ีเป็นวหิ ารอายเุ ก่าแก่มากสุดของลา้ นนา (ประมาณคร่าว ๆ วา่ สร้างข้ึนในพุทธศตวรรษที่21 หรือราว ๆ 500 กวา่ ปี ) และยงั คงสภาพใกลเ้ คียงกบั ของเดิมเม่ือคร้ังแรกสร้าง แมจ้ ะมีการซ่อมแซมบูรณะทวา่ กร็ ักษาความกลมกลืน และมีการเปล่ียนแปลงผดิ แผกแต่เพยี งนอ้ ยนิด สันนิษฐานต่อไดว้ า่ เดิมทีในเชียงใหม่และจงั หวดั อ่ืน ๆ ทางภาคเหนือ คงจะมีโบราณสถานหลายแห่ง สมบูรณ์ใกลเ้ คียงกบั วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ขอ้ แตกต่างน้นั อยทู่ ี่ว่า ในอดีตที่ผา่ นมา พ้นื ที่เขตจงั หวดั ลาํ ปาง ไม่ค่อยไดร้ ับผลกระทบจากสงครามระหวา่ งลา้ นนากบั พม่ามากนกั เมื่อเทียบกบั ถ่ินยา่ นละแวกอ่ืน วดั วาอารามสาํ คญั หลายแห่ง จึงไม่เสียหาย ไม่ถกู ปล่อยทิง้ ร้าง และไดร้ ับการดูแลรักษาต่อเนื่องสม่าํ เสมอ
๔ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง มีครบถว้ นท้งั 3 องคป์ ระกอบหลกั ในการชื่นชมใหเ้ กิดความดื่มด่าํประทบั ใจแบบดาํ ดิ่งลงลึก นน่ั คือ มีตาํ นานเร่ืองเล่าหอ้ มลอ้ มแนบเคียงจาํ นวนมาก, ขอ้ มูลหนาแน่นในทางวชิ าการดา้ นประวตั ิศาสตร์และโบราณคดี และทา้ ยสุด มีคาํ อธิบายเยอะแยะมากมายในแง่ความงามทางศิลปะ วา่กนั เฉพาะประวตั ิความเป็นมา กม็ ีตน้ ตอบ่อเกิด หลายทาง (ซ่ึงเล่าความไม่ลงรอยตรงกนั นกั ) ท่ีเล่าความเหตุการณ์ยอ้ นกลบั ไปไกลและเก่าสุด ปรากฏในหนงั สือ ‘ตาํ นานพระบรมธาตุลาํ ปางหลวง’ (ซ่ึงน่าจะเป็นการเขียนข้ึนในช้นั หลงั โดยอา้ งอิงจากเอกสารหลายชิ้น ที่ยงั ไม่เก่าเกินไปนกั ) กล่าวถึงความเป็นมาเก่ียวกบั วดั น้ี ไว้วา่ เมอ่ื คร้ังพระพทุ ธเจ้าผ่านพ้นการตรัสรู้ได้ 25 พรรษา ทรงราํ พงึ วา่ สืบไปเบ้ืองหนา้ หากทรงมีอายุครบ 80 พรรษา กจ็ ะเสดจ็ เขา้ สู่ปรินิพพาน จึงควรอธิษฐานธาตุใหย้ อ่ ย เพ่ือใหเ้ หล่าอรหนั ตแ์ ละผคู้ นนาํ ไปบรรจุไวเ้ ป็นท่ีสักการบูชา เสมือนพระองคย์ งั มีชีวติ อยู่ ขยายความใหง้ ่ายแก่การเขา้ ใจ นน่ั เป็น กาํ เนิดจุดเร่ิมตน้ ของแนวคิดเรื่องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไวใ้ นเจดีย์ และคติเกี่ยวกบั การไหวบ้ ชู าพระธาตุในเวลาต่อมา รุ่งข้ึนวนัถดั มาเป็นวาระออกพรรษา พระพุทธเจา้ พร้อมดว้ ยเหล่าสาวก ออกสญั จรไปตามเมืองนอ้ ยใหญ่ กระทง่ั ถึงหม่บู า้ นนามวา่ ลมั ภะการีวนั ทรงเสดจ็ ประทบั นง่ั เหนือดอยม่อนนอ้ ย (เขาเต้ีย) ขณะน้นั มีชายผหู้ น่ึงชื่อ ลวั๊ ะอา้ ยกอน ผา่ นมาพบพระพุทธเจา้ กเ็ กิดจิตศรัทธาเล่ือมใส จึงนาํ เอาน้าํ ผ้งึ บรรจุกระบอกไมป้ ้ าง(ไมข้ า้ วหลามไมเ้ ปราะ) มะพร้าวและมะตูมอยา่ งละ 4 ลูก ถวายแก่พระพุทธองค์ ทรงรับแลว้ ส่งกระบอกน้าํ ผ้งึน้นั แก่พระอานนท์ นาํ ไปกรองลงบาตร จึงฉนั น้าํ ผ้งึ น้นั และโยนกระบอกไมไ้ ปทางทิศเหนือ พระพุทธเจา้ ทรงมีพยากรณ์วา่ ต่อไปเบ้ืองหนา้ ที่แห่งน้ีจะมีผมู้ าสร้างเมืองชื่อ ‘ลมั ภะกปั ปะนคร’พร้อมท้งั ยกพระหตั ถข์ วาลบู พระเศียร ไดพ้ ระเกศา 1 เส้น แลว้ มอบใหล้ วั๊ ะอา้ ยกอน ลวั๊ ะอา้ ยกอนรับพระเกศาน้นั แลว้ กบ็ รรจุใส่ผอบ และร่วมกบั พระเจา้ ปเสนทิ ฯ (ซ่ึงติดตามมาปรนนิบตั ิพระพุทธเจา้ ) พระอรหนั ต์ช่วยกนั ขดุ หลุมกวา้ ง 5 วา ลึก 5 วา จากน้นั กอ็ ญั เชิญผอบพระเกศาบรรจุฝังลงในหลุม ก่อเป็นพระเจดียเ์ หนือหลุมอุโมงคส์ ูง 7 ศอก พระพทุ ธเจา้ ทรงพยากรณ์ต่อไปวา่ หลงั จากพระองคป์ รินิพพานแลว้ 218 ปี จะมีพระอรหนั ต์ 2 องค์ ช่ือพระกมุ าระกสั สะปะเถระ นาํ เอาอฐั ิพระนลาตเบ้ืองขวา (กระดูกหนา้ ผาก) และพระเมฆิยะเถระนาํ อฐั ิพระศอ (กระดูกคอ) ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั มาบรรจุเพม่ิ ไวใ้ นท่ีน้ีอีก และเจดียน์ ้ีจะปรากฏเป็นพระเจดียท์ องคาํ ไดช้ ่ือวา่ ‘ลมั ภะกปั ปะ’ พยากรณ์เสร็จสรรพ พระพทุ ธเจา้ กอ็ อกเสดจ็ จาริกไปโปรดสัตวย์ งับา้ นเมืองอ่ืนต่อ
๕ เม่ือพระพทุ ธเจา้ ปรินิพพานไปแลว้ 218 ปี เหตุการณ์ทุกอยา่ งกเ็ ป็นไปตามคาํ พยากรณ์ แต่เร่ืองในตาํ นานยงั ไม่จบ พงศาวดารโยนกของพระยาประชากิจกรจกั ร (แช่ม บุนนาค) เล่าเหตุสืบเน่ืองต่อมาไวว้ า่ พระเจา้ สุวรรณภูมิ มีโอรส 2 องค์ คือ พระเจา้ อาทิตยร์ าช และพระเจา้ จนั ทะเทวราช เพือ่ ใหง้ ่ายต่อการจดจาํ ขออนุญาตเรียกส้ัน ๆ วา่ พระอาทิตยแ์ ละพระจนั ทร์ คร้ังน้นั พระอาทิตยแ์ ละพระจนั ทร์ เสดจ็ ออกเดินทางมาทาํ การบูรณะพระธาตุ พระอาทิตยบ์ ูรณะพระธาตุหริภุญชยั นครลาํ พนู ส่วนพระจนั ทร์บูรณะพระธาตุลมั ภะกปั ปะนคร หรือพระธาตุลาํ ปางหลวง ควรตอ้ งหมายเหตุไวเ้ ลก็ นอ้ ย บางตาํ ราระบุวา่ เป็นกษตั ริยผ์ คู้ รองดินแดนสุวรรณภมู ิ นามวา่ พระเจา้ จนั ทรเทวราช ที่แตกต่างกนั อีกนิดกค็ ือ ทางหน่ึงเล่าวา่ เสดจ็ มาบูรณะองคพ์ ระธาตุโดยตรง แต่อีกทางหน่ึงพระจนั ทร์ยกทพั ผา่ นมายงั เมืองน้ี เห็นพระเจดียม์ ีสภาพชาํ รุดทรุดโทรม แต่ท่ีสอดคลอ้ งตรงกนั กค็ ือ พระจนั ทร์ท่านทรงทราบกิตติศพั ทค์ าํ ร่าํ ลือ เกี่ยวกบั ความศกั ด์ิสิทธ์ิของพระบรมธาตุ จึงเกิดความตอ้ งการ อยากอญั เชิญพระธาตุกลบั ไปยงั บา้ นเมืองของตน เพอื่ ทาํ การสกั การบชู า จึงประกอบพิธีอญั เชิญพระบรมธาตุ บรรจุลงในผอบ ทวา่ เชา้ วนั ต่อมา เม่ือเปิ ดผอบพระบรมธาตุกอ็ นั ตรธานหายไป (บางตาํ รากเ็ ล่าโลดโผนยง่ิ ข้ึนวา่ พระธาตุไดแ้ สดงปาฏิหาริยล์ อยกลบั สู่ที่เดิม เป็นท่ีอศั จรรยแ์ ก่ผพู้ บเห็นโดยทว่ั หนา้ ) สรุปรวมความแลว้ พระจนั ทร์กอ็ ญั เชิญพระธาตุไม่สาํ เร็จ และเพิ่มพนู ความเล่ือมใส สร้างพระสถปูเจดียเ์ สียใหม่ ใหใ้ หญ่โตสวยงามและแขง็ แรงยง่ิ ข้ึน รวมท้งั สร้างหุ่นยนตล์ งอาคมถืออาวธุ ประจาํ ตาํ แหน่ง 4 ทิศแลว้ ก่ออุโมงคค์ รอบทบั ลงไป เพื่อทาํ หนา้ ท่ีคุม้ ครองเฝ้ าระวงั รักษาพระบรมสารีริกธาตุ เหตุการณ์กน็ ิ่งสงบไปอีกเน่ินนาน ไม่ทราบเวลาท่ีแน่ชดั เร่ืองทาํ นองเดิม ๆ คลา้ ยคลึงกนั กเ็ กิดข้ึนอีกคร้ัง พระยาพละหรือพระยาพลราช เจา้ เมืองแพร่ ทราบความอนั เป็นท่ีเลื่องลือเก่ียวกบั ความศกั ด์ิสิทธ์ิของพระธาตุที่ลมั ภะกปั ปะนคร จึงเสดจ็มาพร้อมเหล่าเสนา ขา้ บริวารจาํ นวนมาก เพือ่ ประกอบพธิ ีอญั เชิญพระธาตุ คราวน้ีหนกั ขอ้ ยงิ่ กวา่ เสียอีก คือ ขดุพบแค่แผน่ เงิน ที่กลบหลงั หุ่นยนต์ และขดุ ลึกลงไปกวา่ น้นั ไม่ได้ เจาะพ้นื ดินไม่เขา้ หุ่นยนตป์ ้ องกนั ตา้ นทานเอาไวอ้ ยา่ งแขง็ ขนั พระยาพลราชจึงเกณฑผ์ คู้ นรวบรวมกอ้ นหิน และท่อนไมข้ นาดใหญ่มาเป็นจาํ นวนมากและนดั แนะกนั โถมทุ่มสรรพสิ่ง ลงไปในหลุมพร้อม ๆ กนั หวงั ใหน้ ้าํ หนกั ของหินและไม้ เททบั พ้นื หลุมน้นั ให้พงั ทลาย
๖ ตาํ นานบนั ทึกไวว้ า่ พ้ืนหลุมไม่มีร่องรอยบอบช้าํ บุบสลาย แต่หินและไมเ้ ป่ื อยป่ นละเอียดเป็นผยุ ผงทาํ ซ้าํ ๆ เช่นน้ีอยู่ 2-3 คร้ัง ลว้ นไดร้ ับผลดงั เดิมไม่ผดิ เพ้ียน พระยาพลราชทราบแน่แก่ใจวา่ ไม่มีบุญญาบารมีเพยี งพอในการอญั เชิญพระธาตุ และยอมสยบนอ้ มรับต่อความศกั ด์ิสิทธ์ิ จึงสั่งใหห้ าตวั คนกระทาํ ความผดิ คิดชวั่4 คน มาประหารฆ่าทิ้ง แลว้ เอามากองสุมกนั ใหเ้ ทา้ ช้ีไปคนละทิศ เพ่อื เป็นกาํ ลงั เสริมในการปกป้ องคุม้ ครององคพ์ ระธาตุสืบไป และยงั ถมดินจนราบเรียบเท่าพ้นื ใหห้ าไมข้ ะจาวมาปลกู ตรงกลางหลุม รวมท้งั ปลูกไม้เดียวกนั หอ้ มลอ้ มท้งั 4 ทิศ เพื่อเป็นเครื่องหมายระบุตาํ แหน่ง พระยาพลราชทาํ เช่นน้นั ดว้ ยเชื่อวา่ หากแมน้ วนัหน่ึงขา้ งหนา้ หุ่นยนตล์ งอาคมชาํ รุดพงั ลงหรือเสื่อมดว้ ยเวทมนตร์ พระองคจ์ ะไดเ้ สดจ็ ยอ้ นกลบั มาประกอบพิธีอญั เชิญพระธาตุอีกคร้ัง
๗ ตานานอกี เร่ืองหนึ่งของวดั พระธาตุลาปางหลวง ซ่ึงเล่าขานสืบต่อกนั มาอย่างแพร่หลาย คอืเหตุการณ์ทเี่ กยี่ วข้องกบั เจ้าแม่จามเทวหี รือพระนางจามเทวี เร่ืองราวโดยละเอียดของพระนาง บนั ทึกไวใ้ นเอกสารโบราณหลายชิ้น ที่สาํ คญั กเ็ ช่น จามเทววี งศ์พงศาวดารเมืองหริปุญไชย และ ชินกาลมาลีปกรณ์ ฯลฯ แต่ละตาํ นานกร็ ะบุวนั เดือน ปี รวมท้งั ขอ้ มูลรายละเอียดบางช่วงบางตอนผดิ แผกแตกต่างกนั(โดยเฉพาะประวตั ิความเป็นมาในช่วงตน้ ของพระนางจามเทวี ซ่ึงโลดโผนพสิ ดารแทบจะไม่ตรงกนั เลย) จนถึงบดั น้ีกย็ งั ไม่มีขอ้ สรุปท่ีถูกตอ้ งแน่ชดั พดู แบบกวา้ งๆ พระนางจามเทวเี ป็นกษตั ริยท์ ี่สาํ คญั องค์หน่ึงแห่งนครหริภุญชยั (หรือ จงั หวดั ลาํ พนู ในปัจจุบนั ) ทรงนาํ ความเจริญหลากหลายประการ ท้งั ในดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง ตลอดจนความรุ่งเรืองทางดา้ นศิลปะและอารยธรรม มาสู่ดินแดนภาคเหนือ สรุปความรวมๆ จากตาํ นานหลายเล่ม พอจะประมวลคร่าวๆ ไดว้ า่ พระนางจามเทวเี ป็นพระธิดาของเจา้ ผคู้ รองนครละโว้ (บางตาํ รากอ็ า้ งวา่ พระนางเป็นชาวหริภุญชยั โดยกาํ เนิด แต่พระเจา้ กรุงละโวน้ าํ ไปชุบเล้ียง เป็นลูกบุญธรรม) ต่อมาไดเ้ สดจ็ เดินทางไปครองเมืองหริภุญชยั ระยะเวลาสร้างเมืองน้นั ปราชญห์ ลายท่านคาํ นวณศกั ราชจากเอกสารโบราณ แลว้ ประมาณวา่ อยใู่ นระหวา่ ง พ.ศ. 1071-1204 เฉพาะส่วนที่เก่ียวขอ้ ง กบั วดัพระธาตุลาํ ปางหลวง ตาํ นานเล่าไวว้ า่ ล่วงสู่ พ.ศ. 1200 เศษ คราวหน่ึงเจา้ แม่มหาเทวี (พระนางจามเทว)ี เสดจ็ ไปทพั ยงั แม่สลิต จนการท้งัปวงสาํ เร็จเรียบร้อย ระหว่างเสน้ ทางกลบั ไดแ้ วะพกั ต้งั ค่ายยงั บริเวณท่ีเรียกวา่ สบยาว (ปัจจุบนั คือ ตาํ แหน่งที่ปากหว้ ยแม่ยาวไหลมาบรรจบ แม่น้าํ วงั ทางทิศใตห้ ่างจากวดั พระธาตุลาํ ปางหลวงประมาณ 2 กิโลเมตร) ตกดึกกป็ รากฏแสงไฟจากละแวกใกลเ้ คียง และลอยพงุ่ ลงมายงั กลางค่ายพกั เบ้ืองตน้ พระนางจามเทวี เขา้ พระทยั วา่ชาวบา้ นละแวกน้นั หม่ินพระบรมเดชานุภาพ ของพระองค์ แกลง้ จุดไฟโตนดเล่น รุ่งข้ึนจึงทรงไต่ถามบรรดาเสนาบดีผใู้ หญ่ ไดค้ วามวา่ หามีผใู้ ดพบเห็นประกายไฟน้นั ไม่มีเพียงพระนางองคเ์ ดียวท่ีทอดพระเนตรเห็นในท่ีประชุมน้นั มีชายผหู้ น่ึงชื่อ ล่ามพนั ทอง กราบทลู วา่ ท่ีพระแม่เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ ห็นไฟโตนดตกน้นั หาใช่ไฟโตนดไม่ ที่แทค้ ือพระบรมสารีริกธาตุของพระพทุ ธเจา้ ท่ีต้งั อยวู่ ดั ลมั ภะกปั ปะนคร หากเสดจ็ แสดงปาฏิหาริยใ์ ห้พระแม่เจา้ อยหู่ วั ไดท้ ราบ ท้งั น้ีโดยบุญญาธิการของพระแม่เจา้ อยหู่ วั ต่างหาก
๘ เมื่อฟังคาํ กราบทูลแลว้ พระนางกเ็ ขา้ พระทยั โดยปัญญา และมีรับสง่ั ใหเ้ ตรียมพลยกไปยงั ลมั ภะกปั ปะนคร แลว้ เสดจ็ กราบไหวบ้ ูชาองคพ์ ระธาตุดว้ ยอาการอนั เคารพยง่ิ ฝ่ ายชาวบา้ นเมื่อทราบข่าว กช็ กั ชวนกนั มาเขา้ เฝ้ า เพอื่ ชื่นชมพระบารมี พระนามจามเทวที รงตรัสถามถึงทุกขส์ ุขต่างๆ กบั ปวงเหล่าชาวบา้ น จนทราบวา่ เร่ืองเดือดเน้ือร้อนใจ สาหสั เพยี งอยา่ งเดียว กค็ ือ ขาดแคลนน้าํสาํ หรับใชก้ ินดื่ม ตอ้ งนาํ เกวยี นไปบรรทุกจากแม่น้าํ วงั และหว้ ยแม่ยาว กินระยะทางไกล พอประทงั ความยากลาํ บากชว่ั คร้ังชว่ั คราว ส่วนบริเวณเขตยา่ นกลางเมือง ขดุ บ่อไวม้ ากมาย กห็ าน้าํ มิไดเ้ ลย พระนางจามเทวจี ึงทรงกราบไหวพ้ ระธาตุ กล่าวสจั จะอธิษฐานวา่ แมน้ ท่ีน้ีเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุของพระพทุ ธเจา้ จริงแลว้ ไซร้ ขา้ พเจา้ ขอใหส้ ายน้าํ จงแตกออกตรงใจกลางเมืองน้ี เพ่อื ใหเ้ ป็นท่ีอาศยั แก่หม่คู นท้งั หลายอนั ไดร้ ับความเดือดร้อนน้นั แลว้ พระองคก์ ท็ รงเสดจ็ กลบั ยกทพั ยาตราไปจนกระทง่ั แวะพกั ที่เมืองตาลเมืองรมณีย์ (เมืองตาลหรือเมืองรมณีย์ เป็นเมืองร้างต้งั อยรู่ ะหวา่ งดอยขนุ ตาล ไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือของท่ีวา่ การอาํ เภอหา้ งฉตั ร) ยอ้ นกลบั มายงั ลมั ภะกปั ปะนคร เมื่อขบวนทพั ของพระแม่เจา้ เสดจ็ กลบั ไปแลว้ เยน็ วนั น้นั หญิงชรานาม ยายลอน ไดพ้ บท่ีบริเวณหน่ึง ปรากฏรอยน้าํ ซึมออกมาบนผวิ ดิน จึงขดุ ใหล้ งลงไป เห็นสายน้าํ พวยพงุ่หลากไหล ยายลอนกบ็ อกกล่าว ชกั ชวนชาวบา้ นอื่นๆ มาดู และช่วยกนั ใชจ้ อบเสียมขดุ น้าํ น้นั กย็ ง่ิ ไหลแรง คนท้งั ปวงกพ็ ดู ลงเน้ือความตรงกนั หมดวา่ ชะรอยจะเป็นดว้ ยบุญญาธิการแห่งพระแม่เจา้ กระทาํ สัจจะอธิษฐานเป็นแน่แท้ เมื่อลองดื่มกิน กพ็ บวา่ น้าํ บ่อน้ีแปลกกวา่ บ่ออ่ืน คือ ใสเยน็ มีรสกินอร่อย รุ่งข้ึนผเู้ ป็นจ่าบา้ น (พอ่ เมือง) กห็ าหมอ้ น้าํ ใหม่อยา่ งดี ตกั ตวงน้าํ จากบ่อจนเตม็ ห่อหุม้ ดว้ ยผา้ อยา่ งดี แลว้ใชค้ นหามมุ่งตรงไปยงั เมืองตาล พระนางจามเทวที อดพระเนตรเห็น ทรงตรัสถามวา่ น้ีเป็นส่ิงใด คนเหล่าน้นั กก็ ราบทูลเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน จึงทรงมีรับสงั่ ใหน้ างเฒ่าแก่ขา้ ราชบริพาร ชิมดื่มดู นางเฒ่าแก่กราบทูลวา่ น้าํ น้ีมีรสดีกว่าน้าํ เจด็ ริน อนั อยใู่ นเมืองหริภุญชยั ของพระองค์ สดบั ฟังดงั น้นั พระนางจามเทวจี ึงมีรับส่งั ต่ออาํ มาตย์ จดั ส่งผคู้ นกลบั ไปยงั ลมั ภะกปั ปะนคร เพอ่ื หาท่ีทางสาํ หรับปลูกแต่งพลบั พลา ที่ประทบัคร้ันแลว้ เสร็จ พระนางจามเทวกี ย็ าตราทพั จากเมืองตาล เสดจ็ ไปยงั พลบั พลาน้นั ทรงชาํ ระสระสรงพระวรกายโดยใชน้ ้าํ จากบ่อท่ีไดอ้ ธิษฐานไวจ้ นหมดจด แลว้ เสดจ็ ไปนมสั การพระบรมสารีริกธาตุ แลว้ กใ็ หม้ ีการฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุตลอด 7 วนั 7 คืน ถวายนาราคาลา้ นเบ้ียใหเ้ ป็นนาประจาํ พระบรมสารีริกธาตุ ถวายล่ามพนั ทองและนางดอกไม้ (ซ่ึงเป็นทาสชายหญิงของพระองค)์ พร้อมดว้ ยเหล่าบริวารอีก 8 ครัว ใหอ้ ยเู่ ฝ้ า
๙ ปฏิบตั ิรักษาพระธาตุ อีก 2 ครัวใหเ้ ฝ้ ารักษาบ่อน้าํ เสร็จสรรพเรียบร้อยแลว้ พระองคจ์ ึงเสดจ็ กลบัตาํ นานเร่ืองพระนางจามเทวกี บั วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง กส็ ิ้นเน้ือความแต่เพียงเท่าน้ี ไม่มีหลกั ฐานพิสูจนย์ นื ยนั วา่ ตาํ นานดงั กล่าวเป็นเร่ืองเทจ็ จริงประการใด และพดู กนั ตามตรงอิทธิฤทธ์ิปาฏิหาริยต์ ่าง ๆ นานาท่ีปรากฏในเรื่องเล่าขาน ก็ ‘เชื่อยาก’ สาํ หรับเราๆ ท่านๆ ในยคุ สมยั ปัจจุบนั ที่วทิ ยาศาสตร์เขา้ มามีบทบาทต่อชีวติ อาจเป็นไปไดว้ า่ พระนางจามเทวเี คยเสดจ็ มายงั วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงจริงและคงจะทรงทาํ นุบาํ รุงพระธาตุใหม้ น่ั คงแขง็ แรงกวา่ เดิม ส่วนสีสันโลดโผนต่างๆ อาจเป็นเรื่องราวท่ีผกู แต่งข้ึนดว้ ย 2 วตั ถุประสงค์ คือ เสริมส่งบุญญาบารมีของพระนางใหโ้ ดดเด่นยงิ่ ข้ึน และตอกย้าํ ถึงความศกั ด์ิสิทธ์ิของการเป็นท่ี ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นยั ยะสาํ คญั ที่แทจ้ ริงของตาํ นานน้ี คือ การอธิบายวา่ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงน้นั มีมานมนานกาเลและยอ้ นลึกไปไกลมาก เทียบเคียงกบั ตาํ นานอ่ืนๆ (ซ่ึงเล่าไวใ้ นบทความชิ้นท่ีแลว้ ) เรื่องของพระนางจามเทวี มีน้าํ หนกั ความน่าเช่ือและเป็นไปไดม้ ากกวา่ เร่ืองเล่าท่ีเหลือท้งั หมด อยา่ งนอ้ ยบุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ ง กพ็ สิ ูจนไ์ ดจ้ ากหลกั ฐาน ทางประวตั ิศาสตร์และโบราณคดีวา่ เคยมีตวั ตนอยจู่ ริง รวมท้งั มีระยะเวลายนื ยนั กาํ หนดกรอบกวา้ งๆเอาไวค้ ่อนขา้ งแน่ชดั ถา้ ตาํ นานน้ีมีความจริงเจือปนอยู่ นน่ั หมายความวา่ ระหวา่ งพ.ศ. 1,000 กวา่ ๆ ไปจนถึงพ.ศ. 1,200 กวา่ ๆ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ไดม้ ีปรากฏข้ึนแลว้ และเป็นวดั สาํ คญั ที่ชาวบา้ นเคารพนบั ถือเก่าและมีอายมุ ากสุดๆ แห่งหน่ึงเลย ถา้ เทียบกบั โบราณสถานอื่นๆ ท้งั หมดในบา้ นเรา
๑๐ ในทางประวตั ิศาสตร์นครลาปาง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงมีประวตั ิวา่ เม่ือปี พ.ศ. ๒๒๗๕ นครลาํ ปางวา่ งจากผคู้ รองนคร และเกิดความวนุ่ วายข้ึน สมยั น้นั พม่าเรืองอาํ นาจไดแ้ ผอ่ ิทธิพลปกครองอาณาจกั รลา้ นนาไว้ไดท้ ้งั หมด พม่าไดย้ ดึ ครองนครเชียงใหม่ ลาํ พนู โดยแต่งต้งั เจา้ ผคู้ รองนครอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของกษตั ริย์พม่า ทา้ วมหายศเจา้ ผคู้ รองนครลาํ พนู ไดย้ กกาํ ลงั มายดึ นครลาํ ปาง โดยไดม้ าต้งั ค่ายอยภู่ ายในวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง คร้ังน้นั หนานทิพยช์ า้ ง ชาวบา้ นปงยางคก (ปัจจุบนั อยอู่ าํ เภอหา้ งฉตั ร) วรี บุรุษของชาวลาํ ปาง ได้รวบรวมพลทาํ การต่อสู้ทพั เจา้ มหายศ โดยลอบเขา้ มาในวดั และใชป้ ื นยงิ ทา้ วมหายศตาย แลว้ ตีทพั ลาํ พนู แตกพ่ายไป ปัจจุบนั ยงั ปรากฏรอยลูกปื นอยบู่ นร้ัวทองเหลืองท่ีลอ้ มองคพ์ ระธาตุเจดีย์ ต่อมาหนานทิพยช์ า้ งไดร้ ับสถาปนาข้ึนเป็น พระยาสุลวะลือไชยสงคราม เจา้ ผคู้ รองนครลาํ ปาง และเป็นตน้ ตระกลู ณ ลาํ ปาง เช้ือเจด็ ตน ณเชียงใหม่ ณ ลาํ พนู ณ น่าน
๑๑สถาปัตยกรรม โบราณสถาน โบราณวตั ถุวดั พระธาตุลาปางหลวง ๑. ก่พู ระเจ้าล้านทอง วหิ ารหลวง วดั พระธาตุลาปางหลวง อ.เกาะคา ลาปาง \"ก่พู ระเจา้ ลา้ นทองดา้ นหนา้ วหิ ารหลวง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\" \"ก่พู ระเจา้ ลา้ นทองดา้ นหลงั วหิ ารหลวง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\"
๑๒รายละเอยี ด ก่พู ระเจา้ ลา้ นทอง (ศาสตราจารย์ สนั ติ เลก็ สุขมุ เรียกวา่ เจดียท์ รงปราสาท) ต้งั อยบู่ ริเวณทา้ ยวหิ ารหลวงภายในประดิษฐานพระพทุ ธรูปคือพระเจา้ ลา้ นทอง ซ่ึงหล่อข้ึนเมื่อ พ.ศ.2019 ก่นู ้ีคงไดร้ ับการบูรณะคร้ังใหญ่ในพ.ศ.2106 หลงั จากท่ีเมืองเชียงใหม่ตกอยใู่ ตป้ กครองของพม่า ส่วนบนของก่เู ป็นแบบผสมระหวา่ งหลงั คาลาดกบั หลงั คาลดช้นั องคป์ ระกอบต่างๆ รวมท้งั ลวดลายป้ันประดบั มีอยอู่ ยา่ งมากมาย แสดงใหเ้ ห็นถึงแบบแผนของงานประดบั ในช่วงเวลาน้นั ดว้ ย ๒. ซุ้มประตูโขง วดั พระธาตุลาปางหลวง อ.เกาะคา ลาปาง \"ซุม้ ประตูโขง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\"
๑๓ \"ลายเส้น ซุม้ ประตโู ขง วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\" [อุมาพร เสริฐพรรณึก, การศกึ ษาประตโู ขงแบบลา้ นนาในจงั หวดั ลาํ ปาง, หนา้ 53]\"ภาพตดั แสดงตาํ แหน่งท่ีต้งั สาํ คญั บนเนวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\"(1.พระธาตุเจดีย์ 2.วหิ ารหลวง 3.ก่พู ระเจา้ ลา้ น ทอง 4.ประตูโขง) [อุมาพร เสริฐพรรณึก, การศึกษาประตโู ขงแบบลา้ นนาในจงั หวดั ลาํ ปาง, หนา้ 45]
๑๔รายละเอยี ด ซุม้ ประตูโขงวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ต้งั อยบู่ นเนิน มีความสูงประมาณ 13 เมตร โดยมีบนั ไดนาคทอดยาวเชื่อมพ้นื ที่ระหวา่ งวดั กบั ภายนอก ลกั ษณะเป็นอาคารทรงมณฑปมียอดแหลมซอ้ นหลายช้นั โครงสร้างก่ออิฐถือปนู ภายนอกฉาบดว้ ยปูนสีขาวแต่งลายปนู ป้ันเกือบตลอด ทาํ เป็นช่องทางเดินดา้ นทิศตะวนั ออก-ตะวนั ตก ปากช่องทางเดินประดบั ซุม้ โคง้ ซอ้ น 2 ช้นั ๓. สิงห์ปูนป้ัน ฐานชุกชี วหิ ารนา้ แต้ม วดั พระธาตุลาปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาปาง \"สิงหป์ ูนป้ันประดบั ฐานชุกชี วหิ ารน้าํ แตม้ ดา้ นขวา\" [ถ่ายเม่ือ 5 มิถุนา 47]
๑๕ \"สิงหป์ ูนป้ันประดบั ฐานชุกชี วหิ ารน้าํ แตม้ ดา้ นซา้ ย\" [ถ่ายเม่ือ 5 มิถุนา 47]รายละเอยี ด ท้งั สองเป็นลวดลายปูนป้ันนูนสูง บริเวณตวั สิงห์ป้ันจนเกือบเป็นรูปปฏิมากรรมลอยตวั บนหลงั สิงห์เป็นหมอ้ บรู ณฆฏะ อนั เป็นสัญลกั ษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ตาํ แหน่งอยบู่ ริเวณฐานชุกชีดา้ นหลงั วหิ ารน้าํ แตม้ วดัพระธาตุลาํ ปางหลวง
๑๖ ๔. พระธาตุลาปางหลวง วดั พระธาตุลาปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาปาง ผงั พ้นื พระธาตุลาํ ปางหลวง[ท่ีมา : พรรณนิภา ปิ ณฑวณิช, การศึกษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง จงั หวดั ลาํ ปาง วทิ ยานิพนธ์ สาขาประวตั ิศาสตร์สถาปัตยกรรม ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, 2546 ] รูปดา้ นพระธาตุลาํ ปางหลวง[ท่ีมา : พรรณนิภา ปิ ณฑวณิช, การศึกษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง จงั หวดั ลาํ ปาง วทิ ยานิพนธ์ สาขาประวตั ิศาสตร์สถาปัตยกรรม ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, 2546 ]
๑๗\"พระธาตุลาํ ปางหลวง ตวั แทนเขาพระสุเมรุ ศนู ยก์ ลางจกั รวาล\" [ภาพโดย วโรดม ศขุ สวสั ด์ิ, หม่อมหลวง, 16 ธนั วา 46] \"ซุม้ ประตโู ขง และร้ัวรอบพระธาตุลาํ ปางหลวง\" [ภาพโดย วโรดม ศขุ สวสั ด์ิ, หม่อมหลวง, 16 ธนั วา 46]
๑๘ \"บริเวณเสาเหลก็ ที่เชื่อกนั วา่ เป็นรอยกระสุน ของหนานทิพยช์ า้ ง\" [ภาพโดย ขวญั สรวง อติโพธิ, 26 มกรา 47]รายละเอยี ด พระธาตุลาํ ปางหลวง ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดียก์ ลมทรงระฆงั ควา่ํ (แต่ในหนงั สือพระเจดียใ์ นลา้ นนา โดย สถาบนั วจิ ยั สังคม ม.เชียงใหม่ กลบั เรียกวา่ เจดียแ์ บบพกุ ามลา้ นนา เน่ืองจากมีการปิ ดทองจงั โกคลา้ ยแบบพกุ ามนนั่ เอง) ปิ ดทองจงั โกทวั่ ท้งั องคเ์ จดีย์ รูปทรงหนกั แน่น ไม่ชลูดเหมือนเจดียแ์ ห่งอ่ืนๆ รอบๆพระธาตุมีการลอ้ มรอบดว้ ยร้ัวเหลก็ โคมร้ัว มีการสร้างซุม้ ประตโู ขงอยทู่ างทิศใตข้ องพระธาตุ บริเวณร้ัวเหลก็ มีเร่ืองเล่าถึง รอยกระสุนปื น ที่หนานทิพยช์ า้ งยงิ ปื นสงั หาร ทา้ วมหายศ เม่ือช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ปรากฏในตาํ นานพระธาตุลาํ ปางหลวงท่ีกล่าวถึง การเสดจ็ มาถึงของพระพทุ ธเจา้ ที่บา้ นลมั ภะการีวนั (บา้ นลาํ ปางหลวง) เม่ือเสด็จอยดู่ อยม่อนนอ้ ย ขณะน้นั มีชายผหู้ น่ึง นาม\"ลวั ะอา้ ยกอน\" เห็นพระพุทธเจา้ เกิดมีความเล่ือมใสไดน้ าํ เอาน้าํ ผ้งึ บรรจุกระบอกไมป้ ้ าง(ไมช้ า้ วหลามไมเ้ ปราะ) มะพร้าวและมะตูมอยา่ งละ 4 ลกู นอ้ มถวายพระองค์ และพระองคก์ ม็ อบพระเกษาและไดม้ ีพุทธพยากรณ์ต่อไปวา่ ในอนาคต จะมีพระอรหนั ตน์ าํ เอาอฐั ิพระนลาต(หนา้ ผาก)ขา้ งขวา และอฐั ิลาํ คอขา้ งหนา้ หลงั มาบรรจุไวใ้ นน้ี
๑๙ ๕. โคมร้ัว วดั พระธาตลุ าปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาปาง \"โคมร้ัว วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\" มีลวดลายปนู ป้ันประดบั ประดาไม่มากไม่นอ้ ย\"โคมร้ัว วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\"ในรูปแบบเรียบๆ ในบริเวณไม่ไกลกนั นกั จากโคมร้ัวชุดแรก
๒๐รายละเอยี ด อ.วถิ ี พานิชพนั ธ์ ไดจ้ ดั ใหอ้ ยใู่ นหมวดของ ประตูโขง ท่ีถือวา่ เป็นการจาํ ลองเขาพระสุเมรุออกมาเป็นรูปทรงสามมิติ เพือ่ ใหเ้ ห็นแนวคิดของจกั รวาลคติสมบูรณ์ชดั เจน อีกท้งั ยงั เป็นสญั ลกั ษณ์ของการผา่ นพน้ ไปสู่มิติท่ีสูงข้ึนไปสู่สวรรคว์ มิ าน และพระนิพพาน หรือเป็นซุม้ \"สุวรรณคูหาก่คู าํ \" อนั เป็นที่ประทบั ของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ หลงั จากการตรัสรู้ โคมร้ัวน้ีประดบั อยรู่ ายรอบ พระธาตุลาํ ปางหลวง มีอยหู่ ลายลกั ษณะดว้ ยกนั ๖. จติ รกรรมฝาผนัง วหิ ารนา้ แต้ม วดั พระธาตุลาปางหลวง \"จิตรกรรมฝาผนงั ท่ีเก่าแก่ อายปุ ระมาณ 300-400 ปี วหิ ารน้าํ แตม้ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวง\" ภาพจิตรกรรมได้ แสดงใหเ้ ห็นวถิ ีชีวติ การแต่งกาย และสถาปัตยกรรมในสมยั น้นั อยา่ งน่าสนใจ
๒๑รายละเอยี ด เป็นงานจิตรกรรมฝาผนงั เขียนประดบั ที่บริเวณคอสอง ของวหิ ารน้าํ แตม้ (ซ่ึงคาํ วา่ น้าํ แตม้ มีความหมายวา่ภาพจิตรกรรม) อนั ต้งั อยทู่ างดา้ นทิศเหนือขององคพ์ ระบรมธาตุ ไดม้ ีผศู้ กึ ษาภาพจิตรกรรมดงั กล่าวและลงความเห็นไวว้ า่ ควรมีอายอุ ยใู่ นช่วงพุทธศตวรรษท่ี 22(จากความเห็น อ.สน สีมาตรัง และ อ.เฟ้ื อ หริพิทกั ษ์ เห็นวา่ ควรเขียนในระหวา่ งพุทธศตวรรษท่ี 21 หรือตน้ พุทธศตวรรษที่ 22 ขณะท่ี ศ.ดร.สันติ เลก็ สุขมุ เสนอไวว้ า่ควรมีอายใุ นช่วงพทุ ธศตวรรษท่ี 21 ลงมา) ฐาปนีย์ เครือระยา ไดศ้ กึ ษาไวว้ า่ เร่ืองราวเป็นภาพเล่าธรรมะท่ีเนน้ สอนคุณธรรม เร่ืองความไม่ประมาท ซ่ึงส่ืออกมาทางภาพจิตรกรรมประกอบเร่ือง มฆมาณพ หรือ ประวตั ิพระอินทร์ และประวตั ินางสามาวดี ๗. สถาณการณ์สร้างวรี บุรุษ ท่ีวดั พระธาตุลาปางหลวง วดั ลาํ ปางหลวงเป็นสถาปัตยกรรมลา้ นนาท่ีหาดูไดย้ าก แตกต่างจากวดั ทางภาคเหนือโดยทวั่ ไป พร้อมกบัเรื่องราวทางประวตั ิศาสตร์ของวดั ที่มีความน่าสนใจอยไู่ ม่นอ้ ย เป็นจุดเริ่มตน้ ของตระกลู ทิพยช์ า้ ง หรือตระกลู‚ เช้ือเจด็ ตน ‛ อนั เป็นตน้ ตระกลู ของเช้ือเจา้ ปกครองภาคเหนือ ‛ เหตุการณ์สร้างวรี ะบุรุษ ‛ คาํ กล่าวที่มกั ใชก้ นั อยบู่ ่อยๆในปัจจุบนั แต่ในอดีตน้นั เหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์ท่ีผา่ นมากไ็ ด้ สร้างวรี ะบุรุษมากมายมาแลว้ เช่นกนั ‛ เจา้ ทิพยช์ า้ ง ‚ เจา้ ผคู้ รองเขลางคน์ คร หรือนครลาํ ปาง อดีตน้นั เป็นเพียงแค่พรานป่ าหรือพรานหนุ่ม ผถู้ กูร้องขอจากขนุ นางเมืองในสมยั น้นั ใหช้ ่วยกอบกเู้ มืองลาํ ปางที่ตกอยใู่ นการครอบครองของพม่า และพรานป่ าผู้กลา้ น้ีกไ็ ดท้ าํ สาํ เร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2275 โดยปลอมตวั เขา้ ไปในเขตช้นั ในที่พม่าใชว้ ดั พระธาตุลาํ ปางหลวงเป็นที่ต้งัมนั่ แลว้ ลอบฆ่าแม่ทพั พม่าจนเสียชีวติ ซ่ึงรอยกระสุนจากการสูร้ บ และร่องรอยการหลบหนี ยงั ปรากฏอยทู่ ี่วดัพระธาตุลาํ ปางหลวงมาจนถึงทุกวนั น้ี
๒๒ นี่เป็นตวั อยา่ งหน่ึงที่เหตุการณ์ไดส้ ร้างวรี ะบุรุษในยคุ อาณาจกั รลา้ นนา ซ่ึงเป็นยคุ สุดทา้ ยก่อนที่จะรวมกบัไทยภาคกลางหรือ กรุงศรีอยธุ ยา ใหเ้ ป็นอาณาจกั รไทยผนื แผน่ เดียวกนั ปัจจุบนั หากใครมีโอกาสไปเท่ียววดั พระธาตุลาํ ปางหลวง กค็ งมองหารอยกระสุนที่วา่ น้ีไดไ้ ม่ยากนกัเพราะอยบู่ ริเวณหนา้ พระธาตุเจดีย์ ตรงร้ัวทองเหลือง ซ่ึงมีป้ ายบอกไวช้ ดั เจน รูกระสุน 2 รู เบ่อเร่อ คงทาํ ใหค้ นรุ่นปัจจุบนั อดไม่ไดท้ ่ีจะคิดถึง อาวธุ สงครามในสมยั น้นั ในยคุ ที่ยงั ใชด้ าบ ใชห้ อก เป็นอาวธุ ท่ีใชต้ ่อสู้ขา้ ศึกศตั รู กระสุนอะไรทาํ ไมรุนแรงถึงขนาดทะลุเหลก็ ทองเหลืองของร้ัว ท้งั ๆที่เม่ือสมยั สองร้อยกวา่ ปี ก่อนยงั เป็นยคุใชป้ ื นแก๊ปตอ้ งอดั ดินปื น ตอ้ งอดั หวั กระสุนเหลก็ กวา่ จะยงิ แต่ละนดั กใ็ ชเ้ วลานาน แต่ปื นแกป๊ สมยั น้นั กม็ ีอานุภาพ ยงิ ทะลุร้ัวทองเหลืองได้ เป็นสิ่งที่ผคู้ นยคุ น้ีอดท่ึงไม่ได้ ใครไปเท่ียววดั พระธาตุลาํ ปางหลวงกไ็ ม่ควรพลาดชมในจุดน้ี
๒๓ ๗. ต้นขะจาว ต้นขะจาว เป็นตน้ ไมพ้ ระราชทานประจาํ จงั หวดั ลาํ ปาง ถา้ หากจะพดู ถึงตน้ ขะจาวตามตาํ นานพระธาตุลาํ ปางหลวงแลว้ มีเรื่องเล่าเก่ียวกบั ตน้ ขะจาว หรือไมข้ ะจาวดงั วา่ ... ไมข้ ะจาว ปลูกคร้ังพทุ ธกาล เป็นตน้ ไมศ้ กั ด์ิสิทธ์ิ ท่ีคร้ังหน่ึงไดม้ ีมีชาวลวั ะคนหน่ึงไดน้ าํ กิ่งขะจาวทาํ เป็นไมค้ านหาบกระบอกน้าํ ผ้งึ มะพร้าวและมะตูม มาถวายพระพุทธองคซ์ ่ึงประทบั อยู่ ณ วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงภายหลงั อธิษฐานนาํ ไมข้ ะจาว โดยใชท้ างปลายปักลงไม่นานไมค้ านที่ปักไว้ กแ็ ตกกิ่งกา้ นเจริญเติบโตเกิดเป็นกิ่งกา้ นสาขาข้ึนมา สร้างความแปลกใจใหช้ าวบา้ น และชาวบา้ นเช่ือวา่ เป็นตน้ ไมศ้ กั ด์ิสิทธ์ิ จึงไดน้ าํ เอารากไมข้ ะจาวไปบชู าหรือนาํ ไปเป็นเครื่องรางของขลงั หอ้ ยคอเช่นเดียวกบั ตระกดุ ผา้ ยนั ต์ ตาํ นานตน้ ขะจาว เป็นเร่ืองเล่าที่เล่าสืบต่อกนั มาชา้ นาน เป็นตาํ นานและเป็นสิ่งสาํ คญั ท่ีมี หลกั ฐานคงอยใู่ ห้ผทู้ ี่ไดไ้ ปเที่ยวชมวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง ไดแ้ วะชม ที่วดั พระธาตุลาํ ปางหลวงน้ีมีตาํ นานเล่าเร่ืองตน้ ขะจาวดงัขา้ งตน้ เม่ือไม่กี่ปี ท่ีผา่ นมา ยงั คงมีตน้ ขะจาวท่ีเห็นลกั ษณะลาํ ตน้ ท่ีมีส่วนปลายปักอยบู่ นพ้นื ดิน และส่วนลาํ ตน้น้นั มีก่ิงกา้ นงอกออกมาเตม็ ไปหมด แต่ก่ิงกา้ นน้นั จะช้ีลงดิน พอนานไปลาํ ตน้ เดิม กแ็ หง้ พพุ งั จนไม่เห็นซากเดิมของตน้ ขะจาว มีแต่ตน้ ที่งอกออกมาตรงส่วนเดิมของตน้ ขะจาวน้นั เป็นพุม่ ใหญ่ บางส่วนสูงมองดูไกล ๆเหมือนตน้ โพธ์ิ
๒๔ ในบริเวณวดั พระธาตุลาํ ปางหลวงเมื่อข้ึนบนั ไดวดั ดา้ นหนา้ จะมีตน้ ขะจาว ข้ึนอยทู่ างดา้ นซา้ ยมือ ทางวดัไดบ้ ูรณะวดั และไดก้ ่อปนู ซีเมนตล์ อ้ มรอบบริเวณ ตน้ ขะจาว ซ่ึงเม่ือก่อนน้นั ตน้ ขะจาว จะปรากฏอยอู่ ยา่ งเป็นธรรมชาติ ยงั เห็นซากเดิมของตน้ ขะจาวท่ีเล่ากล่าวขาน กนั อยู่ แต่เดี๋ยวน้ีกจ็ ะเห็นตน้ ขะจาวปราก ดงั ภาพ(ถ่ายเมื่อ 20 ตุลาคม 2548) ความเชื่อเร่ือง พระธาตุประจาปี เกดิ ในสังคมไทยความเช่ือเร่ืองปี นกั ษตั รท่ีสมั พนั ธก์ บั ปี เกิดและการนบั อายขุ องแต่ละคนเป็นท่ีรับรุ้กนั แพร่หลาย ในแต่ละปีนกั ษตั รจึงกาํ หนดดว้ ยสัญลกั ษณ์เป็นสัตวป์ ระจาํ ปี เกิด หรือท่ีเรียกวา่ ๑๒ นกั ษตั ร สาํ หรับในดินแดนภาคเหนือของไทย ความเชื่อเรื่องปี นกั ษตั รยงั สัมพนั ธ์กบั คติการบุชาพระบรมธาตุ ดงัปรากฏเป็นประเพณีการชุธาตุหรือการไหวพ้ ระธาตุประจาํ ปี เกิด โดยคร้ังหน่ึงในชีวติ ควรมีโอกาสเดินทางไปไหวพ้ ระธาตุประจาํ ปี เกิดของตนเพอื่ ความเป็นสิริมงคล . คาํ วา่ พระธาตุ มีความหมายสองนยั คือ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจา้ และสถานท่ีหรือพระเจดียท์ ่ีมีพระบรมธาตุบรรจุ โดยแต่ละแห่งจะมีตาํ นานท่ีเล่ามลู เหตุการสร้างพระบรมธาตุเจดียซ์ ่ึงสมั พนั ธ์ กบั การเสดจ็โปรดสัตวข์ องพระพทุ ธเจา้ ในดินแดนต่าง ๆ สถานที่ท่ีมีพระบรมธาตุเจดียเ์ หล่าน้ีมกั จะกลายเป็นเมืองสาํ คญั ในเวลาต่อมา ลกั ษณะของพระบรมสารีริกธาตุ ที่บรรยายไวใ้ นตาํ นานมีลกั ษณะเหมือนถว่ั แตก หรือขา้ วสารหกั หรือเมลด็ พนั ธุ์ผกั กาด กลมเกล้ียงขนาดเท่าเมด็ พทุ รา มีสีทองอุไร สีแกว้ ผลึก หรือแกว้ มุกดา สีดอกพิกลุ บางองคม์ ีรูทะลุได้
๒๕ ตามปกติจะบรรจุพระบรมธาตุไวใ้ ตฐ้ านเจดีย์ หรือเรือนธาตุ โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถนาํ ออกมาได้ เวน้แต่พระธาตุศรีจอมทอง และนอกจากการบชู าพระบรมธาตุของพระพุทธเจา้ แลว้ ยงั มีการบชู าพระธาตุของพระอรหนั ตห์ รือพระสาวกดว้ ยการบูชาพระธาตุ สมยั โบราณมกั จะบูชาพระบรมธาตุดว้ ยเคร่ืองหอมและขา้ วตอกดอกไม้ ตามปกติแลว้ จะสรงพระธาตุดว้ ยน้าํ สะอาด อาจเจือดว้ ยน้าํ หอม เนื่องจากองคพ์ ระบรมธาตุส่วนใหญ่บรรจุอยใู่ ตฐ้ านพระเจดีย์ การสรงน้าํ จึงกระทาํ โดยการราดน้าํ ไปบนองคพ์ ระเจดีย์ พระธาตุบางองคจ์ ะตอ้ งใชน้ ้าํ จากแหล่งพิเศษอยา่ งเช่นการสรงน้าํพระธาตุศรีจอมทอง ใชน้ ้าํ แม่กลางเจือดว้ ยน้าํ หอมหรือแก่นจนั ทร์ กล่าวไดว้ า่ คติการบูชาพระธาตุปี เกิดและตาํ นานที่เกี่ยวขอ้ งสะทอ้ นถึงการแพร่กระจายของพุทธศาสนาในดินแดนไทยมาแต่โบราณ นอกจากน้ีการสร้างพระบรมธาตุเจดียย์ งั สัมพนั ธ์กบั การเกิดชุมชนเมืองต่าง ๆ อนัก่อใหเ้ กิดคติความเช่ือและวฒั นธรรมร่วมกนั ของผคู้ นหลากหลายชาติพนั ธุ์ โดยเฉพาะในภาคเหนือของไทยที่มีกลุ่มชนมากมายอาศยั อยู่ โดยมีพระบรมธาตุเจดียแ์ ละส่ิงสาํ คญั ทางพทุ ธศาสนาเป็นศนู ยก์ ลางแห่งจิตใจการเดินทางท่องเที่ยวไหวพ้ ระธาตุปี เกิดมีความสะดวกเป็นอยา่ งยง่ิ เนื่องจากพระธาตุส่วนใหญ่ต้งั อยใู่ นภาคเหนือ จึงสามารถจดั เสน้ ทางสาํ หรับไหวพ้ ระธาตุในจงั หวดั ใกลเ้ คียงได้ เช่น เชียงใหม่-ลาํ พนู -ลาํ ปาง หรือเชียงราย-น่าน-แพร่ เป็นตน้ ซ่ึงไม่เพียงแต่จะไดอ้ ่ิมใจในบุญกศุ ล ทวา่ ยงั ไดช้ มศลิ ปะและสถาปัตยกรรมอนังดงามของแต่ละทอ้ งถ่ินอีกดว้ ย นมสั การพระธาตุประจาํ ปี ชวด พระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี ฉลู พระธาตุลาํ ปางหลวง ลาํ ปาง นมสั การพระธาตุประจาํ ปี ขาล พระธาตุช่อแฮ แพร่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี เถาะ พระธาตุแช่แหง้ น่าน นมสั การพระธาตุประจาํ ปี มะโรง พระพุทธสิหิงค์ เชียงใหม่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี มะเส็ง พระศรีมหาโพธิหรือตน้ โพธ์ิ เชียงใหม่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี มะเมีย พระธาตุชเวดากอง พมา่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี มะแม พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี วอก พระธาตุพนม นครพนม นมสั การพระธาตุประจาํ ปี ระกา พระธาตุหริภุญชยั ลาํ พนู นมสั การพระธาตุประจาํ ปี จอ พระธาตุเกศแกว้ จุฬามณี บนสวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ หรือพระเจดียว์ ดั เกตการาม เชียงใหม่ นมสั การพระธาตุประจาํ ปี กนุ พระธาตุดอยตุง เชียงราย
๒๖ พทุ ธมรดก ความท้าทายอนุรักษ์ กลายเป็นเร่ืองใหถ้ กเถียงกนั อยา่ งกวา้ งขวาง จากกรณีซ่อมแซมบูรณปฏิสงั ขรณ์โบราณสถานเก่าแก่โดยเฉพาะวดั ในพ้ืนที่ต่างๆ ทวั่ ประเทศ ท่ีบรู ณะซ่อมแซมจนผดิ แปลกไปจากรูปทรงเดิม บางแห่งแทบไม่หลงเหลือเคา้ โครง ความสวยงามของศิลปะในสมยั โบราณน้นั ๆ ใหไ้ ดช้ ื่นชม ดงั กรณีวดั พระธาตุลาํ ปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลาํ ปาง ที่บริษทั รับเหมาซ่อมแซมเลยเถิดกลายเป็นทาํ ลาย'ลายคาํ ' ภาพจิตรกรรมฝาผนงั รูปเทวดาพนมมือ อายไุ ม่นอ้ ยกวา่ 300 ปี ที่บานประตูวหิ ารพระพุทธ ดว้ ยการปิ ดทองและเขียน ลวดลายใหม่ ทบั ลวดลายเดิม จนเหมือนเป็นของใหม่ สุดทา้ ยกรมศิลปากรตอ้ งส่ังร้ือกนัขนานใหญ่ ลอกลายใหม่ที่ทบั ออก ทาํ ใหก้ ลบั คืนเหมือนเดิม เช่นเดียวกบั วหิ ารน้าํ แตม้ ภายในวดั แห่งน้ีที่ซ่อมแซมจนวหิ ารมีสภาพแตกต่างจากของเดิม สิ่งเหล่าน้ีคือตวั อยา่ ง ปรากฏการณ์อนั สะทอ้ นถึงการอนุรักษ์โบราณสถานท่ีผเู้ กี่ยว ขอ้ งขาดความรู้ความเขา้ ใจ ในเวทเี สวนา 'พทุ ธมรดก ความท้าทายในการอนุรักษ์'จดั โดยสยามสมาคม เมอื่ เร็วๆ นี้ มคี าตอบกบั สิ่งเหล่านี้ ไม่มากกน็ ้อย เร่ิมดว้ ยคาํ ถามที่ว่า เหตุใดความหลากหลายทางวฒั นธรรม และสถาปัตยกรรมของวดั ไทยจึงเลือนหายไป และเม่ือวดั ตอ้ ง เผชิญกบั ความกดดนัในการปรับตวั ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน ที่ส่วนกลางกาํ หนดข้ึน แต่เดิมประเพณีของวดั ในภาคต่างๆ ยงัแสดงใหเ้ ห็นวา่ วฒั นธรรมไทยน้นั มีความแตกต่างหลากหลาย อยา่ งยงิ่ สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นและภมู ิภาค ที่ต่างกนั ท้งั เร่ืองประวตั ิความเป็นมา และค่านิยมของยคุ สมยั ต่างๆ ในประวตั ิศาสตร์ที่ต่างกนั ความแตกต่าง หลากหลายเหล่าน้ีเพม่ิ คุณค่าวฒั นธรรมไทยใหส้ มบูรณ์ยงิ่ ข้ึนเป็นเอกลกั ษณ์และความภาคภมู ิใจของทอ้ งถิ่นและของชาติ
๒๗แต่เมื่อไม่กี่สิบปี มาน้ี วฒั นธรรมประเพณี และขนบธรรมเนียม ทอ้ งถ่ิน ถูกแทนท่ีดว้ ยวฒั นธรรมสายเดียวจากภาคกลาง ศลิ ปะสถาปัตยกรรมแบบทอ้ งถ่ินของวดั ถูกแทนท่ีดว้ ยแบบ สาํ เร็จรูปที่ออกแบบจากส่วนกลาง ส่งผลใหป้ ระชาชนทว่ั ไป ไดร้ ู้จกั ไดเ้ ขา้ ใจ และไดช้ ื่นชมวฒั นธรรมประเพณีทอ้ งถิ่น และสถาปัตยกรรมทอ้ งถ่ินของวดั นอ้ ยลงอีกท้งั ยงั เป็นการลด ทอนความหลากหลายทางศิลปะสถาปัตยกรรมของวดั ไทยดว้ ยปัญหาการอนุรักษณ์ และการบรู ณะวดั วา อาราม โบราณสถานโบราณวัตถุ พระราชเวที ผชู้ ่วยเจา้ อาวาส วดั พระเชตุพนวมิ ล มงั คลาราม หรือ วดั โพธ์ิ ใหม้ ุมมองวา่ ในอดีตวดั โพธ์ิมีพระ เก่งๆ ในการบูรณะวดั และบางส่วนยงั ช่วยใหค้ าํ แนะนาํ ในการบูรณะและซ่อมแซมวดั แต่ในปัจจุบนั พระส่วนใหญ่ใน ประเทศเกือบ 80-90 เปอร์เซ็นตข์ าดความรู้ในเร่ืองของศิลปะ เน่ืองจากพระสมยั ปัจจุบนั มุ่งเรียนรู้แต่ธรรมะ ไม่ไดเ้ รียนรู้ ศลิ ปะเหมือนในอดีต เวลาทาํ งานศิลปะต่างๆจึงตอ้ งขอ ความคิดเห็นกบั กรมศิลปากร แต่กรมศิลป์ ในปัจจุบนั กม็ ีปัญหา ที่มวั แต่ทาํ ตวั เป็นผรู้ ับเหมา ในการจดั สร้างศลิ ปะตามวดั ต่างๆ 'ส่ิงที่กรมศิลป์ ตอ้ งทาํ คือใหค้ วามรู้กบั วดั ต่างๆ วา่ อนั ไหนควรอนุรักษไ์ ว้ อนั ไหนควรเอาออก เน่ืองจากเป็น สิ่งแปลกปลอมใหพ้ ระใหม่และพระท่ีจะเป็นเจา้ อาวาสไดเ้ รียนรู้ การบูรณ ปฏิสงั ขรณ์วดั วดั ไหนอยากสร้างใหม่กส็ ร้างได้ แต่สิ่งที่เป็นของเก่าตอ้ งอนุรักษไ์ ว'้ พระราชเวทีกล่าว ผชู้ ่วยเจา้ อาวาสวดั โพธ์ิกล่าวดว้ ยวา่ ปัญหาในการ อนุรักษค์ ือช่างฝี มือดีๆ มีนอ้ ย และอุปกรณ์ในการจดั ทาํ ไม่ดี เช่น ไมส้ กั ที่เอามาทาํ น้นั ไม่ไดค้ ุณภาพตามที่ตอ้ งการ และช่างกห็ าไดย้ าก อีกท้งั ความแตกต่างระหวา่ งช่างสมยั ปัจจุบนั กบั ช่างสมยั ก่อน ที่ทาํ งานดว้ ยจิตวญิ ญาณ ไม่รีบร้อนอะไร ทุกอยา่ งจะเรียบร้อย ปนูป้ันต่างๆ จะงดงาม ประณีต โดยเฉพาะในสมยั รัชกาลท่ี 3 ถือวา่ เป็นยคุ ทองของศิลปะเลยกว็ า่ ได้ ดา้ น นายวสุ โปษยะนนั ท์ สถาปนิกชาํ นาญการพเิ ศษ กลุ่มวชิ าการอนุรักษโ์ บราณสถาน สาํ นกัโบราณคดี กรมศลิ ปากร ช้ีเเจงวา่ ถา้ จะอนุรักษว์ ดั ตอ้ งเห็นคุณค่าและรู้วา่ จะรักษาวดั น้นั อยา่ งไร และตอ้ งศึกษาใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งถ่องแท้ ถึงคุณค่าของส่ิงท่ีจะอนุ รักษ์
๒๘ ส่วนวดั ที่อยใู่ นต่างจงั หวดั น้นั ในทางปฏิบตั ิ จะต้งั คณะกรรม การข้ึนมาดูเเลในการอนุรักษ์ รวมท้งั มอบอาํ นาจให้ สาํ นกั งานของกรมศิลป์ ที่อยใู่ นระดบั ภูมิภาคตดั สินใจท่ีจะซ่อมแซมท่ีรักษารูปแบบเดิมไว้ สามารถตดั สินใจไดเ้ ลย ตวั แทนจากกรมศิลป์ กล่าวถึงงานวจิ ยั วา่ ดว้ ยเรื่องปัญหาการบริหารจดั การมรดกวฒั นธรรมในศาสนสถาน และในสถานท่ีศกั ด์ิสิทธ์ิ ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวฒั นธรรมวฒุ ิสภา ดว้ ยวา่ จากผลการวจิ ยั ช้ีชดั วา่ ปัญหาการก่อสร้างและร้ือถอนโบราณสถานเกิดข้ึนจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์รวมถึงการจดั สร้าง และซ่อมแซมต่อเติมที่ไม่เหมาะสม เพราะ ไม่คาํ นึงถึงของเดิม ท้งั รูปแบบวสั ดุ และสี อีกท้งั ไม่เห็นถึงคุณค่าเก่าก่อน และการก่อสร้างใหม่ในพ้ืนที่ของวดั ซ่ึงทาํ โดยไม่เหมาะสม แมว้ า่ ศิลปวฒั นธรรมจากส่วนกลางจะเขา้ ครอบงาํ ศลิ ปะพ้ืนถ่ินจนหลงเหลือใหเ้ ห็นอยนู่ อ้ ยเตม็ ที แต่กย็ งัมีชาวบา้ น จากหม่บู า้ นเลก็ ๆ แห่งหน่ึงใน จ.ลาํ ปาง ท่ีลุกข้ึนมาอนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรมลา้ นนาใหค้ งคุณค่า และความภาคภมู ิใจไวไ้ ด้ อยา่ งน่าช่ืนชม นายอนุกลู ศิริพนั ธุ์ ประธานชุมชนบา้ นปงสนุก อ.เมือง จ.ลาํ ปาง เล่าวา่ ก่อนจะบูรณะวหิ ารพระเจา้ พนัองค์ หรือวหิ ารจตั ุรมุข ของวดั ปงสนุก เป็นวหิ ารหลงั เดียวท่ีหลงเหลืออยู่ และพงั ลงมา กไ็ ดม้ ีการศกึ ษา และปรึกษากบั อาจารย์ คณะวจิ ิตรศิลป์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ และมหาวทิ ยาลยั ศิลปากร ถึงความเป็นมาของตวั วหิ ารอยา่ งละเอียดถี่ถว้ น ก่อนจะ นาํ เร่ืองน้ีไปปรึกษากบั ชาวบา้ นวา่ ตวั วหิ าร มี ความเป็นมา และสาํ คญั อยา่ งไร ท้งั ในแง่ความหมาย ลกั ษณะ ทางสถาปัตยกรรม งานจิตรกรรม และความ หลากหลาย ท่ีแฝงอยใู่ นน้นั รวมท้งั อธิบายถึง ความหมายของศิลปะต่างๆ ของวหิ ารใหช้ าวบา้ น ฟัง ชาวบา้ นจึงเกิดการหวงแหน และต่ืนตวั ท่ีจะร่วม อนุรักษว์ หิ ารหลงั น้ีทสี่ าคญั คอื เงินทน่ี ามาซ่อมแซมวิหารกม็ าจากการเรี่ยไร จากชาวบ้าน ถือเป็ นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกข้นั ตอนให้กบั ชาวบ้านในการร่วมอนุรักษ์วหิ าร หลงั ดงั กล่าว
๒๙ผลจากการอนุรักษด์ งั กล่าวทาํ ใหว้ ดั ปงสนุกไดร้ ับมอบรางวลั การอนุรักษม์ รดกทางวฒั นธรรมในภมู ิภาคเอเชียและแปซิฟิ ก ประจาํ ปี พ.ศ.2551 ขององคก์ ารศึกษาวทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยเู นสโกจากท่ีมาของปัญหาส่งผลให้ 'พทุ ธมรดก' โบราณสถาน และวดั วาอารามตามทอ้ งถ่ินต่างๆ ถกู ครอบงาํ จากส่วนกลาง ทาํ ใหศ้ ิลปะ หรือสถาปัตยกรรมในทอ้ งถิ่นน้นั ๆ เลือนหายไป หรือซ่อมแซมผดิ เพ้ยี นไปแต่จากกรณี 'วดั ปงสนุก' ทเี่ น้นกระบวนการมสี ่วนร่วมของชาวบ้านและชุมชน น่าจะเป็ นตัวอย่างและคาตอบทจ่ี ะอนุรักษ์พทุ ธมรดกเหล่านีไ้ ว้ได้ดที ส่ี ุด
๓๐ บรรณานกุ รมASTVผจู้ ดั การออนไลน 13 กนั ยายน 2553 11:59 นhttp://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000128302ASTV ผจู้ ดั การออนไลน วนั ท่ี 20 กนั ยายน 2553 13:42 น.http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000132089
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: