Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาไทย หลักภาษา ม.6 ตอน4

ภาษาไทย หลักภาษา ม.6 ตอน4

Published by pearyzaa, 2020-12-03 12:49:57

Description: ภาษาไทย หลักภาษา ม.6 ตอน4

Search

Read the Text Version

ภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ตอนที่ ๑ ตอนท่ี ๒ ตอนท่ี ๓ ตอนที่ ๔ ๑_หลกั สูตรวชิ าภาษาไทย ๒_แผนการจัดการเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_ข้อสอบ_เฉลย ๗_ข้อสอบ O-NET_เฉลย ๘_การวัดและประเมินผล ๙_เสริมสาระ ๑๐_สื่อเสริมการเรียนรู้ บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๔ตอนท่ี หลกั การใช้ภาษา ๑หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ระดบั ภาษาและอิทธพิ ล ของการใช้ภาษา จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. ใชภ้ ำษำเหมำะสมแก่โอกำส กำลเทศะ และบคุ คลรวมท้งั คำรำชำศัพท์อยำ่ งเหมำะสมได้ ๒. วเิ ครำะห์อิทธิพลของภำษำตำ่ งประเทศและภำษำถ่ินได้

ระดับภาษา การแบง่ ระดบั ภาษา ภาษาแบบแผน ภาษากง่ึ แบบแผน ภาษาไมเ่ ปน็ แบบแผน • ภำษำทใ่ี ช้พดู หรือเขยี นทผ่ี ู้ใช้ตอ้ ง • ภำษำทใ่ี ชล้ ดควำมเป็นทำงกำร • ภำษำทีผ่ ูใ้ ชไ้ มเ่ ครง่ ครดั ในเร่อื ง ระมัดระวงั เร่อื งควำมถกู ต้องทำง ลงเพอื่ ให้เกิดสัมพนั ธภำพท่ี กำรใชภ้ ำษำภำษำระดับนเี้ ปน็ หลกั ภำษำ ใกล้ชดิ ระหวำ่ งผ้รู บั สำรและผู้ส่ง ภำษำทีใ่ ช้ในวงจำกัด สำร • ภำษำแบบแผนใชส้ ่ือสำรกันในท่ี • เป็นภำษำทใ่ี ชเ้ ฉพำะกลุม่ มักใช้ ประชุมท่ีจดั อยำ่ งเป็นพธิ กี ำร • ใชภ้ ำษำเขียนจะใช้ภำษำก่งึ แบบ เขยี นบทสนทนำและเรอื่ งสว่ นตัว แผนในโอกำสที่ไมเ่ ปน็ ทำงกำร • กำรสรำ้ งประโยคไม่คำนึงถึง ควำมถูกต้องของหลกั ภำษำ

โอกาสและสถานที่ ปจั จัยทม่ี อี ทิ ธิพลตอ่ การเลือกใชร้ ะดับภาษา สือ่ ท่ใี ช้ สัมพนั ธภาพระหวา่ งบคุ คล ลักษณะของเนอ้ื หา ราชาศพั ท์ ความหมายและความสาคัญ คำรำชำศพั ท์ หมำยถงึ กลุ่มคำศัพท์ทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษ คือ เปน็ คำท่ีใชก้ บั พระมหำกษัตรยิ ์ เชอื้ พระวงศ์ ทมี่ าของคาราชาศพั ท์ • ราชาศัพทท์ ่ีมาจากคาไทยแท้ รำชำศพั ท์ที่ผกู ขนึ้ จำกคำไทยแท้ • ราชาศพั ทท์ มี่ าจากภาษาอื่น รำชำศพั ท์ทีผ่ กู ขึ้นจำกคำที่ยมื มำจำกภำษำตำ่ งประเทศ

อทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ภาษาบาลีและสนั สกฤตในภาษาไทย อิทธพิ ลของคาทย่ี ืมมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต • คำวสิ ำมำนยนำม เชน่ คุรสุ ภา เปน็ ต้น • ชื่อบคุ คล เช่น นที ปราชญ์ พล ประสทิ ธ์ิ เป็นต้น • คำรำชำศัพท์ เช่น พระบรมราชโองการ ประสูติกาล พระครรภ์ เปน็ ตน้ หลกั การสงั เกตคาทยี่ ืมมาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต มดี ังนี้ • การใช้อักษรบางตวั ทไ่ี ม่นิยมเขยี นในคาภาษาไทย ได้แก่ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ ศ ษ ฬ และสระ ฤ ฤๅ • การใช้ตัวการันตท์ า้ ยคา เช่น ศำสตร์ ลกั ข์ เกยี รติ์ มนุษย์ ฤทธิ์ วิสุทธิ์ กษัตริย์ เป็นต้น • ไม่ใช้เครอ่ื งหมายไมไ้ ตค่ ู้ เชน่ ศำสตร์ ลักข์ เกยี รติ์ มนุษย์ ฤทธ์ิ วสิ ทุ ธิ์ กษัตริย์ เป็นต้น • ไม่ปรากฏรูปวรรณยุกต์ แมใ้ นกำรออกเสยี งจะเหมือนมีเสยี งวรรณยุกต์กต็ ำม เช่น เกษม เกศ เป็นต้น • มักเป็นคำหลำยพยำงค์ เช่น ศิลปศำสตร์ มไหศวรรย์ กำลกิณี ประเทศ สถำปนกิ เปน็ ตน้

อทิ ธพิ ลของภาษาเขมรในภาษาไทย • มลี กั ษณะกำรใช้คล้ำยคลึงกับอิทธพิ ลของคำทยี่ ืมมำจำกภำษำบำลแี ละสันสกฤต • คำโดด เช่น กรุง เนำ ขลงั • มีลกั ษณะกำรสะกดไม่ตรงกบั ภำษำไทย • เป็นคำที่ไม่มรี ปู วรรณยุกต์ • นยิ มนำมำใช้เป็นคำรำชำศัพท์ ภาษาชวา-มลายู ในภาษาไทย ภาษาอังกฤษในภาษาไทย • มีลกั ษณะเปน็ คำสองพยำงค์ • ลกั ษณะเป็นคำหลำยพยำงค์ • ไม่มเี สียงพยัญชนะควบกล้ำ • ไม่มกี ำรเปลี่ยนรปู ไวยำกรณ์ • ไมม่ รี ปู วรรณยุกต์ ไม่มหี นว่ ยเสียงวรรณยกุ ต์ • ไม่มกี ำรเปลีย่ นรปู ไวยำกรณ์

ภาษาถนิ่ การแบง่ กลุ่มภาษาไทยถน่ิ ภำษำไทยถ่นิ สำมำรถจำแนกเป็น ๔ กลมุ่ ตำมสภำพภมู ิศำสตร์ และสว่ นกำรปกครอง ภาษาไทยถ่ินเหนอื ภาษาไทยถิน่ กลาง ภาษาไทยถนิ่ อสี าน ภาษาไทยถน่ิ ใต้ เกียด ในคำว่ำ “เกยี ดกัน” ในภำษำไทยโบรำณ พบกำรใชใ้ นคำวำ่ “กดี กนั ” ในภำษำไทยมำตรฐำน ยา่ ง หมำยถึง “เดิน” ซ่งึ ในภำษำไทยมำตรฐำน ปจั จบุ นั ใชค้ ำวำ่ “เดิน”

๒หน่วยการเรยี นรู้ท่ี การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทฉันท์ จุดประสงค์การเรียนรู้ • แตง่ บทรอ้ ยกรองได้

ความสาคัญของการแต่งคาประพันธ์ • กำรเผยแพรป่ ระสบกำรณ์ • แนวควำมคิด • องค์ควำมรู้ • ขอ้ คดิ ขอ้ ควรปฏิบตั ติ น • ข้อคำสอนต่ำงๆ • นำเสนออำรมณ์ควำมรู้สึก ทรรศนะ การแต่งคาประพนั ธป์ ระเภทฉนั ท์ • ไทยได้รบั แบบอย่ำงมำจำกคมั ภีร์วุตโตทยั ของอนิ เดีย • ไดค้ ดั เลอื ก ดดั แปลงเพอื่ ใหเ้ หมำะสมกบั ลกั ษณะของภำษำไทยรวมถงึ กำรเพิม่ สมั ผัสของคำ • ฉันท์มีลกั ษณะบงั คับ ๔ ประกำร คือ คณะ พยำงค์ ครุ ลหุ และสัมผัส

ครุ คอื พยางค์หรือคาทมี่ ีเสยี งหนัก ได้แก่ คำท่ีประสมกบั สระเสยี งยำวในแม่ ก กำ (ไมม่ ตี ัวสะกด) รวม อำ ไอ ใอ เอำ และคำที่มตี วั สะกดทง้ั หมด เช่น เขียน สวย นงั่ ยืน เป็น นก เปน็ ต้น โดยใช้ “ ั ” เปน็ สัญลกั ษณ์แทนคำ ครุ ลหุ คือ พยางค์หรือคาทมี่ เี สียงเบา ไดแ้ ก่ คำท่ีประสมกับสระเสยี งสนั้ ในแม่ ก กำ เชน่ ชิ นะ รวิ ศิระ ปะทุ นิธิ เป็นต้น โดยใช้สัญลักษณ์ “ ั ” แทนคำ ลหุ

สทั ทลุ วิกกฬี ติ ฉันท์ ๑๙ ลักษณะบังคับของของสัททุลวิกกีฬิตฉนั ท์ มีดงั น้ี การบงั คบั คณะ ได้แก่ ๑ บท มี ๓ วรรค วรรคแรกมี ๑๒ คำ วรรคทสี่ องมี ๕ คำ วรรคสุดทำ้ ยมี ๒ คำ การบงั คบั สมั ผัส ได้แก่ • คำสุดทำ้ ยวรรคแรกสัมผสั กบั คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ • สัมผัสระหว่ำงบท คำสุดทำ้ ยของบทแรกสัมผัสกับคำสดุ ท้ำยของวรรคแรกในบทตอ่ ไป การบงั คับครุ ลหุ กำหนดตำมแผนผังต่อไปนี้

โตฎกฉนั ท์ ๑๒ ลักษณะบังคับของโตฎกฉันท์ มดี งั น้ี การบงั คับคณะ ได้แก่ โตฎกฉันท์ ๑ บท มี ๒ บำท ๑ บำท มี ๒ วรรค ๑ วรรค มี ๖ คำ การบังคับสัมผสั ไดแ้ ก่ • คำสุดท้ำยของวรรคแรกสมั ผสั กบั คำท่ี ๓ ของวรรคที่ ๒ • คำสดุ ท้ำยของวรรคที่ ๒ สัมผสั กบั คำสดุ ท้ำยของวรรคท่ี ๓ • ถ้ำแต่งหลำยบทต้องมสี มั ผสั ระหว่ำงบท คอื คำสดุ ท้ำยของบทแรกสัมผัสกบั คำสดุ ท้ำยของวรรค ที่ ๒ ของบทตอ่ ไป การบงั คบั ครุ ลหุ กำหนดตำมแผนผังตอ่ ไปน้ี

อีทิสงั ฉันท์ ๒๐ ลักษณะบงั คับอีทิสังฉนั ท์ มดี งั น้ี การบังคับคณะ ได้แก่ ๑ บท มี ๓ วรรค วรรคแรกมี ๙ พยำงค์ วรรคทีส่ องมี ๘ พยำงค์ วรรคสดุ ท้ำยมี ๓ พยำงค์ การบังคบั สัมผสั ได้แก่ • คำสุดทำ้ ยของวรรคแรกสัมผสั กับคำสดุ ทำ้ ยของวรรคท่ี ๒ • สมั ผัสระหว่ำงบท คำสุดท้ำยของวรรคท่สี ำมในบทท่ี ๑ สัมผัสกับคำสดุ ทำ้ ยของวรรคแรก ในบทท่ี ๒ การบังคับครุ ลหุ กำหนดตำมแผนผงั ต่อไปน้ี

ขบั เสภา เรื่อง ขุนชา้ งขุนแผน ตอน ชุนช้างถวายฎกี า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook