ตอน ๔ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี
ประวตั ผิ ู้แตง่ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั (รชั กาลท่ี ๒) พระราชสมภพเมื่อ ๒๔ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ เสดจ็ ข้นึ ครองราชยใ์ น พ.ศ. ๒๓๒๕ ครองสริ ิราชสมบัติเปน็ เวลา ๑๕ พปรี ะองค์ทรงเป็นยอดกวดี ้านการแตง่ บทละครทง้ั ละคร ในและละครนอก มหี ลายเรอื่ งที่มีอยู่เดมิ และทรงนำมาแต่งใหม่ เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้ เชน่ รามเกยี รต์ิ อุณรทุ และ อิเหนา ได้ทรงเลอื กเอาของเก่ามาทรงพระราชนพิ นธ์ขน้ึ ใหม่ บางตอน และยงั ทรงพระราชนพิ นธ์บทพากย์โขนอกี หลายชุด
ลักษณะคำประพนั ธ์ บทละครรำ เร่อื ง อเิ หนา แตง่ แบบ“บทละคร” ลกั ษณะเหมอื นกลอน สภุ าพ แตว่ รรคสดับมกั จะข้นึ ตน้ ด้วยคำวา่ “เมือ่ น้ัน” “บดั นน้ั ” และ “มาจะกลา่ ว บทไป” และจำนวนคำในแต่ละวรรคไม่แนน่ อน เน่อื งจากมกี ารปรบั เพอ่ื การแสดง ละคร แผนผงั กลอนบทละคร เม่ือนนั้
ความเป็นมาของเรอ่ื ง อิเหนาเปน็ วรรณคดีจาก ‘ชวา’ หรือ นทิ านปนั หยี เจ้าฟ้าหญงิ ประเทศอินโดนีเซยี ในปจั จุบนั อิเหนาเริม่ จากชวา กุณฑล เขา้ มาในประเทศไทยต้ังแตส่ มยั กรุงศรอี ยธุ ยา เจ้าฟา้ หญิง มงกุฎ พระราชธิดาในสมเด็จพระ เจา้ อยู่หวั บรมโกศ ไดแ้ ก่ เจา้ ฟ้าหญิง กุณฑล และเจ้าฟ้าหญงิ มงกฎุ ทรงฟัง ‘นิทานปันหยี’ ซ่งึ นางขา้ หลวงจาก ปัตตานเี ลา่ ถวาย
ความเป็นมาของเรอื่ ง เจา้ ฟา้ หญงิ ท้งั สองจงึ นำเค้าโครงเรือ่ งมาแต่งเป็นบทละคร และเมอ่ื เสียกรงุ อยุธยา ตน้ ฉบับบทละครเรื่องอเิ หนาทงั้ สองก็ หายไป ในสมยั กรงุ ธนบรุ กี ็ไม่ปรากฏหลกั ฐานว่ามกี ารประพนั ธบ์ ท ละครอิเหนาขน้ึ ใหม่ จนพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั (ร.๒) นำมาพระราชนิพนธใ์ หมใ่ นสมยั รัตนโกสนิ ทร์
ความสมั พนั ธข์ องตวั ละคร ท้าวกุเรปัน ทา้ วดาหา ระตูล่าสำ เมีย พ่อลูก อดตี คู่หมั้น พ่อลูก พ่ีนอ้ ง จินตหราวาตี อิเหนา บษุ บา มาสขู่ อ ระตจู รกา เพอื่ น วหิ ยาสะกำ ฆ่า พอ่ ลูก สงั คามาระตา ท้าวกะหมงั ฆ่า กหุ นงิ
บุษบา อเิ หนา เปน็ ธดิ าของทา้ วดาหาและประ อเิ หนาหรอื ระเด่นมนตรี เป็น ไหมสหุ รดี าหราวาตี แหง่ กรุง โอรสของท้าวกุเรปนั และประไหมสุหรี ดาหา ทา้ วกเุ รปนั กข็ อตนุ าหงนั นิหลาอระตา แหง่ กรุงกุเรปนั อเิ หนา ให้กับอเิ หนา บษุ บาเป็นหญงิ ที่ งามล้าเลศิ กว่านางใดในแผ่นดิน เปน็ ชายรูปงามมีเสนห่ ์ เจรจา ชวากริ ิยามารยาทเรียบร้อย อ่อนหวาน นิสัยเจ้าชู้ มีความ คารมคมคาย เฉลียวฉลาด เช่ยี วชาญในการใชก้ ริชและกระบี่ ทันคนใจกว้างและมีเหตุผล เป็นอาวุธ
ท้าวกเุ รปนั กษตั รยิ ์ผู้ครองกรุงกเุ รปัน เปน็ พระบดิ าของ กะหรดั ตะปาตี อเิ หนา วยิ ะดา ทา้ วกุเรปันมี น้องชายอกี ๓ องค์ ซงึ่ ได้เปน็ กษัตริย์ครองเมือง ต่างๆ คือ ท้าวดาหา ทา้ วกาหลัง และทา้ วสงิ หัด ส่าหรี ทา้ วกุเรปนั นน้ั ทรงหยง่ิ ทระนงในศักดิ์ศรี ของวงศ์อสัญแดหวา ท้าวดาหา เปน็ กษตั รยิ ผ์ ู้ครองกรงุ ดาหา ท้าวดาหามี โอรสและธิดากับประไหมสหุ รี ๒ องค์ คอื บษุ บาหนึ่งหรดั กบั สียะตรา ทา้ วดาหาเปน็ ผมู้ ีใจยตุ ธิ รรม หยง่ิ ใน ศกั ดิศ์ รี เปน็ คนรักษาสจั จะ
ท้าวกะหมงั กหุ นงิ ท้าวกะหมังกุหนิง เป็นกษัตริย์ครองเมอื ง กะหมงั กหุ นิง มโี อรสชือ่ วหิ ยาสะกำ เปน็ กษตั ริย์ ที่มีความหย่งิ ในเกยี รตแิ ละศกั ดศ์ิ รีของตน รักลูกมาก ท้าวกะหมงั กุหนิง วหิ ยาสะกำ เป็นโอรสของทา้ วกะหมังกุหนงิ เป็นผู้มคี วามเอาแตใ่ จตน และลุ่ม หลงในรูปรสภายนอก เปน็ ชาย หนุ่มทีม่ หี นา้ ตาดี ใจกลา้ หาญ
จรกา ผู้ครองนครเมืองจรกาซ่งึ เป็นเพยี งเมอื ง เลก็ ๆ รปู รา่ งหน้าตาขี้ริว้ ขี้เหรม่ ากผมหยิก ผวิ หนา้ ขรุขระปากหนาจมูกใหญพ่ ดู เสยี ง แหบรูปร่างอว้ นแต่ทว่าอยากได้ภรรยาสวย จนิ ตะหรา เปน็ ธดิ าของระตูหมนั หยารูปโฉม งดงาม มีนิสยั เจา้ อารมณ์ เอาแตใ่ จตัวเอง แสนงอน อิเหนาไดพ้ บนางคร้ังแรกกห็ ลง รกั และปฏเิ สธการแตง่ งานกับบุษบา
เรือ่ งยอ่ อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นงิ ในแผ่นดินชวา มีกษตั รยิ ผ์ ู้ยง่ิ ใหญ่สบื เช้อื สาย มาจากวงศเ์ ทวัญ(เทวดา) ๔ พระองค์ ไดแ้ ก่ ท้าวกเุ รปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลงั และทา้ วสงิ หัดสา่ หรี ทกุ พระองค์ ต่างเป็นกษัตรยิ ป์ กครองนคร ๔ นครตามชือ่ ของตนเอง ท้าวกุเรปันมโี อรสรปู งามนามว่า ‘อเิ หนา’ สว่ นทา้ วดาหา ก็มพี ระธิดาคือ ‘บษุ บา’ ผู้ทรงโฉม ตามประเพณีของ กษตั รยิ ์วงศเ์ ทวัญ ท้าวกเุ รปนั และทา้ วดาหาจงึ ตุนาหงนั (หมน้ั หมาย) อิเหนาและบษุ บาไวต้ ้ังแต่เกดิ
แตเ่ ม่อื อเิ หนาโตเปน็ หนมุ่ อายุ ๑๕ ปกี ็ไปพบรักกบั จินตะหราวาตี ธดิ าของท้าวหมนั หยาทพี่ บในงานพระ เมรขุ องพระอยั ยกิ า (ยาย) อเิ หนา คลงั่ ไคล้นางจินตะหราวาตมี ากจนไม่ยอม กลบั บ้านกลบั เมอื ง รวมถงึ ปฎเิ สธการ หมั้นหมายกบั นางบษุ บาด้วย
ทา้ วดาหาจึงโกรธมากและประกาศว่า จะยกบุษบาให้ใครกไ็ ด้ทม่ี าสู่ขอ เม่ือระตจู รกา ได้ทราบขา่ วจงึ ให้ระตูล่าสำพช่ี ายของตนไปสู่ ขอนางบษุ บา ทา้ วดาหาก็ต้องยกใหแ้ ม้จะไม่ เตม็ ใจนกั เพราะจรกานนั้ รปู ชว่ั ตวั ดำ
แตใ่ นขณะเดียวกัน ‘วหิ ยาสะกำ’ โอรสของท้าวกะหมังกหุ นิงตามกวางทอง (องคป์ ะตาระกาหลาแปลง) จนได้พบรูป วาดของนางบษุ บา (เปน็ ภาพทอี่ งค์ ปะตาระกาหลาจงใจใหภ้ าพทจี่ รกาส่ังให้ ช่างวาดภาพไปวาดน้นั ปลวิ มาตกในปา่ ๑ ภาพจากภาพที่วาดไว้ ๒ ภาพ) ขณะทวี่ ิ หยาสะกำออกประพาสปา่ เมือ่ เหน็ ภาพวาดของนางบษุ บาจึงหลงใหลในตัว บษุ บาเปน็ อยา่ งมาก
วิหยาสะกำจงึ ไปบอกใหบ้ ิดาของตนมาส่ขู อ นางบษุ บาทา้ วกะหมังกหุ นิงจงึ ไปสู่ขอนางบษุ บาจาก ทา้ วดาหา แต่ก็ถกู ปฎเิ สธเน่ืองจากทา้ วดาหายกนาง บุษบาใหจ้ รกาไปแลว้ ทา้ วกะหมงั กหุ นงิ โกรธมากจึง ยกทพั มาลอ้ มกรงุ ดาหาเพื่อชิงตวั นางบษุ บา ท้าวดาหา จึงได้ขอความช่วยเหลือจากท้าวกุเรปัน ท้าวกาหลัง ท้าวสงิ หดั ส่าหรี และจรกาให้ยกทัพมาช่วยกนั รบ
ทา้ วกเุ รปันสง่ั ใหอ้ เิ หนามาช่วยรบท่กี รุงดาหา แต่ด้วยความท่อี ิเหนาเคยทำให้ท้าวดาหาโกรธเรื่อง ปฏิเสธการแต่งงานกบั บุษบา จนทำใหเ้ กดิ เรือ่ งวุ่นวาย ขนึ้ มาอเิ หนาจึงตดั สินใจสรู้ บให้ชนะกอ่ นแล้วค่อยเข้าไป เฝ้าท้าวดาหา เมอ่ื ทา้ วกะหมงั กุหนงิ ยกทัพมาใกล้ดาหาก็ เกดิ การตอ่ สู้กับกองทัพของอเิ หนา ในท่สี ุดสงั คามาระตา คนสนทิ ของอิเหนาก็สงั หารวิหยาสะกำ ส่วนอเิ หนา สงั หารทา้ วกะหมังกหุ นิงตายในสนามรบดว้ ยกรชิ เทวา
เมอื่ อเิ หนารบชนะกไ็ ด้เข้าเฝ้าท้าวดาหาและได้ พบกับนางบุษบา อิเหนาเมอ่ื ไดพ้ บนางบษุ บาก็หลงรกั นางทนั ทีและร้สู ึกเสียดายมาก และอิเหนากก็ ลบั หลงรัก นางเสยี เอง และพยายามทำทกุ วถิ ที างเพื่อใหไ้ ดน้ าง บษุ บามาครอง
อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง ๏ เมื่อน้นั ทา้ วกะหมังกหุ นิงชาญสนาม เห็นระเดน่ หา้ องคย์ นื ทรงงาม สงไสยก็ถามไปทนั ใด อันตัวของเจา้ ทง้ั ห้าน้ี อยดู่ าหาธานฤี าไฉน สามารถอาจมาชงิ ไชย ผูใ้ ดซงึ่ ช่ือจรกา ๏ เมอ่ื น้นั ระเด่นมนตรีใจกลา้ ๏ เม่อื น้นั พระปิ่นภพกุหนิงกรงุ ใหญ่ ยม้ิ พลางทางตอบวาจา เรามาแตก่ รงุ กเุ รปัน แจง้ ว่าอเิ หนาชาญไชย ภวู ไนยครนั่ ครา้ มฤทธา ไดย้ นิ เขาวา่ ตวั ทา่ นนี้ จะตดี าหาเขตรขณั ฑ์ แตม่ านะกระษตั รอาจอง จึงว่าเจ้าผู้วงษ์อสัญหยา จงึ มาช่วยสุรวิ งษพ์ งษพ์ นั ธุ์ ถามถึงจรกานั้นดว้ ยอนั ใด เสียดายรูปโฉมโสภา ดวงภกั ตรล์ กั ขณากพ็ ริ้งเพรา เราเห็นก็ใหป้ รานี เทา่ นจี้ ะมาตายเสียเปล่าเปลา่ ทัง้ ห้าองค์แต่ลว้ นทรงเยาว์ จะฆ่าเสียเลา่ กอ็ ายใจ อน่งึ ตวั เจ้ากบั เรานนั้ จะผดิ แผกกนั กห็ าไม่ ขา้ กับจรกาจะชิงไชย ใหเ้ จา้ ดเู ล่นเปนขวญั ตา
๏ เมือ่ นัน้ พระสุรวิ งษ์อสัญแดหวา จงึ ตอบวา่ ทา้ วจรกา มิได้อยดู่ าหาธานี ไม่ไตรตรามารบให้ผดิ เมือง ถ้าจะรบจรกาบรุ ี ทวยหาญตายเปลอื งไมพ่ อท่ี แม้นไม่รู้แหง่ ภารา อนั จะอยดู่ าหากรุงไกร ภมู จี งเลิกทัพไป จะให้เขา้ มาบกุ รกุ ราน ถงึ วา่ จรกาไม่มาทัน จะชว่ ยนำมรคานน้ั ให้ จำจะปอ้ งดว้ ยนอ้ งเปนสตั รี ใช่นางเกดิ ในบษุ บง จะชงิ ไชยไปกว่าจะวายปราณ ช่วงชงิ กันดังผลไม้ ถงึ ที่ถิ่นฐานก็ใชท่ ี อันว่าตัวเราผเู้ ปนพ่ี ๏ เมือ่ นนั้ ท้าวกะหมงั กุหนงิ ใจกลา้ จะใหเ้ ปนชเลยนดี้ ้วยอนั ใด สุรวิ งษพ์ งษาก็หาไม่ ไดฟ้ งั จงึ ตอบวาจา เรามาชิงตนุ าหงันพระบุตรี อนั จะได้นางไปอยา่ สงกา ดว้ ยองคบ์ ษุ บาโฉมตรู ยังอย่ดู าหาบรุ ศี รี อนั จรกาไม่อยู่กย็ ง่ิ ดี ไม่มผี หู้ วงแหนเกียจกนั เราจะไปชงิ ไชยทีน่ ่ัน สดุ แตน่ างอย่เู มอื งไหน ถงึ เขตรขณั ฑ์จรกาพระนคร เพราะจะชิงบตุ รีดวงสมร ไมอ่ ยากยกไปโรมรนั ปางก่อนกย็ ่อมมมี า การอะไรแก่เจา้ ผู้เชษฐา ซ่งึ เราจะรบบัดเดีย๋ วน้ี จะได้สืบวงษาให้สำราญ มิได้ผิดธรรมสถาวร สุดแตใ่ ครดกี ็ใครได้ จงเลกิ ทัพกลบั ไปภารา
๏ เมอื่ นัน้ ระเดน่ มนตรใี จหาญ ยิม้ แลว้ จึงตอบพจมาน ซ่งึ ท่านเมตตาขา้ ขอบใจ จะใหก้ ลบั ไปเมอื งเหมือนดังวา่ มนษุ ย์เทวาจะติได้ มาถงึ สมรภมู ิไชย จะกลับไปกอ็ ายเสียดายภกั ตร์ ถึงมาทเปนเดก็ ไมถ่ อยหนี สงวนศรีไมใ่ ห้เสียศกั ดิ ทา่ นอยา่ ดเู บาแกเ่ รานัก ใชจ่ ักไมร่ ูโ้ รมรัน อย่าเอาทหารออกตา้ นหน้า จะพลอยม้วยมรณาอาสัญ ๏ เมือ่ นัน้ เรากบั ระตูมาสูก้ ัน ใหเ้ ปนขวัญตาแกโ่ ยธี ท้าวกะหมังกหุ นงิ เรอื งศรี ได้ฟงั กรว้ิ โกรธดังอัคคี จงึ มีพจนาดถต์ อบไป ก็ตามจติ รไมข่ ดั อชั ฌาไศรย จะรบกันแตต่ วั ให้เห็นฤทธิ์ ภูวไนยขนึ้ ทรงพาชี ตามกระบวนณรงค์ไชยศรี ว่าพลางลงจากรถไชย กบั ระเด่นมนตรีกเุ รปนั ผู้ใจแกล้วกล้าชาญขยนั ชักมา้ ลอ่ เลย้ี วเวยี นวง อาชาผกผันเข้ารอนราญ กับกรัตปิ าตใี จหาญ ทา้ วกะหมงั กุหนิงธบิ ดี ทยานต่อล่อไล่กันไปมา อันสุหรานากงวงษา กบั ระตปู าหยงั สกู้ ัน อนั ระตปู าหลนั สลัด สองสโู้ รมรนั ประจญั บาน
๏ ต่างผันตา่ งผัดปัดปอ้ ง รบั รองวอ่ งไวทง้ั ซ้ายขวา ด้วยศกึ ษาชำนาญดว้ ยกัน อาวธุ ไม่ระคายกายา ๏ เม่อื น้นั อเิ หนาฤทธิแรงแขงขนั ขับม้าเลี้ยวลอ่ เวียนรวนั รำทวนเยย้ หยนั ไยไพ แกลง้ ชกั เปนบาทกญุ ชร แล้วยอ้ นเปนเฉลวกองใหญ่ กลบั ชักเปนโคมสามใบ แกลง้ ยัว่ หวังจะใหต้ ดิ ตาม ๏ ครน้ั เห็นไม่ไล่แล้วรอ้ งเยย้ เหวยเหวยระตูชาญสนาม เหตไุ ฉนขยนั้ ครัน่ ครา้ ม ฤาเข็ดขามฤทธ์ิแลว้ ก็วา่ มา ๏ เมือ่ น้ัน ทา้ วกะหมังกุหนงิ ใจกลา้ ความอายความแคน้ แนน่ อุรา ทัง้ กำลังอาชากซ็ ุดซาน จงึ คิดวา่ อเิ หนามฤี ทธน์ิ กั จะหักมไิ ด้ดงั ใจหาญ จำจะทำอุบายให้เนน่ิ นาน จงึ จะคอ่ ยรบราญราวี คิดแลว้ จงึ กลา่ วสนุ ทร ดกู อ่ นเจา้ ผ้เู รืองศรี อันจะรบพร้อมพรัง่ อยู่ดังน้ี ใชท่ ี่จะเหน็ ฝมี อื กนั มาจะชงิ ไชยทลี ะคู่ ดเู ล่นใหเ้ ปนศุขเกษมสนั ต์ เหมอื นรมนาโบะเลน่ นน้ั ให้เปนขวญั ตาพลไกร
๏ เม่อื น้ัน พระสุรวิ งษ์ผู้ทรงอัชฌาไศรย ยิ้มแลว้ จึงตอบคำไป ออ่ นใจแล้วฤาภมู ี จงึ ชวนพันตูเปนคกู่ นั บดิ ผันจะแกลง้ เอาตวั หนี ฤๅจะรบั แพ้ก็ตามที ชลีเราจะให้กลับไปภารา ฯ ๔ คำ ฯ วิยาหยาสะกำใจกลา้ ๏ เม่ือนัน้ สังคามารตาเรอื งศรี ๏ เมอื่ นั้น กระตะอาชาออกยืนยนั ฟงั วยิ าหยาสะกำพาที ดงั ตรเี พ็ชรแสลงมาแทงกรรณ ได้ฟงั กรวิ้ โกรธโกรธา อย่าเหิมฮึกโอหังเยย้ หยัน ใหพ้ โิ รธโกรธแคน้ แน่นจติ ร จงึ ทูลพระทรงฤทธิ์รงั สรรค์ จึงวา่ ดกู ่อนข้าศกึ ตวั เราไมพ่ รั่นเท่ายองใย อนั ไพรหี ยาบช้าเจรจานน้ั ตัวมนั จะเปนกะไรมา ฤทธีฝีมอื กเ็ ห็นกัน จะรบั แพ้ดังว่าอย่าสงไสย น้องนขี้ อรองฉลองบาท พระหนอ่ นารถบรมนาถา มิเจา้ ก็เราจะมรณา เปนไฉนมาหมน่ิ กนั ดังน้ี สูว้ ยิ าหยาสะกำผศู้ กั ดา พระจงยนื มา้ ดเู ปนประธาน ตัวเราก็ชายอาชาไนย
วา่ พลางทางชมคณานก โผนผกจับไมอ้ ึงมี่ เบญจวรรณจับวัลยช์ าลี เหมอื นวนั พไี่ กลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมอื นพ่ีแนบนวลสมรจนิ ตะหรา จากพรากจบั จากจำนรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี แขกเต้าจบั เตา่ ร้างรอ้ ง เหมือนร้างท้องมาหยารัศมี นกแกว้ จับแก้วพาที เหมือนแกว้ พ่ที ้ังสามสัง่ ความมา ตระเวนไพรรอ่ นรอ้ งตระเวนไพร เหมอื นเวรใดใหน้ ิราศเสน่หา เคา้ โมงจับโมงอยเู่ อกา เหมือนพนี่ ับโมงมาเมอ่ื ไกลนาง
ตอน ศึกกะหมงั กหุ นงิ
คณุ ค่าดา้ นเนือ้ หา ๑. เปน็ เรอื่ งท่แี สดงใหเ้ ห็นถงึ ความรักของพอ่ ท่ีมีต่อ ลกู รักและตามใจทกุ อย่าง แมน้ กระทั่งตวั ตายกย็ อม ๒. ได้ความรู้เก่ียวกบั การรบมกี ารตงั้ ค่าย การใช้อาวุธ และการต่อสขู้ องตวั ละครสำคัญ ๓. แสดงให้เห็นความเช่อื ประเพณี และพธิ กี รรม โบราณ
คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ ๑. การสรา้ งจนิ ตภาพ กวใี ช้คำบรรยายไดช้ ัดเจน สามารถทำให้ ผอู้ า่ นสามารถคิดภาพตามและไดร้ บั อรรถรสในการอา่ นมากขึน้ กรงุ กษตั ริย์ขอขึ้นก็นับรอ้ ย เราเปน็ เมอื งนอ้ ยกระจหิ ริด ดังหง่ิ หอ้ ยจะแข่งแสงอาทติ ย์ เหน็ ผิดระบอบบุราณมา ๒. อุปมา เปน็ การใช้โวหารเปรยี บเทยี บโดยใชค้ ำเปรียบเทียบส่งิ หนง่ึ เหมือนสง่ิ หนึง่ ทำใหเ้ หน็ ภาพไดช้ ัดเจนยงิ่ ข้ึน เมื่อนนั้ ท้าวกะหมังกหุ นิงเรืองศรี ไดฟ้ ังกร้ิวโกรธดงั อัคคี จึงมพี จนาดถต์ อบไป
คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์ ๓. การเลน่ คำ โดยการซา้ คำ มกี ารใช้ภาษาสละสลวยงดงาม การเล่นคำพ้องเสยี ง เลน่ สัมผัสพยญั ชนะเพ่อื ให้เกดิ ความไพเราะ ๔. การแตง่ แบบนริ าศ มกี ารพรรณนาถึงความโศกเศรา้ อาลัย ทไี่ ดพ้ รากจากคนรักมา ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้องึ มี่ เบญจวรรณจบั วลั ย์ชาลี เหมือนวนั พไ่ี กลสามสดุ ามา นางนวลจบั นางนวลนอน จากพรากจบั จากจำนรรจา เหมอื นพแ่ี นบนวลสมรจินตะหรา เหมอื นจากนางสการะวาตี
รสในวรรณคดี ๑) เสาวรจนี คอื การชมความงาม ชมโฉม พร่าพรรณนาแลธบรรยาย ถงึ ความงามหรืออาจจะเปน็ ชมความงามของสถานท่ี ส่งิ ของ ตวั อย่างเช่น หนมุ่ นอ้ ยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนบั ว่าชายโฉมยง ทนต์แดงดัง่ แสงทับทิม เพรศิ พรมิ้ เพรารับกับขนง เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขดั ตา ๒) นารปี ราโมทย์ คือ การแสดงความรักผ่านการเกีย้ ว เม่ือนั้น พระสุรยิ ์วงศเ์ ทวญั อสัญหยา โลมนางพลางกล่าววาจา จงผินมาพาทีกับพีช่ าย ซง่ึ สัญญาวา่ ไว้กับนวลน้อง มิไดแ้ กลง้ กลอกกลับอภปิ ราย จะคงครองไมตรีไม่หนีหนา่ ย อยา่ สงกาวา่ จะวายคลายรกั
๓) พิโรธวาทงั คือการแสดงความโกธรแค้นผา่ นการใชค้ ำตดั พอ้ ต่อวา่ ใหส้ าใจ ท้ังยังสำแดงความนอ้ ยเน้ือต่าใจ, ความผดิ หวงั , ความแคน้ คบั อับจติ และความโกรธกรวิ้ เม่อื น้ัน พระผู้ผา่ นไอศรู ย์สูงส่ง ประกาศิตสีหนาทอาจอง จะณรงคส์ งครามก็ตามใจ ตรสั พลางย่างเยือ้ งยรุ ยาตร จากอาสนแ์ ทน่ ทองผ่องใส พนักงานปดิ ม่านทันใด เสด็จเข้าข้างในฉบั พลันฯ ๔) สลั ลาปงั คพสิ ยั คือ การโอดคร่าครวญ หรอื บทโศกเศร้า ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้องึ ม่ี เบญจวรรณจบั วลั ย์ชาลี เหมอื นวนั พี่ไกลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมอื นพแ่ี นบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี
คุณค่าดา้ นสังคม ๑. ความเชอ่ื เรอื่ งโชคชะตา การเชื่อเร่ืองคำทำนาย ดังท่ีทา้ ว กะหมังกุหนิงให้โหรมาทำนายกอ่ นจะยกทพั ไปเมืองดาหา โหรก็ทำนายวา่ บัดน้ัน พระโหราราชครูผู้ใหญ่ รบั รสพจนารถภวู ไนย คลต่ี ำรบั ขับไล่ไปมา เทียบดดู วงชะตาพระทรงยศ กบั โอรสถึงฆาตชนั ษา ทง้ั ชัน้ โชคโยคยามยาตรา พระเคราะหข์ ัดฤกษพ์ าสารพนั จึงทูลว่าถ้ายกวนั พร่งุ นี้ จะเสียชัยไพรีเปน็ แม่นมั่น งดอยอู่ ย่าเสด็จสักเจด็ วัน ถา้ พ้นนัน้ ก็เหน็ ไม่เป็นไร
คณุ ค่าดา้ นสังคม ๒. การดฤู กษย์ าม มีการทำพิธตี ดั ไมข้ ่มนาม และยังมพี ธิ ีเบิก โขลนทวาร ซง่ึ ทำพธิ ตี ามตำราพราหมณ์ โดยทำเปน็ ประตูสะดว้ ยใบไม้ สองขา้ งประตูมีพราหมณน์ ่ังประพรมน้ามนต์ใหท้ หารทเี่ ดนิ ลอดประตู ทงั้ ๒ พธิ นี ้ที ำเพ่ือความเป็นสริ มิ งคล และสรา้ งขวัญกำลงั ใจใหท้ หาร ดังคำ ประพันธ์ตอ่ ไปน้ี พอไดศ้ ภุ กฤกษ์ก็ลัน่ ฆ้อง ประโคมคึกกกึ กอ้ งทอ้ งสนาม ประโรหิตตดั ไม้ข่มนาม ทำตามตำราพชิ ยั ยทุ ธ์
อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นงิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: