Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์

คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์

Published by pearyzaa, 2022-12-13 01:59:24

Description: คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทยศาสตร์สงเคราะห์

Search

Read the Text Version

คมั ภรี ์ฉันทศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๕

ท่ีมาของเรอื่ ง เม่ือรชั กาลท่ี ๕ ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ ตัง้ โรงเรียนราชแพทยาลัยขึน้ แลว้ ในพ.ศ. ๒๔๓๒ ไดม้ ีการพมิ พ์ ตำราแพทย์สำหรับโรงเรียนเลม่ แรกชื่อวา่ “แพทยศ์ าสตร์ สงเคราะห์” เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๙ เกิดโรคระบาดตามหัวเมืองลพบรุ ี และนครราชสีมา พระยาพศิ ณุประสาทเวช ได้กราบทูลขอ ประทานพระอนุญาตจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ ยาดำรงราชานภุ าพ ในการจัดพมิ พ์ตำราแพทยศาสตร์ สงเคราะหฉ์ บับหลวงจำนวน ๒ เล่มจบสมบรู ณข์ น้ึ เป็นคร้งั แรกเมอ่ื วนั ที่ ๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๕๐ เพราะเลง็ เห็นความ จำเปน็ ๒ ประการคอื ๑. ราษฎรท่ปี ว่ ยจะตอ้ งมีตำราดา้ นการแพทย์ เพ่ือ เป็นคมู่ อื ไวร้ ักษาตนเอง ๒. อนุรกั ษต์ ำราแพทย์แผนไทยไว้ใหค้ นรนุ่ หลงั

ประวัตผิ แู้ ตง่ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช (คง ถาวรเวช) เกดิ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ หรอื ท่ีเรยี กกนั ว่า “หมอคง” หมอคงเปน็ หมอทีม่ ชี ่อื เสยี งและเปน็ หมอประจำ โรงพยาบาลศริ ิราชตงั้ แต่แรกกอ่ ตง้ั เมื่อกิจการ โรงพยาบาลศริ ิราชได้รับความนิยามมากข้ึน กรม พยาบาลจงึ จัดต้งั โรงพยาบาลขึน้ มาตรงหนา้ วังบรู พา ภริ มย์ เป็นโรงพยาบาล ตอ่ มาได้เลอ่ื นบรรดาศักด์ิ เปน็ “ขุนประสารเวชสิทธ์” ทำหน้าทเ่ี ป็นหมอหลวง หมอประจำโรงพยาบาล และเปน็ หมอเชลยศกั ด์ิ รักษาคนไข้ทวั่ ไป และได้เล่อื นบรรดาศักด์ิเป็น “พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวช”

ลักษณะคำประพนั ธ์ ลักษณะคำประพนั ธ์ของคัมภีร์ฉนั ทศาสตร์ เป็นกาพยย์ านี ๑๑ ๑. กาพยย์ านี ๑ บทมี ๒ บาท และมี ๔ วรรค ๒. ในแตล่ ะบาท ประกอบไปด้วยวรรคหน้า ๕ คำและวรรคหลัง ๖ คำ ๓. ๓. ตัวสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ จะตอ้ งสมั ผสั กับตวั ท่ี ๓ ของวรรคที่ ๒ ๔. ๔. ตัวสุดทา้ ยของวรรคที่ ๒ ส่งสมั ผัสกับตวั สุดท้ายของวรรคท่ี ๓ ๕. สำหรับสมั ผัสระหวา่ งบทน้ัน ให้ตวั สุดท้ายของวรรคที่ ๔ สง่ สัมผัสไปยังตวั สดุ ทา้ ย ของวรรคที่ ๒ ในบทถัดไป

บทประพนั ธค์ มั ภรี ฉ์ นั ทศาสตร์

บทไหวค้ รู แปลความ ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรตั นาถา ตรีโลกอมรามา อภิวาทนาการ พระฤๅษีผูท้ รงญาณ อนง่ึ ขา้ อัญชลี โดยรอบรใู้ นโรคา แปดองค์เธอมฌี าน ขอกราบไหวพ้ ระรตั นตรัยและฤาษีครแู พทย์ท้งั ๘ องค์ ซงึ่ เปน็ ปฐมครูผูส้ อน เป็นครูผูป้ ระสิทธิ์ประสาทวชิ าการแพทย์และเภสัชกรรม แผนโบราณ และเป็นผู้รอบรูเ้ ก่ยี วกับโรคภัยตา่ ง ๆ

ไหว้คุณพระอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทกุ ชนั้ ฟา้ สาปสวรรค์ซ่งึ หว้านยา ประทานทวั่ โลกธาตรี ผเู้ จนจัดในคัมภรี ์ ไหว้ครกู ุมารภัจ ให้ทานท่วั แก่นรชน เวชศาสตรบรรดามี แต่ปางก่อนเจริญผล สำเร็จกจิ ประสิทธ์พิ ร ไหว้ครูผู้สงั่ สอน ล่วงลนุ ิพพานดล แปลความ ขอกราบไหวพ้ ระอิศวรและพระพรหม ซงึ่ เปน็ ผู้ท่ปี ระทานสมุนไพรใหแ้ ก้ มวลมนษุ ย์ชาตทิ ว่ั โลก รวมไปถงึ การกราบไหว้หมอชวี กโกมารภัจจ์ ซ่ึงเป็น แพทยป์ ระจำพระองค์ของพระพทุ ธเจา้ และพระเจา้ พิมพิสาร นอกจากนัน้ ยงั รวมไปถงึ การไหวบ้ รรดาครอู าจารย์ที่สั่งสอนในวชิ าแพทยด์ า้ นต่าง ๆ

ความสำคญั ของคมั ภรี ฉ์ นั ทศาสตร์ แปลความ จะกล่าวคำภรี ์ฉนั ทศาสตรบ์ รรพท์ คี่ รูสอน เสมอดวงทินกร แลดวงจนั ทร์กระจ่างตา กระจา่ งแจ้งในมรรคา ส่องสตั ว์ให้สวา่ ง ผเู้ รยี นรูค้ ัมภีร์ไสย์ หมอนวดแลหมอยา จนจบบทคมั ภรี ์ใน สิบสขี่ ้อจงควรจำ เรยี นร้ใู หค้ รบหมด ฉนั ทศาสตรท์ ่านกลา่ วไข คัมภีร์ฉนั ทศาสตรเ์ ปรียบเสมือนพระอาทิตย์ และพระจนั ทร์ ทค่ี อยสอ่ ง แสงสว่างชีท้ างชวี ิตให้แกผ่ คู้ น รวมถงึ หมอนวด และหมอยาทีต่ อ้ งเรียนร้คู มั ภีร์ แพทย์ (คัมภีรไ์ สย์) โดยมีท้ังสน้ิ ๑๔ ข้อ

เนอื้ เรอ่ื งท่ีเกี่ยวกบั ความสำคญั ของอวัยวะ อนึง่ จะกล่าวสอน กายนครมมี ากหลาย ประเทยี บเปรียบในกาย ทุกหญงิ ชายในโลกา ผา่ นสมบัตอิ นั โอฬาร์ ดวงจติ คือกระษัตรยิ ์ เกิดเขา่ ฆา่ ในกายเรา ขา้ ศึกคอื โรคา อนั ชำนานร้ลู ำเนา ห้อมลอ้ มรอบทุกทศิ า เปรยี บแพทย์คอื ทหาร ขา้ ศึกมาอยา่ งใจเบา แปลความ รา่ งกายของคนเราทง้ั ชาย และหญงิ เสมือนเมอื งแห่งหนึ่ง โดยมี พระราชาเป็นหวั ใจ และเปรยี บแพทยเ์ ป็นทหาร ท่ีทำหนา้ ที่ปกปอ้ งดูแล บ้านเมืองและต่อสกู้ บั ข้าศึก ซงึ่ กค็ ือโรคภยั ไขเ้ จ็บตา่ ง ๆ ทมี่ าทำให้รา่ งกาย ของเราออ่ นแอ หรอื เสยี ชวี ติ ได้

ให้ดำรงกระษัตริยไ์ ว้ คือดวงใจใหเ้ รง่ ยา อนึ่งห้ามอยา่ โกรธา ข้าศึกมาจะอนั ตราย เรง่ รักษาเขมน่ หมาย ปติ ตํ คือ วงั หน้า คอื เสบียงเลี้ยงโยธา อาหารอยู่ในกาย เรง่ จดั แจงอยู่รักษา ปิดทางได้จะเสียที หนทางท้ังสามแหง่ ห้ามอยา่ ใหข้ ้าศกึ มา แปลความ สามสงิ่ สำคญั ท่ีต้องหมัน่ ดแู ลไม่ใหข้ ้าศกึ ซง่ึ กค็ อื เชื้อโรคตา่ ง ๆ เข้ามา ทำลายได้ คือ หนง่ึ หัวใจ (เปรียบเทียบได้กับพระราชาผคู้ รองเมอื ง) ซ่งึ เปน็ อวัยวะที่สำคญั ท่สี ดุ ในรา่ งกาย โดยตอ้ งดแู ลสภาพจติ ใจไมใ่ ห้เกิดความโกรธ สอง ถุงนา้ํ ดี (ปติ ต)ํ เปรียบเสมอื นวงั หน้า และ สาม อาหาร เปรยี บเสมอื น เสบียงเลย้ี งบา้ นเมอื งซ่ึงกค็ ือรา่ งกายของเรานั่นเอง

แปลความ อน่งึ เล่ามคี ำโจทก์ กลา่ วยกโทษแพทยอ์ ันมี ปรีชารู้คมั ภรี ์ เหตุฉนั ใดแกม้ ีฟัง รูร้ ักษากจ็ รงิ จัง คำเฉลยแก้ปุจฉา จ่ึงมิฟงั ในการยา ดว้ ยโรคเหลอื กำลงั แกแ่ ล้วไซรย้ ากนกั หนา เหมอื นเพลิงปา่ ไหมล้ กุ ลาม เมอื่ อ่อนรักษาได้ ไขน้ ้ันอุปมา กลา่ วกันวา่ แพทย์ท่ีเปน็ ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นการรักษาโรคและความรู้มากมาย ไมส่ ามารถรักษาคนให้หายจากโรคภัยไขเ้ จบ็ ได้ น่ันเปน็ เพราะโรคบางชนดิ นน้ั ร้ายแรงเกนิ ไปราวกับเพลงิ ป่า ประกอบกับการดือ้ ยายงั ทำใหร้ กั ษาโรคยากขึ้นดว้ ย แตถ่ ้ามีอาการไม่หนกั ไม่รุนแรง ย่อมรักษาไดง้ า่ ยกวา่

เป็นแพทยม์ สี ำคัญ โอกาสนัน้ มีอยู่สาม เคราะหร์ ้ายขัดโชคนาม บางทรี ้เู กนิ รูไ้ ป บางทีรไู้ ม่ทัน ดว้ ยโรคนนั้ ใชว่ สิ ัย ตน บ รู้ทฏิ ฐใิ จ ถอื วา่ รู้ขืนกระทำ จบเรอ่ื งทตี่ นรู้ โรคนัน้ สู้ว่าแรงกรรม ไมส่ ้ินสงสยั ทำ สุดมือม้วยนา่ เสียดาย บางทกี ็มชี ัย แต่ยาให้โรคน้ันหาย ท่านกลา่ วอภิปราย วา่ ชอบโรคนนั้ เปน็ ดี แปลความ แพทยม์ โี อกาสจะรักษาโรค ไม่ สำเรจ็ มีอยู่ ๓ ประการด้วยกนั คอื หน่ึง วนิ ิจฉัยโรคเกินจริง สอง ไม่รจู้ กั โรคน้ันมากอ่ น แล้วโทษวา่ เป็นเวร กรรมของผู้ปว่ ย และสาม แม้ว่าแพทย์อาจสามารถรกั ษาโรคใหห้ ายได้ แต่ เปน็ เพราะได้ยารักษาโรคทีด่ ี ไม่ไดม้ าจากความสามารถของแพทย์แต่อยา่ งใด

เลือกครูอาจารย์ท่มี คี วามร้เู ปน็ อย่างดี แปลความ ผูใ้ ดจะเรียนรู้ พิเคราะห์ดผู อู้ าจารย์ เท่ียงแทว้ า่ พิศดาร ท้งั พุทธไสยจึ่งควรเรยี น คัมภรี ์ไสยไม่จำเนยี ร แตส่ ักเป็นแพทยไ์ ด้ จำนำตนให้หลงทาง ครูน้นั ไมค่ วรเรยี น ทศาสตรอ์ นั บุราณปาง นิพพานสุศิวาไลย เราแจ้งคมั ภีร์ฉนั กอ่ นกล่าวไว้เป็นทาง ใครอยากจะเปน็ แพทยต์ ้องเลอื กอาจารยใ์ หด้ ี ๆ โดยอาจารย์ทีด่ ีต้องร้ทู งั้ การแพทย์แผนไทย (พุทธ) และแผนอนิ เดีย (ไสย) ถ้าอาจารย์คนไหนไม่เชี่ยวชาญ ครบท้ังสองดา้ น ไม่ควรเสียเวลาไปเรยี นเพราะจะเกดิ ความเขา้ ใจผดิ ได้ ดงั น้นั ผูท้ ่อี ยากเรยี นแพทย์ ควรศึกษาคัมภีร์ฉันทศาสตร์ เพราะมีเนอ้ื หาทถ่ี ูกต้อง

อยา่ ดูหม่นิ ตำราอย่าอวดรู้ แปลความ อยา่ หมิ่นว่ารู้งา่ ย ตำรับรายอย่ถู มไป รบี ด่วนประมาทใจ ดังน้นั แท้มิเป็นการ เทย่ี วรกั ษาโดยโวหาร ลอกได้แต่ตำรา จะแก้ไขให้พลนั หาย อวดรวู้ า่ ชำนาญ อย่าดหู มิน่ และดถู กู วา่ การเป็นหมอนน้ั ง่าย ถึงแมจ้ ะมตี ำรับตำราให้ เรียนรมู้ ากมายแต่กอ็ ยา่ ไดป้ ระมาทใจ แพทย์บางคนอาจทำไดแ้ คร่ ักษาตาม ตำรา แตเ่ ท่ียวอวดรวู้ ่าตวั เองมคี วามชำนาญ

อยา่ รักษาโรคโดยการคาดเดาโทษว่าเปน็ แรงกรรม โรคคอื ครกุ รรม บรรจบจำอยา่ พงึ ทาย กลา่ วเลห่ อ์ บุ ายหมาย ด้วยโลกหลงในลาภา บ้างจำแตเ่ พศไข้ สิ่งเดียวได้สังเกตมา กองเลือดว่าเสมหา กองวาตาวา่ กำเดา คมั ภรี ก์ ลา่ วไว้หมด ไยมิจดมจิ ำเอา ทายโรคแต่โดยเดา ใหเ้ ชอ่ื ถือในอาตมา รูน้ อ้ ยอย่าบังอาจ หม่นิ ประมาทในโรคา แรงโรคว่าแรงยา มคิ วรถือวา่ แรงกรรม แปลความ โรคภยั คือกรรมหนักหรือบาปหนกั แพทย์ทดี่ ไี มค่ วรรักษาโรคเพราะหวงั ใน ทรัพย์สนิ เงนิ ทอง และไมค่ วรใชเ้ ฉพาะการสังเกตอยา่ งเดยี วแลว้ อา้ งว่ารู้ ท้งั ๆ ที่ไม่ได้รู้จัก โรคนัน้ จริง ๆ ไมค่ วรเดาสุ่มแตค่ วรเชอ่ื ถอื ในตำรามากกว่า นอกจากนี้หากร้นู อ้ ยก็ไมค่ วร อวดตัว แลว้ เทยี่ วโทษวา่ รกั ษาไม่ได้เพราะเวรกรรม แต่จริง ๆ แล้วเปน็ เพราะให้ยาไม่ดี

อยา่ วินิจฉยั โรคแค่วา่ ตนเคยรกั ษาโรคมาก่อน แปลความ อน่ึงท่านไดก้ ลา่ วถาม อย่ากล่าวความบังอาจอำ เภอใจว่าตัวจำ เพศไข้นีอ้ นั เคยยา จะพลนั หายในโรคา ใช่โรคส่งิ เดยี วดาย จะชอบโรคอนั แปรปรวน ตา่ งเนือ้ ก็ต่างยา แต่เคราะหค์ รอบจ่งึ หนั หวน จะโทษยาก็ผิดที บางทีก็ยาชอบ หายคลายแล้วทบทวน อย่าบังอาจกล่าวตามอำเภอใจวา่ การรักษาโรคนัน้ งา่ ย เพราะเคยรกั ษา มาแลว้ โรคภัยน้ันไมไ่ ด้มชี นดิ เดยี ว แต่มมี ากมายหลายชนดิ อีกทัง้ คนไขแ้ ต่ละคน ก็ไม่เหมือนกนั ใชว้ า่ เป็นโรคเดยี วกันแลว้ จะต้องใชย้ าชนดิ เดียวกันเสมอไป

อยา่ ประมาทในการรักษาโรคโรคย่ิงหนกั เพราะให้ยามากเกนิ ไป อวดยาครน้ั ใหย้ า เหน็ โรคาไม่ถอยหนี กลบั กลา่ ววา่ แรงผี ท่ีแทท้ ำไม่รู้ทำ นิยมใจไม่เกรงกรรม เห็นลาภจะใคร่ได้ โรคระยำเพราะแรงยา รนู้ ้อยบงั อาจทำ จะภยิ โยเรง่ วฒั นา กย็ ิง่ ยบั ระยำเยนิ โรคนั้นคือโทโส แพทยเ์ ร่งกระหน่ํายา แปลความ เมือ่ เห็นวา่ คนไขไ้ ม่หายเสยี ที แพทย์กลับให้ยาเพิม่ มากขน้ึ ซ่ึงอาจ แรงเกินไป และทำให้คนไขอ้ าการหนักขึน้ เปรยี บโรคภยั ได้กบั ความโกรธ ท่ียง่ิ เมอื่ เตมิ เชอื้ ไฟ จะยง่ิ รุนแรงมากยิ่งข้ึน

อย่าอวดรู้ ควรพจิ ารณาปรมิ าณยาให้เหมาะสม แปลความ รู้แลว้ อยา่ อวดรู้ พนิ ิจดอู ย่าหม่ินเมนิ ควรยาหรือยาเกนิ กวา่ โรคนนั้ จงึ่ กลบั กลาย อยา่ โดยดว่ นเอาพลันหาย ถนอมทำแตพ่ อควร จะเสียท่าด้วยผดิ ที ผิโรคนน้ั กลบั กลาย ไมค่ วรอวดรู้ ต้องพิจารณาเรือ่ งปริมาณยาท่จี ะใหก้ ับคนไข้ อยา่ งถ่ถี ว้ น เพราะหากคนไข้เกิดแพ้ยา อาจทำให้อาการหนักมากขึ้น

หมอบางคนรูเ้ พยี งยาแขนงหนง่ึ แตอ่ วดรู้ ทำให้โรคหนกั ขึน้ ได้ บา้ งได้แต่ยาผาย บรรจุถ่ายจนถงึ ดี เหน็ โทษเขา้ เปน็ ตรี จึง่ ออกตวั ด้วยตกใจ เทย่ี วอวดอาจไม่เกรงภยั บ้างร้แู ตย่ ากวาด ดงั กอ่ กรรมให้ติดกาย โรคนอ้ ยให้หนักไป แปลความ แพทยบ์ างคนรู้จกั แคย่ าระบาย (ยาผาย มคี ุณสมบตั ิในการขับลม) พอ อาการหนักขน้ึ รนุ แรงขึ้นกต็ กใจทำอะไรไม่ถูก ส่วนยากวาด (ยาทต่ี ้องนำมาบดให้ ละเอียด ใชผ้ สมกับนา้ํ แลว้ นำมาป้ายหรอื ล้วงกวาดท่ลี ำคอ) แต่เทย่ี วอวดรูว้ ่า ตวั เองรู้จกั ยามากมายหลายชนิด ทำให้โรคท่ตี วั เองรกั ษาอยู่ จากเบากลายเปน็ หนัก ซ่งึ ถือเป็นการก่อกรรมกับผอู้ ื่น

คณุ ค่าของวรรณคดี คัมภีรฉ์ นั ทศาสตร์

คุณคา่ ด้านเนอ้ื หา ๑. รปู แบบการแตง่ คมั ภีรฉ์ นั ทศาสตร์ แพทยศาสตรส์ งเคราะห์ เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้จากตำราอื่นๆ เกีย่ วกับแพทยศาสตร์ ซ่งึ ผู้ แต่งเลือกใช้คำประพนั ธ์ประเภท กาพย์ยานี ๑๑ เริ่มต้นดว้ ยบทไหวค้ รู และจรรยาบรรณของแพทย์ กบั ข้อควรปฏิบตั ิ สว่ นเน้ือหาทีใ่ ช้ศกึ ษา ใน ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ว่าด้วยเรื่องลักษณะทบั ๘ ประการ ผแู้ ตง่ ใชค้ ำ ประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยให้ความรเู้ ก่ยี วกบั การรกั ษาโรคของแพทย์แผนไทย ๒. สาระสำคญั ของเรอ่ื ง คือ ความสำคญั ของแพทย์และคณุ สมบัติ ที่แพทย์พงึ มี ซง่ึ จะชว่ ยรักษาโรคได้ผลมากกว่ารูเ้ รอ่ื งนาอย่างเดยี ว

คณุ ค่าด้านเนือ้ หา ๓. โครงเรอ่ื ง มกี ารลำดับความเรม่ิ ตน้ ดว้ ยบทไหวค้ รู เป็นการไหว้พระรัตนตรยั ไหว้เทพเจ้าของพราหมณ์ ไหว้หมอชีวกโกมารภัจ และไหวค้ รูแพทย์โดยทัว่ ไป ต่อดว้ ย ความสำคญั ของแพทย์ จรรยาบรรณแพทย์ ซง่ึ เป็นคณุ สมบัตทิ แ่ี พทย์พึงมี และ ตอนท้ายกลา่ วถงึ ทบั ๘ ประการ คือ อาการของโรคชนิดหนึ่งท่แี ทรกซ้อนกบั โรคอน่ื ๔. กลวธิ กี ารแตง่ เนื้อหาจดั เป็นตำราเฉพาะดา้ น เนน้ การอธบิ ายเปน็ ส่วนใหญ่ จึงใชอ้ ุปมาโวหารเปรียบเทยี บ เชน่ จะกลา่ วถงึ คมั ภีร์ฉนั ทศาสตร์บรรพ์ที่ครสู อน เสมอดวงทินกร แลดวงจันทร์กระจา่ งตา

คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ๑.การสรรคำ ๑.๑ การใชถ้ ้อยคำท่ีเหมาะสมแก่เนื้อเรือ่ ง ทำใหเ้ ขา้ ใจความหมาย ตรงไปตรงมา เชน่ บางหมอก็กล่าวคำ มุสาซา้ํ กระหนํา่ ความ ยกตนว่าตนงาม ประเสริฐยง่ิ ในการรักษา บางหมอกเ็ กยี จกัน ท่พี วกอันแพทยร์ ักษา บา้ งกลา่ วเปน็ มารยา เขาเจบ็ นอ้ ยวา่ มากครัน ๑.๒ การใช้สำนวนไทย ช่วยอธิบายให้ชดั เจนมากขึน้ เชน่ เรยี นร้คู มั ภีรไ์ สย สขุ มุ ไว้อยา่ แพร่งพราย ควรกลา่ วจึง่ ขยาย อย่ายน่ื แก้วใหว้ านร

คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ๒. การใชโ้ วหาร ทำใหผ้ ูอ้ า่ นเขา้ ใจความหมายและเหน็ ภาพชัดเจน ยิ่งขึ้น เช่น อนง่ึ จะกลา่ วสอน กายนครมีมากหลาย ประเทียบเปรียบในกาย ทุกหญงิ ชายในโลกา ดวงจิตคอื กระษัตริย์ ผา่ นสมบตั อิ นั โอฬาร์ ขา้ ศึกคือโรคา เกดิ เข่นฆา่ ในกายเรา เปรยี บแพทยค์ อื ทหาร อันชำนานรู้ลำเนา ขา้ ศึกมาอยา่ งใจเบา ห้อมล้อมรอบทุกทิศา

คณุ คา่ ด้านสังคม ๑. สะทอ้ นใหเ้ หน็ ความเชอื่ ของสงั คมไทย ฉนั ทศาสตร์มีความหมาย ว่าตำรา (ศาสตร์) ที่แต่งเป็นสตู ร (ฉันท)์ ตามอย่างตำราการแพทยใ์ นคัมภีร์ อาถรรพเ์ วท ตำราอาถรรพเ์ วท เปน็ พระเวทหนงึ่ ในศาสนาพราหมณ์ จึงมี เร่ืองเก่ียวกับไสยศาสตร์ดว้ ย จึงมักพบคำวา่ “คัมภรี ์ไสย์”ปรากฏอย่ใู นคำประพันธ์ เรียนรใู้ ห้ชัดเจน จบจังหวัดคัมภรี ์ไสย์ ตั้งต้นปฐมใน ฉนั ทศาสตรด์ ังพรรณนา

คุณค่าดา้ นสงั คม ๒. สะทอ้ นใหเ้ หน็ คณุ คา่ เรอื่ งแพทยแ์ ผนไทย ถ้าพจิ ารณาใน สว่ นทกี่ ลา่ วถึงทบั ๘ ประการ จะเป็นไดว้ ่าแพทย์แผนไทยเป็นวิธกี าร รกั ษาโรคอกี วิธีหนง่ึ เปน็ แพทย์ทางเลือกทีม่ คี วามจำเปน็ ในการรกั ษา โรค เราจะคิดว่าเปน็ เรือ่ งที่ล้าสมัยไม่ได้ เพราะเวชกรรมแผนโบราณ เปน็ ท่ยี อมรบั เช่ือถอื มาชา้ นาน กอ่ นที่จะรบั เอาวิทยาการแพทยแ์ ผน ใหมม่ าจากชาตติ ะวนั ตกมาใช้ ซึ่งปจั จบุ นั การค้นคว้าวจิ ัยทางแพทย์ จะกลบั มาใหค้ วามสนใจในการรักษาดว้ ยยาสมุนไพรตามแบบโบราณ โดยถอื ว่าเป็นทางเลือกทางหนึ่งในการรักษาโรคในปัจจุบัน

คุณค่าด้านสังคม ๓. ให้ขอ้ คดิ สำหรบั การนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั สามารถนำ ข้อคิดทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาคมั ภีร์ฉนั ทศาสตร์ไปใช้ได้ทกุ สาขาอาชีพ เพราะ ไมว่ า่ จะเปน็ บคุ คลในอาชพี ใด ถา้ ไมม่ คี วามประมาท ความอวดดี ความ ริษยา ความโลภ ความเห็นแก่ตวั ความหลงตวั เอง และการมีศลี ธรรม ประจำใจ ย่อมไดร้ ับการยกยอ่ งจากบคุ คลต่างๆ ๔. ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งศพั ทท์ างการแพทยแ์ ผนโบราณ เชน่ คำว่า “ธาตุพกิ าร”ธาตุทง้ั ส่ี (ดนิ นํา้ ลม และไฟ) ในรา่ งกายไมป่ กติ ทำให้เกิด โรคตา่ งๆ ข้ึนตามกองธาตุเหลา่ นน้ั คำว่า “กำเดา” หมายถงึ อาการไข้ อย่างหนง่ึ เกิดจากหวัด

คมั ภีรฉ์ ันทศาสตร์ จบแล้ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook