(เร่อื งที่ ๑๐) ปรศิ นายากของเวตาล ๔ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี
ประวัตผิ ู้แต่ง พระราชวรวงศเ์ ธอกรมหมน่ื พิทยาลงกรณ์ ไดน้ ิพนธ์ หนังสอื ไวม้ ากมายโดยใช้นามแฝง “น.ม.ส.” ซ่ึงทรงเลือกจาก อักษรตัวหลังพยางคข์ องพระนาม(พระองคเ์ จา้ ) “รัชนีแจม่ จรัส” พระนามแฝง “น.ม.ส.” เป็นทีร่ ู้จักกนั ดใี นนาม นกั เขียนและกวที ่มี ีโวหารพิเศษ คอื คมคายและขบขัน มคี วามแปลกใหม่ทัง้ แนวเขียนแนวคิด ความชำนาญทาง ภาษาเย่ียมยอด จงึ ได้ทรงรับเลอื กใหด้ ำรงตำแหน่งสงู ทาง คุณวุฒหิ ลายตำแหนง่
ความเปน็ มา นิทานเวตาล ฉบับนิพนธ์ พระราชวงศเ์ ธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ มที มี่ าจาก วรรณกรรมสนั สกฤตของอินเดีย โดยมชี ื่อเดิมวา่ “เวตาลปญั จวงิ ศต”ิ ศวิ ทาสได้แต่ง ไวใ้ นสมัยโบราณ ต่อมาได้มผี ู้นำนิทานเวตาลท้งั ฉบับภาษาสันสกฤตและภาษาฮินดมี าแปลเป็น ภาษาอังกฤษ โดยร้อยเอก เซอร์ รชิ าร์ด เอฟ. เบอรต์ ัน ก็ไดน้ ำมาแปลและเรยี บเรยี ง แต่งแปลงเปน็ สำนวนภาษาของตนเองใหค้ นอังกฤษอา่ น แต่ไม่ครบท้งั ๒๕ เร่ือง กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณ์ ได้ทรงแปลนทิ านเวตาลจากฉบบั ของเบอร์ตัน จำนวน ๙ เรื่อง และจากฉบับแปลสำนวนของ ซี. เอช. ทอว์นยี ์ อีก ๑ เรือ่ ง รวม เปน็ ฉบับภาษาไทยของกรมหมนื่ พทิ ยาลงกรณ ๑๐ เรือ่ ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ นทิ านเวตาลเป็นนทิ านทีม่ ีลกั ษณะเป็นนิทานซับซ้อนนิทาน คือ มีนิทานเร่ือง ยอ่ ยซ้อนอยู่ในนทิ านเรอื่ งใหญ่
นิทานเวตาล คอื อะไร นิทานเวตาล เวตาลปญั จวงิ ศติ แปลวา่ นิทาน เวตาล ๒๕ เร่อื ง) เป็นวรรณกรรมสนั สกฤตโบราณ ซงึ่ เลา่ ขาน โดยกวีช่ือ ศิวทาส และไดถ้ กู เลา่ ขานกันตอ่ มากว่า ๒,๕๐๐ ปี ลว่ งมาแล้ว โครงเร่อื งหลกั ของนทิ านเรอื่ งนีเ้ ปน็ เร่ืองการโต้ตอบ ตอบปัญหาระหว่างพระวกิ รมาทิตย์ กษตั รยิ ์แหง่ กรุงอชุ ชิยนี กับ เวตาล ปีศาจทม่ี ีรา่ งกายกงึ่ มนษุ ย์กบั คา้ งคาว ซงึ่ จะนำเขา้ ไปสู่ นทิ านย่อยต่าง ๆ ท่ีแทรกอยใู่ นเรอ่ื งนร้ี วม ๒๕ เรือ่ ง
โครงเรอื่ งหลกั นทิ านเวตาล พระวิกรมาทติ ย์ กษตั ริย์ในตำนานของอนิ เดียโบราณ ได้รบั ปาก กบั โยคีชอ่ื \"ศานตศิ ลี \" จะไปนำตวั เวตาล อมนุษยท์ ่ีมลี ักษณะคล้ายศพ มนษุ ยผ์ สมค้างคาว ซ่ึงหอ้ ยหัวอยกู่ บั ต้นอโศก มาให้แก่ฤๅษเี พื่อใชใ้ นพิธี บูชาเจา้ แม่กาลี โดยมีพระธรรมธวัชผู้เปน็ โอรสตดิ ตามไปด้วย เมอื่ พระองค์จบั ตวั เวตาลได้แลว้ เวตาลก็จะพยายามยวั่ ใหพ้ ระ วกิ รมาทติ ยต์ รัสออกมาอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ อยเู่ สมอ โดยการการเลา่ นิทานอุทาหรณ์ ตา่ งๆ แล้วใหพ้ ระวิกรมาทติ ย์ตัดสินเร่อื งราวในนทิ านเหลา่ นน้ั พระวิกรมาทิตย์อด ไมไ่ ดท้ ี่จะตรสั พระราชวจิ ารณเ์ กย่ี วกับเรอ่ื งราวในนิทานอย่เู สมอ ผลก็คือเวตาลได้ ลอยกลบั ไปอยู่ทีต่ น้ อโศกอนั เปน็ ท่ีอยขู่ องตนทำให้พระวิกรมาทติ ย์จำต้องกลับไป จบั เอาเวตาลกลับมาใหม่ทกุ คร้ัง เปน็ เชน่ นี้อยถู่ ึง ๒๔ คร้งั ในครง้ั ที่ ๒๕ พระธรรมธวัชไดส้ ะกดิ เตือนมิให้ พระวกิ รมาทติ ย์ตรัสคำใดๆ ออกมา พระวิกรมาทิตย์ก็ระงบั ใจไมเ่ อ้อื นพระโอษฐ์ตรัส พระกระแสใดๆ ออกมา เวตาลจึงยอมใหพ้ ระองค์พาตนไปใหโ้ ยคีศานตศิ ีลนัน้ ได้
เรอื่ งยอ่ ปรศิ นายากของเวตาล ณ เมอื งหนงึ่ ชอ่ื กรงุ ธรรมปรุ ะ พระราชาชื่อ ท้าวมหาพล มีมเหสเี ป็นสาวงามไมร่ ้จู กั แก่ มีพระราช ธิดาสาว ๑ องค์ คลา้ ยพกี่ ับนอ้ งยงิ่ กว่าแม่กับลูก เม่ือเกดิ ศกึ ขน้ึ ทกี่ รุงธรรมปุระ ขา้ ศึกมีกำลงั มาก แลชำนาญการศกึ ใช้ทองคำซอ้ื น้าใจนายทหารแล ไพร่พลของพระราชาใหเ้ อาใจออกหา่ งจากพระองค์ จนในท่ีสุดไพรพ่ ลของท้าวมหาพลก็ย่อยยบั ไป
ท้าวมหาพลจึงพาพระมเหสี แลพระราชธดิ าออกจากกรุงไปในเวลา เทยี่ งคืนเพยี งสามพระองค์ ม่งุ ไปยัง เมืองซึ่งเป็นเมอื งเดมิ ของพระมเหสี พระราชานำนางทงั้ สองเดินไปจน เวลาสาย ถงึ ทอ้ งทงุ่ เหน็ หมู่บา้ นหมู่ หน่ึงแตไ่ กล ไมท่ รงทราบวา่ เป็น หมบู่ า้ นโจร แต่ทรงสงสยั ไมว่ างพระ หฤทยั จึงตรัสใหพ้ ระมเหสี และพระ ราชธิดาหยดุ น่ังกำบังอย่ใู นแนวไม้ พระองค์ทรงถอื อาวธุ เดินตรงเขา้ ไปสู่ หมู่บ้านเพอ่ื จะหาอาหารเสวยแลส่นู าง ทัง้ สององค์
ฝ่ายพวกโจรเห็นชายคนเดยี วแต่งตวั ด้วยของ มีค่า ก็แย่งกนั ออกมาจะเขา้ ชงิ ทรัพย์ในพระองค์ พระราชา ท้าวมหาพลทรงเห็นดงั นัน้ ก็ทรงธนูยิงพวก โจรลม้ ตายเปน็ อนั มาก ฝา่ ยนายโจรไดท้ ราบก็เรียก พลโจรออกมาทั้งหมดแลว้ เข้าสังหารพระราชา ทา้ วมหา พลกส็ ้นิ พระชนมล์ งในทีน่ ้ัน
ฝา่ ยพระมเหสีและพระราชธิดาทรงแอบอยู่ในแนวไม้เห็นพวก โจรสงั หารพระราชาแลว้ สองนางพระองคพ์ ากนั ว่ิงหนหี า่ งออกไป จากหม่บู า้ นโจร และเมอ่ื เหนอ่ื ยกห็ ยดุ น่งั พักอยู่ใตร้ ่มไมร้ มิ ทาง
เผอญิ มพี ระราชาอีก พระองคห์ นงึ่ ช่อื ท้าวจันทร เสน เสดจ็ ออกยิงสัตว์ปา่ กบั พระราชบตุ รกษัตรยิ ์ท้งั สองทรงม้าไปตามแนวปา่ เหน็ รอยเทา้ หญงิ สองคนก็ ทรงชักมา้ หยดุ ดู
คร้ันกษัตรยิ ท์ ง้ั สององค์ทรงกระทำสญั ญาแบง่ นางกนั แล้ว ก็ทรงชกั ม้าตาม รอยเทา้ นางเขา้ ไปในป่า สักครหู่ นึง่ เห็นสองนางนัง่ พักอยู่ใตร้ ่มไม้ ท้งั สองนางก็ เลา่ เรอื่ งใหท้ รงทราบทุกประการ พระราชากบั พระราชบุตรก็เชญิ นางทั้งสองขน้ึ หลัง มา้ องคล์ ะองค์ นางพระบาทเขื่องคอื พระราชธดิ าขน้ึ ทรงมา้ กับท้าวจันทรเสน นาง พระบาทเล็กคือพระมเหสขี ึน้ ทรงมา้ กับพระราชบตุ ร สอ่ี งคก์ เ็ สดจ็ เขา้ กรุง
ทา้ วจันทรเสนแลพระราชบตุ รกท็ ำการวิวาหท์ งั้ สองพระองค์แตก่ ลับคู่กนั ไป คอื พระราชบิดาทรงววิ าหะกบั พระราชบตุ รี พระราชบตุ รทรงวิวาหะกบั พระมเหสี แลเพราะเหตุท่ีคาดขนาดเท้าผดิ ลกู กลบั เป็นเมยี พ่อ แมก่ ลบั เปน็ เมยี ลกู ลูก กลับเป็นแมเ่ ล้ียงของผวั แมต่ ัวเอง แลแมก่ ลับเปน็ ลูกสะใภ้ของผวั ลูกตนเอง
เวตาลเลา่ มาเพยี งนี้กท็ ลู ถามพระ วิกรมาทิตยว์ า่ ลกู ทา้ วจันทรเสนที่เกิดจาก ธิดาทา้ วมหาพล แลลูกมเหสีทา้ วมหาพลท่ี เกดิ กับพระราชบตุ รทา้ วจันทรเสนนั้นจะ นับญาตกิ นั อย่างไร พระวกิ รมาทติ ยไ์ ด้ทรงฟงั ปัญหา เวตาลก็ทรงตรกึ ตรองเอาเร่ืองพ่อกบั ลูก แมก่ ับลูก แลพ่กี บั นอ้ งมาปนกนั ยงุ่ แลมหิ นำซ้ามีเรอ่ื งแมเ่ ลย้ี งกับแมต่ ัวแล ลกู สะใภก้ ับลูกตวั อีกเลา่ พระราชาทรงตี ปญั หายงั ไมท่ นั แตก พอทรงนกึ ขึ้นไดว้ า่ การพาเวตาลไปส่งใหแ้ กโ่ ยคนี ้ัน จะสำเร็จ ไดก้ ็ด้วยไม่ทรงตอบปัญหาใดๆ
(เรอื่ งท่ี ๑๐ ) ปรศิ นายากของเวตาล
ในโบราณกาลมเี มืองใหญ่ เมืองหน่งึ ชื่อกรงุ ธรรมปุระ พระราชาทรงนามทา้ วมหาพล มี มเหสซี ึง่ แมม้ พี ระราชธิดาจำเรญิ วยั ใหญ่แล้วก็ยังเป็นสาวงดงาม ถา้ จะเปรยี บกบั พระราชบุตรีก็ คลา้ ยพ่กี ับนอ้ งย่ิงกว่าแมก่ บั ลูก ทเ่ี ปน็ เช่นน้ีไมใ่ ชเ่ พราะพระราช ธดิ ามอี าการแกเ่ กนิ อายุ ทจ่ี รงิ เปน็ ดว้ ยพระราชมารดาเปน็ สาว ไมร่ ูจ้ กั แกแ่ ลความสาวของพระ นางเป็นเครอื่ งประหลาดของคน ทง้ั หลาย
เมอื่ ทา้ วมหาพลจะส้ินบุญนั้น เกิดศกึ ขึ้นทีก่ รุงธรรมปุระ ขา้ ศึกมี กำลงั มากและชำนาญการศึก ใช้ทง้ั ทองคำแลเหล็กเป็นอาวธุ คอื ใช้ ทองคำซ้ือนา้ ใจนายทหารและไพรพ่ ลของพระราชาให้เอาใจออกห่างจาก พระองค์ แลใช้เหลก็ เปน็ อาวุธฆา่ ฟันคนทซี่ ื้อนา้ ใจไมไ่ ด้ ขา้ ศึกใช้ทองคำบา้ งเลก็ บ้างเปน็ อาวุธดงั นี้ จนในทีส่ ุดลพ้ี ลของ ท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป ท้าวมหาพลเหน็ จะรกั ษาชีวติ พระองค์ ไว้ไมไ่ ดด้ ว้ ยวิธรี บก็คดิ จะรักษาด้วยวธิ ีหนี จ่งึ พาพระมเหสีและพระราช ธิดาออกจากกรงุ ไปในเวลาเทีย่ งคนื จำเพาะสามพระองค์ พระราชาทรง พานางทัง้ สองเล็ดรอดพน้ แนวทบั ข้าศกึ ไป แลว้ ก็ต้งั พระพกั ตร์มงุ่ ไป ยงั เมืองซง่ึ เปน็ เมอื งเดิมของพระมเหสี
วนั รุ่งข้ึนพระราชาทรงนำนางทงั้ สองเดินไปจนเวลา สาย ถงึ สองทุ่งเหน็ หมบู่ า้ นหม่หู นงึ่ แตไ่ กล ไม่ทรงทราบ วา่ เปน็ หม่บู า้ นโจร แต่สงสยั ไม่วางพระหฤทยั จงึ ตรัส ใหพ้ ระมเหสีแลพระราชธิดาหยุดนัง่ กำบงั อยใู่ นแนวไม้ พระองค์ทรงถืออาวธุ เดินตรงเข้าไปสูห่ มู่บา้ น เพื่อจะหา อาหารเสวยแลส่นู างท้ังสอง ฝา่ ยพวกภิลลซ์ ่งึ อย่ใู นหมู่บา้ นนั้นประพฤตติ วั เป็นโจร อยโู่ ดยปกติ ครนั้ เห็นชายคนเดยี วแต่งตัวด้วยของมีคา่ เดินเข้าไปเช่นน้นั กค็ ุมกนั ออกมาจะเขา้ ชิงทรพั ยใ์ น พระองค์ พระราชาท้าวมหาพลทรงเหน็ ดงั น้นั ก็ทรงพระ แสงธนูยงิ พวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก ฝา่ ยนายโจร ได้ทราบวา่ ผูม้ ีทรพั ย์มาฆา่ ฟันพวกตนลงไปเปน็ อนั มาก
ดงั น้นั ก็กระทำสญั ญาเรยี กพลโจร ออกมาท้งั หมดแล้วเขาลอ้ มรบพระราชา ท้าวมหาพลองค์เดยี วเหลอื กำลังจะต่อสู้ ป้องกันอาวธุ พวกโจรได้ ก็ส้นิ พระชนม์ในที่นั่น พวกภิลลก์ ็ ช่วยกันเขา้ ปลดเรือ่ งของมคี ่าออกจาก พระองค์ แลว้ พากันคืนเขา้ ส่บู า้ นแห่งตน
เผอิญมพี ระราชาอีกพระองค์หน่ึงทรงนามทา้ ว จันทรเสน เสด็จออกยิงสัตวป์ า่ กับพระราชบตุ รจำเพาะ สองพระองค์ กษตั ริย์ทง้ั สองทรงม้าไปตามแนวปา่ เห็น รอยเทา้ หญงิ สองคนก็ทรงชักม้าหยดุ ดู พระราชบดิ าตรัสว่า “รอยเท้าหญงิ สองคนทำไมมีอยู่ใน ปา่ แถบนี้” พระราชบุตรทูลว่า “รอยเท้าเหล่านเ้ี ปน็ รอยเท้าหญงิ สองคน รอยเทา้ ชายคง จะโตกว่าน”ี้
ฝา่ ยพระมเหสีแลพระราชธดิ าทรงแอบอยู่ในแนวไม้ เหน็ พวก โจรเข้ากลมุ้ รมุ รบพระราชาก็ตกใจเป็นกำลงั แต่ไมร่ จู้ ะทำอย่างไรได้ คร้นั เหน็ พวกภิลลท์ ำลายพระชนมพ์ ระราชาลงไปแล้ว สองนาง พระองคส์ นั่ พากันหนหี า่ งออกไปจากหม่บู ้านโจร ทางจะไปทางไหน หาทราบไม่ ความมุง่ มาดมอี ยแู่ ต่ว่าจะหนีใหพ้ น้ มือพวกภลิ ลซ์ งึ่ เป็น คนชาติตา่ ชา้ เทา่ นน้ั นางทงั้ สองทรงกำลงั นอ้ ยแตอ่ ำนาจความกลัว พาให้เสดจ็ ไปทางเปน็ ทาง ๔ โกรศ ออ่ นเพลียพระกำลงั ทรงดำเนนิ ต่อไปไม่ได้ ก็หยดุ นัง่ พกั อยู่ใตร้ ่มไม้รมิ ทาง พระราชาตรสั ว่า “เจา้ ของรอยเทา้ เหล่าน้หี ญิงจรงิ อยา่ ง เจ้าวา่ แลน่าประหลาดทม่ี หี ญิงมาเดินอย่ใู นปา่ แต่ถ้าจะ พูดตามเร่อื งในหนงั สือ หญงิ ทพ่ี ระราชาพบในปา่ มักจะงาม กวา่ หญงิ ที่จะหาไดใ้ นกรุง เหมอื นดอกไมใ้ นปา่ ทงี่ ามกวา่ ดอกไมใ้ นสวน เราจะตามนางทั้งสองนี้ไปถา้ พบนางงามจรงิ ดังว่า เจ้าจงเลอื กเอาเปน็ เมยี คนหน่งึ ”
พระราชบุตรทูลตอบวา่ “รอยเท้านางท้งั สองน้มี ี ขนาดไม่เทา่ กนั แม้เท้ามีขนาดย่อมทัง้ สองนางกย็ ังใหญ่ กวา่ กันอยคู่ นหนง่ึ ขา้ พเจา้ จะเลอื กนางเท้าเล็กเป็น ภริยาขา้ พเจ้า เพราะคงจะเป็นสาวนอ้ ยตามขนาดแห่ง เทา้ สว่ นนางเทา้ เข่ืองนน้ั คงจะเป็นสาวใหญข่ อ พระองคจ์ งรับไปไวเ้ ปน็ ราชฉายา” จันทรเสนตรสั วา่ “เหตไุ ฉนเจ้าจงึ กลา่ วดงั น้ัน พระราชมารดาของเจ้าส้นิ พระชนมไ์ ปไมก่ ่วี นั เจ้าจะ อยากมแี มเ่ ลย้ี งเร็วเทา่ น้ีเจียวหรอื ”
พระราชบตุ รทูลตอบวา่ “ขอพระองคอ์ ย่ารบั ส่ังเชน่ นั้น เพราะ บา้ นของผเู้ ป็นใหญใ่ นครอบครวั นั้น ถ้าไมม่ แี ม่เรอื นก็เปน็ บ้านทว่ี ่าง อนงึ่ พระองคย์ ่อมจะทรงทราบคาถาซ่ึงมลู เทวะ บณั ฑติ แตง่ ไว้ มคี วามวา่ ชายผู้ไมใ่ ช่คนโง่ไม่ยอมคนื สเู่ รอื นซึ่ง ไม่มนี างทรี่ ักผู้มรี ปู งามคอยรับรองในขณะที่กลับถึงเรอื นน้นั แมเ้ รียกวา่ เรือนก็ไมใ่ ช่อ่ืน คอื คุกซ่ึงไม่มโี ซ่เท่าน้ันเอง พระองค์ยอ่ มทรงทราบดว้ ยพระองค์เองว่า ความสขุ แห่ง บ้านซ่ึงอย่เู ด่ยี วโดดนัน้ มีไม่ไดใ้ นบา้ น แลมีไม่ได้นอกบา้ น เพราะไม่มหี วังจะได้ความสุขเมอ่ื กลบั มาสูเ่ รอื นของตน” ทา้ วจันทรเสน ทรงนง่ิ ตรองอยคู่ รู่หนง่ึ แลว้ ตรสั ตอบ พระราชบุตรวา่ “ถ้านางเท้าเขอื่ งมีลกั ษณะเปน็ ที่พึงใจ ข้าก็ จะทำตามเจา้ ว่า”
คร้ันกษตั ริยท์ ้งั สององค์ทรงกระทำสัญญาแบง่ นางกนั ดังนแี้ ลว้ ก็ทรงชกั มา้ ตามรอยเทา้ นางเขา้ ไปในปา่ สักครูห่ น่ึงเห็นสองนางน่งั พกั อยู่ใต้ร่มไม้กษตั รยิ ์ สององคก์ ็เสด็จลงมาจากม้าเขา้ ไปถามนาง ท้งั สองนางกเ็ ล่าเร่อื งให้ทรงทราบ ทกุ ประการ พระราชากบั พระราชบตุ รกเ็ ชิญนางทัง้ สองขึน้ หลงั ม้าองคล์ ะองค์ นางพระบาทเข่ืองคือพระราชธิดาข้นึ ทรงมา้ กบั ท้าวจันทรเสน นางพระบาทเลก็ คอื พระมเหสขี ึ้นทรงมา้ กบั พระราชบุตร ส่ีองคก์ เ็ สด็จเขา้ กรุง
กล่าวสนั้ ๆ ทา้ วจันทรเสนและพระราชบุตรกท็ ำการวิวาหะท้งั สองพระองค์ แต่กลบั คู่ กนั ไป คอื พระราชบดิ าทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบตุ รทรงววิ าหะกับพระมเหสี แลเพราะเหตุท่คี าดขนาดเทา้ ผดิ ลกู กลบั เปน็ เมียพ่อ แมก่ ับเป็นเมียลูก ลกู กับเปน็ แม่ เล้ยี งของผัวแมต่ วั เองแลแมก่ ลับเป็นลูกสะใภข้ องผัวแห่งลกู ตน แลตอ่ มาบตุ รและธดิ าก็ เกิดจากนางทัง้ สอง แลบตุ รแลธิดาแห่งนางทง้ั สองกม็ ีบุตรแลธดิ าต่อ ๆ กันไป
เวตาลเลา่ มาเพยี งนีก้ อ็ ยคู่ รหู่ น่ึง แลว้ กลา่ วตอ่ ไป ว่า บดั นข้ี ้าพเจ้าจะต้งั ปญั หาทูลถามพระองค์ว่า ลกู ทา้ วจันทรเสนท่ีเกดิ จากธิดาท้าวมหาพลแล ลูกมเหสีทา้ วมหาพลที่เกดิ กบั พระราชบุตรท้าว จันทรเสนนนั้ จะนับญาติกันอยา่ งไร พระวิกรมาทติ ย์ได้ทรงฟังปญั หาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเร่อื งพ่อ กบั ลกู แม่กบั ลูก แลพ่ีกับน้องมาปนกนั ยุ่ง แลมิหนำซา้ มเี รอ่ื งแมเ่ ลีย้ ง กับแม่ตวั แลลกู สะใภก้ บั ลกู ตัวอกี เล่า พระราชาทรงตปี ญั หายังไมท่ นั แตก พอนกึ ขน้ึ ได้ว่าการพาเวตาลไปสง่ ใหแ้ กโ่ ยคีนน้ั จะสำเร็จไดก้ ็ ด้วยไมท่ รงตอบปญั หา จงึ เป็นอันทรงน่ิงเพราะจำเป็นแลเพราะ สะดวก กร็ บี สาวก้าวทรงดำเนนิ เร็วข้นึ
ครัน้ เวตาลทูลเย้าใหต้ อบปัญหาด้วยวิธกี ลา่ ววา่ โง่ จะรบั สง่ั อะไรไม่ได้ ก็ทรงกระแอม เวตาลทูลถามวา่ “รับสัง่ ตอ่ ปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ” พระราชาไม่ทรงตอบวา่ กระไร เวตาลก็นิ่งอยู่คร่หู นงึ่ แลว้ ทลู ถามว่า ”บางทีพระองค์จะโปรดฟงั เรือ่ งสั้น ๆ อีกสกั เรอ่ื งหนง่ึ กระมงั ” คร้ังนแี้ ม้กระแอมพระวกิ รมาทติ ยก์ ็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจงึ กลา่ วอีกครัง้ หน่ึงวา่ “เม่อื พระองคท์ รงจน ปญั ญาถึงเพียงนี้ บางทพี ระราชบุตรซึ่งทรงปญั ญา เฉลยี วฉลาดจะทรงแกป้ ญั หาได้บ้างกระมงั ” แต่พระ ธรรมธวัชพระราชบตุ รนงิ่ สนิททีเดยี ว
เมอ่ื พระวกิ รมาทติ ย์ทรงนิ่ง เวตาลได้พยายามกล่าวย่ัวจะให้ พระองค์รับสั่งแตไ่ ม่สำเรจ็ เวตาลจงึ กลา่ วเตือนพระราชาวา่ โยคศี านติ ศีลต้องการลวงพระองค์ไปสังหาร โดยให้พระองคก์ ระทำอษั ฎางค ประณตต่อหนา้ เทวรปู จากนนั้ เวตาลกอ็ อกจากศพที่สงิ อยู่ พระวิกรมา ทติ ย์รบี เสด็จไปทีป่ า่ ช้านำศพไปมอบให้โยคี เม่อื โยคีนำพระองคไ์ ปทห่ี นา้ เทวรูปและขอให้ทรงกระทำ อษั ฎางคประณต พระราชาทรงรำลึกได้ถึงคำเตือนของเวตาล จึงรับสง่ั แกโ่ ยคีขอใหก้ ระทำอษั ฎางคประณตให้พระองคด์ ูเพื่อจะได้ทรงทำตาม เมอ่ื โยคกี ระทำพระวกิ รมาทติ ย์กท็ รงชกั พระแสงดาบออกมาฟันศีรษะ โยคีขาดกระเดน็ ไป
คุณค่าของวรรณคดี (เร่อื งท่ี ๑๐ ) ปริศนายากของเวตาล
คุณคา่ ด้านเนื้อหา ๑. การพจิ ารณาเฉพาะสิ่งที่ตาเห็นและอนมุ านเอาเองตามท่ี เห็น อาจทำให้เกดิ ปัญหาได้ ๒. คำพูดท่ีกลา่ วโดยไม่ใช้สตแิ ละปญั ญาไตรต่ รองก่อน อาจนำความหายนะหรอื ปัญหาซง่ึ แกไ้ ขยากมาส่ตู นเอง ๓. การใช้ทัง้ สติและปญั ญาควบคู่กนั ไป คือหลักสำคญั ใน การนำมนุษย์ไปสคู่ วามสำเรจ็ ๔. ผลเสียของสงคราม สงครามทำให้เกดิ ความเสยี หาย ตอ่ ทรพั ยส์ นิ และชีวติ
คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ๑. เน้อื เรอ่ื งสนกุ สนาน แปลกใหมส่ ำหรบั คนไทย แตกตา่ งจากนิทานท่วั ไป ๒. การดำเนินเรอ่ื งเปน็ ไปตามลำดับเวลาไม่สับสน ทำใหผ้ ู้อา่ นติดตามเรื่อง เข้าใจไดง้ ่าย ๓. การใช้สำนวนภาษา ใชง้ า่ ยๆ แตม่ ชี ีวิตชีวาเหมาะสมกบั การเลา่ นิทาน มกี ารอธบิ ายอยา่ งชดั เจน มีหลายตอนทีใ่ ชภ้ าษากระชบั รัดกมุ แตแ่ ฝงข้อคดิ และเป็น คำคมท่นี ่าสนใจ ๔. น.ม.ส. ทรงใชภ้ าษาแสดงอารมณข์ องตวั ละครในลักษณะเยาะหยนั เสยี ดสี ยัว่ ยุอารมณ์ โดยแทรกอารมณข์ นั ได้เป็นอย่างดี แสดงลลี าการเขียนที่ “ไมเ่ ลยี นแบบใคร และไมม่ ีใครเลียนแบบได้” เปน็ ลกั ษณะเฉพาะทเี่ รยี กกนั วา่ “สำนวนน.ม.ส.” ทำให้นทิ านเวตาล “มสี สี ันน่าอา่ น” มากข้ึน
คณุ ค่าด้านสงั คม ๑. ใหแ้ ง่คิดเกย่ี วกบั ความม่งุ ม่ัน อดทน อดกลั้น และความเพียรพยายาม ๒. ใหแ้ งค่ ดิ เก่ียวกับการใช้สติและปญั ญาควบค่กู นั ไปในการแก้ปัญหาต่างๆ ๓. ให้แงค่ ดิ เกี่ยวกบั การพูดโดยไม่ไตร่ตรอง
(เรอ่ื งท่ี ๑๐ ) ปรศิ นายากของเวตาล จบแลว้
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: