Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

Published by pearyzaa, 2023-07-06 01:09:27

Description: เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

Search

Read the Text Version

๕ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี

ประวัตผิ แู้ ตง่ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) เกิดในชว่ งปลายสมยั อยุธยา รบั ราชการในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ กรุงธนบุรี โดยมีบรรดาศกั ด์เิ ป็นหลวงสรวชิ ิต ต่อมาในรัชสมัยสมเดจ็ พระ พทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ได้รับการแตง่ ตั้งให้เป็นพระ ยาพิพฒิ นโกษา กอ่ นจะเลื่อนมาเปน็ เจ้าพระยาพระคลงั เสนาบดีจตุสดมภ์กรมท่า นอกจากผลงานดา้ นราชการแลว้ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) ยงั มีผลงานด้านการประพันธจ์ ำนวนมาก เชน่ สาม กก๊ (ฉบบั แปล) ราชาธิราช บทมโหรีเรอ่ื งกากี อิเหนาคำฉันท์ รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑก์ ุมาร และกณั ฑ์มทั รี ฯลฯ

ลักษณะคำประพนั ธ์ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี มีลักษณะคำประพันธ์แบบ รา่ ยยาว • หน่งึ บทจะมีกี่วรรคก็ได้ สว่ นใหญ่จะนิยมแตง่ ๕ วรรคขึ้นไป แต่ละวรรคมีจำนวนคำ ๖-๑๐ คำ • อาจใช้คำสรอ้ ย เช่น น้ันแล แล้วแล ดงั น้ี ฯลฯ • จุดเดน่ ของร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก คอื การมคี าถาบาลีขนึ้ ต้น แผนผงั รา่ ยยาว

ที่มาของ “มหาเวสสนั ดรชาดก” • มคี วามเชือ่ ว่า พระพทุ ธเจา้ เสวยพระชาตมิ าหลายชาติ • ๑๐ ชาติสุดท้ายหรอื ทศชาติ ไดแ้ ก่ เตมียช์ าดก มหาชนกชาดก • สวุ รรณสามชาดก เนมิราชชาดก มโหสถชาดก ภรู ิทัตชาดก • จันทชาดก นารทชาดก วิทรู ชาดก และเวสสันดรชาดก • แตล่ ะชาตพิ ระองคไ์ ดบ้ ำเพญ็ บารมที แี่ ตกต่างกันออกไป • ชาติสดุ ท้าย คอื เวสสนั ดรชาดก ประกอบด้วย ๑๓ กณั ฑ์

พระเวสสันดร พระเวสสนั ดรเป็นพระโอรสของ พระเจ้า กรุงสัญชัยและพระนางผุสดแี หง่ เมืองสพี ี พระ เวสสนั ดรมกั จะบริจาคทานด้วยวธิ ีต่าง ๆ มาต้งั แต่ เมอ่ื อภิเษกกบั พระนางมทั รี และมลี กู ช่ือพระกณั หา และพระชาลี พระนางมทั รี พระนางมทั รอี ภิเษกสมรสกับพระ เวสสันดร มีพระโอรสช่ือพระชาลี และมี พระธดิ าชื่อพระกัณหา นางจงึ พาลกู ๆ ตามเสด็จพระเวสสนั ดรออกมาอยใู่ นป่า ดว้ ย ท้ังยังทำหน้าทด่ี ูและปรนนิบตั ิรับใช้ สามแี ละดแู ลลูกทง้ั สองตามหนา้ ที่ของตน

พระกณั หา พระชาลี พระกณั หาเปน็ พระ พระชาลีเปน็ พระราชโอรสของพระ ราชธิดาของพระ เวสสันดรกบั พระนางมทั รี ซง่ึ คำว่า เวสสนั ดรกับพระนาง ชาลี หมายถงึ ตาข่าย มาจากตอนที่ มัทรี และเปน็ พระ พระชาลีประสูติ เหลา่ พระประยูรญาติ กนษิ ฐา (น้องสาว) ของ ไดน้ ำตาข่ายทองมารองรับพระชาลี พระชาลี

ชชู ก ชชู กเกิดในตระกูลพราหมณแ์ ต่กลับเที่ยวขอทาน ผู้อื่นเพ่อื เลยี้ งชีพ และมีนิสยั ทเี่ รยี กว่า บุรุษโทษ ๑๘ ประการ เช่น ความตระหน่ี ความโลภ ความฉลาดใน กลอุบายและเลห่ เ์ หลยี่ มต่างๆ เป็นต้น

เร่อื งยอ่ พระนางมทั รีเดนิ เขา้ ไปหาผลไม้ในป่าลกึ จนคลอ้ ยเยน็ จงึ เดินทางกลบั อาศรม แต่มเี ทวดาแปลงกายเปน็ เสอื นอน ขวางทางจนค่า เม่อื กลบั ถึงอาศรมไม่พบโอรส พระเวสสันดร ไดก้ ลา่ วว่านางนอกใจ จึงออกเที่ยวหาโอรสและกลบั มาส้นิ สติ ต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงตกพระทยั ลืมตนว่าเปน็ ดาบส จึงทรงเขา้ อ้มุ พระนางมทั รีและทรงกันแสง เมื่อนางมทั รีฟืน้ จงึ ถวายบังคมประทานโทษพระ เวสสนั ดรจึงบอกความจรงิ ว่าไดป้ ระทานโอรสแกช่ ูชกแล้ว หากชีวติ ไมส่ นิ้ คงจะไดพ้ บนางจึงไดท้ รงอนุโมทนา

เรื่องยอ่ คนื กอ่ นท่ีพระนางมัทรจี ะออกจากอาศรมไปเกบ็ ผลไมใ้ นป่า กุมารทง้ั สองฝันรา้ ย ทำให้พระนางหวน่ั วติ กตลอดเวลา เมือ่ เข้าป่าไปตน้ ไม้ ผลไมก้ ็ออกดอก ออกผลแปลกตาไป ท้องฟา้ กลบั กลายเป็นสแี ดงคลา้ ยกบั ลางบอกเหตรุ ้าย พระนางกเ็ ร่มิ กลัว ตวั สัน่ ใจสนั่ ของทถ่ี ือก็หลดุ จากมอื คานที่หาบไว้กร็ ่วง ลงจากบา่ ยิง่ พระนางคิดเท่าไร ก็ย่งิ ทกุ ขใ์ จมากข้ึน

พระนางจงึ รบี กลับไปหาลกู ทอ่ี าศรม แต่ ระหวา่ งทางกลบั เจอเสือและสงิ โต ขวางทางไว้ นางกลัวจนใจส่ันรา่ ไห้ จงึ ยกมือไหว้ออ้ นวอน ขอให้สัตวห์ ิมพานต์ทั้งสามเปดิ ทางให้ตน โปรดเปดิ ทางให้พระนางกลบั ไปที่อาศรมแลว้ ตนจะแบง่ ผลไม้ให้ จากนนั้ ไม่นานสตั วห์ ิม พานตท์ ้ังสามจึงยอมเปิดทางให้

เม่อื ถึงทพ่ี กั พระนางมทั รีกต็ กใจไมเ่ หน็ ลกู อยู่ในอาศรม นางจงึ ไปถามพระเวสสันดรว่าลูก หายไปไหน เหตใุ ดจงึ ปลอ่ ยให้คลาดสายตา หากมีสัตวป์ า่ จบั ไปจะทำอยา่ งไร แต่พระ เวสสันดรกลบั ไมต่ อบอะไร ทำให้นางกลมุ้ ใจ ยงิ่ ไปว่าเกา่

พระนางมทั รีออ้ นวอนขอใหพ้ ระเวสสนั ดรตรัสกับ นางบา้ ง เพราะการนั่งน่ิงเหมอื นโกรธเคือง เม่ือพระ เวสสันดรได้ยินพระนางมทั รดี งั น้นั ก็คิดว่าหากใช้ความ หงึ หวงคงเปน็ วิธีคลายความโศกใหพ้ ระนางได้ จึงตรัส ว่า ในปา่ หมิ พานตแ์ หง่ น้มี ีทั้งพระดาบสและนายพราน จำนวนมาก เจา้ ออกไปเกบ็ ผลไม้ตง้ั แต่เชา้ จนยา่ คา่ ไม่หว่ งสามแี ตอ่ ย่างใด

เมื่อพระนางมทั รไี ดย้ นิ ดังน้ัน จงึ กราบทลู ว่า เพราะเสอื สงิ โต ทำให้ พระนางไม่สามารถกลบั อาศรมได้ มิได้ ไปทำสง่ิ ใดทีไ่ มเ่ หมาะไมค่ วรแต่อย่าง ใด ฝ่ายพระเวสสนั ดรเมอ่ื ฟงั คำตอบ ของพระนามทั รีกเ็ อาแตน่ ง่ิ เงียบทง้ั คนื จนกระทงั่ รุ่งเชา้

พระนางมทั รโี ศกเศร้าร่าไห้ คร่าครวญว่าตน ปฏบิ ัตติ ่อสามีดัง่ ศิษย์ปฏิบัตติ อ่ ครู ดูแลลกู ทัง้ สอง แบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม พร้อมกับบอกวา่ พระ เวสสันดรนน้ั เปน็ ท่ีรกั ของพระนางมทั รีอย่างยิง่ พระนางมทั รจี ะได้ออกตามหาพระกณั หาและพระ ชาลไี ปทั่วป่า ทั้งราตรี แลว้ กลบั มาหาพระเวสสนั ดร อย่างไรพระองคก์ ไ็ มย่ อมตรสั ส่ิงใดอยเู่ ช่นเดมิ นาง มัทรีสะอนื้ ไหจ้ นหมดสตลิ ม้ ลงกับพ้นื

พระเวสสนั ดรจงึ เข้าไปดูแลนางจนได้สตติ ื่นฟน้ื ขน้ึ มา ฝา่ ยพระนางมทั รเี มื่อฟื้นขึ้นมา พระเวสสันดรจึง บอกว่าตนได้ยกพระกณั หากับพระชาลใี หก้ บั ชูชกไปแล้ว เมอ่ื ไดร้ คู้ วามจรงิ แล้ว พระนางมัทรีจึงคลายความทกุ ข์ เศร้าลงแลว้ อนุโมทนาบญุ กับบตุ รทานท่ีพระเวสสันดร ไดป้ ฏบิ ตั ิในครัง้ นี้

ร่ายยาว (อาขยานหลกั ) “...จึง่ ตรัสว่าโอโ้ อ๋เวลาปานฉะนเี้ อ่ยจะมดิ ึกดื่น จวน จะส้นิ คืนค่อนรุง่ ไปเสียแลว้ หรอื กระไรไม่รเู้ ลย พระ พายรำเพยพัดมารเ่ี ร่ือยอย่เู ฉอ่ื ยฉวิ อกแม่น้ใี หอ้ อ่ น หวิ สดุ ละห้อย ท้ังดาวเดือนก็เคล่อื นคลอ้ ยลงลบั ไม้ สดุ ที่แมจ่ ะตดิ ตามเจา้ ไปในยามน้ี ฝงู ลิง คา่ งบ่างชะนี ทีน่ อนหลบั กก็ ล้งิ กลบั เกลือกตวั อยู่ยั้วเย้ยี ทง้ั นกหก กง็ วั เงียเหงาเหงยี บ ทกุ รวงรัง แตแ่ มเ่ ทีย่ วเซซงั เสาะ แสวงทกุ แหง่ ห้องหิมเวศ ท่ัวประเทศทกุ ราวปา่ .....”

รา่ ยยาว (อาขยานหลกั ) “...สุดสายนัยนาท่ีแม่จะตามไปเล็งแล สดุ โสต แลว้ ทแี่ ม่จะซบั ทราบฟงั สำเนยี ง สุดสรุ เสียง ท่ีแม่ จะรา่ เรยี กพิไรรอ้ ง สดุ ฝเี ท้าทแ่ี มจ่ ะเย้ืองย่องยกย่าง ลงเหยยี บดิน ก็สดุ สิน้ สดุ ปัญญา สดุ หาสดุ คน้ เห็นสดุ คิด จะไดพ้ านพบประสบรอยพระลกู นอ้ ย แตส่ ักนดิ ไมม่ ีเลย จง่ึ ตรัส วา่ เจา้ ดวงมณฑาทอง ทงั้ ค่ขู องแม่เอ๋ย หรอื วา่ เจา้ ท้ิงขวา้ งวางจติ ไปเกดิ อื่น เหมอื นแม่ฝนั เม่อื คนื นีแ้ ลว้ แล.....”

สา มททฺ ี ปางน้นั สว่ นสมเดจ็ พระมัทรีศรีสุนทรเทพกญั ญา จำเดิมแต่ พระนางเธอลลี าลว่ งลับพระอาวาส พระทยั นางใหห้ วัน่ หวาดพะวงหลงั ต้ัง พระทยั เปน็ ทกุ ขถ์ งึ พระเจา้ ลูกมลิ ืมเลย เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนยั นเนตรท้ังสองขา้ งไม่ขาดสาย พระอสั สุชล พลางพศิ ดูผลาผลใน กลางไพรทน่ี างเคยไดอ้ าศัยทรงสอยอยเู่ ปน็ นิตย์ ผิดสงั เกต เหตุไฉนไมท้ ่ี มีผลเปน็ พมุ่ พวงกก็ ลายกลบั เปน็ ดอกดวงเดยี รดาษอนาถเนตร แถวโน้นก็ แก้วเกดพิกุลแกมกบั กาหลง ถัดนั่นก็สายหยุดประยงคแ์ ละยมโดย พระพาย พดั กร็ ่วงโรยรายดอกลงมนู มอง แมย่ งั ไดเ้ กบ็ เอาดอกมา รอ้ ยกรองไปฝากลกู เมื่อวันวาน ก็เพ้ียนผิดพสิ ดารเปน็ พวงผล ผดิ วกิ ลแตก่ อ่ นมา สพพฺ า มุยหฺ นตฺ ิ เม ทิสา ทัง้ แปดทิศกม็ ดื มดิ มัวมนทุกหนแห่ง ทงั้ ขอบฟ้าก็ดาดแดงเปน็ สายเลือดไมเ่ ว้นวายหายเหือดเปน็ ลางร้ายไปรอบขา้ ง

ทกขฺ ณิ กขฺ ิ พระนัยนเนตรก็พรา่ ง ๆ อยพู่ รายพร้อย ในจติ ใจของแม่ยงั น้อย อยนู่ ิดเดียว ทง้ั อินทรยี ก์ เ็ สยี ว ๆ สน่ั ระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลดั ลง จากพระอังสา ทงั้ ขอนอ้ ยในหัตถาทเี่ คยถือก็เลือ่ นหลุดลงจากมอื ไม่เคยเปน็ เห็นอนาถ เอะ๊ ประหลาดหลากแลว้ ไมเ่ คยเลย โอ้อกเอย๋ มหศั จรรยจ์ ริงยงิ่ คิดกย็ ่ิงกรง่ิ ๆ กรอมพระทยั เป็นทกุ ขถ์ ึงพระลกู รักทง้ั สองคน เดนิ พลางนางกร็ ีบเก็บผลาผลแต่ตามได้ ใส่กระเช้าสาวพระบาทบทจรดุ่ม เดินมาโดยดว่ น พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุง้ พระทัยไหวหวาด วะหวดี วิง่ วนแวะเขา้ ข้างทาง พระทรวงนางส่นั ระรัวริกเตน้ ดัง่ ตีปลา ทรงพระ กันแสงโศกาไห้พิไรรา่ ว่ากรรมเอ๋ยกรรม กรรมของมทั รี โอเวลา ปานฉะนี้พระลูก นอ้ ยจะคอยหา อนงึ่ มรคากช็ ่องแคบหว่างคีรเี ปน็ ตรอกนอ้ ยรอยวถิ ีท่ีเฉพาะจร ทงั้ สามสัตว์ก็มาเน่อื งนอนสกัดหนา้ คร้ันจะลีลาหลีกลดั ตดั เดาไปทางใดกเ็ หลือเดิน ทงั้ สองขา้ งเป็นโขดเขินขอบคันขึ้นกั้นไว้

นเี จ โวลมพฺ เก สรุ ิเย ทัง้ เวลากเ็ ย็นลงเย็นลงไร ๆ จะคา่ แล้ว ยงั ไม่เห็นหน้า พระลกู แกว้ ของแม่เลย อกเอ๋ยจะทำไฉนดี จ่ึงจะไดว้ ถิ ีทางทีจ่ ะครรไล พระนางจ่งึ ปลงหาบคอนลงวอนไหวแ้ ลว้ อภวิ าทน์ ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอนั เรืองเดช ทา่ นกเ็ ปน็ พญาสัตวใ์ นหมิ เวศวนาสณฑ์ จงผินพักตร์ปรมิ ณฑล ทั้งสามรา มารบั วนั ทนาน้อมไปดว้ ยทศนขั เบญจางค์ เม เมาะ มยา แหง่ น้องนางนามช่อื ว่ามัทรี ราชปุตฺตี นอ้ งก็เปน็ กัลยาณหี น่อกษตั รยิ ์มทั ทราชสุริยวงศ์ อนึ่งน้องเป็นเอกองค์ อัครบรจิ ารกิ ากรแห่ง พระเวสสนั ดร ราชฤๅษอี นั จำจากพระบุรีมาอยไู่ พร น้องน้ี กต็ ัง้ ใจสุจริตติดตามมาด้วยกตเวที อน่งึ พระสุริยศรกี ย็ า่ สนธยาสายณั ห์แล้ว เปน็ เวลาพระลกู แก้วจะอยากนมกำหนดเสวย พระพเ่ี จา้ ของน้องเอย๋ ทัง้ สามรา ขอเชญิ กลับไปยังรตั นคหู าห้องแก้ว แลว้ จะได้เชยชมซึง่ ลกู รักและเมียขวัญอนึ่งน้องน้จี ะ แบ่งปนั ผลไม้ใหส้ ักกงึ่ ครงึ่ หนึ่งนั้นน้องจะขอไปฝากพระหลานน้อยๆ ท้งั สองรา

มคคฺ เม เทถ ยาจติ า พระพ่เี จา้ ท้งั สามของนอ้ งเอ่ย จงมีจิตคดิ กรุณา สังเวชบ้าง ขอเชิญลว่ งครรไลให้หนทางพนาวนั อันสัญจร แกน่ ้องท่ี วงิ วอนอย่นู ้เี ถดิ ตโย เทวปตุ ตฺ า ส่วนเทพเจา้ ท้งั สามองคไ์ ด้ทรงฟัง พระเสาวนีย์ พระมทั รเี ธอไหว้วอนขอหนทาง พระพักตรน์ างนองไป ดว้ ยน้าพระเนตร เทพเจ้ากส็ งั เวช ในวิญญาณ กพ็ ากันอุฏฐาการ คลาไคลให้มรคาแกน่ างพระยามัทรี หาฉะ ออ้ นวอนไหวว้ ่าจะ เสวยนมผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแมน่ ี้ต่าง ๆ ตามประสา ทารกเจรญิ ใจ

พอแจม่ แจง้ แสงสศี ศธิ รนางกย็ กหาบคอนข้ึนใส่บ่า เปล้ืองเอาพระภษู า มาคาดพระถันให้มน่ั คง วิง่ พลางนางทรงกันแสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝี ย่างไมห่ ยอ่ นหยุดพักหน่ึงกถ็ ึงท่ีสดุ บรเิ วณพระอาวาสทีพ่ ระลกู เจ้าเคย ประพาสแล่นเลน่ ประหลาดแล้วแลไม่เหน็ ก็ใจหาย ดัง่ ว่าชีวติ นางจะวาง วายลงทนั ที จง่ึ ตรสั เรยี กวา่ แกว้ กัณหาพอ่ ชาลขี องแม่เอย่ แมม่ าถึงแล้ว เหตไุ ฉนไยพระลูกแก้วจ่ึงมมิ าเลา่ หลากแกใ่ จ แต่ก่อนแต่ไรสพิ รอ้ มเพรียง เจ้าเคยว่ิงระรี่เรียงเคียงแขง่ กันมาคอยรบั พระมารดา ทรงพระสรวลสำรวลร่า ระรนื่ เริงรบี รับเอาขอคาน แลว้ ก็พากนั กราบกรานพระชนนี พอ่ ชาลีเจา้ เลือกเอาผลไม้ แม่กณั หาฉะออ้ นวอนไหว้ว่าจะเสวยนมผทมเหนอื พระ เพลาพลางฉอเลาะแม่นต้ี ่าง ๆ ตามประสาทารกเจรญิ ใจ

วจฉฺ า พาลาว มาตร มอี ปุ ไมย เสมือนหนงึ่ ลกู ทรายทรามคะนองปอง ทว่ี ่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์ โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ยเจา้ มเิ คยได้ ความยากยา่ งเท้าลงเหยยี บดิน ริน้ กม็ ิได้ไตไ่ รก็มไิ ด้ตอม เจา้ เคยฟงั แตเ่ สียงพ่ีเลีย้ งเขา ขบั กลอ่ มบำเรอด้วยดุรยิ างค์ ยามบรรทมธลุ ีลมก็ มิได้พดั มาแผ้วพาน แมส่ ู้พยาบาลบำรุงเจ้า แตเ่ ยาว์มา เจา้ มิได้ หา่ งพระมารดาสักหายใจ โอความเข็ญใจในครง้ั น้นี ่ีเหลอื ขนาด ส้นิ สมบัติพลัดญาตยิ ังแต่ตวั ต้องไปหามาเล้ียงลูกและเลย้ี งผัวทุก เวลา แมม่ าสละเจ้าไวเ้ ป็นกำพร้าทงั้ สององค์

หสาว เสมอื นหนึง่ ลูกหงสเ์ หมราชปกั ษนิ ปราศจากมุจลินทไ์ ปตกคลุก ในโคลนหนองสน้ิ สีทอง อนั ผอ่ งแผว้ แม่กลบั เข้ามาถงึ แล้วได้เชยชม ช่นื สบาย ที่เหน่ือยยากก็เสือ่ มหายคลายทกุ ข์ทเุ ลาลง ลืมสมบตั ิท้ัง วงศาในวังเวียง โอแต่ก่อนเอยแม่เคยไดย้ นิ เสยี งเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยู่ ตรงน้ี ปทวลญฺ ช นั่นกร็ อยเทา้ พอ่ ชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหา พระ มารดายงั แลเห็น โน่นก็กรวดทราย เจา้ ยังรายเลน่ เปน็ กอง ๆ สิง่ ของ ท้งั หลายเป็นเครอื่ งเล่น ยังเหน็ อยู่ น ทสิ ฺสเร แต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหน ไมเ่ หน็ เลย

เมือ่ สมเด็จพระมทั รเี ธอกราบทูลพระราชสามีสกั เทา่ ใด ๆ ทา้ วเธอ มไิ ด้ตรสั ปราศรยั จำนรรจา นางยงิ่ กล้มุ กลดั ขัดอรุ าผะผา่ วร้อนขอ้ นพระ ทรวงทรงพระกนั แสงว่า เจา้ แม่เอย่ แมม่ ิเคยไดเ้ คืองแค้นเหมอื น หนงึ่ ครง้ั นี้ เมอื่ จากบรุ ที เุ รศมาก็พรอ้ มหนา้ ทง้ั ลกู ผวั เป็นเพ่ือนทกุ ข์ สำคญั วา่ จะเป็นสขุ ประสายากเมือ่ ยามจน ครน้ั ลูกหายท้ังสองคนก็ สน้ิ คดิ บงั คมทูลพระสามีกม็ ิได้ตรัสปรานแี ต่สักนิดสักหนอ่ ยหนงึ่ ทา้ ว เธอก็ ขังขึงตึงพระองคด์ ูเหมือนทรงพระขัดเคืองเตม็ เดอื ดดว้ ยอันใด นางกเ็ ศร้าสรอ้ ยสลดพระทัยดงั่ เอาเหล็กแดงมาแทงใจใหเ้ จ็บจติ นี่ เหลอื ทน อปุ มาเหมือนคนไขห้ นักแล้ว มิหนำยงั แพทยเ์ อายาพษิ มา วางซา้ ใหเ้ วทนา เห็นชวี านคี้ งจะไมร่ อดไปสกั กว่ี นั

พระคุณเอ่ย เม่ือแรกจากไอศวรรย์มาอย่ดู งกป็ ลงจิตมไิ ดค้ ดิ เป็นจติ สอง หวังวา่ จะเปน็ เกอื กทองฉลองบาทยุคลทัง้ คูแ่ ห่งพระคุณผวั กว่าจะ ส้ินบญุ ตัวตายตามไปเมอื งผี อนิจจาเอย่ วาสนามัทรไี มส่ มคะเนแล้ว พระทลู กระหม่อมแกว้ จ่ึงชิงชงั ไม่พูดจา ทั้งลกู รกั ดงั แกว้ ตากห็ ายไป อกเอ่ยจะอยู่ ไปไยให้ทนเวทนา อปุ มาเสมือนหนึง่ พฤกษาลดาวัลย์ ย่อมจะอาสญั ลงเพราะลูกเป็นแทเ้ ทีย่ ง ถา้ แม้นพระองค์ ไม่ทรงเล้ยี งมัท รไี ว้ จะนิง่ มธั ยัสถ์ตดั เยือ่ ใยไมโ่ ปรดบ้าง ก็จะเห็นแต่กเลวระร่าง ซากศพ ของมทั รอี นั โทรมตายกายกลิ้งอยกู่ ลางดงเสียเปน็ ม่ันคงน้ีแลว้ แล

อถ มหาสตโฺ ต สมเด็จพระราชสมภารเม่อื ได้สดับสารพระมัทรีเธอแสนวิโยค โศกศัลยส์ ดุ กำลัง ถึงแม้นจะมิตรัสแก่นางม่ังจะมิเป็นการจำจะเอาโวหารการ หงึ เข้ามาหกั โศกให้เส่ือมลง จ่งึ เอื้อนโองการตรัสประภาษวา่ นนุ มททฺ ิ ดูกร นางนาฏ พระน้องรกั ภทเฺ ท เจา้ ผมู้ พี กั ตร์อนั ผุดผอ่ งเสมือนหน่งึ เอานา้ ทองเขา้ มาทาบทบั ประเทอื งผิว ราวกะว่าจะลอยลว่ิ เลอื่ นลงจากฟ้า ใครได้ เหน็ เปน็ ขวัญตาเตม็ หลงละลายทุกข์ปลุกเปลือ้ งอารมณช์ ายใหเ้ ชยช่นื จะนง่ั นอนเดนิ ยนื กต็ ้องอยา่ ง วราโรหา พร้อมดว้ ยเบญจางคจรติ รปู จำเรญิ โฉม ประโลมโลกลอ่ แหลมวิไลลักษณ์

ราชปตุ ตฺ ี ประกอบดว้ ยเชื้อศักด์สิ มมุติวงศพ์ งศ์กษัตรา เออกเ็ มื่อเช้า เจ้าจะเข้าปา่ นา่ สงสารปานประหน่ึงว่าจะไปมิได้ ทำร้องไหฝ้ ากลกู มริ ู้แล้ว คร้ันคลาดแคล้วเคลื่อนคลอ้ ยเข้าสู่ดง ปานประหนง่ึ ว่า จะหลงลมื ลูกสละผัวต่อมดื มัวจ่ึงกลบั มา ทำเป็นบบี น้าตาตีอกว่า ลูกหาย ใครจะไมร่ ้แู ยบคายความคิดหญงิ ถ้าแม้นเจ้าอาลยั อยดู่ ว้ ย ลูกจริง ๆ เหมือนวาจา ก็จะรบี กลับเข้ามาแตว่ ่วี ันไมท่ ันรอน เออนเี่ จา้ เท่ียวพเนจรนอนตามสนกุ ใจ ชมนกชมไม้ในไพรวนั สารพันทจี่ ะ มี ทง้ั ฤๅษสี ิทธวิ์ ทิ ยาธรคนธรรพเ์ ทพารกั ษผ์ มู้ พี กั ตรอ์ นั เจริญ เหน็ แลว้ ก็ น่าเพลิดเพลนิ ไม่เมินได้ หรอื เจ้าปะผลไมป้ ระหลาดรสสดสุกทรามเสวย ไม่เคยกิน เจา้ ฉวยชมิ ชอบลนิ้ กห็ ลงฉันอยจู่ ่ึงช้า อปุ มา เสมือนหนง่ึ ภมุ รนิ บินวะวอ่ นเทยี่ วซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อนั วเิ ศษต้อง ประสงค์ หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรงั เขา้ เถื่อนเจ้าลมื พรา้ ไดห้ นา้ แล้วลมื หลงั ไม่แลเหลยี วเท่ยี วทอดประทบั มากลางทาง

อนั ว่าพระยานางสเิ ป็นหนอ่ กษตั ริยจ์ ะไปไหนก็เคยมแี ต่กลดกนั้ พานจะเกรงแสงพระสุริยนั ไม่คลาเคล่อื น เจา้ รักเดนิ ด้วยแสงเดือน ชมดาวพลาง ได้นา้ ค้างกลางคืนช่นื อารมณ์ สมคะเน พอมาถึงก็ทำ เสขนึ้ เสียงเลีย่ งเล้ยี วพาโลว่า ลกู หาย เออน่เี จา้ มิหมายวา่ ใคร ๆ ไม่รูท้ นั กระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพ่ีนีเ้ ป็นชอี ดจิตคดิ อนิจจงั ทิง้ พยศ อดอารมณเ์ สยี เจ้าเป็นแตเ่ พยี ง เมยี ควรหรือมาหมน่ิ ได้ ถ้าแม้นพ่อี ย่ใู นกรุงไกรเหมอื นแตก่ อ่ นเก่า หากว่าเจา้ ทำเชน่ นี้ กายของ มัทรีกจ็ ะขาดสะบน้ั ลงทนั ตาด้วยพระกรเบอื้ งขวาของ อาตมานี้แลว้ แล

สา มททฺ ี ส่วนสมเดจ็ พระยอดม่ิงเยาวมาลย์มัทรี เม่ือไดส้ ดับคำพระราช สามีบรภิ าษณานางท่ีความโศกกเ็ สือ่ มสร่างสงบจติ เพราะเจบ็ ใจ จึ่งก้ม พระเศียรลงกราบไหวแ้ ลว้ วนั ทนาพลาง นางจึ่งทูลสนอง พระราชบญั ญตั ิวา่ พระพทุ ธเจ้าข้า ควรมิควรสุดแท้ แตจ่ ะทรงพระ กรณุ าโปรดทีโ่ ทษานโุ ทษเปน็ ลน้ เกล้า ดว้ ยขา้ พระพุทธเจา้ กลบั มา เวลาค่า ทงั้ นเ้ี พราะเป็นกระลีขึน้ ในไพรวนั พฤกษาทกุ ส่ิงสารพนั ก็ แปรปรวนทุกประการ ท้งั พืน้ ป่าพระหิมพานต์ก็ผดั ผันหว่ันไหวอยู่ วงิ เวียนเปลี่ยนเป็นพยบั มืดไม่เหน็ หน ขา้ พระบาทน่รี อ้ นรนไมห่ ยดุ หยอ่ นแตส่ ักอย่าง แตเ่ ดนิ มายังเกิดประหลาดลางขึน้ ในกลางพนาลี พบพญาราชสีหส์ องเสือทั้งสามสตั ว์สกดั หนา้ ไม่มาได้ ต่อสน้ิ แสง อโณทัยจ่งึ ได้คลาเคล่อื น ใช่จะเป็นเหมอื นพระองคด์ ำริน้ันกห็ ามิได้

พระพทุ ธเจา้ ขา้ ต้ังแตเ่ กล้ากระหมอ่ มฉันตกมาเปน็ ขา้ นอ้ ย พระองคเ์ ห็นพริ ธุ รอ่ งรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตร สังเกตไว้แตป่ างกอ่ น จึงเคืองคอ่ นด้วยคำหยาบยอกใจเจบ็ จิต เหลอื กำลัง พระคณุ เอย่ จะคิดดมู ่ังเป็นไรเลา่ ว่า มทั รีนเ้ี ป็นขา้ เก่าแต่ก่อนมาดง่ั เงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกจากนั้นที่ แน่นอนคือนางไหนอันสนทิ ชิดใชแ้ ต่ก่อนกาล ยงั จะติดตาม พระราชสมภารมาบา้ ง ละหรอื ไดแ้ ต่มทั รีแสนดอื้ ผู้เดยี วดอก ไม่รู้จักปลิ้นปลอกพลกิ ไพล่เอาตวั หนี มทั รสี ัตยาสวามิภักดิร์ กั ผัวเพียงบดิ าก็ว่าได้ ถงึ จะยากเยน็ เขญ็ ใจกต็ ามกรรม

(วนมลู ผล หารยิ า) อุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงท่ไี หน จะรกเร้ียวก็ซอกซอนอุตสา่ หเ์ ทีย่ วไม่ถอยหลงั จนเนือ้ หนังข่วนขาดเปน็ ริ้ว รอยโลหติ ไหลย้อยทุกหยอ่ มหนามอารามจะใคร่ ได้ผลาผลไมม้ าปฏิบัตลิ ูก บำรงุ ผวั ถึงกระไรจะคมุ้ ตัวก็ ทงั้ ยากนา่ หลากใจ อกของใครจะอาภัพยับ พกิ ลเหมอื นอกของมัทรีไมม่ เี นตร นา่ ทจ่ี ะสงสารสังเวชโปรดปรานีวา่ มัทรนี ้ี เปน็ เพ่อื นยากอย่จู ริง ๆ ช่างค้อนตงิ ปรภิ าษณาได้ลงคอไม่คิดเลย พระคณุ เอย่ ถึงพระองค์จะสงสัย ก็น้าใจของมัทรีนก้ี ตเวทเี ป็นไม้เทา้ กา้ วเข้าสทู่ างที่ ทดแทน (ราม สีตาวนพุ พฺ ตา) อุปมาแมน้ เหมอื นสีดาอนั ภกั ดตี ่อสามีราม บัณฑติ ปานประหนึง่ วา่ ศษิ ย์กบั อาจารย์ พระคณุ เอย่ เกลา้ กระหมอ่ มฉานทำ ผิดแต่เพียงน้ี เพราะวา่ ล่วงราตรีจึ่งมีโทษ ขอพระองคจ์ งทรงพระกรุณาโปรด ซง่ึ โทษานุโทษกระหม่อมฉนั มัทรี แตค่ รง้ั เดยี วนี้เถดิ ๚ล๚

เมื่อสมเด็จพระยอดม่ิงเยาวมาลยม์ ัทรี กรายทลู พระ ราชสามสี ักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะไดป้ ราศรัยก็ไม่มี พระนาง ย่ิงหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอ้ืน ถวายบงั คมคนื ออกมา เท่ยี วแสวงหาพระลูกรักทุกหนแหง่ กระจา่ งแจ้งดว้ ยแสง พระจนั ทรส์ อ่ งสวา่ งพืน้ อมั พรประเทศวิถี นางเสดจ็ จรลไี ป หยุดยืนในภาคพืน้ ปรมิ ณฑลใต้ตน้ หวา้ จึ่งตรัสว่า

(อเิ ม เต ชมพฺ กุ า รุกฺขา) ควรจะสงสารเอ่ยดว้ ยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามดว้ ยกิง่ ก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชมุ ชอ่ เปน็ ฉัตรชัน้ ด่งั ฉตั รทอง แสงพระจนั ทรด์ น้ั สอ่ งตอ้ งนา้ คา้ งทขี่ ังให้ไหลลงหยดย้อย เหมอื นหน่งึ น้า พลอยพร้อย ๆ พราย ๆ ต้องกบั แสงกรวดทรายท่ีใต้ต้นอร่ามวามวาวดู เป็นวงวนแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกลง้ มาโปรยโรยรอบปรมิ ณฑล ก็เหมอื นกัน งามดั่งไมป้ รชิ าตในเมืองสวรรคม์ าปลูกไว้ ลูกรัก เจ้าแม่เอย่ เจา้ เคยมาอาศัยนง่ั นอนประทบั ร้อนสำราญรม่ รน่ื ๆ สำรวลเลน่ เยน็ สบาย พระพายรำเพยพดั มาฉวิ เฉ่อื ยเรไรระรเ่ี รือ่ ยรอ้ งอยูห่ ริง่ ๆ แต่ลกู รักของแม่ ทง้ั ชายหญงิ ไปอยู่ไหนไมเ่ ห็นเลย

(มหานโิ ครธฺ ชาต) อนจิ จาเอย่ เห็นแตไ่ ทรทองถัดกันไป ก่งิ ก้านใบรากหอ้ ยยืน่ ระย้า เจ้าเคยมาหอ้ ยโหนโยนชงิ ชา้ ชวนกนั แกวง่ ไกว แลว้ เล่นไล่ปิดตาเร้นแทบ หลังบริเวณพระอาวาส (อมิ าตา โปกขฺ รณี รมฺมา) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณตี ำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสดจ็ ลลี าสไปเท่ียวเวยี นรอบ จึง่ ตรสั วา่ น้าเอย๋ เคยมาเปีย่ มขอบเป็นไร จง่ึ ขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้า เอย่ เคยมาพดั ตอ้ งกลีบอุบล พากลน่ิ สคุ นธข์ จรรสมารวยรน่ื เปน็ ไรจง่ึ เสื่อม หอมหายชนื่ ไมเ่ ฉอ่ื ยฉ่าฝูงปลาเอย๋ เคยมาผดุ คล่าดำแฝงฟอง บ้างกข็ นึ้ ล่อง วา่ ยอยูล่ อยเลื่อยชมแสงเดอื นอยพู่ ราย ๆ เป็นไรจึง่ ไมว่ า่ ยเวียนวน นกเจ้า เอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยือ่ ทุกเวลา วันนแ้ี ปลกเปลา่ ตาแม่แลไม่เห็น

พระลูกเอย่ เจ้าเคยมาเทย่ี วเลน่ แม่แลไมเ่ ห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่ สระแกว้ อยู่อา้ งวา้ งวงั เวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเทยี่ วคน้ หาพระลูก ตามลำเนาเนนิ ป่า ทุกสมุ่ ทมุ พุ่มพฤกษาสูงยงู ยางใหญไ่ พรระหง พนสั แดนดงเยน็ ยะเยอื กเงียบสงดั เหงา ไดย้ นิ แตเ่ สยี งดุเหว่าละเมอร้องกอ้ ง พนาเวศ พระกรรณ เธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจา้ รอ้ งขานอยู่ แว่ว ๆ ให้หวาดวา่ สำเนยี ง พระลูกแก้วเจ้าขานรบั พระมารดา นางเสด็จลลี าเข้าไปดู เห็นหมู่สัตว์จตบุ าทกลาดกลุ้มเขา้ สุมนอน นางก็ ยงิ่ สะท้อนถอนพระทยั เทวษครวญเสดจ็ ด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิงมงุ่ ละเมาะไม้ มองหมอบ แต่ยา่ งเหยียบกรอบกเ็ หลยี วหลงั พระโสตฟังใหวาดแว่วว่า สำเนยี งเสียงพระแก้วเจา้ บน่ อยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครม้ึ เป็นเงา ๆ ชะโงกเงือ้ ม พระ เนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลอ่ื มเปน็ รูปคนตะคุ่ม ๆ อยคู่ ลา้ ย ๆ แลว้ หายไป

สมเดจ็ อรไทเธอเท่ยี วตะโกนก่กู กู๋ ้อง พระพักตรเ์ ธอฟูมฟองนองไปดว้ ยน้า พระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสวา่ โอ้โอเ๋ วลาปานฉะนเ้ี อ่ยมดิ ึกด่ืน จวนจะส้ินคืนค่อน รงุ่ เสยี แลว้ กระไรไมร่ ู้เลย พระพายรำเพยพดั มาร่ีเรื่อยอย่เู ฉ่อื ยฉวิ อกแม่นใี้ หอ้ อ่ น หิวสุดละหอ้ ย ทั้งดาวเดอื นก็เคล่อื นคลอ้ ยลงลบั ไม้ สุดที่แม่จะตดิ ตามเจา้ ไปใน ยามนี้ ฝงู ลงิ ค่างบ่างชะนที ่นี อนหลบั ก็กลิ้งกลับเกลอื กตัวอยูย่ ว้ั เยี้ย ทัง้ นกหกก็ งวั เงยี เหงาเงยี บทุกรวงรงั แต่แม่เท่ียวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศท่ัว ประเทศทกุ ราวปา่ สุดสายนัยนาทแี่ มจ่ ะตามไปเลง็ แล สุดโสตแล้วท่แี มจ่ ะซับ ทราบฟังสำเนียง สุดสรุ เสียงท่แี ม่จะร่าเรียกพไิ รรอ้ ง สุดฝีเท้าทีแ่ ม่จะเยื่องยอ่ งยก ยา่ งลงเหยียบดิน กส็ ดุ สนิ้ สดุ ปญั ญาสดุ หาสดุ คน้ เหน็ สดุ คิด จะได้พานพบ ประสบรอยพระลกู น้อยแตส่ กั นิดไม่มเี ลย จึ่งตรสั ว่าเจ้าดวงมณฑาทองทงั้ คูข่ อง แม่เอย หรอื ว่าเจา้ ทง้ิ ขว้างวางจิตไปเกิดอ่นื เหมอื นแม่ฝันเมอื่ คนื น้ีแลว้ แล

(ภกิ ขฺ เว) ดกู รสงฆ์ผทู้ รงพรหมจารี เมื่อสมเดจ็ พระมทั รกี ำสรดแสนกมั ปนาท เพียง พระสันดานจะขาดจะดับสูญ (ปรเิ ทวติ ฺวา) นางเสวยพระอาดูรพูนเทวษ ในพระอรุ า น้าพระอสั สุชลนาเธอไหลนองครองพระเนตร ทรงพระกันแสง แสนเทวษพิไรร่า ตั้งแต่ประถมยามค่าไมห่ ย่อนหยดุ แต่สกั โมงยาม นางเสด็จ ไต่เต้าติดตามทุกตำบลละเมาะไม้ ไพรสณฑศ์ ขิ รนิ ทุกห้วยธารละหานหนิ เหว หุบก้องคหู าวาส ทรงพระพไิ รรอ้ งก้องประกาศเกร่ินสำเนยี ง พระสรุ เสยี งเธอเยอื กเยน็ ระยอ่ ทกุ อกสตั ว์ พระพายรำเพยทกุ ก่ิงก้านบุษบงก็เบกิ บานผกากร รัศมพี ระจันทร์ก็มวั หมอง เหมอื นหนง่ึ จะเศร้าโศกแสนวปิ โยคเมอ่ื ยามปจั จสุ มัย ทงั้ รศั มพี ระสรุ ิโยทัยสอ่ งอยูร่ าง ๆ ขน้ึ เรืองฟ้า เสียงชะนีเหน่ียวไมไ้ หห้ าละหอ้ ยโหย พระกำลงั นางกอ็ ดิ โรยพไิ รรา่ รอ้ ง พระสุรเสียงเธอ กู่ก้องกังวานดง เทพเจา้ ทกุ พระองค์กอดพระหตั ถ์เงี่ยพระโสต สดบั สาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตง้ั แต่ ยามเยน็ จนรงุ่ เช้าก็สุดสิน้ ท่จี ะเท่ยี วค้น ทกุ ตำแหนง่ แห่งละสามหนเธอเท่ยี วหา

( ปณฺณรสโยชนมคคฺ ) ถ้าจะคล่คี ลายขยายมรคาก็ไดส้ ิบหา้ โยชน์ โดยนยิ ม นางจ่งึ เซซงั เขา้ ไปสู่พระอาศรมบงั คมบาทพระภัสดา ประหน่งึ ว่า ชวี าจะวางวายทำลายลว่ ง สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกนั แสงครวญคร่า แลว้ รำพนั วา่ โอเ้ จา้ ดวงสุรยิ ันจนั ทรท้ังคู่ของแมเ่ อ่ย แม่ไม่รเู้ ลยว่าเจ้าจะหนี พระมารดาไปส่พู าราใดไม่รู้ท่ี หรือวา่ ขา้ มนทที ะเลวน หมิ เวศประเทศทิศ แดนใด ถา้ รู้แจ้งประจักษใ์ จแม่กจ็ ะตามเจ้าไปจนสดุ แรง นกี่ เ็ หลือทแ่ี ม่จะเท่ียวแสวงสบื เสาะหา เม่ือเชา้ แมจ่ ะเข้าไปส่ปู า่ พอ่ ชาลี แมก่ ณั หายงั ทลู สงั่ แม่ยงั กลับหลังมาโลมลบู จบู กระหมอ่ มจอมเกล้าทัง้ สองรา กลิน่ ยงั จบั นาสาอย่รู วยรื่น โอ้พระลกู ข้านจ้ี ะไม่คืนเสียแล้วกระมงั ในครั้งนี้ กัณหาชาลลี กู รกั แม่ นับวันแตว่ ่าจะแลลบั ล่วงไปเสยี แล้วหนอ ใครจะกอด พระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เลา่ ยามเม่อื แม่จะเข้าท่ีบรรจถรณ์ เจา้ เคียงเรียง หมอนนอนแนบข้างทุกราตรี แต่แมน่ จี้ ะกล่อมใครให้นทิ รา

โอแ้ มอ่ มุ้ ทอ้ งประคองเคยี งเลี้ยงเจ้ามากห็ มายม่ัน สำคญั วา่ จะไดอ้ ยู่ เปน็ เพื่อนยากจะฝากผีพง่ึ ลูกท้ังสองคน มิรวู้ ่าจะกลับวิบัตพิ ลดั พรากไม่ เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแตห่ ่วงสงสารน่หี รอื มาสวมคล้อง ใหแ้ ม่นตี้ ดิ ต้องขอ้ งอยดู่ ว้ ยอาลัย เจา้ ท้ิงชือ่ และโฉมไว้ให้เปลา่ อกใน วญิ ญาณ์ เมอ่ื เชา้ แม่จะเขา้ ไปส่ปู า่ ยงั ไดเ้ หน็ หนา้ เจา้ อยหู่ ลดั ๆ ควรและ หรอื มาสลัดแมน่ ี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่น้ีบรรลยั เสียจริงแลว้ ควรจะสงสารเอย่ ดว้ ยนางแกว้ กลั ยาณี น้อมพระเกศลี งทลู ถามหวังจะ ติดตามพระลกู รักทงั้ สองรา กราบถวายบงั คมลาลกุ เลือ่ นเขย้ือนยกพระบาท เยื้องย่าง พระกายนางใหเ้ สียวส่ันหวน่ั ไหวไปท้ังองค์ ดจุ ชายธงอันต้องกำลงั ลมอยู่ล่วิ ๆ สนิ้ พระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง พระศอเธอหงบุ ง่วงดวง พระพักตรเ์ ธอผดิ เผือดใหแ้ ปรผนั จะทูลสั่งก็ยงั มทิ นั ที่ว่าจะทลู เลย แตพ่ อตรัส ว่าพระคุณเจ้าเอย๋ คำเดยี วเทา่ นัน้ กห็ ายเสียงเอียงพระกายบา่ ยศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐล์ งทันที ( เวสญญฺ หุตวฺ า ) นางถงึ วิสัญญสี ลบ ลงตรงหนา้ ฉาน ปานประหนง่ึ วา่ พมุ่ ฉตั รทองอนั ตอ้ งสายอัสนีฟาดขาดระเนน เอนแลว้ ก็ล้มลงตรงหน้าพระทีน่ ่งั เจ้า น้ันแล

(อถ มหาสตโฺ ต) ปางนน้ั สมเด็จพระเวสสนั ดรอดุลดวงกษัตริย์ ตรสั ทอดพระเนตรเหน็ พระอคั เรศถงึ วสิ ัญญีภาพสลบลงวันนน้ั พระทัยท้าวเธอ สำคญั ว่าพระนางเธอวางวายสะด้งุ พระทยั หายว่าโอ้อนิจจามัทรเี จ้าพ่เี อย๋ บญุ พีน่ ้นี ้อยแลว้ นะเจ้าเพื่อนยาก เจ้ามาตายจากพ่ไี ปในวงวดั เจ้าจะเอาปา่ ชฏั นหี่ รอื มาเป็นปา่ ชา้ จะเอาพระบรรณศาลานี่หรือเป็นบริเวณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสยี งสาลิกาอนั รา่ รอ้ งนนั้ หรอื มาเป็นกลองประโคมใน จะเอาแต่ เสียงจกั จน่ั และเรไรอนั รา่ รอ้ งน่ันหรือมาตา่ งแตรสงั ขแ์ ละพิณพาทย์ จะเอา แตเ่ มฆหมอกในอากาศนั่นหรอื มากนั่ เปน็ เพดาน จะเอาแต่ยงู ยางในป่า พระหิมพานตม์ าต่างฉตั รเงนิ และฉัตรทอง จะเอาแต่แสงพระจันทร์อนั ผุด ผอ่ งมาตา่ งประทีปแกว้ โอภาส อนจิ จามัทรเี อย่ มาตายอเนจอนาถไร้ญาติ ที่กลางดง

ครัน้ ทา้ วเธอค่อยคลายลงที่โศกศลั ย์ จง่ึ ผนั พระพักตร์มาพจิ ารณา กร็ วู้ ่ายงั ไมอ่ าสัญ จงึ่ เข้าไปยังพระคันธกฎุ ีจบั เอาคนทีอนั เตม็ ไปดว้ ย น้ามาทันใด ตง้ั แตพ่ ระองคท์ รงพระผนวชไพรมาได้ถึงเจ็ดเดอื นปลาย จะไดต้ อ้ งพระกายนางมัทรีกห็ ามไิ ด้ เม่ือความทุกขพ์ ้นวิสยั ทจี่ ะ กำหนดวา่ อาตมะนีเ้ ปน็ ดาบสฤๅษี ยกเศยี รพระมทั รขี นึ้ ใส่ตกั วักเอา พระวารีมาโสรจสรงลงท่ีอรุ ะพระมัทรี หวังวา่ จะให้ชุม่ ชืน่ ฟืน้ สมปฤๅดี คนื มาแหง่ นางพระยา นนั้ แล

(ภิกขฺ เว) ดกู รภกิ ษุสงฆผ์ ู้ทรงศีลวิสุทธสิ ิกขา เมอื่ สมเด็จพระมัทรเี ธอได้ สมปฤาดี คืนมา นางพระยาเจา้ ละอายแกเ่ ทพยาดานัก ด้วยตัวตัวมา นอนอยบู่ นตักพระราชสามี มิบังควร (อฏุ ฐาย) จึงอุฏฐาการโดยด่วนเล่ือนพระองคล์ งจากพระราชสามี พระมทั รจี ึง่ ทูลถามว่าพระพุทธเจ้าขา้ พระลกู รักทงั้ สองเราไปอยไู่ หนนะฝ่าพระ บาท ทา้ วเธอจ่ึงตรสั ประภาษวา่ ดกู รเจ้ามัทรี อันสองกุมารนพ้ี ใ่ี หเ้ ปน็ ทานแก่พราหมณแ์ ต่วนั วานนี้แล้ว พระนอ้ งแก้วเจ้าอย่าโศกศัลย์ จงตั้ง จิตของเจา้ นน้ั ใหโ้ สมนัสศรทั ธา ในทางอนั กอ่ กฤดาภินิหารทานบารมี (ลจฉฺ าม ปุตตฺ ชีวนตฺ า) ถา้ เราทงั้ สองนี้ยังมชี ีวติ สืบไป อันสองกมุ ารนี้ ไซร้ กค็ งจะไดพ้ บกนั เปน็ ม่ันแม่น ถงึ แสนสัตพธิ รตั น์เครอ่ื งอลงการซึง่ พระราชทานไปนนั้ เรากจ็ ะได้ดว้ ยพระทยั หวัง

(ทชชฺ า สปฺปรุ ิโส ทาน) มัทรีเอย่ อนั อรยิ สัตบุรษุ เหน็ ปานด่งั ตวั พี่ ฉะน้นั ถึงจะมขี ้าวของสักเทา่ ใด ๆ (ทสิ ฺวา ยาจกมาคเต) ถา้ เห็น ยาจกเข้ามาใกลไ้ หว้วอนขอไม่ย่อทอ้ ในทางทาน จนแตช่ นั้ ลกู รกั ยอดสงสารพ่ียงั ยกใหเ้ ปน็ ทานได้ อันสองกมุ ารนไ้ี ซร้เปน็ แต่ทาน พาหริ กะภายนอกไมอ่ ม่ิ หนำ พจ่ี ะใคร่ใหอ้ ัชฌัตกิ ทานอกี นะเจ้ามทั รี ถา้ แม้นมบี ุคคลผู้ใดปรารถนาเน้ือหนังมังสงั โลหิตดวงหทัยนัยน เนตรท้งั ซ้ายขวา พี่กจ็ ะแหวะผา่ ใหเ้ ป็นทานไม่ยอ่ ท้อเพียงน้ี มัทรเี อ่ย จงศรทั ธาด้วยอนุโมทนาทานในกาลบัดน้ีเถดิ

สมเดจ็ พระมทั รีทูลสนองพระโองการวา่ พระพทุ ธเจา้ ขา้ แต่วนั วานนี้เหตุ ไฉนจึง่ ทราบเกล้า ทา้ วเธอจงึ่ ตรสั ว่าพระนอ้ งเอ่ย พจ่ี ะเลา่ ใหเ้ จ้าฟังก็สดุ ใจ ดว้ ยเจา้ มาแตป่ ่ายังเหนอ่ื ยนัก พเี่ หน็ วา่ ความรอ้ นความรกั จะรุกอก ดว้ ยสอง ดรุณทารกเป็นเพ่ือนไร้ เจ้ามัทรีเอ่ย จงผอ่ งใสอยา่ สอดแคลน้ อนั สองพระ ลูกแก้วไปไกลเนตร พระนางจง่ึ ตรสั ว่า พระพทุ ธเจา้ ขา้ อนั สองกุมารนี้ เกลา้ กระหมอ่ มฉานไดอ้ ุตสาหะถนอม ย่อมพยาบาลบำรุงมา ขออนุโมทนาดว้ ยปิย บตุ รทานบารมี ขอใหน้ า้ พระหฤทัยพระองคจ์ งผอ่ งแผว้ อย่ามีมัจฉริยธรรม อกุศล อยา่ มาปะปนในนา้ พระทัยของพระองคเ์ ลย ทา้ วเธอจง่ึ ตรัสว่าพระนอ้ ง เอย่ ถา้ พ่มี ไิ ดใ้ ห้ดว้ ยเส่ือมใสศรัทธาแท้แลว้ ทีไ่ หนเลยแผน่ ดนิ ดานจะ กัมปนาทหวาดหวั่นไหวจลาจล ท้าวเธอเล่านสุ นธิม์ หัศจรรย์ อันมีอย่ใู น กณั ฑก์ ุมารบรรพ กลับมาเล่าให้พระมทั รีฟงั แต่ในกาลหนหลงั น้แี ลว้ แล

(สา มทฺ )ี ส่วนสมเด็จพระมัทรีศรสี นุ ทรบวรราชธิดามหาสมมตุ ิวงศ์ วสิ ทุ ธิสืบสนั ดานมา (วราโรหา) ทรงพระพกั ตร์ผิวผ่องดจุ เนือ้ ทองไม่เทียมสี (ยสสสฺ นิ )ี มพี ระเกยี รตยิ ศอนั โอฬารลา้ เลศิ วไิ ลลกั ษณย์ อดกษัตริย์ อนั ทรง พระศรทั ธาโสมนสั นบนิ้วประนมนอ้ มพระเศยี รเคารพทาน ท้าวเธอกก็ ็ช่นื บานบรสิ ทุ ธ์ิดว้ ยปยิ บตุ รม่ิงมกุฎทานอันพิเศษ ฝ่ายฝงู อมรเทเวศทกุ วิมาน มาศมนเทียรทุกหม่ไู ม้ กย็ ิ้มแยม้ พระโอษฐ์ ตบพระหัตถอ์ ยฉู่ าดฉาน ร้องสาธกุ ารสรรเสริญทานบารมี ทงั้ สมเด็จอมรนิ ทร์เจา้ ฟา้ สรุ าลัยอันเป็น ใหญใ่ นดาวดงึ ส์สวรรค์ กม็ าโปรยปรายทิพยบปุ ผากรอง ทงั้ พวงแกว้ และ พวงทองก็โรยรว่ งจากกลบี เมฆกระทำสกั การบูชาแก่สมเดจ็ นางพระยามัทรี ทา้ วเธอ ทรงกระทำอนุโมทนาทาน (เวสสสฺ นตฺ รสสฺ ) แห่งพระเวสสนั ดรราชฤๅษีผเู้ ปน็ พระภัสดา (อติ ิ เมาะ อิมนิ าปกาเรน) ด้วยประการดงั นีแ้ ลว้ แล

กณั ฑ์ มทั รี

คุณค่าด้านเนอ้ื หา ๑. ใหแ้ ง่คดิ เกยี่ วกบั บทบาทหนา้ ทข่ี องผหู้ ญงิ ในฐานะท่เี ป็น แม่และเปน็ ภรรยาท่ีดี ซึง่ เปน็ ส่ิงสำคัญเหนอื สงิ่ อื่นใด ๒. ข้อคดิ คติธรรม ที่สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ของทุกคนได้ เกี่ยวกบั การเปน็ คสู่ ามี ภรรยาที่ดี การเสยี สละ เปน็ คุณธรรมท่นี า่ ยกย่อง และการบรจิ าคทาน เป็นการกระทำทีส่ มควรไดร้ ับการอนุโมทนา

คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ ๑. การสรรคำ กวีได้เลือกสรรคำทสี่ อ่ื ความคิดได้ดดี ังน้ี ๑.๑ การใช้ถ้อยคำให้เกิดอารมณส์ ะเทอื นใจ กวเี ลือกใช้คำไดเ้ หมาะสม กบั อารมณ์ท่ีต้องการจะถ่ายทอด ๑) การใชถ้ อ้ ยคำรำพงึ รำพนั เปน็ การรำพึงรำพันบรรยากาศผา่ นตวั ละครท่ไี ดอ้ ารมณ์ความสะเทอื นใจ ๒) การใชถ้ อ้ ยคำสำนวนเชงิ ตดั พอ้ ให้ให้เกิดอารมณส์ งสารเวทนา และบบี ค้ันจิตใจผอู้ า่ นผ้ฟู งั เป็นอยา่ งยงิ่ ๓) การใชแ้ สดงอารมณห์ งึ หวง ให้เจ็บแค้นเพือ่ ดับความโศกเศร้า ใหเ้ กดิ อารมณ์สงสารเวทนาและบบี คน้ั จิตใจผู้อ่านผูฟ้ งั เป็นอยา่ งย่ิง

คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์ ๒. การใช้โวหาร ๒.๑ การใชอ้ ปุ มาโวหารที่แสดงความเศรา้ โศกของนางมัทรจี น สลบไปเป็นจดุ เดน่ ของกณั ฑ์มทั รีทีท่ ำให้ผู้อา่ นเกดิ อารมณ์สะเทือนใจ ดว้ ยความสงสาร ๒.๒ การใชค้ ำอา้ งอิงสำนวนสุภาษติ เป็นการใชถ้ ้อยคำให้เกดิ แง่คดิ กับผอู้ า่ นและผู้ฟงั ได้เปน็ อยา่ งดี เชน่ “...โอพ้ ระจอมขวัญของแม่เอย่ เจา้ มิเคยไดค้ วามยากยา่ งเทา้ ลง เหยยี บดิน ร้นิ ก็มไิ ดไ้ ต่ ไรมิไดต้ อม ...”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook