Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปเนื้อหา ติวไทยไป o-net ป.๖

สรุปเนื้อหา ติวไทยไป o-net ป.๖

Published by ปนัดดา ผดุงผล, 2022-01-21 04:24:25

Description: สรุปเนื้อหา ติวไทยไป o-net ป.๖

Search

Read the Text Version

สสรรปุ ุปเเนนื้อื้อหหาาแแลละะแแบบบบฝฝึกกึ หหดั ดั ตตาามม TTeesstt bblluueepprriinntt ขขอองง สสททศศ.. ปปีกกี าารรศศกึ ึกษษาา ๒๒๕๕๖๖๔๔ ติวไทยไป O-NET ป.๖ วิชาภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ชอ่ื ...................................สกุล.................. หอ้ ง.............เลขท.ี่ ...........

สารบญั เรอ่ื ง หนา้ สาระที่ ๑ การอา่ น……………………………………………………… ๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และข้อความทีเ่ ปน็ โวหาร คำทม่ี ีพยญั ชนะควบกลา้ ………………………………………… ๑ อักษรนำ………………………………………………………… ๓ คำทีม่ ีตวั การันต…์ ………………………………………………. ๔ อักษรยอ่ และเครอ่ื งหมายวรรคตอน…………………………….. ๕ วนั เดือน ปีแบบไทย………………………………………….. ๗ ข้อความท่เี ป็นโวหารต่าง ๆ……………………………………… ๙ สำนวนไทยทเี่ ป็นสุภาษติ และคำพงั เพย………………………… ๑๑ คำประพนั ธป์ ระเภทร้อยกรอง…………………………………… ๑๓ ป.๖/๔ แยกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็น……………………………… ๑๕ ๑๕ ป.๖/๕ อธบิ ายการนำความร้แู ละความคดิ จากเรอื่ งท่ีอา่ นไปตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ …………………………………………… ข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็น………………………………………. ๑๕ การอา่ นจบั ใจความสำคญั ………………………………………. ๑๖ ป.๖/๗ อธิบายความหมายของขอ้ มลู จากการอา่ นแผนผัง แผนที่ ๒๐ แผนภูมิ และกราฟ…………………………………………………….. ๒๐ การอ่านแผนผัง แผนที่ แผนภูมิ และกราฟ……………………. ๒๓ สาระที่ ๒ การเขยี น ……………………………………………………. ป.๖/๖ การเขียนจดหมายส่วนตัว…………………………………… ๒๓ การเขยี นจดหมายสว่ นตัว………………………………………... ๒๓

สารบัญ เรือ่ ง หนา้ สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู …………………………………….. ๒๕ ป.๖/๒ ตัง้ คำถามตอบคำถามเชิงเหตผุ ล ป.๖/๓ วเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถือจากส่ือ โฆษณา พดู แสดงความรคู้ วามเขา้ ใจ และวเิ คราะหค์ วามนา่ เชอ่ื ถอื ของ ๒๕ เร่อื งทฟี่ ังและดู จากสอ่ื สงั คมออนไลน…์ ……………………………………. สาระที่ ๔ หลกั ภาษา.................................................................................. ๒๗ ป.๖/๑ วเิ คราะห์ชนิดและหนา้ ทขี่ องคำในประโยค............................. ๒๗ ชนิดของคำ.................................................................................. ๒๗ ป.๖/๒ ใช้คำใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคล................................ ๒๙ คำราชาศัพท์................................................................................ ๒๙ ระดับภาษา................................................................................... ๓๑ ป.๖/๓ รวบรวมและบอกความหมายของคำภาษาต่างประเทศท่ีใช้ใน ภาษาไทย................................................................................ ๓๒ คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย.................................................. ๓๒ ป.๖/๔ ระบลุ กั ษณะของประโยค ........................................................ ๓๕ ประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน........................... ๓๕ ป.๖/๕ การแต่งบทร้อยกรอง.............................................................. ๓๙ กลอนสุภาพ............................................................................... ๓๙ สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม......................................................... ๔๒ ป.๖/๑ แสดงความคดิ เห็น ป.๖/๒ ระบุความรู้และข้อคิด .................. ๔๒ ป.๖/๓ อธิบายคุณคา่ วรรณคดี การวิเคราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม.........................................

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชี้วดั ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๑. คำทีม่ พี ยญั ชนะควบกล้า ประโยค และข้อความทีเ่ ปน็ โวหาร อักษรควบแท้ คือพยัญชนะ ตัวอย่าง สองตัวเรียงกัน อ่านพยัญชนะต้น ก เช่น กราย กราบ กลวง ทั้งสองตัวพร้อมกัน พยัญชนะตัว ค เชน่ ครู คราม คลาย พ เชน่ พรุ่ง พรกิ พลาย แรกเป็นเสียง ก ค พ ป ต ป เชน่ ปรบั ปรงุ เปล่ียน ให้ทอ่ งว่า “ตะพาบไปกนิ คน” ต เช่น เตรยี ม ตรวจ ตรา สว่ นพยญั ชนะตัวท่ีสอง ร ล ว อักษรควบไม่แท้ คือ ตัวอยา่ ง ทร อ่านออกเสียง ซ พยญั ชนะสองตัวเรียงกัน แตไ่ ม่ เช่น โทรม ทรดุ ทราบ อา่ นพยญั ชนะต้นทง้ั สองตวั พร้อม ร ไม่ออกเสยี ง กันมีสองประเภทดงั นี้ เช่น จริง สรา้ ง สร้อย เศรา้ สร่าง บันทึก .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ติวไทยไป o-net ป.๖ ๑

สาระท่ี ๑ การอ่าน ตัวชี้วัด ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๑. คำที่มพี ยญั ชนะควบกล้า ประโยค และขอ้ ความที่เป็นโวหาร แบบฝึกหดั ที่ 1 ใหน้ กั เรยี นวงกลมคำทมี่ ีอกั ษรควบแท้ 1. พายกุ ำลังเคลอื่ นตัวเขา้ สู้ประเทศไทย 2. เธอเป็นคนชอบพูดพร่าทำเพลงไปเร่ือย 3. ภายในโรงเรยี นน้คี ละคลุ้งไปดว้ ยกล่ินซากสัตว์ 4. ถนนสายน้ขี วกั ไขวไ่ ปด้วยรถรา 5. เธออยา่ พึ่งกระวนกระวายเพราะเขาเลย 6. คนเรามดี ีในตวั เองอยา่ ไปเปรยี บเทยี บกับใครเลน 7. การขับเสภานิยมใช้กรบั ประกอบจังหวะ 8. คุณแมค่ งปล้ืมใจที่สดุ หากฉนั สามารถสอบเข้ามหาวทิ ยาลัยได้ 9. คุณยายไปสรงนา้ พระใกล้สระน้า 10. พยาบาลใช้ปรอทไว้ไขใ้ นการตรวจอาการเบ้ืองต้น แบบฝกึ หดั ท่ี 2 …………………… ใหน้ กั เรียนเลอื กคำควบไม่แท้ …………………… มาเตมิ ลงในชอ่ งว่าง …………………… ทรงศรปี ลูกนนทรี …………………… นกอินทรีมาอาศัย …………………… พทุ ราต้นโตใหญ่ …………………… มีตน้ ไทรให้ร่มเงา …………………… มัทรีชวนทรงศรี …………………… ไปเที่ยวท่ีฉะเชงิ เทรา …………………… ทรัพย์หายหมดกระเป๋า …………………… ๒ แสนโศกเศรา้ สร้อยของแม่ ติวไทยไป o-net ป.๖

สาระท่ี ๑ การอา่ น ตวั ช้วี ัด ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และข้อความทเ่ี ปน็ โวหาร ๒. อกั ษรนำ อกั ษรนำ หมายถึง พยญั ชนะ ๒ ตวั เรียงกนั มี ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. ห นำ คือ อกั ษรนำที่มีตวั ห อย่ขู ้างหนา้ แลว้ มีพยัญชนะอักษรต่า เด่ยี ว ตามหลัง เช่น หนุน หนาม เหนีย่ ว หญงิ หยาม หยด ๒. อ นำ คือ อักษรทีม่ ีตวั อ อยู่ข้างหนา้ แล้วมีตวั ย ซึ่งเป็นอกั ษร ต่าเดยี่ วตามหลัง ปัจจุบนั มเี พยี ง ๔ คำ เท่าน้ัน ได้แก่ อยา่ อยู่ อยา่ ง อยาก ๓. พยญั ชนะตัวอ่ืนนำ มีพยัญชนะตน้ สองตวั วางเรียงกัน เวลาอ่านให้ อ่านทีละตวั เรยี งกันไป เชน่ ขนม ขนาน ขนนุ ขยาด ถนน ถล่ม แบบฝกึ หัด เรือ่ ง อกั ษรนำ ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำอักษรนำไปเตมิ ในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง อยา่ ไถล สนกุ หงาย อร่อย ขยับ หรูหรา อยาก หญ้า เหยียบ หงาย อยู่ อย่าง ฉลุ ห นำ อ นำ พยญั ชนะ ตัวอืน่ นำ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓

สาระท่ี ๑ การอ่าน ตวั ช้วี ดั ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และข้อความทเ่ี ป็นโวหาร ๓. คำที่มตี ัวการันต์ เครอื่ งหมายทณั ฆาต (์) ก์ เช่น มคั คเุ ทศก์ องก์ หมายถึง เครอื่ งหมายทเ่ี ป็น ข์ เช่น สังข์ ทุกข์ สญั ลกั ษณ์ให้ผู้อ่านทราบว่า ไม่ ค์ เช่น องค์ สรา้ งสรรค์ ตอ้ งออกเสยี งพยัญชนะที่อยู่ ฆ์ เช่น สงฆ์ ขา้ งลา่ ง ณ์ เช่น สงั เกตการณ์ เหตกุ ารณ์ ถ์ เช่น มธั ยัสถ์ คฤหัสถ์ ตัวการนั ต์ หมายถงึ น์ เช่น ประโยชน์ ฟงั เทศน์ พยญั ชนะทีป่ รากฏ ต์ เช่น เครือ่ งยนต์ สุขสันต์ เครื่องหมายทณั ฆาตอย่ดู า้ นบน ตร์ เช่น ภาพยนตร์ เวทมนตร์ เวลาอ่านไม่ต้องอ่านออกเสยี ง ย์ เช่น อาจารย์ แพทย์ พยญั ชนะตวั น้ี และมักเปน็ คำท่ี ทร์ เชน่ พระอนิ ทร์ วันจันทร์ ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ ทน์ เช่น ดอกไมจ้ ันทน์ ภ์ เชน่ อุปถมั ภ์ จตสุ ดมภ์ ว์ เชน่ เยาว์ สนิ เธาว์ ส์ เช่น อานสิ งส์ ห์ เช่น เลห่ ์ แบบฝกึ หัด เรอื่ ง คำทมี่ ตี วั การันต์ ใหน้ กั เรียนเติมตวั การันต์ใหถ้ ูกตอ้ ง พาณชิ …. ฟสิ ิก …. เยาวมาล …. ทรพั ....สมบัติ วิเคราะ …. คณติ ศาส …. รตั นโกสิน …. นงลัก …. ๔ ดอกไม้จัน …. อาวร …. ตวิ ไทยไป o-net ป.๖

สาระท่ี ๑ การอ่าน ตวั ช้ีวดั ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และข้อความท่เี ปน็ โวหาร ๔. อักษรยอ่ และ เคร่ืองหมายวรรคตอน อกั ษรยอ่ เป็นการนำคำทม่ี คี วามยาวมายอ่ ให้ส้ันลงโดยใชอ้ ักษรย่อ และเครื่องหมาย (.) มหัพภาค ก. กรมั กม. กิโลเมตร ก.ม. กฎหมาย ครม. คณะรัฐมนตรี จ. จังหวดั , วันจันทร์ ตม. กองตรวจคนเขา้ เมือง ทพ. ทันตแพทย์ รร. โรงเรียน, โรงแรม ล. ลติ ร ธปท. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย น. คำนาม, ทิศเหนอื , นาฬกิ า นพ. นายแพทย์ ส.ส. สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร ส.ว. สมาชิกวฒุ ิสภา อบต. องค์การบริหารสว่ นตำบล เคร่ืองหมายวรรคตอน เปน็ เคร่ืองหมายทช่ี ว่ ยให้การเขยี นสะดวก และเป็นระเบียบขน้ึ เครือ่ งหมายวรรคตอนทีค่ วรรูจ้ กั มดี งั น้ี ๑. มหัพภาค (.) เป็นเคร่อื งหมายรูปจุด ๗. อัญประกาศ (“ ”) เครอ่ื งหมายคำพูด ใช้กบั อักษรยอ่ เช่น พ.ศ. เน้นข้อความ เช่น แม่บอกว่า “ลกู ตอ้ งเปน็ เด็กดี” จดุ ทศนิยมหรอื ข้อยอ่ ย เช่น ๑. ๒. ๓. ๘. บพุ สญั ญา (\") เปน็ เคร่อื งหมาย ละ แทนคำ ๒. จลุ ภาค (,) มวี ิธีใช้ ดังนี้ หรอื ข้อความบรรทัดบน เพื่อไมต่ ้องเขยี นซา้ อีก แยกขอ้ ความออกจากกัน เชน่ มะม่วง, มังคุด เช่น มะม่วง กิโลกรัมละ ๒๐ บาท คนั่ ตัวเลข เช่น ๑,๒๐๐ บาท มังคุด “ ๒๕ บาท ๓. ปรศั นี (?) คือ เคร่อื งหมายคำถาม ๙. สัญประกาศ ( ) เครื่องหมายขีดเสน้ ใต้ หลังประโยคคำถาม เชน่ เธอจะไปไหน? ขดี ใต้ขอ้ ความเพอื่ ใหส้ ังเกตได้ชัดเจน ๔. นขลิขิต ( ) คอื เคร่อื งหมายวงเล็บ เชน่ ฉันไมต่ ้องการอะไรมากไปกวา่ ปจั จัยสี่ เพอื่ อธบิ ายคำที่อยขู่ ้างหนา้ ๑๐.ไปยาลใหญ่ (ฯลฯ) เป็นเครื่องหมาย ละ ข้อความ เช่น พระเนตร (ตา) แสดงวา่ ยงั มขี ้อความประเภทเดยี วกนั อกี มาก ๕. อศั เจรยี ์ (!) คอื เครือ่ งหมายตกใจ ฉนั ปลกู ดอกไมห้ ลายชนิด เชน่ มะลิ กุหลาบ ฯลฯ หลงั คำอุทาน เชน่ โอ๊ย ! ๑๑. ยตั ภิ งั ค์ (-) เป็นเคร่ืองหมายแยกพยางค์ เชน่ หลงั คำเลียนเสยี งธรรมชาติ เช่น ปงั ! สวรรคต อ่านว่า สะ - หวนั - คด ๖. ไปยาลน้อย (ฯ) เครือ่ งหมายละขอ้ ความนั้น ๆ ๑๒. ไมย้ มก (ๆ) เขียนหลงั คำออกเสียงอา่ นซา้ ใหส้ ้ันลง เชน่ กรุงเทพฯ ติวไทยไป เoช-n่นet ขปา.๖ว ๆ ดำ ๆ ๕

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชว้ี ดั ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ๔. อกั ษรยอ่ และ ประโยค และข้อความทเ่ี ปน็ โวหาร เครือ่ งหมายวรรคตอน แบบฝึกหดั เร่อื ง อักษรยอ่ และเครือ่ งหมายวรรคตอน ให้นกั เรียนนำอกั ษรยอ่ ทอ่ี ยซู่ า้ ยมอื มาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งฝั่งขวามอื ใหถ้ ูกตอ้ ง ๑. นพ. ก. ผ้อู ำนวยการ ๒. นร. ข. หมอ่ มเจ้า ๓. น.ศ. ค. วนั พฤหสั บดี ๔. น.ส. ง. นางสาว ๕. ป. จ. นักเรียน ๖. ปณ. ฉ. ที่ทำการไปรษณีย์ ๗. ผอ. ช. ประถมศึกษา ๘. ม. ซ. มหาวทิ ยาลยั ๙. มจ. ฌ. นายแพทย์ ๑๐. พฤ ญ. นักศกึ ษา ให้นักเรียนโยงเสน้ จบั คเู่ ครอื่ งหมายวรรคตอนพรอ้ มบอกวธิ กี ารใช้ให้ถูกตอ้ ง ๑. นขลิขติ ! ……………………… ๒. มหัพภาค - ………………………… ๓. ไปยาลใหญ่ ( ) ………………………. ๔. อัญประกาศ . ………………………… ๕. อศั เจรยี ์ ? ………………………… ๖. ไปยาลนอ้ ย ๆ ………………………… ๗. ยัตภิ งั ค์ ฯ ………………………… ๘. ปรัศนี “…”………………………… ๙. ไม้ยมก , ……………………… ๖ ๑๐. จุลภาค ติวไทยไป o-net ฯป.ล๖ ฯ ………………………….

สาระที่ ๑ การอ่าน ตัวช้ีวัด ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๕๕.. ววนั นั เเดดืออื นน ปปี ี แแบบบบไไททยย ประโยค และข้อความที่เป็นโวหาร วนั เดอื น ปี แบบไทย เป็นการนบั วนั เดือนปีทางจันทรคติ ประกอบด้วย เลข ๓ ตำแหนง่ ๑. เลขตำแหนง่ ท่ี 1 หมายถงึ ๒. เลขตำแหนง่ ที่ ๒ หมายถึง วัน มี ๗ เลข คอื ขา้ งขึ้น เขียนไว้บนเคร่ืองหมาย ฯ ๑ หมายถงึ วันอาทิตย์ สว่ นข้างแรม เขยี นไวใ้ ตเ้ คร่อื งหมาย ฯ ๒ หมายถงึ วันจนั ทร์ มีเลขตง้ั แต่ ๑ – ๑๕ ๓ หมายถงึ วันอังคาร ๔ หมายถงึ วันพุธ ๓. เลขตำแหน่ง ๓ หมายถงึ ๕ หมายถงึ วนั พฤหัสบดี เดอื นทางจันทรคติ มีเลขต้งั แต่ ๑ – ๑๒ ๖ หมายถงึ วนั ศกุ ร์ ๗ หมายถงึ วันเสาร์ เดอื นไทย เดอื นสากล ๑ เรียกวา่ อ้าย ๑ เรียกว่า มกราคม ๒ เรียกว่า ยี่ ๒ เรียกวา่ กุมภาพันธ์ ๓ เรียกวา่ สาม ๓ เรยี กวา่ มีนาคม ๔ เรยี กว่า สี่ ๔ เรยี กว่า เมษายน ๕ เรยี กว่า หา้ ๕ เรียกว่า พฤษภาคม ๖ เรียกว่า หก ๖ เรียกวา่ มิถุนายน ๗ เรยี กวา่ เจด็ ๗ เรยี กวา่ กรกฎาคม ๘ เรยี กว่า แปด ๘ เรยี กว่า สงิ หาคม ๙ เรยี กว่า เกา้ ๙ เรียกวา่ กันยายน ๑๐ เรยี กว่า สบิ ๑๐ เรียกว่า ตลุ าคม ๑๑ เรยี กว่า สบิ เอด็ ๑๑ เรยี กว่า พฤศจิกายน ๑๒ เรยี กวา่ สบิ สอง ๑๒ เรยี กว่า ธันวาคม ติวไทยไป o-net ป.๖ ๗

สาระท่ี ๑ การอ่าน ตวั ช้วี ัด ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๕๕.. ววนั นั เเดดอื ือนน ปปี ี แแบบบบไไททยย ประโยค และข้อความท่ีเปน็ โวหาร หลกั การอ่านวันเดือนปีแบบไทย มลี ักษณะดงั น้ี ๑. ตวั เลขดา้ นซ้ายแทนวัน ๒. ตวั เลขดา้ นขวาแทนเดือน ๓. ตวั เลือกด้านบนเครอื่ งหมาย ฯ แทนขา้ งขึ้น ๔. ตวั เลขด้านล่างเครอ่ื งหมาย ฯ แทนข้างแรม ๒ ตวั อยา่ ง ๕ฯ๑ ๗ ฯ ๑๒ ๑๒ อ่านวา่ วนั เสาร์ เดือน อา่ นว่า วันพฤหัสบดี สิบสอง ขึน้ ๒ คา่ เดอื นอ้าย แรม ๑๒ ค่า แบบฝกึ หัด เร่อื ง การอา่ นวนั เดือนปีแบบไทย ๘ ใหน้ กั เรยี นเขียนวันเดอื นปีแบบไทยตามคำอ่านที่กำหนดให้ ๑. วนั เสาร์ เดอื นสบิ สอง ข้ึน ๒ ค่า ๒. วันเสาร์ เดือนสิบสอง ข้ึน ๗ คา่ ๓. วันอาทติ ย์ เดือนอา้ ย ขึน้ ๑ คา่ ๔. วนั พฤหสั บดี เดอื นย่ี แรม ๑๒ คา่ ๕. วันจนั ทร์ เดือนสิบ แรม ๒ คา่ ๖. วนั พุธ เดอื นหา้ แรม ๑ คา่ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖

สาระท่ี ๑ การอา่ น ตัวชว้ี ดั ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๖. ขอ้ ความทีเ่ ป็นโวหารต่าง ๆ ประโยค และข้อความทีเ่ ปน็ โวหาร ๑. บรรยายโวหาร ใชเ้ ลา่ เรอ่ื ง หรืออธบิ ายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำดบั เหตกุ ารณ์ ตรงไปตรงมา เช่น ตำรา บทความ บนั ทึก จดหมายเหตุ ข่าว เปน็ ต้น ๒. พรรณนาโวหาร มุ่งให้ภาพ และอารมณ์ คอื มุ่งใหค้ วามแจ่มแจ้ง ละเอียดลออ มักใชก้ ารเล่นคำ เลน่ เสียง ใชภ้ าพพจน์ เตม็ ดว้ ยสำนวน โวหารทีไ่ พเราะ อ่านได้รสชาติ ๓. เทศนาโวหาร มงุ่ สั่งสอน หรอื ใหผ้ ู้อ่านคลอ้ ยตามหรอื อาจกล่าวได้วา่ มุ่งชักจงู ใหผ้ ้อู า่ น คดิ เห็นหรือคลอ้ ยตามความคิดเห็นของผู้เขยี นเทศนา โวหาร ๔. สาธกโวหาร โวหารทีม่ งุ่ ใหค้ วามชัดเจน โดยการยกตัวอย่าง สนับสนนุ ความคิดเหน็ ที่เสนอให้หนักแน่น นา่ เชอ่ื ถอื สาธกโวหารเป็น โวหารเสรมิ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร และเทศนาโวหารเชน่ การ เลือก ๕. อปุ มาโวหาร โวหารเปรียบเทียบ สง่ิ ที่คลา้ ยคลึงกันมาเปรยี บ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความชัดเจนด้านความหมาย ด้านภาพ และเกดิ อารมณ์ ความรูส้ ึกมากย่ิงขน้ึ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๙

สาระที่ ๑ การอ่าน ตวั ชว้ี ัด ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ๖. ขอ้ ความที่เปน็ โวหารตา่ ง ๆ ประโยค และข้อความทเ่ี ปน็ โวหาร แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง โวหารการเขยี น ใหน้ กั เรียนระบวุ ่าข้อความท่กี ำหนดให้เปน็ งานเขยี นด้านใด ตอบ หน้าผาอันตง้ั เด่นตระหง่านอยู่ในใจกลางทรี่ าบสงู แหง่ น้ี มลี กั ษณะแห่งความพิสดารอยู่อยา่ งครบครัน สภาพโดยรอบประกอบด้วยผาหินสงู ต่าสลับกันไปโดย ตลอดจนสดุ หูรดู หูลูกตา และด้วยความสูงเหนอื ระดบั นา้ ทะเลถึงเกอื บ ๓๐,๐๐๐ ฟุต ทำใหน้ อกจากมี ทวิ ทศั น์อันแปลกประหลาดแล้วยงั ปรากฏความหนาว เหนบ็ มาตลอดหลายชัว่ อายคุ น นายแพทย์ธรี เกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ตอบ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการได้แสดงทศั นะ เก่ยี วกับการศกึ ษาในยคุ ไทยแลนด์ ๔.๐ ไว้วา่ การศกึ ษา ในยุคไทยแลนด์ ๔.๐ เปน็ ยุคทน่ี อกจากใหค้ วามรู้แล้ว จะตอ้ งส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นรักที่จะเรียนมคี ณุ ธรรม สามารถอยู่ร่วมกนั กบั ผ้อู ่ืนในสงั คมได้อย่างเหมาะสม กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดว้ างแนวทางการปฏริ ูปการศึกษา เพอื่ กา้ วเขา้ สกู่ ารศึกษาในยุคไทยแลนด์ ๔.๐ ไวห้ ลาย ดา้ น เชน่ การพัฒนาทักษะภาษาองั กฤษ สง่ เสรมิ การ เรยี นการสอนวชิ าคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ พฒั นาทักษะและกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ให้ผ้เู รยี น รวมถึงการปรบั หลกั สูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัย สอดคลอ้ งกับโลกยคุ ใหม่และการเรียนการสอนท่คี รู เปรียบเสมอื นผ้นู ำทีมฟุตบอลเท่าน้ัน ตอบ คนที่เคยเปน็ เดก็ ซนคงจะเคยเล่นกง้ โคง้ แลว้ มองสิ่งตา่ ง ๆ ลอดหว่างขาผ้ใู หญม่ ักจะพดู กันว่า เดก็ ท่ีทำอาการเช่นน้ันกำลังมองดูน้องในสมัย โบราณซ่งึ การคุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย คำพูดเชน่ นี้อาจจะฟังดูสมจรงิ เพราะเมื่อเดก็ โตจนเลน่ เช่นนั้นไดแ้ ม่กม็ ักจะต้ังครรภ์พอดี ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๑๐

สาระท่ี ๑ การอ่าน ตัวชี้วัด ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และข้อความท่เี ป็นโวหาร ๗. สำนวนไทยทเี่ ป็นคำพังเพย และสภุ าษิต สุภาษิต เปน็ สำนวนที่มีคตสิ อนใจเป็น แบบอย่างในการดำเนินชีวิตบางครั้งเป็นคำสอน ทางศาสนา เช่น ทำดีไดด้ ีทำช่วั ได้ชว่ั ชนะตนนนั่ แหละเป็นดี คำพงั เพย เปน็ สำนวนท่ีกล่าวกลาง ๆ หรอื เปรยี บเทยี บสถานการณ์ไม่ได้มุ่งสอน อาจมีการ ประชดประชันเหนบ็ แนม ๑. มีทีม่ าจากธรรมชาติ ๒.ที่มาจากวฒั นธรรมการดำรงชีวิต -กาฝาก -ชุบมอื เปิบ -ก่อหวอด -จดุ ไต้ตำตอ -สนตะพาย -กน้ หมอ้ ไมท่ ันดำ ๓.ท่ีมาจากวฒั นธรรมทางสังคม ๔.ทมี่ าจากวัฒนธรรมทางจติ ใจ -ไกลปืนเที่ยง -กรวดนา้ คว่าขนั -ทำนาบนหลังคน -ผซี ้าด้าพลอย -ฝังรกฝังราก -ปิดทองหลงั พระ ๕.ท่ีมาจากวัฒนธรรมทางศิลปะ ๖.ทม่ี าจากวฒั นธรรมทางภาษา -ชกั ใย งอมพระราม -ประสมโรง -ทเี่ ท่าแมวด้ินตาย -โจ๋งคร่มึ -ชักแมน่ ้าทัง้ ห้า ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๑๑

สาระท่ี ๑ การอา่ น ตวั ชีว้ ัด ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และข้อความทเ่ี ปน็ โวหาร ๗. สำนวนไทยทเี่ ปน็ คำพงั เพย และสุภาษิต แบบฝกึ หัด เรือ่ ง สำนวน สภุ าษติ คำพังเพย ให้นักเรยี นจับคสู่ ำนวนกับความหมายใหถ้ ูกตอ้ ง ๑. เกลือจม้ิ เกลือ ก. ตา่ งคนต่างถูกกับของท่ีไมเ่ หมอื นกัน ๒. ขมิน้ กับปนู ข. ไมม่ ีใครได้เปรียบเสียเปรยี บ ตา่ งไมย่ อมกัน ๓. รักววั ให้ผกู รกั ลกู ใหต้ ี ค. ไดข้ องทม่ี คี ณุ คา่ แต่กลับไมร่ ู้ค่า ๔. ลางเนื้อชอบลางยา ง. อวดรกู้ บั ผมู้ ีความร้ดู ีอยแู่ ล้ว ๕. วานรได้แก้ว จ. เมอ่ื อยใู่ กลก้ ันมักววิ าทกันอย่เู สมอ ๖. ววั หายล้อมคอก ช. ไดข้ องทตี่ นไมส่ ามารถใช้ประโยชน์ได้ ๗. เสน้ ผมบงั ภูเขา ซ. หากรกั ลูกให้หมั่นตีหรืออบรมส่ังสอน ๘. สอนหนงั สือสังฆราช ฌ. มาคดิ แกป้ ญั หาหลังจากท่ีสายไปแล้ว ๙. หอกขา้ งแคร่ ญ. ไม่สามารถเข้าใจไดเ้ พียงเพราะ เรอ่ื งงา่ ย ๆ บงั ตา ๑๐. หวั ลา้ นได้หวี ฎ. ศตั รอู ยใู่ กลต้ ัว คำตอบ ๕. ๑๐. ๑. ๒. ๓. ๔. ๖. ๗. ๘. ๙. ติวไทยไป o-net ป.๖ ๑๒

สาระที่ ๑ การอ่าน ตัวช้ีวัด ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ ๘. คำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง ประโยค และข้อความทเ่ี ป็นโวหาร - ๑ วรรค มี ๘ คำ (บางครัง้ มี ๗-๙ คำ) กลอนสภุ าพ - ๒ วรรค เรยี กเป็น ๑ คำกลอน - ๒ คำกลอน เรียกเป็น ๑ บท - สมั ผสั นอก คอื คำคล้องจองที่อยู่นอก วรรค (สัมผัสสระ) เป็นสมั ผัสบงั คบั - สัมผสั ใน คอื คำคลอ้ งจองทอ่ี ยู่ใน วรรค (สมั ผสั สระ หรอื สมั ผสั พยัญชนะ) กลอนดอกสรอ้ ย กลอนดอกสรอ้ ยมรี ปู แบบคล้ายกับ กลอนสภุ าพ ฉนั ทลกั ษณ์คล้ายกันใน เร่ืองสมั ผัส แตกต่างกันท่ีวรรคแรกทีม่ ีเพยี ง 4 คำ โดยคำท่ี 1 และคำท่ี 3 เป็นคำเดยี วกัน และคำที่ 2 ตอ้ งใชค้ ำวา่ “เอ๋ย” เช่น “วัดเอย๋ วดั โบสถ์” “จันทร์เอย๋ จนั ทรเ์ จ้า” จบด้วยคำวา่ “เอย” เสมอ เมื่อนั้น สำหรบั ใช้ขน้ึ ต้นตอนที่ กลอนบทละคร กลา่ วถึงตัวละครสำคัญของเรอื่ งหรือของ ตอนหรอื ตัวละครทอ่ี ยใู่ นช้ันกษัตริย์เป็น พระเอกนางเอก บดั นน้ั สำหรับใชข้ ึน้ ต้นตอนที่ กลา่ วถงึ ตัวละครทีไ่ มส่ ำคัญที่อยู่ในช้ันข้า ราชบรพิ าร เชน่ ตัวเสนา ตวั ตลก ยักษ์ หรอื ทหาร เปน็ ต้น มาจะกลา่ วบทไป สำหรับเมอื่ จะ เปลยี่ นเร่ืองมาเล่าเรอื่ งใหม่ เป็นคำประพนั ธป์ ระเภทกาพย์ชนดิ หนึ่ง กาพย์ยานี ๑๑ - ๑ บท มี ๒ บาท - ๑ บาท มี ๒ วรรค - วรรคหนา้ มี ๕ คำ - วรรคหลังมี ๖ คำ -รวมเปน็ ๑๑ คำ จึงเรยี กว่า กาพยย์ านี ๑๑ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๑๓

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชีว้ ัด ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ๘. คำประพนั ธป์ ระเภทรอ้ ยกรอง ประโยค และขอ้ ความที่เป็นโวหาร แบบฝกึ หัด เร่ือง คำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง ให้นักเรยี นขดี เส้นสัมผัสนอกและระบุประเภทของบทประพนั ธ์ มสั มัน่ แกงแก้วตา หอมยหี่ รา่ รสร้อนแรง ชายใดไดก้ ลืนแกง แรงอยากให้ใฝฝ่ นั หา ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลอื ตรา รสดีดว้ ยนา้ ปลา ญป่ี นุ่ ลา้ ยา้ ยวนใจ ตอบ................................... วงั เอ๋ยวังเวง หงา่ งเหงง่ ! ยา่ คา่ ระฆงั ขาน ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทวิ ากาล ค่อยคอ่ ยผ่านท้องทงุ่ มงุ่ ถ่นิ ตน ชาวนาเหนอื่ ยอ่อนต่างจรกลบั ตะวันลบั อับแสงทุกแห่งหน ทิง้ ทุ่งให้มืดมวั ทัว่ มณฑล และทิง้ ตนตูเปลีย่ วอยู่เดยี วเอย ตอบ................................... บัดนัน้ นนทกผ้มู ีอัชฌาสัย น้อมเศยี รบังคมแลว้ ทลู ไป จะขอพรเจา้ ไตรโลกา ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี จะชใ้ี ครจงมว้ ยสังขาร์ จะได้รองเบ้ืองบาทา ไปกวา่ จะส้ินชีวี ตอบ................................... เจา้ พลายงามความแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดหู นา้ นา้ ตาไหล แล้วกราบกรานมารดาดว้ ยอาลยั ลกู เติบใหญค่ งจะมาหาแมค่ ณุ แต่ครั้งนีม้ กี รรมจะจำจาก ตอ้ งพลดั พรากแมไ่ ปเพราะไอข้ ุน เทีย่ วหาพอ่ ขอใหป้ ะเดชะบญุ ไม่ลมื คณุ มารดาจะมาเยอื น ติวไทยไตป อo-nบet .ป...๖................................ ๑๔

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชวี้ ัด ป.๖/๔ แยกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเห็น ๑. ข้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็น ป.๖/๕ อธิบายการนำความรูแ้ ละความคดิ จากเรือ่ งที่ อ่านไปตดั สินใจแก้ปญั หาในการดำเนินชวี ิต ขอ้ เทจ็ จรงิ น้ันต้องสามารถพิสจู น์สนบั สนุนยืนยันได้ ขอ้ คิดเห็น นัน้ ไมส่ ามารถสนบั สนุนยืนยันได้ ลักษณะของข้อเท็จจริง ๑. มคี วามเปน็ ไปได้ ตวั อย่างข้อเทจ็ จรงิ ๒. มีความสมจริง คุณแมจ่ ะมาหาฉันในวันพรุ่งน้ี ๓. มหี ลกั ฐานเชอ่ื ถือได้ เดือนหนา้ ฉนั จะไปต่างประเทศ ๔. มคี วามสมเหตสุ มผล ลกั ษณะของขอ้ คิดเห็น ตวั อย่างข้อคิดเหน็ ๑. เป็นข้อความทแ่ี สดงความรู้สึก ผูห้ ญิงคนน้ันหน้าตาน่ารกั ดีนะ (การวิจารณ)์ ๒. เป็นขอ้ ความทแี่ สดงการคาดคะเน ฉันวา่ เธออาจจะสอบผ่านก็ได้ ๓. เป็นขอ้ ความท่ีแสดงการ (การสนั นษิ ฐาน) เปรียบเทียบหรืออปุ มาอปุ ไมย ๔. เปน็ ข้อความทเี่ ปน็ เปน็ นกั เรยี นต้องต้ังใจทบทวน ข้อเสนอแนะหรือเป็นความคิดของผู้พูด บทเรียนให้มากข้ึน และผเู้ ขยี นเอง (การเสนอแนะ) แบบฝึกหดั เรอื่ ง ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็น ให้นักเรยี นระบุว่าขอ้ ความตอไปน้ี เปน็ ข้อเท็จจรงิ หรอื ข้อคิดเห็น ๑. เธอเป็นคนทีม่ ีเสน่หท์ ีส่ ุด ๖. คุณครไู ม่สบายจึงไมไ่ ด้มา สอน ๒. พรุ่งเป็นวนั เปิดภาคเรียน ๗. วนั น้ฉี นั ไมไ่ ด้เลน่ เฟซบุก๊ ๓. เธอควรกินอาหารที่มปี ระโยชนก์ ว่านี้ ๘. ภาพถา่ ยภาพนส้ี วยมาก ๔. แมอ่ าจจะมาหาเย็นน้ี ๙. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ ต้องสอบ O-NET ๕. เดก็ คนนไ้ี ปโรงเรียนทกุ วัน ๑๐. กับข้าวมื้อนีอ้ รอ่ ยมาก ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๑๕

สาระที่ ๑ การอ่าน ตัวชี้วดั ป.๖/๔ แยกข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเห็น ๒. การอ่านจบั ใจความสำคัญ ป.๖/๕ อธบิ ายการนำความร้แู ละความคิดจากเร่ืองท่ี อ่านไปตดั สนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนินชวี ติ ใจความสำคญั เปน็ แกน่ ของย่อหน้าท่ีสามารถครอบคลุมเนือ้ ความใน ประโยคอน่ื ๆ ในย่อหน้าน้ัน หรอื เป็นประโยคทส่ี ามารถเป็นหัวเร่ืองของ ย่อหน้านั้นได้ ในแต่ละ ย่อหน้าจะมปี ระโยคใจความสำคัญเพยี งประโยค เดียว หรืออย่างมากไม่เกิน ๒ ประโยค ใจความสำคัญทีป่ รากฏอยู่ในแต่ละย่อหน้า ดงั น้ี อยตู่ ้นย่อหนา้ และมีรายละเอียดวางอยู่ใน ตำแหน่งถัดไป อยทู่ ้ายยอ่ หนา้ โดยกล่าวถึงรายละเอยี ดอย่างคลมุ ๆ ไว้กอ่ นในตอนต้น อยตู่ ้นและทา้ ยยอ่ หน้า มีรายละเอยี ดอย่ตู รงกลาง อยกู่ ลางยอ่ หน้า มีรายละเอยี ดอยู่ตอนต้นกับ ตอนทา้ ย แบบฝึกหัด เรอ่ื ง การอ่านจับใจความสำคัญ ใหน้ กั เรียนขีดเส้นใตส้ ่วนทเ่ี ป็นสาระสำคัญของบทความ เขียนสรปุ ใจความ สำคัญ และบอกแนวทางท่ีนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน สำหรบั เห็ดทก่ี ินได้ทวั่ ไปนัน้ จะเป็นอาหารท่ีมีไขมันต่าและไมม่ ี คอเลสเตอรอล มีเกลอื โซเดยี มนอ้ ยแต่มแี รธ่ าตุสูง เช่น โปแตสเซียมซงึ่ ชว่ ยลดความดนั โลหิต และซีลเี นียม ซ่งึ เปน็ ตวั สารต้านมะเร็ง รวมทั้งยงั มี วติ ามนิ ตา่ งๆ โดยเฉพาะวิตามินบี ในเห็ดยังมีกรดอะมิโนต่าง ๆ ที่รา่ งกาย ตอ้ งการในปรมิ าณพอสมควร และมีกรดอะมิโนกลตู ามิกท่ีชว่ ยให้ เจริญ อาหารอยู่ดว้ ย จึงทำให้ประสาทรับรรู้ สอาหารทำงานไดด้ ี นอกจากนั้นยังถือ ว่าเห็ด เป็นอาหารพนื้ บ้านท่มี ีสรรพคณุ เป็นยาสมุนไพรทีม่ รี สหวาน ซงึ่ จะ ชว่ ยทำใหช้ ุ่มชืน่ บำรงุ กำลัง แก้ออ่ นเพลยี ไดอ้ ีกด้วย ใจความสำคญั ของบทความ คือ ………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… แนวทางในการนำไปใช้ในชวี ิตประจำวัน ………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………. ติวไทยไป o-net ป.๖ ๑๖

สาระท่ี ๑ การอา่ น ตัวชีว้ ัด ป.๖/๔ แยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็น ๒. การอ่านจบั ใจความสำคัญ ป.๖/๕ อธิบายการนำความรู้และความคิดจากเรอ่ื งท่ี อา่ นไปตัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต ใหน้ กั เรียนขีดเส้นใต้ส่วนที่เป็นสาระสำคัญของประกาศทางการ เขียน สรุปใจความสำคญั และบอกแนวทางที่นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ใจความสำคัญของประกาศ คอื ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… บอกแนวทางทนี่ ำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ติวไทยไป o-net ป.๖ ๑๗

สาระที่ ๑ การอา่ น ตัวช้ีวดั ป.๖/๔ แยกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็น ๒. การอา่ นจบั ใจความสำคัญ ป.๖/๕ อธบิ ายการนำความรแู้ ละความคิดจากเรื่องที่ อา่ นไปตดั สินใจแก้ปญั หาในการดำเนนิ ชีวิต ให้นกั เรียนอ่านนิทานเร่ืองแมวสายแลว้ ตอบคำถาม มีตากับยายสองคนอยู่กันตามลำพัง นานเขา้ ก็เกิดความเหงา วนั หน่งึ ยายจึงบอกกบั ตาว่า ใหต้ าไปหาแมวมาเลย้ี งแก้เหงาสักตัวหน่งึ เถิด ตารีบ รับคำแล้วออกจากบ้านเพื่อไปหาแมวมาเล้ียง ตาแกเ่ ดนิ มาไม่นานก็พบ แมวฝูงใหญ่ ซึง่ มองดตู วั ไหนกม็ แี ต่ตวั สวยๆ นา่ รกั ทัง้ น้นั แกตัดสินใจ ไมไ่ ด้ว่าจะเลอื ก ตัวไหนดี อมุ้ ไปอ้มุ มาจนกระท่งั แมวเต็มอ้อมแขน จนสุดท้ายแมวทัง้ ฝูงก็ เดนิ ตามแกจนหมด แม้ตาจะบอกว่าอย่าไปเลยเลีย้ งไม่ไหว แต่แมวก็ไม่ ยอมฟงั ตาพาฝงู แมวเดินมาจนถึงบ้าน ยายออกมาต้อนรับดว้ ยความยินดี แต่ พอแกมองเห็นฝงู แมวมหมึ ายายก็ผงะดว้ ยความตกใจและถามตาว่า เอาแมว มาทำอะไรมากมายอย่างน้จี ะไปมีอะไรให้มันกินได้พอ ตากต็ อบวา่ ไมไ่ ด้ เอามา แตม่ ันพากันเดินตามมาเอง และกต็ ัดสนิ ใจไม่ได้ว่าตวั ไหนสวย ทส่ี ุด ยายจงึ บอกวา่ ถา้ อย่างน้ันเลอื กตัวทีส่ วยที่สุดสักตวั ก็แล้วกัน ตากร็ ้อง ถามแมววา่ ตัวไหน สวยท่สี ดุ เจ้าแมวท้งั ฝงู กร็ ้องลน่ั ว่า “ฉนั สวยท่สี ุด” และตะโกนแข่งขันกัน แล้วก็เกดิ การแย่งตำแหน่ง “แมวสวย” แมวท้ังฝูงกระโดดเขา้ กดั กันชุลมุน เสยี งดังปานแผ่นดินจะถล่ม ยายกับตากก็ ลับเข้าบ้านเพราะความกลัว ไม่ชา้ เสยี งแมวกดั กันกค็ ่อยๆ เงยี บลงจนสนิท ยายกบั ตาจงึ เปิดประตู โพลห่ น้าออกมาดู กป็ รากฏว่าแมวตายไปหมด ยายกับตาออกมาจากบ้าน ยืนรำพึงด้วยความเศร้าสลดและเสียดายแมวขณะนั้นก็ได้ยินเสียงรอ้ ง เหมียวๆ อยู่ไมไ่ กลตัวนกั แกกช็ ่วยกันมองหา และมองเหน็ ลกู แมวสดี ำตวั เลก็ ๆ เปน็ ลูกแมวแสนจะข้ีเหร่นง่ั แอบอย่ทู ี่พมุ่ ไม้ ยายจงึ เดนิ ไปอมุ้ ขน้ึ มา และถามวา่ ทำไมเจ้าจงึ ไมเ่ ปน็ อะไรกับเขา ลูกแมวตอบวา่ “ฉันรู้สกึ วา่ ฉนั ไมส่ วย เพราะฉะนั้นก็ไม่ร้องแข่งกับใคร กเ็ ลยไม่มีใครมากัดฉัน” ยายก็อมุ้ ลกู แมวขี้เหรเ่ ขา้ บ้านเล้ียงดูอย่างดี ไมน่ านนักจากแมวท่แี สนขเี้ หรก่ ็เป็น แมวท่แี สนสวย และอยูก่ ับตายายอย่างมีความสุข ติวไทยไป o-net ป.๖ ๑๘

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชี้วดั ป.๖/๔ แยกข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเห็น ๒. การอา่ นจบั ใจความสำคัญ ป.๖/๕ อธิบายการนำความรู้และความคดิ จากเรอื่ งที่ อ่านไปตดั สนิ ใจแก้ปญั หาในการดำเนินชีวติ ๑. ใครเปน็ ต้นเหตุที่ทำให้เกดิ เหตุการณ์ในเรือ่ งนี้ ................................................................................................................ ๒. ทำไมตาจงึ ตดั สนิ ใจไม่ได้ว่าจะเลอื กแมวตัวไหน ................................................................................................................ ๓. สาเหตุทที่ ำใหแ้ มวกัดกันตายเพราะอะไร ................................................................................................................ ๔. ถ้าแมวเล็กเป็นคน นา่ จะมนี สิ ัยอยา่ งไร ................................................................................................................ ๕. ลกู แมวขเี้ หร่กลายเป็นลูกแมวแสนสวยไดอ้ ย่างไร ................................................................................................................ ๖. ข้อคดิ ที่ได้รับ ................................................................................................................ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๑๙

สาระที่ ๑ การอ่าน ตัวช้วี ัด ป.๖/๗ อธบิ ายความหมายของ ขอ้ มลู จากการอา่ นแผนผงั แผนท่ี การอา่ นขอ้ มูลจากแผนผงั แผนที่ แผนภมู ิ และกราฟ แผนภมู ิ และกราฟ การอา่ นแผนท่ี ส่ิงที่ต้องรู้ ๑. ร้จู กั ทศิ ๒. รจู้ กั เคร่ืองหมาย เช่น ๓. รู้จกั มาตราส่วน เช่น ๑ : ๑๐๐,๐๐๐ ตวั อย่างแผนภมู ิ ติวไทยไป o-net ป.๖ ๒๐

สาระที่ ๑ การอ่าน ตวั ช้ีวัด ป.๖/๗ อธิบายความหมายของ ข้อมลู จากการอ่านแผนผัง แผนที่ การอ่านขอ้ มลู จากแผนผงั แผนท่ี แผนภูมิ และกราฟ แผนภูมิ และกราฟ แผนภมู แิ ทง่ แสดงจำนวนนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ที่ชอบรับประทานผลไมต้ ่าง ๆ จำนวนนักเรียน (คน) ๖ ๔ ๒ ๐ มะละกอ กลว้ ย ทเุ รยี น ส้ม อณุ หภมู ขิ องอากาศตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ ถึง ๑๙.๐๐ น. ๓๓ ๓๒ ๓๑ ๓๐ ๒๙ ๒๘ ๒๗ ๒๖ ๑๕.๐๐ ๑๗.๐๐ ๑๙.๐๐ ๑๓.๐๐ ติวไทยไป o-net ป.๖ ๒๑

สาระที่ ๑ การอา่ น ตวั ชี้วดั ป.๖/๗ อธบิ ายความหมายของ ขอ้ มูลจากการอ่านแผนผัง แผนที่ การอ่านข้อมูลจากแผนผงั แผนที่ แผนภูมิ และกราฟ แผนภูมิ และกราฟ แบบฝึกหดั ๓๓ ๓๒ อณุ หภมู ิของอากาศตงั้ แตเ่ วลา ๑๓.๐๐ ถงึ ๑๙.๐๐ น. ๓๑ ๓๐ ๒๙ ๒๘ ๒๗ ๒๖ ๑๓.๐๐ ๑๕.๐๐ ๑๗.๐๐ ๑๙.๐๐ ๑. เส้นแสดงขอ้ มูลเก่ยี วกับส่ิงใด …………………………………………………………………………………………………………. ๒. กราฟเส้นแสดงอณุ หภมู ิของเวลาใดบ้าง …………………………………………………………………………………………………………. ๓. อุณหภมู ิสงู สุดเปน็ เท่าใด เวลาใด ............................................................................................................... ติวไทยไป o-net ป.๖ ๒๒

สาระที่ ๒ การเขยี น ตัวชีว้ ดั ป.๖/๖ การเขยี นจดหมาย ๑. เรือ่ งการเขียนจดหมายส่วนตัว สว่ นตัว การเขยี นจดหมายส่วนตวั (ขอโทษ ขอบคณุ แสดงความเหน็ ใจ แสดงความยนิ ดี) ตวั อย่างการใช้ถอ้ ยคำในจดหมาย เรื่อง ผู้รับ คำข้นึ ต้น สรรพนาม คำลงท้าย ญาตผิ ้ใู หญ่ ขอแสดงความ ผเู้ ขียน ผ้รู บั - ด้วยความเคารพ ขอโทษ หรือ รกั อย่างสงู พ่อแม่ กราบเท้า ชอื่ ผม คณุ พ่อ ขอขอบพระคณุ - ดว้ ยความ พี่ ...ทีเ่ คารพ เล่น คณุ แม่ เคารพ ขอแสดงความ ยนิ ดี อยา่ สูง กระผม พ่อ แม่ - ดว้ ยความ เคารพรกั ดฉิ นั คุณตา -ด้วยความรักยิ่ง หนู ลกู คุณยาย -รกั และคิดถึง หลาน คณุ ปู่ คณุ ยา่ ทา่ น เรยี นคณุ พี่ ชอ่ื เลน่ คณุ พ่ี ทเ่ี คารพ ผม พี่ หนู เรยี นคุณพี่ น้อง ทเี่ คารพรัก น้อง น้องรกั พี่ น้อง เธอ นอ้ ง ฉัน ชอื่ เลน่ เพอื่ น เพอ่ื นรกั ฉนั เธอ -รกั และคดิ ถึง ติวไทยไป o-net ป.๖ ๒๓

สาระที่ ๒ การเขยี น ตวั ช้วี ัด ป.๖/๖ การเขยี นจดหมาย ๑. เรื่องการเขียนจดหมายสว่ นตัว ส่วนตัว แบบฝกึ หดั เร่อื ง การเขียนจดหมาย ให้นักเรยี นเตมิ ขอ้ ความลงในชอ่ งว่าง ให้ถกู ต้องเหมาะสม ๑๒๑/๑ ถ.บรรณาธิการ รอบเมอื ง อ.เมอื ง จ.ชัยภูมิ ๓๖๐๐๐ ๑๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๕ เรือ่ ง ................................. เรยี น ................................. ตามที่ …………..ใหค้ วามอนุเคราะหม์ อบทุนการศึกษาแก่ กระผมเด็กชายมุง่ มั่น ตง้ั ใจ นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นฝึกฝนวทิ ยาเพือ่ เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา …………….ขาดทุนสำหรับศึกษาตอ่ เนื่องจากครอบครัว มฐี านะลำบาก คุณแมป่ ่วยไม่สามารถดูแลตนเองได้ และคา่ ใช้จ่ายทุก อยา่ งของครอบครวั มาจากคณุ พอ่ คนเดยี ว อกี ทง้ั ยงั มีนอ้ งอีก ๓ คน ทีก่ ำลงั เรยี นหนังสอื อยู่ การได้รับทนุ การศกึ ษาจากท่านน้ัน กระผม จะนำมาใชจ้ ่ายในการเรยี นอย่างเหมาะสม ……………..ขอขอบพระคณุ คณุ ใจดเี ป็นอย่างสูงที่ได้ ใหค้ วามอนเุ คราะหม์ อบทุนการศกึ ษาให้กบั กระผม เพือ่ เปน็ การตอบ แทนพระคณุ ของทา่ น กระผมจะต้ังใจศึกษาเล่าเรยี น เพอ่ื นำความรมู้ า ประกอบอาชีพทส่ี ุจริตและนำความรู้มาชว่ ยเหลอื สังคมต่อไป ……………………... มงุ่ ม่ัน ตงั้ ใจ (เดก็ ชายมุ่งมั่น ต้ังใจ) ๒๔ ติวไทยไป o-net ป.๖

สสาารระะทที่ ี่ ๓๓ กกาารรฟฟังัง ดดู ู พพูดูด ตวั ช้ีวดั ป.๖/๒ ตัง้ คำถามตอบคำถามเชิงเหตผุ ล ป.๖/๓ วิเคราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื จากสอ่ื เรอ่ื ง พูดแสดงความร้คู วามเข้าใจ โฆษณา แแลละะววิเเิ คราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถอื ของเรอ่ื งทฟี่ งั และดู จากสอ่ื สังคมออนไลน์ การพูดแสดงแสดงความร้มู ีหลักการดังน้ี ๑. เตรียมการพูดจากการวางโครงเรอื่ ง คำนำ เน้ือเร่อื ง สรปุ ๒. เร่มิ ต้นเล่าเร่อื งตามลำดับท่เี ตรียมไว้ เนอื้ หาในการเล่าไม่ควรมเี น้อื หา ทีไ่ ม่เกยี่ วข้องเขา้ มา เพราะจะทำใหเ้ กิดความสับสน ๓. เมื่อเลา่ เรื่องจบ ควรพดู ให้ขอ้ คดิ หรือข้อสังเกตเกยี่ วกับความรทู้ ่เี ล่า การวเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถือจากส่ิงท่ีดูและฟัง ใหพ้ ิจารณาส่วนต่าง ๆ ของเรื่อง ดงั นี้ ๑. ขอ้ ความท่เี ปน็ ขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เห็น ๒. จุดประสงคข์ องผ้พู ดู ผ้แู ตง่ หรอื ผู้เผยแพร่สอื่ ตา่ ง ๆ ๓. วเิ คราะห์ว่าสงิ่ ใดควรปฏบิ ัติ ไมค่ วรปฏบิ ัติ ๔. มีส่วนท่ีให้ความรหู้ รือขอ้ คิดหรอื ไม่ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๒๕

สสาารระะทที่ ่ี ๓๓ กกาารรฟฟังัง ดดู ู พพดู ูด ตัวช้ีวัด ป.๖/๒ ตง้ั คำถามตอบคำถามเชิงเหตุผล เร่อื ง พูดแสดงความรูค้ วามเข้าใจ ป.๖/๓ วิเคราะห์ความนา่ เช่ือถอื จากส่ือ แแลละะววเิ เิ คราะห์ความน่าเชอ่ื ถอื ของเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู โฆษณา จากสอ่ื สงั คมออนไลน์ แบบฝึกหดั ให้นักเรยี นอา่ นโฆษณาที่กำหนดแลว้ ตอบคำถาม New CR-V เพิ่มอากาศให้โลก มอบโอกาสให้คุณม่ันใจอีกระดับกับ ความสมบูรณ์แห่งยนตรกรรมด้วย ๒ รางวัลยอดเยี่ยม รางวัลรถยนต์คุณภาพ ยอดเยี่ยม ด้านคุณภาพรถใหม่ และรางวัลด้านสมรรถนะ ระบบการทางานและ รูปลักษณ์ ปี ๒๐๐๕ ประเภทรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ โดยสถาบัน เจ.ดี. เพาเวอร์ เอเชีย แปซิฟิกฮอนด้า ซีอาร์-วี ราคาเร่ิมต้นที่ ๑,๑๑๑,๐๐๐ บาท เทคโนโลยีเพ่ือสิ่งแวดล้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เพราะเราเชื่อว่า มีอีก หลายวิธีที่เราจะช่วยกันดูแลโลกเพื่อส่ิงแวดล้อมที่ดียิ่งข้ึน ฮอนด้าจึงพัฒนา เทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อลดมลพิษในอากาศวันนี้เราให้คุณค้นพบชีวิตอีก ด้าน เพื่อคืนความสมดุลให้โลกอีกคร้ังกับฮอนด้า ซีอาร์-วี สีขาวบริลเลียนท์ (มุก) ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตเอนกประสงค์ สไตล์ซีดานหรู ท่ีมอบความ นมุ่ นวลใหท้ กุ อัตราเร่งพร้อมรองรับพลังงานทางเลือกใหม่ E๒๐ พลังงานสะอาด ท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม...เพื่อให้คุณออกแบบการใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ แบบ ดอกเบ้ีย ๒.๔๙ % หรือส่วนลดเบ้ียประกันภัยช้ัน ๑ มูลค่า ๑๐,๐๐๐ บาท วันนี้ถงึ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (ท่ีมา : เดลนิ ิวส์ . ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑ : ๑๖) ๑. โฆษณานน้ี ่าเช่ือถือหรือไม่ ………………………………………………………………………… ๒.จากข้อความข้างต้นเทคโนโลยสี ่งิ แวดล้อมคืออะไร ………………………………………………………………………… ๓. ผลติ ภณั ฑด์ ังกล่าวเหมาะกับนักเรียนหรอื ไม่ ………………………………………………………………………… ๒๖ ติวไทยไป o-net ป.๖

สาระที่ ๔ หลักภาษา ตวั ชวี้ ัด ป.๖/๑ วิเคราะหช์ นดิ และหน้าท่ี ชนดิ ของคำ ของคำในประโยค คำนาม คือ คำเรยี กคน พืช สตั ว์ สิง่ ของ สถานที่ หรืออาการ ต่าง ๆ เชน่ คน บา้ น สุนขั โคราช ครกู วาง ดินสอ ๒ แท่ง ฝูงชน คณะสงฆ์ หมบู่ า้ น การเลน่ การเดิน ความรกั คำสรรพนาม แทนตวั บุคคลระหว่าสนทนา หรอื คำแบ่งแยกคำนามท่อี ยูข่ ้างหน้า เช่น ขา้ ผม ฉนั คุณ เธอ ทา่ น มนั เขา ต่าง กนั บา้ ง น่ี นัน่ โนน่ ใคร อะไร ไหน ใด คำถาม เชน่ ใคร อะไร ที่ไหน เมือ่ ไร คำกรยิ า คำที่บอกการกระทำอาจเป็น ๒๗ การกระทำทีม่ องเห็นหรอื มองไม่เห็นก็ได้ เช่น เธอทำกบั ข้าว เขาหลบั เปน็ เหมอื น คลา้ ย เทา่ ควร อาจ จะ อยู่ กำลัง นา่ ตอ้ ง เคย ยัง ติวไทยไป o-net ป.๖

สาระท่ี ๔ หลกั ภาษา ตัวชี้วดั ป.๖/๑ วิเคราะหช์ นดิ และหน้าท่ี ชนิดของคำ ของคำในประโยค คำวเิ ศษณ์ ขยายคำอนื่ เช่น เขาเปน็ คนสวย เธอตวั เล็ก รถแล่นเรว็ คำบพุ บท คำเช่ือมคำนามหรอื สรรพนามให้ตอ่ เนอ่ื งกบั คำหน้า เช่น กับ แก่ แต่ ตอ่ ดว้ ย โดย ตาม ที่ จาก ณ รมิ คำเชือ่ ม เช่น และ แล้ว..จงึ แต่ หรือ เพราะ ครน้ั ..จึง คำอุทาน แสดงอารมณค์ วามรสู้ ึกของผพู้ ดู เช่น วา้ ย อยุ๊ โอย๊ แบบฝกึ หดั เรื่อง ชนดิ ของคำ ให้นักเรยี นตอบคำถามว่าคำทข่ี ดี เส้นใต้เป็นคำชนดิ ใด ๑. ฉนั เหน็ เขาลกู น้ีมาตั้งแตเ่ ดก็ ๒. เด็กคนนก้ี ำลังจะไปโรงเรยี น ๓. เขาจะไปกับฉันดว้ ย ๔. โรงเรยี นของหล่อนอยูไ่ ม่ไกล ๕. เธอนอนไมห่ ลับมาหลายคืนแล้ว ๖. พอ่ ไปตลาดแต่ฉันอยู่บ้าน ๗. แม่ทำกบั ข้าวอยู่ในครัว ๘. คนที่นง่ั อยเู่ ปน็ เพื่อนฉัน ๙. เขาเลน่ เปียโนเก่ง ๑๐. เขาออกจากบา้ นช้า ๒๘ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖

สาระที่ ๔ หลกั ภาษา ตัวชว้ี ดั ป.๖/๒ ใช้คำให้เหมาะสมกับ ๑. คำราชาศพั ท์ กาลเทศะและบุคคล คำราชาศพั ท์ หมายถงึ คำท่ีใชก้ บั บุคคล ๕ ประเภท ๑. พระมหากษัตรยิ ์ พระบรมราชินี ๒. พระบรมวงศานวุ งศ์ ๓. บุคคลทไี่ ด้รบั แต่งต้งั เป็นพิเศษ ๔. พระสงฆ์ ๕. สุภาพชนท่วั ไป ๑. นามราชาศพั ท์ พระบรม/พระบรมราช ใชเ้ ฉพาะพระมหากษัตรยิ ์ เช่น พระบรมราชโองการ พระราช ใชก้ บั พระมหากษตั รยิ ์และบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง เช่น พระราชนิพนธ์ พระราชหัตถเลขา พระ ใช้กบั เจา้ นายทกุ พระองค์ เชน่ พระหตั ถ์ พระกร ๒. กริยาราชาศัพท์ แปลงรปู ได้ เช่น กิน เสวย ให้ พระราชทาน ไป เสดจ็ ใช้ “ทรง” นำหนา้ มวี ธิ กี ารใช้ดงั นี้ ทรง + นามท่ัวไป เช่น ทรงมา้ ทรงรถ ทรงดนตรี ทรง + นามราชาศัพท์ เช่น ทรงพระอกั ษร ทรงพระสบุ นิ ทรง + กริยาทวั่ ไป ห้าม ทรง + กริยาราชาศัพท์ ๒๙ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖

สาระที่ ๔ หลักภาษา ตัวชี้วัด ป.๖/๒ ใช้คำใหเ้ หมาะสมกับ ๑. คำราชาศัพท์ กาลเทศะและบคุ คล แบบฝกึ หัด เร่อื ง คำราชาศพั ท์ ให้นกั เรยี นเติมคำลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง คำราชาศพั ท์ คำศพั ท์ คำแปล พระแสงกันบดิ ไม้เท้า หลงั พระฉาย พระนลาฏ คำศพั ท์สำหรบั พระสงฆ์ คำศัพท์ คำแปล ยกของดว้ ยมือท้งั สอง ลาสกิ ขา แต่งตัว อาราธนา สวดมนต์ คำศัพทส์ ำหรบั สุภาพชน คำศัพท์ คำแปล นารีจำศลี ขนมตาล ถว่ั งอก ขนมบวั สาว ปลาใบไม้ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๐

สาระท่ี ๔ หลกั ภาษา ตวั ช้ีวัด ป.๖/๒ ใช้คำใหเ้ หมาะสมกับ ๒๒.. รระะดดบั บั ภภาาษษาา กาลเทศะและบคุ คล แบง่ ระดับของภาษาออกเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ๑. ภาษาทางการ คอื ภาษาที่มรี ะเบียบแบบแผน มีศพั ทเ์ ทคนคิ หรือศพั ท์วชิ าการปะปน มักใชเ้ ขียนตำรา ตดิ ตอ่ ราชการ ๒. ภาษากึ่งทางการ คือ ภาษาทไ่ี ม่เป็นทางการมากนัก มศี ัพท์ วชิ าการเทา่ ทจี่ ำเป็น มักใช้ในการอภิปราย การเขยี นขา่ ว เรื่องสัน้ ๓. ภาษาไม่เปน็ ทางการหรอื ภาษาปาก คอื ภาษาทใี่ ชท้ ัว่ ไปใน ชีวติ ประจำวนั มกั ใชส้ นทนาระหว่างคนคุ้นเคย ภาษาพูดและภาษาเขียน ภาษาพดู ไม่เคร่งครัดในการใชถ้ อ้ ยคำ ม่งุ เกิดความเขา้ ใจ อย่างรวดเรว็ และเป็นกันเอง ภาษาเขียน เปน็ ภาษาทีเ่ ขียนดว้ ยระบบสัญลักษณ์ ต้องใช้ ให้ถูกตอ้ งตามหลักเกณฑ์ทางภาษา แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง ระดบั ภาษา ใหน้ กั เรยี นเตมิ คำที่เป็นภาษาระดับกง่ึ ทางการและทางการ ภาษาปาก/ไม่เป็น ภาษาระดบั ก่งึ ทางการ ภาษาระดับทางการ ทางการ ๓๑ พอ่ ติวไทยไป o-net ป.๖ แม่ กินเหลา้ เยอะแยะ ฉัน ใบขับขี่ เผาศพ กิน โรงหนัง ยงั ไง เยย่ี ว

สาระท่ี ๔ หลักภาษา ตัวชว้ี ัด ป.๖/๓ รวบรวมและบอก ความหมายของคำภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ น คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ภาษาไทย ภาษาไทยไดร้ บั อิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ เนื่องจากการแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม จงึ มกี ารยืมคำเพือ่ เรยี กส่ิงตา่ ง ๆ ทใี่ นสังคมไทยไม่มี คำไทยแท้ คอื คำภาษาไทยดัง้ เดมิ มีลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. เปน็ คำพยางคเ์ ดียวท่ีมคี วามหมายสมบรู ณ์ เชน่ พอ่ แม่ แมว ๒. ใชต้ วั สะกดตรงตามมาตรา เชน่ นก มด บ้าน ๓. ใชว้ รรณยกุ ต์เพ่ือเปลีย่ นความหมายของคำ เชน่ ขาว ขา่ ว ข้าว ๔. คำลกั ษณนามอยู่หลังคำบอกจำนวนนับ เชน่ บ้าน ๑ หลงั ๕. คำขยายอยู่หลังคำทีถ่ กู ขยาย เชน่ รถแล่นเร็วมาก ๖. ไม่นยิ มใช้ตัวการันต์และคำควบกล้า ๗. ไม่ใชพ้ ยัญชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ ยกเวน้ บางคำ ๘. คำท่ีใชส้ ระใอไม้มว้ น ๒๐ คำ และสระไอไม้มลายบางคำ คำยมื ภาษาบาลี - ตัวสะกดและพยัญชนะท่ตี ดิ กบั ตวั สะกด อยู่ใกล้กนั หรอื เป็นพยญั ชนะตัว เดียวกัน เช่น อกั ขระ พทุ ธ สามคั คี นิพพาน พยัคฆ์ - เปน็ คำท่สี ะกดไมต่ รงมาตราหรอื เป็นคำ คำยมื ภาษาสนั สกฤต สระ อา อะ เชน่ โลก (โลกา) ฐาน (ฐานะ) - ภาษาสันสกฤต ใชต้ วั ศ, ษ (ยกเวน้ ศอก ศึก เศกิ เศร้า) - ใชต้ วั สถ, ฑ, ฤ, เชน่ อักษร จักร นิทรา ศาลา สถาน ฤกษ์ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๒

สาระที่ ๔ หลกั ภาษา ตัวชว้ี ัด ป.๖/๓ รวบรวมและบอก ความหมายของคำภาษาต่างประเทศทใี่ ชใ้ น คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ภาษาไทย คำภาษาเขมรในภาษาไทย ๑. มกั จะสะกดดว้ ย จ ญ ร ล เช่น เผด็จ บำเพ็ญ กำธร ถกล ตรัส ๒. มักเปน็ คำควบกล้า เช่น ไกร ขลงั ปรุง ๓. มักใช้ บงั บนั บำ นำหนา้ คำทม่ี ีสองพยางค์ เช่น บงั คบั บนั ได บำเพ็ญ ๔. นิยมใชอ้ ักษรนำ เชน่ สนุก สนาน เสดจ็ ถนน ๕. คำเขมรส่วนมากใชเ้ ป็นราชาศัพท์ เชน่ ขนง ขนอง เขนย เสวย บรรทม เสด็จ โปรด เป็นตน้ ๖. มกั แผลงคำได้ เช่น - ข แผลงเปน็ กระ เช่น ขดาน เปน็ กระดาน - ผ แผลงเปน็ ประ ผสม - ประสม ผจญ - ประจญ - ประ แผลงเป็น บรร ประทม เป็น บรรทม คำยืมภาษาจนี นำมาเป็นชอ่ื อาหารการกิน เช่น ก๋วยเตีย๋ ว เต้าทงึ แปะ๊ ซะ เฉากว๊ ย เป็นคำทเ่ี ก่ยี วกบั สิง่ ของเครอื่ งใชท้ เี่ รารบั มาจากชาวจีน เชน่ ตะหลิว ตึก เกา้ อี้ เก๋ง ฮวงซุย้ เปน็ คำที่เกี่ยวกับการค้าและการจัดระบบทางการคา้ เช่น เจ๋ง บว๋ ย หนุ้ ห้าง เป็นคำท่ใี ชว้ รรณยุกต์ตรี จตั วา เป็นส่วนมาก เช่น ก๋วยจ๊ับ กยุ๊ เก๊ เกก๊ กง๋ ตนุ๋ เปน็ ต้น ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๓

สาระท่ี ๔ หลกั ภาษา ตวั ชวี้ ดั ป.๖/๓ รวบรวมและบอก ความหมายของคำภาษาต่างประเทศท่ีใช้ใน คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ภาษาไทย การยมื คำภาษาองั กฤษมาใชใ้ นภาษาไทย การทบั ศพั ท์ โดยการถา่ ยเสยี งและถอดตัวอักษร เช่น คำภาษาอังกฤษ game คำทบั ศัพท์ เกม คำภาษาองั กฤษ cartoon คำทบั ศัพท์ การต์ นู การบัญญัตศิ พั ท์ สร้างคำขนึ้ ใหม่ ซงึ่ มีเสียงแตกต่างไปจากคำเดิม คำภาษาอังกฤษ airport คำบญั ญัตศิ ัพท์ สนามบนิ คำภาษาอังกฤษ science คำบญั ญตั ิศัพท์ วิทยาศาสตร์ การแปลศพั ท์ วธิ กี ารนีจ้ ะต้องใช้วิธีการคดิ แปลเป็นคำภาษาไทยให้ มคี วามหมายตรงกับคำในภาษาองั กฤษ เชน่ คำภาษาอังกฤษ enjoy คำบญั ญัตศิ ัพท์ สนุก คำภาษาองั กฤษ school คำบญั ญตั ศิ พั ท์ โรงเรยี น แบบฝกึ หดั เร่ือง คำยืมภาษาตา่ งประเทศ ใหน้ ักเรยี นนำคำท่ีกำหนดใหเ้ ตมิ ลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง โควตา การต์ ูน ไดโนเสาร์ นพิ พาน พฤฒา จุฑา สัญญา หัตถ์ หา้ ง ยาย กวยจ๊ับ เฉากว๊ ย บำนาญ ใบ ถนอม เขนย ไทย สันสกฤต เขมร บาลี จีน องั กฤษ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๔

สาระท่ี ๔ หลกั ภาษา ตัวชี้วัด ป.๖/๔ ระบลุ ักษณะของประโยค ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซ้อน ประโยคตามทฤษฎใี หม่ ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซ้อน ประโยคสามญั หรือประโยคพื้นฐาน **ข้อสังเกต คือ มกี รยิ าวลเี ดยี ว** -มี นามวลีเปน็ ภาคประธาน + กรยิ าวลีเปน็ ภาคแสดง -ไม่มีคำเชอื่ ม -แบง่ ออกเป็น ๒ ชนิด คอื ประโยคสามญั กรยิ าวลเี ดียว และประโยคสามญั หลายกรยิ าวลี ประโยคสามญั กริยาวลเี ดยี ว ประโยคสามัญหลายกริยาวลี (ในกรยิ าวลีมีกริยาวลีคำเดียว) ๑. เกิดข้นึ พรอ้ มกนั เขาออกกำลงั กายทุกวัน เขากำลงั ยนื /โบกรถแทก็ ซี่ แมท่ ำกับข้าวอยใู่ นครวั บวิ กบั แบมน่ัง/ล้างจานหลังบ้าน พอ่ กับแม่ทำกบั ข้าวอยใู่ นครวั ๒. เกดิ ขึน้ ต่อเน่อื งกัน ฉันและนอ้ งสาวชอบรถยนต์คันนี้มาก ลิซา่ เดนิ ทาง/ไป/เล่นคอนเสิรต์ **ขอ้ สังเกต คอื มกี ริยาวลีเดยี ว** น้องวิง่ /สะดดุ ลม้ หน้าบ้าน ๓. เป็นเหตุผลกนั ฝนตกหนัก/น้าทว่ มสูง **ขอ้ สงั เกต คือ มกี ริยาวลีเดียว** เจนนรี่ ้องเพลงเก่ง/เป็นศิลปินดัง ประธานเดยี ว หรอื หลายประธาน กรยิ าวลมี ากกว่า ๑ กรยิ าวลี หา้ มมีคำเชอื่ มในกริยาวลี ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๕

สาระที่ ๔ หลักภาษา ตวั ชี้วัด ป.๖/๔ ระบลุ ักษณะของประโยค ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซอ้ น ประโยคซอ้ น มีประโยคหลกั และประโยคย่อย สังเกตคำเชื่อม ผู้ ท่ี ซึ่ง อัน ว่า ให้ ด้วย แล้ว จน กระท่ัง เพราะ ถ้า หาก แมว้ า่ อยูห่ นา้ ประโยคซ้อน มีท้ังหมด ๓ ชนคิ คอื ๑. ประโยคซ้อนที่มนี ามานปุ ระโยค (นามวลี) สงั เกตจะมคี ำเชอื่ ม “ท่ี ทว่ี า่ ว่า ให”้ นำหนา้ ตัวอย่าง ฉันไม่พอใจทใ่ี ครจะมาดถู ูกเพ่ือนของฉัน -ประโยคหลัก ฉนั ไม่พอใจ -คำเชื่อม ท่ี -ประโยคยอ่ ย ใครจะมาดูถกู เพือ่ นของฉัน(เป็นกรรมของไม่พอใจ) ๒. ประโยคซ้อนทม่ี ีคุณานุประโยค (ขยายนาม)ข้างหน้าสังเกตคำเช่ือม ที่ ซึง่ อัน ตวั อย่าง ผู้หญิงท่สี วย ๆ คนนั้นเป็นพ่ีสาวฉันเอง ประโยคหลกั ผหู้ ญิงคนน้นั เป็นพ่สี าวฉันเอง คำเช่อื ม ที่ ประโยคยอ่ ย สวย ๆ (ขยายนาม ผหู้ ญิง) ตัวอย่าง ๓. ประโยคซอ้ นทีม่ ีวิเศษณานปุ ระโยค (ขยายกริยาวล)ี นักเรียนตั้งใจทบทวนบทเรียนเพอ่ื มอี นาคตทส่ี ดใส ประโยคหลัก นักเรียนต้ังใจทบทวนบทเรยี น คำเช่ือม เพ่อื ประโยคยอ่ ย มอี นาคตทส่ี ดใส ตวั อยา่ งคำเชื่อมวิเศษณานุประโยค บอกเวลา เชน่ ต้งั แต่ เมื่อ ขณะที่ หลังจาก บอกเหตุ เช่น เพราะ เพราะวา่ เน่ืองจาก บอกผล เชน่ จน จนกระทัง่ บอกความมงุ่ หมาย เชน่ เพอื่ บอกเงื่อนไข เชน่ หากว่า ถ้า ถ้าหาก บอกความขัดแย้ง เช่น แม้ แมว้ า่ ติวไทยไป o-net ป.๖ ๓๖

สาระท่ี ๔ หลักภาษา ตัวช้ีวดั ป.๖/๔ ระบลุ กั ษณะของประโยค ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซอ้ น ประโยครวม คอื ประโยคยอ่ ยต้ังแต่ ๒ ประโยคมารวมกันเป็นประโยคเดียว โดยประโยคจะเปน็ ประโยคสามัญหรอื หรือประโยคซอ้ นก็ได้ สงั เกตคำเชื่อม และ แต่ หรอื และก็ แตท่ ว่า หรือไม่ก็ ตวั อยา่ ง ประโยคสามัญรวมกับประโยคสามัญ แพรวาไปเที่ยวหรอื ไปทำงาน -ประโยคสามัญ แพรวาไปเทย่ี ว -คำเชื่อม หรือ ประโยคสามญั ไปทำงาน ตวั อยา่ ง ประโยคสามัญรวมกบั ประโยคซอ้ น ขา่ วลือกำลังแพรอ่ อกมาแตท่ างค่ายซ่ึงเป็นต้นสงั กดั ปฏิเสธ -ประโยคสามญั ข่าวลือกำลงั แพร่ออกมา -คำเชอ่ื ม แต่ ประโยคซ้อน ทางคา่ ยซ่งึ เป็นต้นสังกดั ปฏิเสธ ตัวอย่าง ประโยคซอ้ นกบั ประโยคซอ้ น คณุ ครูแจ้งว่าไมเ่ ข้าสอนแต่ไม่ได้บอกว่าไมส่ ั่งการบ้าน -ประโยคซอ้ น คุณครแู จง้ วา่ ไม่เขา้ สอน -คำเชื่อม แต่ -ประโยคซอ้ น ไม่ได้บอกว่าไม่ส่ังการบ้าน ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๗

สาระท่ี ๔ หลักภาษา ตัวช้วี ัด ป.๖/๔ ระบลุ กั ษณะของประโยค ประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซ้อน สรปุ ประโยคเดยี ว/สามญั - ดูนามวลี และกรยิ าวลเี ป็นหลัก - ไมม่ ีคำเชอ่ื ม ประโยคซ้อน สงั เกตคำเชือ่ ม เช่น คำเช่ือม ผู้ ท่ี ซึง่ อัน ว่า ให้ ดว้ ย แล้ว จน กระท่งั เพราะ ถ้าหาก แม้วา่ ประโยครวม -มีประโยคยอ่ ย ๒ ประโยค เปน็ ประโยคสามญั หรอื ซอ้ นก็ได้ -สงั เกตคำเชือ่ ม และ แต่ หรือ และก็ แต่ทวา่ หรอื ไมก่ ็ แบบฝกึ หดั เร่อื ง การวเิ คราะห์สว่ นประกอบของประโยค ประโยคสามัญ ประโยครวม ประโยคซอ้ น ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์ประโยคที่กำหนดให้วา่ เป็นประโยคชนิดใด ๑. เธอจะไปกบั ฉนั หรือไปกับเขา ๓๘ ๒. เขาชอบคนทีซ่ ือ่ สัตย์ ๓. พี่สาวของฉันเป็นคนทีฉ่ ันเคารพ ๔. เขานอนตัวส่นั เพราะกลวั เสียงปืน ๕. คุณแม่เดินเล่นอยูห่ น้าบ้าน ๖. แมววงิ่ ตะครบุ หนู ๗. ครูบอกวา่ วันนี้ไมส่ ัง่ การบ้าน ๘. เกร๋ ้องเพลงเพราะมาก ๙. เส้อื ท่ลี ิซ่าใส่สวยมาก ๑๐. นฤมลตงั้ ครรภแ์ ต่แท้งเสียก่อน ตวิ ไทยไป o-net ป.๖

สาระที่ ๔ หลักภาษา ตัวชวี้ ดั ป.๖/๕ การแตง่ บทร้อยกรอง กกลลออนนสสุภุภาาพพ ลักษณะบังคับ - บทหน่ึงมี ๒ บาท บาทแรกเรียก บาทเอก บาททีส่ องเรยี ก บาทโท - บาทหนึ่งมี ๒ วรรค วรรคหนึ่งมี ๘ คำ ฉันทลกั ษณ์หรือสมั ผัสบงั คับ - คำสดุ ท้ายของวรรคที่ ๑ ใชเ้ สียงวรรณยุกต์ได้ทุกเสยี ง แตไ่ มน่ ยิ ม เสียงสามญั - คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ใช้เสยี งจตั วา เอก หรือโท ไม่ใช้เสียง สามัญและเสียงตรี - คำสดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๓ และ ๔ นิยมใชเ้ สยี งสามญั แผนผัง ตวั อย่าง ทง้ั ตอ้ งนา้ อำมฤกเม่อื ดึกเงยี บ แสนยะเยยี บเนอื้ เยน็ เป็นเหนบ็ หนาว ทง้ั หนาวลมหนาวพรมน้าค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเย็น โอห้ นาวอื่นพอขืนอารมณ์ได้ แตห่ นาวใจยากแค้นนี้แสนเข็ญ ทง้ั หนาวนอนไกลนุชสดุ จะเยน็ ใครปะเป็นเหมือนหน่ึงข้าจะว่าจรงิ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๓๙

สาระท่ี ๔ หลักภาษา ตวั ชว้ี ัด ป.๖/๕ การแตง่ บทรอ้ ยกรอง กลอนสุภาพ แบบฝึกหดั การแตง่ บทรอ้ ยกรองกลอนสุภาพ ตอนท่ี ๑ ใหน้ กั เรียนเรียงลำดับกลอนสภุ าพท่ีกำหนดให้ถูกต้อง ๑. บอกแมเ่ ดินใหเ้ ห็นเป็นอย่างไร ๒. แมด่ วุ ่าอย่าเดินคดอดไม่ได้ ๓. แมเ่ ดินไปกเ็ ลยี้ วลดคดเหมอื นกัน ๔. ลกู ปเู ดินคดเคีย้ วเลีย้ วไปมา หมายเลขที่ เรยี งถกู ต้อง คอื ................................... ๑. เราตงั้ ใจทำงานเท่าน้ันพอ ๒. ถ้าเราทำไดท้ กุ อย่างด่ังท่ีคดิ ๓. จะได้บา้ งเสยี บา้ งช่างปะไร ๔. สิ้นชีวติ จะเอาของกองที่ไหน หมายเลขที่ เรียงถูกต้อง คอื ................................... ตอนที่ ๒ ให้นักเรยี นเตมิ คำให้ตรงตามฉันทลักษณข์ องกลอนสุภาพ นกั เรยี นดมี ี.......ใฝ่............. เชา้ ตรู่.........เล่าเรียนเพยี รขยัน รับผิดชอบหน้าที่ทำ.............วนั ช่วยเหลอื .............สามัคคมี ีน้าใจ โรงเรยี นมีระเบยี บไวใ้ ห้............. มิขืนขัดทำจนตดิ เปน็ ............. รอู้ อ่ นน้อมถ่อมตนงามตาม............. พดู ส่ิง.............ไพเราะเหมาะบคุ คล ติวไทยไป o-net ป.๖ ๔๐

สาระท่ี ๔ หลักภาษา ตัวชีว้ ดั ป.๖/๖ วเิ คราะหแ์ ละ วิเคราะห์และเปรยี บเทียบสำนวน เปรยี บเทยี บสำนวนที่เป็นคำพงั เพยและ สภุ าษิต แกว่งเทา้ หา สำนวน เอามอื ซกุ หีบ ความหมาย เสี้ยน หาเหาใส่หัว หาเรอ่ื งเดอื ดร้อนใส่ตนเอง งมเขม็ ใน เกี่ยวแฝกมงุ ป่า เข็นครกขึน้ ภูเขา มหาสมุทร ทำอะไรทีย่ ากลำบาก วัวสันหลังหวะ กนิ ปูนรอ้ นท้อง ร้อนตวั ฝากปลายา่ งไว้ ฝากเน้อื ไว้กับ ฝากฝังไวก้ ับคนไมน่ า่ กบั แมว เสือ ไวว้ างใจ หญ้าปากคอก เสน้ ผมบงั ภูเขา เร่ืองง่าย ๆ ที่คาดไม่ถึง น้าปลาร้ารดหัว ขา้ วแดงแกงร้อน มีบญุ คณุ ขมิ้นกบั ปนู ขนมพอสมน้ายา ขงิ กร็ าขา่ ก็แรง ตา่ งฝา่ ยต่างพอกนั แบบฝึกหีด วิเคราะห์และเปรียบเทียบสำนวน ท่ีเปน็ คำพงั เพยและสภุ าษติ ใหน้ ักจบั กลมุ่ สำนวนทมี่ คี วามหมายใกล้เคียงกัน สอนจระเขว้ า่ ยนา้ เขน็ ครกขน้ึ ภเู ขา จับปลาสองมือ ฝนทั่งให้เป็นเข็ม งมเขม็ ในมหาสมุทร รกั พเ่ี สยี ดายน้อง สอนหนงั สอื สังฆราช เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน เหยียบเรือสองแคม ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………… ……………... ……………... ……………... ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๔๑

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตัวชีว้ ดั ป.๖/๑ แสดงความคิดเหน็ ป.๖/๒ ระบุความร้แู ละขอ้ คดิ การวเิ คราะหว์ รรณคดีแแี ลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธบิ ายคุณคา่ วรรณคดี ทองอิน นกั สบื นากพระโขนง บางพระขโนง มกี ำนัน ชือ่ พันโชติ ภรรยา ช่ือ นาก มีลูก ๒ คน คือ ชม และ ชื่น เมอ่ื นากตาย พันโชตคิ ดิ มภี รรยาใหม่ ซง่ึ นางนากเปน็ คนขี้หงึ จงึ เกิดปีศาจนางนากข้ึนมา กลางคืนคอยตักน้าให้เต็มตุ่ม เม่ือมี โจรมาลักควายจะช่วยขบั ไล่ นายวัดกับนายอนิ ไม่เช่อื ว่าเป็นผีจรงิ เลยสืบ เร่ืองจนร้วู ่า ทีแ่ ท้นายชมลูกของพันโชติ และนายปริก นายวัดกับนายอิน ขอใหท้ ้งั ๒ เลิกทำเป็นผี ก่อนปลอ่ ยตัวท้ัง ๒ ไป บทวิเคราะห์ ๑. สะท้อนให้เห็นถึงความเชอ่ื ว่า ผีไม่มีจริง และการจะเช่ือเร่ืองอะไร ควรยึดในหลกั ฐานหรือขอ้ เท็จจริงท่ีปรากฏ ๒. การให้โอกาสคน เช่นตอนท่ีนายทองอินไม่ไดจ้ ับเจ้าเด็กสองคนที่ทำ ใหเ้ กดิ เหตุวนุ่ วายไปใหท้ างการ ๓. การสอนคนให้รู้จักใชว้ ิจารณญานในการฟังและเชอ่ื มากกว่าการฟัง อยา่ งงมงาย โดยไมต่ รวจสอบหรอื พสิ ูจน์ สุภาษติ สอนหญิง เนอ้ื หาของสุภาษติ สอนสตรเี ป็นหลักประพฤติปฏิบตั ิใน ชวี ิตประจำวัน ท้ังสว่ นที่เกย่ี วกับครอบครัวและเก่ยี วกับสังคม เป็นคำ สอนท่ีใช้ได้กับสตรีทุกชนชั้น มีทงั้ ขอ้ ห้ามและขอ้ ควรปฏิบตั ิ และมี ตวั อยา่ งผลร้ายเมือ่ ไม่ปฏิบัตติ ามและผลดเี ม่อื ปฏิบัตติ ามคำสอน บทวิเคราะห์และข้อคดิ คำสอนเริ่มจากเร่ืองการแต่งกาย สอนเรือ่ งการแสดงกริ ยิ าในที่สาธารณะ ความยับยั้งช่ังใจทีจ่ ะแสดงอารมณ์รักกเ็ ป็นเร่ืองสำคัญสำหรบั สตรี สอนเรอ่ื งการเลือกสามีโดยยกตวั อย่างชายชั่วหลายจำพวก เช่น พวกสบู ฝิ่นกินสุราจะไม่ยอมทำมาหากิน กวีเน้นย้าเร่ืองการมีสามีว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสตรีจึงต้อง ระมดั ระวงั และไม่ชิงสุกก่อนห่าม ใหเ้ ชือ่ ฟังคำส่ังสอนของผู้ใหญ่ การพูดจาไม่ควรตะคอกหรอื ใชค้ ำหยาบ สตรีสามญั พึงเสยี เวลากับการแต่งตัวเฉพาะเมอ่ื มีงานเทศกาลเท่านั้น หมน่ั หาวชิ าความรปู้ ระดับตน อยา่ ใช้เงนิ เกนิ ฐานะ ไม่ไปทำตวั แข่งกับชาว ๔๒ ติวไทยไป o-net ป.๖

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตัวชีว้ ดั ป.๖/๑ แสดงความคดิ เห็น ป.๖/๒ ระบุความรูแ้ ละข้อคิด การวิเคราะหว์ รรณคดแี แี ลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าวรรณคดี เสภาขนุ ช้างขุนแผนตอนกำเนดิ พลายงาม นางวันทองมาอยู่กับขุนช้าง ส่วนขุนแผนถูกจำคุกอยู่ท่ีเมืองหลวง ขณะนั้นนางวันทองมีครรภ์ เม่ือครบสิบเดือนจึงได้ให้กำเนิดบุตรชาย นางให้ช่ือลูกว่า พลายงาม ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งงาม หน้าตาละม้ายคล้าย พ่อ คือขุนแผน ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตน จึงลวงไปทำร้าย ขุนช้าง ทิ้งพลายงามไว้ในป่าแต่พรายของขุนแผนช่วยไว้ได้ พรายของขุนแผนมา กระซิบบอกนางวันทองให้ทราบเร่ืองที่ขุนช้างจะฆ่าพลายงาม นางจึงรีบ ออกไปตามหาลูก พลายงามร้องไห้เล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ถูกขุนช้างทำร้าย นางจึงบอก ความจริงแก่ลูกว่า บิดาท่ีแท้จริงคือขุนแผน ย่าของพลายงามช่ือนางทอง ประศรี อยู่ท่ีวัดเชิงหวายเมืองกาญจนบุรี เม่ือเกิดเร่ืองเช่นนี้ พลายงาม คงอยู่บ้านกับมารดาต่อไปไม่ได้ วันรุ่งข้ึน นางวันทองจัดของไปรับลูก ท่ีวัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรี ที่ เมืองกาญจนบุรี เพราะลำพังนางวันทองคงไม่สามารถคุ้มครองลูกจากขุน ช้างได้ สองแม่ลูกอำลากันอย่างเศร้าสร้อย พลายงามเดินทางตามลำพัง แวะพักค้างคืนท่ีวัดต่างๆ ระหว่างทาง จนมาถึงเมืองกาญจนบุรี ได้ข้ึน ไป ปีนต้นมะยมเล่น โดยมิได้รู้ว่ามาถึงบ้านย่าแล้ว นางทอง ประศรีออกมาไล่ทุบตี จนเมื่อไต่ถามกันจึงรู้ว่าเป็นหลาน นางทำพิธี สมโภชรับขวัญ แล้วพาไปหาขุนแผนที่กรุงศรีอยุธยา ขุนแผนฝากฝังลูก ไว้กับย่า ให้ต้ังใจเรียนเขียนอ่าน นางทองประศรีจึงพาพลายงาม กลับ พลายงามอาศัยอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรี ได้ร่าเรียน หนังสือ และคาถาอาคมจนแตกฉานไม่ด้อยกว่าขุนแผน บทวเิ คราะหแ์ ละขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากเรอ่ื ง ๑. ความกตญั ญูเป็นเครอ่ื งหมายของคนดี เราจงึ ควรมคี วามกตัญญูตอ่ บิดา มารดาผู้ท่ีให้ กำเนดิ เรามา พอ่ แมท่ กุ คนรักลูกและ ยอมเสยี สละทุกอย่าง เพื่อลกู ได้ ๒. การศกึ ษาเป็นส่ิงสำคัญสมัยก่อนเด็กผู้ชายจะเรยี นหนังสือท่ีวดั และวดั เป็นสถานทผ่ี กู พันกับชีวิตของคนไทยตัง้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จุบนั ๓. ในสมัยกอ่ นจะมกี ารมัดจุกโกนจุกและนุ่งโจงกระเบนผูกขวัญรบั ขวัญ ผชู้ ายมีการถวายตวั เข้ารับราชการ ๔. การรกั ษาแผลสมัยก่อนจะใชส้ มุนไพร และมคี วามเชื่อในสิง่ ศักดิสทิ ธิ ๕. การเดินทางสมัยกอ่ น คือ การเดนิ เทา้ และการขม่ี ้า ติวไทยไป o-net ป.๖ ๔๓

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตัวช้วี ัด ป.๖/๑ แสดงความคิดเหน็ ป.๖/๒ ระบุความรแู้ ละข้อคิด การวิเคราะหว์ รรณคดแี แี ลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธบิ ายคุณค่าวรรณคดี บทละครเรอ่ื งรามเกียรติ ตอน ศึกไมยราพ ลกั ษณะคำประพันธ์ กลอนบทละคร เร่ืองย่อ ไมยราพเจ้าเมอื งบาดาล มีกล้องยาวเิ ศษพรอ้ มมนตส์ ะกด เมอ่ื เปา่ ยาและรา่ ยมนต์ ก็สามารถสะกดคนใหห้ ลบั หมดได้ ไมยราพไดร้ บั บัญชาจากทศกณั ฐใ์ หม้ าช่วยรบกบั พระรามก่อนทำศกึ กบั พระราม ไมยราพฝนั เป็นลางวา่ มีดาวดวงนอ้ ยเปลง่ รัศมีมาบด บังดวงจันทร์ โหรทำนายวา่ พระญาติ(ไวยวิก)จะได้ข้ึนครองเมอื งแทน ไมยราพจงึ หาทางป้องกนั มใิ ห้เปน็ ไปตามคำทำนายโดยการจับไวยวกิ และมารดาคอื นางพิรากวน (พส่ี าวของไมยราพ)ไปขังไว้ ฝ่ายพระรามกฝ็ นั ว่าราหูมาบดบงั พระอาทติ ย์แล้วจับไปได้ พิเภกทำนายว่าพระรามจะถกู ลกั พาตวั ไปแตจ่ ะรอด กลับมาได้ เม่อื ใดท่ีพระอาทติ ยข์ น้ึ พระรามจะพน้ เคราะห์ หนมุ านจึงพยายามหาทาง ปอ้ งกนั โดยเนรมิตกายใหใ้ หญ่อมพลบั พลาท่ีประทับของพระรามเอาไว้ แต่ไมยราพ ซ่ึงปลอมตัวเปน็ พลทหารลงิ แอบลว่ งรคู้ วามลับน้ี จึงเหาะข้นึ ไปบนอากาศกวัดแกวง่ กลอ้ งทพิ ยท์ ำใหเ้ กดิ ความสว่าง พลลงิ ทง้ั หลายที่อยู่ยามเข้าใจว่าเป็นเวลาเชา้ แลว้ ก็พา กนั ละเลยต่อหนา้ ที่ บ้างกน็ อนหลับ บา้ งกห็ ยอกลอ้ กัน ไมยราพจงึ ยอ่ งเข้าไปเป่ายาสะกดไพรพ่ ลในกองทพั ของพระรามจนหลับใหล ไปหมด แล้วจงึ แบกพระรามพาแทรกแผน่ ดินไปยงั เมืองบาดาล เมื่อถงึ เมอื งบาดาล ไมยราพสั่งให้นำพระรามไปขังไวใ้ นกรงเหลก็ และนำไปไวย้ งั ดงตาลท้ายเมือง บาดาล จดั ทหารยกั ษจ์ ำนวนโกฏหิ นึง่ ( ๑๐ ล้านตน)เฝ้าเอาไว้อยา่ งแนน่ หนา และ สงั่ ใหน้ างพิรากวนตกั น้าใส่กระทะใหญเ่ พอื่ เตรียมตม้ พระรามกับไวยวกิ ในวนั รุ่งขึน้ ทางกองทัพของพระรามเมอ่ื ทราบว่าพระรามถกู ลักพาตัวไปให้หนุมานตามไปชว่ ย พระรามที่เมืองบาดาล ระหว่างทางหนมุ านไดพ้ บกบั ดา่ นตา่ ง ๆ หลายดา่ น คือ ดา่ น กำแพงหนิ ที่มยี กั ษ์รักษานบั พัน ดา่ นชา้ งตกมนั ด่านภูเขากระทบกนั เปน็ เปลวไฟ ดา่ นยุงตัวโตเท่าแมไ่ ก่ และด่านมจั ฉานุ(บตุ รของหนุมานกบั นางสพุ รรณมัจฉา) หนุ มานสามารถผา่ นดา่ นต่างๆได้ และได้ขอให้มัจฉานุบอกทางไปยงั เมอื งบาดาลให้ แต่ มจั ฉานุนึกถงึ พระคณุ ของไมยราพท่ชี ุบเลย้ี งตนเปน็ บตุ รบญุ ธรรม จึงเลี่ยงบอกทาง ไปเมอื งบาดาลใหห้ นุมานทราบเป็นความนยั ใหห้ นมุ านนึกเดาเอา หนมุ านจงึ ตาม ไปถงึ เมืองบาดาลพบนางพริ ากวนออกมาตกั นา้ ตามคำสัง่ ของไมยราพ จึงขอให้นาง พริ ากวนพาเขา้ เมืองบาดาลโดยการแปลงเปน็ ใยบวั ตดิ สใบนางเข้าไป หนุมานค้นหา พระรามจนพบแลว้ รา่ ยมนตส์ ะกดยกั ษท์ อ่ี ยู่เวรยามใหห้ ลบั หมดพาพระรามออกมาจาก เมืองบาดาลและไปฝากเทวดาที่เขาสรุ กานตใ์ หช้ ว่ ยดูแลพระราม สว่ นตนเองก็ ย้อนกลบั ไปส้กู บั ไมยราพ และฆา่ ไมยราพตายในทสี่ ดุ บทวเิ คราะหแ์ ละขอ้ คิด ถึงจะมีอำนาจมากแคไ่ หน แตถ่ ้าไมม่ ีสติปัญญา...ก็ไมส่ ามารถปอ้ งกนั ตวั เองได้ ติวไทยไป o-net ป.๖ ๔๔

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตวั ช้วี ัด ป.๖/๑ แสดงความคดิ เหน็ ป.๖/๒ ระบุความรู้และขอ้ คิด การวิเคราะหว์ รรณคดีแีแลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าวรรณคดี เพลงพืน้ บา้ น กลอนหัวเดยี ว คือ กลอนทล่ี งท้ายดว้ ยสระเสยี งเดียวกันไปเรื่อย ๆ เช่น กลอนไล คำสุดทา้ ยลงสระไอ กลอนลา คำสดุ ทา้ ยลงสระอา กลอนลี คำสุดท้ายลงสระอี ตัวอย่าง (สรอ้ ย) ลามะลลิ า ขนึ้ ต้นอะไรก็ได้ แตใ่ หล้ งทา้ ยดว้ ยสระ อา (ช) ตัวพ่ีเข้าโรงเรียนแล้ว ส่วนเจ้าน้องแกว้ ยังเล่นตุ๊กตา (ญ) หากน้องได้ไปโรงเรยี น จะหัดอ่านเขียนให้เหมอื นพีย่ า เพลงพน้ื บา้ นภาคต่าง ๆ ภาคเหนือ ค่าวซอ ค่าวธรรม เพลงจ๊อย ภาคกลาง เพลงอีแซว เพลงเรอื เพลงเต้นกำ เพลงเกี่ยว ข้าว เพลงฉ่อย ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ลำเพลิน ลำแคน ลำเต้ย ลิเก โคราช ลำเซง้ิ ภาคใต้ ลเิ กฮูลู หนงั ตะลุง โนรา เพลงเรอื คุณคา่ ของเพลงพื้นบ้าน ๑. ใหค้ วามสนกุ สนาน ๒. ก่อให้เกดิ ความรักความสามัคคี ๓. สะทอ้ นวัฒนธรรมประเพณี ๔. มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบแก้ปัญหา ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๔๕

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตวั ช้วี ดั ป.๖/๑ แสดงความคิดเห็น ป.๖/๒ ระบุความร้แู ละขอ้ คิด การวเิ คราะห์วรรณคดแี ีแลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธบิ ายคณุ ค่าวรรณคดี คณุ ค่าจากบทอาขยาน ผ้ชู นะ เมอื่ ทำการส่งิ ใดด้วยใจรัก ถึงงานหนักกเ็ บาลงแลว้ ครง่ึ หนึ่ง ด้วยใจรกั เป็นแรงทเี่ รา้ รึง ใหม้ งุ่ มน่ั ฝันถงึ ซ่งึ ปลายทาง เมื่อทำการสิ่งใดใจบากบ่ัน ไม่ไหวหวน่ั อุปสรรคเป็นขวากขวาง ถึงเหน่ือยยากพากเพียรไม่ละวาง งานทกุ อยา่ งเสรจ็ เพราะกล้าพยายาม เมื่อทำการสง่ิ ใดใจจดจอ่ คอยเตมิ ตอ่ ต้งั จิตไม่คดิ ขาม ทำดว้ ยใจเปน็ ชีวิตคอยติดตาม บงั เกดิ ผลงอกงามตามต้องการ เมอื่ ทำการส่งิ ใดใครค่ รวญคดิ เหน็ ถูกผดิ แก้ไขให้พ้นผ่าน ใช้สมองตรองตรคิ ดิ พิจารณ์ ปรากฏงานก้าวไกลไมล่ ำเค็ญ ความสำเรจ็ จะว่าใกลก้ ็ใช่ท่ี จะวา่ ไกลฤาก็มอี ยู่ให้เห็น ถา้ จริงจงั ตงั้ ใจไม่ยากเย็น และจะเป็นผชู้ นะตลอดกาล สรุป ถ้าเราทำงานดว้ ยใจรัก ความม่งุ มนั่ ความจดจอ่ และคิดรอบ ครอบจะทำให้งานสำเรจ็ ลุลว่ งไปได้ ตวิ ไทยไป o-net ป.๖ ๔๖

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตวั ช้วี ดั ป.๖/๑ แสดงความคิดเห็น ป.๖/๒ ระบคุ วามรแู้ ละขอ้ คิด การวิเคราะห์วรรณคดีแแี ลละะววรรรรณณกกรรรรมม ป.๖/๓ อธิบายคุณคา่ วรรณคดี เป็นมนษุ ยห์ รอื เปน็ คน เหมือนหนึ่งยงู มีดีที่แววขน เปน็ มนุษยเ์ ปน็ ไดเ้ พราะใจสูง ย่อมเสียทีท่ีตนไดเ้ กดิ มา ถ้ามีครบควรเรยี กมนสุ สา ถ้าใจตา่ เปน็ ไดแ้ ต่เพียงคน เปรมปรดี าคนื วนั สุขสันต์จริง ใจสะอาด ใจสวา่ ง ใจสงบ ใครมีเขา้ ควรเรียกว่าผีสิง เพราะทำถูกพดู ถูกทุกเวลา แตใ่ นสิ่งนำตวั กลั้วอบาย ใจสกปรกมืดมัวและรอ้ นเร่า จงรบี ยกใจตนรีบขวนขวาย เพราะพูดผดิ ทำผิดจติ ประวิง กส็ มหมายทเ่ี กิดมาอย่าเชือนเอย คิดดูเถดิ ถา้ ใครไมอ่ ยากตก ให้ใจสูงเสียไดก้ ่อนตัวตาย สรปุ การทเ่ี ราจะเรียกตวั เองว่า 'มนุษย์' ได้น้ัน ย่อมประกอบไป ดว้ ยจิตใจอันดงี ามสงู สง่ แต่ถ้าหากจิตใจเรามวั หมองสกปรกเราก็เป็นไดเ้ พยี ง แค่ 'คน' เพราะผู้ที่สมควรเรียกว่ามนุษย์น้ัน ย่อมมีจิตใจที่สว่าง สะอาด และสงบ เป็นผู้คดิ ดีทำดีตอ่ สรรพส่งิ ทา่ นท้งั หลายจงลองคดิ ดเู ถดิ ถ้าหากไม่ อยากเป็นผู้ที่ถูกเรียกวา่ 'คน' แล้วน้ัน ควรรบี ขวนขวายใฝ่หาความสขุ สงบที่ แทจ้ รงิ เพือ่ ใหส้ มกบั ความที่ไดเ้ กิดมาบนโลกใบน้ี. ตวิ ไทยไป o-net ป.๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook