Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore work13

work13

Published by benztanavatt, 2017-11-24 08:44:29

Description: work13

Search

Read the Text Version

หญา้ แฝกกันรอยแยกของแผน่ ดินนายธนวัชร วชริ มาศ รหัสนสิ ิต 60241151นายธนาเทพ ศรจี าก รหัสนิสิต 60241175นายธวชั ชยั เมณฑก์ ลู รหสั นสิ ติ 60241229นายนพณฐั กรงุ ทวี รหัสนิสติ 60241359นางสาวนัฐกาญจน์ ขาเมืองน้อย รหัสนสิ ติ 60241434นางสาวนาฏลดา มาทามา รหสั นิสิต 60241489นางสาวนศิ ารัตน์ รุกขชาติ รหัสนิสติ 60241519นางสาวปราณปรียา ศรชัย รหสั นสิ ิต 60241663นางสาวปรีณาพรรณ อ้นยะ รหสั นิสิต 60241717นางสาวปทั มวรรณ เจก๊ แสง รหัสนสิ ติ 60241762รายงานน้เี ป็นส่วนหน่งึ ของวชิ า 001221 สารสนเทศเพอ่ื การศกึ ษาคน้ คว้า มหาวิทยาลัยนเรศวร

หญา้ แฝกกันรอยแยกของแผน่ ดินนายธนวชั ร วชริ มาศ รหัสนสิ ิต 60241151นายธนาเทพ ศรจี าก รหัสนิสิต 60241175นายธวัชชยั เมณฑก์ ลู รหสั นสิ ติ 60241229นายนพณฐั กรงุ ทวี รหัสนิสติ 60241359นางสาวนัฐกาญจน์ ขาเมืองน้อย รหัสนสิ ติ 60241434นางสาวนาฏลดา มาทามา รหสั นิสิต 60241489นางสาวนศิ ารัตน์ รุกขชาติ รหัสนิสติ 60241519นางสาวปราณปรียา ศรชัย รหสั นสิ ิต 60241663นางสาวปรีณาพรรณ อ้นยะ รหสั นิสิต 60241717นางสาวปัทมวรรณ เจก๊ แสง รหัสนสิ ติ 60241762รายงานน้เี ป็นส่วนหน่งึ ของวชิ า 001221 สารสนเทศเพอ่ื การศกึ ษาคน้ คว้า มหาวิทยาลัยนเรศวร

คานา รายงานฉบบั นจ้ี ัดทาข้ึนเพื่อประกอบการเรียนวิชาสารสนเทศเพื่อการศึกษาคน้ คว้า โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื การศึกษาความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากเร่อื งหญา้ แฝกกันรอยแยกของพน้ื ดนิ ผจู้ ดั ทาได้เลือกหวั ขอ้ น้ใี นการทารายงานเน่อื งมาจากเปน็ เปน็ ที่สนใจรวมถึงเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ขอ้ มูลเกื่ยวกบั หญา้ แฝกให้เยาวชนได้รจู้ ักและสามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นการแก้ไขการเสือ่ มโทรมและการพังทลายของดนิ ในการจดั ทารายงานประกอบสอ่ื สารเรยี นรู้ในครง้ั น้ี ผู้จดั ทาขอขอบพระคุณคณะอาจารย์ผู้สอนเปน็อย่างสงู ท่ที า่ นกรุณาให้คาแนะนาเพอ่ื แก้ไขใหข้ ้อเสนอแนะตลอดการทางาน ทางคณะผู้จัดทาหวังว่ารายงานฉบับนจี้ ะเป็นประโยชน์ต่อผู้ทน่ี าไปใช้ใหเ้ กิดผลสัมฤทธ์ิตามความคาดหวัง คณะผ้จู ัดทา

กหัวข้อโครงงาน หญ้าแฝกกันรอยแยกของแผ่นดินประเภทของโครงงาน โครงงานสือ่ การเรยี นรู้ผ้เู สนอโครงงาน นายธนวชั ร วชิรมาศ รหัสนิสติ 60241151นายธนาเทพ ศรีจาก รหสั นสิ ิต 60241175นายธวชั ชยั เมณฑก์ ูล รหสั นสิ ติ 60241229นายนพณัฐ กรุงทวี รหสั นิสติ 60241359นางสาวนัฐกาญจน์ ขาเมืองนอ้ ย รหัสนิสิต 60241434นางสาวนาฏลดา มาทามา รหัสนสิ ิต 60241489นางสาวนิศารตั น์ รุกขชาติ รหสั นสิ ิต 60241519นางสาวปราณปรยี า ศรชยั รหสั นสิ ิต 60241663นางสาวปรณี าพรรณ อ้นยะ รหสั นสิ ิต 60241717นางสาวปทั มวรรณ เจ๊กแสง รหัสนสิ ิต 60241762ทป่ี รกึ ษาโครงงาน รศ.ดร.สุชาติ แยม้ เม่นปีการศึกษา 2560…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บทคดั ยอ่ การจัดทาโครงงานในครั้งนี้มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศึกษาหาความรเู้ กี่ยวกบั หญ้าแฝกและเผยแพรข่ อ้ มูล ให้ผอู้ ื่นได้ทราบขอ้ มูลของหญา้ แฝก เนื่องจากการชะลา้ งพังทลายของหน้าดินเป็นปญั หาที่สาคัญอย่างหนง่ึ ของประเทศ มผี ลต่อความเสอ่ื มโทรมของทรพั ยากรดิน เพอ่ื ป้องกันการชะล้างพังทลายของหนา้ ดินและปรบั ปรงุสง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ีขน้ึ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงมพี ระราชดาริให้หนว่ ยงานต่างๆทาการศึกษา ทดลองและดาเนนิ การปลูกหญา้ แฝก เพราะหญ้าแฝกเป็นพชื ทีส่ ามารถนามาใชป้ ระโยชน์ไดง้ า่ ย มรี ากยาว แผก่ ระจายลงไปในดนิ ตรงๆเปน็ แผง ง่ายตอ่ การรักษา

ข กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานหญา้ แฝกกนั รอยแยกของแผ่นดนิ ได้รบั ความช่วยเหลือและความอนเุ คราะห์จากหลายฝ่ายจนทาให้เกิดผลสาเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ทกุ ประการ ทางคณะผู้จัดทาขอขอบคุณ รศ.ดร.สชุ าติ แย้มเม่น และคณะอาจารย์ผู้สอนท่ใี ห้ความอนเุ คราะหแ์ ละอานวยความสะดวกในการให้ข้อมูลและเสนอแนะ แนะนาการทาโครงงานในครัง้ น้แี ละขอบคณุเจ้าหน้าทหี่ อสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวรท่อี านวยความสะดวกในการหาหนงั สอื ท่ีเกีย่ วข้องกับโครงงาน เพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ครบถว้ นสมบรู ณ์ คณะผู้จัดทา

ค สารบญั หน้าบทคัดย่อ…………………………………………………………………………………………………….……….……………………….…กกติ ตกิ รรมประกาศ…………………………………………………………………………………………………….……………………..ขสารบญั ………………………………………………………………………………………………………………….……….……….……...คสารบัญรปู …………………………………….…………………………………………………………………………….….……………….งบทที่1 บทนา……………………………………………………………………………………………………………..…….……………….1 1.1 ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน…………………………………………………………………….…….………..1 1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน…………………………………………………………………………………….………….1 1.3 ขอบเขตการทาโครงงาน……………………………………………………………………………………….……..….1 1.4 ผลที่คาดว่าจะได้รบั …….…….…………………………………………………………………………….…….……....1บทที่2 เอกสารและโครงงานที่เกย่ี วขอ้ ง……………………….…………………………………………………...………………….2 2.1 หญ้าแฝก…………………………………………………………………………………………………………...………….2บทท่ี3 วิธกี ารจัดทาโครงงาน……………………………………………………………………………………………..…….…………23 3.1 ข้นั ตอนการดาเนนิ การ……………………………………………………………………………………...…………...23 3.2 วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู …………………………………………………………………………………..…….….….23บทท่ี4 ผลการดาเนนิ งาน……………………………………………………………………………………………..…………..……….24 4.1 ผลการผลติ สื่อเพ่ือการศกึ ษา……………………………………………………….………………...….…………...24

4.2 ตัวอยา่ งผลงาน………………………………………………………………………….……………….…….……….….24บทท่ี5 สรปุ ผลการดาเนนิ งาน/ขอ้ เสนอแนะ……………………………………………………………………………...…..…....25 5.1 การดาเนนิ งานจดั ทาโครงงาน…………………………………………………………………………………………25 5.2 สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงงาน……………….……………………………………………………….…..…………25 5.3 ข้อเสนอแนะ……………………………………………….…………………………………………………….…..……..25

ง สารบญั รปูรูปท่ี หน้า2.1 หญา้ แฝก……………………………………………………………………………………………………………………………………72.2 ตน้ หญ้าแฝก……………………………………………………………………………………………………………………………….82.3 รากหญา้ แฝก…………………………………….……….……………………………………………………………………..……….92.4 ใบหญา้ แฝก…………………………………………………………………………………………………………...…………...…….102.5 ดอกหญา้ แฝก……………………..………………………………………………………………………………..…………..……….112.6 หญ้าแฝกลมุ่ ……………………………………………………..…………..……..………………………………...………………..122.7 หญา้ แฝกดอน…………………………………………………………………………………………………………………..………..136.1.คน้ หาขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เน็ต…………………………………………………………………………………………………..……276.2.ค้นหาขอ้ มลู จากห้องสมุด………………………………………………………………………………………………….………...276.3.รวบรวมเน้อื หาเตรียมทาเลม่ รายงาน……………………………………………………………………………………..……..276.4.ทารูปแบบนาเสนอ………………………………………………………………………………………………………………..……27 6.5.ทารปู เล่มรายงาน………………………………………………………………………………………………………………..…27

1 บทท1ี่ บทนำทีม่ ำและควำมสำคัญ เนอ่ื งจากปจั จุบันประเทศไทยของเราประสบปัญหาเกีย่ วกับดนิ ตา่ งๆ เช่น ดนิ เส่อื มโทรม ดนิ แห้งแล้งแต่สง่ิ หนงึ่ ท่จี ะช่วยใหป้ ญั หาน้ีลดลงและไม่เกดิ ข้ึนบ่อย คือ การปลกู หญ้าแฝก เพราะหญา้ แฝกเปน็ หญา้ ที่ช่วยป้องกนั การชะลอแรงปะทะ และการชะลา้ งหนา้ ดนิ ของน้าป่าทีไ่ หล ทง้ั น้หี ญา้ แฝกยงั ช่วยเกบ็ รกั ษาความช่มุ ช้นืในดนิ ได้อย่างยาวนานวัตถุประสงค์ 1.เพ่อื ศึกษาหาความรู้ 2.เพ่ือเรยี นรคู้ วามเปน็ มาของหญ้าแฝกขอบเขตของโครงงำนสรา้ งส่อื เพือ่ เผยแพรค่ วามรู้เกีย่ วกบั หญา้ แฝก โดยใชโ้ ปรแกรม Power Point ในการเผยแพรค่ วามรู้ผลที่คำดวำ่ จะไดร้ ับ 1.ทราบถงึ การเรยี นรูก้ ารเกบ็ ขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง 2.ทราบถึงประโยชนข์ องหญา้ แฝก

2 บทท2่ี เอกสำรและโครงงำนทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ในการจัดท้าโครงงานกลุ่มของขา้ พเจา้ ไดจ้ ดั ท้าส่ือเพ่อื การศกึ ษาหญ้าแฝก ใหค้ วามร้เู กยี่ วกับหญ้าแฝกคณะผ้จู ัดท้าไดศ้ ึกษาขอ้ มลู เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง ดังน้ี2.1.หญา้ แฝก2.1.หญา้ แฝกพระรำชดำรขิ องพระบำทสมเด็จพระเจำ้ ยหู่ วั “ใหใ้ ช้หญา้ แฝกในการพฒั นา ปรับปรงุ บา้ รงุ ดิน ฟนื้ ฟูดนิ ใหม้ ีความอดุ มสมบรู ณ์ และแก้ปัญหาดินเส่อื มโทรมด้าเนินการขยายพนั ธุ์ ท้าใหม้ ีกล้าหญ้าแฝกเพียงพอดว้ ย ท่ีสา้ คญั ตอ้ งไม่ลืมหนา้ ทีข่ องหญา้ แฝก ในการอนุรักษด์ นิ และน้า และเพือ่ การรักษาดนิ ใหท้ ุกหนว่ ยงานและหนว่ ยงานราชการท่มี ีศักยภาพในการขยายพันธ์ุ ใหค้ วามรว่ มมือกับกรมพฒั นาทีด่ นิ ในการผลิตกล้าหญ้าแฝก และแจกจ่ายกล่มุ เปา้ หมายทีต่ อ้ งการใหเ้ พยี งพอ”โครงกำรรณรงคก์ ำรปลูกหญ้ำแฝกเฉลมิ พระเกยี รติ จากสภาพปญั หาความเส่อื มโทรมของทรัพยากรดินและสภาพแวดล้อมท่ีเกิดขนึ้ ในประเทศไทย ซ่ึงส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง และบางพน้ื ทป่ี ระสบปัญหาการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรงดงั นัน้ จงึ ไดจ้ ัดท้าโครงการรณรงค์การปลูกหญ้าแฝกเพ่ือการอนรุ ักษ์ดินและนา้ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว เนอ่ื งในปมี หามงคลทรงเจรญิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ขนึ้โดยแบง่ งานรณรงคเ์ ป็น ๒ ช่วง คือ ระหวา่ งวนั ที่ ๑ พฤษภาคม – ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๑๕กรกฎาคม – ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๕๔ เพ่ือเป็นการรว่ มเฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และร่วมเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็พระเจ้าอยู่หวั ผ้ทู รงเป็น “พระบิดาแห่งการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม” โดยด้าเนินการในพืน้ ที่ทุกจังหวดั ทั่วประเทศ ซง่ึ จะได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆ เพือ่ ใหข้ า้ ราชการ ประชาชน เกษตรกร นักเรียนอบต. หมอดินอาสา หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ได้รบั ทราบถึงวิธีการและขั้นตอนในการนา้ หญา้ แฝกไปใชป้ ระโยชน์ เพือ่ การอนรุ กั ษ์ดินและน้าและปรับปรุงสภาพแวดลอ้ ม และรูจ้ กั คุณประโยชน์ของหญา้ แฝกโดยร่วมกันปลกู หญ้าแฝกในพน้ื ท่ีต่างๆ ตามความเหมาะสม ซ่งึ การใชร้ ะบบหญ้าแฝกจะชว่ ยลดต้นทุนในการป้องกนั การชะล้างพงั ทลายของดินใหน้ ้อยลง ขณะเดียวกนั ประสทิ ธภิ าพในการดักตะกอนดิน ปอ้ งกนั ดนิ ถลม่

3น้าทว่ มฉับพลนั ได้ในระดับหนงึ่ และความคงทนสามารถอยู่ได้นานหลายปี พรอ้ มเป็นการรักษาสภาพแวดลอ้ มอีกด้วยตามความเหมาะสมเกี่ยวกบั โครงกำร \"...ทกุ คนควรจะได้สนใจสงั เกต ศกึ ษาเรือ่ งราว บุคคลและสิง่ ต่าง ๆ ทแ่ี วดล้อมและเกี่ยวข้องกบัตัวเองให้มากอย่าละเลยหรอื มองข้ามแมแ้ ต่สง่ิ เลก็ น้อย เช่น ตน้ หญา้ ซึ่งถ้าศึกษาพจิ ารณาใหด้ กี ็จะกอ่ ใหเ้ กดิปัญญาได้ หญ้านัน้ มที ัง้ หญา้ ทเ่ี ป็นวัชพืชซ่งึ เปน็ โทษ และหญ้าทีม่ ีคุณอยา่ ง \"หญ้าแฝก\"ซึ่งเปน็ ประโยชน์อยา่ งยง่ิ แกก่ ารอนรุ กั ษด์ นิ และนา้ เพราะมรี ากท่ีหย่ังลกึ แผก่ ระจายลงไปตรง ๆ ท้าใหอ้ ุม้ น้าและยึดเหนี่ยวดินไดม้ น่ั คงและมีลา้ ตน้ ชิดติดกันแนน่ หนา ทา้ ให้ดกั ตะกอนดินและรักษาหนา้ ดินไดด้ .ี ..\" พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐ การชะล้างพังทลายของดนิ เปน็ ปญั หาที่ส้าคัญอยา่ งหนงี่ ของประเทศ มผี ลตอ่ ความเส่อื มโทรมของทรัพยากรดนิ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนักถงึ ความส้าคัญและความจา้ เปน็ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา จึงพระราชทานพระราชด้าริให้มีการนา้ หญา้ แฝกมาใช้ในการอนรุ กั ษด์ ินและน้า เพ่อื ปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มให้ดขี น้ี เน่ืองจากหญา้ แฝกเปน็ พืชท่ีสามารถนา้ มาใช้ประโยชนไ์ ดง้ ่าย มีรากท่ยี าว แผ่กระจายลงไปในดินตรง ๆ เปน็ แผง และงา่ ยตอ่ การรักษา เมอื่ วนั ท่ี ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวทรงมีพระราชด้ารเิ ป็นครั้งแรกให้หน่วยงานต่าง ๆ ท้าการศึกษา ทดลอง และดา้ เนินการปลูกหญา้ แฝกเพ่ือเป็นการปอ้ งกันการชะลา้ งพังทลายของดนิ และเพือ่ ประโยชนอ์ ื่น ๆ หนว่ ยงานทัง้ หลายจึงได้รบั สนองพระราชดา้ รติ งั้ แต่นนั้ เปน็ ต้นมาโดยมีสา้ นักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่อื ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดา้ ริ (ส้านกั งาน กปร.) เป็นผู้ประสานงานกำรดำเนนิ โครงกำร พระราชดา้ ริพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวที่ใหห้ น่วยงานตา่ ง ๆ ดา้ เนนิ การศึกษาและปลูกหญ้าแฝกมีใจความสรุปไดว้ ่า ๑. หญา้ แฝกเปน็ พืชทีม่ รี ะบบรากลึก แผก่ ระจายลงไปในดินตรง ๆ เปน็ แผงเหมอื นกา้ แพง ช่วยกรองตะกอนดนิ และรักษาหนา้ ดินไดด้ ี จงึ ควรนา้ มาศกึ ษาทดลองปลูก ให้ทดลองปลูกหญ้าแฝกเพอ่ื ป้องกันการพงั ทลายของดินในพน้ื ท่ีศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาและพ้นื ที่อนื่ ๆ ทีเ่ หมาะสมอย่างกวา้ งขวาง

4 ๒. การดา้ เนนิ การทดลองการปลกู หญ้าแฝก ใหพ้ ิจารณาลักษณะของภมู ิประเทศ ซ่งึ แบง่ ตามลักษณะของพืน้ ทีด่ ังนี้ ก. การปลูกหญ้าแฝกบนพืน้ ทภ่ี เู ขา ให้ปลกู หญา้ แฝกตามแนวขวางของความลาดชนั และในร่องนา้ ของภเู ขา เพอื่ ปอ้ งกนั การพงั ทลายของหนา้ ดินและช่วยเก็บความช้นื ในดินไว้ด้วย ข. การปลกู หญ้าแฝกบนพนื้ ทร่ี าบ ให้ด้าเนนิ การในลกั ษณะดงั น้ี - ปลกู โดยรอบแปลง - ปลกู ลงในแปลง แปลงละ ๑ หรือ ๒ แนว - ส้าหรับแปลงพืชไร่ ให้ปลูกตามร่องสลับกับพืชไร่ ค. การปลกู หญา้ แฝกรอบสระน้า เพอื่ ป้องกนั อา่ งเก็บน้ามิให้ตื้นเขินอนั เน่ืองมาจากตะกอนจากการพังทลายของดนิ ตลอดจนช่วยรักษาดินเหนืออา่ งและช่วยให้ป่าไมใ้ นบรเิ วณพืน้ ทร่ี บั นา้ ทวีความสมบูรณข์ ี้นอย่างรวดเรว็ ง. การปลูกหญ้าแฝกเหนือบรเิ วณแหลง่ น้า ปลกู แฝกเปน็ แนวปอ้ งกันตะกอนดนิ และกรองของเสียต่างๆ ทไ่ี หลลงในแหล่งน้าทงั้ นีใ้ ห้บันทกึ ภาพก่อนด้าเนนิ การและหลังการด้าเนนิ การไว้เปน็ หลกั ฐาน หน่วยงานต่างๆ ไดใ้ ห้ความส้าคญั และนา้ เทคนคิ วิธกี ารหญา้ แฝกมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดนิ เชิงลาดถนน และไดม้ ีการฝึกอบรมถา่ ยทอดความรู้เทคนิคการปลูกหญ้าแฝกในงานทางแก่เจา้ หนา้ ที่ เพือ่ ใหม้ ีความรเู้ ข้าใจถงึ ประโยชน์ของหญา้ แฝกในการป้องกันการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ เป็นการปอ้ งกันความเสียหายที่จะเกิดขึน้ และประหยดั งบประมาณดา้ นการบ้ารุงรกั ษา ไดม้ ีการน้าหญ้าแฝกมาใช้ประโยชนโ์ ดยการปลกู ในสายทางตา่ งๆทีม่ ีปญั หาเร่ืองการชะล้างพงั ทลายของดนิเชน่ ในสายทางพนื้ ทีภ่ เู ขาภาคเหนือ-ภาคใต้ ในลักษณะท่เี ป็นงานสว่ นหน่งึ ซง่ี สามารถกระท้าได้เป็นปกติ ท่ีดา้ เนินการได้เอง เม่อื เกิดปญั หาในงานบ้ารงุ ปกติ งานกอ่ สรา้ งแกไ้ ขการเคล่อื นตัวของเชิงลาด (Slide)ตลอดจนแขวงการทางบางแหง่ ไดม้ กี ารปลกู ขยายพนั ธกุ์ ล้าหญ้าแฝกสา้ รองไว้ใช้เอง

5คณุ ค่ำต่อสังคมไทย “ใหใ้ ชห้ ญา้ แฝกในการพัฒนา ปรับปรงุ บ้ารงุ ดนิ ฟ้นื ฟดู นิ ใหม้ ีความอุดมสมบรู ณ์ และแกป้ ญั หาดนิเสอื่ มโทรมดา้ เนนิ การขยายพันธุ์ ทา้ ให้มีกล้าหญ้าแฝกเพยี งพอด้วย ท่ีส้าคัญต้องไมล่ มื หนา้ ท่ีของหญา้ แฝก ในการอนุรักษด์ ินและน้า และเพอ่ื การรกั ษาดิน ให้ทกุ หน่วยงานและหนว่ ยงานราชการทมี่ ศี กั ยภาพในการขยายพันธุ์ ให้ความรว่ มมอื กับกรมพัฒนาทด่ี นิ ในการผลติ กลา้ หญา้ แฝก และแจกจ่ายกล่มุ เป้าหมายทตี่ อ้ งการใหเ้ พยี งพอ” พระราชดา้ รัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ฯ ณ ศาลาเรงิ วังไกลกังวล อ้าเภอหัวหิน จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ (วนั ที่ 21 กมุ ภาพันธ์ 2546) ดังคา้ กล่าวท่วี ่า ป่าและตน้ น้าคอื ชีวิต โครงการหญา้ แฝกตามพระราชดา้ ริเปน็ ทฤษฎีการป้องกันการเส่อื มโทรมและพังทลายของดนิ และคนื ธรรมชาตสิ ู่แผ่นดนิ เปน็ การสร้างความสมดุลใหก้ ับป่าไมซ้ ึง่ เป็นตน้ น้าล้าธาร ท้าให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศน์ เมอ่ื วนั ที่ ๒๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ IECA ได้มมี ตถิ วายรางวัล The International Merit Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวในฐานะทีท่ รงมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสรมิ การใช้หญ้าแฝกในการอนุรกั ษด์ ินและนา้ และผลการดา้ เนนิ งานหญา้ แฝกในประเทศไทยไดร้ บั การตพี มิ พ์เผยแพรไ่ ปท่วั โลก ความอุดมสมบรู ณ์ของผืนแผน่ ดนิ ท่ีกลับคืนมาน้ี เป็นเพราะพระวิรยิ ะอุตสาหะและพระปรชี าญาณอันยาวไกลแห่งองคพ์ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ท่ีทรงศึกษาวเิ คราะหเ์ พ่ือหาหนทางในการแก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาตขิ องประเทศไทยท่กี ้าลงั ถกู ท้าลายไปอยา่ งรวดเรว็ ทั้งนเี้ พอื่ความม่งั คงั่ สมบรู ณ์พนู สขุ ของประชาชนอย่างแท้จรงิขอ้ มลู ทวั่ ไปเกยี่ วกับหญำ้ แฝก หญ้าแฝกจัดเปน็ หญ้าเขตร้อนทข่ี ้ึน อยตู่ ามธรรมชาติ กระจัดกระจายทั่วไปในสภาพแวดล้อมตา่ งๆ ซ่งึในประเทศไทยจะพบหญา้ แฝกขนึ้ อยู่ตามธรรมชาติในพ้ืนทีท่ ัว่ ไปจากท่ลี ุ่มจน ถึงที่ดอน สามารถขึน้ ไดใ้ นดินเกอื บทุกชนดิ มีชื่อวิทยาศาสตรว์ ่า Vetiveriazizanioidesเป็นพชื ตระกูลหญ้าขึ้นเป็นกอหนาแนน่ เจรญิ เตบิ โตโดยการแตกกออย่างรวดเรว็ เส้นผา่ ศูนย์กลางกอประมาณ 30 เซนติเมตร ความสงู จากยอดประมาณ 0.5 ถงึ1.5 เมตร ลกั ษณะใบแคบยาวประมาณ 75 เซนตเิ มตร ความสงู จากยอดประมาณ 75 เซนตเิ มตร ความกวา้ งประมาณ 8 มิลลเิ มตร คอ่ นข้างแขง็ หากนา้ มาปลูกตดิ ตอ่ กันเปน็ แนวยาวขวางแนวลาดเทของพ้ืนทก่ี อซง่ึ อยเู่ หนอื ดนิ จะแตกกอตดิ ตอ่ กนั เหมอื นรัว้ ตน้ ไม้ สามารถกรองเศษพืชและตะกอนดิน ซง่ึ ถกู น้าชะล้างพดั พามาตกทบั ถมดนิ ตดิ อยูก่ ับกอหญ้าเกดิ เปน็ คันดนิ ตาม ธรรมชาติได้ หญ้าแฝกเปน็ พืชทมี่ ีระบบรากลกึ เจริญเติบโตในแนวดิ่งมากกวา่ ออกทางด้านขา้ ง และมีจา้ นวนรากมากจึงเปน็ พืชทีท่ นแลง้ ได้ดี รากจะประสานติดตอ่ กันแนน่ หนาเสมอื นมา่ นหรอื ก้าแพงใต้ดิน สามารถกักเกบ็ นา้ และความช้ืนได้ ระบบรากแผ่ขยายกว้างเพยี ง 50

6เซนติเมตร โดยรอบกอเท่าน้นั ไม่เปน็ อุปสรรคต่อพชื ทป่ี ลกู ข้างเคียง จดั เป็นมาตรการอนรุ กั ษด์ ินและน้าวธิ หี นงึ่ที่สามารถชว่ ยใหด้ ินมคี วามชื้นและ รักษาหน้าดิน เพอ่ื ใช้สา้ หรับปลูกพืชเศรษฐกิจ ซง่ึ การใช้หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดนิ และนา้ ดงั กล่าวเป็นวธิ กี ารท่ีงา่ ยนอ้ ยมาก ซึ่งจะเป็นการนา้ ไปสกู่ ารพัฒนาระบบเกษตรกรรมในเขตพนื้ ท่กี ารเกษตรน้าฝนให้มี ความมัน่ คงและยัง่ ยืน สามารถน้าวิธกี ารน้ีไปใชใ้ นพื้นท่อี ืน่ ๆ เพอื่ รักษาสภาพแวดลอ้ มและอนรุ กั ษ์สภาพแวดลอ้ มและอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ เชน่ พื้นทีส่ องขา้ งของทางคลองชลประทานอา่ งเกบ็ นา้ บอ่ นา้ ปา่ ไม้ ปอ้ งกันขอบตลงิ่ คอสะพาน ไหล่ถนนเป็นตน้

7หญ้ำแฝก (ชื่อวิทยำศำสตร์: Chrysopogonzizanioides) รปู ท่ี2.1หญา้ แฝก เปน็ พืชทมี่ ีระบบรากลกึ และแผก่ ระจายลงไปในดินตรงๆ เป็นพืชทีม่ ีอายไุ ดห้ ลายปี ขึ้นเปน็ กอแน่น มีใบเปน็ รูปขอบขนานแคบปลายขอบแหลม ยาว 35-80 เซนติเมตร มีส่วนกว้าง 5-9 มิลลิเมตร สามารถขยายพันธุท์ ่ีได้ผลรวดเร็ว โดยการแตกหนอ่ จากล้าตน้ ใตด้ ิน ในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้ เม่ือหญ้าแฝกโนม้ ลงดินทา้ ให้มีการเจรญิ เติบโตเปน็ กอหญ้าแฝกใหมไ่ ด้ หญ้าแฝกมีอยู่2 สายพันธ์ุคอื หญ้าแฝกดอน รากไม่มกี ลนิ่ , ใบโค้งงอ, สงู ประมาณ 100-157 เซนติเมตร ได้แก่ พนั ธร์ุ าชบุรีประจวบครี ีขันธ์ ร้อยเอด็ ก้าแพงเพชร 1 นครสวรรค์ และเลยหญา้ แฝกล่มุ ไดแ้ ก่ พันธ์สุ ุราษฎรธ์ านี ก้าแพงเพชร 2 ศรีลังกา สงขลา 3 และพระราชทาน ฯลฯหญา้ แฝกหอม มรี ากที่มกี ล่นิ หอม, ใบยาวตง้ั ตรง, สงู ประมาณ 150-200 เซนตเิ มตรลักษณะพิเศษของหญำ้ แฝก การทห่ี ญา้ แฝกถูกน้ามาใชป้ ลูกในการอนุรกั ษ์ดินและน้า เนื่องมาจากมีลกั ษณะเดน่ หลายประการ ดงั น้ี ๑.มกี ารแตกหนอ่ รวมเปน็ กอ เบยี ดกนั แนน่ ไมแ่ ผ่ขยายด้านข้าง ๒.มกี ารแตกหนอ่ และใบใหม่ ไมต่ อ้ งดูแลมาก ๓.หญ้าแฝกมีขอ้ ทลี่ ้าตน้ ถี่ ขยายพนั ธ์ุโดยใชห้ น่อไดต้ ลอดปี ๔.สว่ นใหญไ่ ม่ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยเมลด็ ทา้ ให้ควบคุมการแพรข่ ยายได้

8๕.มีใบยาว ตดั และแตกใหม่งา่ ย แขง็ แรงและทนตอ่ การยอ่ ยสลาย๖.ระบบรากยาว สานกันแนน่ และชว่ ยอมุ้ น้า๗.บรเิ วณรากเปน็ ท่อี าศัยของจุลินทรยี ์๘.ปรับตวั กบั สภาพต่าง ๆ ไดด้ ี ทนทานต่อโรคพืชทั่วไป๙.สว่ นทเี่ จริญตา่้ กว่าผิวดิน ชว่ ยใหอ้ ยู่รอดได้ดใี นสภาพตา่ ง ๆ ตน้ หญำ้ แฝก รูปที่2.2 ต้นหญา้ แฝก จดั เปน็ ไม้จา้ พวกหญ้า มีอายหุ ลายปี เป็นหญ้าทข่ี ึ้นเป็นกอแนน่ ใบยาวตั้งตรงขน้ึ ได้สงู ประมาณ 1-2เมตร กอแฝกจะมขี นาดค่อนข้างใหญ่ โคนกอเบยี ดแน่นไม่มไี หล ส่วนโคนของล้าต้นจะแบน โดยเกดิ จากส่วนของโคนใบทแ่ี บนเรียงซอ้ นกัน และลา้ ต้นแทจ้ ะมีขนาดเลก็ ซอ่ นอย่ใู นกาบใบบรเิ วณคอดนิ มรี ากเหง้าเปน็ ฝอยอยู่ใต้ดนิ และมีกลน่ิ หอม มักพบขน้ึ เป็นกล่มุ ใหญ่ ๆ หรือขน้ึ กระจายกันแตไ่ ม่ไกลกนั มากนกั สว่ นการเจรญิ และแตกกอพบวา่ จะมกี ารแตกหนอ่ ใหม่ทดแทนต้นเกา่ อย่เู สมอ โดยจะแตกหน่อออกทางดา้ นขา้ งรอบ ๆ กอ ในบ้านเราจะพบหญ้าแฝกได้มากทีโ่ ล่งแจ้ง โดยเฉพาะบริเวณทม่ี คี วามช้ืนสูง หรอื ใกล้น้า และในปา่ เต็งรงั

9รำกหญำ้ แฝก รปู ท่ี2.3 รากหญ้าแฝก รากมีลักษณะเปน็ รากฝอยท่ีแตกจากสว่ นของลา้ ต้นใต้ดนิ โดยจะกระจายแผ่กวา้ งออกเพอื่ ยดึ พ้ืนดนิไปตามแนวนอน การเจริญของระบบรากจะเปน็ ไปในแนวดงิ่ แตจ่ ะเจาะไมล่ กึ มาก และจะแตกต่างจากรากหญา้ ทัว่ ไป คือมรี ากทเ่ี จรญิ โตเร็ว สานกนั แน่น หยั่งลกึ ในแนวดิง่ ลงใต้ดินไม่แผ่ขนาน และมีรากฝอยขนาดใหญ่อยูเ่ ป็นจา้ นวนมาก เม่อื หญา้ แฝกมีอายุไดป้ ระมาณหน่งึ ปคี รึง่ รากจะเจริญเติบโตอยา่ งเต็มท่ี รากแกนสว่ นโคนกอจะมขี นาดเส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 2-3 มิลลเิ มตร และเปลือกรากจะมีลกั ษณะอวบนา้ คลา้ ยกับนวมช่วยทา้ หนา้ ท่ีเพมิ่ ความหนา เพมิ่ ความแข็งแรง ชว่ ยดูดน้าและความชื้น และช่วยปอ้ งกนั สว่ นลา้ เลียงน้าและสารอาหารที่อยภู่ ายใน

10ใบหญำ้ แฝก รปู ที่2.4 ใบหญา้ แฝก ใบเป็นใบเดย่ี วออกเรียงสลับ โดยใบจะแทงออกมาจากเหงา้ ที่อยู่ใต้ดนิ ลักษณะของใบเรียวยาวหรอืแคบยาว ขอบใบขนาดปลายใบสอบแหลม ขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8 มิลลเิ มตรและยาวประมาณ 120 เซนตเิ มตร หลังใบและท้องใบเรียบ ทอ้ งใบจะมีสีจางกวา่ ดา้ นหลงั ใบ เนื้อใบกร้านสากและคายมือ โดยเฉพาะใบแก่ ขอบใบและเสน้ กลางใบจะมีหนามละเอยี ด หนามบนใบที่ส่วนโคนและกลางแผ่นใบจะมีนอ้ ย โดยหนามจะมลี ักษณะต้งั ทแยงชขี้ ้ึนไปทางปลายใบ ส่วนกระจังหรอื เยอ่ื กนั นา้ ฝนทโ่ี คนใบจะลดรูปเหลอืเพยี งแผ่นโคง้ ของขนสัน้ ละเอยี ด แตจ่ ะมีมากตรงปลาย กา้ นใบเป็นกาบหุ้มลา้ ต้น

11ดอกหญำ้ แฝก รูปท่ี2.5 ดอกหญา้ แฝก ออกดอกเป็นชอ่ ตงั้ ลักษณะเปน็ รวง โดยจะออกบรเิ วณปลายยอด ก้านชอ่ ดอกยาวกลมย่ืนพ้นจากล้าต้น ก้านชอ่ ดอกและรวงจะมคี วามสูงประมาณ 100-150 เซนตเิ มตร (หรอื อาจถงึ 200 เซนติเมตรในต้นท่ีมีความสมบูรณ์) และเฉพาะในชว่ งของช่อดอกหรอื รวงจะสูงประมาณ 20-40 เซนตเิ มตร แผ่กวา้ งเต็มทไ่ี ด้ประมาณ 10-15 เซนติเมตร ดอกย่อยจ้านวนมาก มขี นาดเล็กและเป็นสมี ่วงอมเขียว หญ้าแฝกจะมีดอกหญา้เรยี งตวั กันอยู่ดว้ ยเปน็ คู่ ๆ โดยจะมลี ักษณะและขนาดท่ีใกล้เคียงกนั ในแตล่ ะคู่จะประกอบไปดว้ ยดอกทไ่ี ม่มีกา้ นและดอกทีม่ กี ้าน ยกเว้นตรงสว่ นปลายของก้านชอ่ ย่อยทีม่ ักจะเรยี งเปน็ 3 ดอกอย่ดู ว้ ยกนั โดยดอกท่มี กี ้านจะชอู ยู่ด้านบนและเป็นดอกเพศผู้ท่มี แี ต่เกสรอยูด่ ้านใน สว่ นดอกที่ไม่มกี า้ นจะอยดู่ า้ นลา่ งและเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ และในแต่ละดอกจะประกอบไปดว้ ยดอกย่อยอกี 2 ดอก ซ่ึงสว่ นมากจะมีการลดรปู หรือเจริญไม่สมบรู ณจ์ นเหลอื แต่ดอกยอ่ ยเพยี งดอกเดยี วกับดอกย่อยเปล่า ๆ ทมี่ แี ตก่ าบคลุมอยู่ ดอกหญา้ แฝกจะมลี ักษณะเป็นรปู กระสวย ปลายสอบ ดอกมีขนาดกวา้ งประมาณ 1.5-2.5 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2.5-3.5 มลิ ลเิ มตรด้านหลงั ดอกมีผิวขรุขระ มหี นามแหลมขนาดเลก็ โดยเฉพาะท่ีบรเิ วณขอบส้ารวจพบในประเทศไทย ๒ ชนิด ได้แก่ ๑.กลุม่ พนั ธหุ์ ญา้ แฝกล่มุ ได้แก่ พนั ธุ์สุราษฎรธ์ านี กา้ แพงเพชร ๒ ศรีลังกา สงขลา ๓ และพระราชทาน ฯลฯ ๒.กลมุ่ พนั ธห์ุ ญ้าแฝกดอน ไดแ้ ก่ พนั ธร์ุ าชบรุ ี ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยเอ็ด กา้ แพงเพชร ๑ นครสวรรค์และเลย เปน็ ตน้

12 หญำ้ แฝกลุ่ม เป็นพชื มลี ักษณะล้าต้นเป็นป้องๆคลายป้องออ้ ยใบมีลกั ษณะยาวขนานแหลม จุดเดน่ หญา้ แฝกล่มุ มีลา้ ต้นทแี่ ขง็ สงู เลยี วเปน็ กอใหญ่ไมแ่ ผ่ขยายออกดา้ นข้าง สว่ นดีสามารถทนตอ่ สะภาพน้าทว่ มขงั และสะภาพดนิที่แหง้ แล้งและเจรญิ เตบิ โตได้ดี ยงั ปลูกงา่ ยติดเรว็ และตายยาก รปู ที่2.6 หญ้าแฝกกลมุ่

13 หญำ้ แฝกดอน เปน็ พชื ท่มี ลี ักษณะคลายกลา้ พันธ์ขา้ วมลี ้าตน้ แบนหลบี ใบเลก็ ยาวแหลม ส่วนใหญจ่ ะพบในพ้นื ทสี่ ูงเปน็ กอๆส่วนใบสามารถน้ามาแปรรูปไดเ้ ช่น ตะกรา้ หมวก กนั สาร ไฝหญา้ จากใบหญา้ แฝก รปู ท่ี2.7 หญ้าแฝกดอนสรรพคณุ ของหญำ้ แฝก1.รากมรี สหอม ชว่ ยทา้ ใหด้ วงจติ ชมุ่ ชื่น (ราก)2.รากชว่ ยแกโ้ รคประสาท ส่วนกล่ินของรากชว่ ยกลอ่ มประสาท (ราก)3.นา้ มนั หอมระเหยชว่ ยทา้ ให้นอนหลบั ท้าให้สงบ (น้ามนั หอมระเหย)4.ชว่ ยบ้ารุงโลหิต (ราก)5.ช่วยแกโ้ ลหิตและดี (ราก)6.รากมีสรรพคุณเปน็ ยาลดไข้ แก้ไข้ แก้ไข้พษิ แก้ไข้อนั เกดิ แตซ่ าง แกไ้ ข้อภญิ ญาณ (ราก)7.ชว่ ยแก้อาการปวดท้อง (ราก)8.ช่วยแก้ท้องรว่ ง ทอ้ งเดนิ (ราก, หัว)9.รากใช้เปน็ ยาขบั ลมในล้าไส้ แกอ้ าการท้องอดื จุกเสียด ท้าให้หาวเรอ (ราก, หัว)10.ใชเ้ ปน็ ยาขบั ปัสสาวะ (ราก, หัว)

1411.ช่วยแก้คดุ ทะราด (ราก)12.ชว่ ยแกร้ ้อน (ราก, หัว)13.ใช้ต้มอาบทา้ ให้กระชมุ่ กระชวย (ราก)14.ชว่ ยแก้อาการปวดเม่ือย15.รากหญ้าแฝกจดั เป็นส่วนประกอบของตา้ รับยารักษาอาการทางระบบไหลเวยี นโลหติ หรือตา้ รับยาแกล้ มเชน่ ในตา้ รับ “ยาหอมเทพจิตร” (ต้ารบั ยาแก้ลมกองละเอยี ด เช่น อาการหน้ามืดตาลาย สวงิ สวาย ใจสนั่ )และในต้ารับ “ยาหอมนวโกฐ” (ตา้ รับยาแก้ลมวิงเวียน คล่ืนเหยี น อาเจยี น แก้ลมปลายไข้)16.หญา้ แฝกเปน็ สว่ นประกอบของตา้ รบั ยารกั ษากลมุ่ อาการทางระบบทางเดินอาหาร เชน่ ต้ารับ “ยาประสะกานพลู” (ตา้ รบั ยาแก้อาการปวดท้อง จกุ เสยี ดแน่นเฟ้อจากอาหารไมย่ อ่ ยเนอื่ งจากธาตุไมป่ กติ) และใน“ตา้ รับยาเขียวหอม” (ตา้ รบั ยาบรรเทาอาการไข้ แกร้ ้อนในกระหายน้า แกพ้ ษิ หัด พษิ สุกใส)17.นอกจากนี้ยงั มีปรากฏอยู่ในตา้ รบั “ยามโหสถธิจนั ทน์” (ใชเ้ ข้าเครอื่ งยาแฝกหอมร่วมกบั สมนุ ไพรชนิดอ่ืนอกี 15 ชนดิ แล้วนา้ มาบดให้ละเอยี ดท้าเปน็ แทง่ ใชน้ า้ ดอกไม้เปน็ กระสาย ใช้ชโลมตวั หรอื กินเป็นยาแก้ไข)้กำรใช้ประโยชนห์ ญ้ำแฝก1. ดา้ นอนุรักษ์ดินและน้า - ปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดิน - แถวหญา้ แฝกชว่ ยกักเก็บตะกอนดนิ - ลดความแรงของน้าทไ่ี หลบ่า - ชว่ ยกกั เก็บนา้ ไว้ในดนิ และพ้นื ทต่ี อนบน - ลดการสูญเสยี ธาตอุ าหารพชื จากพื้นที่2. ดา้ นฟ้นื ฟแู ละปรับปรุงดิน - เพ่มิ อนิ ทรยี วัตถุแกด่ นิ - รกั ษาความช้ืนในดิน - ชว่ ยให้ดินมกี ารระบายนา้ ดขี ้นึ

15 - ทา้ ใหด้ นิ โปร่งและระบายอากาศของดินดี - เพม่ิ กิจกรรมของจุลินทรีย์ในดนิ3. ดา้ นรกั ษาสภาพแวดลอ้ ม -ชว่ ยรักษาคณุ ภาพนา้ และแหล่งนา้ -ดดู ซบั โลหะหนกั จากสภาพแวดล้อม -ชว่ ยในการบ้าบัดและกรองนา้ เสยี -ป้องกนั การพงั ทลายของไหลถ่ นนกำรขยำยพนั ธ์ุหญำ้ แฝก การขยายแม่พนั ธุ์ คอื การนา้ แมพ่ ันธุห์ ญา้ แฝกทมี่ ีลักษณะดมี าท้าการขยายเพม่ิ ปริมาณทั้งการปลกู ลงดิน ปลูกลงถุงพลาสติกขนาดใหญ่ หรอื การเพาะเลี้ยงเนอื้ เยือ่ ส่วนการขยายพนั ธ์กุ ลา้ หญา้ แฝก คือการนา้ หนอ่ทไี่ ดจ้ ากการขยายแมพ่ นั ธม์ุ าเพาะชา้ เพอ่ื นา้ ไปปลูกในพน้ื ท่ี ไดแ้ ก่ กลา้ ในถงุ พลาสติกขนาดเล็ก และกลา้ หญ้าแฝกแบบรากเปลือย ซ่งึ มีรายละเอยี ดดงั นี้๑. การขยายแมพ่ ันธ์ุหญ้าแฝก ๑.๑การขยายพนั ธ์ใุ นแปลงขนาดใหญ่ เหมาะสมกับพื้นทท่ี มี่ ีการชลประทานและระบายนา้ ดี สามารถปลูกเปน็ แปลงขนาดใหญ่ โดยไมต่ ้องยกรอ่ งกไ็ ด้ การเตรยี มตน้ พนั ธโ์ุ ดยแยกหนอ่ จากกอ น้ามาตัดใบใหเ้ หลอืความยาว ๒๐ เซนติเมตร และตัดรากให้ส้นั แช่ในระดบั น้าสูง ๕ เซนตเิ มตร เปน็ ระยะเวลา ๕-๗ วัน รากจะแตกออกมาใหม่นา้ ไปปลกู โดยใชร้ ะยะปลกู หา่ งตน้ ๕ เซนตเิ มตร และระหว่างแถว ๕๐ เซนตเิ มตร หลังจากปลูกต้องใหน้ ้าอย่างสม่า้ เสมอ เมอ่ื อายไุ ด้ ๑ เดอื น ใสป่ ุ๋ยสตู ร ๑๕-๑๕-๑๕ ตน้ ละ ๑ ช้อนชา เมอ่ื ถงึ อายุ ๔-๖เดอื น ให้ขดุ น้าไปเพาะช้าในถุงพลาสตกิ หรือเตรยี มเปน็ กล้ารากเปลอื ยส้าหรบั ใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป ๑.๒การขยายพันธ์ุในถงุ พลาสติกขนาดใหญ่ โดยวางเป็นแถวค่ตู ิดกนั ระยะหา่ งระหว่างแถวคู่ ๑ เมตรยาวตามพืน้ ที่ใช้วสั ดุปลูกทม่ี กี ารระบายน้าดี เช่น ดนิ รว่ นทราย และข้เี ถ้าแกลบ หรอื ขยุ มะหร้าว ในสดั สว่ น ๑:๒:๑ การตดิ ตงั้ ระบบน้าพ่นฝอย หรือมตี าข่ายพรางแสง นา้ หน่อมาปักชา้ ดูแล จนกระทง่ั อายุ 4 เดือน จึงน้าไปแยกหนอ่ เพาะชา้ ตอ่ ไป๒. การขยายกลา้ หญา้ แฝกสา้ หรับใช้ปลูก

16 ๒.๑การเตรยี มกลา้ หญ้าแฝกในถุง โดยตัดรากให้ส้ันและแยกหน่อจากกอตดั ใบใหย้ าว ๑๐ เซนติเมตรนา้ มาล้างนา้ มัดรวมกันวางลงบนขุยมะพรา้ วทีช่ ้ืน หรอื แชใ่ นระดบั น้าสงู ๕ เซนติเมตร ในท่ีรม่ เงา ๔ วนัแล้วจงึ คัดหน่อทีอ่ อกรากมาปักชา้ ในถงุ พลาสตกิ ขนาดเล็ก (๒x๖ น้วิ ) และใส่วสั ดุเพาะชา้ ท่ีระบายน้าดีมีธาตุอาหารสมบูรณ์ ดูแลรดนา้ ในสภาพเรือนเพาะชา้ เมอ่ื อายุ ๔๕-๖๐ วนั ใหน้ า้ ไปปลูกในพน้ื ทีข่ ณะที่ดินมีความชน้ื ๒.๒การเตรยี มกลา้ หญ้าแฝกแบบรากเปลอื ย โดยการแยกหน่อจากกอ ตดั ใบให้ยาว ๒๐ เซนตเิ มตรตดั รากให้ส้นั วางบนขยุ มะพรา้ วท่ชี ้นื หรอื แช่ในน้าให้ท่วมราก จนกระทั่งรากงอกขน้ึ มายาว ๑-๒ เซนตเิ มตรนานประมาณ ๕-๗ วัน จึงน้าไปปลกู ในชว่ งตน้ ฤดฝู น และหลังจากปลกู ดนิ ควรมีความชืน้ ตดิ ต่อกันอย่างน้อย๑๕ วนั

17กำรเตรียมกล้ำและดนิ เพื่อปลกู หญำ้ แฝก ๑.การกา้ จดั วัชพืชและเตรียมพืน้ ท่ี ๒.การปลกู หญ้าแฝกในช่วงต้นฤดูฝน พน้ื ท่ีปลกู ต้องมีความชุม่ ช้นื ๓.การเตรียมแนวรอ่ งปลกู โดยการวางแนวร่องปลูกขวางความลาดชัด ตามแนวระดบั ขนานไปตามสภาพพ้นื ที่ ๔.การใสป่ ุ๋ยหมักรองกันหลุมในแนวรอ่ งปลูก เพือ่ เพม่ิ ความอดุ มสมบรู ณ์แกด่ นิ ๕.การปลกู กลา้ หญา้ แฝกในแปลงปลกู โดยการใช้กล้าเพาะชา้ ถงุ ขนาดเล็ก ใชร้ ะยะปลูก ๑๐เซนติเมตร หรอื กลา้ รากเปลอื ยใชร้ ะยะปลกู ๕ เซนติเมตร ๖.ความห่างของแถวหญา้ แฝกแต่ละแถว ขึน้ กับความลาดเทของพื้นที่ และชนดิ ของพ้ืนท่ีปลูก โดยขอค้าแนะนา้ เพม่ิ เติมจากเจ้าหนา้ ที่ แตโ่ ดยทวั่ ไปจะใชร้ ะยะหา่ งทางแนวด่งิ ๑.๕-๓ เมตร ๗.กลบดนิ ในร่องปลูกใหต้ า่้ กวา่ ระดบั ผิวดินปกติ เพือ่ ให้นา้ ขงั และซมึ ลงดินได้ ช่วยใหด้ ินชมุ่ ชนื้ ขึน้ ๘.ควรปลกู ซ่อมแซมใหไ้ ดแ้ นวรวั้ หญา้ แฝกท่ีเป็นแนวยาวต่อเนอ่ื งกำรดูแลรกั ษำหญำ้ แฝก ๑.การคัดเลอื กกล้าท่ีมีคณุ ภาพ กลา้ หญา้ แฝกที่มีคุณภาพโดยทั่วไปเป็นกล้าทมี่ อี ายุ ๔๕ ถงึ ๖๐ วันเม่อื น้ากลา้ ทแ่ี ขง็ แรงมาปลกู ก็จะไดแ้ นวร้ัวหญา้ แฝก ที่มกี ารเจริญเติบโตแข็งแรงอย่างสม้า่ เสมอ ๒.การเลือกช่วงเวลาปลูก การปลกู หญา้ แฝกในชว่ งต้นฤดูฝนจะเหมาะสมที่สดุ สภาพของดนิ ที่ปลูกในช่วงตน้ ฤดฝู นจะมีความชุม่ ชืน้ สงู ติดตอ่ กันมากกวา่ ๑๕ วนั ข้ึนไป ๓.การตัดใบ ในช่วงต้นฤดฝู นใหต้ ัดใบหญ้าแฝกให้สนั้ สูงจากพื้นผิว ๕ เซนติเมตร เพอ่ื ให้เกดิ การแตกหน่อใหม่ และก้าจัดหน่อแก่ท่แี ห้งตาย ในช่วงกลางฤดูฝนใหเ้ กยี่ วใบสูง ไมต่ ้่ากว่า ๔๕ เซนตเิ มตร เพ่ือใหม้ แี นวกอทหี่ นาแนน่ ในการรบั แรงปะทะของนา้ ไหลบา่ และในชว่ งปลายฤดูฝน เกยี่ วใบใหส้ ั้น ๕ เซนติเมตร อีกคร้ังเพ่อื ให้หญ้าแฝกแตกใบเขยี ว ในฤดูแลง้ ๔.การดแู ลรักษาตามความเหมาะสม ในตน้ ฤดูฝนใหใ้ สป่ ุ๋ยหมกั ตามแถวหญ้าแฝกก็จะเป็นการชว่ ยให้หญ้าแฝกมกี ารเจรญิ เติบโตดขี ึน้ และกา้ จัดวชั พืชข้างแนวจะเปน็ การชว่ ยใหส้ ังเกตแนวหญ้าแฝกได้ชัดเจน ช่วยให้หญา้ แฝกเจรญิ เตบิ โตได้อย่างเตม็ ท่ี และเพ่อื ป้องกันการไถแนวท้งิ เนื่องจากสังเกตไม่เห็น

18 ๕.การปลูกซ่อมและแยกหน่อแกอ่ อก การปลกู ซอ่ มแซมในช่วงฤดฝู นจะท้าให้ไดแ้ นวรว้ั หญ้าแฝกที่แขง็ แรง และควรตดั แยกหน่อแก่ทอ่ี อกดอก หรอื แห้งออกไป เพอ่ื จะใหห้ น่อใหมไ่ ดแ้ ทรกขึน้ มาได้อยา่ งเตม็ ท่ีกำรปลกู หญ้ำแฝกในพนื้ ทเี่ กษตรกรรม สา้ หรบั การปลูกหญ้าแฝกในพนื้ ท่เี กษตรกรรมมจี ดุ ประสงคท์ สี่ ้าคัญเพอ่ื การฟนื้ ฟทู รพั ยากรดนิ และการอนุรกั ษด์ นิ และน้า ซ่ึงประกอบดว้ ย ๑.การปลกู หญ้าแฝกในพน้ื ทีล่ าดชนั ควรปลกู หญา้ แฝกเป็นแถวตามแนวระดับขวางความลาดเทในตน้ ฤดูฝน โดยการท้าแนวรอ่ งปลกู ตามแนวระดับ ใชร้ ะยะระหวา่ งต้น ๕ เซนตเิ มตร ส้าหรับกลา้ รากเปลอื ยและระยะ ๑๐ เซนตเิ มตร สา้ หรบั กล้าถุงระยะห่างแถวตามแนวดิง่ ไม่เกิน ๒ เมตร หญ้าแฝกจะเจริญเติบโตแตกกอชิดกนั ภายใน ๔-๖ เดอื น ๒.การปลกู เพอื่ ควบคมุ ร่องนา้ และกระจายน้า น้ากลา้ หญ้าแฝกในถุงพลาสติกที่มีการแตกกอ และแขง็ แรงดีแล้วไปปลูกในรอ่ งนา้ โดยขุดหลุมปลกูขวางร่องน้า เป็นแนวตรง หรอื แนวหัวลกู ศรชี้ยอ้ นไปทิศทางน้าไหล อาจใชก้ ระสอบทรายหรือก้อนหนิชว่ ยทา้ คนั เสรมิ ฐานใหม้ ่นั คงตามแนวปลกู หญา้ แฝก ระยะห่างระหว่างต้น ๕ เซนติเมตร สา้ หรบั กลา้ รากเปลือยและ ๑๐ เซนตเิ มตร ส้าหรบั กล้าถุง และระหวา่ งแนวปลกู หญ้าแฝกไม่เกนิ ๒ เมตร ตามแนวตั้งหลงั จากเกิดคันดนิ ก้ันน้า ควรปลกู หญ้าแฝกตอ่ จากแนวคันดินก้ันน้าออกไปทง้ั สองข้าง เพ่อื เปน็ การกระจายน้าเข้าสพู่ ้นื ที่เพาะปลกู ๓.การปลกู เพอื่ รกั ษาความชมุ่ ชนื้ ในสวนผลไม้ ควรปลูกหญา้ แฝกในสวนผลไม้ ระยะทไี่ มผ้ ลยังไมโ่ ต หรอื ปลูกกอ่ นทีจ่ ะลงไม้ผล โดยปลกู แถวหญา้แฝกขนานไปกับแถวของไม้ผลท่รี ะยะกงึ่ กลางของแถวไม้ผล หรือปลูกเป็นรูปคร่ึงวงกลมให้ห่างจากโคนต้นไม้ผล ๒.๕ เมตร เพอ่ื ไมผ้ ลเจรญิ เตบิ โตขึน้ มาคลุมพื้นที่ หญา้ แฝกจะตายไปกลายเปน็ อินทรยี ์วัตถใุ นดินต่อไป ๔.การปลกู หญ้าแฝกในพื้นท่ดี อนท่ีปลูกพืชไร่ การปลกู หญา้ แฝกตามแนวระดับในพ้ืนทด่ี อนทป่ี ลูกพืชไร่ โดยการขุดร่องปลกู ตามแนวระดบัระยะห่างระหว่างต้น ๕ เซนติเมตร ส้าหรบั กลา้ รากเปลอื ย และ ๑๐ เซนติเมตร ส้าหรบั กล้าถุง ควรใชป้ ุย๋ หมักรองพ้นื กอ่ นปลูกหญ้าแฝก หรอื ปลกู หญา้ แฝกเป็นแนะระหว่างแถวปลกู พืชไร่ และควรปลกู ในสภาพดนิ ทีม่ ีความชุ่มช้นื ในช่วงตน้ ฤดูฝน

19 ๕.การปลกู หญ้าแฝกในพืน้ ที่ราบหรอื พนื้ ทลี่ ุ่ม ในสภาพพ้ืนที่ราบหรอื พ้ืนที่ลมุ่ ท่มี กี ารปรบั สภาพเป็นแปลงยกร่องเพอ่ื ปลกู พืชนั้น สามารถปลกู หญ้าแฝกเป็นแถวรอบขอบเขตพื้นท่ี หรอื ปลูกทีข่ อบแปลงยกรอ่ งหญ้าแฝก จะชว่ ยยดึ ดนิ ไมใ่ ห้พังทลาย และรักษาความช้ืนในดินเอาไว้ ๖.การปลกู รอบขอบสระเพื่อกรองตะกอนดิน ควรปลูกตามแนวทร่ี ะดบั นา้ สูงสุดท่วมถงึ ๑ แนว และปลูกเพิม่ ขึน้ อีก ๑-๒ แนวเหนอื แนวแรก ซึ่งขน้ึ อย่กู ับความลกึ ของขอบสระ ระยะห่างระหว่างต้น ๕ เซนตเิ มตร ส้าหรับกล้ารากเปลอื ย และ ๑๐เซนติเมตร ส้าหรับกลา้ ถุง โดยขุดหลมุ ปลกู ต่อเนอ่ื งกนั ไป ในระยะแรกควรดูแลปลูกซอ่ มแซมใหแ้ ถวหญา้ แฝกเจรญิ เติบโตหนาแน่น เม่ือน้าไหลบา่ มาลงสระ ตะกอนดินท่ถี กู พดั พามากับนา้ จะตดิ ค้างอยกู่ ับแถวหญา้ แฝกส่วนน้าจะค่อย ๆ ไหลผา่ นลงสสู่ ระ และระบบรากของหญ้าแฝกยงั ช่วยยึดตดิ ดินรอบ ๆ ขอบสระไม่ให้เกดิ การพงั ทลายรูปแบบกำรปลกู หญ้ำแฝกตำมหลกั วิชำกำร เพือ่ ให้การดา้ เนนิ การปลูกหญา้ แฝกตามโครงการนม้ี ีรปู แบบท่ชี ดั เจน จงึ ได้มีการก้าหนดรปู แบบการปลกู ทีส่ ามารถนา้ ไปปฏบิ ัติในพ้นื ท่ีได้ ซึง่ ประกอบดว้ ย ๑.การปลกู ในระบบอนรุ ักษ์ดนิ และน้า การปลกู หญา้ แฝกเป็นแถวเด่ียวขวางความลาดชันของพนื้ ท่ี ถ้าใช้กล้าแบบรากเปลอื ยจะปลกู ระยะระหว่างตน้ ๕ เซนติเมตร ถา้ เป็นกล้าถงุ พลาสตกิ ใช้ระยะปลูกระหวา่ งตน้ ๑๐ เซนติเมตร โดยปลูกหญา้ แฝกเปน็ แถวตามแนวระดับ ใหม้ ีระยะหา่ งระหวา่ งแถว ตามแนวดิง่ ไมเ่ กิน 2 เมตร ความยาวของแถวหญ้าแฝกขนึ้ กบั สภาพพนื้ ท่ี และพนื้ ที่วา่ งระหว่างแถวหญ้าแฝกจะเป็นพื้นทป่ี ลกู พชื หลกั ๒สระน้าปลูก ๒ แถว -แถวท่ี ๑ ปลกู ห่างขอบบ่อ ๕๐ เซนติเมตร จนรอบบ่อ -แถวที่ ๒ ปลกู ทร่ี ะดับทางน้าเขา้ จนรอบบอ่ ๓.อ่างเก็บน้าปลูก ๓ แถว -แถวที่ ๑ ปลกู ทร่ี ะดับทางน้าลน้ จนรอบอ่าง ยกเว้นบริเวณคันหรอื สันอา่ งเกบ็ นา้ -แถวที่ ๒ ปลกู ที่ระดับสงู กวา่ แถวท่ี ๑ ตามแนวตั้ง ๒๐ เซนตเิ มตร จนรอบอ่าง ยกเว้นบริเวณคนัหรอื สันอา่ งเกบ็ น้า

20 -แถวที่ ๓ ปลกู ที่ระดบั ต่้ากว่า แถวที่ ๑ ตามแนวด่งิ ๒๐ เซนตเิ มตร จนรอบอ่าง ยกเว้นบริเวณคันหรอืสันอา่ งเกบ็ น้า ๔.ปลูกริมคลองส่งนา้ ๑ แถว ห่างขอบคลองสง่ ๓๐ เซนตเิ มตร ๕.ปลกู บนร่องสวน ๑ แถว ห่างขอบแปลง ๓๐ เซนติเมตร ๖.ปลกู อยู่บนไหลถ่ นน ๑ แถว ส้าหรับถนนหรอื ทางล้าเลยี ง ๗.ปลกู คร่งึ วงกลมล้อมตน้ ไม้ -ต้นไมข้ นาดเล็ก รศั มขี นาด ๑ เมตร เปน็ ระยะทาง ๓ เมตร -ต้นไมข้ นาดกลาง รศั มีขนาด ๒ เมตร เป็นระยะทาง ๖ เมตร -ต้นไม้ขนาดใหญ่ รศั มขี นาด ๓ เมตร เปน็ ระยะทาง ๙ เมตร ๘.ปลกู วงกลมลอ้ มตน้ ไม้ -ต้นไม้ขนาดเลก็ รัศมีขนาด ๑ เมตร เป็นระยะทาง ๖ เมตร -ตน้ ไม้ขนาดกลาง รศั มีขนาด ๒ เมตร เป็นระยะทาง ๑๒ เมตร -ต้นไม้ขนาดใหญ่ รัศมีขนาด ๓ เมตร เปน็ ระยะทาง ๑๘ เมตร การปลกู หญ้าแฝกทุกคร้ังจะตอ้ งปลูกใหต้ ้นชดิ ติดกันเป็นแถว ไม่วา่ จะเป็นกรณแี ถวตรงหรอืแถวโคง้ รอบตน้ ไมก้ ็ตาม ถ้าใชก้ ล้าถงุ มีระยะปลกู ระหว่างตน้ ๑๐ เซนติเมตร และกลา้ รากเปลือยระยะปลูก ๕เซนตเิ มตร

21หญ้ำแฝกกบั กำรฟน้ื ฟสู ิ่งแวดล้อม การท่ีหญา้ แฝกไดร้ บั การนา้ มาใช้ปลกู ในการอนรุ กั ษ์ดนิ และน้า เนอ่ื งมาจากมีลกั ษณะเด่นหลายประการ คอื มีการแตกหน่อรวมเป็นกอ เบยี ดกนั แน่น ไม่แผ่ขยายดา้ นข้าง มีการแตกหน่อ และใบใหม่ ไมต่ ้องดแู ลมาก หญา้ แฝกมขี ้อท่ีลา้ ต้นถ่ี ขยายพนั ธโ์ุ ดยใชห้ น่อได้ตลอดปี ส่วนใหญไ่ มข่ ยายพันธดุ์ ้วยเมล็ด ท้าให้ควบคมุ การแพร่ขยายได้ มีใบยาว ตัด และแตกใหมง่ ่าย แขง็ แรง และทนตอ่ การยอ่ ยสลาย ระบบรากยาว สานกันแน่น และช่วยอุ้มน้า บรเิ วณรากเป็นท่ีอาศยั ของจลุ ินทรีย์ ปรบั ตวั กบั สภาพตา่ ง ๆ ได้ดี ทนทานต่อโรคพืชทว่ั ไป การปลูกหญ้าแฝกส่วนใหญจ่ ะมงุ่ เน้นในเรอื่ งการอนุรักษด์ นิ และนา้ ลดการชะล้างพังทลายของดินการชว่ ยเก็บกกั ตะกอนดนิ ในพืน้ ทล่ี าดชนั แตจ่ ากผลของการวิจยั พบวา่ หญา้ แฝกยังมีลกั ษณะในดา้ นการฟ้ืนฟูทรัพยากรดนิ ด้วย ซง่ึ ช่วยใหด้ นิ มศี กั ยภาพในการให้ผลผลติ เพ่ิมขนึ้ การปลูกหญา้ แฝกในพ้ืนทด่ี นิ เส่ือมโทรมหรือพนื้ ท่ดี ินมปี ญั หา จึงมีส่วนช่วยฟื้นฟู และปรับปรุงดินใหม้ สี ภาพดขี ้ึน เนอ่ื งจากผลของอนิ ทรียวตั ถทุ ่เี พม่ิ ขน้ึและกิจกรรมของจุลนิ ทรียบ์ รเิ วณรากหญา้ แฝก รวมทง้ั การมคี วามชน้ื ท่ยี าวนานข้ึน สภาพดนิ จงึ มีการพัฒนาและความอุดมสมบรู ณ์เพิ่มขน้ึ เป็นล้าดบั ในดา้ นการรักษาสภาพแวดลอ้ มหญ้าแฝกเจรญิ เติบโตไดใ้ นสภาพดนิ ท่มี โี ลหะหนกั ลกั ษณะดงั กล่าวจงึมีการน้าหญา้ แฝกมาปลูกเพือ่ ใชบ้ ้าบดั น้าทง้ิ จากโรงงานอุตสาหกรรมบางประเภท และดูดซบั โลหะหนักจากดินส้าหรบั วิธีการทนี่ า้ หญ้าแฝกไปปลูกเพื่อจดุ ประสงคใ์ นการรกั ษาสภาพแวดลอ้ มไดแ้ ก่ การปลกู หญา้ แฝกรอบขอบบ่อบ้าบัดน้าทิ้งเพอื่ ให้หญ้าแฝกชว่ ยดดู ซบั โลหะหนกั บางชนิด การปลกู หญา้แฝก เพ่อื ดูดซับโลหะหนกั จากดิน การปลูกหญา้ แฝกแล้วใหน้ ้าท้ิงไหลผา่ นในอตั ราการไหลท่ีเหมาะสม

22ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งหญ้ำแฝกหอมและหญำ้ แฝกดอน หญ้าแฝกทัง้ สองชนิดจะมีลกั ษณะภายนอกของใบที่มคี วามแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยสามารถจา้ แนกไดด้ งั น้ี หญา้ แฝกหอม ใบมีความกวา้ งประมาณ 0-6-1.2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 45-100 เซนติเมตร ใบเปน็ สีเขียวเข้ม หลังใบโค้งปลายแบน เนอ้ื ใบคอ่ นข้างเนียน มีไขเคลือบท้าให้ดมู นั ส่วนท้องใบจะออกเปน็ สีขาวซดี กว่าหลังใบ หญ้าแฝกดอน ใบมีความกวา้ งประมาณ 0.4-0.8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 35-80 เซนตเิ มตร ใบเปน็ สเี ขยี วซดี หลงั ใบพบั เป็นสนั สามเหลี่ยม เนอื้ ใบหยาบสากมือ มีไขเคลือบนอ้ ยทา้ ให้ดกู รา้ น สว่ นทอ้ งใบจะเป็นสเี ดียวกับหลังใบ แต่จะมสี ีซดี กว่า ส้าหรบั ลักษณะโครงสรา้ งภายนอกเม่อื ทา้ การเปรียบเทยี บจะพบว่า ใบหญ้าแฝกหอมจะมีเน้ือใบหนากวา่ และขนาดของชอ่ งอากาศกม็ ีขนาดใหญก่ วา่ หญ้าแฝกดอนดว้ ย สว่ นความแตกต่างของลักษณะภายในรากทเ่ี หน็ ได้ชัดเจน คอื รากหญา้ แฝกหอมจะมีโพรงอากาศในบรเิ วณคอรเ์ ทกซ์ และมีขนาดที่ใหญ่กวา่ หญา้ แฝกดอน

23 บทท3่ี วธิ ีกำรจดั ทำโครงงำน การจัดท้าโครงงานเพอื่ ศึกษาหญา้ แฝกคณะผู้จัดท้าโครงงานมวี ิธกี ารด้าเนินงานโครงงานตามข้นั ตอนดังต่อไปนี้3.1.ข้ันตอนกำรดำเนนิ กำร 1.คิดหวั ขอ้ โครงงานเพ่ือน้าเสนออาจารยท์ ี่ปรึกษา 2.ศกึ ษาค้นคว้ารวบรวมข้อมลู ทเี่ ก่ยี วข้องกับโครงงานหญ้าแฝก 3.ศกึ ษาโปรแกรม Power Point ในการท้าสอ่ื เพื่อนา้ เสนอ 4.จัดท้าโครงรา่ งโครงงานเสนออาจารยท์ ปี่ รึกษา 5.ออกแบบการทา้ สไลดใ์ นการนา้ เสนองาน 6.เผยแพร่ผลงานโดยการนา้ เสนอผ่านโปรแกรม Power Point3.2.วิธกี ำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล 1.ศึกษาเร่อื งหญ้าแฝก 2.ศกึ ษาโปรแกรมเพอื่ การนา้ เสนองาน คอื Power Point

24 บทท4ี่ ผลกำรดำเนินงำน การจดั ท้าโครงงานหญ้าแฝกมีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ เผยแพร่ความร้เู ก่ยี วกบั หญา้ แฝก ประโยชน์ของหญา้แฝก มผี ลการดา้ เนนิ งานโครงงาน ดงั นี้4.1.ผลการผลติ สื่อเพื่อการศึกษา การผลิตส่ือเพอ่ื การศึกษาหญา้ แฝก เพ่ือเผยแพรค่ วามรู้เกีย่ วกบั หญา้ แฝกทีป่ ระเทศไทยได้ใชห้ ญ้าแฝกในการแกป้ ญั หาดินเส่อื มโทรมและแหง้ แลง้ ผ่านการนา้ เสนอหนา้ ชน้ั เรยี น4.2.ตัวอยา่ งผลงาน

25 บทท5่ี สรุปผลกำรดำเนนิ งำน/ขอ้ เสนอแนะ การจัดท้าโครงงานหญา้ แฝก สามารถสรุปผลการดา้ เนินงานโครงงานและขอ้ เสนอแนะดังนี้5.1.กำรดำเนนิ งำนจัดทำโครงงำน5.1.1.วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงาน เพือ่ ให้ความรแู้ กผ่ ู้ทส่ี นใจเกี่ยวกับหญ้าแฝก เพื่อเรยี นร้แู ละเข้าใจเก่ียวกบั โครงการหญ้าแฝก5.1.2.วัสดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือหรือโปรแกรมที่ใชใ้ นการน้าเสนอโครงงาน โปรแกรม Microsoft PowerPoint โปรแกรม Microsoft Word5.2.สรปุ ผลการด้าเนินงานโครงงาน การด้าเนินงานโครงงานนบี้ รรลุวัตถุประสงค์ที่ไดก้ ้าหนดไว้ คอื เพื่อให้ความรแู้ กผ่ ทู้ ี่สนใจเกี่ยวกบั หญา้ แฝก5.3.ข้อเสนอแนะ ควรมีการจดั ทา้ เน้ือหาของโครงงานใหห้ ลากหลายและมีเน้ือหาทอ่ี อกมาหลายๆรปู แบบ ควรมีรูปแบบการนา้ เสนอทเ่ี นื้อหากระชับเข้าใจงา่ ย และเวลาทเี่ หมาะสม

26บรรณนกุ รมนติ ยสารเกษตรศาสตร.์ “หญ้ำแฝกหอม”. [ออนไลน์] สบื ค้นจาก : http://www.ku.ac.th/e-magazine/november45/. [01 พ.ค. 2014].ฐานข้อมลู เครื่องยาสมุนไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี. “แฝกหอม”. [ออนไลน์] สืบค้นจาก : http://www. thaicrudedrug.com. [01 พ.ค. 2014].สา้ นักวิจยั และพฒั นาการจดั การท่ีดิน กรมพฒั นาทดี่ นิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [ออนไลน์] สบื คน้ จากhttps://www.ldd.go.th/link_vetiver/index.htm [01 พ.ค. 2014].สา้ นกั งานกปร. สรรพคณุ ของหญ้ำแฝก[ออนไลน]์ สบื ค้นจาก:http://www.marketeer.co.th/archives/97996[01 พ.ค. 2014].มลู นธิ ชิ ัยพัฒนา[ออนไลน์] สืบค้นจาก http://www.chaipat.or.th/site_content.html[01 พ.ค. 2014].ดร.นจิ ศริ ิ เรอื งรงั ษ,ี ธวชั ชัย มังคละคปุ ต์.(2542).หนงั สือสมนุ ไพรไทย เล่ม 1. “แฝก (Faek)”.หนา้ 188.กรุงเทพ : บริษทั อมรนิ ทรบ์ ุค๊ เซ็นเตอร์ จ้ากดั 10400คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.(2542).หนงั สอื สมนุ ไพรสวนสิรรี กุ ขชำติ. “แฝกหอม”.หนา้ 206 กรุงเทพ : บริษัท อมรนิ ทรบ์ ๊คุ เซ็นเตอร์ จ้ากัด 10400

27 รูปภำพอ้ำงองิรูปท่ี6.1.คน้ หาข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ รปู ท่ี6.2.ค้นหาขอ้ มลู จากห้องสมุดรูปที่6.3.รวบรวมเนื้อหาเตรียมทาเล่ม รายงาน รปู ท่ี6.4.ทารปู แบบนาเสนอ รูปท่ี6.5.ทารูปเล่มรายงาน

28 ประวตั ผิ ู้จดั ทำ1.นายธนวัชร วชิรมาศภูมิล้าเนาเดิม 552/2 หมู่5 ตา้ บลแมจ่ ๊วั ะ อ้าเภอเดน่ ชยั จงั หวัดแพร่ - จบจากโรงเรยี นเทพนารี - ปัจจบุ ันก้าลังศกึ ษาอย่ทู มี่ หาวิทยาลัยนเรศวร คณะสงั คมศาสตร์ สาขาวชิ าพัฒนาสงั คม2.นายธนาเทพ ศรจี ากภูมิลา้ เนาเดมิ 16 หม5ู่ ตา้ บลศรีคีรีมาศ อ้าเภอครี ีมาศ จงั หวดั สุโขทัย - จบจากโรงเรยี นสุโขทัยวิทยาคม - ปจั จบุ ันกา้ ลงั ศึกษาอยู่ท่มี หาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพัฒนาสังคม3.นายธวัชชัย เมณฑก์ ูลภมู ิลา้ เนาเดมิ 12 หม4ู่ ตา้ บลหนองกรด อา้ เภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ - จบจากโรงเรียนนครสวรรค์ - ปัจจุบนั ก้าลงั ศกึ ษาอยู่ท่มี หาวิทยาลัยนเรศวร คณะสงั คมศาสตร์ สาขาวิชาพัฒนาสงั คม4.นายนพณฐั กรงุ ทวีภูมลิ ้าเนาเดิม 27/16 ตา้ บลหลม่ สัก อ้าเภอหล่มสัก จังหวดั เพชรบรู ณ์ - จบจากโรงเรียนหล่มสักวทิ ยาคม - ปัจจบุ ันกา้ ลงั ศึกษาอย่ทู ่ีมหาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพฒั นาสงั คม5.นางสาวนฐั กาญจน์ ข้าเมอื งน้อยภูมิลา้ เนาเดิม 64/1 ตา้ บลธานี อ้าเภอเมอื ง จงั หวัดสโุ ขทยั - จบจากโรงเรียนสุโขทัยวทิ ยาคม - ปัจจบุ นั กา้ ลงั ศกึ ษาอยู่ทม่ี หาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพฒั นาสงั คม6.นางสาวนาฏลดา มาทา้ มาภมู ิลา้ เนาเดมิ 146/1 หม5ู่ ต้าบลชมพู อา้ เภอเนนิ มะปราง จังหวัดพิษณโุ ลก - จบจากโรงเรยี นเนินสะอาดวทิ ยาคม

29 - ปัจจุบนั ก้าลงั ศึกษาอยทู่ ่ีมหาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพฒั นาสังคม7.นางสาวนิศารัตน์ รกุ ขชาติภมู ิล้าเนาเดิม 344 หม3ู่ ตา้ บลห้วยเกตุ อ้าเภอตะพานหนิ จังหวัดพจิ ติ ร - จบจากโรงเรยี นวังส้าโรงวังหว้า - ปจั จุบนั ก้าลังศกึ ษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาพฒั นาสังคม8.นางสาวปราณปรียา ศรชยัภมู ิลา้ เนาเดิม 35/22 ต้าบลหวั รอ อ้าเภอเมือง จงั หวัดพิษณุโลก - จบจากโรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษาภาคเหนือ - ปัจจุบันกา้ ลงั ศกึ ษาอยู่ที่มหาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพฒั นาสังคม9.นางสาวปรีณาพรรณ อน้ ยะภมู ลิ ้าเนาเดิม 23 หม1ู่ 2 ตา้ บลศรษี ะเกษ อ้าเภอนาน้อย จงั หวดั น่าน - จบจากโรงเรยี นนานอ้ ย - ปจั จบุ ันก้าลังศึกษาอยู่ทม่ี หาวิทยาลัยนเรศวร คณะสงั คมศาสตร์ สาขาวิชาพัฒนาสงั คม10.นางสาวปัทมวรรณ เจ๊กแสงภูมลิ า้ เนาเดิม 75/3 หม1ู่ 2 ตา้ บลรงั นก อ้าเภอสามงา่ ม จังหวัดพิจติ ร - จบจากโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม - ปัจจุบนั กา้ ลงั ศกึ ษาอยทู่ ่ีมหาวิทยาลยั นเรศวร คณะสังคมศาสตร์ สาขาวชิ าพฒั นาสังคม