Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงาน-is1-การปลูกพืชไม่ใช้ดินในระบบไฮโดรโปนิกส์

โครงงาน-is1-การปลูกพืชไม่ใช้ดินในระบบไฮโดรโปนิกส์

Published by tmtem1226, 2021-10-05 09:59:02

Description: โครงงาน-is1-การปลูกพืชไม่ใช้ดินในระบบไฮโดรโปนิกส์

Search

Read the Text Version

รายงานโครงงานวชิ าการศกึ ษาคน้ ควา้ และสรา้ งความรู(้ is1) เรอื่ ง การปลกู ผกั สลดั โดยใชร้ ะบบไฮโดรโปนิกส์ โดย นางสาว ชลลดา เนตรทพิ ย์ เลขที่24 นางสาว รญั ญาพร สงั ขช์ ม เลขท2่ี 6 นางสาว ปราณปรยี า ปัญติ เลขท3ี่ 0 นางสาว พิมมาภรณ์ ใหมน่ อ้ ย เลขท3่ี 1 นางสาว อจลญา อดุ นนั เลขที่33 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่5/8 เสนอ ครู ดรงค์ คนั ธะเรศย์ ภาคเรยี น 1 ประจาปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นปัว อาเภอปัว จงั หวดั นา่ น สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษานา่ น



ก คานา รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ของวชิ า 130201 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี่ที่5/8 โดยมี จดุ ประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาความรูท้ ่ีไดจ้ ากเรอ่ื ง การปลกู ผกั สลดั โดยใชร้ ะบบไฮโดรโป นิกส์ ซง่ึ รายงานนีม้ ีเนือ้ หาเก่ียวกบั ความรูจ้ าก การปลกู ผกั สลดั โดยใชร้ ะบบไฮโดรโป นิกส์ ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลอื กหวั ขอ้ นีใ้ นการทารายงาน เน่ืองจากเป็นเรอื่ งทีน่ า่ สนใจและตอ้ ง ขอขอบคณุ ครูดรงค์ คนั ธะเรศย์ ผใู้ หค้ วามรูแ้ ละแนวทางการศกึ ษา เพื่อนๆทกุ คนท่ีให้ ความชว่ ยเหลือมาโดยตลอดผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั นีจ้ ะใหค้ วามรูแ้ ละประโยชน์ แกผ่ อู้ า่ นทกุ ๆทา่ น คณะผจู้ ดั

ข บทคดั ยอ่ โครงงาน IS1 เรอื่ ง การปลกู พืชโดยไมใ่ ชด้ นิ ในระบบ ไฮโดรโปนิกส์ ไดจ้ ดั ทาขึน้ มีวตั ถปุ ระสงค์ คอื 1.เพ่ือใหค้ นอ่ืนไดร้ ูวา่ สามารถปลกู ตน้ ไมโ้ ดยไมต่ อ้ งใชด้ นิ 2.ปลกู พืชไดใ้ นเขตทด่ี ินมีปัญหา เชน่ ดนิ เคม็ ดนิ ลกู รงั ดินกรวด 3.ลดการสญู เสยี ธาตอุ าหาร 4.ใชแ้ รงงานในการดแู ลรกั ษานอ้ ย 5.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กาจดั วชั พชื 6.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี ้องกนั โรคและแมลงศตั รูพชื โดยมเี นือ้ กาประกอบไปดว้ ย วธิ ีการปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ ินในระบบ ไฮโดรโป นิกส์ ประโยชนก์ ารปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ ินในระบบ ไฮโดรโปนิกส์ การดแู ลการปลกู พืช โดยไมใ่ ชด้ นิ ในระบบ ไฮโดรโปนิกส์ สายพนั ธุผ์ กั ทใ่ี ชใ้ นการปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ นิ ใน ระบบ ไฮโดรโปนิกส์ โดยคณะผจู้ ดั ทาไดเ้ ลอื กใช้ word,pubhtml5 ในการจดั ทา โครงงานเรอ่ื งนี้ ผลการจดั ทาโครงงาน พบวา่ เป็นประโยชนแ์ ก่ผอู้ า่ นและผทู้ ีส่ นใจเรอ่ื งการ ปลกู พืชโดยไมใ่ ชด้ นิ ในระบบ ไฮโดรโปนิกสแ์ ละนาไปศกึ ษา และเป็นแนวทางของ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา

สารบญั ค เรอื่ ง คานา หนา้ บทคดั ยอ่ ก บทที่1 บทนา ข บทท2ี่ เอกสารและโครงงานทเี่ กี่ยวขอ้ ง 1-2 บทท่ี3 วิธีการดาเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ 3-15 บทท่ี4 ผลการศกึ ษา 16 บทท่5ี สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ 17 บรรณานกุ รม 18-19 20

1 บทท1่ี บทนำ ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงงาน ในปัจจบุ นั การปลกู พชื ไรด้ นิ (Hydroponics) เป็นที่นิยมกนั อยา่ งกวา้ งขวาง มี การปลกู ในระดบั อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่และทารายไดใ้ หแ้ กผ่ ปู้ ระกอบการเป็นอยา่ ง ดีทงั้ นีเ้ นื่องมาจากวา่ ผบู้ รโิ ภคในยคุ ปัจจบุ นั ไดห้ นั มาใหค้ วามสนใจเกี่ยวกบั สขุ ภาพกนั มากขนึ้ จงึ เลอื กทีจ่ ะบรโิ ภคผกั ที่ปลกู ในระบบHydroponicsซงึ่ มกี ารปลกู ในโรงเรอื นที่ ควบคมุ แมลงศตั รูพชื ได้ ทาใหม้ ีการใช้ สารเคมนี อ้ ยลง ผกั ท่ีไดจ้ งึ เป็นผกั อนามยั มีการ ปนเปื้อนสารเคมนี อ้ ยมากและเป็นทางเลือกหนงึ่ ท่ผี บู้ รโิ ภคหนั มาใหค้ วามสนใจมาก ขนึ้ อีกทงั้ การปลกู และการจดั การตา่ งๆ ไมย่ งุ่ ยากอยา่ งทีค่ ิด ทกุ คนสามารถปลกู เองได้ ทกุ ครวั เรอื นเพ่ือบรโิ ภคภายในครอบครวั ทาใหไ้ ดบ้ รโิ ภคผกั ทส่ี ดสะอาดปลอดภยั และ ชว่ ยเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพรา่ งกายใหแ้ ข็งแรงและยงั เป็นการทากิจกรรมรว่ มกนั ภายใน ครอบครวั สรา้ งความผกู พนั และความอบอนุ่ ใหเ้ กิดขนึ้ กบั ครอบครวั ไดอ้ กี ทางหนงึ่ ดว้ ย วัตถุประสงค์ 1.เพอื่ ใหค้ นอืน่ ไดร้ ูวา่ สามารถปลกู ตน้ ไมโ้ ดยไมต่ อ้ งใชด้ นิ 2.ปลกู พืชไดใ้ นเขตท่ีดินมปี ัญหา เชน่ ดินเค็ม ดินลกู รงั ดินกรวด 3.ลดการสญู เสียธาตอุ าหาร 4.ใชแ้ รงงานในการดแู ลรกั ษานอ้ ย 5.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี ้องกนั กาจดั วชั พชื 6.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี ้องกนั โรคและแมลงศตั รูพชื

2 สมมุตฐิ ำน การปลกู พชื ไฮโดรโปนิกสด์ ีกวา่ การปลกู พืชบนดนิ ขอบเขตของโครงงำน เพ่อื ใหก้ ารวิจยั ครงั้ นีบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดขอบเขตของการวิจยั ดงั นี้ 1. ศกึ ษาการปลกู พชื ไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 2. พืชทน่ี ามาใชใ้ นการทดลองเป็นพชื ชนิดกินใบที่มีความแตกตา่ งกนั 3. ศกึ ษาและสรา้ งระบบควบคมุ อตั โนมตั เิ พื่อตรวจวดั และควบคมุ ปัจจยั ภายนอกที่มี ผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของการปลกู พืชไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกสแ์ บบ แผนกำหนดเวลำกำรปฏิบตั ิงำน กรกฏาคม-กนั ยายน ผลทคี่ ำดวำ่ จะไดร้ ับ 1. ไดโ้ รงเรอื นท่ีใชใ้ นการปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกสท์ ีส่ ามารถควบคมุ ปัจจยั ภายนอกทมี่ ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื แตล่ ะชนิดตามท่กี าหนด 2. ผลการวิจยั จะเป็นขอ้ มลู สาหรบั การปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ ินในระบบ ไฮโดรโปนิกส์ รวมถงึ สามารถนาไปเผยแพรใ่ นวารสารทาง วชิ าการได้

3 บทท2ี่ เอกสารและโครงงานท่เี กี่ยวขอ้ ง การทาโครงงานเรอื่ ง การปลกู พืชไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ คณะผจู้ ดั ทา ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ เอกสารที่เกี่ยวขอ้ งเพื่อเป็นพนื้ ฐานในการศกึ ษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย หวั ขอ้ ดงั นี้ 1.ความหมายของการปลกู พืชไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 2.ประโยชนข์ องการปลกู พชื ไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ 3.วิธีการทาการปลกู พชื ไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 4.การดแู ลการปลกู พชื ไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ 5.สายพนั ธุผ์ กั ที่ใชใ้ นการปลกู พืชไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1.ควำมหมำยของกำรปลกู พืชไม่ใช้ดนิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) หรอื ผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลกู ผกั โดยไมใ่ ชด้ นิ หรอื เป็นการปลกู พชื ผกั ในนา้ ทีม่ ธี าตอุ าหารพืชละลายอย่หู รอื เป็นการปลกู พชื ใน สารละลายธาตอุ าหารพืช และอาจเรยี กอกี อยา่ งหนึ่งวา่ \"ผกั ไร้ดิน\" ก็ได้ ซงึ่ นับวา่ เป็น วิธีการใหมใ่ นการปลกู พชื ท่ีกาลงั ไดร้ บั ความนิยมโดยเฉพาะการปลกู พชื ผกั ทเ่ี ราใช้ เป็นอาหาร เน่ืองจากการปลกู ผกั แบบไฮโดรโปนิกสจ์ ะชว่ ยประหยดั พนื้ ทีใ่ นการปลกู และไมป่ นเปื้อนเปื้อนสารเคมีตา่ ง ๆ ในดิน ทาใหไ้ ดพ้ ชื ผกั ท่ีมีความสะอาดเป็นอาหาร กำรปลูกผกั แบบไฮโดรโปนิกส์ กบั การปลกู ผกั ออแกนิก(การปลกู ผกั แบบธรรมชาติ ใชป้ ๋ ยุ จากธรรมชาตเิ ป็นหลกั )ถา้ มองผิวเผินแลว้ จะคิดวา่ การปลกู พชื ทงั้ สองวธิ ีนีม้ ี

4 ความแตกตา่ งกนั มากและอาจมองวา่ การปลกู ผกั แบบไรไ้ มเ่ ป็นการปลกู ผกั แบบ ธรรมชาติแตถ่ า้ มองใหล้ กึ ซงึ้ แลว้ เราก็จะทราบวา่ การปลกู ผกั ทงั้ สองวิธีนีค้ ือการปลกู แบบธรรมชาตเิ หมือนกนั เนื่องจากป๋ ยุ ธรรมชาติหรอื ป๋ ยุ อนิ ทรยี ท์ งั้ หลายเรม่ิ แรกพืชจะ ยงั นาไปใชป้ ระโยชนไ์ มไ่ ด้ เพราะจะตอ้ งถกู ยอ่ ยสลายโดยจลุ นิ ทรยี ใ์ นดนิ จนกลายเป็น สารอนินทรยี ก์ ่อนพชื ถึงจะนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตใ่ นระบบไฮโดรโปนิกสเ์ ราจะให้ สารละลายธาตอุ าหารทเ่ี ตรยี มขึน้ จากป๋ ยุ อนินทรยี บ์ รสิ ทุ ธิ์แทนรากและขนออ่ นก็จะ ดดู ธาตอุ าหารและนา้ ไดไ้ มว่ า่ จะจากดนิ หรอื จากระบบไฮโดรโปนิกสใ์ นลกั ษณะที่ เหมอื นกนั สรุปก็คือ การปลกู พชื ไรด้ นิ เป็นการปลกู แบบเป็นธรรมชาตเิ หมือนกบั การ ปลกู บนดนิ เพียงแตเ่ ป็นการปลกู พืชทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยีทม่ี ีการจดั การทด่ี ีกวา่ 2.ประโยชนข์ องกำรปลกู พืชไม่ใช้ดินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1.ขอ้ ดที ่ีเป็นจดุ แข็งของผกั ชนิดนีก้ ็การไดผ้ ลผลติ ท่ีสะอาดกวา่ การปลกู ในดนิ ปลอดภยั จากสารพษิ ตกคา้ งผกั ทไ่ี ดม้ คี วามสวยงามน่ารบั ประทานผกั มรี สชาตดิ มี ี คณุ คา่ ทางโภชนาการสงู และผกั สดทีไ่ ดจ้ ะมีความนมุ่ และกรอบกวา่ ผกั ทป่ี ลกู ในดิน 2.การปลกู ผกั แบบไฮโดรไปนิกสไ์ มต่ อ้ งใชด้ นิ ในการเพาะปลกู จงึ สามารถปลกู ไดท้ กุ ที่ ปลกู ไดท้ งั้ พืชขนาดเล็กและขนาดใหญ่เป็นวธิ ีท่เี หมาะสาหรบั ผทู้ มี่ พี นื้ ท่ปี ลกู นอ้ ย (เช่น ผทู้ ี่อาศยั อยใู่ นอพารต์ เมนต)์ และไมม่ ขี อบเขตไมว่ า่ จะเป็นการปลกู ในจานวนนอ้ ยเพ่ือ ใชบ้ รโิ ภคเองภายในครวั เรอื นหรอื ปลกู ในพนื้ ทข่ี นาดใหญ่ในเชงิ ธรุ กิจดว้ ยเหตนุ ีเ้ องวธิ ี นีจ้ งึ เป็นท่นี ิยมในการปลกู เป็นอยา่ งมากในเมอื งทมี่ ีประชากรหนาแนน่ เชน่ ไตห้ วนั ญ่ีป่ นุ เนเธอรแ์ ลนด์ เป็นตน้ 3.ชว่ ยทาใหม้ สี งิ่ แวดลอ้ มในการปลกู ทเ่ี ราสามารถควบคมุ เองไดม้ ากขนึ้ สาหรบั การ เจรญิ เติบโตของพืช เพราะเราสามารถกาจดั ตวั แปรตา่ งๆ ที่ไมท่ ราบออกไปจากการ ทดลองไดจ้ านวนมากเมือ่ เปรยี บเทียบกบั การปลกู ผกั บนดิน

5 4.การปลกู ผกั รูปแบบนีส้ ามารถนามาใชไ้ ดก้ บั พชื หลายชนิด (ขนึ้ อยกู่ บั ความยากงา่ ย ในการปลกู ดว้ ย) ไมว่ า่ จะเป็นผกั ผลไม้ ไมด้ อก ไมป้ ระดบั รวมไปถึงพืชไมเ้ ลอื้ ยไป จนถงึ พืชยนื ตน้ แตใ่ นดา้ นการผลติ เชงิ ธุรกิจแลว้ จะนิยมปลกู พชื จาพวกผกั และไมผ้ ล ซงึ่ เป็นพชื ท่ีเก็บเก่ียวชว่ งอายสุ นั้ กนั มากกวา่ 5.พชื ผกั เจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลติ ไดเ้ รว็ กวา่ การปลกู พชื ผกั ในดนิ อยา่ งนอ้ ย ประมาณ 1-2 สปั ดาห์ 6.ผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ะมคี ณุ ภาพและมคี วามสมา่ เสมอมากกวา่ การเพาะปลกู ในดนิ ปกติ เพราะสามารถจดั การและควบคมุ สภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ใหม้ ีความเหมาะสมตอ่ พชื ที่ ปลกู ได้ จงึ สามารถผลิตพชื ไดต้ อ่ เนื่องตลอดทงั้ ปี เพราะสามารถเพมิ่ รอบการผลติ ไดม้ าก มีอายสุ นั้ และไดค้ ณุ ภาพสงู 7.ระบบการปลกู ผกั แบบไฮโดรโปนิกสจ์ ะชว่ ยประหยดั นา้ มากกวา่ การปลกู พชื ผกั ใน ดินปกติไมน่ อ้ ยกวา่ 10 เทา่ จงึ ทาใหส้ ามารถปลกู พชื ผกั ไดแ้ มใ้ นฤดแู ลง้ หรอื นอก ฤดกู าลได้ และยงั ใหผ้ ลตอบแทนทส่ี งู กวา่ อีกดว้ ย 8.การปลกู ผกั ประเภทนีจ้ ะมีความสม่าเสมอของการใหน้ า้ ไดด้ กี วา่ การปลกู พชื ผกั ใน ดินปกติ และยงั สามารถควบคมุ การใหน้ า้ ไดต้ ามความตอ้ งการของพชื ไดด้ ว้ ย 9.เราสามารถควบคมุ การใหธ้ าตอุ าหารของพชื ผกั ไดง้ า่ ยกวา่ การปลกู พืชผกั ในดิน เพราะชว่ ยแกป้ ัญหาความไมส่ มา่ เสมอของธาตอุ าหารในดินท่ีเกิดจากวตั ถตุ น้ กาเนิด ท่แี ตกตา่ งกนั ชว่ ยควบคมุ ปรมิ าณและรูปของจลุ ธาตทุ ี่พืชผกั ตอ้ งการจานวน 7 ธาตุ (ธาตเุ หล็ก, โบรอน, คลอรนี , แมงกานีส, โมลบิ ดนี มั , ทองแดง, สงั กะสี) ใหอ้ ยรู่ ูปทร่ี าก ของพืชผกั สามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ละไมใ่ หใ้ นปรมิ าณทม่ี ากเกินไปจนเป็นพิษ ตอ่ พชื ผกั ทป่ี ลกู ชว่ ยควบคมุ คา่ ความเป็นกรดเป็นดา่ ง (pH) ไดง้ า่ ย ซงึ่ คา่ pH นีเ้ องที่ มสี ว่ นในการควบคมุ รูปของธาตอุ าหารใหอ้ ยใู่ นรูปแบบท่ีพืชผกั สามารถนาไปใช้

6 ประโยชนไ์ ดท้ นั ที อีกทงั้ วิธีการนีย้ งั ชว่ ยใหธ้ าตอุ าหารของพืชไมส่ ญู หาย ทงั้ ในรูปแบบ การถกู ชะลา้ งไปจากดนิ การจบั ตวั กบั ธาตบุ างชนิดในดนิ ที่ตกตะกอนไป หรอื การ เปล่ยี นแปลงไปอยใู่ นรูปแบบทพ่ี ชื ไมส่ ามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ นอกจากนยี้ งั ชว่ ย ควบคมุ ผลตกคา้ งองการมธี าตอุ าหารสะสมในพืช ในดนิ และในสภาพแวดลอ้ มจน เกิดเป็นพษิ ตอ่ ระบบนิเวศ 10.การปลกู พชื ผกั แบบไฮโดรโปนิกสส์ ามารถควบคมุ โรคในดินไดง้ า่ ยกวา่ การปลกู พชื ผกั ในดิน 11.เน่ืองจากเป็นการปลกู พชื ผกั โดยไมใ่ ชด้ นิ จงึ ทาใหพ้ ืชไมม่ ีโรคท่เี กิดในดิน ไมม่ ี วชั พืชมารบกวน ไมต่ อ้ งทาการจดั การดนิ และยงั สามารถปลกู พชื ผกั ใกลก้ นั มากไดอ้ กี ดว้ ย ดว้ ยเหตนุ ีจ้ งึ ทาใหก้ ารปลกู ผกั แบบไฮโดรโปนิกสม์ ผี ลผลติ ทม่ี ากกวา่ เดิมในพนื้ ท่ี จากดั 12.หมดปัญหาเรอ่ื งสภาพดินในการท่ีไมม่ ีความเหมาะสม เชน่ ดินเคม็ ดนิ เป็นกรด หรอื ดา่ ง รวมไปถงึ สภาพการขาดแคลนนา้ ตา่ ง ๆ 13.การจดั การลดปรมิ าณของไนเตรทในพืชที่ปลกู โดยไมใ่ ชด้ นิ จะทาไดง้ า่ ยกวา่ พชื ที่ ปลกู บนดนิ เพราะเราสามารถกาหนดใชค้ วามเขม้ ขน้ ของสารละลายธาตอุ าหารที่ ปลกู เลยี้ งไดร้ ะดบั ตา่ หรอื เลือกใชส้ ารละลายธาตอุ าหารทีม่ ีความเขม้ ขน้ ตา่ มาก นอกจากนีก้ ารลดไนเตรทยงั ทาไดด้ ว้ ยการใหพ้ ืชไดร้ บั แสงเพียงพอและอยา่ ใหพ้ ชื ขาด โมลิบดีนมั (พืชผกั ท่ีมไี นเตรทสงู เม่อื นามาบรโิ ภคจะเกิดโทษตอ่ รา่ งกาย เพราะไนเต รทเมื่อเขา้ สรู่ า่ งกายจะถกู เปล่ยี นเป็นไนไตรท์ ซง่ึ สามารถยบั ยงั้ การพาออกซเิ จนไป เลยี้ งเซลลใ์ นรา่ งกายของเมด็ เลอื ดแดงได้ ทาใหเ้ กิดอาการขาดอากาศเฉียบพลนั และ ยงั สามารถไปรวมกบั สารประกอบอะมีนในรา่ งกายและกลายเป็นไนโตรซามนี (Nitrosamine) ซง่ึ เป็นสารกอ่ มะเรง็ ชนิดหนง่ึ ได)้

7 14.การปลกู ผกั แบบไรด้ นิ ก็มีประโยชนใ์ นดา้ นภมู ิทศั นเ์ ชน่ กนั เพราะเราสามารถผลิต พชื สวนประดบั เพอื่ ใชป้ ระดบั อาคารได้ 15.ชว่ ยในการประหยดั ตน้ ทนุ ตา่ ง ๆ เชน่ คา่ แรงงาน เน่ืองจากการปลูกผกั ในระบบนี้ จะเป็นระบบท่ไี มต่ อ้ งมกี ารเตรยี มแปลงเพาะปลกู ขนาดใหญ่เหมือนการปลกู พืชผกั ใน ดิน จงึ ไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ยเรอื่ งการเตรยี มดิน การยกรอ่ ง คา่ ป๋ ยุ รวมไปถงึ คา่ กาจดั วชั พชื ตา่ ง ๆ และชว่ ยลดการนาเขา้ ของผกั และผลติ ภณั ฑต์ า่ ง ๆ นอกจากนีย้ งั ชว่ ยประหยดั คา่ ขนสง่ ไดอ้ กี ดว้ ย เพราะเราสามารถเลอื กผลิตใกลแ้ หลง่ รบั ซอื้ ได้ จงึ ทาใหม้ ีศกั ยภาพ ในเชงิ การคา้ สงู 16.สามารถสรา้ งอาชีพทารายไดใ้ หก้ บั บคุ คลท่วั ไปทส่ี นใจ และผดู้ อ้ ยโอกาสทาง รา่ งกายได้ เชน่ ผพู้ ิการโดยกาเนิด ทหารผ่านศึกทไี่ ดร้ บั ความพกิ ารจากการสรู้ บเป็น ตน้ 17.ในดา้ นประโยชนอ์ ยา่ งอ่นื เชน่ มีประโยชนใ์ นดา้ นการสง่ เสรมิ การนนั ทนาการใน ครอบครวั เพราะการปลกู ผกั ไวเ้ พอื่ บรโิ ภคภายในครอบครวั ก็ชว่ ยทาใหเ้ กิดความ เพลินเพลินใจและทาใหร้ ูห้ ลกั การปลกู พืชในเบือ้ งตน้ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี และการปลกู พืชไร้ ดนิ ยงั มปี ระโยชนใ์ นดา้ นการศกึ ษาอกี ดว้ ย เชน่ การศกึ ษาทดลองของนกั เรยี น นกั ศกึ ษา รวมไปถึงประชาชนท่วั ไปทสี่ นใจ เป็นตน้ 18.ชว่ ยสง่ เสรมิ ศกั ยภาพในการทอ่ งเท่ียวของชาวตา่ งชาติ เน่ืองจากเราสามารถ ควบคมุ อณุ หภมู ขิ องสารอาหารและจดั การผลิตพืชผกั เมอื งหนาวท่ีเป็นคนุ้ เคยของ ชาวตา่ งชาติได้ มนั จงึ เป็นประโยชนอ์ ยา่ งมากสาหรบั ชาวตา่ งชาตทิ ีเ่ ขา้ มาอยใู่ น ประเทศไทยเป็นระยะเวลานานไดบ้ รโิ ภคพชื ผกั ทีต่ นคนุ้ เคย 19.การปลกู พืชผกั ไรด้ ินกบั โครงการอวกาศ จะทาใหย้ านอวกาศหรอื สถานีอวกาศสา มารถปลกู พชื ผกั ไรดินไดเ้ อง และการปลกู พชื ผกั ไรด้ ินไมเ่ พียงแตจ่ ะกอ่ ประโยชนก์ บั

8 ชีวิตและความเป็นอยใู่ นปัจจบุ นั เทา่ นนั้ แตย่ งั กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนก์ บั การพฒั นา คณุ ภาพชวี ติ ในอนาคตเป็นอยา่ งมาก ประโยชนข์ องผกั ไฮโดรโปนิกส์ 1.ไฮโดรโปนิกสเ์ ป็นผกั ท่ีมีคณุ คา่ ทางอาหารสงู และไมม่ สี ารเคมีทีเ่ ป็นพิษตอ่ รา่ งกาย 2.มคี วามปลอดภยั ตอ่ ผบู้ รโิ ภคสงู เน่ืองจากการปลกู ผกั ไรด้ นิ เป็นการนาสารละลาย ธาตอุ าหารมาละลาย โดยใชธ้ าตอุ าหารท่เี หมาะสมกบั ความตอ้ งการพชื เชน่ เดียวกบั การปลกู พชื บนดนิ แตต่ า่ งกนั ตรงทผี่ กั ท่ีปลกู ในดนิ จะตอ้ งอาศยั จลุ ินทรยี ม์ า เปลยี่ นเป็นอาหาร ทาใหบ้ างครงั้ หากในดนิ มธี าตโุ ลหะหนกั ท่ีเป็นพิษตอ่ ผบู้ รโิ ภค จลุ นิ ทรยี ก์ ็จะเปล่ยี นใหพ้ ืชสามารถดดู ธาตทุ เ่ี ป็นพิษเขา้ ไปได้ ในขณะทก่ี ารปลกู พืชไร้ ดิน จะสามารถควบคมุ แรธ่ าตทุ ีม่ คี วามจาเป็นตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื ได้ ผบู้ รโิ ภค จงึ ไดร้ บั ประทานผกั สดสะอาดท่ีมีความปลอดภยั สงู 3.ขอ้ ดขี องการบรโิ ภคผกั ไฮโดรโปนิกส์ คือ การคงคณุ ประโยชนท์ ีโ่ ดดเดน่ ทส่ี ดุ ของผกั เอาไวไ้ ดอ้ ยา่ งเต็มท่ี เชน่ กากใยอาหารท่ีเป็นตวั ชว่ ยในการลา้ งผนงั ลาไสแ้ ละเป็นตวั ชว่ ยในการขบั ถา่ ย 4.มกี ารรบั รองวา่ พชื ผกั ไรด้ ินจะมีปรมิ าณแรธ่ าตทุ ีเ่ ป็นประโยชนเ์ ทา่ กบั พืชผกั ทป่ี ลกู บนดินหรอื สงู กวา่ เลก็ นอ้ ยแตพ่ ชื ผกั ไรด้ นิ จะมีกล่ินที่มาจากนา้ มนั หอมระเหยและมี รสชาติน่าชวนชิมมากกวา่ พชื ผกั ทป่ี ลกู บนดนิ 5.ผกั ไฮโดรโปนิกสท์ ี่นิยมสว่ นใหญ่จะเป็นผกั สลดั ทนี่ ามารบั ประทานสด เชน่ ผกั กรี นคอส (Green Cos)เป็นผกั ที่อดุ มไปดว้ ยธาตเุ หลก็ ท่ีชว่ ยปอ้ งกนั โรคโลหติ จาง นอกจากจะใชเ้ ป็นสว่ นประกอบในสลดั แลว้ ยงั นิยมนาไปผดั นา้ มนั อีกดว้ ย,ผกั กรนี โอ๊ค (Green Oak)หรอื ผกั เรดโอ๊ค(Red Oak)เป็นผกั ท่อี ดุ มไปดว้ ยวิตามินเอ วิตามินซี โฟ เลทและธาตเุ หล็ก,ผกั เรดคอรลั (Red Coral)เป็นผกั ทอ่ี ดุ มไปดว้ ยใยอาหารโฟเลทสาร

9 ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระรวมไปถึงเบตา้ แคโรทนี ,ผกั บตั เตอรเ์ ฮด(Butterhead)เป็นผกั ทอี่ ดุ มไป ดว้ ยโฟเลทและสารตา้ นอนมุ ลู อิสระเป็นตน้ 3.วิธีกำรทำกำรปลูกพืชไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ วิธีแรกเป็นการปลกู พืชในสารละลายธาตอุ าหารพชื เรยี กวา่ ระบบ Water culture หรอื Hydroponicsวธิ ีทสี่ องเป็นการปลกู พืชโดยใหร้ ากแชใ่ นสารละลายธาตอุ าหารพชื และ บางสว่ นสมั ผสั อากาศเรยี กวา่ ระบบAeroponicsสว่ นวธิ ีสดุ ทา้ ยเป็นการปลกู พืชบน วสั ดทุ ไ่ี มใ่ ชด่ ินและใหส้ ารละลายธาตอุ าหารพชื หรอื ป๋ ยุ นา้ เชน่ เดียวกนั วิธีนีเ้ รยี กกนั วา่ การปลกู แบบ Substrats ระบบกำรปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ระบบการปลกู พชื ไฮโดรโปนิกสน์ ี้ แบง่ ยอ่ ยได้ 3 วธิ ี ดงั นี้ 1.NFT (Nutrient Film Technique) เป็นการปลกู พืชโดยใหร้ ากสมั ผสั กบั สารอาหารที่ ไหลบางๆ หนา 1-3 มิลลเิ มตร และสารละลายธาตอุ าหารมีการหมนุ เวียนกลบั มาใช้ ซา้ 2.DFT (Deep Flow Technique) เป็นการปลกู พืชโดยใหร้ ากสมั ผสั กบั สารอาหารใน นา้ ลกึ 3-5 เซนตเิ มตร จะปลกู ในราง หรอื ในภาชนะใดก็ได้ 3.DRFT (Dynamic Root Floating Technique) จะคลา้ ยกบั ระบบ DFT แตเ่ ป็นการ ปลกู พืชโดยใหร้ ากสมั ผสั กบั สารอาหารในนา้ ลกึ 3-5 เซนติเมตรและมกี ารเตมิ อากาศ เขา้ ไปดว้ ย

10 1.NFT (Nutrient Film Technique) 2.DFT (Deep Flow Technique) 3.DRFT (Dynamic Root Floating Technique)

11 ขอ้ ดขี องกำรปลูกพชื ไม่ใชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1. เป็นวิธีการปลกู พชื ทชี่ ว่ ยใหส้ ามารถปลกู พชื ในสถานท่ที ่ีไมเ่ หมาะแกก่ ารปลกู พชื ใน ดนิ เชน่ ดนิ กรดจดั เคม็ จดั ดนิ เสอ่ื มโทรมขาดความอดุ มสมบรู ณ์ หรอื แมแ้ ตใ่ น สถานทีท่ ไี่ มม่ ดี นิ เลย เชน่ พนื้ คอนกรตี รอบบา้ น ระเบียงบา้ น ดาดฟา้ และหลงั คาตกึ เป็นตน้ รวมทงั้ ในแหลง่ ที่มนี า้ อย่อู ยา่ งจากดั เชน่ ในทะเลทราย 2. เป็นวธิ ีการปลกู พืชที่ชว่ ยใหส้ ามารถปลกู พชื ไดจ้ านวนตน้ ตอ่ พนื้ ทไ่ี ดม้ ากขนึ้ โดยไม่ ตอ้ งคานงึ ถงึ ความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน เพราะพืชไมต่ อ้ งแยง่ นา้ และสารอาหาร ระหวา่ งกนั 3. เป็นวิธีการปลกู พชื ท่ที าใหพ้ ชื เจรญิ เตบิ โตไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพราะไดร้ บั นา้ และอาหาร อยา่ งพอเพียงและตลอดเวลา ทาใหไ้ ดผ้ ลผลติ ตอ่ หนว่ ยพนื้ ทสี่ งู ดงั นนั้ ในความ ตอ้ งการผลผลติ ทเ่ี ทา่ ๆ กนั จะตอ้ งการพนื้ ทปี่ ลกู ท่ีนอ้ ยกวา่ 4. เป็นวิธีการปลกู พชื ทใ่ี หโ้ อกาสทจี่ ะไดผ้ ลผลติ ท่สี ะอาดและมคี ณุ ภาพ ทงั้ ดา้ นกายภาพ ชวี ภาพและเคมี เพราะไมม่ ีเศษหิน ดนิ ทราย ปลอมปน ไมม่ ีสารเคมแี ละยาฆา่ แมลง ตกคา้ ง เน่ืองจากไมม่ กี ารใชด้ ิน จงึ มโี รคและแมลงเขา้ ทาลายนอ้ ย การควบคมุ กาจดั จงึ ทาไดง้ า่ ย สามารถลดการใชส้ ารเคมีหรอื หลกี เลย่ี งการใชส้ ารเคมลี งได้ ผลผลติ มี คณุ ภาพดเี พราะมกั ไมม่ ีรอ่ งรอยการทาลายของโรคแมลงและนา้ ทใี่ ชใ้ นการผลติ เป็น นา้ ที่สะอาดจงึ สามารถลดการปนเปื้อนของจลุ ินทรยี ล์ งไดด้ ว้ ย 5. เป็นวิธีการปลกู พชื ที่ไมต่ อ้ งมกี ารเตรยี มดนิ ใสป่ ๋ ยุ ฉีดยา ทาใหป้ ระหยดั คา่ แรงงาน และเวลาในสว่ นนลี้ งได้ 6. เป็นวิธีการท่ชี ว่ ยใหส้ ามารถปลกู พืชไดม้ ากครงั้ ขนึ้ ตอ่ ปี เพราะไมต่ อ้ งมกี ารเตรยี มดนิ ใหม่ จงึ ทาใหป้ ลกู พืชรุน่ ใหมต่ อ่ ไปไดท้ นั ทีอยา่ งตอ่ เน่ือง 7. เป็นวิธีการปลกู พชื ทช่ี ว่ ยใหม้ กี ารใชท้ รพั ยากรนา้ และป๋ ยุ อยา่ งประหยดั เพราะ สามารถนากลบั มาใชอ้ ีกระยะหน่ึงได้

12 ข้อเสยี ของกำรปลกู พืชไม่ใช้ดินในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1.การปลกู ผกั แบบไฮโดรโปนิกสจ์ ะมีตน้ ทนุ การผลติ เรม่ิ ตน้ คอ่ นขา้ งสงู เนื่องจากตอ้ ง ใชอ้ ปุ กรณใ์ นการเพาะปลกู ตา่ ง ๆ มากมายและมีราคาแพง แตม่ ีศกั ยภาพในการคนื ทนุ เรว็ (ในปัจจบุ นั เราสามารถหาซอื้ ชดุ ปลกู ผกั สาเรจ็ รูปไดใ้ นแบบราคายอ่ มเยา หรอื จะศกึ ษาหาขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ เพ่ือทาเองก็ได)้ 2.ผปู้ ลกู ตอ้ งมคี วามชานาญและมีประสบการณม์ ากพอสมควรในการควบคมุ ดแู ล เพราะถา้ ไมม่ คี วามรูห้ รอื ไมม่ ีความสามารถในการจดั การท่ดี พี อก็อาจทาใหพ้ ืชผกั ที่ ปลกู มีปรมิ าณธาตอุ าหารในพชื สงู ได้ 3.ผปู้ ลกู จะตอ้ งมีความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ขอ้ มลู พนื้ ฐานของสรรี วทิ ยาของชนิดพืชทีจ่ ะ ปลกู รวมไปถงึ พนื้ ฐานทางเคมแี ละธาตอุ าหารทีพ่ ชื ตอ้ งการ 4.การปลกู ผกั แบบไฮโดรโปนิกสต์ อ้ งมกี ารควบคมุ ดแู ลอยา่ งสมา่ เสมอ 5.วสั ดทุ ี่ใชใ้ นการเพาะปลกู บางอยา่ งจะเน่าเป่ือยหรอื สลายตวั ไดย้ าก ซง่ึ อาจเป็น ปัญหาตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มได้ ถา้ หากไมม่ ีการจดั การท่ีดีพอ 6.มขี อ้ จากดั ของชนิดพืชทปี่ ลกู มคี อ่ นขา้ งสงู ทาใหก้ ารเลือกพืชทีจ่ ะเพาะปลกู ในเชงิ พาณิชยจ์ ะตอ้ งมีการศกึ ษาตลาดอยา่ งถี่ถว้ น และควรเป็นพืชทแี่ ตกตา่ งจากพืชทปี่ ลกู กนั อยทู่ ่วั ไปบนดนิ 7.นอกจากนีใ้ นบรเิ วณทจ่ี ะติดตงั้ ระบบไฮโดรโปนิกส์ จะตอ้ งมีระบบไฟฟา้ และระบบ นา้ ทพี่ รอ้ ม เน่ืองจากเป็นพนื้ ฐานของการติดตงั้ ระบบการปลกู ดว้ ยวธิ ีนี้

13 4.กำรดแู ลกำรปลูกพืชไม่ใชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1.กำรเตรียมพืน้ ทแี่ ละโต๊ะปลูก ประกอบโตะ๊ ปลกู และตดิ ตงั้ ตามวิธีการประกอบ ชดุ ไฮโดรโปนิกส์ และนาโตะ๊ ปลกู มาวางในตาแหนง่ ท่ีไดร้ บั แสงแดดอยา่ งนอ้ ย 6 ช่วั โมง/วนั 2.พนั ธุแ์ ละเมล็ดพันธุผ์ กั เมลด็ พนั ธุผ์ กั มี 2 ชนิดคือ 2.1เคลือบดินเหนียว เนื่องจากเมลด็ ผกั มีขนาดเล็ก ทาใหเ้ ป็นอนั ตรายและสญู เสยี ไดง้ า่ ย จงึ มกี ารเคลือบเมลด็ ดว้ ยดินเหนียว เมล็ดทีเ่ คลอื บจะมีอายกุ ารเก็บรกั ษา สนั้ เน่ืองจากไดม้ กี ารกระตนุ้ การงอกมาแลว้ แตจ่ ะสะดวกสาหรบั การใชง้ าน 2.2ไมเ่ คลอื บ คือเมลด็ พนั ธุป์ กติ 3.กำรเพำะต้นกลำ้ นาวสั ดปุ ลกู เชน่ เพอรไ์ ลท์ เวอรม์ คิ ไู ลท์ ใสถ่ ว้ ยเพาะและนา เมล็ดผกั ใสต่ รงกลางถว้ ย กลบเมล็ดและรดนา้ ใหเ้ ปียกและเก็บไวใ้ นท่ีปลอดภยั รดนา้ ทกุ วนั ประมาณ 3-5 วนั เมลด็ เรมิ่ งอก และเรมิ่ ใหส้ ารละลายออ่ นๆ แทนนา้ 4.กำรปลูกบนรำง ขนำด 1.5 เมตร 4.1 ตวั อยา่ งเตมิ นา้ 10 ลติ ร และเตมิ สารอาหาร A และ B อยา่ งละ 100 ซซี ี หรอื 10 ซซี ี/นา้ 1 ลิตร 4.2 นาตน้ กลา้ ทแ่ี ข็งแรง อายปุ ระมาณ 2 สปั ดาห์ ยา้ ยมาวางบนโต๊ะปลกู และ เดนิ เครอื่ งป๊ัมนา้ 5. กำรดูแลประจำวัน 5.1รกั ษาระดบั นา้ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ควบคมุ อยเู่ สมอ เชน่ 10 ลิตร

14 5.2 ควบคมุ คา่ EC อยรู่ ะหวา่ ง 1-1.8 โดยเครอื่ ง EC meter ปรบั ลดโดยการเพิ่ม นา้ และปรบั คา่ EC เพ่มิ โดยการเพ่ิมป๋ ยุ กรณีไมม่ เี ครือ่ งวดั สามารถประมาณการ เติมสารอาหาร A และ B ดงั ตาราง 5.3 ควบคมุ คา่ pH อยรู่ ะหวา่ ง 5.2-6.8 โดยเครอ่ื ง pH meter หรอื pH Drop test ปรบั ลดโดยการกรดฟอสฟอรกิ หรอื กรดไนตรกิ (pH down) และปรบั คา่ pH เพิม่ โดยการเติมโปตสั เซยี มไฮดรอกไซด์ (pH up) ปรมิ าณ 2-3 หยด 6. กำรเก็บเกย่ี ว เก็บเกี่ยวเมอื่ อายุ 45 วนั 5.สำยพนั ธุผ์ กั ทใี่ ชใ้ นกำรปลกู พืชไม่ใชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1.ผกั คอสกรนี คอส (Cos Lettuce) เป็นผกั สลดั ยอดฮติ ท่ีมรี สชาตอิ รอ่ ย ไมข่ ม จนเกินไป กินคกู่ นั กบั นา้ สลดั หรอื จะใชเ้ ป็นผกั จมิ้ กบั นา้ พรกิ ก็ยงั ได้ 2.ฟิลเลยไ์ อซเ์ บิรก์ (Frillice Ice Berg Lettuce) เป็นผกั สลดั ยอดฮติ ทต่ี า่ งประเทศ นิยมรบั ประทานกนั มานาน 3.บตั เตอรเ์ ฮด (Butterhead Lettuce) ผกั สลดั ใบใหญ่ รูปรา่ งคลา้ ยดอกกะหลา่ 4.กรนี โอค๊ (Green Oak Lettuce) ผกั สลดั ยอดฮติ ทส่ี ายคนรกั สขุ ภาพรูจ้ กั เป็นอยา่ งดี รสชาติอรอ่ ย ไมข่ ม 5.เรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce) ผกั สลดั ยอดฮติ ท่มี วี ิตามนิ สงู ชว่ ยตอ่ ตา้ นอนมุ ลู อิสระ 6. ผกั กาดแกว้ (Iceberg Lettuce) ผกั กาดหอมครปิ สเ์ ฮด หรอื ไอซเ์ บริ ก์

15 ผกั คอสกรนี คอส (Cos Lettuce) ฟิลเลยไ์ อซเ์ บริ ก์ (Frillice Ice Berg Lettuce) บตั เตอรเ์ ฮด (Butterhead Lettuce) กรนี โอ๊ค (Green Oak Lettuce) เรดโอค๊ (Red Oak Lettuce) ผกั กาดแกว้ (Iceberg Lettuce)

16 บทท3ี่ วิธีการดาเนินการศกึ ษาคน้ ควา้ ในการศกึ ษาครงั้ นีโ้ ครงงานIS1 เรอื่ ง การปลกู พชื ไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโป นิกส์ ผจู้ ดั ทาโครงงานไดด้ าเนิน ดงั นี้ 1.วัสดุอุปกรณ์ -โน๊ตบคุ๊ -อินเทอรเ์ น็ต -word -เว็บ pubhtm5 2.วธิ ีกำรดำเนินงำน คดิ หวั ขอ้ โครงงาน ศกึ ษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู จดั ทาเคา้ โครงงานเสนอครูท่ีปรกึ ษา สมคั รและลองใชโ้ ปรแกรม pubhtml5 นาเสนอโครงงานมาพมิ พล์ ง word จดั ทาโครงงานมาใส่ pubhtml5 เรอื่ ง การปลกู พชื ไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ นาเสนอผ่านโปรแกรม pubhtml5

17 บทท4ี่ ผลการศกึ ษา โครงงานIS1 เรอ่ื ง การปลกู พชื ไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโปนิกส์ ผศู้ กึ ษาได้ กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละขอบเขตของการศกึ ษาไวด้ งั นี้ 1.วัตถุประสงค์ 1.เพื่อใหค้ นอืน่ ไดร้ ูวา่ สามารถปลกู ตน้ ไมโ้ ดยไมต่ อ้ งใชด้ นิ 2.ปลกู พืชไดใ้ นเขตทดี่ ินมีปัญหา เชน่ ดินเคม็ ดินลกู รงั ดินกรวด 3.ลดการสญู เสยี ธาตอุ าหาร 4.ใชแ้ รงงานในการดแู ลรกั ษานอ้ ย 5.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กาจดั วชั พืช 6.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี ้องกนั โรคและแมลงศตั รูพชื 2.ขอบเขตกำรศึกษำ โครงงานเรอ่ื งการปลกู พืชไมใ่ ชด้ นิ ในระบบไฮโดรโปนิกส์ เราจะศกึ ษาเรอื่ ง ผกั ที่ ใชป้ ลกู วธิ ีการเพาะปลกู ผา่ นทางอินเทอรเ์ น็ต และ จดั ทาใชโ้ ปรแกรม pubhtml5 เทา่ นนั้ 3.ผลกำรดำเนินงำน 1.ไดเ้ รยี นรูว้ ธิ ีการปลกู ของพนั ธุผ์ กั 2.ไดเ้ รยี นรูว้ า่ การปลกู พนั ธผุ์ กั ในระบบไฮโดรโปนิกสส์ ามารถนาไปหารายไดไ้ ด้ 3.ไดเ้ รยี นรูเ้ ก่ียวกบั พนั ธุผ์ กั

18 บทท5ี่ สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ จากการทาโครงงานคอมพิวเตอรเ์ รอ่ื ง การปลกู พชื ไมใ่ ชด้ ินในระบบไฮโดรโป นิกส์ นีส้ ามารถสรุปผลการดาเนินโครงงานและขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้ 1.กำรดำเนินงำนจดั ทำโครงงำน 1.1วัตถุประสงคข์ องโครงงำน 1.เพอื่ ใหค้ นอ่ืนไดร้ ูวา่ สามารถปลกู ตน้ ไมโ้ ดยไมต่ อ้ งใชด้ นิ 2.ปลกู พืชไดใ้ นเขตท่ดี ินมีปัญหา เชน่ ดินเค็ม ดินลกู รงั ดนิ กรวด 3.ลดการสญู เสยี ธาตอุ าหาร 4.ใชแ้ รงงานในการดแู ลรกั ษานอ้ ย 5.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กาจดั วชั พชื 6.ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั โรคและแมลงศตั รูพืช 1.2 วัสดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมอื หรือโปรแกรมหรือทใี่ ชใ้ นกำรพัฒนำ -โน๊ตบคุ๊ -อินเทอรเ์ น็ต -word -เวบ็ pubhtm5

19 1.3 สรุปผลกำรดำเนินงำนโครงงำน จากการทคี่ ณะผจู้ ดั ทาไดม้ คี วามสนใจศกึ ษาการสารวจพนั ธุผ์ กั จากวตั ถปุ ระสงค์ คอื เพ่ือศกึ ษาประวตั ิของพนั ธุผ์ กั แตล่ ะ่ ชนิดและเพ่ือตอ้ งการใหค้ วามรูว้ า่ ผกั ที่ปลกู นนั้ สามารถหารายไดไ้ ดแ้ ละเพ่ือใหร้ ูว้ ธิ ีการปลกู ผกั ทีม่ ากมายหลายชนิด 1.4ปัญหำและอุปสรรค -อินเตอรเ์ น็ตลา่ ชา้ -รายจา่ ยในการทาสงู

20 บรรณานกุ รม https://www.kasetorganic.com/kaset-easy/soilless-culture/ https://forfarm.co/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E 0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9 %89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2 %E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0% B8%A3%E0%B8%9B/