วงจรกาํ เนดิ สัญญาณ (Oscillator, OSC) วงจรกาํ เนิดสญั ญาณ (Oscillator or Waveform Generator) เปนวงจรหนึง่ ท่มี ีความสาํ คญั ในทางอเิ ลก็ ทรอนิกส และการสอ่ื สาร วงจรกําเนดิ สัญญาณสามารถแบง ออกไดเปน สองกลุมใหญๆ ดว ยกนั คอื วงจรกาํ เนดิ สญํ ญาณรูปซายน (Sinusoidal waveform) และวงจรกําเนดิ สญั ญาณรูปอ่นื ๆ ทไี่ มใชส ญั ญาณซายน (Non-Sinusoidal Waveform) ซึง่ ไดแ ก สญั ญาณรูปสามเหลย่ี ม (Triangular) และ สัญญาณรูปส่ืเหลยี่ ม (Square) เปน ตน ในการทดลองน้ี นิสิตจะไดเ รียนรแู ละฝก ทักษะการสรา งวงจรกําเนดิ สญั ญาณรปู แบบตางๆ โดยใชอุปกรณไฟฟา พืน้ ฐาน คอื ตวั ตา นทาน และ ตวั เก็บประจุ ประกอบเขา กบั Operational Amplifier (Op Amp) หรอื เกตตรรกพืน้ ฐาน (Logic Gate) วงจรกําเนิดสัญญาณรปู ซายน (Sinusoidal Waveform Generator) การสรา งวงจรกําเนิดสัญญาณรูปซายนแบบที่งา ยทส่ี ดุ ทาํ ไดโ ดยใชวงจรขยายที่มอี ัตราขยายสูงเชน Op Amp ตอ กับเครอื ขาย RC หรอื LC ในลกั ษณะปอนกลบั แบบบวก (Positive Feedback) ความถีข่ องวงจรกําเนิดสัญญาณรปู ซายนลักษณะน้ีควบคุมได โดยการปรับคาความตา นทาน (R) และคา ความเก็บประจุ (C) บางตัวในวงจร ท้งั นจ้ี ะตอ งให สอดคลอ งกบั เงื่อนไขเฉพาะทจ่ี ะทําใหเกดิ การแกวง (Oscillation) ขนาดของสญั ญาณซายนท ถ่ี ูกสรางข้นึ จะถูกจํากดั โดย ยานการทาํ งานเชิงเสนของวงจรขยายทใ่ี ช วงจรกาํ เนดิ สัญญาณรูปซายนล ักษณะนจ้ี งึ ถูกเรียกวา เปน วงจรกาํ เนิดสญั ญาณ แบบเชงิ เสน (Linear Oscillators) เกณฑของ Barkhausen (Barkhausen’s Criteria) วงจรกําเนิดสญั ญาณรปู ซายนใดๆ จะตอ งมโี ครงสรา งพืน้ ฐานดังแสดงในรปู ท่ี 1 จากรปู A(s) และ β (s) เปน อัตราขยายเดนิ หนา (Forward) และ อตั ราขยายปอนกลบั (feedback) ตามลาํ ดบั เงอื่ นไขสาํ คัญท่จี ะทาํ ใหวงจรนเ้ี กดิ การ แกวงไดเ รยี กวา เกณฑข อง Barkhausen ซ่ึงข้นึ กับอัตราขยายวงรอบ (Loop Gain) ของวงจรคือ AL (s) = A(s)β (s) เกณฑของ Barkhausen ประกอบดวยเกณฑสาํ คัญสองประการคอื เกณฑของเฟส: ∠AL ( jω0 ) = 0 ± 360o เกณฑของอัตราขยาย: AL ( jω0 ) ≥1 การทดลองเรื่อง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ (1) (2)
Vi A(s) Vo β (s) AL (s) = Loop Gain = A(s)β (s) รปู ท่ี 1 วงจรกาํ เนิดสัญญาณรปู ซายน ซงึ่ มีการปอนกลับแบบบวก ผลทางกายภาพท่ีเกิดขึน้ จากเกณฑท้งั สองน้ี ก็คือ สัญญาณขาออก V0 ทมี่ คี วามถี่ f0 จะมเี ฟสครงกับ สัญญาณ Vi ทถ่ี กู ปอนเขา ที่ขาเขา ของวงจรขยาย A เม่ือวนกลับมาครบรอบ แตจะมแี อมพลจิ ดู ท่ใี หญก วาเดิม กลาวอีก อยางหนง่ึ กค็ อื วงจรนีม้ ีการปอ นกลับแบบบวกท่ีความถ่ี f0 นน่ั เอง ดว ยเกณฑท้งั สองนี้วงจรกาํ เนดิ สญั ญาณซายนจึง สามารถกําเนดิ และรักษาการแกวง ของสัญญาณได ตวั อยางการประยุกตใ ชเกณฑข อง Barkhausen ตวั อยา งที่ 1 วงจร Ring Oscillator รปู ที่ 2 วงจร Ring Oscillator เราจะแสดงการประยกุ ตใ ชเ กณฑของ Barkhausen ในการวเิ คราะหแ ละออกบบวงจร ring oscillator ดังรูปท่ี 2 สมมุติให แบบจาํ ลองของ NMOS ทรานซิสเตอรมคี า trans-conductance เปน gm และละเลยผลของการมอดูเลตความยาว ชอ งสญั ญาณ (channel length modulation) นนั่ คอื ใหค า λ = 0 หรอื ro = ∞ จะไดวาอตั ราขยายของวงจร อินเวอรเตอร แตละลําดบั ขนั้ คือ − gm (R // 1 ) ดังน้ัน อตั ราขยายวงรอบของวงจร sC AL (s) = ⎣⎡⎢− gm (R // 1 )⎤⎦⎥ 3 = − ⎡ g mR ⎤3 sC ⎢⎣1 + sRC ⎥⎦ การทดลองเรอ่ื ง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ
หรอื คดิ ในลักษณะผลตอบเชงิ ความถ่ี (แยกเปน แอมพลจิ ดู และเฟส) AL ( jω) = ⎡ gmR ⎤3 ⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎣ 1+ (ωRC ) 2 ⎦ ∠AL ( jω) = − 3 tan −1(ωRC) ± 180o เพ่อื ใหส อดคลองกับเกณฑของเฟส, ∠AL ( jω) = 0 จะไดว า − 3 tan −1(ω0 RC) ± 180o = 0o หรือ ω0 = 1 tan(60o ) = 3 (ω0 ตอ งมีคามากกวาศูนย) (3) RC RC เพื่อใหสอดคลอ งกบั เกณฑของอัตราขยาย เราจะไดวา ⎡ gmR ⎤3 1 หรอื gmR ≥ 2 (4) ⎢ ⎥≥ ⎢ RC ) 2 ⎥ ⎣ 1 + (ω0 ⎦ สมการ (3) และ (4) คือเง่อื นไขท่จี าํ เปน ในการออกแบบวงจรดังกลาว ในทางปฏบิ ตั ิเราตอ งการสัญญาณปอนกลบั แบบ บวกทแี่ รงพอที่จะทาํ ใหเกิดและรักษาการแกวงไวได ซง่ึ ทําไดโดยการทาํ ใหอตั ราขยายวงรอบ (Loop Gain) มีคา มากกวา 1 หรอื gmR > 2 เราจะเลอื กให gmR = 2.2 ซึ่งจะทําใหไดสมการลักษณะสมบตั ิ (characteristics equation) ของวงจร นเ้ี ปน ⎡ ⎤3 ⎢ ⎥ 1 + AL (s) 2.2 0 (5) = 1+ ⎢ ⎥= ⎣⎢⎢1 + s ⎥ 3 ω0 ⎦⎥ สมการน้ีมีรากทั้งหมดสามราก ท่ี -1.848ω0 , 0.058ω0 + j1.1ω0 และ 0.058ω0 − j1.1ω0 ทาํ ใหผ ลตอบภาวะช่ัว ครู (Transient Responses) ของสมการน้อี ยใู นรปู vo (t) = Vo1e−1.848ω0t + Vo2e0.058ω0t sin(1.1ω0t + φ) โดยท่ีφ = tan−1( 1.1 ) จากสมการเราจะเห็นไดว าเทอมทหี่ นง่ึ จะลดถอยลงในอตั ราเอ็กซโ พเนลเชยี ลเขาสศู ูนย 0.058 ในขณะทีเ่ ทอมท่ีสองเปน สัญญาณรูปซายนซ ง่ึ มีแอมพลิจูดเพมิ่ ข้ึนตามเวลา ในท่ีสุดแลว แอมพลจิ ดู ของสญั ญาณน้กี ็จะมี คา ใหญเกนิ ขอบเขตการทาํ งานในยา นเชงิ เสน การจาํ กดั แอมพลจิ ดู เนือ่ งจากความไมเ ปนเชิงเสน เชน การขรบิ ของ สัญญาณ หรอื การอม่ิ ตัว กจ็ ะเกดิ ขึ้น ทําใหอ ัตราขยายลดลง และเกิดความผดิ เพ้ยี นของรปู สัญญาณในสถานะคงตวั (steady state) ดังแสดงในรปู ท่ี (3) สังเกตวาความถ่ขี องการแกวงท่เี กิดข้ึนจรงิ ก็จะเบ่ียงเบนจากความถี่ ω0 ท่ีไดจาก การคํานวณดวย ถา gmR >> 2 แลว รูปสัญญาณออกทไ่ี ดจ ะใกลเ คียงกับรปู คลน่ื ส่เี หลี่ยมมาก (ท้งั นี้เพราะวงจรขยาย การทดลองเรอื่ ง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ
กลบั ข้วั แตละลําดบั ขั้นกลายเปนวงจรอินเวอรเตอรใ นทางดิจิตอล) การวิเคราะหทีเ่ ราใชจ ะไมแ มนยาํ อีกตอ ไปเนื่องจากการ ทํางานของทรานซสิ เตอรไ มไดอ ยูในยา นเชิงเสน ตามเงื่อนไข V5 4 3 2 1 0 ω0t 0 5 10 15 20 25 30 35 40 -1 -2 -3 -4 รปู ที่ 3 ผลตอบภาวะชัว่ ครูจากจุดเรมิ่ ตน เมือ่ Vo2 = 1; Vo1 = −sin(φ) ตวั อยางท่ี 2 วงจร Quadrature Oscillator วงจร Quadrature Oscillator ประกอบดว ยวงจรอินทิเกรตสองข้นั ตอกันในลกั ษณะปอ นกลบั แบบบวก โดยใหมเี ฟสของ สญั ญาณตรงขามกัน (สงั เกตไดจากสญั ญาณเขา ที่ Op Amp ทงั้ สองตัวท่ีเขา ตรงขาอินพตุ ทม่ี เี ครื่องหมายตางกัน) 2R C 2R R vo f = 1 2πRC 2R RF v1 RF < 2R C รปู ที่ 4 วงจร Quadrature Oscillator การทดลองเรื่อง วงจรกําเนิดสัญญาณ
เราจะวิเคราะหวงจรน้โี ดยตรง แทนทจ่ี ะใชเ กณฑของ Barkhausen จากรปู จะไดว า สญั ญาณออกของวงจรอินทิเกรตข้ันท่ี หนึง่ ท่อี ยทู างซา ยมอื คือ v1 (t) = − 1 ∫ v0 (t)dt หรอื v1 (s) = − 1 v0 (s) RC sRC สวนสญั ญาณออกของวงจรอนิ ทิเกรตขัน้ ท่ีสอง (ขวามอื ) คือ v0 (t) = 1 ∫ v1 (t)dt หรือ v0 (s) = 1 v1 (s) RC sRC ดั้งนัน้ จะไดว า v0 (s) = − 1 v0 (s) หรือ (1 + 1 2 )v0 (s) =0 ( sRC ) 2 (sRC) รากของสมการนีค้ ือ s=±j 1 จงึ ไดวา ความถีข่ องการแกวง (Oscillating Frequency), ω0 = 1 RC RC เพอ่ื ใหม น่ั ใจวาการแกวงจะเกดิ ข้ึนอยา งแนนอน คาความตา นทาน R f ตองมคี า นอ ยกวา 2R เพ่อื ใหเกดิ การปอ นกลับ แบบบวกทแี่ รงพอ สงั เกตวา v1และ v0 เปนสัญญาณรปู ซายนท่มี ีเฟสตา งกัน 90 องศา (ต้งั ฉากกัน) ดงั นน้ั ถาให v1 = V sin(ω0t) แลว v0 = V sin v(ω0t + 90°) = V cos(ω0t) สัญญาณตงั้ ฉาก (Quadrature signals) ใน ลักษณะน้ีเปน ที่นยิ มใชักันอยางกวา งขวางในระบบสอ่ื สารในยคุ ปจ จุบัน ตัวอยางที่ 3 วงจร LC Oscillator อยางงาย วงจร LC Oscillator โดยมากจะใชส ําหรบั การกําเนิดสัญญาณยานความถ่ีสูง เชน ตั้งแต 1 MHz ขึ้นไป จากรูป A และ Ro คอื อตั ราขยายและความตา นทานดานออกของ Op Amp ตามลําดบั Ro Vo A L C1 C2 รปู ท่ี 5 วงจร LC Oscillator จากการวิเคราะหจ ะไดวา อัตราขยายวงรอบ AL (s) = − AZ1Z 2 Ro (Z1 + Z2 + Z ) + Z2 (Z1 + Z ) การทดลองเร่ือง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ
โดยที่ Z1 , Z2 และ Z คือคา อมิ พีแดนซของ C1, C2 และ L ตามลาํ ดบั ดงั น้นั จะไดว า Z1 = 1 , Z2 = 1 , sC1 sC2 และ Z = sL แทนลงในสมการขา งตนแลวลดทอน จะพบวา AL (s) = −A sRo (C1 + C2 + s 2 LC1C2 ) + 1 + s 2 LC1 ดังน้นั ผลตอบเชงิ ความถี่ คือ AL ( jω) = −A jωRo (C1 + C2 − ω 2 LC1C2 ) + 1 − ω 2 LC1 เพอื่ ใหส อดคลองกับเกณฑของ Barkhausen วงจรนตี้ อ งเปน ไปตามเกณฑข องเฟสและอตั ราขยาย คอื เงื่อนไขของเฟส: C1 + C2 − ω02 LC1C2 = 0 หรือ ω0 = C1 + C2 = LC1C2 2 ถา C1 = C2 = C LC เง่ือนไขของอัตราขยาย: A ≥ 1 หรอื AC2 ≥ 1 ω02 LC1 −1 C1 วงจรกําเนิดสัญญาณท่ีไมใ ชรปู ซายน (Non-Sinusoidal Waveform Generator) วงจรกาํ เนดิ สัญญาณแบบอน่ื ๆ ท่ีไมใ ชส ัญญาณรูปซายน ซง่ึ พบไดบอ ย ก็คือวงจรกาํ เนดิ สัญญาณรปู ส่ีเหล่ียม (Square waveform generators) และวงจรกําเนิดสัญญาณรูปสามเหลี่ยม (Triangular waveform generators) วงจร กาํ เนดิ สัญญาณเหลา นี้ใชวงจรพ้ืนฐานทเี่ รยี กวา วงจร Multi-vibrator เปน สว นประกอบหลกั เราสามารถสรา งวงจร Multi- vibrator ขึน้ ไดโดยใชเ พียง Op Amp หรือ IC กําเนิดเวลา เชน IC 555 เปน ตน ประกอบเขากับเครอื ขาย RC วงจรกาํ เนิดสญั ญาณทไ่ี มใชรปู ซายนม ชี อื่ เรียกอีกอยางหนง่ึ วา วงจรกําเนิดสญั ญาณแบบผอนคลาย (Relaxation Oscillator) ทงั้ นเี้ พราะอปุ กรณชยายท่ใี ชในวงจร จะทาํ งานอยูในยา น cut-off หรืออื่มตัว (saturation) เทา นั้น ในระหวางที่อุปกรณช ยายทํางานอยใู นยาน cut-off จะไมมกี ระแสไหล จึงมองไดเ สมือนกบั วา อปุ กรณน ั้นอยใู นลกั ษณะ ผอ นคลาย (Relaxing) จึงเปน ทีม่ าของชื่อเรยี กวงจรน้ี สังเกตวาวงจรแบบน้จี ะตางจากวงจรกาํ เนิดสญั ญาณรูปซายน ซ่ึง อปุ กรณขยายทํางานอยใู นยานเชิงเสน (Linear mode) ตวั อยางที่ 4 วงจร Square Wave Generator วงจร Square Wave Generator ดงั รูปขา งลา งสรางขนึ้ จากวงจร Astable Multi-vibrator ซึง่ เปน วงจรท่ไี มมสี ภาวะเสถยี ร ถาวร แตจะมเี พียงสถานะเสถยี รชั่วครู (Quasi-stable state) สองสถานะ การทดลองเรอ่ื ง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ
R1 R2 Vo R + Vsat v+ v− + βVsat Vo t 0 VC (t) VC C − βVsat − Vsat T1 T2 รปู ที่ 6 วงจร Square wave oscillator และรูปคลืน่ ของวงจร จากรูปให Op Amp มีอัตราขยายสูงมากจนแรงดันดานออก Vo อ่มิ ตวั ท่ี ± Vsat ไดทนั ที (หรือใชเวลานอ ยมากๆ) เมอื่ ดา นออกเกดิ การสวิตชคา สมมุติวา ดานออกเกิดการสวิตชจากต่าํ ไปสูง ทันท่ีเกิดการสวิตชต วั เก็บประจุ C จะถูกอดั ประจุ ผา น R ดว ยคาเวลาคงตัว RC ทาํ ให VC สงู ขน้ึ มคี าเขา หา + Vsat สงั เกตวา VC ก็คือ v− ซ่ึงเปน แรงดนั ตรงขว้ั เขาไมก ลับ ข้วั ของ Op Amp ดวย ดงั น้นั เมื่อ VC (ซ่งึ กค็ อื v− ) มีคาเทา กับหรือสูงกวา v+ = +(R1 / )R2 Vsat = +βVsat ดานออก ของ Op Amp จะเกิดการสวิตชคา จาก + Vsat ไปเปน −Vsat ทําใหตวั เก็บประจุ C ก็จะเรมิ่ ตนคายประจุผาน R v− กจ็ ะ ลดลงในอัตราเอ็กซโพเนนเชึยลเขาหา − Vsat จนกระทัง่ v− เทา กับหรือตํ่ากวา ( )v+ = − R1 / R2 Vsat = −βVsat ดา นออกของ Op amp กจ็ ะเกิดการสวิตชกลับไปยัง + Vsat เกดิ เปนวัฎจกั รและรูปคล่ืนดงั แสดงในรูป ให t = 0 เปนตาํ แหนงเวลาท่ี VC = VLT = −βVsat แรงดันตกครอม C ในระหวางการอดั ประจุจะเปนไปตามสมการ VC (t) = Vsat − (Vsat + βVsat )e −t /(RC) จนถึงเวลา t = T1 เมอื่ VC (t) = v+ = +βVsat ซ่งึ จะทําใหไ ดว า βVsat = Vsat − Vsat (1 + β )e−T1 /(RC) หรอื T1 = RC ln⎛⎝⎜⎜ 1 + β ⎟⎞⎠⎟ ≅ RC ln(1 + 2β ) 1 − β ในทาํ นองเดียวกัน ในจังหวะท่ี C เกิดการคายประจุ จะพบวา VC (t) = −Vsat − (−Vsat − βVsat )e −t /(RC) ซง่ึ จะยุติลง ณ เวลา t = T2 เม่ือ VC (t) = v+ = −βVsat ซ่ึงจะทาํ ใหไดว า − βVsat = −Vsat + Vsat (1 + β )e −T2 /(RC) หรอื T2 = RC ln⎜⎛⎝⎜ 1 + β ⎟⎟⎠⎞ ≅ RC ln(1 + 2β ) 1 − β ดงั นน้ั จะไดวา คาบของสญั ญาณออก คือ T = T1 + T2 ≅ RC ln(1 + 2β ) = RC ln⎝⎜⎛⎜1 + 2R1 ⎞⎟⎠⎟ R2 กรณที ่ี R1 = R2 จะได T ≅ 2.2RC หรือ ความถ่ขี องสัญญาณ คอื f0 =1 ≅ 1 T 2.2RC การทดลองเร่อื ง วงจรกาํ เนิดสัญญาณ
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: