วัดวัง พัทลุง
พระอุโบสถ พระอุโบสถตั้งอยู่ตรงกลางวัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นอาคารก่อด้วยอิฐถือปูน ขนาดกว้าง ๖.๖๐ เมตร ยาว ๑๔ เมตร หลังคาทรงไทยมุงด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผา มีช่อฟ้าใบระกา ด้านหน้ามีมุข เก็จยื่นออกมา ภายในพระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งห้อยพระบาทแสดงปางป่าเลไลย์ มีช้างและลิงปูนปั้น ถวายรังผึ้ง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ บูรณะเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ และครั้งหลังสุดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ อุโบสถมี ระเบียงคดหรือวิหารคดล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน มีซุ้มประตู ๔ ทิศ ซุ้มประตูทางทิศตะวันออก สร้างเป็นซุ้มยอด ศิลปะสมัยรัชกาลที่ ๔ ภายในวิหารคดมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางต่าง ๆ จำนวน ๑๐๘ องค์ หน้าบันอุโบสถ จำหลักไม้ ด้านหน้ารูปพระพายทรงม้า ๓ เศียร มีลวดลายกระหนกก้านแย่งรูปยักษ์ และเทพธิดา กินรี ประกอบลงรักปิดทอง ด้านหลังเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ๓ เศียร ลงรักปิดทองเหมือนด้านหน้า หน้าบันทั้ง ๒ ได้จำลองจากของเดิมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยช่างชาวกรุงเทพฯ ชื่อเทียมซึ่งจำลองได้สวยงาม มากไม่แพ้ของเดิม ส่วนของเดิมนั้นได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา พระอุโบสถมี ประตูทางเข้า ๒ ประตู บานประตูทั้ง ๔ บาน เดิมมีภาพลายรดน้ำรูปทวารบาลสวยงาม แต่มาเปลี่ยนเป็น ลายดอกไม้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ เหนือขอบประตูและหน้าต่างมีลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้พรรณพฤกษา
มีสัตว์ เช่น กระรอกเป็นส่วนประกอบแบบเดียวกับที่วัดสุนทราวาส และวัดยาง แต่บางช่อมีรูปหน้ากาลปูนปั้นศิลปะ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย จำนวน ๕ องค์ องค์กลางมี ขนาดใหญ่ที่สุด หน้าตักกว้างประมาณ ๒ เมตร สองข้างมีพระพุทธสาวก คือพระสารีบุตร กับพระโมคคัลลาน ประทับ ยืนประนมมือ ด้านหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปหล่อสำริด ๑ องค์ แบบทรงเครื่องใหญ่ ปางห้ามสมุทร และพระพุทธ รูปไม้บุเงินปางอุ้มบาตร ๑ องค์ แบบศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งนำมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันหายไปแล้ว ที่ริมผนัง อุโบสถด้านหน้ามีรูปปั้นผู้หญิงซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า \"ยายไอ่\" หรือ \"ยายทองคำ\" (ปัจจุบันทางวัดได้ย้ายมาอยู่ในศาลา) เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก เดิมมีตะบันหมากทองคำอยู่ ๑ อัน พร้อมลายแทงอยู่ด้วย ต่อมาได้มีคนพยายาม แก้ลายแทงและได้เก็บตะบันหมากทองคำนั้นเป็นสมบัติส่วนตัวตลอดถึงยังได้พยายามขุดค้นเพื่อหาสมบัติ ภายใน อุโบสถที่ฝาผนังทั้ง ๔ มุมมีเขียนภาพจิตรกรรมที่เกี่ยวกับพุทธประวัติ และเทพชุมนุม สำหรับจิตรกรรมฝาผนังนี้เขียน ขึ้นในสมัยใดยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่ในพงศาวดารเมืองพัทลุง ได้ระบุว่าพระยาพัทลุง (ทับ) ได้ให้ช่างเขียนขึ้น สำเร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๓ แต่บางตำนานกล่าวว่าพระยาพัทลุง (ทับ) เป็นผู้นำช่างเขียนภาพมาจากวัดพระ ศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ เพราะท่านเคยรับราชการอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อมาเป็นเจ้าเมืองพัทลุง จึงได้ นำช่างมาเขียนภาพขึ้นที่วัดวัง แต่ก็มีผู้รู้กล่าวว่าจิตรกรรมฝาผนังที่วัดวังนี้เขียนขึ้นโดยนายช่างพื้นเมืองชาวพัทลุง ชื่อ หลวงเทพบัณฑิต (สุ่น) ซึ่งเป็นคนเดียวกันที่เขียนภาพจิตรกรรมของวัดวิหารเบิก ภาพจิตรกรรมที่ฝาผนังระหว่างช่อง ประตูและหน้าต่างเขียนภาพเรื่องราวทศชาติชาดก แต่ปัจจุบันนี้ได้ลบเลือนไปหมดแล้วทางวัดได้ใช้ปูนขาวทาทับ จึง เหลือแต่จิตรกรรมเรื่องพุทธประวัติบนผนังตอนบน ตอนบนสุดเขียนรูปฤาษี วิทยาธรกำลังเหาะ ถัดลงมาเขียนรูปเทพ ชุมนุม ต่ำลงมาเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ ภาพบางตอนจะแสดงให้เห็นถึงชีวิต สังคม และวัฒนธรรมของชาวบ้านอย่าง ชัดเจน เช่น การประกอบอาชีพ การแต่งกาย และสภาพบ้านเรือนในสมัยนั้น
ลักษณะของสถาปัตยกรรม เสาอุโบสถเป็นสีขาวล้วน ซุ้มประตูเป็นลวดลายปูนปั้นพรรณพฤกษาใน บานประตูสลักเป็นเทวดาหรือนางอัปสรยืนคู่ กรอบซุ้มรูปสามเหลี่ยม กันคนละบานประตูเบื้องล่างสลักเป็นรูปวานะ ยืนคู่คนละบานประตูเช่นเดียวกัน ซุ้มประตูสำหรับศาสนสถานมักมีลักษณะการสร้างและตกแต่งที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่การใช้งาน เช่น ประตูทางเข้าสู่อาคารประธานของวัดอาจมีการประดับตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการในขณะที่ประตูทางเข้าสู่อาคาร อื่น ๆ ที่มิได้เป็นอาคารสำคัญของศาสนาสถานอาจประดับตกแต่งน้อยกว่า โดยความหมายของการก้าวผ่าน ประตูมักเป็นเรื่องของความมงคล
ลักษณะของสถาปัตยกรรม หน้าบันประดับเครื่องลำยอง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ชัดเจน มีการใช้แผงไม้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนบน สลักรูปพระพายทรงม้า 3 ตัว ส่วนล่างสลักเป็นพระวรุณทรงหงส์ อุปมาหมายถึงเทพประจำทิศตะวันออก ด้านทิศตะวันออกมีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นรูปพระพายทรงม้า ๓ เศียร
ลักษณะของสถาปัตยกรรม ระเบียงคตรอบพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปปูนปั้นเรียงราย ๑๐๘ องค์ พระพุทธรูปรอบระเบียงคดในพระอุโบสถวัดวังเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นจำนวน ๑๐๘ องค์ ประดิษฐานเรียงราย รอบระเบียงคดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเฉพาะองค์ที่อยู่ใกล้กับซุ้มประตูที่จะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ลักษณะของสถาปัตยกรรม พระประธานในอุโบสถ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพจิตรกรรมภายในพระอุโบสถของวัดวัง กล่าวกันว่าเป็นฝีมือช่างคณะเดียวกับที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังใน พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๐๓) ลักษณะงานเขียนขึ้นโดยช่างในท้องถิ่น แต่จำลองรูปแบบงานให้เหมือนกับจิตรกรรมใน แถบพระนคร ภาพส่วนใหญ่นิยมใช้สีแดงและสีน้ำเงิน
เทพชุมนุมมักแสดงในฐานะผู้ร่วมหรือเป็นสักขีพยานในพิธิกรรมว่าด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังแสดงถึงพื้นที่ของ สวรรค์ผ่านอัตลักษณ์ของตัวเทพเองโดยเทพชุมนุมนั้นมิได้ปรากฏเพียงรูปลักษณ์ของมนุษย์เท่านั้น แต่ยัง ประกอบไปด้วยวานร ยักษ์ อสูร และอีกมากมาย โดยจะหันหน้าไปหาทิศทางที่เป็นประธานของภาพหรือของ เหตุการณ์ที่ปรากฏในจิตรกรรมนั้น ๆ ภายหลังเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ในยามดึก โดยชบวนพระองค์ประกอบด้วย นายฉันทะที่หางม้ากัณฐกะ ท้าวจุตโลกบาลที่เท้าทั้ง ๔ ของม้าระหว่างพญาวัสดีมารซึ่งเอาตัวเข้าขัด ขวางขบวนของพระองค์ เพื่อมิให้เดินทางไปสู่สมณเพศได้ อุปมาถึงด่านสุดท้ายของกิเลสก่อนการหัน หลังให้กับทางโลกมุ่งหน้าสู่ทางธรรม
เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ๔ ในรูปลักษณ์ต่าง ๆ คือคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ นักบวช เมื่อทอดพระเนตรดังนั้น พระองค์จึงทรงถามนายฉันนะพร้อมชิ้วพระหัตถ์ทุกครั้งเมื่อได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ว่าคืออะไร ในระหว่างการเสด็จประพาสอุทยานเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสอุทยาน ๔ ครั้ง ครั้งแรกทอด พระเนตรพบคนชรา ครั้งที่สองทอดพระเนตรพบคนเจ็บป่วย ครั้งที่สามทอดพระเนตรพบคนตาย คนที่สี่ทอด พระเนตรพบนักบวช ซึ่งสามครั้งแรกพระองค์รู้สึกสลดพระทัยยิ่งนัก ส่วนครั้งสุดท้ายซึ่งทอดพระเนตรพบ นักบวชนั้น ทำให้จิตใจพระองค์รู้สึกสนใจทางบรรพชิต
พระเจ้าสุโทธนะขณะประกอบพระราชพิธีจรดพระนางคัลแรกนาชวัญ โดยมีข้าราชบริพารติดตามไปเป็น จำนวนมาก โดยมีเจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ใต้ต้นหว้าที่มีผ้าม่านผูกล้อมรอบ เมื่องานเริ่มเหล่าพี่เลี้ยงและ ข้าราชบริพารต่างไปชมงานกันหมด พระองค์จึงประทับนั่งสมาธิ เมื่อพี่เลี้ยงและช้าราชบริพารกลับมาก็ล้วน ต่างอัศจรรย์ที่เงาของต้นหว้าที่พระองค์ประทับนั้นมิได้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของดวงอาทิตย์
ภาพจิตรกรรมอื่น ๆ
นายอภิสิทธิ์ พรหมสกุล เลขที่ ๑๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๘ เสนอ คุณครูศศิธร ชูอินทร์ โรงเรียนสตรีพัทลุง
นายอัศม์เดช ไหมศรีขาว เลขที่ ๑๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๘ เสนอ คุณครูศศิธร ชูอินทร์ โรงเรียนสตรีพัทลุง
นางสาวชุติมา สุทธิพรหมมา เลขที่ ๒๗ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๘ เสนอ คุณครูศศิธร ชูอินทร์ โรงเรียนสตรีพัทลุง
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: