บทท่ี 2 เอกสารและวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง 2.1 ข้อมูลพน้ื ฐานวิทยาลัยเทคนคิ ดอนเมือง 2.1.1 ประวตั ิวิทยาลัยเทคนิคดอนเมอื ง วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ได้จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2521 ต้งั อย่เู ลขท่ี 425 ถนนสรงประภา แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยยา้ ยจากโรงเรียน การช่างอินทราชัย(เดิม) เฉพาะประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม พร้อมทั้งครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษาและ บุคลากรบางส่วน มาจัดตั้งวิทยาลัยใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2522 และตั้งชื่อตามตำแหน่งที่ตั้งว่า \"วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง\" ครั้งแรกเปิดสอน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาช่างก่อสร้างและสาขาวิชาช่างเทคนิค สถาปัตยกรรมในระดับประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) และประกาศนยี บตั รวิชาชีพชั้นสงู (ปวส.) ต่อมาได้มกี าร เปิดสาขาวิชาเพิม่ ขนึ้ ตามนโยบายกรมอาชีวศึกษา โดยเปดิ รับนกั เรยี น ในระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม จำนวน 10 สาขาวิชา ปี พ.ศ. 2539 ได้เปิดทำการสอนประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง (ปวส.) และปี พ.ศ. 2540 เปิดทำการสอนสาขาวิชาพณิชยการ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.) ในปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคดอนเมืองได้จัดการเรียนการสอน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สอน นกั ศกึ ษาดอ้ ยโอกาสในเรอื นจำกลางและฑัณฑสถานหญงิ และประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันสงู (ปวส.) ทง้ั ประเภท วิชาช่างอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม รวมทั้งได้เปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น เปิดสอนหลักสูตรเทียบโอน ประสบการณ์ ระดับ ปวส. รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2557 ปจั จุบนั เปดิ สอนหลักสูตรเทียบโอนประสบการณ์ ระดับ ปวส. สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลังในปีการศึกษา 2559 เพิ่มอีกหนึ่งสาขาวิชา วิทยาลัยฯได้เปิดสอนในระดับ ปริญญาตรีสายปฏิบัติการหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ โดยร่วมมือกับ หน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อประโยชน์สูงสุดของชุมชน และเพื่อเป็นการพัฒนาการศึกษา และ พัฒนาบคุ ลากรของประเทศตอ่ ไป 2.1.2 วิสยั ทศั น์ ปรชั ญา บริการเดน่ คดิ เป็น ทำได้ ใฝค่ ุณธรรม วิสยั ทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นผู้นำในการจัดการศึกษาสายอาชีพ เพื่อเปน็ พลงั ขบั เคล่ือนเศรษฐกิจและสงั คม เพ่มิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ และภมู ิภาค 1. จดั และส่งเสริมการอาชวี ศึกษาและการอบรมวิชาชีพให้มคี ณุ ภาพและได้มาตรฐาน
2. ยกระดบั คุณภาพและมาตรฐานกำลังคนสายอาชพี สู่สากล 3. ขยายโอกาสทางการศึกษาสายอาชีพใหท้ ่ัวถงึ ต่อเน่ือง เสมอภาค และเปน็ ธรรม 4. เปน็ แกนกลางในการจดั อาชวี ศกึ ษาและอบรมวิชาชีพ ระดับฝมี ือ เทคนิค และเทคโนโลยี ของประเทศ 5. สร้างเครือข่ายความร่วมมือให้ทุกภาคสว่ นทีส่วนร่วมในการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษา และการฝกึ อบรมวชิ าชีพ 6. วิจัย สร้างนวัตกรรม จัดการองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาอาชีพ และคุณภาพชีวิตของ ประชาชน 7. ส่งเสริม/พัฒนา ครูและบุคลากรอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ มั่นคง และก้าวหน้าใน วิชาชีพ 2.1.3 สัญลักษณ์วิทยาลยั เทคนิคดอนเมอื ง เอกลักษณ์ บรกิ ารดีเด่น อตั ลักษณ์ ทกั ษะดี มีคุณธรรม คณุ ธรรมอตั ลักษณ์ มีความซ่ือสตั ย์ มคี วามรับผิดชอบ มีจติ อาสา สปี ระจำวิทยาลัย สเี ทา หมายถึง ความเจริญทางสติปัญญา สีทอง หมายถงึ คุณธรรม สีเทา-ทอง หมายถึง นักเรียน นักศึกษาของวทิ ยาลยั เทคนิคดอนเมือง ประกอบดว้ ยผมู้ ีความเจรญิ ทางสติปญั ญาและมคี ุณธรรม ดอกไมป้ ระจำวิทยาลัย ทองกวาว ทองกวาว, ทอง หรือ ทองธรรมชาติ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางในวงศ์ถั่ว มีถิ่นกำเนิดในเอเชยี ใต้ จากประเทศปากีสถาน, อินเดีย, บังกลาเทศ, เนปาล, ศรีลังกา, พม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา,
เวยี ดนาม, มาเลเซีย และทางตะวันตกของอินโดนีเซยี ทองกวาวมชี ื่ออ่ืนอีกคอื กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ), จอมทอง (ภาคใต)้ , จา้ (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองตน้ (ภาคกลาง), ดอกจาน (อีสาน) 2.1.4 คณะผู้บรหิ ารวิทยาลยั เทคนิคดอนเมือง 2.1.4.1 ผูบ้ รหิ ารวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง นายพิชเชฎฐ์ สุคนธ์ ผอู้ ำนวยการ วิทยาลยั เทคนิคดอนเมือง นางภาดี ขุนนนท์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัย ฝ่ายบรหิ ารทรัพยากร นายสุรยิ า เผด็จศกึ รองผู้อำนวยการวิทยาลัย ฝ่ายวิชาการ นายวฒั นพงศ์ ทรงประดิษฐ์ ครูชำนาญการ ทำหน้าทรี่ องผอู้ ำนวยการวทิ ยาลยั ฝ่ายพัฒนากจิ การนักเรียนนกั ศึกษา
นายปิยะพัชร์ สถติ ปรีชาโรจน์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัย ฝ่ายแผนงานและความรว่ มมือ นางอรณุ ี มสี จั รองผู้อำนวยการวิทยาลัย ฝ่ายพฒั นากิจการนกั เรียนนักศึกษา 2.1.5 บคุ ลกรภายในวิทยาลัยปทุมธานี ฝ่ายบรหิ ารทรัพยากร งานบริหารงานทัว่ ไป นางสภุ าภรณ์ อินทรา หวั หน้างานบรหิ ารงานทว่ั ไป นางอุทุมพร สารการ เจ้าหน้าทงี่ านบรหิ ารงานท่ัวไป นางสนี วล อุทสาร เจา้ หน้าที่งานบรหิ ารงานทว่ั ไป งานบคุ ลากร นางสาวสาวิตรี คุณหงษ์ หวั หนา้ งานบุคลากร นางสาวอญั ชลี จันทรม์ า ผูช้ ่วยหวั หน้างานบุคลากร นางสาวศุจิกา เพชรลำ้ ผู้ช่วยหวั หนา้ งานบคุ ลากร นางสาวภัทราวรรณ ไกรกจิ ราษฎร์ ผ้ชู ่วยหวั หน้างานบคุ ลากร นางภาวดี บวั ศรี ครูช่วยงานบุคลากร งานการเงิน นายปรญิ ญา อนิ ทรกวี หวั หนา้ งานการเงนิ นางสาวพชร ไชยทองสุก ผชู้ ว่ ยหวั หน้างานการเงนิ นายธวัชชัย ภัทรธนวดี ครชู ่วยงานการเงิน นางสาวอาฑติ ยา คงอนุ่ ครชู ่วยงานการเงนิ
นางสาวเรวดี เหมือนสินธ์ุ เจ้าหน้าทงี่ านการเงิน นางสาวนนั ทพร อนิ ทรอร่าม เจา้ หน้าท่งี านการเงิน งานการบัญชี นางสาวธนัญญา แหยมศรไี ทร หวั หนา้ งานการบญั ชี นางโชติมา รอดไทย ผู้ชว่ ยหวั หนา้ งานการบญั ชี นางสาวศันสนีย์ กนั ภัย ครูชว่ ยงานบญั ชี นางธดิ า หมวกกล่ัน เจ้าหน้าทงี่ านบญั ชี งานพสั ดุ นางอังศณา ธีระสำราญ หัวหนา้ งานพสั ดุ นางสาวสุกัญญา ปนิ่ มขุ ผู้ชว่ ยหวั หน้างานพัสดุ วา่ ที่ ร.ต.พงศธร สรุ ยิ วรากุล ผูช้ ่วยหวั หน้างานพสั ดุ นางสาวธนศี า ลาภประเสรฐิ ผู้ช่วยหัวหน้างานพัสดุ นางสาวธนศี า ลาภประเสริฐ ผ้ชู ว่ ยหวั หนา้ งานพสั ดุ นายสมบัติ ชมภูระย้า เจา้ หนา้ ที่งานพัสดุ นางสาวธัญญา แหวนทอง เจ้าหน้าที่งานพัสดุ นายไพบูลย์ บวั ลาด พนกั งานขบั รถยนต์ นายนพปฎล ขันทา พนักงานขับรถยนต์ งานอาคารสถานที่ นายสิทธิชาติ กมุ ทุ หัวหน้างานอาคารสถานท่ี นายไพโรจน์ ชาละวัน ผู้ชว่ ยหวั หนา้ งานอาคารสถานท่ี นางสาวกมลาศริ ิ ภเู วช ผู้ชว่ ยหัวหน้างานอาคารสถานท่ี ว่าที่ ร.ต.พงศธร สุรยิ วรากุล ผูช้ ่วยหัวหน้างานอาคารสถานที่ นายปญั ญา หมดั ศริ ิ ผชู้ ่วยหัวหน้างานอาคารสถานที่ นายประเสริฐ ธงไชย ครชู ว่ ยงานอาคารสถานที่ นายสำเรงิ รัตนเถรา ครูชว่ ยงานอาคารสถานที่ นางสาวณฐั วรรณ บญุ ชู ครูช่วยงานอาคารสถานที่ นางสาวธุวานนท์ ชณุ ห์ศรี เจ้าหน้าทงี่ านอาคารสถานที่ นายยอด เครือปิยะ เจา้ หน้าทงี่ านอาคารสถานท่ี นายเสนห่ ์ มีวฒั นะ เจา้ หน้าทง่ี านอาคารสถานท่ี นายธีระพงษ์ ทองคำ เจา้ หนา้ ทง่ี านอาคารสถานที่ นายมังกร สถาพร เจา้ หน้าที่งานอาคารสถานท่ี นายชาญ ไวยฤทธิ์ เจ้าหนา้ ทง่ี านอาคารสถานที่ นายประยุง มีอดทน เจ้าหน้าที่งานอาคารสถานที่
นายสมนึก กรรเชียง เจา้ หน้าที่งานอาคารสถานท่ี นายนคร สถาพร เจ้าหนา้ ท่ีงานอาคารสถานที่ นางเสริฐศรี ใจหลัก เจา้ หนา้ ท่ีงานอาคารสถานที่ นางเปา้ สถาพร เจ้าหนา้ ทง่ี านอาคารสถานท่ี นางพรชนนั สวุ รรณ์ เจา้ หน้าท่งี านอาคารสถานท่ี งานทะเบียน นายพร้อมพงศ์ อ๋องสกลุ หัวหน้างานทะเบยี น นางสาวอาฑติ ยา คงอนุ่ ผ้ชู ว่ ยหวั หน้างานทะเบยี น นางสาวณัฐวรา หมวกกลน่ั ครชู ่วยงานทะเบยี น นางสาวสมุ าลี คณุ วงค์ เจ้าหนา้ ทง่ี านทะเบียน งานประชาสมั พันธ์ นางสาวศิรนิ าถ สกุ จิ พิทยานนท์ หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ นางศศธิ ร แพรตั กลุ ผ้ชู ว่ ยหัวหน้างานประชาสมั พนั ธ์ นางวรรณรตั น์ ลิขิตวรศกั ด์ิ ผชู้ ่วยหวั หน้างานประชาสัมพันธ์ นางสาวสริ ิวิมล คชรนิ ทร์ ผู้ช่วยหัวหนา้ งานประชาสมั พันธ์ นางสาวธนัญญา แหยมศรไี ทร ครชู ่วยงานประชาสมั พันธ์ นางสาวอาภสั รา สงั ขวาสี ครชู ว่ ยงานประชาสมั พันธ์ นางนรมน แสงนอ้ ย เจ้าหนา้ ท่งี านประชาสมั พันธ์ 2.1.6 ข้อมลู หลักสูตรวิทยาลัยเทคนคิ ดอนเมอื ง 2.1.6.1 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ประเภทวิชาพาณิชยกรรม/บรหิ ารธุรกจิ - สาขาวชิ าการตลาด สาขางานการตลาด - สาขาวชิ าการบัญชี สาขางานการบัญชี - สาขาวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ สาขางานคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ ประเภทวิชาอตุ สาหกรรม - สาขาวชิ าชา่ งกลโรงงาน สาขางานเคร่ืองมือกล - สาขาวิชาช่างก่อสร้าง สาขางานก่อสร้าง - สาขาวิชาช่างเทคนคิ คอมพิวเตอร์ สาขางานเทคนคิ คอมพิวเตอร์ - สาขาวชิ าช่างไฟฟา้ กำลงั สาขางานไฟฟา้ กำลัง - สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ สาขางานอเิ ล็กทรอนกิ ส์ - สาขาวิชาโยธา สาขางานโยธา - สาขาวิชาสถาปตั ยกรรม สาขางานสถาปตั ยกรรม
2.1.6.2 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) [ทวภิ าค]ี ประเภทวิชาอุตสาหกรรม - สาขาวิชาชา่ งกลโรงงาน สาขางานเครื่องมือกล - สาขาวิชาช่างก่อสรา้ ง สาขางานก่อสร้าง - สาขาวิชาชา่ งเคร่อื งเรอื นและตกแต่งภายใน สาขางานเคร่ืองเรือน - สาขาวชิ าช่างเช่ือมโลหะ สาขางานโครงสรา้ ง - สาขาวชิ าช่างซอ่ มบำรงุ สาขางานซ่อมบำรุงอตุ สาหกรรม - สาขาวิชาช่างเทคนคิ คอมพวิ เตอร์ สาขางานเทคนคิ คอมพวิ เตอร์ - สาขาวิชาชา่ งไฟฟ้ากำลงั สาขางานไฟฟา้ กำลงั - สาขาวชิ าช่างยนต์ สาขางานยานยนต์ - สาขาวิชาช่างอเิ ล็กทรอนิกส์ สาขางานอเิ ล็กทรอนกิ ส์ - สาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ สาขางานเมคคาทรอนิกส์ - สาขาวชิ าโยธา สาขางานโยธา - สาขาวชิ าสถาปตั ยกรรม สาขางานสถาปตั ยกรรม ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมทอ่ งเท่ียว - สาขาวชิ าการโรงแรม สาขางานการโรงแรม 2.1.6.3 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพชน้ั สูง (ปวส.) [ภาคสมทบ] ประเภทวิชาพาณิชยกรรม/บรหิ ารธรุ กจิ - สาขาวชิ าการตลาด สาขางานการตลาด ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม (ปีหลกั สูตร 2563) - สาขาวชิ าช่างกอ่ สร้าง สาขางานก่อสรา้ ง - สาขาวิชาเทคนิคอุตสาหกรรม สาขางานเทคโนโลยีวิศวกรรมซ่อมบำรงุ - สาขาวชิ าไฟฟ้า สาขางานไฟฟา้ กำลงั - สาขาวชิ าไฟฟ้า สาขางานไฟฟา้ ควบคุมทางอตุ สาหกรรม - สาขาวิชาอิเลก็ ทรอนิกส์ สาขางานอเิ ล็กทรอนิกส์อตุ สาหกรรม 2.1.6.4 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชัน้ สูง (ปวส.) [พระดาบส] ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม - สาขาวชิ าเทคนคิ อุตสาหกรรม สาขางานเทคโนโลยีวิศวกรรมซ่อมบำรงุ 2.1.7 โครงสร้างหลักสูตร ปวช.สาขาวิชาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ ผูส้ ําเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี พทุ ธศักราช 2562 ประเภทวิชา เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ จะต้องศึกษารายวิชาจากหมวดวชิ า
ต่างๆ รวมไม่น้อยกวา่ 103 หนว่ ยกิต และเข้ารว่ มกิจกรรมเสริมหลักสูตร ดังโครงสรา้ งตอ่ ไปนี้ 1 หมวดวชิ าสมรรถนะแกนกลาง ไม่นอ้ ยกว่า 22 หนว่ ยกติ (1.1) กลุ่มวิชาภาษาไทย (ไม่น้อยกว่า 3 หนว่ ยกติ ) (1.2) กลุม่ วิชาภาษาตา่ งประเทศ (ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต) (1.3) กล่มุ วิชาวิทยาศาสตร์ (ไม่น้อยกว่า 4 หน่วยกติ ) (1.4) กล่มุ วชิ าคณติ ศาสตร์ (ไม่น้อยกว่า 4 หน่วยกติ ) (1.5) กลุ่มวชิ าสังคมศกึ ษา (ไม่น้อยกวา่ 3 หน่วยกติ ) (1.6) กลุ่มวิชาสขุ ศึกษาและพลศึกษา (ไม่น้อยกว่า 2 หน่วยกิต) 2 หมวดวิชาสมรรถนะวชิ าชีพ ไมน่ ้อยกวา่ 71 หน่วยกิต (1.1) กลุ่มสมรรถนะวิชาชพี พ้ืนฐาน (21 หนว่ ยกติ ) (1.2) กลุ่มสมรรถนะวชิ าชีพเฉพาะ (24 หนว่ ยกิต) (1.3) กลมุ่ สมรรถนะวชิ าชพี เลือก (ไม่น้อยกว่า 18 หนว่ ยกติ ) (1.4) ฝกึ ประสบการณส์ มรรถนะวิชาชพี (4 หน่วยกิต) (1.5) โครงงานพัฒนาสมรรถนะวิชาชพี (4 หน่วยกติ ) 3 หมวดวชิ าเลือกเสรี ไม่น้อยกว่า 10 หน่วยกติ 4 กิจกรรมเสรมิ หลักสูตร (2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) รวมไม่นอ้ ยกวา่ 103 หนว่ ยกิต 2.1.7.1 หมวดวชิ าสมรรถนะแกนกลาง ไม่น้อยกวา่ 22 หน่วยกิต กลุ่มวิชาภาษาไทย (ไม่น้อยกวา่ 3 หน่วยกิต) ให้เรยี นรายวิชา 20000-1101 จาํ นวน 2 หนว่ ยกิต แล้วเลอื กเรียนรายวชิ าอ่นื ต่อไปน้จี นครบ หนว่ ย กิตทก่ี ำหนด รหัสวชิ า ชื่อวชิ า ท-ป-น 20000-1101 ภาษาไทยพื้นฐาน 2-0-2 20000-1102 ภาษาไทยเพอื่ อาชีพ 0-2-1 20000-1103 ภาษาไทยธุรกจิ 0-2-1 20000-1104 การพูดภาษาไทยในงานอาชพี 0-2-1 20000-1105 การเขียนภาษาไทยในงานอาชพี 0-2-1 20000-1106 ภาษาไทยเชงิ สรา้ งสรรค์ 0-2-1 20000*1101 ถงึ 20000*1199 รายวชิ าในกลมุ่ วชิ าภาษาไทย *-*-* ที่สถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันพฒั นาเพิม่ เติม 2.1.9.2 กล่มุ วิชาภาษาตา่ งประเทศ (ไม่น้อยกวา่ 6 หน่วยกติ )
ให้เรียนรายวิชา 20000-1201 สาํ หรบั ภาคเรยี นท่ี 1 และรายวชิ า 20000-1208 สาํ หรับภาคเรยี น ที่ 6 รวม 2 หนว่ ยกิต และเลอื กเรยี นรายวชิ าภาษาอังกฤษรายวชิ าอื่นที่สอดคล้องกับประเภทวชิ าที่เรยี นจนครบ หน่วยกิตทก่ี ำหนด (1) กล่มุ ภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า ชอ่ื วิชา ท-ป-น 20000-1201 ภาษาอังกฤษในชวี ิตจรงิ 0-2-1 20000-1202 ภาษาอังกฤษฟัง - พูด 0-2-1 20000-1203 การอา่ นส่ือสง่ิ พิมพ์ภาษาองั กฤษ 0-2-1 20000-1204 การเขียนภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาํ วนั 0-2-1 20000-1205 ภาษาองั กฤษสถานประกอบการ 0-2-1 20000-1206 ภาษาอังกฤษอนิ เทอร์เนต็ 0-2-1 20000-1207 ภาษาองั กฤษโครงงาน 0-2-1 20000-1208 ภาษาอังกฤษเตรยี มความพร้อมเพ่ือการทํางาน 0-2-1 20000-1218 ภาษาองั กฤษสาํ หรบั งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ 0-2-1 (2) กลุ่มภาษาต่างประเทศอ่ืน สถานศึกษาอาชวี ศึกษาหรือสถาบันสามารถเลือกรายวชิ าต่อไปน้ีไปจดั การเรยี นการสอน เพ่ิมเติมในกลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ หรือในกลุ่มทักษะวชิ าชีพเลอื ก หรือหมวดวิชาเลอื กเสรีได้ รหัสวชิ า ช่อื วิชา ท-ป-น 20000-1220 ภาษาจีนเพื่อการส่ือสารในชวี ิตประจําวัน 0-2-1 20000-1221 ภาษาจีนเพ่ือการส่ือสารในงานอาชีพ 0-2-1 รหัสวิชา ชือ่ วิชา ท-ป-น 20000-1222 ภาษาญ่ีปุน่ เพ่ือการส่ือสารในชวี ติ ประจําวนั 0-2-1 20000-1223 ภาษาญีป่ นุ่ เพื่อการสอื่ สารในงานอาชพี 0-2-1 20000-1224 ภาษาเกาหลเี พื่อการสอื่ สารในชีวติ ประจําวัน 0-2-1 20000-1225 ภาษาเกาหลเี พ่ือการสอื่ สารในงานอาชพี 0-2-1 20000-1226 ภาษาเวียดนามเพื่อการสื่อสารในชวี ติ ประจําวัน 0-2-1 20000-1227 ภาษาเวียดนามเพื่อการส่อื สารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1228 ภาษาอนิ โดนีเซยี เพอ่ื การสอ่ื สารในชีวติ ประจาํ วนั 0-2-1 20000-1229 ภาษาอนิ โดนีเซยี เพอ่ื การสอื่ สารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1230 ภาษาพมา่ เพ่ือการส่ือสารในชวี ติ ประจาํ วัน 0-2-1 20000-1231 ภาษาพม่าเพื่อการสื่อสารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1232 ภาษาเขมรเพอื่ การส่อื สารในชีวติ ประจาํ วนั 0-2-1 20000-1233 ภาษาเขมรเพ่อื การสอ่ื สารในงานอาชีพ 0-2-1
20000-1234 ภาษาลาวเพอื่ การสือ่ สารในชีวติ ประจําวนั 0-2-1 20000-1235 ภาษาลาวเพ่ือการสอ่ื สารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1236 ภาษามาเลเซยี เพือ่ การส่ือสารในชีวิตประจาํ วนั 0-2-1 20000-1237 ภาษามาเลเซียเพื่อการส่อื สารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1238 ภาษาฟิลิปิโนเพื่อการส่ือสารในชวี ิตประจาํ วัน 0-2-1 20000-1239 ภาษาฟลิ ิปโิ นเพื่อการสื่อสารในงานอาชพี 0-2-1 20000-1240 ภาษารัสเซยี เพ่ือการสื่อสารในชีวิตประจาํ วนั 0-2-1 20000-1241 ภาษารสั เซยี เพ่ือการส่ือสารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1242 ภาษาเยอรมันเพ่ือการส่ือสารในชวี ิตประจําวัน 0-2-1 20000-1243 ภาษาเยอรมันเพ่ือการสื่อสารในงานอาชีพ 0-2-1 20000-1244 ภาษาฝร่ังเศสเพ่ือการสื่อสารในชีวิตประจําวัน 0-2-1 20000-1245 ภาษาฝร่งั เศสเพื่อการส่ือสารในงานอาชีพ 0-2-1 20000*1201 ถึง 20000*1299 รายวิชาในกลมุ่ วิชาภาษาต่างประเทศ *-*-* ทสี่ ถานศึกษาอาชีวศกึ ษาหรอื สถาบันพฒั นาเพ่ิมเติม 2.1.7.2 กลมุ่ วชิ าวิทยาศาสตร์ (ไมน่ ้อยกวา่ 4 หน่วยกิต) ให้เรียนรายวชิ า 20000-1301 จํานวน 2 หนว่ ยกติ และเลอื กเรียนรายวชิ าอน่ื จนครบหนว่ ย กิตทกี่ ำหนด รหัสวชิ า ช่ือวิชา ท-ป-น 20000-1301 วิทยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาทกั ษะชีวิต 1-2-2 รหสั วิชา ชื่อวชิ า ท-ป-น 20000-1302 วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอตุ สาหกรรม 1-2-2 20000-1306 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 0-2-1 20000*1301ถงึ 20000*1399 รายวชิ าในกลุ่มวิชาวทิ ยาศาสตร์ *-*-* ท่สี ถานศึกษาอาชีวศกึ ษา หรอื สถาบันพัฒนาเพ่ิมเติม 2.1.7.3 กลุ่มวิชาคณติ ศาสตร์ (ไมน่ ้อยกวา่ 4 หน่วยกติ ) ให้เรยี นรายวิชา 20000-1401จาํ นวน 2 หน่วยกติ และเลอื กเรยี นรายวชิ าอ่ืนจนครบหนว่ ย กิตท่กี ำหนด รหัสวิชา ชอ่ื วชิ า ท-ป-น 20000-1401 คณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชีพ 2-0-2 20000-1402 คณติ ศาสตร์อตุ สาหกรรม 2-0-2 20000-1403 คณิตศาสตร์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2-0-2 20000-1406 สถติ ิการทดลอง 2-0-2 20000*1401 ถงึ 2000*1499 รายวิชาในกล่มุ วชิ าคณิตศาสตร์ *-*-*
ทสี่ ถานศึกษาอาชีวศกึ ษา หรือสถาบนั พัฒนาเพิ่มเติม 2.1.7.4 กล่มุ วชิ าสงั คมศึกษา (ไมน่ ้อยกว่า 3 หน่วยกติ ) ให้เรยี นรายวิชาตอ่ ไปนี้ รหสั วิชา ชือ่ วชิ า ท-ป-น 20000-1501 หน้าท่ีพลเมืองและศลี ธรรม 2-0-2 20000-1502 ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย 1-0-1 • รายวชิ าในกลม่ วิชาสังคมศึกษาทแ่ี นะนําเพมิ่ เติม สถานศึกษาอาชวี ศึกษาหรือสถาบันสามารถเลือกรายวชิ าต่อไปนี้ไปจัดการเรยี นการสอนเพ่ิมเตมิ ในกล่มุ วิชา สงั คมศึกษา หรือหมวดวิชาเลอื กเสรไี ด้ รหัสวชิ า ชอ่ื วิชา ท-ป-น 20000-1503 ทักษะชวี ติ และสงั คม 2-0-2 20000-1504 ภูมศิ าสตร์และประวัติศาสตรไ์ ทย 2-0-2 20000-1505 อาเซยี นศึกษา 1-0-1 20000-1506 เหตกุ ารณป์ จั จบุ ัน 1-0-1 20000-1507 วฒั นธรรมอาเซียน 1-0-1 20000*1501 ถึง 2000*1599 รายวชิ าในกลุ่มวชิ าสังคมศึกษา *-*-* ที่สถานศึกษาอาชวี ศกึ ษาหรือสถาบนั พัฒนาเพมิ่ เติม 2.1.7.5 กล่มุ วิชาสขุ ศึกษาและพลศึกษา (ไมน่ ้อยกวา่ 2 หน่วยกติ ) ให้เลือกเรยี นรายวิชาในกลุ่มสขุ ศกึ ษาและกลุ่มพลศกึ ษา รวมกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 หนว่ ยกติ หรอื เลอื กเรียน รายวิชาในกลุ่มบูรณาการ ไม่นอ้ ยกวา่ 2 หนว่ ยกติ (1) กลมุ่ สุขศึกษา รหัสวิชา ช่อื วิชา ท-ป-น 20000-1601 ทักษะการดํารงชวี ิตเพื่อสขุ ภาวะ 1-0-1 20000-1602 เพศวถิ ีศกึ ษา 1-0-1 (2) กลุ่มพลศึกษา รหัสวชิ า ชื่อวิชา ท-ป-น 20000-1603 พลศกึ ษาเพื่อพัฒนาสขุ ภาพ 0-2-1 20000-1604 พลศกึ ษาเพื่อพฒั นากายภาพเฉพาะทาง 0-2-1 (3) กล่มุ บุรณาการ รหัสวิชา ช่ือวิชา ท-ป-น 20000-1605 ทกั ษะสขุ ภาพ 1-2-2 20000-1606 การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ 1-2-2 20000*1601 ถึง 20000*1699 รายวิชาในกลมุ่ วิชาสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา *-*-* ที่สถานศึกษาอาชีวศกึ ษาหรือสถาบนั พัฒนาเพม่ิ เติม
2.1.7.6 หมวดวชิ าสมรรถนะวชิ าชีพ ไมน่ อ้ ยกว่า 71 หนว่ ยกิต กลุม่ สมรรถนะวิชาชีพพ้ืนฐาน (21 หน่วยกิต ) ใหเ้ รียนรายวิชาตอ่ ไปน้ี รหสั วชิ า ชือ่ วิชา ท-ป-น 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั 2-0-2 20001-1002 พลงั งานทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อม 2-0-2 20001-1003 ธรุ กิจและการเป็นผู้ประกอบการ 1-2-2 20001-1006 กฎหมายคอมพวิ เตอร์ 1-0-1 20001-2001 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ 1-2-2 20901-1001 ระบบปฏิบตั กิ ารและโปรแกรมอรรถประโยชน์ 1-2-2 20901-1002 การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น 1-2-2 20901-1003 คณิตศาสตร์คอมพวิ เตอร์ 2-0-2 20901-1004 คอมพวิ เตอร์กราฟิกเบื้องตน้ 1-2-2 20901-1005 ระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละสว่ นประกอบ 1-2-2 20901-1006 เครือข่ายคอมพวิ เตอร์เบื้องต้น 1-2-2 2.1.10.2 กลมุ่ สมรรถนะวชิ าชีพเลือก (ไมน่ อ้ ยกว่า 18 หน่วยกิต) ใหเ้ ลือกเรยี นรายวชิ าดงั ต่อไปน้จี นครบหนว่ ยกติ ที่กำหนด สาขางานคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ รหัสวิชา ชือ่ วชิ า ท-ป-น 20204-2101 อนิ เทอร์เนต็ ในงานธุรกิจ 1–2–2 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ 1–2-2 20204-2103 โปรแกรมตารางงาน 2–2-3 20204-2104 โปรแกรมนำเสนอ 2–2–3 20204-2105 โปรแกรมฐานข้อมลู 2–2–3 20204-2106 โปรแกรมสำเร็จรปู ทางสถิติ 2–2–3 20204-2107 การเขยี นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ 2–2-3 20204-2108 การเขยี นโปรแกรมเชิงวัตถเุ บื้องตน้ 2–2–3 20204-2109 การผลติ สื่อส่ิงพิมพ์ 2–2–3 20204-2110 โปรแกรมมลั ตมิ ีเดยี 2–2–3 20204-2111 โปรแกรมสร้างภาพเคลอ่ื นไหว 2–2–3 20204-2112 การพฒั นาโปรแกรมบนอุปกรณ์พกพาเบ้ืองต้น 2–2–3 20204*2101 ถงึ 20204*2199 รายวชิ าชพี เลือกท่สี ถานศึกษาอาชีวศกึ ษาหรือสถาบนั *-*-* พัฒนาเพิ่มเติมตามความตอ้ งการของสถานประกอบการหรือตามยุทธศาสตรข์ องภมู ภิ าค รายวิชาทวิภาคี
รหสั วชิ า ชือ่ วชิ า ท-ป-น 20204-5101 ปฏิบตั งิ านคอมพิวเตอร์ธรุ กิจ 1 *-*-x 20204-5102 ปฏิบัติงานคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ 2 *-*-x 20204-5103 ปฏบิ ัตงิ านคอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ 3 *-*-x 20204-5104 ปฏบิ ตั งิ านคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ 4 *-*-x 20204-5105 ปฏบิ ัตงิ านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 5 *-*-x 20204-5106 ปฏิบัติงานคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ 6 *-*-x สำหรับการจัดการศึกษาระบบทวภิ าคี ไม่น้อยกว่า 18 หน่วยกติ นนั้ ใหส้ ถานศึกษาและสถาน ประกอบการ รัฐวิสาหกิจ หรอื หน่วยงานของรัฐท่ีรว่ มจัดการศกึ ษาระบบทวภิ าคี ร่วมกนั วิเคราะห์ลักษณะงาน ของสถานประกอบการ รฐั วิสาหกิจ หรอื หนว่ ยงานของรัฐ เพอ่ื กำหนดรายละเอียดของแต่ละรายวชิ าทวิภาคี ได้แก่ จดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ า คำอธบิ ายรายวชิ า เวลาท่ีใชฝ้ กึ และจำนวนหนว่ ยกิตเพอ่ื นำไป จัดทำแผนการฝึกอาชีพและแนวการวัดและประเมนิ ผลรายวชิ า ทงั้ นี้ โดยให้ใช้เวลาฝึกในสถานประกอบการไม่ นอ้ ยกวา่ 54 ช่วั โมง มคี ่าเท่ากบั 1 หนว่ ยกิต ฝกึ ประสบการณส์ มรรถนะวชิ าชพี (4 หนว่ ยกิต) ใหเ้ ลือกเรยี นรายวิชา 20204-8001 จำนวน 4 หนว่ ยกิต หรือรายวชิ า 20204-8002 และ 20204- 8003 รวม 4 หน่วยกิต รหัสวชิ า ช่ือวชิ า ท-ป-น 20204-8001 ฝึกงาน *-*-4 20204-8002 ฝึกงาน 1 *-*-2 20204-8003 ฝึกงาน 2 *-*-2 2.1.10.3 โครงงานพัฒนาสมรรถนะวิชาชพี (4 หนว่ ยกิต) ใหเ้ ลือกเรียนรายวชิ า 20204-8501 จำนวน 4 หน่วยกติ หรือรายวชิ า 20204-8502 และ 20204- 8503 รวม 4 หน่วยกติ รหัสวิชา ชอื่ วิชา ท-ป-น 20204-8501 โครงงาน *-*-4 20204-8502 โครงงาน 1 *-*-2 20204-8503 โครงงาน 2 *-*- 2.1.7.7 หมวดวชิ าเลือกเสรี ไมน่ ้อยกว่า 10 หน่วยกิต ใหเ้ ลือกเรยี นตามความถนัดและความสนใจจากรายวชิ าในหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พุทธศักราช 2562 ทุกประเภทวิชาและสาขาวชิ า 2.1.11.1 กิจกรรมเสรมิ หลักสูตร (2 ชวั่ โมงต่อสปั ดาห)์
ใหจ้ ัดกจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร รายวชิ า 20000-2001 และ 20000-2002 และเลอื กเรียนรายวิชา กิจกรรมเสริมหลักสตู รอน่ื ให้ครบทุกภาคเรยี น รหัสวชิ า ชือ่ วิชา ท-ป-น 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสือวสิ ามญั 1 0-2-0 20000-2002 กิจกรรมลกู เสือวิสามัญ 2 0-2-0 20000-2003 กิจกรรมองค์การวิชาชีพ 1 0-2-0 20000-2004 กจิ กรรมองค์การวิชาชพี 2 0-2-0 20000-2005 กจิ กรรมองค์การวชิ าชีพ 3 0-2-0 20000-2006 กจิ กรรมองค์การวชิ าชีพ 4 0-2-0 20000-2007 กิจกรรมสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรม 0-2-0 20000*2001 ถึง 20000*20XX กจิ กรรมนักศึกษาวชิ าทหาร / กิจกรรมที่สถานศึกษา 0-2-0 หรือสถานประกอบการจัด 2.1.8 ข้อมลู รายวิชา เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองต้น 20204-2005 เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น 2–2-3 2.1.8.1 จดุ ประสงครายวิชา เพอ่ื ให้ 1. เขา้ ใจเกยี่ วกบั หลักการทำงานและองค์ประกอบของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2. สามารถเลือกใช้อปุ กรณแ์ ละเช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เบื้องต้น 3. สามารถใชง้ านเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ในองคก์ ร 4. มีเจตคตแิ ละกจิ นิสัยทด่ี ใี นการปฏิบัตงิ านคอมพิวเตอร์ด้วยความละเอียดรอบคอบ และถูกตอ้ ง 2.1.8.2 สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั หลักการทํางานและกระบวนการของระบบเครือขา่ ย คอมพิวเตอร์ 2. ใช้อปุ กรณแ์ ละเชอมตอระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เบื้องตนในการปฏบิ ตั งิ าน 3. ประยกุ ตใช้ในงานเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ในการปฏิบตั งิ านขององค์กร 2.1.8.3 คาํ อธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการทำงานและองค์ประกอบของระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ประเภท ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตัวกลางการเชื่อมต่อ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ โปรโตคอล รูปแบบการเชื่อมตอ่ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ การตดิ ต้งั ระบบปฏบิ ัติการเครือ ขายคอมพิวเตอร์ใช้โปรแกรมประยุกตแ์ ละโปรแกรมยูทลิ ิต้ีบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 ขอ้ มลู เก่ียวกบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการศกึ ษา 2.2.1 ความหมายของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น สิทธพิ ร ธรรมธร (2558) ได้ใหค้ วามหมายของ ความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ไว้ว่า ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น หมายถึง ผลการวดั การเปลี่ยนแปลงและประสบการณ์การเรียนรู้ ใน เนื้อหาสาระท่ีเรยี นมาแลว้ ว่าเกิดการเรียนรู้เท่าใจมีความสามารถชนดิ ใดโดยสามารถวัดไดจ้ ากแบบทดสอบวดั สัมฤทธใิ์ นลกั ษณะตา่ ง ๆ และการวัดผลตามสภาพจรงิ เพื่อบอกถงึ คุณภาพการศึกษาความหมายของการวดั ผล สมั ฤทธทิ์ างการเรียน พงศศ์ ริ ิ ธรรมวุฒิ (2558) ได้ให้ความหมายของ ความหมายของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ไวว้ ่า ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง กระบวนการวัดผลการศึกษาเล่าเรียนว่าผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้มากนอ้ ยเพียงใดหลังจากเรียนในเรือ่ งน้ัน ๆ ณฐมน อุชา (2559) ได้ให้ความหมายของ ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไว้ว่า ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ของผู้เรียนที่แสดงออกในรูปแบบของคะแนนหรือ ระดับความสามารถในการทำแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง หลังจากที่ศึกษาเนื้อหาบทเรียนแล้ว ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนจึงสามารถแสดงผลได้ท้ังเชิงปรมิ าณ และคุณภาพ แต่ไม่นยิ มนำเสนอเป็นคา่ โดด ๆ มีก เปรยี ญเทียบกับเหตุการณเ์ งอื่ นไขต่าง ๆ หรอื ปรยี ญเทียบระหว่างกลุ่มผ้เู รยี นดว้ ยกัน ปริญญา จติ รโคตร (2552) ได้ให้ความหมายของ ความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ไว้ ว่า ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสำเร็จของผู้เรียนในการพยายามที่จะทำให้ตนเอง เกิดการเรยี นรทู้ ้ังทางด้านพุทธพสิ ัย ทักษะพสิ ัยและจิตพสิ ยั อันเกดิ จากกระบวนการเรียนการสอนท่ีต้องอาศัย ทักษะความพยายาม การฝึกฝนและประสบการณ์ ซึ่งสามารถสังเกต และวัดได้ด้วยแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ช่วยสอนที่กล่าว มาทั้งหมดข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า ความรู้ของผู้เรียนที่แสดงออกในรูปแบบของคะแนนหรือระดับ ความสามารถในการทำแบบทดสอบหรอื แบบฝึกหัดได้ถูกต้องทำใหต้ นเองเกิดการเรียนรู้ท้ังทางดา้ นพุทธพิสยั ทักษะพสิ ัยและจติ พิสยั 2.2.2 องค์ประกอบของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ปนัดดา บุญพาวัฒนา (2550) ได้ให้ความหมายของ องค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนไว้ว่า องค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนของนักเรียนประกอบด้วย ลักษณะของตัวนักเรียนเองอันได้แก่ ความสนใจ ทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ สุขภาพ เป็นต้น และลักษณะที่เป็นสภาพแวดล้อมรอบตัวนักเรียน เช่น ที่อยู่อาศัย โรงเรียน ครู ผู้ปกครอง เพื่อน เปน็ ตน้
สุชาติ เกิดเมฆ (2550) ) ได้สรุปความหมายองค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ว่า องค์ประกอบที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้แก่ ความพร้อมทางด้านร่างกายจิตใจ และ สติปญั ญาของผเู้ รียน ส่ิงแวดล้อมในโรงเรยี นและสิ่งแวดลอ้ มในครอบครัว สมบรู ณ์ มณฉี ำ่ (2560) ไดส้ รปุ ความหมายขององคป์ ระกอบท่ีมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิท์ างการ เรียน คือ สภาพแวดล้อมที่จะส่งผลต่อผู้เรียนให้เกิดการเรยี นรู้ดามจุดประสงค์การเรียนรู้แล้วสามารถดอบขอ้ คำถามหรอื ชดุ คำถามทค่ี รูผู้สอนใช้วดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน เตือนใจ อินทรีย์ (2553) ได้กล่าวถึงความหมายองค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ ว่า องค์ประกอบหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน คือ ทั้งด้าน อารมณ์ สังคม ลักษณะ เชาว์ปัญญา และสติปัญญา ซง่ึ รวมถึงความรเู้ ดิม หลักสตู ร และการสอนของครู จากที่ศกึ ษาความหมายของคำว่า องคป์ ระกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ชว่ ยสอนท่ีกล่าว มาทั้งหมดข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ประกอบดว้ ย ลกั ษณะของตัวนักเรียนเองอันได้แก่ ความสนใจ ทัศนคติต่อสงิ่ ต่างๆ 2.2.3 ปจั จยั ทม่ี ผี ลสัมฤทธิท์ างการเรียน วษิ า สำราญใจ (2552) ไดใ้ ห้ความหมายของ ปจั จยั ที่มผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ไว้วา่ ปัจจัยที่ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหมายถึง ปัจจัยที่มีอิทธิพลกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้นมีปัจจัยมากมายหลาย อย่างคังต่อไปนี้ คือ (1) ด้านคุณลักษณะการจัดระบบในโรงเรียน ตัวแปรด้านนี้จะประกอบด้วยขนาดของ โรงเรียน อัตราส่วนนักเรียนต่อกรู อัตราส่วนนักเรียนต่อห้องเรียน ซึ่งตัวแปรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน(2) ด้านคุณลักษณะของครู ตัวแปรทางด้านคุณลักษณะของครู ประกอบด้วยอายุ วุฒิครู ประสบการณ์ของครู การฝึกอบรมของครู จำนวนวันลาของครู จำนวนคาบทีส่ อนใน หนึ่งสัปดาห์ ความเอาใจใส่ในหน้าที่ ทัศนคติเกี่ยวกับนักเรียน ซึ่งตัวแปรเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์กับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งสิ้น(3) ด้านคุณลักษณะของนักเรียน ประกอบด้วยตัวแปรเกี่ยวกับตัวนักเรียน เช่น เพศ อายุ สติปัญญา การเรียนพิศษ การได้รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับการเรียน สมาชิกในครอบครัวระดับ การศึกษาของบิดามารดา อาชีพของผู้ปกครอง ความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์การเรียน ระยะทางไปเรียนการมี อาหารกลางวันรับประทาน ความอาใจใส่ในการเรียน ทัศนติเกี่ยวกับการเรียนการสอน ฐานะทางครอบครัว การขาดเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น ตัวแปรเหล่านี้ก็มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน (4) ด้านภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของนักเรียน การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างสภาพทางเศรษฐกิจ สังคมกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่ง ประกอบด้วยตัวแปร เช่นขนาดกรอบครัว ภาบาที่พูดในบา้ น ถิ่นที่ตั้งบ้านการมีสื่อทางการศึกษาต่าง ๆ ระดับ การศึกษาของบดิ ามารดา ฯลฯ ผลการวิจยั ทผ่ี า่ นมาพบวา่ มคี วามสัมพันธ์กบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ศิริมา ศิริสรรหิรัญ (2554) ได้ให้ความหมายของ ปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไว้ว่า ปัจจยั ทีม่ ีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นหมายถึง ปจั จัยหรือองคป์ ระกอบที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น คือ ความ
พร้อมด้านสติปัญญา คุณลักษณะทางจิตใจ พฤติกรรมการเรียนการสอน บรรยากาศในการเรียน วิธีการเรียน การสอน รวมท้งั ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้จากครผู ูส้ อนด้วย สุนทรี เข็มทอง (2560) ได้ให้ความหมายของ ปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ไว้ว่า ปัจจัย ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหมายถึง ตัวแปรที'มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียน ประกอบด้วย ตัวแปรด้านตัวผู้เรียน คือ เจตคติต่อการเรียนภาษาอังกฤษ แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ นิสัยการเรียน และพ้ืนฐานความรู้เดิม ตัวแปรด้านโรงเรียน คือ คุณภาพการสอนของครู สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน และความเปน็ ผนู้ าํ ดา้ นวชิ าการของผูบ้ รหิ ารโรงเรยี น และตวั แปรด้านสงั คม คอื อาชีพของผปู้ กครอง รายไดข้ อง ผปู้ กครอง และการส่งเสรมิ การเรียนของผปู้ กครอง ปิยนุช สิงห์สถิตย์ (2553) ได้ให้ความหมายของ ปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไว้ว่า ปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหมายถึง ปัจจัยทีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านตัวนักเรียนและปัจจัยด้านโรงเรียนปัจจัยด้านครอบครัว ได้แก่ การส่งเสรมิ การเรียนของผู้ปกครองและความสัมพนั ธภ์ ายในครอบครวั ปัจจัยด้านตัวนักเรยี น ไดแ้ ก่ เจตคติต่อ การเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธ์ิความคาดหวังในการศึกษาต่อ พื้นความรู้เดิมและการทํา การบา้ นของนักเรยี น ปัจจัยดา้ นโรงเรยี นได้แก่ คุณภาพการสอนของครู ความเป็นผนู้ ําดา้ นวชิ าการขอผู้บริหาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งครกู บั นกั เรยี นและบรรยากาศในชั้นเรียน จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า ปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ช่วยสอนที่กล่าวมา ทั้งหมดข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยหรือองค์ประกอบที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ ความพร้อม ดา้ นสติปัญญา คุณลักษณะทางจติ ใจ คุณภาพการสอนของครู ความเปน็ ผนู้ ําดา้ นวิชาการขอผ้บู รหิ าร 2.2.4 แบบทดสอบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เกศินี ศรีวรรณา (2551) ได้ให้ความหมายของ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ว่า แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นสร้างข้ึนเพื่อวัดพฤดกิ รรม หรอื ผลการเรียนรู้ ซงึ่ อาจเป็นแบบทดสอบมาตรฐานทผี่ ู้เชีย่ วชาญได้สร้างไว้ หรือแบบทดสอบทผ่ี ู้สอนจัดทำข้ึน ใช้เองเพื่อให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของพฤดิกรรมที่ต้องการวัด และก่อนที่จะสร้างบบทคสอบจะต้อง ออกแบบการสร้างข้อสอบ โดยคำนึงถึงวัดถุประสงค์ของจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมให้ครอบคลุมเนื้อหาสาระ นอกจากนั้นกำหนดสัดส่วนของเนื้อหาลาระในการออกข้อสอบให้ชัดเจน ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้สร้าง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ขึน้ เอง โยเป็นแบบทดสอบที่สอดคล้องกบั ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวังในวิชาเคมี หน่วย การเรยี นรู้ พันธะเคมี จิรภาภรณ์ วงศ์กาญจนฉัตร (2557) ได้กล่าวถึงลักษณะผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถในการเรียนวิชาต่าง ๆ โดยบรรลุจุดมุ่งหมายด้านความจำ ด้านความเข้าใจ ด้านการนำไปใช้ เป็นการแสดงความสามารถในระดับต่ำ ส่วนด้านการวิเคราะห์ ด้านการ สงั เคราะห์ และด้านการประเมิน เป็นการแสดงความสามารถในระดับสูง
พัชรี เมืองสอง (2550) ได้กล่าวถึงแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ว่า แบบทดสอบ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน หมายถงึ ในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เพื่อนำไปใชเ้ ก็บรวบรวม ข้อมูลนั้นนิยมสร้างโดยยึดตามการจำแนกจุดประสงค์ทางการศึกษา ด้านพุทธิพิสัยของ บลูม (Benjamin. Bloom) และคณะ ที่จำแนกจุดประสงค์ทางการศึกษาด้านพุทธิพิสัยออกเป็น 6 ประเภทได้แก่ 1) ความรู้ (Knowledge) 2) ความเขา้ ใจ (Comprehension) 3) การนำไปใช้(Application) 4) การวเิ คราะห์ (Analysis) 5) การสังเคราะห์ (Synthesis) และ 6) การประเมินค่า (Evaluation) การสร้างข้อสอบถ้าวัดตาม 6 ประเภท เหล่านี้ ก็จะครอบคลุมพฤติกรรมต่าง ๆ กรอบแนวคิดที่ใช้มากเช่นกันในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ คือ วัดตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะกำหนดในรูปจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral objective) ผอู้ อกข้อสอบตามจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ลกั ษณะนีเ้ ปน็ การวดั ผลแบบองิ เกณฑ์ พิมพ์ประภา อรัญมิตร (2552) ได้กล่าวถึงแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ว่า แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ให้ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ว่า หมายถึง แบบทดสอบทใ่ี ช้วัดความรู้ความสามารถของบคุ คลในดา้ นวิชาการ ซงึ่ เปน็ ผลจากการเรียนร้ใู นเนือ้ หาสาระและ ตามจุดประสงค์ของวิชาหรือเนื้อ หาที่สอบนั้น ได้แบ่งลักษณะแบบทดสอบออกเป็น 2 ประเภท คือ (1) แบบทดสอบอิงเกณฑ์ ( Criterion referenced test) หมายถึง แบบทดสอบที่สร้างขึน้ ตามจุดประสงค์เชิง พฤติกรรม มีคะแนนจุดตัดหรือคะแนนเกณฑ์สำหรับใช้ตัดสินว่าผู้เรียนมีความรู้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ การวัดตรงตามจุดประสงค์เป็นหัวใจสำคัญของข้อสอบในแบบประเภทนี้(2) แบบทดสอบอิงกลุ่ม (Norm referenced test) หมายถึง แบบทดสอบที่มุ่งสร้างเพื่อวัดให้ครอบคลุมหลกั สูตร จึงสร้างตามตารางวิเคราะห์ หลักสูตร ความสามารถในการจำแนกผู้สอบตามเก่งอ่อนได้ดีเป็นหัวใจสำคัญของข้อสอบในแบบทดสอบ ประเภทนี้ การรายงานผลการสอบอาศัยคะแนนมาตรฐาน ซึ่งเป็นคะแนนที่สามารถใช้ความหมายแสดงถึง สถานภาพความสามารถของบุคคลนนั้ เมื่อเปรียบเทียบกบั บุคคลอน่ื ๆ ท่ใี ชเ้ ปน็ กลุ่มเปรียบเทยี บ จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ช่วยสอนที่กล่าวมา ทัง้ หมดขา้ งต้นสามารถสรุปได้ว่า แบบทดสอบทีใ่ ชว้ ัดความรู้ความสามารถของบคุ คลในด้านวชิ าการ ซ่งึ เป็นผล จากการเรียนรู้ในเนื้อหาสาระและตามจุดประสงค์ของวิชาหรือเนื้อหาในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน เพื่อนำไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลนั้นนิยมสร้างโดยยึดตามการจำแนกจุดประสงค์ทางการศึกษา ดา้ นพทุ ธิพิสัยของ บลูม (Benjamin. Bloom) และคณะ 2.3 แนวคิดเกี่ยวกับ treatment 2.3.1 ความหมายของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พิทยา ถาพร (2557) ได้ใหค้ วามหมายของ ความหมายของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ไว้ ว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง สื่อการเรียนการสอนที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำเสนอบทเรียนให้แก่ นักเรียนโดยบรรจุเนื้อหาความรู้ กิจกรรม แบบฝึกหัด แบบทคสอบ และสถานการณ์จำลองลงในโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง โดยการกระตุ้นการโต้ตอบตามความแตกต่างของเเต่ ละบุคคลและมีการเสริมแรงแก่ผู้เรียน ซึ่งการนำเสนอเนื้อหาของบทเรียนจะอยู่ในรูปของตัวอักษรข้อความ ภาพน่งิ ภาพเคล่อื นไหวและเสยี งประกอบ โดยท่นี กั เรยี นสามารถโตต้ อบ และแสดงผลการเรียนของนกั เรยี นได้ ราตรี ชยั พพิ งค์ (2552) ไดใ้ ห้ความหมายของ ความหมายของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไว้ว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนเรียนด้วย ตนเอง โดยการมีปฎสิ มั พันธ์กบั คอมพิวเตอร์ นำเสนอเนื้อหาในลักษณะสื่อประสม อันได้แก่ ตัวอักษร ภาพนงิ่ กราฟฟิก แผนภูมิ แผนสถิติ ภาพเคลื่อนไหว เสียงและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ โดยการเรียนด้วยบทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เนน้ เร่ืองเร่อื งความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และยดึ นักนกั เรียนเปน็ ศูนย์กลาง ซึ่งนักเรียน สามารถเรียนได้ดว้ ยความสามารถของตนเอง ประทิป อนิลบล (2559) ได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไว้ว่า คอมพิวเตอร์ช่วย สอนหมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่นำเสนอบทเรียนผ่านทางจอภาพคอมพิวเตอร์ โดยใช้ตัวอักษรภาพน่งิ ภาพกราฟกิ ภาพเคล่ือนไหว และเสยี ง ในการนำเสนออย่างเป็นระบบ มีการจดั ลำดบั วิธีการสอนหรือกิจกรรม ตา่ ง ๆ เพ่อื ให้เหมาะสมกับผ้เู รยี น สามารถโด้ตอบหรอื ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างคอมพวิ เตอร์และผเู้ รยี น ประสิทธิ์ คลังบุญครอง (2550) ได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไว้ว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึงคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือสื่อการเรียนการ สอนประเภทหนึ่งที่สามารถนำเสนอได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว โดยอาศัยเทคโนโลยีระดับสูงของ คอมพิวเตอร์เป็นตัวถ่ายโยงข้อมูลความรู้ไปสู้ผู้เรียนโดยได้นำเนื้อหาวิชา แบบฝึกหัก แบบทดสอบ และลำดับ การสอนมาบันทึกและเก็บไว้ โดยสามารถโต้ตอบกับผู้เรียนได้ ผู้เรียนจะเรียนและทบทวนบทเรียนจาก คอมพวิ เตอร์ เปรียญเสมือนหนง่ึ กบั การเรยี นระหว่างครูกับนกั เรียนนนั่ เอง จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า ความหมายของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่กล่าวมา ทั้งหมดข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึงคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือบทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือสื่อการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่สามารถนำเสนอได้ทั้งข้อความ ภาพน่ิง ภาพเคลอื่ นไหวนำเสนอบทเรยี นผ่านทางจอภาพคอมพวิ เตอร์ 2.3.2 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน พิทยา ถาพร (2557) ได้ให้ความหมายของ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไว้ว่า ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนดังกล่าวข้างต้น พอสรุปได้ วา่ บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีประโยชนท์ สี่ ามารถนำไปใชใ้ นทางการศึกษาดังนี้ (1) ผู้เรียนสามารถศกึ ษาได้ตามความสามารถ ความสนใจของตนเอง และไม่มี ขอ้ จำกัดของเรอ่ื งเวลา (2) ผเู้ รยี นมคี วามสนใจใน บทเรยี นท่สี ามารถนำเสนอไดท้ ้ังขอ้ ความ ภาพสีสนั และเสยี งมีความนา่ สนใจ (3) ผ้เู รียนสามารถทราบถึงความกา้ วหนา้ ของตนเองได้อย่างต่อเนอื่ ง
(4) ผเู้ รียนได้เรียนตามลำดับความยากงา่ ย ทำให้เข้าใจชัดเจน (5) ผู้เรยี นสามารถทราบถึงพัฒนาการดา้ นความรขู้ องตัวเอง ถนอม ลี้ตระกูล (2557) ได้ให้ความหมายของ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไว้ว่า ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนดังกล่าว สรุปได้ว่า ประโยชนข์ องคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมปี ระโยชน์มากมายต่อผเู้ รียนและผู้ใชข้ น้ึ อย่กู ับวา่ ผู้ใช้มวี ตั ถุประสงค์การใช้ อย่างไร การใช้ประโซชน์จากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้แบ่งให้เห็นว่ามีประ โยชน์ต่อการจัดการ การเรียนรู้ต่อ ครผู ้สู อน และเปน็ ประ โยชน์ต่อผเู้ รียน เป็นการตอบสนองการเรียนรรู้ ายบุคคล เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนเรยี นรู้ตาม ความสามารถของผู้เรียน โดยไม่ต้องรอ หรือเร่งตามเพื่อน สามารถเพิ่มแรงจูงใจทำให้ไม่น่าเบื่อหน่ายในการ เรียน ราตรี ชัยพิพงค์ (2552) ได้ให้ความหมายของ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไว้ว่า ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง บทเรียนช่วยสอนคอมพิวเตอร์เปน็ เครื่องมือที่สำคัญที่ใชพ้ ัฒนา และเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนได้อย่างกว้างขวาง ในลักษณะของการสื่อสารสองทาง ที่สามารถ กระตุน้ และเกอื้ หนนุ ให้นกั เรียนอยากเรียนได้อยา่ งอสิ ระตามความสามารถของตนเอง ตามจุดมงุ่ หมายของการ เรยี นการสอนและตามความต้องการของนักเรยี นแต่ละบคุ คล ประสทิ ธ์ิ คลังบุญครอง (2550) ได้ใหค้ วามหมายของ ประโยชน์ของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ไว้ ว่า ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นมีประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้ สามารถศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้จาก สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและเชื่อมั่นว่าสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นมีประสิทธิภาพเนื่องจากผู้ผลิตย่อมต้อง ออกแบบมาเปน็ อยา่ งดี ถูกตอ้ งตามหลกั การออกแบบสื่อคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่กล่าวมาทั้งหมด ข้างต้นสามารถสรปุ ได้วา่ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีประโยชน์มากมายต่อผู้เรยี นและผู้ใช้ข้ึนอยู่กับ วา่ ผใู้ ช้มวี ัตถุประสงค์การใช้อยา่ งไรและเสรมิ ประสิทธิภาพการเรยี นการสอนได้อยา่ งกว้างขวาง 2.3.3 ความหมายของมลั ติมเิ ดีย ถนอม ลี้ตระกูล (2557) ได้ให้ความหมายของมัลติมีเดียไว้ว่า มัลติมีเดีย เป็นสื่อหลายแบบ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถผสมผสานกันระหว่างข้อความ ข้อมูลตัวเลข ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสยี งมา ผสมผสานเข้ากัน้ อย่างลงตวั นิเวศน์ วงศ์ประทุม (2558) ได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์มัลติมเี ดียไว้วา่ มัลติมีเดีย คือ การนำสื่อชนิดต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันโดยการใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นพื้นฐานในการเสนอสารสนเทศ และใช้ส่ือ มากกว่าหนึ่งอย่างในการนำเสนอ เช่น ภาพกราฟิก ข้อความ และเสียง โดยเน้นถึงการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้ และสือ่ ทองสุข นะธะศิริ (2555) ได้ให้ความหมายของมัลติมีเดียไว้ว่า มัลติมีเดีย สื่อการเรียนการ สอนที่ใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือในการสอน ผู้เรียนจะเรียนรู้บทเรียนจากคอมพิวเตอร์ สื่อความหมาย
การเรียนรู้เนื้อหาบทเรียนจากภาพ เสียงและตัวอักษรในโปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถถามคำถามรบั คำตอบ และตรวจคำตอบได้ ทำให้ผเู้ รียนประเมนิ ผลการเรียนรไู้ ดท้ นั ที อาทิตยา บุญเกิด (2557) ให้ความหมายของมัลติมีเดียว่า มัลติมีเดีย คือ การนำสื่อหลาย ๆ อย่างมารวมกันประกอบด้วย ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงและตัวอักษร ผสมผสานกัน เพื่อให้เป็นสื่อที่มี การเรียนรู้ได้หลากหลาย สามารถสื่อความคิดไปสู่ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บทเรื่องนั้นๆ มีความ น่าสนใจ ช่วยใหป้ ระสิทธิภาพในการเรียนรู้ดขี นึ้ และบรรลุตามวัตปุ ระสงค์การเรียนมากย่ิงขึ้น จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า ความหมายของมัลติมิเดีย ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น สามารถสรปุ ได้ว่าสอื่ การเรียนการสอนทใี่ ช้คอมพิวเตอร์มาเปน็ เคร่อื งมือในการสอนการนำส่อื หลาย ๆ อยา่ งมา รวมกนั ประกอบด้วย ภาพน่งิ ภาพเคลื่อนไหว เสยี งและตวั อกั ษร 2.3.4 การหาประสทิ ธภิ าพของบทเรียน พงศ์ศิริ ธรรมวุฒิ (2558) ได้ให้ความหมายของคำวา่ การหาประสิทธิภาพของบทเรียน ไว้ว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน หมายถึง การหาประสิทธิภาพชุดการสอนจึงเป็นการนำชุดการสอนที่ได้ไป ทดลองใช้แล้วทำการปรับปรุงแก้ไขเพื่อนำไปใช้ทดลองจริง แล้วนำผลมาทำการวิเคราะห์ แล้วปรับปรุงเพ่ือ นำไปใช้งานจริง ณฐมน อุชา (2559) ได้ให้ความหมายของคำว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน ไว้ว่าการ หาประสิทธิภาพของบทเรียน หมายถึง ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง ความสามารถของบทเรียนในการสรา้ งผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ถึงระดับ เกณฑท์ ่คี าดหวังไวม้ กี ระบวนการทส่ี ำคญั 2 ขนั้ ตอน (1) วิธกี ารหาประสิทธภิ าพเชิงเหตุผล เป็นการหาประสทิ ธภิ าพโดยอาศัยหลกั ความรู้ แลเหตุผล โดยอาศัยผเู้ ช่ียวชาญเป็นผูพ้ จิ ารณาตดั สนิ คณุ คา่ (2) การประสิทธภิ าพเชิงประจักษ์ โดยการนำสอ่ื ไปทดลองกบั กลมุ่ เป้าหมาย ราตรี ชัยพิพงค์ (2552) ได้ให้ความหมายของคำว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน ไว้ว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน หมายถึง การประเมินสื่อการเรียนการสอนมีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ ประเด็นแรกเป็นการหาขอ้ บกพร่องของสื่อโดยอาศัยการสังเกตของผู้พัฒนาส่ือ การสอบถาม และการให้ข้อมูล ของนักเรียน และประเด็นที่สองเป็นวิธีการหาประสิทธิภาพของสื่อทั้งจากข้อมลู และจากการทดสอบและแบบ ประเมินผลสอื่ เพอ่ื ใหไ้ ดท้ ีม่ ีคณุ ภาพตรงตามวตั ถุประสงคท์ ี่กำหนด รุ่งคิด พรมรักษ์ (2551) ได้ให้ความหมายของคำว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน ไว้ว่า การหาประสิทธิภาพของบทเรียน หมายถึง การหาประสิทธิภาพของบทเรยี นโปรแกรมในขั้นที่ 2 จะใช้วิธีการ ทางสถิติ 2 แบบคือ (1) การใชเ้ กณฑ์มาตรฐาน 80/80 เป็นการตั้งเกณฑ์ให้สอดคล้องกบั หลักการของบทเรียน โปรแกรมที่ว่าในการเรียนบทเรียนโปรแกรมเน้นให้ผู้เรยี นทาํ ถูกต้องให้มากที่สุดซซ่ึงมากที่สดุ (2) การทดสอบ หาค่าความแตกตา่ งของคะแนนท่ีไดจ้ ากการทดสอบก่อนและหลงั การเรยี นดว้ ยโปรแกรม
จากที่ศึกษาความหมายของคำว่า การหาประสทิ ธิภาพของบทเรียนที่กล่าวมาทั้งหมดข้างตน้ สามารถสรุปได้ว่าการประเมินสื่อการเรียนการสอนมีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ ประเด็นแรกเป็นการหา ข้อบกพร่องของสื่อโดยอาศัยการสังเกตของผู้พัฒนาสื่อ การสอบถาม บทเรียนในการสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรูต้ ามจดุ ประสงค์ 2.4 งานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง ทัตเทพ อยู่บรรพต (2555) การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบปรับเปลี่ยนเนื้อหาใน การสอนเร่ือง เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบื้องต้น การวจิ ยั นีม้ วี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื พฒั นาและหาประสิทธิภาพบทเรียน บนอินเทอร์เน็ตแบบ ปรับเปลี่ยนเนื้อหา เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น และเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน ของผู้เรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบฝึกหัด ระหว่างเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน และแบบทดสอบหลังเรียนซึ่งใช้สำหรับการวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน กลุม่ ตัวอย่างที่ใช้ทดลองในการวจิ ัยคร้ังน้ีเป็นนักศึกษาระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพชั้นสูง ชั้นปีท่ี 2 สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์วาสุกรี ปีการศึกษา 2551 จำนวน 31 คน โดยการ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนบนเครอื ข่ายอนิ เทอร์เน็ตแบบปรับเปลี่ยน เนื้อหาที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ 80.95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ ในระดับ “พอใช้” และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 พิทยา ถาพร (2557) การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เบ้ืองตน้ กลมุ่ ตวั อย่างท่ีใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนชมุ ชนบา้ นเสารีก ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 30 คน ซึ่งเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกม เรื่อง เครอื ข่ายคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองต้น ท่สี ่งผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 จากนั้นนำ ขอ้ มูลทไ่ี ด้มาทำการวิเคราะหต์ ามหลักสถติ ิ โดยคำนวณหาคา่ เฉลยี่ เลขคณิต (X ) ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (SD) และการ วิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์-ทางการเรียนด้วยค่าที (/ test)ผลการวิจัย พบว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบเกมการสอนที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 80.56/82.41 ซึ่งสอดคล้อง ตามสมมติฐาน คือ มีค่าสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้80/80 และคะแนนเฉลี่ยรวมจากการทำแบบทคสอบหลังเรียนสงู กว่าคะแนนเฉลยี่ รวมที่ได้จากการทำแบบทคสอบก่อนเรยี นอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 สิทธพิ ร ธรรมธร (2558) การศึกมาคร้ังน้มี ีวัตถปุ ระสงค์ดังน้ี 1) เพ่ือศกึ ษาความต้องการของนักเรียนท่ี มีต่อบทเรียนออนไลน์แบบสาชิตและฝึกปฏิบัติเรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับนักเรียน ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 2) เพื่อสร้าง ประเมินคุณภาพ และประสิทธิภาพ ของบทเรียนออนไลน์ 3) เพื่อประเมินการปฏิบัติงานจริงของนักเรียน 4) เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 5) เพื่อ ประเมินความพึงพอใจของนักเรียน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจความต้องการเป็นนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2557 ภาคเรียนที่ 2 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ของวิทยาลัย
อาชีวศึกษาเทคนิคบริหารธุรกิจกรุงเทพ ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย งำนวน 76 คนและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการทดลอง 40 คน เครื่องมือทใ่ี ช้ในการศึกษาไดแ้ กบ่ ทเรียนออนไลน์แบบสาธติ และฝึกปฏิบัติ แบบประเมิน คุณภาพของบทเรียนออนไลน์ แบบทดสอบเพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียน แบบประเมินการปฏิบัติงาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ -testแบบ dependent ผลการศึกษาพบว่าความต้องการที่มี อบทเรียนออนไลน์ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.ร0 ส่วนเยี่ยงเบนมาตรฐาน 0.70 ผลการ ประเมินคุณภาพดา้ นเน้ือหาอยู่ในระดับมากทีส่ ดุ มีค่าเฉถี่ยเท่ากับ 4.73 ส่วนเบ่ียงบนมาตรฐาน 0.33 และผล การประเมินคุณภาพด้านสื่อและการนำเสนอ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.7เ ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 0.38 ประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์มีค่าเท่ากับ 83.63/83. 1 3 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ตามสมมุติฐาน ผลการประเมินการปฏิบัติงานของนักเรียน พบว่า นักเรียนสามารถปฏิบัติงานจริง อยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.68 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.49 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดย นักเรียนมีคะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับสถิติ 0.05 และนักเรียนมีความพึง พอใจต่อบทเรียนออนไลน์ ในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.6 ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.46 จึงสรุปได้วา่ บทเรียนออนไลน์ที่สร้างขึ้นสามารถ ใช้เป็นสื่อเพื่อการสอนได้มคำสำคัญ: เครือข่ายคอมพิวเตอร์/ บทเรียน ออนไลน/์ สอ่ื สาธติ และฝึกปฏบิ ตั ิ พงศ์ศิริ ธรรมวุฒิ (2558) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของ บทเรียนโมบายเลิร์นนิ่ง วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วยบทเรียนโมบายเลิร์นน่ิ งสำหรับนักเรียน ระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ กลมุ่ ตวั อย่างทใี่ ช้ในการวิจยั คือ นักเรยี นระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพพนมสารคาม ปีการศึกษา2557 จำนวน 2 กลุ่ม ได้มาโดยการสุ่มแบบ กลุ่ม (Cluster Sampling) กลุ่มท่ี 1 เป็นนกั เรยี นจำนวน24 คน ใช้เพอื่ ทดลองหาประสทิ ธิภาพบทเรียน กลุ่มท่ี 2 เป็นนักเรียนจำนวน 30 คน ใช้เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ บทเรียนโมบายเลิร์นน่ิง แบบประเมินบทเรียนโมบายเลิร์นน่ิง และ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน โดยมีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) เท่ากับ 1.00 ค่าความยากง่ายอยู่ ระหว่าง 0.30-0.75 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.50 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test แบบ dependent samples ผลการวิจัยพบ ว่า 1) บทเรียนโมบายเลิร์นน่ิง วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.63:80.42 และ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนโมบายเลิร์นนิ่ง วิชาเครือข่าย คอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น หลงั เรยี นสงู กว่า ก่อนเรียนอย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ิที่ระดับ 0.05 ปิยพงษ์ ราศี (2559) การพัฒนาสื่ออินโฟกราฟฟิก วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับ นกั ศึกษาประกาศนยี บัตรวิชาชีพชนั้ ปีท่ี 3 การวจิ ยั คร้งั นี้ มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพส่ือ อินโฟกราฟิก วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อสื่ออินโฟกราฟิกกลุ่ม
ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภากเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่ม แบบง่าย ด้วยวิธีจับสลากเลอื กตัวแทน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยสื่ออินโฟกราฟิก วิชาเครือข่าย คอมพิวเตอร์เบื้องต้น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มี ต่อสื่ออินโฟกราฟิก วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเดี่ยว ส่วน เบยี่ งเบนมาตรฐาน และ กำลังทขี่ องกล่มุ ตัวอย่างไมอ่ ิสระ(t-test for dependent sample) ผลการวิจยั พบวา่ สื่ออินโฟกราฟิก วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์เท่ากับ 81.56/82.78 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน โดขมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 16.13 กำลังเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 26.47 มีความแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 และผู้เรียนมีควาพึงพอใจต่อสื่ออินโฟกราฟิก วิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เบ้อื งตน้ อยูใ่ นระคบั มากทสี่ ดุ มีค่าเฉล่ียเทา่ กบั 4.55 ศรากร บุญปถัมภ์ (2558) การพัฒนาระบบการจัดการทางไกลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับ นักศึกษาระบบทวิภาคี ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษางานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1. ศึกษา สภาพปจั จุบนั ปัญหา และความตอ้ งการในการจดั การศกึ ษาทางไกลบนเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. พฒั นาระบบ การศึกษาทางไกลบนเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และ 3. ประเมนิ ระบบการจัดการศกึ ษาทางไกลบนเครือข่าย กลุ่ม ตวั อย่างท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารของสํานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ผอู้ ํานวยการสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี และครูผู้สอนในระบบทวิภาคี จํานวน 355 คน ใช้วิธีการเลือกแบบ เจาะจง และกลุ่มตัวอยา่ งทเี่ ปน็ นกั ศึกษาในระบบทวภิ าคี จาํ นวน 405 คน ใชว้ ิธีการสุม่ อยา่ งง่าย เครอ่ื งมือท่ีใช้ ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม ระบบการจัดการศึกษาทางไกล แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน แบบวัดความพึงพอใจ และแบบบันทึกข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบแบบไมอ่ ิสระผลการศกึ ษา พบวา่ 1) ผ้บู ริหาร ผู้สอน และนักศกึ ษามีความ ต้องการให้นําาระบบการศึกษาทางไกลบนเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์มาจดั การศึกษาระบบทวิภาคี ในระดับมาก 2) ระบบการจัดการศึกษาทางไกลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1. กําาหนด ปรัชญา ปณิธาน 2. วางแผนการจัดการศึกษาทางไกล 3. การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนทางไกล 4. การ จัดการเรียนการสอนทางไกล และ 5. การประเมินระบบการศึกษาทางไกล 3) สื่อการเรียนการสอนมี ประสทิ ธภิ าพ 92.11/92.40 4) นกั ศกึ ษามีผลสมั ฤทธ์ิหลังเรียนสงู กวา่ ก่อนการเรียนอย่างมนี ยั สําคัญทางสถิติท่ี ระดับ .01 5) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อระบบการจัดการศึกษาทางไกลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์อยู่ใน ระดับมาก และ 6) ครูผู้สอนมีความคิดเห็นว่าระบบการจัดการศึกษาทางไกลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ พฒั นาขึ้นมีความเหมาะสมสําหรับนักศึกษาระบบทวภิ าคี จันทร์ขาว สายแปลง (2560) การพัฒนาบทเรียนมัลติมิเดียร่วมกับชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ บทความวิจัยนี้เป็นการนำเสนอการวิจัยเชิงทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนา บทเรียนมัลติมีเดียร่วมกับชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาก่อนและหลงั เรยี นดว้ ยชดุ ทดลองที่พฒั นาข้ึนและ
(3) ศกึ ษาผลการยอมรับบทเรยี นมัลตมิ ีเดียร่วมกบั ชดุ ทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้เรียนมี การยอมรับมากกว่าผู้เรียนที่ไม่ยอมรับ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาเทคโนโลยีอุ ตสาหกรรม วิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง ด้วยการคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ (1) บทเรียน มัลติมีเดีย (2) ชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ และ(4) แบบสอบถามการยอมรับบทเรียนมัลติมเี ดียร่วมกับชดุ ทดลองการเช่ือมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สถติ ิท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล ไดแ้ ก่ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน การทดสอบที และคา่ สมั ประสทิ ธ์ิ ไคสแควร์ผลการวิจัยพบว่า (1) บทเรียนมัลติมีเดียร่วมกับชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.44/86.06 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ด้วยบทเรียนมัลติมีเดียร่วมกับชุดทดลองที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ (3) ผลการยอมรับบทเรียนมัลตมิ ีเดียร่วมกับชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผู้เรียนมี การยอมรบั มากกวา่ ผเู้ รียนที่ไมย่ อมรับอยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 นพพล อินศร (2561) การพัฒนาระบบจัดการวิดิทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์การ วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบจัดการวิดิทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครีอข่าย คอมพวิ เตอร์ 2)เพ่อื สร้างและพัฒนาระบบขดั การวิดิทัศนเ์ พื่อการศึกษาผ่านเครีอข่ายคอมพิวเตอร์ให้มีคุณภาพ 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อระบบจัดการวิดิทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการทดลองนี้คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคนิค ฉะเชิงเทรา จำนวน 50 คน โดยการส่มุ แบบกลมุ่ เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยครั้งน้ี ได้แก่ 1)แบบสอบถามแนวทาง การพฒั นาระบบขัดการวิดิทัศนเ์ พ่ือการศึกษาผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2)ระบบจดั การวิดทิ ัศน์เพ่ือการศึกษา ผา่ นเครีอข่ายคอมพวิ เตอร์ 3)แบบประเมินระดบั คุณภาพของระบบจดั การวีตทิ ัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์และ 4)แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบชัดการวิดิทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลแบบพัฒนาระบบ วิเคราะห์คุณภาพของระบบ และวิเคราะห์ความ ฟงั พอโจของนักเรยี นท่ีมตี ่อระบบจัดการวิดทิ ัศน์เพื่อการศกึ ษาผา่ นเครีอข่ายคอมพวิ เตอร์ เพ่อื หาคำเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐานผลการวจิ ัยสามารถสรุปได้ดังนี้ 1)ผู้ทรงคุณวุฒิให้แนวทางการพัฒนาระบบจัดการวิดิ ทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ในด้านรูปแบบการใช้งานระบบจัดการวิดิทัศน์มีระดับคะแนน เฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคืออ่านกลยุทธ์ที่ควรนำมาใช้ในการพัฒนาระบบชัดการวิดิทัศน์ ส่วนด้านอุปกรณ์ที่ เหมาะสมกับการใช้สื่อวิดิทัศน์มีระดับความต้องการมากเป็นลำดับท้ายสุด 2)ระบบจัดการวิดิทัศน์เพื่อ การศึกษาผ่านเครีอข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถนำไปใช้ในการจัดการวีติทัศน์เพื่อการศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย การแสดงผล สืบคัน ค้นหา จัดเก็บสื่อวิดิทัศน์ และบันทึกค่าทางสถิติต่างๆ ได้ตรงตามที่ได้ศึกษา วิเคราะห์ และออกแบบไว้โดยผลการประเมินคุณภาพจากผ้ทู รงคณุ วฒุ โิ ดยภาพรวมมคี ะแนนอยู่ในระดับมาก ( X - 3.98. 5.. = 0.29) และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อระบบจัดการวิดิทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์ พบวา่ อยูใ่ นระดับมาก (X = 4.07, S.D. -0.35) ชุมพล จันทร์ฉลอง (2561) การพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบ
เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ เพื่อหาคณุ ภาพและประเมินความพึงพอใจของกลมุ่ เป้าหมายท่ีมีต่อการ์ตนู แอนิเมชัน 2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้วิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบง่ายโดยใช้วิธีจับสลากซึ่งจับสลากได้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาภาคปกติ หลักสูตรเทคโนโลยี สารสนเทศ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยราชภัฏไลยอลงกรณ์ ในพระ บรมราชูปถมั ภ์ จำนวน30คนเครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจยั ครงั้ นีป้ ระกอบดว้ ย 1) การ์ตนู แอนิเมชนั 2 มิติ เร่ือง รักษ์ ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 2)แบบประเมินคุณภาพของการ์ตูนแอนิเมชัน2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่ม ตัวอย่างมีต่อการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผลการวิจัยพบว่าผล การประเมนิ คุณภาพการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มติ ิ เรือ่ ง รักษ์ผืนปา่ ผา่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ท่ีประเมินโดย ผู้เชี่ยวชาญ รวมคุณภาพทั้ง 3 ด้านมีค่าเฉลี่ยรวมเป็น 4.62ซึ่งระดับคุณภาพอยู่ในระดบั ดมี าก ผลการประเมิน ความพงึ พอใจของกล่มุ ตัวอย่างมตี ่อการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มติ ิ เรือ่ ง รกั ษผ์ ืนปา่ ผ่านระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ทปี่ ระเมนิ โดยกลุ่มตัวอย่าง รวมคณุ ภาพท้งั 3 ด้านมีค่าเฉล่ียรวมเป็น4.59 ซงึ่ ระดบั คุณภาพอยใู่ นระดับดีมาก มัลลิการ บ้งชมโพธิ์ (2562) การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตวิชา คณิตศาสตร์ 1 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ สำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 การวิจัย ครง้ั นี้มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) พัฒนาบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนบนเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต วิชา คณิตศาสตร์ 1 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ สำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 ที่มี ประสิทธิภาพตาม เกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนจาก บทเรียน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษา ต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ โดยใช้ บทเรียน คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนบนเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ประชากร ได้แก่ นกั ศกึ ษาระดับประกาศนยี บตั ร วชิ าชีพชั้นปีท่ี 1 จำนวน 6 ห้อง รวม 227 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 วิทยาลัยธาตุพนม มหาวิทยาลัยนครพนม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการบัญชี ภาค เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 วิทยาลัยธาตุพนม มหาวิทยาลัยนครพนม จำนวน 30 คนซึ่งได้มาโดยการชัก ตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบน เครื อข่ายอินเทอร์เน็ต วิชาคณิตศาสตร์ 1 เรื่องอัตราส่วนและร้อยละแบบทดสอบวัดผลลัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากระหว่าง 0.47 ถึง 0.83 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.30 ถึง 0.89 ค่า ความเชอ่ื มัน่ ทง้ั ฉบบั เท่ากบั 0.98 ค่าดชั นคี วามสอดคล้อง เท่ากับ 1.00 ทกุ ข้อ และแบบวัด ความพึงพอใจของ นักศกึ ษาตอ่ การเรียนโดยใชบ้ ทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แบบ มาตราสว่ นประมาณ ค่า 5 ระดบั จำนวน 19 ข้อสถิตทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความเทีย่ งตรง ความ ยาก ความเชือ่ มนั่ ร้อย ละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ และการทดสอบที แบบกลุ่ม ตัวอย่างที่สัมพันธ์กัน ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต วิชาคณิตศาสตร์ 1 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 89.43/93.43 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง อัตราส่วนและร้อยละโดยใช้บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 หลังเรียนสูงกวา่ ก่อน
เรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) ความพึงพอใจของ นักศึกษาต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ระดับประกาศนียบัตร วิชาชพี ช้นั ปที ่ี 1 ในภาพรวมอยู่ในระดบั มากทีส่ ดุ (\\bar{x}=4.55, S.D.=0.50) 2.5 กรอบแนวคดิ งานวิจยั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน บทเรียนคอมพวิ เตอร์ ช่วยสอน
บรรณานุกรม เกศินี ศรีวรรณา. (2551). การศกึ ษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนและการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณของนกั เรียนช้ัน มัธยมปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ พันธะเคมีโดยกีรจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 4 MAT. (วิทยานิพนธ์ ครศุ าสตร์มหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยราชภัฎนครราชสมี า). จันทร์ขาว สายแปลง. (2560). การพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดียร่วมกับชุดทดลองการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์. วารสารเทคโนโลยภี าคใต้, 9(2). 45-53. ชุมพล อินศร. (2561). การพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชัน 2 มิติ เรื่อง รักษ์ผืนป่า ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์. วารสารวไลยอลงกรณ์ปรทิ ศั น(์ มนุษยศ์ าสตร์และสังคมศาสตร์), 8(2). 93-103 ณฐมน อชุ า. (2559). การพัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเวบ็ รายวชิ าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เบอ้ื งตน้ รว่ มกบั เทคนคิ ร่วมกันคิด (NHT) สำหรบั นกั เรยี นระดับชนั้ ปวช.2. (วิทยานิพนธ์ครศุ าสตร์ หกรรมมหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ). เตือนใจ อินทรีย์. (2553). ผลของการทำวิจัยในชั้นเรียนที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาญจนบุรี เขต 3. (วิทยานิพนธ์ครุ ศาสตร์ มหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎกาญจนบรุ ี). ถนอม ลต้ี ระกูล. (2557). การสรา้ งชุดมลั ติมิเดียช่วยสอน วชิ าหลักการทดสอบวสั ดุเพื่อวดั ความสามารถ ทางทกั ษะของผู้เรียน. (วทิ ยานิพนธ์ครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระ จอมเกลา้ พระนคร เหนือ). ทองสุข นะธะศิริ. (2555). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจต่อการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ เรื่อง เรขาคณิต ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการใช้สื่อมัลติมิเดีย ประกอบการสอน แบบปกติ. (วทิ ยานิพนธค์ รศุ าสตร์มหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลัยราชภฎั เทพสตร)ี . ทัตเทพ อย่บู รรพต. (2555). การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ แบบปรับเปลย่ี นเน้ือหาในการ สอนเรอื่ ง เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณทติ , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ พระนครเหนือ). ทิพยา ถาพร. (2557). การสรา้ งบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เรอ่ื ง เครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ ที่สง่ ผล ตอ่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ทิต, มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง). นพพล อินศร. (2560). การพัฒนาระบบการจัดการเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์. วารสารครุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม, 14(3). 267-273 นิเวศน์ วงศ์ประทุม. (2558). การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียประกอบการสอนวิชาการเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาซี ชาร์ป 1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎ สกลนคร).
บรรณานุกรม(ต่อ) ปนัดดา บุญพาวัฒนา. (2550). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพลสัมฤทิ์ทางการเรียนของนักศึกษาและคุณภาพการ ให้บริการของคณะวิทยาการจัดการ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎนครราชสีมา). ประทิป อนิลบล. (2559). การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์การสอนเรื่องการจัดสภาพการทำงานทางด้าน กายภาพเพื่อความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรม. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ )ี . ประสิทธิ์ คลังบุญครอง. (2550). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการ เรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องความรู้เบือ้ งตน้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎ สกลนคร). ปริญญา จิตรโคตร. (2552). ปัจจัยที่มีอิทธพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย โดยวิธีวิเคราะห์พหุระดับ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรม บณั ฑติ , มหาวิทยาลัยราชภฎั เลย). ปิยนุช สิงห์สถิต. (2553). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชัน มัธยมศึกษาปี ที 6 โรงเรียนเลยพิทยาคม. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณทิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสมี า). ปยิ พงษ์ ราศ.ี (2559). การพฒั นาสอ่ื อินโฟกราฟฟิก วชิ าเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สำหรับนกั ศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชนั้ ปีที่ 3 (วทิ ยานิพนธค์ รุศาสตร์หกรรมมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบรุ ี). พัชรี เมืองสอง. (2550). การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง Past Simple Tense สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2. (วิทยานพิ นธค์ รุศาสตร์มหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครสวรรค์). พิมพ์ประภา อรัญมิตร. (2552). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 3 โดยการวิเคราะห์พหุระดับ. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยราชภฎั เลย). ภาควิชาการตลาดและการจัดการ คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ. (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยราชมงคลกรุงเทพ). มัลลิกา บ้งชมโพธิ์. (2561). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตวิชา คณิตศาสตร์ 1 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1. วารสารเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี. 4(1). 110-119 ราตรี พิชัยพงค์. (2552). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำวิชาหลักภาษาไทย โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบการ์ตูนเรื่องชนิดภาพเคลื่อนไหวที่มีรูปแบบการสรุป เนือ้ หา 2 รูปแบบ (วิทยานิพนธค์ รศุ าสตร์หกรรมมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั ราชภฎั นครราชสมี า).
บรรณานกุ รม(ต่อ) รุ่งคิด พรมรักษ์. (2551). ผลการใช้บทเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศสำหรับ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นบ้านห้วยมะหนิ ฝน สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาเชียงราย เขต3. (วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยราชภฎั เชียงราย). วิษา สำราญใจ. (2552). ปจั จัยที่ส่งผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปี ที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรม บัณฑติ , มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเลย). ศรากร บุญปถัมภ์. (2558). การพัฒนาระบบการจัดการศึกษาทางไกลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สำหรับ นักศกึ ษาระบบทวิภาคี ของสำนกั งานคณะกรรมการอาชวี ศึกษา. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย มหาวิทยาลยั ศิลปากร, 7(2). 324-337. ศริ ิมา ศริ สิ รรหิรญั . (2554). ปจั จยั ที่มีผลตอ่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาที่เกยี่ วกับการคำนวณของนักศึกษา สมบูรณ์ มณีฉ่ำ. (2560). ผลการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การเขียนเว็บด้วยภาษา HTML สำหรับ นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3. (วิทยานิพนธ์ครศุ าสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภฏั เทพสตรี). สิทธิพร ธรรมธร. (2558). การสรา้ งบทเรียนออนไลน์แบบสาธติ และฝกึ ปฎิบัติเร่ืองเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เบ้ืองต้น สำหรับนักเรียน ระดับประกาศนียบตั รวชิ าชีพ ช้ันปที ่ี 2. (วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตร์ อตุ สาหกรรมมหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี). สุชาติ เกิดเมฆ. (2550). การพัฒนาบทเรียนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต, สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหารลาดกระบงั ). สุนทรี เข็มทอง. (2560). ปัจจัยท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร์ อตุ สาหกรรมบัณฑติ , มหาวิทยาลัยบรู พา). อาทติ ยา บญุ เกดิ . (2557). การสร้างบทเรียนมลั ติมีเดียร่วมกับเทคโนโลยผี สานความจริง วชิ า คอมพิวเตอร์ เร่ือง การใชง้ านคอมพิวเตอร์ในชวี ิตประจำวนั สำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1. (วิทยานิพนธ์ ป ร ิ ญ ญ า ค รุ ศ า ส ต ร อุ ต ส า ห ก ร ร ม บั ณ ฑิ ต , ม ห า ว ิ ท ย า ล ั ย เ ท ค โ น โ ล ย ี พ ร ะ จ อ ม เกล้าธนบุรี).
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: