51 ตารางท่ี 1 บันทกึ ผลการทดลองทสี่ ังเกตเห็น และความเป็ นกรด-เบสของธาตุบางชนิดทาปฏกิ ริ ิยากบั นา้ ธาตุ หมู่ท่ี ผลการทดลองทส่ี ังเกตเหน็ ความเป็ นกรด-เบสของ สารละลาย แมกนีเซียม 2A โลหะแมกนีเซียมจมอยใู่ นน้าและเกิดฟองแก๊สผดุ เบส ข้ึนมาเลก็ นอ้ ย แคลเซียม 2A โลหะแคลเซียมจะเกิดปฏิกิริยารุนแรง เบส โซเดียม 1A โลหะโซเดียมลุกติดไฟและลอยอยบู่ นผวิ น้า เบส เคลื่อนที่ไปมาและเกิดความร้อนข้ึน การเกิดปฏิกิริยา (Ca (s) 2H2O (1) Ca(OH)2 (aq) H 2 (g) 2Na(s) 2H2O (1) 2NaOH(aq) H 2 (g)) ตารางท่ี 2 บันทกึ ผลการทดลองทส่ี ังเกตเหน็ และผลติ ภณั ฑ์ทเี่ กดิ ขนึ้ ของแมกนีเซียม ทาปฏกิ ริ ิยากบั นา้ และไอนา้ ปฏกิ ริ ิยาระหว่าง ผลการทดลองทส่ี ังเกตเห็น ผลติ ภณั ฑ์ทเี่ กดิ ขึน้ แมกนีเซียม+น้า ไมเ่ กิดปฏิกิริยา ไม่เกิดผลิตภณั ฑใ์ หม่ แมกนีเซียม+ไอน้า โลหะแมกนีเซียมเมื่อเกิดปฏิกิริยา แมกนีเซียมออกไซด์ และแก๊สไฮโดรเจน จะเปล่ียนเป็ นสีขาว ) การเกิดปฏิกิริยา (Mg (s) H2O (g) MgO (s) H2 (g) ) สารประกอบของธาตุหมู่ 2A ที่พบในชีวติ ประจาวนั มา 5 ชนิด พร้อมท้งั ประโยชน์ - แคลเซียมซลั เฟต (CaSO4) ใชท้ ายปิ ซมั - สารประกอบเบริล (Be3Al2 (SiO3)6) พบในมรกต - สตรอนเซียมคาร์บอเนต (SrCO3) ใชท้ าพลุ และดอกไมไ้ ฟสีแดง - แบเรียมไนเตรต (Ba(NO3)2) ใชท้ าพลุ และดอกไมไ้ ฟสีเขียว - แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) ใชเ้ ป็นส่วนผสมของยาสีฟัน และยาลดกรดในกระเพาะ อาหาร ธาตุหมู่ III จะเริ่มประกอบดว้ ยโลหะและอโลหะ มีอิเล็กตรอนวงนอกสุด 3 ตวั ธาตุหมู่ IV มีอิเลก็ ตรอนวงนอกสุด 4 ตวั
52 ธาตุหมู่ V - อิเล็กตรอนวงนอกเทา่ กบั 5 - มีท้งั เป็นโลหะ คือ ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ก่ึงโลหะ (metalloid) คือ อาร์เซนิกและแอนติ โมนี และอโลหะ คือ บิสมทั - ธาตุไนโตรเจนค่อนขา้ งเฉ่ือยต่อปฏิกิริยา แตส่ ามารถเกิดสารประกอบไดห้ ลายชนิด ธาตุหมู่ VI - อิเลก็ ตรอนวงนอกเทา่ กบั 6 - มีท้งั เป็นอโลหะ คือ ออกซิเจน ซลั เฟอร์ และซีลีเนียม และก่ึงโลหะ คือ เทลลูเรียมและ พอโลเนียม - ธาตุออกซิเจนมีความวอ่ งไวต่อการเกิดปฏิกิริยาพอสมควร เกิดเป็นสารประกอบออกไซดก์ บั ธาตุหลายชนิด ธาตุหมู่ VIIA (ธาตุแฮโลเจน) สมบตั ิทว่ั ไป - เป็นอโลหะ มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน = 7 - เป็นโมเลกลุ แบบอะตอมคู่ ยดึ กนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ และจุดเดือดเพม่ิ ข้ึนตามหมู่ ดงั น้นั ใน สภาวะปกติ จะพบวา่ F2 แก๊สสีเหลืองออ่ น Cl2 แกส๊ สีเขียวออ่ น Br2 ของเหลวสีน้าตาลแดง I2 ของแขง็ สีเทาโลหะ - ธาตุทุกตวั เป็ นพิษ - ไมน่ าความร้อนและไฟฟ้า - ธาตุแฮโลเจนละลายน้าไดเ้ ลก็ นอ้ ยใหส้ ารละลายสีต่างๆ - ละลายไดด้ ีในตวั ทาละลายอินทรีย์ - ความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาจะลดลงตามหมู่ - มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่า เพราะธาตุหมู่ 7A ยดึ เหนี่ยวดว้ ยแรงแวนเดอร์วาลส์ซ่ึงเป็น แรงท่ีอ่อน - ทดสอบวา่ สารตวั อยา่ งมีเฮไลดไ์ อออนไดโ้ ดย ทาปฏิกิริยากบั AgNO3 โดย F- : ไม่เกิดตะกอนกบั AgNO3 Cl- : ทาปฏิกิริยากบั AgNO3 ใหต้ ะกอนสีขาว
53 Br- : ใหต้ ะกอนสีเหลืองอ่อน (สีครีม) I- : ใหต้ ะกอนสีเหลือง ธาตุหมู่ VIII จดั เป็นธาตุ Inert gas จึงไมค่ ่อยทาปฏิกิริยากบั ธาตุอ่ืน เพราะมีอิเล็กตรอนวงนอกสุดเท่ากบั 8 เรียกวา่ กา๊ ซเฉ่ือยหรือก๊าซมีตระกลู - มีความเสถียรมาก ไม่วอ่ งไวในการเกิดปฏิกิริยาเคมี ไมม่ ีการใหแ้ ละรับอิเลก็ ตรอนกบั ธาตุ อื่นๆ จึงไมพ่ บไอออนของธาตุหมู่ 8A เน่ืองจากมีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเทา่ กบั 8 - เป็นธาตุโลหะจึงไมน่ าไฟฟ้าและไมน่ าความร้อน - มีจุดเดือดต่าจึงทาใหธ้ าตุหมู่ 8A มีสถานะเป็นแกส๊ ที่อุณหภูมิหอ้ ง ธาตุแทรนซิชัน - มีเลขออกซิเดชนั มากกวา่ 1 ค่า ยกเวน้ Sc (+3), Zn (+2), Cd (+2) จะมีเลขออกซิเดชนั ค่าเดียว - เป็นโลหะท่ีดึงดูดกบั แม่เหล็กได้ (โลหะหมู่ IA และ IIA จะไมด่ ูดกบั แมเ่ หลก็ ) - สารประกอบของธาตุแทรนซิชนั ส่วนใหญม่ ีสี - จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง เพราะมีพนั ธะโลหะ - นาความร้อนและไฟฟ้าไดด้ ี - มกั ใชเ้ ป็นตวั เร่งปฏิกิริยา - มกั เกิดสารประกอบเชิงซอ้ นได้ ธาตุไฮโดรเจน สมบัตขิ องธาตุไฮโดรเจน ตารางแสดงสมบตั ิบางประการของธาตุเม่ือเปรียบเทียบกบั ธาตุไฮโดรเจน ธาตุหมู่ 1A และ 7A สมบตั ิ H 1A 7A เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน 11 7 จานวนอะตอมใน 1 โมเลกุล 21 2 เลขออกซิเดชนั +1,-1 +1 -1,+1,+3,+5,+7 การนาไฟฟ้าในสถานะของแขง็ ไม่นา นา ไม่นา
54 1. (o-net 50) เมื่อนาธาตุ X มาทาปฏิกิริยากบั แกส๊ ออกซิเจน พบวา่ ใหผ้ ลิตภณั ฑ์ Y ซ่ึงละลายน้าได้ เล็กนอ้ ย และสารละลายเปล่ียนสีกระดาษลิตมสั จากสีแดงเป็นสีน้าเงิน ถา้ ปล่อยธาตุ X ทิ้งไวใ้ นอากาศท่ี อุณหภูมิหอ้ ง จะไมเ่ กิด การลุกไหม้ ขอ้ สรุปใดถูก 1) X เป็นโลหะ และออกไซดข์ อง X มีสมบตั ิเป็นกรด 2) X เป็นธาตุในหมู่ 2A 3) Y มีสูตร X2O 4) เกลือแกง และผงฟู มีธาตุ X เป็นองคป์ ระกอบ 2. (En 39) ธาตุ 75 X มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนกี่ตวั และจดั อยใู่ นธาตุพวกใด 33 1) 13 ตวั , ธาตุแทรนซิชนั 2) 5 ตวั , ธาตุแฮโลเจน 3) 5 ตวั , ธาตุก่ึงโลหะ 4) 3 ตวั , โลหะแอลคาไลน์เอิร์ท 3. W , X , Y และ Z มีเลขอะตอมดงั น้ี 19 , 20 , 36 และ 37 ธาตุคูใ่ ดที่มีสมบตั ิคลา้ ยคลึงกนั 1) W กบั X 2) W กบั Z 3) X กบั Y 4) Y กบั Z 4. (En 46 มี.ค.) P , Q , R , S และ T เป็นธาตุสมมติ มีเลขอะตอม 7 , 14 , 15 , 16 และ 33 ตามลาดบั ธาตุใดบา้ งที่มีสมบตั ิแตกตา่ งจากธาตุ T 1) Q และ S เทา่ น้นั 2) P และ R เทา่ น้นั 3) Q , R และ S เท่าน้นั 4) P , Q , R และ S 5. ธาตุ Li ทาปฏิกิริยากบั ธาตุ A ในสารประกอบ X ซ่ึงทาปฏิกิริยากบั น้ารุนแรงในสารละลายเป็นเบส เลขออกซิเดชนั ของ A ในสารประกอบ X มีค่าเป็น -1 สารประกอบ X คืออะไร 1. Li2O 2. Li3N 3. LiH 4. LiCl 6. ความสัมพนั ธ์ใดผิด 2) ธาตุหมู่ 2Aโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท 1) ธาตุหมู่ 1Aโลหะแอลคาไล 4) ธาตุหมู่ 7Aแกส๊ เฉ่ือย 3) ธาตุหมู่ 5Aธาตุก่ึงโลหะ 7. ธาตุกลุ่มใดมีสมบตั ิเป็นโลหะท้งั หมด 1) F S Ne Ar 2) K Cs Ba Fr 3) Sb Si Al As 4) Be Al Si Ca 8. ธาตุ A, B, C และ D มีเลขอะตอม 2, 3, 5 และ 7 ตามลาดบั ธาตุใดควรมีความเป็นอโลหะมากท่ีสุด 1) A 2) B 3) C 4) D
55 9. ในตารางธาตุ ธาตุในคาบใดท่ีมีจานวนมากท่ีสุด 1) คาบ 4 และ 5 2) คาบ 5 และ 6 3) คาบ 6 และ 7 4) มีจานวนเท่ากนั ทุกคาบ 10. การเปรียบเทียบธาตุหมู่ IA กบั หมู่ IIA ในคาบเดียวกนั ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง 1) ธาตุหมู่ IIA มีรัศมีอะตอมเล็กกวา่ หมู่ IA 2) มวลอะตอมของธาตุหมู่ IIA นอ้ ยกวา่ หมู่ IA 3) ธาตุหมู่ IIA มีความหนาแน่นมากกวา่ หมู่ IA 4) ธาตุหมู่ IA มีค่า EN นอ้ ยกวา่ หมู่ IIA การเรียกชื่อธาตุทม่ี เี ลขอะตอมต้ังแต่ 100 ขนึ้ ไป ตามระบบ IUPAC จากการที่นกั วทิ ยาศาสตร์ทาการศึกษาทดลองจนคน้ พบธาตุเพม่ิ ข้ึนอีกหลายธาตุ แต่ยงั ไมม่ ี การกาหนดสญั ลกั ษณ์ที่แน่นอน บางคร้ังธาตุเดียวกนั ถูกคน้ พบโดยนกั วทิ ยาศาสตร์หลายคน จึงทาใหเ้ รียกแตกตา่ งกนั ดงั น้นั องคก์ ารนานาชาติทางเคมีไดต้ กลงกนั เรียกชื่อธาตุท่ีมีเลขอะตอม เกิน 100 ข้ึนไปตามระบบ IUPAC (International Union of Pure and Applied Chemistry) ใหใ้ ชเ้ ลขอะตอมเป็นหลกั โดยระบุเลขอะตอมเป็ นภาษาละตินเรียงกนั ไป แลว้ ลงทา้ ยดว้ ย -ium จานวนนบั ในภาษาละตินมีดงั น้ี 0 = นิล (nil) 1 = อูน (un) 2 = ไบ (bi) 3 = ไตร (tri) 4 = ควอด (quad ) 5 = เพนท์ (pent ) 6 = เฮกซ์ (hex) 7 = เซปท์ (sept) 8 = ออกต์ (oct ) 9 = เอนน์ ( enn ) ถา้ อกั ษรตวั ทา้ ยเป็ น i เม่ือลงทา้ ยดว้ ย –ium .ใหต้ ดั i ออก 1 ตวั เช่น bi + ium เป็น bium หรือ tri + ium เป็น trium หรือ enn + nil ใหต้ ดั ตวั n ออก 1 ตวั เป็น ennil สาหรับการเขียนสัญลกั ษณ์ของธาตุใหใ้ ชอ้ กั ษรตวั แรกของจานวนนบั แตล่ ะตวั มาเขียนเรียงกนั ดงั ตัวอย่างการเรียกชื่อ ธาตุที่ 104 เรียกช่ือ อูนนิลควอเดียม ใชส้ ัญลกั ษณ์ Unq ธาตุท่ี 105 เรียกชื่อ อูนนิลเพนเทียม ใชส้ ญั ลกั ษณ์ Unp ธาตุท่ี 106 เรียกชื่อ อูนนิลเฮกเซียม ใชส้ ญั ลกั ษณ์ Unh ธาตุที่ 107 เรียกชื่อ อูนนิลเซปเทียม ใชส้ ญั ลกั ษณ์ Uns
56 ตวั อย่าง เลขอะตอม ช่ือธาตุ สญั ลกั ษณ์ 110 Ununnilium Uun 123 Unbitrium Ubt 190 Unennilium Uen 265 Bihexpentium Bhp 1. เลขอะตอม ชื่อธาตุ สัญลกั ษณ์ของธาตุ 118 132 245 263 376 417 459 509 590 620 2. (มช 37) ถา้ นกั เรียนสงั เคราะห์ธาตุใหม่ข้ึนมาไดอ้ ีก 4 ธาตุ โดยแต่ละธาตุมีจานวนอิเล็กตรอนเท่ากบั 107, 115, 204 และ 257 อิเล็กตรอน ตามลาดบั การเรียกช่ือตามระบบ IUPAC ของธาตุท้งั 4 ตามลาดบั คือขอ้ ใด 1) Unnilquadium , Unnilpentium , Binilquadium และ Bipentseptium 2) Unnilseptium , Ununpentium , Binilquadium และ Bipentseptium 3) Unnilseptium , Ununpentium , Dinilquadium และ Dipentseptium 4) Monodecaheptium , Monomonopentium , Didecatetrium และ Depentaheptium
57 แนวโน้มตารางธาตุ แนวโน้มสมบัตติ ่างๆ ของธาตุในคาบเดยี วกัน สมบตั ขิ องธาตุ สมบตั ิของธาตุตามแนวโน้มในคาบ เลขอะตอม นอ้ ย → มาก รัศมีอะตอม มาก ← นอ้ ย ขนาดอะตอม ใหญ่ ← เลก็ ขนาดไอออน โลหะ ใหญ่ ← เล็ก ความเป็ นโลหะ มาก ← นอ้ ย ความเป็ นอโลหะ นอ้ ย → มาก จุดหลอมเหลวและจุดเดือด โลหะ ต่า→ สูง อโลหะ สูง ←ต่า (ส่วนมาก) พลงั งานไอออไนเซชนั ลา ดบั ที่ 1 นอ้ ย → มาก อิเล็กโทรเนกาติวติ ี นอ้ ย → มาก หมายเหตุ แนวโนม้ ของสมบตั ิบางอยา่ งไม่รวมธาตุหมู่ 8A สรุปได้ดังนี้ โดยปกติจะพิจารณา หมู่ ก่อน คาบ (**ยกเวน้ ขนาด**) มาก นอ้ ย IE, EA, EN ความเป็นอโลหะ ความวอ่ งไวการเกิดปฏิกิริยาของอโลหะ m.p. + b.p. ของโลหะ นอ้ ย มาก ขนาดอะตอม ขนาดไอออน (พิจารณา คาบ ก่อน) 1. คาบมาก ขนาดใหญ่ 2. คาบเท่ากนั โปรตอนนอ้ ย ขนาดใหญ่ 3. คาบเท่ากนั โปรตอนเท่ากนั อิเล็กตรอนมาก ขนาดใหญ่
58 ความเป็นโลหะ ความวอ่ งไวการเกิดปฏิกิริยาของโลหะ m.p. + b.p. ของอโลหะ พลงั งานไอออนไนเซชัน (Ionization Energy) พลงั งานที่ใชใ้ นการดึงเอาอิเล็กตรอนวงนอกออกจาก อะตอม ทาใหเ้ กิดเป็ นไอออนบวก A(g) + IE1 → A+(g) + e- A+(g) + IE2 → A2+(g) + e- A2+(g) + IE3 → A3+(g) + e- ค่า IE ( Ionization Energy)มีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึนจากซา้ ยไปขวาหรือเพมิ่ ข้ึนเมื่อเลขอะตอมเพิ่ม - หมู่ IE ต่าสุด หมู่ 1 - หมู่ท่ีมี IE สูงสุด หมู่ 8 - ธาตุที่มี IE สูงสุด หมู่ 8 บน He - ธาตุที่มี IE ต่าสุด หมู่ 1 ล่าง Cs - แนวโนม้ ความวอ่ งไวของโลหะเพิม่ จากขวามาซา้ ย บนลงล่าง ค่า EN ( Electronegativity)มีแนวโนม้ เหมือน IE ยกเวน้ หมู่ 8 ไมม่ ี EN - หมูท่ ่ีมี EN สูงสุด หมู่ 7 - หมูท่ ่ีไม่มี EN หมู่ 8 - ธาตุท่ีมี EN สูงสุด หมู่ 7 บน ไดแ้ ก่ F, O, Cl - ความวอ่ งไวของอโลหะเพิ่มจากซา้ ยไปขวา ล่างข้ึนบน - ธาตุที่มีค่า EN สูงสุดตามลาดบั ที่ควรจา คือ F > O > Cl ≈ N > Br > I ≈ S ≈ C > H ค่า EA (Electron affinity) หมายถึง พลงั งานท่ีคายออกมาเมื่ออะตอมในสถานะแกส๊ รับอิเล็กตรอน แลว้ กลายเป็นไอออนลบ เช่น Cl(g) + e → Cl-(g) Ea = – 347 kJ/mol - คาบเดียวกนั คา่ สมั พรรคภาพอิเล็กตรอนจะเพ่มิ ข้ึนจากซ้ายไปขวา เพราะขนาดของอะตอม เลก็ ลงจากซา้ ยไปขวานิวเคลียสจึงดึงดูดอิเลก็ ตรอนท่ีเขา้ มาใหม่ไดด้ ีข้ึนตามลาดบั ดว้ ย - ในหมูเ่ ดียวกนั ค่าสมั พรรคภาพอิเล็กตรอนมีค่าเพ่มิ จากล่างข้ึนบน เพราะจานวนช้นั ของ อิเลก็ ตรอนลดลงทาใหข้ นาดของอะตอมเลก็ ลง เช่นกนั
59 แนวโน้มของขนาดอะตอมและขนาดไอออน การวดั รัศมีของอะตอมสามารถทาได้หลายวธิ ีดงั นี้ 1. ถา้ อะตอมรวมตวั กนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ การวดั รัศมีอะตอมทาใดโ้ ดยวดั ระยะระหวา่ ง นิวเคลียสท้งั สอง แลว้ นามาหารดว้ ย 2 จะไดร้ ัศมีอะตอมซ่ึงเรียกวา่ รัศมโี คเวเลนต์ - อะตอมชนิดเดียวกนั ตัวอย่าง รัศมีโคเวเลนตข์ องไฮโดรเจน ดงั น้ี ความยาวพนั ธะ H-H = 74 pm รัศมีโคเวเลนตข์ อง H 74 37pm 2 - อะตอมตา่ งชนิดกนั ตวั อย่าง รัศมีโคเวเลนตข์ องคาร์บอนกบั คลอรีน และทราบรัศมีอะตอมของธาตุคลอรีน ดงั น้ี ความยาวพนั ธะ C-Cl = 176 pm รัศมีอะตอมของ Cl = 99 pm ดงั น้นั รัศมีอะตอมของ C = 176-99 = 77 pm 2. ถา้ โมเลกลุ สองโมเลกุลยดึ เหน่ียวกนั ดว้ ยแรงแวนเดอร์วาลส์ การวดั รัศมีอะตอมทาไดโ้ ดยวดั ระยะระหวา่ งนิวเคลียสของอะตอมท้งั สองของแตล่ ะโมเลกุล แลว้ นามาหารดว้ ย 2 จะไดร้ ัศมีอะตอมซ่ึง เรียกวา่ รัศมีแวนเดอร์วาลส์ (เช่นหาจากแก๊สเฉ่ือย , แก๊สไฮโดรเจน) 3. ถา้ อะตอมรวมตวั กนั ดว้ ยพนั ธะโลหะ การวดั รัศมีอะตอมทาไดโ้ ดยวดั ระยะระหวา่ งนิวเคลียส ของอะตอมภายในผลึกของโลหะที่อยชู่ ิดกนั แลว้ นามาหารดว้ ย 2 จะไดร้ ัศมีอะตอม ซ่ึงเรียกวา่ รัศมี โลหะ หมายเหตุ : ธาตุท่ีเป็นโลหะแสดงดว้ ยคา่ รัศมีโลหะ ธาตุอโลหะเป็ นรัศมีโคเวเลนต์ และหมู่ VIIIA มี รัศมีแวนเดอร์วาลส์ ขนาดอะตอมและขนาดไอออนจะใหญ่หรือเลก็ ขึ้นกบั ปัจจัยต่อไปนี้ 1. จานวนระดบั พลงั งานของอิเล็กตรอน หมููู่เดียวกนั ขนาดอะตอมจะเล็กลงจากล่างข้ึนบน 2. จานวนโปรตอนในนิวเคลียส คาบเดียวกนั จะมีขนาดอะตอมเล็กลงจากซา้ ยไปขวา 3. จานวนอิเล็กตรอน รัศมไี อออน : ไอออนบวกของอะตอมชนิดเดียวกนั ยงิ่ บวกมากขนาดไอออนจะเลก็ ลง ( A > A+ > A2+ > A3+ ) ท้งั น้ีเพราะไอออนยง่ิ บวกจานวนอิเล็กตรอนยง่ิ นอ้ ยลงนนั่ เอง
60 ไอออนลบอะตอมชนิดเดียวกนั ยง่ิ ลบมากขนาดไอออนยงิ่ จะใหญ่ข้ึน ( B < B– < B2– < B3– ) ท้งั น้ีเพราะไอออนยง่ิ เป็นลบจานวนอิเล็กตรอนยง่ิ มากข้ึน ขนาดไอออนจึงใหญข่ ้ึน นนั่ เอง 1. พลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ท่ี 1 ของธาตุในคาบเดียวกนั ของตารางธาตุจากซา้ ยไปขวามีแนวโนม้ ในการจดั เรียงพลงั งานอยา่ งไร เพราะเหตุผลใด 1) ค่อยๆ นอ้ ยลง เพราะขนาดอะตอมคอ่ ยๆ เล็กลงตามลาดบั 2) ค่อยๆ นอ้ ยลง เพราะขนาดอะตอมค่อยๆ ใหญข่ ้ึนตามลาดบั 3) ค่อยๆ มากข้ึน เพราะขนาดอะตอมคอ่ ยๆ ใหญ่ข้ึนตามลาดบั 4) ค่อยๆ มากข้ึน เพราะขนาดอะตอมคอ่ ยๆ เล็กลงตามลาดบั 2. การจดั เรียงอิเล็กตรอนของธาตุ A คือ 2, 7 ธาตุ B คือ 2, 6 ธาตุ C คือ 2, 8, 5 และ ธาตุ D คือ 2, 8, 6 ลาดบั ของการลดลงของค่าอิเล็กโตรเนกาติวติ ีของธาตุท้งั 4 คือขอ้ ใด 1) A>D>B>C 2) A> B >C > D 3) A> D> C > B 4) A> B > D > C 3. การเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรัศมีอะตอมกบั เลขอะตอมของธาตุในคาบท่ี 3 ผลจาก กราฟควรเป็นอยา่ งไร 1) รัศมีอะตอมเพิม่ ข้ึนเมื่อเลขอะตอมของธาตุเพม่ิ ข้ึน 2) รัศมีอะตอมลดลงเม่ือเลขอะตอมของธาตุเพ่มิ ข้ึน 3) รัศมีอะตอมลดลงเมื่อเลขอะตอมของธาตุลดลง 4) รัศมีอะตอมไมเ่ ปล่ียนแปลงเมื่อเลขอะตอมของธาตุเพ่ิมข้ึน
61 4. ขนาดของอนุภาคจากใหญ่ไปเลก็ ของ S2-, Cl-, K+, Ca2+ และ Ar 1) Ar > Ca2+ > S2- > K+ > Cl- 2) Ar > S2- > Ca2+ > Cl- > K+ 3) Ca2+ > K+ > Ar > Cl- > S2- 4) S2- > Cl- > Ar > K+ > Ca2+ 5. ไอออนใดมีขนาดเล็กสุด 1) Al3+ 2) Na+ 3) N3- 4) C4- 6. พิจารณาธาตุ Li, Be, B และ C พลงั งานไอออนไนเซชนั ลา ดบั ท่ี 3 ของธาตุใดควรจะมีคา่ สูงสุด 1) Li 2) Be 3) B 4) C 7. ขอ้ ใดไม่ใช่ธาตุหมู่ 1 1) จุดหลอมเหลวเพม่ิ ข้ึน เม่ือเลขอะตอมเพิ่มข้ึน 2) ความหนาแน่นมีแนวโนม้ เพ่มิ ข้ึน เมื่อเลขอะตอมเพ่มิ ข้ึน 3) พลงั งานไอออไนเซชนั ลา ดบั ท่ี 1 ลดลง เม่ือมวลอะตอมเพิ่มข้ึน 4) เป็นธาตุใหอ้ ิเล็กตรอนไดด้ ี 8. จากตารางขอ้ ใดผดิ B C X A E FY DZ 1) ธาตุ A นา ไฟฟ้าไดด้ ี และเป็นตวั ออกซิไดส์ท่ีแรงมาก 2) ธาตุ B มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเท่ากบั 2 และวอ่ งไวนอ้ ยกวา่ ธาตุ A 3) ธาตุ C มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูงมาก 4) ธาตุ D มีสมบตั ิเป็นโลหะมากกวา่ ธาตุ E 9. ธาตุสมมติ 9X, 17Y และ 35Z มีสูตรโมเลกุลเป็ น X2, Y2 และ Z2 ตามลาดบั เกิดสารประกอบไอออนิก กบั โพแทสเซียม เมื่อพิจารณาผลการทดลองต่อไปน้ี I. เมื่อนา สารละลาย KX มาทาปฏิกิริยากบั Y2 พบวา่ ไมเ่ กิดการเปลี่ยนแปลง II. เมื่อนา สารละลาย KZ มาทาปฏิกิริยากบั Y2 พบวา่ จะได้ Z2 เกิดข้ึน
62 ขอ้ สรุปใดถูกต้อง 1) X เป็นตวั รีดิวซ์ท่ีดีกวา่ Y และ Z 2) เมื่อผสมสารละลาย KY กบั X2 จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดข้ึน 3) เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนของ X- หลุดไดง้ ่ายกวา่ เวเลนซ์อิเล็กตรอนของ Y- และของ Z- 4) เมื่อผสมสารละลาย KZ กบั X2 จะเกิด Z2 และ KX ข้ึน 10. อะตอมของธาตุ A B C และ D สมมุติดงั ในตารางธาตุ I II III IV V VI VII VIII D2 BC 3 A4 ขอ้ ใดเรียงลาดบั ขนาดของอะตอมจากใหญไ่ ปเลก็ ไดถ้ ูกตอ้ ง 1) A > B > C > D 2) A > B > D > C 3) A > C > B > D 4) A > D > C > B 11. ธาตุ W , X , Y และ Z มีเลขอะตอม 3, 6, 7, 9 ตามลาดบั ธาตุใดมีความเป็นโลหะมากที่สุด 1) W 2) X 3) Y 4) Z 12. (En 45 มี.ค.) กาหนดเลขอะตอมของธาตุดงั น้ี A = 13 , B = 19 , C = 20 , D = 12 การเรียงลาดบั ขนาดอะตอมในขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1) B > C > D > A 2) B > C > A > D 3) C > A > B > D 4) C > B > A > D 13. (En 41 ต.ค.) อะตอมใดมีขนาดใหญ่ที่สุด 1) 17Cl 2) 6C 3) 35Br 4) 32Ge 14. อะตอมของธาตุ A B C และ D สมมุติดงั ในตารางธาตุ I II III IV V VI VII VIII B D2 C3 A4 ขอ้ ใดเรียงลาดบั ค่า IE1 จากต่าไปสูงไดถ้ ูกตอ้ ง 1) A < B < C < D 2) D < C < A < B 3) D < C < B < A 4) B < C < D < A
63 15. (En 36) พิจารณาหมูแ่ ละคาบของธาตุ A , B , C และ D ต่อไปน้ี ธาตุ หมู่ คาบ A12 B53 C14 D44 พลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ที่ 1 ของธาตุท้งั ส่ีเรียงจากนอ้ ยไปมาก ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1) A < C < B < D 2) C < A < B < D 3) A < C < D < B 4) C < A < D < B 16. ธาตุใดมีค่า IE1 ต่าท่ีสุด 1) 4Be 2) 12Mg 3) 20Ca 4) 38Sr 17. ขอ้ ใดแสดงการเกิดพลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ที่สองของแก๊ส X 1 โมล 1) X (s) → X (g) 2) X+(g) → X2+ (g) + e– 3) X (g) → X+(g) + e– 4) X (g) → X2+ + 2e– (g) 18. เมื่อพิจารณาสมบตั ิตา่ งๆของธาตุในหมู่ I กบั หมู่ VI สมบตั ิขอ้ ใดต่อไปน้ีธาตุท้งั สองหมู่น้ีมี ความสัมพนั ธ์คลา้ ยกนั โดยพจิ ารณาจากบนลงล่าง 1) ค่าอิเล็กโทรเนกาติวติ ีลดลงตามลาดบั 2) คา่ พลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ท่ี 1 เพ่ิมข้ึนตามลาดบั 3) จุดหลอมเหลวเพ่ิมข้ึนตามลาดบั 4) ถูกท้งั ขอ้ 1,2 และ 3 19. ธาตุซ่ึงมีเลขอะตอมตอ่ ไปน้ี ขอ้ ใดมีค่า IE1 เรียงตามลาดบั จากนอ้ ยไปหามาก 1) 8, 9, 10, 11, 12 2) 12, 11, 10, 9, 8 3) 11, 12, 8, 9, 10 4) 10, 9, 8, 12, 11 20. พลงั งานไอออไนเซชนั หมายถึง 1) พลงั งานปริมาณนอ้ ยท่ีสุดที่ทาใหอ้ ิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแกส๊ 2) พลงั งานปริมาณนอ้ ยที่สุดที่ทาใหอ้ ิเลก็ ตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะของแขง็ 3) พลงั งานปริมาณมากที่สุดที่ทาใหอ้ ิเลก็ ตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะแก๊ส 4) พลงั งานปริมาณมากที่สุดที่ทาใหอ้ ิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมในสถานะของแขง็
64 21. ขอ้ ใดใช่พลงั งานไอออไนเซชนั 2) M4+(s) ---> M5+(g) + e- 1) M(l) ---> M2+(g) + 2e- 4) M2+(aq) ---> M3+(g) + e- 3) M9+(g) ---> M10+(g) + e- 22. สมการขอ้ ใดแทนค่าพลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ท่ี 3 (IE3) 1) M(g) ---> M2+(g) + 2e- 2) M(g) ---> M3+(g) + 3e- M3+(g) + e- 3) M+(g) ---> M3+(g) + e- 4) M2+(g) ---> 23. จากสมการตอ่ ไปน้ี เป็นพลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ที่เทา่ ไร 4) 9 A7+(g) -----> A8+ (g) + e- 1) 6 2) 7 3) 8 24. (A-net50) กาหนดให้ A, B, C, D, E, F และ H เป็นธาตุในตารางดงั น้ี A BCD EF GH การเปรียบเทียบขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1) ขนาดอะตอม A>E>B 2) ค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ี D>C>F 3) คา่ พลงั งานไอออไนเซชนั ลาดบั ที่ 1 ของ B>C>D 4) คา่ สมั พรรคภาพอิเล็กตรอน (คา่ พลงั งานท่ีคายออกมา) ของ G>D>H 25. ธาตุในหมู่ 3A มีสมบตั ิความเป็นโลหะตามขอ้ ใด 1) ลดลงตามเลขอะตอม 2) เพิม่ ข้ึนตามเลขอะตอม 3) ไมเ่ ปล่ียนแปลงมากนกั 4) เพิม่ ข้ึนตามจานวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน 26. การเปรียบเทียบสมบตั ิของธาตุหมู่ 1A และ 2A ในคาบเดียวกนั ต่อไปน้ี ขอ้ ความใด ผิด 1) ธาตุหมู่ 2 มีเลขอะตอมมากกวา่ ธาตุหมู่ 1 2) ธาตุหมู่ 2 มีรัศมีอะตอมใหญก่ วา่ ธาตุหมู่ 1 3) ธาตุหมู่ 2 มีความหนาแน่นมากกวา่ ธาตุหมู่ 1 4) อะตอมของธาตุหมูท่ ่ี 2 มีมวลมากกวา่ ธาตุหมู่ 1
65 27. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั ธาตุหมู่ IA กบั หมู่ IIA 1) ความเป็นโลหะลดลง เมื่อเลขอะตอมลดลง 2) รัศมีอะตอมเพิ่มข้ึน เม่ือเลขอะตอมลดลง 3) จุดหลอมเหลวลดลง เมื่อเลขอะตอมมากข้ึน 4) ความหนาแน่นลดลง เม่ือเลขอะตอมลดลง 28. ในตารางธาตุ สมบตั ิความเป็นโลหะมีแนวโนม้ เพม่ิ ข้ึนอยา่ งไร 1) จากซา้ ยไปขวา และบนลงล่าง 2) จากขวามาซา้ ย และลา่ งข้ึนบน 3) จากขวามาซา้ ย และบนลงล่าง 4) จากซา้ ยไปขวา และลา่ งข้ึนบน เลขออกซิเดชัน เลขออกซิเดชัน (Oxidation Number) ยอ่ วา่ ON คือ ตวั เลขท่ีใชต้ ิดตามจา นวนอิเล็กตรอนที่ใชใ้ นการเกิดพนั ธะของอะตอมของธาตุ สรุปสาระสาคญั ของเลขออกซิเดชัน (ON) ธาตุอิสระมี ON เป็นศูนย์ เช่น Ca , H2 , P4 , S8 , Na ON คิดต่อ 1 อะตอมของธาตุเป็นตวั เลขที่มีเคร่ืองหมายบวก หรือลบ หรือศูนย์ ไอออนของธาตุหรือประจุของไอออน = เลขออกซิเดชนั เช่น Mg2+ มี ON = +2 ธาตุหมู่ IA , IIA และหมู่ IIIA จะมีเลขออกซิเดชนั = +1 , +2 , +3 ตามลาดบั ธาตุไฮโดรเจนส่วนมากมีเลขออกซิเดชนั เป็น +1 เช่น H2O H2SO4 ยกเวน้ ไฮไดรตข์ อง โลหะ H มี ON = -1 เช่น NaH ธาตุออกซิเจนส่วนมากมีเลขออกซิเดชนั เป็น –2 เช่น NaHCO3 ยกเวน้ ออกไซดบ์ างชนิด เช่น เปอร์ออกไซด์ O มี ON = -1 เช่น Na2O2 H2O2 ซุปเปอร์ออกไซด์ O มี ON = - 1/2 เช่น NaO2 สารประกอบใด ๆ ผลรวมของเลขออกซิเดชนั จะตอ้ งเป็นศูนยเ์ สมอ เช่น H2O มีเลข ออกซิเดชนั = [(+1x2) + (–2)] = 0
66 การหาเลขออกซิเดชันของธาตุ สารประกอบ ผลบวกของเลขออกซิเดชนั ของธาตุทุกอะตอมในสารประกอบ = 0 ไอออน ผลบวกของเลขออกซิเดชนั ของธาตุทุกอะตอมในไอออน = ประจุไอออน ตวั อย่าง จงหาเลขออกซิเดชนั ของธาตุที่พมิ พต์ วั หนาตา่ งๆ ในสารตอ่ ไปน้ี 1. CaMg(SiO3)2 (+2) + (+2) + (x + (-2 × 3)) × 2 = 0 ∴ x = +4 2. Al(H2O)2(OH)4- x + (0 × 2) + (-1 × 4) = -1 ∴ x = +3 ประจุของไอออนต่อไปนีม้ ีประโยชน์ในการหาเลขออกซิเดชั่น SO32 , SO42 , PO33 , PO34 , ClO , ClO , ClO , ClO , NO , NO3 , CN , SCN , 2 3 4 2 CO32 , C2O 2 , CO , NH , NH3 , H2O 4 4 1. จงหาคา่ เลขออกซิเดชนั ของธาตุที่ขีดเส้นใตใ้ นสารต่อไปน้ี H2CO3 , H2SO4 , Na2SO4 , O2 , S8, MnO2 , K2Cr2O7 , Mn2O3 , Cu วธิ ีทา 2. เลขออกซิเดชนั ของโลหะแทรนซิชนั ในสารประกอบต่อไปน้ี [Cr(NH3)4SO4]Cl Fe(H2O)5(OH)Cl2 และ K2[PtCl4] เป็นดงั ขอ้ ใดตามลาดบั 1) 2 2 3 2) 2 3 2 3) 3 3 2 4) 3 3 3 3. โลหะแทรนซิชนั ในสารประกอบใดท่ีเรียงลา ดบั เลขออกซิเดชนั จากมากไปนอ้ ย 1) ZnO Cr2O3 WO3 2) MoO3 TiO2 Mn2O7 3) MnO2 Fe3O4 Cu2O 4) K3Fe(CN)6 K2Cr2O7 KMnO4
67 4. เลขออกซิเดชนั ของโลหะอะตอมกลางในขอ้ ใดต่อไปน้ีมีคา่ สูงกวา่ +2 1) [Cu(CN)4]2- 2) [CrCl6]4- 3) [Ni(NH3)4]2+ 4) [Fe(CN)6]3- 5. ผลรวมของเลขออกซิเดชนั ของอะตอมกลางในขอ้ ใดท่ีมีค่ารวมกนั นอ้ ยที่สุด 1) K4[Fe(CN)6] K3[Fe(CN)6] [Ag(NH3)2]Cl2 2) [Ag(NH3)2]Cl2 K2[Ni(CN)4] [Cr(H2O)6]SO4 3) [Fe(H2O)6]SO4 [Ag(NH3)2]Cl2 K2Cr2O7 4) K3[Fe(CN)6] K2[Ni(CN)4] K4[Fe(CN)6] 6. เลขออกซิเดชนั ของธาตุแฮโลเจนในสารประกอบต่อไปน้ี เรียงลาดบั ตามขอ้ ใด NaF, HBrO2, KIO3, KIO4, OF2 2) -1, +3, +5, +7, +1 1) -1, +3, +5, +5, -1 3) -1, +3, +5, +7, -1 4) -1, +5, +5, +7, +1 7. สารในขอ้ ใดที่ N มีเลขออกซิเดชนั สูงที่สุด 1) NO 2) NH3 3 4) N2O4 3) NH 4
68
Search