ผลการใชช้ ุดการอ่านพยญั ชนะไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองคร์ วม เพ่ือสง่ เสรมิ ความสามารถในการอ่านพยัญชนะไทยของนกั ศกึ ษาผู้พกิ าร ท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณีศกึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา ชยั ธวชั สมนกึ ณตั ิฐิญา พรหมทอง ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอแสวงหา สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั อ่างทอง สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ภาคการศกึ ษาที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอแสวงหา ขออนุมัติการทาวิจัย ในช้ันเรียนเร่ือง ผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม เพ่ือส่งเสริม ความสามารถในการอา่ นพยัญชนะไทยของนกั ศึกษาผพู้ กิ ารที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ กรณศี กึ ษา กศน.อาเภอแสวงหาโดยวัตถุประสงค์คือ 1 เพ่ือศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการ สอนภาษาแบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอ แสวงหา 2 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลังการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม เสนอ โดย นายชัยธวัช สมนกึ ตาแหน่ง ครูผู้ช่วย และนางสาวณัตฐิ ญิ า พรหมทอง ตาแหน่ง ครผู ู้ช่วย ลงช่อื
~ก~ บทคดั ยอ่ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์คือ 1 เพ่ือศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการ สอนภาษาแบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอ แสวงหา 2 เพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พกิ ารทมี่ ีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลังการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม กับ นักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ลงทะเบียนเรียนใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 คน กศน.อาเภอแสวงหา สานักงาน กศน.จังหวัด อ่างทอง เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย คือ แผนการจดั การเรียนรู้ ชุดการอ่านพยัญชนะไทย แบบประเมิน การอ่านพยัญชนะไทย แบบสังเกตพฤติกรรม และแบบสัมภาษณ์ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ พ้ืนฐานและการบรรยายเชงิ พรรณนา ผลการวิจัยพบว่า 1. ความสามารถการอา่ นพยญั ชนะไทย ของนกั ศึกษาผพู้ กิ ารที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลังเรียนด้วยชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบ องค์รวม อยใู่ นระดับดี ความกา้ วหนา้ เพ่ิมขน้ึ ร้อยละ 42.05 2. ความพึงพอใจทมี่ ตี ่อชดุ การอ่านพยญั ชนะไทย ด้วยวธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวม จากการ สัมภาษณ์นักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมมากกว่า แบบเรยี นพยญั ชนะไทยจากหนังสอื ท่ัวไป
~ข~ กิตตกิ รรมประกาศ รายงานการวิจัยฉบับนี้สาเร็จลุล่วงได้ด้วยความอนุเคราะห์และความเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก อาจารย์ ดร.เนติ เฉลยวาเรศ อาจารย์ประจาวชิ า ในการให้คาปรึกษาที่เป็นประโยชน์ แนะนาแนวทาง ในการทาวิจัย ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะทางวิชาการอันทรงคุณค่า เพื่อให้งานวิจัยฉบับนี้มีความ สมบรู ณ์ ผวู้ จิ ัยขอขอบพระคุณนางจิรชั ยา เฟ่อื ฟูรัตน์ นายสมบัติ เกตุถาวร และนางจฑุ ารัตน์ ไพรสทิ ธิ์ ที่กรุณารับเป็นผู้เช่ียวชาญ ตรวจและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขเคร่ืองมือวิจัยที่ใช้ในการ เกบ็ รวบรวมข้อมูลดว้ ยความเอาใจใส่เปน็ อยา่ งดี ผู้วิจยั ขอขอบพระคุณ นางจิรัชยา เฟ่ือฟูรัตน์ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอสามโก้ รักษาการใน ตาแหน่ง ผู้อานวยการ กศน.อาเภอแสวงหา ท่ีให้ความอนุเคราะห์สถานท่ีเก็บรวบรวมข้อมูล ขอขอบคุณนักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ท่ีให้ความร่วมมือในการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ในการวจิ ัย จนทาใหง้ านวิจัยมีความสมบูรณ์ยงิ่ ข้นึ คณุ คา่ และประโยชน์ใด ๆ อันจะเกดิ จากงานวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณ ของบดิ า มารดา ครู อาจารย์ทุกทา่ น ทีป่ ระสทิ ธิ์ประสาทวชิ าแกผ่ วู้ ิจัย ชยั ธวัช สมนกึ ณตั ฐิ ิญา พรหมทอง
~ค~ สารบญั บทคัดยอ่ .............................................................................................................................................. ก กิตตกิ รรมประกาศ............................................................................................................................... ข สารบญั ..................................................................................................................................................ค บทที่ 1 บทนา..................................................................................................................................... 1 ท่ีมาและความสาคญั ........................................................................................................................ 1 วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจยั ....................................................................................................................... 2 คาถามการวิจัย ................................................................................................................................ 2 ขอบเขตการวจิ ัย.............................................................................................................................. 2 นยิ ามศัพท์เฉพาะ............................................................................................................................. 3 ประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการวจิ ยั .......................................................................................................... 3 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กยี่ วข้อง ............................................................................................. 4 1. นักศึกษาผพู้ กิ ารทีม่ คี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ ....................................................................... 4 1.1 ความหมายของผูพ้ กิ ารที่มคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ ..................................................... 4 1.2 ประเภทของผพู้ ิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้.......................................................... 4 1.3 ลกั ษณะของผู้พกิ ารที่มคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ .......................................................... 5 1.4 หลักการสอนผพู้ ิการทมี่ คี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้......................................................... 6 1.5 งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ผู้พิการท่ีมีความบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้........................................... 6 2. การสอนภาษาแบบองค์รวม....................................................................................................... 8 2.1 ความหมายของการสอนภาษาแบบองคร์ วม........................................................................ 8 2.2 ความเปน็ มาของการสอนภาษาแบบองค์รวม ...................................................................... 8 2.3 แนวคดิ เกีย่ วกบั การสอนภาษาแบบองค์รวม........................................................................ 8 2.4 กระบวนการสอนภาษาแบบองค์รวม................................................................................... 9 2.5 งานวจิ ยั ท่เี กีย่ วกับการสอนภาษาแบบองคร์ วม..................................................................10 บทที่ 3 วิธดี าเนินการวจิ ัย.................................................................................................................13 กลมุ่ เป้าหมาย................................................................................................................................ 13 เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวิจัย ................................................................................................................ 13
~ง~ สารบญั (ตอ่ ) 1. แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายบคุ คล...........................................................................................13 2. ชุดการอา่ นพยัญชนะไทย......................................................................................................14 3. แบบประเมินผลการอา่ นพยญั ชนะไทย .................................................................................14 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม............................................................................................................15 5. แบบสัมภาษณ์ความพงึ พอใจ ................................................................................................ 15 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ................................................................................................................... 16 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ........................................................................................................................ 17 สถิติท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ...................................................................................................... 17 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ......................................................................................................... 19 บทที่ 5 สรปุ อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ..........................................................................................21 วัตถปุ ระสงค์การวิจัย ..................................................................................................................... 21 ขอบเขตการวจิ ยั ............................................................................................................................ 21 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล................................................................................................................... 21 สรุปผลการวจิ ยั .............................................................................................................................. 22 อภปิ รายผล.................................................................................................................................... 22 ขอ้ เสนอแนะ.................................................................................................................................. 24 บรรณานกุ รม ..................................................................................................................................... 25
~1~ บทท่ี 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญ ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติ เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อส่ือสารความเข้าใจ ทาให้ สามารถประกอบการงาน และดารงชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข รวมทั้งเป็นเคร่ืองมือในการ แสวงหาความรู้ ประสบการณ์ จากแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศต่าง ๆ เพอ่ื พฒั นาความรู้ ความคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ ให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กาหนดรายวิชา ภาษาไทยเป็นรายวิชาบังคับ ในระดับมัธยมศึกษาไว้ในสาระการเรียนรู้พื้นฐาน มาตรฐานท่ี 2.1 มี ความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะพน้ื ฐานเกีย่ วกบั ภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานระดับ ด้านการอ่านข้อ 1 ผู้เรียนเห็นความสาคัญของการอ่าน ทั้งอ่านออกเสียงและอ่านในใจ แต่จากการสารวจนักศึกษา พิการทลี่ งทะเบียนเรยี นในภาคเรยี นท่ี 2/2564 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ พบวา่ ยงั มีนักศึกษาผู้พิการ ท่ียังขาดความสามารถในการอ่านพยัญชนะไทย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการอ่านภาษาไทยต่อไปใน อนาคต พระราชบญั ญตั ิการจัดการศกึ ษาสาหรับคนพกิ าร พ.ศ.2551 ไดร้ ะบุว่า ผู้พิการต้องได้รับสิทธิ และโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายต้ังแต่แรก เกิดหรือพบความพิการ พร้อมทั้งเทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ บริการและความช่วยเหลือ สามารถเลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบ และรูปแบบการศึกษาโดยคานึงถึง ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด และความต้องการจาเป็น โดยท่ีรัฐต้องจัดให้อย่างท่ัวถึงและมี คุณภาพ (ราชกจิ จานเุ บกษา, 2551 นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดประเภทของคนพิการ ไว้ 9 ประเภท ดังนี้ 1 บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็น 2 บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการได้ ยนิ 3 บุคคลท่มี ีความบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา 4 บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางร่างกาย 5 บุคคลท่ีมี ความบกพร่องทางการเรียนรู้ 6 บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการพูดและภาษา 7 บุคคลที่มีความ บกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ 8 บุคคลออทิสติก และ 9 บุคคลพิการซ้อน (ประกาศ กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552 ปัญหาด้านการอ่านของนักศึกษาผู้พิการ กศน.อาเภอแสวงหา ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทาง กายภาพ ซ่ึงทาให้ขาดทักษะการเรียนรู้ มีพัฒนาการด้านการพูดช้า เรียนรู้ศัพท์ใหม่บางคาได้ช้า มี ปัญหาด้านการจาและการเขียนตัวอักษร ถ้าเด็กมีระดับความผิดปกติในระดับรุนแรง เป็นภาวะที่มี พัฒนาการบกพร่องซ่ึงทาให้มีข้อจากัดด้านการเรียนรู้และการปรับตัวในการดารงชีวิตประจาวัน แต่ สามารถฟื้นฟูสภาพทางสมองส่วนท่ีคงเหลืออยู่ให้ทางานได้เต็มที่ เช่น การส่งเสริมพัฒนาการฝึก ทกั ษะทจ่ี าเปน็ ในการเรียนรู้ เพื่อนาไปสูพ่ ัฒนาการปกติตามวยั ของเด็ก จากการวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับ การฝึกทักษะท่ีจาเป็นในการพัฒนาแต่เยาว์วัย จะสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่าการฝึกเม่ือเด็กโตแล้ว การ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษาโดยใช้แผนการศึกษาสาหรับแต่ละบุคคล (Individualized Educational Program : IEP)
~2~ การสอนภาษาแบบองค์รวม เป็นการจัดสภาพการณ์ให้ผู้เรียนเรียนรู้การส่ือสารซึ่งกันและกัน อย่างมีปฏิสัมพันธ์และมีความหมายด้วยสถานการณ์จริง และเรียนรู้การใช้ภาษาเป็นองค์รวมโดยไม่ แยกกิจกรรมการอ่าน การเขียน การพูด และการฟังออกจากกัน สร้างบรรยากาศการเรียนรู้การอ่าน จากผลงานการเขียน เรียนรู้การเขียนจากการอ่าน เรียนรู้ภาษาจากสภาพแวดล้อม วรรณกรรมและ การเลียนแบบ กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงการส่ือสารผ่านกระบวนการคิดตลอดเวลาและใช้ภาษาจาก แรงจูงใจภายในไมใ่ ช่การบังคับ สง่ เสริมให้ผู้เรียนกล้าพูด กล้าอ่าน และกล้าเขียนโดยไม่กลวั ผดิ การพัฒนาชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม จะเป็นวิธีที่ช่วย การพัฒนาการของนักศึกษาผู้พิการท่ีบกพร่องทางการเรียนรู้ สามารถสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริม บรรยากาศท่ีอบอุ่น เป็นอิสระ เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน และให้กาลังใจผู้เรียน อย่างสม่าเสมอ เพื่อให้นักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอ แสวงหา สามารถเรียนรู้พยัญชนะไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความสามารถ และศักยภาพของ ตนเอง วัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย 1. เพอ่ื ศกึ ษาผลการใชช้ ดุ การอ่านพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ธิ กี ารสอนภาษาแบบองค์รวมกับนกั ศึกษาผู้ พกิ ารทีม่ ีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณศี กึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา 2. เพ่อื ศึกษาความพึงพอใจของนกั ศึกษาผู้พกิ ารทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้กรณีศกึ ษา กศน. อาเภอแสวงหา หลังการใชช้ ดุ การอา่ นพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ธิ ีการสอนภาษาแบบองคร์ วม คาถามการวจิ ยั 1. ชดุ การอา่ นพยัญชนะไทยโดยใชว้ ิธีการสอนภาษาแบบองคร์ วม สามารถพฒั นาการเรยี นร้พู ยัญชนะ ไทยนกั ศึกษาผู้พกิ ารทีม่ คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณีศกึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา ไดห้ รอื ไม่ 2. นักศึกษาผูพ้ กิ ารทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ กรณศี ึกษา กศน.อาเภอแสวงหา มคี วามพงึ พอใจ ต่อชุดการอา่ นพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ิธีการสอนภาษาแบบองคร์ วมอยา่ งไร ขอบเขตการวิจัย 1. กลมุ่ เปา้ หมาย นกั ศกึ ษาผู้พกิ ารที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ที่ลงทะเบยี น เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 1 คน กศน.อาเภอแสวงหา สานกั งาน กศน. จังหวัดอ่างทอง 2. เนื้อหา พยญั ชนะไทย 44 ตวั พรอ้ มภาพประกอบ
~3~ 3. ตวั แปรทศ่ี ึกษา ตวั แปรตน้ ชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ธิ กี ารสอนภาษาแบบองคร์ วม ตวั แปรตาม ความกา้ วหน้าการอา่ นพยญั ชนะไทยของนกั ศึกษา ความพึงพอใจตอ่ ชดุ การอา่ นพยัญชนะไทย 4. ระยะเวลา เดอื นพฤศจกิ ายน – เดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 1. ชดุ การอ่านพยญั ชนะไทย หมายถึง ชดุ อกั ษร-ภาพ ท่ีใช้ฝกึ ทกั ษะการอา่ นพยัญชนะไทยผา่ นการดู ภาพ อา่ นออกเสียง และการฝกึ เขียน 2. วธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวม หมายถึง การสอนทเ่ี น้นการเรียนร้ดู ว้ ยตวั เองจากประสบการณแ์ ละ ส่ิงแวดล้อมรอบตวั ผา่ นการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี น 3. นกั ศึกษาผู้พกิ ารทมี่ ีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หมายถงึ นักศกึ ษาทมี่ คี วามบกพร่องในการจา พยัญชนะ สระ อ่านหนงั สอื ได้ไมส่ มกับวยั อา่ นสะกดไม่ถกู อ่านตกหล่นไมค่ รบถ้วน ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากการวจิ ัย 1. ไดพ้ ัฒนาการอา่ นพยญั ชนะไทยของนกั ศกึ ษาผู้พกิ ารที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ 2. เป็นแนวทางในพัฒนาสอื่ การสอนของนักศึกษาผู้พิการที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้
~4~ บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง การพัฒนาชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม ของนักศึกษาผู้ พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและ งานวิจยั ท่เี กี่ยวข้อง นาเสนอตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ 1. นักศึกษาผู้พิการที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ 1.1 ความหมายของผู้พกิ ารท่ีมีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ 1.2 ประเภทของผพู้ ิการท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ 1.3 ลกั ษณะของผพู้ ิการทมี่ คี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ 1.4 หลกั การสอนผูพ้ กิ ารท่มี คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ 1.5 งานวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ้ งกับผพู้ ิการทม่ี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้ 2. การสอนภาษาแบบองค์รวม 2.1 ความหมายของการสอนภาษาแบบองค์รวม 2.2 ความเปน็ มาของการสอนภาษาแบบองค์รวม 2.3 แนวคิดเกยี่ วกบั การสอนภาษาแบบองค์รวม 2.4 งานวิจยั ทเี่ กย่ี วกบั การสอนภาษาแบบองคร์ วม 1. นักศึกษาผู้พิการทม่ี ีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ 1.1 ความหมายของผูพ้ กิ ารทีม่ คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ ผพู้ ิการท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ หมายถึง ผู้ท่ีมีความบกพร่องของขบวนการ พ้ืนฐานทางจิตวิทยาการเรียนรู้หรือเกิดจากความบกพร่องทางพันธุกรรม ทาให้เด็กมีปัญหายุ่งยากใน การดาเนินชีวติ ประจาวัน ซ่ึงมีผลโยงไปถึงการมีปัญหาในการใช้กาย ทั้งการฟัง การอ่าน การพูด การ เขียน และการสะกดคา หรือการคานวณ คลอดจบปัญหาในเรื่องการเคลื่อนไหว การรับรู้ อารมณ์ พฤติกรรม โดยไม่ได้เกิดจากความบกพร่องทางสติปัญญา ความบกพร่องทางประสาทสัมผัส ปัญหา ทางพฤตกิ รรม ความแตกต่างทางวฒั นธรรม ซ่งึ ปัญหาเหล่าน้ีจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ทาให้เด็ก ไม่ประสบผลสาเร็จทางการเรียนหนังสือ โดยวิธีเดียวกับเด็กปกติได้ จาเป็นต้องให้บริการทางการ ศึกษาที่แตกต่างไปจากเดก็ ปกติ 1.2 ประเภทของผพู้ ิการท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ ประเภทของเดก็ ที่มีปญั หาทางการเรียนรู้ จาแนกเป็นประเภทต่าง ๆ คามลักษณะของปัญหา ในการเรียนของเด็กแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก โดยมีความบกพร่องด้านใดด้านหน่ึง หรือหลายด้าน ดังน้ี 1) ความบกพร่องทางการอ่าน (impairment in reading) คือ เด็กท่ีอ่านหนังสือ ไม่ออกเลย หรืออ่านหนังสือได้ไม่เหมาะสมตามวัย เช่น จดจาพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ไม่แม่นยา แยกแยะพยัญชนะท่ีคล้ายกันไม่ออก เช่น ก-ถ-ภ, พ-ฟ, ม-น สะกดไม่ถูก อ่านตกหล่น อ่านทีละ ตัวอกั ษรได้แต่ผสมคาไมไ่ ด้ ท้งั ๆ ทีเ่ ด็กดมู คี วามฉลาดรอบรู้ในดา้ นอ่ืนๆ ถา้ มีใครเล่าเรื่องให้ฟังจะเข้าใจ
~5~ ดี จาได้ การเรียนรู้จากการเห็นภาพและการฟังจะทาได้ดี แต่ถ้าให้อ่านเองจะไม่ค่อยรู้เรื่อง อ่าน ตะกุกตะกัก จบั ใจความไมไ่ ด้ มีขอ้ จากดั ในการเรยี นรคู้ าศัพทใ์ หมๆ่ 2) ความบกพรอ่ งทางการเขยี น (impairment in written expression) คอื เด็กที่ มีปัญหาในด้านการเขียนหนังสือ ตั้งแต่เขียนหนังสือไม่ได้เลย เขียนตกหล่น สลับตาแหน่ง หรือผิด ตาแหน่ง สลับด้านแบบส่องกระจก หัวเข้าหัวออกสับสน เช่น ด-ค พ-ผ ถ-ภ ผันวรรณยุกต์ไม่ถูก วาง สระไม่ถูกตาแหน่ง เขียนไม่เป็นประโยคที่สมบูรณ์ ใช้คาเช่ือมไม่ถูกต้อง เว้นวรรคตอนหรือย่อหน้าไม่ ถูกต้อง จนทาให้ผู้อ่านไม่สามารถเข้าใจความหมายท่ีผู้เขียนต้องการสื่อได้ถูกต้อง เด็กมีข้อจากัดใน การถ่ายทอดความคิดผ่านการเขียนหนังสือ มักทาให้ความหมายผิดเพ้ียนไปจากส่ิงที่ต้องการส่ือสาร และไมส่ ามารถเขียนหนังสอื ได้ถูกตอ้ งตามหลักภาษา 3) ความบกพร่องด้านคณิตศาสตร์ (impairment in mathematics) คือ เด็กมี ปัญหาด้านคณิตศาสตร์ หลากหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง เช่น มีความสับสนเก่ียวกับ เร่ืองตัวเลข ไม่เข้าใจเรื่อง การบวก ลบ คูณ หาร ไม่สามารถแปลโจทย์ปัญหาเป็นสัญลักษณ์ทาง คณิตศาสตร์ มีการคานวณที่ผิดพลาด ตกหล่นเกี่ยวกับเร่ืองตัวเลขเป็นประจา มีข้อจากัดในเรื่อง จานวนและตัวเลข การใช้สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ทาให้ไม่สามารถหาคาตอบได้ถูกต้องตาม หลักเกณฑท์ างคณติ ศาสตร์ 1.3 ลักษณะของผพู้ กิ ารท่มี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผพู้ ิการทม่ี คี วามบกพร่องทางการเรียนรู้จะมีหน้าตาเป็นปกติ ไม่มีความแตกต่างจาก เพื่อนในรูปลกั ษณ์ภายนอก การพดู คยุ รู้เรอ่ื งดี เขา้ ใจง่าย จดจาได้คอ่ นข้างแม่นดว้ ยซา้ เวลาถามมักจะ ตอบได้ แต่เวลาให้เขียนอ่านหรือคานวณ จะเร่ิมเห็นปัญหา ผลการเรียนจะต่ากว่าเกณฑ์ มักช้ากว่า เพื่อนวัยเดียวกนั ประมาณ 2 ชนั้ เรียน มักมอี าการแสดงอยู่ 4 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ 1. ปญั หาดา้ นการอ่าน เดก็ ทมี่ ีปัญหาทางการอ่านจะไมส่ ามารถอา่ นหนังสือได้เท่ากบั ระดับของเด็กในชั้นเรียนเดียวกันแม้ว่าจะพยายามช่วยเหลือในเรื่องความจาเป็นพิเศษแล้วก็ตาม ดังนั้นพฤติกรรมการอ่านที่ไม่เหมาะสมจึงปรากฏอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง เช่น 1. อ่านหลง บรรทัด อ่านซ้าคา 2. อ่านตกหล่น อ่านเพิ่มคา หาคามาแทนท่ีหรืออ่านกลับคา 3. อ่านเรียงลาดับ สับสนตาแหนง่ ประธาน กริ ิยา กรรม 4. อา่ นสับสนระหวา่ งอกั ษร หรือคาทค่ี ลา้ ยคลึง 2. ปัญหาค้านการเขียน เด็กท่ีมีปัญหาด้านการเขียนอาจมีสาเหตุมาจากความ บกพร่องใน 3 ลักษณะ คือ 1. การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือและสายตาไม่ดี จึงทาให้เด็ก ลอกตัวอักษรและตัวเลขไม่ถูกต้อง 2. ความบกพร่องของการจาสิ่งที่มองเห็น จึงทาให้เด็กจาคาท่ี มองเห็นไม่ได้ 3. ความบกพร่องในการทาความเข้าใจกฎเกณฑ์ และความสัมพันธ์ระหว่างถ้อยคาใน ประโยค จึงทาให้เดก็ ที่มีปัญหาในการรวบรวม หรือจัดระบบความคิดเพอ่ื ส่อื สารออกมาโดยเขียนไม่ได้ 3. ปัญหาด้านการสะกดคา เด็กที่มีปัญหาค้านการสะกดคามักมีพฤติกรรมปรากฏ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เช่น 1. เรียงตัวอักษรในคาผิด 2. สลับตัวอักษรและคา 3. สะกด ข้ามตวั อักษรหลายตวั 4. สรา้ งการสะกดคาแบบใหม่ของตวั เอง เปน็ ตน้ 4. ปัญหาด้านคณิตศาสตร์ เด็กท่ีมีปัญหาด้านคณิตศาสตร์จะมีปัญหาด้านการกะ ระยะการคิดที่เป็นเชิงปริมาณ หรือภายาสัญลักษณ์ ทาให้ผลสัมฤทธิ์ด้านน้ีต่า ซ่ึงเด็กที่มีปัญหาด้าน คณิตศาสตร์มักมีพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น 1. มีปัญหาในการอ่านเลขหลาย
~6~ หลัก 2. มีปัญหาในการจาแนกตัวเลขบางตัว เช่น 6-9, 2-5, 17-71 3. เขียนตัวเลขจากหลังมาหน้า หรอื ขวามาซา้ ย 4. มปี ญั หาในการลอกรปู ทรงตา่ ง ๆ และลอกโจทยป์ ญั หา 1.4 หลกั การสอนผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ 1. สอนเขยี นตัวอกั ษร ตัวเลข และการฝึกคดั ลายมือ 2. สอนอ่านออกเสียง โดยคานึงถึงหน่วย เสียงในภาษาเป็นสาคัญ ตัวอย่าง การ สอนสระอา เชน่ มา กา วา ยา การสอนอกั ษรควบกลา้ เชน่ กลา้ กลอ้ ง กลว้ ย กลืน 3. ทาให้คาหรือข้อความในประโยดในเร่ืองที่อ่านมีสีเข้มแตกต่างไปจากตัวอักษรอ่ืน ทาให้อ่านง่ายใชใ้ นการสอนอ่านจบั ใจความ 4. การใช้ไดอะแกรมประกอบให้เห็นใจความสาคัญของเรื่องการอ่านเปรียบเสมือน ก้างปลาท่ีมีก้างปลาใหญ่ และก้างเล็กๆ ใช้ในการสอนอ่านจับใจความ ร.การใช้กราฟประกอบการ อธิบายเน้อื หาใจความใช้ประกอบการบรรยายการสอน การอธบิ ายให้เขา้ ใจเนื้อหาสาระ 1.5 งานวิจัยท่ีเกยี่ วขอ้ งกับผู้พกิ ารทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ จริยา สงวนรัตน์ และเพ็ญมณี แนรอท (2554 ได้สังเคราะห์งานวิจัยเก่ียวกับเด็กที่ มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ในประเทศไทย เพื่อศึกษาสถานภาพงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่มี ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ปีพุทธศักราช 2542 - 2552 ในประเทศไทย 2 เพื่อสังเคราะห์องค์ ความรู้เก่ยี วกับเด็กท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ งานวิจัย ที่ศึกษา เกี่ยวกับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ปีพุทธศักราช 2542 - 2552 โดยใช้เครื่องมือที่เป็นแบบ สรุปรายละเอียดงานวิจัยเป็นเคร่ืองมือการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การวิเคราะห์เชิงอภิมานกับงานวิจัยที่มี ข้อมูลเพียงพอ ประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเน้ือหา และสรุปรายงาน ผลการวิจัยพบว่า สถาบันท่ี ศึกษาเกี่ยวกับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้มากท่ีสุดคือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ร้อย ละ 39.18 ปีการศึกษาที่ผลิตงานวิจัยมากที่สุดคือ ปีการศึกษา 2550 (ร้อยละ 25 7 สายาท่ีศึกษา เกี่ยวกับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้มากเป็นอันดับท่ีหนึ่ง คือ สาขาการศึกษาพิเศษ (ร้อยละ 44.33 ระเบยี บวิธีวิจัยในงานวิจัยใช้รูปแบบ One Group Pretest Posttest Design มากที่สุด (ร้อย ละ 75.26 และกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในช่วงชั้นที่ 1 มากท่ีสุด (ร้อยละ 60.82 วิธีสอนโดยใช้แบบฝึก/ชุดการสอน และภาพ เป็นวิธีสอนเด็กท่ีมีความบกพร่องทางด้านการอ่านและ การเขียนมากที่สุด บทเรียน คอมพิวเตอร์ และเกม เป็นวิธีสอนเด็กที่มีความบกพร่องทางด้าน คณิตศาสตร์มากท่สี ุด บวรเดช อนุชา (2563 ได้ศึกษาการฟื้นฟูสมรรถภาพของบุคคลออทิสติก และผู้ พิการทางการเรียนรู้ จากข้อมลู ของกรมสง่ เสริมและพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตคนพิการเปิดเผยว่า คนพิการ ในประเทศไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่ได้รับการออกบัตรประจาตัวคนพิการ มีจานวน 2,048,366 คน (ร้อยละ 3.08 ของประชากรทั้งประเทศ ในจานวนนี้เป็นบุคคลออทิสติก 14,841 คน คิดเปน็ 0.72% และผู้พกิ ารทางการเรยี นรู้ 12,108 คน คิดเป็นร้อยละ 0. 59 การฟ้ืนฟูผู้พิการท้ังสอง ประเภทมีความยากลาบากมากและมีความละเอียดอ่อนกว่าผู้พิการด้านอื่น บทความนี้จะนาเสนอ ลักษณะของความพิการ สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการฟืน้ ฟคู นพกิ ารทงั้ สองประเภท โดยผู้เขียน
~7~ ได้ทาการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องมานาเสนอเพื่อเป็นความรู้พื้นฐานให้นักวิชาการศึ กษาวิจัยเชิงลึก ตอ่ ไป นิภาธร สาระพันธ์ (2564 ได้ศึกษาการพัฒนาบทเรียนวีดิทัศน์ เร่ือง การสะกดคา สาหรบั นกั เรยี นท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ มีวัตถุประสงคเ์ พื่อพฒั นาบทเรียนวีดิทัศน์ เรื่อง การ สะกดคา สาหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 = 90/90 และเพื่อเปรยี บเทยี บคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียนจากบทเรยี นวีดิทัศน์ เรอ่ื ง การสะกดคา ที่ พัฒนาขน้ึ ประชากรท่ีใช้ในการวจิ ยั ครั้งน้ี คือ นักเรยี นท่มี คี วามบกพร่องทางการเรียนรู้ โรงเรียนวัดวัง เยน็ (รัฐราษฎร์ประสาทวิทยา อาเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จานวน 6 คน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ นักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ภาค เรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ซ่ึงได้มาจากการเจาะจง จานวน 3 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย บทเรียนวีดิทัศน์ แบบประเมินคุณภาพของบทเรียนวีดิทัศน์สาหรับผู้เช่ียวชาญด้าน เน้ือหาและด้านเทคโนโลยีการศึกษา และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติท่ีใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบค่า t ผลการวิจัย พบว่า บทเรียนวีดิทัศน์ เรื่อง การสะกดคา สาหรับนักเรียนท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ มี ประสิทธิภาพ 91.25/90.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ E1/E2 = 90/90 ท่ีตั้งไว้ และมีคะแนนหลังเรียนสูง กวา่ คะแนนก่อนเรียน อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิที่ระดบั .05 กรรณิกา นาราษฎร์ และลักษณา คล้ายแก้ว (2564 ได้ศึกษากระบวนการส่ือสาร เพือ่ การเรยี นรภู้ ายในโรงเรยี นของเด็ก ทม่ี คี วามบกพร่องทางการเรียนรู้เพ่ือศึกษากระบวนการส่ือสาร ของเด็กท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ และศกึ ษาการจดั การเรียนการสอนของเดก็ ท่ีมคี วามบกพรอ่ ง ทางการเรียนรู้ เป็นการการวจิ ัยเชงิ คุณภาพ โดยการสัมภาษณแ์ บบเจาะลกึ และการสังเกตการณ์แบบ มีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการส่ือสารของเด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1) ผู้ส่งสารคือ ผู้อานวยการ และครูผู้สอนหรือครูผู้มีส่วนเก่ียวข้อง ต้องมีความรู้ความ เข้าใจในตัวเด็ก มีเมตตา และเข้าใจวิธีการจัดการเรียนรู้ ทั้งหลักการสอนท่ัวไป และหลักการสอน เฉพาะเพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาทัดเทียมกับเด็กปกติ 2) สารหรือหลักสูตรและนโยบายท่ีใช้สอน รวมถึงแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP) จะต้อง เหมาะสมกบั ระดบั สติปญั ญาของเดก็ เนน้ ความต้องการและความสนใจเฉพาะด้าน มีการวางแผนการ สอนให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็กแต่ละคน 3) ช่องทางการส่งสาร คือ ส่ือการสอนประเภท ต่างๆ อาศัยนวัตกรรม เทคนิค และมีการนาเทคโนโลยีเข้ามาประกอบการสอน และ 4) ผู้รับสารคือ ผูเ้ รยี น มคี วามรคู้ วามเข้าใจ และสามารถถอดรหัสจากผสู้ ง่ สารคือ ครูผู้สอนหรือผู้อานวยการได้ โดยผู้ ส่งสารจะใช้วิธกี ารวัดผลในรูปแบบตา่ งๆ ตามเกณฑ์ที่ระบุไวใ้ นแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล เพือ่ ประเมินประสิทธิภาพ และการจัดการเรียนการสอนของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งมี ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน เริ่มจาก (1) วิเคราะห์ตัวเด็ก โดยเร่ิมสังเกตพฤติกรรมของเด็กก่อน (2) จัดทาหลักสูตรร่วมกับการประชุมของผู้อานวยการ ครู และผู้ปกครอง (3) ทาแผนการจัด การศึกษาเฉพาะบคุ คล (IEP) และแผนการสอนเฉพาะบคุ คล (IIP) (4) ประชุมและตรวจสอบแผน และ (5) ประเมนิ ผลการสอนตามแผนท่วี างเอาไว้
~8~ 2. การสอนภาษาแบบองค์รวม 2.1 ความหมายของการสอนภาษาแบบองค์รวม หมายถึง การสอนภาษาท่ีเป็นไปตาม ธรรมชาติ เน้นสื่อที่มีความหมาย ผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมช่วยทาให้เข้าใจสื่อท่ีอ่านได้ รวดเรว็ ข้ึน การสอนจะไมแ่ ยกสอนส่วนย่อยของภาษาทีละส่วนแต่เนน้ ให้เขา้ ใจในภาพรวมก่อน แลว้ จึง เรียนรู้ด้านโครงสร้างภาษาภายหลงั ผู้เรียนสามารถสร้างสรรค์ภาษาของตนเองอย่างอิสระ ผู้สอนต้อง ยอมรบั ความแตกต่างดา้ นการออกเสยี งทเี่ ปน็ สาเนยี งภาษาถิ่น(dialects) ในเบ้ืองต้น แล้วจึงพัฒนาให้ ถูกตอ้ งในโอกาสต่อไป 2.2 ความเป็นมาของการสอนภาษาแบบองค์รวม เปน็ นวตั กรรมการศกึ ษาท่เี สนอแนวคิดใหม่ในการสอนภาษา เกิดจากความพยายาม ของนักการศกึ ษาและนกั ภาษาศาสตร์ ซึ่งมองเห็นปัญหาการเรียนรู้ภาษาของเด็ก ซึ่งเกิดจากการสอน ที่ครูมงุ่ เน้นสาระทางภาษาเป็นหลัก ทาให้การเรียนการสอนไม่น่าสนใจ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติคือไม่ เหมาะกับวัย ความสนใจและความสามารถของเด็ก และเม่ือคานึงถึงประโยชน์ที่เด็กจาเป็นต้องใช้ ภาษาในการเรียนรู้และการสื่อสารในชีวิตจริง พบว่าการสอนภาษาแบบเดิม ( traditional approaches) ไม่เน้นความสาคัญของประสบการณ์และภาษาท่ีเด็กใช้ในชีวิตจริง จึงไม่ได้ให้โอกาส เดก็ เรียนรู้ภาษาและใช้ภาษาเพือ่ สอื่ สารอยา่ งมีความหมายเท่าที่ควร 2.3 แนวคิดเก่ียวกบั การสอนภาษาแบบองค์รวม แนวการสอนภาษาโดยองค์รวมเกิดจากหลักการและแนวทฤษฎีของนักการศึกษา และนกั ภาษาศาสตร์ทม่ี ีชอื่ เสียง ดังน้ี ดิวอ้ี (Dewey) เปียเจต์ (Piaget) ไวก็อตสก้ี (Vygotsky) ฮอลลิเดย์ (Halliday) และ โรเซนแบลตต์ (Rosenblatt) ที่ช้ีให้เห็นความสาคัญของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาการคิดและ ภาษาของเด็กในบรบิ ททางสงั คมวัฒนธรรม การสรา้ งปฏสิ มั พันธ์ระหว่างครูกับเด็ก ตลอดจนการสร้าง บรรยากาศการเรียนรทู้ ่ีตอบสนองธรรมชาติ และเหมาะสมกบั ข้นั พัฒนาการของเด็กแต่ละวัย หลักการ เหลา่ นเี้ มอ่ื นามาเป็นแนวคิดในการปรับเปลยี่ นการสอนภาษา จะทาให้เดก็ มคี วามสนใจเกดิ แรงจงู ใจที่ จะเรียนรู้ภาษาได้ดีข้ึนเพราะสิ่งท่ีเรียนมีความหมายและไม่เกิดความรู้สึกว่าการเรียนภาษาเป็นเรื่อง ยากลาบาก เคนเนท กู๊ดแมน (Kenneth Goodman) เช่ือว่าการสอนภาษาเป็นเร่ืองสาคัญ สาหรบั ชีวติ เด็ก และโดยท่เี ด็กตอ้ งเรยี นรู้ภาษา และตอ้ งใช้ภาษาเพื่อการเรียนรู้ ครูจะต้องตระหนักใน ความสาคญั ดังกล่าว และจากการศึกษาภาษาศาสตร์เชิงจิตวิทยา สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ปรัชญา การรู้หนังสือ และการจัดหลักสูตร กู๊ดแมนได้รับการยกย่องในฐานะผู้บุกเบิกแนวการสอนภาษาโดย องค์รวม มีผู้ให้ความสนใจนาความคิดไปใช้ในประเทศต่าง ๆ และมีผู้ให้การสนับสนุนเผยแพร่อย่าง กวา้ งขวาง ในช่วงปี 1970 เปน็ ตน้ มา จูดิท นิวแมน (Judith Newman) กล่าวไว้ในหนังสือ Whole Language Theory in Use วา่ การสอนภาษาโดยแนวคิดองคร์ วมมีลักษณะเปน็ ปรชั ญา(Philosophical stance) ความคิด ของผู้สอนจะกอ่ ตวั ขน้ึ จากหลักการสอนท่ผี ู้สอนนามาประสานกัน
~9~ วัตสัน (Watson) อธิบายว่าผู้สอนจะประสานแนวการสอนของตนกับองค์ประกอบ ทางทฤษฎี (theory) ความเชื่อ (belief) และการนาความรู้ทางทฤษฎีและความเชื่อไปปฏิบัติจริง (practice) องค์ประกอบท้ัง 3 มีความสัมพันธ์สนับสนุนกัน และกันเป็นวงจรที่ช่วยให้ผู้สอนเกิดการ พัฒนาการสอนด้วยตนเอง โดยใช้ข้อมูลจากการสังเกตเด็กเพ่ือทาความเข้าใจในความสามารถ และ การแสดงออกของเด็กแต่ละคน บันทึกความก้าวหน้าของเด็กเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของเด็กได้ อย่างเหมาะสม ครูจะสามารถสร้างแนวคิดเชงิ ปรัชญาการสอนจากการแสวงหาคาตอบ (inquiry) โดย พยายามนาทฤษฎีไปใช้ในการสอนจริง (inactive theory active) พิสูจน์ความเชื่อของตนให้ปรากฏ (unexamined belief examined) และพัฒนาการสอนขน้ึ เอง (borrowed practice owned) 2.4 กระบวนการสอนภาษาแบบองค์รวม บรรยากาศการเรียนภาษาในชั้นเรียนมีลักษณะเป็นการร่วมมือกันระหว่างครูและ เด็กๆ ตั้งแต่การวางแผนคือคิดด้วยกันว่าจะทาอะไร ทาเมื่อไร ทาอย่างไร จาเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ อะไร จะหาสิง่ ที่ตอ้ งการมาได้อย่างไร ใครจะชว่ ยทางานในส่วนใด การวางแผนจะมีท้ังแผนระยะยาว (long-range plans) เพื่อวางกรอบความคิด กว้างๆ และแผนระยะสั้น (short-range plans) ซ่ึงเด็กและครูจะใช้ความคิดพูดคุยปรึกษากันเพื่อหา รายละเอียดและขน้ั ตอนในการทากจิ กรรม บทบาทของครูจะเปน็ ผู้หาวิธีการท่ีจะเชอ่ื มโยงประสบการณ์ทเ่ี ดก็ มอี ย่เู ดิมใหส้ มั พนั ธ์ กับกิจกรรมท่ีจัดขึ้น ซ่ึงอาจเป็นการเล่าเร่ืองที่เด็กเคยพบเห็น การเปิดโอกาสให้เด็กพูดจากความคิด หรือประสบการณ์ในขณะฟังเร่ืองจากหนังสือท่ีครูเลือกมาอ่านให้ฟัง การจัดหาหนังสือท่ีเหมาะกับวัย ไว้ในชั้นเรียน เพื่อให้เด็กมีโอกาสหยิบมาอ่านหรือพลิกดูเสมอเพ่ือเป็น การสร้างความคุ้นเคยกับภาพ ความคิดและตัวหนังสือ ซึ่งครูไม่จาเป็นต้องสอนให้เด็กอ่านออก เช่น การอ่านแบบเรียนเล่ม 1 เล่ม 2 ทีเ่ คยนยิ มใช้มาแตเ่ ดมิ การเขียนกเ็ ชน่ กนั เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เขียนตัวพยัญชนะ คา ประโยคตามที่ครูส่ัง แต่ในบรรยากาศการสอนแนวใหม่น้ี เด็กจะแสดงความต้องการให้ครูเห็นว่า เขาต้องการเขียนสิ่งท่ีมี ความหมายสงิ่ ท่ีเขายากบอกใหผ้ ูอ้ ่นื เข้าใจ การเขยี นในระยะแรกจึงเป็นการท่เี ด็กสรา้ งความคิด ซึ่งเกิด จากประสบการณ์ของเดก็ และความตอ้ งการสอื่ ความหมายให้ผู้อื่นทราบ จะเห็นว่าในระยะแรกเด็กจะ เขียนเส้นขยุกขยิกคล้ายตัวหนังสือหรือเขียนสะกดบางคาได้ แต่ยังไม่ถูกต้อง ครูที่เข้าใจแนวการสอน ภาษาโดยองค์รวม จะค่อยๆ ส่งเสริมความคิดความต้องการเขียนหนังสือของเด็ก โดยไม่ตาหนิให้เด็ก แกไ้ ขส่ิงทีเ่ ขยี นผดิ ในทนั ทีแต่จะแนะใหเ้ ดก็ สังเกตจากตัวอย่างต่างๆ ทีเ่ ดก็ พบเห็นไดบ้ อ่ ยๆ การสังเกต จะช่วยให้เด็กปรับการเขียนให้ถูกต้องได้โดย ไม่เกิดความรู้สึกผิดหรือถูกลงโทษ ซึ่งอาจจะมีผลทาง ทัศนคตขิ องเด็กได้มาก ดังนน้ั การสังเกตเดก็ เปน็ เรอ่ื งที่สาคญั อยา่ งยงิ่ ท่ีครูจะต้องเฝ้าดูว่าเด็ก แต่ละคน แสดงออกอยา่ งไร ครูจึงต้องมีบทบาทในการเฝ้าดูเด็ก (kid-watcher) เพ่ือประเมินความสามารถและ เรยี นรู้ และจัดประสบการณท์ ่ีเออื้ อานวยการพัฒนาภาษาของเด็กด้วยตัวครูเองตลอดเวลา การประเมินผลที่ครูพิจารณาจากการสังเกต การบันทึก การเก็บร่องรอยทางภาษา ของเด็กขณะทากิจกรรมต่างๆ และการสะสมช้ินงานถือว่าสาคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการประเมินการ เรียนรู้ภาษาจากสภาพจริง (authentic forms of assessment) และมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็ก มากกวา่ การใชแ้ บบทดสอบทางภาษา
~ 10 ~ 2.5 งานวจิ ัยท่เี กี่ยวกับการสอนภาษาแบบองค์รวม กติ ตมิ า บุญยศ (2544 ได้เพอ่ื ศกึ ษาผลของการสอนภาษา แบบองคร์ วมสาหรับเด็ก ก่อนวัยเรียนโดยใช้นิทาน ท่ีมีต่อความสามารถทางภาษาของเด็ก ด้านการฟัง การพูด การอ่าน และ การเขียน เพ่ือเปรียบเทียบผลของการสอนภาษาแบบ องค์รวมระหว่างนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 และ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 และเพื่อศึกษาระดับ ความสามารถในการอ่านและเขียนคาของนักเรียนแต่ ละระดับชั้น กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยเด็กก่อนวัยเรียนจานวน 42 คน อายุระหว่าง 3 1/2 5 1/2 ปี ท่ีกาลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 จานวน 21 คน และช้ันอนุบาลปีท่ี 3 จานวน 21 คน ของโรงเรียน อนบุ าลคหกรรมศาสตร์เกษตร ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ใช้วธิ ีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงและวิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยกลุ่มทดลองจะได้รับการสอนภาษาแบบ องค์รวมโดยใช้นิทาน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยประกอบด้วย นิทานพร้อม ภาพประกอบ แบบทดสอบความสามารถ ด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน แผนการวิจัย คา่ สถติ ทิ ่ใี ช้คอื รอ้ ยละ และ t-test ผลการวิจยั พบว่า ความสามารถทางภาษาด้านการฟัง การพูด การ อ่าน และการเขยี นของ นักเรียนก่อนการทดลองและหลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิตทิ ร่ี ะดับ .001 เมื่อเปรียบเทียบผลระหว่างนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 และนักเรียนช้ันอนุบาลปีที่ 3 พบว่า มีความสามารถทางภาษาด้านการฟัง การพูด ไม่แตกต่างกัน สาหรับด้านการอ่าน การเขียน แตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถติ ิที่ระดบั .001 เม่ือศึกษาระดบั ความสามารถในการอ่าน และเขียน คาพบว่า นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีความสามารถในการอ่านอยู่ในระดับต่า ปานกลาง และสูง และ ความสามารถในการเขียนอยู่ในระดับต่าและปานกลาง นักเรียนชั้น อนุบาลปีท่ี 3 มีความสามารถใน การอา่ นอยูใ่ นระดบั ปานกลาง และสงู และความสามารถในการ เขียนอยู่ในระดบั ตา่ ปานกลางและสูง และนักเรียนทั้งสองระดับชั้นมีระดับความสามารถ ในการอ่านและเขียนคาแตกต่างกันอย่างมี นัยสาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ .001 ธาริณี อุณาพรหม และอรพิน พจนานนท์ (2554 ได้ศึกษาการเปรียบเทียบทักษะ การอา่ นออกเสียงและเขียนสะกดคาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การสอนแบบโฟนิคส์ ผสมผสานการสอนภาษาแบบองค์รวมกับการสอนตามคู่มือครู ประชากรที่ใช้การวิจัยครั้งน้ีเป็น นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนอนุบาลสุริยาอุทัยพิมาย 189 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม จานวน 2 ห้องเรียน ห้องละ 37 คน แล้วจับ ฉลากเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1 แผนการจัดการ เรียนรู้การอ่านออกเสียงและเขียนสะกดคาภาษาอังกฤษสอนแบบโฟนิคส์ผสมผสานการสอนภาษา แบบองค์รวม 2 แผนการจัดการเรียนรกู้ ารอ่านออกเสียงและ ภาษาองั กฤษดว้ ยวิธีสอนตามค่มู ือครู 3 แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษท่ีผู้วิจัยสร้างขึ้น 4 แบบทดสอบวัดทักษะการ เขียนสะกดคาภาษาอังกฤษที่ผู้วิจัยสร้างข้ึน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ค่ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีชนิดหางเดียวคานวณโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป SPSS for Windows Version 16.0 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนช้ันประถมศึกษาบีท่ี 4 กลุ่มทดลองท่ีได้รับการสอนแบบฟนิคส์ ผสมผสานการสอนภาษาแบบองค์รวมมีทักษะการอ่านออกเสียงและเขียนสะกดคาภาษาอังกฤษสูง กวา่ นักเรียนกล่มุ ควบคมุ ที่ได้รับการสอนตามคู่มือครู อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
~ 11 ~ พรพิศุทธิ์ วงศป์ ินตา, ผาสุข บุญธรรม และซมิ มี่ อุปรา (2560 ได้วิจัยเพ่ือสร้างและ หาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาผลการใช้แนวการสอนภาษาแบบองค์รวม เพ่ือพัฒนา ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพ่ือความเข้าใจและการเขียนภาษาอังกฤษ วามของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ประชากรที่ใช้การวิจัยคือ นักเรียนช้ันประถม โรงเรียนบ้านถ้า ตชด. ในรายวิชา ภาษาองั กฤษ (อ 16101 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2556 จานวน 30 คน เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัยใน ครั้งนี้ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาแบบองค์รวม แบบทดสอบวัดทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และแบบทดสอบวัดทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ เพ่ือสื่อความ วเิ คราะห์ข้อมลู ทางสถิตโิ ดยการหาค่าร้อยละ คา่ เฉลีย่ และค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวการสอนแบบองค์รวมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ทุกแผนมี ประสิทธิภาพสงู กวา่ เกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้โดยมีประสิทธิภาพรวมเท่ากับ 83.69/86.30 2. ผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า มี คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คะแนนเฉล่ียหลังเรียนเป็น 16.13 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 80.65 คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเปน็ 11.23 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 56.15 และ 3. ผลการเปรียบเทียบ ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อสื่อความก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเป็น 17.57 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 17.57 คะแนนเฉล่ียก่อน เรยี นเป็น 12.10 คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.50 ขันทอง, วัฒนะประดิษฐ์; โกนิฏฐ์, ศรีทอง; สุดา, โรจนอุทัย; ชนันภรณ์, อารีกุล (2560 ได้ศกึ ษาการพัฒนาจติ และปญั ญาแบบองค์รวม: การศกึ ษาเอกสารและการสงั เคราะห์งานวจิ ยั โดยมีวัตถุประสงค์ 1 เพ่ือศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเร่ืองการพัฒนาจิตและปัญญาตามแบบองค์รวม 2 เพอื่ ศึกษาสังเคราะห์ งานวจิ ัยท่ีเกีย่ วข้องเก่ยี วกบั การพฒั นาจิตและปัญญา 3 เพื่อนาเสนอองค์ความรู้ เกยี่ วกับการพฒั นา จติ และปัญญาแบบองค์รวม ประชากรศึกษา คอื รายงานวิจัยและงานวิทยานิพนธ์ ระดับดุษฎีบัณฑิต เป็นงานวิจัยเชิงทดลองท่ีศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาจิตและปัญญาตามแนว พระพุทธศาสนาและแนวคิด ตะวันตกที่ตีพิมพ์ในช่วง 2551-2560 จานวน 40 เร่ือง และใช้การ วิเคราะหข์ ้อมูลเชิงคณุ ภาพ (qualitative content analysis) ผลการวิจัยพบวา่ 1 แนวคิดการพัฒนา จิตและปัญญาแบบองค์รวมท้ังตามแนวพระพุทธศาสนาและตามแนวคิด ตะวันตกต่างก็มุ่งไปที่การ พัฒนาท่ีทาให้มนุษย์เกิดสมดุลทั้งในแง่ของกายกับใจ รวมถึงสมดุลกับ ธรรมชาติ สังคม และ ส่ิงแวดล้อม 2 การสังเคราะห์งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาจิตและปัญญาท้ัง 40 เร่ือง มี คุณลักษณะ แตกต่างกันท้ังในด้านของปีท่ีพิมพ์ พบว่า ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2558 มากที่สุด จานวน ๑๖ เร่ือง ด้าน ประเภทวิจยั เป็นวิทยานิพนธ์ 29 เรอื่ ง งานวิจัย 11 เร่อื ง ด้านแหล่งทีม่ ามกี ารกระจายของ แหล่งที่มาท่ีหลากหลาย พบว่า ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มากท่ีสุด คิดเป็นจานวน 11 เรื่อง ด้านแนวคิดที่นามาใช้คือแนวคิดตะวันตก จานวน 24 เรื่องเป็น เป็นแนวคิดเชิงพุทธ จานวน 16 เร่ือง จากการสังเคราะห์งานวิจัยจานวน 40 เร่ือง พบว่า โดย ภาพรวมงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาจิตและปัญญามีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.48, S.D.=0.57 และองค์ความรู้จากการสังเคราะห์งานวิจัย มีข้อค้นพบ 4 ประการ คือ เร่ืองจานวนกลุ่ม ตัวอย่าง รูปแบบกระบวนการศึกษา กิจกรรมที่ใช้ในการวิจัย และจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ 3 องค์ ความร้เู ก่ยี วกบั การพัฒนาจติ และปญั ญาแบบองคร์ วม พบวา่ กรอบแนวคิดเก่ียวกับ การพัฒนาจิตและ
~ 12 ~ ปญั ญาแบบองค์รวม ประกอบด้วยการวางจุดหมายในการพัฒนาจิตและปัญญาของ มนุษย์ จาแนกได้ 2 ระดับ กล่าวคอื ความสขุ ตามกระแสโลก และความสุขตามกระแสธรรม และกระบวนการฝึกปฏิบัติ ทสี่ ามารถปรบั ใหส้ อดรับกับความเปน็ ตัวบคุ คล ปจั จัยสาคญั ในการออกแบบกิจกรรม คือ การคานึงถึง กลุ่มผู้เขา้ รบั การพฒั นา ระยะเวลา กรอบของกจิ กรรม ควรเริ่มจาก 1 การสรา้ งแรงจงู ใจในการเรียนรู้ (Inspiration) 2 การปรับเปลี่ยนมุมมองเพ่ือชีวิตท่ีดี (Transform view to be good life) 3 การ สร้างแรงส่ันสะเทือนทางความคิด (Create vibrations of thought) 4 การปฏิบัติเพื่อสร้างการ ตระหนกั รคู้ ณุ ค่าในตนเอง (Practice to create self-esteem) 5 การสะท้อนตนเองและการพัฒนา กา้ วตอ่ ไป (Self-reflection and develop even further) 6 ขยายพืน้ ท่แี ห่งความสขุ (Spread the area of Happiness) เรียกกระบวนการน้ีว่า ITC-PSS เกณฑ์ชี้วัดกระบวนการพัฒนาจิตและปัญญา แบบองค์รวม พบวา่ ความสุข 4 ด้าน คือ (1 พฒั นากายใหเ้ ป็นสุข (2 พฒั นาพฤตกิ รรมการแสดงออก ทางสังคมอย่างมีสุข (3 พัฒนาจิตใจเข้าถึงความสุขด้านใน (4 พัฒนาปัญญาโดยใช้ความสุขทาส่ิงที่ สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ประโยชน์ องค์ความรู้ใหม่ท่ีคน้ พบ คือ โมเดลองค์ความรู้การพัฒนาจิตและปัญญาแบบ องค์รวมนี้ว่า “GPA 4 Happy life” โดย G คือ Goal เป็นจุดหมาย และ P คือ Process เป็น กระบวนการท่ีต้องคานงึ ถึงความเป็นตัวบคุ คล A คอื Activity เป็นการออกแบบกิจกรรมตามหลักการ ICT-PSS และ 4 Happy life คอื การเข้าถงึ ความสุขแบบยัง่ ยืนอย่างแทจ้ ริง
~ 13 ~ บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การวจิ ยั ในการศกึ ษาคน้ คว้าครง้ั น้ี ผ้วู จิ ยั ได้ดาเนินการตามขั้นตอน ดงั นี้ 1. กลุ่มเป้าหมาย 2. เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ในการวจิ ัย 3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 4. การวิเคราะหข์ ้อมลู 5. สถติ ทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล กล่มุ เป้าหมาย นักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ลงทะเบียน เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 คน กศน.อาเภอแสวงหา สานักงาน กศน. จงั หวดั อ่างทอง เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการวิจัย เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 แบบ คือ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการจัดการเรียนรู้ และเคร่ืองมือท่ีใช้ ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ย 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล เรื่อง พยัญชนะไทย โดยใช้วิธีการสอนภาษา แบบองค์รวม จานวน 5 แผน ระยะเวลา 10 ช่ัวโมง 1.2 ชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทย พยัญชนะไทย 44 ตัว พร้อมภาพประกอบ 2. เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู ประกอบด้วย 2.1 แบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทย โดยกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนการ อ่านพยัญชนะไทย 3 ระดับ 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรม 2.2 แบบสมั ภาษณ์ความพงึ พอใจ สาหรับเครื่องมอื ทีผ่ วู้ ิจยั สรา้ งข้ึนเพื่อมาใชใ้ นการวิจัยในคร้ังนี้ มีรายละเอียดในการสร้างและ พัฒนาดงั ตอ่ ไปนี้ 1. แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายบุคคล ผูว้ จิ ัยได้ดาเนินการตามข้ันตอน ดงั นี้ 1.1 กาหนดจดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งเครื่องมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย
~ 14 ~ 1.2 ศึกษาเอกสาร ทฤษฏี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับแนวการสอนภาษาแบบองค์ รวม จากแหลง่ เรียนร้ทู างอนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อเปน็ แนวทางในการสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ 1.3 วางแผนการสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ โดยมกี ารกาหนดเร่ืองทจ่ี ะสอน จานวน ชว่ั โมงทใ่ี ชส้ อน และระยะเวลาในการสอน 1.4 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาแบบองค์รวม จานวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย 3 ข้ันตอน คือ 1 ข้ันการสารวจตรวจสอบ (Exploration 2 ข้ันการอธิบาย แนวคิด (Concept Introduction และ 3 ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ (Concept Application ใช้ เวลาสอน 10 ช่ัวโมง 1.5 นาแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาแบบองค์รวมท่ีสร้างขึ้นให้ ผู้เช่ียวชาญ พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (IOC และความเหมาะสมของข้อมูลที่ใช้ใน การพฒั นาการอา่ นพยญั ชนะไทย 1.6 ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาแบบองค์รวมตาม คาแนะนาของผ้เู ชยี่ วชาญ 1.7 จดั พมิ พ์แผนการจัดการเรียนร้ตู ามแนวสะเต็มศึกษาที่สมบูรณ์ และนาไปใช้กับ กลุ่มเปา้ หมายตอ่ ไป 2. ชดุ การอา่ นพยัญชนะไทย ผูว้ ิจัยไดด้ าเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1.1 กาหนดจดุ ประสงค์ในการสรา้ งเครือ่ งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ัย 1.2 ศึกษาเอกสาร ทฤษฏี และงานวิจยั ที่เกีย่ วข้อง จากแหลง่ เรียนรูท้ างอินเทอร์เน็ต เพ่ือเป็นแนวทางในการสรา้ งชุดการอา่ นพยญั ชนะไทย 1.3 วางแผนการสร้างชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทย 1.4 สร้างชดุ การอา่ นพยัญชนะไทยทส่ี ่งเสริมการสอนภาษาแบบองค์รวม 1.5 นาชุดการอ่านพยัญชนะไทยท่ีสร้างข้ึนให้ผู้เช่ียวชาญ พิจารณาตรวจสอบความ เทยี่ งตรงเชงิ เนือ้ หา (IOC และความเหมาะสมของข้อมลู ทใ่ี ช้ในการพัฒนาการอา่ นพยญั ชนะไทย 1.6 ปรับปรงุ แกไ้ ขชุดการอ่านพยญั ชนะไทยตามคาแนะนาของผเู้ ชย่ี วชาญ 1.7 จัดเตรียมชุดการอ่านพยัญชนะไทยท่ีสมบูรณ์ และนาไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ตอ่ ไป 3. แบบประเมินผลการอา่ นพยัญชนะไทย ผ้วู จิ ัยไดด้ าเนนิ การตามข้นั ตอน ดังนี้ 3.1 กาหนดจดุ ประสงค์ในการสร้างเครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัย
~ 15 ~ 3.2 ศึกษาเอกสาร ทฤษฏี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับแนวทางการสอนภาษาแบบ องค์รวม เพอื่ ใช้เปน็ แนวทางในการสรา้ งแบบประเมินผลการอา่ นพยญั ชนะไทย 3.3 วางแผนและสร้างแบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทย จานวน 1 ฉบับ โดย กาหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการอ่านพยัญชนะไทย 3 ระดับ 2 คะแนน แสดงวา่ อ่านตวั อกั ษรพยัญชนะไทยไดถ้ ูกตอ้ ง 1 คะแนน แสดงว่า อา่ นตวั อักษรพยัญชนะไทยทมี่ ภี าพประกอบไดถ้ ูกตอ้ ง 0 คะแนน แสดงวา่ อ่านไมไ่ ด้ หรอื อา่ นผดิ และกาหนดระดบั คณุ ภาพของคะแนน ดงั นี้ 0 – 22 คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ 23- 44 คะแนน หมายถึง พอใช้ 45- 66 คะแนน หมายถึง ดี 67- 88 คะแนน หมายถงึ ดีมาก 3.4 นาแบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทย ท่ีสร้างขึ้นไปให้ผู้เช่ียวชาญพิจารณา ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC และความเหมาะสมของข้อมูลท่ีใช้ในการประเมิน ประเมนิ ผลการอา่ นภาษาไทย 3.5 ปรับปรุงแก้ไขแบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทย ตามคาแนะนาของ ผเู้ ชย่ี วชาญ 3.6 จัดพิมพ์แบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทย และนาไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ตอ่ ไป 4. แบบสงั เกตพฤติกรรม ผู้วจิ ยั ได้ดาเนนิ การตามข้นั ตอน ดงั น้ี 4.1 กาหนดจดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งเครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการวจิ ัย 4.2 ศึกษาเอกสาร ทฤษฏี และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้าง แบบสังเกตพฤติกรรม 4.3 วางแผนและสร้างแบบสงั เกตพฤตกิ รรม จานวน 1 ฉบับ 4.4 นาแบบสังเกตพฤติกรรมท่ีสร้างขึ้นไปให้ผู้เช่ียวชาญพิจารณาตรวจสอบความ เที่ยงตรงเชิงเนอื้ หา (IOC และความเหมาะสมของขอ้ มูลที่ใชใ้ นสังเกตพฤตกิ รรมของผเู้ รียน 4.5 ปรบั ปรงุ แก้ไขแบบสังเกตพฤติกรรม ตามคาแนะนาของผูเ้ ชี่ยวชาญ 4.6 จดั พมิ พ์แบบสงั เกตพฤติกรรมและนาไปใชก้ บั กลมุ่ เปา้ หมายตอ่ ไป 5. แบบสัมภาษณ์ความพงึ พอใจ ผวู้ ิจัยได้ดาเนนิ การตามขัน้ ตอน ดังนี้
~ 16 ~ 5.1 กาหนดจุดประสงคใ์ นการสร้างเครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย 5.2 ศึกษาเอกสาร ทฤษฏี และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับ เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการ สร้างแบบสมั ภาษณ์ความพงึ พอใจตอ่ ชดุ การอ่านพยญั ชนะไทย 5.3 วางแผนและสร้างแบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย จานวน 1 ฉบบั โดยมลี กั ษณะเปน็ ชดุ คาถามปลายเปิด 5.4 นาแบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทยที่สร้างข้ึนไปให้ ผู้เช่ียวชาญพิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (IOC และความเหมาะสมของข้อมูลท่ีใช้ใน การสมั ภาษณ์ความพึงพอใจต่อชดุ การอา่ นพยัญชนะไทย 5.5 ปรับปรุงแก้ไขแบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย ตาม คาแนะนาของผเู้ ชย่ี วชาญ 5.6 จัดพิมพ์แบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทยและนาไปใช้ กบั กลมุ่ เป้าหมายตอ่ ไป การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยทาการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 10 ชว่ั โมง โดยดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ดงั น้ี 1. ผู้วิจัยวิเคราะห์ปัญหาการอ่านพยัญชนะไทยของนักศึกษาผู้พิการ กศน.อาเภอแสวงหา จากการนิเทศการจัดการเรียนรู้สาหรับนักศึกษาผู้พิการ ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 และใช้ วิธีการเลือกแบบเจาะจงมาเปน็ กล่มุ เป้าหมายในการวิจยั 2. ปฐมนิเทศ ช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยให้ครูผู้สอนคนพิการ และกลุ่มเป้าหมาย รบั ทราบรับทราบและอธิบายถงึ บทบาทหน้าท่ขี องครู ผูเ้ รียน และผู้วิจยั 3. ผวู้ ิจยั ทดสอบเพ่ือความสามารถในการอ่านพยญั ชนะไทยกอ่ นใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทย โดยใช้แบบประเมินผลการอ่านพยญั ชนะไทย โดยมรี ะยะเวลาทาแบบทดสอบ 20 นาที 4. ดาเนินการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ท่เี ตรียมไว้ จานวน 5 แผน ระยะเวลา 10 ชั่วโมง 5. เม่ือเสร็จสิ้นการจัดการเรียนรู้แล้ว ผู้วิจัยความสามารถในการอ่านพยัญชนะไทยหลังใช้ ชุดการอ่านพยัญชนะไทย โดยใช้แบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทยชุดเดิม และสัมภาษณ์ความ พงึ พอใจความพึงพอใจต่อชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทย 6. ผู้วิจัยนาข้อมูลท่ีได้จากผลคะแนนประเมินการอ่านพยัญชนะไทยก่อนและหลังการใช้ชุด การอ่านพยญั ชนะไทยมาวเิ คราะหด์ ้วยวิธีการทางสถติ ิพน้ื ฐาน และผลการสมั ภาษณ์ความพึงพอใจต่อ ชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทยมาวิเคราะห์เชงิ เน้อื หา และเรียบเรียงนาเสนอในรปู ของความเรียง
~ 17 ~ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษา แบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา โดยใช้ค่าเฉล่ีย ร้อยละ ร้อยละความก้าวหน้า และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเน้ือหาจากการสังเกตและ สมั ภาษณ์ สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มูล 1. สถติ พิ น้ื ฐาน 1.1 คา่ เฉลีย่ ∑ ̅ เมือ่ ̅ แทน คะแนนเฉลี่ย ∑ แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมด แทน จานวนนกั เรยี นทั้งหมดในกลมุ่ ตัวอย่าง 1.2 รอ้ ยละ Pf เมื่อ P แทน คะแนนคา่ ร้อยละ f แทน ความถ่ที ่ีต้องการเปลีย่ นแปลงใหเ้ ป็นรอ้ ยละ แทน จานวนความถ่ที ัง้ หมด 1.3 ร้อยละความก้าวหนา้ คะแนนเต็ม รอ้ ยละความกา้ วหน้า เมื่อ แทน คะแนนกอ่ นใช้ชดุ การอา่ นยญั ชนะไทย แทน คะแนนหลังใช้ชุดการอา่ นยัญชนะไทย
~ 18 ~ 2. สถิตเิ พอื่ ตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมอื ค่าความเท่ียงตรง I∑ เม่อื I แทน ดชั นีความสอดคลอ้ งระหวา่ งขอ้ คาถามกบั ลกั ษณะ พฤตกิ รรม ∑ แทน ผลรวมของคะแนนความคดิ เห็นของผเู้ ชย่ี วชาญ แทน จานวนผู้เชย่ี วชาญ
~ 19 ~ บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล การวิจัยการพัฒนาชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม ของ นกั ศึกษาผพู้ ิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา มีผลการวิเคราะห์ ขอ้ มูลนาเสนอตามลาดบั ขน้ั ตอน ดังตอ่ ไปนี้ 1. การศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมกับ นักศกึ ษาผพู้ กิ ารทม่ี ีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณศี กึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา 2. การศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลังการใช้ชดุ การอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองคร์ วม การศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้ พิการที่มีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา จากการวิเคราะหข์ อ้ มลู ปรากฏดงั ตารางต่อไปน้ี ตาราง 1 ผลการใช้ชดุ การอ่านพยญั ชนะไทยโดยใช้วธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้พิการ ที่มีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ กรณศี กึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา ผลการอา่ นพยญั ชนะไทย ก่อนใชช้ ุด รอ้ ยละ ระดบั หลังใชช้ ดุ การ รอ้ ยละ ระดับ รอ้ ยละ แปลผล การอา่ น (ก่อน) ความสามารถ อ่านพยญั ชนะ (หลัง) ความสามารถ ความก้าวหน้า พยญั ชนะ (ก่อน) ไทย (หลัง) ไทย 21.59 ปรบั ปรงุ 56 63.63 ดี มี 19 42.05 พฒั นาการ เพิม่ ขน้ึ จากตาราง 1 พบวา่ ผลการอา่ นพยญั ชนะไทยของนักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการ เรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา มีคะแนนการอ่านพยัญชนะไทยก่อนใช้ชุดการอ่านพยัญชนะ ไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม 19 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 21.59 อยู่ในระดับปรับปรุง (0- 22 คะแนน และมีหลังใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม 56 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 63.63 อยู่ในระดับดี (45-66 คะแนน ซ่ึงเม่ือนาคะแนนท่ีได้มาคานวณร้อยละ ความกา้ วหนา้ ของการอา่ นพยญั ชนะไทย นักศกึ ษามีความกวา้ วหน้าเพิ่มขึ้นรอ้ ยละ 42.05 จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนด้วยชุดการอ่านพยัญชนะไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบ องคร์ วมของนักศึกษาผู้พกิ ารท่ีมีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา พบว่า ก่อนใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม ผู้เรียนมีคะแนนอยู่ในระดับ ปรับปรุง ซ่ึงมคี วามสบั สนตัวอักษรพยญั ชนะไทยท่คี ล้ายกนั เช่น ค กับ ฅ, ฎ กับ ฏ, ข กับ ฅ, ด กับ ต, ถ กบั ภ, น กับ ม, พ กับ ผ, ณ กบั ฌ, ฆ กับ ม เม่ือเร่ิมเรียน ผู้เรียนจะมีความกระตือรือร้นค่อนข้าง ดีในช่วง 30 นาทแี รก แตเ่ ม่ือหลังจาก 30 นาทไี ปแล้วผู้เรยี นจะไมม่ สี มาธิ ทาให้ครูต้องทาข้อตกลงใน
~ 20 ~ การเรียนว่า ถ้าต้ังใจฟัง และตั้งใจฝึกอ่านจะให้พักทุก ๆ 15 นาที ทาให้ผู้เรียนตั้งใจฝึกฝนการอ่าน พยัญชนะไทย และทาตามที่ครูสอนเพ่ิมมากข้ึน และมีการเสริมแรงทางบวก เช่น ให้คาชมเชย หรือ ขนมเป็นรางวัลเมื่อผู้เรียนต้ังใจเรียน ต้ังใจอ่านอย่างสม่าเสมอ เม่ือสอบถามเพ่ิมเติมจากผู้ปกครอง พบวา่ ผูเ้ รียนมีการย้าพูดเวลาเห็นตัวพยัญชนะภาษาไทยตามฉลากอาหาร ซองขนมต่าง ๆ การศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน. อาเภอแสวงหา หลงั การใชช้ ดุ การอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวม ผู้วิจัยศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลงั ใช้ชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ิธกี ารสอนภาษาแบบองคร์ วม ดว้ ยวิธีการ สมั ภาษณผ์ ู้เรยี น จากผลการสมั ภาษณ์พบวา่ ชุดการอ่านพยัญชนะไทยเป็นส่ือที่มีความน่าสนใจ มีท้ัง ตวั อักษรพยัญชนะ และภาพประกอบ เหมือนเลน่ เกมทไ่ี ด้ใชป้ ระสาทสัมผสั ในการหยิบจับร่วมกับการ คิดและออกเสียงตามพยัญชนะนั้น ๆ สะดวก ใช้ง่าย สามารถใช้เรียนด้วยตนเองได้ โดยมีครูคอย กระต้นุ และเปน็ ผใู้ ห้คาแนะนา ซึง่ สรปุ โดยรวมว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจมากกว่าแบบเรียนพยัญชนะ ไทยจากหนงั สอื ทั่วไป ดงั ประโยคสมั ภาษณ์ “ชอบมากกว่าในหนังสือ เพราะไดใ้ ชม้ อื หยบิ เลน่ ได้ เหมือนเลน่ เกม” “ใช้ง่าย เรียนดว้ ยตวั เองได้ เวลาครไู ม่อย่ตู อนเยน็ ” “อยากให้ครูเอาสื่อแบบนม้ี าใหเ้ ล่นอกี ”
~ 21 ~ บทท่ี 5 สรปุ อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยการพัฒนาชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม ของ นักศกึ ษาผ้พู ิการท่มี ีความบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา มีสรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้ วตั ถุประสงคก์ ารวิจยั 1. เพ่ือศึกษาผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมกับนักศึกษาผู้ พกิ ารทมี่ คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้ กรณศี กึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา 2. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้กรณีศึกษา กศน. อาเภอแสวงหา หลังการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใชว้ ธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวม ขอบเขตการวจิ ัย 1. กลมุ่ เปา้ หมาย นักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ลงทะเบียน เรียนในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 คน กศน.อาเภอแสวงหา สานักงาน กศน. จงั หวัดอา่ งทอง 2. เนอื้ หา พยญั ชนะไทย 44 ตวั พร้อมภาพประกอบ 3. ตัวแปรท่ศี กึ ษา ตวั แปรต้น ชดุ การอา่ นพยัญชนะไทยโดยใชว้ ธิ ีการสอนภาษาแบบองค์รวม ตวั แปรตาม ความก้าวหนา้ การอา่ นพยัญชนะไทยของนักศกึ ษา ความพึงพอใจต่อชดุ การอา่ นพยญั ชนะไทย 4. ระยะเวลา เดือนพฤศจิกายน – เดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2564 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ในการวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยทาการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 10 ช่วั โมง โดยดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดงั น้ี 1. ผู้วิจัยวิเคราะห์ปัญหาการอ่านพยัญชนะไทยของนักศึกษาผู้พิการ กศน.อาเภอแสวงหา จากการนิเทศการจัดการเรียนรู้สาหรับนักศึกษาผู้พิการ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 และใช้ วิธีการเลอื กแบบเจาะจงมาเปน็ กล่มุ เปา้ หมายในการวจิ ัย 2. ปฐมนิเทศ ช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยให้ครูผู้สอนคนพิการ และกลุ่มเป้าหมาย รับทราบรบั ทราบและอธบิ ายถึงบทบาทหน้าทข่ี องครู ผ้เู รยี น และผู้วิจัย
~ 22 ~ 3. ผวู้ ิจยั ทดสอบเพ่อื ความสามารถในการอ่านพยญั ชนะไทยกอ่ นใช้ชดุ การอ่านพยัญชนะไทย โดยใช้แบบประเมินผลการอ่านพยญั ชนะไทย โดยมีระยะเวลาทาแบบทดสอบ 20 นาที 4. ดาเนนิ การจดั การเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรูท้ เี่ ตรียมไว้ จานวน 5 แผน ระยะเวลา 10 ชัว่ โมง 5. เม่ือเสร็จสิ้นการจัดการเรียนรู้แล้ว ผู้วิจัยความสามารถในการอ่านพยัญชนะไทยหลังใช้ ชุดการอ่านพยัญชนะไทย โดยใช้แบบประเมินผลการอ่านพยัญชนะไทยชุดเดิม และสัมภาษณ์ความ พึงพอใจความพงึ พอใจตอ่ ชดุ การอ่านพยัญชนะไทย 6. ผู้วิจัยนาข้อมูลที่ได้จากผลคะแนนประเมินการอ่านพยัญชนะไทยก่อนและหลังการใช้ชุด การอ่านพยัญชนะไทยมาวเิ คราะห์ด้วยวธิ ีการทางสถิตพิ นื้ ฐาน และผลการสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อ ชดุ การอ่านพยญั ชนะไทยมาวเิ คราะหเ์ ชิงเน้อื หา และเรียบเรยี งนาเสนอในรูปของความเรยี ง สรปุ ผลการวิจยั 1. ความสามารถการอ่านพยญั ชนะไทย ของนักศกึ ษาผพู้ ิการทม่ี ีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา หลังเรียนด้วยชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบ องคร์ วม อยูใ่ นระดับดี ความกา้ วหนา้ เพมิ่ ขน้ึ ร้อยละ 42.05 2. ความพึงพอใจท่ีมตี ่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย ดว้ ยวธิ ีการสอนภาษาแบบองคร์ วม จากการ สัมภาษณ์นักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมมากกว่า แบบเรียนพยญั ชนะไทยจากหนังสอื ทัว่ ไป อภปิ รายผล การวิจยั การพัฒนาชุดการอ่านพยญั ชนะไทยโดยใชว้ ิธีการสอนภาษาแบบองคร์ วม ของ นักศกึ ษาผ้พู กิ ารที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ กรณีศกึ ษา กศน.อาเภอแสวงหา ผลการวจิ ยั พบว่า 1. ผลการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม สามารถเพิ่ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร อ่ า น พ ยั ญ ช น ะ ไ ท ย ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ผู้ พิ ก า ร ที่ มี ค ว า ม บ ก พ ร่ อ ง ท า ง ส ติ ปั ญ ญ า กรณีศึกษา กศน.อาเภอแสวงหา โดยก่อนใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนแบบองค์รวม ผู้เรียนมีผลการอ่านพยัญชนะไทยอยู่ในระดับปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 21.59 แต่หลังใช้ชุดการอ่าน พยัญชนะไทย ด้วยวิธรการสอนแบบองค์รวมแล้ว ผู้เรียนมีผลการอ่านพยัญชนะไทยอยู่ในระดับดี คิด เปน็ รอ้ ยละ 63.63 ซง่ึ สูงกว่ากอ่ นเรยี น โดยมพี ฒั นาการและความก้าวหน้าเพ่ิมข้ึนร้อยละ 42.05 เมื่อ ผนวกกับผลการสังเกตพฤติกรรมการเรียน และการสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะ ไทยของผู้เรียนแล้ว พบว่า การเรียนรู้ของผู้เรียนเกิดข้ึนระหว่างที่มีการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนแบบองค์รวม ที่ผู้เรียนให้ความสนใจมากกว่าการเรียนด้วยหนังสือเรียนทั่วไป ผู้เรียน
~ 23 ~ สามารถเรียนรู้ ฝึกฝนได้ด้วยตนเอง มีภาพประกอบและได้ใช้มือหยิบจับไปมา ซึ่งเป็นตัวช่วยให้การ เรียนไม่น่าเบื่อ เป็นการเรียนท่ีสนุกสนาน ทาให้ผู้เรียนสนใจในการเรียนมากข้ึน รวมทั้งการที่ครูต้ัง ข้อตกลงเพื่อเสริมแรง ที่ส่งผลต่อตัวผู้เรียน อาทิ การต้ังใจเพื่อให้ตนเองบรรลุตามข้อตกลงกับครู ความพยายามเพื่อให้ได้รางวัลจากครู ตลอดจนการสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัว ในการเป็นแรง กระตนุ้ ผเู้ รยี นอย่างสมา่ เสมอ การสอนภาษาแบบองค์รวม เป็นการสอนภาษาท่ีเป็นไปตามธรรมชาติ เน้นส่ือท่ีมีความหมาย ผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมช่วยทาให้เข้าใจส่ือท่ีอ่านได้รวดเร็วข้ึน สอดคล้องกับงานวิจัยของ พรพศิ ทุ ธ์ิ วงศ์ปินตา, ผาสุข บุญธรรม และซิมม่ี อุปรา (2560 ได้วิจัยเพ่ือสร้างและหาประสิทธิภาพ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ีพัฒนาผลการใช้แนวการสอนภาษาแบบองค์รวม เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน ภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและการเขียนภาษาอังกฤษ วามของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า มี คะแนนเฉล่ียหลังเรียนสงู กวา่ กอ่ นเรยี น และทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพอื่ สื่อความสูงขึ้น จากการวัดผลการอ่านพยัญชนะไทย ผู้เรียนมีผลการอ่านพยัญชนะไทยสูงขึ้น และเมื่อ วเิ คราะห์ควบคู่กับผลการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน แสดงให้เห็นว่า ชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วย วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม เป็นสิ่งที่ทาให้นักศึกษาผู้พิการที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้มี พัฒนาการด้านการอ่านพยัญชนะไทย สอดคล้องกับงานวิจัยของจริยา สงวนรัตน์ และเพ็ญมณี แน รอท (2554 ได้สังเคราะห์งานวิจัยเก่ียวกับเด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ในประเทศไทย เพ่ือ ศึกษาสถานภาพงานวิจัย ท่ีเกี่ยวข้องกับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ปีพุทธศักราช 2542 - 2552 ในประเทศไทย พบว่า วิธีสอนโดยใช้แบบฝึก/ชุดการสอน และภาพ เป็นวิธีสอนเด็กที่มีความ บกพร่องทางด้านการอ่านและการเขียนมากท่ีสุด บทเรียน คอมพิวเตอร์ และเกม เป็นวิธีสอนเด็กท่ีมี ความบกพร่องทางดา้ นคณติ ศาสตร์มากทสี่ ดุ 2. ความพึงพอใจของนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้กรณีศึกษา กศน. อาเภอแสวงหา หลังการใช้ชุดการอ่านพยัญชนะไทยโดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวม พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการอ่านพยัญชนะไทย ด้วยวิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมมากกว่า แบบเรียนพยัญชนะไทยจากหนังสือท่ัวไป ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะ ชุดการอ่านพยัญชนะไทย เป็นสื่อการ สอนท่ีเป็นรูปธรรม ผู้เรียนสามารถหยิบจับ เรียนรู้จากประสาทสัมผัส ผ่านวิธีการสอนภาษาแบบองค์ รวม ที่เน้นการเช่ือมโยงการเรียนรู้ในชีวิตประจาวันกับเน้ือหาบทเรียน อีกท้ังยังเป็นการสอนท่ีเน้น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน ทาให้การเรียนสนุกสนาน สอดคล้องกับงานวิจัยของฐิตาภา เสขะ สูตร์. (2558 ท่ีศึกษาความสามารถในการอ่านของเด็กท่ีมีปัญหาทางการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเกม ศึกษา และเปรียบเทียบความสามารถระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ผลการวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับ การสอนอ่านโดยใช้เกมการศึกษา มีความสามารถในการอ่านอยู่ในระดับดี และความสามารถในการ
~ 24 ~ อา่ นหลงั เรยี นสูงข้ึนกว่าก่อนเรยี น ทัง้ หมดนี้อาจเปน็ ตัวแปรสาคัญที่ส่งผลถึงความพึงพอใจของผู้เรียน ทีม่ ีตอ่ ชุดการอ่านพยญั ชนะไทย ดว้ ยวธิ ีการสอนภาษาแบบองคร์ วม ขอ้ เสนอแนะ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและการวิจัยใน คร้งั ต่อไป ดงั น้ี ข้อเสนอแนะทัว่ ไป สาหรับผู้ปกครองของนักศึกษาผู้พิการท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ควรให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ทบทวนส่งิ ที่ครูสอนใหก้ ับนกั ศกึ ษา เพื่อให้นักศึกษามีกาลังใจในการเรียน และสามารถอ่าน พยัญชนะไทยไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจยั ครัง้ ต่อไป 1. ควรมีการเปรียบเทียบวิธีการสอนรูปแบบอ่ืน ๆ ร่วมกับชุดการอ่านพยัญชนะไทย กับ นกั ศกึ ษาผพู้ ิการทม่ี ีความบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ 2. ควรมีการศึกษาศึกษาผลการใช้วิธีการสอนภาษาแบบองค์รวมในการส่งเสริมการอ่าน- เขยี นพยญั ชนะไทย สระ และวรรณยุกต์
~ 25 ~ บรรณานุกรม Anucha, B. (2020). การฟื้นฟูสมรรถภาพของบคุ คลออทิสตกิ และผู้พกิ ารการเรยี นรู้. Journal of Social Synergy, 11(2), 54-75. กรรณกิ า นาราษฎร,์ & ลักษณา คลา้ ยแก้ว. (2021). กระบวนการส่ือสารเพ่ือการเรียนรู้ภายใน โรงเรียนของเด็กทมี่ คี วามบกพรอ่ งทางการเรยี นร.ู้ วารสารเทคโนโลยีสอ่ื สารมวลชน มทร. พระนคร, 6(1), 15-24. กิตตมิ า บุญยศ . (2544). การสอนภาษาแบบองคร์ วม (Whole Language) สาหรับเดก็ ก่อนวยั เรยี น โดยใช้นทิ าน. กรุงเทพมหานคร : ฐานข้อมลู วิทยานิพนธ์ไทย. ขนั ทอง, วฒั นะประดษิ ฐ์, โกนิฏฐ์ ศรีทอง, สดุ า โรจนอุทัย, ... & อารี กลุ . การพัฒนาจติ และปัญญา แบบองคร์ วม: การศกึ ษาเอกสารและการสังเคราะหง์ านวจิ ัย. สถาบนั วจิ ยั พุทธศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. จรยิ า สงวนรตั น,์ & เพ็ญณี แนรอท. (2011). การสงั เคราะหง์ านวจิ ัยเก่ียวกบั เด็กที่ มคี วามบกพรอ่ ง ทางการเรยี นรใู้ นประเทศไทย. Journal of Education Khon Kaen University (Graduate Studies Research), 5(1), 16-21. ณชิ ภัทร ภพู่ ุกก์. (2014). การใชแ้ นวการสอนภาษาแบบองคร์ วมเพือ่ พัฒนาความสามารถในการฟงั พดู และเขยี นภาษาองั กฤษของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 (Doctoral dissertation, เชยี งใหม่: บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ . ธารณิ ี อุณาพรหม, & อรพิน พจนานนท์. (2011). การเปรียบเทียบทักษะการอา่ นออกเสียงและ เขียน สะกดคาภาษาองั กฤษของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โดยใช้หลกั การสอนแบบโฟนิคส์ ผสมผสานการสอนภาษาแบบองค์รวมกบั การสอนตามคมู่ อื คร.ู Journal of Education Khon Kaen University (Graduate Studies Research), 5(1), 186-192. นิ วั ฒ น์ สาระ ขันธ์. (2021). การสอนเด็กท่ีมคี วามบกพร่องทางการเรียน. วารสารบริหารการ ศกึ ษา บัวบณั ฑิต, 20(3), 89-98.
~ 26 ~ นภิ าธร สาระพันธ์. (2021). The Development of Instructional การพฒั นาบทเรียนวีดทิ ัศน์ เรอื่ ง การสะกดคาสาหรับนักเรียนทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้. วารสารสหศาสตร์ ศรีปทมุ ชลบรุ ี Interdisciplinary Sripatum Chonburi Journal (ISCJ), 7(3), 69-76. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เร่อื ง กาหนดประเภทและหลักเกณฑข์ องคนพิการทางการศกึ ษา พ.ศ. 2552. (2552, 8 มิถุนายน . ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ 126 พรพศิ ทุ ธ์ิ วงศป์ นิ ตา, ผาสขุ บญุ ธรรม, & ซมิ ม่ี อปุ รา. (2017). ผลการใชแ้ นวการสอนภาษาแบบองค์ รวมเพอื่ พัฒนาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษเพื่อความเขา้ ใจและการเขียนภาษาองั กฤษเพอ่ื ส่อื ความของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5. Graduate School Journal Chiang Rai Rajabhat University, 10(3), 119-130. พระราชบญั ญัติการจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพกิ าร พ.ศ. 2551. (2551, 5 กมุ ภาพนั ธ์ . ราชกิจจา นเุ บกษา. เลม่ 125 วิกานดา จกั รอศิ ราพงศ.์ การสร้างแผนการจัดการเรยี นรู้การอา่ นและการเขียนภาษาอังกฤษโดยใชร้ ปู แบบการเรียนการสอนภาษาแบบองค์รวม สาหรบั นักเรียนระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2= Construction of English Reading and Writing Learning Plans Through Whole Language Approach for Prathom Suksa 2 Students. เสกศลิ ป์ พิชโญภาสกุล. (2559 . การพฒั นาหนังสอื ภาพฝกึ ภาษาสาหรับเดก็ กบพร่องการเรยี นรู้ ทางดา้ นภาษา (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาการศกึ ษามหาบณั ฑิต สาขาวิชาศลิ ปศกึ ษา . กรงุ เทพ: มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. อรญั ญา สิงโสดา, & สมหวงั นลิ พันธ.์ (2016). ผลสัมฤทธก์ิ ารอา่ นและเขียนคาที่มสี ระประสมของ นักเรยี นทีม่ ภี าวะเส่ียงบกพร่องทางการเรียนรู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โดยการใช้ เพลง. Journal of Education Khon Kaen University (Graduate Studies Research), 10(4), 157-161.
~ 27 ~
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: