หน่วยที่ 9 ภาวะผู้นา
หวั ข้อเร่ือง 1. ความหมายของภาวะผทู้ า 2. คุณสมบตั ิของผนู้ า 3. ลกั ษณะและบทบาทของผนู้ า 4. ลกั ษณะและบทบาทของผนู้ าท่ีเหมาะสมกบั องคก์ ร การในทศวรรษหนา้ 5. คุณลกั ษณะของผนู้ าตามหลกั พระพทุ ธศาสนา 6. การพฒั นาภาวะผนู้ า 7. บทบาทผนู้ าในการขบั เคล่ือนองคก์ ารธุรกิจในยคุ โลกาภิวตั น์
ความหมายของภาวะผู้นา ภาวะผนู้ า(Leadership) คือ กระบวนการที่บคุ คล ใดบุลคลหน่ึงหรือมากกวา่ พยายามใชอ้ ิทธิพลของตน กา ระตุน้ ช้ีนา ผลกั ดนั ใหบ้ ุลคลหรือกลุ่มมีความเตม็ ใจและ กระตือรือร้นในการทาสิ่งต่างๆตามตอ้ งการโดยมี ความสาเร็จของกลุ่มหรือองคก์ ารเป็นเป้ าหมาย
คุณสมบตั ผิ ู้นา ผนู้ าอาจเป็นบุคคลที่มี่ตาแหน่งอยา่ งเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการกไ็ ดโ้ ดยเฉพาะผนู้ าที่ไม่เป็น ทางการมกั จะรับรู้ไดเ้ สมอเพราะในกลุ่มจะเป็นผทู้ ่ีมี ลกั ษณะเด่นเป็นที่ยอมรับของสมาชิกในกระบวนการ ติดต่อสมั พนั ธ์จะใชภ้ าวะผนู้ าปฏิบตั ิและอานวยการ เพ่ือมุ่งบรรลุเป้ าหมายของกลุ่มทาใหใ้ นกลุ่มแสดง พฤติกรรมที่เป็นเอกภาพ ดงั น้นั คุณสมบตั ิผนู้ าควร ประกอบดว้ ย 1. ครองตน 1.1 มีความประพฤติปฏิบตั ิตนดี 1.2 มีความรู้ ความสามารถ เขา้ ใจเหตุการณ์ 1.3 มีความซื่อสตั ยส์ ุจริต 1.4 มีความอดทนอดกล้นั
1.5 มีเหตุผล 1.6 มีการควบคุมอารมณ์ท่ีดี 2. ครองตน 2.1 มีมนุษยส์ มั พนั ธ์ดี 2.2 มีความเสียสละ 2.3 มีคสามจริงใจ 2.4 มีความสามารถในการจูงใจ 2.5 มีความปรารถนาส่งเสริมใหล้ ูกนอ้ งกา้ วหนา้ 3.ครองงาน 3.1 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 3.2 มีความรับผดิ ชอบ 3.3 มีการตรงต่อเวลา 3.4 มีความมุ่งมนั่ ในการสร้างผลงาน 3.5 มีผลงานท่ีเป็นประจกั ษ์ 3.6 มีความกลา้ หาญ
ลักษณะและบทบาทของ ผู้นา ผนู้ าเป็นบุคคลที่ทาใหอ้ งคก์ ารเจริญกา้ วหนา้ และ บรรลุผลสาเร็จโดยเป็นผทู้ ี่มีบทบาทแสดงความสาพนั ธ์ ระหวา่ งบุคคลที่เป็นผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาและเป็นบคุ คลท่ี ก่อใหเ้ กิดความมนั่ คงและช่วยเหลือผอู้ ื่นเพอ่ื ใหบ้ รรลุ เป้ าหมายของกลุ่ม ดงั น้นั ผนู้ าจึงตอ้ งมีลกั ษณะดงั น้ี 1.ต้องมคี วามฉลาด ผนู้ าตอ้ งมีระดบั ความรู้และสติปัญญาโดยเฉล่ีย ค่อนขา้ งสูง เพราะผนู้ าจะตอ้ งมีความสามารถในการ วเิ คราะห์ปัญหาต่างๆ บุคคลที่ฉลาดเทา่ น้นั ท่ีจะสามารถ จดั การปัญหาต่างๆ หรือเร่ืองราวต่างๆ ได้
2.ต้องมวี ุฒภิ าวะทางสังคมและใจกว้าง มีความสนใจส่ิงต่างๆ รอบตวั มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ ตอ้ งยอมรับสภาพต่างๆ ไม่วา่ แพห้ รือชนะ ผดิ หวงั หรือ สาเร็จ ผนู้ าจะตอ้ งมีความอดทนต่อความคบั ขอ้ งใจต่างๆ พยายามขจดั ความรู้สึกต่อตา้ นสงั คมและผอู้ ่ืน เป็นผมู้ ี เหตุผลนบั ถือตนเอง และเชื่อมน่ั ในตนเอง 3.ต้องมแี รงจูงใจภายใน ผนู้ าตอ้ งมีพลงั แรงขบั ท่ีจะทาอะไรใหเ้ ด่นใหส้ าเร็จอยู่ เสมอ เม่ือทาส่ิงหน่ึงสาเร็จยงิ่ เกิดแรงจงู ใจทา้ ทายท่ีจะทา ส่ิงอื่นต่อไปผนู้ าจะตอ้ งมีความรับผดิ ชอบสูง 4.ต้องมเี จตคติทดี่ เี กย่ี วกบั มนุษย์สัมพนั ธ์ ผนู้ าจะตอ้ งพฒั นาความเขา้ ใจและทกั ษะทางสงั คมที่จะ ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่น ผนู้ าจะตอ้ งใหค้ วามนบั ถือผอู้ ่ืนและ ระลึกอยเู่ สมอวา่ ความสาเร็จในการเป็นผนู้ าน้นั ข้ึนอยกู่ บั ความร่วมมือและติดจ่อกบั บุคคลอื่นในฐานะบุคคล
ลักษณะและบทบาทของผู้นาท่ี เหมาะสมกับองค์การในทศวรรษ หน้า มุกดา สุนทรรัตน์ ประธานเจา้ หนา้ ท่ีฝ่ายทรัพยากร บุคคลของบริษทั เอซีเอสจี(ประเทศไทย)จากดั ไดส้ รุปแนว ทางการบริหารเพอื่ ความสาเร็จ7ข้นั ตอนของผนู้ า ดงั น้ี 1.การกาหนดวิสัยทศั น์ การกาหนดวสิ ยั ทศั น์(Vision) ผนู้ าตอ้ งมีความฝัน และจุดมุ่งหมายที่ชดั เจนเพือ่ สามารถนาทีมไปสู่จุดหมาย น้นั ๆ ได้ 2.การให้ความน่าเช่ือถอื แก่ทมี การใหค้ วามน่าเช่ือถือแก่ทีม(Trust)ในการทางาน ร่วมกนั จะประสบผลสาเร็จไดต้ อ้ งมีความไวว้ างใจกนั และ กนั เชื่อมนั่ ในความสามารถของทีมโดยยดึ ผลงานเป็นหลกั และกระบวนการทางานยดึ พนกั งานเป็นศูนยก์ ลาง โดยมี การใหค้ วามรู้แก่พนกั งาน
3.การสื่อสารแบบเปิ ดด การสื่อสารแบบเปิ ด(OpenCommunication) คานึงถึงความสาเร็จของการสื่อสาร สร้างระบบการทางาน ท่ีส่ือสารขอ้ มูลใหพ้ นกั งานทราบถึงวสิ ยั ทศั น์ กลยทุ ธ์ และ มีส่วนร่วมในการกาหนดแผนงานและเป้ าหมายในการ ทางาน 4.การสร้างงานให้มคี ุณค่า การสร้างงานใหม้ ีคุณค่า(Meaningful Work) ท้งั กบั ผนู้ าและทีมงาน สนุกกบั งานเพราะไดป้ ฏิบตั ิงานที่ ทา้ ทาย มอบหมายงานท่ีเหมาะสมกบั ความรู้ ความสามารถของพนกั งาน มีการจดั คนใหเ้ หมาะกบั งาน ประกอบกบั ผนู้ าเป็นผสู้ อนท่ีดี
5.การมอบอานาจ การมอบอานาจ(Empowerment) การให้ พนกั งานไดร้ ับผดิ ชอบงานแบบเบด็ เสร็จ โดยสร้าง มาตรฐานระเบียบปฏิบตั ิที่ชดั เจน ใหพ้ นกั งานมสี ่วน ร่วมกบั การบริหารงาน แสดงการยอมรับและเชื่อมนั่ ผนู้ า ตอ้ งเปล่ียนรูปแบบในการปฎิบตั ิงาน โดนตอ้ งกระจาย อานาจการตดั สินใจใหพ้ นกั งาน 6.การทางานเป็ นทมี การทางานเป็นทีม(Teamwork) เป็นการผลกั ดนั ใหผ้ นู้ าตระหนกั ถึงความสาคญั ของทีมงานและพฒั นา ทีมงานโดยการกาหนดแนวทางและขอบเขตการ ปฏิบตั ิงานอยา่ งชดั เจน เช่ือมน่ั ในความสามารถของ ทีมงาน ใหค้ วามสาคญั กบั การทางานขา้ มสายงาน 7.การเปลยี่ นแปลงให้เหมาะสม การรู้จกั การเปล่ียนแปลงใหเ้ หมาะสม (Transformation)ผนู้ าตอ้ งวเิ คราะห์ช่างวา่ ง ระหวา่ งวสิ ยั ทศั นแ์ บะสภาพการณ์ปัจจุบนั ขององคก์ าร เพือ่ วางกลยทุ ธแ์ ละแผนปฏิบตั ิ นาไปสู่การเปลย่ี นแปลง ใหไ้ ดต้ ามเป้ าหมาย
คุณลักษณะของผู้นาตามหลัก พระพุทธศาสนา คาสอนในพระพทุ ธศาสนาท่ีสาคญั พระพทุ ธองคไ์ ด้ แสดงใหเ้ ห็นถึงลกั ษณะหรือวถิ ีทางผนู้ าท่ีดีซ่ึงสามารถ นามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การบริหารและจดั การสมยั ใหม่ได้ และเป็นแนวทางที่จะนาไปปฏิบตั ิ ซ่ึงเอ้ือกบั วฒั นธรรม ไทย ไดแ้ ก่ ทศพิราชธรรม 10 ประการ อธิษฐานธรรม 4 พรหมวหิ าร 4 อคติ 4 คิหิสุข 4 สงั คหวตั ถุ 4 ขนั ติโสรัจจะ หิริโอตปั ปะ อิทธิบาท 4 เวสารัชชกรณธรรม 5 ยตุ ิธรรม 5 อปริหานิยธรรม 7 นาถกรณธรรม 10 กลั ยาณมิตรธรรม 7 และ บารมี 10 ประการ แต่ในท่ีน้ีจะยกตวั อยา่ ง2หลกั ธรรม คาสอน ดงั น้ี 1.อคติ4 อคติ(Prejudice) คือ ความเอนเอียงแห่งอารมณ์ เกิด จากความไม่เท่าเทียมและช่องวา่ งในสงั คม อคติ แปลวา่ ไม่ใช่ทางไป ไม่ใช่ทางเดิน ไม่ควรไป ไม่ควรเดิน ใน ภาษาไทยหมายถึง ความลาเอียง ความไม่ยตุ ิธรรม ความไม่ เป็นธรรม ซ่ึงผนู้ าตอ้ งตระหนกั ละเวน้ 4 ประการดงั น้ี
1.ฉนั ทาคติ(Prejudice Caused by Love or Desire) ลาเอียงโดยสนบั สนุนพรรคพวกที่ชอบ หรือผู้ จ่ายสินจา้ งแก่ตน 2.โทสาคติ(Prejudice Caused by Hatred or Enmity) ลาเอียงเขา้ ขา้ งหรือลงโทษฝ่ายที่ตนเกลียด ชงั ใหห้ นกั กวา่ ฝ่ ายที่ตนชอบพอ 3.โมหาคติ(Prejudice Caused by Delusion or Stupidity) ลาเอียงเสียความยตุ ิธรรม เพราะโฉดเขลา ไม่รู้ทนั เหตุการณ์ท่ีแทจ้ ริง 4.ภยาคติ(Prejudice Caused byFear) ลาเอียง ยอมร่วมดว้ ยเพราะเกรงอานาจอิทธิพลหรือกลวั จะขาด ผลประโยชน์
2.สังคหวตั ถุ 4 สงั คหวตั ถุ 4 (Base of Sympathy) คือ ธรรม เครื่องยดึ เหน่ียวใจบุคคลและประสานหมู่ชนไวใ้ นสามคั คี ธรรมเพอื่ ใหเ้ ป็นที่รักของคนทว่ั ไป ผนู้ าควรใชเ้ ป็นหลกั ปฏิบตั ิตนไดแ้ ก่ 1.ทาน(Giving Offering) คือ การให้ เสียสละ แบ่งปันผอู้ ่ืน เช่น การใหร้ างวลั สวสั ดิการท่ีดี เป็นตน้ 2.ปิ ยวาจา(Kindly Speech) คือ พดู จาดว้ ยถอ้ ยคา สุภาพ นุ่มนวล เหมาะแก่บุคคล เวลาสถานท่ี พดู ในสิ่งท่ีเป็น ประโยชน์ พดู ในทางสร้างสรรค์ และเกิดกาลงั ใจ เช่น การ ควบคุม การจูงใจ เป็นตน้ 3.อตั ถจริยา(Useful Conduct) คือ ทาตนใหเ้ ป็น ประโยชน์ ตามกาลงั สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ กาลงั ทรัพย์ และเวลา เช่น การพฒั นาคน การบริหารงานตาม วตั ถุประสงค์ เป็นตน้ 4.สมานตั ตตา(Even and Equal Treatment) คือ ทาตนใหเ้ สมอตน้ เสมอปลาย วางตนเหมาะสมกบั ฐานะ ตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน ไม่เอาเปรียบผอู้ ื่น ร่วมทุกขร์ ่วมสุข เช่น การส่ือสาร การมอบอานาจ เป็นตน้
การพฒั นาภาวะผู้นา ผนู้ าเป็นบุคคลผมู้ ีความสาคญั ตอ้ งเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ มากกวา่ ผอู้ ื่น แกป้ ัญหาต่าง ๆ ได้ สามารถทาให้ ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาร่วมกนั แกป้ ัญหาต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ตามสถานการณ์ แต่สถานการณ์ต่าง ๆเปล่ียนแปลงไปอยา่ ง รวดเร็ว เช่น องค์การมขี นาดใหญ่และมคี วามสลบั ซับซ้อน ในการบริหารงาน มากข้ึน ตามสถานการณ์ ผนู้ าตอ้ งมี ความสามารถหลายอยา่ ง ลกั ษณะการบริหารไม่ไดอ้ ยทู่ ่ีผู้นา คนเดยี ว แต่อยู่ทผ่ี ู้ปฏบิ ตั ิงานทุกคน ดงั น้นั ผนู้ าตอ้ งเป็น นกั พฒั นาและตอ้ งพฒั นาภาวะผนู้ าของตนเองดงั น้ี 1.เรียนรู้ตนเอง ตอ้ งฝึกฝนความอดทน อดกล้นั สร้างนิสยั อ่อนนอ้ มถ่อม ตน พฒั นามนุษยสมั พนั ธ์ของตนเอง ใหด้ ี สามารถขา้ ไดก้ บั บุคคลทุกระดบั ช้นั ปรับปรุงลกั ษณะนิสยั ของตนเองอยู่ เสมอใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ ่ืนได้ สิ่งเหล่าน้ีเกิดข้ึนจากการสงั เกต พฤติกรรมของตนเองและความมุ่งมน่ั ท่ีจะเปล่ียนแปลง ตนเองใหด้ ีข้ึน
2.เรียนรู้ คนรอบข้างทุกคน เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ คนรอบขา้ งเป็นฐานความรู้เพื่อทาใหเ้ ขา้ ใจผอู้ ื่นไดม้ าก ข้ึน การเขา้ ใจความคิดและ ผอู้ ื่นจะสามารถมองเห็นความ เป็นจริงของผอู้ ื่นวา่ เขาเป็นเช่นใด 3.จริงใจและหวงั ดกี บั ทุกคน ความจริงใจเป็ นสิ่งทส่ี ื่อสาร ทางจติ ใจ จากความรู้สึกท่ีผา่ นจากการแสดงออก การสร้างให้ อง มีความจริงใจ แสดงความจริงใจ ไม่เสแสร้ง ผนู้ าหากมี ความจริงใจเป็นท่ีต้งั ผอู้ ื่นจะมองเห็นและ เช่ือใจในการ ตดั สินใจของผนู้ า 4.ส่ือสารได้อย่างดี ทกั ษะการสื่อสารเป็นหวั ใจของผนู้ า เพราะผตู้ ามจะทา ตามไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามความ ตอ้ งการหรือไม่น้นั ข้ึนกบั การส่ือสารของผนู้ าเป็นสาคญั ไม่วา่ เร่ืองยากแค่ไหนกต็ อ้ ง สามารถสื่อสารใหท้ ้งั คน สาด และไม่ฉลาดเขา้ ใจได้ ครบถว้ น ตอ้ งฝึกทกั ษะการพดู การเขียน รวมถึงการ ตีความหมายของคาที่ผอู้ ื่น ลือสารมาใหต้ รงประเดน็ พฤติกรรม
5.สร้างจุดยนื ของตนเอง นาจะมีจุดยนื ของตนเอง แต่จุดยนื เปล่ียนแปลงไดห้ าก จุดท่ีกาลงั ยนื อยู่ นาตอ้ งเก่งในเรื่องความคิดและความมุ่งมน่ั ในตนเอง 6.พฒั นาความคดิ ให้เป็ นระบบ ระเบยี บ เพอ่ื ใช้แก้ปัญหา ต่าง ๆ ในทนั ที การฝึกใหค้ ิดเป็นระบบ ระเบียบน้นั ะทาใหม้ องเห็น ความเป็นจริงไดเ้ ร็วข้ึน เขา้ ใจ เร็วข้ึน เม่ือเขา้ ใจ และทราบ วา่ สิ่งต่าง เป็นไปเช่นไร จะทาใหส้ ามารถแกป้ ัญหาต่าง ๆ ไดร้ ว 7.เสนอความคดิ เห็นกบั กลุ่มหรือทป่ี ระชุม การฝึกออกความคิดเห็นเป็นตวั กระตุน้ ใหส้ มองเกิดการ วเิ คราะห์และแจกแจงสิ่งต่าง ๆ ได้ รวดเร็วมากข้ึน ผนู้ า ส่วนใหญ่จึงสอน แนะนา แสดงความคิดเห็นของตนกบั ผอู้ ่ืนเสมอท้งั ในที่ประชุม การสนทนา หรือแมแ้ ต่การ พกั ผอ่ น และประยกุ ตส์ ิ่งต่าง ๆ ใหส้ ามารถเป็นจริงได้
8.สร้างแนวความคดิ ทแ่ี ตกต่าง แต่เป็ นความจริง สามารถ ใช้ได้จริง และ สื่อสารให้ผู้อน่ื ได้รับรู้ ผนู้ ามกั มีแนวความคิดท่ีแตกต่างจากผอู้ ่ืน ๆ แนวความคิดเหล่าน้ีมกั เกิดจากประสบการณ์ และความ ชานาญในการแยกแยะหรือวเิ คราะห์เหตุการณ์ต่าง \" ซ่ึง จาเป็นตอ้ งสื่อสารความคิดเหล่าน้นั ใหก้ บั คนรอบขา้ งได้ รับรู้เพ่อื ใหเ้ กิดการปฏิบตั ิข้ึนตามแนวความคิดน้นั 9.ศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ รวมท้งั ทเี่ กย่ี วข้องกบั งานให้มาก ทสี่ ุด ผนู้ ามกั มีวสิ ยั ทศั นแ์ ละมุมมองใหม่ ๆ มาประยกุ ตใ์ หเ้ ขา้ กบั การทางานอยเู่ สมอ นิสยั ที่ชอบ เรียนรู้และทดลอง สามารถนาส่ิงท่ีรู้มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานได้ การเขา้ ใจและ จดจาส่ิงต่าง ๆ จึงมีผลกบั ความคิด โดยเฉพาะความรู้
10.ฝึ กนาทมี งานต้ังแต่ขนาดเลก็ ถงึ ใหญ่ขนึ้ เรื่อย ๆ การเร่ิมเป็นผนู้ าตอ้ งเร่ิมจากความมนั่ ใจเลก็ ๆ ไปหาสิ่ง ท่ียง่ิ ใหญ่กวา่ เพอื่ ทดลองใช้ ความสามารถนาพาไปถึง จุดมุ่งหมาย การเริ่มเป็นผนู้ าตอ้ งฝึกนาสมาชิกต้งั แต่กลุ่ม ขนาดเลก็ ใหป้ ระสบ ความสาเร็จ เพ่อื สร้างความมน่ั ใจข้นั พ้นื ฐาน ก่อนจะนากลุ่มที่ขนาดใหญ่ข้ึนไป ส่ิงของหรือ ทฤษฎีใหม่ ๆ จะเป็นผลดีช่วยส่งเสริมความเป็นผนู้ า 11.สะสมประสบการณ์และหาข้อดแี ละข้อเสียของการนา ทมี แล้วนามา ปรับปรุงตนเองให้ดขี นึ้ ผทู้ ี่ทางานยอ่ มมีผดิ พลาด การเป็นผนู้ ากเ็ ช่นกนั เม่ือ ผดิ พลาด ตอ้ งสรุปและหาขอ้ ดีขอ้ เสีย ของการทางานใน แต่ละข้นั อยา่ งเป็นกลางมากท่ีสุดแลว้ ปรับปรุงตนเองใหม้ ี นิสยั เหล่าน้ี จะทาใหภ้ าวะผนู้ า ในตนเกิดความเขม้ แขง็ มากยง่ิ ข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: