ใบความรู้ รหสั วิชา ว 30252 รายวิชา เทคโนโลยมี ลั ตมิ เี ดีย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ครผู สู้ อน : นางสาวพิมพล์ ภสั คาโตนด กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนหนองแค “สรกจิ พทิ ยา” หนา้ 1
1 ใบความรู้ เรื่อง เร่ิมต้นกบั เรอ่ื งของวดิ ีโอและการตดั ต่อ หนา้ 2
ใบความรู้ เริม่ ต้นกับเร่อื งของวดิ ีโอและการตดั ต่อ 1 รจู้ ักกบั การตดั ตอ่ วิดีโอ โดยทว่ั ไปเราตดั ต่อวิดีโอกเ็ พอื่ ให้เกดิ ผลต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี - ตดั ภาพส่วนท่ผี ดิ พลาดหรือไมต่ อ้ งการทิง้ ไป - เลือกภาพทอ่ นท่ีดที ่สี ุดเพ่ือนามาใช้ (ในกรณีทถี่ ่ายเนื้อหาแต่ละตอนไว้ หลายครั้งหรือหลายแบบ) - จัดลาดบั ภาพใหมเ่ พอื่ ใหน้ าเสนอเรือ่ งราวไดต้ รงตามต้องการ - สร้างจงั หวะและอารมณข์ องภาพเพ่ือใหส้ อดคล้องกับเรื่องราว - เพม่ิ ดนตรีประกอบ เสยี งบรรยาย ภาพนิง่ ภาพเคลอ่ื นไหว แบบกราฟกิ ไตเติล และเอฟเฟ็คตต์ ่าง ๆ ดิจิตลั วดิ ีโอและอนาล็อกวดิ โี อ ดิจิตอลวิดีโอ (digital video) เป็นระบบวิดีโอที่บันทึกและแสดงภาพโดยใช้ข้อมูลแบบ ดจิ ติ อลเหมอื นในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซ่ึงขอ้ มลู พน้ื ฐานจะประกอบด้วยคา่ 0 และ 1 เทา่ นน้ั คุณอาจจะ คุ้นเคยกับตัวย่อ DV (หรือ MiniDV) ซ่ึงติดอยู่ท่ีตัวกล้องและเทปบันทึกภาพ แต่ความจริงแล้ว DV เป็นเพียงประเภทย่อยแบบหน่ึงของดิจิตอลวิดีโอเพราะยังมีดิจิตอลวิดีโอรูปแบบอื่น ๆ อีก เช่นที่ พบบอ่ ยคือ MPEG-2, MPEG-4 และ DivX เป็นต้น สาหรับอนาล็อกวิดีโอ (analog video) ซ่ึงเป็นระบบวิดีโอแบบเดิมท่ีเคยใช้กันมาน้ัน การ บนั ทึกและแสดงภาพจะใชส้ ัญญาณอนาล็อก เช่นท่คี ุ้นเคยกนั ดีกค็ ือวิดีโอเทปแบบ VHS นอกจากนี้ก็มี วดิ ีโอเทปแบบ Hi8 เปน็ ต้น ขอ้ ดขี องดิจิตอลวดิ โี อ คือ สามารถถ่ายโอนข้อมลู เข้าสู่คอมพิวเตอร์เพื่อการตัดต่อได้ง่ายโดย ไม่มีการสูญเสียคุณภาพ และให้ผลลัพธ์ท่ีเหมือนกับต้นฉบับเสมอไม่ว่าจะทาสาเนาต่ออีกกี่ทอด ส่วน อนาล็อกวิดีโอน้ัน ถ้าจะนามาตัดต่อ ก็จะต้องผ่านขั้นตอนการแปลงให้เปน็ ดิจติ อลก่อนโดยใช้อุปกรณ์ อย่างเช่นการ์ดจับภาพ (video capture card) ซึ่งคุณภาพของวิดีโอท่ีได้จะข้ึนกับคุณสมบัติชอง อุปกรณ์ แต่ถ้าไม่นาภาพเข้าสู่คอมพิวเตอร์ก็จะต้องใช้วิธีตัดต่อแบบ linear หรือ tape-to-tape ซ่ึงมี ข้อจากดั มากกว่า และการทาสาเนาต่อไปแต่ละทอดจะทาใหค้ ุณภาพของวิดีโอลดลงเรื่อยๆ ระบบอนาล็อก (Analog) เป็นระบบที่ทางานให้กับข้อมูลหรือสัญญาณซึ่งมีลักษณะเป็นคล่นื ต่อเนื่อง โดยมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในด้านความถี่ (frequency) และระดับสัญญาณ (amplitude) ตวั อย่างเช่น เสียงท่คี นเราได้ยิน เปน็ ต้น ขอ้ เสยี ของระบบอนาล็อกคือเกิดสัญญาณรบกวน (noise) ได้ง่าย การแยกสัญญาณรบกวนออกจากข้อมูลจริงเป็นเร่ืองยาก นอกจากน้ีการทาสาเนาหรือส่งผ่าน สัญญาณแตล่ ะทอดจะเกิดความสูญเสีย ทาให้คุณภาพดอ้ ยจากตน้ ฉบบั ไปเรอื่ ย ๆ ระบบดิจิตอล (digital) เป็นระบบที่ทางานกับข้อมูลหรือสัญญาณซึ่งมีเฉพาะค่าท่ีแน่นอน จานวนหน่ึง เช่น ข้อมูลท่ีเก็บในคอมพิวเตอร์ซึ่งมีเฉพาะค่า 0 และ 1 เท่านั้น ข้อดีของระบบดิจิตอล คือ การกาจัดความผิดพลาดหรือสัญญาณรบกวนทาได้ง่าย สามารถทาสาเนาได้ไม่จากัด หรือส่ง สัญญาณผ่านระยะไกล ๆ ได้โดยคุณภาพยังคงเหมอื นตน้ ฉบบั ทุกประการ หนา้ 3
การบีบวิดีโอและอดั เสียง วดิ โี อเป็นขอ้ มูลท่ีมีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะถา้ เป็นวิดีโอความละเอยี ดสูง ขนาดของข้อมูลก็ จะยิ่งเพิ่มข้ึนสูงมาก ข้อมูลขนาดใหญ่จะทาให้ไม่สะดวกในการเก็บบันทึกเพราะต้องใช้สื่อท่ีจุได้มากๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่เหมาะจะใช้เผยแพร่ เพราะโดยทั่วไปช่องทางการส่งข้อมูลมักมีความเร็วจากัด (เช่น ในการสง่ สัญญาณโทรทศั น,์ การสง่ วิดโี อจากเคร่อื งเลน่ DVD ไปยงั จอภาพ หรือการเผยแพร่วิดโี อ ทางเว็บไซท์ เป็นต้น) ซ่ึงถ้าข้อมูลมีขนาดใหญ่ก็จะทาให้ส่งไม่ทัน ดังนั้นวิดีโอท่ีเราพบส่วนใหญ่จึงเปน็ ข้อมูลท่ีถูกบีบอัด (compress) ไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง และเม่ือต้องการแสดงผล วิดีโอก็จะถูก คลายการบีบอัดออกมา (decompress) ซ่ึงในกระบวนการบีบอัดและคลายนี้จะถูกทาโดยซอฟต์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์ที่เรียกว่า codec (ย่อมาจาก compress-decompression) สาหรับเสียงก็เป็นข้อมูล ขนาดใหญเ่ ชน่ กนั แต่ยังเลก็ กวา่ วิดีโอ และมีใชท้ ้ังรปู แบบทไ่ี มบ่ ีบอดั และทีบ่ บี อดั แล้ว ในการเลน่ หรือเปดิ ไฟล์วิดโี อเพ่อื นามาตัดตอ่ เครือ่ งของคณุ จะต้องตดิ ต้งั codec ทีใ่ ชก้ บั ภาพ หรือเสียงในวิดีโอดังกล่าวด้วย มิฉะน้ันจะไม่สามารถเล่นหรือเปิดไฟล์ได้ หรือเล่นได้ไม่สมบูรณ์ เช่นมี แต่เสียงโดยไม่มีภาพ ส่วนใหญ่แล้ว codec จะถูกเพ่ิมเข้ามาโดยโปรแกรมต่างๆ ที่เราติดตั้งลงใน เคร่ืองน่ันเอง ตัวอย่างของ codec ท่ีได้ยินกันคุ้นหูก็ เช่น MPEG-1,MPEG-2,MPEG-4,DivX,MP3 เป็นต้น เทคนิคการบีบอัดและคลายข้อมูลมี 2 แบบ คือ lossless และ lossy แต่สาหรับดิจิตอล วิดโี อสว่ นใหญ่แลว้ จะเปน็ แบบ lossy มากกวา่ lossless เป็นเทคนิคการบีบอัดซ่ึงเมื่อคลายออกมาแล้วจะได้ข้อมูลที่ตรงตามต้นฉบับ ทุกอยา่ งโดยไมผ่ ดิ เพย้ี น แตข่ อ้ เสยี ของวิธีนค้ี ือจะลดขนาดข้อมลู ได้ไม่มากนัก lossy เป็นเทคนิคการบีบอัดซึง่ เม่ือคลายออกมาแลว้ จะไดข้ ้อมลู ท่ีไม่เหมือนกันต้นฉบับ หรือมีรายละเอียดบางส่วนหายไป มักใช้กับข้อมูลประเภทภาพและเสียงถึงแม้จะมีความผิด เพี้ยนบ้างผู้ชมก็จะไม่สังเกตเห็น แต่ถ้ายิ่งบีบอัดให้ข้อมูลมีขนาดเล็กมาก เม่ือคลายออกมาก็จะ ได้ผลลพั ธท์ ่แี ย่ลงกว่าต้นฉบบั มากดว้ ย วิธีการบบี อัดวดิ ีโอแบบต่าง ๆ Codec ที่ใช้บีบอัดวิดีโอ (video codec) มีหลายแบบซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบตั ิแตกต่างกัน ออกไป เช่น บางแบบเหมาะสาหรับวิดีโอท่ีถ่ายจากธรรมชาติ แต่บางแบบเหมาะสาหรับวิดีโอท่ีแสดง ภาพเคล่ือนไหวแบบกราฟิก นอกจากน้ีอัตราการบีบอัดของข้อมูลแตกต่างกัน ซึ่งการเลือก codec เพ่ือใช้งานจึงขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการนาวิดโี อไปใช้ หรือรูปแบบของวิดีโอผลลัพธท์ ่ีต้องการ สาหรับ codec ทเี่ ราจะพบได้บอ่ ยก็ประกอบดว้ ย Microsoft Video 1 และ Micro RLE เป็น codec พ้ืนฐานสาหรับภาพวิดีโอบนระบบปฏิบัติการ Windows โดย Video 1 เป็น codec แบบ lossy ส่วน RLE เป็นแบบ lossless แต่มีจานวนสีท่ีใช้ได้จากัดจึงเหมาะสาหรับงาน แอนเิ มชน่ั มากกวา่ codec ทัง้ สองตวั นีม้ ีอัตราการบบี อัดข้อมลู ไม่มากนักทาให้ขนาดไฟล์คอ่ นข้างใหญ่ แต่มขี ้อดีคอื สามารถเลน่ บนพีซไี ด้ทุกเคร่ือง หนา้ 4
Cinepak เป็น codec พื้นฐานแบบหน่ึงของภาพวิดีโอประเภท QuickTime บนเคร่ือง Apple Macintosh ต่อมาจึงถูกนามาใช้บนระบบ Windows ด้วย แต่เดิม codec แบบน้ีถูกออกแบบให้เล่น วิดีโอท่ีมีความละเอียดและอัตราข้อมูลท่ีสูงข้ึน ข้อดีคือไฟล์มีขนาดไม่ใหญ่มากและเล่นได้บนเครื่อง หลายแบบ Intel Indeo เป็น codec ที่พฒนาข้ึนมาโดยบริษัท Intel มีคุณสมบัติส่วนใหญ่คล้าย Cinipak แต่ทางาน ได้เร็วและให้คณุ ภาพวดิ ีโอท่ีดีกวา่ เลก็ นอ้ ย DV เปน็ codec ท่ใี ช้ในกล้องประเภท DV รวมทงั้ ในไฟล์วิดโี อท่ีถ่ายโอนมาจากกล้องแบบนี้ ข้อดี คือเป็นรูปแบบท่ีสามารถเก็บรักษาคุณภาพของวิดีโอต้นฉบับไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ข้อเสียคือ บีบอัดข้อมูลได้น้อย วิดีโอที่ได้จะมีความละเอียดคงท่ี 720576 พิกเซล (ระบบ PAL) หรือ 720480 พกิ เซล (ระบบ NTSC) และมตี รั าการบบี อัดข้อมลู 5:1 สาหรับระบบเสียมกั เปน็ แบบ PCM ขนาด 16 บทิ 32 kHz 4 ช่องสัญญาณ MPEG-1 เป็นกลุ่มของ codec ที่ใช้สาหรับบีบอัดข้อมูลวิดีโอและเสียง ซ่ึงในส่วนของวิดีโอน้ัน codec ถูกนาไปใช้กับแผ่น VCD โดยจากัดความละเอียดของภาพไว้ที่ 352288 (PAL) หรือ 352240 (NTSC) และมีอัตรข้อมูลวิดีโอคงท่ี 1,150 Kbps ทาให้คุณภาพทาได้แค่ใกล้เคียงกับเทปแบบ VHS เท่านั้น แต่ในการสร้างไฟล์ MPEG-1 เพ่ือเล่นบนคอมพิวเตอร์ เราสามารถกาหนดความละเอียดและ อัตราข้อมูลท่ีสูงกว่าน้ีได้ สาหรับการบีบอัดข้อมูลเสียง MPEG-1 audio layer 3 ถูกนามาใช้กับไฟล์ เพลงซ่งึ ไดร้ บั ความนิยมแพร่หลายมาก ซงึ่ ก็คือไฟล์ MP3 น่นั เอง MPEG-2 เป็นกลุ่มของ codec สาหรับบบี อัดข้อมลู วิดโี อและเสยี งซ่งึ พัฒนาต่อมาจาก MPEG-1 โดยให้ คุณภาพที่ดีกว่ามากจึงมีการนาไปใช้หลายรูปแบบ เช่นในแผ่น DVD,SVCD และการส่งสัญญาณ โทรทศั น์ ระบบดจิ ติ อล เป็นต้น สาหรับในแผ่น DVD จะใชค้ วามละเอยี ดของภาพท่ี 720576 (PAL) หรือ 720480 (NTSC) โดยมีอัตราข้อมูลวดิ ีโอสูงสุด 9,800 Kbps แต่ในโทรทัศน์ระบบดจิ ิตอลแบบ HDTV อาจใชล้ ะเอียดสงู ถงึ 19201080 พิกเซลก็ได้ MPEG-4 เป็นกลุ่มของ codec สาหรับบีบอัดข้อมูลวิดีโอและเสียงซ่ึงพัฒนาต่อมาจาก MPEG-1 และ MPEG-2 โดยให้คุณภาพที่ดีแต่มีอัตราข้อมูลต่า จึงได้รับความนิยมนาไปใช้ในงานด้านต่างๆ อย่าง กว้างขวางในปัจจุบัน เช่น การเผยแพร่วิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต และวีดีอสาหรับเล่นบนอุปกรณ์พกพา อย่าง iPod,PSP และโทรศัพท์มือถือ ทางด้านการบีบอัดข้อมูลเสียง MPEG-4 ACC ถูกนามาใช้กับ ไฟลเ์ พลงของเครอื่ งเล่น iPod ซึ่งใหค้ ณุ ภาพเสียงดีกวา่ ไฟล์ MP3 หนา้ 5
WMV (Windows Media Viveo) เป็น codec สาหรับบีบอัดวิดีโอท่ีพัฒนาโดยบริษัท Microsoft มีการนาไปใช้งานหลาย รูปแบบคือแบบที่มีคุณภาพและอัตราข้อมูลต่าจะใช้สาหรับเผยแพร่วิดีโอผ่านเว็บไซท์และเล่นบน อุปกรณ์พกพาส่วนแบบที่มีคุณภาพและอัตราข้อมูลสูงจะใช้เผยแพร่วิดีโอแบบ high-definition สาหรับรปู แบบการบบี อัดเสียงที่ใช้ร่วมกันมกั เป็น WMA (Windows Media Audio) DivX เป็น codec สาหรับวิดีโอที่พัฒนาขึ้นตามส่วนหนึ่งของมาตรฐาน MPEG-4 โดยมีจุดเด่นคือ ให้คุณภาพสูงแต่มีอัตราข้อมูลต่า เช่นภาพยนตร์จากแผ่น DVD สามารถบีบอัดเป็นแบบ DivX โดยมี คุณภาพแตกต่างจากต้นฉบับไม่มากนักแต่สามารถบรรจุลงแผ่น CD ธรรมดาได้ ดังนั้นจึงนิยมใช้เพื่อ เผยแพร่ภาพยนตร์แบบดาวโหลดทางอินเตอร์เน็ต นอกจากน้ีปัจจุบันยังมีเครื่องเล่นท่ีสามารถเล่น แผน่ วิดีโอ DivX ไดเ้ ชน่ เดียวกับ VCD และ DVD H.261, H.262, H.263, H.264 เปน็ codec สาหรบั วิดโี อท่ไี ดร้ ับการรับรองมาตรฐานโดย ITU (สหภาพโทรคมนาคมระหว่าง ประเทศ) โดย H.261 และ H.263 มักใช้กับการส่งภาพและเสียงในการประชุมทางไกล (video conference) ซ่ึงต้องการคุณภาพไม่สูงนักและมีอัตราข้อมูลต่า H.262 คือมาตรฐานเดียวกับ MPEG- 2 ในส่วนท่ีเป็นการบีบอัดวิดีโอ ส่วน H.264 คือมาตรฐานเดียวกับ MPEG-4 part 10 หรือ AVC (Advanced Video Coding) ซ่ึงมักใช้กับการเผยแพร่วิดีโอคุณภาพสูงท่ีมีอัตราข้อมูลไม่มากนัก เช่น ภาพยนตรต์ ัวอยา่ ง (trailer) ของค่ายหนงั ตา่ งๆทอี่ ยูใ่ นรปู แบบ QuickTime Codec เป็นคนละส่วนกับรูปแบบของไฟล์ (file type) แม้ว่า บางครั้งจะเรียกปะปนกัน โดยรูปแบบไฟล์วิดีโอท่ีเราคุ้นเคยกัน เช่น .avi หรือ .mov (QuickTime) เป็นเพียงโครงสร้างซึ่งเป็น กรอบสาหรบั ใชเ้ กบ็ ข้อมูลเท่านน้ั สว่ นวดิ ีโอและเสยี งภายในอาจจะ ถูกบีบอัดด้วย codec แบบใดก็ได้ เช่น DV, Video 1 และอื่น ๆ ขน้ึ กบั วา่ รปู แบบไฟล์นน้ั สนบั สนนุ codec ใดบา้ ง ประเภทของแผน่ วดิ โี อแบบตา่ ง ๆ การเผยแพร่ดิจิตอลวิดีโอสามารถทาได้หลายวิธี เช่น เปิดให้ดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอทาง อินเทอร์เน็ตหรือเปิดให้ดูแบบ streaming (ดึงข้อมูลเฉพาะจุดที่จะดูต่อเน่ืองไป ไม่โหลดมาทีเดียว ทั้งไฟล์) ผ่านเว็บเพจ การส่งผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่วิธีหน่ึงที่สะดวกและผู้รับเปิดดูได้โดย ไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ ก็คือการบันทึกลงแผ่นวิดีโอที่เล่นกับเคร่ืองเล่นได้โดยตรง ซ่ึงปัจจุบันมีแผ่นที่ นยิ มใช้กันอยู่ 3 แบบคือ VCD, SVCD และ DVD VCD (Video CD) เป็นรูปแบบการบันทึกวิดีโอลงบนแผ่น CD ธรรมดา และสามารถเล่นได้กับเคร่ืองเล่น VCD/SVCD/DVD หรือ ไดรว์ CD ทั่วไป มีความละเอียดของภาพในระดับเดียวกับวิดีโอเทประบบ VHS โดยใช้วิธีบีบอัดภาพและเสียงแบบ MPEG-1 แผ่น VCD 1 แผ่น จะจุวิดีโอได้ยาวประมาณ หนา้ 6
60 – 80 นาที ซึ่งส้ันกว่าความยาวของภาพยนตร์โดนท่ัวไป ดังน้ันตามปกติ VCD ภาพยนตร์จึง แบ่งเปน็ 2 – 3 แผน่ โดยจุวดิ โี อความยาวแผ่นละประมาณ 60 นาที SVCD (Super Video CD) เป็นรูปแบบการบันทึกวิดีโอลงบนแผ่น CD ธรรมดาเช่นกัน และสามารถเล่นได้กับเคร่ืองเลน่ SVCD/DVD หรือ ไดรว์ CD ทวั่ ไป มคี วามละเอียดของภาพสูงกว่า VCD แต่ตา่ กว่า DVD โดยใชว้ ิธีบีบ อดั ภาพแบบ MPEG-2 เหมอื น DVD รปู แบบนี้ไม่ได้รบั ความนิยมมากนัก DVD-Video เป็นรูปแบบการบันทึกวิดีโอลงแผ่นประเภท DVD (Digital Versatile Disc หรือ Digital Video Disc) โดยจะเล่นได้กับเครือ่ งเลน่ หรือไดรว์ DVD ขึ้นไปเท่าน้ัน ภาพท่ีได้มีความละเอียดสูงเท่า กลอ้ งวดิ โี อแบบ DV โดยใช้วิธบี บี อัดภาพแบบ MPEG-2 สว่ นเสยี งมีหลายรปู แบบ เชน่ LPCM (Linear PCM) ซงึ่ ไมม่ กี ารบบี อัด แตถ่ า้ เปน็ ภาพยนตรม์ ักมีระบบเสยี งเซอรร์ าวด์ Doiby Digital 5.1 หรอื DTS พร้อมท้ังเพ่ิมระบบป้องกันการก๊อปปี้แบบต่างๆ เช่นระบบแบ่งโซน (region) และระบบป้องกันการ ถอดรหัสไฟลข์ ้อมูลหรอื CSS (Content Scrambling System) แผ่น DVD สามารถบรรจุข้อมูลได้ทั้ง 2 ด้านโดยแต่ละด้านมีได้ 2 ช้ัน แต่แผ่นที่พบส่วนใหญ่ จะเป็นแบบ 1 ดา้ น 1 ชั้น จึงบรรจขุ ้อมลู ได้ 4.7 GB (DVD5) และแบบ 1 ดา้ น 2 ชน้ั ซ่งึ บรรจขุ อ้ มูลได้ 8.5 GB (DVD9) มาตรฐานของระบบโทรทัศน์ วิดีโอที่ผ่านการตัดต่อแล้วส่วนใหญ่มักจะไปแสดงบนโทรทัศน์ ดังนั้นปัจจัยสาคัญอย่างหน่ึงท่ี ตอ้ งคานงึ ในการกาหนดคุณสมบตั ิชองวดิ ีโอผลลัพธก์ ็คือระบบโทรทัศน์ทจี่ ะใช้เล่น ซงึ่ หมายความถึงทั้ง ตัวเครื่องเล่น VCD/DVD และเครื่องรับโทรทัศน์ที่ใช้ดูด้วย เพราะถ้าวิดีโอมีรูปแบบท่ีแตกต่างไปจาก มาตรฐานของเครื่อง ก็จะทาให้เล่นไม่ได้ (แม้ว่าโทรทัศน์และเคร่ืองเล่นรุ่นใหม่ ๆ ท่ีขายกันอยู่ในบ้าน เรามักจะเล่นได้ทุกระบบ แต่ก็จะต้องต้ังค่าการทางานของเคร่ืองให้เหมาะสม) ดังนั้นความเข้าใจ พ้ืนฐานว่าระบบโทรทศั น์แต่ละแบบนั้นมคี วามแตกตา่ งกันอยา่ งไร จึงเป็นส่งิ จาเป็น มาตรฐานของระบบอนาล็อก มาตรฐานของระบบโทรทัศน์ระบบอนาล็อกท่ีใช้กันอยู่ท่ัวโลกปัจจุบัน มี 3 แบบหลักๆ คือ NTSC,PAL และ SECAM - NTSC (National Television System Committee) เป็นมาตรฐานของระบบโทรทัศน์ สีระบบแรกสุด โดยพัฒนาข้ึนในสหรัฐอเมริกา ระบบน้ีมีจานวนเส้นสแกน 525 เส้น ความถี่ในการ สแกน 60 Hz และมอี ัตราการแสดงภาพ 29.97 เฟรม/วินาที ประเทศท่ใี ชร้ ะบบนี้ไดแ้ ก่ สหรัฐอเมรกิ า , แคนาดา,ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น - PAL (Phase-Alternating Line) เป็นมาตรฐานของระบบโทรทัศน์สีท่ีพัฒนาข้ึน ทีหลังสุด มีจานวนเส้นสแกน 625 เส้น ความถี่ในการสแกน 50 Hz และมีอัตราการแสดงภาพ 25 เฟรม/วินาที ระบบนีใ้ หค้ วามละเอียดภาพและความเท่ียงตรงของสีดีกว่า NTSC (แต่ NTSC จะให้ ภาพที่นงิ่ กว่า) และใช้กันในประเทศสว่ นใหญข่ องโลก เชน่ ยุโรป, ออสเตรเลีย, จีน และไทย เปน็ ต้น - SECAM (Sequential Couleur Avec Memoire) เป็นมาตรฐานทพ่ี ัฒนาขึน้ ในประเทศ ฝร่ังเศส คุณสมบัติหลายอย่างจะคล้ายกับระบบ PAL แต่มีวิธีการส่งสัญญาณสีแตกตา่ งออกไป ระบบ นี้ไม่ได้รับความความนิยมนัก โดยเฉพาะในฝรั่งเศสและประเทศท่ีเคยเป็นอาณานิคมและในประเทศ รัสเซีย หน้า 7
มาตรฐานของระบบดจิ ิตอล ในอดีตโทรทัศน์มีเฉพาะระบบอนาล็อก แต่ปัจจุบันโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (Digital TV หรือ DTV) กาลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่นเคร่ืองรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นจอแบบ LCD และ Plasma แตเ่ นอื่ งจากในบ้านเราระบบออกอากาศยังคงเปน็ อนาล็อก ดงั น้นั ภาครับของโทรทัศน์พวกนี้ จึงยังเป็นอนาล็อกอยู่ ในขณะที่ภาคแสดงภาพเปน็ ดิจติ อล โทรทัศน์ระบบดิจิตอลมีคุณสมบัติพ้ืนฐานท่ีต่างออกไปจากระบบอนาล็อกมาก แต่สิ่งท่ีผู้ชม จะเห็นได้ชัดก็เรื่องของความละเอียด (จานวนจุดภาพ) ซ่ึงสูงกว่า ทาให้ภาพที่ได้มีความคมชัด เหนือกว่า ตลอดจนระบบเสียงก็ดีกว่ามากด้วย ตารางต่อไปน้ีแสดงมาตรฐานส่วนหนึ่งของโทรทัศน์ ระบบดจิ ิตอล ซ่งึ แบง่ ออกเป็น 2 กลมุ่ หลักคือ SDTV และ HDTV - SDTV (Standard-Definition TV) คือ ระบบโทรทัศน์ท่ีมีความละเอียดและคุณสมบัติ อน่ื ใกล้เคยี งดบั โทรทศั นอ์ นาล็อกในปัจจบุ นั - HDTV (High-Definition TV) คือระบบโทรทัศน์ท่ีมีความละเอียดสูงและคุณภาพดีกว่า โทรทัศน์ในปัจจบุ ันมาก ความละเอียดของโทรทัศน์ปัจจุบันในระบบ PAL อยู่ที่ 625 เส้น แต่แสดงได้จริงเพียง 576 เส้น และวิธีแสดงภาพเป็นแบบ interlaced ดังนั้นบางคร้ังโทรทัศน์ระบบ PAL จึงเรียกตามชื่อ รปู แบบของโทรทัศน์ระบบดิจิตอลวา่ 576i ######################################### หนา้ 8
2 ใบความรู้ เรือ่ ง เตรยี มอุปกรณใ์ หพ้ ร้อมกบั งานตดั ตอ่ หนา้ 9
ใบความรู้ เตรียมอุปกรณ์ใหพ้ รอ้ มกับงานตัดต่อ 2 อุปกรณ์ท่ีจาเป็นในงานตดั ตอ่ แบบดิจติ อล (Digital) ในที่นี้จะขอกล่าวถึงอุปกรณ์ท่ีจาเป็นในงานตัดต่อแบบดิจิตอลว่าประก อบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะอุปกรณ์บางอย่างคุณอาจจะมีอยู่แล้ว แต่บางอย่างอาจจะต้องซื้อมาเพ่ิมเติมก่อนจึงจะทางาน ต่อไปได้ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ประสิทธิภาพสงู การตดั ต่อเป็นงานที่เกยี่ วกับภาพและเสียงซ่งึ เป็นข้อมลู ที่มีขนาดใหญ่ จึงจาเป็นตอ้ งใชเ้ ครื่อง คอมพิวเตอร์ท่มี ีประสิทธิภาพสูงจึงจะทางานได้อย่างคล่องตวั สาหรบั สเปคของคอมพิวเตอร์ท่ีแนะนา ให้ใชค้ ือ - CPU ความเร็วไมน่ ้อยกว่า 2 GHz - RAM ไม่ต่ากว่า 512 MB - Hard Disk จะต้องมเี น้ือท่คี อ่ นขา้ งมาก ประมาณ 80 GB ขน้ึ ไปถึงจะดี - Sound Card และการ์ดแสดงผล ให้เลือกตามความเหมาะสม อาจไม่ต้องดีมาก จนเกนิ ไป เพราะในระดับกลางๆ กส็ ามารถตดั ตอ่ วีดโี อได้แล้ว กลอ้ งดิจติ อลวีดโี อ การถ่ายโอนข้อมูลจาเป็นต้องใช้กล้องดิจิตอลวีดีโอท่ีทาการบันทึกวีดีโอนั้นด้วยเพื่อจะได้ ไม่มีปัญหาในการถ่ายโอนหากไปใช้กล้องวีดีโอแบบอนาล็อก เวลาเอาวีดีโอท่ีได้เข้ามาตัดต่อใน คอมพวิ เตอรจ์ ะต้องมอี ุปกรณ์แปลง คอื capture card เพอื่ ให้วีดโี อดิจิตอลก่อน ซง่ึ คณุ ภาพกจ็ ะลดลง ไปบ้าง มากหรือนอ้ ยตามคณุ ภาพของการ์ดทใ่ี ช้ การ์ด IEE 1394/Firewire IEEE 1394 เป็นมาตรฐานการรับส่งข้อมูลแบบอนุกรมที่ความเร็ว 400 Mbit/s หรือเรียกอีก อยา่ งหน่ึงวา่ Firewire ทาหน้าทเี่ ปน็ ตวั กลางในการสง่ ผ่านวีดีโอจากกล้องแบบ DV เข้าส่คู อมพิวเตอร์ ถ้าในเครื่องของคุณมีพอร์ตแบบน้ีอยู่บนเมนบอร์ดแล้วก็ไม่ต้องไปหาซื้ออีก (กล้องบางรุ่นสามารถส่ง วดี โี อผ่านทางพอรต์ USB แต่คณุ ภาพจะสกู้ ารใชพ้ อร์ต Firewire ไมไ่ ด้) สายสัญญาณ - Firewire เป็นสายสาหรับส่งผ่านวีดีโอจากกล้องแบบ DV เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือ กลบั กัน ถา้ เปน็ อุปกรณ์ของคา่ ย Sony จะเรยี กสายน้ีว่า i.Link - สาย USB ถ้าคุณใช้กล้องวีดีโอแบบ Harddisk หรือมีไฟล์วีดีโอท่ีถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูป หรือโทรศัพท์มือถือที่ถูกจัดเก็บเอาไว้ในรูปแบบ AVI หรือ MPEG-4 และต้องการนาไฟล์นั้นมาตัดต่อ ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลผ่านทางสาย USB แต่สายแบบน้ีไม่เหมาะจะใช้กับกล้องแบบ DV เพราะ อาจจะทาใหค้ ุณภาพวดี ีโอลดลง ซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ช้ตดั ต่อ มีหลายตัวแล้วแต่จะเลือกใช้ เช่น Ulead Vedio Studio, Sony Vegas Pro และ Adobe Premiere เปน็ ตน้ หน้า 10
ข้ันตอนสาคญั ในการตดั ตอ่ แบบมืออาชีพ ในการทเ่ี ราจะสร้างงานวีดีโอสกั ช้นิ หนึง่ ให้ออกมาดสู มบูรณ์แบบที่สุดน้ัน ก็จะต้องมขี ้นั ตอนท่ี สาคัญต่าง ๆ ดงั นี้ - วางโครงเรอื่ ง (Storyboard) - จดั เตรียมเครื่องมอื ทจ่ี าเปน็ - ตัดต่อวีดโี อ - จดั เก็บไฟล์วดี โี อลงส่ือบันทกึ ตา่ งๆ การทา Storyboard Storyboard เป็นภาพความคิดหรือการเขียนจุดสาคัญในการแสดงหรือเหตุการณ์ท่ีจะ ถ่ายทา การวางแผนการถ่ายทาวีดีโอเป็นสิ่งสาคัญอย่างหนึ่ง เพราะการถ่ายวีดีโอมีองค์ประกอบ มากมายกว่าที่คิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวแสดง สถานที่ถ่ายทา เสียงประกอบ บทพูด ฉากต่าง ๆ ตลอดจนถึงมุมกล้อง การทา Storyboard เป็นการช่วยประมวลความคิดและทาให้เห็นภาพที่จะ ออกมากอ่ นถ่ายทาจรงิ ไม่วา่ จะเปน็ ฉาก ความสัมพนั ธ์หรือการต่อเน่ืองระหว่างฉาก ระหว่างภาพ ทิศ ทางการเคลอื่ นไหว และมุมกลอ้ ง เร่ิมต้นควรเขียนเป็นโครงเร่ืองส้ัน ๆ ก่อน เช่น กาหนดหัวข้อว่าจะถ่ายทาเก่ียวกับอะไร ถ้าเป็นการถ่ายทาเหตุการณ์ต่างๆ ก็อาจจะคานึงถึงลาดับเหตุการณ์ครา่ วๆ ตัวอย่างเช่น ต้องการถ่าย ทาเรื่องราวประกอบเพลง โดยมีแนวความคิดว่า “อย่าให้ความวุ่นวาย ทาร้ายคุณ” ก็อาจจะเขียน โครงเรื่องไว้ดังนี้ 1. ทะเลสงบ มเี สยี งคลืน่ 2. ผหู้ ญงิ คนแรกนง่ั ทางานอยู่ 3. ภาพภเู ขาและทุง่ นา 4. ผู้หญงิ คนท่ี 2 คยุ โทรศัพท์ 5. ทะเลสงบเงยี บ อกี มมุ หนง่ึ 6. ผหู้ ญงิ คนท่ี 3 ยนื นิ่งกลางคนเยอะๆ 7. ขอ้ ความปดิ เรอ่ื งราว วาดเป็นภาพความคิดออกมาพร้อมกับกาหนดบทพูด (Script) หรือมุมกล้อง หรืออาจจะเป็น สว่ นประกอบอ่ืน ๆ ทีจ่ าเป็น เทคนคิ การถา่ ยภาพดว้ ยกล้องดจิ ิตอลวีดโี อ ในการถ่ายทาวิดีโอนั้น หากไม่มีเทคนิคในการถ่ายเข้ามาร่วมด้วย งานท่ีออกมาก็อาจดู ธรรมดาเกินไป ดังนั้นเราควรเรียนรู้เรื่องของแสงและการจัดแสงแบบคร่าว ๆ ไปด้วย เพื่อให้ผลงาน ทไี่ ด้ออกมาแลว้ ดดู ี เรอื่ งของแสง แสงมีความสาคัญกับการถ่ายภาพมาก ดังน้ันถ้าหากคุณมีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการจัดแสง แลว้ จะทาใหง้ านของคณุ ออกมาดมู คี ุณภาพขนึ้ ถา้ หากเป็นการถ่ายวดิ ีโอทั่ว ๆ ไป เชน่ ถา่ ยบันทึกการเดินทางเวลาไปเทย่ี วหรือถา่ ยเลน่ ๆ ก็ คงไม่จาเป็นต้องวุ่นวายในการจัดทิศทางแสงมากนัก แต่ถ้าหากต้องการงานท่ีดีข้ึนมาหน่อยก็ควร คานึงถึงเรือ่ งนีใ้ หม้ าก หนา้ 11
โดยทวั่ ไปแล้วแสงมีอยู่ 2 ประเภท คอื แสงธรรมชาติ ก็คือแสงสว่างจากดวงอาทติ ย์ และแสง อกี แระเภทหนึง่ คอื แสงสว่างจากสง่ิ ท่ีมนุษยป์ ระดิษฐข์ ้นึ ซง่ึ กค็ อื แสงไฟน่นั เอง สาหรับแสงจากธรรมชาจิข้อดีก็คือความเป็นธรรมชาติและไม่ต้องลงทุน ภาพท่ีถ่ายกับ แสงแดดควรเลือกเวลาถ่ายเช่น 7 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้า หรือตั้งแต่บ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น เป็นต้น ส่วนเวลาอื่นอาจต้องมีเครื่องมือช่วย เช่น แผ่นสะท้อน สังเกตว่าแสงจากธรรมชาติจะควบคุมได้ ยากกว่า ดังน้ัน บางครั้งจึงจาเป็นต้องใช้แสงไฟในการถ่ายภาพ ส่วนแสงท่ีมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นหรือ แสงไฟน้นั สามารถทจี่ ะควบคมุ ความเขม้ และจดั ทิศทางได้งา่ ยกว่า การจดั แสงในสตูดโิ อ หลกั พน้ื ฐานของการจดั แสงในสตดู โิ อ มดี งั น้ี - Key Light : ไฟหลกั - Fill Light : ไฟลบเงา - Separation Light หรอื Back Light : ไฟแยก - Background Light : ไฟฉาก Key Light เป็นไฟหลัก ซ่ึงจะวางอยู่ด้านข้างกล้องวิดีโอ เป็นไฟท่ีจะส่งไปยังตัวแบบที่ ต้องการ และถ้าหากมีแค่ไฟนี้เพยี งอย่างเดยี วกจ็ ะทาให้เกิดเงาตัวหลังแบบ และจะทาให้ตัวแบบดูไม่มี มติ อิ ีกดว้ ย ดงั น้ันจึงตอ้ งใช้ Back Light ซึง่ สอ่ งมาจากด้านหลังของแบบเพ่ือแยกตัวแบบและฉากออก จากกนั สว่ น Background Light นัน้ จะชว่ ยใหฉ้ ากหลงั สว่างมากขนึ้ สาหรบั Fill Light เปน็ ไฟลบเงา คือเป็นไฟที่ส่องไปยังวัตถุเช่นเดียวกับ Key Light ใช้เพ่ือลบเงาท่ีเกิดจาก Key Light และทาให้เห็น รายละเอียดด้านข้างของวตั ถุ แสงจาก Fill Light จะสวา่ งนอ้ ยกว่า Key Light ขอ้ แนะนาในการถ่ายวดิ โี อ 1. จับกล้องให้นิ่งท่ีสุด กรณีท่ีไม่มีขาต้ังกล้องจาเป็นต้องถือกล้องให้นิ่งที่สุด โดยการจับ ประคองตัวกล้องด้านล่างหรือด้านข้าง ลกั ษณะการยืนให้เทา้ สองขา้ งห่างกันพอประมาณเพื่อช่วยการ ทรงตัว เกบ็ ขอ้ ศอกใหอ้ ยแู่ นบลาตวั 2. กล้องควรอยใู่ นแนวราบเสมอ 3. อย่าเคลอื่ นไหวกล้องอย่างรวดเรว็ เพราะจะทาใหภ้ าพสั่นไหวและดูสบั สน 4. การเร่ิมถ่ายและหยุดถ่ายให้นับหน่ึงถึงห้าก่อน เพราะจะได้นาภาพไปตัดต่อได้ง่ายและ เปน็ การทิ้งภาพใหผ้ ู้ชมจาฉากก่อนหนา้ ไดอ้ ีกดว้ ย 5. ใชโ้ ปรแกรมหรือฟังก์ชั่นในกล้องช่วยให้ภาพสว่างขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการถา่ ยภาพใน สภาพแสงน้อย 6. อย่าซูมภาพบ่อย ๆ การซูมเข้าซูมออกภาพอยู่เร่ือย ๆ นอกจากอาจเกิดปัญหากล้องสั่น ได้แลว้ ยงั เปน็ การกวนการรับชมโดยใชเ่ หตุ 7. ระวังทิศทางการเคล่ือนที่ของส่ิงที่สนใจ ถ้าหากถ่ายภาพเหตุการณ์ส่ิงท่ีสนใจกาลัง เคลอ่ื นทีต่ ้องคาถงึ ถงึ ทศิ ทางการเคลื่อนท่ีด้วย 8. ใช้เทคนิคแพนกล้อง เม่ือต้องการภาพมุมกว้าง ควรเลื่อนกล้องช้า ๆ ผ่านจุดที่ต้องการ ไปจนส้ินสุด หนา้ 12
3 ใบความรู้ เร่ือง เริม่ ตน้ กบั Sony Vegas Pro หน้า 13
ใบความรู้ เร่ิมต้นกบั Sony Vegas Pro 3 รจู้ กั เคร่ืองมอื ใน Sony Vegas Pro ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน Sony Vegas Pro ควรทาความรู้จักกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของ โปรแกรมและเครื่องมือสาคัญท่ีช่วยในการตัดต่อกันก่อน สาหรับหน้าต่างหลักใน Sony Vegas Pro สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 3 สว่ น ดังน้ี เมนูบาร์ และ ทลู บาร์ Window docking area Track list และ Timeline - เมนบู ารแ์ ละทลู บาร์ ประกอบด้วยเครือ่ งมอื ลัดต่าง ๆ ทีช่ ่วยในการตดั ต่อ - Window docking area ประกอบด้วยแท็บต่าง ๆ สาหรับจัดเก็บข้อมูลและ หนา้ ต่างย่อยชว่ ยใหส้ ามารถตัดต่อได้สะดวกขึน้ - Track list และ Timeline ประกอบด้วยหน้าต่างสาหรับทาการตัดต่อคลิปและใส่เอฟ เฟก็ ต์ตา่ ง ๆ แถบเครอ่ื งมือของ Sony Vegas Pro ทูลบาร์ (Toolbar) หรอื แถบเคร่ืองมือของ Sony Vegas Pro นนั้ เป็นการรวบรวมเคร่ืองมือท่ี จาเป็นต้องใช้บ่อย ๆ ในการตัดต่องานวิดีโอ ซึ่งเป็นช่องทางลัดท่ีทาให้เราสามารถทางานได้สะดวก ยิง่ ขึน้ โดยเครอื่ งมอื ทส่ี าคัญบนทูลบาร์ มดี ังน้ี หน้า 14
New สรา้ งโปรเจ็กต์งานใหม่ Open Save เปิดโปรเจ็กต์ที่มีอย่แู ล้วขน้ึ มาทางาน Save As Render As บันทึกโปรเจ็กต์ Properties Cut บันทกึ โปรเจ็กตใ์ นชื่ออนื่ Copy Paste เรนเดอรห์ รือประมวลผลงาน Undo Redo เปิดหน้าตา่ ง Project Properties เพื่อต้ังคา่ ต่าง ๆ Enable Snapping ลบคลิปท่ไี มต่ ้องการออกจาก Timeline Automatic Crossfades คดั ลอกคลิปที่อยูบ่ น Timeline Auto Ripple วางคลปิ ทีค่ ดั ลอกมาแลว้ บน Timeline Lock Envelopes to Events ยกเลิกคาสั่งที่ผา่ นมา Ignore Event Grouping Normal Edit tool เลือกเพอื่ กลับมาใช้คาส่ังที่ยกเลิกไปอกี ครั้ง Envelope Edit tool Selection Edit tool คลกิ เพ่ือส่ังให้เม่อื มกี ารนาคลิปสองคลปิ มาวางใกล้กัน Zoom Edit tool คลปิ ทงั้ สองจะติดกนั อัตโนมัติ Interactive Tutorials คลกิ เพ่ือสัง่ ใหม้ ีการใส่ Transition ชนดิ Crossfades อตั โนมตั ิ เมื่อมกี ารลากคลิปสองคลิปมาซอ้ นกัน What’s This Help เม่อื มีการเลอ่ื นคลปิ คลิปที่อยู่ถดั ไปทางขวาท้ังหมดจะ เลื่อนตามไปด้วย เมือ่ มีการเลือ่ นคลปิ จะทาให้ค่าตา่ ง ๆ ท่ตี ้ังไวก้ บั คลปิ เล่ือนตามไปดว้ ย เมอ่ื ต้องแยกไมใ่ ห้คลิปภาพและเสยี งติดกัน Grouping เครื่องมอื พื้นฐานสาหรบั ทางานกับคลปิ ท่ัว ๆ ไป ต้ังคา่ คลปิ ใหต้ ่างกันในแต่ละช่วงเวลา เลอื กคลปิ หลาย ๆ คลปิ พรอ้ มกัน ยอ่ /ขยายขนาดของคลปิ ใน Timeline เครื่องมอื ชว่ ยอธบิ ายวธิ ีใช้โปรแกรม โดยมีการตอบโต้กับ ผ้ใู ช้งาน เครอ่ื งมือชว่ ยอธบิ ายวิธใี ช้โปรแกรม Track list และ Timeline : หน้าตา่ งตดั ต่อวิดโี อ ในส่วนน้เี ป็นกลมุ่ ของเครื่องมือหลกั ทใ่ี ช้สาหรับการตดั ต่อวดิ โี อ เช่น การเรยี งลาดบั ชนิ้ งาน วิดีโอ การเช่ือมต่อวิดีโอ การแทรกเทคนิคพิเศษลงในงานวิดีโอ เป็นต้น โดยส่วนประกอบต่าง ๆ มี ดงั นี้ หนา้ 15
Track list Ruler Time display Marker bar Timeline Scrub control Transport bar 1. Track list : รายการแทร็กทง้ั หมดในงานวดิ โี อ Track list เปน็ สว่ นแสดงแทรก็ ทง้ั หมดทีเ่ รานาเขา้ มาในงานวดิ โี อ โดยจะช่วยในการกาหนดคา่ ต่าง ๆ ให้กับแทร็กนั้น ๆ เช่น ความสว่างของภาพ ระดับความดังเสียง เป็นต้น เมื่อเรากาหนดคา่ ท่ี Track list กจ็ ะสง่ ผลตอ่ คลปิ ทงั้ หมดทอี่ ยู่บนแทร็กน้นั Track list แบง่ เปน็ 2 ชนดิ คอื แทร็กภาพวดิ ีโอ (Video track) และแทรก็ เสยี ง (Audio track) โดยในการสรา้ งงานวดิ ีโอ เราสามารถเพม่ิ แทร็กเขา้ มาใน Track list ได้อยา่ งไม่จากัด หมายเลขแสดง Video track ลาดบั ทข่ี องแทรก็ เราสามารถเปลยี่ นชือ่ Audio track ของแทร็กได้ 2. Timeline : แสดงคลิปตามชว่ งเวลา Timeline เป็นส่วนที่เราใช้ในการตัดต่อคลิปวิดีโอ/เสียง การใส่เอ็กเฟ็กต์ ซ่ึงเราสามารถ เห็นรายละเอียดความต่อเนื่องของภาพและเสียง เปรียบเสมือนกับแผ่นฟิล์มที่แสดงภาพแต่ละเฟรม เรยี งต่อกันไปเรอื่ ย ๆ ทาให้สะดวกในการตัดตอ่ งาน 3. Time display : แสดงเวลาของแทรก็ ณ จดุ ทเี่ ลอื ก หน้าต่าง Time display ทาหน้าที่บอกเวลา ณ ตาแหน่งที่เคอร์เซอร์กาลังทางานอยู่ บนแทร็กวดิ โี อหรือแทร็กเสียง 4. Ruler : บรรทัดบอกเวลา Ruler คือเส้นบรรทัดท่ีบอกเวลาบน Timeline ซ่ึงช่วยทาให้เรารู้ว่างานวิดีโอที่กาลังตัด ต่อ หรอื แทรก็ ทกี่ าลังทางานดว้ ยอยูน่ ัน้ มีความยาวเทา่ ไร หนา้ 16
5. Marker bar : พื้นทีส่ าหรับกาหนดตาแหนง่ Marker bar เป็นพื้นที่ที่เราสามารถใช้ในการสร้างตาแหน่งบนช่วงต่าง ๆ ของ Timeline ซ่ึงจะช่วยอานวยความสะดวกในกรณีที่ต้องตัดต่องานวิดีโอที่มีความยาวมาก ๆ โดยตาแหน่งเหล่าน้ี เราสามารถต้งั ชอ่ื ไดต้ ามความต้องการ 6. Scrub control : ปรบั ความเรว็ ในการแสดงภาพ Scrub control ใช้เพ่ือส่ังให้แสดงภาพไปข้างหน้าหรือย้อนหลังให้เร็วขึ้นหรือช้าลง เช่น หากต้องการให้เล่นไปข้างเร็วขึ้น ก็เลื่อนแถบ ไปทางขวา ซึ่งจะทาให้ภาพและเสียงแสดงไป ขา้ งหน้าเร็วขน้ึ 7. Transport bar : แถบควบคุมการทางานบน Timeline แถบควบคุมการทางานนี้จะเป็นตัวกาหนดการแสดงภาพและเสียงบน Timeline โดยมี ตาแหนง่ เคอรเ์ ซอร์เปน็ จุดเร่มิ ตน้ การแสดง ซง่ึ มีป่มุ ตา่ ง ๆ ดังนี้ Record บนั ทกึ เสียงลงไปในแทร็ก Loop playback เลน่ วนซ้าไปเรื่อย ๆ ในช่วงทีม่ ีการกาหนดไวบ้ น timeline Play from start เลน่ ตง้ั แตช่ ่วงเริม่ ตน้ ของ Timeline Play เล่นจากตาแหนง่ ของเคอร์เซอร์ Pause หยุดเลน่ คลิปช่ัวคราว Stop หยดุ การแสดงคลิป Go to Start ใหเ้ คอร์เซอร์ไปอยู่ทจ่ี ุดเริ่มต้นของ Timeline Go to End ให้เคอร์เซอร์ไปอยู่ที่จุดสนิ้ สดุ ของ Timeline Previous Frame กรอคลปิ ถอยหลัง Next Frame กรอคลปิ ไปขา้ งหนา้ Docking Area : หน้าต่างชว่ ยตดั ต่องานวดิ โี อ ในการตัดตอ่ วดิ ีโอบน Sony Vegas Pro น้ี สามารถเลือกแท็บเพ่อื สลบั หน้าต่างการทางานใน ส่วนของ Docking Area ไดต้ ามต้องการ โดยมหี น้าต่างสาคญั ทีจ่ ะได้ใช้งานบอ่ ย ๆ ดงั น้ี คลกิ เลือกแทบ็ ทีต่ ้องการ หน้า17
1. แทบ็ Project Media : จดั การคลิปต่าง ๆ แท็บ Project Media ช่วยในการจัดการคลิปต่าง ๆ ที่เรานาเข้ามาตัดต่อ โดยสามารถ สร้างโฟลเดอรย์ อ่ ย และนาคลปิ มาใสใ่ นโฟลเดอร์เหลา่ นใ้ี หเ้ ปน็ หมวดหมู่ เพอื่ สะดวกในการค้นหาได้ แถบเครอ่ื งมอื ของหนา้ ตา่ ง Project Media คลปิ ทอี่ ยู่ในโฟลเดอร์ โฟลเดอร์สาหรับเกบ็ คลิป คลกิ ท่ีแทบ็ Project Media เพือ่ เลอื กทางานกบั หนา้ ตา่ งนี้ 2. แท็บ Explorer : ทางานกบั ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ แท็บ Explorer ใช้สาหรับการค้นหาและเลือกไฟล์งานที่จะใช้ในการตัดต่อ โดยการใช้ เมาสล์ ากไฟล์ท่ตี ้องการมาวางบน Timeline ไดท้ ันที แถบเครอื่ งมอื ของหนา้ ต่าง Explorer ไฟลม์ เี ดยี จากโฟลเดอร์ทีเ่ ลือก เลอื กไดรฟ์หรอื โฟลเดอร์ทเ่ี ก็บ ไฟล์มเี ดียไว้ คลิกท่แี ท็บ Explorer เพื่อเลือกทางานกบั หน้าตา่ งน้ี นอกจากนี้เรายังสามารถใช้หน้าต่าง Explorer ในการสร้างโฟลเดอร์ใหม่ ลบโฟลเดอร์ท่ี ไม่ต้องการ หรือย้ายไฟล์ไปใส่ในโฟลเดอร์อ่ืน ๆ ได้ สาหรับปุ่มคาสั่งต่าง ๆ ที่อยู่บนแถบเครื่องมือการ ทางานของหนา้ ตา่ ง Explorer มีดงั นี้ หน้า 18
Move Up One Level ย้อนกลับไปยงั โฟลเดอร์ดา้ นบน 1 ระดับ รีเฟรชหน้าจอที่เปดิ อยู่ Refresh View ลบโฟลเดอร์ท่ีเลือก กาหนด/ไปยังโฟลเดอรโ์ ปรด Delete แสดงไฟล์มเี ดียทีเ่ ลือก หยดุ แสดงไฟลม์ ีเดยี ท่ีกาลังเล่น Add to Favorites ใหแ้ สดงไฟล์มเี ดยี อัตโนมตั ิ เม่ือคลิกไปท่ีไฟล์น้นั ๆ Play Preview นาไฟลม์ ีเดยี จากเวบ็ มาใช้งาน ในกรณีที่เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตอยู่ Stop Preview เปล่ยี นมุมมองการแสดงไฟล์ใน Explorer Turn On/Off Auto Preview Play Get Media From the Web View 3. แทบ็ Transitions : เลือกเทคนิคเปลย่ี นฉาก แท็บ Transitions ประกอบด้วยทรานซิชันชนิดต่าง ๆ ที่แบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ให้เลือกใช้ มากมาย เราสามารถนาทรานซิชั่นไปใช้เปล่ียนฉากโดยลากรูปแบบทรานซชิ ่ันท่ตี ้องการไปวางระหว่าง คลปิ สองคลปิ ที่ซ้อนกนั อยูบ่ น Timeline หมวดหม่ขู องทรานซชิ ัน่ รูปแบบของทรานซิชั่นในหมวดนัน้ ๆ คลิกทแ่ี ท็บ Transitions เพอ่ื เลอื กทางานกบั หน้าตา่ งนี้ หนา้ 19
4. แทบ็ Video FX : เลอื กเอฟเฟ็กต์งานวดิ ีโอ แท็บ Video FX เป็นแท็บท่ีบรรจุเอฟเฟ็กต์ด้านภาพไว้ให้เราเลือกใช้อย่างมากมายโดยมี การแบ่งเป็นหมวดหมู่เช่นเดียวกับแท็บ Transitions ซ่ึงสามารถเลือกใช้โดยลากเอฟเฟ็กต์ท่ีต้องการ ไปใส่ในคลิปที่อย่บู น Timeline ได้ทันที หมวดหม่ขู องเอฟเฟก็ ต์ รปู แบบของเอฟเฟ็กตใ์ นหมวดนนั้ ๆ คลกิ ท่แี ท็บ Video FX เพอื่ เลือกทางานกบั หน้าตา่ งนี้ 5. แท็บ Media Generators : เลือกรูปแบบมเี ดยี งานวิดีโอ แท็บ Media Generators ประกอบด้วยรูปแบบมีเดียต่าง ๆ ที่โปรแกรมสร้างไว้ให้เลือก นาไปใชง้ านได้ทันที เช่น พืน้ หลงั แบบต่าง ๆ รูปแบบตัวอกั ษร สร้างเครดติ ทา้ ยเรอื่ ง เป็นตน้ หมวดหมูข่ อง Media Generators รูปแบบของ Media Generators ในหมวดน้ัน ๆ คลกิ ที่แท็บ Media Generators เพ่อื เลือกทางานกับหนา้ ต่างนี้ หน้า 20
6. หน้าต่าง Trimmer : เลอื กช่วงคลปิ วดิ โี อ หน้าต่าง Trimmer ช่วยให้เราสามารถเลือกเฉพาะบางส่วนของคลิปท่ีจะใช้ในการตัดต่อได้ สะดวกขึ้น ซึ่งเหมาะกับกรณีทีค่ ลิปมคี วามยาวมากแต่ต้องการใช้เพียงบางส่วน หน้าตา่ ง Trimmer ใช้ในการเลอื ก บางสว่ นของคลปิ มาใชง้ าน 7. หนา้ ตา่ ง Preview : แสดงรายละเอียดงานวิดีโอ หน้าต่าง Preview แสดงภาพในช่วงที่เรากาลังตัดต่ออยู่ และแสดงรายละเอียดของภาพ เช่น ขนาดของภาพ ชว่ งเวลา ณ จุดทกี่ าลังแสดงภาพ เปน็ ต้น หนา้ ตา่ ง Preview แสดงภาพใน ขณะท่ีกาลังตดั ต่อ แสดงรายละเอียดของภาพท่ีกาลังตดั ตอ่ หนา้ 21
8. หนา้ ตา่ ง Mixer : ควบคมุ การทางานของเสยี ง หน้าต่าง Mixer ใช้ควบคุมการทางานของเสียง ซ่ึงเรา สามารถเพ่ิม – ลดระดับความดังของเสียงในโปรเจ็กต์งานทั้งหมดได้ และสามารถใสเ่ อฟเฟ็กตเ์ ก่ียวกบั เสียงเข้าไปไดด้ ว้ ย การนาไฟลเ์ ขา้ มาใชง้ าน วิธีนี้เรียกว่าการ Import Media คือ การนาไฟล์มีเดียชนิดต่าง ๆ เช่น ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียง หรือไฟล์ภาพนิง่ เข้ามาใชง้ าน ซึ่งเราสามารถทาได้ดงั นี้ 1. คลิกท่ีแท็บ Project Media แล้วคลิกปุ่ม (Import Media) ที่อยู่บนแถบเคร่ืองมือ ของหนา้ ต่าง Project Media 2. จะปรากฏหนา้ ตา่ ง Import Media ให้เราเลอื กโฟลเดอรท์ เ่ี กบ็ ไฟล์มเี ดียไว้ จากนน้ั ให้คลกิ เลอื กไฟล์มเี ดียท่ตี อ้ งการ หนา้ 22
3. คลิกที่ปุ่ม Open ไฟล์ท่ีเลือกจะถูกนามาเก็บไว้ในหน้าตา่ ง Project Media เพ่ือรอการใช้ งานตอ่ ไป ไฟล์ทีเ่ ลือกจะมาปรากฏอยู่ท่หี น้าตา่ ง Project Media ###################################### หนา้ 23
4 ใบความรู้ เร่อื ง เรมิ่ ตน้ งานตดั ต่อด้วย Sony Vegas Pro หน้า 24
ใบความรู้ เริ่มต้นงานตัดต่อด้วย Sony Vegas Pro 4 การทางานกบั Bin ใน Project Media สิ่งที่เราควรทาเป็นอันดับแรกก่อนเริม่ ลงมือตดั ต่อวดิ ีโอก็คือ การสร้าง Bin ซ่ึงก็คล้ายกับการ สร้างโฟลเดอร์ย่อย ๆ น่ันเอง การสร้าง Bin ในหน้าต่าง Project Media นี้ จะช่วยทาให้เราสามารถ จัดหมวดหมู่ของไฟล์มีเดียท่ีนามาใช้งาน เช่น หมวดช่ือเร่ือง หมวดเน้ือหา หมวดดนตรีประกอบ เป็น ต้น ทาให้สามารถคน้ หาไฟล์มีเดยี ทน่ี ามาตัดต่อได้ง่ายขน้ึ ในกรณีท่ตี ้องตดั ต่องานท่ีมไี ฟล์มีเดียจานวน มาก สาหรับการสร้าง Bin ขึน้ ใหมเ่ พือ่ จัดหมวดหมใู่ หก้ ับไฟลม์ ีเดีย สามารถทาได้ดังนี้ 1. ท่ีหน้าต่าง Project Media ให้คลกิ ขวาทีไ่ อคอน 2. เลือกคาส่ัง Create New Bin จะปรากฏ Bin ใหม่ขน้ึ มา 3. ต้ังชื่อใหก้ ับ Bin 4. จากนั้นให้เราสรา้ ง Bin อืน่ ๆ ตามตอ้ งการ หนา้ 25
ในกรณีท่เี ราต้องการลบ Bin ท่สี รา้ งขนึ้ มา สามารถทาได้ดงั น้ี 1. คลิกขวาไปยงั Bin ที่ต้องการลบ 2. เลอื กคาสั่ง Delete การทางานกบั แทร็ก แทร็ก (Track) และไทม์ไลน์ (Timeline) คือ ส่วนสาคัญท่ีใช้ในการตัดต่อและเรียงลาดับ งานวิดีโอ โดยการนาคลิปต่าง ๆ มาเรียงต่อกัน และตัดต่องานวิดีโอ รวมท้ังการใส่เสียงบรรยาย และ เทคนคิ ภาพต่าง ๆ การสร้างแทรก็ ในโปรแกรม Sony Vegas Pro จะมีแทร็กอยู่ 2 ประเภท คอื - Video Track สาหรับทางานเกี่ยวกบั ภาพและข้อความ - Audio Track สาหรบั ทางานเกย่ี วกับเสยี ง เมื่อเปิดโปรแกรมข้ึนมาในตอนแรกจะไม่ปรากฏแทร็กใด ๆ บน Timeline เมื่อเรานาคลิป วดิ โี อหรือคลิปเสียงมาใสก่ จ็ ะเปน็ การสร้างแทร็กขนึ้ มาโดยอัตโนมตั ิ เมอ่ื เปดิ โปรแกรมขึ้นมาจะไมม่ ีแทรก็ อย่บู น Timeline หน้า 26
เมื่อนาคลปิ วดิ โี อหรือคลิปเสยี งมาใส่ จะเปน็ การสร้างแทรก็ โดยอตั โนมัติ สาหรับในบางกรณีท่ีเราจาเป็นต้องสร้างแทร็กข้ึนมาก่อน เพ่ือนามีเดียอื่น ๆ มาวาง เช่น ข้อความ (Text) หรือภาพ หรือเสียงมาวางซ้อนให้อยู่อีกแทร็กหนึ่งแยกต่างหาก โดยสามารถทาได้ ดังนี้ 1. คลิกขวาบรเิ วณท่ีวา่ งของ Timeline หรือบน Track list 2. เลอื กคาส่งั - Insert Audio Track หากต้องการเพมิ่ แทร็กเสยี ง - Insert Video Track หากตอ้ งการเพมิ่ แทร็กวิดโี อ หน้า 27
การลบแทร็ก การลบแทร็กทไี่ ม่ตอ้ งการ สามารถทาไดโ้ ดย 1. คลิกขวาบนแทร็กที่ต้องการลบ 2. เลอื กคาสง่ั Delete Track การคัดลอกแทรก็ เราสามารถคดั ลอกแทร็กไดโ้ ดย 1. คลกิ ขวาบนแทรก็ ที่ต้องการคดั ลอก 2. เลอื กคาสงั่ Duplicate Track หน้า 28
การปรบั แต่งรายละเอียดของแทรก็ ต้ังช่อื แทร็ก แทรก็ ที่สรา้ งขึ้นมานน้ั เราสามารถตั้งชอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกับคลิปต่าง ๆ ทีอ่ ยู่ในแทร็กได้ โดยวิธีการดังต่อไปน้ี 1. คลกิ ขวาบนแทรก็ ที่ต้องการเปล่ยี นช่อื 2. เลอื กคาสั่ง Rename 3. ตง้ั ช่อื ให้กบั แทรก็ ตามต้องการ ต้องการ หรือดับเบิ้ลคลิกที่ช่อง Track Name จากน้ันก็สามารถต้ังช่ือให้กับแทร็กได้ตาม ดบั เบล้ิ คลกิ ท่ชี อ่ ง Track Name หนา้ 29
ปรบั ความเข้มของภาพดว้ ยคาส่งั Level เราสามารถปรับความเข้มของภาพในแทร็กได้โดยการดับเบ้ิลคลิกท่ีค่าเปอร์เซ็นต์ ของ Level แล้วเปลีย่ นค่า Level ท่ีต้องการ หรอื จะใชเ้ มาส์เลอ่ื นทแ่ี ถบ Level Slider กไ็ ด้ (โดยปกติ Level จะมีค่าอยูท่ ่ี 100 เปอรเ์ ซ็นต์ ดังน้ัน เราจงึ สามารถทาให้ภาพมดื ลงได้เทา่ นนั้ ) ดับเบ้ลิ คลิก เลื่อน Level Slider ภาพตน้ ฉบบั ภาพเมอ่ื ปรับค่า Level มาที่ 50 เปอรเ์ ซ็นต์ ปรบั ระดบั ความดังของเสียง สาหรับ Audio Track เราสามารถเพิ่มหรือลดระดับความดังของเสียงในแทร็กได้ โดยการดับเบ้ิลคลิกท่ี Vol บนแทร็กเพื่อเปลี่ยนค่า Vol ให้มากขึ้นหรือน้อยลงได้ หรือใช้เมาส์เล่ือน แถบ Volume Slider ก็ไดเ้ ช่นกนั (ปกตคิ า่ Vol มีคา่ อย่ทู ี่ .0 dB) ดบั เบลิ้ คลิก เล่ือน Volume Slider เล่ือน Pan Slider การแพนเสียง นอกจากปรับระดับความดัง ของเสียงแล้ว เราสามารถแพนเสียงให้ไป ทางซ้ายหรือขวาด้วยคาสั่ง Pan ได้ ซ่ึงปกติท่ี ถูกต้ังไว้ตรงกลาง (Center) หากต้องการให้ เสียงดังฝ่ังซ้ายมากกว่า ก็ให้เลื่อนแถบ Pan Slider ไปทางซ้าย หากต้องการให้ดังทางขวา มากกว่าก็เล่ือนแถบการแพนไปทางขวา หนา้ 30
นอกจากคาส่ังการปรับแต่งค่าต่าง ๆ บน Track list ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีคาสั่งท่ีควร ทราบเพมิ่ เตมิ ดังต่อไปนี้ 1. Minimize Track Height และ ยอ่ – ขยายแทร็ก Maximize Track Height 2. Track Motion ปรับเปลย่ี นตาแหน่งของภาพ 3. Track FX ใส่เอฟเฟก็ ต์ให้แทร็ก 4. Mute ปิดเพอ่ื ไม่ให้แสดงแทร็ก 5. Solo เลอื กใหแ้ สดงเฉพาะแทรก็ นี้ 6. Arm for record บนั ทึกเสียงเพ่ือมาใชง้ านในแทร็ก 7. Output Meter แสดงระดับความดังของเสยี งในแทรก็ การทางานบน Timeline Timeline คือ สว่ นทเี่ ราจะใช้ในการตัดต่องาน ใสค่ ลปิ ตา่ ง ๆ ลงไป แทรกลกู เล่นหรือเทคนิค พเิ ศษต่าง ๆ ให้กับกบั คลปิ วิดีโอ โดยหลกั การทางานตา่ ง ๆ บน Timeline มีดงั น้ี การย่อ – ขยาย Timeline การยอ่ – ขยาย Timeline ช่วยใหเ้ ราสามารถตัดตอ่ งานไดร้ วดเร็ว และละเอยี ดมาก ข้ึน โดยการย่อหรือขยาย Timeline นั้น ไม่มีผลทาให้คลิปมรี ะยะเวลาที่ยาวขึ้นหรือสัน้ ลงตามไปดว้ ย เพียงแค่ทาให้เราเห็นรายละเอียดของคลิปได้มากขึ้น เพ่ือช่วยในการตัดต่อคลิปวิดีโอเท่าน้ัน ซึ่งมี วธิ กี ารดงั นี้ วิธีที่ 1 คลกิ ท่ีเครอื่ งหมาย ซง่ึ อยู่ดา้ นลา่ งขวาของ Timeline โดยคลิกท่ี เพอื่ ขยาย Timeline หรือคลิกที่ เพอ่ื ยอ่ Timeline วิธที ี่ 2 นาเมาส์มาวางท่ี Scrollbar ด้านล่างของ Timeline โดยให้เมาส์ เปล่ียนเป็นรูป จากนั้นคลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากเมาส์ไปทางขวาเพ่ือ ขยาย Timeline หรอื ลากเมาส์ไปทางซ้ายเพอื่ ยอ่ Timeline หน้า 31
วธิ ีท่ี 2 ลากเมาสเ์ พอ่ื ยอ่ /ขยาย Timeline วธิ ที ่ี 1 คลิกเพื่อยอ่ /ขยาย Timeline การกาหนดตาแหน่งบน Timeline ในบางกรณีที่ต้องตัดต่องานที่มีความยาว หรือมีหลายฉาก ซ่ึงบางคร้ังอาจทาให้เกิด ความสับสนเม่ือต้องการย้อนกลับไปกลับมาบ่อย ๆ เราสามารถแก้ไขปัญหาน้ีได้โดยการกาหนด ตาแหน่งบน Timeline พร้อมชื่อให้กับตาแหน่งน้ัน ๆ เพื่อง่ายต่อการจดจา โดยสามารถทาได้ 2 วิธี ดงั น้ี 1. กาหนดตาแหนง่ บน Timeline ดว้ ย Markers เป็นการเลือกตาแหน่งของคลิปบน Timeline และใช้คาสั่ง Marker เพื่อ กาหนดจุดหรอื ตาแหนง่ นั้น ๆ เพื่อสามารถกลบั มาคน้ หาได้ง่ายขน้ึ โดยมวี ิธกี ารดงั ตอ่ ไปน้ี 1. คลิกบน Timeline ทต่ี ้องการระบตุ าแหนง่ 2. คลิกขวาบริเวณแถบท่ี อยู่เหนื อ Timeline ข้ึนไป แล้วเลือกค าส่ั ง Markers/Regions > Insert Marker 3. ตงั้ ชื่อให้กบั ตาแหนง่ Marker นี้ ตามตอ้ งการ หนา้ 32
2. กาหนดช่วงบน Timeline ดว้ ย Regions การสร้าง Regions คือ การกาหนดตาแหน่งบน Timeline แบบเป็นช่วง และ ทาการกาหนดชื่อไว้ เพอ่ื สามารถกลบั มาค้นหาได้งา่ ยขึน้ โดยมีวธิ ีการดงั ต่อไปนี้ 1. เลือกชว่ งเวลาทตี่ อ้ งการสรา้ ง Regions จากน้นั ใชเ้ มาส์ลากชว่ งทตี่ ้องการ 2. คลิกขวาบริเวณแถบท่ี อยู่เหนื อ Timeline ข้ึนไป แล้วเลือกค าส่ั ง Markers/Regions > Insert Regions 3. ตงั้ ช่อื ให้กบั ตาแหนง่ Regions ทเี่ ลอื กไว้ ตามตอ้ งการ หน้า 33
การทางานกับคลปิ มีเดียบน Track และ Timeline การนาคลปิ เข้ามาบน Timeline เรานาคลิปมเี ดียตา่ ง ๆ เขา้ มาใส่ใน Timeline ได้ 3 วิธี ดงั นี้ วธิ ีที่ 1 ลากคลิปทอี่ ยู่ใน Project Media ไปวางบน Timeline วิธีท่ี 2 เลือกคลิปจากหน้าต่าง Explorer แล้วลากคลิปท่ีต้องการไปวางบน Timeline หน้า 34
วิธีที่ 3 เปิดหน้าต่าง File Explorer ขึ้นมา จากนั้นเลือกคลิปท่ีต้องการ แล้วลากไป วางบน Timeline ดังต่อไปน้ี การลบคลิปออกจาก Timeline หากต้องการลบคลิปท่ีไม่ต้องการออกไปจาก Timeline สามารถทาได้โดยวิธีการ 1. คลิกขวาตรงคลปิ ท่ตี อ้ งการลบ 2. เลอื กคาสั่ง Delete หรือกดปุ่ม <Delete> บนคียบ์ อรด์ หนา้ 35
การคดั ลอกคลปิ บน Timeline เราสามารถคดั ลอกคลิปทมี่ อี ยู่บน Timeline ได้โดยวธิ ีการดังตอ่ ไปน้ี 1. คลิกขวาตรงคลิปที่ต้องการคดั ลอก 2. เลอื กคาสงั่ Copy หรือกดปุม่ <Ctrl+C> บนคียบ์ อรด์ 3. คลิกขวาตรงพนื้ ท่วี า่ งบน Timeline ท่ีตอ้ งการวางคลปิ 4. เลือกคาส่งั Paste หรอื กดป่มุ <Ctrl+V> บนคยี ์บอร์ด การแยกคลปิ เสียงออกจากไฟลว์ ดิ ีโอ โดยปกติเมื่อเรานาคลิปที่เป็นไฟล์วิดีโอมาใส่บน Timeline ทั้งภาพและเสียงจะมา พร้อมกัน อีกท้ังยังติดไปไหนมาไหนด้วยกัน ซึ่งในบางครั้งเราอาจต้องการภาพอย่างเดียว หรือเสียง อยา่ งเดยี ว เราจาเปน็ ตอ้ งแยกภาพและเสยี งไม่ให้ติดกันเสียกอ่ น ซึ่งมีวิธีการดงั ตอ่ ไปนี้ 1. คลิกไปยังคลิปทตี่ อ้ งการแยกภาพและเสียงออกจากกนั 2. คลกิ ท่ปี ุ่ม Ignore Event Grouping บนทูลบาร์ หนา้ 36
การรวมกลมุ่ คลิปใหต้ ดิ กัน การทางานบางคร้ัง เราใช้ไฟล์คลิปหลายไฟล์ ถ้าเราต้องการรวมไฟล์เหล่านั้นเป็น กล่มุ เพ่อื ความสะดวกในการทางานก็สามารถทาไดด้ งั นี้ 1. กดปมุ่ <Ctrl> ท่ีคยี ์บอรด์ คา้ งไว้ จากนน้ั คลกิ เลือกคลปิ ทตี่ อ้ งการ 2. คลกิ ขวาเลอื กคาสัง่ Group > Create New หรือกดป่มุ <G> บนคยี ์บอร์ด การแยกคลปิ ทอี่ ยู่รวมตดิ กนั ถา้ เราต้องการแยกคลิปทีอ่ ย่รู วมติดกัน ก็สามารถทาไดด้ งั นี้ 1. คลกิ กลุ่มคลิปวดิ ีโอทตี่ อ้ งการให้คลิปแยกออกจากกัน 2. คลิกขวาเลอื กคาสัง่ Group > Remove From หรือกดปุม่ <U> บนคยี บ์ อรด์ หน้า 37
การย้ายตาแหนง่ คลปิ บน Timeline เราสามารถย้ายตาแหน่งคลปิ บน Timeline ได้โดยวิธีการดงั ต่อไปนี้ 1. คลิกคลปิ ทีต่ อ้ งการยา้ ย 2. ลากไปวางตรงตาแหน่งที่ต้องการ คลปิ ถูกย้ายมายงั ตาแหน่งทีต่ อ้ งการ ในโปรแกรม Sony Vegas Pro ยังมีคาส่ังย้ายคลิปแบบเป็นกลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อการ ทางานยิ่งข้นึ โดยเลือกใช้คาส่งั Auto Ripple (ปุม่ ) ทม่ี ีรปู แบบย่อยดงั น้ี คลกิ ปุ่มคาสัง่ Auto Ripple เลือกกาหนดรูปแบบการย้ายคลปิ - Affected Tracks : ย้ายคลิปทั้งหมดที่อยู่หลังคลิปท่ีเลือก มีผลเฉพาะ ในแทรก็ นนั้ อย่างเดยี ว - Affected Tracks, Bus Track, Markers, and Regions : ย้ายคลิป Bus Track Markers และ Regions ที่สร้างไว้ท้ังหมดท่ีอยู่หลังคลิปท่ีเลือก มีผลเฉพาะในแทร็กน้ันอย่าง เดยี ว หนา้ 38
- All Tracks, Markers and Regions : ย้ายคลิป Markers และ Regions ทง้ั หมดทอ่ี ย่หู ลงั คลปิ ทเ่ี ลอื ก มผี ลกบั ทกุ แทร็ก การแบ่งคลิป การแบ่งคลิปวิดีโอออกเป็นคลิปย่อย 2 คลิป เพ่ือตัดส่วนท่ีไม่ต้องการออกไป สามารถทาไดด้ ังนี้ 1. คลิกเมาส์ไปยังตาแหน่งที่ตอ้ งการตัดแบ่งคลิป 2. คลกิ ขวาเลอื กคาสง่ั Split หรอื กดปมุ่ <S> บนคยี ์บอรด์ การตัดคลิปให้สน้ั ลง เราสามารถตัดคลิปส่วนเกินที่อยู่ตอนต้น หรือตอนปลายของคลิปออกไปได้โดย วธิ กี ารดังต่อไปน้ี 1. นาเมาส์ไปวางบรเิ วณสว่ นปลายหรอื สว่ นต้นของคลิป 2. ตัวชี้เมาส์จะเปล่ียนสญั ลกั ษณ์เป็น จากนน้ั ลากเมาสเ์ ลื่อนเขา้ มา หากเราตอ้ งการนาคลิปสว่ นที่ตัดไปแล้วกลบั มาใชง้ าน ก็สามารถทาได้โดยนาเมาส์ไป วางบริเวณส่วนปลายหรือส่วนต้นของคลิป เมื่อตัวช้ีเมาส์เปล่ียนสัญลักษณ์เป็น ก็ให้เล่ือนเมาส์ ออกมา หนา้ 39
ให้คลิปแสดงภาพและเสยี งแบบย้อนกลับ เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นในงานวิดีโอ คือ ทาให้คลิปที่มีอยู่แสดงภาพและเสียงแบบ ย้อนกลับ โดยมวี ิธกี ารดังต่อไปนี้ 1. คลกิ ขวาคลปิ ทตี่ ้องการให้แสดงแบบย้อนกลับ 2. เลอื กคาสั่ง Reverse ปรับความเรว็ การแสดงคลปิ การปรับความเร็วของภาพเป็นส่วนสาคัญอีกอย่างหน่ึงในการตัดต่อวิดีโอ เพราะจะ ทาใหไ้ ดอ้ ารมณแ์ ละความร้สู ึกทีแ่ ตกต่างออกไปจากเดมิ เช่น แสดงภาพช้าลงเพ่อื แสดงให้เห็นถึงความ อ่ืนหวาน นุ่มนวล หรือซาบซึ้ง ส่วนภาพที่เร็วกว่าปกติแสดงให้เห็นถึงความตลกขบขัน หรือความเร่ง รบี ได้ วธิ ีการปรบั ความเร็วของภาพสามารถทาได้ง่าย ๆ ดังนี้ 1. วางเมาส์ไว้ท้ายคลิปที่อยู่บน Timeline จากน้ันกดปุ่ม <Ctrl> ค้างไว้ ซ่ึง สัญลักษณข์ องเมา2ส.์จะเจปาลกี่ยนนั้นไลปาเปกเ็นมาส์มาทางซ้ายเพ่ือทาให้ภาพและเสียงแสดงช้าลง หรือลากเมาส์ มาทางขวาเพ่ือทาใหภ้ าพและเสียงแสดงเรว็ ขน้ึ หนา้ 40
5 ใบความรู้ เร่อื ง เทคนคิ การเปลย่ี นฉากคลปิ วดิ ีโอ หนา้ 41
ใบความรู้ เทคนิคการเปล่ียนฉากคลิปวิดีโอ 5 รู้จกั เทคนิคการเปล่ยี นฉากให้กับคลิปวดิ โี อ ทรานซิช่นั (Transition) คอื เทคนคิ การเปลยี่ นฉากทีช่ ่วยทาใหเ้ กิดความรู้สึกทห่ี ลากหลาย สมมติเรามีคลิปวิดีโออยู่ 2 คลิปท่ีจะเล่นต่อเน่ืองกัน หากไม่มีการใส่เทคนิคทรานซิชั่นในขณะเปลี่ยน ฉาก ก็จะเป็นการสลับไปยังฉากใหม่แบบทันทีทันใด ซึ่งบางคร้ังอาจทาให้เรื่องราวไม่น่าสนใจ แต่ถ้า เราใสท่ รานซิชน่ั เขา้ ไประหว่างคลปิ วดิ โี อท้ังสอง กจ็ ะทาให้การเปลย่ี นฉากดนู ่าสนใจมากขน้ึ กาหนดการเปลย่ี นฉากด้วยวธิ ี Crossfades Crossfades เป็นการเปล่ียนฉากด้วยวิธีเบ้ืองต้นท่ีสามารถทาได้ง่าย ๆ โดยให้ช่วงท้ายของ คลิปวิดีโอไปซ้อนทับกับช่วงต้นของคลิปวิดีโอท่ีจะเล่นต่อเน่ืองกัน ซึ่งจะทาให้เกิดการซ้อนภาพกัน ระหว่างเปล่ยี นคลปิ วิดีโอ สามารถทาไดด้ ังนี้ 1. คลกิ ปมุ่ Automatic Crossfades ( ) เพื่อใหเ้ กิดการ Crossfades อตั โนมตั ิ 2. ลากคลิปมาวางซอ้ นทบั กนั ตวั เลขแสดงเวลาทค่ี ลปิ ทง้ั สองซอ้ นกัน การทา Crossfades ทต่ี ้นคลิปและปลายคลปิ นอกจากการทา Crossfades ระหว่างคลิปสองคลิปแล้ว เราก็ยังสามารถทา Crossfades ในช่วงต้นและช่วงปลายของแต่ละคลิปได้อีกด้วย ซ่ึงจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจก่อนเริ่มต้นและช่วงจบ ของคลิปวดิ ีโอ ดงั วธิ กี ารต่อไปน้ี 1. วางเมาส์ตรงมมุ บนทชี่ ่วงต้นหรือปลายคลิป ให้ตัวชี้เมาสเ์ ปลี่ยนสญั ลักษณเ์ ปน็ รปู 2. ลากเมาส์เข้ามาในคลิป หนา้ 42
การแทรกทรานซิชั่นใหก้ บั คลิปวิดีโอ การ Crossfades ก็คือรูปแบบหนึ่งของทรานซิชั่น แต่ในโปรแกรม Sony Vegas Pro นั้น มี รปู แบบ ทรานซชิ นั่ อืน่ ๆ ให้เราเลอื กใชอ้ ีกมากมาย ซึง่ มวี ธิ ีการดังตอ่ ไปน้ี 1. คลิกปุ่ม Automatic Crossfades ( ) เพอ่ื ใหเ้ กดิ การ Crossfades อตั โนมตั ิ 2. ลากคลิปมาวางซ้อนทับกนั 3. คลกิ ท่แี ท็บ Transitions 4. เลือกหมวดหมู่และรปู แบบของทรานซิช่นั 5. คลกิ ลากรูปแบบของทรานซชิ นั่ ท่เี ลือกมาวางตรงบรเิ วณที่มีการ Crossfades ของคลิป 6. ปรับแต่งรูปแบบทรานซิชั่นจากหน้าต่าง Video Event FX (หากไม่ต้องการปรับแต่ง ทรานซิชนั่ สามารถปิดหน้าต่าง Video Event FX โดยคลิกท่ีป่มุ Close ( ) ได้เลย) ตวั เลขแสดงเวลาทค่ี ลปิ ทงั้ สองซอ้ นกัน หนา้ 43
ในกรณีท่ีเราต้องการเปล่ียนรูปแบบทรานซิช่ัน ก็สามารถทาได้โดยการเลือกทรานซิช่ัน รปู แบบใหม่ทต่ี ้องการ แล้วลากเมาสน์ ามาวางทับทรานซชิ ่นั เดิมได้ทนั ที หน้า 44
6 ใบความรู้ เรื่อง เทคนคิ การแพนและครอปภาพในงานวดิ โี อ หนา้ 45
ใบความรู้ เทคนิคการแพนและครอปภาพในงานวดิ ีโอ 6 รจู้ ักหนา้ ตา่ ง Event Pan/Crop ในการแพนและครอปภาพ เราจะใช้เครื่องมือในหน้าต่าง Event Pan/Crop ซ่ึงสามารถเข้า ไปท่ีหน้าต่างนไ้ี ด้ โดยวธิ กี ารดงั ต่อไปน้ี 1. การคลกิ ที่สัญลักษณร์ ูป ทอ่ี ยู่มุมขวาล่างของคลปิ บน Timeline 2. จะปรากฏหนา้ ตา่ ง Event Pan/Crop สาหรบั การแพนและครอปภาพ Rotation Area : พน้ื ที่ทใ่ี ชก้ าหนดขอบเขต ในการแพน/ครอปภาพ Keyframe Control : กาหนดตาแหนง่ เวลากอ่ น ทาการแพน/ครอปภาพ ป่มุ เครือ่ งมอื ตา่ ง ๆ สาหรับกาหนดการแพน/ครอปภาพ หน้า 46
ก่อนจะเร่ิมการแพนและครอปภาพ ให้เรามาทาความรู้จักปุ่มเคร่ืองมือแต่ละตัวในหน้าต่าง Event Pan/Crop ก่อน ดังนี้ Show Properties แสดงรายละเอยี ดต่าง ๆ ของภาพ Normal Edit Tool ย่อ/ขยาย ยา้ ย เอียง Rotation Area Zoom Edit Tool ย่อ/ขยายพนื้ ทภ่ี าพ Enable Snapping วาง Rotation Area บนจดุ กะระยะ (Grid) เสมอ Lock Aspect Ratio ย่อ/ขยาย Rotation Area โดยรกั ษาสัดส่วน Size About Center ย่อ/ขยาย Rotation Area จากจดุ ศูนยก์ ลาง Move Freely กาหนดทศิ ทางการแพนจากทุก ๆ แนวได้ การปรบั สดั ส่วนการแสดงภาพ (Rotation Area) จากหน้าต่าง Event Pan/Crop เราสามารถปรับสัดส่วนของการแสดงภาพวิดีโอได้ที่โหมด Preset ซ่ึงโดยปกติขนาดของโทรทัศน์ในประเทศไทยก็คือสัดส่วน 4:3 Standard TV aspect ratio แต่หากต้องการใหเ้ ป็นภาพแบบ Windscreen ก็สามารถเลือกใชส้ ัดส่วน 16:9 หรอื 1.85:1 ได้ คลกิ เพือ่ เลอื กสัดส่วนการแสดงภาพ หนา้ 47
แบบปกติ (Default) แบบ 1:1 Square aspect แบบ 4:3 ratio Standard TV aspect ratio แบบ 16:9 แบบ 1.85:1 Windescreen TV aspect Academy aspect ratio ratio การแพนและครอปภาพ การแพนและครอบภาพงานวิดีโอในโปรแกรม Sony Vegas Pro สามารถทาได้จากหน้าต่าง Event Pan/Crop ซงึ่ มวี ิธีการดงั ต่อไปน้ี 1. เลือกคลิปภาพที่ต้องการแพนมาวางบน Timeline จากน้ันคลิกปุ่ม เพื่อเข้าสู่ หนา้ ตา่ ง Event Pan/Crop 2. กาหนดตาแหนง่ แรกของภาพท่ีจะใหแ้ สดง 3. จากนั้นยอ่ หรือขยายพื้นที่ Rotation Area ดงั นี้ - ยอ่ พื้นที่ Rotation Area จะเป็นการซมู ภาพเข้า - ขยายพืน้ ที่ Rotation Area จะเป็นการซมู ภาพออก 4. ที่ Keyframe Control ใหค้ ลกิ ไปยงั ตาแหน่งเวลาถดั ไปที่ตอ้ งการ 5. ย่อหรือขยายพ้ืนที่ Rotation Area อีกครั้ง เพื่อกาหนดตาแหน่งของภาพ สังเกตว่าเม่ือ กาหนดตาแหน่งของภาพถัดไปเสร็จแล้วจะมี สญั ลกั ษณ์ เกดิ ขนึ้ ที่ Keyframe Control ซง่ึ หมายความว่า ณ ตาแหน่งเวลานน้ั มีการกาหนดการแพนภาพเกดิ ข้นึ 6. คลิกท่ีปมุ่ เพื่อปดิ หน้าต่าง Event Pan/Crop 7. คลกิ ท่ปี มุ่ Play ทห่ี น้าตา่ ง Preview เพอ่ื ดูผลลพั ธ์ หน้า 48
หนา้ 49
การหมุนภาพ เทคนคิ อกี อย่างหน่งึ ในโปรแกรม Sony Vegas Pro ก็คอื การหมนุ ภาพ ซ่ึงในขณะที่เราซูม ภาพอยู่นัน้ ก็สามารถทาใหภ้ าพหมนุ ไปดว้ ยได้ เพ่ือให้รูปแบบของงานวิดีโอน่าสนใจยิ่งข้ึน โดยมีวิธกี าร ดังตอ่ ไปนี้ 1. เลือกคลิปภาพท่ีต้องการกาหนดการแพนและหมุนภาพมาวางบน Timeline จากนั้น คลิกป่มุ . เพอื่ เขา้ สหู่ น้าตา่ ง Event Pan/Crop 2. กาหนดตาแหนง่ แรกของ Rotation Area 3. จากน้ันให้วางเมาส์บริเวณขอบด้านนอกของ Rotation Area ให้สัญลักษณ์ของเมาส์ เปล่ยี นเปน็ รูป หมุนเส้น Rotation Area ไปในทศิ ทางที่ต้องการ 4. กาหนดตาแหน่งเวลาถัดไปของภาพที่ Keyframe Control 5. จากนั้นปรับ Rotation Area อกี คร้ัง 6. คลกิ ที่ปมุ่ เพ่ือปิดหน้าต่าง Event Pan/Crop 7. คลิกทปี่ ุ่ม Play ที่หนา้ ต่าง Preview เพือ่ ดผู ลลัพธ์ หน้า 50
Search