TANYARUK KHONGKEWPHAN M.6/7 No.29
MICHELANGELO DI LODOVICO ประติมากร จิตรกร และสถาปนิกคนสำคัญแห่งยุคเรอเนสซองส์
PROFILE เป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อปี 1475 ที่ หมู่บ้านคาปรีส ในแคว้นทัสกานี เมืองหลวง ของแคว้นก็คือเมืองฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นเมือง ที่เขาเติบโต หลังจากแม่เสียชีวิตขณะที่ ไมเคิลแองเจโลอายุได้ 6 ปี เขาอาศัยอยู่กับ พี่เลี้ยงและสามีซึ่งเป็นช่างตัดหินที่เมืองบน ภูเขานอกเมืองฟลอเรนซ์ชื่อ SETTIGNANO ซึ่งพ่อของเขามีเหมืองหิน อ่อนและฟาร์มเล็กๆอยู่ ไมเคิลแองเจโลอยู่ที่ นี่หลายปีได้ซึมซับความสามารถพิเศษในการ ตัดแต่งหินอ่อนด้วยสิ่วและค้อนติดตัว ตั้งแต่เด็ก ปี 1488 เขาถูกส่งไปเรียนภาษาที่เมืองฟลอเรนซ์แต่เขาไม่สนใจเลย วันๆเอาแต่ ฝึกคัดลอกภาพเขียนตามโบสถ์และอยู่ร่วมกับจิตรกรคนอื่น เมืองฟลอเรนซ์ในช่วง เวลานั้นเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะและการศึกษา มีประติมากรและจิตรกรชื่อดังสร้าง ผลงานมากมายให้ไมเคิลแองเจโลได้ศึกษาเรียนรู้ และแล้วเขาก็ได้ไปเป็นลูกศิษย์ของ DOMENICO GHIRLANDAIO จิตรกรชื่อดังในขณะนั้นผู้เชี่ยวชาญในการเขียน ภาพปูนเปียก (FRESCO) เขาอยู่กับอาจารย์ได้เพียงปีเศษก็ถูกส่งตัวไปทำงานตาม คำร้องขอของ LORENZO DE MEDICI ผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ ในปี 1489 ไมเคิลแองเจโลมีผลงานเป็นภาพแกะสลักบนหินอ่อนหลายชิ้น เช่น MADONNA OF THE STEPS และ BATTLE OF THE CENTAURS ถึงปี 1492 ชีวิตเขาพลิกผันเมื่อ LORENZO DE MEDICI เสียชีวิต ไมเคิลแองเจโลจึง ออกมาทำงานของตัวเองพร้อมกับพัฒนาฝีมือด้านแกะสลัก ไปรับงานต่างเมืองที่ เวนิสกับโบโลญญาบ้าง ระหว่างนี้ก็มีผลงานแกะสลักหลายชิ้นรวมทั้ง CRUCIFIX งานแกะสลักไม้ที่ทำให้กับโบสถ์ SANTO SPIRITO ที่เมืองฟลอเรนซ์เพื่อตอบแทนที่ ให้เขาได้ศึกษาสรีระมนุษย์จากศพที่โรงพยาบาลของโบสถ์ จนถึงปี 1496 ไมเคิลแอง เจโลจึงย้ายไปอยู่ที่กรุงโรมที่ซึ่งเขาได้สร้างผลงานชิ้นเอกชิ้นแรก
YOUNG ARCHER
MADONNA OF THE STAIRS
CRUCIFIX
Pieta ไมเคิลแองเจโลไปที่โรมตอนอายุ 21 ปี ปลายปี 1497 เขาได้รับการว่าจ้างจากพระคาร์ดินัล Jean de Bilhères-Lagraulas ให้ทำงานแกะสลักหินอ่อน Pieta รูปพระแม่มารีใบหน้า เศร้าหมองกำลังประคองร่างของพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน ไมเคิลแองเจโลใช้ เวลาไม่ถึงสองปีงานก็เสร็จ ผลงานที่ออกมางดงามอย่างยิ่งสมจริงทุกรายละเอียด สร้าง ความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ได้ชมเป็นอย่างมาก เป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกที่เขาทำสำเร็จด้วยวัย เพียง 24 ปี Pieta เป็นหนึ่งในงานประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ปัจจุบันเก็บ รักษาที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในนครรัฐวาติกัน เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชมมหา วิหารแห่งนี้อย่างคับคั่งตลอดทั้งปี
DAVID
ปี 1499 ไมเคิลแองเจโลกลับมาที่เมืองฟลอเรนซ์ ได้รับการ ทาบทามให้ทำงานแกะสลักหินอ่อนชิ้นใหญ่รูปเดวิด (DAVID) ซึ่ง เป็นโครงการที่ริเริ่มมา 40 ปีแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากช่างแกะ สลักที่เคยรับงานนี้ต่างเห็นว่าหินอ่อนชิ้นนี้มีตำหนิและไม่แข็งแรง พอที่จะทำรูปปั้ นใหญ่ขนาดนั้นได้ ไมเคิลแองเจโลรับงานนี้ตอนที่เขา อายุ 26 ปี ใช้เวลาราว 4 ปี ระหว่างปี 1501 – 1504 แกะสลักก้อนหิน อ่อนที่ถูกทิ้งไว้ไม่มีใครเหลียวแลนาน 25 ปีให้เป็นวีรบุรุษผู้งามสง่า สวยงามราวผู้วิเศษเนรมิตขึ้น และกลายเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมาก ที่สุดของเขา ช่วงเวลาเดียวกับที่แกะสลัก DAVID ไมเคิลแองเจโลยังมีผลงาน หินอ่อนแกะสลักชิ้นเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่งคือ MADONNA AND CHILD หรือที่เรียกกันว่า MADONNA OF BRUGES รูปพระแม่มารีกับพระ เยซูองค์น้อยบนตัก มีลักษณะและความงดงามใกล้เคียงกับ PIETA ปัจจุบันอยู่ที่โบสถ์ CHURCH OF OUR LADY ที่เมือง BRUGES ประเทศเบลเยี่ยม นอกจากนี้เขายังมีผลงานหินอ่อนแกะสลักชั้นยอด อีกมากมาย เช่น MOSES รูปปั้ นประดับหลุมฝังศพพระสันตะปาปา JULIUS II ในโบสถ์ CHURCH OF SAN PIETRO IN VINCOLI ที่กรุงโรม และ DYING SLAVE กับ REBELLIOUS SLAVE ที่เป็น ประติมากรรมดาวเด่นในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมทั้งบรรดารูปแกะสลัก จำนวนมากที่ประดับตามโบสถ์และหลุมฝังศพหลายแห่ง ซึ่งล้วนงดงาม วิจิตรสมกับที่มาจากฝีมือของประติมากรอันดับ 1 ของโลกตลอดกาล
Madonna of Bruges
MOSES
Sistine Chape ปี 1508 พระสันตะปาปา Julius II ได้ให้ไมเคิลแองเจโลเขียนภาพบนเพดาน โบสถ์น้อยซิสตีน (Sistine Chapel) ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่มากกว่า 500 ตารางเมตร ประกอบด้วยภาพกว่า 300 ภาพ ทั้งหมดเป็นภาพเขียนปูนปั้ น (Fresco) ตรง กลางเพดานเป็นภาพเขียนเหตุการณ์จากพระคัมภีร์ปฐมกาล 9 ภาพ หนึ่งในนั้น ที่อยู่กลางกลุ่มคือภาพ The Creation Of Adam เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมาก ที่สุดของเขา ภาพเขียนบนเพดานโบสถ์น้อยซิสตีนเป็นหนึ่งงานจิตรกรรมที่ มีชื่อเสียงที่สุดของยุคเรอเนสซองส์ ไมเคิลแองเจโลใช้เวลาถึง 4 ปีในการสร้าง งานสุดมหัศจรรย์ชิ้นนี้ ภาพทุกภาพล้วนสวยงามน่าประทับใจ
Ignudo The Delphic Sibyl
Mary and Christ
The Creation Of Adam
Fall and Expulsion from Garden of Eden
THE LAST JUDGEMENT ปี 1534 ไมเคิลแองเจโลรับงานชิ้นใหญ่ที่สุดอีกชิ้นหนึ่ งจากพระสันตะปาปา Clement VII เป็นการเขียนภาพปูนปั้ นบนผนังหลังแท่นบูชาภายในโบสถ์น้อยซิสตีน คือภาพ The Last Judgement เป็นภาพขนาดใหญ่มาก เขียนบนพื้ นที่ 13.7 x 12 เมตร เขาใช้เวลานานถึง 8 ปีในการเขียนภาพนี้ ในภาพแสดงการมาครั้งที่สองของ พระเยซูและการพิพากษาของพระองค์ตามคัมภีร์ใบเบิล เมื่ องานเสร็จภาพเปลือย ข อ ง พ ร ะ เ ย ซู แ ล ะ พ ร ะ แ ม่ ม า รีถู ก วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ ว่ า ล่ ว ง เ กิ น สิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ แ ล ะ มี ก า ร รณรงค์โดยพระคาร์ดินัลให้เอาออกไปหรือเซ็นเซอร์เสีย แต่พระสันตะปาปาไม่ ยินยอม ต่อมาในปี 1564 ไม่นานก่อนที่ไมเคิลแองเจโลจะเสียชีวิตสภาคาทอลิกมีมติ ใ ห้ ทำ ก า ร เ ซ็ น เ ซ อ ร์โ ด ย ใ ห้ ลู ก ศิ ษ ย์ ข อ ง ไ ม เ คิ ล แ อ ง เ จ โ ล เ ป็ น ผู้ เ ขี ย น ภ า พ ทั บ บ ริเ ว ณ ที่ ไ ม่ เหมาะสม แต่มีการคัดลอกภาพต้นฉบับเอาไว้ด้วย
The Crucifixion of St. Peter ไมเคิลแองเจโลยังมีผลงานภาพเขียนชั้นยอดอีกหลายภาพ เช่น ภาพ Doni Tondo ที่เขียนด้วยสีน้ำมันและสีฝุ่นซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ หอศิลป์อุฟฟีซีในเมืองฟลอเรนซ์, ภาพ Manchester Madonna และ ภาพ The Entombment ทั้งสองภาพนี้เขียนด้วยสีฝุ่น ปัจจุบันอยู่ที่หอ ศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน) รวมทั้งผลงานภาพปูนเปียกชิ้นสุดท้าย The Crucifixion of St. Peter ที่โบสถ์น้อยพอลลีน (Pauline Chapel) ด้วย ฝีมือขั้นเทพและผลงานการเขียนภาพที่ยอดเยี่ยม ไมเคิลแองเจโลจึงได้ รับการยกย่องเป็นจิตรกรสำคัญที่สุดคนหนึ่งในยุคเรอเนสซองส์
MANCHE MANCHESTER MADONNA STER MADO NNA
ART DONI TONDO
งานออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอก ไมเคิลแองเจโลรับงานออกแบบและสร้างหลุมฝังศพให้กับบุคคลสำคัญใน ยุคนั้นหลายที่ รวมทั้งของตระกูล MEDICI ผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์และพระ สันตะปาปา งานสร้างหลุมฝังศพมีทั้งงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรม เขาใช้เวลาในการสร้างหลุมฝังศพของพระสันตะปาปา JULIUS II นานถึง 40 ปี (ปี 1505–1545) เพราะนอกจากจะประกอบด้วยรูปปั้ นจำนวนมากแล้ว ไมเคิลแองเจโลยังมีงานอื่นที่ต้องทำให้เสร็จอีกมาก ปี 1523 ไมเคิลแองเจโล ได้ออกแบบห้องสมุด LAURENTIAN LIBRARY ที่โบสถ์ SAN LORENZO ใน เมืองฟลอเรนซ์ซึ่งถือเป็นต้นแบบของลัทธิจริตนิยม (MANNERISM) เขา ออกแบบห้องโถงและบันไดของที่นี่ได้โดดเด่นมาก ปี 1546 ได้ออกแบบ ลวดลายบนพื้นบริเวณจตุรัส PIAZZA DEL CAMPIDOGLIO ในกรุงโรม ด้วยลวดลายที่สวยงามสลับซับซ้อนเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่ง ไมเคิล แองเจโลยังได้ออกแบบประตู PORTA PIA และวิหาร SANTA MARIA DEGLI ANGELI E DEI MARTIRI ในกรุงโรมอีกด้วย
Tomb of Pope Julius II
Tomb of Lorenzo de’ Medici
PORTA PIA
SANTA MARIA DEGLI ANGELI E DEI MARTIRI AN ART EXHIBITION
PIAZZA DEL CAMPIDOGLIO
St. Peter’s Basilica ไมเคิลแองเจโลในวัย 70 ปีได้รับงานชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ปี 1546 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสถาปนิกของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) ในกรุงโรม งานก่อสร้างมหาวิหารดำเนินมาแล้ว 50 ปี และงานฐานราก ทำเสร็จตามแปลนของ Donato Bramante สถาปิกคนแรกตั้งแต่ปี 1506 สถาปนิกคนอื่นได้ทำงานต่อเนื่องกันมามีการเปลี่ยนแปลงแบบหลายครั้ง แต่งาน ก่อสร้างมีความคืบหน้าน้อยมาก ไมเคิลแองเจโลคงแนวคิดหลักของ Bramante เอาไว้แต่ได้ออกแบบใหม่หลายส่วน โดยเฉพาะตรงโดมที่สวยสง่าเป็นเอกลักษณ์ ของมหาวิหารแห่งนี้ งานก่อสร้างก้าวหน้าไปด้วยดีแต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาส ได้เห็นโดมที่เสร็จสมบูรณ์ด้วยตาตัวเอง เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปเสียก่อนที่โดมจะ สร้างเสร็จ
THE DOME OF ST. PETER’S BASILICA
INSIDE ST. PETER’S BASILICA MAIN DOME
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: