แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ การศึกษาปฐมวัย อายุ 5-6 ปี สปั ดาหท์ ่ี 21 สาระการเรียนรทู้ ี่ 3 ธรรมชาตริ อบตัว หนว่ ยการเรียนรู้ สิง่ มชี วี ติ และส่ิงไมม่ ชี ีวติ ความคิดรวบยอด สงิ่ ต่างๆรอบตัวเรามีอย่มู ากมาย และมคี วามแตกตา่ งกนั ออกไป เราสามารถจาแนกส่ิงทีเ่ ราเหน็ ได้เปน็ 2 พวกใหญๆ่ คือ สง่ิ มีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวิต สิง่ มีชีวิตสามารถหายใจ กินอาหาร เคลื่อนท่ี ขับถ่าย เจริญเตบิ โต สืบพนั ธ์มุ ี ลกู หลานได้ แตส่ ิ่งไมม่ ชี ีวติ ไมม่ ลี ักษณะดงั กลา่ ว เจริญเตบิ โต กินอาหารไม่ได้ ความเหมอื น, ความแตกต่าง มีลูกได้ หายใจไมไ่ ด้ เคลอ่ื นไหวไมไ่ ด้ กนิ อาหาร หายใจ สง่ิ มชี วี ิต สิ่งไม่มชี วี ิต มีลูกไมไ่ ด้ สิ่งมีชวี ติ ส่งิ ไมม่ ีชวี ติ เคล่อื นไหว ความหมายส่งิ มชี ีวิต เติบโตไมไ่ ด้ ลักษณะของส่งิ มีชีวิต และส่งิ ไมม่ ชี ีวิต และสิ่งไม่มชี วี ิต การใช้ วิธกี ารดแู ล สงิ่ มีชวี ติ และ แบบเคลอื่ นทไี่ ด้ เคลอ่ื นที่ไม่ได้ สิ่งไม่มชี วี ิต ส่งิ มชี ีวติ การดูแลอนรุ กั ษ์ส่ิงมีชวี ิต ประเภทสงิ่ มีชวี ติ และสง่ิ ไมม่ ีชีวติ และสงิ่ ไมม่ ชี ีวิต ส่ิงมีชวี ติ ประโยชน์/โทษของสิ่งมีชวี ติ ส่งิ ไมม่ ีชีวิต และสิง่ ไม่มีชวี ติ ไวด้ ูเล่น ไว้ขาย ทาเป็นอาหาร ไว้ใช้งาน ส่งิ ไม่มชี วี ติ เกดิ ข้ึนตามธรรมชาติ มนุษยส์ รา้ งขนึ้ ไวใ้ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั สร้างที่อยู่ ทาของใช้ สิง่ ท่เี ด็กรแู้ ลว้ สง่ิ ทเี่ ด็กต้องการรู้ ส่งิ ทเ่ี ด็กควรรู้ 1.ชอื่ สิ่งมีชวี ติ และสิง่ ไม่มชี ีวิต 1.สงิ่ มีชวี ติ แตกต่างจากส่ิงไมม่ ีชวี ิต 1.ความหมายส่งิ มีชีวิตและสงิ่ ไมม่ ชี วี ิต 2.ส่งิ มชี วี ติ กินอาหาร หายใจ เคลือ่ นท่เี ติบโตได้ อย่างไร 2.ลักษณะส่งิ มีชวี ติ และสิ่งไม่มชี วี ิต 4.สง่ิ ไมม่ ชี ีวิตกนิ อาหาร หายใจ เคล่ือนทไี่ มไ่ ด้ 2.ส่ิงมีชวี ิตมีประโยชนอ์ ะไรบ้าง 3ประเภทสงิ่ มีชีวิตและสิง่ ไม่มีชีวิต 3.สง่ิ ไม่มชี วี ติ มีประโยชน์อะไรบา้ ง 4.ประโยชน์/โทษสง่ิ มชี ีวิตและส่ิงไมม่ ีชวี ติ 4.สง่ิ มีชีวิตและสิ่งไมม่ ีชีวติ มอี ะไรบา้ ง 5.การดแู ลอนรุ กั ษ์ส่งิ มชี ีวติ และสิ่งไมม่ ีชีวิต
แนวการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ การศกึ ษาปฐมวยั อายุ 5-6 ปี สัปดาห์ที่ 21 สาระการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง ธรรมชาติรอบตวั หนว่ ยการเรียนรู้ สง่ิ มีชีวิตและส่ิงไม่มชี ีวติ กิจกรรม เคลื่อนไหวและ เสรมิ ประสบการณ์ สร้างสรรค์ เสรี กลางแจ้ง เกมการศกึ ษา วันท่ี จังหวะ เกมภาพตดั ต่อ -ความหมายของ -การป้ันดนิ เปิดโอกาสให้เดก็ ได้ เกมตักลูก 1 - การเคลือ่ นไหว สง่ิ มีชีวติ และ นา้ มนั เลอื กเลน่ ในศนู ย์ตาม ปงิ ปอง ร่างกายประกอบ สิง่ ไม่มชี วี ติ -การสรา้ งภาพ ความสนใจ และคน้ หา อุปกรณ์ -ทบทวน 1-10 , ด้วยลวด ความถนดั ของตน โดย -การปฏิบตั ติ าม ONE-TEN กามะหยต่ี าม จัดใหส้ อดคลอ้ งกับ คาส่ัง จินตนาการ หน่วยการเรยี นรู้ -การเคลือ่ นไหว -ลักษณะของ -การวาดภาพ เปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ได้ เกมกระรอกเข้า จบั คภู่ าพกบั เลอื กเลน่ ในศนู ยต์ าม รา่ งกายและปฏบิ ตั ิ ส่ิงมชี ีวติ และ ระบายสี ความสนใจ และคน้ หา โพรง คา 2 ตามข้อตกลง สิ่งไมม่ ีชีวติ -การเปา่ สี ความถนดั ของตน โดย -นับจานวนและรคู้ า่ จดั ใหส้ อดคลอ้ งกับ เลข 17,๑๗ หนว่ ยการเรยี นรู้ -การเป็นผนู้ า-ผู้ -ประเภทของ -การสร้างภาพ เปดิ โอกาสให้เดก็ ได้ เกมกระซบิ ขา่ ว เกมลอตโต เลือกเลน่ ในศนู ยต์ าม ตาม สิ่งมชี ีวิตและ ดว้ ยทรายสีตาม ความสนใจ และคน้ หา 3 สิ่งไมม่ ชี วี ิต จนิ ตนาการ ความถนดั ของตน โดย -คาตรงข้ามตาย- -การพมิ พ์ภาพ จดั ให้สอดคลอ้ งกับ หนว่ ยการเรียนรู้ เป็น ด้วยเชอื ก -การเคลอ่ื นไหว -ประโยชน์และโทษ -การสร้างภาพ เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ได้ เกมสง่ บอล เกมจบั คู่ เลอื กเลน่ ในศนู ย์ตาม ร่างกายตามคาสง่ั ของส่งิ มชี วี ิตและ ด้วยกระดาษ ความสนใจ และคน้ หา ตัวเลขกบั เส้นตาม ความถนดั ของตนง โดย สญั ลกั ษณ์คา 4 คาตรงขา้ ม สิ่งไม่มีชวี ิต จนิ ตนาการ จดั ใหส้ อดคลอ้ งกับ - โจทยป์ ญั หา -การพับดอกไม้ หนว่ ยการเรียนรู้ 5 -การเคลือ่ นไหว -การดูแลอนรุ กั ษ์ -การประดษิ ฐต์ ัว เปดิ โอกาสให้เดก็ ได้ เครอื่ งเล่นสนาม เกมเรยี งลาดับ เลือกเลน่ ในศูนยต์ าม ร่างกายประกอบ สงิ่ มชี ีวติ และ สัตวจ์ ากวสั ดุ เหตกุ ารณ์ -ตัด ปะ ความสนใจ และคน้ หา คาบรรยาย ส่ิงไม่มีชีวิต ความถนดั ของตน โดย -สระ -ะ กระดาษตาม จดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั หน่วยการเรียนรู้ จนิ ตนาการ
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ่ี 21 วันที่ 1 สาระการเรยี นรู้ย่อย ความหมายส่ิงมชี วี ติ และสิง่ ไม่มชี ีวติ 1. ช่ือกิจกรรม เคลอ่ื นไหวและจงั หวะ 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) เคลอ่ื นไหวสว่ นตา่ งๆของรา่ งกายได้ 2) แสดงทา่ ทางประกอบเชอื กได้ 3) ปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระท่ีควรเรียนรู้ ประสบการณ์สาคญั 1) เคล่ือนไหวร่างกายประกอบเชือก 1) การเคล่ือนไหวอยกู่ ับที/เคลอ่ื นท่ี 2) การปฏบิ ตั ติ ามคาสัง่ 2) การเคลื่อนไหวเพ่ือควบคุมตนเองไปใน ทิศทาง ระดับและพ้ืนที่ 3) การเคล่ือนไหวพรอ้ มวสั ดุอุปกรณ์ 4. วิธีการจัดกิจกรรม 1) เด็กปฏิบัติกิจกรรมแบบไม่เคลื่อนท่ี เช่น เหยียดส่วนของร่างกายให้มากท่ีสุด ( แขน ขา ลาตัว) บดิ ลาตัวท่อนบนไปรอบ ๆ แกนตง้ั ฯลฯ และแบบเคลื่อนที่ เช่น เดินด้วยปลายเท้าไปทางซ้าย-ขวา กระโดดไปขา้ งหนา้ -ขา้ งหลัง กลง้ิ ตัวไปทางซ้าย – ขวา ประกอบจังหวะที่ครูเคาะ และเม่ือได้ ยินสัญญาณ หยดุ ใหห้ ยดุ เคลือ่ นไหวในทา่ น้ันทันที 2) ครแู นะนาการเคล่ือนไหวประกอบเชอื กฟาง และสาธติ ใหด้ ู 4) นาเชือกฟางสตี า่ ง ๆ ใหอ้ าสาสมคั รแจกเชอื กให้เพอ่ื น และใหเ้ ด็กสังเกตลกั ษณะ สีของเชือก 5) เดก็ เคล่ือนไหวร่างกายอย่างอิสระ ตามจังหวะประกอบเชือก เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณหยุด ให้หยุดใน ทา่ นัน้ ทนั ทแี ละปฏบิ ตั ติ ามคาสง่ั ดังนี้ - โบกเชอื กไปมาในระดบั สูงสุด ต่าสดุ และระดบั กลาง - จับกลุ่ม 3 คน แลว้ ต่อเชือก - แลกเชอื กกับเพ่อื นทมี่ สี เี หมือนกัน - จัดเชือกเปน็ รูปต่าง ๆ ตามจินตนาการ ฯลฯ 6) หลังปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้ว เด็กช่วยกันเก็บเชือก และพักผ่อนอิริยาบถ 2 – 3 นาที เพื่อเตรียม ปฏิบัติ กจิ กรรมตอ่ ไป 5. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1) เครื่องเคาะจังหวะ 2) เชอื กฟางสตี า่ ง ๆ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเคลอื่ นไหวสว่ นต่างๆของร่างกาย 2) สังเกตการเคลื่อนไหวประกอบเชอื ก 3) สงั เกตการณ์ปฏิบัติตามคาส่ัง
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วันท่ี 1 สาระการเรียนร้ยู ่อย ความหมายของสงิ่ มชี ีวติ และส่งิ ไมม่ ีชีวติ 1. ช่อื กจิ กรรม เสรมิ ประสบการณ์ ความคิดรวบยอด ส่ิงมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตมีความแตกต่างกัน ส่ิงมีชีวิตจะมีการเคล่ือนท่ี กินอาหาร ขับถ่าย หายใจ เจริญเติบโตและ ขยายพันธ์ไุ ด้ แต่สงิ่ ไม่มชี วี ติ จะไม่มีลกั ษณะดังกล่าวซึ่งจะตรงข้ามกับสิง่ มชี ีวติ ท้ังส้นิ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกความหมายของสิง่ มีชีวติ และสิ่งไมม่ ีชีวิตได้ 2) นบั จานวน 1-10 และ ONE – TEN 3. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สาคัญ 1) ความหมายของส่งิ มีชวี ติ และสงิ่ ไม่มชี วี ิต 1) การฟัง นิทาน คาคล้องจอง บทรอ้ ยกรอง 2) ทบทวนจานวน 1-10 และ ONE - TEN หรอื เรอ่ื งราวตา่ งๆ 2) การร่วมสนทนาและแลกเปลย่ี นความ คดิ เห็น 3) การใหค้ วามรว่ มมือในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ 4) การนับและแสดงจานวนของสงิ่ ต่างๆใน ชวี ติ ประจาวนั 5) การพดู อธบิ ายเกยี่ วกบั สงิ่ ของเหตกุ ารณ์ และ ความสัมพนั ธข์ องส่งิ ตา่ งๆ 4. วิธกี ารจดั กิจกรรม 1) เดก็ พูดคาคล้องจอง “สง่ิ มชี วี ิตและสิ่งไมม่ ชี วี ติ ” ตามครทู ลี ะวรรค 2) ครูสนทนาเพ่ือเชอ่ื มโยงความรู้เดมิ ของเดก็ โดยนาภาพส่ิงมชี วี ติ และสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ ให้เดก็ ดู เช่น บตั รภาพต้นไมต้ ่างๆ ภาพดอกไม้ ภาพสะพาน ภาพภเู ขา ฯลฯ โดยครูถามเด็กทลี ะภาพวา่ - ภาพใดเป็นส่ิงมชี ีวิต และภาพใดเปน็ ส่ิงไมม่ ชี ีวิต และเด็กๆรไู้ ดอ้ ยา่ งไร 3) ครูนาภาพสง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ ไมม่ ีชวี ิตรวมกนั ใหเ้ ดก็ ออกมาหยบิ ภาพทลี ะคน และบอกว่าภาพท่ตี นเองหยิบได้เป็นภาพ สิ่งมชี ีวิตหรอื ส่งิ ไมม่ ชี ีวติ เพราะเหตใุ ด ที่ 4) เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนาสรปุ ความหมายของสง่ิ มชี ีวิตและสิง่ ไมม่ ีชีวติ 5) ครูทบทวนจานวน 1-10 โดยให้นับจานวนภาพสงิ่ มชี วี ติ และส่ิงไม่มีชีวิต หรอื นบั อปุ กรณ์ตา่ งๆ ครเู ตรยี มมาให้เด็กนบั และบอกค่าตวั เลขที่นับได้ 6 ) ทบทวนการนับจานวนเป็นภาษาอังกฤษ ONE – TEN และใหเ้ ด็กออกมาหยิบบตั รตัวเลขที่มคี ่า ตรงกบั คา 5. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1) คาคล้องจองและบตั รภาพของส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ ไม่มีชีวติ 2) บตั รตัวเลขอารบกิ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการบอกความหมายของสงิ่ มชี ีวิตและสงิ่ ไมม่ ชี ีวิต 2) สงั เกตการนบั และบอกคา่ จานวน1-10,ONE - TEN
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 21 วนั ท่ี 1 สาระการเรยี นรู้ย่อย ความหมายของส่ิงมีชีวติ และสิง่ ไมม่ ีชีวติ 1. ช่อื กจิ กรรม สร้างสรรค์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ป้ันดินนา้ มันตามจนิ ตนาการได้ 2) สร้างภาพด้วยลวดกามะหยีต่ ามจินตนาการได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ 1) การปั้นดนิ น้ามนั ตามจินตนาการ 1) การป้ัน 2) การสร้างภาพดว้ ยลวดกามะหย่ี 2) การทากิจกรรมศิลปะต่างๆ 3) การรับรู้ และแสดงความคิดความรูส้ ึกผ่านส่ือวัสดุ ของเล่นและช้ินงาน 4. วิธีการจดั กิจกรรม 1) ครจู ดั เตรยี มกิจกรรมไว้ 2 กจิ กรรม คือ การปนั้ ดินน้ามนั และการต่อเติมภาพจากรปู ทรงทีก่ าหนด 2) ครูสนทนาและสร้างข้อตกลงร่วมกันกับเด็กในการปฏิบตั ิกจิ กรรมป้นั ดินนา้ มนั และการสร้างภาพ ดว้ ยลวดกามะหยี่ ดงั นี้ 2.1 การปั้นดินนา้ มนั - ครูจัดเตรียมและแนะนาอุปกรณ์ในการป้ันดินน้ามัน แบ่งเด็กเป็นกลุ่ม อาสาสมัครของกลุ่ม แจกดินน้ามันให้เพื่อนปฏิบัติกิจกรรมป้ันดินน้ามันเป็นส่ิงของท่ีมีชีวิตและไม่มีชีวิตตาม จนิ ตนาการ - เดก็ แต่ละกลุ่มนาผลงานของตนเองมารวมกัน สร้างเรื่องราวในแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดทคี่ รูเตรียม ไวใ้ ห้ 2.2 การสร้างภาพดว้ ยลวดกามะหย่ี - ครูจัดเตรยี มและแนะนาอุปกรณก์ ารสร้างภาพดว้ ยลวดกามะหยี่ - ครแู นะนาและสาธิตการสร้างภาพดว้ ยลวดกามะหย่ี โดยใช้ลวดกามะหยี่แบบเสน้ นามาดดั ให้ เป็นภาพต่าง ๆนาลวดกามะหย่ีทส่ี ร้างเปน็ ภาพแล้ว ทากาวตดิ บนกระดาษใบงาน - อาสาสมัครของกลมุ่ แจกอปุ กรณก์ ารสร้างภาพด้วยลวดกามะหย่ี ให้เพื่อนปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 3) เดก็ เลอื กปฏิบตั ิกิจกรรมตามความสนใจแล้วนาผลงานมาบอกชื่อและเลา่ เร่ืองให้ครูจดบนั ทึก 4) อาสาสมัครเสนอผลงานตนเองระหว่างการป้ันดินน้ามันและการสร้างภาพด้วยลวดกามะหยี่ ใหเ้ พอ่ื นฟงั 5) เด็กทกุ คนชว่ ยกันจดั เก็บอุปกรณ์ และล้างมือให้เรียบรอ้ ย 5. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1) ดนิ น้ามนั , แผน่ รองปั้นดินน้ามนั 2) ลวดกามะหย่ีแบบเสน้ , กาว 3) กระดาษ A4 4) แผ่นฟิวเจอร์ขนาด A4 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการปั้นดนิ นา้ มนั ตามจนิ ตนาการ 2) สงั เกตการ สร้างภาพด้วยลวดกามะหยต่ี ามจินตนาการ
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 21 วันที่ 1 สาระการเรยี นร้ยู อ่ ย ความหมายสิ่งมชี วี ติ และส่งิ ไมม่ ีชีวิต 1. ช่อื กิจกรรม เสรี 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) สังเกต สารวจ ทดลอง คน้ ควา้ คิดแกป้ ัญหาในการทางานและการเล่นเปน็ กลุ่ม 2) มีประสบการณต์ รงในการใชภ้ าษา มจี ินตนาการ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ต่องานและสง่ิ ท่ตี นเล่น 3) มวี ินยั ความรบั ผิดชอบ มมี ารยาท ช่วยเหลอื แบง่ ปัน อดทนรอคอยและมีจติ สาธารณะ 4) มพี ัฒนาการทาง รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญาอยา่ งสมดุลรอบด้าน 3. สาระการเรียนรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ - การเลน่ ตามศูนยเ์ ป็นการเล่นในศูนย์ประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างอิสระผ่านการเล่น ทดลอง คิดค้นควา้ สรา้ งสรรค์ การแกป้ ัญหาและการแสวงหาคาตอบ ซึง่ จะช่วยพัฒนาความคิด จนิ ตนาการ ภาษาควบคู่ไปกับ ความมวี นิ ัย ความรับผิดชอบ การรอคอย การแบ่งปนั การใฝ่ร้แู ละการอยู่ร่วมกันเพื่อพฒั นาการเข้าสสู่ ังคม ประสบการณส์ าคัญ 1) การเล่นเคร่อื งเลน่ สัมผัสและการสร้างสิ่งต่างๆจากแท่งไม้ บลอ็ ก 2) การต่อของชน้ิ เล็กเตมิ ในชิ้นใหญ่ใหส้ มบูรณ์และการแยกชน้ิ สว่ น 3) การเล่นและการทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืน 4) การรับรู้ แสดงความรูส้ กึ ผา่ นส่ือ วัสดุ ของเลน่ และชน้ิ งาน 5) การเล่นตามมมุ ประสบการณ/์ มมุ เล่นต่างๆ 6) การสรา้ งสรรค์ชิน้ งานโดยใชร้ ูปรา่ งรปู ทรงจากวัสดทุ ห่ี ลากหลาย 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรม 1) ครแู นะนาการเล่นการปฏบิ ัติตนในการเล่นศูนย์กจิ กรรมเสรีตามข้อตกลง 2) เดก็ เลือกเล่นศูนย์กิจกรรมเสรีตามความสนใจ 3) ครูให้คาแนะนากระตุ้นสง่ เสริมใหค้ าชมเชยเพื่อใหเ้ ดก็ เกิดการพฒั นาอย่างสมดุลรอบดา้ นเต็มตามศักยภาพ 4) ให้เด็กเลน่ อย่างอิสระหลงั จากเลิกเล่นให้เดก็ ทาความสะอาดอุปกรณ์ พรอ้ มกับเกบ็ ของเขา้ ท่ใี ห้เรยี บรอ้ ย 5. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ - อุปกรณต์ ่าง ๆ ท่จี ดั ไว้ตามศนู ย์กจิ กรรมเสรี ต้องสอดคล้องสมั พันธ์กับหน่วยการเรยี นรู้ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตพฤติกรรมการสารวจ ทดลอง คน้ คว้า คิดแกป้ ญั หาในการทางานและการเลน่ เปน็ กลมุ่ 2) สังเกตการใช้ภาษา ตรวจผลงานการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการคดิ สรา้ งสรรค์ ตอ่ งานและสิง่ ทเี่ ล่น 3) สังเกตความมวี ินยั ความรบั ผดิ ชอบ มารยาท การช่วยเหลือ แบง่ ปัน อดทนรอคอยและมจี ติ สาธารณะ 4) สงั เกตความกา้ วหนา้ ของพฒั นาการทง้ั 4 ด้าน หมายเหตุ ครูปรบั เปลยี่ นส่ือ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นศูนยใ์ หส้ ัมพันธก์ ับหนว่ ยการเรยี นรู้ตามความพร้อมและจดุ เนน้ ของสถานศกึ ษา
แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วนั ท่ี 1 สาระการเรยี นรยู้ อ่ ย ความหมายสิ่งมีชีวิตและสิง่ ไมม่ ชี วี ิต 1. ชอ่ื กจิ กรรม กลางแจ้ง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) เลน่ เกมตักลูกปงิ ปองได้ 2) เล่นและทากจิ กรรมร่วมกับผู้อืน่ ได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สาคญั - การเล่นเกมตกั ลูกปิงปอง 1) การเคลื่อนไหวท่ีใชก้ ารประสานสมั พนั ธข์ องการใช้ กล้ามเน้ือใหญ่ในการขว้าง การจับ การโยน การเตะ 2) การเล่นและทางานรว่ มกบั ผ้อู ื่น 3) การปฏิบตั ติ นตามสุขอนามัย สขุ นสิ ยั ท่ดี ใี น ชวี ิตประจาวัน 4) การเลน่ นอกห้องเรียน 5) การเคล่ือนไหวเคล่ือนท่ี/ไมเ่ คลื่อนท่ี 4. วิธกี ารจัดกิจกรรม 1) เด็กเขา้ แถวเดนิ ไปทีส่ นาม ใหเ้ ด็กยืนเปน็ วงกลมอบอนุ่ ร่างกายโดยครูเป็นผู้นาให้เด็กปฏิบัติตาม 2) เด็กอาสาออกมาเป็นผูน้ าในการทาท่าทางประมาณ 3-4 คน และใหเ้ พอื่ นปฏบิ ตั ติ าม 3) ครแู นะนากตกิ าและสาธิตวิธีการเลน่ เกมตกั ลกู ปงิ ปอง โดยแบ่งเด็กเปน็ กลมุ่ ๆละเทา่ ๆกนั ยนื เข้าแถว ตอนลกึ ให้อาสาสมัครกลุ่มละ 1 คนเป็นผถู้ ือช้อนไปยืนจุดหลกั ทคี่ รกู าหนดไวอ้ ีกดา้ นหนึง่ ของแถว ซ่ึงมีจานใส่ลูกปิงปองไว้กลุ่มละ 1 ลูก ยืนให้ตรงแถวของกลุ่มตนเอง เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณนกหวีด ใหค้ นที่ถือชอ้ นวิ่งนาช้อนไปสง่ ให้เพอื่ นคนแรกของแถวในกลุม่ ตนเองและให้คนที่ได้รับช้อนส่งช้อนให้ เพ่ือนท่ียืนถัดไปส่งต่อไปเร่ือย ๆจนถึงคนสุดท้ายของกลุ่มจะเป็นผู้ว่ิงไปตักลูกปิงปองท่ีครูวางไว้ท่ี จุดเร่ิมต้นมาใสใ่ นจานท่ีอย่ตู รงเสน้ ชยั กล่มุ ใดวางลกู ปงิ ปองในจานไดก้ อ่ นเปน็ กล่มุ ชนะ 4) ปฏบิ ัติกจิ กรรมข้อ 3 ซา้ โดยสลับเปลยี่ นคนถอื ช้อนในกลมุ่ จนครบ 5) เม่ือไดย้ ินสัญญาณนกหวีดจากครู ใหเ้ ด็กหยุดเลน่ และมาเขา้ แถว 6) เดก็ ช่วยกันเก็บอปุ กรณ์การเล่นและทาความสะอาดร่างกาย เดินแถวเข้าห้องเรยี น 5. ส่ือการเรยี นรู้ 1) ลูกปงิ ปอง 2) จานกระดาษหรือพลาสติก 3) นกหวีด 6. การประเมินผล 1) สังเกตการเล่นเกมตักลกู ปงิ ปอง 2) สงั เกตการเล่นและทากิจกรรมรว่ มกับผ้อู ่ืน
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ่ี 21 วนั ท่ี 1 สาระการเรยี นร้ยู ่อย ความหมายส่งิ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ 1. ช่อื กิจกรรม เกมการศกึ ษา 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) เลน่ เกมภาพตัดต่อส่งิ มีชีวิตและสิง่ ไม่มชี ีวิตได้ 2) เลน่ และทากจิ กรรมรว่ มกับผ้อู นื่ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ -เกมภาพตัดต่อส่ิงมีชวี ติ และส่ิงไมม่ ีชีวิต 1) การต่อของชิ้นเล็กเติมในชนิ้ ใหญ่ใหส้ มบรู ณ์ และ การแยกชน้ิ ส่วน 2) การเล่นรายบคุ คล กลุม่ ย่อยและ กลุ่มใหญ่ 3) การตัดสนิ ใจและมีส่วนรว่ มในกระบวนการ แกป้ ัญหา 4) การเล่นและทางานร่วมกบั ผูอ้ นื่ 5) การร่วมสนทนาและแลกเปล่ยี นความคดิ เห็น 4. วิธกี ารจัดกิจกรรม 1) เดก็ นง่ั ตามกลุ่มสหี รือคร่ึงวงกลม ปรบมอื ตามคาสง่ั ครู เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มกอ่ นเล่นเกม การศึกษา เชน่ ตบมือ 1 ครั้ง , ผงกหัว 2 ครั้ง ฯลฯ 2) ครูนาเกมภาพตัดต่อส่ิงมชี ีวติ และสิ่งไมม่ ชี ีวิต และเกมภาพตดั ต่อชดุ อื่นๆทเี่ คยเลน่ มาแล้วมาใหเ้ ด็กดู 3) ครแู ละเด็กร่วมสนทนารายละเอยี ดของภาพท่สี มบูรณ์ เป็นภาพทเ่ี ก่ียวกบั อะไร และแนะนาวิธกี าร เลน่ เกมภาพตัดต่อส่ิงมีชีวิตและสงิ่ ไมม่ ชี ีวติ ใหเ้ ด็กฟัง 4) แบง่ เดก็ ออกเปน็ กล่มุ แจกเกมภาพตดั ต่อและเกมการศึกษาอนื่ ๆทเี่ คยเล่นมาแลว้ กลุม่ ละ 1 ชุด 5) กลมุ่ ใดเลน่ เกมภาพตัดตอ่ และเกมการศกึ ษาชุดอ่นื ๆได้ครบสมบรู ณ์ ครูตรวจสอบความถูกต้อง 6) เด็กแต่ละกลุ่มสลับกันเล่นเกมแต่ละชุดจนครบทุกกลุ่ม ครูและเด็กช่วยกันสรุปการเล่นเกมภาพ ตดั ตอ่ เมอ่ื เลน่ เสร็จแล้วเดก็ ชว่ ยกันเกบ็ เกมการศึกษา เข้าทใ่ี หเ้ รยี บรอ้ ย 5. สือ่ การเรียนรู้ 1) เกมภาพตดั ต่อสิง่ มชี ีวิตและสิ่งไมม่ ชี ีวิต 2) เกมการศึกษาชุดอื่นๆทเ่ี คยเลน่ มาแลว้ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการเลน่ เกมภาพตดั ต่อและเกมการศึกษาชุดอื่นๆ 2) สงั เกตการเลน่ รว่ มกับผ้อู ่ืน
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สัปดาห์ท่ี 21 วันท่ี 2 สาระการเรียนรยู้ ่อย ลักษณะของสงิ่ มีชวี ิตและสงิ่ ไม่มีชวี ิต 1. ชอื่ กิจกรรม เคล่ือนไหวและจังหวะ 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) เคลือ่ นไหวสว่ นต่างๆของร่างกายได้ 2) ฟงั และปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระท่คี วรเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั - เคล่ือนไหวร่างกายและปฏิบัติตามขอ้ ตกลง 1) การเคล่ือนไหวอยกู่ บั ท่ี/เคลอ่ื นท่ี 2) การให้ความร่วมมือในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ตา่ งๆ 3)การฟังและการปฏบิ ตั ิตามคาแนะนา 4.วิธีการจดั กจิ กรรม 1) เดก็ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท้งั แบบไม่เคล่อื นท่ี เชน่ เอยี งคอ ก้มตัว โยกหน้า โยกหลัง หมุนหัวไหล่ และ แบบ เคลื่อนที่ เช่น กระโดดขาเดียว หรือ เคลื่อนไหวร่างกายไปรอบๆห้องด้วยท่าใด ๆ ก็ได้ ฯลฯ ประกอบจงั หวะทคี่ รูเคาะและเม่ือได้ยินสัญญาณ หยดุ ใหห้ ยุดเคลอ่ื นไหวในทา่ นน้ั ทันที 2) ครใู หเ้ ดก็ ฟังข้อตกลงในการการเคล่ือนไหว ประกอบจงั หวะชา้ –เร็ว ดังน้ี - ครชู กู ระดาษสแี ดง ให้เดก็ ทาทา่ ทางและเสียงร้องของสตั ว์ตา่ ง ๆ - ครูชกู ระดาษสีขาว ใหเ้ ด็กทาท่าทางปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ลม ฝน พายุ เปน็ ตน้ - ครูชูกระดาษสเี ขยี ว ใหเ้ ด็กทาทา่ ทางแสดงความร้สู กึ ตา่ ง ๆ เชน่ หัวเราะ ร้องไห้ ตกใจ ฯลฯ 3) เด็กปฏิบัติกิจกรรมตามจงั หวะท่คี รเู คาะช้า-เรว็ เมือ่ ไดย้ ินสญั ญาณหยดุ ให้หยุดนิ่งในทา่ น้นั ๆ ทันที 4) เดก็ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้อ 2 ซ้า โดยมขี ้อแม้วา่ ในแต่ละคร้ังห้ามทาทา่ ทางเหมือนเดมิ 5) หลงั ปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จแล้ว เด็กพักผ่อนอริ ิยาบถ 2 – 3 นาที เพ่อื เตรยี มปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่อไป 5. สือ่ การเรียนรู้ 1) เครื่องเคาะจงั หวะ 2) กระดาษสีแดง ขาว เขียว 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเคลือ่ นไหวส่วนต่างๆของรา่ งกาย 2) สงั เกตการฟังและการปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ที่ 21 วนั ท่ี 2 สาระการเรียนรู้ยอ่ ย ลกั ษณะของสิ่งมชี ีวติ และสง่ิ ไม่มชี วี ติ 1. ชือ่ กิจกรรม เสริมประสบการณ์ ความคดิ รวบยอด สง่ิ มีชวี ิตจะมีการเคลื่อนที่ กินอาหาร ขับถา่ ย หายใจเจริญเตบิ โตและขยายพันธุ์ได้ แตส่ ่งิ ไม่มีชีวิตไม่มีลักษณะดังกลา่ ว 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกลักษณะของสิ่งมีชีวติ และส่ิงไม่มชี วี ิตได้ 2) นบั จานวนและรู้ค่า 17, ๑๗ ได้ถกู ต้อง 3. สาระการเรียนรู้ สาระท่คี วรเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ 1) ลกั ษณะของส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ ไม่มีชีวติ 1) การฟงั เพลง นิทาน คาคล้องจอง บทร้อย กรองหรอื เร่ืองราวตา่ งๆ 2) การนบั จานวนและรู้ค่า 17, ๑๗ 2) การสารวจส่ิงต่างๆและแหล่งเรียนรรู้ อบตวั 3) การพดู อธิบายเกี่ยวกบั ส่งิ ของ เหตกุ ารณ์ และความสมั พันธ์ของสิ่งต่างๆ 4) การมสี ว่ นร่วมในการรวบรวมขอ้ มูลและ การนาเสนอข้อมูลจาการสบื เสาะหาใน รปู แบบตา่ งๆและแผนภูมอิ ย่างง่าย 4. วิธีการจัดกจิ กรรม 1) เด็กพูดทบทวนคาคลอ้ งจอง“สง่ิ มีชวี ิตและสิง่ ไม่มีชวี ติ ”และรว่ มสนทนาประสบการณ์เดิม เกย่ี วกบั สง่ิ มีชวี ติ และสงิ่ ไม่มชี วี ติ 2) ครนู าเด็กออกไปสารวจสงิ่ มชี วี ติ และส่ิงไมม่ ชี วี ติ ในบรเิ วณโรงเรยี น 3) ครนู าเดก็ กลับมาหอ้ งเรียน ให้แต่ละคนบอกชอื่ สงิ่ ทตี่ นเองพบ โดยครเู ขยี นชือ่ สิ่งท่ีเดก็ บอกไว้ใน ตารางบันทึกผลบนกระดานที่ครูเตรียมไว้ 4) เดก็ ชว่ ยกันบอกว่าส่ิงมชี ีวติ และสง่ิ ไมม่ ีชีวิต ท่ีบอกชื่อมาทาอะไรไดบ้ า้ ง มคี วามเหมือนหรอื ตา่ งกัน อย่างไร โดยใชค้ าถาม “เรารไู้ ดอ้ ย่างไรวา่ สงิ่ ใดเป็นสิง่ มีชีวิต สิง่ ใดเปน็ สง่ิ ไมม่ ีชีวติ ” 5) เด็กช่วยกันสรุปลักษณะของสิ่งมีชีวิตท่ีสารวจพบมีลักษณะเหมือนกันคืออะไรบ้าง เช่น หายใจ ฯลฯ และสิ่งไมม่ ีชีวิตมลี กั ษณะเหมอื นกนั คืออะไรบ้าง เช่น หายใจไมไ่ ด้ ฯลฯ 6) ครูสรุปเพิ่มเติมลักษณะสาคัญของสิ่งมีชีวิตท่ีเหมือนกันคือ ต้องการอากาศหายใจ กินอาหาร เจรญิ เติบโต เคลื่อนไหว ขบั ถ่าย และมีลกู หลานได้ และสงิ่ ไม่มชี วี ิตไมม่ ีลักษณะดังกล่าว 7) ครูนาอปุ กรณใ์ นห้องเรียนให้เด็กนบั เชน่ ดินสอ ฯลฯ ฝึกการนับจานวนและร้คู ่าตัวเลข 17 ,๑๗ 5. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1) คาคล้องจองของสง่ิ มชี วี ติ และส่ิงไมม่ ชี ีวิต 2) บตั รตัวเลข 17,๑๗ 3) วัสดุการนบั จานวน 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการบอกลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตและส่ิงไม่มีชวี ิต 2) สังเกตการนบั จานวน
แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วนั ที่ 2 สาระการเรียนรู้ย่อย ลักษณะของสิ่งมชี ีวติ และสิ่งไมม่ ชี วี ติ 1. ชือ่ กจิ กรรม สร้างสรรค์ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) วาดภาพระบายสีตามจินตนาการได้ 2) สร้างผลงานจากการเป่าสีได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ 1) การวาดภาพระบายสี 1) การเขยี นรว่ มกันตามโอกาสและการเขยี นอสิ ระ 2) การเปา่ สี 2) การเขยี นภาพและการเล่นกับสี 3) การทากิจกรรมศิลปะต่าง ๆ 4) การปฏบิ ัตติ นตามสขุ อนามัย สุขนสิ ยั ท่ีดใี นกิจวัตร ประจาวัน 5) การรบั รู้และความคดิ ความรสู้ กึ ผ่านส่อื วสั ดุของ เลน่ และชิน้ งาน 4. วิธีการจัดกจิ กรรม 1) ครูจดั เตรยี มกิจกรรมไว้ 2 กิจกรรม คือ การวาดภาพระบายสี และการเปา่ สี 2) ครูสนทนาและสรา้ งขอ้ ตกลงรว่ มกันกับเดก็ ในการปฏิบตั กิ ิจกรรม การวาดภาพระบายสี และ การเปา่ สี ดงั นี้ 2.1 การวาดภาพสิง่ มีชีวติ และสง่ิ ไม่มีชวี ติ - ครูจัดเตรียม แนะนาอุปกรณ์และสนทนาถงึ การวาดภาพส่ิงมชี ีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต - เด็กอาสาสมัครแจกกระดาษ A 4 ให้เพ่อื น ครูให้เดก็ วาดภาพส่ิงท่มี ชี ีวิตและส่งิ ไม่มีชีวิต อยา่ งละ 2 ชนดิ จากทเ่ี ด็กสารวจพบเหน็ ตามจนิ ตนาการ พร้อมระบายสีใหส้ วยงาม 2.2 การเป่าสี - ครูจัดเตรยี ม แนะนาวัสดอุ ุปกรณ์ที่นามาเป่าสี และสาธติ การเปา่ สดี ว้ ยหลอดกาแฟ ให้เดก็ ดู - แบง่ เดก็ เปน็ กลมุ่ แจกกระดาษA 4 ใหท้ ุกคนในกล่มุ ปฏิบตั ิกิจกรรมการเป่าสี 3) เด็กเลอื กปฏิบตั กิ ิจกรรมตามความสนใจแล้วนาผลงานมาบอกชื่อและเล่าเร่ืองให้ครจู ดบนั ทึก 4) อาสาสมคั รเสนอผลงานตนเองใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ช้นั เรียน 5) เด็กทกุ คนช่วยกันจดั เก็บอปุ กรณ์ และล้างมือใหเ้ รยี บรอ้ ย 5. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1) กระดาษ A 4 2) สเี ทียน, สไี ม้ และสีน้า 3) หลอดกาแฟ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการวาดภาพระบายสตี ามจินตนาการ 2) สงั เกตการสร้างผลงานจากการเปา่ สี
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาหท์ ี่ 21 วนั ท่ี 2 สาระการเรยี นรยู้ ่อย ลักษณะของส่งิ มชี วี ิตและสิ่งไมม่ ีชวี ิต 1. ชอ่ื กิจกรรม เสรี 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) สังเกต สารวจ ทดลอง ค้นคว้า คิดแกป้ ัญหาในการทางานและการเล่นเป็นกลุ่ม 2) มีประสบการณต์ รงในการใช้ภาษา มีจนิ ตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ต่องานและสง่ิ ท่ีตนเลน่ 3) มีวินยั ความรับผดิ ชอบ มมี ารยาท ช่วยเหลือ แบ่งปนั อดทนรอคอยและมจี ติ สาธารณะ 4) มีพฒั นาการทาง ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสตปิ ัญญาอยา่ งสมดุลรอบด้าน 3. สาระการเรียนรู้ สาระท่ีควรเรยี นรู้ - การเล่นตามศูนยเ์ ป็นการเล่นในศูนย์ประสบการณต์ ่าง ๆ อย่างอสิ ระผ่านการเลน่ ทดลอง คิดค้นคว้า สรา้ งสรรค์ การแก้ปัญหาและการแสวงหาคาตอบ ซ่งึ จะช่วยพัฒนาความคิด จนิ ตนาการ ภาษาควบคู่ไปกบั ความมวี ินัย ความรับผดิ ชอบ การรอคอย การแบ่งปนั การใฝ่รแู้ ละการอยู่ร่วมกนั เพ่ือพัฒนาการเข้าสูส่ งั คม ประสบการณส์ าคญั 1) การเล่นเครอ่ื งเล่นสัมผสั และการสรา้ งสงิ่ ต่างๆจากแท่งไม้ บล็อก 2) การต่อของชิ้นเล็กเติมในชิ้นใหญ่ใหส้ มบรู ณ์และการแยกชนิ้ ส่วน 3) การเล่นและการทางานร่วมกบั ผู้อื่น 4) การรับรู้ แสดงความรู้สกึ ผ่านส่อื วัสดุ ของเล่นและชิ้นงาน 5) การเล่นตามมุมประสบการณ/์ มุมเล่นต่างๆ 6) การสร้างสรรคช์ น้ิ งานโดยใชร้ ูปร่างรปู ทรงจากวสั ดุทหี่ ลากหลาย 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรม 1) ครูแนะนาการเล่นการปฏิบัติตนในการเล่นศนู ย์กจิ กรรมเสรีตามข้อตกลง 2) เดก็ เลอื กเล่นศูนย์กิจกรรมเสรีตามความสนใจ 3) ครใู ห้คาแนะนากระตุ้นสง่ เสริมให้คาชมเชยเพื่อให้เด็กเกิดการพฒั นาอย่างสมดุลรอบด้านเต็มตามศักยภาพ 4) ให้เดก็ เลน่ อย่างอิสระหลังจากเลกิ เลน่ ใหเ้ ด็กทาความสะอาดอุปกรณ์ พร้อมกับเกบ็ ของเขา้ ที่ใหเ้ รียบร้อย 5. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ - อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ท่ีจัดไวต้ ามศูนยก์ จิ กรรมเสรี ต้องสอดคล้องสมั พันธก์ ับหน่วยการเรียนรู้ 6. การประเมินผล 1) สงั เกตพฤตกิ รรมการสารวจ ทดลอง คน้ คว้า คดิ แกป้ ัญหาในการทางานและการเลน่ เป็นกลุ่ม 2) สังเกตการใช้ภาษา ตรวจผลงานการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการคิดสรา้ งสรรค์ ตอ่ งานและสงิ่ ที่เล่น 3) สังเกตความมีวนิ ยั ความรบั ผิดชอบ มารยาท การชว่ ยเหลือ แบ่งปนั อดทนรอคอยและมจี ติ สาธารณะ 4) สงั เกตความกา้ วหน้าของพฒั นาการทัง้ 4 ดา้ น หมายเหตุ ครูปรับเปล่ยี นสื่อ วัสดอุ ปุ กรณใ์ นศูนยใ์ หส้ ัมพนั ธ์กับหนว่ ยการเรยี นรตู้ ามความพรอ้ มและจดุ เน้นของสถานศึกษา
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วนั ท่ี 2 สาระการเรียนรยู้ อ่ ย ลักษณะของสง่ิ มีชวี ติ และสง่ิ ไมม่ ชี วี ิต 1. ช่ือกิจกรรม กลางแจ้ง 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) เลน่ เกมกระรอกเข้าโพรงได้ 2) เลน่ และทากิจกรรมรว่ มกับผอู้ ืน่ ได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ - การเล่นเกมกระรอกเข้าโพรง 1) การเคลื่อนไหวเพือ่ ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง ระดับและพืน้ ที่ 2) การปฏบิ ัติตนตามสขุ อนามัย สขุ นสิ ัยท่ีดีในกิจวตั ร ประจาวนั 3) การเล่นและทางานรว่ มกับผอู้ ืน่ 4) การเล่นนอกห้องเรยี น 5) การเลน่ อิสระ 4. วธิ กี ารจดั กิจกรรม 1) เด็กเข้าแถวเดินไปท่ีสนาม ใหเ้ ดก็ ยนื เป็นวงกลมอบอุ่นร่างกายโดยครูเป็นผนู้ าใหเ้ ด็กปฏบิ ัติตาม 2) เดก็ อาสาออกมาเป็นผนู้ าในการทาทา่ ทางประมาณ 3-4 คน และให้เพ่ือนปฏิบัติตาม 3) ครแู นะนากติกาและสาธิตวิธีการเลน่ เกมกระรอกเข้าโพรงใหเ้ ดก็ ดู และใหท้ ดลองเล่นก่อน 1 ครง้ั 4) แบง่ เด็กเป็น 2 กลุ่ม กล่มุ แรกเปน็ โพรงโดยให้เด็กจบั มอื กนั เปน็ คู่ กลมุ่ ที่ 2 เปน็ กระรอก ซ่งึ ต้องมี จานวนกระรอกมากกว่าจานวนโพรง 5) เมื่อได้ยินเสียงนกหวีด ให้เด็กท่เี ปน็ กระรอกวิง่ หาโพรงเข้าไปอยู่ใหไ้ ด้ กระรอกตัวใดไม่มีโพรงต้องออก จากเกมการเลน่ มาเป็นกรรมการรว่ มกบั ครู และเด็กทเ่ี ป็นโพรงใหม้ าเป็นกระรอกทีละ 1-2 คู่ 6) เม่ือไดย้ นิ เสยี งสญั ญาณนกหวดี อกี คร้ัง กระรอกทุกตัวต้องหาโพรงใหม่ไมใ่ ห้ซ้าโพรงเดิม ใครเปลี่ยน โพรงไม่ได้ถอื วา่ แพต้ ้องออกจากเกม 7) ปฏิบัตกิ ิจกรรมซ้า จนเดก็ ทกุ คนไดเ้ ป็นกระรอก 8) เมือ่ ได้ยนิ สญั ญาณนกหวดี จากครู ใหเ้ ด็กหยดุ เล่นและมาเข้าแถวเด็กทาความสะอาดร่างกาย เดนิ แถวเข้าหอ้ งเรยี น 5. ส่อื การเรยี นรู้ - นกหวดี 6. การประเมินผล 1) สงั เกตการเลน่ เกมกระรอกเขา้ โพรง 2) สงั เกตการเลน่ ร่วมกับผูอ้ นื่
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี 21 วันที่ 2 สาระการเรยี นรยู้ ่อย ลักษณะของสงิ่ มีชีวติ และส่งิ ไมม่ ชี วี ิต 1. ชอื่ กิจกรรม เกมการศึกษา 2) เล่นและทากิจกรรมรว่ มกับผูอ้ ื่นได้ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั 1) เล่นเกมจับคภู่ าพกบั คาได้ 1) การเล่นเกมทางภาษา 3. สาระการเรียนรู้ 2) การเลน่ รายบคุ คล กลุ่มย่อยและ กลุม่ ใหญ่ 3) การตัดสนิ ใจและมสี ่วนรว่ มในกระบวนการ สาระท่ีควรเรียนรู้ -เกมจบั คภู่ าพกบั คา แก้ปัญหา 4) การจบั คู่ การเปรียบเทียบ และการเรยี งลาดบั สงิ่ ต่างๆตามลักษณะ 5) การเล่นและทางานร่วมกับผ้อู ื่น 4. วิธีการจดั กิจกรรม 1) เดก็ นง่ั ตามกลมุ่ สีหรือคร่ึงวงกลม ปฏบิ ตั ติ ามคาสง่ั ครู เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มก่อนเล่นเกมการศกึ ษา เช่น ยกมือซ้าย – ขวา ตบมอื 3 ครง้ั ฯลฯ 2) ครูนาเกมจบั คภู่ าพกบั คา และเกมชุดอืน่ ๆ ทเี่ คยเล่นมาแลว้ มาให้เดก็ ดู 3) ครสู นทนาและสาธิตวธิ ีการเล่นเกมจับคู่ภาพกับคาและเกมการศึกษาชุดเก่าท่เี คยเลน่ มาแลว้ ให้เดก็ ฟัง แบ่งเด็กออกเปน็ กลมุ่ แจกเกมจบั คู่ภาพกบั คาและเกมอ่ืนๆ กลุ่มละ 1 ชุด 4) กลมุ่ ใดเลน่ เกมการศกึ ษาได้ครบสมบรู ณ์ ครตู รวจสอบความถูกต้อง ให้เด็กแต่ละกลุ่มสลบั กัน เล่นเกมแตล่ ะชดุ จนครบทุกกลุ่ม 5) เมือ่ เลน่ เสร็จแล้ว เดก็ ชว่ ยกันเก็บเกมการศกึ ษา เขา้ ที่ใหเ้ รียบร้อย 5. สือ่ การเรียนรู้ 1) เกมจบั คภู่ าพกบั คา 2) เกมการศึกษาชุดอนื่ ๆทีเ่ คยเลน่ มาแลว้ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเล่นเกมจับคู่ภาพกบั คา 2) สังเกตการเลน่ ร่วมกับผอู้ ่นื
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วนั ท่ี 3 สาระการเรยี นรยู้ ่อย ประเภทของส่งิ มีชีวติ และสิง่ ไมม่ ีชีวติ 1. ช่ือกิจกรรม เคลอ่ื นไหวและจงั หวะ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เคลือ่ นไหวสว่ นตา่ งๆของร่างกายได้ 2) กล้าแสดงออกในการเปน็ ผู้นาผตู้ ามท่ดี ีได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระทค่ี วรเรียนรู้ ประสบการณ์สาคญั - การเปน็ ผู้นา-ผตู้ าม 1) การเคล่ือนไหวอยู่กบั ท/่ี เคลอื่ นท่ี 2) การให้ความร่วมมือในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆ 3) การฟังเพลง การร้องเพลง และแสดงปฏิกริ ิยา โต้ตอบเสียงดนตรี 4. วธิ ีการจัดกจิ กรรม 1) เด็กปฏิบัติกิจกรรมแบบไม่เคล่ือนที่ เช่น แกว่งหรือหมุนเหวี่ยงหรือสั่นส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (แขน ขา ลาตัว มือ) และแบบเคล่ือนท่ี เช่น ก้าวสไลด์ไปทางข้างหน้า-หลัง-ซ้าย-ขวา หรือ เคล่ือนไหวร่างกายไปรอบๆห้องด้วยท่าใดๆ ก็ได้ ฯลฯ ประกอบจังหวะที่ครูเคาะและเมื่อได้ยิน สัญญาณหยดุ ให้หยุดเคลื่อนไหวในทา่ นน้ั ทันที 2) ครูแนะนาการปฏิบตั ิกจิ กรรมการเป็นผู้นา – ผู้ตาม 3) ครูใหเ้ ดก็ จบั มอื เปน็ วงกลม นาลูกบอลใหเ้ ด็ก 1 คน ส่งต่อไปทางขวามือให้เพ่ือนเมื่อไดย้ ินเสียงเพลง และเม่ือเพลงหยดุ ลูกบอลอยู่ทใี่ คร คนน้นั ตอ้ งออกมาทาทา่ ทางตามจินตนาการ แลว้ ใหเ้ พ่ือนทา ตามทา่ ละ 10 คร้ัง 4) ครนู าลกู บอลใหเ้ ด็กทอี่ ยู่ถัดจากเด็กท่ีออกไปนาเพือ่ นเริ่มต้นการเลน่ ใหม่ ใหส้ ง่ ลูกบอลตอ่ ไปเมอ่ื ได้ยนิ เสียงเพลง และปฏิบัติกจิ กรรมซา้ ตามกจิ กรรมในข้อ 3 ถา้ เดก็ คนไหนไมส่ ามารถปฏิบัติกิจกรรมครคู อย แนะนาช่วยเหลอื 5) หลังปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเสร็จแล้ว เด็กพักผอ่ นอริ ิยาบถ 2 – 3 นาที เพ่ือเตรียมปฏิบัตกิ จิ กรรมต่อไป 5. สื่อการเรยี นรู้ 1) เครอื่ งเคาะจังหวะ 2) ลกู บอล 3) แผ่นซดี ีเพลง / เครอ่ื งเลน่ ซีดี 6. การประเมินผล 1) สงั เกตการเคล่ือนไหวสว่ นจ่างๆของรา่ งกาย 2) สังเกตการเป็นผนู้ า – ผู้ตาม
แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาหท์ ี่ 21 วันที่ 3 สาระการเรียนรูย้ อ่ ย ประเภทของสิง่ มชี ีวิตและส่งิ ไมม่ ีชวี ติ 1. ชือ่ กิจกรรม เสรมิ ประสบการณ์ ความคดิ รวบยอด สง่ิ มชี ีวติ มี 2 ประเภท คอื ประเภทท่ี 1 สามารถเคลอื่ นท่ีได้ ประเภทท่ี 2 ไม่สามารถเคลื่อนท่ีได้ สงิ่ ไมม่ ชี วี ิต มี 2 ประเภท คอื สงิ่ ไมม่ ีชวี ิตที่มนุษย์สรา้ งขนึ้ และสิง่ ไม่มชี วี ติ ท่ีเกิดขน้ึ ตามธรรมชาติ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกประเภทของสงิ่ มีชีวติ และสิ่งไม่มชี ีวติ ได้ 2) บอกคาตรงข้ามตาย-เปน็ ได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ - ประเภทของสงิ่ มชี วี ติ และส่ิงไม่มชี ีวิต 1) การรว่ มสนทนาและแลกเปลีย่ นความคดิ เห็น - คาตรงข้ามตาย-เป็น 2) การคดั แยก การจัดกล่มุ และการจาแนกส่ิงต่างๆตาม ลักษณะและรูปรา่ ง รูปทรง 3) การมีสว่ นรว่ มในการรวบร่วมข้อมูลและนาเสนอ ข้อมูลจาการสบื เสาะหาความรูใ้ นรูแบบตา่ งๆและ แผนภมู ิอย่างง่าย 4. วธิ ีการจัดกิจกรรม 1) เด็กและครูรว่ มสนทนาถึงกิจกรรมทผ่ี า่ นมา และประสบการณเ์ ดมิ เก่ยี วกบั ส่ิงมีชวี ติ และ สง่ิ ไม่มชี วี ิตโดยใชค้ าถาม“เดก็ ๆจาได้หรอื ไมว่ ่ากจิ กรรมทผ่ี ่านมา เราเรยี นรู้เรือ่ งอะไรบ้าง” เพื่อ เชอ่ื มโยงความรู้เดมิ ของเด็กเกย่ี วกับความหมาย และลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสง่ิ ไมม่ ีชีวิต 2) เด็กบอกชื่อสงิ่ มีชีวิตและสิ่งไมม่ ชี วี ติ คนละ 1 อย่าง ครเู ขียนชือ่ บนกระดาน 3) แบ่งเด็กตามกลุ่มสี หรือกลุ่มละ 4-5 คน ครูให้เด็กแต่ละกลุ่มร่วมกันจัดกลุ่มประเภทของส่ิงมีชีวิต และส่ิงไม่มชี ีวิต จากช่อื ของส่ิงมีชวี ติ และสง่ิ ไมม่ ีชีวิตท่เี ด็กเสนอมาโดยใชค้ าถาม ดงั นี้ - เดก็ ๆคิดวา่ สง่ิ มีชีวิตและสง่ิ ไม่มชี วี ิต เราสามารถแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ กกี่ ลุ่ม อะไรบ้าง - ทาไมเดก็ ๆจงึ แบ่งกลมุ่ เช่นนน้ั 4) ตวั แทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานกลุ่มของตวั เอง 5) เด็กและครูร่วมกันสรปุ ประเภทของส่ิงมีชวี ิตและสง่ิ ไมม่ ีชีวิต 6) ครสู นทนาเกี่ยวกบั คาตรงข้ามเป็น-ตาย โดยให้เดก็ ดภู าพเปรียบเทียบส่ิงมีชีวิตตา่ ง ๆ 2 ลกั ษณะ เช่น ภาพปลากาลังวา่ ยน้า กบั ภาพปลาทอ่ี ยู่บนบก ฯลฯ 5. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ - บัตรภาพส่งิ มีชีวิตและส่งิ ไมม่ ชี วี ติ 6. การประเมินผล 1) สงั เกตการบอกประเภทของส่ิงมีชีวติ และสงิ่ ไม่มชี ีวิต 2) สงั เกตการบอกคาตรงข้ามตาย-เป็นได้
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 21 วันท่ี 3 สาระการเรยี นรยู้ อ่ ย ประเภทของส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ ไมม่ ีชีวติ 1. ชอื่ กิจกรรม สรา้ งสรรค์ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) สร้างภาพด้วยทรายสีตามจินตนาการได้ 2) สรา้ งผลงานการพิมพภ์ าพด้วยเชือกได้ 3) ใช้กล้ามเน้ือเล็กทางานประสานสมั พนั ธ์ระหว่างมือ-ตาได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระท่คี วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ 1) การสร้างภาพด้วยทรายสีตามจินตนาการ 1) การเขยี นภาพและการเลน่ กับสี 2) การพิมพ์ภาพด้วยเชอื ก 2) การทากิจกรรมศลิ ปะตา่ งๆ 3) การรบั รแู้ ละแสดงความคดิ ความรู้สกึ ผา่ นสอื่ วัสดุ ของเลน่ และชนิ้ งาน 4) การปฏิบัติตนตามสุขอนามัย สขุ นสิ ยั ทีดีในกจิ วัตร ประจาวัน 4. วิธีการจัดกิจกรรม 1) ครูจดั เตรยี มกิจกรรมไว้ 2 กิจกรรม คอื การสร้างภาพด้วยทรายสีตามจนิ ตนาการ และการพมิ พ์ ภาพด้วยเชือก 2) ครูสนทนาและสร้างข้อตกลงร่วมกนั กับเดก็ ในการปฏิบตั กิ จิ กรรมการสรา้ งภาพด้วยทรายสี ตามจนิ ตนาการ และการพมิ พ์ ภาพดว้ ยเชือก ดงั น้ี 2.1 การสร้างภาพด้วยทรายสตี ามจินตนาการ - ครจู ัดเตรยี มและแนะนาวัสดุอุปกรณ์ทีน่ ามาสรา้ งภาพด้วยทรายสีตามจินตนาการ - ครแู นะนา และสาธิตการการสร้างภาพด้วยทรายสีตามจนิ ตนาการ โดยให้เดก็ ใชก้ าววาด ภาพตามจินตนาการทีละสว่ น ใช้ชอ้ นตักทรายสี โรยไปท่รี อยกาว - แบง่ เด็กเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4- 5 คน อาสาสมัครของกลมุ่ หรอื หัวหนา้ กล่มุ แจกกระดาษ A 4 ให้เพ่ือนในกลุ่มปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการสรา้ งภาพดว้ ยทรายสตี ามจินตนาการ 2.2 การพิมพ์ภาพด้วยเชือก - ครูจัดเตรยี ม แนะนาวัสดอุ ุปกรณ์และสาธติ การพิมพ์ภาพด้วยเชือก โดยให้เด็กพบั กระดาษ A 4 เป็นสองสว่ น นาเชอื กยอ้ มสีน้า เว้นปลายเชอื กไว้จับ นาเชือกมา วางบนกระดาษเพยี งส่วนเดียวจับปลายเชือกส่วนท่ไี มย่ อ้ มสี (วางเชอื กเปน็ ลกั ษณะใดก็ไดต้ ามความต้องการ) พบั กระดาษอกี ส่วนมาทับเชือกใชม้ อื กดทับให้ตรงเชือกทีว่ าง และดึงเชอื กออก - แบ่งเด็กเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4- 5 คน หรอื ตามกลุ่มประจาสี อาสาสมัครของกล่มุ หรอื หวั หน้ากลุ่ม แจกกระดาษ A 4 ใหเ้ พ่ือนทกุ คนปฏิบัติกจิ กรรมการพมิ พภ์ าพดว้ ยเชือก 3) เด็กเลอื กปฏิบตั กิ ิจกรรมตามความสนใจแลว้ นาผลงานมาบอกชอ่ื และเลา่ เร่ืองใหค้ รูจดบนั ทกึ 4) ใหอ้ าสาสมคั รเสนอผลงานตนเองใหเ้ พือ่ นฟงั หน้าชั้นเรียน 5) ใหเ้ ดก็ ทกุ คนช่วยกันจัดเก็บอปุ กรณ์ และล้างมอื ให้เรยี บรอ้ ย 5. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1) กระดาษ A 4 2) สีนา้ , พ่กู ัน , จานสี 3) ทรายสตี ่างๆ 4) กาว 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการสรา้ งภาพด้วยทรายสีตามจินตนาการ 2) สังเกตการสรา้ งผลงานการพิมพภ์ าพด้วยเชอื ก 3) สงั เกตการใชก้ ล้ามเนอื้ เล็กทางานประสานสมั พันธร์ ะหว่างมือ-ตา
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ี่ 21 วนั ที่ 3 สาระการเรยี นรยู้ ่อย ประเภทของสิ่งมีชวี ิตและสงิ่ ไมม่ ีชวี ิต 1. ช่ือกจิ กรรม เสรี 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) สงั เกต สารวจ ทดลอง คน้ คว้า คิดแก้ปัญหาในการทางานและการเล่นเปน็ กลุ่ม 2) มีประสบการณ์ตรงในการใชภ้ าษา มจี ินตนาการ ความคดิ สร้างสรรค์ ตอ่ งานและส่ิงที่ตนเล่น 3) มีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ มมี ารยาท ชว่ ยเหลือ แบง่ ปนั อดทนรอคอยและมีจิตสาธารณะ 4) มพี ัฒนาการทาง ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คมและสตปิ ญั ญาอย่างสมดุลรอบด้าน 3. สาระการเรียนรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ - การเล่นตามศูนย์เป็นการเล่นในศูนยป์ ระสบการณ์ตา่ ง ๆ อย่างอิสระผา่ นการเลน่ ทดลอง คิดค้นควา้ สรา้ งสรรค์ การแกป้ ัญหาและการแสวงหาคาตอบ ซง่ึ จะช่วยพัฒนาความคิด จนิ ตนาการ ภาษาควบคู่ไปกบั ความมีวินยั ความรับผดิ ชอบ การรอคอย การแบ่งปนั การใฝ่รู้และการอยู่ร่วมกันเพ่ือพัฒนาการเข้าสู่สังคม ประสบการณ์สาคญั 1) การเล่นเครือ่ งเลน่ สัมผสั และการสรา้ งส่ิงต่างๆจากแท่งไม้ บลอ็ ก 2) การต่อของช้นิ เล็กเติมในช้นิ ใหญ่ให้สมบูรณ์และการแยกชน้ิ ส่วน 3) การเล่นและการทางานรว่ มกับผอู้ ่ืน 4) การรบั รู้ แสดงความร้สู กึ ผ่านสื่อ วสั ดุ ของเล่นและชนิ้ งาน 5) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์/มมุ เลน่ ตา่ งๆ 6) การสรา้ งสรรคช์ ิน้ งานโดยใช้รูปรา่ งรูปทรงจากวสั ดทุ ีห่ ลากหลาย 4. วิธกี ารจดั กิจกรรม 1) ครูแนะนาการเล่นการปฏบิ ัติตนในการเล่นศูนย์กจิ กรรมเสรตี ามข้อตกลง 2) เดก็ เลือกเล่นศูนย์กิจกรรมเสรีตามความสนใจ 3) ครูใหค้ าแนะนากระตุ้นสง่ เสริมใหค้ าชมเชยเพ่ือให้เดก็ เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลรอบด้านเต็มตามศักยภาพ 4) ให้เด็กเล่นอยา่ งอิสระหลงั จากเลกิ เลน่ ให้เด็กทาความสะอาดอปุ กรณ์ พร้อมกบั เก็บของเขา้ ทใ่ี ห้เรียบร้อย 5. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ - อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จดั ไวต้ ามศนู ยก์ จิ กรรมเสรี ต้องสอดคล้องสมั พันธก์ ับหน่วยการเรยี นรู้ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตพฤติกรรมการสารวจ ทดลอง ค้นคว้า คิดแกป้ ญั หาในการทางานและการเลน่ เปน็ กลมุ่ 2) สังเกตการใชภ้ าษา ตรวจผลงานการปฏิบัตกิ ิจกรรมการคิดสร้างสรรค์ ตอ่ งานและส่งิ ทเี่ ลน่ 3) สงั เกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ มารยาท การช่วยเหลือ แบง่ ปัน อดทนรอคอยและมจี ิตสาธารณะ 4) สังเกตความก้าวหนา้ ของพฒั นาการทง้ั 4 ด้าน หมายเหตุ ครปู รบั เปลีย่ นสอ่ื วัสดอุ ปุ กรณ์ในศนู ย์ใหส้ มั พนั ธ์กบั หนว่ ยการเรียนรตู้ ามความพรอ้ มและจดุ เนน้ ของสถานศึกษา
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ี่ 21 วนั ที่ 3 สาระการเรยี นรยู้ ่อย ประเภทของสงิ่ มชี ีวิตและส่ิงไมม่ ีชีวติ 1. ช่ือกจิ กรรม กลางแจ้ง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) เลน่ เกมกระซิบข่าวได้ 2) เล่นและทากิจกรรมรว่ มกับผู้อนื่ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั - การเล่นเกมกระซบิ ขา่ ว 1) การเล่นและทางานร่วมกับผู้อ่นื 2) การเลน่ เปน็ รายบุคคล กลุ่มย่อยและกล่มุ ใหญ่ 3) การเลน่ นอกหอ้ งเรียน 5) การเลน่ อสิ ระ 6) การตัดสินใจและมสี ่วนร่วมในกระบวนการ แก้ปญั หา 7) การปฏบิ ัตติ นตามสุขอนามัย สุขนิสัยทด่ี ใี นกิจวตั ร ประจาวนั 4. วิธีการจัดกิจกรรม 1) เด็กเข้าแถวเดินไปทสี่ นาม ใหเ้ ดก็ ยืนเป็นวงกลมอบอุ่นรา่ งกายโดยครเู ป็นผ้นู าให้เด็กปฏบิ ตั ติ าม 2) เดก็ อาสาออกมาเป็นผูน้ าในการทาทา่ ทางประมาณ 3-4 คน และใหเ้ พ่ือนปฏิบตั ิตาม 3) ครแู นะนากติกาและสาธติ วธิ กี ารเล่นเกมกระซิบข่าวให้เด็กดู และให้ทดลองเล่นกอ่ น 1 คร้งั 4) แบง่ เด็กเปน็ 5 กลมุ่ ระหวา่ งเดก็ ผู้หญงิ -เด็กผู้ชาย เข้าแถวตอนลึก ใหเ้ ด็กที่ยนื หนา้ สุดเปน็ ผมู้ ารบั ฟัง ขา่ วจากครู ดังน้ี “น้องซุกซน ทาหมึกหก รดมุ้งหมด” และเม่อื ฟงั ขา่ วเสร็จแล้วใหก้ ลบั ไปยืนท่ีเดิม รอฟังเสยี งสัญญาณนกหวดี ให้เริ่มกระซิบบอกขา่ วกับเพื่อนทอี่ ยถู่ ัดไปเรื่อย ๆ จนหมดแถว 5) คนสุดท้ายของแถวให้นาข่าวท่ไี ด้ยนิ มาบอกครู แถวใดบอกข่าวไดผ้ ิดพลาดน้อยทส่ี ดุ เปน็ ผชู้ นะ 6) เดก็ เล่นเกมซ้าอกี ครงั้ 7) เดก็ เล่นอสิ ระกลางแจ้งเม่ือได้ยินสญั ญาณนกหวีดจากครู ให้เด็กหยดุ เลน่ และมาเข้าแถว 8) เด็กทาความสะอาดรา่ งกาย และเดินแถวเข้าหอ้ งเรียน 5. สื่อการเรยี นรู้ - นกหวดี 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเลน่ เกมกระซิบข่าว 2) สงั เกตการเล่นและทากจิ กรรมร่วมกับผู้อนื่
แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ที่ 21 วนั ที่ 3 สาระการเรียนรูย้ ่อย ประเภทของสิง่ มีชีวติ และสิง่ ไมม่ ีชีวิต 1. ช่ือกจิ กรรม เกมการศึกษา 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) เล่นเกมลอตโตได้ 2) เล่นและทากิจกรรมร่วมกับผอู้ ่นื ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระท่คี วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ -การเล่นเกมลอตโต 1) การสงั เกตลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลยี่ นแปลง และความสัมพนั ธ์ของส่ิงตา่ งๆโดยใช้ประสาทสมั ผัส อยา่ งเหมาะ 2) การเลน่ รายบุคคล กลุม่ ย่อยและ กลุ่มใหญ่ 3) การพดู อธบิ ายเก่ียวกบั ส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และ ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ ตา่ ง ๆ 4) การเลน่ และทางานร่วมกับผู้อ่ืน 4. วธิ ีการจดั กจิ กรรม 1) เดก็ นงั่ ตามกลุม่ สีหรือครง่ึ วงกลม ปฏิบัติตามคาสง่ั ครู เพื่อเตรยี มความพร้อมก่อนเลน่ เกมการศกึ ษา เช่น สะบัดมอื 2 ครั้ง , ยกั ไหล่ 3 ครัง้ ฯลฯ 2) ครูนาเกมลอตโตเก่ียวกบั ส่งิ มีชีวติ และส่ิงไมม่ ีชวี ิต และเกมการศึกษาชดุ อื่น ๆ ที่เคยเล่นมาแลว้ มาให้ เด็กดู 3) ครูสนทนาและสาธิตวธิ ีการเล่นเกมภาพลอตโตส่งิ มีชีวิตและสิง่ ไมม่ ชี ีวิต โดยใหเ้ ด็กสังเกต รายละเอียดในภาพใหญ่ และหาเงาสตั ว์ในภาพเลก็ ทมี่ ีอยู่ในภาพใหญ่ และทบทวนเกมการศึกษา อน่ื ๆ ให้เดก็ ฟงั 4) แบ่งเดก็ ออกเป็นกลุม่ ตามกลุม่ สี และแจกเกมลอตโตกลุ่มละ 1 ชดุ 5) กลมุ่ ใดเลน่ เกมลอตโตได้ครบสมบูรณ์ ครูตรวจสอบความถูกต้อง ใหเ้ พ่อื นปรบมือชมเชย 6) เดก็ แตล่ ะกลุ่มสลับกันเล่นเกมแต่ละชดุ จนครบทุกกลุ่ม 7) เมอื่ เล่นเสร็จแล้ว เดก็ ชว่ ยกนั เกบ็ เกมการศกึ ษา เข้าทใ่ี หเ้ รยี บรอ้ ย 5. ส่ือการเรยี นรู้ 1) เกมลอตโตสิ่งมีชวี ติ และส่ิงไม่มีชีวิต 2) เกมการศึกษาชุดอ่ืนๆ ท่เี ลน่ มาแลว้ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเลน่ เกมจบั คู่จานวนภาพกับตัวเลข 2) สงั เกตการเลน่ ร่วมกับผูอ้ น่ื
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วนั ที่ 4 สาระการเรียนร้ยู ่อย ประโยชนแ์ ละโทษของสิ่งมีชีวติ และสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ 1. ชื่อกจิ กรรม เคล่อื นไหวและจังหวะ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) เคลอ่ื นไหวส่วนตา่ งๆของร่างกายได้ 2) เคลือ่ นไหวรา่ งกายตามคาสั่งคาตรงข้ามได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ - การเคล่อื นไหวร่างกายตามคาส่ังคาตรงข้าม 1) การเคลื่อนไหวอยกู่ ับท่ี/เคลอื่ นท่ี 2) การเคล่ือนไหวเพ่ือควบคุมตนเองไปใน ทศิ ทางระดับและพนื้ ที่ 3)การปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆตามความสามารถ ของตนเอง 4. วธิ กี ารจดั กิจกรรม 1) เดก็ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมแบบไม่เคล่ือนที่ เช่น หมนุ เอว ก้มตวั ส่ายสะโพก ฯลฯ และแบบเคลือ่ นท่ี เชน่ กระโดดขาเดียว ว่ิงทา่ มา้ ฯลฯ ประกอบจงั หวะท่ีครูเคาะ และเมอ่ื ได้ยินสัญญาณ หยดุ ให้หยดุ เคลือ่ นไหวในทา่ นั้นทันที 2) ครูแนะนาการปฏิบตั กิ ิจกรรมการเคลอื่ นไหวร่างกายตามคาสั่งคาตรงข้าม 3) ครใู ห้เด็กฟงั คาส่ังการเคล่อื นไหว โดยครใู ห้เด็กทาท่าทางตรงกนั ขา้ มกับท่ีครูพดู เช่น - กระโดดไปทางขวา 3 ครั้ง (เดก็ ต้องกระโดดไปทางซ้าย 3 คร้ัง) - ยืดตัวใหส้ ูง (เดก็ ตอ้ งหดตัวใหต้ า่ ) - แกว่งแขนใหช้ ้า (เด็กต้องแกวง่ แขนให้เรว็ ) - ทาตวั ให้กว้าง (เดก็ ต้องทาตวั ให้แคบ) - ทาทา่ ร้องไห้ (เด็กตอ้ งแสดงทา่ หวั เราะ ,ยม้ิ ) ฯลฯ 4) เดก็ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยครคู อยสงั เกต และการช่วยเหลือเด็กที่ไมส่ ามารถปฏิบัตกิ ิจกรรมได้ 5) หลังปฏบิ ัติกจิ กรรมเสรจ็ แล้ว เดก็ พักผ่อนอริ ยิ าบถ 2 – 3 นาที เพอื่ เตรียมปฏิบัติกิจกรรม ต่อไป 5. สอ่ื การเรยี นรู้ - เครอ่ื งเคาะจังหวะ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเคล่ือนไหวส่วนต่างๆของรา่ งกาย 2) สังเกตการเคลื่อนไหวร่างตามคาส่ังคาตรงขา้ ม
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาหท์ ่ี 21 วนั ท่ี 4 สาระการเรยี นรยู้ อ่ ย ประโยชน์และโทษของสิ่งมีชวี ติ และสง่ิ ไมม่ ีชวี ติ 1. ชื่อกจิ กรรม เสริมประสบการณ์ ความคดิ รวบยอด สิง่ มีชีวติ และส่งิ ไม่มีชีวิต ตอ้ งอาศยั พง่ึ พาซ่งึ กันและกัน ต่างมปี ระโยชน์เก้อื กูลตอ่ กนั ส่ิงมีชวี ติ และ ส่งิ ไม่มชี ีวติ บางประเภทมีโทษตอ่ มนุษย์ เราควรระมดั ระวงั ในการใช้ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกประโยชน์และโทษของสิง่ มีชวี ติ และสิ่งไม่มชี ีวติ ได้ 2) บอกความหมายโจทยป์ ัญหาได้ 3) สนทนาและแสดงความคดิ เหน็ ได้ 3.สาระการเรยี นรู้ สาระท่ีควรเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั - ประโยชน์และโทษของสิง่ มชี ีวติ และสิง่ ไมม่ ีชีวิต 1) การรว่ มสนทนาและแลกเปลย่ี นความ คิดเหน็ - ความหมายโจทยป์ ญั หา 2) การอธบิ ายเก่ยี วกบั ส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และ ความสัมพนั ธ์ของสิ่งต่างๆ 3) การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์กบั เหตุการณใ์ น ชีวติ ประจาวัน 4) การพูดกบั ผู้อ่ืนเกีย่ วกบั ประสบการณ์ของตนเอง หรอื เลา่ เรือ่ งราวเกีย่ วกบั ตนเอง 5) การใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่างๆ 4.วธิ ีการจดั กิจกรรม 1) ครสู นทนาทบทวนรว่ มกบั เดก็ เกีย่ วกับประเภทของส่ิงมชี วี ติ และไม่มีชวี ิต 2) นาบัตรภาพส่ิงมีชวี ติ และสงิ่ ไมม่ ชี วี ิตแตล่ ะประเภทให้เดก็ ดู สนทนาเก่ยี วกับประโยชนแ์ ละโทษของ สิง่ มชี ีวติ แตล่ ะประเภท โดยครตู ง้ั คาถาม - เดก็ ๆคิดว่าสิ่งมชี ีวิตและสิ่งไมม่ ีชวี ติ มปี ระโยชน์และโทษหรือไม่ อยา่ งไร - ทาไมเดก็ ๆ คดิ เชน่ นั้น เรามีวธิ ีป้องกนั อนั ตรายจากส่งิ เหล่านไี้ ดอ้ ย่างไร 3) ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ ถงึ ประโยชน์และโทษหรืออันตรายทเี่ กิดจากสิ่งมชี ีวิต และสิ่งไมม่ ชี วี ติ 4) ครใู หเ้ ด็กออกมาเลา่ ประสบการณข์ องตนเกยี่ วกับการไดร้ บั ประโยชน์ หรือโทษจากส่ิงมชี ีวิต และ ส่ิงไม่มีชีวิต 5) ครสู นทนาเก่ียวกบั ความหมายของโจทยป์ ัญหา และใหเ้ ดก็ ๆ ตัง้ โจทย์ปญั หาจากประโยคสัญลกั ษณ์ทค่ี รกู าหนด เช่น 5 + 2 = 7 ( แม่มีปลา 5 ตวั ซือ้ มาอกี 2 ตัว แม่รวมมีปลากตี่ วั ) ฯลฯ 6) เด็กและครูร่วมกนั สรปุ ประโยชน์และโทษของส่ิงมชี วี ติ - ส่งิ ไมม่ ชี วี ิต และความหมายหรอื การเขยี น โจทย์ปญั หา 5. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ - บัตรภาพสง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ ไมม่ ีชีวติ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการบอกประโยชนแ์ ละโทษของส่งิ มีชวี ติ และสิ่งไม่มีชีวติ 2) สงั เกตการบอกความหมายโจทยป์ ัญหา 3) สังเกตการร่วมสนทนาแสดงความคิดเหน็
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาหท์ ่ี 21 วันท่ี 4 สาระการเรยี นร้ยู ่อย ประโยชน์และโทษของสิง่ มีชวี ิตและสง่ิ ไม่มีชีวติ 1. ชื่อกจิ กรรม สรา้ งสรรค์ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) สรา้ งภาพดว้ ยกระดาษเสน้ ตามจนิ ตนาการได้ 2) พับกระดาษเป็นรปู ดอกไม้ได้ 3) ใชก้ ล้ามเนอ้ื เล็กทางานประสานสมั พนั ธร์ ะหว่างมอื -ตาได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ 1) การสรา้ งภาพดว้ ยกระดาษเสน้ ตามจนิ ตนาการ 1) การหยิบจบั การใช้กรรไกร การฉีก 2) การพับดอกไม้ การตดั การปะ และการรอ้ ยวัสดุ 2) การทากจิ กรรมศิลปะต่างๆ 3) การรับรู้และแสดงความคดิ ความรูส้ กึ ผ่านสอ่ื วสั ดุของเลน่ และชิ้นงาน 4) การปฏบิ ัติตนตามสุขอนามัย สขุ นิสยั ที่ดใี น กจิ วตั รประจาวัน 4. วิธกี ารจดั กิจกรรม 1) ครจู ัดเตรียมกจิ กรรมไว้ 2 กจิ กรรมการสรา้ งภาพด้วยกระดาษเส้นตามจินตนาการและการพับ ดอกไม้ 2) ครสู นทนาและสร้างข้อตกลงในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการสร้างภาพด้วยกระดาษเส้นตามจินตนาการ และการพบั ดอกไม้ ดังนี้ 2.1 สร้างภาพดว้ ยกระดาษเสน้ ตามจนิ ตนาการ - ครูจดั เตรียมและแนะนาวัสดุอุปกรณ์ที่ใชป้ ฏบิ ตั ิกจิ กรรมการสร้างภาพด้วยกระดาษเส้นตาม จนิ ตนาการ - ครูแนะนา และสาธิตการสร้างภาพด้วยกระดาษเส้นตามจนิ ตนาการ โดยครูนากระดาษเส้น ทต่ี ดั จากกระดาษสีไว้แล้วขนาดกว้าง 1 ซม. ความยาวไม่กาหนด มาประกอบใหเ้ ป็นภาพ ตา่ ง ๆตามความคิด (อาจใช้วธิ ีการการม้วน การพับกระดาษเสน้ มาประกอบได้ตามความคดิ ) - แบง่ เดก็ เปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4- 5 คน หรอื ตามกลมุ่ ประจาสี อาสาสมัครของกล่มุ แจก กระดาษ A 4 ให้เพ่ือนทกุ คนปฏิบัตกิ จิ กรรมการสรา้ งภาพดว้ ยกระดาษเส้นตามจินตนาการ 2.2 การพบั ดอกไม้ - ครูจดั เตรียมและแนะนาวัสดอุ ุปกรณท์ ีน่ ามาใช้ในการพับดอกไม้ - ครแู นะนาและสาธิตการพบั ดอกไม้ใหเ้ ด็กดู โดยนากระดาษสที ่ีตดั เปน็ รปู ส่เี หลย่ี มจตั ุรัส มาพับเปน็ รูปดอกไม้ นากระดาษทพี่ ับเปน็ ดอกไมต้ ดิ บนกระดาษ A 4 วาดภาพตอ่ เติมได้ ตามความคิดของตนเองพรอ้ มระบายสี - แบง่ เดก็ เปน็ กล่มุ กล่มุ ละ 4- 5 คน หรอื ตามกลมุ่ ประจาสี อาสาสมคั รของกลุ่มหรือหวั หนา้ กลมุ่ แจกกระดาษสีและกระดาษ A 4 ให้เพ่อื นทุกคนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการพบั ดอกไม้
3) เดก็ เลือกปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามความสนใจแลว้ นาผลงานมาบอกช่อื และเลา่ เรือ่ งให้ครจู ดบันทกึ 4) ให้อาสาสมัครเสนอผลงานตนเองใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ชั้นเรียน 5) ใหเ้ ด็กทกุ คนช่วยกันจัดเก็บอปุ กรณใ์ ห้เรยี บร้อย 5. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1) กระดาษ A 4 2) กระดาษสตี า่ งๆตัดเปน็ สีเ่ หล่ียมจตั รุ ัส 3) กระดาษสตี ่างๆตดั เป็นเสน้ ขนาดกวา้ ง 1 ซม. 4) กาว สเี ทยี น หรอื สไี ม้ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการสรา้ งภาพด้วยกระดาษเส้นตามจินตนาการ 2) สงั เกตการพบั กระดาษเป็นรูปดอกไม้ 3) สงั เกตการใช้กลา้ มเนื้อเลก็ ทางานประสานสัมพนั ธ์ระหวา่ งมือ-ตา
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วันที่ 4 สาระการเรยี นร้ยู ่อย ประโยชน์และโทษของสง่ิ มชี ีวติ และส่งิ ไมม่ ีชีวิต 1. ชื่อกจิ กรรม เสรี 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) สงั เกต สารวจ ทดลอง ค้นคว้า คดิ แกป้ ัญหาในการทางานและการเล่นเปน็ กลุ่ม 2) มีประสบการณ์ตรงในการใช้ภาษา มีจนิ ตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ต่องานและสง่ิ ที่ตนเลน่ 3) มีวินัย ความรบั ผิดชอบ มมี ารยาท ช่วยเหลอื แบ่งปนั อดทนรอคอยและมจี ิตสาธารณะ 4) มพี ัฒนาการทาง รา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคมและสตปิ ญั ญาอย่างสมดุลรอบด้าน 3. สาระการเรยี นรู้ สาระที่ควรเรยี นรู้ - การเลน่ ตามศูนยเ์ ป็นการเล่นในศูนยป์ ระสบการณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งอสิ ระผา่ นการเลน่ ทดลอง คดิ ค้นควา้ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหาและการแสวงหาคาตอบ ซึง่ จะช่วยพัฒนาความคดิ จนิ ตนาการ ภาษาควบคู่ไปกบั ความมวี ินัย ความรับผิดชอบ การรอคอย การแบ่งปัน การใฝ่รูแ้ ละการอย่รู ว่ มกันเพื่อพฒั นาการเข้าสูส่ งั คม ประสบการณส์ าคญั 1) การเล่นเคร่ืองเลน่ สัมผสั และการสร้างส่ิงต่างๆจากแท่งไม้ บลอ็ ก 2) การต่อของชน้ิ เล็กเติมในช้นิ ใหญ่ให้สมบรู ณ์และการแยกชิน้ ส่วน 3) การเล่นและการทางานร่วมกบั ผู้อ่ืน 4) การรับรู้ แสดงความรู้สึกผา่ นส่อื วสั ดุ ของเลน่ และชิน้ งาน 5) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์/มมุ เลน่ ต่างๆ 6) การสรา้ งสรรคช์ น้ิ งานโดยใชร้ ูปรา่ งรปู ทรงจากวัสดทุ ี่หลากหลาย 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรม 1) ครแู นะนาการเล่นการปฏบิ ัติตนในการเล่นศนู ย์กิจกรรมเสรีตามข้อตกลง 2) เดก็ เลอื กเลน่ ศูนยก์ ิจกรรมเสรีตามความสนใจ 3) ครใู หค้ าแนะนากระตุ้นส่งเสริมใหค้ าชมเชยเพ่ือให้เด็กเกิดการพฒั นาอย่างสมดลุ รอบดา้ นเต็มตามศักยภาพ 4) ให้เด็กเล่นอยา่ งอิสระหลังจากเลกิ เลน่ ใหเ้ ดก็ ทาความสะอาดอปุ กรณ์ พรอ้ มกับเก็บของเข้าท่ใี หเ้ รียบรอ้ ย 5. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ - อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีจัดไวต้ ามศูนย์กิจกรรมเสรี ต้องสอดคล้องสัมพนั ธ์กบั หนว่ ยการเรียนรู้ 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตพฤติกรรมการสารวจ ทดลอง ค้นควา้ คดิ แก้ปัญหาในการทางานและการเลน่ เป็นกล่มุ 2) สงั เกตการใช้ภาษา ตรวจผลงานการปฏิบตั กิ ิจกรรมการคิดสรา้ งสรรค์ ตอ่ งานและส่งิ ที่เล่น 3) สังเกตความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ มารยาท การชว่ ยเหลอื แบ่งปนั อดทนรอคอยและมจี ิตสาธารณะ 4) สังเกตความก้าวหน้าของพฒั นาการทงั้ 4 ด้าน หมายเหตุ ครูปรับเปลีย่ นสอื่ วัสดอุ ุปกรณใ์ นศนู ย์ใหส้ มั พนั ธ์กับหนว่ ยการเรียนรตู้ ามความพร้อมและจดุ เน้นของสถานศกึ ษา
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สัปดาหท์ ี่ 21 วันที่ 4 สาระการเรยี นรยู้ อ่ ย ประโยชน์และโทษของส่งิ มีชีวติ และสิ่งไมม่ ชี ีวิต 1. ชือ่ กิจกรรม กลางแจง้ 2) เลน่ และทากิจกรรมรว่ มกับผูอ้ นื่ ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั 1) เล่นเกมสง่ บอลได้ 1) การเล่นและทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื 3. สาระการเรียนรู้ 2) การเลน่ เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุม่ ใหญ่ 3) การปฏิบตั ิตนตามสุขอนามัย สุขนสิ ัยที่ดีในกจิ วตั ร สาระท่คี วรเรยี นรู้ ประจาวัน - การเลน่ เกมสง่ บอล 4) การเคลื่อนไหวที่ใชก้ ารประสานสมั พนั ธข์ อง กล้ามเนอื้ ใหญใ่ นการขวา้ ง การจับ การโยน การเตะ 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรม 1) เดก็ เข้าแถวเดินไปทสี่ นาม ให้เด็กยืนเป็นวงกลมอบอนุ่ ร่างกายโดยครูเป็นผู้นาให้เด็กปฏบิ ัตติ าม 2) เด็กอาสาออกมาเปน็ ผู้นาในการทาทา่ ทางประมาณ 3-4 คน และใหเ้ พ่อื นปฏิบัติตาม 3) ครอู ธิบายและสาธติ วิธีการเล่นเกมส่งบอล 1 ครั้ง ดังน้ี แบ่งเดก็ ออกเปน็ กลมุ่ เทา่ ๆ กนั เด็กแต่ละกลุ่มยนื แถวตอน เดก็ คนแรกของทกุ กลุ่มเป็นผู้ถอื บอล เมอ่ื ไดย้ ินเสยี งสญั ญาณนกหวดี ใหส้ ่งบอลขึน้ เหนือศรี ษะให้คนที่ยืนถดั ไป สง่ ต่อไปเร่ือยๆ จนถงึ คนที่ อยู่คนสดุ ทา้ ยของแถว และคนสุดทา้ ยต้องส่งบอลลอดใต้ขาไปใหค้ นท่ยี นื หนา้ ตนเอง โดยคนท่ีรับ บอลจะตอ้ งกม้ มารับลูกบอลลอดใต้ขา สง่ ต่อไปเร่ือย ๆ จนถงึ คนหนา้ สดุ แถวไหนถงึ ก่อนเปน็ ผชู้ นะ 4) ครูให้เด็กแต่ละกลุ่มเลน่ เกม เมื่อไดย้ ินเสยี งนกหวีดให้เดก็ เร่มิ เลน่ เกม และปฏบิ ัติกจิ กรรมซา้ ตาม ความเหมาะสม 5) เมอ่ื ได้ยินสัญญาณนกหวีดจากครูใหเ้ ด็กหยดุ เลน่ และมาเข้าแถว 6) เดก็ ทาความสะอาดร่างกาย เดินแถวเข้าหอ้ งเรยี น 5. ส่ือการเรยี นรู้ 1) นกหวีด 2) ลกู บอล 6. การประเมนิ ผล 1) สังเกตการเลน่ เกมส่งบอล 2) สังเกตการเลน่ รว่ มกบั ผูอ้ ่ืน
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ่ี 21 วนั ท่ี 4 สาระการเรียนรู้ย่อย ประโยชนแ์ ละโทษของสิ่งมชี วี ติ และสิ่งไมม่ ชี ีวิต 1. ช่อื กิจกรรม เกมการศกึ ษา 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) เล่นเกมจบั คตู่ วั เลขกับสญั ลกั ษณ์คาได้ 2) เลน่ และทากจิ กรรมร่วมกับผู้อืน่ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระทคี่ วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ -การเลน่ เกมจบั คตู่ ัวเลขกับสญั ลักษณค์ า 1) การเล่นรายบุคคล กล่มุ ย่อยและ กลุ่มใหญ่ 2) การตดั สนิ ใจและมีสว่ นรว่ มในกระบวนการ แก้ปญั หา 3) การพูดอธิบายเกี่ยวกบั ส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพันธ์ของส่ิงต่างๆ 4) การจับคู่ การเปรยี บเทียบ และการ เรยี งลาดบั ส่งิ ตา่ งๆ ตามลกั ษณะ ความยาว/ความสูง นา้ หนกั ปริมาตร 5) การเลน่ และทางานร่วมกับผู้อ่ืน 4. วธิ กี ารจัดกจิ กรรม 1) เดก็ นงั่ ตามกล่มุ สีหรือคร่งึ วงกลม ปฏิบตั ติ ามคาสงั่ ครู เพื่อเตรียมความพรอ้ มก่อนเล่นเกมการศึกษา เชน่ สะบดั มอื 2 ครง้ั , ยักไหล่ 3 ครัง้ ฯลฯ 2) ครนู าเกมจบั คตู่ วั เลขกับสญั ลักษณ์คา และเกมการศึกษาท่ีเลน่ มาแล้วชดุ อื่น ๆ มาใหเ้ ด็กดู 3) ครสู นทนาและสาธติ วิธีการเล่นเกมจบั คู่ตวั เลขกบั สัญลักษณ์คา ให้เด็กฟัง 4) แบง่ เดก็ ออกเป็นกลมุ่ ตามกลุ่มสี แจกเกมจบั คู่ตัวเลขกบั สญั ลักษณ์คาและเกมอน่ื ๆ กลุม่ ละ 1 ชดุ 5) กลุ่มใดเล่นเกมจบั คู่ตวั เลขกับสญั ลักษณค์ าได้ครบสมบูรณ์ ครตู รวจสอบความถกู ต้อง ให้เด็กแตล่ ะ กลุม่ สลับกันเล่นเกมแตล่ ะชุดจนครบทกุ กลุ่ม 6) เม่ือเลน่ เสร็จแลว้ เด็กช่วยกนั เกบ็ เกมการศึกษา เข้าท่ใี หเ้ รยี บร้อย 5. ส่ือการเรยี นรู้ 1) เกมจับคูต่ วั เลขกบั สญั ลกั ษณค์ า 2) เกมการศึกษาชดุ อืน่ ๆ ท่เี ล่นมาแล้ว 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเลน่ เกมจับค่ตู ัวเลขกับสญั ลักษณ์คา 2) สังเกตการเล่นร่วมกบั ผอู้ ืน่
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาห์ที่ 21 วนั ท่ี 5 สาระการเรียนรยู้ ่อย การดูแลอนุรักษส์ ิ่งมีชีวติ และสงิ่ ไมม่ ชี ีวติ 1. ชอ่ื กจิ กรรม เคลือ่ นไหวและจงั หวะ 2) เคล่ือนไหวรา่ งกายตามคาบรรยายได้ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ 1) เคลอื่ นไหวส่วนต่างๆของรา่ งกายได้ 1) การเคล่ือนไหวอยกู่ ับท/ี่ เคลื่อนท่ี 3. สาระการเรยี นรู้ 2) การเคล่ือนไหวเพอ่ื ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง สาระทค่ี วรเรียนรู้ ระดับ และพน้ื ที่ - การเคลอ่ื นไหวร่างกายตามคาบรรยาย 3) การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผา่ นภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว และศิลปะ 4. วธิ ีการจัดกิจกรรม 1) เด็กปฏบิ ัตกิ จิ กรรมแบบไม่เคล่ือนที่ เชน่ ผงกหวั หมุนคอ หมุนข้อเท้า กระทืบเท้า ฯลฯ และแบบ เคลือ่ นท่ี เช่น กล้ิงตวั ไปทางซา้ ย – ขวา กระโดดทา่ กระต่าย ฯลฯ ประกอบจงั หวะท่ีครูเคาะ และ เม่อื ไดย้ นิ สัญญาณ หยดุ ให้หยดุ เคลื่อนไหวในทา่ นัน้ ทนั ที 2) ครแู นะนาการปฏบิ ัติกิจกรรมการเคลอ่ื นไหวร่างกายประกอบคาบรรยาย ดังนี้ “ วนั น้เี ปน็ วนั หยุด อากาศแจม่ ใส ดวงอาทิตย์กาลังโผลข่ นึ้ จากขอบฟ้า นกบนิ ออกจากรังไปหา อาหาร บินข้ึนสงู และบนิ ลงต่า คุณพ่อ คุณแม่พาฉันไปเย่ยี มคุณยายที่บา้ นสวน ระหว่างทางเหน็ ลิงกาลงั ปนี ต้นไม้ เห็นกระต่ายกาลงั นง่ั กนิ แครอท เห็นชาวบา้ นกาลังชว่ ยกนั ปลกู ผกั เห็นชาวนา กาลงั เกย่ี วข้าว หนั ไปเห็นควายกาลงั ยนื กนิ หญ้า เทย่ี งแล้วพอ่ บอกว่าแวะกนิ ข้าวกนั ดกี วา่ ทาง ข้างหน้ามตี ้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เรารบี กนิ และเดินทางต่อถงึ บ้านยาย ตอนบ่าย ๆ เรยี กหายายอย่ใู น สวน มองเหน็ กลว้ ย มะละกอ ผลส้มโอ ลูกโต.๊ .โต ยายไมร่ อชา้ รีบไปเก็บมาให้หลานรักกนิ หนงั ท้องตงึ หนังตาหย่อน ลมพัดเย็นหลานรักจึงเผลอนอนหลับไป ” 3) เด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมข้อ 3 ซา้ 4) หลังปฏบิ ตั ิกิจกรรมเสร็จแล้ว เด็กพกั ผ่อนอริ ยิ าบถ เพ่ือเตรียมปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่อไป 5. สอื่ การเรียนรู้ 2) สังเกตการเคล่อื นไหวตามคาบรรยาย - เครอ่ื งเคาะจังหวะ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเคลื่อนไหวสว่ นตา่ งๆของร่างกาย
แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สัปดาหท์ ี่ 21 วันท่ี 5 สาระการเรียนรูย้ อ่ ย การดแู ลอนรุ กั ษส์ ง่ิ มีชวี ิตและสิ่งไม่มชี ีวติ 1. ชือ่ กจิ กรรม เสริมประสบการณ์ ความคดิ รวบยอด สิ่งมชี วี ิตและส่ิงไม่มชี ีวติ มคี วามสาคัญต่อการดารงชีพ เราควรช่วยกนั ดูแลและรักษาไว้ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกการดูแลอนุรักษส์ ิง่ มีชีวิตและสิ่งไม่มีชวี ติ ได้ 2) บอกช่ือและอา่ นคาสระอะได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ - การดแู ลรักษาและอนรุ ักษส์ ง่ิ มีชีวิต 1) การร่วมสนทนาและแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ และสงิ่ ไมม่ ชี วี ติ 2) การพูดแสดงความคิด ความรู้สกึ และความ - สระ -ะ ต้องการ 3) การเหน็ แบบอยา่ งของการอา่ นที่ถูกต้อง 4. วธิ ีการจดั กิจกรรม 1) ครทู บทวนความหมาย ลักษณะ และประเภทของสิง่ มีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวติ 2) นาภาพเกีย่ วกับการดูแลรกั ษาสง่ิ มีชวี ิตและสิง่ ไม่มชี ีวติ ใหเ้ ดก็ ดูพร้อมสนทนาประกอบภาพ โดย ใช้คาถาม “ภาพท่ีเด็กๆ เหน็ มอี ะไรบ้าง เปน็ ภาพเกยี่ วกับอะไร” 3) แบ่งกลุ่มเดก็ ตามกลมุ่ สี หรอื กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้แตล่ ะกลมุ่ เสนอวธิ ีการดูแลรักษาส่งิ มชี ีวิต และ สงิ่ ไมม่ ีชีวิต ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลงาน โดยครูคอยให้การแนะนา 4) ครใู ชค้ าถามเพม่ิ เติมกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ช่วยกนั คิด - ทาไมเราตอ้ งช่วยกนั ดแู ลสง่ิ มีชวี ิตและส่งิ ไมม่ ีชวี ิตให้คงอยู่ และถา้ ส่ิงเหล่านส้ี ญู หายไป เดก็ ๆคิด วา่ จะเป็นอย่างไร 5) เดก็ และครสู รุปการดแู ลอนรุ กั ษ์สิง่ มชี ีวิตและสง่ิ ไม่มชี ีวติ 6) ครนู าบตั รตัวสระ –ะ มาให้เด็กอ่านตามครู ครยู กตัวอย่างคาที่มสี ระ-ะ ใหเ้ ด็กอา่ นตาม 7) เดก็ ช่วยกันบอกชื่อสัตว์หรอื ผลไมท้ ี่มีสระ-ะ เชน่ มะมว่ ง กระท้อน กระต่าย ฯลฯ 5. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1) ภาพเกีย่ วกับการดแลอนรุ ักษ์สิง่ มีชีวติ และส่งิ ไม่มีชีวติ 2) บตั รตัวสระ -ะ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการบอกการดูแลอนุรกั ษ์สง่ิ มีชวี ิตและส่งิ ไม่มีชวี ิต 2) สังเกตการอา่ นออกสระ-ะ
แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี 21 วนั ที่ 5 สาระการเรียนร้ยู ่อย การดูแลอนรุ กั ษ์ส่งิ มชี วี ิตและส่ิงไมม่ ชี ีวติ 1. ช่ือกิจกรรม สร้างสรรค์ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ประดษิ ฐ์วัสดุเป็นตัวสัตว์ได้ 2) สร้างผลงานการตัดปะกระดาษตามจนิ ตนาการได้ 3) ใช้กลา้ มเนอ้ื เลก็ ทางานประสานสมั พันธร์ ะหว่างมอื -ตาได้ 3. สาระการเรยี นรู้ สาระทค่ี วรเรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ 1) การประดิษฐ์ตวั สตั ว์จากวัสดุ 1) การหยบิ จบั การใชก้ รรไกร การฉีก การตดั การ และการร้อยวัสดุ 2) การตดั ปะกระดาษตามจินตนาการ 2) การประดิษฐ์สง่ิ ต่างๆด้วยวัสดุ 3) การทากจิ กรรมศลิ ปะต่างๆ 4) การปฏบิ ตั ติ นตามสุขอนามัย สุขนสิ ัยท่ีดใี นกิจวัตร ประจาวนั 5) การรบั รูแ้ ละแสดงความคดิ ความรูส้ ึกผ่านสอื่ วัสดุ ของเล่น และชิ้นงาน 6) การให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ตา่ งๆ 7) การเลน่ และทางานร่วมกับผอู้ ื่น 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรม 1) ครูจดั เตรียมกิจกรรมไว้ 2 กิจกรรม คอื การประดิษฐ์สตั ว์จากวัสดุ และการตัดปะกระดาษสตี าม จิตนาการ 2) ครสู นทนา และสร้างข้อตกลงในการปฏิบัติกจิ กรรมการประดิษฐ์สตั ว์จากวสั ดุ และการตัดปะ กระดาษสีตามจิตนาการ ดังนี้ 2.1 การประดษิ ฐ์สัตว์จากวัสดุ - ครูจดั เตรยี มและแนะนาวัสดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการประดิษฐ์ตัวสัตว์ เช่น ฝาขวดชนดิ ตา่ งๆ ลวดกามะหยี่ขนาดเส้นเล็ก ตาสัตวข์ นาดเลก็ - ครูแนะนา และสาธิตการประดิษฐต์ วั สัตว์จากวัสดุ เช่น แมงมุม โดยตัดลวดกะมะหย่ีขนาด ประมาณนวิ้ คร่งึ เพ่ือทาขา ทากาวแล้วนามาประกอบกับฝาขวด ตดิ ตาสตั ว์ทีฝ่ าขวด (ครอู าจใหเ้ ดก็ ประดิษฐ์เป็นตวั สัตว์ชนิดอน่ื ๆ เช่น มด ปลา ฯลฯ) - แบง่ เดก็ เปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4- 5 คน หรือตามกลุ่มประจาสี อาสาสมคั รหรือหัวหน้ากลมุ่ แจกวสั ดอุ ุปกรณ์ ใหเ้ พ่ือนในกลุ่ม - เดก็ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการประดิษฐส์ ัตวจ์ ากวัสดุ โดยเลือกแบบฝาขวดตา่ งๆได้ตามความชอบ 2.2 การตัดปะกระดาษสีตามจิตนาการ - ครจู ดั เตรยี มและแนะนาวสั ดุอปุ กรณท์ ี่นามาใช้ในการตดั ปะกระดาษสีตามจิตนาการ
- ครแู นะนาและสาธติ การตัดปะกระดาษสีเป็นรปู รา่ งตา่ งๆ และนามาตดิ ประกอบเปน็ ภาพ ตามจติ นาการ - แบ่งเดก็ เป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4- 5 คน หรือตามกลมุ่ สี อาสาสมัครของกลุม่ หรอื หัวหน้ากลุม่ แจกอปุ กรณ์ให้เพ่ือนในกลุ่มปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ครคู อยดูแลการใชก้ รรไกรของเด็กอยา่ ง ใกล้ชิด 3) เดก็ เลือกปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามความสนใจแล้วนาผลงานมาบอกชื่อและเลา่ เรื่องให้ครูจดบันทกึ 4) ให้อาสาสมคั รเสนอผลงานตนเองให้เพื่อนฟังหน้าชน้ั เรียน 5) ใหเ้ ด็กทุกคนชว่ ยกันจัดเก็บอปุ กรณ์และลา้ งมือใหเ้ รียบรอ้ ย 5. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1) กระดาษ A 4 2) กาว ,กระดาษสีตา่ งๆ 3) ลวดกามะหยี่ 4) ตาสตั ว์ขนาดเลก็ 5) กรรไกรปลายมน 6) ฝาขวดแบบต่างๆ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการประดิษฐ์วัสดเุ ป็นตัวสัตว์ 2) สังเกตการสรา้ งผลงานการตัดปะกระดาษตามจนิ ตนาการ 3) สงั เกตการ ใช้กลา้ มเน้อื เล็กทางานประสานสมั พนั ธ์ระหว่างมือ-ตา
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สัปดาหท์ ี่ 21 วันท่ี 5 สาระการเรียนรู้ยอ่ ย การดแู ลอนรุ ักษส์ ิ่งมชี วี ติ และส่ิงไมม่ ีชวี ิต 1. ช่ือกจิ กรรม เสรี 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) สงั เกต สารวจ ทดลอง ค้นควา้ คดิ แก้ปญั หาในการทางานและการเล่นเปน็ กลุ่ม 2) มปี ระสบการณต์ รงในการใช้ภาษา มจี ินตนาการ ความคดิ สร้างสรรค์ ต่องานและส่งิ ที่ตนเล่น 3) มีวนิ ัย ความรับผดิ ชอบ มีมารยาท ชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั อดทนรอคอยและมีจิตสาธารณะ 4) มพี ัฒนาการทาง รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปญั ญาอย่างสมดุลรอบด้าน 3. สาระการเรียนรู้ สาระท่ีควรเรยี นรู้ - การเลน่ ตามศูนย์เป็นการเล่นในศูนยป์ ระสบการณ์ต่าง ๆ อยา่ งอิสระผา่ นการเลน่ ทดลอง คดิ ค้นคว้า สรา้ งสรรค์ การแกป้ ัญหาและการแสวงหาคาตอบ ซึ่งจะชว่ ยพัฒนาความคิด จินตนาการ ภาษาควบคู่ไปกบั ความมีวินยั ความรับผดิ ชอบ การรอคอย การแบ่งปัน การใฝร่ ้แู ละการอยรู่ ่วมกนั เพื่อพฒั นาการเข้าส่สู งั คม ประสบการณส์ าคญั 1) การเลน่ เคร่อื งเล่นสัมผสั และการสร้างสง่ิ ต่างๆจากแท่งไม้ บลอ็ ก 2) การตอ่ ของชิน้ เล็กเติมในช้ินใหญ่ให้สมบรู ณ์และการแยกช้นิ ส่วน 3) การเลน่ และการทางานร่วมกับผู้อน่ื 4) การรับรู้ แสดงความรู้สึกผ่านสื่อ วัสดุ ของเล่นและชน้ิ งาน 5) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์/มมุ เลน่ ต่างๆ 6) การสร้างสรรค์ชน้ิ งานโดยใช้รูปรา่ งรูปทรงจากวสั ดุทห่ี ลากหลาย 4. วธิ กี ารจัดกจิ กรรม 1) ครแู นะนาการเล่นการปฏบิ ัติตนในการเลน่ ศูนย์กิจกรรมเสรตี ามข้อตกลง 2) เด็กเลอื กเลน่ ศูนยก์ ิจกรรมเสรีตามความสนใจ 3) ครูให้คาแนะนากระตุ้นสง่ เสริมให้คาชมเชยเพ่ือให้เดก็ เกิดการพฒั นาอย่างสมดลุ รอบดา้ นเต็มตามศักยภาพ 4) ใหเ้ ดก็ เล่นอย่างอสิ ระหลงั จากเลกิ เล่นให้เดก็ ทาความสะอาดอุปกรณ์ พรอ้ มกบั เก็บของเขา้ ทใี่ หเ้ รยี บร้อย 5. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้ - อุปกรณต์ า่ ง ๆ ที่จัดไวต้ ามศูนย์กิจกรรมเสรี ต้องสอดคล้องสมั พนั ธ์กบั หนว่ ยการเรียนรู้ 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตพฤตกิ รรมการสารวจ ทดลอง คน้ คว้า คิดแก้ปญั หาในการทางานและการเล่นเปน็ กลุ่ม 2) สงั เกตการใช้ภาษา ตรวจผลงานการปฏิบตั ิกจิ กรรมการคิดสร้างสรรค์ ต่องานและสงิ่ ที่เลน่ 3) สงั เกตความมีวนิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ มารยาท การชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั อดทนรอคอยและมจี ติ สาธารณะ 4) สังเกตความกา้ วหน้าของพฒั นาการทั้ง 4 ดา้ น หมายเหตุ ครูปรับเปลีย่ นสือ่ วสั ดอุ ุปกรณ์ในศูนยใ์ หส้ ัมพันธก์ ับหนว่ ยการเรยี นรตู้ ามความพร้อมและจดุ เน้นของสถานศึกษา
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาหท์ ่ี 21 วันที่ 5 สาระการเรียนรู้ยอ่ ย การดูแลอนุรกั ษส์ ่งิ มชี วี ิตและสิง่ ไม่มชี ีวติ 1. ช่ือกจิ กรรม กลางแจง้ 2) เล่นและทากิจกรรมรว่ มกับผอู้ นื่ ได้ 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั 1) เล่นเครอื่ งเลน่ สนามได้ 1) การเล่นและทางานรว่ มกับผ้อู ื่น 3. สาระการเรียนรู้ 2) การเล่นเป็นรายบุคคล กลุ่มยอ่ ย และกลมุ่ ใหญ่ 3) การเล่นเคร่ืองเล่นสนามอย่างอิสระ สาระที่ควรเรียนรู้ 4) การเลน่ อิสระ - การเลน่ เคร่ืองเล่นสนาม 5) การเล่นเคร่ืองเล่นสนามอยา่ งปลอดภยั 6) การเลน่ นอกหอ้ งเรียน 7) การปฏบิ ัตติ นตามสุขอนามัย สขุ นสิ ยั ทด่ี ใี นกิจวัตร ประจาวัน 4. วิธีการจัดกจิ กรรม 1) เดก็ เขา้ แถวเดินไปท่ีสนาม ให้เด็กยนื เปน็ วงกลมอบอนุ่ ร่างกายโดยครูเป็นผู้นาให้เด็กปฏบิ ัตติ าม 2) เดก็ อาสาออกมาเปน็ ผูน้ าในการทาทา่ ทางประมาณ 3-4 คน และใหเ้ พอื่ นปฏิบตั ติ าม 3) ครูและเด็กรว่ มสร้างข้อตกลงในการเล่นเคร่ืองเลน่ สนาม 4) เมอื่ ไดย้ นิ เสียงนกหวดี ให้เด็กเรมิ่ เลน่ โดยครูคอยดแู ลความปลอดภยั 5) เม่อื ได้ยินสัญญาณนกหวดี จากครู ใหเ้ ด็กหยุดเลน่ และมาเขา้ แถว 6) ครูและเด็กร่วมกันสรปุ เก่ยี วกบั ปัญหาทเี่ กิดขนึ้ หรือ ความรู้สึกของเด็กทมี่ ีต่อการเลน่ กิจกรรม กลางแจง้ 7) เดก็ ทาความสะอาดร่างกาย เดินแถวเขา้ หอ้ งเรยี น 5. สอ่ื การเรยี นรู้ - นกหวีด 6. การประเมินผล 1) สงั เกตการเลน่ เคร่ืองเล่นสนาม 2) สงั เกตการเล่นและทากจิ กรรมร่วมกับผอู้ ่ืน
แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สปั ดาห์ท่ี 21 วันท่ี 5 สาระการเรียนรูย้ ่อย การดแู ลอนรุ กั ษ์สงิ่ มชี ีวติ และสง่ิ ไม่มชี ีวติ 1. ชื่อกจิ กรรม เกมการศึกษา 2) เลน่ และทากจิ กรรมร่วมกับผู้อนื่ ได้ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคญั 1) เลน่ เกมเรยี งลาดับเหตุการณ์ได้ 1) การเลน่ รายบุคคล กลมุ่ ย่อยและ กลมุ่ ใหญ่ 3. สาระการเรยี นรู้ 2) การตัดสนิ ใจและมีส่วนร่วมในกระบวนการ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ แกป้ ญั หา -การเลน่ เกมเรียงลาดับเหตุการณ์ 3) การพูดอธบิ ายเกย่ี วกับสง่ิ ของ เหตกุ ารณ์ และ ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ ตา่ ง ๆ 4) การบอกและเรยี งลาดบั กิจกรรมหรอื เหตุการณ์ตาม ชว่ งเวลา 5) การเล่นและทางานรว่ มกับผู้อ่นื 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรม 1) เด็กนงั่ ตามกลุม่ สหี รือคร่งึ วงกลม ปฏบิ ตั ติ ามคาสั่งครู เพอื่ เตรียมความพร้อมก่อนเลน่ เกมการศกึ ษา เช่น สะบัดมือ 2 คร้ัง, ยักไหล่ 3 ครั้ง ฯลฯ 2) ครนู าเกมเรยี งลาดับเหตุการณ์ และเกมเรียงลาดับชุดอ่ืน ๆ ท่ีเคยเล่นมาแล้วมาให้เดก็ ดู 3) ครสู นทนาและสาธิตการเรียงลาดับเหตกุ ารณ์ ชนิดต่าง ๆ ใหเ้ ดก็ ฟัง ท้ังชดุ ใหม่และชุดเก่า 4) แบ่งเด็กออกเปน็ กลุ่มตามกลมุ่ สี และแจกเกมเรียงลาดับเหตกุ ารณ์ กลมุ่ ละ 1 ชุด 5) กลุ่มใดเลน่ เกมเรียงลาดับเหตกุ ารณ์ ได้ครบสมบูรณ์ ครูตรวจสอบความถูกต้อง ให้เดก็ แต่ละกลุ่ม สลบั กนั เลน่ เกมแต่ละชดุ จนครบทุกกลุม่ 6) ครูและเด็กช่วยกนั สรปุ การเล่นเรยี งลาดับเหตุการณ์ และใหเ้ ด็กเกบ็ ของเล่นเขา้ ทใ่ี หเ้ รียบร้อย 5. สื่อการเรียนรู้ 1) เกมเรียงลาดบั เหตุการณ์ 2) เกมเรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ ชุดอนื่ ๆ ท่เี ลน่ มาแล้ว 6. การประเมนิ ผล 1) สงั เกตการเลน่ เกมเรียงลาดบั เหตกุ ารณ 2) สังเกตการเลน่ รว่ มกบั ผ้อู น่ื
7. ภาคผนวก คาคล้องจอง “ สง่ิ มชี ีวติ ” นก หนู วัว ควาย อยากรู้ไหมเลา่ ว่ามีอะไร แมว หมา ปลา ปู สงิ่ มีชีวติ มมี ากหนักหนา สงิ่ มชี วี ิตรอบๆตวั เรา ผเี สอื้ บนิ มา แลว้ ยงั ต้นไมใ้ หญจ่ ้อยจิด๊ แมลงปอบินไป หนจู งรกั ษาให้อยยู่ ืนนาน สง่ิ มชี วี ิตล้วนมีคณุ คา่ คาคลอ้ งจอง “ สิ่งไม่มีชีวิต ” สิ่งไมม่ ชี ีวิต เด็กๆตัวนิด มาชว่ ยกันคดิ สิง่ ไมม่ ีชีวิต น้ันคืออะไร ติก๊ ต่อก ตก๊ิ ต่อก ติ๊กต่อก อีกท้ังจาน ชาม ช้อนสอ้ ม นึกออกทันใด แก้วนา้ กรรไกร ตุ๊กตาไขลาน มมี ากหนักหนา ไม่มีชีวิต กล่องข้าว รอบๆตัวเรา แตม่ รี าคา และคุณค่าท่ีควรดแู ล 8. บันทึกผลการจัดประสบการณ์ ขอ้ ดี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ ควรปรับปรงุ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: