Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ

Published by กศน.ตำบลบัวทอง, 2022-07-14 08:25:41

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ

Search

Read the Text Version

คำนำ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ สำหรบั ผูเ้ รียน กศน.คณะผจู้ ัดทำได้ศกึ ษาวเิ คราะห์ สภาพปญั หาปจั จบุ นั จากการสำรวจความต้องการของนกั ศึกษาหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยออกแบบการเรียนรูใ้ ห้มีความหลากหลาย เหมาะสมกับผู้เรียนและกรอบการจดั กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น มกี ระบวนการจัดการเรียนรู้ ONIE MODEL การวัดและประเมนิ ผลเป็นไปตาม จุดประสงค์การเรยี นรู้ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ การทำปยุ๋ หมกั ชวี ภาพ ประกอบด้วย 1. ผังการเรียนรู้ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4. คำชีแ้ จงสำหรบั ผูเ้ รยี น 5. บทบาทของผู้เรยี น 6. เนอื้ หาการทำปยุ๋ หมกั ชีวภาพ 7. เนอื้ หาการทำดนิ พร้อมปลูก 8. ใบงาน 9. แบบทดสอบ 10. แบบถอดบทเรียนประจำฐาน 11. ตารางรับ-ส่งงาน เพื่อให้เกดิ ความรูค้ วามเข้าใจ ท่ีสามารถตรวจความถูกต้องด้วยตนเองได้ ซ่ึงครู กศน.สามารถนำไปใชใ้ นการ จดั การเรยี นการสอนท้งั ในการปกติ หรอื จัดกิจกรรมการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น คณะผจู้ ัดทำหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ ว่าชดุ การเรียนรูเ้ ลม่ นี้ จะมีคุณคา่ ในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เป็นไปตามจุดมุง่ หมายของกรอบการจดั กิจกรรมการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ตลอดจนมีประโยชน์สำหรบั ครู และผ้สู นใจ เพื่อนำไปพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน ให้มีคุณภาพการศึกษาสูงย่ิงขน้ึ ไป คณะผจู้ ดั ทำ กศน.อำเภอเมืองบุรีรมั ย์

สารบญั คำนำ หน้า สารบัญ ผงั การเรยี นรู้ 1 มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั 2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3 คำชีแ้ จงสำหรบั ผูเ้ รยี น 4 บทบาทของผูเ้ รียน 5 แบบทดสอบก่อน-หลงั เรยี น 7 ใบความรเู้ รอ่ื งการทำปุ๋ยหมกั ชีวภาพ 9 ใบความรู้เรื่องการทำดนิ พร้อมปลกู 18 ใบงานเรอ่ื งการการทำปยุ๋ หมักชวี ภาพ 24 ใบงานเรื่องการทำดนิ พร้อมปลกู 25 ถอดบทเรียนฐานเรียนรู้ 26 เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลังเรยี น 27 ตารางรบั -สง่ งาน บรรณานกุ รม คณะทำงาน

ผังการเรียนรู้ ข้นั ตอนในการเรียนด้วยชดุ การเรยี นรู้ ครูแจ้งใหผ้ เู้ รียนศึกษาผลการเรียนรูท้ ค่ี าดหวัง/จุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ตล่ ะกิจกรรม ครูดำเนนิ การใชช้ ดุ การเรียนรู้ ๑. ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน - แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - บอกสิง่ ที่นักศึกษาต้องปฏบิ ัติ ๒. ขั้นเรยี นรู้ - นักศกึ ษาปฏบิ ัติกจิ กรรมตามท่รี ะบุไว้ในใบงาน ๓. ข้ันสรุป - สรุป อภิปราย แลกเปล่ียนเรียนรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ทำใบงาน/ชิ้นงาน สง่ ใบงาน/ชนิ้ งาน แกไ้ ข คุณครูตรวจช้นิ งาน/ใบงาน ผา่ น ทำแบบทดสอบหลังเรยี น หมายเหตุ ผ่าน หมายถงึ ผูเ้ รียนทำใบงานครบ ทำแบบทดสอบไดร้ ้อยละ 70 และแบบฝึกหดั ครบ

สาระการเรียนรู้การประกอบอาชพี แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เวลา 12 ช่ัวโมง มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด 3.1 มคี วามรู้ความเข้าใจ และเจตคติทด่ี งี ามในงานอาชพี มองเหน็ ช่องทางการเข้าสู่อาชพี สามรถตัดสินใจ เลอื กประกอบอาชีพได้ตามความตอ้ งการและศักยภาพของตนเอง สาระการเรยี นรู้ ความเป็นมาของปุ๋ยหมกั ชวี ภาพ การทำป๋ยุ หมกั ชีวภาพและดนิ พร้อมปลูกไวใ้ ช้เองในครัวเรือน เพ่อื เปน็ การ ประหยัดค่าใชจ้ า่ ย รู้ถึงประโยชนข์ องปยุ๋ หมักชีวภาพและดินพรอ้ มปลูก จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ความเข้าใจความเป็นมาของปยุ๋ หมักชวี ภาพ 2. บอกประโยชน์ของปุ๋ยหมักชีวภาพได้ 3. อธบิ ายขัน้ ตอนและวิธีทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ 4. อธบิ ายขั้นตอนและวธิ ีการทำดนิ พร้อมปลูก ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวงั 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั ปุ๋ยหมกั ชีวภาพ 2. มีไดเ้ รยี นรขู้ นั้ ตอนและวธิ ีการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ 3. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับดินพร้อมปลูก 4. ไดเ้ รยี นรขู้ ้ันตอนและวิธีการทำดนิ พร้อมปลูก สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ 1. ชดุ การเรียนรู้ เรือ่ ง การทำปยุ๋ หมักชีวภาพ 2. QR Code ใบความรู้ / ค่มู ือฐานการเรยี นรู้การทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ 3. ใบงาน 4. QR Code แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลงั เรยี น 5. ถอดบทเรยี นฐานการเรียนรู้ เปา้ หมาย เชิงปริมาณ นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เชงิ คุณภาพ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับกจิ กรรมการเรยี นรูใ้ นฐานการทำปยุ๋ หมัก ชวี ภาพ สามารถนำความรู้ท่ีได้ไปในการดำเนนิ ชวี ิต และขยายผลใหแ้ ก่ผู้อน่ื ได้ ตวั ช้ีวัดความสำเร็จ ตัวชี้วดั ผลผลิต (Output) รอ้ ยละ 70 ของผู้เข้ารับบริการ มีความรู้เก่ยี วกับการทำป๋ยุ หมักชวี ภาพ สามารถทำปุ๋ยหมกั ชวี ภาพไว้ ใช้ในครวั เรอื นและขยายผลให้แก่ผู้อืน่ ได้ ตวั ชี้วัดผลลพั ธ์ (Outcome) ผเู้ ข้ารบั บริการ ร้อยละ 70 สามารถทำปุย๋ หมกั ชวี ภาพไว้ใชใ้ นครวั เรือนและขยายผลให้แกผ่ ู้อ่นื ได้

คำชีแ้ จงสำหรับผ้เู รยี น แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ประกอบดว้ ย 2 เรื่อง ดงั น้ี เร่อื งที่ 1 การทำปุย๋ หมักชวี ภาพ เรื่องที่ 2 การทำดินพรอ้ มปลูก

บทบาทผ้เู รียน 1. รบั ทราบจุดประสงค์การเรียนรู้จากครูเพ่ือให้ทราบว่าเมื่อจบกิจกรรมการเรียนรแู้ ลว้ ผู้เรียนสามารถเรยี นรู้ อะไรได้บ้าง 2. ตง้ั ใจศึกษาใบความร้แู ละปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้ันตอนหรือคำชีแ้ จงของแต่ละเน้ือหาอย่างจรงิ จังตรงต่อเวลา และมคี วามซื่อสตั ย์ รับผิดชอบ ในการทำกิจกรรมแบบทดสอบและสง่ งานครู 3. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี นเพือ่ วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจใหผ้ า่ นเกณฑ์ร้อยละ 70 ข้ึนไป หากทำไดไ้ ม่ถึงเกณฑ์ให้ นักศกึ ษากลบั ไปทบทวนเนือ้ หา และใบงานอีกครงั้ 4. แผนการจดั การเรยี นรู้เรอื่ งการทำปยุ๋ หมักชวี ภาพ นำมาใชใ้ นการจัดกิจกรรมการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี น หรือ หากไม่มเี วลามาพบกลมุ่ ทำกจิ กรรมสามารถนำไปเรยี นรไู้ ดผ้ า่ นดจิ ิทลั โดย QR CODE น้ี ใบความรกู้ ารทำปยุ๋ หมักชีวภาพ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรยี น เร่ืองการทำป๋ยุ หมักชวี ภาพ คำช้แี จง : ใหผ้ เู้ รียนเลอื กคำตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ุด แลว้ ทำเคร่ืองหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดคือปุย๋ อินทรีย์ทเ่ี กดิ จากการสลายตวั ผุพงั ของสง่ิ มชี ีวติ ก. ปยุ๋ คอก ปุ๋ยหมัก ข. ปยุ๋ พืชสด ปุย๋ คอก ปุ๋ยหมัก ค. ป๋ยุ ผสม ปุ๋ยคอก ปยุ๋ หมัก ง. ปยุ๋ เคมี ปุ๋ยผสม ปุ๋ยหมัก 2. ขอ้ ใดคือธาตอุ าหารหลักของพชื ก. N P K ข. Ca Mg S ค. C H O ง. fe Zn Cu 3. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของปุ๋ยน้ำหมกั ชีวภาพ ก. น้ำแม่ ข. นำ้ พ่อ ค. น้ำผสม ง. นำ้ หมักจากพชื สมุนไพร 4. ป๋ยุ ชนดิ ใดเป็นปุ๋ยที่ไดจ้ ากการหมกั พืชผสมกบั กากน้ำตาล ก. ปุย๋ เคมี ข. ปยุ๋ หมกั ค. ปยุ๋ ชวี ภาพ ง. ปุย๋ คอก 5. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ ก. ใชก้ ำจดั ศัตรูพืช ข. ใสเ่ ป็นปุ๋ยของพืชผกั ค. ใช้กำจัดกลิน่ ในห้องนำ้ ง. ชว่ ยปรับคา่ ความเป็นกรด – ดา่ งของดิน 6. ปุ๋ยหมกั มีประโยน์อยา่ งไร ก. ชว่ ยป้องกนั ศตั รูพชื ข. ชว่ ยปอ้ งกนั กางอกของวชั พืช ค. เพิ่มความเปน็ กรดเปน็ ด่างของดนิ ง. เปลีย่ นสภาพดนิ เหนียวให้เป็นดนิ รว่ น

7. ขอ้ ใดไม่ควรนำมาเป็นวสั ดใุ นการทำปุ๋ยหมกั ก. พลาสตกิ ข. ฟางแหง้ ค. เศษหญ้า ง. มูลสตั ว์ 8. ขอ้ ใดเป็นสว่ นประกอบของปุ๋ยหมักชีวภาพแบบแห้ง ก. มูลสัตว์ ข. รำละเอยี ด ค. หัวเช้อื จลุ ินทรียห์ รือกากน้ำตาล ง. ถูกทุกข้อ 9. ขอ้ ใดท่ีไม่ใชส่ ่วนประกอบของการทำปยุ๋ นำ้ หมักชีวภาพ ก. กากน้ำตาล ข. มลู สตั ว์ ค. หอยเชอร่ี ง. เศษผกั และผลไม้ 10. วิธที จี่ ะทำใหก้ องปุย๋ หมักสลายตัวได้เรว็ ขน้ึ คอื ขอ้ ใด ก. การใชว้ สั ดคุ ลมุ ข. ใช้หลงั คากนั แดด ค. การใสม่ ลู สตั ว์ต่าง ง. การกลับกองปุ๋ยหมัก

ควิ อาร์โค้ดแบบทดสอบกอ่ นเรยี นการทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ SCAN ME ควิ อารโ์ ค้ดแบบทดสอบหลงั เรียนเร่อื งการทำปุย๋ หมักชวี ภาพ SCAN ME

ใบความรู้ เรือ่ ง การทำปุ๋ยหมกั ชีวภาพ ความเปน็ มาของปุ๋ยหมกั มนุษยร์ ู้จักการทำปยุ๋ หมักตอนไหนอาจระบใุ ห้ชดั เจนไดย้ าก แต่จากบนั ทีกทางประวัติศาสตร์ในสมัย จักรวรรดอิ์ ัคคาเดียน บริเวณที่ราบลมุ่ เมโสโปเตเมยี มีบนั ทีกเรือ่ งการใช่ปุย๋ อนิ ทรียใ์ นการเพาะปลูกพืชมาถึงสมยั โรมนั โดยมกี ารใช้สารอินทรยี ใส่ในแปลงปลูก มกี ารพัฒนาการนำอินทรียวัตถมุ ากองรวมกนั ก่อนทีจ่ ะนำไปใช้คล้ายกบั วธิ ีการ ทำปุ๋ยหมกั ดว้ ยการกองในปจั จุบัน Sir Albert Howard ถือวา่ เปน็ ผู้ริเริ่ม และมีการศึกษาเก่ียวกบั ป๋ยุ หมกั ไว้เปน็ ผู้ แรก ๆ โดยกำหนดแนวทางการทำปุย๋ หมักไวว้ ่า ปุ๋ยหมักที่ดตี อ้ งใช้เศษพืชกบั มูลสตั วใ์ นอัตราส่วน 3: 1 และควรนำวสั ดุมากองรวมกันเปน็ ชั้น ๆ พร้อมใหค้ ลุกกลับกองปยุ๋ หมักอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาสถาบัน ICAR เมือง Bangalore ประเทศอินเดยี ได้พฒั นาวิธีการทำปุ๋ยหมักแบบใหม่ขึ้น ด้วยการนำดนิ มากลบกองปุ๋ยหมักเพ่ือทำใหเ้ กิด สภาพไรอ้ ากาศ แต่วธิ ีนี้จะมีการย่อยสลายของจุลินทรยี ์ชา้ กว่าแบบมีอากาศ แตจ่ ะมีขอ้ ดีที่ไมต่ ้องดูแลมาก เรียกวธิ ีนี้ วา่ Bangalore Method ปี ค.ศ. 1920 - 1930 ประเทศในแถบทวีปยโุ รปได้มีการพัฒนากระบวนการทำปยุ๋ หมัก และมีการนำ เคร่ืองจักรเขา้ มาช่วยในการจัดการ ทำใหส้ ามารถทำปุย๋ หมักไดใ้ นปริมาณมาก และทำได้สะดวกขนึ้ ซ่งึ ขณะนน้ั D. Giovanni Beccari ประเทศอิตาลี ได้คิดค้นกระบวนหมักแบบไมใ่ ช้อากาศในข้ันแรกและต่อมาจะใช้กระบวนการ หมักแบบใช้อากาศ เรยี กวธิ นี วี้ ่า Beccari Process และต่อมาประเทศฝรั่งเศสได้ปรบั ปรุงกระบวนการหมักดว้ ยการ พน่ อากาศเขา้ ในกองปุ๋ยหมกั เพ่ือให้มีการถ่ายเทอากาศ และระบายของเหลวออก เรยี กวิธีนีว้ า่ Verder Process ปี ค.ศ. 1931 Jean Bordas ได้ดดั แปลงกรรมวิธกี ารหมักแบบ Indore Process โดยตัดขัน้ ตอนแรกทป่ี ล่อย ใหย้ ่อยสลาย โดยกระบวนการทไี่ มต่ ้องการอากาศออก แต่มกี ารพ่นอากาศเข้าไปในกงั ท่ไี ช้สำหรบั ทำป๋ยุ หมกั ใน ประเทศเนเธอร์แลนด์เม่ือป๊ 1932 ได้มกี ารไช่วธิ ี V.M. Process โดยยึดวธิ กี ารของIndore Process เปน็ หลกั ซึ่งใช้ ขยะเทศบาลเป็นวตั ถุดิบในการทำปยุ๋ หมักเป็นกองยาวและสูงมีการระบายนำ้ สว่ นเกนิ ออกและนำกลับไปพน่ ในกอง ใหม่อีกครั้งหน่ึง และอาศัยเครอื่ งสำหรบั บดขยะให้ละเอียด ต่อมาในประเทศสหรฐั อเมริการ ในช่วงปี ค.ศ. 1942 J.I Rodale ได้สง่ เสรมิ ให้ใช้ป๋ยุ หมกั จากวิธี IndoreProcess สำหรบั การเพาะปลกู ตั้งแต่น้ันมา ได้การศึกษาวจิ ัยเก่ยี วกับ หลักการการผลติ ปุ๋ยหมักไดอ้ ยา่ งแพรห่ ลาย โวยไดม้ ีการปรับปรุง และพฒั นากระบวนการผลดิ ปยุ๋ หมกั มาตลอด ชนดิ ของปุ๋ยหมัก มี 2 ชนิด คือ ปุ๋ยหมกั ทว่ั ไป และป๋ยุ หมักชีวภาพ 1. ปยุ๋ หมักแบบทั่วไป เปน็ ปุ๋ยท่ีไดจ้ ากการนำวัสดอุ นิ ทรยี ์ชนดิ ต่าง ๆ มาหมกั ตามกระบวนการทางธรรมชาติ โดยไมม่ ีการเตมิ หัวเชื้อจลุ ินทรยี ์เพอื่ เรง่ การหมัก ซึง่ การหมักจะเกดิ การย่อยสลายวัตถุจากจลุ นิ ทรีย์ ทำให้มีการ ปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาไดร้ วดเรว็ 2. ปยุ๋ หมักชีวภาพ เปน็ วธิ กี ารทำปุ๋ยหมักทม่ี กี ารพัฒนาขนึ้ เพ่อื ใหก้ ารย่อยสลายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วดว้ ยการ เตมิ หัวเชอ้ื จุลินทรยี ์ หรอื EM เพือ่ เรง่ กระบวนการหมัก ทำให้เกิดปุ๋ยจากอนิ ทรีย์ มกี ารปลดปลอ่ ยธาตอุ าหารออกมา ไดเ้ ร็วขึ้น การทำป๋ยุ หมกั ชีวภาพ (แบบนำ้ ) นำ้ หมกั ชีวภาพ คือ การนำเอาพืช ผกั ผลไม้ สตั วช์ นดิ ต่าง ๆ มาหมกั กับนำ้ ตาลทำให้เกิดจุลินทรีย์ท่ีเป็น ประโยชน์จำนวนมากซ่ึงจุลินทรีย์เหลา่ น้ีจะไปช่วยสลายธาตอุ าหารต่าง ๆ ทีอยใู่ นพืช มีคุณคา่ ในแง่ของธาตุอาหารพืช เม่ือถูกย่อยสลายโดยกระบวนการยอ่ ยสลายของแบคท่ีเรียหรือจุลนิ ทรยี ส์ ารตา่ ง ๆ จะถูกปลดปล่อยออกมา เชน่

โปรตนี กรดอะมโิ น กรดอนิ ทรีย์ ธาตอุ าหารหลกั ธาตุอาหารรอง จลุ ธาตฮุ อรโ์ มนเร่งการเจรญิ เติบโต เอนไซม์ วติ ามิน ซึง่ พชื สามารถนำไปใช้ในการเจรญิ เตบิ โตได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ น้ำหมักชีวภาพ มี 3 ประเภท คือ 1. น้ำหมกั ชีวภาพจากพชื สดสีเขยี ว (น้ำแม่) 2. นำ้ หมักชวี ภาพจากผลไม้สุก (น้ำพ่อ) 3. สารขบั ไล่แมลง (น้ำหมักจากพชื สมุนไพร) น้ำหมักชีวภาพ มี 2 ประเภท คอื 1. นำ้ หมักชวี ภาพจากพชื ทำได้โดยการนำเศษพืชสด ผสมกันน้ำตาลทรายแดง หรอื กากนำ้ ตาล อัดราส่วน กากนำ้ ตาล 1 สว่ น พชื ผกั 3 ส่วน หมกั รวมกนั ในถังปดิ ฝา หมกั ทงิ้ ไวป้ ระมาณ 3-7 วนั เราจะได้ของเหลวขน้ ๆ สี น้ำตาล ซงึ่ เราเรียกวา่ นำ้ หมักชีวภาพจากพืช 2. นำ้ หมักชีวภาพจากสัตว์ มขี น้ั ตอนทำคล้ายกบั น้ำหมักจากพชื แตกต่างกนั ตรงวัตถุดิบจากสตั ว์ เชน่ หวั ปลา ก้างปลา หอยเชอรี่ เป็นต้น เคล็ดลบั ในการทำน้ำหมักให้ไดผ้ ลดี 1 . ควรเลือกใชเ้ ศษพืชผกั ผลไม้ หรอื เคษอาหารท่ียังไมบ่ ูดเนา่ สับ หรอื บดให้เป็นช้นิ เลก็ ๆ ใส่ในภาชนะท่มี ี ปากกวา้ ง เชน่ ถงั พลาสตกิ หรือโอ่ง หากมีนำ้ หมักชวี ภาพอยแู่ ลว้ ใหเ้ ทผสมลงไปแล้วลดปริมาณกากน้ำตาลลง ปิดฝา ภาชนะทิ้งไว้จนได้เปน็ น้ำหมักชีวภาพ จากนนั้ กรอกใสข่ วดปิดฝาให้สนิทรอการใช้งานต่อไป 2. ในระหวา่ งการหมัก ห้ามปิดฝาภาชนะจนแนน่ สนิทเพราะอาจทำใหร้ ะเบดิ ได้ เน่ืองจากระหว่างการหมักจะ เกิดก๊าซต่าง ๆ เช่น กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมเี ทน เปน็ ต้น 3 ไม่ควรเลอื กพืชจำพวกเปลือกสม้ ใชท้ ำน้ำหมัก เพราะมีนำ้ มนั ที่ผิวเปลือกจะทำใหจ้ ลุ นิ ทรยี ไ์ ม่ย่อยสลาย วิธกี ารทำปยุ๋ หมักชีวภาพ (แบบนำ้ )

สว่ นผสม 1 .ผลไม้ หรือ ผัก 3 สว่ น 2 .กากนำ้ ตาล หรอื นำ้ ตาลทรายแดง 1 สว่ น 3 .หัวเชื้อจุลนิ ทรีย์ 1 สว่ น 4. น้ำสะอาด 10 ส่วน

วิธีทำ 1. ใส่ผลไม้ลงในภาชนะทึบแสงมฝี าปิด 2. ละลายน้ำและกากนำ้ ตาลหรอื นำ้ ตาลทรายแดงให้เข้ากัน และเตมิ ลงในภาชนะใสผ่ ลไม้ทเ่ี ตรียมไว้ คลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้ากัน 3. เตมิ หวั เช้อื จุลนิ ทรีย์ คนให้ทวั่ 4. ปดิ ฝาใหส้ นิทเก็บให้มิดชิดในท่ีร่ม 5. ทง้ิ ไว้ 3 เดือน และเปดิ ใช้งาน สดั สว่ นการใช้ 1/500 : สำหรบั ไม้ที่มใี บบาง 1/200 : สำหรับไมท้ ี่มีใบหนา หรอื ไม้ผล 1/200 : ปรบั ปรุงบำรุงดิน 1/100 : ไล่แมลงวนั 1/10 + เกลอื : ฆ่าหญ้า แบบเขม้ ข้น : ราดชกั โครงหรือพนื้ ห้องน้ำเพือ่ ดับกล่นิ และย่อยสลายสง่ิ ปฏกิ ลู ประโยชน์ของนำ้ หมกั ชีวภาพ ดา้ นการเกษตร 1. ชว่ ยปรับสภาพความเป็นกรด - ด่าง ในดินและนำ้ 2. ช่วยปรับสภาพโครงสรา้ งของดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศไดด้ ีย่ิงข้ึน 3. ช่วยยอ่ ยสลายอนิ ทรียวัตถใุ นดนิ ให้เปน็ ธาตุอาหารแก่พืช พืชสามารถดดู ซมึ ไปใช้ไดเ้ ลย โดยไม่ตอ้ ง ใชพ้ ลงั งานมากเหมือนการใช้ปุ๋ยวทิ ยาศาสตร์ 4. ช่วยเรง่ การเจรญิ เติบโตของพชื ใหส้ มบรู ณ์ แข็งแรงตามธรรมชาติ ต้านทานโรคและแมลง 5. ช่วยสรา้ งฮอรโ์ มนพชื ทำให้ผลผลติ สูง และคุณภาพของผลผลติ ดขี น้ึ 6.ชว่ ยให้ผลผลิตคงทน เกบ็ รักษาไว้ได้นาน

ดา้ นปศสุ ตั ว์ 1. ช่วยกำจดั กลิน่ เหม็นจากฟาร์มสัตว์ ไก่ สุกร ได้ภายใน 24 ชม. 2. ช่วยกำจัดน้ำเสยี จากฟาร์มไดภ้ ายใน 1 - 2 สัปดาห์ 3. ชว่ ยป้องกนั โรคอหิวาหแ์ ละโรคระบาดต่าง ๆ ในสตั ว์แทนยาปฏิชวี นะ และอ่นื ๆ ได้ 4. ชว่ ยกำจัดแมลงวนั ด้วยการตดั วงจรชีวิตของหนอนแมลงวนั ไม่ให้เข้าดักแดเ้ กดิ เป็นตัวแมลงวนั 5. ชว่ ยเสรมิ สขุ ภาพสตั วเ์ ลีย้ ง ให้แขง็ แรง มีความด้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง และอัตราการรอดสงู ด้านการประมง 1. ชว่ ยควบคุมคุณภาพนำ้ ในบ่อเล้ยี งสัตวน์ ำ้ ได้ 2. ช่วยแกป้ ญั หาโรคพยาธใิ นน้ำ ซง่ึ เปน็ อันตรายต่อสัตว์นำ้ 3. ช่วยรกั ษาโรคแผลตา่ งๆ ในปลา กบ จระเข้ ฯลฯ ได้ 4. ช่วยลดปริมาณขเ้ี ลนในบอ่ และไม่เน่าเหมน็ สามารถนำไปผสมเป็นปุย๋ หมัก ใช้กับพืชตา่ ง ๆ ไดด้ ี ดา้ นส่ิงแวดล้อม 1. ช่วยบำบดั นำ้ เสียจากการเกษตร ปศสุ ัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชมุ ชน และสถานประกอบการ ท่วั ไป 2. ชว่ ยกำจัดกล่นิ เหม็นจากกองขยะ การเลย้ี งสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชมุ ชนตา่ ง ๆ 3. ปรบั สภาพของเสยี เช่น เศษอาหารจากครัวเรอื นให้เป็นประโยชน์ตอ่ การเลีย้ งสัตว์ และการเพาะปลูกพชื 4. กำจัดขยะด้วยการยอ่ ยสลายใหม้ ีจำนวนลดน้อยลง สามารถนำไปใช้ประ โยชน์ได้ ชว่ ยปรับสภาพอากาศ ท่ีเสยี ให้สดช่นื และมสี ภาพดีข้ึน การทำปยุ๋ หมักชีวภาพ (แบบแห้ง) ปุ๋ยหมัก คือ ปุ๋ยอนิ ทรีย์ หรือปุย๋ ธรรมชาติ ชนิดหนง่ึ ทีไ่ ดม้ าจากการนำเอาเศษซากพืช เช่น ฟางขา้ ว ซงั ข้าวโพด ต้นถวั่ ตา่ ง ๆ หญ้าแห้ง ผกั ตบชวา ของเหลอื ทิง้ จากโรงงานอตุ สาหกรรม ตลอดจนขยะมูลฝอยตามบ้านเรือน มาหมักรว่ มกับมูลสตั ว์ ปยุ๋ เคมหี รือสารเร่งจุลินทรีย์เมื่อหมักโดยใชร้ ะยะเวลาหน่งึ แล้ว เศษพืชจะเปลีย่ นสภาพจาก ของเดิมเปน็ ผงเปื่อยยุ่ยสีน้ำตาลปนดำนำไปใส่ในไรน่ าหรือพชื สวน เชน่ ไมผ้ ล พชื ผกั หรือไม้ดอกไม้ประดับได้ ป๋ยุ หมักชีวภาพ คอื ปยุ๋ อนิ ทรียท์ ่ผี า่ นกระบวนการหมกั กบั น้ำสกดั ชวี ภาพ ช่วยในการปรับปรงุ ดิน ย่อยสลาย อินทรยี วัตถุในดินใหเ้ ปน็ อาหารแก่พชื วิธกี ารทำป๋ยุ หมกั ชวี ภาพ (แบบแหง้ )

วสั ดุอุปกรณ์ 1. มลู สัตวแ์ หง้ ละเอยี ด 3 ส่วน 2. แกลบดำ 1 ส่วน 3. อนิ ทรีย์วตั ถอุ ่ืนๆ ทห่ี าได้งา่ ย เชน่ แกลบ ชานออ้ ย ขเ้ี ลอื่ ย เปลอื กถว่ั ลสิ ง เปลอื กถั่วเขียว ขยุ มะพรา้ วกาก ปาล์ม เปลอื กมัน เปน็ ต้น อย่างใดอย่างหน่ึงหรอื หลายอยา่ งรวมกนั 3 ส่วน 4. รำละเอียด 1 สว่ น 5. น้ำสกัดชีวภาพ หรอื ใชห้ วั เช่อื จุลนิ ทรยี ์ 1 ส่วน 6. กากน้ำตาล 1 สว่ น 7. นำ้ 100 ส่วน 8. บวั รดน้ำ

ข้นั ตอนวิธที ำ 1. นำวสั ดุต่าง ๆ มากองซ้อนกนั เป็นช้ัน ๆ แล้วคลุกเคล้าให้เขา้ กนั 2. ผสมเอาสว่ นของน้ำชวี ภาพกบั น้ำตาลและน้ำคนจนละลายเขา้ กันดี ใสบ่ ัวราดบนกลองวัสดุปยุ๋ หมัก คลกุ ให้ เขา้ กนั จนท่วั ให้ได้ความช้ืนพอหมาดๆ อยา่ ใหแ้ ห้งหรอื ช้ืนหรอื แห้งจนเกนิ ไป (ประมาณ 30-40%) หรือลองเอามีดขยำ บีบดู ถ้าส่วนผสมเป็นกอ้ นไม่แตกออกจากกนั และมอื รู้สึกช้ืนๆ ไม่แฉะแสดงวา่ ใชไ้ ด้ ถ้าแตกออกจากกันยังใชไ้ ม่ได้ต้อง รดนำ้ เพ่ิม 3. หมักกองปุ๋ยหมักไว้ 7 วัน ก็นำไปใช้ได้ 4. วธิ ีหมักทำได้ 2 วธิ ี คอื 4.1 เกลี่ยกองปุ๋ยหมักบนพ้นื ซีเมนต์หนาประมาณ 1-2 วัน คลุมดว้ ยกระสอบปา่ นท้ิงไว้ 4-5 วนั ตรวจดูความรอ้ น ในวนั ท่ี 2-3 ถา้ รอ้ นมากอาจจะต้องเอากระสอบท่ีคลมุ ออกแล้วกลับกองป๋ยุ เพื่อระบายความร้อน หลงั จากนนั้ กองปยุ๋ จะคอ่ ยๆ เย็นลงนำลงบรรจุกระสอบเก็บไว้ใช้ต่อไป 4.2 บรรจปุ ุย๋ หมกั ทเ่ี ข้ากันดแี ลว้ ลงในกระสอบปยุ๋ ไม่ต้องมัดปากถงุ ต้ังทิง้ ไวบ้ นทอ่ นไม้ หรอื ไม้ กระดานที่สามารถถา่ ยเทอกาศใตพ้ ้ืนถุงได้ ทงิ้ ไวป้ ระมาณ 5- 7 วัน จะได้ปุย๋ ชวี ภาพท่ปี ระกอบด้วย จุลนิ ทรยี ์ และ สารอินทรยี ต์ ่าง ๆ เชน่ เดยี วกันกบั นำ้ สกดั ชวี ภาพในรูปแห้ง ปุ๋ยหมกั ชีวภาพที่ดีจะมีกล่ินหอม มใี ยสขี าวของเชื้อราเกาะ เป็นก้อนในระหว่างการหมกั ถ้าไม่เกดิ ความรอ้ นเลย แสดงวา่ การหมกั ไม่ไดผ้ ล อณุ หภมู ิในระหว่างการหมักทีเ่ หมาะสม อยรู่ ะหวา่ ง 40-50 องศาเซลเซยี ส ถา้ ให้ความชน้ื สูงเกินไป จะเกดิ ความร้อนสูงเกินไป ฉะนัน้ ความช้ืนที่ตอ้ งพอดี ประมาณ 30% ป๋ยุ หมักชีวภาพเมื่อแห้งดีแลว้ สามารถเกบ็ ไว้ได้นานหลายเดอื น เกบ็ ไวใ้ นท่ีแหง้ ในรม่ วธิ ใี ช้ 1. ผสมปุ๋ยหมกั ชวี ภาพกับดินในแปลงปลกู ผักทุกชนดิ ในอตั รา 1 กิโลกรมั ต่อพื้นท่ี 1 ตารางเมตร 2. พชื ผกั อายุเกนิ 2 เดือน เช่นกะหลำ่ ปลี ถ่วั ฝกั ยาว แตงและฟักทอง ใชป้ ุย๋ หมักชีวภาพคลุกกับดินรองก้น หลุม กอ่ นปลูกผักประมาณ 1 กำมือ 3. ไม้ผลควรรองก้นหลมุ ด้วยเศษหญ้าหรือใบไมแ้ หง้ ฟางและปยุ๋ หมกั ชวี ภาพ 1-2 กิโลกรมั สำหรบั ไม้ผลที ี่ ปลูกแลว้ ใสป่ ุ๋ยหมกั ชวี ภาพ แนวทรงพมุ่ 1.5 กิโลกรมั ต่อตารางเมตร แล้วคลุมดว้ ยหญ้าแห้งหรอื ใบไมแ้ ห้งหรือฟาง ควรใส่ปยุ๋ หมักชีวภาพ เดือนละ 1 คร้ังๆ ละ 1 กำมือ

4. ลักษณะของปุ๋ยหมักต่างๆ ตามระยะเวลาในการนำมาใช้ โดยแบง่ เป็น 4 แบบ ดงั นี้ 4.1 ปยุ๋ หมกั ค้างปี ใชเ้ ศษพืชหมกั อยา่ งเดียวนำมาหมักทิ้งไวค้ ้างปกี ็สารมารถนำมาใชเ้ ปน็ ปุ๋ยหมกั โดยไม่ต้องดแู ลรกั ษา ซง่ึ ต้องใชร้ ะยะเวลาในการหมักนานประมาณ 1 ปี 4.2 ปยุ๋ หมักธรรมดา ใช้มลู สตั ว์ ใช้เศษพชื และมูลสัตว์ในอตั รา 100:10 ถา้ เปน็ เศษพืชชนิ้ สว่ นเลก็ นำมาคลุกผสมได้เลย แตถ่ ้าเป็นเศษพชื ส่วนใหญ่ๆ นำมากองเปน็ ช้ันๆ แต่ละกองจะทำประมาณ 3 ช้นั แตล่ ะชน้ั ประกอบดว้ ยเศษพชื ท่ยี ่ำและรดน้ำสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร แลว้ โรยทับด้วยมูลสตั ว์ แบบนใี้ ช้ระยะเวลาหมกั น้อยกวา่ ปุย๋ หมักค้างปี เช่น ถ้าใช้ฟางข้าวจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนในการหมกั 4.3 ป๋ยุ หมักธรรมดาใช้จุลินทรยี ์เรง่ ใชเ้ วลาในการทำส้ันทำไดโ้ ดยการใช้เช้อื จลุ นิ ทรีย์เรง่ การย่อย สลายของเศษพชื และมลู สัตว์ทำให้ได้ปุย๋ หมกั เร็วขน้ึ นำไปใชไ้ ด้ทนั ฤดูกาลโดยใชส้ ตู รดังนี้ เศษพชื 1000 กิโลกรมั มูล สตั ว์ 100 กิโลกรัม และเชือ่ จุลินทรีย์ (น้ำหมักชวี ภาพ) ตามความเหมาะสม ใช้เวลาหมกั ประมาณ 30-60 วนั มี จดุ ประสงคเ์ พอ่ื เป็นการประหยดั ในการซ้ือเชือ่ จลุ นิ ทรีย์ 4.4 ป๋ยุ หมักตอ่ เชื้อ เปน็ การนำปยุ๋ หมกั ธรรมดาใชจ้ ลุ นิ ทรยี เ์ ร่งจำนวน 100 กโิ ลกรมั นำไปตอ่ เชอื้ การ ทำปยุ๋ หมกั ปยุ๋ หมักได้อีก 1000 กิโลกรมั (1 ตนั ) การต่อเชอ้ื นีส้ ามารถทำการต่อได้เพียงอีก 3 ครง้ั ใชเ้ วลาการหมัก ประมาณ 30-60 วัน มจี ุดประสงค์เพ่ือเปน็ การประหยัดในการซ้อื เชื้อจลุ ินทรยี ์ 5. การพจิ ารณาในแง่ใช้ประโยชน์สูงสุดในการใชป้ ุ๋ยหมกั ชวี ภาพตอ้ งพิจารณาจากลกั ษณะของการใสใ่ หแ้ ก่พชื ปลกู โดยแบง่ ได้ 3 แบบดังนี้ 5.1 ใสแ่ บบหว่านทัว่ แปลงการใส่ปุย๋ หมกั แบบนเ้ี ป็นวิธกี ารที่ดตี อ่ การปรบั ปรุงบำรุงดนิ เนอ่ื งจากปยุ๋ หมกั จะกระจายอย่างสม่ำเสมอทว่ั ทงั้ แปลงปลูกพชื ท่ีมขี นาดไมใ่ หญ่มากนัก สว่ นมากจะใชก้ ับการปลูกข้าวหรือพืชไร่ หรือพชื ผัก แต่จะต้องใชแ้ รงงานในการใสป่ ๋ยุ หมัก อัตราของปยุ๋ หมกั ท่ีใช้ประมาณ 2 ตัน ตอ่ ไรต่ ่อปี 5.2 ใสแ่ บบเป็นแถว การใสป่ ยุ๋ หมักแบบเปน็ แถวตามแนวปลูกพืชมกั ใชก้ บั การปลูกพชื ไร่ วิธีการใส่ ปุย๋ หมกั แบบเป็นแถวท่เี หมาะสมท่จี ะใชแ้ บบโรยเปน็ แถวสำหรับระบบการปลูกพชื ไร ทั่วไป อตั ราปยุ๋ หมกั ทีใ่ ช้ ประมาณ 3 ตันตอ่ ไร่ตอ่ ปี 5.3 ใส่แบบเปน็ หลุม การใสป่ ุ๋ยหมกั แบบเปน็ หลุมมกั จะใชก้ ับการปลูกไมผ้ ล และไมย้ นื ตน้ โดย สามารถใส่ปยุ๋ หมักได้สองระยะคือ ในช่วงแรกของการเตรียมหลุม เพื่อการปลูก นำดินด้านบนของหลุมคลุกเคลา้ กับปุ๋ยหมักแลว้ ใส่รองกน้ หลุม อีกระยะหน่ึงอาจจะใสป่ ุ๋ยหมักในช่วงท่ี พชื เจรญิ แล้ว โดยการขดุ เปน็ ร่องรอบๆ ตนั ตามแนวทรงพุ่มของต้นพืช แลว้ ใส่ปยุ๋ หมกั ลงในรอ่ งแลว้ กลบดว้ ยดิน อตั ราการใชป้ ุย๋ หมักประมาณ 20-50 กิโลกรัมต่อหลุม

การใชป้ ระโยชน์ 1. ทำใหโ้ ครงสรา้ งของดนิ และการซึมผา่ นของนำ้ ดีข้นึ 2. เพ่ิมการดดู ซับของธาตุอาหารหลักและลดความเปน็ พิษของธาตุบางชนดิ 3. เพ่มิ กิจกรรมของจลุ นิ ทรีย์ในดนิ และลดปรมิ าณเชื่อโรคบางชนิด 4. การระบายอากาศของดินและรากพืชแผก่ ระจายได้ดีขนึ้ 5. ดินคอ่ ย ๆ ปล่อยธาตอุ าหารพชื และลดการสญู เสียธาตอุ าหารของพืช

ใบความรู้ เรื่อง การทำดินพรอ้ มปลูก ความเปน็ มา ปัจจุบันพื้นท่ีคนเมืองและพน้ื ทชี่ มุ ชนในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของประเทศมีการใชท้ รัพยากรพน้ื ทีก่ ารเกษตรเพ่ือการ ปลกู สรา้ งทีอ่ ยู่อาศยั เช่น บ้านจดั สรร อาคารพาณชิ ย์ โรงงานอุตสาหกรรมกนั อยเู่ นืองๆ ซงึ่ แสดงให้เหน็ ว่าพื้นทท่ี ำ การเกษตรน้นั เริ่มลดนอ้ ยลงทุกที แม้กระทงั่ ดนิ ที่จะนำมาใช้ปลกู พชื กห็ าได้ยากและคุณภาพต่ำ สง่ ผลกระทบตอ่ การ เจริญเติบโต และผลผลติ ของพชื อกี ด้วย ดังน้นั ปัญหาทเี่ กดิ ขึน้ สามารถแก้ไขปรบั ปรงุ ใหด้ ินมีคณุ ภาพทีด่ ีข้ึนไดด้ ้วยวสั ดุ ทเี่ หลือใช้จากการเกษตร ซ่งึ ล้วนมธี าตุอาหารในปรมิ าณที่เพียงพอมากน้อยแตกตา่ งกันไป หากถ้าไดม้ กี ารนำวสั ดุ การเกษตรน้ัน ๆ ไปทำการศึกษาและวิเคราะหผ์ ลหาปริมาณธาตุอาหารทจ่ี ำเปน็ ต่อพืชท่ีเหมาะสมได้แล้ว ก็จะสามารถ นำคา่ ของผลการวิเคราะหแ์ ต่ละอย่างของวัสดกุ ารเกษตรต่างๆ ไปกำหนดเป็นสดั สว่ นมาใช้เปน็ ผสมรว่ มกนั และผา่ น กระบวนการหมักโดยจุลนิ ทรีย์ธรรมชาติตามระยะเวลาท่ีเหมาะสม และกจ็ ะได้ดินท่ีมีคณุ ภาพสงู ชว่ ยใหพ้ ชื มกี าร เจรญิ เติบโต แข็งแรง และผลผลติ ดี ก็ดว้ ยดินทีม่ คี ุณภาพน้ันเอง หรอื ที่เรียกกันว่า “วัสดุปลูก” หรอื ปลกู พืชทม่ี ักเรียก กันวา่ “ดินปลูกพชื ” น้นั คอื หนึ่งในปัจจัยสำคัญ อันดับต้นๆ ทน่ี กั ปลกู ไม้ทั้งหลายควรคำนึงถึง ปัจจุบนั วัสดปุ ลกู พืช อาจมีการผสมวตั ถุดิบต่างๆ ท่ีแตกต่างกนั มากมายตามความเหมาะสมของพชื แต่ละชนิด จงึ เกดิ ความยุง่ ยากต่อความ เข้าใจและการนำไปใชข้ องเกษตรกรหรอื ผู้สนใจ ดงั น้นั เทคนิคการผลิตวัสดปุ ลกู คณุ ภาพสงู จากวัสดุเหลอื ใช้เกษตรเพ่อื ประโยชน์การปลูกไม้ยืนต้น ไม้ประดับ ไม้ดอก และพชื ผักสวนครวั จงึ เปน็ วสั ดปุ ลูกทจี่ ัดทำขึ้นเพื่อใชไ้ ด้กับพชื เกอื บทกุ ชนิดโดยตรงคงคุณภาพทงั้ วตั ถุดบิ และ กระบวนการ เพ่อื ใหไ้ ด้วสั ดปุ ลกู ทอ่ี ดุ มดว้ ยธาตอุ าหาร ลกั ษณะกายภาพ รว่ นโปร่ง น้ำหนักเบา ระบายน้ำดี ยุบตวั ช้า และทำหนา้ ทชี่ ว่ ยพยุงรากต้น เปน็ แหลง่ อาหาร ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และปลอดภยั ต่อการบรโิ ภค ฝ่ายปฏิบตั ิการวิจยั และเรือนปลูกพืชทดลอง ได้ตระหนกั ถึงความสำคัญของวัสดุปลูกท่มี ีคณุ ภาพสงู น้ีเพ่ือใชป้ ระโยชน์ สำหรบั ปลกู พชื จงึ ได้จดั ทำโครงการฝึกอบรม เรื่องเทคนิคการผลิตวัสดุปลุกคุณภาพสูงจากวัสดุเหลอื ใช้เกษตรเพ่ือ ประโยชนก์ ารปลกู ไมย้ นื ต้น ไม้ประดบั ไม้ดอก และพืชผกั สวนครวั เพื่อเปน็ การถา่ ยทอดองค์ความรู้ ความเข้าใจดา้ น ทักษะ เทคนิควธิ ีการปฏิบตั ิ และการใช้ประโยชน์ ท้งั ภาคบรรยาย สาธิต และฝกึ ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ดินปลกู หรือเรยี กอีกอย่างหน่ึงวา่ ดนิ ผสมพร้อมปลกู เป็นวสั ดุซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ และ ไมผ้ ลเปน็ ดินท่ผี ลติ โดยใชส้ ่วนผสมที่ต่างกนั เป็นวสั ดุ ทค่ี นส่วนใหญน่ ำไปปลกู ต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัวในพ้นื ที่ ที่มี จำกดั เปน็ ดนิ ท่ีได้รบั การปรบั ปรุงให้เหมาะสมต่อการ ปลกู พืช ประโยชนข์ องดินพร้อมปลกู คอื เพมิ่ ปริมาณ ความชนื้ และอินทรียวัตถุในดิน โดยทั่วไปมกั จะมีส่วนผสม แกลบดำและขุยมะพร้าว ส่วนผสมอ่ืน ๆ เช่น ปุย๋ หมกั ดินปลูกที่มี จำหน่ายใน ท้องตลาดทัว่ ไปมาใช้ในการปลกู พืชผกั และไม้ดอกไม้ ประดับในครวั เรอื น ซึ่งมรี าคาที่ไมแ่ พง ท้ังที่ดินปลูก เหล่านนั้ อาจจะขาดแร่ธาตทุ ี่จำเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โต ของพืชและเกษตรกรสว่ นใหญจ่ ะพ่ึงพาดนิ ปลูกทีว่ าง จำหนา่ ย ในร้านขายตน้ ไมแ้ ละอุปกรณ์การเกษตรเร่อื ยมา โด ยเฉพาะในปจั จบุ นั ดินผสมในทอ้ งตลาดทว่ั ไป มมี ากมายหลาย ชนดิ บรรจถุ ุงจำหนา่ ย แตข่ ณะเดียวกัน วสั ดปุ ลกู พชื ท่ีมคี ุณภาพและราคาแพงจะนำเขา้ จาก ต่างประเทศ เช่น ผลิต จากมอส หรือเย่อื ไม้จากตน้ สน เป็นตน้ หากเกษตรกรซื้อมาใชจ้ ะส่งผลใหต้ น้ ทุนในการ ผลิตสงู ขึ้น หากมกี ารผลิตและ พัฒนาดนิ ปลกู จากวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตรที่มีชุมชน อาจจะเป็นทางเลือก หน่งึ ในการผลิตพชื ผกั เช่น ฟางข้าว ใบไมแ้ ห้ง ผักตบชวา ใบอ้อย แกลบ มูลสตั ว์เปน็ ต้น และดินปลูกที่ดีจะต้องมี ความอุดมสมบรู ณ์ มีธาตุอาหารครบถว้ น โปร่ง และมี อนิ ทรยี วัตถสุ ูงและปัจจุบันวสั ดทุ ่ีควรน ามาทำเป็นวัสดเุ พาะ ควรจะหาได้ง่าย ยงั่ ยนื ราคาถกู ซึ่งสว่ น ใหญ่มักจะเป็น การนำวัสดุเหลอื ใช้มาใชป้ ระโยชน์ เช่นแกลบ เศษไม้ ขยะในเมืองและขุยมะพร้าว ซึ่งจะมีมากในเอเชีย

การผลติ ดินปลูกในท้องทจ่ี งั หวัดบุรรี ัมย์นน้ั สามารถทำไดง้ ่าย เพราะเกษตรกรสว่ นมากจะท านาและ เลีย้ งสตั วเ์ ช่น ววั ควาย สกุ ร ไวใ้ นครัวเรอื นเพ่อื นำมูลไป ใช้ในการเพาะปลูกพชื ผัก บางส่วนจะขายเพื่อเปน็ รายได้ เล้ียงสมาชกิ ใน ครวั เรือนของตนเอง ในแตล่ ะปีจะมีมูลสตั ว์ จำนวนมาก บางครวั เรือนจะจำหน่ายแก่คนท่ัวไปในราคา ถูก บางรายมี ปรมิ าณมากจนใช้ไม่หมดปล่อยท้งิ ไว้ ส่งกลิ่น เหมน็ ต่อบ้านเรอื นรอบขา้ ง หากมีการนำไปใชป้ ระโยชน์ อย่างอืน่ น่าจะ เกดิ ผลดีตอ่ เกษตรกรและบ้านเรอื นที่อยู่ ข้างเคียง กลุ่มสงู วัย ตำบลบัวทอง อำเภอ เมืองบุรีรมั ย์ จงึ ได้รวมกลมุ่ กันคิด หาวธิ ีการนำเอามลู สตั ว์ ท่ีมีในครัวเรอื นไปใชป้ ระโยชน์ จงึ ไดว้ างแผนและออกสำรวจตามรา้ นจำหนา่ ยตน้ ไม้และวสั ดุ การเกษตรในพน้ื ท่ี ใกล้เคยี งพบว่าดนิ ปลกู หรือบางคนจะเรียกว่าดินผสมใน ร้านขายต้นไม้พบวา่ มีหลากหลายชนิด เชน่ ดินลำดวน ดนิ ปลกู ลพบรุ ี มชี ื่อเรยี กและการใช้ถุงบรรจุที่แตกต่าง กนั ไป จะมีส่วนผสมไม่เหมอื นกัน ดนิ ผสมบางยหี่ ้อจะใส่ ดินเหนียวปริมาณมากเกนิ ไปทำให้มีน้ำหนักมาก บางยี่หอ้ ใสเ่ ปลือกมะพรา้ วสับมาก หรือบาง ยี่ห้อจะใสแ่ กลบดำ มากเพ่ือทำให้มีนำ้ หนกั เบาซง่ึ เปน็ การง่ายตอ่ การขนส่ง ขณะเดยี วกันไดซ้ ้อื มาวเิ คราะหด์ ูเนื้อดิน และทดลอง เบ้ืองตน้ ในการปลูกพชื อายุสนั้ พบว่าพืชทป่ี ลกู จะ เจริญเติบโตได้ไมด่ ี แสดงใหเ้ ห็นวา่ ดินปลกู เหลา่ นนั้ มี คณุ ภาพท่ีไม่เหมาะต่อพืช หากนำไปปลูกพืชจะพบปัญหาได้ กล่มุ สตรแี ม่บ้านจึงไดว้ างแผนร่วมกบั นักวิจยั ต่อไปวา่ จะ พัฒนาดินปลกู อยา่ งไรใหม้ ีคณุ ภาพเหมาะต่อการ เจรญิ เติบโตของพืช จงึ ไดป้ ระชุมรว่ มกันและต้องจัดทำปุ๋ย หมักจาก วัสดใุ นทอ้ งถิ่นเพื่อนำไปใช้เป็นสว่ นผสมใน ดินปลกู อาทเิ ช่น ฟางขา้ ว ใบไม้ แกลบ ต้นข้าวโพด กากตะกอนอ้อย และ ปยุ๋ คอกจากมูลววั ควาย สกุ ร เปน็ ต้น ส่วนผสมของดนิ ปลกู สามารถผลติ จากวัตถุดบิ หลากหลาย ท่มี ใี นชุมชน เชน่ ผกั ตบชวา ฟางข้าว หรืออาจใช้สว่ นผสมของใบไม้ผุ ขเี้ ถ้าแกลบ ปุ๋ยคอก บางท้องถิ่นอาจ ผลติ ป๋ยุ หมักจากเปลอื ก มะขามผสมกบั ดนิ ร่วน ทราย ข้เี ถ้าแกลบ หรอื พชื บางชนดิ เชน่ ผกั กูด อาจเจรญิ เติบโตได้ดีในทรายละเอยี ดผสมกบั แกลบดบิ หากผูป้ ลูกพชื ผักได้ ดินปลูกทม่ี คี ุณภาพดีจะทำให้ผลผลติ เจริญเติบโตงอกงาม เต็มที่ ผปู้ ลกู มคี วามสบายใจ ปัญหาดงั กล่าวจะหมดไป ถ้าได้อาศยั องค์ความรู้ในเร่ืองวัสดปุ ลกู พชื ทด่ี ีมาใช้ในการ ออกแบบใหไ้ ดต้ ามต้องการย่อม ทำใหไ้ ด้วสั ดุปลกู ท่มี ี คุณภาพดยี ่ิงกวา่ ที่มจี ำหนา่ ยในท้องตลาดทวั่ ไป ธาตอุ าหารในดนิ ไนโตรเจน มหี น้าทเ่ี ปน็ ส่วนประกอบของโปรตีน ชว่ ยใหพ้ ืชมีสเี ขียว เรง่ การเจริญเติบโตทางใบ หากพืชขาด ธาตนุ ้ีจะแสดงอาการใบเหลอื ง ใบมีขนาดเล็กลง ลำตน้ แคระแกร็นและให้ผลผลติ ตำ่ ฟอสฟอรสั มหี น้าทชี่ ่วยเรง่ การเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของราก ควบคมุ การออกดอก ออกผล และ การสร้างเมลด็ ถ้าพืชขาดธาตุนีร้ ะบบรากจะไมเ่ จริญเตบิ โต ใบแกจ่ ะเปล่ยี นจากสีเขียวเป็นสมี ่วงแล้วกลายเป็นสี นำ้ ตาลและหลดุ รว่ ง ลำต้นแกร็นไม่ผลดิ อกออกผล โพแทสเซยี ม เปน็ ธาตุทีช่ ่วยในการสงั เคราะห์นำ้ ตาล แปง้ และโปรตนี สง่ เสริมการเคล่ือนย้ายน้ำตาลจากใบ ไปสู่ผล ช่วยใหผ้ ลเติบโตเร็วและมคี ุณภาพดี ชว่ ยให้พืชแข็งแรง ต้านทานต่อโรคและแมลงบางชนดิ ถา้ ขาดธาตนุ ้ีพืชจะ ไม่แข็งแรง ลำต้นออ่ นแอ ผลผลติ ไมเ่ ติบโต มคี ุณภาพตำ่ สีไมส่ วย รสชาตไิ มด่ ี แคลเซยี ม เป็นองคป์ ระกอบที่ช่วยในการแบ่งเซลล์ การผสมเกสร การงอกของเมล็ด พืชขาดธาตนุ ้ีใบท่เี จรญิ ใหมจ่ ะหงิกงอ ตายอดไมเ่ จริญ อาจมจี ุดดำทีเ่ สน้ ใบ รากสั้น ผลแตก และมีคุณภาพไม่ดี แมกนีเซียม เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของคลอโรฟลิ ล์ ชว่ ยสงั เคราะห์กรดอะมโิ น วติ ามนิ ไขมนั และน้ำตาล ทำให้สภาพกรดด่างในเซลล์พอเหมาะและช่วยในการงอกของเมล็ด ถา้ ขาดธาตนุ ี้ใบแก่จะเหลือง ยกเวน้ เสน้ ใบ และใบ จะร่วงหลน่ เรว็ กำมะถนั เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของกรดอะมโิ น โปรตนี และวติ ามนิ ถ้าขาดธาตนุ ้ีทง้ั ใบบนและใบล่างจะมสี ี เหลืองซีด และตน้ อ่อนแอ

โบรอน ช่วยในการออกดอกและการผสมเกสร มบี ทบาทสำคัญในการตดิ ผลและการเคล่ือนยา้ ยนำ้ ตาลมาสู่ ผล การเคล่อื นยา้ ยของฮอร์โมน การใชป้ ระโยชน์จากไนโตรเจนและการแบ่งเซลล์ ถ้าพืชขาดธาตนุ ้ี ตายอดจะตายแลว้ เร่มิ มตี าขา้ ง แต่ตาขา้ งกจ็ ะตายอีก ลำต้นไม่ค่อยยดื ตัว กงิ่ และใบจงึ ชดิ กนั ใบเล็ก หนา โค้งและเปราะ ทองแดง ชว่ ยในการสงั เคราะห์คลอโรฟลิ ล์ การหายใจ การใช้โปรตนี และแป้ง กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ บางชนดิ ถา้ พืชขาดธาตนุ ้ี ตายอดจะชะงกั การเจริญเติบโตและกลายเป็นสีดำ ใบอ่อนเหลอื ง และพชื ท้งั ต้นจะชะงัก การเจริญเตบิ โต เหล็ก ช่วยในการสังเคราะหค์ ลอโรฟิลล์ มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะหแ์ สงและหายใจ ถ้าขาดธาตนุ ีใ้ บ ออ่ นจะมสี ีขาวซดี ในขณะที่ใบแก่ยงั เขียวสด แมงกานีส ชว่ ยในการสงั เคราะห์แสงและการทำงานของเอนไซม์บางชนดิ ถ้าขาดธาตนุ ้ีใบอ่อนจะมสี เี หลอื งใน ขณะท่ีเส้นใบยงั เขยี ว ต่อมาใบที่มอี าการดังกล่าวจะเห่ยี วแลว้ ร่วงหล่น วัสดุ อุปกรณ์ 1. แกลบดำ 2. แกลบเหลอื ง 3. ปยุ๋ คอก 4. หน้าดนิ 5.ปยุ๋ นำ้ จลุ นิ ทรีย์หนอ่ กลว้ ย 6. ถุงดินพร้อมปลกู

วัสดุ อุปกรณ์ แกลบดำ แกลบเหลือง ปุ๋ยคอก หนำ้ ดนิ ป๋ยุ น้ำจลุ นิ ทรยี ห์ นอ่ กลว้ ย ถงุ ดินพร้อมปลกู

ขน้ั ตอนการทำดินพรอ้ มปลูก 1. นำวสั ดผุ สมดนิ ทง้ั 5 อยา่ ง ไดแ้ ก่ แกลบดำ แกลบเหลือง ปุ๋ยคอก หน้าดิน อัตราส่วน 1: 1 ผสมคลุกเคลา้ ให้เขา้ กัน 2. เมอ่ื ผสมส่วนประกอบทงั้ 5 ใหเ้ ข้ากนั ดแี ล้ว นำปุ๋ยน้ำหมักชวี ภาพรดบนกองดนิ ท่ผี สม หมักดินท้งิ ไว้ ประมาณ 1 เดือน จนกระทั่งอณุ หภมู ิในดินผสมเย็นลง จงึ นำดนิ มาบรรจใุ สถ่ ุงพรอ้ มจำหนา่ ยได้

เรยี นร้ขู ั้นตอนการทำดินพรอ้ มปลูกดว้ ยการสแกนคิวอารโ์ คด SCAN ME SCAN ME ใบความรู้เรอ่ื งการทำปยุ๋ หมักชีวภาพ

ใบงาน คำชแี้ จง : ใหผ้ ้เู รยี นตอบคำถามดงั นี้ 1. สรปุ ความรู้เก่ียวการทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ (แบบนำ้ ) ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................... ........................................................................................................ .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................... ........................................................................................................ .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................. .............................................................................. .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................................................................................................................. ........ ........................................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ ..................................................................................................................................... .................................................... ......................................................................................................................................................................................... 2. สรุปความรเู้ กี่ยวการทำปยุ๋ หมกั ชีวภาพ (แบบแหง้ ) ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................... ........................................................................................................ .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................. .............................................................................. .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................... ........................................................................................................ .......... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................. .............................................................................. .......... ............................................................................................................................. ............................................................

ใบงาน คำชีแ้ จง : ใหผ้ เู้ รียนตอบคำถามดงั น้ี 1. วสั ดทุ ใี่ ชใ้ นการทำดินพร้อมปลูก มอี ะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ....................................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................. ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................................................................................................................. ........ ........................................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ ..................................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 2. อธบิ ายข้ันตอนการผสมดินพร้อมปลกู โดยละเอียด ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................................................................. ....... ............................................................................................................................ ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ ...................................................................................................................................... ................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................................................................................................ ......................... ......................................................................................................... ................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...........................................................

ถอดบทเรียนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชอื่ -สกุล......................................................................... ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเมืองบุรีรมั ย์ ระดับช้ัน........................................................................ ตำบล............................................................................. ฐานการเรยี นรทู้ ี่ 1 การทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ ความรู้ คุณธรรม ………………………………………..………………………………………… 2 เงื่อน…ไข……………………………………………………………………………… ………………………………………………………….………………………… …….……………………………………………………….………………… ………………………....................................................................... ……………………………………….………………………….…………… ...........................…………………………………………………………… …………………….………………………………………….................. พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมิค้มุ กนั ……………………………………………… …………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………………… ………………………ใ…บ…งา…น………………… ……………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………………… ………………………………………………… …………ค…ำ…ช…แ้ี …จง…:…ใ…ห…้ผ…ู้เร…ีย…นต…อ…บ…ค…ำ…ถามดงั น้ี ………………………………………………… …………1….…อ…ธิบ…า…ย…ขน้ั…ต…อ…นแ…ล…ะว…ธิ …กี า…ร…ปล…กู พชื ผักสม…ุน…ไพ…ร…ท…สี่ …น…ใจ…อ…ยา่…ง…น…้อย……1…ช…น…ิด…… ………….…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…...…... ………………3……ห…ล..…ัก…ก.าร วัตถุ สงั คม .............................................................................................. .......................................................................................... .............................................................................................. .......................................................................................... .............................................................................................. .......................................................................................... ....................................................................................... .ใบง..า..น.................................................................................... 4 มติ ิ สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม .............................................................................................. ............................................................................................ .............................................................................................. ............................................................................................ .............................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................... ........................................................................................ เฉลยแบบทดสอบ กอ่ นเรียน-หลังเรยี นเร่ืองการทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ

เฉลยแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น-หลงั เรียนเร่อื งการทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ 1. ก 2. ก 3. ค 4. ค 5. ข 6. ง 7 ก 8. ง 9. ข 10. ง

กำหนดการรบั และสง่ งาน สาระการเรียนรู้ การประกอบอาชพี แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่องการทำป๋ยุ หมักชีวภาพ เรื่อง รบั งานวันท่ี ลายมือชอื่ สง่ งานวันที่ ลายมอื ช่ือ หมายเหตุ เรื่องท่ี 1 การทำปุ๋ยหมักชวี ภาพ เร่ืองที่ 2 การทำดนิ พรอ้ มปลูก

บรรณานุกรม ข้อมลู จาก https://www.baanlaesuan.com/186666/garden-farm/compost สบื ค้นเม่ือวนั ท่ี 10 ตลุ าคม 2564 http://www.pluakdaeng.go.th/attachments/article/5381/KMpdf สบื ค้นเม่ือวันท่ี 10 ตลุ าคม 2564 https://vet.kku.ac.th/farm/data3/1.pdf สืบค้นเม่ือวนั ที่ 10 ตลุ าคม 2564

คณะทำงาน ทป่ี รกึ ษา ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอเมืองบุรีรมั ย์ นางสุนันท์ สิทธสิ าท ครู ค.ศ. 3 นายเสถียร บุตรสิงห์ ครู ค.ศ. 1 นางประพมิ พ์ นภวงศ์ ณ อยธุ ยา ครู ค.ศ. 1 นายมณฑล เกยี รติคณุ สิริ ครูบรรณารักษป์ ฏบิ ตั ิการ นางสาวบวั หลวง หงสย์ นต์ ครู ค.ศ. 1 นายปราโมชน์ กง่ิ แกว้ ครูผู้ช่วย นางสาวธนาวดี ทิพบาง ครอู าสาสมัคร กศน. นายวันดี ประโลมรัมย์ ครูอาสาสมัคร กศน. นายสำราญ สุโพธ์ิ ครูอาสาสมัคร กศน. นางภทั ราวดี ทองเหลา ครอู าสาสมัคร กศน. นางพชั ญ์สิตา ทมุ ภา คณะทำงานชุดการเรียนรู้ การทำปุย๋ หมักชีวภาพ ครู กศน.ตำบล นายวิเชียร วรรณโกษิตย์ ครู กศน.ตำบล นางเพ็ญศรี สวุ รรณพงึ ครู กศน.ตำบล นายสนน่ั สกลุ รตั นภ์ ิรมย์ ครู กศน.ตำบล นายอรรถพล แพงจนั ทร์ ครู กศน.ตำบล นางสาวปรญิ ญา คงทันดี ครู กศน.ตำบล นางสาวนภิ าวรรณ คำจันทราช ครู กศน.ตำบล นางสรุ พี ร การเพยี ร ครู กศน.ตำบล นายวรมศิ ร์ ศรีวัฒนชัย ครู กศน.ตำบล นายณฐั จักร บญุ เรอื งรจุ นันท์ รวบรวมข้อมลู โดย ครู กศน.ตำบล นางสาวสนุ ิสา โพธแิ สง ออกแบบปกโดย ครู กศน.ตำบล นายวิทวัส ใจเฉ่ือย

กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เรอ่ื ง โคก หนอง นา โมเดล