Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 14 - ประทีป บุญสิทธิ์

14 - ประทีป บุญสิทธิ์

Published by Hommer ASsa, 2021-04-30 04:53:49

Description: 14 - ประทีป บุญสิทธิ์

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษา เรือ่ ง ความพึงพอใจของนักศกึ ษาหลักสูตรนกั บรหิ ารงานปอ้ งกนั และ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ต่อคมู่ อื การฝกึ บุคคลทา่ มือเปลา่ จดั ทําโดย นายประทีป บุญสทิ ธิ์ รหัสประจําตัวนกั ศึกษา 14 เอกสารฉบบั นเี้ ป็นส่วนหนึ่งในการศกึ ษาอบรม หลกั สูตร นักบรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ที่ 10 ระหวา่ งวันท่ี 7 มกราคม – 10 เมษายน 2557 วทิ ยาลัยปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั

ก คํานาํ เอกสารการศึกษานี้ จัดทําขึ้นเพ่ือวิเคราะห์หาความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพอ่ื จะไดน้ าํ ไปปรบั ปรุงแก้ไขคู่มอื การฝกึ บคุ คลท่ามือเปล่าให้เกิดประสิทธิผลในการฝึกอบรม และจะได้นํา ผลการศึกษาที่ได้เสนอผู้บริหาร เพ่ือใช้ประกอบการตัดสินใจในการพัฒนาคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ต่อไป อีกด้วย ผู้ศึกษาวิจัยขอขอบพระคุณ คณะกรรมการที่ปรึกษา ตลอดจนคณะผู้บริหารวิทยาลัย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อํานวยการโครงการฯ เจ้าหน้าที่ประจําโครงการฯ และนักศึกษา หลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รุ่นที่ 10 ที่ให้ความรู้ คําแนะนํา และขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล และ ช่วยเหลือจนสําเร็จลุล่วงไปด้วยดี หากมีข้อบกพร่องประการใดปรากฏในรายงานฉบับนี้ผู้ศึกษายินดี น้อมรับนําไปปรับปรุงแก้ไข ต่อไป ด้วยความเคารพ ประทีป บุญสทิ ธิ์ มีนาคม 2557

ข กติ ตกิ รรมประกาศ รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “ความความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า” นี้ สําเร็จได้ด้วยดี เน่ืองจาก ผู้ศึกษาวิจัยได้รับความอนุเคราะห์ จาก ดร.ปิยวัฒน์ ขนิษฐบุตร อาจารย์วรชพร เพชรสุวรรณ และคณะกรรมการท่ีปรึกษาคณะผู้บริหารและ ผู้อํานวยการโครงการวิทยาลัยป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั ซึ่งไดก้ รุณาตรวจสอบ แนะนํา และให้แนวทางอันถูกต้อง จนทําให้ผู้ศึกษาประสบความสําเร็จ ในการศกึ ษา ค้นคว้าและทําใหร้ ายงานการศึกษาวจิ ยั ฉบบั นีส้ ําเร็จได้อยา่ งสมบูรณ์ ผู้ศึกษาวิจัยขอขอบพระคุณ ดร.ปิยวัฒน์ ขนิษฐบุตร อาจารย์วรชพร เพชรสุวรรณ คณะกรรมการที่ปรึกษา คณะผู้บริหาร ผู้อํานวยการโครงการวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนคณะนักศึกษาหลักสตู รนกั บรหิ ารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ทุกคน ที่กรุณาเอ้ือเฟื้อข้อมูล และตอบแบบสอบถามทุกท่าน ตลอดจนนักวิชาการทุกท่านที่ผู้ศึกษาได้นําผลงาน อา้ งองิ ประกอบการศกึ ษาในคร้งั น้ีผู้ศกึ ษาใคร่ขอบพระคณุ ไว้ ณ ท่ีนีด้ ้วย ผู้ศึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานการศึกษาวิจัยฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจ ในคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า หรืออาจใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าต่อไปได้อย่างดี คุณความดี อันใดที่เกิดจากการศึกษาครั้งน้ี ผู้ศึกษาขอมอบแด่ บิดา มารดา คณาจารย์ และผู้ท่ีเก่ียวข้อง สนับสนุน ผศู้ ึกษาด้วยดี ตลอดมา ประทีป บุญสทิ ธิ์ มนี าคม 2557

ค บทสรุปผบู้ รหิ าร การศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง “ความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า” ในคร้ังน้ี เพ่ือวิเคราะห์ความพึงพอใจ ของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึก บุคคลท่ามือเปล่า และสํารวจข้อเสนอแนะของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ตอ่ คู่มือการฝกึ บคุ คลท่ามือเปล่า ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า คือ นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลมือเปล่า ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อความ ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 1 ประเด็น คือ รูปเล่มคู่มือ การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า และความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 9 ประเด็น เรียงตามลําดับค่าเฉล่ีย 3 อันดับ แรก ได้แก่ รูปแบบตัวอักษรในคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและการออกแบบการกําหนดขนาดของ ตัวอักษร รองลงมาเป็นการออกแบบการจัดรูปภาพในคู่มือ ฯ เหมาะสมกับเน้ือหาและการออกแบบ รูปภาพมาประกอบในคู่มือ ฯ และเน้ือหาคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและการอธิบายการฝึกท่าบุคคลท่า มอื เปลา่ ในค่มู อื ผลจากการสํารวจข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า พบว่า คู่มือการฝึก บุคคลท่ามือเปล่า ควรมีคําอธิบายใต้ภาพควรมีรายละเอียดของข้อมูลท่ีมากกว่านี้ ภาพที่แสดงการฝึกใน ท่าต่าง ๆ บางท่าถูกมองจากด้านเดียวทําให้มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนควรจัดให้มีมุมมองทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวาและด้านหลัง ภาพที่ใช้ประกอบควรเป็นท้ังผู้หญิงและผู้ชาย ตัวอักษร หัวข้อเร่ืองควรทําเป็นตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่ ชัดเจน ง่ายต่อการอ่านและจดจํา กระดาษที่ใช้พิมพ์ควรใช้ กระดาษมนั เนอื้ ดี และทสี่ ําคญั รูปเลม่ ควรมีขนาดเลก็ กวา่ น้เี พ่อื ความสะดวกในการพกพา ในการนี้ ผวู้ จิ ัยหวงั ผลท่ีไดร้ ับจากการศึกษาในคร้ังน้ีว่า จะเป็นประโยชน์ต่อวิทยาลัยป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซ่ึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดําเนินการ จัดทําคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพ่ือใช้เป็นคู่มือให้กับผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมท่ีวิทยาลัยป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพย่ิงขน้ึ ต่อไป

สารบญั ง คํานาํ หนา้ กิตตกิ รรมประกาศ บทสรปุ ผบู้ ริหาร ก สารบัญ ข สารบญั ตาราง ค สารบัญรปู ภาพ ง-จ ฉ บทที่ 1 บทนาํ ช ความสําคัญและทีม่ าของปญั หาวิจยั 1 วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา 2 ขอบเขตของการศกึ ษา 2 ประโยชนท์ ่ใี ช้ในการศึกษา 3 นยิ ามศัพท์เฉพาะ 3 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง 4 6 ทฤษฎีความพงึ พอใจ 8 ทฤษฎีแรงจูงใจ 10 แนวความคิดท่เี กีย่ วขอ้ งกับการฝึกบคุ คลทา่ มอื เปลา่ กรอบแนวคิด 12 12 บทท่ี 3 ระเบียบวิธวี จิ ัย 12 12 ประชากร 13 เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา 13 การตรวจสอบเคร่ืองมอื 13 องคป์ ระกอบของแบบสอบถาม 14 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การแปรผลขอ้ มลู 15 สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ 19 การแปรผลขอ้ มูล 20 บทที่ 4 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ส่วนที่ 1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู สว่ นที่ 2 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู สว่ นที่ 3

บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผล จ สรปุ ผลการศึกษา 21 การอภิปรายผล 21 ข้อเสนอแนะสาํ หรับการนาํ ผลไปใช้ 22 ขอ้ เสนอแนะสาํ หรับการวจิ ัยคร้งั ต่อไป 22 บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบสอบถาม ภาคผนวก ข แบบเสนอหัวข้อการจัดทาํ เอกสารวิจัยส่วนบคุ คล ภาคผนวก ค ประวตั ิผูเ้ ขยี น

ฉ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 4.1 จํานวนและรอ้ ยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รุ่นที่ 10 จาํ แนกตามเพศ 15 ตารางที่ 4.2 จํานวนและรอ้ ยละของนักศึกษา นบ.ปภ. รุน่ ที่ 10 จาํ แนกตามอายุ 16 ตารางที่ 4.3 จํานวนและร้อยละของนกั ศึกษา นบ.ปภ. ร่นุ ที่ 10 จําแนกตามระดับการศึกษา 16 ตารางท่ี 4.4 จํานวนและร้อยละของนักศึกษา นบ.ปภ. ร่นุ ที่ 10 จาํ แนกตามสถานทที่ ํางาน 17 ตารางท่ี 4.5 จาํ นวนและรอ้ ยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รุ่นท่ี 10 จําแนกตามตําแหนง่ ปัจจบุ ัน 17 ตารางท่ี 4.6 จาํ นวนและร้อยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รุ่นท่ี 10 จาํ แนกตามรายได้ต่อเดอื น 18 ตารางที่ 4.7 จาํ นวนและร้อยละของนกั ศึกษา นบ.ปภ. รุ่นที่ 10 จาํ แนกตามสถานภาพ 18 ตารางที่ 4.8 ค่าเฉล่ียและคา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐานของระดับความพึงพอใจของนกั ศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุน่ ที่ 10 ตอ่ คูม่ ือการฝกึ บุคคลทา่ มอื เปล่า 19

สารบัญรปู ภาพ ช ภาพที่ 2.1 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอสิ ระกับตวั แปรตาม หน้า 10

1 บทที่ 1 บทนํา ความสาํ คญั และท่มี าของปญั หาวจิ ัย กระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุมัติโครงการ จัดตั้งวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เม่ือวันที่ 12 พฤศจิกายน 2547 ให้เป็นหน่วยงานในสังกัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นสถาบันหลักในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติหน้าท่ีด้านการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฟื้นฟูสภาพพื้นท่ี โดยมุ่งเน้นการพัฒนา องคค์ วามรู้ ในเชิงวชิ าการและเชงิ ปฏบิ ัติการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ศึกษาวิเคราะห์ เพื่อเสนอแนะนโยบายเป้าหมายในการพัฒนาข้าราชการและลูกจ้าง องค์กรภาคเอกชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ิน ชุมชนอาสาสมัคร และประชาชนเพื่อการบริหารจัดการสาธารณภัย ฝึกอบรมและสนับสนุน การฝึกอบรม ฝึกซ้อม และฝึกปฏิบัติแก่บุคลากรขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ชุมชน อาสาสมัครและประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมในการ จัดการสาธารณภัย ดําเนินการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พัฒนาหลักสูตรและสนับสนุนส่ือการเรียนการสอน คู่มือ ตํารา และวิชาการด้านการจัดการสาธารณภัย ปฏิบตั งิ านร่วมกับหรือสนบั สนนุ การปฏิบัติงานของหน่วยงานอ่นื ท่ีเกยี่ วข้องหรือทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย บุคลากรของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานราชการ รวมทัง้ บคุ คลจากภายนอก ท้งั จากภาครัฐ ภาคเอกชน องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน อาสาสมัครและ ประชาชนท่ีเข้ารับการฝึกอบรม พัฒนาองค์ความรู้จากวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารภัย ในหลักสูตร ต่าง ๆ เช่น หลักสูตรครูฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และพนักงานดับเพลิง รวมท้ัง อาสาสมัครป้องภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และมูลนิธิต่าง ๆ จําเป็นจะต้อง ได้รับการฝึกท่าบุคคลเบื้องต้นก่อนเสมอ ท้ังนี้ เพ่ือให้บุคคลพลเรือนเหล่าน้ีมีลักษณะผู้รับการฝึกโดย สมบูรณ์ และให้มีความรอบรู้ในลักษณะท่าทางส่วนบุคคล ซึ่งมีความจําเป็นจะต้องนําไปใช้ในการปฏิบัติ ตนในเรอ่ื งเก่ียวกับวินัยและแบบธรรมเนียมของผู้รับการฝึกตลอดเวลาท่ีรับราชการหรือตลอดหลักสูตรท่ีมี การฝึกอบรม การฝึกท่าบุคคลเบ้ืองต้น จึงถือได้ว่าเป็นการฝึกเริ่มแรกที่มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการ รับราชการงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เนื่องจากการฝึกนี้จะเป็นเครื่องช่วยปูพ้ืนฐานบุคคล พลเรือนให้เปลี่ยนลักษณะท่าทางเป็นผู้ท่ีมีบุคลิกภาพสง่างาม มีระเบียบวินัย และเข้ารับการฝึกได้ โดยสมบูรณ์ในโอกาสต่อไป ซึ่งวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวบรวมหรือเคล่ือนย้ายกลุ่มคนจํานวนมากเพ่ือให้ ดําเนินการเป็นไปอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย ง่ายต่อการตรวจสอบและยังเป็นการเสริมสร้าง คุณลักษณะส่วนบุคคล การครองสติ ตลอดจนเสริมสร้างบุคลิกภาพท่ีสง่างามให้แก่ผู้ได้รับการฝึกวิทยาลัย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดทําคู่มือการฝึกท่าบุคคลมือเปล่าสําหรับให้บุคลากรพลเรือน หรือผทู้ มี่ คี วามสนใจ ได้มีไวเ้ ป็นแบบอย่างและใหเ้ ป็นมาตรฐานเดยี วกนั ในการฝกึ ตนเองหรอื ผู้อน่ื วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติ หนา้ ทด่ี ้านการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย จงึ ได้นําแบบอยา่ งการฝกึ บุคคลทา่ มือเปล่าจากหน่วยทหาร เหล่าต่าง ๆ ตํารวจ และงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยไม่มี การจดั ทําเปน็ ลายลกั ษณ์อักษร จงึ ทําใหร้ ูปแบบการฝกึ ต่างกันไม่เปน็ แบบแผนเดียวกนั ด้วยเหตผุ ล

2 ดังกล่าววิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดทําคู่มือบุคคลท่ามือเปล่าขึ้นโดยอาศัยต้นแบบ จากกองทัพบกเร่ือง คู่มือการฝึกว่าด้วยแบบฝึกบุคคลท่ามือเปล่า คฝ. 7 - 6 พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นแนวทาง เดียวกันสําหรับการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าให้แก่บุคลากรของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตลอดจนหน่วยอาสาสมัครต่าง ๆ ท่ีเข้ามาฝึกอบรมในวิทยาลัยป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย เพื่อใหเ้ ป็นแบบอยา่ งเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ทําวิจัยจึงสนใจทําการศึกษาเร่ืองความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพื่อ ทําให้ทราบความพึงพอใจและทราบ ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 และจะได้นําเสนอผู้อํานวยการวิทยาลัยป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เพื่อนําข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจในการพัฒนา ปรับปรุงคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ใหม้ คี ุณภาพมากยิง่ ขนึ้ เกดิ ประสิทธผิ ลในการนําคู่มือฯ ไปใชเ้ พอื่ ฝึกอบรมผูเ้ ขา้ รับการฝกึ อบรมในรุ่นตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา การศึกษาในคร้งั น้ี มีวตั ถปุ ระสงค์ดงั ต่อไปนคี้ อื 1. เพ่อื ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคมู่ ือการฝกึ บคุ คลทา่ มอื เปล่า 2. เพ่อื สํารวจขอ้ เสนอแนะของนกั ศึกษาหลักสูตร นักบรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ที่ 10 ตอ่ คมู่ อื การฝกึ บุคคลทา่ มอื เปล่า ขอบเขตการศกึ ษา ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงเชิงปริมาณ สําหรับการศึกษาในครั้งน้ี โดยเลือกใช้วิธีการสํารวจด้วย แบบสอบถามท่ีสรา้ งขน้ึ และไดก้ าํ หนดขอบเขตของการวจิ ัยไวด้ งั นี้ คอื ประชากร ทใี่ ช้ศกึ ษา นักศกึ ษาหลกั สตู ร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 เปน็ กล่มุ ตัวอยา่ งทั้งหมด จาํ นวน 50 คน ตัวแปร ทีเ่ ก่ียวข้องกับการศกึ ษา ประกอบดว้ ย ตัวแปรตาม คือ ความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ตอ่ ค่มู อื การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ตัวแปรอิสระ คือ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานที่ทํางานปัจจุบัน ตําแหน่งปัจจุบัน รายได้ต่อเดือน สถานภาพ และความคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจ คือ รูปเล่ม เนื้อหา ภาพประกอบ ขนาดตวั อกั ษร ภาพประกอบ สถานที่ศึกษาที่ผู้วิจัยใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตําบล บางพูน อําเภอเมอื งปทุมธานี จังหวดั ปทมุ ธานี ระยะเวลาในการศึกษา เรม่ิ ตง้ั แต่ เดือนมกราคม 2557 ถึง เดอื นมีนาคม 2557 ประโยชนท์ ่ีใช้ในการศกึ ษา ผลจากการศกึ ษามีประโยชน์ต่อฝา่ ยทีเ่ กย่ี วข้องดงั น้ี คอื 1. ทราบความพึงพอใจของของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ต่อคูม่ ือการฝกึ บคุ คลทา่ มอื เปล่า

3 2. ทราบขอ้ คิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะเพอ่ื จะไดน้ ําไปปรับปรุงแก้ไขคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ใหเ้ กิดประสทิ ธิผลในการฝึกอบรมตอ่ ไป 3. ทราบความพึงพอใจ และทราบข้อคิดเห็น ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า และรวบรวมผลวิจัยดังกล่าว นาํ เสนอผอู้ าํ นวยการวทิ ยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อนําขอ้ มูลไปประกอบการตดั สินใจในการ พัฒนา ปรับปรุงคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เกิดประสิทธิผลในการนําคู่มือ ฯ ไปใชเ้ พื่อฝกึ อบรมผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรมในรุ่นตอ่ ไป นยิ ามศพั ท์เฉพาะ คาํ นยิ ามศพั ท์เฉพาะในการศึกษาในคร้งั นี้ ได้แก่ การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า : การฝึกบุคคลท่ามือเปล่าครอบคลุมท่าที่สําคัญ ๆ และเป็นท่าหลัก ๆ ไดแ้ ก่ ท่าตรง ท่าพัก ท่าหัน ท่าเดิน ท่าหยุด ท่าเคารพ ท่าวิ่ง ท่าถอดหมวก และสวมหมวก ท่าหมอบลุก และรวมถึง การฝึกแถวชดิ ด้วย คมู่ ือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า : คู่มือที่วิทยาลับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทํา ข้ึนโดย อาศัยข้อมูลส่วนหนึ่งจากเอกสารคู่มือการฝึกว่าด้วยแบบฝึกบุคคลท่ามือเปล่าของกองทัพบก พ.ศ. 2554 และเนือ้ หาในบางสว่ น บางตอนคณะผู้จัดทําได้ปรบั ปรงุ และเพ่มิ เตมิ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพปัจจบุ ัน หลักสูตรนกั บรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย : หลกั สูตรที่วิทยาลยั ป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัยจัดทําข้ึน เพื่อพัฒนานักบริหารระดับกลางของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เป็นผู้มี ความรู้ ความสามารถ ทักษะและมีวิสัยทัศน์ ตลอดจนเข้าใจในบทบาทหน้าท่ีตามภารกิจของ ปภ. สามารถ บริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งหัวหน้า สาํ นักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวดั หรือหวั หนา้ หน่วยงานอื่น ๆ

4 บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยทีเ่ ก่ียวขอ้ ง บทนเ้ี ปน็ การนาํ เสนอ แนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ตวั แปรของการศกึ ษาซึ่งผวู้ ิจัยไดท้ าํ การสบื คน้ จากเอกสารทางวิชาการและงานวจิ ัยจากแหลง่ ต่าง ๆ โดยแบง่ เนอื้ หาของบทนเี้ ป็น 3 สว่ นคอื 1. ทฤษฎีความพึงพอใจ 2. ทฤษฎแี รงจูงใจ 3. แนวความคดิ ที่เก่ยี วขอ้ งกบั ท่าบุคคลมือเปลา่ รายละเอียดในแตล่ ะส่วนทีก่ ลา่ วมาข้างต้น มีสาระสาํ คญั ดังน้ี 1. ทฤษฎคี วามพงึ พอใจ Shelly (1975) และ Vroom (1964) มีความคิดสอดคล้องกันว่า ทฤษฎีของความพึงพอใจ เป็นความรู้สึกสองแบบของมนุษย์ คือ ความรู้สึกทางบวกและความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวกเป็น ความรู้สกึ ทีเ่ มอ่ื เกิดขึ้นแลว้ จะทาํ ใหเ้ กิดความสุข ความสุขน้ีเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความรู้สึกทางบวก อื่น ๆ กล่าวคือ เป็นความรู้สึกท่ีระบบย้อนกลับ ความสุขที่สามารถทําให้เกิดความสุขหรือความรู้สึก ทางบวก เพ่ิมขึ้นได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความสุขเป็นความรู้สึกท่ีสลับซับซ้อนและความสุขน้ี จะมีผลต่อ บุคคล มากกว่าความรู้สึกทางบวกอื่น ๆ ซ่ึงได้สอดคล้องกับ วิมลสิทธ์ิ หรยางกูร (2526) ส่วน Knob และ Stowart มีความคิดว่าความพึงพอใจของปัจเจกบุคคลว่า มีความแตกต่างกันไปตามความแปรปรวน ของการตอบสนองความพึงพอใจ มีพ้ืนฐานจากองค์ประกอบท่ีซับซ้อน ลักษณะความพึงพอใจจะ แสดงออกในรูปของอารมณ์ ซ่ึงจากการศึกษาในเร่ืองเก่ียวกับความพึงพอใจที่ผ่านมาพบว่ามักมีการ พิจารณาความพึงพอใจในแง่ของทัศนคติ แรงจูงใจความคาดหวัง การได้รับรางวัล และความสมดุลทาง อารมณ์เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับ Rosenberg ที่กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกท่ีดีหรือ ทัศนคติที่ดีของบุคคล ซ่ึงมักเกิดจากการได้รับการตอบสนองตามท่ีตนต้องการ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ดีในสิ่ง นั้นตรงกันขา้ มหากความต้องการไมไ่ ดร้ บั การตอบสนอง ความไม่พึงพอใจก็จะเกิดขึ้น ความพึงพอใจที่มีต่อ การใช้บริการ จะเกิดขึ้นหรือไม่น้ัน จะต้องพิจารณาถึงลักษณะของการให้บริการขององค์กร ประกอบกับ ระดบั ความร้สู ึกของผ้มู ารบั บริการในมิตติ ่าง ๆ ของแต่ละบุคคล Philip Kotler and Armstrong (2002) กล่าวว่า พฤติกรรมของมนุษย์เกิดข้ึนต้องมีสิ่งจูงใจ (Motive) หรือแรงขับดัน (Drive) เป็นความต้องการที่กดดันจนมากพอท่ีจะจูงใจให้บุคคลเกิดพฤติกรรม เพ่ือตอบสนองความต้องการของตนเอง ซ่ึงความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความต้องการ บางอย่างเป็นความต้องการทางชีววิทยา (Biological) เกิดขึ้นจากสภาวะตึงเครียด เช่น ความหิวกระหาย หรือความลําบากบางอย่าง เป็นความต้องการทางจิตวิทยา (Psychological) เกิดจากความต้องการการ ยอมรับ (Recognition) การยกย่อง (Esteem) หรือการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (belonging) ความต้องการ ส่วนใหญอ่ าจไม่มากพอท่จี ะจูงใจใหบ้ คุ คลกระทาํ ในช่วงเวลานัน้ ความตอ้ งการกลายเป็นสิ่งจูงใจ เมื่อได้รับ การกระตุ้นอย่างเพียงพอจนเกิดความตึงเครียด โดยทฤษฎีท่ีได้รับความนิยมมากที่สุด มี 2 ทฤษฎี คือ ทฤษฎีของอับราฮัม มาสโลว์ และทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ โดย มาสโลว์ (Maslow’s theory motivation) ได้ค้นหาวิธีที่จะอธิบายว่าทําไมคนจึงถูกผลักดันโดยความต้องการบางอย่าง ณ เวลาหน่ึง ทําไมคนหนึ่งจึงทุ่มเทเวลาและพลังงานอย่างมากเพื่อให้ได้มาซ่ึงความปลอดภัยของตนเองแต่อีกคนหนึ่ง กลับทาํ ส่ิงเหลา่ นั้น เพอื่ ให้ไดร้ ับการยกย่องนบั ถอื จากผูอ้ น่ื คาํ ตอบของมาสโลว์ คือ ความตอ้ งการของ

5 มนุษย์จะถูกเรียงตามลําดับจากส่ิงที่กดดันมากท่ีสุดไปถึงน้อยท่ีสุด ทฤษฎีของมาสโลว์ได้ จัดลําดบั ความตอ้ งการตามความสาํ คัญ คือ 1. ความต้องการทางกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการพ้ืนฐาน คือ อาหาร ทพี่ ัก อากาศ ยารกั ษาโรค 2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) เป็นความต้องการท่ีเหนือกว่า ความต้องการเพ่อื ความอยูร่ อด เป็นความต้องการในดา้ นความปลอดภัยจากอันตราย 3. ความต้องการทางสังคม (Social needs) เปน็ การต้องการการยอมรับจากเพ่อื น 4. ความต้องการการยกย่อง (Esteem needs) เป็นความต้องการการยกย่อง สว่ นตัว ความนบั ถอื และสถานะทางสงั คม 5. ความต้องการให้ตนประสบความสําเร็จ (Self – Actualization needs) เป็น ความต้องการสงู สดุ ของแตล่ ะบุคคล ความตอ้ งการทําทกุ สงิ่ ทุกอยา่ งได้สาํ เรจ็ ดังน้ัน บุคคลพยายามที่สร้างความพึงพอใจให้กับความต้องการท่ีสําคัญที่สุดเป็นอันดับ แรกก่อนเม่ือความต้องการนั้นได้รับความพึงพอใจ ความต้องการน้ันก็จะหมดลงและเป็นตัวกระตุ้นให้ บุคคลพยายามสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ ับความตอ้ งการทีส่ าํ คญั ท่ีสุดลาํ ดบั ตอ่ ไป ตัวอย่างเช่น คนที่อดอยาก (ความต้องการทางกาย) จะไม่สนใจต่องานศิลปะชิ้นล่าสุด (ความต้องการสูงสุด) หรือไม่ต้องการยกย่อง จากผู้อ่ืน หรือไม่ต้องการแม้แต่อากาศท่ีบริสุทธ์ิ (ความปลอดภัย) แต่เมื่อความต้องการแต่ละขั้นได้รับ ความพงึ พอใจแล้วกจ็ ะมีความต้องการในขัน้ ลําดับตอ่ ไป สว่ นแนวคดิ ของ ซกิ มนั ด์ ฟรอยด์ ( S. M. Freud) ตั้งสมมตุ ิฐานว่าบคุ คลมักไม่รู้ตัวมากนักว่าพลังทางจิตวิทยามีส่วนช่วยสร้างให้เกิดพฤติกรรม ฟรอยด์พบว่า บุคคลเพ่ิม และควบคุมสิ่งเร้าหลายอย่าง สิ่งเร้าเหล่าน้ีอยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างส้ินเชิง บุคคลจึงมี ความฝัน พูดคําท่ีไม่ต้ังใจพูด มีอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและมีพฤติกรรมหลอกหลอนหรือเกิดอาการ วิตกจริตอย่างมาก และชาริณี (2536) ได้เสนอทฤษฎีการแสวงหาความพึงพอใจไว้ว่า บุคคลพอใจจะ กระทําสิ่งใด ๆ ที่ให้มีความสุขและจะหลีกเลี่ยงไม่กระทําในสิ่งท่ีเขาจะได้รับความทุกข์หรือความ ยากลําบาก โดยอาจแบ่งประเภทความพอใจกรณนี ้ีได้ 3 ประเภท คอื 2.1 ความพอใจด้านจิตวิทยา (Psychological hedonism) เป็นทรรศนะของความ พึงพอใจว่ามนุษยโ์ ดยธรรมชาตจิ ะมคี วามแสวงหาความสุขส่วนตวั หรือหลกี เลีย่ งจากความทกุ ขใ์ ด ๆ 2.2 ความพอใจเก่ียวกับตนเอง (Egoistic hedonism) เป็นทรรศนะของความพอใจ ว่ามนุษย์จะพยายามแสวงหาความสุขส่วนตัว แต่ไม่จําเป็นว่าการแสวงหาความสุขต้องเป็นธรรมชาติของ มนุษยเ์ สมอไป 2.3 ความพอใจเก่ียวกับจริยธรรม (Ethical hedonism) ทรรศนะน้ีถือว่ามนุษย์ แสวงหาความสุขเพื่อผลประโยชน์ของมวลมนุษย์หรือสังคมท่ีตนเป็นสมาชิกอยู่และเป็นผู้ได้รับ ผลประโยชน์ผู้หน่ึงด้วยสง่า (2540) และ วิรุฬ (2542) มีแนวคิดท่ีสอดคล้องกันว่า ความพึงพอใจ คือ ความร้สู กึ ท่เี กิดขึ้นเมือ่ ได้รับผลสําเรจ็ ตามความมุ่งหมายหรือเป็นความรู้สึกขั้นสุดท้ายท่ีได้รับผลสําเร็จตาม วัตถุประสงค์ เป็นความรู้สึกภายในจิตใจของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน ข้ึนอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะมีความ คาดหมายกับส่ิงหนึ่งสิ่งใดอย่างไร ถ้าคาดหวังหรือมีความตั้งใจมากและได้รับการตอบสนองด้วยดีจะมี ความพงึ พอใจมากแต่ในทางตรงกันข้ามอาจผิดหวังหรอื ไมพ่ งึ พอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง ตามทค่ี าดหวังไว้ทัง้ นี้ขึ้นอยกู่ ับสง่ิ ท่ตี ้งั ใจไวว้ ่าจะมีมากหรือน้อย

6 ปรียากร (2535) และ สุเทพ (2541) มีความคิดเห็นที่คล้ายกันว่า ปัจจัยหรือ องคป์ ระกอบท่ีใช้เป็นเครื่องมือบง่ ชี้ถงึ ปัญหาที่เกย่ี วกบั ความพงึ พอใจในการทาํ งานนนั้ มี 3 ประการ คอื 1. ปัจจัยด้านบุคคล (Personal factors) หมายถึง คุณลักษณะส่วนตัวของ บุคคลที่เก่ียวข้องกับงาน ได้แก่ ประสบการณ์ในการทํางาน เพศ จํานวนสมาชิกในความรับผิดชอบ อายุ เวลาในการทาํ งาน การศึกษา เงินเดอื น ความสนใจ เปน็ ต้น 2. ปัจจัยด้านงาน (Factor in the Job) ได้แก่ ลักษณะของงาน ทักษะในการ ทํางาน ฐานะทางวิชาชีพ ขนาดของหน่วยงาน ความห่างไกลของบ้านและที่ทํางาน สภาพทางภูมิศาสตร์ เปน็ ต้น 3. ปัจจัยด้านการจัดการ (Factors controllable by management) ได้แก่ ความม่ันคงในงานรายรับ ผลประโยชน์ โอกาสก้าวหน้า อํานาจตามตําแหน่งหน้าท่ี สภาพการทํางาน เพ่ือนร่วมงาน ความรับผิดชอบ การสื่อสารกับผู้บังคับบัญชา ความศรัทธาในตัวผู้บริหาร การนิเทศงาน เปน็ ต้น 2. ทฤษฎแี รงจูงใจ Huitt,W. ได้ให้ความหมายของแรงจูงใจเป็นแรงขับภายในบุคคลท่ีจะชักนําโน้มน้าวให้ บุคคลเกิดความมุ่งมั่นพยายาม และแสดงพฤติกรรม หรือกระทําการต่าง ๆ เพื่อท่ีจะตอบสนองความ ต้องการที่มุ่งหวัง แสดงพฤติกรรมเพื่อให้บรรลุความต้องการท่ีมุ่งหวัง นักจิตวิทยาได้แบ่งลักษณะของ แรงจูงใจออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่ 1 แบ่งตามระยะเวลาในการแสดงพฤติกรรม มี 2 ลักษณะคือ แรงจูงใจฉับพลัน (Aroused Motive) เป็นแรงจูงใจที่กระตุ้นให้มนุษย์แสดงพฤติกรรม ออกมาทันทีทันใด และแรงจูงใจสะสม (Motivational Disposition หรือ Latent Motive) เป็นแรงจูงใจที่มีอยู่แต่ไม่ได้ แสดงออกทันทีจะค่อย ๆ เก็บสะสมไว้รอการแสดงออกในเวลาใดเวลาหน่ึง กลุ่มท่ี 2 แบ่งตามแหล่งที่มา ของแรงจูงใจ มี 2 ลักษณะ คือ แรงจูงใจภายใน (Intrinsic motivation) เป็นแรงจูงใจท่ีได้รับอิทธิพลจาก ส่ิงเร้าภายในตัวของบุคคลน้ัน และแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic motivation) เป็นแรงจูงใจท่ีได้รับ อิทธิพลมาจากส่งิ เร้าภายนอก กลุ่มท่ี 3 แบ่งตามความต้องการพ้ืนฐาน มี 2 ลักษณะ คือ แรงจูงใจปฐมภูมิ (Primary motive) เป็นแรงจูงใจอันเน่ืองมาจากความต้องการที่เห็นพ้ืนฐานทางร่างกาย เช่น ความหิว กระหาย และ แรงจูงใจทุติยภูมิ (Secondary motive) เป็นแรงจูงใจท่ีเป็นผลต่อเน่ืองมาจากแรงจูงใจขั้น ปฐมภูมิ โดยมแี นวคิด ทฤษฎพี ้นื ฐานทางจติ วิทยาต่างอธบิ ายถึงแรงจูงใจไวใ้ นแง่มมุ ต่าง ๆ คือ ทฤษฎีกลุ่ม พฤติกรรมนิยม ในกลุ่มวางเงื่อนไขแบบคลาสิค (Classical condition) เน้นเกี่ยวกับการตอบสนองทาง ชีวภาพท่เี ช่ือมโยงกับส่งิ ท่มี ากระตนุ้ และในกลมุ่ การวางเง่ือนไขแบบปฏิบัติการ (Operant conditioning) ที่ให้ความสําคัญกับผลท่ีตามมาจากการกระทําน้ัน หากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าให้ผลทางบวกก็จะส่งเสริม ให้บุคคลน้ันมีพฤติกรรมนั้นย่ิงขึ้น และจะเป็นประสบการณ์ทําให้บุคคลมีแรงจูงใจท่ีจะแสดงพฤติกรรมนั้น ตอ่ ไป ดว้ ยเหตุผลนีท้ ฤษฎพี ฤติกรรมนยิ ม จงึ เนน้ ความสําคญั ของสิ่งเรา้ ภายนอก และทฤษฎีการเรียนรู้ทาง สังคมหรือการเรียนรู้จากการสังเกต เน้นการเรียนรู้จากตัวแบบหรือการเลียนแบบผู้อื่น ท่ีเห็นการกระทํา ของบุคคลอื่นแล้วนํามาเป็นพฤติกรรมของตนเอง ดังนั้น การได้สังเกตบุคคลอื่นท่ีชื่นชอบ ก็จะเป็น แรงจูงใจให้บุคคลพยายามที่จะแสดงพฤติกรรมตามบุคคลท่ีเป็นตัวแบบน้ัน ผลลัพธ์ต่าง ๆ ท่ีตัวแบบได้ แสดงให้เห็นออกมาจําเป็นสิ่งจูงใจในการเลียนแบบพฤติกรรมนั้น และทฤษฎีพุทธินิยม คือ ทฤษฎี คุณลักษณะ (attribution theory) (Heider,1958; Weiner. 1973) ที่เน้นถึงการมีพลังอํานาจในตนเอง (locus of control) ท่มี ีผลใหบ้ ุคคลประสบความสําเรจ็ หรอื ล้มเหลว ซงึ่ มีทง้ั ความเช่อื ในพลังอํานาจ

7 ภายในตนเองและพลังอํานาจภายนอกตนเอง และความเช่ือว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ กับ เช่ือว่าสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของตนเอง ความเชื่อเก่ียวกับพลังภายในตนเอง กับ การควบคุมสถานการณ์ จะแสดงออกมาเป็นคุณลักษณะ 4 ประการ คือ พลังในตนเอง (Internal) พลัง ภายนอก (External) สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุม (No control) สถานการณ์อยู่ภายใต้การ ควบคุม (Control) ดงั นั้นในการเรียนการสอนหรือในส่ิงแวดล้อมในการเรียนรู้ มีความสําคัญที่จะต้องพัฒนา ให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะของความมุ่งมั่นพยายาม (Effort) ท่ีจะกระทําส่ิงต่าง ๆ และเชื่อว่าส่ิงที่ เกิดขึ้นเกิด จากการกระทําของตัวเราและเราสามารถควบคุมส่ิงต่าง ๆ ได้ และทฤษฎีพุทธินิยม อีกมุมมองหนึ่ง คือ ทฤษฎคี วามคาดหวัง (Expectancy theory) ของ โวรม์ (Vroom, 1964) ซึ่งได้เสนอสมการของ แรงจูงใจ ไว้ดงั นี้ แรงจูงใจ = ความคาดหวังถึงความเป็นไปได้ท่ีจะประสบความสําเร็จหรือได้รับผลลัพธ์ ตามต้องการ (Expectancy) * ความเช่ือมโยงความสําเร็จกับรางวัลท่ีจะได้รับ (Instrumentality) * คุณค่าของเป้าหมาย (Value) หรือระดับความรุนแรงที่บุคคลต้องการไปถึงเป้าหมายนั้น จากสมการ ข้างต้นจะเหน็ วา่ แรงจงู ใจจะเกิดได้จากปจั จยั สําคัญ 3 ประการ คอื E= Expectancy ได้แก่ ความคาดหวังถึงความเป็นไปได้ของการได้ซึ่งผลลัพธ์หรือรางวัล ที่ต้องการเมื่อแสดงพฤตกิ รรมบางอยา่ ง (การเชือ่ มโยงระหว่างผลงานกบั ความพยายาม) I = Instrumentality หมายถึงความเป็นเคร่ืองมือของผลลัพธ์ (Outcomes) หรือรางวัล ระดับท่ี 1 ท่ีจะนําไปสู่ผลลัพธ์ที่ 2 หรือรางวัลอีกอย่างหน่ึง คือเป็นการรับรู้ในความสัมพันธ์ของผลลัพธ์ที่ ได้ (เช่อื มโยงรางวลั กับผลงาน) V=Value/Valance หมายถงึ ระดับความรุนแรงของความต้องการของบุคคลในเป้าหมาย รางวัลคอื คุณคา่ หรอื ความสาํ คัญของรางวัลทีบ่ ุคคลให้กบั รางวัลนน้ั 3. แนวความคดิ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับการฝกึ บุคคลทา่ มือเปล่า การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ได้กําหนดขึ้นโดยความมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ท่ีทําหน้าท่ีเป็นครูฝึกของ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงวิทยาเขตต่าง ๆ หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการฝึกท่า บุคคลเบ้ืองต้นให้กับผู้รับการฝึก หรือบุคคลประเภทต่าง ๆ ได้นําไปใช้เป็นแบบฉบับในการฝึกบุคคลท่ามือ เปล่าให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อปรับลักษณะท่าทางของบุคคลพลเรือนให้เป็นผู้รับการฝึกที่สมบูรณ์ โดยวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติหน้าที่ ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดทําคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าขึ้นเพื่อให้บุคลากรพล เรือนหรือผู้ท่ีมีความสนใจ ได้มีไว้เป็นแบบอย่างและเป็นมาตรฐานเดียวกันในการฝึกตนเองหรือผู้อ่ืน โดย รายละเอยี ดของคูม่ อื การฝึกบคุ คลทา่ มือเปลา่ มรี ายละเอยี ดพอสังเขป ดังนี้ 1) ขอบเขตค่มู อื การฝึกบคุ คลทา่ มือเปลา่ คู่มอื การฝกึ เล่มนจ้ี ะกล่าวถงึ การฝึกบุคคลท่ามือ เปล่า ซ่ึงครอบคลุมท่าท่ีสําคัญ ๆ และเป็นท่าหลัก ๆ ได้แก่ ท่าตรง ท่าพัก ท่าหัน ท่าเดิน ท่าหยุด ท่า เคารพ ท่าวิ่ง ท่าถอดหมวกสวมหมวก ท่าหมอบลกุ และรวมถงึ การฝึกแถวชิดดว้ ย 2) การบรรลุผลคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพ่ือให้การฝึกบรรลุความมุ่งหมายดังกล่าว ข้างต้น ผู้บังคับบัญชาทุกช้ันตลอดจนผู้มีหน้าที่ฝึกทุกท่านจะต้องคอยกวดขันและหม่ันดูแลให้การฝึกดําเนินไป ด้วยดีที่สุด โดยจะต้องพยายามคิดค้นหาวิธีการฝึก และแนวทางในการฝึกอย่างประณีต รอบคอบ เอาใจใส่ และ เม่ือพบข้อบกพรอ่ งตา่ ง ๆ ท่เี กิดขนึ้ จากการฝึก จะต้องจัดการแก้ไขให้ตรงตามคู่มอื เล่มน้ี

8 3) การนําไปใช้ ผู้ฝึกจะต้องใช้ดุลพินิจในการกําหนดวิธีการฝึกให้เหมาะสมแก่จํานวนผู้รับ การฝึก จํานวนเคร่อื งชว่ ยฝึก ครูฝึก และผู้ช่วยครูฝกึ ท่ีมีอยู่ ทั้งนี้ เพ่ือเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้รับการฝึกปฏิบัติไป ในทางผดิ ๆ อนั เนื่องจากการขาดการกาํ กบั ดแู ลการปฏิบัตขิ องครฝู ึกและผ้ชู ว่ ยครูฝกึ อย่างใกล้ชิด รายละเอยี ดพอสังเขปของคูม่ ือบคุ คลทา่ มือเปล่า ประกอบด้วย 3 บทหลัก ดงั น้ี บทที่ 1 : กลา่ วท่ัวไป บทท่ี 2 : การฝึกบุคคลทา่ มอื เปลา่ ประกอบด้วย 20 ทา่ ดงั นี้ 1) ท่าตรง เป็นท่าเริ่มต้นของการฝึกบุคคลในท่ามือเปล่า ถือว่าเป็นท่าท่ีมีความ สง่างามเป็นการเตรียมความพร้อมสําหรับการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าในท่าต่อ ๆ ไป หากบุคคลไม่สามารถ ทาํ ทา่ ตรงไดห้ รอื ทําได้ไม่ดี กจ็ ะไมส่ ามารถฝกึ บุคคลท่ามอื เปลา่ ในทา่ ตา่ ง ๆ ต่อไปได้ 2) ท่าพัก มีทั้งหมด 5 ท่า ประกอบด้วยท่าพักตามปกติ ท่าพักตามระเบียบท่า พักตามสบาย ท่าพักแถว และท่าเลิกแถว ท่าพักมีไว้ก็เพ่ือประโยชน์ของผู้เข้ารับการฝึก เพื่อเป็นการผ่อน คลายจากการฝึกท่ีต้องใช้รา่ งกายเปน็ เวลานาน ๆ และทา่ พกั บางท่าก็จะไม่ตอ้ งกลบั มาเขา้ แถวอกี เลย 3) ทา่ หนั อยกู่ บั ท่ี แบง่ ออกเปน็ 5 ท่า คอื ท่าขวาหนั ท่าซา้ ยหนั ทา่ กลบั หลังหัน ท่ากึ่งขวาหัน และท่าก่ึงซ้ายหัน ใช้ในกรณีท่ีต้องการเปลี่ยนทิศทางของแถว ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการมอง ทศิ ทางการยืนหรือทศิ ทางการเดนิ ก็ตาม 4) ท่าก้าวทางข้าง มีทั้งหมด 2 แบบคือ การก้าวทางซ้ายและการก้าวทางขวา ใช้ในกรณีที่ต้องการเคล่ือนท่ีของแถวในระยะทางส้ัน ๆ ไม่เกิน 10 ก้าว ซึ่งถือได้ว่าสามารถเคล่ือนแถวได้ เร็วกวา่ การเรยี กแถวใหม่ 5) ท่าก้าวถอยหลัง ใช้ในกรณีที่ต้องการเคลื่อนที่ของแถวในระยะทางสั้น ๆ ไม่ เกนิ 10 ก้าว เพือ่ ถอยไปด้านหลัง ซง่ึ ถอื ไดว้ า่ สามารถเคล่ือนแถวได้เรว็ กว่าการเรยี กแถวใหม่ 6) ท่าเดิน แบ่งออกเป็น 3 ท่า คือ ท่าเดินสวนสนาม ท่าเดินตามปกติ และท่า เดินตามสบาย ใช้ในกรณีท่ีต้องการเคลื่อนที่ของแถวในระยะทางไกล ๆ เพ่ือให้คนจํานวนมากเดินไปด้วย ความพรอ้ มเพรยี ง จึงจาํ เป็นต้องมีการฝึกเพือ่ ให้เกิดความพร้อม 7) การนับก้าว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การนับปกติ และการนับก้าว ใช้ ในกรณีที่ต้องการนับกําหนดจังหวะของการเดินและการวิ่ง เพ่ือให้เท้าของผู้เข้ารับการฝึกตกลงพ้ืนโดย พรอ้ มเพรียงกัน 8) ท่าหยุดจากการเดิน ใช้ในกรณีที่ต้องการหยุดจากการเดินไม่ว่าจะเป็นการ เดินในท่าเดินสวนสนาม เดินตามปกติ หรือเดินตามสบายก็ตาม เพ่ือให้เกิดความพร้อม สวยงาม และเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย 9) ท่าเปลี่ยนเท้าในเวลาเดิน ใช้ในกรณีที่ต้องการเปล่ียนเท้าในขณะเดิน ไม่ว่า จะเป็นการเดินสวนสนาม เดินตามปกติ หรือเดินตามสบาย ก็ตาม เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกที่เดินแล้วเท้าไม่ พรอ้ มกบั ผ้อู ่นื ได้ทําการเปล่ียนเทา้ ใหพ้ รอ้ มกบั ผูอ้ ืน่ เพ่อื ความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย 10) ท่าซอยเท้า แบ่งออกเป็น 4 ท่า คือ ท่าซอยเท้าเม่ืออยู่กับท่ี ท่าหยุดจาก การซอยเท้า ท่าเดินจากการซอยเท้า และท่าซอยเท้าจากการเดิน ใช้ในกรณีที่ต้องการเตรียมความพร้อม สาํ หรบั การเดินหรือการหยดุ เพอ่ื ใหแ้ ถวไดม้ ีระยะต่อและระยะเคียงทีส่ วยงาม

9 11) ทา่ หันในเวลาเดิน แบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ท่า คือ ท่าขวาหันในเวลาเดินท่าซ้าย หันในเวลาเดิน และท่ากลับหลังหันในเวลาเดิน ใช้ในกรณีที่ต้องการเปล่ียนทิศทางการเคลื่อนที่ในขณะ เดิน 12) ท่าเคารพ สามารถใช้แสดงการเคารพได้ท้ังขณะอยู่กับท่ีและเคลื่อนท่ี แบ่ง ออกเป็น 2 ท่า คือ ท่าแลขวา, แลซ้าย และท่าวันทยหัตถ์ ใช้ในกรณีท่ีต้องการแสดงความเคารพแทนการ ไหวใ้ นขณะสวมหมวก 13) ท่าวิ่ง ใช้ในกรณีที่ต้องการเคล่ือนท่ีไปข้างหน้าให้เกิดความรวดเร็ว โดย พรอ้ มเพรยี งกนั 14) ท่าหยุดจากการวิ่ง ใช้ในกรณีท่ีต้องการหยุดจากการวิ่ง หากไม่มีการฝึกให้ เกิดความชํานาญจะทาํ ใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตไุ ด้ เชน่ หกลม้ หรือชนกันกรณีวิ่งเป็นแถว 15) ท่าเปล่ียนเท้าเวลาวิ่ง ใช้ในกรณีท่ีต้องการเปล่ียนเท้าในขณะว่ิง เพ่ือให้ผู้ เข้ารับการฝึกท่ีว่ิงแล้วเท้าไม่พร้อมกับผู้อ่ืน ได้ทําการเปล่ียนเท้าให้พร้อมกับผู้อ่ืนเพื่อความเป็นระเบียบ เรยี บรอ้ ย 16) ท่าเปล่ียนจากการว่ิงเป็นการเดิน ใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนการ เคลือ่ นไหวแบบการว่งิ มาเปน็ การเดินเนือ่ งจากหากวง่ิ แลว้ หยดุ ทนั ทจี ักทําให้เกิดการหกล้มหรอื ชนกนั ได้ 17) ท่าเปลี่ยนจากการเดินเป็นการวิ่ง ใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนการ เคลอ่ื นไหวแบบการเดินมาเป็นการวงิ่ เนื่องจากจะทําให้เกิดความพรอ้ มเพรียงกอ่ นการว่งิ 18) ท่าหันในเวลาว่ิง แบ่งออกเป็น 3 ท่า คือ ท่าขวาหันในเวลาว่ิง ท่าซ้ายหัน ในเวลาวิ่ง และท่ากลับหลังหันในเวลาวิ่ง ใช้ในกรณีท่ีต้องการเปล่ียนทิศทางการเคล่ือนไหวขณะว่ิงไปใน ทศิ ทางท่ีต้องการ 19) ท่าถอดหมวกและสวมหมวก ใช้ในกรณีที่ต้องการถอดหมวกและสวม หมวกในพิธกี ารสําคัญเพือ่ ใหเ้ กิดความพรอ้ มเพรียง สวยงาม และเป็นระเบยี บ 20) ท่าหมอบและลุก ใช้ในกรณีที่ต้องการเอาตัวรอดในขณะเกิดเหตุการณ์ สาธารณภัย เชน่ แผ่นดินไหว ภยั จากวตั ถรุ ะเบดิ เปน็ ตน้ บทท่ี 3 : การฝึกแถวชิด ประกอบด้วย 1) แถวหน้ากระดาน คือ รูปขบวนที่มีลักษณะสัดส่วนความกว้างด้านหน้า มากกว่าความลึกในการจัดแถวน้ัน อาจจัดเป็นแถวหน้ากระดานแถวเดียวหรือแถวหน้ากระดานต้ังแต่สอง แถวข้ึนไปก็ได้ตามต้องการ แถวหน้ากระดานนั้นมีไว้สําหรับการเคารพธงชาติ การฟังคําชี้แจงการรอรับ ผบู้ ังคบั บญั ชา 2) แถวตอน คือ รูปขบวนท่ีมีลักษณะสัดส่วนความลึกมากกว่าความกว้างในการ จดั แถวนั้น อาจจดั เป็นแถวตอนเรียงหน่ึงหรือแถวตอนตั้งแต่สองแถวข้ึนไปก็ได้ตามต้องการ แถวตอนนั้นมี ไว้สําหรบั การเดนิ การวง่ิ การเคลือ่ นขบวน

10 กรอบแนวคดิ ตัวแปรตาม ภาพที่ 2.1 : ความสัมพันธร์ ะหว่างตัวแปรอิสระกบั ตวั แปรตาม ตัวแปรอสิ ระ 1. เพศ ความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาหลักสตู รนัก 2. อายุ บรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณ 3. ระดับการศกึ ษา ภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคมู่ ือการฝกึ 4. ตาํ แหน่งอาชพี บุคคลท่ามอื เปล่า 5. ความคิดเห็นที่มีต่อปัจจัยท่ี ก่อให้เกดิ ความพึงพอใจ -รูปเล่ม -เน้อื หา -ขนาดตัวอักษร -ภาพประกอบ กรอบแนวคิดข้างต้นแสดงถงึ ความสัมพันธร์ ะหว่าง ตัวแปรอิสระกบั ตัวแปรตามภายใต้ ทฤษฎีความพึงพอใจ ของ Shelly (1975) Vroom (1964) วิมลสิทธิ์ หรยางกูร (2526) Philip Kotler and Armstrong (2002) ชาริณี (2536) สง่า (2540) วิรุฬ (2542) ปรียากร (2535) และสเุ ทพ (2541) ทฤษฎแี รงจูงใจ ของ Huitt,W. , Heider,(1958) Weiner. (1973) Vroom (1964) แนวความคิดที่เก่ียวข้องกับการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ของวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2555)

11 บทท่ี 3 ระเบียบวิธีวจิ ัย เน้ือหาของบทเป็นการอธิบายถึงวิธีการวิจัยสําหรับการศึกษาในคร้ังนี้ ซ่ึงใช้การวิจัยเชิงปริมาณ ประกอบด้วย ประชากรและตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์และ การทดสอบความสมั พนั ธร์ ะหว่างตัวแปรทกี่ าํ หนดข้ึน ประชากร ประชากรท่ีใช้ศึกษา ได้แก่ ข้าราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งในระดับส่วนกลาง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และระดับจังหวัด ซ่ึงได้แก่นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จํานวน 50 ราย ทร่ี ะดับความคลาดเคลื่อน 0.05 เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา ผู้วจิ ยั ใช้แบบสอบถามเป็นเครือ่ งมือเพอ่ื เก็บรวบรวมขอ้ มลู จากตัวอย่าง โดยมีรายละเอียดเก่ยี วกบั การสร้างแบบสอบถามเป็นขั้นตอนดังนี้ 1. ศึกษาวธิ ีการสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสาร งานวจิ ัย และทฤษฎที ่ีเกี่ยวขอ้ ง 2. สร้างแบบสอบถามเพอื่ ถามความคิดเหน็ ในประเดน็ ต่าง ๆ 3 ประเดน็ คือ 1) ข้อมูลท่วั ไปเก่ยี วกบั ผู้ตอบแบบสอบถาม 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อค่มู ือการฝึกบคุ คลท่ามือเปล่า 3) ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบคุ คลทา่ มือเปล่า 3. นาํ แบบสอบถามทไ่ี ด้สร้างข้ึนมาเสนอตอ่ อาจารย์ทปี่ รึกษา เพอื่ ปรบั ปรงุ แกไ้ ข 4. ทําการปรับปรุงแก้ไขและนําเสนอให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง เพ่อื ใหอ้ าจารยท์ ่ีปรกึ ษาอนมุ ตั กิ อ่ นแจกแบบสอบถาม 5. แจกแบบสอบถามไปยงั ตวั อย่าง การตรวจสอบเคร่อื งมอื การตรวจสอบเน้ือหา ผู้วิจัยได้นําเสนอแบบสอบถามท่ีได้สร้างขึ้นต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพ่ือ ตรวจสอบความครบถ้วนและความสอดคลอ้ งของเน้อื หาของแบบสอบถามทต่ี รงกับเร่ืองท่ีจะศึกษา องคป์ ระกอบของแบบสอบถาม ผู้ทําวิจัยได้ออกแบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนพร้อมกับวิธีการตอบคําถามดังต่อไปน้ี คือ ส่วนท่ี 1 เป็นคําถามเก่ียวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบคําถาม ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานที่ทํางานปัจจุบัน ตําแหน่งปัจจุบัน สถานภาพ โดยลักษณะคําถามเป็นคําถามปลายปิดแบบให้ เลือกตอบ

12 ส่วนที่ 2 เป็นคําถามเก่ียวข้องกับความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า โดยลักษณะเป็นคําถามปลายปิด โดยคาํ ถามแบง่ เปน็ 5 ระดับ ตั้งแตน่ ้อยที่สดุ ถงึ มากทสี่ ุด ส่วนที่ 3 เป็นคําถามเก่ียวกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหาร งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า โดยลักษณะเป็น คําถามปลายเปิด การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ผูว้ ิจยั ไดด้ าํ เนินการเก็บข้อมลู ตามข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี คือ 1. ผู้วิจยั ตรวจสอบรายละเอยี ดเกี่ยวกบั เน้อื หาภายในแบบสอบถาม 2. ผู้วิจัยได้แจกแบบสอบถามให้กลุ่มเป้าหมายและรอจนกระทั่งตอบคําถามครบถ้วน ซึ่งใน ระหว่างนน้ั ถา้ ผูต้ อบมีข้อสงสัยเก่ียวกับคาํ ถาม ผู้วจิ ัยจะตอบขอ้ สงสยั นนั้ การแปรผลข้อมูล ผู้ทําวิจัยได้กําหนดค่าอันตรภาคชั้น สําหรับการแปลผลข้อมูลโดยคํานวณค่าอันตรภาคชั้น เพื่อ กาํ หนดช่วงชัน้ ด้วยการใชส้ ตู รคาํ นวณและคาํ อธบิ ายสาํ หรับแตล่ ะชว่ งชน้ั ดังนี้ อนั ตรภาคชั้น คือ ค่าสูงสุด – คา่ ตํา่ สุด 5 – 1 = 0.80 จํานวนชั้น 5 ชว่ งชนั้ คาํ อธบิ ายสาํ หรบั การแปลผล 4.24 – 5.00 ระดับมากทสี่ ุด 3.43 – 4.23 ระดับมาก 2.62 – 3.42 ระดับปานกลาง 1.81 – 2.61 ระดับนอ้ ย 1.00 – 1.80 ระดับน้อยทีส่ ุด สถิติทีใ่ ช้ในการวเิ คราะห์ ผู้ทาํ วิจยั ได้กําหนดคา่ สถิตสิ าํ หรบั การวเิ คราะหข์ อ้ มูลไว้ดังนี้ คือ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ใช้บรรยายเกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไป และคุณสมบัติของผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานท่ีทํางานปัจจุบัน ตําแหน่งปัจจุบัน รายได้ต่อเดือน และสถานภาพ ข้อมูล เกี่ยวกับความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและข้อมูลข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษา หลกั สตู รนกั บรหิ ารงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ตอ่ คมู่ อื การฝกึ บุคคลท่ามือเปล่า การแปรผลข้อมลู 1 ผู้ทําวิจัยได้นําแบบสัมภาษณ์ท่ีได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ ของข้อมลู นาํ มาจัดระบบและทําการวเิ คราะหข์ อ้ มลู บรรยายเชงิ พรรณนา (Descriptive Analysis) 2 นาํ แบบสอบถามทไ่ี ด้รบั กลบั คืนมาดําเนินการ ดงั น้ี 1) ตรวจสอบความถูกต้องสมบรู ณข์ องขอ้ มูล

13 2) จําแนกและจดั หมวดหมขู่ องประเด็นที่ศกึ ษา 3) กรอกข้อมูลในแบบสอบถามลงในแบบกรอกข้อมลู ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 4) วิเคราะห์ข้อมูล โดยวิเคราะห์หาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสรุปผล ออกมาโดยการใชส้ ถติ ิเชงิ พรรณนา

14 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล บทน้ีเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการอธิบายและการทดสอบสมมุติฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร แต่ละตัว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมจากแบบสอบถามที่มีคําตอบครบถ้วนสมบูรณ์ จํานวน ท้งั สนิ้ 50 ชดุ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของจํานวนแบบสอบถามท้ังหมด 50 ชุด ผลการวเิ คราะห์แบ่งออกเป็น 3 สว่ น ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1 เป็นข้อมูลท่ัวไปเก่ียวกับเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานที่ทํางานปัจจุบัน ตําแหน่ง ปจั จุบนั รายไดต้ ่อเดอื น และสถานภาพ ส่วนที่ 2 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ตอ่ คมู่ อื การฝกึ บุคคลมอื เปลา่ ส่วนที่ 3 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคูม่ ือการฝกึ บุคคลท่ามอื เปล่า ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ส่วนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปเก่ียวกับเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานท่ีทํางานปัจจุบัน ตําแหน่ง ปัจจุบนั รายไดต้ อ่ เดอื น และสถานภาพ ตารางที่ 4.1 จาํ นวนและร้อยละของนกั ศึกษา นบ.ปภ. รุน่ ท่ี 10 จาํ แนกตามเพศ เพศ จํานวน (คน) ร้อยละ ลําดบั 1 ชาย 31 62 2 หญิง 19 38 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางที่ 4.1 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมาก ทสี่ ดุ ซง่ึ มีจํานวน 31 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 62 ตารางที่ 4.2 จํานวนและร้อยละของนักศึกษา นบ.ปภ. รนุ่ ที่ 10 จาํ แนกตามอายุ อายุ จาํ นวน (คน) ร้อยละ ลําดบั 30 - 35 ปี 4 8 5 36 - 40 ปี 6 12 4 41 - 45 ปี 12 24 2 46 - 50 ปี 16 32 1 51 - 55 ปี 10 20 3 มากกวา่ 55 ปี 2 4 6 50 100 รวม

15 ผลการศึกษาตามตารางท่ี 4.2 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 46 - 50 ปีมากทสี่ ดุ ซ่งึ มจี ํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 32 ตารางที่ 4.3 จาํ นวนและรอ้ ยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รุ่นท่ี 10 จาํ แนกตามระดับการศึกษา ระดับการศึกษา จาํ นวน (คน) รอ้ ยละ ลาํ ดับ ปริญญาตรี 22 44 2 ปริญญาโท 27 54 1 ปริญญาเอก 1 2 3 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางที่ 4.3 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาใน ระดบั ปริญญาโทมากทส่ี ุด ซง่ึ มีจาํ นวน 27 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 54 ตารางท่ี 4.4 จาํ นวนและรอ้ ยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รนุ่ ท่ี 10 จาํ แนกตามสถานทที่ าํ งานปัจจบุ นั สถานที่ทํางานปจั จุบนั จํานวน (คน) รอ้ ยละ ลาํ ดบั สว่ นกลาง 21 42 1 สาํ นักงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย 16 32 2 ศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั 10 20 3 อ่ืน ๆ 3 6 4 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางที่ 4.4 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานใน สว่ นกลางมากที่สดุ ซง่ึ มีจํานวน 21 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 42 ตารางท่ี 4.5 จํานวนและร้อยละของนกั ศกึ ษา นบ.ปภ. รนุ่ ท่ี 10 จําแนกตามตําแหนง่ ปัจจุบัน ตําแหน่งปจั จุบัน จาํ นวน (คน) ร้อยละ ลําดับ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน 23 46 1 อ่ืน ๆ 9 18 2 วิศวกรโยธา 6 12 3 วิศวกรเครือ่ งกล 5 10 4 นายชา่ งโยธา 3 65 นกั วิชาการเงินและบญั ชี 1 2 6 นกั วิชาการตรวจสอบภายใน 1 26 นักสังคมสงเคราะห์ 1 26 นายช่างเคร่ืองกล 1 26 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางที่ 4.5 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ปฏิบัติงาน ในตําแหนง่ นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผนมากท่สี ุด ซึง่ มจี ํานวน 23 คน คดิ เป็นร้อยละ 46

16 ตารางที่ 4.6 จาํ นวนและรอ้ ยละของนกั ศึกษา นบ.ปภ. รุ่นท่ี 10 จาํ แนกตามรายได้ต่อเดอื น รายไดต้ อ่ เดือน จาํ นวน (คน) รอ้ ยละ ลําดบั 15,000 - 20,000 บาท 1 26 20,001 - 25,000 บาท 5 10 4 25,001 - 30,000 บาท 15 30 1 30,001 - 35,000 บาท 11 22 3 35,000 - 40,000 บาท 14 28 2 40,001 - 45,000 บาท 2 45 มากกวา่ 50,001 บาท 2 45 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางท่ี 4.6 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือน อยรู่ ะหว่าง 25,001 - 30,000 บาท มากทีส่ ดุ ซึ่งมีจาํ นวน 15 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 30 ตารางที่ 4.7 จาํ นวนและร้อยละของนักศึกษา นบ.ปภ. รุน่ ท่ี 10 จาํ แนกตามสถานภาพ สถานภาพ จาํ นวน (คน) รอ้ ยละ ลําดับ สมรส 31 62 1 โสด 16 31 2 หมา้ ย 2 4 3 อ่ืน ๆ 1 2 4 รวม 50 100 ผลการศึกษาตามตารางท่ี 4.7 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส มากทส่ี ุด ซึ่งมจี าํ นวน 31 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 62 ส่วนท่ี 2 เป็นข้อมูลเก่ียวกับความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ต่อคมู่ อื การฝึกบคุ คลทา่ มือเปลา่ ตารางที่ 4.8 ค่าเฉล่ียและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นกั บรหิ ารงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุน่ ท่ี 10 ต่อคมู่ อื การฝกึ บุคคลทา่ มือเปล่า รายการ ระดบั ความพึงพอใจ X S.D. แปลผล ลาํ ดับ รูปเล่มคู่มือการฝึกบคุ คลท่ามอื เปลา่ 4.28 0.67 มากที่สดุ 1 รปู แบบตวั อักษรในคู่มอื การฝึกบุคคลทา่ มือเปล่า 4.20 0.61 มาก 2 การออกแบบการกําหนดขนาดของตัวอกั ษร 4.20 0.70 มาก 2 การออกแบบการจดั รปู ภาพในคูม่ อื ฯ เหมาะสมกับเนือ้ หา 4.18 0.69 มาก 3 การออกแบบรูปภาพมาประกอบในคูม่ ือ ฯ 4.18 0.63 มาก 3 เน้อื หาคู่มือการฝึกบคุ คลทา่ มอื เปล่า 4.16 0.79 มาก 4 หนา้ ปกคูม่ ือการฝึกบคุ คลท่ามอื เปล่า 4.16 0.68 มาก 4

17 รายการ ระดบั ความพึงพอใจ X S.D. แปลผล ลําดับ การอธบิ ายการฝึกบคุ คลท่ามอื เปล่าในคมู่ อื ฯ 4.16 0.77 มาก 4 การอธิบายการฝึกแถวชิดในคู่มอื ฯ 4.16 0.65 มาก 4 การจดั รูปแบบหน้าของคมู่ อื การฝึกบคุ คลท่ามอื เปล่า 4.14 0.81 มาก 5 รวม 4.18 0.70 มาก จากตารางที่ 4.8 พบว่า นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉล่ีย 4.18 และเม่ือ พิจารณาเป็นรายประเด็นความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด 1 ประเด็น คือ รูปเล่มคู่มือการฝึกบุคคลท่า มือเปล่า มีค่าเฉล่ีย 4.28 และความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 9 ประเด็น เรียงตามลําดับค่าเฉลี่ย 3 อันดับ แรก ได้แก่ รูปแบบตัวอักษรในคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและการออกแบบการกําหนดขนาดของ ตัวอักษร มีค่าเฉลยี่ 4.20 รองลงมาเป็นการออกแบบการจัดรูปภาพในคู่มอื ฯ เหมาะสมกับเน้ือหาและการ ออกแบบรปู ภาพมาประกอบในค่มู อื การฝกึ บคุ คลทา่ มอื เปล่า มคี า่ เฉล่ีย 4.18 ตอ่ มา คือ เน้ือหาคู่มือการฝึก บคุ คลท่ามอื เปล่าและการอธิบายการฝกึ บคุ คลท่ามือเปลา่ ในคูม่ อื การฝกึ บคุ คลท่ามอื เปลา่ ค่าเฉล่ยี 4.16 ส่วนที่ 3 ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุน่ ท่ี 10 ตอ่ คมู่ อื การฝกึ บุคคลทา่ มือเปล่า ข้อมูลจากแบบสอบถามสามารถสรุปข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า สรปุ ได้ดังนี้ 1. คําอธบิ ายใตภ้ าพควรมรี ายละเอียดของข้อมูลที่มากกวา่ น้ี 2. ภาพที่แสดงการฝึกในท่าต่าง ๆ บางท่าถูกมองจากด้านเดียวทําให้มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน ควรจัดใหม้ มี มุ มองท้ัง 4 ด้าน คอื ดา้ นหนา้ ด้านซา้ ย ดา้ นขวาและดา้ นหลงั 3. ภาพท่ีใช้ประกอบควรเป็นทั้งผู้หญงิ และผชู้ าย 4. ตวั อกั ษรหวั ขอ้ เรอื่ งควรทาํ เปน็ ตวั อักษรทมี่ ขี นาดใหญ่ ชดั เจน ง่ายตอ่ การอ่านและจดจํา 5. กระดาษท่ใี ช้พมิ พ์ควรใชก้ ระดาษมัน เนอ้ื ดี 6. รปู เล่มควรมีขนาดเล็กกว่านเ้ี พอื่ ความสะดวกในการพกพา

18 บทท่ี 5 สรุปและอภปิ รายผล บทน้ีเป็นการสรุปผลการศึกษา ผลการทดสอบสมมุติฐาน การอภิปรายผลของการศึกษา เปรียบเทียบกับแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องที่ผู้วิจัยได้ทําการสืบค้นและนําเสนอไว้ในบทที่ 2 การนําผลการศึกษาไปใชใ้ นทางปฏิบัติและข้อเสนอแนะสําหรบั การวจิ ัยคร้งั ต่อไป สรปุ ผลการศกึ ษา ผลการศกึ ษาดา้ นคุณสมบัติของผตู้ อบแบบสอบถาม และผลสรุปตามวัตถุประสงค์มดี ังนี้ สรุปข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้กรอกแบบสอบถาม ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายมากที่สุดซึ่งมี จํานวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 62 มีอายุระหว่าง 46 - 50 ปีมากที่สุด ซึ่งมีจํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 32 มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาโทมากท่ีสุด ซ่ึงมีจํานวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 54 ส่วนใหญ่ ปฏิบัติงานในส่วนกลางมากที่สุด ซึ่งมีจํานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 42 ในตําแหน่งนักวิเคราะห์นโยบาย และแผนมากที่สุด ซ่ึงมีจํานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 46 มีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 25,001 - 30,000 บาท มากท่ีสุด ซง่ึ มจี าํ นวน 15 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 30 และมสี ถานภาพสมรสมากที่สุด ซ่ึงมีจํานวน 31 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 62 สรุปข้อมลู เรยี งตามวัตถุประสงค์ จากการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า พบว่า นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) ร่นุ ท่ี 10 ตอ่ ค่มู อื การฝึกบคุ คลท่ามือเปล่า ในภาพรวมอย่ใู นระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.18 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด 1 ประเด็น คือ รูปเล่มคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า มีค่าเฉล่ีย 4.28 และความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 9 ประเด็น เรียง ตามลําดับค่าเฉล่ีย 3 อันดับแรก ได้แก่ รูปแบบตัวอักษรในคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและการออกแบบ การกําหนดขนาดของตัวอักษร มีค่าเฉลี่ย 4.20 รองลงมาเป็นการออกแบบการจัดรูปภาพในคู่มือฯ เหมาะสมกับเนื้อหาและการออกแบบรูปภาพมาประกอบในคู่มือฯ มีค่าเฉลี่ย 4.18 ต่อมา คือ เนื้อหาคู่มือ การฝึกบุคคลทา่ มอื เปลา่ และการอธิบายการฝึกบคุ คลท่ามือเปล่าในค่มู อื ฯ คา่ เฉลีย่ 4.16 จากการสํารวจข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า พบว่า คู่มือการฝึกบุคคลท่า มือเปล่า ควรมีคําอธิบายใต้ภาพควรมีรายละเอียดของข้อมูลที่มากกว่าน้ี ภาพท่ีแสดงการฝึกในท่าต่าง ๆ บางท่าถูกมองจากด้านเดียวทําให้มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนควรจัดให้มีมุมมองทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวาและด้านหลัง ภาพท่ีใช้ประกอบควรเป็นท้ังผู้หญิงและผู้ชาย ตัวอักษรหัวข้อเรื่องควร ทําเป็นตัวอักษรท่ีมีขนาดใหญ่ ชัดเจน ง่ายต่อการอ่านและจดจํา กระดาษที่ใช้พิมพ์ควรใช้กระดาษมัน เน้อื ดี และท่สี ําคญั รปู เล่มควรมีขนาดเลก็ กวา่ นีเ้ พอ่ื ความสะดวกในการพกพา การอภปิ รายผล ผลการศึกษาสรุปว่าความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคมู่ อื การฝกึ บคุ คลทา่ มือเปล่า พบว่า พึงพอใจในรปู แบบตวั อักษรในคมู่ ือ

19 การฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและการออกแบบการกําหนดขนาดของตัวอักษร รองลงมาเป็นการออกแบบการ จัดรูปภาพในคู่มือ ฯ เหมาะสมกับเน้ือหาและการออกแบบรูปภาพมาประกอบในคู่มือ ฯ เน้ือหาคู่มือการ ฝึกบคุ คลท่ามอื เปลา่ และการอธบิ ายการฝกึ บคุ คลทา่ มือเปล่าในคู่มอื ฯ ผลดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง ทฤษฎีความพึงพอใจของ Shelly และ Vroom ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า ความรู้สึกที่ดีหรือทัศนคติท่ีดีของบุคคล ซึ่งมักเกิดจากการได้รับการตอบสนอง ตามท่ีตนต้องการ ก็จะเกิดความรู้สึกท่ีดีในส่ิงน้ันตรงกันข้ามหากความต้องการไม่ได้รับการตอบสนอง ความไม่พึงพอใจก็จะเกิดข้ึน และสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง ทฤษฎีแรงจูงใจของ Huitt,W. ซึ่งได้ให้ ความหมายของแรงจูงใจเปน็ แรงขับภายในบคุ คลทจี่ ะชักนาํ โน้มนา้ วใหบ้ ุคคลเกดิ ความมุง่ ม่นั พยายาม และ แสดงพฤติกรรม หรือกระทําการต่าง ๆ เพ่ือท่ีจะตอบสนองความต้องการท่ีมุ่งหวัง แสดงพฤติกรรมเพื่อให้ บรรลุความตอ้ งการทีม่ ุง่ หวัง ข้อเสนอแนะสาํ หรับการนาํ ผลไปใช้ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซ่ึงมีหน้าที่ รับผิดชอบในการดําเนินการจัดทําคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพ่ือใช้เป็นคู่มือให้กับผู้ที่เข้ารับการ ฝึกอบรมท่ีวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สามารถนําผลการศึกษาไปใช้ได้ ในการปรับปรุงคู่มือ การฝึกบุคคลท่ามือเปล่าให้มีขนาดรูปเล่มท่ีเล็กลงเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถพกพาได้สะดวก สามารถหยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา ส่วนภาพที่แสดงการฝึกในท่าต่าง ๆ จะปรับปรุงให้สามารถมองได้ท้ัง 4 ด้าน คอื ด้านหนา้ ด้านซ้าย ด้านขวาและด้านหลัง เพ่ือให้ผู้นําไปใช้สามารถมองเห็นท่าทางได้ชัดเจนและ สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และจะปรับตัวอักษรหัวข้อเรื่องของท่าต่าง ๆ ให้มีตัวอักษรท่ีมีขนาดใหญ่ ขน้ึ มีความชดั เจนมากย่งิ ขน้ึ เพือ่ ใหง้ ่ายต่อการอ่านและจดจํา ขอ้ เสนอแนะสําหรับการวิจัยคร้งั ไป เพ่ือให้ผลการศึกษาในคร้ังนี้สามารถขยายต่อไปในทัศนะท่ีกว้างมากขึ้นอันจะเป็นประโยชน์ใน การดําเนินการปรับปรุงคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ผู้ทําวิจัยจึงขอเสนอแนะประเด็นสําหรับการทําวิจัย คร้ังต่อไปคือ ควรทําการศึกษากับกลุ่มประชากร/กลุ่มตัวอย่างหลักสูตรอื่น ๆ ด้วยเพ่ือให้สามารถขยาย ทัศนะความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เช่น หลักสูตรเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หลักสูตรผู้อํานวยการท้องถิ่น หลักสูตรพนักงาน ดับเพลิง หลักสูตรพนักงานดับเพลิงขั้นก้าวหน้า หลักสูตครูฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซ่ึงเป็น หลักสูตรท่ีมีกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรจากภายนอกกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น บุคลากร ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และมูลนิธิต่าง ๆ ซึ่งจะทําให้มีความหลากหลายในการเสนอ แนวความคิด ข้อคิดเห็นและระดับความพึงพอใจต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า และหลักสูตรชุด ปฏบิ ตั ิการเผชิญสถานการณ์วิกฤต กลมุ่ เปา้ หมาย คือ เจา้ หน้าทร่ี ะดบั ปฏบิ ัตกิ ารซ่ึงอาจจะมีระดับความพึง พอใจและแนวคิดทีข่ ยายกวา้ งออกไป

บรรณานุกรม ชาริณี กวีวุฒิการ.(2536). พฤติกรรมการรับรู้ของบุคคลท่ีมีความพึงพอใจต่อส่ิงเร้า.การค้นคว้าแบบ อสิ ระเชงิ วทิ ยานพิ นธ์ บัณฑติ วทิ ยาลัย สังคมศาตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา. ซิกมันด์ฟรอยด์ ( S. M. Freud) อ้างจาก สุวรรณาสินธ์สุวรรณ และคณะ.2549.พฤติกรรมผู้บริโภค. พิมพ์คร้ังท่ี 4. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์ซเี อด็ บุ๊คพลบั ลชิ ชิ่ง. ดิเรก รัตน์สุข.(2538). ความพึงพอใจของบุคคลท่ีมีต่อการทํางานในเชิงบวก.การค้นคว้าแบบอิสระเชิง วิทยานพิ นธ์ บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหิดล. ปรียากร สมบูรณา.(2535). จิตวิทยาผู้บริโภค.พิมพ์ครั้งท่ี 3.กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์ซีเอ็ด บุ๊คพลับลชิ ชิ่ง. วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย. (2555). ค่มู อื การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า.กรุงเทพฯ วิมลสิทธิ์ หรยางกูร. (2526).พฤติกรรมมนุษย์กับสภาพแวดล้อม.โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : กรงุ เทพ. วิรุฬคชมาศ.(2542). ความพึงพอใจท่ีมีผลต่อการรับรู้ด้านตราสินค้า.การค้นคว้าแบบอิสระเชิง วิทยานิพนธ์ บณั ฑิตวิทยาลยั บรหิ ารธุรกิจ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่. สง่า จาตุรกรณ์.(2540). ความพึงพอใจท่ีมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้า.การค้นคว้าแบบอิสระเชิง วทิ ยานพิ นธ์ บณั ฑติ วทิ ยาลัย บรหิ ารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. สุเทพ เทพกรณ์.(2541). แรงจูงใจในการเลือกซ้ือเครื่องใช้ไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่.การค้นคว้าแบบ อิสระเชิงวิทยานิพนธ์ บณั ฑติ วิทยาลยั บริหารธุรกจิ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. อบั ราฮมั มาสโลว์ (A.H. Maslow) อา้ งจาก สุวรรณาสนิ ธ์สุวรรณ และคณะ (2549). พฤติกรรมผู้บริโภค. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 4. กรุงเทพมหานคร : สาํ นักพมิ พ์ซีเอด็ บคุ๊ พลับลิชชิง่ . Heider, F. The Psychology of Interpersonal Relation. New York: Wiley. 1958. Maslow,Abraham H. Motivation and Personality. 2nd. NewYork: Harper and Row Publishers, 1970. Philip Kotler and Armstrongอ้างจาก ธนวรรณ แสงสุวรรณ และคณะ.(2547). การบริหารการตลาด. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 1. กรุงเทพมหานคร : สํานักพมิ พซ์ เี อ็ดบ๊คุ พลบั ลชิ ช่งิ . Rosenberg, Peter D. Patent Law Fundamentals. New York: Clark Amsterdam: North- Holland Publishing. Company,1976 Shelly A. Peterson. อ้างจาก ประกายดาว อนุพงศ์สมิธกร. 2536. ความพึงพอใจที่มีผลต่อ ปัจจยั พนื้ ฐานในการดําเนนิ ชวี ิต.วิทยานพิ นธ์ บัณฑิตวทิ ยาลยั สงั คมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ Vroom ,Victeor H. Work and Motivation. New York : Free Press 1986. Weiner, B., & Peter, N. A.A Cognitive-developmental analysis of achievement and moraljudgments. Dev. Psycho, 9, 290-309. 1973.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก แบบสอบถาม

แบบสอบถาม ประกอบการศึกษาวจิ ยั เรื่องความพึงพอใจของนกั ศกึ ษาหลักสูตรนักบรหิ ารงานปอ้ งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ตอ่ คู่มอื การฝกึ บคุ คลทา่ มือเปล่า ส่วนท่ี 1 รายละเอยี ดผู้กรอกแบบสอบถาม (ขอ้ มูลท่ัวไป) ใหท้ าํ เครอื่ งหมาย  ในช่องท่ตี รงกับความคิดเห็นของท่าน 1. เพศ  หญิง  ชาย 2. อายุ  30 – 35 ปี  36 - 40 ปี  41 – 45 ปี  46 – 50 ปี  51 – 55 ปี  มากกว่า 55 ปี 3. ระดบั การศึกษา  ตา่ํ กวา่ ปริญญาตรี  ปรญิ ญาตรี  ปริญญาโท  ปรญิ ญาเอก 4. สถานทที่ ํางานปัจจบุ ัน  สว่ นกลาง  ศนู ย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั  สาํ นักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  สํานกั งานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั สาขา  อื่นๆ โปรดระบุ 5. ตําแหนง่ ปัจจบุ ัน  นายชา่ งเคร่ืองกล  นายช่างโยธา  วิศวกรเคร่ืองกล  วศิ วกรโยธา  นักวชิ าการเงิน และบญั ชี  นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผน  นักวชิ าการตรวจสอบภายใน  นักประชาสมั พนั ธ์  นักสังคมสงเคราะห์  อ่ืนๆ โปรดระบุ 6. รายได้ตอ่ เดอื น  15,000 – 20,000 บาท  20,001 – 25,000 บาท  25,001 – 30,000 บาท  30,001 – 35,000 บาท  35,001 – 40,000 บาท  40,001 – 45,000 บาท  45,001 – 50,000 บาท  มากกว่า 50,001 7. สถานภาพ  โสด  สมรส  หม้าย  อื่น ๆ

สว่ นที่ 2 : ความพงึ พอใจของนกั ศึกษาหลกั สตู รนักบริหารงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ตอ่ คมู่ อื การฝกึ บคุ คลท่ามอื เปลา่ ให้ทําเครื่องหมาย  ในช่องทีต่ รงกบั ความคดิ เห็นของท่าน ความพึงพอใจ รายการ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย รูปเลม่ คู่มือการฝึกบุคคลทา่ มอื เปลา่ ทสี่ ุด กลาง ทีส่ ุด หน้าปกคมู่ ือการฝกึ บคุ คลท่ามือเปล่า การจัดรปู แบบหน้าของคูม่ ือการฝึกบุคคลท่ามอื เปล่า รปู แบบตัวอกั ษรในคูม่ อื การฝกึ บุคคลท่ามือเปล่า การออกแบบการกําหนด ขนาดของตวั อกั ษร เนื้อหาคมู่ อื การฝกึ บคุ คลท่ามือเปลา่ การออกแบบการจัดรูปภาพในคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือ เปล่าเหมาะสมกบั เนอื้ หา การออกแบบการรูปภาพมาประกอบในคู่มือการฝึก บุคคลทา่ มือเปล่า การอธิบายการฝึกท่ามือเปล่าในคู่มือการฝึกบุคคล ทา่ มอื เปล่า ก า ร อ ธิ บ า ย ก า ร ฝึ ก แ ถ ว ชิ ด ใ น คู่ มื อ ก า ร ฝึ ก บุ ค ค ล ท่ามอื เปล่า

ส่วนที่ 3 : ขอ้ คิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะต่างๆของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ลักษณะเป็นคําถาม ปลายเปดิ ทา่ นคิดวา่ คู่มือการฝึกบคุ คลท่ามือเปล่าควรมอี ะไรทตี่ อ้ งปรบั ปรุง ท่านมีข้อเสนอแนะอย่างไรต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ขอขอบคณุ ที่ให้ความร่วมมือ นักศึกษาหลกั สตู รนกั บริหารงานป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุน่ ท่ี 10 วทิ ยาลัยปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

ภาคผนวก ข แบบเสนอหวั ขอ้ การจดั ทาํ เอกสารวจิ ยั ส่วนบคุ คล

แบบการเสนอโครงรา่ งการศกึ ษาวิจัยสว่ นบคุ คล (Proposal) หลกั สตู ร นักบริหารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 1. ชอื่ ผูจ้ ดั ทาํ นายประทีป บญุ สทิ ธิ์ เลขท่ี 14 2. ชื่อเร่อื ง ความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาหลกั สูตร นักบรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ตอ่ คู่มือการฝึกบคุ คลทา่ มือเปล่า 3. ความเปน็ มาของเรื่องและสถานการณป์ จั จบุ นั กระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุมัติโครงการ จัดตั้งวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อวันท่ี 12 พฤศจิกายน 2547 ให้เป็นหน่วยงานในสังกัดกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพ่ือเป็นสถาบันหลักในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติหน้าท่ีด้านการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฟื้นฟูสภาพพ้ืนท่ี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ ในเชิง วิชาการและเชิงปฏิบัติการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่* ศึกษา วิเคราะห์ เพ่ือเสนอแนะ นโยบายเป้าหมายในการพัฒนาข้าราชการและลูกจ้าง องค์กรภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน อาสาสมัคร และประชาชนเพ่ือการบริหารจัดการสาธารณภัย ฝึกอบรมและสนับสนุนการฝึกอบรม ฝึกซ้อม และ ฝึกปฏิบัติแก่บุคลากรขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ชุมชน อาสาสมัครและ ประชาชน เพ่ือสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมในการจัดการสาธารณภัย ดําเนินการฝึกอบรมเพื่อ พัฒนาบุคลากรของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พัฒนาหลักสูตรและสนับสนุนส่ือการเรียนการสอน คู่มือ ตํารา และวิชาการด้านการจัดการสาธารณภัยปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของ หน่วยงานอืน่ ทเ่ี กยี่ วข้องหรือทไ่ี ด้รบั มอบหมาย บุคคลพลเรือนซึ่งเข้ารับราชการในงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้ารับราชการเป็น ครูฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และพนักงานดับเพลิง รวมท้ัง อาสาสมัครป้องภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และมูลนิธิต่าง ๆ จําเป็นจะต้องได้รับการฝึกท่าบุคคล เบื้องต้นก่อนเสมอ ทั้งน้ี เพ่ือประสงค์ให้บุคคลพลเรือนเหล่านี้มีลักษณะผู้รับการฝึกโดยสมบูรณ์ และให้มี ความรอบรู้ในลักษณะท่าทางส่วนบุคคล ซึ่งมีความจําเป็นจะต้องนําไปใช้ในการปฏิบัติตนในเร่ืองเกี่ยวกับ วนิ ัยและแบบธรรมเนยี มของผู้รบั การฝกึ ตลอดเวลาที่รบั ราชการหรือตลอดหลักสูตรทมี่ กี ารฝกึ อบรม การฝึกบุคคลท่ามือเปล่าและระเบียบแถว มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวบรวมหรือเคล่ือนย้าย กลุ่มคนจํานวนมากเพ่ือให้ดําเนินการเป็นไปอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย ง่ายต่อการตรวจสอบ และยัง เป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะส่วนบุคคล การครองสติ ตลอดจนเสริมสร้างบุคลิกภาพที่สง่างามให้แก่ผู้ ได้รับการฝึกวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดทําคู่มือการฝึกท่าบุคคลมือเปล่าสําหรับให้ บุคลากรพลเรือนหรือผู้ที่มีความสนใจ ได้มีไว้เป็นแบบอย่างและให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการฝึกตนเองหรือ ผูอ้ ่ืน

4. เหตผุ ลและความจาํ เป็นในการศึกษาและคําถามในการวิจยั การฝึกท่าบุคคลเบื้องต้นจึงถือได้ว่าเป็นการฝึกเริ่มแรกท่ีมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการรับ ราชการงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เน่ืองจากการฝึกน้ีจะเป็นเคร่ืองช่วยปูพ้ืนฐานบุคคลพลเรือน ให้เปล่ียนลักษณะท่าทางเป็นผู้ท่ีมีบุคลิกภาพสง่างาม มีระเบียบวินัย และเข้ารับการฝึกได้โดยสมบูรณ์ใน โอกาสต่อไป วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมและฝึก ปฏิบัติหน้าท่ีด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้นําแบบอย่างการฝึกท่าบุคคลมือเปล่าจาก หน่วยทหารเหล่าต่าง ๆ ตํารวจ และงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยไม่มีการจัดทําเป็นลายลักษณ์อักษร จึงทําให้รูปแบบการฝึกต่างกันไม่เป็นแบบแผนเดียวกัน ด้วย เหตุผลดังกล่าววิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดทําคู่มือท่าบุคคลมือเปล่าข้ึนโดยอาศัย ต้นแบบจากกองทัพบกเร่ือง คูม่ อื การฝึกว่าด้วยแบบฝกึ บคุ คลท่ามอื เปล่า คฝ. ๗ - ๖ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อเปน็ แนวทางเดียวกันสําหรับการฝึกท่าบุคคลมือเปล่าให้แก่บุคลากรของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอดจนหน่วยอาสาสมัครต่าง ๆ ท่เี ข้ามาฝึกอบรมในวิทยาลัยป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย เพื่อใหเ้ ป็นแบบอย่างเดียวกนั ดังนั้นผู้ทําวิจัยจึงสนใจทําการศึกษาเร่ืองความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ต่อคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า เพ่ือทําให้ทราบความ พึงพอใจและทราบ ข้อคิดเห็น ขอ้ เสนอแนะของนักศึกษาหลกั สูตรนกั บริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุน่ ท่ี 10 เพ่อื จะได้นําไปปรับปรุงแกไ้ ขค่มู ือการฝกึ บุคคลท่ามอื เปลา่ ให้ เกดิ ประสิทธภิ าพในการปฏบิ ตั งิ านตอ่ ไป 5. วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา 5.1 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ต่อคูม่ ือการฝกึ บุคคลทา่ มือเปลา่ 5.2 เพ่ือสอบถามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของนักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) ร่นุ ที่ 10 ตอ่ คูม่ อื การฝึกบคุ คลทา่ มอื เปล่า 6. วธิ ีการและขอบเขตของการศกึ ษา 6.1 วิธีการศึกษา วิธีการศึกษาในคร้ังนี้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือสําหรับ การศึกษา 6.2 ขอบเขตการศกึ ษา ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี ได้แก่ นักศึกษาหลักสูตร นักบริหารงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ที่ 10 เป็นกล่มุ ตวั อยา่ งทง้ั หมด จาํ นวน 50 คน

6.3 กรอบแนวคดิ ในการศึกษา ความพึงพอใจของนักศึกษาหลักสูตร นักบรหิ ารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณ แนวคิดทฤษฎีเกีย่ วกบั ความพึงพอใจ ภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ต่อคู่มือการฝึก - การวัดความพึงพอใจ บุคคลทา่ มือเปลา่ - สิ่งจูงใจท่ีใช้เป็นเคร่ืองมือกระตุ้นให้ บคุ คลเกดิ ความพึงพอใจ 7. ทฤษฎี แนวความคดิ ระเบียบกฎหมายทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 7.1 แนวคิดทฤษฎเี กี่ยวกับความพงึ พอใจ 7.2 หลกั สูตรนกั บรหิ ารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) ร่นุ ที่ 10 8. ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั 1. ทราบความพงึ พอใจของของนักศึกษาหลกั สูตรนกั บรหิ ารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รนุ่ ท่ี 10 ตอ่ คูม่ อื การฝึกบุคคลท่ามือเปลา่ 2. ทราบข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพื่อจะได้นําไปปรับปรุงแก้ไขคู่มือการฝึกบุคคลท่ามือเปล่า ให้เกิดประสิทธผิ ลในการฝกึ อบรมต่อไป 3. นําผลการศึกษาที่ได้เสนอผู้บริหารเพ่ือใช้ประกอบการตัดสินใจในการพัฒนาคู่มือการฝึกบุคคล ทา่ มอื เปลา่ ความเหน็ ของอาจารย์ที่ปรกึ ษา …………………....….………………. ลงชือ่ ……………………………………………………… ลงช่อื ประทปี บญุ สทิ ธ์ิ ( ) (นายประทีป บญุ สทิ ธ)์ิ อาจารย์ท่ีปรกึ ษานักศึกษา นบ.ปภ. รนุ่ ที่ 10 นกั ศึกษา นบ.ปภ. รุน่ ท่ี 10  อนุมตั ิ

ภาคผนวก ค ประวตั ิผเู้ ขียน

ประวัตผิ ูเ้ ขียน ชอื่ - สกุล นายประทปี บุญสทิ ธ์ิ ตําแหน่ง วัน เดือน ปี เกดิ นายช่างเครื่องกลอาวโุ ส สถานทเี่ กดิ วฒุ ิการศึกษา 31 พฤษภาคม 2509 ประวัติการทํางาน จังหวัดชุมพร ประวัตกิ ารฝึกอบรม รัฐศาสตร์บัณฑิต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศการเมืองการปกครอง เปรยี บเทยี บ มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช - เร่มิ รบั ราชการครัง้ แรก ปี พ.ศ. 2533 สงั กัด กรม รพช. - หน้าฝา่ ยสงเคราะหผ์ ้ปู ระสบภยั สํานักงาน ปภ.จงั หวดั ระนอง - หวั หน้าฝ่ายฝกึ อบรม วทิ ยาลัยปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย วทิ ยาเขตภูเก็ต - ปัจจบุ นั ปฏบิ ัติงานฝา่ ยฝกึ อบรม วทิ ยาลยั ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย - หลกั สูตรครูฝกึ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั โดยกรมปอ้ งกัน ฯ - หลกั สตู รการรับมือกับสภาวะฉกุ เฉิน ณ จุดเกดิ เหตโุ ดยศูนยเ์ ตรียมความพร้อม ปอ้ งกนั ภัยพบิ ตั แิ หง่ เอเชยี (ADPC) - หลกั สตู รการก้ภู ัยข้ันก้าวหนา้ โดยกรมดับเพลิงโตเกียว ประเทศญ่ีป่นุ - หลักสูตรการดบั เพลงิ แผนใหม่ โดยกรมดบั เพลงิ โตเกียว ประเทศญป่ี ุ่น - ฝึกอบรมหลักสูตร USAR First Responder Instructor Course ณ ประเทศสิงคโปร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook