Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 06 ดาวรุ่ง เฉลิมพันธ์

06 ดาวรุ่ง เฉลิมพันธ์

Published by Hommer ASsa, 2021-04-29 04:32:05

Description: 06 ดาวรุ่ง เฉลิมพันธ์

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษา เรือ่ ง ปจจัยทีม่ ีผลตอความสาํ เร็จในการมีบทบาทของการปอ งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั ภายใตพระราชบัญญัติปอ งกันและบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ขา ราชการและเจา หนาที่ ของสํานกั งานปอ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค จดั ทาํ โดย นางดาวรงุ เฉลมิ พันธ รหสั ประจาํ ตัวนกั ศกึ ษา 06 เอกสารฉบบั น้ีเปน สว นหนงึ่ ในการศึกษาอบรม หลักสตู ร นักบริหารงานปอ งกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รนุ ท่ี 10 ระหวางวันท่ี 7 มกราคม – 10 เมษายน 2557 วทิ ยาลัยปองกนั และบรรเทาสาธารณภัย กรมปอ งกันและบรรเทาสาธารณภัย

ก คำนำ เอกสารการศึกษาน้ี จัดทาข้ึนเพื่อวิเคราะห์หา ปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการมีบทบาทของการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบญั ญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ขา้ ราชการและเจา้ หนา้ ท่ขี องสานักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากสถานการณ์ ปัจจุบันในโลกยุคโลกาภวิ ัตน์มีการเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็ว ซ่งึ สถานการณ์สาธารณภัยและภัยพิบตั ติ ่างๆ มีแนวโน้มทวีความรนุ แรงมากขึ้นเป็นลาดับ จังหวดั นครสวรรค์ เปน็ อกี จังหวดั หนึ่งทปี่ ระสบเหตุการณ์ สาธารณภยั และภยั พบิ ัตติ ่างๆ เกดิ ข้นึ ในพน้ื ทีอ่ ย่างต่อเน่ือง ไม่ว่าจะเปน็ อคั คีภัย วาตภัย อทุ กภัย ภัยแล้ง การระบาดของศตั รูพชื และอบุ ัตภิ ยั บนท้องถนน ซงึ่ ภัยพบิ ัติแตล่ ะคร้ังก่อให้เกดิ ความสญู เสียและส่ง ผลกระทบต่อชวี ติ และทรัพยส์ ินของประชาชนและทางราชการมาโดยตลอด เมื่อเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นทุกคร้ัง สาธารณชนจะคาดหวังว่าเป็นหน้าท่ีของรัฐบาลและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงหน่วยงานโดยตรง คือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ต้องเข้าไปมสี ่วนรว่ มในการระงับภยั พบิ ัติท่เี กิดข้ึน โดย การอานวยการช่วยเหลือฟ้ืนฟูทุกคร้ัง ซ่ึงในบางครั้งอาจจะขาดความพร้อมในการปฏิบัติงานดังกล่าว ซ่ึงใน ปจั จบุ นั พระราชบัญญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผล บงั คับใชต้ ัง้ แตว่ นั ที่ 6 พฤศจิกายน 2550 เป็นตน้ ไป เพื่อเป็นกฎหมายหลักในการบริหารจัดการสาธารณภยั ใน ปัจจุบัน ในการดาเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามพระราชบัญญัตินี้ จะเป็นการบูรณาการ จากทุกภาคส่วน ท้ังหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หนว่ ยงานภาคเอกชนและประชาชน เพื่อให้เป็นกรอบทิศทางการบูรณาการบริหารจัดการสาธารณภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ดังน้ันผู้วิจัยจึงได้ศึกษาถึง ปัจจัยที่มผี ลต่อความสาเรจ็ ในการมีบทบาทของการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้พระราชบัญญตั ปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจดั การสาธารณภยั ของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยใชพ้ ระราชบัญญตั ิปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 เป็นกลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏบิ ัติในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบครบถว้ น ตามหลักการบริหาร จัดการสาธารณภยั เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธใ์ิ นการปฏบิ ตั ิต่อไปในอนาคต ผู้ศึกษาวิจัยขอขอบพระคุณ คณะกรรมการที่ปรึกษา ตลอดจนคณะผู้บริหารวิทยาลัยป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั ผู้อานวยการ และคณะเจ้าหนา้ ท่โี ครงการนกั บรหิ ารงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั รุ่นท่ี 10 ทีใ่ หค้ วามรู้ คาแนะนา และขอขอบพระคุณเจ้าหนา้ ท่ี ท่ีเก่ียวข้องทง้ั สานักงานป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั จังหวดั นครสวรรค์ ทใี่ หก้ ารสนบั สนนุ และใหค้ วามรว่ มมอื ในการให้ข้อมลู และช่วยเหลือจนสาเร็จ ลุล่วงไปดว้ ยดี หากมีข้อบกพร่องประการใดปรากฏในรายงานฉบับนี้ ผู้ศกึ ษายนิ ดนี อ้ มรับนาไปปรบั ปรุงแก้ไข ต่อไป ด้วยความเคารพ นางดาวรุ่ง เฉลิมพันธ์ มีนาคม 2557

ข กติ ติกรรมประกาศ รายงานการศึกษาวิจยั เรื่อง “ ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการมีบทบาทของการปอ้ งกันและ บรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบัญญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ขา้ ราชการและ เจา้ หน้าทขี่ องสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ “ น้ี สาเรจ็ ได้ด้วยดี เนอ่ื งจาก ผศู้ ึกษาวจิ ัย ได้รับความอนเุ คราะห์ จาก ดร.ปยิ วัตร์ ขนิษฐาบตุ ร อาจารย์วรชพร เพชรสุวรรณ และ คณะกรรมการท่ีปรึกษา คณะผ้บู รหิ ารและ ผอู้ านวยการโครงการวิทยาลยั ปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภัย ซ่งึ ไดก้ รุณาตรวจสอบ แนะนา และใหแ้ นวทางอันถกู ต้อง จนทาใหผ้ ศู้ กึ ษาประสบความสาเรจ็ ในการศึกษา คน้ คว้า และทาให้รายงานการ ศึกษาวจิ ยั ฉบับนี้สาเรจ็ ได้อย่างสมบรู ณ์ ผู้ศกึ ษาวจิ ัยขอขอบพระคุณ ดร.ปยิ วตั ร์ ขนิษฐาบุตร อาจารยว์ รชพร เพชรสุวรรณ และคณะกรรมการ ทปี่ รึกษา คณะผบู้ ริหาร และ ผู้อานวยการโครงการวทิ ยาลัยป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ตลอดจนเจา้ หนา้ ท่ี ขององค์การต่างๆ ทเี่ กยี่ วข้อง เชน่ ห้องสมดุ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่กี รุณา เอือ้ เฟื้อข้อมลู และผทู้ ี่ ตอบแบบสอบถามทกุ ทา่ น ตลอดจนนกั วิชาการทุกท่านทีผ่ ้ศู ึกษาได้นาผลงานอ้างอิง ประกอบการศึกษาในครง้ั นี้ ผ้ศู ึกษาใคร่ขอบพระคุณไว้ ณ ทนี่ ดี้ ว้ ย ผู้ศกึ ษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานการศึกษาวิจัยฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจ เก่ียวกับ ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการมีบทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ภายใตพ้ ระราชบัญญตั ิป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กรณศี ึกษา : ขา้ ราชการและเจ้าหน้าท่ีของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั นครสวรรค์ หรืออาจใช้เปน็ แนวทางในการศึกษาค้นควา้ ต่อไปได้อย่างดี คุณความดอี นั ใดที่ เกดิ จากการศึกษา ครง้ั นี้ ผู้ศกึ ษาของมอบแด่ บิดา มารดา คณาจารย์ และผทู้ ่ีเก่ียวข้อง สนับสนนุ ผศู้ ึกษาดว้ ยดี ตลอดมา ดาวรุ่ง เฉลิมพันธ์ มีนาคม 2550

ค บทสรุปผบู้ รหิ าร การศึกษาวิจัย เรื่อง “ปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการมีบทบาทของการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ “ ในครั้งน้ี เพื่อ วิเคราะห์(1) เพ่ือศึกษาแนวทางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายโดยใช้ พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 เปน็ กลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏิบัติใน การแก้ไขปัญหาอย่างเปน็ ระบบครบถ้วน ตามหลักการบริหารจัดการสาธารณภัย เพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใน การปฏิบัติ (2) เพ่ือศึกษาปัจจัยในการปฎิบัติท่ีก่อให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทาสา ธารณภัยระหว่างหนว่ ยงานของรฐั กับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครือข่าย ให้มีประสิทธิภาพ โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายใน ส่วนของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ซ่ึงสรปุ ผลการวจิ ยั ไดด้ งั น้ี ปจั จยั ด้านตวั ผใู้ ช้กฎหมาย ในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ที่เกิดข้นึ ในพ้ืนที่รับผิดชอบน้ัน ส่วนใหญ่แล้วผู้บริหาร องค์กรส่วนท้องถิ่นที่พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กาหนดให้เป็น ผูอ้ านวยการท้องถ่ินน้นั ยังขาดองค์ความรู้ และความเข้าใจในตัวบทกฎหมายของพระราชบญั ญัติป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 และไม่ทราบถึงแนวทางปฎิบตั ิรวมถึงอานาจหน้าทีต่ ามพระราชบญั ญตั ิ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ซึ่งส่วนใหญ่ไดผ้ ่านการฝึกอบรมให้ความร้เู ก่ียวกับพระราชบญั ญัติ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และหลักสูตรเก่ียวกับการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั มาแลว้ แตย่ ังไมส่ ามารถนาแนวทางตามพระราชบัญญตั ิป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 มาใช้ใน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เกิดประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลได้อย่างเปน็ รูปธรรม และใน การปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาภยั พิบัติ ซ่งึ เกิดขึน้ ในพ้นื ที่รบั ผิดชอบ โดยสว่ นใหญ่จะเข้าไปในพ้ืนที่รว่ ม ปฏิบตั งิ านกบั เจา้ หนา้ ท่ผี ้รู ับผดิ ชอบในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นพบว่า ปจั จยั สว่ นหน่งึ ในการเกิดปัญหา และอุปสรรคในการนากฎหมายดงั กล่าวมาใช้ คือยังไมร่ ู้อานาจหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายดงั กล่าวอย่าง ชดั เจน ในการบังคบั ใช้และการให้ความชว่ ยเหลือ จึงทาให้ขาดความม่นั ใจในการตดั สินใจสั่งการ บัญชาการ ทาให้การพิจารณาให้ความชว่ ยเหลือยงั ขาดความชัดเจน และไม่มีเอกภาพในการส่งั การและบัญชาการ ปจั จัยดา้ นตัวกฎหมาย เมื่อพิจารณาจากบทบัญญตั ดิ ังกล่าวแลว้ ปรากฏว่าอานาจในการบญั ชาการ ส่ังการของผู้อานวยการ ท้องถิ่น ตามท่ีกาหนดไว้น้นั ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรภี าพของประชาชนในพ้ืนท่ี ยกตัวอย่างเช่น กรณีทเี่ กิดสาธารณภยั และอนั ตรายใกล้จะมาถึง ผู้อานวยการมอี านาจส่งั ใหเ้ จ้าพนักงาน ดัดแปลง ทาลายหรือเคลื่อนยา้ ยส่งิ ก่อสร้าง วสั ดุ หรอื ทรัพย์สนิ ของบุคคลใดที่เป็นอปุ สรรคแก่การบาบัดป้องกัน

ง อนั ตรายได้ ทั้งน้ี เฉพาะเทา่ ทจ่ี าเป็นแกก่ ารยับยั้ง หรือแก้ไขความเสียหายท่จี ะเกิดขน้ึ จากสาธารณภยั น้ัน ถือเปน็ การใช้อานาจทางการปกครองไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งทาใหก้ ารใช้อานาจ ดังกลา่ วต้องใชด้ ลุ ยพินิจอย่างรอบคอบและเทา่ ทจ่ี าเปน็ เพ่ือให้ประชาชนผไู้ ดร้ ับผลกระทบตอ่ สิทธิและ เสรีภาพได้รบั ความเสียหายให้น้อยทสี่ ดุ โดยต้องคานึงถงึ สาธารณประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสาคัญ ซึ่งกรณี ดงั กลา่ วทาให้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตดั สินใจของผู้อานวยการท้องถนิ่ ในการส่ังการเพ่ือแก้ไขปัญหา ดังกล่าวอย่างมาก ปัญหาด้านปัจจัยแวดล้อมอืน่ ๆ ปญั หาความไมพ่ ร้อมขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ซ่งึ ถือเปน็ ปญั หาและอุปสรรคสาคัญอกี ประการหนึ่งที่สง่ ผลกระทบต่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ของผ้อู านวยการท้องถิ่น ตามกฎหมาย นี้ซงึ่ ประกอบด้วยปญั หาการขาดแคลนบคุ คลากร ทีม่ คี วามร้คู วามสามารถ ความเชี่ยวชาญในการแก้ไข ปญั หา และบรรเทาภัยพิบัติขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ปญั หาการขาดแคลนวัสดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมอื เคร่อื งใช้ในการช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พบิ ัติ เครอื่ งมือเคร่ืองใช้ในการระงบั เหตุขององค์กรปกครองสว่ น ท้องถ่นิ ปญั หาเรอื่ งงบประมาณไมเ่ พียงพอทีจ่ ะใช้ในการบริหารจัดการภยั พิบัติ เมื่อเกิดภยั พบิ ัตทิ รี่ นุ แรง ก็ทาให้ไม่สามารถใชง้ บประมาณในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ จงึ ทาให้ขาดประสิทธิภาพ และทาให้ การใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภยั ไมท่ นั เหตุการณ์ จากผลการศึกษาที่ได้ ผวู้ จิ ัยไดเ้ สนอข้อเสนอแนะดงั น้ี 1. ควรมีการจัดการอบรมให้ความร้เู ก่ียวกบั การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอานาจหน้าท่ี ของผู้อานวยการท้องถิ่นให้กับผบู้ ริหารท้องถิ่น ต้ังแต่ช่วงเร่ิมตน้ ของการเขา้ รับตาแหน่ง เพ่อื ให้ผ้บู รหิ าร ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินมีองค์ความรู้ และมีจิตสานึกในการป้องกันและลดผลกระทบท่ีจะเกิดจาก สาธารณภัย 2. ควรมมี าตรการให้องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น จัดต้งั งบประมาณใหเ้ พียงพอในการจดั หาวัสดุ อปุ กรณ์ ตลอดจนเคร่ืองมือเครื่องใช้ รวมทง้ั ยานพาหนะในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการ บรหิ ารจัดการภัยพิบัติที่เกิดในพืน้ ท่ี รวมทั้งให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินเน้นในเร่ืองของการพฒั นาศักยภาพ บุคคลากรขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ใหม้ ีความรู้ ความสามารถและเชีย่ วชาญในการป้องกนั และ แกไ้ ขปัญหาภัยพบิ ัติ โดยการจดั ส่งเจา้ หนา้ ท่เี ข้ารบั การฝึกอบรมในหลกั สูตรต่างๆที่เก่ียวขอ้ งในการบรหิ าร จดั การภยั พิบัติ 3.รฐั บาลควรจัดสรรงบประมาณให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการจดั หาอปุ กรณ์ เครอ่ื งมือ เครื่องใชใ้ นการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั บางอย่างทม่ี ีราคาค่อนข้างสูง หรือให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นสมทบตามฐานะการคลังขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ น้ันๆ

จ ในการน้ี ผู้วิจัยหวังผลท่ีได้รับจากการศึกษาในครั้งน้ีว่า จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานด้านการ บริหารจัดการสาธารณภัยของจังหวัดในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ และผู้บริหารของ หน่วยงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวางแนวทางในการเตรียมความพร้อมป้องกันและให้ความ ช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยใหเ้ กิดความรวดเร็ว และมปี ระสทิ ธภิ าพยิง่ ขน้ึ ต่อ ไป

สารบญั หนา้ บทที่ 1 บทนา 1 2 1.1 ความเปน็ มาของเรื่องและสถานการณ์ปจั จบุ ัน 2 2 1.2 เหตุผลและความจาเป็นในการศกึ ษา 1.3 วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา 3 1.4 ขอบเขตของการศึกษา 1.5 นิยามศพั ท์ 4 16 ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รับ บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี ระเบยี บกฎหมาย และงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง 5 9 2.1 พระราชบัญญัติป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 10 2.2 แนวคดิ ทฤษฎีนโยบายสาธารณะ 11 2.3 แนวคิดด้านการจัดการภยั พบิ ัติ 11 2.4 แนวตดิ ประสทิ ธิภาพการบังคับใชก้ ฎหมาย 2.5 ผลงานวจิ ัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง 12 2.6 กรอบแนวคิดในการศกึ ษา 13 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ การวจิ ัย 13 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 13 14 3.2 ขอบเขตและพ้นื ทีก่ ารศึกษา 14 3.3 เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 16 3.5 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 17 บทท่ี 4 ผลของการศกึ ษาวเิ คราะห์ 21 23 สว่ นที่ 1 ขอ้ มลู ท่วั ไปปัจจยั ส่วนบุคคลของผ้ตู อบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลเก่ียวกบั ความคดิ เห็นความสาเรจ็ ในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ฯ 24 บทที่ 5 บทสรุปผลการศกึ ษาวจิ ยั และข้อเสนอแนะ 5.1 สรปุ ผลการศึกษา 5.2 ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก แบบสมั ภาษณ์ แบบเสนอโครงร่าง ประวัตผิ ศู้ ึกษา

1 บทท่ี 1 บทนำ ปัจจัยที่มีผลต่อควำมสำเร็จในกำรมีบทบำทของกำรป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัยภำยใต้พระรำชบัญญตั ิ ปอ้ งกันและบรรเทำสำธำรณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษำ : ขำ้ รำชกำรและเจ้ำหน้ำทข่ี องสำนกั งำน ปอ้ งกนั และบรรเทำสำธำรณภยั จงั หวัดนครสวรรค์ 1. ควำมเปน็ มำของเรอ่ื งและสถำนกำรณป์ จั จบุ ัน สถานการณ์ปัจจุบันในโลกยุคโลกาภิวัตน์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานการณ์ สาธารณภยั และภัยพบิ ัตติ า่ งๆ เกดิ ขึน้ อยา่ งรวดเร็ว รุนแรง ตอ่ เนื่องและมีแนวโนม้ ทวคี วามรุนแรงมาก ขนึ้ เป็นลาดับ ซ่งึ สาธารณภัยทีเ่ กดิ ขึ้นกอ่ ใหเ้ กดิ ความสญู เสีย ท้ังชวี ติ และทรัพย์สินของทางราชการ และ ประชาชนอย่างมหาศาล จังหวัดนครสวรรค์ เป็นอกี จงั หวดั หนงึ่ ทปี่ ระสบเหตุการณ์สาธารณภยั และภยั พิบตั ิต่างๆ เกดิ ขึน้ ในพน้ื ทอ่ี ยา่ งต่อเน่ือง ไม่วา่ จะเป็นอัคคภี ยั วาตภยั อทุ กภัย ภยั แล้ง การระบาดของ ศตั รูพืช และอุบตั ภิ ัยบนท้องถนน ซงึ่ ภัยพิบัติแต่ละคร้ังกอ่ ให้เกิดความสูญเสยี และสง่ ผลกระทบต่อชีวติ และทรัพยส์ ินของประชาชนและทางราชการมาโดยตลอด เมื่อเกิดภยั พิบัติขนาดใหญ่ขึ้นทุกครั้ง สาธารณชนจะคาดหวงั วา่ เป็นหน้าที่ของรฐั บาลและหน่วยงาน ทีเ่ ก่ียวข้อง โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงหนว่ ยงานโดยตรง คือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ในการดาเนนิ การ ในเร่อื งต่างๆ เชน่ - การป้องกันและบรรเทาความรุนแรงของภยั และความเสยี หายท่เี กดิ ขน้ึ แกป่ ระชาชน - ตอ้ งจดั สง่ เจา้ หนา้ ทเี่ ขา้ ไประงบั เหตุและชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัย - ต้องจัดส่งเคร่ืองจักร ยานพาหนะ เครื่องมือ เข้าไปกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต ตลอดจนการฟนื้ ฟูบูรณะ - ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือ ชดใช้ แกผ่ ู้ประสบภยั และความสูญเสียต่างๆ ฯลฯ การคาดหวงั ดังกล่าวเป็นเรื่องท่ีรฐั บาล และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ควรพิจารณา ดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีโครงสร้าง อัตรากาลัง เครื่องมือเคร่ืองจักรท่ยี ังมีข้อจากัด และประสิทธภิ าพ ในการปฏิบัตงิ าน อย่างไรกต็ าม เมื่อเกิดภัยพบิ ตั ขิ ึ้นทุกคร้งั ไม่วา่ ภัยขนาดเล็กหรือใหญ่ กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย และสานกั งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ต้องเขา้ ไปมีสว่ นร่วมในการ ระงบั ภยั พิบัติท่เี กดิ ขึ้น โดยการอานวยการช่วยเหลือฟืน้ ฟูทกุ คร้ัง ซงึ่ ในบางคร้ังอาจจะขาดความพร้อม ในการปฏิบตั งิ านดงั กล่าว ซ่ึงในปจั จบุ ันพระราชบัญญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ได้ประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา และมผี ลบงั คบั ใช้ต้ังแตว่ ันท่ี 6 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นไป เพื่อเป็นกฎหมาย หลักในการบริหารจัดการสาธารณภัยในปัจจุบัน ในการดาเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัตินี้ จะเป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วนท้ังหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ิน หนว่ ยงานภาคเอกชนและประชาชน เพอื่ ให้เป็นกรอบทิศทางการบูรณาการบรหิ ารจดั การ สาธารณภยั ของหน่วยงานที่เกยี่ วขอ้ งอย่างเป็นระบบ และเก้อื กลู กนั ซ่ึงหนว่ ยงานทกุ ภาคสว่ นจะนาไปขับเคลือ่ น ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใหป้ ระเทศไทยมขี ดี ความสามารถในการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัย ที่เกิดขนึ้ อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

2 ดงั นนั้ จงึ มีความจาเป็นท่ีจะตอ้ งทาการศกึ ษาค้นคว้าว่า อะไรท่ีเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จใน การมบี ทบาทของการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 เพอื่ นาข้อมูลท่ีไดม้ าปรับปรงุ การปฏบิ ัติงานใหเ้ กิดผลสาเร็จตามเปา้ หมายตอ่ ไปในอนาคต 2. เหตผุ ลและควำมจำเปน็ ในกำรศึกษำและคำถำมในกำรวิจยั ในปัจจบุ ันประเทศไทยมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั อยูแ่ ล้ว แต่เนื่องจากพบว่า ปัญหาในการจดั การบรหิ ารสาธารณภัยนั้น หน่วยงานที่เก่ียวข้องแต่ละหน่วยขาดการทางานร่วมกันในเชิง บูรณาการและไม่มีศูนย์กลางบัญชาการและประสานงานท่ีชัดเจน ผู้วิจัยในฐานะเป็นข้าราชการของกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงมีความสนใจดาเนินการศึกษาวิจัยถึงปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการ มีบทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณศี กึ ษาองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในพน้ื ที่จงั หวัดนครสวรรค์ ซึ่งผู้วิจัยจะได้ทาการศึกษาถึง ปัจจัยดังกล่าวโดยละเอยี ดตอ่ ไป 3. วตั ถุประสงคข์ องกำรศกึ ษำ 3.1 เพื่อศึกษาแนวทางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายโดยใช้ พระราชบญั ญตั ปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 เป็นกลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏิบัติใน การแก้ไขปัญหาอยา่ งเป็นระบบครบถ้วน ตามหลักการบริหารจัดการสาธารณภัย เพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใน การปฏิบัติ 3.2 เพื่อศึกษาปัจจัยในการปฎิบัติที่ก่อให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายให้มี ประสิทธภิ าพ 4.ขอบเขตของกำรศกึ ษำ การศึกษาครงั้ นี้ ผู้ศึกษาได้กาหนดขอบเขตของการศึกษาดังน้ี 4.1ขอบเขตดำ้ นเน้ือหำ ศกึ ษาถงึ ปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ความสาเรจ็ ในการมบี ทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 การศึกษาครั้งน้ีเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้วิธีการศึกษา(1) การศึกษาจากเอกสาร (Documentary Research)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 และเอกสารกฎหมายและเอกสารอ่ืนๆที่เก่ียวข้อง(2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) โดยจากดั การศกึ ษาเฉพาะข้าราชการและเจ้าหน้าที่สานักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ โดยการสุ่มตัวอย่าง จานวน 30 คน และนามาวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบ ข้อสัมภาษณ์ด้วยเชิงคุณภาพ

3 4.2 ขอบเขตด้ำนประชำกรและพ้นื ท่ีศึกษำ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนท่ีศึกษา คือ ข้าราชการในองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ ที่ปฏบิ ัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นท่ีจังหวัดนครสวรรค์ โดยการสุ่ม ตวั อย่าง จานวน 30 คน 4.3 ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ ระยะเวลาในการศกึ ษา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – มนี าคม 2557 4.4 ขอบเขตดำ้ นตวั แปร 4.1) ตัวแปรตน้ ไดแ้ ก่ เพศ อายุ สถานภาพ อายุราชการ ระดบั การศึกษา ตัวบทกฎหมาย และปจั จัยแวดล้อมอื่นๆ 4.2) ตวั แปรตาม ได้แก่ ปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั พ.ศ. 2550 นิยำมศพั ท์ พระรำชบัญญัติป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย พ.ศ.2550 หมายถึง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 52ก วันท่ี 7 กันยายน 2550 หน้าที่ 1-23 มผี ลบังคับใช้ต้งั แต่วันท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2550 สำธำรณภัย หมายถึง อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตวน์ ้า การระบาดของศตั รูพืช ตลอดจนภยั อืน่ ๆอนั มผี ลกระทบต่อสาธารณชนไม่ว่าจะเกิดจาก ธรรมชาติ มีผู้ทาให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด ซ่ึงก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสยี หายแกท่ รพั ย์สินของประชาชนหรือของรัฐ และให้หมายความรวมถึงภัยทางอากาศและการ กอ่ วินาศกรรมด้วย ภัยพิบัติ หมายถึง เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายและสูญเสียอย่างรุนแรงแกทั้งคนและ ทรพั ยส์ ินหรือทรัพยากรสง่ิ แวดลอ้ ม จนทาใหช้ ุมชนหรือสงั คมทีเ่ ผชญิ ปัญหาไมส่ ามารถรบั มือส่ิงท่ีเกิดข้ึนได้ โดยภัยพิบตั ินั้นอาจเกดิ จากธรรมชาตหิ รือมนษุ ย์กไ็ ด้ กำรบังคับใช้กฎหมำย หมายถึง การบังคับใช้กฎหมาย จะต้องบังคับใช้แก่สมาชิกในสังคมโดย เสมอภาคภายใต้หลักนิติธรรม (Justice Under Law) ปราศจากความลาเอียงหรือรังเกียจเดียดฉันท์ โดยสิ้นเชงิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึง องค์การบริหารส่วนตาบล เทศบาล องค์การบริหาร ส่วนจังหวดั เมอื งพัทยา กรงุ เทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่ืนทม่ี ีกฎหมายจดั ตั้ง

4 5. กรอบแนวคิดในกำรศกึ ษำ กรอบแนวคิดในการศึกษาครัง้ น้ี อาศยั ตัวบทกฎหมายของพระราชบญั ญัตปิ อ้ งกันและบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 ร่วมกับแนวคิดทฤษฎที เ่ี กีย่ วข้อง ตัวแปรอสิ ระ ตัวแปรตาม 1. เพศ 2. อายุ 3.ระดับ ปจั จยั ในการบงั คับใช้กฎหมาย การศึกษา 4. สถานภาพ พระราชบัญญตั ิป้องกันและบรรเทา สมรส 5. อายุราชการ สาธารณภยั พ.ศ.2550 6.ตวั บทกฎหมาย 7.ความรคู้ วามเข้าใจผู้ใช้ 1) ไม่นามาใชป้ ฏิบตั เิ ม่ือเกดิ ภยั พิบัติ กฎหมาย 8.ปจั จยั แวดลอ้ ม 2) ไม่ปฏบิ ัตติ ามแนวของ พรบ.2550 อ่ืนๆ 6. ประโยชน์ทีค่ ำดว่ำจะได้รับ 6.1 เพ่ือนาผลงานวิจัยที่ได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการแก้ไขปัญหาด้านการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยให้เป็นไปอย่างมีระบบ ภายใต้บทบาทของพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 6.2 เพ่ือนาผลงานวิจัยท่ีได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ทาให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาคเอกชนและ ภาคีเครอื ข่ายใหม้ ีประสทิ ธิภาพ

5 บทท่ี 2 แนวคิดทฤษฎแี ละงานวจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง ในการศึกษาวิจยั เร่อื ง ปญั หาและอุปสรรคในการปฏิบตั งิ านด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใตพ้ ระราชบญั ญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณศี ึกษาขา้ ราชการและเจา้ หน้าท่ี สานักงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ มแี นวคิดทฤษฎีที่เกีย่ วข้องดังน้ี 2.1 พระราชบญั ญัติป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 2.2 แนวคิดเร่อื งนโยบายสาธารณะ 2.3 แนวคดิ ดา้ นการจัดการภัยพิบตั ิ 2.4 แนวคิดเกย่ี วกบั ประสิทธิภาพการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย 2.5 งานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง 2.1 พระราชบญั ญัติปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 1.ขอบเขต (มาตรา 3) มาตรา 3 ใหย้ กเลิก (1) พระราชบญั ญัตปิ ้องกันภัยฝ่ายพลเรอื น พ.ศ. 2522 (2) พระราชบัญญัตปิ ้องกันและระงบั อัคคีภยั พ.ศ. 2542 2. คานยิ าม (มาตรา 4) “สาธารณภยั ” หมายความวา่ อคั คีภัย วาตภยั อุทกภยั ภัยแล้ง โรคระบาดในมนษุ ย์ โรคระบาดสตั ว์ โรคระบาดสตั ว์นา้ การระบาดของศตั รูพชื ตลอดจนภยั อื่นๆ อนั มีผลกระทบต่อสาธารณชน ไมว่ า่ เกิดจาก ธรรมชาติ มีผู้ทาให้เกดิ ขนึ้ อุบัตเิ หตุ หรอื เหตอุ ืน่ ใด ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชวี ิต รา่ งกายของประชาชน หรือ ความเสยี หายแก่ทรพั ยส์ ินของประชาชน หรอื ของรัฐ และใหห้ มายความรวมถงึ ภยั ทางอากาศ และการกอ่ วนิ าศกรรมดว้ ย “ภัยทางอากาศ” หมายความว่า ภยั อันเกิดจากการโจมตีทางอากาศ “การก่อวินาศกรรม” หมายความวา่ การกระทาใดๆ อันเป็นการมงุ่ ทาลายทรัพยส์ นิ ของประชาชนหรือของ รฐั หรอื ส่ิงอันเป็นสาธารณปู โภค หรอื การรบกวน ขัดขวางหนว่ งเหนย่ี วระบบการปฏบิ ตั ิงานใดๆ ตลอดจนการ ประทุษร้ายตอ่ บุคคลอนั เป็นการกอ่ ให้เกดิ ความป่ันปว่ นทางการเมืองการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ โดยมุ่ง หมายทจ่ี ะก่อใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ ความม่ันคงของรัฐ “หนว่ ยงานของรฐั ” หมายความวา่ ส่วนราชการ รฐั วิสาหกิจ องคก์ ารมหาชนและหน่วยงานอ่ืนของรัฐ แต่ไม่หมายความรวมถึงองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน

6 “องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตาบล เทศบาล องค์การบริหารสว่ นจงั หวัด เมอื งพัทยา กรงุ เทพมหานคร และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ อน่ื ท่มี ีกฎหมายจัดต้ัง “องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ แหง่ พืน้ ท่ี” หมายความว่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล เทศบาลเมืองพทั ยา และ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ อื่นท่มี ีกฎหมายจัดตัง้ แต่ไม่หมายความรวมถึงองค์การบริหารสว่ นจังหวดั และ กรงุ เทพมหานคร “จังหวัด” ไม่หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานคร “อาเภอ” หมายความรวมถงึ กิ่งอาเภอ แต่ไม่หมายความรวมถงึ เขตในกรงุ เทพมหานคร “นายอาเภอ” หมายความรวมถงึ ปลัดอาเภอผู้เปน็ หวั หนา้ ประจากง่ิ อาเภอ “ผู้บรหิ ารท้องถิ่น” หมายความวา่ นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล นายกเทศมนตรี นายกเมืองพัทยา และ หัวหนา้ ผูบ้ ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแห่งพนื้ ที่อ่ืน “ผบู้ ญั ชาการ” หมายความว่า ผูบ้ ัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ “ผูอ้ านวยการ” หมายความว่า ผ้อู านวยการกลาง ผอู้ านวยการจังหวดั ผู้อานวยการอาเภอ ผ้อู านวยการ ทอ้ งถ่นิ และผอู้ านวยการกรุงเทพมหานคร “เจา้ พนกั งาน” หมายความว่า ผ้ซู ึง่ ได้รับแต่งตัง้ ใหป้ ฏิบตั หิ นา้ ท่ใี นการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ในพนื้ ท่ี ต่างๆ ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี “อาสาสมัคร” หมายความว่า อาสาสมคั รป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรือนตามพระราชบัญญัติน้ี 3.คณะกรรมการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (กภป.ช.) 3.1 องค์ประกอบ (มาตรา 6) ให้มคี ณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ เรียกโดยยอ่ ว่า “กปภ.ช.” ประกอบด้วย นายกรฐั มนตรี หรอื รองนายกรฐั มนตรี ซึ่งนายกรฐั มนตรีมอบหมายเปน็ ประธานกรรมการ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย เปน็ รองประธานกรรมการคนท่ีหนึ่ง ปลดั กระทรวงมหาดไทย เปน็ รอง ประธานกรรมการคนท่ีสอง ปลดั กระทรวงกลาโหม ปลดั กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมัน่ คงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ปลดั กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ ผู้อานวยการสานกั งบประมาณ ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ผู้บญั ชาการทหารสงู สดุ ผู้บญั ชาการทหารบก ผบู้ ญั ชาการทหารเรือ ผู้บญั ชาการ ทหารอากาศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแหง่ ชาติ และผูท้ รงคณุ วฒุ อิ ีกไม่เกนิ ห้าคนซงึ่ คณะรฐั มนตรแี ต่งตง้ั จาก ผ้มู คี วามรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณท์ ่เี ก่ียวข้องกับการผงั เมือง และการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย เปน็ กรรมการ ใหอ้ ธิบดเี ป็นกรรมการและเลขานุการ และใหแ้ ตง่ ต้ังขา้ ราชการในกรมปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภัยจานวนไมเ่ กนิ สองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ 3.2 อานาจหนา้ ท่ี (มาตรา 6) ให้ กปภ.ช. มอี านาจหน้าท่ี ดงั ต่อไปนี้ (1) กาหนดนโยบายในการจัดทาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (2) พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ ตามมาตรา 11 (1) กอ่ นเสนอคณะรฐั มนตรี

7 (3) บูรณาการพฒั นาระบบการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหวา่ งหนว่ ยงานของรัฐองค์กร ปกครองสว่ นท้องถนิ่ และหน่วยงานภาคเอกชนท่ีเกี่ยวข้องให้มปี ระสทิ ธภิ าพ (4) ให้คาแนะนา ปรึกษาและสนบั สนุนการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย (5) วางระเบยี บเก่ียวกับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใชจ้ ่ายในการดาเนนิ การปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภยั โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลงั (6) ปฏิบัตกิ ารอ่ืนใดตามท่บี ัญญตั ิไว้ในพระราชบญั ญัตินี้หรอื กฎหมายอ่นื หรอื ตามท่ีคณะรฐั มนตรี มอบหมาย 4. หนว่ ยงานกลางของรัฐในการดาเนนิ การป้องกันและบรรเทาภัย มาตรา 11 ใหก้ รมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เปน็ หนว่ ยงานกลางของรฐั ในการดาเนนิ การ เก่ยี วกบั การป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ของประเทศ โดยมีอานาจหนา้ ที่ ดงั ต่อไปน้ี (1) จดั ทาแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติเสนอ กปภ.ช. เพ่อื ขออนุมัตติ อ่ คณะรฐั มนตรี (2) จดั ใหม้ ีการศึกษาวิจยั เพ่ือหามาตรการในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ให้มี ประสทิ ธิภาพ (3) ปฏบิ ัติการ ประสานการปฏิบัติ ใหก้ ารสนบั สนนุ และช่วยเหลอื หน่วยงานของรัฐองค์กร ปกครองสว่ นท้องถ่ิน และหน่วยงานภาคเอกชน ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั และใหก้ ารสงเคราะห์ เบอื้ งตน้ แกผ่ ูป้ ระสบภัย ผ้ไู ดร้ ับภยนั ตราย หรือผู้ได้รบั ความเสียหายจากสาธารณภยั (4) แนะนา ให้คาปรึกษา และอบรมเก่ียวกบั การปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แก่หนว่ ยงาน ของรฐั องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน และหนว่ ยงานภาคเอกชน (5) ติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการดาเนินการตามแผนการป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัยในแตล่ ะระดับ (6)ปฏบิ ตั ิการอ่ืนใดตามที่บัญญตั ไิ ว้ในพระราชบญั ญตั ินหี้ รือกฎหมายอน่ื หรือตามท่ผี ู้บัญชาการ นายกรฐั มนตรี กปภ.ช. หรอื คณะรัฐมนตรีมอบหมาย 5.แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกาหนดใหม้ ีการจัดทาแผน 3 ระดับ ดังน้ี 5.1 แผนป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ ตอ้ งมีสาระสาคัญดังต่อไปน้ี (1) แนวทาง มาตรการ และงบประมาณทจี่ าเป็นต้องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั อยา่ งเป็นระบบและตอ่ เนื่อง (2) แนวทางและวิธีการในการให้ความช่วยเหลอื และบรรเทาความเดอื ดร้อนท่เี กดิ ขนึ้ เฉพาะ หนา้ และระยะยาวเม่ือเกดิ สาธารณภัย รวมถึงการอพยพประชาชน หนว่ ยงานของรฐั และองคก์ รปกครองส่วน ท้องถ่นิ การสงเคราะห์ผูป้ ระสบภัย การดูแลเกีย่ วกบั การสาธารณสุข และการแก้ไขปญั หาเกีย่ วกับการสื่อสาร และการสาธารณูปโภค

8 (3) หนว่ ยงานของรฐั และองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ที่รับผดิ ชอบในการดาเนนิ การตาม (1) และ (2) และวธิ ีการให้ไดม้ าซึ่งงบประมาณเพื่อการดาเนนิ การดังกล่าว (4) แนวทางในการเตรยี มพร้อมดา้ นบุคลากร อปุ กรณ์ และเคร่อื งมือเครื่องใช้และจัดระบบ การปฏบิ ัติการในการดาเนินการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั รวมถึงการฝกึ บุคลากรและประชาชน (5) แนวทางในการซ่อมแซม บรู ณะ ฟนื้ ฟู และให้ความช่วยเหลอื ประชาชนภายหลังท่ี สาธารณภยั สน้ิ สดุ (6)นาเสนอแผนขอความเหน็ ชอบคณะกรรมการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ และขออนุมัติคณะรัฐมนตรี เพ่ือให้หนว่ ยงานของรฐั และองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติ 5.2 แผนปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ระดับจงั หวัด มาตรา 15 ใหผ้ ้วู ่าราชการจงั หวัดเปน็ ผ้อู านวยการจงั หวัด รบั ผดิ ชอบในการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยในเขตจงั หวัด โดยมีอานาจหน้าทีด่ งั ต่อไปน้ี จัดทาแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ซงึ่ ต้องสอดคล้องกบั แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ มีสาระสาคัญดงั ต่อไปน้ี (1) การจัดตัง้ ศนู ยอ์ านวยการเฉพาะกิจเมื่อเกิดสาธารณภัยขนึ้ โครงสร้างและผมู้ ีอานาจสัง่ การด้านต่างๆ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2) แผนและขั้นตอนขององค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ในการจัดหาวัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมอื เครือ่ งใช้ และยานพาหนะ เพ่ือใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (3) แผนและขน้ั ตอนขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการจดั ให้มเี คร่ืองหมายสัญญาณหรอื ส่งิ อน่ื ใด ในการแจง้ ใหป้ ระชาชนได้ทราบถึงการเกดิ หรอื จะเกดิ สาธารณภยั (4) แผนปฏบิ ตั ิการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น (5) แผนการประสานงานกบั องค์การสาธารณกุศล 5.3 แผนป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยกรงุ เทพมหานคร จดั ทาโดยคณะกรรมการซ่ึงผวู้ ่าราชการกรุงเทพมหานคร เปน็ ประธานกรรมการโดยผวู้ า่ ราชการ กรงุ เทพมหานคร เป็นผูล้ งนามเพ่ือประกาศใช้ ซึ่งแผนปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั กรุงเทพมหานครซง่ึ สอดคล้องกับแผนป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และอยา่ งน้อยต้องมีสาระสาคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี การ จดั ตั้งศูนย์อานวยการเฉพาะกิจเมื่อเกดิ สาธารณภัยขึน้ โครงสร้างและผ้มู อี านาจสัง่ การด้านตา่ งๆ ในการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย แผนและข้นั ตอนในการจดั หาวสั ดอุ ุปกรณ์ เครอ่ื งมือเครือ่ งใช้ และยานพาหนะ เพ่ือใช้ ในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย แผนและขั้นตอนในการจดั ใหม้ ีเคร่อื งหมายสัญญาณหรือส่ิงอน่ื ใด ใน การแจ้งให้ประชาชนได้ทราบถึงการเกิดหรือจะเกิดสาธารณภัย แผนปฏิบัตกิ ารการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย ในเขตกรุงเทพมหานคร แผนการประสานงานกับองคก์ รการกศุ ลในกรุงเทพมหานคร ให้หน่วยงานทม่ี หี นา้ ที่จดั ทาแผน ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ จัดทาแผนให้แลว้ เสร็จภายในสองปี นับแต่วนั ที่พระราชบัญญัติน้ีบังคบั ใช้ โดยระหวา่ งที่ ยงั จัดทาแผน ไม่แลว้ เสรจ็ ให้กาเนินการตามแผนท่บี งั คับใช้ก่อนวนั ท่ีพระราชบญั ญัติน้ีบงั คับใช้

9 6. การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเกดิ หรือคาดวา่ จะเกิดสาธารณภยั ข้นึ ในเขตขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ แหง่ พ้ืนท่ีใด ให้ผอู้ านวยการท้องถิน่ ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ แหง่ พื้นทีน่ ั้นมีหนา้ ที่เข้าดาเนินการปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภยั โดยเรว็ และแจ้งให้ผู้อานวยการอาเภอทร่ี บั ผดิ ชอบในเขตพื้นท่ีนั้นและผอู้ านวยการจงั หวัดทราบ ทนั ที(มาตรา 21) ในการปฏบิ ัติหน้าทีต่ ามวรรคหนงึ่ ให้ผู้อานวยการท้องถิน่ มีอานาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ส่ังขา้ ราชการฝา่ ยพลเรือน พนักงานส่วนท้องถ่ิน เจา้ หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐเจ้าพนักงาน อาสาสมคั ร และบุคคลใดๆ ในเขตองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ แห่งพ้นื ทท่ี ี่เกิดสาธารณภยั ให้ปฏิบตั กิ ารอย่าง หนง่ึ อยา่ งใด ตามความจาเป็นในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั (2) ใช้อาคาร สถานที่ วสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะของหนว่ ยงานของ รัฐและเอกชนที่อยูใ่ นเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแห่งพื้นท่ที เ่ี กดิ สาธารณภยั เท่าทจี่ าเป็น เพอ่ื การป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (3) ใช้เครื่องมือส่อื สารของหนว่ ยงานของรฐั หรอื เอกชนทุกระบบท่ีอยูใ่ นเขตองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิน่ แห่งพนื้ ที่ที่เกดิ สาธารณภัย หรอื ทอ้ งทท่ี เ่ี กี่ยวเน่ือง (4) ขอความช่วยเหลือจากองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ อ่นื ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (5) สง่ั ห้ามเข้าหรือใหอ้ อกจากพ้นื ท่ี อาคารหรือสถานที่ที่กาหนด (6) จัดใหม้ ีการสงเคราะห์ผู้ประสบภยั โดยทวั่ ถึงและรวดเร็ว 6.การบัญชาการ กาหนดใหเ้ ป็นอานาจหน้าทข่ี องบุคคลดังต่อไปน้ี 6.1 ในกรณที ี่เกดิ สาธารณภัยร้ายแรงอย่างย่ิง นายกรัฐมนตรหี รือรองนายกรัฐมนตรีซ่ึงนายกรฐั มนตรี มอบหมาย มีอานาจส่ังการ ผบู้ ัญชาการ ผู้อานวยการหน่วยงานของรฐั และองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ให้ ดาเนนิ การอย่างใดอย่างหน่ึง เพ่ือป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย รวมตลอดทั้งให้ความชว่ ยเหลือแก่ประชาชนใน พน้ื ท่ีทก่ี าหนดได้ 6.2 รัฐมนตรเี ป็นผบู้ ญั ชาการ มีอานาจควบคุม และกากบั การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั่ว ราชอาณาจักร ใหเ้ ป็นไปตามแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ และพระราชบัญญัตินี้ใหม้ ีอานาจ ในการบงั คับบัญชาและส่ังการผอู้ านวยการ รองผู้อานวยการ ผ้ชู ่วยผ้อู านวยการ เจ้าพนักงาน และอาสาสมัครได้ ท่วั ราชอาณาจักร 6.3 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเปน็ รองผบู้ ัญชาการ มหี นา้ ท่ีช่วยเหลือผบู้ ัญชาการในการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย และปฏิบัตหิ นา้ ท่ีตามท่ีผบู้ ัญชาการมอบหมายโดยใหม้ ีอานาจบงั คบั บัญชาและส่ังการรองจาก ผู้บญั ชาการ 2.2 ทฤษฎีนโยบายสาธารณะ ทฤษฎีนโยบายสาธารณะของ Thomas R. Dye

10 นโยบายสาธารณะ คือ สิง่ ที่รฐั บาลเลือกจะกระทาหรือไม่กระทา ในสว่ นท่ีรัฐบาลเลือกท่จี ะกระทาจะ ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมดของรัฐบาล ทง้ั กิจกรรมท่ีเปน็ กิจวัตร และกจิ กรรมทีเ่ กิดขึน้ ในบางโอกาส โดย สงิ่ ทร่ี ฐั เลอื กทจี่ ะกระทาหรือไมก่ ระทา อาจสง่ ผลกระทบทัง้ ทางบวกและทางลบ องค์ประกอบของความหมายนโยบายสาธารณะมดี ังน้ี 1. เป็นกจิ กรรมท่รี ัฐบาลเลือกทจี่ ะกระทาหรือไมก่ ระทา 2. เป็นการใช้อานาจของรัฐในการจดั สรรกิจกรรมเพ่ือตอบสนองค่านยิ มของสงั คม 3. ผมู้ อี านาจในการกาหนดนโยบายสาธารณะได้แก่ ผู้นาทางการเมือง ฝา่ ยบรหิ าร ฝา่ ยนติ ิบญั ญตั ิ ฝ่ายตลุ าการ พรรคการเมือง สถาบนั ราชการ ขา้ ราชการและประมุขของประเทศ 4. กจิ กรรมทรี่ ัฐบาลเลอื กที่จะกระทาต้องเปน็ ชดุ ของกระกระทาที่มีแบบแผน ระบบและ กระบวนการอยา่ ง ชดั เจน เปน็ การกระทาที่มีการสานตอ่ อย่างสมา่ เสมอ และต่อเนื่อง 5. กจิ กรรมที่รฐั บาลเลือกทจ่ี ะกระทาตอ้ งมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์หรอื จดุ มุ่งหมายเพ่ือตอบสนองความ ต้องการของประชาชนจานวนมาก 6. เปน็ กิจกรรมทตี่ ้องกระทาใหป้ รากฏเป็นจรงิ มิใชเ่ ป็นเพยี งการแสดงเจตนารมณห์ รือความตัง้ ใจท่ี จะกระทา ด้วยคาพูดเทา่ นน้ั 7. กจิ กรรมท่เี ลือกระทาต้องมีผลลพั ธใ์ นการแก้ไขปัญหาท่ีสาคัญของสงั คม ทัง้ ปัญหาความขดั แยง้ หรอื ความ รว่ มมือของประชาชน 8. เป็นการตัดสนิ ใจทีจ่ ะกระทาเพอื่ ผลประโยชนข์ องประชาชนจานวนมาก มใิ ช่การตัดสินใจเพือ่ ประโยชน์ เฉพาะบุคคล และเป็นชดุ ของการตดั สินใจทีเ่ ป็นระบบมใิ ช่การตัดสินใจแบบเอกเทศ 9. เป็นการเลอื กทางเลือกทีจ่ ะกระทา โดยพิจารณาจากผลการวเิ คราะห์ทางเลือกทเ่ี หมาะสมท่ีสดุ ทั้งทาง การเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคม 10. เป็นกิจกรรมทค่ี รอบคลุมทั้งกจิ กรรมภายในประเทศและระหวา่ งประเทศ 11. กจิ กรรมทีร่ ฐั บาลเลือกทจี่ ะกระทาหรือไม่กระทา อาจก่อให้เกิดผลทั้งทางบวก และทางลบต่อสังคม 12. เปน็ กิจกรรมท่ีชอบด้วยกฎหมาย และ James Anderson กลา่ วถงึ นโยบายสาธารณะว่า คอื แนวทางการปฏิบตั ิของรัฐที่มีวัตถปุ ระสงค์ สง่ิ ใดส่งิ หนงึ่ หรือหลายอยา่ งและติดตามด้วยผ้กู ระทา หรือการปฏบิ ัติ ซงึ่ อาจปฏิบัติบตั โิ ดยคนๆเดยี วหรอื คณะ บุคคลก็ได้ ในการที่จะแกป้ ัญหาทเ่ี กี่ยวข้อง มีองค์ประกอบท่ีสาคญั คือ 1.ต้องมวี ัตถปุ ระสงค์ 2. เป็นแนวทางปฎิบตั ิ 3. การปฏบิ ัติจะต้องเกดิ ข้นึ จริง 4. การปฎิบัติจะเปน็ ไปในเชิงบวก ซึง่ เปน็ แนวทางทีจ่ ะทาใหส้ ังคมโดยรวมมีความสงบสุข ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า เศรษฐกจิ เจริญอยา่ งมีเสถยี รภาพ ประชนมคี ณุ ภาพที่ดีมคี วามสขุ คมุ้ ครองสิทธปิ ระโยชน์ สรา้ งความเสมอภาคและ ความเป็นธรรมในสงั คม ( David Easton,1965) 2.3 แนวคิดด้านการจดั การภยั พบิ ัติ การป้องกนั การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติสมัยใหม่ เป็นการวางแผนเพื่อเผชิญหนา้ กบั สถานการณ์ ต้งั แต่ก่อนเกดิ เหตุ ระหว่างเกดิ เหตุ และหลังเกิดเหตุ ท่ีต่อเนือ่ งจนครบกระบวนการเรียกว่า “วงจรการจัดการ สาธารณภยั ” ประกอบดว้ ย

11 1. การป้องกนั (Prevention) คือ การดาเนนิ การเพ่ือหลกี เล่ียงหรือขดั ขวางมิให้ภัยพบิ ัติและความ สญู เสียเกดิ ขน้ึ 2. การบรรเทาผลกระทบ (Mitigation) คือ กิจกรรมที่มุง่ ในการลดผลกระทบและความรนุ แรงของภยั พบิ ัติท่ีก่อให้เกิดอนั ตรายและความสญู เสียแกช่ มุ ชนและประเทศชาติ 3. การเตรียมพรอ้ ม(Preparedness) คือ การเตรียมการล่วงหน้าเพื่อเพิม่ ขีดความสามารถให้กบั รฐั บาล องค์กรปฏิบตั ิ ชุมชน และปัจเจกบุคคล ในการเผชญิ กบั ภาวการณ์เกดิ ภัยพิบตั ิได้อย่างมีประสิทธภิ าพมากยิง่ ขนึ้ 4. การรับสถานการณฉ์ ุกเฉิน (Emergency Response) คือ การปฏบิ ัติอย่างทันทีทนั ใดเมื่อเกดิ ภัย 5. การฟน้ื ฟูบูรณะ (Recovery) คือ การฟื้นฟบู รู ณะ เป็นขน้ั ตอนที่ดาเนินการเม่ือเหตกุ ารณภ์ ยั พิบัตผิ า่ นพน้ ไปแล้ว เพ่ือให้พ้ืนที่หรือชุมชนท่ีไดร้ ับภับพบิ ัติกลับคนื สสู่ ภาพท่ีดีข้ึน 6. การพัฒนา (Development) คือ การพัฒนาภายหลังเหตุการณภ์ ยั พิบตั ิควบคุมถงึ การทบทวน และศึกษา ประสบการณ์ด้านการจดั การภัยพิบตั ิทเี่ กดิ ขน้ึ แล้ว ทาการปรบั ปรงุ ระบบการดาเนนิ งานต่างๆ ท่มี ีอยู่ให้มี ประสิทธภิ าพมากขึ้น เพื่อลดความสญู เสยี ให้น้อยท่สี ดุ 2.4 แนวคิดประสิทธิภาพการบงั คับใช้กฎหมาย วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ (2535,หน้า 423 – 424) ไดส้ รุปถงึ ลักษณะของกฎหมายทมี่ ปี ระสิทธิภาพควร มีลกั ษณะดังต่อไปน้ี 1.กฏหมายนนั้ ต้องมีความชดั เจนและแนน่ อนพอสมควร 2.ข้อความในกฎหมายน้ันจะต้องไม่ฝ่าฝนื ธรรมชาติหรือหักหาญความรูส้ ึกของบคุ คลทถ่ี ูกบังคับ มากเกินไป 3. กฎหมายน้ันต้องไม่ทาใหเ้ สียประโยชน์แกผ่ ู้ถกู บังคับให้ปฏบิ ตั ติ ามมากจนเกินไป 4. ต้องคานึงถึงกระบวนการและองค์กรในการบังคับใช้กฎหมาย 5. จะต้องคานึงถึงบรรยากาศในสงั คมที่เอ้ืออานวยในการเคารพกฎหมายและการปฏิบัติตาม กฏหมายอย่างจรงิ จัง 2.5 งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง กระสนิ ธุ์ เจรญิ กรงุ (2548:บทคัดย่อ) ไดศ้ ึกษาการบริหารจัดการการป้องกันและระงับอัคคภี ยั ของ องค์การบริหารสว่ นตาบล พบวา่ อบต.สว่ นใหญม่ ีการบริหารจดั การปฏิบตั ิงานป้องกนั และระงับอัคคภี ัยทั้ง 4 ด้าน คือ การวางแผน การจดั องค์กร การประสานงาน และการควบคมุ แต่อยู่ในระดับตา่ ยกเวน้ ดา้ นการ ประสานงานซึ่งปฏิบตั ิในระดับดีมาก ปญั หาอุปสรรคในการปฏบิ ัติงานป้องกนั และระงับอัคคีภัยอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยอบต. ส่วนใหญ่มปี ัญหาดา้ นงบประมาณ รองลงมาคือด้านวสั ดุอปุ กรณ์และดา้ นบุคลากร ธีระ สันติเมธี (2548 : บทคัดย่อ) ศึกษาเร่ือง แนวทางการบูรณาการการป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั ระดับจงั หวัด ผลการศึกษาภาพรวมของปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาการปฎิบัติงานป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภยั ระดบั จังหวัด 4 ด้าน พบว่าอยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน โดยมีปัญหาด้านบุคลากร มากทีส่ ดุ โดยเฉพาะบุคลากรขาดความรู้ ทักษะและประสบการณ์ในการปฏบิ ัติงานปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั ผลการศึกษาภาพรวมของแนวทางการพัฒนาการปฏบิ ัตงิ านป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พบวา่ อยู่ในระดบั มากท่ีสดุ โดยกลุ่มตัวอย่างเหน็ ดว้ ยกบั การพฒั นาระบบการทางานมากทสี่ ดุ ในประเด็นว่า

12 ควรกาหนดสถานภาพของสานกั งานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั เปน็ หนว่ ยงานส่วนภูมภิ าค เพอื่ เพ่ิมประสิทธิภาพในการปฏบิ ัติงานร่วมกับจังหวดั ต้ังแตร่ ะดบั นโยบาย แผนงาน โครงการในลักษณะยุทธศาสตร์ การทางานแบบบรู ณาการของผูว้ ่าราชการจังหวัด CEO ควรพัฒนาระบบการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะ การพจิ ารณาจา่ ยเงินทดรองราชการชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั ให้รวดเรว็ ทันทที ่ีประสบภยั พิบัติ เกรยี งไกร กจิ ประเสริฐ (2550 : บทคัดย่อ) สภาพปญั หาและความต้องการของประชาชนต่อการบริการ ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตาบลบางแก่ง อาเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ผลการศึกษาสภาพ ปัญหาของประชาชนต่อการบริการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะปัญหาด้านงบประมาณ พบว่ามปี ัญหาในการจัดให้มีเงินสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั อย่างเหมาะสมประชาชน มีความต้องการต่อการบริการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเหมาะสม ประชาชนมีความต้องการต่อ การบริการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คือ ด้านงบประมาณ ต้องการให้จัดงบประมาณเพื่อการ ฟ้นื ฟูบรู ณะสภาพความเสยี หายท่ีเกิดขนึ้ จากภัยพิบัติโดยต้องการใหช้ ่วยเหลอื แกไ้ ขให้กลับคนื ส่สู ภาพเดิม หรอื ดีกวา่ เดมิ 2.6 กรอบแนวคิดในการศึกษา กรอบแนวคิดในการศกึ ษาคร้ังนี้ อาศัยตวั บทกฎหมายของพระราชบญั ญตั ปิ ้องกนั และบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 รว่ มกบั แนวคดิ ทฤษฎีทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม 1. เพศ 2. อายุ 3.ระดบั ความสาเรจ็ ในการบังคบั ใช้กฎหมาย การศกึ ษา 4. สถานภาพสมรส พระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 5. อายุราชการ 1) ไม่นามาใชป้ ฏบิ ตั เิ มอ่ื เกิดภัยพิบตั ิ 6.ตวั บทกฎหมาย 2) ไมป่ ฏบิ ัติตามแนวของ พรบ.2550 7.ความรคู้ วามเข้าใจผ้ใู ช้กฎหมาย 8.ปจั จยั แวดลอ้ มอนื่ ๆ 6. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั 6.1 เพื่อนาผลงานวิจัยที่ได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการแก้ไขปัญหาด้านการป้องกันและบรรเทาสา ธารณภัยใหเ้ ปน็ ไปอย่างมรี ะบบ ภายใต้บทบาทของพระราชบัญญัตปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 6.2 เพ่ือนาผลงานวิจัยที่ได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ทาให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครือข่าย ให้มีประสทิ ธิภาพ

13 บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินกำรวิจัย ในการวิจัยคร้ังน้ี เปน็ การศกึ ษาปัจจัยที่มีผลตอ่ ความสาเรจ็ ในการมีบทบาทของการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบัญญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ข้าราชการและเจา้ หนา้ ทข่ี องสานกั งานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดนครสวรรค์ โดยใช้รูปแบบ การวจิ ยั เชิงคุณภาพ โดยใช้วธิ ีการศึกษา (1)การศึกษาจากเอกสาร (Documentary Research) ประกอบดว้ ย พระราชบัญญตั ปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และเอกสารกฎหมายและเอกสารอ่นื ๆที่เกี่ยวข้อง (2) การสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth interview) โดยจากดั การศกึ ษาเฉพาะข้าราชการและเจา้ หนา้ ท่ี สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ จานวน 30 คน และนามาวเิ คราะห์ข้อมูล จากแบบข้อสัมภาษณด์ ้วยเชงิ คุณภาพ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 2. เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการวิจัย 3. การสรา้ งเครือ่ งมอื และการทดสอบคุณภาพเครอื่ งมอื 4. การจดั กระทาขอ้ มูล 5. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 6. สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล 1. ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง ประชากรท่ีใช้ในการศึกษา ได้แก่ กลุม่ ตวั อย่างท่ีใช้ในการศึกษาวจิ ยั ครง้ั น้ี เปน็ การเกบ็ แบบ เฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เฉพาะขา้ ราชการและเจ้าหนา้ ท่ีสานักงานป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ จานวน 30 คน 2. ขอบเขตและพ้ืนที่การศึกษา ได้แก่ หวั หน้ากลมุ่ งาน/หัวหน้าฝา่ ย ขา้ ราชการและเจ้าหน้าที่ของสานักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ จานวน 30 คน 3. เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ในการสรา้ งเครื่องมือที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผู้ศึกษาไดศ้ ึกษาแนวคิด ทฤษฎี กรอบแนวคิด ในการศึกษา และตัวแปรท่ีใช้ในการศึกษาเพ่อื เปน็ แนวทางในการสร้างเคร่ืองมือ ดงั นี้ โดยใช้รูปแบบการ วิจยั เชิงคุณภาพ โดยใชว้ ิธีการศึกษา (1) การศึกษาจากเอกสาร (Documentary Research) ประกอบดว้ ย พระราชบัญญตั ปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และเอกสารกฎหมายและเอกสารอืน่ ๆที่เก่ียวข้อง (2) การสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth interview) โดยจากัดการศกึ ษาเฉพาะข้าราชการและเจา้ หนา้ ที่ สานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั นครสวรรค์ จานวน 30 คน และนามาวิเคราะห์ข้อมลู จากแบบข้อสัมภาษณด์ ว้ ยเชิงคุณภาพ

14 4. การสร้างเครื่องมือและการทดสอบคุณภาพเครื่องมอื มขี ้นั ตอนดังนี้ 1. ศึกษาเนือ้ หา แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง 2. กาหนดขอบเขตและโครงสร้างของเน้ือหาของแบบข้อสัมภาษณ์ท่ีใช้ในการศึกษาวิจัย เพอ่ื ใหค้ รอบคลมุ ตามวตั ถุประสงค์การวิจยั 3. ดาเนนิ การสร้างข้อคาถามของแบบข้อสัมภาษณ์ รวมทั้งกาหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน 5. การจดั กระทาขอ้ มลู ในการจดั กระทาข้อมลู และการวิเคราะห์ข้อมลู ผู้วิจัยดาเนนิ การดงั น้ี 1. ตรวจสอบความสมบูรณข์ องการตอบแบบข้อสมั ภาษณ์ 2. รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตารา ระเบียบกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง เอกสารอ่ืนๆ และงานวิจัยท่ี เกย่ี วขอ้ งกับการจดั การภัยพบิ ตั แิ ละการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๓. รวบรวมข้อมูลที่เป็นสาระสาคัญของพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ในรายละเอียดทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ๔. รวบรวมข้อมูลทไี่ ด้จากการสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกกล่มุ เปา้ หมายในพน้ื ท่ีคือ ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ี สานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั นครสวรรค์ จานวน 30 คน 6. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล การวจิ ยั คร้ังน้ี ผู้วิจยั ได้เก็บรวบรวมขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณ์ตามขัน้ ตอนต่อไปน้ี 1. เตรยี มทมี งานในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 2. การกาหนดวัน เวลา ในการจัดส่งและตอบแบบสัมภาษณ์ ผู้วิจัยได้จัดทีมงานและทาการนัด หมายกับผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ลว่ งหนา้ 3. การจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้เพื่อการตอบแบบสัมภาษณ์และการเดินทาง เช่น ดินสอ ปากกา กระดาษจดบันทกึ แบบสัมภาษณ์และยานพาหนะ 4. ข้ันตอนการรวบรวมข้อมูลแบบข้อสัมภาษณ์ และตรวจความสมบูรณ์ของแบบสัมภาษณ์ หลังจากน้นั นาข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์แต่ละชดุ ไปวิเคราะห์เน้ือหา แล้วสรุปบรรยายเชิงพรรณนา 7. การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากแบบสัมภาษณ์เชงิ ลึก ผู้วิจยั ได้นามาวิเคราะห์โดยนาข้อมูลท่ีได้จากสาระสาคัญของ เอกสาร ตารา ระเบียบ กฎหมายที่เก่ียวข้อง เอกสารอื่นๆ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติและ การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย สาระสาคัญของพระราชบัญญัติปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ในรายละเอียดทเี่ กีย่ วข้องกบั การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั บทบาทของเจา้ หน้าท่ีสานักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ในการบริหารจัดการสาธารณภัยที่เกิดข้ึนในพื้นท่ี จงั หวดั นครสวรรค์ โดยรวบรวมขอ้ มูลท่ีได้จากการสัมภาษณแ์ บบเชิงลึก มาวเิ คราะห์หาปัจจยั ที่มผี ลตอ่ ความสาเร็จในการมีบทบาทของการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ภายใตพ้ ระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและ บรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของสานักงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ในการศึกษาครง้ั นี้ใชว้ ธิ ีวิเคราะห์เนื้อหาแลว้ สรุปบรรยายเชิง พรรณนา

15 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล การศกึ ษาเรื่องปจั จัยที่มผี ลต่อความสาเรจ็ ในการมีบทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ภายใต้ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของ สานกั งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั นครสวรรค์ โดยมีวัตถปุ ระสงค์ในการศึกษาดงั น้ี 1. เพ่ือศึกษาแนวทางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายโดยใช้ พระราชบญั ญัตปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 เป็นกลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏิบัติในการ แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบครบถ้วน ตามหลักการบริหารจัดการสาธารณภัย เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการ ปฏบิ ัติ 2. เพื่อศึกษาปัจจัยในการปฎิบัติที่ก่อให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครื อข่ายให้มี ประสทิ ธิภาพ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 4.1การวิเคราะห์ข้อมูลได้จากการรวบรวมข้อมูล สาระสาคัญจากเอกสาร ตารา ระเบียบและ กฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ ง เอกสารอนื่ ๆ และงานวิจัยทเี่ ก่ียวข้องดา้ นการจดั การภัยพิบัติ และการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย และข้อมูลที่เป็นสาระสาคัญของพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 นาไปสู่ประเด็นการศึกษาถึงปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการมีบทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ซ่ึงจากการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายในส่วน ของข้าราชการ และเจ้าหน้าท่ีของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ โดย ประกอบดว้ ย 1. นายปรีชา ทองคา หวั หนา้ สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดนครสวรรค์ 2. นายอภิวัฒน์ เลาหวัฒน์ หัวหน้าสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ สาขาตากฟา้ 3. นายอดิศักดิ์ ไพบูลย์ศิริ หัวหน้าสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ สาขาชุมตาบง 4. นายนาศกั ด์ิ ฮกชุน รักษาการณห์ ัวหนา้ ฝ่ายปอ้ งกันและปฏบิ ัตกิ าร 5. นายวานิชย์ วงศ์สวุ รรณ รักษาการณห์ ัวหนา้ กล่มุ งานยทุ ธศาสตรแ์ ละการจดั การ 6. นางอารีรตั น์ เกตุพันธ์ุ รกั ษาการณ์หัวหน้าฝา่ ยสงเคราะห์ผู้ประสบภยั และข้าราชการ เจา้ หน้าท่ีผ้ปู ฏบิ ัติ อกี จานวน 24 คน ของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นครสวรรค์ ซงึ่ สรุปผลการวจิ ัยไดด้ งั นี้ ปจั จยั ดา้ นตวั ผูใ้ ชก้ ฎหมาย ปัจจยั ที่เปน็ ปัญหาอุปสรรคท่ีสง่ ผลต่อความสาเรจ็ ในการนา พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 ไปใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั คือ

16 1.เร่อื งองค์ความรแู้ ละความเข้าใจในตวั กฎหมายของผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถ่นิ ท่ีพระราชบญั ญัติ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กาหนดใหเ้ ป็นผอู้ านวยการท้องถน่ิ มหี น้าที่ปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภัยในท้องถิน่ ของตนเอง ซ่งึ แตล่ ะท้องถน่ิ ต้องจดั ใหม้ กี ารจดั ทาแผน และขั้นตอนในการจัดหาอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใชแ้ ละยานพาหนะในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย และแผนในการจดั ใหม้ เี ครื่องหมาย สัญญาณ ในการแจ้งใหป้ ระชาชนทราบถึงการเกดิ สาธารณภัย แผนปฎบิ ัติการในการป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั แต่เนอ่ื งจากงบประมาณขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ มจี ากัด และผู้บรหิ ารองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่ินส่วนใหญ่ มักเห็นว่าการจัดหาวสั ดุ เครื่องมือเครือ่ งใช้ ในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย มีความจาเป็นน้อยกว่าการก่อสร้างส่ิงสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา อาคารสานักงาน เปน็ ตน้ เนอ่ื งจากประชาชนเหน็ การพฒั นาได้ทันที อันสง่ ผลดใี นการได้รับการเลือกตงั้ ในสมัยตอ่ ไป ทาให้ สาระสาคัญของการเตรยี มการปอ้ งกันและลดความเส่ียงภยั พิบัตถิ ูกลดความสาคัญลงไป 2.ผ้ตู อบแบบสัมภาษณส์ ่วนใหญ่ มคี วามเหน็ ว่าผู้บรหิ ารองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินสว่ นใหญ่ ยงั ไม่เขา้ ใจข้อกฎหมายของพระราชบัญญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 และยงั ไม่เหน็ ความสาคัญ ในการนาพระราชบัญญัติป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ไปใช้ในการดาเนินการป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภัยในทอ้ งถ่นิ 3.จากการนาพระราชบญั ญัตปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 ไปใช้ในการให้ความ ช่วยเหลือผูป้ ระสบภัย ผู้ตอบแบบสมั ภาษณส์ ่วนใหญ่ พบว่ายังไม่มอี านาจชดั เจนในการบงั คับใชใ้ นการให้ ความช่วยเหลอื ขึน้ อยู่กับการตรวจสอบของหนว่ ยงานภายนอกมาเกินไป เชน่ สานกั งานตรวจเงินแผ่นดิน ในดา้ นปัญหาการเรยี กเงินคนื ทาให้การพจิ ารณาให้ความชว่ ยเหลือยงั ขาดความเป็นอสิ ระ และไมม่ เี อกภาพ 4.ผบู้ ริหารและเจ้าหนา้ ที่ผูป้ ฎบิ ตั ขิ ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และสับสนในเรอ่ื งของประเด็นการบงั คับใช้พระราชบัญญัติป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ในการ ปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาภยั พิบัตกิ บั กฎหมายอื่นๆ ที่เกีย่ วขอ้ ง เชน่ ระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยพิบัตกิ รรีฉุกเฉนิ พ.ศ. 2556 5.ผู้ตอบแบบสมั ภาษณ์ส่วนใหญ่ มีความต้องการให้มีการปรับปรุงแกไ้ ขพระราชบัญญตั ิป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 โดยให้ปรับปรุงแก้ไขโดยใช้วิธกี ารบูรณาการกฎหมายดังกล่าว และ กฎหมายอืน่ ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ให้มแี นวทางการดาเนินการในด้านตา่ งๆ ทส่ี อดคล้องกัน กับระเบียบกฎหมาย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.2 จากการศึกษาวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ไดจ้ ากการสัมภาษณ์เชงิ ลึก โดยใชแ้ บบสัมภาษณ์ กลุม่ เป้าหมายในพน้ื ที่ คือข้าราชการและเจ้าหนา้ ทสี่ านักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดนครสวรรค์ โดยการสุม่ ตวั อยา่ ง จานวน 30 คน ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้บรหิ าร กลุ่มหวั หน้าฝ่าย และกลุ่มเจา้ หน้าทีผ่ ู้ปฎิบตั ิงาน โดยการวเิ คราะหค์ วามสมั พันธ์ของเนื้อหา ความคดิ เห็นรวมถงึ ข้อเสนอแนะอื่นๆ นาเสนอผลการศึกษา ข้อมูล ทัว่ ไปพอสรุปไดด้ ังน้ี

17 ข้อมูลทั่วไป ประชากรกล่มุ เป้าหมาย เป็นเพศชาย จานวน 13 คน เพศหญิง จานวน 17 คน ประชากรกลมุ่ เปา้ หมายมีอายุระหว่าง 27– 58 ปี ประชากรกลุ่มเปา้ หมายมีการศึกษาระดับต่ากวา่ ปริญญาตรี จานวน 12 คน ระดับปริญญาตรี 10 คน ระดับปริญญาโท 7 คน อย่รู ะหว่างการศึกษาระดับปริญญาเอก จานวน 1 คน ประชากรกลุ่มเป้าหมายมีอายรุ าชการอยู่ระหวา่ ง 1 – 24 ปี ประชากรกลุ่มเป้าหมายเคยผ่านการ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบญั ญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 จานวน 19 คน และยังไม่ เคยผ่านการอบรมใหค้ วามรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญตั ปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 จานวน 11 คน ผ่านหลกั สูตรเกย่ี วกับการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จานวน 18 คน ไม่เคยผา่ นการอบรมหลกั สูตรเกย่ี วกับ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จานวน 12 คน ผลการวิเคราะหโ์ ดยการสมั ภาษณเ์ ชิงลึก โดยใช้แบบสมั ภาษณ์เพ่ือใหก้ ลุ่มเป้าหมายได้แสดงความ คิดเห็นอย่างอสิ ระ ขอ้ มลู ท่ีได้จากการสัมภาษณ์ผ้ตู อบแบบสัมภาษณส์ ่วนใหญ่นามาสู่ประเด็นปจั จยั ท่ีเปน็ ปัญหา ด้านตวั กฎหมาย และปัญหาด้านปจั จัยแวดล้อมอ่ืนๆ สรุปไดด้ งั นี้ ปัจจัยด้านตวั กฎหมาย ปญั หาในการสัง่ การของผูอ้ านวยการท้องถน่ิ ตามอานาจหนา้ ท่ีที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญตั ิ ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 ซึ่งบางครั้งอาจต้องสั่งการใดๆ ทส่ี ่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของ ประชาชนในพ้ืนที่ ในกรณีเกดิ เหตุหรือคาดว่าจะเกิดเหตุสาธารณภัยข้ึนในเขตขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน แหง่ พื้นทน่ี ้ัน พระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ไดใ้ ห้ผู้อานวยการทอ้ งถ่นิ ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถนิ่ แหง่ พ้ืนท่ีนน้ั มีหน้าที่เข้าดาเนนิ การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยโดยเร็ว และแจ้งให้ ผู้อานวยการอาเภอทร่ี ับผดิ ชอบในเขตพ้ืนท่นี ั้น และผู้อานวยการจังหวัดทราบทันทีในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีตาม วรรคหน่ึง ให้ผอู้ านวยการท้องถิ่นมีอานาจหนา้ ท่ีดังตอ่ ไปน้ี 1. สั่งข้าราชการฝ่ายพลเรือน พนักงานส่วนท้องถ่นิ เจา้ หน้าท่ขี องหน่วยงานของรัฐ เจ้าพนักงาน อาสาสมัครและบุคคลใดๆ ในเขตองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินแหง่ พื้นทท่ี เี่ กดิ สาธารณภยั ใหป้ ฏิบตั กิ ารอยา่ ง หน่ึงอย่างใด ตามความจาเป็นในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการสั่ง ใช้อาคาร สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือเคร่ืองใช้ และยานพาหนะของหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่อย่ใู นเขตองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่นิ แหง่ พน้ื ท่ีทเ่ี กดิ สาธารณภัยเท่าที่จาเป็น เพ่ือการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั รวมไปถงึ การสั่ง ใช้เคร่อื งมือสื่อสารของหนว่ ยงานของรฐั หรอื เอกชนทุกระบบท่ีอยใู่ นเขตองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินแหง่ พน้ื ท่ี ที่เกดิ สาธารณภัยหรอื ทอ้ งทที่ ี่เกีย่ วเน่ือง และขอความช่วยเหลือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่นื ในการ ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย การสงั่ ห้ามเขา้ หรือให้ออกจากพน้ื ที่ อาคารหรือสถานท่ที ่กี าหนด และ จดั ให้ มกี ารสงเคราะห์ผู้ประสบภัยโดยทว่ั ถึงและรวดเรว็ ตามมาตรา 21 2. ในกรณีทีเ่ กดิ สาธารณภยั และภยนั ตรายจากสาธารณภัยน้ันใกลจ้ ะถึงผอู้ านวยการมีอานาจ สัง่ ให้เจา้ พนักงานดัดแปลง ทาลาย หรือเคล่ือนย้ายสิ่งก่อสรา้ ง วัสดุ หรอื ทรัพย์สินของบคุ คลใดทเี่ ป็นอปุ สรรค แก่การบาบดั ปัดป้องภยันตรายได้ ทงั้ น้ี เฉพาะเทา่ ทจ่ี าเป็นแกก่ ารยบั ย้ังหรือแกไ้ ขความเสยี หายท่ีจะเกิดขึ้น จากสาธารณภัยน้นั

18 3. ผ้อู านวยการท้องถ่ินโดยความเห็นชอบของผ้อู านวยการอาเภอ จะประกาศห้ามมใิ หบ้ ุคคล ใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดาเนนิ กจิ การใดๆ ในทดี่ ังกล่าวกไ็ ด้ ประกาศดงั กลา่ วให้กาหนดระยะเวลาการหา้ ม และเขตพืน้ ท่ีท่หี ้ามตามที่จาเปน็ ไว้ด้วย ปญั หาดา้ นปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ 1. การขาดแคลนบุคลากรท่มี ีความรู้ความสามารถ ความเช่ยี วชาญในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาการ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ได้ 2. การขาดแคลนวสั ดุอุปกรณ์ เครือ่ งมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ ในการให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั พิบตั ิ และเครื่องมอื เครื่องใช้ในการเขา้ ระงับเหตุขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน 3.การตัง้ งบประมาณในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั นนั้ ยังมีการตั้งงบประมาณไว้นอ้ ยมากในแต่ ละแหง่ จงึ ทาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ มงี บประมาณไม่เพยี งพอท่จี ะใช้ในการบริหารจัดการภยั พบิ ัติเม่ือเกิด ภัยพบิ ตั ทิ รี่ นุ แรง ก็ทาให้ไม่สามารถใช้งบประมาณในการแกไ้ ขปัญหาได้อย่างเต็มที่ จึงทาให้ขาดประสิทธิภาพ และทาให้การชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภยั ไดไ้ มท่ ันเหตุการณ์ สรปุ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล จากการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีสานักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั จังหวัดนครสวรรค์ โดยการส่มุ ตวั อยา่ ง จานวน 30 คน โดยเปน็ การสมั ภาษณ์ในเชิงลกึ และนา ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์มาทาการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีเกีย่ วข้องตามประเด็นปจั จัยปัญหาที่กาหนด ประกอบดว้ ย ปจั จัยด้านตัวผ้ใู ช้กฎหมาย ปจั จัยด้านตวั กฎหมาย และปญั หาด้านปัจจยั แวดล้อมอืน่ ๆ ผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ มคี วามเห็นสรุปได้ดังนี้ ปจั จยั ด้านตวั ผู้ใช้กฎหมาย 1.ผ้ตู อบแบบสมั ภาษณ์ส่วนใหญ่มีความเหน็ วา่ ในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ทเี่ กดิ ข้ึน ในพนื้ ทร่ี บั ผิดชอบน้ัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นผูบ้ รหิ ารองค์กรสว่ นทอ้ งถิ่นท่ีพระราชบัญญัตปิ ้องกนั และบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 กาหนดให้เป็นผู้อานวยการท้องถิ่นนั้น ยังขาดองค์ความรู้ และความเข้าใจในตัว บทกฎหมายของพระราชบัญญัตปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และไม่ทราบถงึ แนวทางปฎบิ ตั ิ รวมถึงอานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 โดยสอดคล้องกับความเห็น ของผวู้ ิจัยว่าส่วนใหญ่ได้ผา่ นการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกบั พระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 และหลกั สตู รเกยี่ วกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถนาแนวทางตาม พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550มาใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ให้เกิด ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลไดอ้ ย่างเปน็ รูปธรรม 2.ผู้ตอบแบบสมั ภาษณ์สว่ นใหญ่ มีประสบการณใ์ นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบตั ิ ซ่ึงเกดิ ขนึ้ ในพนื้ ทรี่ ับผดิ ชอบ โดยส่วนใหญจ่ ะเข้าไปในพ้นื ทีร่ ว่ มปฏบิ ัติงานกบั เจา้ หน้าที่ผูร้ บั ผิดชอบในองค์กรปกครองสว่ น ท้องถิ่น พบว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งในการเกดิ ปัญหาและอุปสรรคในการนากฎหมายดังกลา่ วมาใช้ คือยังไม่รู้อานาจ หนา้ ท่ีของตนเองตามกฎหมายดังกล่าวอยา่ งชดั เจน ในการบังคับใช้และการใหค้ วามชว่ ยเหลอื จงึ ทาให้ขาด

19 ความม่ันใจในการตัดสนิ ใจสง่ั การ บัญชาการ ทาใหก้ ารพจิ ารณาใหค้ วามช่วยเหลือยังขาดความชัดเจน และไม่ มเี อกภาพในการสั่งการและบัญชาการ ปจั จยั ดา้ นตัวกฎหมาย 1.เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติดังกลา่ วแลว้ ปรากฏว่าอานาจในการบญั ชาการ สั่งการของผอู้ านวยการ ทอ้ งถิ่น ตามท่กี าหนดไว้นัน้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชนในพ้นื ท่ี ยกตวั อย่างเชน่ กรณี ที่เกิดสาธารณภัย และอันตรายใกลจ้ ะมาถึง ผู้อานวยการมอี านาจส่ังให้เจ้าพนักงาน ดดั แปลง ทาลายหรือ เคลอ่ื นยา้ ยสง่ิ ก่อสรา้ ง วัสดุ หรอื ทรัพยส์ นิ ของบุคคลใดที่เป็นอุปสรรคแก่การบาบัดป้องกันอันตรายได้ ทั้งน้ี เฉพาะเทา่ ท่จี าเปน็ แกก่ ารยบั ยง้ั หรอื แก้ไขความเสียหายท่ีจะเกิดขนึ้ จากสาธารณภัยน้นั ถือเปน็ การใช้อานาจ ทางการปกครองไปกระทบต่อสทิ ธิเสรีภาพของประชาชน ซ่ึงทาให้การใชอ้ านาจดังกลา่ วต้องใชด้ ลุ ยพินิจอยา่ ง รอบคอบและเท่าทจ่ี าเปน็ เพ่ือให้ประชาชนผไู้ ดร้ บั ผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพไดร้ ับความเสยี หายใหน้ ้อย ทส่ี ุด โดยต้องคานึงถึงสาธารณประโยชน์ของสว่ นรวมเป็นสาคัญ ซ่งึ กรณีดังกลา่ วทาให้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการ ตัดสนิ ใจของผู้อานวยการท้องถน่ิ ในการสั่งการเพื่อแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วอย่างมาก เน่อื งจากจุดมงุ่ หมายของ การปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ตามกฎหมายนี้ กระทาเพ่ือประโยชน์ของประชาชนสว่ นร่วมเป็นสาคัญ ซึ่งต้องอาศยั การตัดสินใจในการแกป้ ัญหาของผู้มีอานาจหน้าทตี่ ามกฎหมายน้ี ด้วยความรวดเรว็ และกล้าตดั สินใจ ถึงแมว้ ่าการกระทาหรือการสงั่ การอย่างใดอย่างหน่งึ อาจจะส่งผลกระทบหรือสร้างความเสยี หายให้กับบุคคล หนึง่ บุคคลใดกต็ าม 2.ปญั หาเร่ืองการให้อานาจบางอย่างของผู้อานวยการท้องถน่ิ ยงั ไม่เด็ดขาดในกรณีทีผ่ ู้อานวยการ ทอ้ งถิ่นจะประกาศห้ามมใิ หบ้ ุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศยั หรือดาเนินกิจการใดๆ ในทดี่ ังกล่าวใหก้ าหนดระยะเวลา การห้ามและเขตพ้นื ที่ทีห่ า้ มตามท่จี าเป็นไวด้ ว้ ย แตต่ ้องได้รับความเห็นชอบจากผู้อานวยการอาเภอ ปัญหาดา้ นปัจจัยแวดล้อมอืน่ ๆ ปญั หาความไมพ่ ร้อมขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ซึ่งถือเปน็ ปัญหาและอปุ สรรคสาคัญอีกประการ หนง่ึ ที่สง่ ผลกระทบต่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ของผู้อานวยการท้องถ่ิน ตามกฎหมายน้ซี งึ่ ประกอบ ด้วยปญั หาการขาดแคลนบคุ คลากร ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการแกไ้ ขปัญหา และบรรเทา ภยั พบิ ตั ขิ ององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ปญั หาการขาดแคลนวัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการชว่ ยเหลือ ผ้ปู ระสบภัยพิบัติ เครื่องมือเคร่ืองใชใ้ นการระงับเหตุขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ปัญหาเรอ่ื งงบประมาณ ไม่เพยี งพอทจ่ี ะใชใ้ นการบรหิ ารจัดการภัยพบิ ตั ิ เมอ่ื เกิดภยั พบิ ตั ิทีร่ ุนแรงก็ทาให้ไมส่ ามารถใช้งบประมาณใน การแก้ไขปญั หา ได้อยา่ งเต็มท่ี จงึ ทาใหข้ าดประสทิ ธภิ าพ และทาใหก้ ารให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่ทัน เหตกุ ารณ์

21 บทท่ี 5 สรุปอภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ การศึกษาวจิ ัยเร่อื ง ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ ความสาเร็จในการมีบทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณีศึกษา : ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของ สานกั งานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจงั หวัดนครสวรรค์ มวี ตั ถุประสงค์เพ่ือ (1) เพ่ือศึกษาแนวทางในการ จัดการสาธารณภัยของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายโดยใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยพ.ศ.2550 เป็นกลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบครบถ้วน ตาม หลักการบริหารจัดการสาธารณภัย เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธ์ิในการปฏิบัติ (2) เพ่ือศึกษาปัจจัยในการปฎิบัติที่ ก่อให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน่ หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครอื ข่ายให้มปี ระสทิ ธิภาพ การศึกษาครั้งน้ีเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้วิธีการศึกษา (1) การศึกษาจากเอกสาร ( Documentary Research) ประกอบดว้ ยพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เอกสารกฎหมายและเอกสารอ่ืนๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง และ (2) การสมั ภาษณ์เชิงลึก ( In –depth interview) จาก ข้าราชการและเจา้ หน้าท่ขี องสานักงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวัดนครสวรรค์ จานวน 30 คน เพอ่ื วิเคราะห์หาปจั จยั ที่มผี ลต่อความสาเร็จในการมบี ทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ภายใต้พระราช บัญญตั ปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา สรุปผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การศกึ ษาจากเอกสาร ทเ่ี กีย่ วขอ้ งและการสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกจากข้าราชการ และเจ้าหน้าท่ีของสานักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดนครสวรรค์ จานวน 30 คน ตามประเด็น ปัญหาท่ีกาหนดไว้ในกรอบแนวคิดของการศึกษาประกอบด้วย ปัจจยั ด้านตัวผใู้ ช้กฎหมาย ปจั จัยดา้ นตวั กฎหมาย และปญั หาด้านปัจจัยแวดล้อมอนื่ ๆ สรุปไดด้ งั น้ี ปจั จัยดา้ นตวั ผ้ใู ชก้ ฎหมาย จากการสัมภาษณก์ ลุม่ เป้าหมายซึง่ เป็นข้าราชการและเจ้าหนา้ ที่ของสานักงานป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั จังหวัดนครสวรรค์ ในเชิงลึกพบวา่ 1.ประชากรกลุ่มเป้าหมายมีความเห็นว่า ในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ทเี่ กิดข้ึนในพนื้ ที่ รับผิดชอบนั้น ส่วนใหญ่แลว้ ผบู้ ริหารองค์กรสว่ นท้องถิ่นที่พระราชบญั ญตั ปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 กาหนดให้เป็นผูอ้ านวยการท้องถนิ่ น้ัน ยงั ขาดองคค์ วามรู้ และความเข้าใจในตวั บทกฎหมายของพระราช บัญญตั ิป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และไม่ทราบถงึ แนวทางปฎิบัติรวมถงึ อานาจหน้าทีต่ าม พระราชบญั ญตั ปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 ซึง่ สว่ นใหญไ่ ดผ้ ่านการฝึกอบรมใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับ

22 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 และหลักสตู รเก่ยี วกับการป้องกนั และบรรเทาสา ธารณภยั มาแลว้ แตย่ ังไมส่ ามารถนาแนวทางตามพระราชบัญญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550มาใช้ ในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อย่างเปน็ รูปธรรม 2.ประชากรกลุ่มเป้าหมายมีประสบการณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภยั พบิ ัติ ซึ่งเกิดขน้ึ ในพืน้ ที่ รบั ผดิ ชอบ โดยสว่ นใหญ่จะเข้าไปในพื้นที่รว่ มปฏิบตั งิ านกับเจา้ หนา้ ท่ีผูร้ ับผดิ ชอบในองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ พบว่า ปจั จัยสว่ นหน่ึงในการเกิดปัญหาและอุปสรรคในการนากฎหมายดังกลา่ วมาใช้ คือยงั ไม่รู้อานาจหน้าท่ีของ ตนเองตามกฎหมายดังกล่าวอย่างชดั เจน ในการบงั คับใช้และการให้ความชว่ ยเหลือ จึงทาให้ขาดความม่ันใจใน การตดั สินใจสั่งการ บัญชาการ ทาให้การพจิ ารณาให้ความชว่ ยเหลือยังขาดความชัดเจน และไมม่ ีเอกภาพใน การสั่งการและบัญชาการ ปจั จัยดา้ นตัวกฎหมาย 1.เมื่อพจิ ารณาจากบทบัญญัติดังกล่าวแลว้ ปรากฏวา่ อานาจในการบญั ชาการ ส่ังการของผู้อานวยการ ทอ้ งถ่ิน ตามทีก่ าหนดไว้นน้ั ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรภี าพของประชาชนในพืน้ ท่ี ยกตัวอย่างเช่น กรณี ทเ่ี กิดสาธารณภยั และอันตรายใกลจ้ ะมาถงึ ผู้อานวยการมอี านาจสงั่ ใหเ้ จ้าพนักงาน ดดั แปลง ทาลายหรือ เคล่ือนยา้ ยสง่ิ ก่อสร้าง วสั ดุ หรอื ทรพั ย์สินของบุคคลใดที่เปน็ อุปสรรคแก่การบาบัดปอ้ งกนั อันตรายได้ ท้ังนี้ เฉพาะเท่าท่จี าเปน็ แกก่ ารยับยง้ั หรือแก้ไขความเสียหายท่ีจะเกิดขึน้ จากสาธารณภัยนนั้ ถือเปน็ การใชอ้ านาจ ทางการปกครองไปกระทบต่อสิทธเิ สรีภาพของประชาชน ซงึ่ ทาให้การใช้อานาจดังกลา่ วต้องใช้ดุลยพินิจอยา่ ง รอบคอบและเทา่ ทีจ่ าเป็น เพื่อให้ประชาชนผ้ไู ดร้ ับผลกระทบต่อสิทธแิ ละเสรภี าพได้รับความเสียหายให้น้อย ทส่ี ดุ โดยต้องคานึงถึงสาธารณประโยชน์ของสว่ นรวมเป็นสาคัญ ซึ่งกรณีดังกลา่ วทาให้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการ ตดั สินใจของผู้อานวยการทอ้ งถิ่น ในการสง่ั การเพ่ือแก้ไขปัญหาดงั กล่าวอยา่ งมาก เนือ่ งจากจดุ มงุ่ หมายของ การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยตามกฎหมายน้ี กระทาเพ่ือประโยชนข์ องประชาชนสว่ นรว่ มเปน็ สาคญั ซ่ึงต้องอาศัยการตัดสินใจในการแกป้ ัญหาของผูม้ ีอานาจหน้าท่ีตามกฎหมายนี้ด้วยความรวดเร็วและกล้าตัดสนิ ใจ ถึงแม้วา่ การกระทาหรือการส่ังการอย่างใดอย่างหน่ึง อาจจะสง่ ผลกระทบหรือสร้างความเสยี หายใหก้ ับบุคคล หนงึ่ บุคคลใดก็ตาม 2.ปัญหาเรื่องการให้อานาจบางอย่างของผูอ้ านวยการท้องถิ่น ยังไม่เด็ดขาดในกรณที ีผ่ ้อู านวยการ ทอ้ งถ่ินจะประกาศห้ามมใิ ห้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศยั หรือดาเนนิ กิจการใดๆ ในท่ดี งั กล่าวให้กาหนดระยะเวลา การหา้ มและเขตพื้นที่ที่ห้ามตามท่จี าเป็นไวด้ ้วย แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผอู้ านวยการอาเภอ ปัญหาดา้ นปัจจัยแวดล้อมอ่นื ๆ ปัญหาความไมพ่ ร้อมขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น ซง่ึ ถือเปน็ ปัญหาและอุปสรรคสาคัญอีกประการ หนึ่งทส่ี ่งผลกระทบต่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของผู้อานวยการท้องถิ่น ตามกฎหมายนี้ซึ่งประกอบ ดว้ ยปญั หาการขาดแคลนบุคคลากร ท่มี ีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปญั หา และบรรเทา ภัยพบิ ัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ปัญหาการขาดแคลนวสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือเครื่องใช้ในการช่วยเหลอื

23 ผู้ประสบภัยพบิ ตั ิ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ในการระงบั เหตุขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ปญั หาเรือ่ งงบประมาณ ไม่เพยี งพอที่จะใชใ้ นการบริหารจดั การภยั พิบัติ เม่อื เกดิ ภัยพบิ ัตทิ ่รี ุนแรงกท็ าให้ไมส่ ามารถใช้งบประมาณใน การแก้ไขปัญหา ได้อยา่ งเต็มที่ จึงทาให้ขาดประสิทธภิ าพ และทาให้การให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยไม่ทนั เหตุการณ์ 5.2 ข้อเสนอแนะ 1. ควรมีการจัดการอบรมให้ความรูเ้ ก่ยี วกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั และอานาจหนา้ ทข่ี อง ผูอ้ านวยการท้องถิ่นให้กบั ผบู้ ริหารท้องถ่นิ ต้ังแต่ช่วงเร่ิมตน้ ของการเขา้ รบั ตาแหน่ง เพื่อให้ผู้บริหารของ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีองค์ความรู้ และมีจิตสานึกในการป้องกันและลดผลกระทบท่ีจะเกดิ จากสาธารณภัย 2. ควรมีมาตรการให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจัดต้ังงบประมาณให้เพียงพอในการจัดหาวสั ดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเครื่องมือเคร่ืองใช้ รวมทงั้ ยานพาหนะในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย และการบรหิ ารจดั การ ภัยพิบัติทเี่ กดิ ในพื้นท่ี รวมทง้ั ให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเนน้ ในเรือ่ งของการพฒั นาศักยภาพบคุ คลากรของ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ให้มคี วามรู้ ความสามารถและเชี่ยวชาญในการป้องกนั และแก้ไขปัญหาภัยพบิ ัติ โดยการจัดส่งเจ้าหน้าทเ่ี ข้ารบั การฝึกอบรมในหลักสตู รต่างๆที่เก่ียวข้องในการบรหิ ารจดั การภยั พิบัติ 3.รัฐบาลควรจดั สรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการจดั หาอปุ กรณ์ เครอื่ งมือ เครื่องใชใ้ นการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบางอย่างท่ีมีราคาค่อนขา้ งสงู หรือให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน สมทบตามฐานะการคลงั ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ นั้นๆ

24 บรรณานกุ รม กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย (2550) , พระราชบัญญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2553) กระทรวงมหาดไทย, แผนการป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั พ.ศ.2553-2557 กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย.2549.หลักการบริหารจดั การสาธารณภยั กระสนิ ธ์ เจริญกรงุ .(2548)การบรหิ ารจัดการการป้องกันและระงบั อัคคภี ัยขององคก์ ารบริหารสว่ นตาบล. วิทยานิพนธ์,ปริญญาโท คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ภชุ งค์ เสนานุช(2543) ปญั หาและนโยบายดา้ นการจัดการสาธารณภัยในประเทศ.งานวิจัยคณะสังคม สงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั หวั เฉยี วเฉลิมพระเกียรติ. วิฑูรย์ องึ้ ประพนั ธ์.(2535) ลักษณะของกฎหมายทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ อา้ งใน พงษ์เดช สารการ งานวจิ ยั เรื่อง การประเมินผลพระราชบญั ญัตคิ วบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลใ์ นพ้ืนทจี่ ังหวดั อุบลราชธาน(ี 2542) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กรมสขุ ภาพจติ . ธีระ สนั ติเมธี. (2547) แนวทางการบรู ณาการการปฎบิ ตั ิงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ระดับจงั หวดั ปรญิ านพิ นธ์ ศศ.ม.(ศิลปะศาสตร์). กรุงเทพมหานคร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. เกรียงไกร กิจประเสริฐ. (2551) สภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนต่อบรกิ ารด้านการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เทศบาลตาบลบ้านแก่ง อาเภอตรอน จังหวัดอุตรดติ ถ.์ วทิ ยานิพนธ์ รัฐประศาสนศาสตรมหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์. David Easton (1965) A Framework for Political Analysis.Englewood Cliffs,New Jersey: Prentice-Hall,Inc. Jame Anderson (1979) Public Policy Making Thomas R. Dye (1984) Understanding Public Policy

แบบสอบถามการวจิ ัย เรื่อง ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ ความสาเรจ็ ในการมบี ทบาทของการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ภายใต้ พระราชบญั ญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กรณศี ึกษา : ขา้ ราชการและเจา้ หนา้ ท่ผี ้ปู ฏิบตั งิ านในสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั นครสวรรค์ ส่วนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของผใู้ ห้ข้อมูล 1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ 2. ปัจจุบนั อาย.ุ .............ปี 3. ระดบั การศึกษาสงู สุด........................................................................................................................... 4. อายรุ าชการ....................................ปี 5. ทา่ นเคยไดเ้ ข้ารว่ มการสัมมนา / ฝกึ อบรมเก่ียวกับ พ.ร.บ.ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 บ้างหรอื ไม่ ( ) เคย ( ) ไมเ่ คย 6. ท่านเคยผา่ นการอบรมหลักสูตรเกยี่ วกบั ดา้ นการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยหรือไม่ ( ) เคย ( ) ไมเ่ คย 7. ตามขอ้ 6. หากเคยผ่านการอบรม เป็นหลกั สูตรอะไร .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .................................... ...................................................................................................................................................... ...........

สว่ นท่ี 2 ความคิดเห็นเกีย่ วกับปจั จัยท่มี ผี ลต่อความสาเรจ็ ในการมบี ทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ภายใต้ พระราชบญั ญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 1. ท่านมีบทบาทหน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบในการจัดการภัยพิบตั ิในพน้ื ท่จี ังหวดั นครสวรรคด์ ้านใด และมกี าร ดาเนินการอย่างไร ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ......................................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ................................................... 2. ท่านคดิ ว่าบทบาทสาคญั ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใตพ้ ระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย พ.ศ.2550 คอื บทบาทดา้ นใด และมีเหตผุ ลสนบั สนนุ อยา่ งไร ............................................................................................................................. .................................................. ....................................................................................................................................... ........................................ .......................................................................................... ...................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ...................................................

3. ในการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาภัยพบิ ัติท่ีเกิดขนึ้ ในพนื้ ท่ี ท่านไดน้ าแนวทางทกี่ าหนดไว้ในพ.ร.บ. ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาใช้ในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาหรอื ไม่ อย่างไร .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. 4. ในช่วงท่ีทา่ นดาเนนิ การตามแนวทางทีก่ าหนดไวใ้ น พ.ร.บ.ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 มาใชใ้ นการป้องกนั และแก้ไขปญั หาภัยพบิ ัติในพ้นื ที่ ทา่ นพบปญั หาและอปุ สรรคอะไรบ้างในการนา กฏหมายดงั กลา่ วไปใช้ในพื้นที่ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. ..................................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. .................................................

5. ท่านตอ้ งการให้พ.ร.บ.ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ปรับปรุงแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง เพอ่ื ให้ การบังคบั ใชก้ ฏหมายดงั กลา่ วเป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัตใิ น พน้ื ท่ี ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 6. ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................

แบบการเสนอโครงรา่ งการศกึ ษาวจิ ัยส่วนบุคคล (Proposal) หลักสตู ร นกั บริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 1. ชื่อผู้จัดทา นางดาวรงุ่ เฉลิมพันธ์ เลขประจาตัว 06 2. ชอ่ื เรื่อง ปัจจัยทมี่ ผี ลตอ่ ความสาเร็จในการมีบทบาทของการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้ พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 กรณศี กึ ษา : ข้าราชการและ เจ้าหนา้ ทข่ี องสานกั งานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ 3. ความเปน็ มาของเรอ่ื งและสถานการณป์ ัจจุบัน สถานการณ์ปัจจุบันในโลกยุคโลกาภิวัฒน์มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ซ่ึงสถานการณ์สาธารณภัย และภัยพิบัตติ า่ งๆ เกดิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็ว รนุ แรง ตอ่ เน่ืองและมแี นวโน้มทวีความรุนแรงมากขนึ้ เป็นลาดับ ซ่ึง สาธารณภยั ท่เี กดิ ขน้ึ ก่อใหเ้ กดิ ความสูญเสยี ท้งั ชีวติ และทรัพยส์ ินของทางราชการและประชาชนอย่างมหาศาล จังหวัดนครสวรรค์ เป็นอีกจังหวัดหน่ึงที่ประสบเหตุการณ์สาธารณภัยและภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นในพื้นท่ีอย่าง ต่อเน่อื ง ไมว่ า่ จะเป็นอัคคภี ัย วาตภยั อทุ กภยั ภัยแลง้ การระบาดของศตั รพู ืช และอุบตั ิภยั บนท้องถนน ซ่งึ ภยั พบิ ตั แิ ต่ละครงั้ ก่อให้เกิดความสูญเสียและส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการมา โดยตลอด เม่ือเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นทุกครั้งสาธารณชนจะคาดหวังว่าเป็นหน้าท่ีของของรัฐบาลและ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงหน่วยงานโดยตรง คือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการ ดาเนนิ การในเรอ่ื งตา่ งๆ เช่น - การปอ้ งกันและบรรเทาความรุนแรงของภยั และความเสยี หายท่เี กิดขึน้ แก่ประชาชน - ตอ้ งจดั ส่งเจ้าหนา้ ทเ่ี ข้าไประงับเหตุและชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั - ต้องจัดส่งเคร่ืองจักร ยานพาหนะ เครื่องมือเข้าไปกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต ตลอดจน การฟ้นื ฟูบูรณะ - ตอ้ งจ่ายเงนิ ชว่ ยเหลอื ชดใช้ แกผ่ ปู้ ระสบภัย และความสูญเสยี ต่างๆ ฯลฯ การคาดหวงั ดงั กล่าวเปน็ เรอื่ งท่ีรฐั บาลและกรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั (ปภ.) ควรพิจารณา ดาเนินการตามอานาจหน้าที่โครงสร้าง อัตรากาลัง เคร่ืองมือเคร่ืองจักรท่ียังมีข้อจากดั และประสิทธภิ าพในการ ปฏบิ ตั งิ าน อย่างไรก็ตาม เมื่อเกดิ ภยั พิบตั ิขึน้ ทุกครงั้ ไม่วา่ ภัยขนาดเลก็ หรือใหญ่ กรมปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภัยและสานักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ต้องเขา้ ไปมีสว่ นรว่ มในการระงับภยั พิบตั ิท่ี เกิดขึ้น โดยการอานวยการช่วยเหลือฟื้นฟทู ุกคร้ัง ซึ่งในบางครั้งอาจจะขาดความพร้อมในการปฏบิ ัติงานดังกล่าว ซึง่ ในปัจจบุ นั พระราชบัญญัติปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาและ มีผลบังคบั ใช้ต้ังแตว่ ันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นไป เพอ่ื เป็นกฎหมายหลักในการบรหิ ารจัดการ สาธารณภัยในปจั จบุ ัน ในการดาเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี จะเป็นการบูรณา การจากทุกภาคสว่ น ทัง้ หนว่ ยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น หน่วยงานภาคเอกชนและประชาชน เพื่อให้เปน็ กรอบทศิ ทางการบูรณาการบรหิ ารจดั การสาธารณภยั ของหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง อย่างเป็นระบบและ เก้ือกูลกนั ซงึ่ หนว่ ยงานทุกภาคส่วนจะนาไปขบั เคลื่อนให้เกิดผลอยา่ งเปน็ รูปธรรม

-2- เพื่อใหป้ ระเทศไทยมีขีดความสามารถในการเตรียมพร้อมรับสถานการณภ์ ยั ที่เกดิ ข้ึนอยา่ งมีประสิทธิภาพ ต่อไป ดงั น้ัน จึงมีความจาเปน็ ท่ีจะตอ้ งทาการศึกษาค้นควา้ วา่ อะไรทเี่ ป็นปัจจัยท่มี ีผลต่อความสาเร็จในการมี บทบาทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อนาข้อมลู ทีไ่ ด้มาปรบั ปรุงการปฏิบัติงานใหเ้ กิดผลสาเร็จตามเป้าหมายตอ่ ไปในอนาคต 4. เหตุผลและความจาเป็นในการศกึ ษาและคาถามในการวจิ ยั ในปจั จบุ ันประเทศไทยมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั อยู่แลว้ แต่เน่อื งจากพบว่า ปัญหาในการจัดการบรหิ ารสาธารณภยั นั้น หนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้องแต่ละหน่วยขาดการทางานร่วมกนั ในเชงิ บูรณาการและไมม่ ีศนู ย์กลางบัญชาการและประสานงานที่ชดั เจน ผูว้ ิจยั ในฐานะเปน็ ข้าราชการของกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภยั จงึ มคี วามสนใจดาเนนิ การศึกษาวจิ ัยถงึ ปจั จยั ทมี่ ผี ลต่อความสาเร็จในการมีบทบาท ของการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ภายใต้พระราชบญั ญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในพ้นื ท่ีจงั หวัดนครสวรรค์ ซ่งึ ผวู้ ิจัยจะไดท้ าการศึกษาถึงปัจจยั ดงั กลา่ ว โดยละเอยี ดต่อไป 5. วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา 5.1 เพื่อศึกษาแนวทางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมายโดยใช้ พระราชบญั ญัตปิ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 เป็นกลไกในการกาหนดกรอบแนวทางปฏิบัติในการ แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบครบถ้วน ตามหลักการบริหารจัดการสาธารณภัย เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธ์ิในการ ปฏบิ ตั ิ 5.2 เพื่อศึกษาปัจจัยในการปฎิบัติท่ีก่อให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายให้มี ประสิทธิภาพ 6. วธิ กี ารและขอบเขตการศกึ ษา วธิ กี ารศึกษา เป็นการวิจยั เชิงคณุ ภาพ โดยใชร้ ูปแบบการวจิ ัยเชิงคณุ ภาพโดยใชว้ ิธกี ารศึกษาจากเอกสาร จัดเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลประกอบด้วยพระราชบัญญัตปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 และการ สัมภาษณเ์ ชิงลึกกบั กลุม่ เปา้ หมาย ได้แก่ ข้าราชการและ เจา้ หนา้ ท่ีของสานักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยการส่มุ ตวั อยา่ ง จานวน 30 คน และนามาวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบข้อสัมภาษณ์ด้วย เชิงคุณภาพ

กรอบแนวคิดในการศึกษา -3- ตวั แปรอิสระ ตัวแปรตาม ความสาเร็จในการบังคบั ใชก้ ฎหมาย 1.เพศ 2.อายุ พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกนั และบรรเทา 3.ระดับการ ศึกษา สาธารณภัย พ.ศ.2550 4.สถานภาพสมรส 5.อายุราชการ 1.ไมน่ ามาใช้ปฏิบตั ิ เมือ่ เกิดภยั 6. ตัวบทกฎหมาย 2.ไมป่ ฏิบตั ิตามแนวของ พรบ.ปภ. 2550 7.ความรคู้ วามเข้าใจผู้ใชก้ ฎหมาย 8.ปัจจัยแวดลอ้ ม 7. ทฤษฎี แนวความคิด ระเบียบกฎหมายท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 7.1 พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 7.2 แนวคิดดา้ นการจัดการภัยพิบตั ิ 8. ผลทีค่ าดวา่ จะได้รบั 8.1 เพื่อนาผลงานวิจัยท่ีได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยใหเ้ ป็นไปอย่างมรี ะบบภายใต้บทบาทของพระราชบัญญัตปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 8.2 เพื่อนาผลงานวิจัยที่ได้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ทาให้เกิดการบูรณาการในระบบป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั ระหว่างหนว่ ยงานของรัฐกับองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน หน่วยงานภาคเอกชนและภาคีเครือขา่ ย ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ความเหน็ ของอาจารยท์ ี่ปรกึ ษา …………………....….………………. ลงช่อื ………………………………………… ลงช่ือ ………………......………….......…………… (ดร.ปิยวตั น์ ขนษิ ฐบตุ ร) (นางดาวรุ่ง เฉลมิ พันธ์) วทิ ยาลัยการปกครอง นกั ศึกษา นบ.ปภ. รุ่นที่ 10 อาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษา นบ.ปภ. ร่นุ ท่ี 10  อนุมัติ  ไม่อนุมัติ เนอ่ื งจาก...…………………………………………………................……………………… ลงชอื่ ……………………………………………….. (นางสาวลกั ขณา มนิมนากร) ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั

โครงการสมั มนาเรื่องการประชมุ เชิงปฏิบัตกิ ารเกย่ี วกบั พระราชบญั ญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 ขา้ ราชการและเจา้ หนา้ ที่ของสานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2557 ณ จงั หวัดเพชรบูรณ์

ประวตั ิผศู้ กึ ษาวจิ ัย ชอื่ – นามสกุล นางดาวร่งุ เฉลมิ พนั ธ์ ตาเหน่ง นกั วิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการ สถานทที่ างาน สานกั งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั นครสวรรค์ วุฒกิ ารศกึ ษา -ปริญญาตรี วทิ ยาศาสตร์บัณฑติ สาขาสถิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั รามคาแหง -ปรญิ ญาโท สาขารฐั ศาสตรม์ หาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคาแหง ประสบการณ์รบั ราชการ ปี 2538-2545 รบั ราชการ ณ สานักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวดั นครสวรรค์ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท กระทรวงมหาดไทย 2546-ปจั จบุ นั ดารงตาแหน่ง นักวิเคราะหน์ โยบายและแผนชานาญการ สงั กัด สานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวัดนครสวรรค์ กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook