รายงานการศกึ ษา เรื่อง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับ รับส่งข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (สว่ นกลาง) จัดทําโดย นายพิสทุ ธิ์ วรรณฉตั รสริ ิ รหสั ประจําตัวนักศึกษา 18 เอกสารฉบับนี้เป็นสว่ นหนึง่ ในการศกึ ษาอบรม หลักสตู ร นักบริหารงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นท่ี 10 ระหวา่ งวันท่ี 7 มกราคม – 10 เมษายน 2557 วิทยาลยั ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั
คํานาํ การศึกษาเร่ือง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” เป็นส่วนหน่ึงของ การอบรมหลักสูตรนักบริหารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 ซึ่งผู้ศึกษาหวังเป็น อย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพ่ือท่ีจะนําไปเป็นแนวทางการพัฒนา การปฏิบตั งิ านของเจา้ หนา้ ท่ีกรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
ข กติ ตกิ รรมประกาศ การศึกษาส่วนบุคคลฉบับน้ีได้สําเร็จเสร็จส้ินลงด้วยการให้วิชาความรู้จากคณาจารย์ในการให้ ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ ในการค้นหาข้อมูลเพ่ือประกอบการทําการศึกษาส่วนบุคคล จึงขอกล่าวถึงใน กิตติกรรมประกาศไว้ ณ ที่นี้ ขอขอบคุณ ดร.ปิยวัตร์ ขนิษฐาบุตร และอาจารย์วรชพร เพชรสุวรรณ ที่ได้กรุณาสละเวลาอันมีค่าย่ิง ช่วยเหลือแนะนําความรู้ พร้อมท้ังให้คําปรึกษาด้วยความเต็มใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ของการทาํ การศกึ ษาสว่ นบุคคลนี้ การศึกษาส่วนบุคคลฉบับนี้คงไม่สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้หากปราศจาก ความร่วมมือ ความช่วยเหลือ ของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) ซ่ึงต้องขอขอบคุณในความมีน้ําใจ ที่ได้ กรุณาสละเวลาเพือ่ ตอบแบบสอบถาม และให้ข้อเสนอแนะทีเ่ ป็นประโยชนใ์ นเน้ือหาของการทําการศึกษาน้ี พสิ ทุ ธ์ิ วรรณฉตั รสิริ 9 เมษายน 2557
ค บทสรุปผู้บรหิ าร วัตถุประสงค์ของการศึกษาส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าท่ีกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) และปัจจัยทางด้านการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจ เลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ส่วนกลาง) จากสํานัก/กอง หน่วยงานละ 4 คน จาก 14 หน่วยงาน รวมทั้งส้ิน 56 คน ซ่ึงเป็น การเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านแบบสอบถาม ส่วนสถิติที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน จากน้ันได้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางสถิติ ผลการศึกษา ปรากฏดงั น้ี กลุ่มตัวอย่างจํานวน 56 คน โดยมากเป็นเพศหญิง เป็นข้าราชการ ใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉล่ียต่อเดือน มากกว่าเดือนละ 30 คร้ัง มีประสบการณ์การใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ มากกว่า 4 ปี มีวัตถุประสงค์ในการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดต่อกับ บุคคลอ่ืน จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประเมินปัจจัยทางด้านแรงจูงใจท่ีมีผลต่อการตัดสินใจ เลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จํานวน 11 ข้อ เมื่อคิดค่าเฉล่ียของปัจจัยทางด้านแรงจูงใจ ทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าได้ค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.71 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโดยเฉล่ียแล้วปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มี ผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา เป็นรายข้อแล้ว พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเร่ืองเก่ียวกับการติดต่อส่ือสารด้วยจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ สามารถกระทําได้ตลอดเวลามากที่สุด และครอบครัวมีส่วนสําคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์น้อยที่สุด และจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประเมินปัจจัยทางด้านการ ให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จํานวน 10 ข้อ เมื่อคิดค่าเฉล่ียของ ปจั จยั ทางด้านการให้บริการทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.06 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโดยเฉล่ียแล้ว ปัจจยั ทางดา้ นการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเรื่องเก่ียวกับ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วมากที่สุด และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถชว่ ยในการรบั -ส่งข้อมูลขา่ วสารทางดา้ นการศึกษาน้อยทส่ี ดุ สําหรับข้อเสนอแนะนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยควรควรพิจารณาในเร่ืองของ เซิรฟ์ เวอรท์ เ่ี ปน็ ผใู้ ห้บรกิ ารจะตอ้ งเปน็ เซริ ฟ์ เวอร์ท่ีได้รับความนิยม มีระบบความปลอดภัยที่ดีในการเข้าถึง ข้อมูล ความสะดวกต่อการเช่ือมต่อเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ มีการออกแบบเซิร์ฟเวอร์ที่สวยงาม และสามารถท่ีจะ เก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้ปริมาณมากด้วย ซึ่งการให้บริการของเซิร์ฟเวอร์ ควรที่จะคํานึงถึงผลประโยชน์ เช่น การให้บริการ messenger, webboard หรือ chartroom เป็นต้น และการกํากับดูแลทางด้าน สารสนเทศ
สารบญั หนา้ คาํ นาํ ก กิตตกิ รรมประกาศ ข บทสรปุ ผบู้ ริหาร ค สารบัญ ง สารบญั ตาราง ช บทท่ี 1. บทนาํ 1 1.1 ความเป็นมาและความสาํ คัญของปญั หา 1 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา 2 1.3 วิธีการขอบเขตการศกึ ษา 2 1.4 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ 2 1.5 คํานิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 4 บทท่ี 2. วรรณกรรมและงานวิจัยท่เี กย่ี วข้องกบั การศึกษา 5 2.1 แรงจงู ใจ (Motivation) 5 2.1.1 ประเภทการจงู ใจทางจติ วทิ ยา 6 2.1.2 ประเภทของแรงจงู ใจทางสังคม 6 2.1.3 กระบวนการจูงใจ (Motivational Process) 8 2.1.4 ทฤษฎแี รงจงู ใจ (Motivation Theory) 8 2.2 จดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ (E-mail) 9 2.2.1 ตัวจดหมายอเิ ลค็ ทรอนคิ ส์ 10 2.2.2 บรกิ ารจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 10 2.2.3 ประโยชนท์ ่ผี ู้ใช้จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์จะไดร้ ับ 11 2.2.4 ปัญหาทอี่ าจพบในการใชจ้ ดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 11 2.3 แนวความคดิ เกี่ยวกับการตดั สินใจ (Concept of Decision Making) 12 2.3.1 องค์ประกอบของการตดั สินใจ 14 2.3.2 ข้ันตอนของการตดั สินใจ 2.3.3 เกณฑใ์ นการตัดสนิ ใจ
สารบญั (ตอ่ ) จ 2.3.4 เปา้ หมายของการตดั สินใจ หน้า 2.3.5 พฤตกิ รรมทัว่ ไปในการตัดสินใจของมนุษย์ 2.3.6 รูปแบบของวธิ ีการตดั สนิ ใจ 15 2.4 เอกสารงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง 16 2.5 กรอบแนวคิด 17 19 บทที่ 3. ระเบยี บวธิ ีวจิ ยั 20 3.1 ประชากรทใี่ ช้ในการศึกษา 3.2 การส่มุ กลุม่ ตวั อย่าง 21 3.3 เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการศึกษา 21 3.4 การสร้างเคร่อื งมอื 22 3.5 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 23 3.6 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู 23 23 บทที่ 4. ผลการศึกษาและการอภปิ รายผลการศกึ ษา ผลการศกึ ษา 24 ส่วนท่ี 1 ข้อมูลเกยี่ วกับลกั ษณะทางประชากรศาสตรข์ อง เจ้าหนา้ ทกี่ รมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) 24 สว่ นท่ี 2 ปจั จยั ทางด้านแรงจูงใจท่ีมผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจ เลอื กใช้บริการจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 28 สว่ นที่ 3 ปัจจัยทางดา้ นการให้บรกิ ารท่มี ผี ลตอ่ การตดั สินใจ เลือกใช้บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 31 บทท่ี 5. สรปุ และอภปิ รายผล 34 5.1 สรุปผลการศกึ ษา 34 5.1.1 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ลักษณะทางประชากรศาสตร์ของกลมุ่ ตัวอย่าง 5.1.2 ปจั จยั ทางดา้ นแรงจูงใจท่มี ผี ลต่อการตดั สินใจเลือกใช้ 35 บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
สารบญั (ตอ่ ) ฉ 5.1.3 ปจั จัยทางดา้ นการใหบ้ รกิ ารท่มี ผี ลต่อการตัดสนิ ใจเลือกใช้ หน้า บรกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 35 5.2 อภิปรายผลการศึกษา 35 5.2.1 ข้อมลู เกี่ยวกับลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ 35 5.2.2 ปจั จยั ทางดา้ นแรงจูงใจท่ีมีผลต่อการตัดสนิ ใจ เลอื กใชบ้ ริการจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 36 5.2.3 ปจั จัยทางด้านการใหบ้ รกิ ารที่มีผลตอ่ การตดั สนิ ใจ เลอื กใช้บรกิ ารจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ 36 37 5.3 ข้อเสนอแนะ 37 5.4 ขอ้ เสนอแนะสาํ หรบั การศึกษาครงั้ ต่อไป 38 บรรณานุกรม 41 ภาคผนวก 52 ประวัตผิ ู้วจิ ัย
สารบญั ตาราง ช ตารางท่ี 4.1 จาํ นวนและรอ้ ยละของกลุ่มตวั อย่างจําแนกตามเพศ หน้า ตารางท่ี 4.2 จํานวนและรอ้ ยละของกล่มุ ตวั อยา่ งจําแนกตามประเภทของพนักงานของรัฐ 25 ตารางที่ 4.3 จาํ นวนของกลุ่มตัวอยา่ งจาํ แนกตามหนว่ ยงานท่ีปฏบิ ตั ิงาน 25 ตารางที่ 4.4 จาํ นวนและร้อยละของกลุม่ ตัวอยา่ งจําแนกตามการใช้บริการ 25 26 จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์โดยเฉล่ยี ต่อเดอื น 27 ตารางท่ี 4.5 จาํ นวนและรอ้ ยละของกลุม่ ตวั อย่างจาํ แนกตามประสบการณก์ ารใช้บริการ 27 จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 28 ตารางที่ 4.6 จํานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ งจําแนกตามวัตถุประสงคใ์ นการใช้บรกิ าร 31 จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ตารางที่ 4.7 ค่าร้อยละ คา่ เฉล่ยี ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับการประเมิน ของกลมุ่ ตัวอยา่ งเกยี่ วกบั ปัจจัยทางด้านแรงจูงใจท่ีมผี ลตอ่ การตดั สินใจ เลือกใช้บริการจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ตารางท่ี 4.8 ค่าร้อยละ คา่ เฉลยี่ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดับการประเมิน ของกลุ่มตวั อย่างเก่ยี วกบั ปัจจยั ทางด้านการใหบ้ รกิ ารทมี่ ผี ลต่อการตดั สนิ ใจ เลือกใชบ้ ริการจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์
บทท่ี 1 บทนาํ 1.1 ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา การเกิดข้ึนของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เพียงการมีคอมพิวเตอร์ที่เช่ือมโยงต่อกัน แต่หมายถึง การเกดิ ขึ้นของเครอื ข่ายทางสังคมดว้ ย เครือข่ายทางสังคม เป็นการเชื่อมโยงกันของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ในลักษณะความสัมพันธ์ต่างๆ ซ่ึงมีทั้งในลักษณะเพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือบุคคลในครอบครัว รวมทั้งใน ลักษณะเป็นชุมชน เป็นเครือข่ายทางสังคมที่กว้างขวางท่ีสุด ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็น นวตั กรรมการสอ่ื สารท่ีเติบโตและไดร้ บั ความนิยมอย่างรวดเร็ว เน่ืองจากทําให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารมากกว่าส่ือประเภทอื่นๆ และยังเป็นศูนย์รวมและเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารอย่างไม่มีวันส้ินสุดท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุด ทําให้เกิดการแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างวงการต่างๆ ในสังคม เช่น เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม การศึกษา การทหาร การคมนาคม และการส่ือสาร เป็นต้น (ธรี วดี ถังคบุตร, 2552) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เป็นบริการอย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จนทําให้ บางคนคิดว่า E-mail คือ อินเทอร์เน็ต และอินเทอร์เน็ต คือ E-mail วิธีใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ก็ง่ายและมีประโยชน์มาก (ถาวร เขียนเสมอ, 2545) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นการส่งจดหมายทาง คอมพวิ เตอรถ์ งึ ผู้รับในระบบอินเทอรเ์ นต็ ไม่ว่าจะอย่ใู กล้หรอื ไกล หรอื อยู่คนละซีกโลกก็ตาม ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และเป็นท่ียอมรับ สามารถกระทําได้อย่างง่ายดาย สําหรับข้อมูลที่ต้องการส่งนั้นนอกจากจะส่ง เป็นข้อความที่เป็นตัวอักษรแล้ว ยังสามารถส่งแฟ้มภาพและเสียง (วิเศษศักดิ์ โคตรอาษา, 2542) ดังนั้น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นแหล่งข้อมูลและการส่ือสารที่ทุกคนสามารถเข้าไปติดต่อ ก่อให้เกิดการ สื่อสารในระบบเครือข่ายท่ีสามารถติดต่อกันแบบไร้ขีดจํากัดของเวลา ซ่ึงจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านการ เดินทาง และยังสามารถให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการได้มากกว่าวิธีการอ่ืนๆ ตลอดจนเป็นส่ือท่ีทันสมัย สามารถ แลกเปลย่ี นข้อมลู ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 1.2 วัตถุประสงคข์ องการศึกษา 1. เพ่อื ศึกษาปจั จยั ทางด้านแรงจงู ใจที่มผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับ รับสง่ ขอ้ มูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั (สว่ นกลาง) 2. เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์สําหรับรบั ส่งขอ้ มลู ขา่ วสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สว่ นกลาง)
2 1.3 วธิ กี ารและขอบเขตการศึกษา การศึกษาเร่ือง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” วิธีการศึกษาในคร้ังนี้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Study) และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือสําหรับการศึกษา โดยมรี ายละเอยี ดของขอบเขตการศกึ ษาดงั นี้ 1) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ในสังกัดหน่วยงานของกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) ที่หน่วยงานต้ังอยู่ภายในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขที่ 3/12 ถนนอู่ทองนอก เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร 10300 2) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) เน่ืองด้วยข้อจํากัด ทางด้านเวลาจึงใช้วิธีการเลือกแบบโควต้า (Quota Sampling) จากสํานัก/กอง หน่วยงานละ 4 คน จาก 14 หนว่ ยงาน รวมทั้งสน้ิ 56 คน 1.4 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ ับ 1. ทราบถึงปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ข่าวสารภายในองคก์ รของเจ้าหน้าที่กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) 2. ผลการศึกษาสามารถนําไปใช้เป็นประโยชน์สําหรับเป็นข้อเสนอการปรับปรุงกระบวนงาน ของกล่มุ พัฒนาระบบรหิ าร เสนอตอ่ กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 3. ผลการศึกษาสามารถนําไปใช้เป็นประโยชน์สําหรับการวางแผน การเผยแพร่ และการนํา จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปประยุกต์ใช้ สําหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย 1.5 คาํ นิยามศพั ท์เฉพาะ เจ้าหน้าท่ีในสังกัดหน่วยงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) หมายถึง พนักงานของรัฐท่ีเป็นข้าราชการ และพนักงานราชการสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่หน่วยงานต้ังอยู่ภายในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขท่ี 3/12 ถนนอู่ทองนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 (ตามข้อมูลกรอบอัตรากําลังของกองการเจ้าหน้าที่ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั ณ วนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2556) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หมายถึง การรับและการส่งข้อความและเอกสารต่างๆผ่าน ระบบเครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ ไปยังผู้ใดซ่งึ อย่ทู ไี่ หนกไ็ ด้ท่ัวโลก แรงจูงใจ (Motive) หมายถึง การชักจูงใจให้คนกระทําการใดๆ ก็ตาม ซ่ึงจะประกอบไปด้วย สิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกตัวบุคคลนั้นๆ เอง เป็นแรงชักจูงใจทั้งจากภายในและภายนอกตัวบุคคลคน เพ่อื ให้ไดร้ บั ความพอใจ และให้พฤตกิ รรมของมนษุ ย์บรรลุเปา้ หมาย
3 การตัดสินใจ หมายถึง การตกลงใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายๆ ทางเลือกที่มีอยู่ โดยทางเลือกน้นั เป็นทางเลือกทเ่ี ป็นประโยชน์ทีส่ ุดและนาํ ไปสูเ่ ปา้ หมายทไ่ี ดว้ างเอาไว้ อินเตอร์เน็ต (Internet) หมายถึง ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เช่ือมต่อกับเครือข่ายต่างๆ ทั่วโลก เข้าไว้ด้วยกัน ท่ีมีแหล่งข้อมูลต่างๆ มากมาย สามารถนําไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ศึกษาวิจัย หรือความบันเทิง เป็นต้น โดยเป็นระบบท่ีทุกคนท่ัวโลกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ในเวลา เดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูล ข่าวสาร ภาพ และเสียงจากคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งยังสามารถรับ- ส่งขอ้ มลู ภาพ และเสยี ง กบั คอมพิวเตอร์ของบคุ คลอ่นื ไดอ้ ีกดว้ ย ผู้ให้บริการเครือข่าย (Server) หมายถึง คอมพิวเตอร์ตัวแม่ท่ีมีระบบเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับ คอมพวิ เตอรต์ ัวลูกอื่นๆ
บทที่ 2 วรรณกรรมและงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการศึกษา ในการศึกษาเร่ือง “ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่ง ข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” ในคร้ังนี้ ผู้ศึกษาได้นําเอาแนวคิด ทฤษฎี ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษามาใช้ โดยเป็นการนําเอาแนวคิดด้านแรงจูงใจ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และการตัดสินใจมาใช้เป็นเกณฑ์ เนื่องจากเห็นว่ามีส่วนเก่ียวข้องเป็น อยา่ งมากกับการศกึ ษาในเรอ่ื งดงั กล่าว โดยได้สรุปรวบรวมใจความสาํ คัญทใ่ี ชใ้ นการศึกษาดังมีรายละเอียด ดังน้ี 2.1 แรงจงู ใจ (Motivation) การจูงใจในภาษาอังกฤษใช้คําว่า “Motive” รากศัพท์เดิมเป็นภาษาลาติน หมายถึง Motion ซง่ึ แปลวา่ การเคลือ่ นไหวท่มี ีแรงดันทําให้คน สตั ว์หรือสิง่ ของอย่นู ่ิงไม่ได้ พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา อังกฤษ – ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2532) ได้ให้ความหมาย ของคาํ วา่ “การจงู ใจ” (Motivation) ว่าคือ การสร้างแรงดลใจใหเ้ กดิ การกระทําทีต่ ้ังใจและมุ่งประสงคผ์ ล โสภา ชปีลมันน์ (2529) กล่าวว่า แรงจูงใจ หมายถึง เหตุจูงใจท่ีทําให้ความต้องการของมนุษย์ ได้รับความพอใจ และให้พฤติกรรมของมนุษย์บรรลุเป้าหมาย โดยปราศจากภยันตรายหรือสภาพการณ์ ทไ่ี มพ่ ึงพอใจ ศหัทยา มีประเทศ (2534) กล่าวว่า แรงจูงใจ อาจเกิดได้จากสิ่งเร้าท้ังภายในและภายนอกตัว บุคคลนั้นๆ เองภายใน ได้แก่ ความรู้สึกต้องการหรือขาดอะไรบางอย่าง จึงเป็นพลังชักจูงหรือกระตุ้นให้ มนษุ ย์ประกอบกิจกรรมเพื่อทดแทนสิ่งท่ีขาดหรอื ตอ้ งการนนั้ สว่ นภายนอกได้แก่ สิง่ ใดก็ตามท่ีมาเร่งเร้านํา ช่องทางและเสริมสร้างความปรารถนาในการประกอบกิจกรรมในตัวมนุษย์ ซึ่งแรงจูงใจนี้อาจเกิดจาก สง่ิ เรา้ จากภายในหรือภายนอกแตเ่ พียงอยา่ งเดียว หรือทง้ั สองอย่างพรอ้ มกันได้ สุชา จันทร์เอม (2535) กล่าวว่า การจูงใจ คือ เมื่อร่างกายเกิดความต้องการ (Need) ข้ึน ก็จะ เกดิ แรงขบั ซ่ึงทาํ ให้เกิดความตึงเครียดข้ึน มนุษย์และสัตว์จะต้องดิ้นรนหาทางบําบัดความต้องการนี้ และ เม่ือร่างกายก็อยู่ในสภาวะที่สมประสงค์หรือแรงขับได้รับการตอบสนอง ซ่ึงขบวนการทั้งหมดนี้ คือ แรงจงู ใจ อินทิรา บางสุวรรณ (2531) กล่าวว่า แรงจูงใจ คือ วิธีการท่ีจะชักนําพฤติกรรมของบุคคลทั่วไป ให้แสดงออก ซึ่งจะประกอบด้วยส่ิงเร้าต่างๆ เช่น ปัจจัยทางด้านอารมณ์ ปัจจัยทางด้านสังคม หรือปัจจัย ทางด้านเศรษฐกจิ ฯลฯ ที่เป็นพลังเสริม พจนยี ์ ทวโี ภคา (2542) กล่าวว่า แรงจูงใจ หมายถงึ ความคิด ความรู้สึก ที่มีความมั่นคงต่อเน่ือง หรอื มเี ปา้ หมายท่แี น่นอน เกี่ยวข้องกบั ความพยายามทจี่ ะทาํ งานหรือปฏบิ ตั ิตอบสนองตอ่ ส่ิงท่ตี ้องการ
5 ลัดดา ปิยะเศรษฐ์ (2542) กล่าวว่า แรงจูงใจ หมายถึง ความรู้สึก อารมณ์ต่างๆที่เกิดข้ึนในตัว บุคคลโดยมสี าเหตจุ ากการกระตุน้ ของส่งิ เร้าทง้ั จากภายในและภายนอก การวัดแรงจูงใจโดยทั่วไปจะวัดใน รปู ของระดับความพงึ พอใจ ความตอ้ งการ ความรว่ มมือ และความตง้ั ใจท่จี ะปฏบิ ตั ิตามคําแนะนาํ สนุ สิ า บิลสมทั (2543) กลา่ วว่า แรงจงู ใจของคนนน้ั คือแรงขับภายในท่ีผลักดันให้คนเต็มใจท่ีจะ ใช้พลังท่ีมีอยู่ เพ่อื ทาํ ให้เปา้ หมายทีม่ ีบรรลผุ ลสาํ เรจ็ และให้ไดม้ าซ่ึงส่ิงท่เี ขาตอ้ งการ จิราภา เต็งไตรรัตน์ (2543) กล่าวว่า แรงจูงใจตรงกับคําภาษาอังกฤษว่า Motive ซึ่งตรงกับ คําว่า Move แปลวา่ เคลอื่ นที่ แรงจูงใจจะทาํ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมหนึ่งขนึ้ มาอยา่ งต่อเน่อื งและมีเป้าหมาย สรุปได้ว่า แรงจูงใจ (Motive) หมายถงึ การชกั จูงใจให้คนกระทําการใดๆก็ตาม ซึ่งจะประกอบไป ด้วยส่ิงเร้าท้ังภายในและภายนอกตัวบุคคลน้ันๆเอง เป็นแรงชักจูงใจท้ังจากภายในและภายนอกตัวบุคคล คน เพอื่ ให้ได้รบั ความพอใจและใหพ้ ฤติกรรมของมนษุ ย์บรรลเุ ปา้ หมาย 2.1.1 ประเภทการจงู ใจทางจิตวิทยา นกั จิตวทิ ยาได้แบ่งการจงู ใจเป็น 2 ประเภท (สนุ สิ า บลิ สมทั , 2543) 1) การจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) หมายถึง สภาวะของบุคคลที่มีความต้องการท่ี จะทาํ บางสงิ่ บางอย่างด้วยจิตใจของตนเองท่ีรักการแสวงหา การจูงใจประเภทนี้ ได้แก่ ความสนใจ เจตคติ ความตอ้ งการ การจงู ใจประเภทนี้นบั วา่ มคี ุณคา่ ตอ่ การทาํ งานเปน็ อย่างยิง่ 2) การจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation) หมายถึง สภาวะของบุคคลท่ีได้รับการ กระตุ้นจากภายนอกให้มองเห็นจุดมุ่งหมายปลายทางอันนําไปสู่การแสดงพฤติกรรมของบุคคล ได้แก่ เป้าหมายหรือการคาดหวังของบุคคลต่างๆ เช่น การชมเชย การติเตียน การประกวด การใช้รางวัล การ ลงโทษ และการแข่งขนั เปน็ ตน้ 2.1.2 ประเภทของแรงจูงใจทางสังคม แรงจูงใจทางสังคม เกิดจากระบบสังคมต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคมและ วฒั นธรรม ระบบการศกึ ษา สาธารณสขุ ระบบการเมือง เปน็ ตน้ ระบบเหล่านี้ก่อให้เกิดแรงจูงใจทางสังคม หลายประการ แต่ทีส่ ําคญั พอจะแยกกล่าวไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คอื (สงวน สุทธิเลศิ อรุณ, 2527) 1) แรงจูงใจใฝ่สมั พันธ์ (Affinitive Motive) แรงจูงใจชนิดน้ีเกิดขึ้นเนื่องจาก สัญชาตญาณ ในการรวมกลุ่มของมนุษย์เพื่อช่วยเหลือกัน เพื่อความอยู่รอดของสังคม การจูงใจใฝ่สัมพันธ์จะมีลําดับ ความลดหล่นั กนั เป็นขั้นๆ ตามระดับในระบบของสังคมซ่ึงแตกตา่ งกนั ระหวา่ งระบบของพวกเจ้าขุนมูลนาย บุคคลธรรมดาและทาส ระบบของสังคมไทยเป็นไปในลักษณะท่ีเอื้อเฟ้ือแสดงไมตรีต่อกันเรียกว่าระบบ ไมตรีสัมพันธ์ คือเป็นแรงจูงใจของบุคคลที่จะช่วยเหลือเก้ือกูลกันอย่างผูกมิตรไมตรีมากกว่าจะมุ่งหวัง ผลประโยชน์ อย่างเช่นชนชาตติ ะวนั ตกซง่ึ มุง่ ในเรือ่ งของระบบสมั ฤทธ์สิ ัมพนั ธม์ ากกวา่ 2) แรงจูงใจใฝ่อํานาจ (Power Motive) ความพยายามท่ีจะควบคุมส่ิงท่ีจะมามีอํานาจ เหนือตน มนุษย์จะมีความพึงพอใจถ้ารู้สึกว่าตนเองมีความสามารถที่จะมีอิทธิพลเหนือส่ิงแวดล้อม โดยท่ัวไปลักษณะของแรงจูงใจใฝ่อํานาจ คือความต้องการท่ีจะมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของบุคคลจะ ท้ังโดยตรงและโดยอ้อม ฉะนั้นพฤติกรรมที่คนแสดงออกมาบางครั้งอาจจะย้ิมแย้มแจ่มใส แต่อาจทําไป
6 เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ใต้อํานาจของตน การที่สามารถมีอํานาจเหนือผู้อ่ืน เราพิจารณาในแง่ของการท่ีเรา สามารถเปลีย่ นเจตคติของผูน้ ้นั ไม่วา่ จะเป็นเจตคตใิ นเร่ืองใด อาจเก่ียวกับบุคคล ส่ิงของหรือเหตุการณ์ แต่ โดยท่ัวไปเรามักจะมองอํานาจในแง่ของอาการก้าวร้าว คือสามารถทําให้ผู้อ่ืนอยู่ใต้อํานาจโดยพละกําลัง ทางรา่ งกาย 3) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ (Achievement Motive) หมายถึง ความปรารถนาท่ีจะทําสิ่งใดให้ สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้ผลเป็นเยี่ยมหรือได้ผลดีกว่าบุคคลอ่ืนๆ โดยทุ่มเทความพยายามทั้งหมดท่ีมีอยู่จน ประสบความสาํ เร็จ ไดร้ บั คาํ ยกยอ่ งชมเชยหรือจนไดร้ ับรางวัล บคุ คลทีไ่ ดช้ อื่ วา่ เปน็ ผูท้ าํ งานได้อย่างสมั ฤทธผิ์ ลนั้น จะต้องเป็นไปในสามลกั ษณะคือ ก. มคี วามต้องการในการทํางานใหส้ ําเรจ็ อยู่ในระดบั สูง หรือตอ้ งการทํางานใหไ้ ดจ้ รงิ ๆ ข. เป็นงานสร้างสรรค์ที่บ่งบอกให้รู้ถึงเอกลักษณ์ว่าชอบงานน้ันอย่างมีชีวิตจิตใจว่าเป็น เจา้ ของงานน้นั ค. เป็นงานที่ต้องใช้เวลานาน อาศัยความอดทนอย่างยอดเย่ียม ซ่ึงช้ีให้เห็นถึงว่าเป็นผู้มี แรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์ คือ มคี วามตั้งใจทย่ี าวนานในการทาํ งาน 2.1.3 กระบวนการจูงใจ (Motivational Process) จากความหมาย ไดม้ ีการเขียนแผนภูมิของกระบวนการจูงใจอย่างง่ายเอาไว้ดังนี้ (สิทธิโชค วรานุสันติกูล, ม.ป.ป.) จุดเริ่มต้นของกระบวนการอยู่ที่เมื่อบุคคลเกิดความไม่สมดุลภายในตัวขึ้นมา เช่น มีความ ต้องการอย่างมากที่จะผูกสัมพันธ์กับผู้อ่ืน มีความปรารถนาที่จะเพิ่มรายได้ และคาดหวังว่าการพยายาม ทุ่มเทกําลังทํางานให้เต็มที่จะนําไปสู่การได้เลื่อนตําแหน่งและการท่ีมีความต้องการความปรารถนาและ ความมุ่งหวังเกิดขึ้นน้ีก็สัมพันธ์กับการคาดคะเนว่าพฤติกรรมบางอย่างท่ีบุคคลจะทําขึ้นมา จะนําไปสู่การ ลดลงของการขาดสมดุลภายใน เมื่อบุคคลได้เร่ิมกระทําพฤติกรรมออกไปตามความเช่ือที่ว่าพฤติกรรมน้ัน จะลดการขาดสมดุลได้ ผลของพฤติกรรมจะเป็นข้อมูลย้อนกลับให้เขาได้พิจารณาว่าจะเปล่ียนแปลง พฤตกิ รรมอยา่ งไรเพือ่ จะหยุดกระทาํ หรอื จะยังคงกระทําแบบเดิมต่อไป 2.1.4 ทฤษฎแี รงจูงใจ (Motivation Theory) ทฤษฎีแรงจงู ใจ ตามแนวคิดของบุคคลตา่ งๆ ยกตัวอย่างพอสังเขปได้ดงั น้ี 1) ทฤษฎีความตอ้ งการทเ่ี ขา้ ใจงา่ ยของ Murray (Murray’s Manifest Need Theory) เป็นทฤษฎที ม่ี ีแนวคิดในเรื่องของความต้องการเช่นเดียวกับ Maslow จากการศึกษาของ Murray ท่ีเขียนไว้ในหนังสือ Explorations in Personality (1938 อ้างใน หลุย จําปาเทศ, 2535) พบว่าการพิจารณามนุษย์นั้นต้องมองโดยส่วนรวม (Holistic View) พฤติกรรมเป็นผลมาจากขบวนการ ทางร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม เขาได้จําแนกบุคคลออกตามความต้องการ ซึ่งเชื่อว่าความต้องการ เหล่าน้ันโดยทั่วไปแล้วเป็นผลมาจากการเรียนรู้มากกว่าการได้รับมรดก (Inherited) และถูกกระทบจาก สิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น พนักงานผู้ซึ่งต้องการความรักจากเพื่อนฝูงมาก ก็จะพยายามสังคมกับเพ่ือนทุก ครั้งท่ีมีโอกาส หรือสังคมสภาพแวดล้อมเอ้ืออํานวยเขา หรือถ้าหากว่าเกิดมีความต้องการท่ีกระจ่างชัด
7 และเม่ือความต้องการน้ันไม่ได้ถูกกระทบก็จะกลายเป็นความต้องการที่ซ่อนเร้น หรือไม่ได้ถูกกระตุ้น นั่นเอง ในระยะแรก Murray ได้กําหนดความต้องการของคนไว้ 15 ประการ โดยแยกออกเป็น หลักใหญ่ๆ สองหลัก คอื ก. Videogenic Needs (Primary Needs) ซึ่งหมายถึงความต้องการพื้นฐานทางด้าน ร่างกาย ได้แก่ อาหาร นาํ้ ความตอ้ งการทางเพศ การขบั ถา่ ย การใหน้ มและอกี หลายสง่ิ ทีเ่ กีย่ วกับร่างกาย ข. Psychogenic Needs (Secondary Needs) หมายถึง ความต้องการทางด้านจิตใจ ได้แก่ ศักด์ิศรี ความสัมฤทธ์ิผล ความรัก ความนับถือ การก้าวร้าว การเป็นตัวของตัวเอง การมีอิทธิพล เหนือผอู้ ่ืน 2) ทฤษฎคี วามต้องการสัมฤทธผิ ลของ McClelland ในปี ค.ศ. 1961 David C. McClelland (อ้างใน ถาวร เกียรติทับทิว และพรชัย ลิขิต ธรรมโรจน์, 2540) ได้เสนอทฤษฎีแรงจูงใจในการทํางานท่ีเรียกว่า ทฤษฎีความต้องการสัมฤทธิผล โดย McClelland ไดแ้ บง่ กลุ่มความตอ้ งการออกเปน็ สามประการคอื ก. ความต้องการสัมฤทธิผล (Need for Achievement) เป็นความต้องการประสบ ความสาํ เร็จตามเปา้ หมายหรอื งานท่กี ําหนดไว้ บคุ คลทม่ี คี วามตอ้ งการสมั ฤทธิผลมาก มกั จะมลี กั ษณะดงั น้ี • เป็นผู้ที่มคี วามรบั ผดิ ชอบเฉพาะตัว • เป็นผ้ทู ีท่ ําให้เปา้ หมายมคี วามยงุ่ ยากนอ้ ยลง • เปน็ ผ้ทู ต่ี อ้ งการขอ้ มูลป้อนกลับโดยทันที • เปน็ ผ้ทู ่ีปฏิบตั ิงานมานาน ข. ความต้องการความผูกพัน (Need for Affiliation) เป็นความต้องการความผูกพันกับ ผูอ้ ่นื และเปน็ ท่ยี อมรับของผู้อน่ื บุคคลทีม่ ีความตอ้ งการความผูกพันมาก มักปฏิบัติงานด้วยการปฎิสัมพันธ์ กบั ผู้อ่นื มาก และใหโ้ อกาสได้รจู้ ักเพ่อื นใหม่ด้วย ค. ความต้องการอํานาจ (Need for Power) เป็นความต้องการอิทธิพลเหนือกลุ่มและ ควบคุมผู้อ่ืน บุคคลที่มีความต้องการอํานาจมากมักจะเป็นผู้ปฏิบัติงานในระดับสูง ซ่ึงมีข้อมูลข่าวสารเป็น อย่างดี และสามารถชกั จงู ให้ผู้อ่นื ปฏิบัติตาม จากแนวคิด ทฤษฎีแรงจูงใจทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาเน้น ศึกษาถึงแรงจูงใจของบุคคลที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมในการตัดสินเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของ นักศึกษาไทยระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต โดยแรงจูงใจของบุคคลที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว เกิดจากการกระตุ้นท้งั จากปัจจัยภายในทางด้านครอบครัว เพื่อน รวมท้ังความสนใจในเรื่องของตนเอง ใน การศึกษาครั้งน้ีผู้ศึกษาทําการวัดแรงจูงใจจากความสนใจด้านจุดประสงค์ต่างๆ ของการใช้บริการท่ัวไป ของจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
8 2.2 จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-mail) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail เป็นบริการอย่างหน่ึงท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก จนทําให้บางคนคิดว่า E-mail คือ อินเตอร์เน็ต และอินเตอร์เน็ต คือ E-mail วิธีใช้งานจดหมาย อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ก็ง่ายและมปี ระโยชนม์ าก วเิ ศษศักดิ์ โคตรอาษา (2542) จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือนิยมเรียกส้ันๆว่า E-mail คือ การส่ง จดหมายทางคอมพวิ เตอร์ถึงผูร้ ับในระบบอินเตอรเ์ นต็ ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล หรืออยู่คนละซีกโลก ก็ตาม ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และเป็นที่ยอมรับ สามารถกระทําได้อย่างง่ายสําหรับข้อมูลท่ีต้องการ ส่งน้ัน นอกจากจะส่งเป็นข้อความท่ีเป็นตัวอักษรแล้ว ยังสามารถส่งแฟ้มภาพและเสียง การทํางานของ E-mail มีลักษณะคล้ายกับระบบไปรษณีย์ปกติ (หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานท่ีทําหน้าท่ีในการรับส่งจดหมายคือเป็นบุรุษไปรษณีย์ (ในกรณี ของประเทศไทยคือ การส่ือสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทําหน้าที่คอยรับส่งจดหมาย คือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายท่ีทําหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ท่ีทําหน้าที่ให้บริการด้าน จดหมายอิเล็กทรอนิกส์) ดังนั้นถ้าท่านต้องการใช้ E-mail สิ่งแรกที่ท่านต้องทําคือไปสมัครเป็นสมาชิก หรือไปทําการลงทะเบียนกับเซิร์ฟเวอร์ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ บรรดาเซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายนี้สามารถ จัดแบง่ ออกไดเ้ ปน็ สามประเภทดังน้ี 1) เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานท่ีท่านทําการศึกษาอยู่หรือทํางานอยู่ เช่น นิสิต อาจารย์ ข้าราชการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สามารถลงทะเบียนหรือสมัครเป็นสมาชิกได้กับคอมพิวเตอร์ที่เป็น เซริ ์ฟเวอร์ของจุฬา ฯ ได้ 2) เซิร์ฟเวอร์ของ ISP (Internet Service Provider - หน่วยงานท่ีให้บริการอินเตอร์เน็ต) เช่น KSC ฯลฯ ท่านสามารถสมัครหรือลงทะเบียนกับหน่วยงานประเภทน้ีได้ แต่ต้องเสียค่าสมาชิกให้แก่ หนว่ ยงานประเภทนด้ี ว้ ย 3) เซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานท่ีให้บริการฟรี เป็นบริการฟรีท่ีเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไป ลงทะเบยี นหรอื สมคั รเปน็ สมาชกิ ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเสียค่าใชจ้ า่ ย เชน่ Hotmail ฯลฯ ภายหลังจากที่ลงทะเบียนกับเซิร์ฟเวอร์แล้ว ก็สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซอฟต์แวร์ท่ี ใช้ในการเขียนจดหมาย ส่งจดหมาย และรับจดหมาย มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น Pine, Netscape, Outlook เปน็ ตน้ การจะเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ัวไหนกไ็ ดแ้ ลว้ แตค่ วามพงึ พอใจของแตล่ ะบุคคล ถาวร เขียนเสมอ (2545) E-mail หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า \"จดหมายอิเล็กทรอนิกส์\" มีความ หมายถงึ การใช้คอมพิวเตอร์ ในการส่ือสารรับ-ส่งขอ้ มลู ระหว่างคอมพิวเตอรต์ ้งั แตส่ องเครอ่ื งข้นึ ไป 2.2.1 ตัวจดหมายอิเล็คทรอนคิ ส์ แบง่ ออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ 1) Heading สว่ นนีใ้ ช้ระบุ E-mail Address ของผู้รับจดหมาย และ Attachment (สิ่งที่ส่ง มาด้วย) 2) Body สว่ นนีเ้ ป็นสว่ นท่เี ป็นเน้ือความจดหมาย
9 แอดเดรส์ของผู้รับจดหมายประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนท่ีเป็นรหัสบัญชี( User Account) ของผู้รับจดหมาย และส่วนที่เป็นชื่อของเซิร์ฟเวอร์ของผู้รับ ท้ังสองส่วนน้ีถูกค่ันด้วยเครื่องหมาย @ ตัวอย่าง E-mail Address [email protected] รหัสบัญชีคือ business และเซิร์ฟเวอร์คือ pioneer.chula.ac.th [email protected] รหัสบญั ชคี อื kapook และเซริ ์ฟเวอร์คอื yahoo.com Attachment (ส่ิงท่ีส่งมากับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์) อาจเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ได้ เช่น ไฟลท์ เ่ี ป็นขอ้ ความล้วนๆ (Text) ไฟลท์ ่ีขอ้ มลู รูปภาพ กลา่ วคือเปน็ สอื่ อะไรก็ได้ 2.2.2 บรกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เป็นบริการท่ีใช้ส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน (ถนอมพร ตันพพิ ัฒน์, 2539) ดงั น้ี 1) การโต้ตอบระหว่างผู้สอนกับผู้สอนด้วยกันเพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นร่วมกันในการ แกป้ ัญหาทเี่ กดิ จากการสอนของตนหรือแลกเปลยี่ นแนวคิดที่เกย่ี วกับการเรยี นการสอนซ่ึงกนั และกนั 2) การโต้ตอบระหว่างผู้สอนกับนักวิชาการหรือผู้มีความชํานาญในสาขาต่างๆ เพ่ือขอ คําปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนหรือสอบถามความรู้เพิ่มเติม เพ่ือนํามาประกอบการเรียน การสอน 3) การโต้ตอบระหว่างผู้สอนกับผเู้ รียน โดยผูเ้ รยี นอาจจะถามปัญหาจากบทเรียนในส่วนท่ีไม่ เขา้ ใจหรือสง่ แนบแฟม้ งานทีผ่ สู้ อนมอบหมายให้ไปยังผู้สอน ส่วนผู้สอนอาจใช้สั่งงานผู้เรียน ตอบคําถามท่ี ผู้เรยี นถาม ตรวจงาน หรืออาจจะเปน็ การสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปรึกษาหารือระหว่างผู้สอนกับ ผู้เรียนทอ่ี ยู่ตา่ งโรงเรยี นกันกไ็ ด้ 4) การสนทนาระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน เพื่อสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือ ปรึกษาหารือเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาเรียน เช่น ปรึกษาเร่ืองการบ้านหรือบทเรียนท่ีไม่เข้าใจรวมทั้งการ อภิปรายกลุ่ม อาจจะเป็นการอภิปรายในหัวข้อท่ีผู้สอนมอบหมายให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นแล้วหา ข้อสรุปของเรื่องน้ันๆ หรือผู้เรียนอภิปรายกันเองในหัวข้อท่ีมีความสนใจร่วมกัน จะเป็นเพื่อนร่วมห้อง เดยี วกนั หรอื เปน็ เพอ่ื ท่อี ยู่รว่ มหอ้ งเรียนท่ัวโลกกไ็ ด้ 5) การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอนส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เรียนกับผู้เรียนมากขึ้นเพราะสะดวกทั้งผู้รับและผู้ส่ง ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการ เรียนการสอนมากข้ึน เน่ืองจากการซักถามอาจารย์ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์น้ันสะดวกและสามารถ สอื่ สารไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
10 2.2.3 ประโยชนท์ ี่ผู้ใช้จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ สจ์ ะได้รบั 1) สามารถส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เม่ือไรก็ได้ตามท่ีต้องการ จะเป็นกลางคืนหรือกลางวัน กไ็ ด้ 2) จดหมายจะถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจภายในไม่กี่นาที หรือภายในไม่ก่ีชั่วโมง ไม่ว่าผรู้ บั จดหมายนน้ั จะอยใู่ กลห้ รอื ไกล 3) ผรู้ ับจดหมายสามารถรบั และเปิดอา่ นจดหมายได้เมอ่ื ไรก็ไดต้ ามทต่ี อ้ งการ 4) สามารถส่งจดหมายไปยังผู้รับคนเดียว หลายคน หรือจํานวนมากเป็นร้อยคน เป็นพันคน ได้ ซอฟต์แวร์ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่จะมีวิธีช่วยให้เก็บรายชื่อพร้อมท้ังแอดเดรสของผู้ท่ี ตอ้ งการสง่ จดหมายไปหาและชว่ ยจดั เป็นกลุ่มด้วย ถ้าต้องการส่งจดหมายไปยังกลุ่มก็หมายความว่าทุกคน ในกลุ่มก็ไดร้ ับจดหมายน้นั 5) สามารถเกบ็ จดหมายท่ไี ดร้ บั (จากเพอื่ น ผรู้ ว่ มงาน หรือหัวหน้า) บางฉบับไว้ได้ ถ้าเห็นว่า จดหมายน้ันมคี วามสําคัญ เชน่ ไว้เตือนความจําวา่ มีงานอะไรต้องทาํ หรือ ไดต้ กลงเรือ่ งอะไรไวก้ บั ใครบ้าง 2.2.4 ปญั หาที่อาจพบในการใชจ้ ดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 1) จดหมายหาย ปัญหานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดของคน ความ ผิดพลาดของซอฟตแ์ วร์ ความล้มเหลวของฮารด์ แวร์ เปน็ ต้น 2) จดหมายส่งไปผดิ คอื ไปยงั ผู้รบั ผิดคน ปัญหานี้อาจเกดิ การที่ระบแุ อดเดรสของผูร้ ับผิด 3) การปลอมจดหมาย
11 2.3 แนวความคิดเกี่ยวกับการตดั สินใจ (Concept of Decision Making) ในการดํารงชีวิตและการดําเนินกิจกรรมต่างๆ ของบุคคลแต่ละคนโดยท่ัวไป ไม่ว่าจะเป็นเร่ือง เก่ียวกับการใช้ชีวิตส่วนตัว หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพใดๆก็ตาม (ศรีทับทิม พานิชพันธ์, ม.ป.ป.) บุคคลตอ้ งเก่ยี วข้องกับการตดั สนิ ใจซ่ึงถือเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่ไม่สามารถหลีกเล่ียงได้ ปัญหา ก็คือ การตัดสินใจโดยส่วนใหญ่นั้นไม่ง่ายอย่างท่ีคิดเพราะมีความซับซ้อน และท่ีสําคัญท่ีสุดการตัดสินใจ ไม่ใช่แต่จะกระทบตัวเราเองเท่าน้ัน หากแต่ยังรวมถึงครอบครัว ญาติมิตร ผู้ร่วมงาน หรือแม้แต่คนไม่รู้จัก อีกดว้ ย ดังนั้นการตัดสินใจท่ีดีและมีเหตุผลจึงเป็นปัจจัยชี้นําให้เราประสบผลสําเร็จตามเป้าหมายในชีวิต (วิฑูรย์ ตันศิริมงคล, 2542) การตัดสินใจนั้นในบางคร้ังอาจใช้คําว่า “การวินิจฉัยส่ังการ” (Decision Making) แทนก็เป็นได้ และโดยที่การตดั สินใจ ได้มผี ปู้ ระมวลความหมายเอาไว้พอท่ีจะกลา่ วได้ดงั น้ี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคําว่า การตัดสินใจ ว่าหมายความถงึ การตกลงใจ อรวรรณ สุทธิพงศ์เกียรติ์ (2541) ได้กล่าวถึงการตัดสินใจว่าหมายความถึง การพิจารณา ไตร่ตรองหาเหตุผล เลือกทางปฏิบัติที่เห็นว่าดีท่ีสุดจากหลายๆทาง เพื่อให้การดําเนินงานบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ท่กี ําหนดไว้ เก็จกาญจน์ อ่อนเปี่ยม (2531) กล่าวว่า การตัดสินใจเป็นกระบวนหน้าที่ (Function) ประการ หนึ่งของกระบวนการบริหาร และเป็นกระบวนหน้าที่ที่เก่ียวข้องกับกระบวนหน้าท่ีอื่นๆ ทางการบริหาร ตลอดเวลา นับต้ังแต่การกําหนดวัตถุประสงค์ขององค์การ การวางแผน การจัดรูปองค์การ การสรรหา บุคคลเขา้ ทาํ งาน การสรรหาและจัดสรรทรัพยากร ไปจนถงึ การควบคมุ และการตรวจสอบ สรุ พงษ์ ไทยประเสรฐิ (2541) กลา่ วไวว้ ่า “การตัดสินใจ” เป็นกระบวนการในการกระทํากิจรรม เพอื่ ใหเ้ กดิ การตัดสินใจเลือกทางเลือกซ่ึงมีอยู่หลายทางโดยเลอื กทางเลอื กที่เห็นวา่ ดีท่ีสุด ภายหลังจากการ ท่ีได้พิจารณาไตรต่ รองเรียบรอ้ ยแลว้ เป็นแนวทางปฏบิ ัติไปสเู่ ปา้ หมายทว่ี างไว้ วัฒนา จันดาวรรณ (2538) กล่าวว่า การตัดสินใจ คือ กระบวนการคัดเลือกทางเลือกที่ดีและให้ ประโยชน์สูงสุดจากทางเลือกที่มีอยู่หลายทางเลือก ท่ีจะทําให้สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ท่ีบุคคลผู้ทํา การตดั สนิ ใจตั้งไว้ อนันต์ เกตวุ งศ์ (2541) กล่าวถึง การตัดสินใจ ก็คือการเลือกทางเลือกท่ีดีและเหมาะสมที่สุด ซ่ึง จะต้องเปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์ท่มี ีอย่หู รือกําหนดขึน้ ดังน้ันจึงสามารถสรุปได้ว่า “การตัดสินใจ” คือ การตกลงใจเลือกทางเลือกท่ีดีท่ีสุดจากหลายๆ ทางเลือกทมี่ อี ยู่ โดยทางเลือกนัน้ เป็นทางเลอื กทีเ่ ป็นประโยชนท์ ี่สุดและนาํ ไปส่เู ปา้ หมายทไ่ี ด้วางเอาไว้ 2.3.1 องคป์ ระกอบของการตดั สินใจ ในเรอ่ื งขององค์ประกอบของการตดั สนิ ใจนนั้ กลุ ธน ธนาพงศธร (2519) ได้แยกแยะไว้ว่ามีทั้งส้ิน 4 ประการ คอื
12 1) จะต้องมีบุคคลผู้ทําการตัดสินวินิจฉัย (Decision Maker) ซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบท่ี สําคัญท่ีสุดของกระบวนการตัดสินวินิจฉัย บุคคลผู้ที่จะทําการตัดสินวินิจฉัยนี้อาจจะเป็นบุคคลเพียงคน เดียว หรอื อาจจะเป็นบุคคลหลายคนรว่ มกันตดั สนิ วนิ จิ ฉัยกไ็ ด้ และเนอ่ื งจากว่าโดยทั่วไปแล้ว บุคคลแต่ละ คนมีความแตกตา่ งจากกนั ในดา้ นตา่ งๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านระดับความรู้ความสามารถ ทักษะและ ประสบการณ์ ค่านิยม ทัศนคติ ความต้องการหรือความพึงพอใจก็ตาม ดังนั้นเม่ือบุคคลหลายๆคนมา รว่ มกันตัดสนิ วนิ จิ ฉัยในกรณีหนึง่ กรณีใดเดยี วกนั แล้ว ย่อมก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากกว่าการ ตดั สินวนิ จิ ฉยั ของบุคคลคนเดียว 2) จะต้องมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการบรรลุถึงโดยการตัดสินวินิจฉัย ไม่ว่า เป้าหมายน้ันจะเป็นเป้าหมายของบุคคลแต่ละคน หรือเป็นของทุกๆ คนร่วมกันก็ตาม อย่างไรก็ดี เปา้ หมายหรือวัตถุประสงค์ทต่ี อ้ งการบรรลถุ ึงนี้ ย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะของปัญหาหรือประเด็น ท่จี ะทําการตัดสนิ วินจิ ฉยั ซง่ึ ปัญหาหรอื ประเดน็ เหล่าน้ันจะเป็นปัจจัยประการหน่ึงที่กําหนดความยากง่าย ความล่าช้าหรือรวดเร็ว และความมีประสิทธิภาพของการตัดสินวินิจฉัยนั้นๆ ในขณะเดียวกันเป้าหมาย หรือวัตถุประสงคจ์ ะเปน็ ปัจจยั กาํ หนดพฤติกรรมของการตดั สนิ วนิ ิจฉัยของแตล่ ะบคุ คลด้วย 3) จะตอ้ งมหี นทางเลือกที่จะทาํ ใหป้ ระเดน็ หรือปัญหาที่พิจารณานน้ั ไปสู่ข้อยุติของการตัดสิน วินจิ ฉยั และทจี่ ะเป็นแนวทางในการนาํ เอาไปปฏบิ ัตติ ่อไป 4) จะต้องพิจารณาคํานึงถึงสภาวะแวดล้อมของแต่ละสถานท่ี แต่ละช่วงเวลาท่ีเป็นอยู่ใน ขณะท่ีมีการตัดสินวินิจฉัยด้วยว่า มีอยู่หรือเป็นอยู่อย่างไรบ้าง ท้ังนี้เพราะสภาวะแวดล้อมก็เป็น องค์ประกอบหรือเงื่อนไขอีกประการหนึ่งของการตัดสินวินิจฉัยใดๆ ก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมิใช่องค์ประกอบท่ี สาํ คัญทส่ี ุดกต็ าม แต่สภาวะแวดล้อมจะเป็นเงื่อนไขท่ีมีอิทธิพลผลักดันต่อผู้ตัดสินวินิจฉัยให้ตัดสินใจอย่าง หนึง่ อย่างใดได้ 2.3.2 ขน้ั ตอนของการตัดสินใจ ขั้นตอนของการตัดสินใจท่ีเป็นท่ียอมรับกันท่ัวโลกนั้นมีทั้งสิ้น 6 ข้ันตอนด้วยกันตามท่ี วุฒิชัย จาํ นงค์ (2523) ไดก้ ล่าวไว้โดยรวมดังน้ี 1) การแยกแยะตัวปัญหา (Problem Identification) ในขั้นแรกของการตัดสินใจน้ันเป็น เรอื่ งของการสรา้ งความแนใ่ จมั่นใจโดยการค้นหา ทําความเข้าใจกับตัวปัญหาที่แท้จริง ที่กล่าวว่าเป็นเรื่อง ของการแยกแยะตัวปัญหาออกมาแน่ชัดหรือตัวปัญหาที่แน่นอน ท่ีแท้จริงนั้นก็เพราะเหตุว่ากระบวนการ ตัดสนิ ใจจะเร่ิมต้นตามข้ันตอนแรก เม่ือผู้ทําการตัดสินใจโดยท่ัวไปมีความรู้สึกว่าได้เกิดปัญหาข้ึนมา น่ันก็ คือ เป็นความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนภายในของตัวเราเองว่าได้มีปรากฏการณ์บางส่ิงบางอย่างมิได้เป็นไปตามท่ี คาดคดิ หมายถงึ ว่าไดม้ ีตัวปัญหาท่วั ไปแล้ว ซง่ึ โดยทั่วไปแลว้ กจ็ ะเรียกร้องความสนใจหรือความตั้งใจในอัน ท่ีจะแก้ปัญหาเหลา่ นนั้ แต่ความตัง้ ใจทีแ่ ท้จริงเป็นเรอื่ งของการวเิ คราะห์ 2) การหาข่าวสารท่ีเก่ียวข้องกับตัวปัญหานั้น (Information Search) เราทราบได้แน่นอน แล้วว่าการจะเกิดปัญหาใดๆข้ึนมาน้ันจําเป็นที่จะต้องมีสาเหตุ เพราะฉะน้ัน การเสาะหาข่าวสารต่างๆที่ เกี่ยวข้องกับตัวปัญหาน้ันก็คือการเสาะหาส่ิงท่ีเป็นสาเหตุหรือสิ่งท่ีก่อให้เกิดตัวปัญหานั้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่
13 สาเหตุโดยตรงก็เป็นได้ ความสามารถท่ีจะหาข่าวสารข้อมูลท่ีครอบคลุมมากท่ีสุด หรือท่ีกล่าวหาว่าเป็น ข่าวสารที่สมบูรณ์ (Complete Information) น้ันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นเร่ืองของการเสาะหาตัว ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของปัญหามากท่ีสุดเท่าท่ีจะมากได้ ทั้งน้ีการเสาะหาข่าวสารควรจะเป็นไป ตามแนวความคิดท่ีว่าข่าวสารที่สรรหามาน้ันจําเป็นจะต้องมีความเกี่ยวข้องและจําเป็นกับตัวปัญหา ตลอดจนมีความเพียงพอในการแก้ปัญหานั้น (Relevant, Necessary and Sufficient Information) ซึ่ง ในปัจจุบันอาจทําได้ละเอียดขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักรกลบางชนิดที่มีความรวดเร็ว และ สามารถที่จะดาํ เนินการข้อมลู เพ่อื คน้ หาข่าวสารที่เกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหาได้อยา่ งถกู ต้องแน่นอนมากย่ิงขึน้ 3) การประเมินคา่ ขา่ วสาร (Evaluation of Information) ในบรรดาข่าวสารท่ีเสาะแสวงหา มานั้น เราก็ต้องยอมรับความจริงประการหน่ึงว่า มิได้หมายความว่าข่าวสารทุกชนิดที่หามาน้ันเก่ียวข้อง กับตัวปัญหาและมีคุณค่ากับตัวปัญหานั้นอย่างแท้จริงเสมอไป ทั้งๆท่ีขณะทําการเสาะหาก็ได้ต้ังใจเช่นกัน เพราะฉะน้ัน ก็จําเป็นต้องมีการประเมินค่าดูว่าข่าวสารที่ได้มาน้ันถูกต้อง เหมาะสม เพียงพอตรงกับเวลา และสามารถท่ีจะนําไปวิเคราะห์ปัญหาได้หรือไม่ ซ่ึงจะมีการเสาะหาข่าวสารเพ่ิมเติมหลังจากประเมินค่า ข่าวสารแลว้ วา่ ไมเ่ พยี งพอหรือไม่เก่ยี วขอ้ งเท่าทีค่ วร หรอื จาํ เป็นต้องตดั ข่าวสารบางอย่างออกไป ถ้าเห็นว่า ไม่เกีย่ วขอ้ งตัวปญั หาทจ่ี ะทําการแก้ปญั หาหรอื ตัดสนิ ใจนั้น 4) การกําหนดทางเลือก (Listening of Alternatives) ในข้ันนี้ถือว่าเป็นขั้นสําคัญมากของ การตัดสินใจคือการกําหนดทางเลือกมากที่สุดเท่าท่ีจะมากได้ เพราะการกําหนดทางเลือกหรือเลือก ทางเลือกใดนน้ั เปน็ การท่ีจะพยายามครอบคลุมวิถีทางที่จะแก้ปัญหาได้ในหลายๆ วิธี ซึ่งทางเลือกทุกทาง อาจจะช่วยเราแก้ปัญหา แต่อาจจะมีความสําคัญหรือจําเป็นตลอดจนความเหมาะสมในหลายๆระดับ ด้วยกนั คอื ทางเลอื กแต่ละทางอาจช่วยให้แกป้ ัญหาไดถ้ กู ต้องเหมาะสมในระดับที่ต่างๆ กัน และโดยท่ีต้อง ใช้เหตุผลในการตัดสินใจก็เพราะว่า ทางเลือกที่มีอยู่หลายทางด้วยกัน และแต่ละทางเลือกก็มีจุดเด่นและ จุดด้อยแตกต่างกัน เพราะฉะน้ัน ความจําเป็นอย่างหน่ึงก็คือ การกําหนดทางเลือกที่มีลําดับความสําคัญ ของการแก้ปัญหา เพอ่ื ที่จะสรุปในการท่จี ะเลือกในขัน้ ตอ่ ไป 5) การเลือกทางเลือก (Selection of Alternative) เม่ือได้กําหนดทางเลือกต่างๆออก มาแลว้ พรอ้ มทง้ั กาํ หนดลําดับความสาํ คัญและความเหมาะสมในการแกป้ ญั หาแลว้ ข้ันต่อไปก็คือการเลือก ทางเลือกท่ีจะปฏิบัติการต่อไป และขั้นนี้เองท่ีเป็นท่ียอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการตัดสินใจอย่างแท้จริง ความจริงแล้วขั้นน้ีเป็นเพียงอีกขั้นหนึ่งท่ีอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจ ซึ่งยังไม่สามารถท่ีจะกล่าวได้ว่า สมบูรณ์ตามที่ต้ังใจ เพราะเหตุว่าจําเป็นต้องมีข้ันตอนอีกข้ันหน่ึง ซ่ึงอย่างน้อยที่จะสร้างความสมบูรณ์ ใหก้ ับการตัดสินใจตามข้ันตอนเหล่าน้ีได้ สอดคล้องกับ วิฑูรย์ ตันศิริมงคง (2542) ที่ได้กล่าวถึงการเลือก ทางเลือกโดยกล่าวว่าขั้นนี้เป็นขั้นท่ีระบุถึงแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในการตัดสินใจ เวลา คือ ตัวแปรที่สําคัญท่ีสุดในการกําหนดทางเลือกการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจะไม่ใช้เวลามากเกินไปใน การแสวงหาทางเลอื ก เพื่อนาํ มาวินิจฉยั ในกระบวนการตัดสนิ ใจ 6) การปฏิบัติตามการตัดสินใจ (Implement of Decision) เมื่อทางเลือกได้ถูกเลือกขึ้น มาแล้ว ก็เป็นการปฏิบัติตามผลของการตัดสินใจหรือทางเลือกนั้น เราจะทราบได้ว่าการตัดสินใจนั้น
14 ถูกต้องเหมาะสมเพยี งใดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผลของการตัดสินใจนั้น หมายถึงว่าสามารถที่จะแก้ปัญหาท่ีได้ แยกแยะออกมาได้ตามขั้นตอนแรกได้หรือไม่ ซึ่งในหลายกรณีมีการสอดแทรกข้ันตอนออกมาว่าเม่ือเริ่ม ปฏิบัติการตามผลของการตัดสินใจนั้นแล้ว จะมีวิธีการประเมินผลของการตัดสินใจได้อย่างไร ในการที่จะ ตรวจสอบดูว่าผลของการตดั สนิ ใจทไ่ี ดถ้ กู ปฏิบตั วิ า่ เหมาะสมกับการแกป้ ญั หาทตี่ อ้ งการจะแกห้ รอื ไม่ อยา่ งไรก็ตาม ท้งั หมดนั้นเปน็ ข้นั ตอนของการตัดสินใจท่ีจําเป็นต้องมี ดังที่กล่าวแล้วว่าจะโดยรู้ตัว หรือไม่ก็ตาม เพื่อที่ว่าจะได้ดําเนินการต้ังแต่เกิดความรู้สึกในตัวปัญหาตลอดจนการปฏิบัติการแก้ปัญหา นั้นตามผลของการตัดสนิ ใจ คอื การเลอื กทางเลือกนน่ั เอง 2.3.3 เกณฑใ์ นการตดั สนิ ใจ ในการเลือกทางเลือกแต่ละทางสําหรับการปฏิบัติในการแก้ปัญหา เรียกว่าเป็นการปฏิบัติในการ ดําเนินการตัดสินใจน้ัน ผู้ทําการตัดสินใจแต่ละคนก็มีเกณฑ์การตัดสินใจแตกต่างกันออกไป ในเป็นการ สรปุ หลักเกณฑต์ า่ งๆ ท่มี ักจะใช้อยูแ่ ลว้ ในการตดั สนิ ใจโดย (วุฒชิ ัย จาํ นงค์, 2523) ดังนี้ 1) เกณฑ์หาจุดสูงสุด (Maximization) ในลักษณะของการหาเกณฑ์จุดสูงสุดน้ัน ก็เป็นความคิดในแง่หน่ึงที่ว่าข่าวสารข้อมูลท่ีหามา ได้นั้น เป็นข่าวสารข้อมูลท่ีสมบูรณ์แล้ว และทางเลือกต่างๆท่ีกําหนดขึ้นมานั้นก็เป็นทางเลือกท่ีสมบูรณ์ แล้ว คือ ไม่มีทางเลือกอ่ืนท่ีจะปรากฏหรือมีในอันที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะฉะน้ัน ฐานคติท่ีว่าผู้ทําการ ตัดสินใจมีความสมบูรณ์ในสถานการณ์ท่ีจะแก้ปัญหานั้นทําให้ผู้ทําการตัดสินใจพยายามหาจุดสูงสุด หมายถึงการเลือกทางเลือกท่ีคิดว่าดีท่ีสุด เหมาะสมท่ีสุดในบรรดาทางเลือกท่ีมีอยู่น้ันที่สมบูรณ์แล้วไม่มี ทางเลอื กอ่ืนนอกเหนือไปจากนแ้ี ล้ว แต่ในข้อเท็จจริงอาจจะมองเห็นได้ว่าจุดสูงสุดน้ันไม่ทราบแน่เหมือนกันว่าอยู่ที่ใด เพราะ ข่าวสารข้อมูลที่ได้มาน้ันจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ และการกําหนดทางเลือกก็ยังไม่สมบูรณ์เต็มท่ีด้วย และ ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งมักจะเกิดขึ้นในการท่ีจะใช้เกณฑ์หาจุดสูงสุด คือเมื่อเราพิจารณาแก้ปัญหาใดๆ ก็ตาม มกั จะมีการกําหนดวัตถุประสงค์ โดยอาจมีมากกว่าหน่ึงวัตถุประสงค์ ก่อให้เกิดความขัดแย้งในการ ดําเนินการไปสู่วตั ถปุ ระสงค์ หมายถงึ ว่าการทีพ่ ยายามหาจุดสูงสดุ ในการปฏิบัติเพอื่ ทจี่ ะบรรลุวัตถุประสงค์ หน่ึงน้ัน อาจจะไปขัดแย้งกับการประพฤติปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์อ่ืนก็เป็นได้ เพราะฉะน้ัน ในเกณฑ์ หาจุดสูงสุดน้ัน อาจจะเรียกได้ว่ามิได้เป็นเกณฑ์ท่ีดีที่สุดเสมอไปภายใต้ความจริงท่ีกล่าวมาแล้วท้ัง 2 ประการนั้น สอดคล้องกับ Gillies (1994 อ้างใน อรวรรณ สุทธิพงศ์เกียรต์ิ, 2541) ท่ีว่าการเลือก ทางเลือกท่คี ดิ ว่าดีทีส่ ุด ให้ผลลพั ธ์สงู สุด เหมาะสมที่สุดในบรรดาทางเลอื กทมี่ อี ยู่ 2) เกณฑก์ ารหาจุดสูงสุดของทางเลือกทต่ี ํ่าๆ (Maximin) โดยทวั่ ไปเกณฑท์ ่ีเป็นท่ีรู้จักกันทั่วไปวา่ เม่ือกําหนดทางเลือกออกมาแล้วจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ ตามในแนวความคิด ซึ่งโดยปกติเราก็ยอมรับว่ามิได้เป็นทางเลือกท่ีสมบูรณ์นัก แต่อย่างไรก็ตามในบรรดา ทางเลือกที่กําหนดออกมาน้ัน จะมีลักษณะของการส่งผลตอบแทนออกมาในลักษณะที่ไม่พอใจนัก หมายความว่า ให้ส่ิงตอบแทนออกมาต่ํา แต่บรรดาทางเลือกท่ีตํ่าๆ นั้น ผู้ทําการตัดสินใจก็พยายามเลือก ทางเลือกท่ีดีที่สุด เหมาะสมที่สุดจากทางเลือกซึ่งจะให้ผลออกมาน้อยเหล่านั้น จึงได้มีช่ือเรียกว่า
15 Maximin คือ Maximize Minimum Outcomes ซึ่งในกรณีน้ีจะเห็นว่าผู้ทําการตัดสินใจมักถูกบังคับให้ เลือกทางเลือกจากบรรดาทางเลอื กซึง่ ไม่นา่ ยินดีนกั แต่ก็เปน็ เกณฑท์ ่ดี อู อกจะใช้กันมากทเี ดียว 3) เกณฑ์ทีจ่ ะสร้างความเสียใจนอ้ ยที่สดุ (Minimax) ในเกณฑน์ เ้ี รามักจะพบความจริงในหลายกรณีทว่ี ่าในบรรดาทางเลือกต่างๆน้ันเม่ือได้กําหนด ออกมาแล้ว ผู้ทําการตัดสินใจหรือเลือกทางเลือกเหล่าน้ัน มีความรู้สึกว่าไม่ว่าจะเลือกทางเลือกใด ก็ดูจะ ไม่มีความพอใจไปเสียท้ังนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าผลลัพธ์ท่ีออกมาอาจจะไม่สร้างความพึงพอใจให้กับ ตนเองหรือว่ามีความกํา้ กึ่งกันในลกั ษณะของความคาดหมายว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะทําอันตรายทั้งในแง่ ของฐานะตําแหน่งของตนเอง ผู้ทําการตัดสินใจหรือผู้เลือกทางเลือกจึงได้พยายามหาวิธีที่จะสร้างความ เสียใจให้กับตนเองน้อยท่ีสุดเท่าที่จะน้อยได้ วิธีการน้ีมีชื่อเรียกว่า Minimax หมายถึงว่าผู้ทําการตัดสินใจ พยายามที่จะ Minimize Maximum Regret ซ่ึงเราจะเห็นว่าในหลายกรณีในความรู้สึกของผู้ท่ีจะทําการ ตดั สินใจนั้นมคี วามรสู้ กึ พยายามจะปอ้ งกันตัวเองมากท่ีสุด หรือมากเกินไป (Over Self-Protection) ก็มัก ใช้เกณฑน์ ีส้ าํ หรบั เลือกทางเลอื กหรือกล่าวโดยทว่ั ไปวา่ สําหรบั การตัดสนิ ใจนน่ั เอง และโดยทวี่ ิธีการน้ี เฮอร์ วิช (Hurwiez) เป็นผู้ให้ทางที่ดีที่สุด โดยที่ท่านได้เสนอว่าผู้ที่จะตัดสินใจเลือกแนวทางตัดสินใจท่ีดีท่ีสุด จากเหตุการณ์ที่คาดว่าดีที่สุดแล้วโดยหวังว่า ธรรมชาติจะเอื้อประโยชน์ต่อการดําเนินการนั้น ผู้ตัดสินวินิจฉัยจะต้องกําหนดความน่าจะเป็นให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงสุดซ่ึงจะยอมรับในรูปของ คา่ สมั ประสทิ ธ์ริ ว่ มกัน (ศรีทบั ทิบ พานชิ พนั ธ์, ม.ป.ป.) 4) เกณฑ์สรา้ งความพงึ พอใจ (Satisficing) ความจรงิ เกณฑน์ ้ีเราอยากจะเรียกว่าเป็นเกณฑห์ าทางออก คล้ายๆ กับในกรณีของการเลือก ทางเลือกท่ีดีท่ีสุดในบรรดาทางเลือกที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ว่าความแตกต่างอยู่ตรงท่ีว่าผู้ตัดสินใจต่างก็มี เกณฑ์หรือมาตรฐานบางอย่างอยู่ในใจอยู่แล้วในการเลือกใดก็แล้วแต่ ในเกณฑ์หรือมาตรฐานเหล่าน้ัน อาจจะถือเป็นเกณฑ์หรือจุดตํ่าสุด หรือความต้องการขั้นต่ําในใจว่า ถ้าหากว่าทางเลือกใดก็ตามที่มี คุณสมบัติครบถ้วนตามความต้องการขั้นต่ํานั้นแล้ว ผู้ตัดสินใจจะทําการตัดสินใจตามเกณฑ์น้ันโดยที่ อาจจะไมค่ ํานึงถงึ ทางเลือกอื่นซ่งึ อาจจะมีความเหมาะสมหรือความถูกต้องดีกว่าก็เป็นได้ ซ่ึงโดยธรรมชาติ ของมนุษย์แล้ว มนุษยต์ อ้ งการที่จะทําอะไรบางส่ิงบางอย่างท่ีสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง ซึ่งใน ความรู้สึกในใจของตนเองนั้น ก็เป็นความรู้สึกธรรมดาทั่วไป ท่ีว่าถ้าหากว่าทางเลือกหรือวิธีปฏิบัติได้ เป็นไปตามที่คิดในใจแล้วก็จะสร้างความพึงพอใจให้กับตนเองได้ ซึ่งในแง่นี้เราจะเห็นว่าจะมีความถูกต้อง เหมาะสมมากยิง่ ขึน้ ถ้าเราพจิ ารณาถึงพฤติกรรมบางอยา่ งบางประการของผูท้ จ่ี ะทําการตดั สินใจ 2.3.4 เป้าหมายของการตดั สนิ ใจ ผู้ท่ีทําการตัดสินใจน้ันย่อมมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในใจในการตัดสินใจ ดังน้ัน ในลักษณะ ความหมายของการตัดสินใจในนั้นย่อมมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจดังนั้น ในลักษณะ ความหมายของการตัดสินใจในแง่ของพฤติกรรมการตัดสินใจของมนุษย์แล้ว ก็อาจจะกล่าวได้ว่า การ ตัดสินใจเป็นกระบวนการของมนุษย์ท่ีรู้สึกตัวได้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางสังคมและเอกบุคคลท่ีมีค่านิยม
16 และความเช่ือแฝงอยู่ ซึ่งรวมท้ังทางเลือกซ่ึงมีพฤติกรรมของบุคคลหนึ่งได้เลือกเพื่อให้สามารถก้าวไปสู่ สภาพการณ์ท่ีพงึ ปรารถนา (Delbecq and Cummings, 1970 อ้างใน วุฒชิ ยั จาํ นงค์, 2523) ในลักษณะความหมายเช่นน้ี เราก็จะได้เห็นแง่ของพฤติกรรมของมนุษย์ท่ีว่าที่แท้จริงแล้ว เป้าหมายของการตัดสนิ ใจ อยู่ทสี่ ภาพการณอ์ ันพึงปรารถนาของผู้ทําการตัดสินใจนั่นเอง ท้ังน้ีก็เพราะเหตุ ว่าในลักษณะของการตัดสินใจนั้น ผู้ทําการตัดสินใจในความหมายดังกล่าวนี้จะเป็นผู้ทําการตัดสินใจใน ฐานะเอกบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งจะมีความรู้สึกทางจิตบางอย่างเกิดขึ้นด้วย เป็นต้นว่า เอกบุคคลนั้นจะต้องมี กิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับความรู้สึก และมีความรู้ความสามารถโดยท่ัวไปในการตัดสินใจ (Cognition) ใน ประการท่ีสองยังมีปฏิบัติการทางจิตที่เก่ียวข้องกับส่ิงที่เรียกว่าความปรารถนา ความต้องการ หรือความ ตง้ั ใจ (Conation) และประการสุดทา้ ยคือทัศนะทางจิตท่ีเก่ียวข้องกับอารมณ์และความรู้สึก และความพึง พอใจ (Affectation) ซึ่งในความรู้สึกทางจิตดังกล่าวนี้ จะเป็นความรู้สึกที่เอกบุคคลจะได้นําไปพิจารณา ทางเลือกและเลือกทางเลือกท่ีจะสรา้ งความพงึ พอใจให้กับตนเองมากทสี่ ดุ เทา่ ที่จะมากได้ เพราะฉะนั้น ก็อาจจะกล่าวสรุปได้ว่า แท้ที่จริงแล้วเป้าหมายของการตัดสินใจนั้น เป็นการเสาะ แสวงหาสถานภาพอันพึงปรารถนา หมายถึงว่าการท่ีจะได้เลือกทางเลือกในการสร้างความพึงพอใจให้กับ ตนเองมากท่ีสุดน่ันเอง เม่ือเราหันไปพิจารณาหรือนึกถึงข้อเสนอ หลักการ แนวความคิดต่างๆ ก็อาจจะ เป็นแนวทางหรือวิถีทางอันหน่ึงที่จะนําไปสู่สภาพอันพึงปรารถนาในการสร้างความพึงพอใจให้กับตัวเอง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผู้ทําการตัดสินใจทุกคนจะได้ดําเนินการตามข้อเสนอแนะนั้น หมายถึงว่า ข้อเสนอแนะน้ันอาจจะมิใช่มรรควิธีในการจะทําให้บุคคลใดบุคคลหน่ึง ผู้ทําการตัดสินใจบรรลุถึง สถานการณอ์ นั พงึ ปรารถนาท่ีจะสรา้ งความพึงพอใจได้ ท้งั นีก้ เ็ พราะว่ายังมีแง่มุมต่างๆ ที่บุคคลแต่ละคนได้ นาํ เข้ามาพิจารณาในการตัดสนิ ใจนน่ั เอง 2.3.5 พฤติกรรมทั่วไปในการตดั สนิ ใจของมนษุ ย์ พฤติกรรมของมนุษย์มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในหลายระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือ เก่ียวกับพฤติกรรมการตัดสินใจของมนุษย์นั้น เราสามารถแยกแยะระดับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับ สถานการณส์ ่งิ แวดล้อมเป็น 3 ระดับคร่าวๆด้วยกัน ดงั น้ี (วุฒิชัย จาํ นงค์, 2523) คอื 1) นิสยั (Habit) โดยท่วั ไปหมายถงึ ปฏกิ ิริยาตอบโต้ทถี่ ูกกําหนดไว้ โดยการกําหนดเงื่อนไขไว้แล้ว และถ้ามอง ในแงข่ องการปฏิบตั ิการประจาํ วันแลว้ เป็นการประพฤติปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ ไปตามประสบการณ์ท่ีผ่านมาแล้วและ เกิดผลดี จึงไม่ทําการประเมินส่ิงที่ได้ทํามาแล้ว ซึ่งโดยปกติเราก็ทราบกันดีแล้วว่านิสัยนั้นเป็นผลของการ เรียนรู้หรือการสร้างประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว หากว่าการประพฤติปฏิบัติซ่ึงเป็นไปค่อนข้างจะอัตโนมัติ ท้ังนี้ก็เพราะว่าได้มีการประพฤติปฏิบัติเช่นน้ีมาก่อน และรู้สึกว่าได้ผลดีพอสมควร เพราะฉะน้ันการ ตัดสินใจและการเลือกทางเลือกในสถานการณ์ใหม่ ซ่ึงถึงแม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ใหม่แต่ก็คล้ายคลึงกับ สถานการณ์เก่า มนุษย์ก็ชอบที่จะทําการตัดสินใจหรือเลือกทางเลือกตามความเคยชินที่ได้ปฏิบัติมา และ คนส่วนใหญท่ ําการตดั สินใจในลักษณะนีม้ ากด้วย
17 ในอีกแง่หน่ึง นิสัยที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจอาจตีความหมายว่าเป็นการใช้สามัญสํานึก (Commonsense) ทงั้ นก้ี เ็ พราะเหตุวา่ ดว้ ยความเคยชินในการปฏิบัติและลักษณะการตัดสินใจก็ค่อนข้าง จะอัตโนมัติ นั่นเองที่ดูเหมือนหนึ่งว่าการเลือกทางเลือกหรือการพิจารณาใดๆ เป็นการใช้สามัญสํานึก มากกว่าที่จะพิจารณาด้วยเทคนิควิธีต่างๆ ซ่ึงในแง่นี้ในหลายกรณีเราจะเห็นว่าสามัญสํานึกได้ช่วยให้การ ตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หมายถึงว่ามุ่งเน้นที่การปฏิบัติการ ตลอดจนพฤติกรรมท่ีจะนําไปสู่ เปา้ หมาย แต่อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะกล่าวเน้นว่าการใช้สามัญสํานึกในการตัดสินใจน้ัน หากว่าเป็นปัญหา หรอื เรอื่ งราวท่จี ะได้ปฏิบัติการไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อนมากนัก ก็อาจใช้ได้ดี แต่ถ้าหากว่ากรณีปัญหาเป็นไป ในแง่สลบั ซับซ้อนมาก ความผดิ พลาดหรือความไมม่ ีประสิทธผิ ลก็อาจจะเกดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งง่ายดาย 2) การแกป้ ัญหา (Problem Solving) ลักษณะการตัดสินใจในระดับที่สองนี้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงพฤติกรรมของมนุษย์ที่พยายาม เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ส่ิงแวดล้อมก็คือ การประเมินส่ิงใหม่ๆ หรือปัญหาใหม่ๆในสถานการณ์ใหม่ พยายามที่จะใช้วิธีการ เทคนิควิธี ตลอดจนกลวิธีต่างๆที่ใช้มา ตลอดจนการประสบความสําเร็จ แล้วมา แก้ไขปัญหาใหม่ๆ เหล่าน้ัน เราอาจจะบอกได้ว่าส่ิงท่ีแก้ไขคือพฤติกรรม แนวทางพฤติกรรมใหม่ๆ เพราะว่าแนวทางปฏิบัติแต่ละครั้งนั้นในหลายกรณีมิได้ทําโดยนิสัย แต่มีหลายวิธีจะประเมินสถานการณ์ ใหม่ๆ เพื่อที่จะหาลู่ทางในการแก้ไขปัญหาเหล่าน้ัน เพราะฉะนั้นเม่ือแก้ปัญหาได้แล้ว ส่ิงท่ีได้รับอาจจะ สะสมเป็นพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าการแก้ปัญหาน้ันถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับนิสัย แต่ก็มีข้อ แตกตา่ งว่าไดเ้ กิดมนี ิสัยใหม่หรือกระบวนวิธปี ระพฤติใหม่เกดิ ข้นึ ในกรณีเช่นน้ีเราจึงเรียกว่าเป็นพฤติกรรม การตัดสินใจที่เก่ียวข้องกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในการแก้ปัญหา ซ่ึงโดยทั่วไปแล้วก็มีปัญหาในตัวของ มันเอง ท้ังนี้ก็เพราะเหตุว่าโดยธรรมชาติของมนุษย์มีความเป็นจริงอยู่ประการหน่ึงที่ไม่ชอบที่จะเสี่ยง กระทาํ การใดๆ หมายถึงหากว่าเป็นส่ิงใหม่ ปัญหาใหม่ หรือสถานการณ์ใหม่แล้ว ก็อาจจะเกิดความหวาด ไม่กลา้ เผชิญกบั ปัญหาหรือขอ้ เทจ็ จริงที่ใหม่และแปลกหน้าสําหรบั ตวั เอง 3) การสร้างสรรค์ (Creativity) ลักษณะของการสร้างสรรค์เป็นลักษณะพฤติกรรมการตัดสินใจในระดับที่สาม ซ่ึงเป็น ลักษณะท่ีเกี่ยวข้องกับสถานการณ์แปลกใหม่ คือไม่สามารถจะนําเอาปฏิกิริยาตอบโต้หรือประสบการณ์ที่ ผ่านมาแล้วมาช่วยได้มากนัก พฤติกรรมการตัดสินใจแบบนี้มักจะควบคู่กับการมองเห็นช่องทางใน ทันทีทันใด (Insight) ซ่ึงในทางด้านการทําการตัดสินใจซ่ึงเรามักจะใช้วิธีการตัดสินใจที่เรียกว่า Heuristic ในอีกแง่หนึ่งของการสร้างสรรค์น้ัน อาจจะเป็นความรู้สึกประเภทหน่ึงท่ีเรียกได้ว่าเป็นลางสังหรณ์ (Hunch) ทเี่ รียกว่ามปี ระสาทท่ี 6 (The Sixth Sense) ทสี่ ามารถคาดการณ์หรือมองเห็นเหตุการณ์จะโดย รตู้ ัวหรอื ไมก่ ็ตาม ทมี่ องเหน็ อนาคตไดถ้ ูกต้องแม่นยํา 2.3.6 รูปแบบของวธิ กี ารตัดสนิ ใจ เมอ่ื ได้มกี ารกาํ หนดทฤษฎีในการตัดสินใจขนึ้ มาแล้ว และนําเอาทฤษฎีและหลักการเหล่านั้นมาใช้ ในการปฏิบตั ิ จงึ ได้มกี ารจําแนกรปู แบบของวธิ กี ารตัดสนิ ใจดังนี้ (กลุ ธน ธนาพงศธร, 2519)
18 1) การตัดสนิ ใจโดยใชส้ ามัญสาํ นึก (Spontaneous Decision Making) เป็นการตัดสินใจโดยไม่มีหลักการหรือกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ หรือดุลยพินิจของผู้ตัดสินใจแต่ละคนท่ีจะตัดสินใจเอาเองว่า อย่างใดจึงจะเหมาะสมหรือควรจะถูกต้อง ดังน้ันการตัดสินใจตามวิธีการน้ี ผลของการตัดสินใจของบุคคลแต่ละคนจึงมักจะแตกต่างกันออกไป ท้ังน้ี เพราะบุคคลแต่ละคนย่อมใช้ลักษณะประจําตัวซ่ึงแต่ละคนมีอยู่แตกต่างกันเป็นบรรทัดฐานในการ พิจารณาตัดสินใจ ไม่ว่าลักษณะประจําตัวนั้นจะเป็นในเร่ืองสามัญสํานึก ประสบการณ์ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ สญั ชาติญาณ ตลอดจนความรสู้ กึ สงั หรณใ์ จก็ตาม 2) การตดั สนิ ใจโดยใชเ้ หตุใชผ้ ล (Rational Decision Making) เป็นการตัดสินใจโดยมีหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่แน่นอน มิใช่ข้ึนอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของ บุคคลแต่ละคนดังวิธีการแรก หลักเกณฑ์หรือวิธีการดังกล่าวก็คือหลักการความสมเหตุสมผล (Rationalism) ดังน้ันการตัดสินใจตามวิธีการน้ีจึงถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) เข้าช่วย ซ่ึงประกอบด้วยเทคนิคและกระบวนการต่างๆ ที่กําหนดไว้อย่างเป็น ระเบียบแบบแผนและมีระบบกฎเกณฑ์ท่แี นน่ อน
19 2.4 เอกสารงานวิจัยทีเ่ กยี่ วขอ้ ง สุนิสา เหลืองสมบูรณ์ (2537) ได้สํารวจความคิดเห็นของผู้ใช้ท่ีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาเกี่ยวกับ การใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิคส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ พบว่า บริการที่กลุ่มตัวอย่างนิยมใช้กันมากท่ีสุด 5 อันดับ คือ บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคือ การ โอนย้ายแฟ้มข้อมูล การสนทนาผ่านระบบเครือข่าย การใช้เครื่องระยะไกล และการบริการข่าวสาร ตามลําดับ องอาจ ฤทธ์ิทองพิทักษ์ (2539) ได้ศึกษาพฤติกรรมการส่ือสารผ่านระบบเวิลด์ิไวด์เว็บของ นักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า นักศึกษาท่ีมีความแตกต่างกันในเรื่องเพศ อายุ และความเป็น เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์มีพฤติกรรมการสื่อสารผ่านระบบเวิลดิ์ไวด์เว็บแตกต่างกัน โดยเพศชายมี พฤติกรรมการสื่อสารผ่านระบบเวิลดิ์ไวด์เว็บมากกว่าเพศหญิง นักศึกษาที่มีอายุน้อยมีพฤติกรรมการ ส่ือสารผ่านระบบเวิลดิ์ไวด์เว็บมากกว่านักศึกษาที่มีอายุมาก และนักศึกษาท่ีเป็นเจ้าของเครื่อง คอมพิวเตอร์มีพฤติกรรมการส่ือสารผ่านระบบเวิลด์ิไวด์เว็บมากกว่านักศึกษาท่ีไม่เป็นเจ้าของเครื่อง คอมพิวเตอร์ สุจินดา กิจการเจริญสิน (2543) ได้ทําการศึกษาวิจัยเร่ือง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการใช้ ระบบส่ือสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของผู้ใช้บริการระบบส่ือสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ใน กรุงเทพมหานคร” พบว่า ผู้ใช้บริการเพศหญิงมีความถี่ในการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์บ่อยคร้ัง กว่าเพศชาย และสาํ หรับวตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชบ้ ริการเพอื่ ติดตอ่ ส่อื สารกบั บคุ คลอนื่ ทวิดา พลสิทธ์ิ (2546) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการใช้และความพึงพอใจต่ออินเตอร์เน็ตของนิสิต มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ พบวา่ นิสิตนิยมใช้อินเตอร์เน็ตท่ีมหาวิทยาลัยมากท่ีสุด โดยมีความถี่ในการใช้ อนิ เตอรเ์ นต็ 4 - 5 ครั้งต่อสัปดาห์ สําหรับวัตถุประสงค์ของนิสิตในการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือหาความบันเทิง มากทส่ี ดุ นอกจากนนี้ สิ ิตสว่ นใหญม่ ีความเห็นว่าอินเตอร์เน็ตมีความจําเป็นมากต่อการศึกษา มีการบริการ เวิลดไ์ วด์เว็บตา่ งๆ เพื่อค้นหาข้อมูลหรือเนอื้ หาเพอ่ื ประกอบการเรียนและการทาํ วิจยั ผ่านเวบ็ ไซด์ตา่ งๆ Mohaiadin (1995) ได้ศึกษาถึงประโยชน์ท่ีนักศึกษามาเลเซียในต่างประเทศได้รับจากการใช้ อินเตอร์เน็ต ศึกษากรณีอิทธิพลท่ีทําให้นักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตและผลกระทบ พบว่า นักศึกษาชายมี แนวโน้มการใชอ้ ินเตอร์เน็ตสูงกวา่ และมีทกั ษะดกี วา่ นักศกึ ษาหญงิ นักศกึ ษาส่วนมากเคยใช้อินเตอร์เน็ตมา ตั้งแต่ลงทะเบยี นแรกเข้ามหาวทิ ยาลยั และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นบริการท่ีอํานวยความสะดวกที่มีใน อินเตอร์เน็ตซึ่งถูกใช้มากท่ีสุด นอกจากนี้ยังพบว่าทักษะทางคอมพิวเตอร์และประสบการณ์ในเร่ืองน้ีมีผล ต่อความถ่ใี นการใช้ ซึง่ นกั ศึกษาท่ีมีประสบการณแ์ ละทกั ษะทด่ี ีมีแนวโนม้ ในการใชม้ ากกวา่ ปกติ Atkin and other (1998) ได้ทําการศึกษาวิจัยถึงปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ นวัตรกรรมอินเตอร์เน็ท ของประชาชนในเขตเมืองของ Midwest พบว่าคุณลักษณะทางประชากร อันได้แก่ เพศ การศึกษา และ รายไดม้ คี วามสมั พันธต์ อ่ การใชอ้ ินเตอร์เนท็ ของกลุม่ ตัวอย่างอย่างมนี ัยสาํ คญั ทางสถิติ Lieb (2002) ไดศ้ ึกษาเก่ียวกับทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ระบบสื่อสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) ตลอดจนผลกระทบท่ีเกิดจากการใช้ระบบสื่อสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในหมู่
20 พนักงานโรงงานแห่งหนงึ่ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้ความเช่ือถือในข้อมูลที่ได้รับจากการใช้จดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ อีกท้ังยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติที่ดี ซึ่งมีความคิดเห็นว่าการใช้บริการเป็นเรื่องง่าย สะดวก และสามารถใชจ้ ดหมายอิเล็กทรอนกิ สไ์ ดท้ กุ ท่ๆี ระบบเขา้ ถึง 2.5 กรอบแนวคิด การตดั สนิ ใจเลอื กใช้จดหมาย อเิ ล็กทรอนกิ ส์สําหรับรบั สง่ ข้อมลู การให้บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (วเิ ศษศกั ดิ์ โคตร อาษา, 2542) แบ่งออกได้เป็น 3 วิธี คอื ข่าวสารภายในองคก์ รของ 1) เซิร์ฟเวอรข์ องหน่วยงาน เจา้ หนา้ ท่กี รมปอ้ งกันและบรรเทา 2) เซิรฟ์ เวอร์ของ ISP 3) เซิร์ฟเวอรข์ องหน่วยงานทใี่ ห้บรกิ ารฟรี สาธารณภัย (ส่วนกลาง) แรงจงู ใจทางจติ วิทยา (สุนิสา บิลสมทั , 2543) แบ่งได้ เปน็ 2 ประเภท คือ 1) แรงจงู ใจภายใน 2) แรงจงู ใจภายนอก แรงจงู ใจทางสังคม (สงวน สทุ ธเิ ลิศอรุณ, 2527) แบง่ ได้ เป็น 3 ประเภท คือ 1) แรงจูงใจใฝส่ ัมพันธ์ 2) แรงจงู ใจใฝ่อํานาจ 3) แรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์ กรอบแนวคิดข้างต้น แสดงถงึ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสินใจ เลอื กใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์กบั ปจั จยั ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารที่มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้แนวความคิดเรื่องการให้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ ของวิเศษศักดิ์ โคตรอาษา (2542) แนวความคิดเรื่องแรงจูงใจทางจิตวิทยา ของสุนิสา บลิ สมัท (2543) และแนวความคดิ เรือ่ งแรงจงู ใจทางสังคม ของสงวน สุทธิเลศิ อรุณ (2527)
บทท่ี 3 ระเบยี บวิธวี จิ ยั การศึกษาเร่ือง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” ในบทนี้เป็นการ นําเสนอ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษา การสร้างเคร่ืองมือ วิธีการ เกบ็ รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการศึกษา เป็นการศึกษาในรูปแบบของการศึกษา เชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Study) ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้ 3.1 ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษา ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ี ได้แก่ เจ้าหน้าที่ในสังกัดหน่วยงานของกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ส่วนกลาง) ที่หน่วยงานต้ังอยู่ภายในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขที่ 3/12 ถนน อูท่ องนอก เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร 10300 3.2 การสมุ่ กลุ่มตัวอย่าง การสมุ่ กลมุ่ ตวั อยา่ งใช้วธิ กี ารสุม่ แบบเจาะจง และการคาํ นวณขนาดกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษา ครัง้ นไ้ี ดใ้ ช้สตู รของ Taro Yamane (บุญธรรม กิจปรีดาบริสทุ ธิ์, 2531) มคี ่าระดับความเชื่อม่ัน รอ้ ยละ 95 สูตรการคาํ นวณกลมุ่ ตัวอย่าง n= N 1+N(e²) เม่อื n = ขนาดกลุ่มตวั อยา่ ง N = จาํ นวนประชากร e = ค่าความคลาดเคลอ่ื นท่กี าํ หนดไวม้ ีค่าเทา่ กับ 0.05 จากการคํานวณได้กลุม่ ตัวอย่างทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาคร้งั นี้ คิดเป็น n = 542 1+542(0.05²) กลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) เท่ากับ 230 คน เน่ือง ด้วยข้อจํากัดทางด้านเวลาจึงใช้วิธีการเลือกแบบโควต้า (Quota Sampling) จากสํานัก/กอง หน่วยงานละ 4 คน จาก 14 หน่วยงาน รวมทง้ั สน้ิ 56 คน
22 3.3 เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการศึกษา เครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งมีลักษณะปลายปิดโดยกําหนด คําถามไว้หลายคําตอบ เพื่อให้ผู้ตอบสามารถเลือกตอบตามความต้องการ สําหรับเนื้อหาของ แบบสอบถามแบ่งออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ของเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (สว่ นกลาง) สว่ นที่ 2 ปจั จยั ทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสนิ ใจเลอื กใช้บริการจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ สว่ นท่ี 3 ปจั จยั ทางด้านการให้บริการท่ีมีผลตอ่ การตดั สินใจเลอื กใชบ้ ริการจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ แบบสอบถามในแตล่ ะชดุ ประกอบดว้ ย 1. ขอ้ มลู ส่วนบุคคล มีลักษณะแบบเลอื กตอบหลายคําตอบ 2. ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนกิ ส์ เป็นคําถามเกี่ยวกับระดับการประเมิน เป็นแบบมาตราช่วง (Rating Scales) 5 ระดับ ตาม มาตรวัดของ Likert โดยแบ่งคําตอบและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดังนี้ เห็นด้วยมากท่สี ดุ = 5 คะแนน เหน็ ดว้ ยมาก = 4 คะแนน เห็นด้วยปานกลาง = 3 คะแนน เห็นดว้ ยน้อย = 2 คะแนน เหน็ ดว้ ยนอ้ ยทส่ี ุด = 1 คะแนน 3. ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทางด้านการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนกิ ส์ เปน็ คําถามเกี่ยวกับระดับการประเมิน เป็นแบบมาตราช่วง (Rating Scales) 5 ระดับ ตาม มาตรวดั ของ Likert โดยแบง่ คาํ ตอบและเกณฑ์การใหค้ ะแนนดังน้ี เห็นด้วยมากท่สี ุด = 5 คะแนน เห็นด้วยมาก = 4 คะแนน เห็นดว้ ยปานกลาง = 3 คะแนน เห็นดว้ ยนอ้ ย = 2 คะแนน เห็นดว้ ยนอ้ ยที่สดุ = 1 คะแนน การแสดงระดับของคะแนนเฉลย่ี จะพจิ ารณาจากคะแนนคําตอบ โดยใช้เกณฑ์ ดังนี้ อันตรภาคชั้น = คา่ สูงสดุ – ค่าตา่ํ สดุ จํานวนชัน้ = 5–1 5 = 0.80
23 1.00 – 1.80 หมายถงึ กลมุ่ ตัวอย่างมีระดับความคิดเหน็ นอ้ ยท่ีสุด 1.81 – 2.61 หมายถงึ กลมุ่ ตวั อยา่ งมรี ะดบั ความคิดเห็นนอ้ ย 2.62 – 3.42 หมายถึง กลุ่มตัวอยา่ งมรี ะดับความคดิ เหน็ ปานกลาง 3.43 – 4.23 หมายถึง กล่มุ ตัวอย่างมีระดับความคดิ เหน็ มาก 4.24 – 5.00 หมายถงึ กลุม่ ตัวอยา่ งมรี ะดับความคดิ เหน็ มากทส่ี ุด 3.4 การสรา้ งเครอ่ื งมอื ในการศึกษาครั้งนไี้ ดใ้ ช้แบบสอบถามเปน็ เครอ่ื งมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ซึ่งมีรายละเอียดและ ข้ันตอนในการสรา้ งแบบสอบถาม ดังนี้ 1. ศึกษาทบทวนวรรณกรรมท่ีเก่ียวข้องกับเรื่องท่ีจะทําการศึกษา เพ่ือทําความเข้าใจในเรื่องท่ี ศึกษา 2. ศึกษาทบทวนระเบียบวิธวี จิ ยั ทางสังคมศาสตรแ์ ละเทคนคิ ในการออกแบบสอบถาม 3. นําแนวคิดท่ีได้จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมตามข้อ 1 และ 2 มาใช้ในการสร้าง แบบสอบถาม ซ่งึ กําหนดคาํ ถามใหม้ เี นือ้ หาครอบคลุมกบั เรื่องท่ตี ้องการจะศกึ ษา 4. นําแบบสอบถามท่ีสร้างเสร็จแล้วให้อาจารย์ตรวจสอบความถูกต้องและความเที่ยงตรงของ เน้ือหา ภาษาของข้อความ (Content Validity) ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงในส่วนท่ีบกพร่องให้มีความ สมบูรณข์ ึ้น 3.5 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ศึกษาได้ดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยแจกแบบสอบถามไปยัง สํานัก/กอง หน่วยงานละ 4 คน จาก 14 หน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 56 คนโดยขอความร่วมมือในการตอบ แบบสอบถามกลับมายังผู้ศกึ ษา จากน้นั ทาํ การตรวจความสมบูรณข์ องแบบสอบถามดว้ ยตนเอง 3.6 การวิเคราะห์ขอ้ มลู 1. เมื่อได้แบบสอบถามกลับมาแล้วจะมีการให้หมายเลขประจําแบบสอบถามเรียงลําดับต้ังแต่ 1 จนครบทงั้ หมดเพ่ือจดั แบบสอบถามให้เหมาะกบั การวเิ คราะห์ต่อไป 2. ลงรหสั ข้อมลู ในแตล่ ะคําถาม เพือ่ จดั กลมุ่ หมวดหมใู่ นการประมวลผล 3. นําข้อมูลท่ีลงรหัสแล้วไปบันทึกในแผ่นแม่เหล็กคอมพิวเตอร์ ทําการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ โปรแกรมสําเร็จรูปทางสถิติ จากนั้นจึงนําผลการวิเคราะห์ท่ีได้ด้วยค่าทางสถิติแบบ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ คา่ เฉลย่ี เลขคณติ () และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) 4. จากนน้ั จึงนาํ ผลการวเิ คราะหท์ ไ่ี ดม้ าทําการแปลผลเพอ่ื นาํ เสนอในเชิงพรรณนาความตอ่ ไป
บทที่ 4 การวิเคระห์ขอ้ มลู การศึกษาเรื่อง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ขา่ วสารภายในองคก์ รของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้ทําการศึกษาจากการสุ่ม ตัวอย่างประชากรท้ังสิ้น 56 คน การศึกษาคร้ังน้ีใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นลักษณะการศึกษาเชิงปริมาณ ซ่ึงผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลนาํ เสนอดังนี้ การนําเสนอข้อมูลในเชิงพรรณนาเพ่ือแสดงผลของตัวแปรในงานศึกษา โดยแบ่งแยกออกได้เป็น 3 สว่ น คอื ส่วนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (ส่วนกลาง) ส่วนที่ 2 ปจั จัยทางดา้ นแรงจงู ใจทมี่ ผี ลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บรกิ ารจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ส่วนที่ 3 ปจั จัยทางดา้ นการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใชบ้ ริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ การแสดงระดับของคะแนนเฉลย่ี จะพิจารณาจากคะแนนคําตอบ ด้วยเกณฑค์ ะแนน ดงั น้ี 1.00 – 1.80 หมายถึง กลมุ่ ตวั อย่างมีระดบั ความคิดเห็นน้อยทส่ี ดุ 1.81 – 2.61 หมายถงึ กลุ่มตวั อย่างมีระดับความคดิ เห็นน้อย 2.62 – 3.42 หมายถงึ กลุ่มตัวอยา่ งมรี ะดบั ความคิดเห็นปานกลาง 3.43 – 4.23 หมายถงึ กลุ่มตัวอยา่ งมีระดบั ความคิดเห็นมาก 4.24 – 5.00 หมายถึง กลมุ่ ตวั อย่างมีระดบั ความคิดเหน็ มากท่สี ุด ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล โดยแบ่งแยกออกได้เปน็ 3 ส่วน คอื ส่วนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (สว่ นกลาง) โดยแยกพจิ ารณาเป็นดังนี้ - เพศ - ประเภทของพนกั งานของรัฐ - หนว่ ยงานที่ปฏบิ ตั ิงาน - การใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์โดยเฉลย่ี ต่อเดือน - ประสบการณ์การใช้บริการจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ - วัตถปุ ระสงคใ์ นการใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์
1) เพศ 25 ตารางท่ี 4.1 จาํ นวนและร้อยละของกลุ่มตวั อย่างจาํ แนกตามเพศ รอ้ ยละ เพศ จาํ นวน (คน) 42.86 ชาย 24 57.14 หญิง 32 100.00 รวม 56 จากตารางที่ 4.1 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างเพศหญิงมีจํานวนมากกว่าเพศชาย โดยมีจํานวน 32 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 57.14 ส่วนเพศชายมีจาํ นวน 32 คน คิดเปน็ ร้อยละ 57.14 2) ประเภทของพนกั งานของรฐั ตารางท่ี 4.2 จํานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อย่างจําแนกตามประเภทของพนักงานของรัฐ ปกี ารศึกษาปัจจบุ ัน จํานวน (คน) ร้อยละ ขา้ ราชการ 40 71.43 พนักงานราชการ 16 28.57 รวม 56 100.00 จากตารางที่ 4.2 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนมากเป็นข้าราชการ โดยมีจํานวน 40 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 71.43 และพนกั งานราชการมีจํานวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 28.57 3) หน่วยงานที่ปฏิบตั ิงาน จาํ นวน (คน) ตารางท่ี 4.3 จํานวนของกลุ่มตวั อยา่ งจาํ แนกตามหน่วยงานที่ปฏิบตั ิงาน 4 4 หนว่ ยงาน 4 สํานกั ชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั 4 ศนู ยอ์ าํ นวยการบรรเทาสาธารณภัย 4 สํานกั นโยบายปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย 4 สํานักสง่ เสริมการป้องกนั สาธารณภยั 4 สาํ นกั มาตรการปอ้ งกันสาธารณภัย 4 สํานกั เลขานุการกรม 4 สาํ นักบูรณาการสาธารณภยั อบุ ตั ภิ ยั และความปลอดภัยทางถนน สํานกั วิจยั และความร่วมมอื ระหว่างประเทศ สํานักผูต้ รวจราชการกรม
กองการเจา้ หนา้ ที่ หน่วยงาน 26 กองคลงั รวม กองเผยแพร่และประชาสมั พันธ์ จํานวน (คน) กลมุ่ พฒั นาระบบบริหาร 4 กลมุ่ ตรวจสอบภายใน 4 4 4 4 56 จากตารางท่ี 4.3 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างเป็นปฏิบัติงานจากสํานักช่วยเหลือผู้ประสบภัย ศูนย์อํานวยการบรรเทาสาธารณภัย สํานักนโยบายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สํานักส่งเสริมการ ปอ้ งกันสาธารณภัย สํานกั มาตรการปอ้ งกันสาธารณภัย สาํ นกั เลขานุการกรม สํานักบูรณาการสาธารณภัย อุบัติภัย และความปลอดภัยทางถนน สํานักวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ สํานักผู้ตรวจราชการ กรม กองการเจ้าหน้าท่ี กองคลัง กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และกลุ่ม ตรวจสอบภายใน หนว่ ยงานละ 4 คน 4) การใช้บรกิ ารจดหมายอิเล็กทรอนกิ สโ์ ดยเฉล่ียตอ่ เดือน ตารางท่ี 4.4 จาํ นวนและรอ้ ยละของกล่มุ ตัวอยา่ งจาํ แนกตามการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์โดย เฉล่ียตอ่ เดือน เวลาโดยเฉล่ยี จาํ นวน (คน) ร้อยละ เดือนละ 6 – 15 ครง้ั 2 3.57 เดือนละ 16 - 30 ครัง้ 20 35.71 มากกว่าเดือนละ 30 คร้ัง 34 60.72 รวม 56 100.00 จากตารางที่ 4.4 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉลี่ยต่อเดือน มากกว่าเดือนละ 30 คร้ัง จํานวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 60.72 รองลงมาเดือนละ 16 - 30 คร้ัง จํานวน 20 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 35.71 และเดอื นละ 6 – 15 ครัง้ จํานวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 3.57 ตามลําดบั
27 5) ประสบการณ์การใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ตารางท่ี 4.5 จํานวนและร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่างจําแนกตามประสบการณ์การใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ประสบการณ์การใช้บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จาํ นวน (คน) รอ้ ยละ 1 – 2 ปี 5 8.93 3 – 4 ปี 24 42.86 มากกว่า 4 ปี 27 48.21 รวม 56 100.00 จากตารางท่ี 4.5 แสดงใหเ้ ห็นว่ากลมุ่ ตวั อย่างมีประสบการณก์ ารใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มากกว่า 4 ปี จํานวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 48.21 รองลงมา 3 – 4 ปี จํานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 42.86 และ 1 – 2 ปี จํานวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.93 ตามลําดับ 6) วัตถุประสงค์ในการใช้บรกิ ารจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ตารางที่ 4.6 จํานวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจําแนกตามวัตถุประสงค์ในการใช้บริการจดหมาย อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ข้อ) n = 56 วตั ถุประสงคใ์ นการใช้บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จํานวน (คน) รอ้ ยละ เพอ่ื ติดต่อกับบุคคลอื่น 56 100.00 เพอื่ การศึกษา/แลกเปล่ยี นข้อมูล 7 12.50 เพ่ือใช้สาํ หรบั การดาํ เนนิ งาน 37 66.07 เพื่อสง่ั ซ้ือสนิ ค้าหรือบรกิ าร 29 51.19 จากตารางท่ี 4.6 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างมีวัตถุประสงค์ในการใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดต่อกับบุคคลอ่ืน จํานวน 56 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 รองลงมา เพ่ือใช้สําหรับ การดาํ เนนิ งาน จํานวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 66.07 เพ่ือส่ังซื้อสินค้าหรือบริการ จํานวน 29 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 51.19 และเพอ่ื การศึกษา/แลกเปลยี่ นขอ้ มลู จาํ นวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 12.50 ตามลาํ ดับ
28 สว่ นที่ 2 ปัจจยั ทางด้านแรงจงู ใจท่มี ผี ลต่อการตัดสนิ ใจเลือกใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ผลการวิเคระห์ปัจจัยทางด้านแรงจูงใจท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สามารถแสดงผลได้ดงั น้ี ตารางท่ี 4.7 ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการประเมิน ของกลุ่มตัวอย่าง เก่ยี วกบั ปจั จัยทางด้านแรงจูงใจทม่ี ผี ลต่อการตดั สินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ปัจจยั ทางด้านแรงจูงใจ ระดับการประเมนิ (ร้อยละ) ทีม่ ีผลต่อการตัดสินใจ เห็น เหน็ เห็น เห็น เหน็ S.D. ระดบั เลอื กใช้บรกิ าร ด้วย ด้วย ด้วย ด้วย ด้วย จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ทส่ี ดุ กลาง ทีส่ ุด การสื่อสารผ่านจดหมาย 7.10 30.40 46.40 16.10 0.00 3.29 .82 ปาน อิเล็กทรอนิกส์ทําให้เป็น กลาง ทย่ี อมรบั ของสงั คม ก า ร ส่ื อ ส า ร ผ่ า น 19.60 57.10 19.60 3.60 0.00 3.93 .73 มาก จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ช่ ว ย ใ ห้ ผู้ ใ ช้ เ ป็ น ค น ทันสมัยอย่เู สมอ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ 53.60 25.00 21.40 0.00 0.00 4.32 .81 มาก เ ป็ น แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล แ ล ะ ทส่ี ุด ก า ร ติ ด ต่ อ ส่ื อ ส า ร ใ น ระดบั สากล จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 5.40 30.40 41.10 23.20 0.00 3.18 .85 ปาน เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ กลาง ชีวิตประจําวันของคน ไทย จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ 53.60 28.60 17.90 0.00 0.00 4.36 .77 มาก ทําให้มีโอกาสได้รู้จัก ที่สุด กบั บุคคลอ่นื มากข้ึน การติดต่อส่ือสารด้วย 66.10 30.40 3.60 0.00 0.00 4.63 .55 มาก จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ทส่ี ดุ ส า ม า ร ถ ก ร ะ ทํ า ไ ด้ ตลอดเวลา
29 ปจั จัยทางด้านแรงจูงใจ ระดบั การประเมิน (ร้อยละ) ทม่ี ผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจ เหน็ เห็น เหน็ เห็น เห็น S.D. ระดบั เลือกใช้บริการ ดว้ ย ดว้ ย ด้วย ด้วย ดว้ ย จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย ท่สี ุด กลาง ทสี่ ดุ การติดต่อส่ือสารด้วย 46.40 32.10 21.40 0.00 0.00 4.25 .79 มาก จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ทีส่ ุด ช่ ว ย พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ทางด้านภาษาอังกฤษ การติดต่อส่ือสารด้วย 41.10 35.70 23.20 0.00 0.00 4.18 .78 มาก จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ช่ ว ย พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ทางดา้ นคอมพิวเตอร์ เพ่ือนมีส่วนสําคัญใน 7.10 12.50 39.30 23.20 17.90 2.68 1.13 ปาน การตัดสินใจเลือกใช้ กลาง จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ครอบครัวมีส่วนสําคัญ 0.00 0.00 17.90 35.70 46.40 1.71 .75 นอ้ ย ในการตัดสินใจเลือกใช้ ทสี่ ุด จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ผูใ้ ห้บริการ (Server) ที่ 44.60 42.90 12.50 0.00 0.00 4.32 .69 มาก เป็นท่ีนิยม มีผลต่อการ ทสี่ ุด ตั ด สิ น ใ จ เ ลื อ ก ใ ช้ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ รวม 3.71 .78 มาก จากตารางที่ 4.7 โดยภาพรวมแล้วแสดงให้เห็นว่าระดับการประเมินของกลุ่มตัวอย่างในเร่ือง เกี่ยวกับปัจจัยทางด้านแรงจูงใจท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์น้ัน อยู่ใน ระดับมาก ( = 3.71, S.D. = .78) เม่อื พจิ ารณาปัจจยั ทางดา้ นแรงจงู ใจท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เปน็ รายขอ้ แล้วสามารถทีจ่ ะอธบิ ายได้ดงั น้ี 1) การส่ือสารผ่านจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ทําให้เป็นทย่ี อมรับของสังคม พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็น ดว้ ยในระดบั ปานกลาง ( = 3.29, S.D. = .82)
30 2) การสื่อสารผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้ผู้ใช้เป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ พบว่า กลุ่ม ตวั อย่างเหน็ ดว้ ยในระดับมาก ( = 3.93, S.D. = .73) 3) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นแหล่งข้อมูลและการติดต่อสื่อสารในระดับสากล พบว่า กลุ่ม ตัวอย่างเห็นด้วยในระดับมากทสี่ ดุ ( = 4.32, S.D. = .81) 4) จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์เปน็ ส่วนหนึง่ ในการใช้ชีวิตประจําวันของคนไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่าง เหน็ ด้วยในระดับปานกลาง ( = 3.18, S.D. = 0.85) 5) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ทําให้มีโอกาสได้รู้จักกับบุคคลอื่นมากขึ้น พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็น ดว้ ยในระดบั มากที่สดุ ( = 4.36, S.D. = .77) 6) การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกระทําได้ตลอดเวลา พบว่า กลุ่ม ตัวอย่างเหน็ ด้วยในระดบั มากท่ีสุด ( = 4.63, S.D. = .55) 7) การติดตอ่ สือ่ สารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ พบว่า กล่มุ ตัวอยา่ งเหน็ ดว้ ยในระดบั มากทีส่ ุด ( = 4.25, S.D. = .79) 8) การตดิ ตอ่ สอ่ื สารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ พบว่า กลมุ่ ตวั อยา่ งเหน็ ดว้ ยในระดับมาก ( = 4.18, S.D. = .78) 9) เพื่อนมีส่วนสําคัญในการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็น ด้วยในระดับปานกลาง ( = 2.68, S.D. = 1.13) 10) ครอบครัวมีส่วนสําคัญในการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง เหน็ ด้วยในระดับน้อยทส่ี ุด ( = 1.71, S.D. = .75) 11) ผู้ให้บริการ (Server) ท่ีเป็นที่นิยม มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า กลมุ่ ตัวอย่างเหน็ ด้วยในระดบั มากที่สุด ( = 4.32, S.D. = .69) จากปจั จยั ทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ท้ังหมด 11 ข้อ จะพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเร่ืองเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ สามารถกระทําได้ตลอดเวลามากท่ีสุด และครอบครัวมีส่วนสําคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ จดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์นอ้ ยทส่ี ดุ
31 ส่วนท่ี 3 ปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ ผลการวิเคระห์ปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ สามารถแสดงผลได้ดงั น้ี ตารางท่ี 4.8 ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับการประเมิน ของกลุ่มตัวอย่าง เกี่ยวกบั ปัจจัยทางดา้ นการใหบ้ ริการทม่ี ผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจเลือกใช้บริการจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ปจั จัยทางด้านการ ระดบั การประเมนิ (ร้อยละ) ใหบ้ ริการทีม่ ีผลต่อการ เห็น เหน็ เห็น เห็น เห็น S.D. ระดบั ตดั สินใจเลือกใช้บริการ ด้วย ด้วย ด้วย ดว้ ย ดว้ ย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทีส่ ุด กลาง ทสี่ ดุ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 53.60 37.50 8.90 0.00 0.00 4.45 .65 มาก เป็นเทคโนโล ยีการ ที่สดุ ส่ื อ ส า ร ท่ี ส ะ ด ว ก รวดเรว็ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 44.60 44.60 10.70 0.00 0.00 4.34 .66 มาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ท่สี ุด ในการติดต่อสื่อสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 26.80 44.60 28.60 0.00 0.00 3.98 .75 มาก เป็นช่องทางการสื่อสาร ใหม่ท่ีสามารถใช้แทน ได้ดีกว่าจดหมายแบบ ปกติ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ 14.30 23.20 37.50 8.90 16.10 3.11 1.24 ปาน สามารถช่วยในการรับ- กลาง ส่ ง ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ทางดา้ นการศึกษา จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 28.60 42.90 19.60 8.90 0.00 3.91 .92 มาก สามารถช่วยในการรับ- ส่ ง ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ทางด้านการซ้ือ-ขาย สินคา้ /บรกิ าร
32 ปัจจัยทางด้านการ ระดบั การประเมนิ (ร้อยละ) ให้บริการทีม่ ผี ลต่อการ เหน็ เหน็ เหน็ เหน็ เห็น S.D. ระดับ ตดั สนิ ใจเลือกใช้บริการ ดว้ ย ด้วย ดว้ ย ด้วย ดว้ ย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทสี่ ดุ กลาง ท่ีสุด จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 41.10 28.60 30.40 0.00 0.00 4.11 .84 มาก สามารถช่วยในการรับ- ส่ ง ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ทางดา้ นการปฏิบตั งิ าน ความสามารถในการ 39.30 33.90 16.10 10.70 0.00 4.02 1.00 มาก บั น ทึ ก ข้ อ มู ล ท่ี มี ป ริ ม า ณ ม า ก ข อ ง จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ มผี ลต่อการเลอื กใช้ การออกแบบหน้าเว็บ 48.20 25.00 26.80 0.00 0.00 4.21 .84 มาก (Web) ท่ีสวยงามและ เข้าใจง่ายมีผลต่อการ ตัดสนิ ใจเลือกใชบ้ ริการ จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ความสะดวกในการ 32.10 50.00 17.90 0.00 0.00 4.14 .69 มาก เ ช่ื อ ม ต่ อ ผู้ ใ ห้ บ ริ ก า ร (Server) มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกใช้บริการ จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ระบบความปลอดภัยที่ 51.80 30.40 17.90 0.00 0.00 4.34 .76 มาก ดีในการเข้าถึงข้อมูลมี ท่ีสุด ผ ล ต่อ กา ร ตัด สิน ใ จ เ ลื อ ก ใ ช้ บ ริ ก า ร จดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ รวม 4.06 .83 มาก
33 จากตารางท่ี 4.8 โดยภาพรวมแล้วแสดงให้เห็นว่าระดับการประเมินของกลุ่มตัวอย่างในเรื่อง เก่ียวกับปจั จัยทางดา้ นการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ อยู่ในระดับ มาก ( = 4.06, S.D. = 0.83) เม่ือพิจารณาปัจจัยทางด้านการให้บริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์เป็นรายข้อแลว้ สามารถที่จะอธบิ ายได้ดงั นี้ 1) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารท่ีสะดวกรวดเร็ว พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็น ด้วยในระดับมากที่สุด ( = 4.45, S.D. = .65) 2) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อส่ือสาร พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็น ดว้ ยในระดับมากที่สดุ ( = 4.34, S.D. = .66) 3) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางการสื่อสารใหม่ที่สามารถใช้แทนได้ดีกว่าจดหมายแบบ ปกติ พบว่า กลมุ่ ตวั อยา่ งเหน็ ด้วยในระดบั มาก ( = 3.98, S.D. = .75) 4) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยในการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารทางด้านการศึกษา พบว่า กลุ่มตวั อย่างเหน็ ด้วยในระดบั ปานกลาง ( = 3.11, S.D. = 1.24) 5) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยในการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารทางด้านการซื้อ-ขายสินค้า/ บรกิ าร พบวา่ กลุ่มตัวอยา่ งเห็นดว้ ยในระดับมาก ( = 3.91, S.D. = .92) 6) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยในการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารทางด้านการปฏิบัติงาน พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งเหน็ ด้วยในระดบั มาก ( = 4.11, S.D. = .84) 7) ความสามารถในการบันทึกข้อมูลท่ีมีปริมาณมากของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มีผลต่อการ เลอื กใช้ พบว่า กลมุ่ ตวั อยา่ งเห็นดว้ ยในระดบั มาก ( = 4.02, S.D. = 1.00) 8) การออกแบบหน้าเว็บ (Web) ที่สวยงามและเข้าใจง่ายมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ พบวา่ กลุม่ ตัวอยา่ งเห็นดว้ ยในระดับมาก ( = 4.21, S.D. = .84) 9) ความสะดวกในการเชื่อมต่อผู้ให้บริการ (Server) มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการ จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งเหน็ ด้วยในระดับมาก ( = 4.14, S.D. = .69) 10) ระบบความปลอดภัยที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ พบวา่ กลุ่มตัวอย่างเห็นดว้ ยในระดับมากท่ีสุด ( = 4.34, S.D. = .76) จากปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมด 10 ข้อ จะพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเรื่องเก่ียวกับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็น เทคโนโลยีการส่ือสารท่ีสะดวกรวดเร็วมากท่ีสุด และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยในการรับ-ส่ง ข้อมูลข่าวสารทางดา้ นการศึกษาน้อยท่สี ดุ
บทที่ 5 สรปุ และอภปิ รายผล การศึกษาเร่ือง “ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับรับส่งข้อมูล ข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง)” เป็นการศึกษาเชิง ปริมาณ (Quantitative Study) ทม่ี ุ่งศกึ ษาปัจจัยทางด้านแรงจูงใจ และปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผล ต่อการตดั สนิ ใจเลอื กใชบ้ ริการจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ของกลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (ส่วนกลาง) โดยมีวตั ถุประสงคใ์ นการศกึ ษาดงั นี้ 1. เพ่ือศกึ ษาปัจจยั ทางดา้ นแรงจูงใจท่ีมีผลต่อการตดั สินใจเลอื กใชจ้ ดหมายอิเล็กทรอนิกส์สําหรับ รับส่งขอ้ มูลข่าวสารภายในองค์กรของเจ้าหนา้ ทีก่ รมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) 2. เพ่ือศึกษาปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์สําหรบั รบั สง่ ข้อมลู ขา่ วสารภายในองค์กรของเจ้าหน้าท่ีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สว่ นกลาง) กลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนกลาง) วิธีการเลือกแบบ เฉพาะเจาะจงจากสํานัก/กอง หนว่ ยงานละ 4 คน จาก 14 หน่วยงาน รวมท้ังส้ิน 56 คน และเคร่ืองมือที่ใช้ใน การเก็บรวบรวมข้อมูลในคร้ังน้ีด้วยแบบสอบถาม (Questionnaire) โดยเก็บข้อมูลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น ผู้ศึกษาได้ใช้โปรแกรมสําเร็จรูป SPSS (Statistical Package for the Social Sciences) Version 17 for Windows และได้ทําการประเมินผลด้วยการวิเคราะห์เชิงพรรณนา โดยใช้ค่าความถ่ี (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic Mean) และค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพ่ืออธิบายข้อมูลเก่ียวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ และปัจจัยปัจจัยทางด้านแรงจูงใจและปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการ จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ สข์ องกลมุ่ ตัวอย่าง 5.1 สรุปผลการศึกษา สามารถสรปุ ผลการศกึ ษาได้เป็นดังนี้ 5.1.1 ขอ้ มูลเก่ียวกับลักษณะทางประชากรศาสตรข์ องกลมุ่ ตัวอย่าง จากผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างจํานวน 56 คน โดยมากเป็นเพศหญิง เป็นข้าราชการ ใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์โดยเฉลย่ี ตอ่ เดอื น มากกว่าเดือนละ 30 ครั้ง มปี ระสบการณ์การใช้บริการ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ มากกว่า 4 ปี มีวตั ถปุ ระสงค์ในการใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เพื่อติดต่อกับ บคุ คลอนื่
35 5.1.2 ปจั จยั ทางด้านแรงจงู ใจท่ีมผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจเลอื กใชบ้ รกิ ารจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประเมินปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสินใจ เลือกใชบ้ รกิ ารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จํานวน 11 ข้อ เม่ือคิดค่าเฉล่ียของปัจจัยทางด้านแรงจูงใจทั้งหมด แล้ว ปรากฏว่าได้ค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.71 ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้วปัจจัยทางด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อ การตัดสนิ ใจเลอื กใช้บริการจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ของกลมุ่ ตวั อย่าง อยใู่ นระดบั มาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเรื่องเก่ียวกับการ ติดต่อสื่อสารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกระทําได้ตลอดเวลามากที่สุด และครอบครัวมีส่วน สาํ คญั ในการตัดสินใจเลอื กใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์นอ้ ยทส่ี ดุ 5.1.3 ปจั จัยทางดา้ นการให้บรกิ ารท่ีมผี ลต่อการตดั สินใจเลอื กใชบ้ รกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประเมินปัจจัยทางด้านการให้บริการท่ีมีผลต่อการตัดสินใจ เลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จํานวน 10 ข้อ เมื่อคิดค่าเฉล่ียของปัจจัยทางด้านการให้บริการ ทง้ั หมดแลว้ ปรากฏว่าได้ค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.06 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้วปัจจัยทางด้านการให้บริการ ที่มผี ลตอ่ การตัดสินใจเลอื กใชบ้ รกิ ารจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ของกลมุ่ ตัวอย่าง อยใู่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการประเมินปัจจัยในเร่ืองเกี่ยวกับจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารท่ีสะดวกรวดเร็วมากท่ีสุด และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถ ช่วยในการรับ-สง่ ขอ้ มูลขา่ วสารทางด้านการศึกษาน้อยท่ีสุด 5.2 อภปิ รายผลการศึกษา แบ่งออกได้เป็นดงั น้ี 5.2.1 ขอ้ มลู เก่ยี วกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ จากผลการศึกษาพบว่าผู้ใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างจํานวน 56 คน โดยมากเป็นเพศหญิง ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั การศึกษาวจิ ยั เกย่ี วกับปัจจัยท่มี ผี ลต่อพฤติกรรมการใช้ระบบส่ือสาร จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ของผใู้ ช้บริการในกรุงเทพมหานคร ของ สุจินดา กิจการเจริญสิน (2543) ที่พบว่า เพศหญิงมีความสนใจในการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเพศชาย แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบัน เพศหญิงมีความต่นื ตวั ในการใชบ้ รกิ ารจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์มากขึน้ เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อติดต่อกบั บุคคลอ่ืนมากท่สี ดุ ซ่ึงสอดคล้องกบั สจุ ินดา กิจการเจริญสิน (2543) สําหรับใน ส่วนน้ีพอจะอธิบายได้จากทฤษฎีความต้องการที่เข้าใจง่ายของ Murray (Murray’s Manifest Need Theory: 1938 อ้างใน หลุย จําปาเทศ, 2535) ว่าการพิจารณามนุษย์น้ันต้องมองโดยส่วนรวม (Holistic View) พฤติกรรมเปน็ ผลมาจากขบวนการทางร่างกาย จิตใจ และผลกระทบจากส่ิงแวดล้อมภายนอก เช่น พนักงานผู้ซ่ึงต้องการความรักจากเพ่ือนฝูงมาก ก็จะพยายามสังคมกับเพ่ือนทุกครั้งท่ีมีโอกาส หรือสังคม สภาพแวดล้อมเอ้ืออํานวยเขา ดังน้ันจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นช่องทางหนึ่งของการติดต่อสื่อสาร และสร้างสมั พนั ธก์ ับบุคคลอ่ืนในสังคม
36 5.2.2 ปจั จัยทางด้านแรงจงู ใจท่มี ผี ลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ รกิ ารจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ปัจจัยทางด้านแรงจูงใจ 3 อันดับแรก ที่มีผลต่อการตัดสินใจ เลอื กใช้จดหมายอเิ ล็กทรอนิกสข์ องกลมุ่ ตัวอยา่ ง คอื 1) การติดต่อสอื่ สารด้วยจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ สามารถกระทาํ ไดต้ ลอดเวลา 2) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ทาํ ใหม้ ีโอกาสไดร้ จู้ กั กบั บุคคลอนื่ มากขึน้ 3) จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์เป็นแหล่งขอ้ มลู และการตดิ ตอ่ สอ่ื สารในระดับสากล กล่าวคือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นแหล่งข้อมูลและการติดต่อสื่อสารในระดับสากล ท่ีสามารถ กระทําได้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์และภาษาอังกฤษ อีกทั้งการส่ือสารชนิดน้ี เป็นท่ียอมรับของสังคม ซ่ึงสอดคล้องกับการวิจัยและการศึกษาของหลายๆท่าน อาทิ สุนิสา เหลือง สมบูรณ์ (2537) ได้ศึกษาสํารวจความคิดเห็นของผู้ใช้ที่สังกัดสถาบันอุดมศึกษาเกี่ยวกับการใช้ระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ พบว่า บริการที่กลุ่ม ตัวอย่างนิยมใช้กันมากท่ีสุด คือ บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และ Lieb (2002) ได้ศึกษาเกี่ยวกับ ทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมการใชร้ ะบบสื่อสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) ตลอดจนผลกระทบ ท่ีเกิดจากการใช้ในหมู่พนักงานโรงงานแห่งหน่ึง พบว่า การใช้บริการเป็นเร่ืองง่าย สะดวก และสามารถ ใชไ้ ดท้ กุ ท่ี จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นท่ีกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์น้ัน เมื่อพิจารณาในภาพรวมจะพบว่าเป็นปัจจัยท่ีเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการใน ส่วนภายในของตัวเขาเอง และมีผลกระทบต่อสังคมภายนอก แสดงว่าระบบการส่ือสารโดยจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ได้ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของบุคคลและสังคม นอกจากนี้หากจะวิเคราะห์ตาม แนวคิดของ สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ (2541) ที่กล่าวไว้ว่า “การตัดสินใจ” เป็นกระบวนการในการกระทํา กิจกรรมเพ่ือให้เกิดการตัดสินใจเลือกทางเลือกซ่ึงมีอยู่หลายทางโดยเลือกทางเลือกที่เห็นว่าดีที่สุด ภายหลังจากการท่ีได้พิจารณาไตร่ตรองเรียบร้อยแล้ว เป็นแนวทางปฏิบัติไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ แสดงว่า ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเป็นปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจ ที่กลุ่มตัวอย่างได้พิจารณาทางเลือกต่างๆ และ เลง็ เหน็ ว่าปัจจยั ดังกล่าวจะเปน็ แนวทางในการตดั สินใจเลอื กใชบ้ ริการจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ 5.2.3 ปจั จยั ทางดา้ นการให้บรกิ ารทมี่ ผี ลต่อการตัดสนิ ใจเลอื กใช้บรกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ปัจจัยทางด้านการให้บริการ 3 อันดับแรก ท่ีมีผลต่อการตัดสินใจ เลอื กใชจ้ ดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ของกลมุ่ ตัวอย่าง คือ 1) จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์เป็นเทคโนโลยกี ารส่ือสารที่สะดวกรวดเร็ว 2) จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ สช์ ว่ ยประหยัดคา่ ใชจ้ า่ ยในการติดต่อสื่อสาร 3) ระบบความปลอดภัยที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการจดหมาย อิเลก็ ทรอนกิ ส์ กล่าวคือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเทคโนโลยีการส่ือสารที่สะดวกรวดเร็ว เป็นช่องทางใหม่ที่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อส่ือสาร ดังน้ันระบบความปลอดภัยที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลจึงเป็นส่ิง
37 สําคัญ อีกทั้งยังช่วยในการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารทางด้านการศึกษา แสดงว่ากลุ่มตัวอย่างเห็นว่า จดหมาย อิเล็กทรอนิกส์เป็นเทคโนโลยีที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้บริการ ในด้านต่างๆ เช่น สะดวกรวดเร็ว, ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถรับส่งข้อมูลทางด้านการศึกษา เป็นต้น ซ่ึงสอดคล้องกับผลการศึกษาของ Lieb (2002) ไดศ้ ึกษาเกีย่ วกับทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ระบบสื่อสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีเห็นว่า การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเรื่องง่าย สะดวก และสามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ๆ ระบบเข้าถึง 5.3 ขอ้ เสนอแนะ ผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะเพ่ือการปรับปรุงและการนําจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในด้านการ ปฏิบตั งิ าน ดังต่อไปน้ี 1. เซิร์ฟเวอร์ท่ีเป็นผู้ให้บริการจะต้องเป็นเซิร์ฟเวอร์ท่ีได้รับความนิยม มีระบบความปลอดภัยท่ีดี ในการเข้าถึงข้อมูล ความสะดวกต่อการเช่ือมต่อเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ มีการออกแบบเซิร์ฟเวอร์ท่ีสวยงาม และ สามารถท่ีจะเกบ็ บันทึกขอ้ มลู ต่างๆ ไดป้ รมิ าณมากด้วย 2. การใหบ้ รกิ ารของเซริ ฟ์ เวอร์ ควรทีจ่ ะคํานึงถึงผลประโยชน์ทางด้านอ่ืนด้วย เช่น การให้บริการ messenger, webboard หรือ chartroom เป็นต้น เพ่ือท่ีจะดึงดูดผู้ใช้บริการและสร้างเป็นชุมชนทาง cyber space ซงึ จะเป็นการเพิ่มคณุ คา่ (Value Added) 3. การกํากับดูแลทางด้านสารสนเทศ หรือธุรกรรม online จําเป็นที่จะต้องให้การสนับสนุนใน เร่อื งของโครงสร้างพนื้ ฐานต่างๆ เชน่ ช่องความถส่ี ญั ญาณ 5.4 ขอ้ เสนอแนะสาํ หรับการศกึ ษาครัง้ ตอ่ ไป 1. การศกึ ษาในครั้งต่อไป ควรมีการศึกษาด้านความพึงพอใจและการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการ จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เพ่อื นาํ ขอ้ มลู ทไ่ี ด้ไปใช้ปรับปรุงการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ใหด้ ียิ่งขนึ้ 2. การศึกษาครั้งน้ี เป็นการศึกษาในเร่ืองเก่ียวกับปัจจัยทางด้านแรงจูงใจและปัจจัยทางด้านการ ให้บริการที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้นยังมีปัจจัย ด้านอื่นที่น่าสนใจและสําคัญอ่ืนอีกท่ีควรศึกษา เช่น ปัจจัยทางด้านเทคนิค หรือปัจจัยทางด้านกฎหมาย เป็นต้น 3. การศึกษาคร้ังต่อไป ควรที่จะมีการศึกษาเชิงลึกในลักษณะของการสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการ จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์และผใู้ หบ้ ริการ เพอ่ื ท่ีจะทราบถึงความสัมพนั ธ์ของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการในแง่ ของวัตถุประสงค์เชิงนโยบาย
บรรณานกุ รม กุลธน ธนาพงศธร. หลกั การกําหนดนโยบายของรัฐ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2519. เก็จกาญจน์ อ่อนเปี่ยม. การศึกษาความสัมพันธร์ ะหว่างพฤติกรรมการตัดสนิ ใจ ค่านยิ มในการพฒั นา ประเทศและภูมิหลงั ทางเศรษฐกิจสังคม: ศึกษาเฉพาะกรณีผู้บรหิ ารโรงเรียน สังกดั กรมสามัญ ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ. สารนิพนธ์มหาบัณฑิต, คณะรัฐศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531. จิราภา เต็งไตรรัตน์ และคณะ. จิตวิทยาทว่ั ไป. พิมพค์ รัง้ ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2543. ถนอมพร ตนั พิพัฒน์. อนิ เตอรเ์ นต็ เพื่อการศึกษา. พิมพ์ครัง้ ท่ี 1. ครศุ าสตร์จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2539. ถาวร เกียรติทับทิว และพรชัย ลิขิตธรรมโรจน์. รูปแบบภาวะผู้นําในการเพ่ิมพูนประสิทธิภาพและ เสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ: ศึกษาเฉพาะกรณี 6 กระทรวงหลักของไทย. รายงาน การวิจัย, ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์, คณะวิทยาการจัดการ, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่, 2540. ถาวร เขียนเสมอ. E-mail กับการเรยี นการสอน. โรงเรยี นสตั หีบวทิ ยาคม: ม.ป.ท., 2545. ทวดิ า พลสทิ ธ์ิ. การใชแ้ ละความพึงพอใจต่ออินเตอรเ์ นต็ ของนสิ ิตมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. วิทยานพิ นธม์ หาบัณฑิต, คณะศึกษาศาสตร์ (เทคโนโลยกี ารศึกษา), มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 2546. ธีรวดี ถงั คบุตร. ก ก กก ก F ˆ กF กก . วิทยานิพนธ์ดษุ ฎบี ณั ฑิต, คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2552. บุญธรรม กิจปรดี าบรสิ ุทธ์ิ. การเขยี นรายงานการวิจยั และวิทยานิพนธ์. พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร: ภาควชิ าศึกษาศาสตร์, คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหดิ ล, 2531. พจนยี ์ ทวีโภคา. แรงจูงใจของอาสาสมัครในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์: กรณศี กึ ษาวัดพระบาท นํา้ พุ จงั หวัดลพบุรี. วทิ ยานพิ นธม์ หาบณั ฑติ , คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์, มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2542. ราชบัณฑติ สถาน. พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525. กรุงเทพมหานคร: สาํ นกั พิมพ์อกั ษร เจริญทศั น์, 2525. ราชบัณฑติ สถาน. พจนานกุ รมศพั ทส์ งั คมวิทยา องั กฤษ – ไทย. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร: อมรนิ ทร์พร้ินติง้ กรุ๊พ, 2532.
Search