รายงานการศึกษา ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนา กจิ การอาสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝ่ายพลเรือน ในพืน้ ท่ีจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ์ จดั ทาโดย ว่าทีพ่ นั ตรี อภิญญา ศกั ดินนั ท์ รหสั ประจาตวั นกั ศึกษา 46 เอกสารฉบบั น้ ีเป็ นส่วนหนงึ่ ในการศึกษาอบรม หลกั สูตรนกั บริหารงานป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั (นบ.ปภ.) รุ่นที่ 10 วิทยาลยั ป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรมป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั
ก คำนำ การศึกษาวจิ ัย เรื่อง ปัญหาอุปสรรคในการพฒั นากิจการอาสาสมัครปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมัครป้องกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น ในพนื้ ท่ีจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ฉบับนี้ เปน็ สว่ นหนึง่ ของการศกึ ษาวจิ ัยสว่ นบุคคลหลักสูตรนกั บรหิ ารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รนุ่ ที่ 10 วทิ ยาลยั ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั โดย มวี ตั ถุประสงค์และเปา้ หมาย เพ่ือทราบปญั หาอุปสรรคในการพัฒนากจิ การอาสาสมคั รปอ้ งกนั ภยั ฝ่ายพลเรอื น (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมัครปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น ในพื้นทจ่ี ังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ และ เพอื่ รับทราบขอ้ เสนอและแนวทางในการดาเนินการแกไ้ ขปัญหา อปุ สรรค ในการพฒั นากจิ การอาสาสมคั ร ปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) จากเจา้ หนา้ ที่ผเู้ กีย่ วขอ้ ง ซึง่ ปฏิบัตหิ น้าทป่ี ระจาศูนย์ อปพร. อาเภอ และเจา้ หน้าทีป่ ระจาศนู ย์ อปพร. จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์ และนาผลการศึกษาเสนอผูอ้ านวยการ ศูนย์อาสาสมัครปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื นประจวบครี ขี นั ธ์ เพือ่ ทราบปัญหาอุปสรรคและพจิ ารณากาหนด แนวทางการในการพฒั นากิจการอาสาสมัครปอ้ งกนั ภยั ฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ของศนู ย์อาสาสมัคร ป้องกันภัยฝ่ายพลเรอื น ในพ้นื ทจ่ี งั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ ตอ่ ไป อน่งึ ในการจดั ทาเอกสารวจิ ัยฉบบั นี้ มขี ้อจากดั ในเรื่องระยะเวลาทใี่ ช้ในการศึกษา และ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ซึ่งเป็นแบบสมั ภาษณ์ ตลอดจนการคน้ ควา้ เอกสารทเี่ ก่ียวขอ้ ง ซ่งึ หากมีข้อบกพร่อง ผู้ศกึ ษาวิจัยต้องขออภยั ไว้ ณ โอกาสนี้ ทา้ ยทสี่ ดุ น้ี ผศู้ กึ ษาวิจัย ขอขอบพระคุณทา่ นอธิบดี กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เป็นอยา่ งสงู ทีไ่ ด้กรณุ าสนับสนนุ และใหโ้ อกาส ผศู้ กึ ษาผ้วู ิจยั ได้เขา้ รบั การศึกษาอบรมหลักสตู ร นักบรหิ ารงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย รุ่นท่ี 10 น้ี และขอขอบคณุ คณะอาจารย์ท่ีปรกึ ษา ท่ไี ด้ กรุณาให้คาแนะนาในการศกึ ษาวจิ ัย ตลอดจนเพือ่ นนักศกึ ษาทไ่ี ดช้ ่วยคน้ หาเอกสาร และช่วยตรวจทาน งานวจิ ัยไว้ ณ โอกาสนี้ อภิญญา ศกั ดินนั ท์ นกั ศกึ ษาหลกั สตู ร นบ.ปภ. รุ่นท่ี 10 เมษายน 2557
ฉ สารบัญ คานา ก หนา้ กิตตกิ รรมประกาศ ข บทสรุปสาหรับผบู้ รหิ าร ค-ง สารบญั จ สารบญั ตาราง ฉ สารบัญภาพ ช บทท่ี 1 บทนา 1 ความสาคัญ และทม่ี าของปญั หาวจิ ยั 2 2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 4 วิธกี ารและขอบเขตการศึกษา 5 20 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับในการศึกษา 27 บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎี ระเบยี บ กฎหมาย และเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง ขอ้ กฎหมาย และระเบียบที่เกย่ี วขอ้ ง 33 34 แนวนโยบายและหนงั สอื สั่งการ 35 35 กรอบแนวคดิ และทฤษฎีทีเ่ กย่ี วขอ้ ง บทที่ 3 ระเบยี บวธิ วี จิ ยั 36 วธิ ีดาเนินการวจิ ยั 41 ประชากร 46 ตวั อย่าง และเคร่อื งมือท่ีใช้ในการศกึ ษา การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล และการแปรผลขอ้ มลู บทท่ี 4 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู สรุปผลการสัมภาษณ์ ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ บทท่ี 5 บทสรุปและอภิปรายผล สรปุ ผล และอภปิ รายผล การนานโยบายไปสู่การปฏบิ ตั ิ บรรณานุกรม ภาคผนวก ตารางฝกึ อบรม อปพร. และหลักสูตร สรุปยอด อปพร. ภาพกจิ กรรม. แบบสมั ภาษณ์ แบบเสนอโครงร่างการศึกษาวจิ ยั สว่ นบุคคล ( Proposal) ประวตั ผิ ู้เขียน
ฉ หนา้ 36 สารบัญตาราง ตารางท่ี 4.1 รายชอื่ ประชากรที่ใช้ในการศกึ ษา ตารางที่ 4.2 ตารางฝึกอบรม อปพร. 50
ช หนา้ สารบญั ภาพ 28 30 แผนภูมทิ ี่ 31 1 ภาพท่ี 2.1 ทฤษฎีระบบ ของ เดวดิ อิสต้น 2 ภาพที่ 2.2 ตวั แบบปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างปัจจยั 3 ภาพท่ี 2.3 ตวั แบบการกระจายอานาจ
บทที่ 1 บทนา ความสาคัญและที่มาของปญั หาวิจัย ด้วยศนู ย์ อปพร. กลาง ได้กาหนดใหศ้ นู ย์ อปพร. ทุกแห่งท่วั ประเทศ ดาเนนิ การจดั ฝึกอบรมจดั ต้งั และฝึกทบทวน อปพร. ให้ไดร้ ้อยละ 2 ของจานวนประชากร ในแตล่ ะพ้ืนที่ โดยใหจ้ งั หวดั ในฐานะ ศนู ย์ อปพร. จังหวัด ควบคุมกากบั ดแู ล การฝึกอบรมให้เปน็ ไปตามหลักสตู รทศี่ นู ย์ อปพร. กลาง กาหนด และให้ผอู้ านวยการศูนย์ อปพร. ทุกระดบั ส่ังใช้ อปพร. ทผ่ี ่านการฝกึ อบรม จดั ตั้ง หรือทบทวนให้ ปฏิบตั ติ ามภารกจิ ด้านการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามที่กาหนดไว้ใน พระราชบญั ญตั กิ ารป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยกิจการอาสาสมัครปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรือน พ.ศ. 2553 โดยใหท้ าการควบคมุ กากบั ดูแล ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบ กฎหมายท่ีเกีย่ วข้อง ปัญหาอุปสรรคในการพฒั นากิจการอาสาสมัครป้องกันภัยฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) ของ ศนู ย์อาสาสมคั รปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรือน ในสถานการณ์ปัจจบุ ันในหลายพ้นื ทม่ี สี ภาพปัญหาคล้ายกัน โดยเฉพาะในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ซง่ึ เป็นพืน้ ท่ีท่ผี วู้ จิ ัยปฏิบตั ิงานด้านนี้โดยตรง มีปญั หา และ อปุ สรรคหลายประการ ซึง่ เปน็ เหตุสาคัญในการพัฒนากิจการ อปพร. ในพ้นื ท่ี ไมม่ ีประสิทธภิ าพเทา่ ที่ควร เช่น มีตัวเลขทข่ี ้ึนทะเบียน อปพร. ไว้ ทัง้ จงั หวัดจานวนมาก แต่มีการสงั่ ใชป้ ระจาไม่ถงึ 50 % มี อปพร. จานวนมากทผี่ า่ นการฝึกอบรมไปแลว้ ไมเ่ คยมาเข้าร่วมกิจกรรมของศูนย์ อปพร. เลย หรอื มาเพียงไม่ก่ีครั้ง ต่อปี หรอื มา แตไ่ มไ่ ด้ให้ความร่วมมอื ในการทากจิ กรรมเทา่ ท่ีควร ซ่งึ แสดงใหเ้ ห็นได้ชดั เจนวา่ การส่งั ใช้ และการควบคุมกากบั ดูแลกาลงั พล สมาชกิ อปพร. ในแตล่ ะศูนย์ อปพร. ไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพเท่าทีค่ วร และ ตัวสมาชิก อปพร. เองก็ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือ หรอื ขาดการมสี ่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก ระบบการฝกึ ศึกษาที่กาหนดไวใ้ นหลักสตู ร ของศูนย์ อปพร. กลาง อาจไม่สอดคล้องกบั สภาพการสั่งใช้ หรอื การกากับควบคุมดแู ล กาลังพล ซง่ึ จาเป็นตอ้ งบงั คบั ให้อยู่ในระเบียบวินยั และแบบธรรมเนยี มโดย เครง่ ครดั และขาดความต่อเน่ือง ในการร่วมกจิ กรรม เชน่ การฝึกทบทวน ระเบียบวินัยและทักษะในการ ปฏิบตั หิ นา้ ที่ ซง่ึ สง่ ผลใหส้ มาชิก อปพร. ไม่มรี ะเบียบวนิ ยั ขาดทกั ษะในการปฏบิ ตั งิ านในดา้ นการ ชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบภยั และขาดจิตสานึกในการมีส่วนรว่ มในการทากจิ กรรมสว่ นรวม เหตผุ ลและความจาเป็นในการศกึ ษาวิจยั จากเหตุผลดงั กลา่ วข้างต้น ผู้ศกึ ษาวิจยั จึงไดเ้ ลอื กหัวข้อ ปัญหาอปุ สรรคในการพฒั นากิจการ อาสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศนู ยอ์ าสาสมคั รปอ้ งกนั ภัยฝ่ายพลเรือน ในพน้ื ท่จี งั หวัด ประจวบครี ีขนั ธ์ เพ่ือศกึ ษาถึงสภาพ ปัญหา สาเหตุ และแนวทางดาเนินการแกไ้ ข เชน่ มีตวั เลขทีข่ น้ึ ทะเบียน อปพร. ไว้ ทงั้ จังหวัดจานวนมาก แต่มีการสั่งใช้ประจาถึง 50 % โดยมี อปพร. จานวนมากท่ผี ่าน การฝึกอบรมไปแลว้ แต่ไมเ่ คยมาเขา้ ร่วมกิจกรรมของศนู ย์ อปพร. เลย หรอื มาเพียงไมก่ ่คี รัง้ ตอ่ ปี หรอื บางรายไม่เข้าร่วมกจิ การเลย จากการตรวจสอบกาลงั พล ยอด อปพร. ซึ่ง ผู้อานวยการศูนย์ อปพร.
2 จงั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์ ไดก้ าหนดให้มกี ารชุมนมุ สวนสนามประจาปี 2556 เมือ่ วันที่ 22 มนี าคม 2556 มีสมาชกิ อปพร. จากศูนย์ อปพร.ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ทกุ แหง่ รวม 8 อาเภอในจังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์ มจี านวน อปพร.ที่ข้นึ ทะเบยี นไว้ยอดรวม 5,513 คน มีการออกคาสง่ั ให้ปฏิบัตหิ นา้ ท่ี ประจา 3,439 คน และไม่มีการส่งั ใชป้ ระจา แตย่ งั คงมสี ถานภาพการเป็น อปพร. อยู่ 1,074 คน ซึ่งใน การชมุ นมุ สวนสนามประจาปี ๒๕๕๖ ไดก้ าหนดเป้าหมายให้ ศูนย์ อปพร. ทุกแหง่ เข้าร่วมกจิ กรรม โดย การส่งสมาชิก อปพร. เขา้ รว่ ม จานวน 2,200 คน แต่ปรากฏว่าในการชมุ นมุ สวนสนามประจาปี 2556 เมอื่ วันท่ี 22 มนี าคม 2556 ณ สนามกีฬากลางจงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ มีผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมเพยี ง 1,200 คน ซ่งึ ต่ากวา่ เป้าหมายไวม้ าก จากกรณดี ังกลา่ ว เห็นได้ชดั เจนว่าการสง่ั ใช้ และการควบคมุ กากบั ดูแลกาลงั พล สมาชกิ อปพร. ในแตล่ ะศนู ย์ อปพร. ไมม่ ปี ระสิทธิภาพเท่าท่คี วร เน่อื งจากผูบ้ รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน บางแหง่ ไม่ใหค้ วามสาคัญ กบั กจิ กรรม อปพร.โดยขาดการสนบั สนุนด้านงบประมาณ หรอื ขาดความ ต่อเนือ่ งในการดาเนินกจิ กรรม และ ตัวสมาชกิ อปพร. เอง ก็ไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื หรอื ขาดการมสี ว่ นร่วมใน กจิ กรรม ตลอดจนการกากบั ดูแลในระดบั ศูนย์ อปพร.อาเภอ กไ็ ม่ได้มกี ารดาเนินการอย่างจรงิ จัง เนอ่ื งจากมีขอ้ จากัดท้งั ดา้ นบุคคลากรและงบประมาณ สาหรับด้านอ่นื ๆ นา่ จะสบื เนอ่ื ง ซึ่งมาจากนโยบาย ของศูนย์ อปพร. กลาง ในการกาหนดเป้าหมายใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ทุกแห่ง ดาเนินการฝึกอบรม อปพร. ใหไ้ ด้จานวน ร้อยละ 2 ของประชากรในพ้ืนที่ ซง่ึ ศักยภาพของแตล่ ะท้องถ่นิ มีไม่เทา่ เทียมกนั ตลอดจน ตารางการฝกึ ศกึ ษาท่ี กาหนดไวใ้ นหลกั สตู รของ ศนู ย์ อปพร. กลาง อาจไมส่ อดคล้องกบั สภาพ พ้ืนท่ี หรือเจ้าทหี่ นา้ ท่ีผู้รับผิดชอบ ไม่มที ักษะใน การสัง่ ใช้หรอื การกากบั ควบคุมดแู ล กาลงั พล ซึง่ จาเป็นตอ้ งบังคับใหอ้ ยใู่ นระเบียบวินัย และแบบธรรมเนยี มโดยเคร่งครัด และขาดการฝกึ อบรมทบทวน ระเบยี บวนิ ัยและทักษะในการปฏบิ ตั หิ น้าที่แก่ อปพร. ซึ่งโดยปกตศิ นู ย์ อปพร.กลาง กาหนดใหด้ าเนนิ การ อยา่ งน้อยปลี ะ 1 คร้ัง จึงจะส่งผลให้สมาชกิ อปพร. มีระเบยี บวนิ ยั มที ักษะในการปฏิบัติงานในดา้ นการ ช่วยเหลือผปู้ ระสบภัย ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ และมจี ิตสานึกในการมีส่วนร่วมในกจิ กรรมส่วนรวม วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา การศกึ ษาในคร้ังนี้ มวี ตั ถุประสงคด์ ังตอ่ ไปน้ี 1. เพ่อื ศึกษาปญั หาอุปสรรคในการพฒั นากจิ การอาสาสมัครปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) ของศนู ย์อาสาสมัครป้องกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น ในพ้นื ท่จี งั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ 2. เพอื่ เสนอศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอปุ สรรคในการพัฒนากิจการอาสาสมคั ร ปอ้ งกันภยั ฝ่ายพลเรอื น (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมัครปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น ในพืน้ ท่ีจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์
3 วธิ กี ารและขอบเขตการศึกษา ใชก้ ารศึกษาวจิ ัย เชิงคุณภาพ (Qualitative research) โดยศึกษาวเิ คราะหข์ ้อมลู จาก 2 แหล่ง คอื 1. ศกึ ษาจากเอกสารท่เี ก่ียวขอ้ ง (Documentary research) ดังนี้ 1.1 พระราชบัญญตั ิป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 1.2 ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยกิจการอาสาสมัครปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน พ.ศ. 2553 1.3 นโยบายและหนงั สือสั่งการทเ่ี กี่ยวข้องกับการดาเนนิ กจิ การอาสาสมคั รป้องกนั ภยั ฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศูนย์ อปพร. กลาง 1,4 ทฤษฎรี ะบบ 1.5 การนานโยบายไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ 2. ศึกษาจากการสัมภาษณ์แบบเจาะลกึ (In depth interview) โดยใชแ้ บบสอบถาม ตามกรอบทก่ี าหนด และใชค้ าถามปลายเปิด ( Open ended question) เพือ่ ทราบปญั หา อปุ สรรค และ แนวทางการดาเนินการแกไ้ ขปัญหาในการพัฒนากจิ การ อปพร. ในแตล่ ะพนื้ ที่ แยกรายอาเภอจาก เจา้ หน้าทผี่ ู้เก่ยี วขอ้ งโดยตรง ของศนู ย์ อปพร. อาเภอ ในพื้นท่จี ังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ รวม 8 อาเภอ และ จากเจ้าหน้าท่ีผรู้ บั ผิดชอบงาน อปพร. ในระดบั จงั หวัด อีก 2 คน จากสานักงานปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภยั จงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ รวม 10 คน โดยมกี ลมุ่ เปา้ หมายและขอบเขตในการศึกษาวิจยั ดงั นี้ 2.1. ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา ไดแ้ ก่ กลุ่มเจา้ หน้าท่ี ซ่ึงมีหนา้ ท่รี บั ผิดชอบโดยตรง ในกิจการ อปพร. จานวน 10 คน ประกอบดว้ ย กล่มุ เจ้าหน้าทป่ี ระจาศนู ย์ อปพร. ระดบั อาเภอ ในพืน้ ท่ี จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ จานวน 8 อาเภอ อาเภอละ 1 คน เฉพาะผู้ปฏิบตั ิหน้าที่ ในตาแหน่ง ปลัดอาเภอ ซึง่ ทาหน้าที่ เลขานุการ ศนู ย์ อปพร. อาเภอ และเจา้ หนา้ ที่ประจาศูนย์ อปพร.จงั หวดั ซ่งึ มีหน้าท่ี รบั ผิดชอบโดยตรงในกิจการ อปพร. จานวน 2 คน 2.2 คาถามที่ใช้ในการวจิ ยั โดยทาการสัมภาษณ์ กลมุ่ บคุ คลเปา้ หมาย เพอ่ื ค้นหา ปญั หาอุปสรรค และแนวทางการแกไ้ ข ในการพฒั นากิจการอาสาสมคั รปอ้ งกันภยั ฝ่ายพลเรอื น (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมัครปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน ในพ้นื ท่จี งั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ โดยระบุคาถาม 6 ด้าน ดังน้ี 1) ด้านการฝึกอบรมจัดตง้ั อปพร. เป็นไปตามเปา้ หมาย ร้อยละ 2 ของประชากร ในพ้นื ท่ี หรือไม่ ถา้ ไม่ครบตามเปา้ หมายมสี าเหตุมาจากเรอ่ื งใดบา้ ง และมวี ธิ กี ารแกไ้ ขปัญหา เพอ่ื ให้บรรลุ เปา้ หมาย ที่ ศนู ย์ อปพร. กลางกาหนด อยา่ งไร 2) ด้านโครงสรา้ งและอานาจหนา้ ท่ขี อง ศนู ย์ อปพร. อาเภอ และศนู ย์ อปพร. จังหวัด ในปจั จุบัน เอ้ืออานวยต่อการ สั่งใช้ การควบคมุ กากบั ดูแล อปพร. ในสังกดั ใหป้ ฏบิ ตั ิหน้าทีอ่ ย่าง มีประสทิ ธิภาพหรือไม่ อยา่ งไร ควรปรบั ปรุงแก้ไข อยา่ งไรหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
4 3) ดา้ นการมสี ่วนรว่ มและความรว่ มมือในการปฏบิ ตั ิงานดา้ นการชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบสาธารณภยั ในพื้นท่ี ตลอดจนกจิ กรรมสาธารณประโยชนต์ ่าง ๆ ท่ี ผอู้ านวยการศนู ย์ อปพร. ในแตล่ ะระดบั มอบหมาย ต้ังแต่ระดบั ท้องถิน่ ระดบั อาเภอ และระดับจังหวดั เป็นอย่างไร มีการเขา้ รว่ ม กิจกรรมระดบั ใด หากมผี ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรมน้อย กว่าร้อยละ 50 ของจานวน อปพร.ที่สั่ง ใช้ เป็นเพราะ สาเหตใุ ด เก่ียวข้องกับระบบการฝึกศกึ ษา หรอื ไม่ และมีแนวทางแกไ้ ข อย่างไร 4) ด้านความประพฤติ และระเบียบและวินัยของ อปพ ร. ระหวา่ งปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบสาธารณภยั ในพนื้ ที่ ตลอดจนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ตา่ ง ๆ เปน็ อย่างไร หาก อปพร. ไม่มีวินัยเทา่ ทค่ี วร เกี่ยวข้องกับระบบการฝึกศึกษาหริอการฝกึ ทบทวนหรือไม่ และควรมีแนว ทางแก้ไข อยา่ งไร 5) ดา้ นสวสั ดิการและสทิ ธิกาลังพล ของ อปพร. ในปัจจบุ ันเปน็ ปญั หาหรือ อปุ สรรค ในการพัฒนากจิ การ อปพร. หรือไม่ อยา่ งไร และควรมีการปรบั ปรงุ แกไ้ ขอย่างไร หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 6) ขอ้ เสนอแนะดา้ นอืน่ ๆ ทเี่ ห็นว่ามีความจาเป็นตอ่ การพฒั นากจิ การ อปพร. มเี รอ่ื งใดบา้ ง เพราะเหตใุ ด 3. สถานทีศ่ ึกษาที่ใช้เกบ็ รวบรวมข้อมูล กลุ่มเจา้ หน้าท่ปี ระจาศูนย์ อปพร. ระดับอาเภอ ในพื้นทจ่ี ังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ จานวน 8 อาเภอ อาเภอละ 1 คน เฉพาะผปู้ ฏบิ ัติหน้าที่ ในตาแหนง่ ปลดั อาเภอ ซงึ่ ทาหนา้ ท่ี เลขานุการ ศูนย์ อปพร. อาเภอ และเจา้ หน้าท่ปี ระจาศนู ย์ อปพร.จังหวดั ซงึ่ มี หน้าที่รบั ผดิ ชอบโดยตรงในกจิ การ อปพร. จานวน 2 คน 4. ระยะเวลาในการศึกษา ต้งั แตว่ นั ท่ี 1-30 มีนาคม 2557 ประโยชนท์ ่ีได้รับในการศกึ ษา ผลจากการศกึ ษามีประโยชนต์ ่อฝ่ายที่เกย่ี วขอ้ ง ดังน้ี 1. ไดท้ ราบปัญหาอุปสรรคในการพฒั นากิจการอาสาสมัครป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) ของศูนย์อาสาสมคั รป้องกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื น ในพ้นื ทจ่ี ังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ 2. ได้ทราบขอ้ เสนอและแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการ ดาเนนิ การ แก้ไขปัญหา ในการพัฒนากจิ การอาสาสมคั รปอ้ งกัน ภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ให้กับเจ้าหนา้ ที่ ผเู้ กี่ยวข้อง ซง่ึ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทปี่ ระจาศนู ย์ อปพร. จังหวดั ประจวบคีรีขันธ์ และนาผลการศกึ ษาเสนอ ผู้อานวยการศูนย์อาสาสมัครปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือนประจวบคีรขี ันธ์ เพ่ือทราบปัญหาอปุ สรรคและ พิจารณากาหนดแนวทางการในการพฒั นากจิ การอาสาสมคั รปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) ของ ศูนยอ์ าสาสมคั รป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน ในพนื้ ท่ีจังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ ต่อไป
บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎรีะเบยี บ กฎหมาย และเอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง การศึกษาวิจยั เร่อื งปญั หาอปุ สรรคในการพัฒนากิจการอาสาสมคั รปูองกนั ภยั ฝุายพลเรือน (อปพร.) ของศนู ยอ์ าสาสมคั รปูองกันภัยฝาุ ยพลเรือน ในพน้ื ท่จี งั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์ เพ่อื ให้ ทราบปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการแกไ้ ขปญั หา เพ่ือการพฒั นากจิ การอาสาสมัครปอู งกันภยั ฝาุ ยพลเรอื น (อปพร.) ของศนู ยอ์ าสาสมัครปอู งกนั ภัยฝุายพลเรือน ในพ้ืนทีจ่ ังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ใชก้ ารศกึ ษาโดยการสัมภาษณแ์ บบเจาะลึก (In depth interview) โดยใชแ้ บบสอบถามตามกรอบ ท่กี าหนด และใชค้ าถามปลายเปดิ ( Open ended question) โดยกาหนดกลมุ่ เปาู หมาย จากเจา้ หน้าท่ี ผูเ้ ก่ยี วขอ้ งโดยตรง ของศูนย์ อปพร. อาเภอ ในพ้ืนท่ีจงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ รวม 8 อาเภอ และจาก เจา้ หน้าท่ผี ้รู บั ผดิ ชอบงาน อปพร. ในระดับจังหวดั อกี 2 คน จากสานักงานปูองกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ รวม 10 คน โดยกรอบในการสมั ภาษณ์ และการศกึ ษาวจิ ัย ใช้เชอ่ื มโยงกบั การศึกษาวิเคราะห์ข้อมลู จากเอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง (Documentary research) ดงั นี้ 1. พระราชบัญญตั ปิ ูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 2. ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยกิจการอาสาสมคั รปูองกนั ภัยฝุายพลเรอื น 2พ5.5ศ3. 3. นโยบายและหนังสอื สัง่ การทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินกจิ การอาสาสมัครปอู งกนั ภยั ฝุาย พลเรือน (อปพร.) ของศูนย์ อปพร. กลาง 4. ทฤษฎรี ะบบ 5. การนานโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ัติ 1. ขอ้ กฎหมายและระเบยี บที่เก่ยี วข้อง ในการศกึ ษาวิเคราะหข์ อ้ มลู จาก จากเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ( Documentary research) มี 2 เรือ่ ง คอื พระราชบญั ญัตปิ ูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยกิจการอาสาสมัครปูองกันภยั ฝาุ ยพลเรอื น พ.ศ. 2553 ซง่ึ ผู้ศึกษาวจิ ยั ขอหยิบยก มาเฉพาะเนื้อหาส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกับหวั ข้อในการศึกษาวจิ ัย ดังนี้ พระราชบัญญตั ปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 1 พระราชบญั ญตั นิ ีเ้ รยี กวา่ “พระราชบัญญัติปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2551” มาตรา 4 ในพระราชบญั ญตั ินี้ “สาธารณภัย” หมายความว่า อคั คภี ยั วาตภัย อุทกภัย ภยั แลง้ โรคระบาดในมนษุ ย์ โรค ระบาดสัตว์ โรคระบาดสตั ว์น้า การระบาดของศตั รูพืช ตลอดจนภัยอน่ื ๆ อันมผี ลกระทบตอ่ สาธารณชน ไมว่ า่ เกดิ จากธรรมชาติ มีผทู้ าให้เกิดขนึ้ อุบตั เิ หตุ หรือเหตุอนื่ ใด ซึ่งก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายแกช่ ีวติ รา่ งกายของ ประชาชน หรอื ความเสยี หายแกท่ รพั ย์สินของประชาชน หรือของรฐั และให้หมายความรวมถงึ ภัยทาง อากาศ และการกอ่ วินาศกรรมด้วย “ภัยทางอากาศ” หมายความวา่ ภยั อันเกิดจากการโจมตีทางอากาศ
6 “การก่อวนิ าศกรรม ” หมายความว่า การกระทาใด ๆ อันเป็นการม่งุ ทาลายทรพั ย์สนิ ของประชาชนหรอื ของรัฐ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณปู โภค หรอื การรบกวน ขดั ขวางหน่วงเหน่ยี วระบบ การปฏิบัตงิ านใด ๆ ตลอดจนการประทษุ รา้ ยตอ่ บคุ คลอันเป็นการก่อให้เกิดความปน่ั ปวุ นทางการเมือง การเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ โดยมุ่งหมายท่ีจะกอ่ ให้เกิดความเสยี หายตอ่ ความม่ันคงของรฐั “หนว่ ยงานของรฐั ” หมายความว่า สว่ นราชการ รฐั วสิ าหกิจ องค์การมหาชน และ หน่วยงานอ่ืนของรฐั แตไ่ ม่หมายความรวมถงึ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ “องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ” หมายความวา่ องค์การบริหารสว่ นตาบล เทศบาล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เมอื งพทั ยา กรงุ เทพมหานคร และองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นอนื่ ที่มีกฎหมาย จดั ต้ัง “องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ แหง่ พื้นที่ ” หมายความว่า องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล เทศบาล เมอื งพทั ยา และองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินอ่ืนทมี่ ีกฎหมายจดั ตง้ั แต่ไมห่ มายความรวมถงึ องค์การบริหารสว่ นจังหวดั และกรงุ เทพมหานคร “จงั หวัด” ไม่หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานคร “อาเภอ” หมายความรวมถงึ ก่งิ อาเภอ แต่ไมห่ มายความรวมถึงเขตในกรุงเทพมหานคร “นายอาเภอ” หมายความรวมถงึ ปลดั อาเภอผู้เปน็ หัวหน้าประจาก่งิ อาเภอ “ผู้บริหารท้องถนิ่ ” หมายความวา่ นายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบล นายกเทศมนตรี นายกเมืองพทั ยา และหวั หนา้ ผู้บรหิ ารขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ แห่งพน้ื ทอ่ี ื่น “ผูบ้ ัญชาการ” หมายความวา่ ผูบ้ ัญชาการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ “ผอู้ านวยการ ” หมายความวา่ ผอู้ านวยการกลาง ผู้อานวยการจงั หวัด ผอู้ านวยการ อาเภอ ผ้อู านวยการทอ้ งถิน่ และผูอ้ านวยการกรุงเทพมหานคร “เจา้ พนักงาน ” หมายความว่า ผซู้ ่งึ ได้รบั แตง่ ตง้ั ให้ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีในการปูองกนั และ บรรเทาสาธารณภัยในพืน้ ท่ตี ่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี “อาสาสมคั ร” หมายความว่า อาสาสมคั รปูองกันภัยฝุายพลเรือนตามพระราชบัญญัตนิ ้ี “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรผี รู้ ักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ี้ มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ และให้ มอี านาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบงั คับและประกาศเพ่อื ปฏิบตั ิการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี กฎกระทรวงนั้น เม่ือไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้วใหใ้ ช้บังคับได้ หมวด 1 บททั่วไป มาตรา 11 ใหก้ รมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานกลางของรฐั ในการ ดาเนนิ การเก่ียวกับการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ โดยมีอานาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) จดั ทาแผนการปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเสนอ กปภ.ช. เพ่อื ขออนุมตั ิตอ่ คณะรัฐมนตรี (2) จัดให้มีการศกึ ษาวจิ ัย เพ่อื หามาตรการในการปอู งกนั และบรรเทา สาธารณภยั ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ
7 (3) ปฏิบัตกิ าร ประสานการปฏิบัติ ใหก้ ารสนบั สนุน และชว่ ยเหลอื หน่วยงาน ของรฐั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ และหนว่ ยงานภาคเอกชน ในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ให้การสงเคราะห์เบ้อื งต้นแกผ่ ปู้ ระสบภยั ผู้ได้รบั ภยนั ตราย หรอื ผ้ไู ด้รบั ความเสยี หายจากสาธารณภัย (4) แนะนา ให้คาปรึกษา และอบรมเกย่ี วกบั การปูองกันและบรรเทา สาธารณภัยแก่หนว่ ยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ และหนว่ ยงานภาคเอกชน (5) ตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดาเนินการตามแผนการปูองกนั และ บรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดบั (6) ปฏบิ ัตกิ ารอื่นใดตามท่บี ญั ญตั ิไว้ในพระราชบญั ญตั ินห้ี รอื กฎหมายอ่นื หรอื ตามทผี่ ้บู ัญชาการ นายกรฐั มนตรี กปภ.ช. หรอื คณะรัฐมนตรีมอบหมาย เมื่อคณะรฐั มนตรีอนุมตั แิ ผน การปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาตติ าม (1) แล้ว ให้หน่วยงานของรัฐและองคก์ รปกครองสว่ น ท้องถิน่ ทเ่ี กย่ี วข้องปฏบิ ัติการ ใหเ้ ป็นไปตามแผนดังกลา่ ว มาตรา 13 ให้รฐั มนตรเี ป็นผ้บู ญั ชาการมีอานาจควบคมุ และกากับการปอู งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั ท่ัวราชอาณาจักรใหเ้ ปน็ ไปตามแผนการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาตแิ ละ พระราชบญั ญตั ิน้ี ในการนี้ ให้มอี านาจบงั คับบัญชาและสัง่ การผอู้ านวยการ รองผู้อานวยการ ผชู้ ว่ ย ผู้อานวยการ เจ้าพนักงาน และอาสาสมัครได้ท่วั ราชอาณาจักร ใหป้ ลดั กระทรวงมหาดไทยเปน็ รองผู้บญั ชาการมหี น้าทชี่ ว่ ยเหลือผู้บญั ชาการ ในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย และปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ตามทผ่ี ู้บัญชาการมอบหมายโดยให้มอี านาจบงั คบั บัญชาและส่งั การตามวรรคหนง่ึ รองจากผูบ้ ญั ชาการ มาตรา 14 ใหอ้ ธิบดเี ป็นผ้อู านวยการกลางมหี นา้ ทีป่ อู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ทั่วราชอาณาจกั ร และมีอานาจควบคมุ และกากบั การปฏิบตั หิ นา้ ทีข่ องผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ ผูช้ ่วยผูอ้ านวยการ เจา้ พนกั งาน และอาสาสมัคร ไดท้ ว่ั ราชอาณาจักร มาตรา 15 ให้ผูว้ า่ ราชการจังหวดั เป็นผอู้ านวยการจงั หวดั รบั ผดิ ชอบในการปอู งกนั และ บรรเทาสาธารณภัยในเขตจงั หวัด โดยมอี านาจหน้าทด่ี ังตอ่ ไปนี้ (1) จัดทาแผนการปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ซ่งึ ต้องสอดคล้องกับ แผนการปอู งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (2) กากับดแู ลการฝกึ อบรมอาสาสมัครขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ (3) กากบั ดูแลองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ให้จัดให้มวี ัสดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ เครอื่ งใช้ ยานพาหนะ และสิ่งอื่น เพือ่ ใช้ในการปอู งกันและบรรเทาสาธารณภยั ตามทีก่ าหนด ในแผนการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัด (4) ดาเนินการให้หนว่ ยงานของรัฐและองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ใหก้ าร สงเคราะห์เบ้ืองตน้ แกผ่ ูป้ ระสบภยั หรอื ผ้ไู ดร้ ับภยนั ตรายหรือเสียหายจากสาธารณภยั รวมตลอดท้ังการ รักษาความสงบเรยี บร้อยและการปฏบิ ตั กิ ารใด ๆ ในการปอู งกันและบรรเทาสาธารณภยั (5) สนับสนนุ และใหค้ วามช่วยเหลอื แกอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ในการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย (6) ปฏิบัติหนา้ ที่อนื่ ตามที่ผบู้ ญั ชาการ และผอู้ านวยการกลางมอบหมาย เพ่ือ ประโยชน์ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีตาม (3) (4) และ (5) ให้ผูอ้ านวยการจังหวดั มอี านาจสั่งการหน่วยงานของ รัฐและองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินซึง่ อยใู่ นจงั หวัด ใหด้ าเนนิ การในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย
8 ตามแผนการปูองกนั และบรรเทา สาธารณภยั จงั หวัด และมีอานาจสงั่ การ ควบคุม และกากบั ดแู ล การปฏบิ ัติหน้าทขี่ องเจ้าพนกั งาน และอาสาสมคั รใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญัติน้ี มาตรา 19 ให้นายอาเภอเปน็ ผ้อู านวยการอาเภอ รับผิดชอบและปฏิบัตหิ น้าท่ใี นการ ปูองกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขตอาเภอของตน และมีหนา้ ที่ชว่ ยเหลือผ้อู านวยการจงั หวัดตามทีไ่ ดร้ ับ มอบหมายในการปฏบิ ตั หิ น้าทขี่ องผู้อานวยการอาเภอตามวรรคหนึง่ ใหผ้ อู้ านวยการอาเภอ มีอานาจ สง่ั การหน่วยงานของรฐั และองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นที่เก่ียวข้องซึง่ อยใู่ นเขตอาเภอ ใหด้ าเนินการ ในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามแผนการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัด และมีอานาจ ส่ังการ ควบคุม และกากบั ดแู ลการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีข่ องเจา้ พนกั งานและอาสาสมคั รให้เปน็ ไปตาม พระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา 21 ใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ แหง่ พ้นื ที่ มีหนา้ ท่ีปอู งกนั และบรรเทา สาธารณภยั ในเขตทอ้ งถิ่นของตน โดยมผี ู้บริหารทอ้ งถ่ินขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ แหง่ พนื้ ที่นัน้ เป็น ผู้รบั ผิดชอบในฐานะผู้อานวยการทอ้ งถ่นิ และมีหนา้ ที่ช่วยเหลือผอู้ านวยการจังหวัด และผู้อานวยการ อาเภอตามที่ไดร้ บั มอบหมายในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องผ้อู านวยการท้องถ่ินตามวรรคหนง่ึ ใหผ้ ู้อานวยการ ท้องถ่นิ มีอานาจสั่งการ ควบคุม และกากบั ดแู ลการปฏิบตั ิหนา้ ทขี่ องเจ้าพนักงานและอาสาสมคั รให้เป็นไป ตามพระราชบญั ญัติน้ี ใหป้ ลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ แหง่ พื้นที่น้นั เป็น ผชู้ ่วยผู้อานวยการทอ้ งถิ่น รับผิดชอบและปฏิบตั หิ น้าท่ใี นการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเขต ท้องถิน่ ของตนและมีหน้าทช่ี ว่ ยเหลือผ้อู านวยการท้องถิ่น ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย หมวด 3 การปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 21 เมือ่ เกดิ หรือคาดวา่ จะเกิดสาธารณภัยขึ้น ในเขตขององค์กรปกครอง สว่ นท้องถ่ินแห่งพ้ืนทใี่ ด ใหผ้ อู้ านวยการท้องถ่ินขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นแห่งพนื้ ที่นนั้ มหี นา้ ท่เี ข้า ดาเนนิ การปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั โดยเรว็ และแจง้ ให้ผู้อานวยการอาเภอทีร่ ับผดิ ชอบในเขตพนื้ ที่ น้ัน และผ้อู านวยการจังหวัดทราบทนั ที ในการปฏบิ ตั หิ น้าทตี่ ามวรรคหนง่ึ ใหผ้ ู้อานวยการทอ้ งถนิ่ มีอานาจ หน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) สัง่ ข้าราชการฝุายพลเรือน พนักงานส่วนทอ้ งถิน่ เจ้าหน้าท่ขี องหนว่ ยงาน ของรัฐเจา้ พนักงาน อาสาสมคั ร และบุคคลใด ๆ ในเขตองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นแห่งพ้ืนทีท่ ีเ่ กดิ สาธารณ ภยั ใหป้ ฏิบตั ิการอยา่ งหน่งึ อยา่ งใดตามความจาเป็นในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั (2) ใชอ้ าคาร สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เคร่อื งใช้ และยานพาหนะของ หน่วยงานของรฐั และเอกชนทีอ่ ยูใ่ นเขตองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นแหง่ พ้ืนท่ีท่ีเกิดสาธารณภยั เท่าที่จาเป็นเพ่อื การปูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั (3) ใชเ้ ครอื่ งมอื ส่ือสารของหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนทุกระบบท่ีอยใู่ นเขต องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ แห่งพนื้ ที่ที่เกดิ สาธารณภยั หรอื ทอ้ งท่ที ่เี กี่ยวเนื่อง (4) ขอความชว่ ยเหลือจากองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินอ่ืนในการปอู งกนั และ บรรเทาสาธารณภัย (5) สง่ั ห้ามเขา้ หรือให้ออกจากพ้ืนที่ อาคารหรือสถานทท่ี ่ีกาหนด
9 (6) จดั ใหม้ ีการสงเคราะหผ์ ูป้ ระสบภยั โดยท่ัวถงึ และรวดเร็ว มาตรา 22 เม่อื มีกรณตี ามมาตรา 21 เกิดขึ้น ให้ผอู้ านวยการอาเภอ และผอู้ านวยการ จังหวัดมอี านาจหนา้ ท่ีเช่นเดียวกบั ผู้อานวยการท้องถนิ่ โดยในกรณีผู้อานวยการอาเภอ ใหส้ ่งั การได้สาหรับ ในเขตอาเภอของตน และในกรณีผู้อานวยการจงั หวัด ให้ส่งั การไดส้ าหรับในเขตจังหวดั แลว้ แตก่ รณี ในกรณีทีผ่ อู้ านวยการทอ้ งถิน่ มคี วามจาเป็นต้องได้รับความช่วยเหลอื จากเจา้ หน้าทีข่ องรัฐหรือหนว่ ยงาน ของรฐั ทอี่ ยู่นอกเขตขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ แห่งพน้ื ทข่ี องตน ใหแ้ จง้ ใหผ้ ู้อานวยการอาเภอหรือ ผอู้ านวยการจงั หวัด แล้วแต่กรณี เพือ่ สัง่ การโดยเร็วต่อไป ในกรณจี าเป็นเพื่อประโยชน์ในการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัยใด ผ้อู านวยการ จงั หวดั จะสัง่ การใหห้ น่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั หรอื บคุ คลใด กระทา หรืองดเว้นการกระทาใดทม่ี ีผลกระทบตอ่ การปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั นั้นกไ็ ด้ คาส่ังดงั กลา่ วให้มผี ล บงั คับเป็นระยะเวลาตามทกี่ าหนดในคาส่งั แตต่ อ้ งไมเ่ กินย่สี บิ สชี่ ่วั โมง ในกรณี ท่มี ีความจาเปน็ ต้องให้ คาสงั่ ดังกลา่ วมผี ลบังคับเกนิ ยีส่ บิ ส่ีชว่ั โมง ให้เป็นอานาจของผบู้ ญั ชาการ ทจี่ ะสัง่ การได้ตามความจาเปน็ แต่ ตอ้ งไมเ่ กนิ เจ็ดวนั ในกรณีทีพ่ ้นื ที่ท่ีเกดิ หรอื จะเกิดสาธารณภยั ตามวรรคหน่ึงอยู่ในความรบั ผดิ ชอบของ ผอู้ านวยการทอ้ งถน่ิ หลายคน ผอู้ านวยการทอ้ งถ่ินคนหนง่ึ คนใด จะใช้อานาจหรอื ปฏิบตั ิหนา้ ทตี่ ามมาตรา 21 ไปพลางก่อนกไ็ ด้ แล้วใหแ้ จง้ ผู้อานวยการทอ้ งถน่ิ อ่ืนทราบโดยเรว็ มาตรา 23 เม่อื เกดิ สาธารณภัยขน้ึ ในเขตพ้ืนทขี่ ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นแหง่ พ้นื ท่ี ใด ใหเ้ ปน็ หน้าทข่ี องผอู้ านวยการทอ้ งถ่นิ ซ่ึงมีพืน้ ที่ติดต่อหรอื ใกลเ้ คยี งกับองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ แห่ง พืน้ ทน่ี ัน้ ทีจ่ ะสนับสนุนการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั ทเี่ กิดขึน้ มาตรา 24 เมอ่ื เกดิ สาธารณภัย ให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าพนกั งานท่ปี ระสบเหตตุ อ้ งเข้า ดาเนนิ การเบ้อื งตน้ เพ่อื ระงบั สาธารณภัยนนั้ แล้วรีบรายงานใหผ้ ้อู านวยการท้องถ่ินทร่ี ับผิดชอบในพนื้ ทนี่ ้นั เพ่ือสง่ั การตอ่ ไป และในกรณีจาเป็นอันไมอ่ าจหลกี เลย่ี งได้ ใหเ้ จ้าพนักงานมีอานาจดาเนินการใด ๆ เพอ่ื คุ้มครองชวี ติ หรือปูองกันภยนั ตรายทีจ่ ะเกดิ แกบ่ ุคคลได้ มาตรา 25 ในกรณที ่ีเกดิ สาธารณภยั และภยนั ตรายจากสาธารณภยั นน้ั ใกล้จะถึง ผอู้ านวยการมีอานาจส่งั ให้เจ้าพนักงานดดั แปลง ทาลาย หรอื เคลอ่ื นยา้ ยส่ิงกอ่ สรา้ ง วสั ดุ หรือ ทรัพย์สนิ ของบคุ คลใดทีเ่ ป็นอุปสรรคแก่การบาบดั ปัดปอู งภยนั ตรายได้ ท้ังนี้ เฉพาะเท่าท่จี าเปน็ แกก่ ารยบั ย้ังหรือ แกไ้ ขความเสียหายท่จี ะเกดิ ขึน้ จากสาธารณภัยน้นั ความในวรรคหนง่ึ ให้ใช้บงั คบั กบั กรณมี คี วาม จาเป็นตอ้ งดาเนนิ การเพอื่ ปอู งกันภัยต่อส่วนรวมด้วยโดยอนโุ ลม ในกรณีท่ีการดัดแปลง ทาลาย หรอื เคลือ่ นย้ายสิง่ ก่อสร้าง วสั ดุ หรอื ทรัพยส์ นิ จะมผี ลทา ใหเ้ กิดสาธารณภยั ข้ึนในเขตพื้นที่อนื่ หรอื กอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายเพ่มิ ข้นึ แก่เขตพืน้ ท่อี น่ื ผอู้ านวยการ ท้องถนิ่ จะใช้อานาจตามวรรคหนึง่ หรือวรรคสองมิได้ เวน้ แต่จะได้รับความเห็นชอบจากผอู้ านวยการ จงั หวัด มาตรา 26 เมอ่ื มีกรณีท่เี จ้าพนกั งานจาเปน็ ต้องเข้าไปในอาคารหรอื สถานท่ีท่อี ยู่ใกลเ้ คียง กบั พ้นื ทที่ ี่เกิดสาธารณภัยเพือ่ ทาการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั ใหก้ ระทาได้เมอ่ื ได้รบั อนญุ าตจาก เจ้าของหรอื ผู้ครอบครองอาคารหรือสถานทแี่ ล้ว เวน้ แตไ่ มม่ เี จ้าของหรอื ผู้ครอบครองอยใู่ นเวลานน้ั หรือ เม่อื อย่ภู ายใต้การควบคมุ ของผอู้ านวยการ ก็ใหก้ ระทาได้แม้เจ้าของหรอื ผ้คู รอบครองจะไมไ่ ดอ้ นุญาต
10 ในกรณที ท่ี รพั ย์สินที่อยู่ในอาคารหรือสถานท่ตี ามวรรคหน่ึง เป็นสงิ่ ที่ทาให้เกิด สาธารณภัยไดง้ า่ ยให้เจา้ พนกั งานมีอานาจส่ังใหเ้ จ้าของหรอื ผูค้ รอบครองขนยา้ ยทรพั ยส์ นิ นัน้ ออกจาก อาคารหรอื สถานทดี่ งั กล่าวได้ ในกรณีทเ่ี จ้าของหรอื ผ้คู รอบครองไม่ปฏบิ ัตติ ามคาสง่ั ของเจ้าพนกั งานตามวรรคสอง ใหเ้ จ้าพนกั งานมอี านาจขนย้ายทรพั ยส์ ินน้ั นไดต้ ามความจาเป็นแกก่ ารปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย โดยเจ้าพนกั งานไม่ต้องรับผิดชอบบรรดาความเสียหายอันเกดิ จากการกระทาดงั กลา่ ว มาตรา 27 ในการบรรเทาสาธารณภัย ผูอ้ านวยการและเจา้ พนักงานซึ่งไดร้ ับมอบหมาย จากผูอ้ านวยการมีอานาจหน้าทดี่ าเนนิ การดังต่อไปนี้ (1) จดั ให้มสี ถานทช่ี ั่วคราวเพอ่ื ให้ผปู้ ระสบภยั อยู่อาศัย หรือรบั การปฐม พยาบาล และการรักษาทรัพยส์ นิ ของผูป้ ระสบภัย (2) จัดระเบยี บการจราจรช่วั คราวในพ้นื ทที่ ่ีเกดิ สาธารณภัยและพ้ืนที่ใกล้เคยี ง เพื่อประโยชนใ์ นการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั (3) ปิดก้ันมิให้ผไู้ มม่ ีส่วนเกย่ี วขอ้ งเขา้ ไปในพืน้ ทที่ เ่ี กดิ สาธารณภัยและพ้ืนที่ ใกลเ้ คียง (4) จดั ใหม้ กี ารรักษาความสงบเรียบร้อยและปูองกันเหตุโจรผู้ร้าย (5) ชว่ ยเหลือผูป้ ระสบภยั และชว่ ยขนยา้ ยทรัพยส์ ินในพื้นท่ที ีเ่ กดิ สาธารณภัย และพืน้ ที่ใกล้เคยี ง เม่ือเจา้ ของหรือผูค้ รอบครองทรพั ยส์ นิ รอ้ งขอผูอ้ านวยการหรอื เจา้ พนกั งานซ่ึงได้รบั มอบหมายจากผู้อานวยการจะจัดใหม้ เี คร่อื งหมายหรอื อาณัตสิ ญั ญาณเพ่อื ใช้ในการกาหนดสถานท่ีหรือ การดาเนินการใดตามวรรคหน่ึงกไ็ ด้ ในการดาเนนิ การตาม (2) (3) (4) และ (5) ผอู้ านวยการหรอื เจ้าพนักงาน จะดาเนินการ เองหรือมอบหมายให้พนักงานฝาุ ยปกครองหรอื ตารวจในพื้นทเ่ี ปน็ ผู้ดาเนินการ หรือช่วยดาเนินการก็ได้ และในกรณีตาม (5) จะมอบหมายให้องคก์ ารสาธารณกุศลเป็นผ้ดู าเนนิ การหรือชว่ ยดาเนนิ การด้วยก็ได้ หมวด 4 เจ้าพนกั งานและอาสาสมคั ร มาตรา 39 ใหผ้ ู้อานวยการมีอานาจแตง่ ต้งั เจา้ พนักงานเพอื่ ปฏิบัตหิ นา้ ทด่ี ังต่อไปนี้ (1) ผู้อานวยการกลาง มีอานาจแตง่ ตงั้ เจา้ พนักงานใหป้ ฏิบตั หิ นา้ ที่ไดท้ ัว่ ราชอาณาจกั ร (2) ผอู้ านวยการจังหวัด มอี านาจแตง่ ตง้ั เจ้าพนกั งานให้ปฏบิ ตั ิหนา้ ทีไ่ ด้ในเขต จังหวดั (3) ผู้อานวยการอาเภอ มีอานาจแตง่ ตั้งเจ้าพนกั งานให้ปฏบิ ตั หิ น้าท่ไี ดใ้ นเขต อาเภอ (4) ผู้อานวยการท้องถนิ่ มอี านาจแต่งตงั้ เจา้ พนักงานให้ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีไดใ้ นเขต องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ แหง่ พ้นื ที่ (5) ผู้อานวยการกรงุ เทพมหานคร มอี านาจแตง่ ตง้ั เจา้ พนักงานให้ปฏบิ ัตหิ น้าที่ ได้ ในเขตกรุงเทพมหานคร หลักเกณฑก์ ารแต่งตัง้ และการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ของเจา้ พนักงานให้เปน็ ไปตาม ระเบียบทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาหนด
11 มาตรา 41 ใหผ้ ู้อานวยการจัดใหม้ ีอาสาสมคั รในพน้ื ที่ที่รบั ผดิ ชอบ เพอื่ ปฏิบตั ิหน้าท่ี ดังต่อไปน้ี (1) ใหค้ วามช่วยเหลือเจา้ พนกั งานในการปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย (2) ปฏิบตั หิ น้าทอ่ี ่นื ตามที่ผู้อานวยการมอบหมายและตามระเบยี บท่ี กระทรวงมหาดไทยกาหนด การบรหิ ารและกากับดูแลอาสาสมัคร การคัดเลือก การฝกึ อบรม สทิ ธิ หน้าที่ และวนิ ยั ของอาสาสมัคร ให้เปน็ ไปตามระเบยี บที่กระทรวงมหาดไทยกาหนด หมวด 5 เบ็ดเตล็ด มาตรา 43 ใหผ้ ้บู ัญชาการ รองผบู้ ญั ชาการ ผอู้ านวยการ รองผูอ้ านวยการ ผชู้ ่วย ผู้อานวยการ และเจา้ พนกั งานซึง่ ปฏิบัติการตามหน้าทใี่ นการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั ตาม พระราชบญั ญตั ินี้ เปน็ เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และในการปฏบิ ตั ิการตามหนา้ ท่ีดังกลา่ ว หากได้ดาเนินการไปตามอานาจหน้าที่ และได้กระทาไปพอสมควรแกเ่ หตแุ ละมไิ ด้ประมาทเลนิ เล่ออย่าง ร้ายแรง ให้ผู้กระทาการน้ันพน้ จากความผดิ และความรับผิดทง้ั ปวงในการดาเนินการตามวรรคหน่งึ หาก เกิดความเสยี หายแกท่ รัพย์สนิ ของผใู้ ดซ่งึ มใิ ชเ่ ป็นผู้ได้รบั ประโยชนจ์ ากการบาบัดภยันตรายจาก สาธารณภัยนน้ั ให้ทางราชการชดเชยความเสยี หายท่เี กิดขน้ึ ให้แกผ่ ูน้ น้ั ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่กี าหนด ในกฎกระทรวง มาตรา 45 ใหม้ ีเครื่องแบบ เคร่อื งหมาย และบตั รประจาตวั สาหรบั เจา้ พนักงานและ อาสาสมคั รเพ่ือแสดงตวั ขณะปฏบิ ัติหน้าทใ่ี นการปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั เครอ่ื งแบบ เครอื่ งหมาย และบตั รประจาตัวตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามแบบทกี่ ระทรวงมหาดไทยกาหนด ในกรณที ่ผี บู้ ญั ชาการ รองผู้บญั ชาการ ผอู้ านวยการ หรอื ผู้ช่วยผู้อานวยการประสงค์จะแตง่ เคร่อื งแบบ ก็ให้กระทาไดต้ ามแบบที่ กระทรวงมหาดไทยกาหนด มาตรา 47 บรรดาคา่ ปรบั ตามพระราชบญั ญัตนิ ีใ้ หเ้ ปน็ รายไดข้ องท้องถน่ิ เพอื่ นาไปใช้ จา่ ยเกยี่ วกบั การปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัยของทอ้ งถน่ิ นั้น มาตรา 48 หา้ มมิให้บคุ คลท่ีปฏบิ ตั ิหน้าท่ใี นการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย นาเอา ความลับ ซึ่งตนได้มาในฐานะน้ัน ๆ ไปใชเ้ พือ่ ประโยชนส์ ่วนตัว หรอื เปดิ เผยความลบั น้ัน แก่ผอู้ ื่นโดยไม่มี อานาจโดยชอบด้วยกฎหมายในประการท่ีนา่ จะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึง่ ผ้ใู ด หรอื แกก่ ารประกอบอาชพี ของผนู้ ั้น หมวด 6 บทกาหนดโทษ มาตรา 49 ผู้ใดไม่ปฏบิ ัตติ ามคาสั่งหรือขัดขวางการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีของผ้อู านวยการ ตาม มาตรา 21 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สามเดือน หรือปรบั ไมเ่ กนิ หกพนั บาท หรือทงั้ จา ทง้ั ปรับ มาตรา 51 ผู้ใดขัดขวางการดาเนินการของเจ้าพนักงานตามมาตรา 24 หรือการปฏบิ ตั ิ ตามคาสัง่ ของผู้อานวยการตามมาตรา 25 หรอื ขัดขวางการปฏิบัติหน้าทข่ี องเจา้ พนกั งาน ตามมาตรา 26 วรรคสาม ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนงึ่ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ สองหมื่นบาท หรอื ทั้งจาทัง้ ปรบั
12 มาตรา 51 ผู้ใดเข้าไปในพ้นื ทีท่ ป่ี ิดก้ันตามมาตรา 27 (3) โดยไม่มอี านาจหน้าที่ตาม กฎหมายหรือตามคาส่งั ของผูอ้ านวยการ ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามเดอื น หรือปรบั ไมเ่ กนิ หกพันบาท หรอื ท้งั จาท้ังปรบั ในกรณีท่ีผกู้ ระทาความผิดตามวรรคหน่ึงเปน็ เจ้าของหรือผูค้ รอบครองอาคารหรอื สถานทีท่ ีอ่ ยใู่ นพน้ื ท่ีท่ปี ิดก้ันตามมาตรา 27 (3) ผอู้ านวยการหรอื เจา้ พนกั งานซงึ่ ไดร้ ับมอบหมายจาก ผู้อานวยการจะเรียกบคุ คลดังกลา่ วมาตักเตอื นแทนการดาเนนิ คดกี ไ็ ด้ มาตรา 52 ผูใ้ ดฝุาฝนื หรือไม่ปฏิบตั ิตามคาสัง่ อพยพบุคคลออกจากพน้ื ท่ี ตามมาตรา 28 ถ้าคาส่งั อพยพนน้ั เพือ่ เปน็ การปูองกนั การกดี ขวางการปฏบิ ัติหน้าท่ใี นการปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั หรือฝาุ ฝนื คาส่งั ตามมาตรา 29 ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ หนึ่งเดอื น หรือปรบั ไมเ่ กนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จาทงั้ ปรับ มาตรา 53 ในขณะเกิดสาธารณภัย ผใู้ ดแต่งเครอ่ื งแบบหรอื ประดบั เครือ่ งหมายของ อาสาสมคั รหรือขององคก์ ารสาธารณกศุ ล และเข้าไปในพนื้ ท่ที เี่ กดิ สาธารณภยั โดยมไิ ด้เป็น อาสาสมัคร หรอื สมาชิกองคก์ ารสาธารณกุศลดงั กล่าว เพอ่ื ใหบ้ คุ คลอนื่ เช่ือวา่ ตนเปน็ บุคคลดงั กลา่ ว ต้องระวางโทษ จาคกุ ไมเ่ กินสามเดือน หรือปรับไม่เกนิ หกพนั บาท หรือท้งั จาท้งั ปรบั มาตรา 54 ผใู้ ดเรยี่ ไรหรอื หาประโยชน์อื่นใดสาหรับตนเองหรือผอู้ น่ื โดยมชิ อบโดยแสดง ตนว่าเป็นอาสาสมคั ร เจ้าพนกั งานหรือผูด้ ารงตาแหน่งอื่นใดในหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วกบั การปอู งกันและ บรรเทาสาธารณภยั หรอื ใชช้ ื่อของหนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวกับการปอู งกันและบรรเทาสาธารณภัยในการ ดาเนนิ การดงั กล่าว ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองหมนื่ บาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ มาตรา 55 ผู้ใดฝุาฝนื มาตรา 48 ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หกเดือน หรอื ปรับ ไมเ่ กิน สองพนั บาท หรือทง้ั จาท้ังปรับ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัติฉบับนี้ คือ เนอ่ื งจากการปฏิรปู ระบบราชการตาม พระราชบญั ญัติปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ไดจ้ ัดตัง้ กรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย ขึน้ เปน็ สว่ นราชการสงั กดั กระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลักในการดาเนินการปอู งกนั บรรเทา ฟนื้ ฟู สาธารณภยั และอบุ ตั ภิ ยั ซ่งึ มผี ลทาใหง้ านดา้ นสาธารณภยั และงานด้านอุบัติภยั ท่เี ดมิ ดาเนินการ โดยกองปูองกนั ภยั ฝุายพลเรือน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสานักงานคณะกรรมการ ปอู งกนั อบุ ตั ภิ ยั แหง่ ชาติสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี สานกั นายกรฐั มนตรี มารวมอยใู่ นความ รบั ผดิ ชอบของหนว่ ยงานเดียวกนั นอกจากนี้กฎหมายว่าดว้ ยการปอู งกนั และระงบั อัคคภี ยั เปน็ กฎหมายที่มี สาระสาคัญและรายละเอียดเก่ยี วกับการปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัยในดา้ นของอัคคภี ยั รวมท้ัง หน่วยงานที่จะต้องปฏบิ ตั ิเพอื่ ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวก็เปน็ หนว่ ยงานเดยี วกนั เพอ่ื ให้ การปฏบิ ัตงิ านเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพและแนวทางเดียวกัน ตลอดจนเพอื่ ให้เกิดความเป็นเอกภาพ ในการอานวยการและบรหิ ารจดั การเกย่ี วกบั การปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงเห็นสมควรนา กฎหมายวา่ ด้วยการปอู งกนั ภัยฝาุ ยพลเรอื น และกฎหมายวา่ ด้วยการปูองกันและระงบั อคั คภี ัย มาบัญญัติ ไวร้ วมกนั จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบัญญตั ินี้
13 ระเบยี บกระทรวงมหาดไวทา่ ยด้วยกจิ การอาสาสมคั รป้องกนั ภัยฝ่ายพลเรอื พน.ศ. 2553 ข้อ 1 ระเบยี บนเ้ี รยี กว่า \"ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยกิจการอาสาสมัครปูองกันภัย ฝุายพลเรอื น พ.ศ. 2553\" ข้อ 3 ในระเบยี บนี้ \"อปพร.\" หมายความว่า อาสาสมัครปูองกันภยั ฝุายพลเรือน \"ศูนย์ อปพร.\" หมายความว่า ศนู ย์ อปพร. กลาง ศูนย อ์ ปพร. เขตศนู ย อ์ ปพร.จังหวัด ศนู ย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร ศนู ย์ อปพร. อาเภอ ศูนย์ อปพร. เขตในกรุงเทพมหานคร ศนู ย์ อปพร. เมืองพทั ยา ศูนย์ อปพร. เทศบาล และศนู ย์ อปพร. องคก์ ารบริหารส่วนตาบล \"ผู้บัญชาการ\" หมายความว่า ผู้บญั ชาการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ \"ผู้อานวยการ\" หมายความว่า ผู้อานวยการกลาง ผู้อานวยการจงั หวดั ผู้อานวยการอาเภผอู้อานวยการ ท้องถิน่ และผู้อานวยการกรุงเทพมหานคร ข้อ 4 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย รกั ษาการตามระเบียบนี้ และให้มอี านาจตคี วาม และวินิจฉัย ปัญหา กาหนดหลักเกณฑ์และวิธปี ฏบิ ัติเพ่อื ดาเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ 5 ให้มีคณะกรรมการอานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง ประกอบด้วย อธิบดกี รมปูองกันและบรรเทา สาธารณภัย เป็นประธานกรรมการ รองอธิบดีกรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั ท่ีได้รับมอบหมาย รองอธิบดีกรมการปกครอง ทไี่ ด้รบั มอบหมาย รองอธิบดีกรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่นิ ท่ีได้รบั มอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ ผู้อานวยการสานักปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ อกี ไม่เกนิ ห้าคน ซง่ึ ประธานกรรมการ แตง่ ตัง้ จากผู้มีความรู้ ความสามารถ ด้านการปอู งกันและ บรรเทาสาธารณภยั เป็นกรรมการ ให้ผู้อานวยการสานักส่งเสรมิ การปูองกันสาธารณภัย กรมปูองกนั และ บรรเทาสาธารณภยั เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้อานวยการส่วนกิจการอาสาสมคั ร สานักส่งเสรมิ การปูองกันสาธารณภัย กรมปูองกนั และบรรเทสาธารณภยั เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ 6 ให้คณะกรรมการอานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง มีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปน้ี (1) กาหนดนโยบายและแนวทางการบริหารกิจการศูนย์ อปพร. (2) เสนอแนวทางและมาตรการเกย่ี วกับการดาเนินกจิ การ อปพร. ให้ศูนย์ อปพร. ถือปฏบิ ตั ิ (3) กากับ ดแู ล และสนบั สนุนการดาเนินงานของศนู ย์ อปพร. ให้เป็นไปด้วยความ เรยี บร้อยใน การปฏบิ ตั กิ ารตามอานาจหน้าท่ีในวรรคหน่งึ คณะกรรมการอานวยการศูนย์ อปพร. กลาง อาจแต่งตั้ง คณะอนกุ รรมการศูนย์ อปพร. เพ่อื พจิ ารณาและเสนอความเห็นในเร่อื งหนึ่งเร่อื งใด หรอื มอบหมายให้ ปฏิบัติการอย่างหนงึ่ อย่างใดแทนได้ ทงั้ นี้ ให้นาความในขอ้ 9 มาใช้บงั คบั กบั การประชุมของ คณะอนุกรรมการ ศูนย์ อปพร. โดยอนโุ ลม ข้อ 11 ให้ผู้ว่าราชการจังหวดั แต่งตั้งคณะกรรมการอานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวัด ประกอบด้วย (1) ผู้ว่าราชการจังหวดั เป็นประธานกรรมการ (2) รองผู้วา่ ราชการจังหวัดซง่ึ ผู้ว่าราชการจงั หวดั มอบหมาย เป็นรองประธานกรรมกคานรท่ีหนึง่ (3) นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เป็นรองประธานกรรมการคนทีส่ อง (4) กรรมการอนื่ ประกอบด้วย (ก) ผู้แทนหน่วยงานของรฐั ที่ประจาอยู่ในพื้นทจ่ี ังหวัด ตามจานวนทผ่ี ู้ว่าราชการจังหวดั เห็นสมควร แต่งตัง้ (ข) ผู้แทนของศูนย์ อปพร. เขต ทีจ่ ังหวัดน้ันอยู่ในเขตรับผิดชอบ
14 (ค) ประธานกรรมการประสานงานศนู ย์ อปพร. จังหวดั ตามขอ้ 22 วรรคสอง (ง) ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเขตจงั หวดั ตามจานวนทผี่ ู้ว่าราชการจังหวัด เหน็ สมควร แตง่ ต้ัง (จ) ผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่งึ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ด้านการปอู งกนั และบรรเทสาาธารณภัยจานวนไม่ เกนิ สามคน โดยให้มผี ู้แทนจากองค์การสาธารณกุศลในเขตจงั หวัดรวมอยู่ด้วย (5) หวั หน้าสานกั งานปูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ ข้อ 11 คณะกรรมการอานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวัด มีอานาจหน้าทดัง่ี น้ี (๑) กาหนดยุทธศาสตร์ และแนวทางการดาเนินงานกิจการ อปพร. ให้เป็นไปตามนโยบาย และ แนวทางทค่ี ณะกรรมการอานวยการศูนย์ อปพร. กลางกาหนด (2) ให้การสนับสนนุ สง่ เสริมและกากบั ดูแลการดาเนนิ งานของศูนย์ อปพร. ภายในเขต จงั หวดั ให้เป็นไปด้วยความเรยี บร้อย (3) กาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการดาเนนิ งานทเ่ี กยี่ วกบั กจิ การ อปพร. ท่ไี ม่ขดั หรอื แย้งกทบั ่ศี ูนย์ อปพร. กลางกาหนด หมวด 2 การบรหิ าร และกากบั ดแู ล ข้อ 15 ให้ผู้บัญชาการ เป็นผู้บัญชาการศนู ย์ อปพร. กลาง รองผู้บญั ชาการ เป็น รองผู้บัญชาการ ศนู ย์ อปพร. กลาง มอี านาจบงั คบั บญั ชา และส่ังการผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. รองผู้อานวยการ ศนู ย์ อปพร. ผู้ช่วยผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เจ้าหน้าที่ประจาศูนย์ อปพร. และ อปพร. ท่ัวราชอาณาจักร ให้ผู้อานวยการ กลาง เปน็ ผูอ้ านวยการศนู ย์ อปพร. กลาง รองอธิบดีกรมปูองกนั และบรรเทา สาธารณภยั เป็นรองผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง และกรมปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย เป็นศนู ย์ อปพร. กลาง โดย ให้เจ้าหน้าทขี่ องกรมปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัยทปี่ ฏิบตั ริ าชการประจา ณ ท่ีตั้งกรม เป็นเจ้าหน้าทีป่ ระจา ศนู ย์ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กลาง มีอานาจควบคมุ และกากบั การปฏบิ ตั ิหน้าท่ีของผู้อานวยการ ศนู ย์ อปพร. รองผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ผู้ช่วยผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เจ้าหน้าที่ประจาศนู อยป์ พร. และ อปพร. ไดท้ ั่วราชอาณาจกั ร และอาจแต่งตั้งบคุ คลหน่ึงบคุ คลใดเป็นเจ้าหน้าที่ประจาศนู ย์ เพมิ่ เติมได้ตาม ความหมาะสม ข้อ 16 ให้ศูนย์ อปพร. กลาง มอี านาจหน้าที่ ดงั ต่อไปนี้ (1) ดาเนินงานด้านธุรการของคณะกรรมการอานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง (2) สนบั สนุนงบประมาณ วสั ดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื เครอื่ งใช้ ค่มู อื ปฏบิ ัตงิ าน เอกสาร และขา่ วสาร เก่ยี วกับการบรหิ ารกิจการ อปพร. (3) วางระเบียบ หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารดาเนินงานท่ีเกี่ยวกบั กจิ การ อปพร. รวมทั้งสทิแลธิะสวัสดกิ าร แก่ อปพร. (4) ศกึ ษา ค้นคว้า และวิจัย ตลอดจนเผยแพร่ความรู้เกย่ี วกบั กิจการ อปพร. (5) จัดทาหลักสูตรการฝึกอบรม อปพร. และหลกั สตู รทเ่ี กยี่ วกบั กิจการ อปพร. พร้อมกาหนดรปู แบบ วฒุ ิบตั ร และเครอ่ื งหมายแสดงความสามารถ หรือแสดงวิทยฐานะ รวมทง้ั พิจารณาทบทวน หรือปรับปรงุ หลักสูตรให้มคี วามเหมาะสม (6) จดั ให้มกี ารฝึกอบรมและฝึกปฏบิ ตั หิ ลกั สตู รตามทก่ี าหนดใน (5)
15 (7) จดั ทาแผนพัฒนาอัตรากาลังของ อปพร. รวมท้ังพิจารณาทบทวน และปรบั ปรงุ แผนให้มีความ เหมาะสม (8) ประสานงาน ติดตาม และประเมินผลการปฏิบตั ิงานของ อปพร. ทวั่ ราชอาณาจกั ร (9) ปฏบิ ตั ิการอ่นื ตามท่ีคณะกรรมการอานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง มอบหมาย ข้อ 18 ให้ผู้อานวยการจงั หวัด เป็นผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวัด และสานักงาน ปอู งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั จังหวดั เป็นศูนย์ อปพร. จงั หวดั โดยให้เจ้าหน้าที่ของสานกั งาน ปอู งกันและบรรเทา สาธารณภัยจงั หวดั เป็นเจ้าหน้าท่ปี ระจาศูนย์ ให้รองผู้อานวยการจงั หวดั เป็นรองผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวัด มหี น้าท่ชี ่วยเหลอื ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั ในการดาเนินการกจิ การ อปพร. และปฏิบัติ หน้าทอี่ ืน่ ตามที่ ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จังหวดั มอบหมาย ให้หวั หน้าสานกั งานปูองกนั และบรรเทา สาธารณภยั จงั หวัด เป็นผู้ช่วยผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวัดมีหน้าทชี่ ่วยเหลือผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั ข้อ 19 ให้ผู้อานวยการอาเภอ เป็นผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. อาเภอ และทีท่ าการปกครอง อาเภอ เป็นศูนย์ อปพร. อาเภอ โดยให้เจ้าหน้าทีข่ องทีท่ าการปกครองอาเภอ เป็นเจ้าหน้าท่ปี ระจาศนู ย์ ข้อ 21 ให้ผู้อานวยการท้องถนิ่ เป็นผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ดงั นี้ (๑) ให้นายกเทศมนตรี เป็นผอู้ านวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล รองนายกเทศมนตรี ซง่ึ นายกเทศมนตรี มอบหมาย เป็นรองผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล ปลดั เทศบาล เป็นผู้ช่วย ผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. เทศบาล และสานกั ปลัดเทศบาล เป็นศนู ย์ อปพร. เทศบาล โดยให้เจ้าหน้าท่ี ของ สานกั ปลดั เทศบาล เป็นเจ้าหน้าท่ีประจาศนู ย์ (2) ให้นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล เป็นผูอ้ านวยการศูนย์ อปพร. องค์การบรหิ าร ส่วนตาบล รองนายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบล ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนตาบลมอบหมายเป็นรองผู้อานวยการศูนย์ อปพร. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล ปลดั องค์การบริหารส่วนตาบล เป็นผู้ชว่ ย ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล และสานกั ปลัดองค์การบรหิ ารส่วนตาบล เป็นศูนย์ อปพร. องคก์ ารบรหิ ารส่วน ตาบล โดยให้เจ้าหน้าทขี่ องสานักปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบเลป็นเจา้ หน้าทีป่ ระจาศนู ย์ (3) ให้นายกเมืองพทั ยา เป็นผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เมอื งพัทยา รองนายกเมอื งพัทยา ซึง่ นายกเมอื ง พัทยา มอบหมาย เป็นรองผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เมืองพทั ยา ปลัดเมืองพทั ยา เป็นผู้ชว่ ยผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. เมืองพัทยา และสานกั ปลดั เมืองพทั ยา เป็นศูนย์ อปพร. เมืองพทั ยา โดยให้เจ้าหน้าท่ขี องสานกั ปลัด เมอื งพทั ยา เป็นเจ้าหน้าทป่ี ระจาศนู ย์ ข้อ 22 ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ตามข้อ 18 ข้อ 19 ข้อ 21 และข้อ 21 มีอานาจ หนา้ ทีส่ งั่ การ ควบคมุ และกากับดแู ล เจ้าหน้าที่ประจาศนู ย์ อปพร. และ อปพร. ในสังกดั ตลอดจนให้การสนบั สนนุ การ ดาเนินกิจการ อปพร. ภายในเขตพ้ืนที่ทรี่ ับผดิ ชอบ และสนับสนุนศูนย์ อปพร. ข้างเคียงในการปูองกนั และ บรรเทาสาธารณภัย รวมทงั้ มีอานาจแต่งต้ังบคุ คลหนงึ่ บุคคลใด เป็นเจ้าหน้าท่ีประจาศนู ย์เพิม่ เติมไดต้ ามความ เหมาะสมให้ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. ตามวรรคหนง่ึ จดั ให้ อปพร. เข้ามามีส่วนร่วมในรปู ขอคงณะกรรมการ ประสานงานศนู ย์ อปพร. โดยการจัดตง้ั และอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ประสานงานศนู ย์ อปพร. ให้เป็นไปตามท่ีศูนย์ อปพร. กลาง กาหนด ข้อ 23 ให้ศนู ย์ อปพร. เทศบาล ศนู ย์ อปพร. องค์การบริหารส่วนตาบล ศูนย์ อปพร. เขตใน กรุงเทพมหานคร และศนู ย์ อปพร. เมืองพัทยา จดั ตัง้ ฝุายต่าง ๆ ดังต่อไปน้ี
16 (1) ฝุายปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย (2) ฝุายรักษาความสงบเรียบร้อย (3) ฝุายสงเคราะห์ผู้ประสบภยั (4) ฝุายปฏบิ ัติการกู้ชพี ก้ภู ยั (5) ฝุายอื่น ๆ ตามความจาเป็น ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ตามวรรคหนึ่ง แต่งตงั้ หวั หน้าฝุายหนึง่ คน และรองหวั หน้าฝุายสองคน จากเจ้าหน้าทป่ี ระจาศนู ย์ หรอื อปพร. โดยแต่ละฝุายให้มี อปพร. ตามความเหมาะสม ทงั้ นี้ โครงสร้าง อานาจหน้าทขี่ องฝาุ ยต่าง ๆ ในศนู ย์ อปพร. ให้เป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีดาเนินงานทีศ่ ูนย์ อปพร. กลาง กาหนด ข้อ 24 ให้ อปพร. อยู่ภายใตก้ ารควบคุม และกากับดูแลของหัวหน้าฝุาย อปพร. ให้หัวหน้าฝุายใน ศนู ย์ อปพร. แต่ละแห่งอยู่ภายใต้การสัง่ การ ควบคมุ และกากับดูแลของผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. องค์การบริหารส่วนตาบล ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เขตในกรงุ เทพมหานคร หรอื ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เมืองพทั ยา แล้วแต่กรณี ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. องคก์ ารบริหารส่วนตาบล และผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เมืองพทั ยา อยู่ภายใตก้ ารสั่งการ ควบคุม และกากบั ดแู ล ของผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. อาเภอ ใหผ้ ู้อานวยการศนู ย์ อปพร. อาเภอ และ ผูอ้ านวยการศนู ย์ อปพร. เขตในกรุงเทพมหานคร อยู่ภายใตก้ ารส่ังการ ควบคุม และกากับดแู ลของ ผอู้ านวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั หรอื ผู้อานวยการศนู ยอ์ปพร. กรงุ เทพมหานคร แล้วแต่กรณใหี ้ผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. จังหวัด และผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร อยู่ภายใต้การควบคุม และกากบั ดูแล ของผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กลาง ให้ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวดั และผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กรงุ เทพมหานครอยู่ภายใต้การบังคบั บญั ชาและสั่งการของผู้บัญชาการศนู ย์ อปพร. กลาง ข้อ 25 เพ่ือประโยชน์ในการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวัด ผู้ อานวยการศูนย์ อปพร. กรงุ เทพมหานคร และผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กลาง อาจรบั สมคั ร และคดั เลอื ก บุคคลเขา้ เป็น อปพร. ในสงั กัดของตน รวมท้ังรบั อปพร. ท่ีขอย้ายจากศูนย์ อปพร. อ่ืน เข้ามาเป็น อปพร. ในสงั กดั และในการน้ใี ห้ออกบัตรประจาตวั ให้แก่ อปพร. ในสังกัดของตนด้วทยั้งนี้ ให้นาความในข้อ 23 ข้อ 28 ข้อ 31 ข้อ 31 ข้อ 32 ข้อ 39 และขอ้ 43 วรรคหนึง่ มาใช้บังคับกบั กรณีตามวรรคหนง่ึ ด้วยโดยอนโุ ลม และให้ อปพร. อยู่ภายใต้การควบคมุ และกากับดูแลของหวั หน้าฝุาย อปพร. และให้หัวหน้าฝุาย อปพร. อยู่ภายใต้การสงั่ การควบคุมและกากบั ดูแลของผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวดั ผู้อานวยการ ศนู ย์ อป พร. กรงุ เทพมหานครและผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กลาง แล้วแต่กรณี ข้อ 26 ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จัดให้มีธงประจาศูนย์ อปพร. เพื่อเป็นสญั ลกั ษณ์ ประจาศนู ย์ อปพร. ตามหลักเกณฑแ์ ละรปู แบบท่ีศูนย์ อปพร. กลางกาหนด ข้อ 27 ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กลาง ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั และผู้อานวยการ ศนู ย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี อาจพิจารณามอบรางวลั เชิดชูเกยี รติสาหรับศนู ย์ อปพร.ในสังกดั ทมี่ ี ผลการปฏบิ ตั ิงานดเี ด่น ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. อาจพิจารณามอบประกาศเกียรตคิ ุณสรรเสรญิ และ เครือ่ งหมายเชดิ ชเู กียรติแก่ อปพร. ที่ปฏบิ ัติงานดเี ด่น หรอื ผู้ทใี่ หก้ ารสนับสนนุ ช่วยเหลอื กจิ การ อปพร.จน เกิดผลดยี ิ่ง เพ่ือเป็นการส่งเสริมและยกย่องในการปฏบิ ัติหน้าทขี่ อง อปพร. ทีม่ ีผลการปฏิบตั งิ านดเี ด่น เป็นพิเศษ ผู้บญั ชาการศูนย์ อปพร. กลาง อาจพจิ ารณามอบประกาศเกยี รติคณุ สรรเสรญิ และเครอื่ งหมาย เชดิ ชเู กียรติแก่ อปพร.การดาเนินการตามวรรคหนง่ึ วรรคสอง และวรรคสามให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร
17 และรูปแบบที่ศนู ย์ อปพร. กลางกาหนด หมวด 3 การคัดเลอื ก การพน้ จากสมาชกิ ภาพ และการฝึกอบรม ข้อ 28 ให้ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. องคก์ ารบริหารส่วนตาบล ผู้ อานวยการศูนย์ อปพร. เขตในกรงุ เทพมหานคร และผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เมืองพัทยา เป็นผู้รับสมัคร และคัดเลอื กบุคคลท่ีมีคณุ สมบตั ิและไมม่ ีลกั ษณะต้องห้ามเข้าเป็น อปพร. อปพร. ต้องมีคณุ สมบัติและไม่มี ลกั ษณะต้องห้าม ดงั ต่อไปน้ี (1) มีสัญชาตไิ ทย (2) มอี ายุไม่ตา่ กว่าสบิ แปดปีบรบิ ูรณ์ (3) มภี มู ลิ าเนาหรอื ถิ่นทอ่ี ยูใ่ นเขตศนู ย์ อปพร. นนั้ (4) เล่ือมใสการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ (5) ไมเ่ ป็นคนไร้ความสามารถ หรอื คนเสมอื นไร้ความสามารถ หรือคนวิกลจรติ (6) ไมเ่ ป็นผู้เส่ือมเสียในทางศีลธรรม หรอื ในทางทจุ ริต หรือเป็นภยั ต่อสงั คผมู้สมัครที่ได้รบั คัดเลอื ก ว่ าเป็นผู้มคี ุณสมบัติ และไม่มลี ักษณะตอ้ งห้ามตามทก่ี าหนดในวรรคสองต้องเขา้ รับการฝึกอบรมหลกั สตู ร การฝึกอบรม อปพร. จึงจะได้รบั การขึ้นทะเบียนเป็น อปพร. ข้อ 29 อปพร. พน้ จากสมาชิกภาพเมอ่ื (๑) ขาดคุณสมบตั หิ รือมลี กั ษณะต้องห้ามอย่างหนงึ่ อย่างใดตามขอ้ 28 และผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. ต้นสงั กัดส่งั ให้พ้นจากสมาชิกภาพ (2) ตาย (3) ลาออก (4) ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. ต้นสังกดั ส่งั ให้พ้นจากสมาชกิ ภาพ ตามข้อ 36 ข้อ 31 กรณี อปพร. พ้นจากสมาชกิ ภาพตามข้อ 29 หากประสงคจ์ ะขอกลับเขา้ มาเปน็ อปพร. อกี ให้ทาคา ขอเป็นหนังสอื ยน่ื ต่อผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ตามข้อ 28 วรรคหน่ึง ข้อ 31 กรณี อปพร. ผู้ใดมคี วามประสงค์จะย้ายไปสงั กดั ศูนย์ อปพร. อื่น เน่ืองจาก ยา้ ยภูมลิ าเนา หรือถนิ่ ทอ่ี ยู่ หรอื มีเหตุจาเป็นอ่นื ใด ให้ทาคาขอยืน่ ต่อผู้อานวยการศูนย์ อปพรต.น้ สงั กดั และให้ผู้อานวยการ ศนู ย์ อปพร. ท่ไี ด้รับคาขอทาหนงั สือส่งตัว พร้อมทะเบยี นประวตั ิมอบให้อปพร. ผู้นนั้ ถอื ไปรายงานตวั ต่อผู้ อานวยการศนู ย์ อปพร. สังกัดใหม่ และให้ศนู ย์ อปพร. น้นั เสนอ ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จังหวดั หรือผู้ อานวยการศนู ย์ อปพร. กรงุ เทพมหานคร ออกบัตรประจาตัวใหมแ่ใหล้ะเรียกบตั รประจาตัวเดมิ คนื ข้อ 32 ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เขตในกรงุ เทพมหานคร และผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เมืองพทั ยา จดั ทาทะเบยี น ประวตั ขิ องอปพร. ตามท่ศี ูนย์ อปพร. กลาง กาหนด ให้เป็นปัจจบุ นั ข้อ 33 ให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กลาง ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั และผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร เป็นผู้มอี านาจอนุมัตโิ ครงการฝึกอบรม อปพแรล. ะกากับดูแลให้เป็นไปตามหลักสตู ร ที่กาหนด ข้อ 34 ให้ศูนย์ อปพร. ทจี่ ดั ฝึกอบรมหลักสตู รการอบรม อปพร. จดั ทาเครือ่ งหมาย อปพร. และ วุฒิบตั ร เพ่อื มอบให้แก่ อปพร. ที่ผ่านการฝึกอบรม โดยเครอื่ งหมาย อปพร. ให้เป็นตไปามแบบทา้ ยระเบียบนี้
18 ส่วนวฒุ บิ ัตรให้เป็นไปตามรูปแบบทศี่ นู ย์ อปพร. กลางกาหนด หมวด 4 สิทธิ และวนิ ยั ของ อปพร. ข้อ 35 อปพร. มีสิทธิ ดังต่อไปน้ี (1) แต่งเครือ่ งแบบและประดบั เครอื่ งหมาย อปพร. (2) ใช้วทิ ยุสือ่ สารของทางราชการในการปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ามท่ีได้รบั มอบหเมปา็นยลายลกั ษณ์อกั ษร (3) ไดร้ ับการค้มุ ครองตามระเบียบและกฎหมายในการปฏิบัตหิ น้าทปี่ ูองกนั และบรรเทา สาธารณภยั และหน้าทอ่ี ่ืน ตามคาสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้บญั ชาการ รองผู้บญั ชาการ ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ ผู้ ช่วยผู้อานวยการหรือเจ้าพนักงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการปูองแกลันะบรรเทาสาธารณภัย ข้อ 36 อปพร. จะตอ้ งรกั ษาและปฏบิ ตั ิตามวินยั โดยเคร่งครดั ดังต่อไปน้ี (1) สนับสนนุ และดารงรักษาการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั ทรริยง์ เปน็ ประมขุ (2) ปฏบิ ัติตามคาสง่ั โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคบั บญั ชาโดยเคร่งครัด และสนับสนนุ การ ปฏบิ ตั งิ านของศนู ย์ อปพร. ท่ีต้นสังกัด (3) แต่งเคร่ืองแบบให้ถกู ต้องตามระเบยี บในขณะปฏิบตั ิหน้าที่ (4) ปฏิบตั ิหน้าทีด่ ว้ ยความซ่อื สัตย์ สจุ ริต อดทน ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหน่ือยและไม่หวัง ผลประโยชน์ใด ๆ เป็นการตอบแทน (5) รักษาความสามัคคีในหมู่คณะและเสยี สละประโยชน์ส่วนตัวเพ่ือส่วนรวม (6) ประพฤตปิ ฏิบตั ติ นอยู่ในศลี ธรรมอันดี (7) ไม่เสพสุราของมึนเมาในขณะปฏิบัติหน้าที่ (8) ไม่ใช้กริ ยิ าวาจาท่ีไม่สภุ าพต่อประชาชน (9) ไม่รายงานเทจ็ ต่อผู้บังคับบัญชา (11) ไมเ่ ปิดเผยความลับทางราชการ (11) ไมแ่ สวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเอง หรือผู้อนื่ จากการปฏบิ ตั หิ น้าทก่ี รณี อปพร. กระทาผิดวนิ ัยตามวรรคหนึ่ง และเป็นเหตใุ ห้เกดิ ความเสยี หายแก่ทางราชกาหรรอื กิจการ อปพร. ให้ ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. ทผี่ ู้น้นั สังกดั มีอานาจส่งั ให้ อปพร. ผู้กระทาผิดพ้นจากสมาชกิ ภาพ หมวด 5 หนา้ ทแ่ี ละการมอบหมายการปฏิบัติงาน ข้อ 37 อปพร. มหี น้าทีป่ ฏบิ ตั กิ ารตามคาส่ังของผู้บังคับบัญชา และเจ้าพนกั งานในการปูองกันและ บรรเทาสาธารณภัย และปฏบิ ัตติ ามระเบียบนใี้ นการปฏบิ ตั ิหน้าท่ใี ห้ อปพร. ไปรายงานตวั ต่อผู้บงั คบั บัญชา หรือเจา้ พนกั งานโดยไม่ชกั ช้า และขณะปฏบิ ตั หิ น้าทีใ่ ห้แต่งเครอื่ งแบบ อปพร. เว้นแต่เป็นกรณเี ร่งด่วนจะ ประดับเฉพาะเคร่ืองหมาย อปพร. กไ็ ด้ และตอ้ งมีบัตรประจาตัว อปพร. ไว้เพอ่ื แสดงตนด้วย ข้อ 38 กรณผี ู้อานวยการศูนย์ อปพร. ใกล้เคยี งรอ้ งขอ และผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เหน็ เป็น การสมควรอาจส่ัง อปพร. ไปปฏบิ ัตภิ ารกิจนอกเขตรับผิดชอบก็ได้ และให้รายงานผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ตามลาดับชัน้ ในกรณที ่มี ีความจาเป็น ให้ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จังหวดั หรอื ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กรงุ เทพมหานคร แล้วแต่กรณี มีอานาจสั่งการ อนมุ ัติ หรอื อนุญาตให้ อปพร. ไปปฏิบัติภารกจิ นอกเขต
19 จังหวัด หรือกรงุ เทพมหานครได้ ข้อ 39 ในกรณีจาเป็นและเร่งดว่ นเพ่ือให้ทนั ต่อเหตุการณ์ และหัวหน้าฝุาย อปพร. ผู้อานวยการ ศูนย์ อปพร. องค์การบรหิ ารส่วนตาบล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เมือง พัทยา ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. เขตในกรงุ เทพมหานคร ผู้อานวยการศูนย์ อปพรอ.าเภอ ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร หรือผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวัด ไมอ่ ยู่ หรไือมส่ ามารถปฏิบัตหิ น้าท่ีได้ ให้รอง หัวหน้าฝุาย อปพร. หรอื รองผู้อานวยการศูนย์ อปพร. ของศูนย์ อปพร. น้ัน เป็นผู้ส่งั การ อนุมัติ อนุญาตแทน ไปพลางก่อนได้ หมวด 6 เครือ่ งแบบ เครอื่ งหมาย และบัตรประจาตัว ข้อ 41 เคร่ืองแบบ อปพร. ให้เป็นไปตามรปู แบบแนบท้ายระเบยี บนี้ ผู้บญั ชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้ อานวยการ รองผู้อานวยการ และผู้ชว่ ยผู้อานวยการ เจ้าหน้าทีป่ ระจาศูนย์ อปพร. มีสทิ ธแิ ต่งเครือ่ งแบบ อปพร. ขอ้ 42 เครื่องหมาย อปพร. การใช้และการประดบั ให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ แนบท้าย ระเบียบนี้การใช้และการประดบั เคร่อื งหมาย อปพร. นอกจากที่กาหนดไว้ในระเบยี บนี้ ต้องได้รอับนุญาตจาก ผู้อานวยการศูนย์ อปพร.กลาง ขอ้ 43 ให้ศนู ย์ อปพร. เทศบาล ศนู ย์ อปพร. องคก์ ารบริหารส่วนตาบล ศูนย์ อปพร. เขตใน กรุงเทพมหานคร และศนู ย์ อปพร. เมอื งพทั ยา จัดทาบัตรประจาตัว อปพร. ตามแบบทา้ รยะเบยี บนี้ เสนอให้ ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั หรือผู้อานวยการศูนย์ อปพร. กรุงเทพมหานครออกบัตรประจาตัว อปพร. เพอ่ื มอบให้แก่ อปพร.นอกจากบัตรประจาตัว อปพร. ตามวรรคหนง่ึ ศนู ย์ อปพร. กลาง อาจกาหนดให้มบี ัตร ประจาตัว อปพร.เพ่มิ เตมิ เป็นกรณีพเิ ศษได้ โดยหลกั เกณฑ์การออกบตั ร อายุของบัตร และรปู แบบบตั ร ใหเ้ ป็นไปตามทีศ่ ูนย์ อปพร. กลางกาหนด ขอ้ 44 บตั รประจาตวั อปพร. ตามข้อ 43 วรรคหน่ึง ให้มอี ายสุ ป่ี ี เมือ่ บัตรประจาตัวชารดุ สญู หาย หมดอายุ หรอื มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสาคญั เช่น ช่อื ตัว ช่ือสกุล ให้ อปพร. ผู้นั้น ยน่ื คาร้องตามแบบท่ี ศูนย์ อปพร. กลางกาหนดต่อผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เทศบาล ผู้อานวยการศนู อยป์ พร. องค์การบริหารส่วน ตาบล ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. เขตในกรุงเทพมหานคร หรือผู้อานวยการศอูนปยพ์ ร. เมอื งพทั ยา แล้วแต่กรณี เพ่อื เสนอให้ผู้อานวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั หรือผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กรงุ เทพมหานคร พจิ ารณา ดาเนินการออกบตั รประจาตวั ใหม่ให้ต่อไป ให้ศนู ย์ อปพร. เทศบาล ศนู ย์ อปพร. องคก์ ารบริหารส่วนตาบล ศนู ย์ อปพร. เขตใน กรงุ เทพมหานคร และศนู ย์ อปพร. เมืองพทั ยา จัดทาทะเบียนควบคมุ บัตรประจาตัว อปพใรห.้เป็นปจั จบุ นั อยู่ เสมอ หมายเหตุ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ที่ 127 ตอนพิเศษ 109ง วันที่ 14 กันยายน 2553
20 2. แนวนโยบายและหนงั สอื ส่งั การที่เกยี่ วข้องกับการดาเนินกจิ การอาสาสมัครปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.)ของศูนย์ อปพร. กลาง ประกอบดว้ ย นโยบายเน้นหนกั ของ กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ประจาปี 2556 การซักซอ้ มแนวทางปฏิบัตใิ นการ ฝึกอบรม อปพร. ความกา้ วหน้า /ความเคลอ่ื นไหว ของศนู ย์ อปพร. กลาง (ปี 2556) สรุป ได้ดังน้ี 2.1 นโยบายเน้นหนกั ของกรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ประจาปี 2556 ด้วยปลดั กระทรวงมหาดไทย ได้ใหค้ วามเหน็ ชอบให้กรมปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กาหนดให้มีนโยบายเน้นหนัก ประจาปี 2556 ในเรือ่ งการพฒั นางานกิจการอาสาสมัครปูองกันภยั ฝาุ ยพลเรอื น (อปพร.) ให้พร้อมใชป้ ฏบิ ัติงานเมอื่ เกดิ ภัยพบิ ตั ิเปน็ ทพ่ี ่ึงแก่ประชาชนทเ่ี ดอื ดรอ้ นจากภยั พบิ ตั ิ และแกไ้ ขปัญหาเกีย่ วกับงาน อปพร. ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ รายละเอยี ดปรากฏตามเอกสารทแ่ี นบมาพร้อมน้ี กรมปอู งกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอความอนเุ คราะห์ กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถ่ิน ในฐานะหน่วยงานกากับดแู ลองคก์ รปกครองทอ้ งถิน่ (องคก์ ารบริหารสว่ นตาบล เทศบาลและเมืองพัทยา) ทั่วประเทศเพือ่ ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ส่งเสรมิ สนับสนุนขบั เคล่ือนการพัฒนางานกิจการ อาสาสมคั รปอู งกนั ภยั ฝุายพลเรอื นของศนู ย์ อปพร. ท้องถิ่นในสังกดั ตามนโยบายเน้นหนักของกรมปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย ดังน้ี 2.1.1 การปรบั ปรุงงานทะเบียนข้อมูล อปพร. ใหเ้ ป็นปจั จบุ นั โดยสารวจและแกไ้ ขขอ้ มลู สมาชิก อปพร. ในสังกัดศนู ย์ อปพร. ทอ้ งถิ่นท่วั ประเทศ ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงและสอดคลอ้ งกับ นโยบายเพม่ิ จานวน อปพร. ร้อยละ 2 ของประชาชน โดยขอรับการสนับสนุนฐานข้อมลู เลขประจาตวั ประชาชนในระบบทะเบียนราษฎรใหเ้ ชอื่ มโยงกบั งานข้อมลู ทะเบยี น อปพร. เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่ีถูกตอ้ งและ เกดิ ความรวดเร็ว 2.1.2 การปรบั ปรุงระบบการสั่งใช้ อปพร. ช่วยเหลอื ประชาชนท่ีประสบภัยพิบัตใิ หท้ ัน ตอ่ เหตกุ ารณ์ และมคี วามตอ่ เน่อื งทดแทนกาลังคนท่ีอ่อนลา้ เมอื่ เกิดภัยพบิ ตั ใิ นระยะเวลายาวนาน โดยให้ ศนู ย์ อปพร. ทอ้ งถิ่นตรวจสอบให้มี อปพร.ในสังกัด ท่ีสามารถสัง่ ใช้ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีได้ตลอด 24 ช่ัวโมง ศนู ยล์ ะไม่นอ้ ยกวา่ 50 คน พร้อมทั้งพจิ ารณาส่ังใช้ อปพร. ตามความเหมาะสมและจาเป็นอยา่ งต่อเน่อื ง 2.1.3 เร่งรัดการจัดสวสั ดิการ อปพร. ให้เกดิ ความสะดวกรวดเรว็ และถูกตอ้ งตาม ระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไดแ้ ก่ การดาเนนิ งานตามพระราชบัญญตั ิสงเคราะห์ผู้ประสบภยั เนอื่ งจากการชว่ ยเหลือราชการการปฏิบตั ิงานของชาติ หรอื การปฏิบัตหิ น้าท่มี นุษยธรรม พ.ศ.2543 การเสนอขอพระราชทานเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์อนั เป็นที่สรรเสริญยงิ่ ดิเรกคุณาภรณ์ การคดั เลือก อปพร. ดีเด่น การคดั เลอื กแมด่ เี ดน่ การคดั เลือกอาสาสมัครดีเดน่ แหง่ ชาติ รวมถึงการประกวดศูนย์ อปพร.ดเี ดน่ เป็นตน้ 2.1.4 รายละเอยี ดนโยบายเนน้ หนักกรมปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย ประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2556 (เพม่ิ เติม) การพฒั นางานกิจการอาสาสมัคร (อปพร.) ให้พร้อมใชป้ ฏิบตั เิ ม่อื เกดิ ภัยพิบัตเิ ป็นทีพ่ งึ่ แก่ ประชาชนทเ่ี ดอื ดรอ้ นจากภยั พิบัติและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกบั งาน อปพร.ให้มีประสิทธิภาพ กรมปอู งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั มภี ารกิจรับผิดชอบงานกจิ การอาสาสมัครปูองกนั ภัยฝาุ ยพลเรือน (อปพร.) ตาม ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยกจิ การอาสาสมคั รปอู งกนั ภัยฝาุ ยพลเรือน พ.ศ.2553 และ พระราชบญั ญตั ิปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 หมวด 4 มาตรา 41 กาหนดให้ศูนย์ อปพร.
21 กลางจัดให้มอี าสาสมคั รคัดเลอื ก ฝกึ อบรม สิทธิ หน้าที่ และวนิ ัยของอาสาสมคั รให้เปน็ ตามท่ีระเบยี บ กระทรวงมหาดไทยกาหนด ปรากฎวา่ ในปจั จบุ ัน การบริหารจดั การ อปพร. มปี ญั หาอปุ สรรคเกิดขึน้ หลาย ประการ ไดแ้ ก่ 1) ระบบทะเบยี น อปพร.ไม่เปน็ ปัจจุบัน มีข้อมลู อปพร. จานวน 191,804 คน จากฐานข้อมลู ยอด อปพร. ณ วันท่ี 30 กันยายน 2555 จานวน 1,213,573 คน และมีจานวน อปพร. ทีส่ ่งั ให้ปฏิบัตหิ น้าทเี่ ป็นประจา จานวน 99,242 คน ถอื เปน็ ความคลาดเคลือ่ นจากความเปน็ จริงมากไม่ สอดคล้องกบั นโยบายเพ่ิมจานวน อปพร. รอ้ ยละ 2 ของประชากร 2) ในการจดั สวัสดิการ อปพร. ได้มีกระแสเรยี กรอ้ งให้ อปพร. มีค่าตอบแทน รายเดอื น เดอื นละ 1,000 บาท เชน่ เดยี วกบั อสม. (อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ ้าน) ท่ไี ดร้ บั เดือน ละ 600 บาท เน่อื งจากมีภารกิจมากและเสย่ี งภยั 3) ศนู ย์ อปพร. (เทศบาล และ อบต.) มีคาสั่งใชใ้ ห้ อปพร. ปฏบิ ัตงิ านในภารกจิ ดา้ นการรักษาความสงบเรียบร้อยและอานวยความสะดวกการจราจร แตไ่ ดร้ ับการทกั ท้วงจากกอง ตรวจสอบระบบบัญชีและการเงนิ ทอ้ งถิ่นวา่ ไม่สามารถเบกิ จา่ ยเงินค่าตอบแทนให้แก่ อปพร. วนั ละ 200 บาทตอ่ คน ได้ในขณะที่หนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย ด่วนมาก ท่ี มท 0808.2/ว 3795 ลงวันท่ี 17 พฤศจิกายน 2552 ไดก้ าหนดให้เบกิ จ่ายได้ จึงเกดิ ผลกระทบตอ่ การปฏบิ ัตงิ านในศนู ย์ อปพร.หลายแหง่ 4) ในปัจจบุ ันมภี ยั พบิ ตั ิรนุ่ แรงเกิดขน้ึ ในประเทศไทยเพ่ิมมาก ทาให้ประชาชน ได้รบั ความเดือดรอ้ นจานวนมาก บ้านเรือนเสยี หาย สูญเสยี ชีวติ และทรัพยส์ นิ เป็นจานวนมาก ทาให้ กระแสสงั คมเรียกร้องให้หนว่ ยงานภาครัฐ (กรมปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย) ให้ การช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภัย แก้ไขปญั หาต่าง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ รวมทงั้ ขอรับการสนับสนุนกาลัง อปพร. เข้าไปใน พ้ืนท่ีภัยพิบัติ เพ่ือปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เชน่ การอดุ รรู ัว่ ของเขื่อนกนั น้าท่วม การลาเลยี ง ผู้บาดเจ็บ เสียชวี ติ ฯลฯ และบรรเทาความเดือดร้อนดา้ นต่าง ๆ เช่น ก่อสรา้ งสะพานไม้ จดั ตัง้ ศนู ยพ์ กั พิง ชั่วคราว การจัดหาเครอ่ื งยงั ชีพเฉพาะหน้า ฯลฯ จงึ จาเปน็ ตอ้ งปรบั ปรงุ ระบบการส่ังใช้ อปพร. ให้ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ และมคี วามต่อเน่ือง ทดแทนกาลงั คนทอี่ อ่ นลา้ เม่ือเกิดภัยพิบัติในระยะเวลายาวนาน รวมทั้ง ต้องจดั ให้มกี ารฝึกอบรมเพม่ิ เตมิ ความร้ใู ห้แก่ อปพร. ในกรณีสาธารณภัยท่ีมคี วามซับซอ้ น หรือรุนแรงจาก สารเคมี วตั ถรุ ะเบดิ เปน็ ต้น ดงั น้นั เพือ่ เร่งรัดให้ศูนย์ อปพร. ทุกแห่ง และหน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งสามารถแกไ้ ข ปัญหาเกี่ยวกับงาน อปพร. ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ พร้อมใชป้ ฏิบัติงานเม่อื เกิดภยั พิบัติ เปน็ ท่พี ่ึงแก่ ประชาชนท่ีเดือดรอ้ นจากภัยพบิ ตั ิ จึงกาหนดใหก้ ารพัฒนางานกจิ การอาสาสมคั ร (อปพร.) เป็นนโยบาย เนน้ หนกั ของกรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั ประจาปี พ.ศ.2556 (เพม่ิ เติม) โดยมกี รอบแนวทางปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. บรู ณาการกรมการปกครอง ในสว่ นท่ีเกยี่ วข้องในฐานะของนายอาเภอ ทเี่ ปน็ ผ้อู านวยการศูนย์ อปพร. อาเภอ และท่ีทาการปกครองอาเภอเปน็ ศูนย์ อปพร. อาเภอ โดยเจา้ หน้าท่ีของท่ี ทาการปกครองอาเภอ เป็นเจา้ หนา้ ท่ีประจาศนู ย์ ให้การสนับสนนุ การทางานตามนโยบายเนน้ หนกั ของกรม ปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ประจาปี 2556 ในเร่ืองการพัฒนางานกิจการอาสาสมคั ร (อปพร.) ฯ ดังนี้ 1.1) การปรับปรุงงานทะเบยี นข้อมลู อปพร. ให้เปน็ ปจั จบุ ัน โดยสารวจและ แก้ไขข้อมลู สมาชกิ อปพร. ในสังกัดศนู ย์ อปพร. อาเภอท่ัวประเทศ ใหถ้ ูกต้องตามความเป็นจรงิ และ สอดคลอ้ งกบั นโยบายเพิม่ จานวน อปพร. รอ้ ยละ 2 ของประชากร โดยขอรับการสนับสนนุ ฐานขอ้ มลู เลข
22 ประจาตัวประชาชนในระบบทะเบียนราษฎรให้เชอื่ มโยงกบั งานข้อมูลทะเบียน อปพร. เพ่อื ให้ไดข้ ้อมูลท่ี ถกู ต้องและเกดิ ความรวดเรว็ 1.2) การปรบั ปรุงระบบการสัง่ ใช้ อปพร. ช่วยเหลอื ประชาชนท่ีประสบภัยพิบตั ิ ใหท้ นั ต่อเหตกุ ารณ์ และมีความต่อเนื่องทดแทนกาลงั คนทีอ่ อ่ นล้าเมือ่ เกดิ ภัยพบิ ัตใิ นระยะเวลายาวนาน โดยใหศ้ ูนย์ อปพร. อาเภอตรวจสอบให้มี อปพร. ในสังกัด ท่สี ามารถสั่งใชป้ ฏบิ ัติหน้าท่ีไดต้ ลอด 24 ชั่วโมง ศูนยล์ ะไม่น้อยกว่า 50 คน พรอ้ มทัง้ พิจารณาสั่งใช้ อปพร. ตามความเหมาะสมและจาเป็นอยา่ งต่อเน่อื ง 1.3) เร่งรดั การจัดสวัสกิ าร อปพร. ให้เกดิ ความสะดวกรวดเร็ว และถกู ต้องตาม ระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไดแ้ ก่ การดาเนนิ งานตามพระราชบญั ญัติสงเคราะห์ผ้ปู ระสบภัย เน่อื งจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัตงิ านของชาติ หรือการปฏิบตั หิ นา้ ท่มี นุษยธรรม พ.ศ.2543 การ เสนอขอพระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ อันเปน็ ท่ีสรรเสรญิ ยง่ิ ดิเรกคณุ าภรณ์ การคัดเลอื ก อปพร. ดีเด่น การคดั เลอื กอาสาสมคั รสมคั รดีเดน่ แห่งชาติ รวมถึงการประกวดศนู ย์ อปพร.ดเี ด่น เป็นต้น 2. บรู ณาการกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่นิ ในส่วนทีเ่ กยี่ วขอ้ งในฐานะ หน่วยงานสนบั สนนุ งบประมาณใหแ้ ก่ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน (องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล เทศบาล และเมอื งพทั ยา) ในส่วนของศนู ย์ อปพร.ทอ้ งถิน่ ทุกแห่ง โดสง่ เสริมให้การจัดสวสั กิ าร อปพร.ให้มีความ เหมาะสมตามสภาพฐานะการคลงั ของท้องถ่นิ แตล่ ะแห่ง และสอดคล้องกบั ภารกจิ หนา้ ทใี่ นการปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ความจาเป็นเร่งด่วนเมื่อเกิดสาธารณภัย การ สงเคราะหผ์ ู้ประสบภัย โดยท่ี อปพร.ตอ้ งปฏิบตั ิงานด้วยความลาบาก ตรากตราและเสยี่ งภัย ให้สามารถ สนับสนนุ งบประมาณไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื งและถกู ต้องตามระเบยี บข้อกฎหมายของทางราชการ ดงั นี้ 2.1) การปรับปรุงงานทะเบยี นขอ้ มูล อปพร.ให้เปน็ ปัจจุบัน โดยสารวจและ แกไ้ ขข้อมูลสมาชกิ อปพร. ในสงั กดั ศูนย์ อปพร. ทอ้ งถิ่นทั่วประเทศ ใหถ้ ูกตอ้ งตามความเป็นจรงิ และ สอดคลอ้ งกับนโยบายเพิ่มจานวน อปพร. รอ้ ยละ 2 ของประชากร โดยขอรบั การสนับสนุนฐานข้อมลู เลข ประจาตัวประชาชนในระบบทะเบยี นราษฎรใหเ้ ชื่อมโยงกับงานขอ้ มูลทะเบยี น อปพร. เพอ่ื ให้ไดข้ ้อมูลที่ ถูกตอ้ งและเกิดความรวดเร็ว 2.2) การปรับปรุงระบบการสัง่ ใช้ อปพร. ช่วยเหลอื ประชาชนที่ประสบภยั พบิ ตั ิ ใหท้ ันตอ่ เหตุการณแ์ ละมคี วามต่อเน่อื งทดแทนกาลงั คนทอี่ ่อนล้าเมือ่ เกดิ ภัยพิบัตใิ นระยะเวลายาวนาน โดยให้ศูนย์ อปพร. ทอ้ งถิ่นตรวจสอบใหม้ ี อปพร. ในสังกดั ทส่ี ามารถส่ังใช้ปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ไดต้ ลอด 24 ชั่วโมง ศนู ยล์ ะไมเ่ กนิ ้อยกว่า 50 คน พรอ้ มทั้งพิจารณาสัง่ ใช้ อปรพ.ตามความะเหมาะสมและจาเปน็ อย่าง ต่อเน่ือง 2.3) เรง่ รดั การจดั สวัสดกิ าร อปพร. ใหเ้ กิดความสะดวกรวดเรว็ และถูกต้อง ตามระเบยี บแบบแผนของทางราชการ ไดแ้ ก่ การดาเนินงานตามพระราชบญั ญตั ิสงเคราะห์ผูป้ ระสบภยั เนอ่ื งจากการช่วยเหลอื ราชการการปฏิบตั งิ านของชาติ หรือการปฏิบตั ิหน้าท่มี นุษยธรรม พ.ศ.2543 การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยง่ิ ดเิ รกคณุ าภรณ์ การคดั เลอื ก อป พร. ดีเด่น การคัดเลือกแมด่ ีเดน่ การคดั เลอื กอาสาสมัครดีเด่นแหง่ ชาติ รวมถึงการประกวดศูนย์ อปพร.ดเี ดน่ เปน็ ต้น 3. ในส่วนของกรมปูองกนั และบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะของศูนย์ อปพร. กลาง และศูนย์ อปพร.จังหวัด มคี วามรับผดิ ชอบตามอานาจหน้าที่ของพระราชบัญญัตปิ ูองกันและบรรเทา สาธารณภยั พ.ศ.2550 และระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยกิจการอาสาสมัคร พ.ศ.2543 ข้อ 16 (4)
23 (6) และ (8) โดยจัดใหม้ กี ารศึกษา ค้นควา้ วิจัย เผยแพร่ความร้เู กย่ี วกบั กจิ การ อปพร. การตดิ ตาม ประเมินผลการปฏิบตั งิ านของ อปพร. ท่ัวราชอาณาจักร การประชาสัมพันธ์ผลงาน อปพร. และสนบั สนนุ วสั ดอุ ุปกรณ์ เครือ่ งมือเครอ่ื งใช้ คูม่ ือปฏิบตั ิงาน เอกสารและข่าวสารเกี่ยวกบั การบริหารกจิ การ อปพร. มี กรอบแนวทางปฏิบัติตามนโยบายเน้นหนกั ดังนี้ 3.1) การปรับปรุงงานทะเบียนขอ้ มลู อปพร. ใหเ้ ป็นปัจจุบัน โดยสารวจและ แก้ไขข้อมลู สมาชกิ อปพร. ในสังกดั ศูนย์ อปพร.ทกุ แหง่ ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงและสอดคล้องกับ นโยบายเพม่ิ จานวน อปพร. ร้อยละ 2 ของประชากร โดยขอรบั การสนับสนนุ ฐานขอ้ มลู เลขประจาตวั ประชาชนในระบบทะเบียนราษฎรให้เชื่อมโยงกบั งานขอ้ มลู ทะเบยี น อปพร. เพ่อื ใหไ้ ด้ข้อมลู ท่ถี ูกต้องและ เกิดความรวดเรว็ 3.2) การปรับปรุงระบบการสงั่ ใช้ อปพร. ชว่ ยเหลือประชาชนท่ปี ระสบภยั พบิ ัติ ให้ทันตอ่ เหตกุ ารณ์และมคี วามต่อเนอ่ื งทดแทนกาลงั คนที่ออ่ นล้าเมอ่ื เกดิ ภยั พบิ ัติในระยะเวลายาวนาน โดยให้ศูนย์ อปพร. ทกุ แหง่ ตรวจสอบใหม้ ี อปพร. ในสงั กดั ทสี่ ามารถส่ังใช้ปฏบิ ัติหนา้ ท่ีได้ตลอด 24 ชวั่ โมง ศนู ย์ละไมน่ อ้ ยกวา่ 50 คน พร้อมทง้ั พจิ ารณาสง่ั ใช้ อปพร. ตามความเหมาะสมและจาเป็นอย่าง ตอ่ เน่ือง 3.3) เร่งรดั การจัดสวัสกิ าร อปพร. ให้เกิดความสะดวกรวดเรว็ และถูกตอ้ งตาม ระเบียบแบบแผนของทางราชการได้แก่ การดาเนนิ งานตามพระราชบญั ญัตสิ งเคราะหผ์ ้ปู ระสบภยั เน่อื งจากการชว่ ยเหลือราชการการปฏบิ ตั งิ านของชาติ หรือการปฏบิ ัติหน้าทม่ี นษุ ยธรรม พ.ศ.2543 การเสนอขอพระราชทานเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ อนั เป็นทส่ี รรเสรญิ ยิง่ ดเิ รกคุณาภรณ์ การคดั เลือก อปพร. ดเี ดน่ การคดั เลือกแมด่ ีเด่น การคดั เลือกอาสาสมคั รดเี ดน่ แห่งชาติ รวมถึงการประกวดศนู ย์ อปพร.ดีเดน่ เปน็ ต้น 2.2 หนงั สือศูนยอ์ าสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือนกลาง ท่ี มท 0620.2/ว 292 ลงวันที่ 27 มนี าคม 2550 เร่อื งซกั ซอ้ มแนวทางปฏบิ ตั ิในการฝึกอบรม อปพร. ถึงผูอ้ านวยการศูนยอ์ าสาสมคั ร ป้องกันภัยฝา่ ยพลเรือนกรงุ เทพมหานคร และจงั หวัดทกุ จังหวัด ความวา่ ศนู ย์ อปพร. กลาง พิจารณา เหน็ วา่ เพ่อื ให้การดาเนนิ การฝึกอบรม อปพร. เปน็ ไปด้วยความเรยี บร้อย มรี ปู แบบและมาตรฐาน เดยี วกนั จงึ ขอซกั ซอ้ มแนวทางปฏบิ ัตใิ นการฝึกอบรม อปพร. ดังน้ี การจดั ฝกึ อบรม อปพร. หลกั สูตรจดั ต้งั (5 วนั ) และหลักสูตรทบทวน ( 3 วัน) หน่วยงานทม่ี ี หน้าที่ในการจัดการฝกึ อบรม ไดแ้ ก่ ศนู ย์ อปพร. องค์การบรหิ ารส่วนตาบล ศนู ย์ อปพร. เทศบาล ศูนย์ อปพร. เมอื งพัทยา ศนู ย์ อปพร. อาเภอ/กิ่งอาเภอ ศนู ย์ อปพร. เขตในกรงุ เทพมหานคร ศนู ย์ อป พร. จงั หวัด และศูนย์ อปพร. เขต โดยศูนย์ อปพร. องค์การบริหารสว่ นตาบล ศูนย์ อปพร. เทศบาล และ ศนู ย์ อปพร. เมืองพัทยา สามารถดาเนนิ การโครงการฝกึ อบรมโดยตรงไดเ้ อง หรอื จะขอรบั การสนับสนุน ให้ศนู ย์ อปพร.จงั หวัด และศูนย์ อปพร. เขต เปน็ หน่วยฝกึ อบรมใหก้ ็ได้ ทั้งนี้ หนว่ ยงานทีจ่ ะดาเนินการฝกึ อบรม จะต้องเสนอโครงการใหผ้ ูอ้ านวยการศูนย์ อปพร. กรุงเทพมหานคร หรือผอู้ านวยการศูนย์ อปพร. จังหวัด แลว้ แตก่ รณี พิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมตั ิ โครงการกอ่ นทกุ คร้ัง 1) สาหรบั หลักสูตร และระยะเวลาการฝกึ อบรม ใหด้ าเนนิ การตามหลกั สูตรแนบทา้ ยระเบยี บ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหน่วยอาสาสมัครปอู งกันภยั ฝุายพลเรอื น พ.ศ. 2547 และหนงั สือ ศนู ย์ อปพร.
24 กลาง ตามทอี่ า้ งถงึ 2 และควรใช้วทิ ยากรบรรยายท่ีเป็นผู้ทรงความรู้ความสามารถในหัวข้อวชิ านน้ั ๆ อย่างแทจ้ รงิ เพือ่ ใหก้ ารฝึกอบรมไดม้ าตรฐาน ในการน้ี อาจขอรับการสนบั สนุนวทิ ยากรจากสานักงาน ปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดด้วยก็ได้ 2) การจัดทาวฒุ บิ ัตรเพื่อมอบให้แก่ผูผ้ า่ นการฝึกอบรมตามหลกั สูตรทกี่ าหนด ให้ ศูนย์ อปพร. ที่จัดการฝึกอบรม จดั ทาดว้ ยกระดาษสขี าวไม่ตา่ กว่า 210 แกรม ขนาด 21 X 29.7 เซนติเมตร มขี ้อความ ตัวอักษรสีดา ตามแบบทก่ี าหนดแนบทา้ ยระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยกิจการอาสาสมคั รปูองกันภยั ฝุายพลเรือน พ.ศ. 2547 โดยมผี ู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร /ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. กรงุ เทพมหานคร หรือผู้วา่ ราชการจังหวัด /ผอู้ านวยการจงั หวัด /ผ้อู านวยการศูนย์ อปพร. จงั หวดั เป็นผลู้ งนามในวุฒบิ ัตร เท่านนั้ 2.3 หลักสูตรและระยะเวลาการฝกึ อบรม อปพร. ของ ศูนย์ อปพร. กลาง 1. การปอ้ งกันภัยฝ่ายพลเรือน 2 ชวั่ โมง วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับการปอู งกนั ภยั ฝาุ ยพลเรอื น โดยทั่วไป 2. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหน่วยอาสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือน พ.ศ.2547 2 ชวั่ โมง วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ใหผ้ ู้เข้ารับการฝกึ อบรมมีความรู้ และเขา้ ใจในระเบยี บดงั กลา่ ว ซึง่ เกยี่ วขอ้ งกบั อปพร. โดยตรง 3. การแจ้งเตือนภยั และการรายงานข่าว 2 ชัว่ โมง วัตถุประสงค์ เพ่ือให้ผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมรเู้ รอื่ งการติดตอ่ สอื่ สาร ความสาคัญของขา่ ว การหา ขา่ ว การรายงานข่าว การแจง้ เตอื นภัยตา่ ง ๆ 4. การบรหิ ารจดั การภัยพบิ ัติโดยอาศัยชมุ ชนเปน็ ฐาน 1.5 ช่วั โมง วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการมีส่วนร่วมของชุมชนใน การจดั การภัยพบิ ัติ 5. การปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาวาตภัย อุทกภัย และโคลนถล่ม 1.5 ช่วั โมง วัตถุประสงค์ เพ่ือใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝกึ อบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจ ในเร่ืองการปอู งกันและบรรเทา สาธารณภัย ประเภทวาตภยั อทุ กภัย และโคลนถลม่ 6. การปอ้ งกันและระงบั อัคคีภยั เทคนคิ การดับเพลงิ เบอื้ งต้น 4 ชว่ั โมง วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้ผ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรมมีความรู้และมปี ระสบการณ์ รวมทัง้ สามารถปอู งกนั และ ระงบั อคั คีภัยรายยอ่ ยได้ 7. อตุ ุนยิ มวทิ ยากบั การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย 1.5 ช่ัวโมง วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับสภาวะอากาศระบบของ การพยากรณอ์ ากาศ 8. ความรู้เบอื้ งตน้ เกย่ี วกับสารเคมีและวตั ถุอันตราย 1.5 ชว่ั โมง วัตถุประสงค์ เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจในเร่อื งพษิ ภยั ของชีวเคมี สารกมั มนั ตภาพรงั สี วตั ถุระเบดิ และการปอู งกนั และบรรเทาอันตรายท่ีจะเกดิ ขึ้น 9. ความรเู้ กยี่ วกบั ความปลอดภยั ทางถนน 2 ชว่ั โมง วัตถปุ ระสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมมคี วามรู้ ความตระหนกั และมีสว่ นร่วมในการแกไ้ ข ปญั หาความปลอดภัยทางถนน
25 10. การป้องกันและแกไ้ ขปัญหาการก่อวนิ าศกรรมและความไม่สงบเรียบรอ้ ยในสังคม 2งชวั่ โม วัตถุประสงค์ เพอื่ ใหผ้ ู้เข้ารับการฝึกอบรมเขา้ ใจปญั หาความไมส่ งบเรยี บร้อยในสังคมและ วธิ ีแก้ไขปญั หา 11. การชว่ ยเหลอื และสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภัย 3 ชัว่ โมง วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ใหผ้ ู้เข้ารบั การฝกึ อบรมได้ทราบถงึ วธิ กี ารชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั 12. การปฐมพยาบาลและเคลอ่ื นย้ายผู้ประสบภยั 2 ชัว่ โมง วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้ผ้เู ข้ารบั การฝึกอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจ ประสบการณใ์ นการปฐมพยาบาล สามารถทาการปฐมพยาบาลได้ 13. การกภู้ ยั เบื้องต้น 2 ช่วั โมง วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมสามารถปฏิบตั ิการกู้ภยั ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทันเหตุการณ์ และถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ า 14. ภารกจิ และอุดมการณ์ อปพร.1.5 ชวั่ โมง วัตถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ เู้ ข้ารับการฝกึ อบรมมีความตระหนกั และมงุ่ ม่ันท่จี ะเปน็ อปพร.ท่ดี ี 15. ปัญหายาเสพตดิ และผมู้ อี ทิ ธพิ ล 1.5 ช่ัวโมง วตั ถุประสงค์ เพื่อใหผ้ เู้ ข้ารับการฝึกอบรมมคี วามรู้ และสามารถใหค้ วามรว่ มมอื ในการแกไ้ ข ปญั หายาเสพติด และปราบปรามผมู้ ีอิทธิพลอย่างถกู ตอ้ ง 16. สรุปและตอบขอ้ ซกั ถาม 2 ชั่วโมง วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมสามารถสรุปรวบยอดความคดิ และสอบถามสิง่ ทย่ี ังเป็น ที่สงสยั 17. เวลาของผ้บู ังคบั บัญชา วตั ถุประสงค์ เพือ่ ใหว้ ทิ ยากรและผู้ดาเนนิ การฝึกอบรมได้มีโอกาสพบปะและช้แี จงเรือ่ งทเี่ ป็น ประโยชน์แกผ่ ้เู ขา้ รับการฝกึ อบรม 18. นนั ทนาการ (ถ้ามี) วัตถุประสงค์ เพอื่ เสรมิ สร้างความรกั ความสามคั คีระหวา่ งผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมและให้ผเู้ ขา้ รับ การฝกึ อบรมได้แสดงออกอยา่ งเหมาะสม 2.4 ความกา้ วหนา้ /ความเคล่อื นไหว ของศนู ย์ อปพร. กลาง (ปี 2556) 1. โครงการประชมุ ช้ีแจงนโยบายการปฏิบัตงิ านแก่ อปพร.ในปี 2556 (วนั อปพร.) จงั หวดั อบุ ลราชธานี รับเปน็ เจ้าภาพรว่ มกับกรมปอู งกันและบรรเทาสาธารณภยั จดั กิจกรรมพธิ ีชมุ นุมสวนสนาม เน่ืองใน “วนั อปพร.” ประจาปี 2556 ระหวา่ งวันที่ 21 –22 มนี าคม 2556 ณ มณฑลทหารบกท่ี 22 คา่ ย สรรพสทิ ธิประสงค์ โดยขอตวั แทน อปพร. จังหวดั ตา่ ง ๆ ไปร่วม จังหวดั ละ 11 คน (ยกเว้นจงั หวดั อบุ ลราชธานี และจงั หวดั ใกล้เคยี ง) ซงึ่ จะมกี จิ กรรมสาคัญ ดังน้ี 1.1 การจดั นทิ รรศการและการแสดงสาธติ การปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย 1.2 ประชุมชแ้ี จงทิศทางการดาเนินงานและยุทธศาสตรก์ ารพฒั นางาน อปพร. ในทศวรรษหน้า 1.3 พิธีมอบรางวัลเชิดชูเกยี รตแิ ก่ศนู ย์ อปพร. และ อปพร. ดเี ดน่ 1.4 งานเล้ยี งสงั สรรค์ 1.5 พธิ ชี ุมนุมสวนสนามและมอบนโยบายการปฏบิ ัติงานแก่ อปพร. 2. งานฐานข้อมูล อปพร.
26 ศนู ย์ อปพร. กลางขอความร่วมมอื ศูนย์ อปพร. จงั หวัด และศนู ย์ อปพร. องค์กรปกครองสว่ น ท้องถิน่ ใหก้ รอกข้อมลู อปพร. ลงในระบบฐานขอ้ มูล อปพร. ของศนู ย์ อปพร. กลาง เพอื่ เปน็ การยนื ยนั สถานะของ อปพร. และเพอื่ เปน็ ขอ้ มูลในการนาไปพฒั นาสิทธแิ ละสวัสดิการ รวมท้งั คา่ ตอบแทนของ อปพร. ต่อไป (ข้อมูล ณ วนั ท่ี 26 ธันวาคม 2555 มีจานวน อปพร. ที่ไดร้ ับรายงานจากจังหวดั จานวน 535,133 คน) 3. มลู นธิ ิ อปพร. ไดอ้ อกหลกั เกณฑก์ ารสงเคราะห์ อปพทรไ่ี .ดร้ บั อันตรายจากการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี ดงั น้ี 3.1 กรณีเสยี ชีวิต รับเงินสงเคราะห์คา่ จดั การศพ รายละ 5,111 บาท 3.2 กรณที พุ พลภาพ พิการ หรือสูญเสยี อวัยวะ รบั เงนิ สงเคราะห์ รายละ 3,111 บาท 3.3 กรณแี พทย์รับรักษาไวเ้ ปน็ ผปู้ ุวยใน เกนิ กว่า 3 วนั รบั เงนิ สงเคราะห์ รายละ 2,111 บาท สามารถยน่ื คาขอรับการสงเคราะห์ (ตามแบบฟอร์มทก่ี าหนดผ่านสานกั งานปอู งกนั และบรรเทา สาธารณภัยจงั หวัดได้ต้งั แตบ่ ัดน้ีเปน็ ตน้ ไป) 4. การประชมุ คณะทางานสวัสดิการให้กบั อปพร. คร้งั ที่ 2 วนั ที่ 18 ธนั วาคม 2555 ณ กรม ปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภัย/ศนู ย์ อปพร. กลาง โดยท่ปี ระชุมมมี ติให้ดาเนินการเสนอเรอ่ื งต่อ คณะรฐั มนตรีเพือ่ กาหนดให้มี คา่ ตอบแทนรายเดอื น โดยใชเ้ งินงบประมาณของรัฐบาล อุดหนนุ ใหอ้ งค์กร ปกครองส่วนท้องถ่นิ ต้งั จ่ายให้แก่ อปพร. เชน่ เดยี วกับการจา่ ยเงินของกระทรวงสาธารณสขุ ให้แก่ อสม. โดยใหด้ าเนินการดงั นี้ 4.1 แต่งตัง้ คณะทางานยอ่ ย ตรวจสอบฐานขอ้ มลู อปพร. เพ่อื ใหไ้ ดจ้ านวน อปพร. ทป่ี ฏบิ ัตงิ าน จรงิ และใช้เป็นฐานขอ้ มลู ในการกาหนดค่าตอบแทนให้แก่ อปพร. 4.2 พจิ ารณากาหนดอตั ราค่าตอบแทนที่เหมาะสมแก่ อปพร. ว่าควรเปน็ อตั ราเทา่ ใด กาหนด รายละเอยี ดเงื่อนไขหลกั เกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดอื น รายวนั หรือรายชว่ั โมง 4.3 พจิ ารณาว่าจะใชร้ ะเบยี บกฎหมายใดรองรบั การจ่ายคา่ ตอบแทนใหแ้ ก่ อปพร. 5. โครงการประชมุ ประชาคม อปพร. 5.1 ระดับจงั หวัด กลมุ่ เปูาหมาย จานวน 121 คน ใหแ้ ล้วเสร็จภายในเดอื นมกราคม 2556 5.2 ระดับเขต กลมุ่ เปูาหมาย จานวน 175 คน ใหแ้ ล้วเสร็จภายในเดอื นมีนาคม 2556 6. การคัดเลอื ก ศูนย์ อปพร. และ อปพร. ดเี ด่น 1) อปพร. ดีเดน่ ใหส้ านกั งานปูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดคัดเลือกตามขนั้ ตอนและ หลกั เกณฑ์ทก่ี าหนดส่งให้ศูนย์ อปพร. กลาง ภายในวันท่ี 25 มกราคม 2556 2) ศนู ย์ อปพร. ดเี ดน่ ให้คัดเลอื กตามข้ันตอนและหลักเกณฑท์ กี่ าหนดส่งใหศ้ ูนย์ อปพร. กลาง ภายในวนั ท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 7. การฝึกอบรม อปพร. ของศูนย์ อปพร. กลาง หลกั สตู ร อปพร. (เพิม่ ศกั ยภาพ) สาหรบั ผู้ที่ผา่ นการฝกึ อบรมจัดตัง้ 5 วัน มาแลว้ และมีคณุ สมบัติ ตามเกณฑ์ท่กี าหนด อบรม ณ ศูนยฝ์ ึกอบรม อปพร. ชยั นาท โดยมีหลักสูตรต่างๆ คือ - หลักสูตรการค้นหาและกูภ้ ยั 4 ร่นุ ไดแ้ ก่ รุน่ ที่ 18 (26 – 31 พฤศจกิ ายน 2555), รนุ่ ที่ 19 (17–21 พฤศจกิ ายน 2555), รนุ่ ท่ี 21 (7 – 11 มกราคม 2556) และรนุ่ ที่ 22 (14 – 18 มกราคม 2556) - หลกั สูตรเพิม่ ศกั ยภาพทีมกูช้ พี กูภ้ ยั ( OTOS) ด้านการดับเพลิง 2 รนุ่ ไดแ้ ก่ รนุ่ ที่ 1 (22 – 28 มกราคม 2556) และรุ่นท่ี 2 (31 มกราคม – 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2556)
27 - หลกั สตู รเพ่ิมศกั ยภาพทีมกู้ชพี กู้ภยั ( OTOS) ดา้ นการก้ภู ัยทางน้า 3 รุ่น ไดแ้ ก่ ร่นุ ที่ 1 (15 – 21 กมุ ภาพันธ์ 2556) รุ่นท่ี 2 (28 กุมภาพนั ธ์ – 6 มนี าคม 2556) และรุ่นที่ 3 (8 – 14 มีนาคม 2556) 8. โครงการสวสั ดิการการจัดหาเครือ่ งวทิ ยคุ มนาคม ระบบ VHF/FM ชนดิ มอื ถือ กรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จดั ทาโครงการสวัสดิการการจดั หาเครอ่ื งวิทยุคมนาคม ระบบ VHF/FM ชนดิ มือถือ ราคาถูกกวา่ ท้องตลาด สาหรบั เจ้าหน้าท่กี รมปูองกนั และบรรเทาสาธารณภยั อปพร. เครอื ขา่ ยดา้ นปอู งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เจ้าหน้าทีห่ น่วยงานอ่ืน ๆ ที่มคี วามประสงคเ์ ข้ารว่ ม โครงการ หมดเขตวันที่ 31 มนี าคม 2556 9. การแตง่ เคร่ืองแบบ อปพร. ศูนย์ อปพร. กลาง ไดเ้ ลง็ เหน็ ความสาคัญของ อปพร. จงึ มีนโยบายให้เจา้ หนา้ ทีป่ ระจา ศนู ย์ อปพร. ทกุ ระดับ แต่งเครือ่ งแบบ อปพร. สัปดาหล์ ะ 1 วนั เพอ่ื เปน็ การแสดงถงึ ความเป็นอันหน่ึงอนั เดยี วกนั ของ อปพร. กบั เจา้ หน้าที่ประจาศนู ย์ อปพร.และเปน็ สญั ลกั ษณข์ อง ความพรอ้ มและความเขม้ แขง็ ของกจิ การ อปพร. รวมทงั้ เพือ่ เตอื นใจผบู้ รหิ าร เจ้าหนา้ ทีผ่ เู้ กีย่ วขอ้ ง และ อปพร.ไดส้ านกึ ถงึ ความเสียสละ และความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ในการปฏบิ ัตงิ านเพอ่ื ประเทศชาติ จึงขอให้ศนู ย์ อปพร. จงั หวดั แจง้ ศนู ย์ อปพร. ในสังกดั ขอความร่วมมือเจ้าหน้าท่ีประจาศนู ยใ์ ห้แต่งเคร่อื งแบบ อปพร. สปั ดาหล์ ะ 1 วัน ตาม ความเหมาะสม ทั้งนี้ ตัง้ แต่เดือนกุมภาพนั ธ์ 2556 เปน็ ตน้ ไป 3. กรอบแนวคิดและทฤษฎที ่ีเก่ียวขอ้ งกบั การศึกษาวิจยั ครั้งนี้ ผ้วู จิ ัยไดน้ าเสนอแนวคิดของ ทฤษฎรี ะบบ และการนานโยบายไปส่กู ารปฏบิ ัติ ดงั นี้ ทฤษฎรี ะบบ(DavisEaston ) เจา้ ตาหรบั ทีน่ าแนวคิดเกีย่ วกับทฤษฎีระบบมีใช้ในวิชาสงั คมศาสตร์ คือ นกั สังคมวิทยา ชอ่ื ทัลคอท พาร์สัน (Talcott Parsons) ต่อมานักสังคมศาสตร์รวมทั้งนกั รัฐศาสตรร์ บั เอาแนวความคิดนี้ มาใช้ กล่าวโดยสรุป หวั ใจของ นักทฤษฎีระบบอยู่ทีก่ ารมองสังคมว่าเปน็ ระบบ (Social system) ที่มี ความสัมพนั ธเ์ กีย่ วขอ้ งกับระหว่างระบบใหญก่ ับระบบยอ่ ยคลา้ ยส่งิ มชี ีวิต เชน่ รา่ งกายมนุษย์ ซ่ึงประกอบดว้ ยอวัยวะตา่ ง ๆ ท่ีมคี วามสัมพันธ์กัน ในฐานะทเ่ี ป็นระบบสงั คมจงึ มีความจาเปน็ ท่จี ะตอ้ งการบางอยา่ ง (Need) ได้รับการตอบสนอง เพอ่ื ความอยู่รอดของระบบ คือ อยู่ในภาวะดลุ ยภาพ ดังนั้น ระบบของสังคมจงึ มฐี านะคลา้ ยกับสิ่งมชี ีวติ คอื สามารถปรับตวั ให้อยรู่ อดได้ ถา้ หากความต้องการตา่ ง ๆ ได้รับการตอบสนอง แตถ่ ้าหากความตอ้ งการ ของสงั คมไม่ไดร้ บั การตอบสนองเท่าทค่ี วรก็จะทาให้สังคมเกดิ ภาวะไรด้ ุลยภาพ คอื เสียศนู ย์ระบบกเ็ ส่ือม สลายไปในทส่ี ุด เดวดิ อีสตัน ( Davis Easton ) เป็นตัวแกนของกลมุ่ ทม่ี องระบบในฐานะสิ่งมชี ีวติ และเปน็ คนแรกท่ี นาเอาทฤษฎรี ะบบมาใช้ในการศกึ ษาวชิ ารัฐศาสตร์ ความหวังของ อสี ตัน อยู่ทีก่ ารสร้างทฤษฎีทาง การเมอื งทีเ่ ป็นมาตรฐานให้เปน็ ทยี่ อมรบั ของนกั รัฐศาสตรท์ ่วั ไป
สภาพแวดล้อม 28 สภาพแวดลอ้ ม ภาพท่ี 2.1 ทฤษฎีระบบ ของ เดวดิ อสี ตัน (Environment) สิง่ ทเ่ี ขา้ ไปในระบบ ขอ้ เรยี กร้อง นโยบาย Input ระบบการเมอื ง ผลลัพธ์ทอ่ี อกมา Output การสนับสนนุ (Political system) การตัดสนิ ใจ ขอ้ มูลยอ้ นกลับ (Feedback) สภาพแวดล้อม (Environment) สภาพแวดลอ้ ม สภาพแวดลอ้ ม (Environment) หมายถงึ สภาพสังคมและสงิ่ แวดลอ้ มทมี่ อี ทิ ธิพลตอ่ ระบบ การเมือง ส่งิ ที่ใสเ่ ข้าไปในระบบการเมือง (Inputs) แยกเปน็ ขอ้ เรียกรอ้ งทมี่ ตี ่อระบบ (Demand) และ การยอมรบั หรือการสนับสนนุ ทีส่ มาชกิ มตี อ่ ระบบ (Support) ระบบการเมือง (Political system) หมายถึง ระบบความสัมพันธ์และพฤติกรรมทาง การเมอื ง รวมตลอดถงึ สถาบันและโครงสร้างทางการเมอื งท่ีทาหน้าท่ีในการจัดสรรสิ่งทมี่ คี า่ ในสังคม ผลลัพธท์ อี่ อกมาจากการทางานของระบบการเมือง (Output) เช่น นโยบายการตัดสินใจ การ ดาเนินการต่าง ๆ ของรัฐบาล ข้อมูลยอ้ นกลบั (Feedback) หมายถึง ผลสะทอ้ นอันเนือ่ งมาจากการทางานของระบบการเมอื ง อันจะนาไปสูก่ ารสนบั สนนุ หรอื การต้งั ข้อเรียกรอ้ งใหม่ต่อระบบการเมือง ถ้าระบบการเมืองสามารถ ตอบสนองตอ่ ขอ้ เรียกรอ้ งตา่ ง ๆ ได้ กจ็ ะไดร้ บั การสนับสนนุ จากสมาชิกระบบกอ็ ย่รู อด หากเปน็ ไปในทาง ตรงกันขา้ มระบบกเ็ สือ่ มสลายไป 4. การนานโยบายไปปฏิบัติ (ศ.ดร. สมบัติ ธารงธัญวงศ)์ 1. ความหมายและความสาคญั ของการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ Walter Williams (1971:144) ความสามารถขององค์การ คอื ปจั จยั สาคัญทม่ี อี ทิ ธิพลตอ่ ความสาเรจ็ ของการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ ดงั นัน้ การศกึ ษาการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ คือ การศึกษาเกย่ี วกับ สมรรถนะขององคก์ ารในการปฏบิ ัติภารกิจท่ไี ดร้ บั มอบหมายใหบ้ รรลผุ ลอยา่ งมีประสิทธภิ าพและ ประสทิ ธิผล Jeffrey L. Pressman และ Aaron Wildavsky (1973) การนานโยบายไปปฏิบัติ คอื การดาเนนิ งานใหล้ ุล่วง ให้ประสบความสาเรจ็ ให้ครบถว้ น ให้เกดิ ผลผลิต และใหส้ มบรู ณ์ ถือเป็น กระบวนการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งการกาหนดเปูาประสงค์และการปฏบิ ตั ิเพื่อการบรรลุเปาู ประสงค์ Carl E. Van Horn และ Donald S. Van Meter (1976:103) การนานโยบายไปปฏบิ ัติ ครอบคลุมกิจกรรมท้งั มวลทก่ี ระทาโดยรฐั บาลและเอกชน ทั้งปัจเจกบุคคลและกลมุ่ บุคคล ซ่งึ มผี ลต่อ การบรรลคุ วามสาเร็จตามวตั ถุประสงคท์ ีก่ าหนดไว้ลว่ งหนา้ จากการตัดสินใจนโยบาย
29 G. Shabbir Cheema และ Dennis A.Rondinelli (1983:16) การนานโยบายไปปฏิบัติ คือ การนานโยบายหรอื แผนงานไปปฏิบัติให้บรรลุผลสาเรจ็ 2. ความสาคญั ของการนานโยบายไปปฏิบัติ 2.1 ความสาเรจ็ หรือความลม้ เหลวของการนานโยบายไปปฏบิ ัตจิ ะสง่ ผลกระทบทั้งทางตรงและ ทางอ้อมตอ่ ผ้ตู ัดสนิ ใจนโยบาย 2.2 ความสาเรจ็ หรือความลม้ เหลวของการนานโยบายไปปฏบิ ัติจะส่งผลกระทบทง้ั ทางตรงและ ทางอ้อมตอ่ กลุ่มเปูาหมายทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 2.3 ความสาเรจ็ หรอื ความล้มเหลวของการนานโยบายไปปฏบิ ัติจะสง่ ผลกระทบทง้ั ทางตรงและ ทางออ้ มตอ่ หนว่ ยปฏบิ ัติ 2.4 การนานโยบายไปปฏบิ ัตมิ ุ่งเนน้ ความค้มุ คา่ ของการใชท้ รพั ยากร เน่อื งมาจากทรัพยากรทม่ี ี อยอู่ ย่างจากัด 2.5 ความกา้ วหน้าในการพัฒนาประเทศ ขน้ึ อยกู่ ับความสาเรจ็ ในการนานโยบายไปปฏบิ ัติ 2.6 การนานโยบายไปปฏิบัตเิ ปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ในกระบวนการนโยบายสาธารณะ 3. ปัจจยั ท่ีมีอทิ ธิพลต่อการนานโยบายไปปฏิบัติ 3.1 แหล่งทม่ี าของนโยบาย 3.1.1 แถลงการณ์หรอื คาสั่งของฝุายบรหิ าร 3.1.2 เนอื้ หาหรอื รายละเอยี ดในกฎหมาย 3.1.3 ข้าราชการระดบั สงู ผู้มหี น้าที่ในการริเริ่มการก่อรูปนโยบายและการพัฒนาทางเลือก นโยบาย 3.2 ความชัดเจนของนโยบาย เป็นรากฐานสาคัญสาหรบั ความมุง่ หมายของนโยบายทัง้ ทีเ่ ป็นทางการและไม่เปน็ ทางการ นโยบายทมี่ วี ตั ถุประสงคท์ ่ีชัดเจน จะส่งเสริมให้การนานโยบายไปปฏบิ ัตมิ ีความสอดประสานกนั และบรรลุ วตั ถุประสงค์อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 3.3 การสนับสนนุ นโยบาย ปจั จยั ทีน่ ามาประกอบการพิจารณาเรอื่ งการสนับสนุนนโยบาย ไดแ้ ก่ ระดบั ความสนใจของ ผรู้ เิ ร่ิมนโยบาย และระดบั ความสนใจของกล่มุ ผลประโยชน์ 3.4 ความซับซอ้ นในการบริหารงาน 3.4.1 การนานโยบายไปปฏบิ ัติในมิติของการประสานงานระหว่างองค์การตา่ ง ๆ แต่ละ องคก์ ารอาจมีการเพ่มิ วตั ถปุ ระสงค์ส่วนตวั เขา้ ไป ทาใหน้ โยบายมกี ารเบ่ยี งเบนไปจากเดมิ 3.4.2 เพอื่ ให้ม่ันใจวา่ โครงการต่างๆ ถกู นาไปปฏบิ ัตติ ามวัตถปุ ระสงค์ จงึ ต้องมกี ารประเมินผล โครงการ การกาหนดเปาู ประสงค์ และการพิจารณาเร่อื งปัจจยั กระตุน้ และสิ่งจงู ใจของผนู้ านโยบายไปปฏิบตั ิ 3.4.3 การนานโยบายไปปฏบิ ัตใิ ห้มปี ระสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล มีความสัมพนั ธอ์ ย่างใกลช้ ดิ กับโครงสรา้ งการบรหิ ารงานขององคก์ าร ต้องหลกี เลี่ยงลกั ษณะองคก์ ารทม่ี ีความซับซ้อนสูง หรอื มสี าย บังคับบญั ชายาวเกนิ ไป เพราะจะสง่ ผลต่อการบดิ เบือนวัตถุประสงคข์ องนโยบาย 3.5 สง่ิ จงู ใจสาหรับผปู้ ฏิบัติ
30 ประเด็นน้ีเกีย่ วข้องโดยตรงกับการทางานและปจั จยั กระตุ้นทีท่ าให้ผู้ปฏิบตั มิ ีความมุง่ มัน่ ทีจ่ ะ ทางานใหส้ าเรจ็ ซง่ึ ระบบราชการไทยขาดการรบั รู้ขอ้ มูลเก่ยี วกับเรื่อง “สญั ญาณด้านการตลาด ” ทาให้ ลาบากในการที่จะเขา้ ใจว่าอะไรคอื ส่ิงจูงใจ รางวลั หรอื การลงโทษสาหรับผู้ทน่ี านโยบายไปปฏบิ ตั ิ 3.6 การจดั สรรทรัพยากร ในทกุ สงั คมมีทรพั ยากรอย่างจากัด ในการใช้ทรพั ยากรให้ถูกต้อง ตอ้ งคานงึ ถึงการจดั ลาดับ ความสาคัญของแผนงานและโครงการ รวมถึงกลยทุ ธ์ในการใชท้ รพั ยากรให้เกดิ ประสิทธิภาพสูงสดุ ผกู้ าหนดนโยบายและผนู้ านโยบายไปปฏิบัติตอ้ งตระหนักถึงประโยชน์หรือตน้ ทุนทไ่ี ม่ไดค้ าดไวห้ รอื ที่เรยี กว่า “ผลกระทบภายนอก” ดว้ ย 4. ตวั แบบการนานโยบายไปปฏบิ ัติ 4.2 ตัวแบบปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างปัจจยั นาเสนอโดย George C.Edwards (1980) ปจั จยั สาคัญทีม่ ีผลต่อการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ การส่อื ข้อความ ทรัพยากร ทัศนคตขิ อง ผ้ปู ฏิบัติ และโครงสร้างระบบราชการ ปจั จยั ดงั กลา่ วข้างต้นมีบทบาทต่อการนานโยบายไปปฏบิ ัติ ท้ัง ส่งเสริมซ่ึงกนั และกนั และเป็นอุปสรรคต่อกนั การนานโยบายไปปฏบิ ตั ิเป็นกระบวนการพลวัตรซึง่ เกยี่ วขอ้ ง กบั ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างตัวแปรต่างๆ มากมาย บทบาทของปัจจยั ท่เี กยี่ วขอ้ งกับการนานโยบายไปปฏบิ ัติ มดี ังน้ี 4.2.1 การสอ่ื ขอ้ ความตอ้ งมีความชดั เจน เที่ยงตรง และมคี วามคงเสน้ คงวา 4.2.2 ทรพั ยากรตอ้ งมอี ยา่ งพอเพียง 4.2.3 ทัศนคติของผู้ปฏบิ ตั ิ เพราะถา้ นโยบายท่ผี ู้ปฏบิ ัตไิ ด้รบั มาไมช่ ัดเจน ส่งผลให้ผ้ปู ฏบิ ตั ิ สามารถใชด้ ลุ ยพินิจของตนในการปฏิบัตงิ านไดม้ ากข้นึ ซงึ่ อาจไม่เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องนโยบาย 4.2.4 โครงสรา้ งระบบราชการที่ซับซอ้ นจะเปน็ อุปสรรคในการปฏบิ ตั ิตามนโยบาย แต่ถา้ มี หลกั การพื้นฐานอันไดแ้ ก่ ระเบียบการปฏิบัตขิ ององค์การ จะสามารถทาให้การปฏิบัตงิ านมีความรวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ ภาพที่ 2.2 ตัวแบบปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จัย
31 4.3 ตัวแบบการกระจายอานาจ พฒั นาโดย G. Shabbir Cheema และ Dennis A.Rondinelli (1983) ตวั แบบน้ีได้กาหนดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรต่างๆ ไว้ดงั นี้ ธรรมชาตขิ องความสัมพันธร์ ะหว่าง องคก์ ารและทรัพยากรองคก์ ารสาหรบั การนาแผนงานไปปฏิบตั ิ เปน็ ตวั แปรอิสระท่มี อี ิทธิพลโดยตรงต่อผล การปฏิบตั ิงานและผลกระทบของแผนงาน และเงอ่ื นไขทางสภาพแวดล้อมเปน็ ตวั แปรอิสระท่ีมอี ทิ ธิพล โดยตรงตอ่ ผลการปฏบิ ัตงิ านและผลกระทบของแผนงาน 4.4 บทบาทของแตล่ ะปจั จยั มดี งั น้ี 4.4.1 เงอ่ื นไขทางสภาพแวดลอ้ มและโครงสร้างทางสงั คมมอี ิทธิพลต่อปัจจัยตา่ งๆทเี่ ห็นในตัว แบบทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ดงั นนั้ ความเข้าใจในเงื่อนไขทางสงั คม เศรษฐกจิ และการเมืองท่เี กี่ยวข้อง กบั การกระจายอานาจ เปน็ สง่ิ จาเป็นต่อการบรรลุความสาเรจ็ ของแผนงาน 4.4.2 ความสัมพันธ์ระหวา่ งองคก์ ารมผี ลตอ่ การนานโยบายไปปฏิบัติในแง่ของการ ประสานงานระหวา่ งองคก์ าร ดงั นนั้ ความสาเรจ็ ของการนานโยบายไปปฏิบตั จิ งึ ขน้ึ อย่กู ับ องค์ประกอบท่ี สมบรู ณ์ ของกจิ กรรมของหนว่ ยงานตงั้ แตร่ ะดับทอ้ งถนิ่ จนถงึ ระดับประเทศ และบทบาทของกลุ่ม ผลประโยชน์ตา่ งๆ 4.4.3 ทรพั ยากรองค์กรสาหรับการนาแผนงานไปปฏบิ ตั ิ องคก์ รท่ีมีประสิทธิภาพต้องได้รบั การสนบั สนุนทง้ั ทางการเมือง การบริหาร งบประมาณในเร่ืองของการกระจายอานาจในการนาแผนงาน นั้นไปปฏบิ ตั ิ 4.4.4 คุณลักษณะและสมรรถนะของหนว่ ยปฏิบัติ เปน็ เครอื่ งบ่งชสี้ าคญั ในการตัดสินผลงาน ของแผนงาน 4.4.5 ผลการปฏบิ ัติและผลกระทบของแผนงาน สามารถทาการประเมินผลการกระจาย อานาจได้ 2 แบบคอื การประเมินผลโดยพิจารณาจากพื้นฐานของวตั ถุประสงคต์ ามท่รี ะบุไวใ้ นเอกสาร นโยบายของรฐั บาล และการประเมินผลงานจากผลกระทบทางสังคมและผลการพฒั นาท่ีเกิดขึ้น ภาพท่ี 2.3 ตัวแบบการกระจายอานาจ
32 การนานโยบายไปปฏิบัตแิ ละการประเมินผล ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการนานโยบายไปปฏบิ ัติกบั การประเมนิ ผลโครงการเป็นองค์ประกอบสาคัญ ในการสรา้ งกรอบความคดิ เชงิ ทฤษฎเี ก่ยี วกบั การนานโยบายไปปฏิบัติ โดยจะตอ้ งมกี ารประเมนิ ผล โครงการในระดบั มหภาค และระดับจุลภาค 5.1 การนานโยบายไปปฏบิ ตั ิในระดบั มหภาคจะครอบคลุมองค์ประกอบระหว่างองคก์ ารและผู้ กาหนดนโยบาย โดยให้ความสนใจในการตีความหมายการนานโยบายไปปฏิบตั ใิ นด้านความเห็นรว่ มกนั และการปฏบิ ัตคิ วามว่าเกดิ ขน้ึ ได้อยา่ ง 5.2 การนานโยบายไปปฏบิ ตั แิ ละการประเมินผลโครงการในระดับจลุ ภาคเกีย่ วข้องกบั การให้ ความสนใจตอ่ หนว่ ยปฏบิ ตั ทิ ีร่ ับผดิ ชอบในการนานโยบายไปปฏิบัตใิ ห้บรรลุเปูาประสงคข์ องโครงการ 5.3 ปัญหาและอปุ สรรคในการนานโยบายไปปฏบิ ัติ การศึกษาของ R.S. Mountjoy และ L.O. O’Tool Jr. (1979: 466-467) พบว่าปัจจัยทมี่ อี ทิ ธิพล ตอ่ การนานโยบายไปปฏบิ ตั ิอย่างมปี ระสทิ ธผิ ล คอื ทรัพยากรทีต่ ้องใช้ในการปฏิบัติ และแนวทางการ ปฏบิ ตั ทิ ร่ี ะบุอยา่ งเฉพาะเจาะจง หลกั การท่ชี ่วยให้การนานโยบายไปปฏิบตั ิประสบความสาเรจ็ ไดแ้ ก่ 5.1 ถา้ มีทรพั ยากรใหม่แต่แนวทางปฏบิ ตั คิ ลุมเครอื ต้องมีการตีความนโยบายใหช้ ัดเจน 5.2 ถา้ มีทรัพยากรใหมแ่ ละมแี นวทางปฏบิ ัตทิ เ่ี ฉพาะเจาะจง เปาู ประสงค์ของบุคคลภายใน องคก์ ารจะลดความสาคัญลง ดงั นั้นการนานโยบายไปปฏิบัติจะมที ิศทางสอดคลอ้ งกับการบรรลุ วัตถปุ ระสงค์ของนโยบาย 5.3 ถ้าทรัพยากรไมเ่ พียงพอ และแนวทางปฏิบัตไิ มช่ ัดเจน ต้องสรา้ งกจิ กรรมให้ผปู้ ฏบิ ัตเิ กิดความ สมคั รใจทจี่ ะปฏบิ ตั ิ เปน็ การสร้างพลังความมงุ่ ม่ัน 5.4 Water Williams (1971) ไดก้ าหนดแนวทางสาหรบั ผ้กู าหนดนโยบาย เพ่ือให้ความมัน่ ใจแก่ ผ้ทู ี่มคี วามสามารถในการนานโยบายไปปฏิบตั ิให้บรรลุผล ไว้ 2 ประการ คอื (1) เป็นหนา้ ที่ของผู้กาหนด นโยบายท่จี ะต้องกาหนดนโยบายให้มคี วามหมายและชดั เจน (2) มีแนวโน้มว่าผปู้ ฏบิ ัติจะทาตามแนวทาง ที่ไดก้ าหนดไว้ หากเงอ่ื นไขดงั กลา่ วถูกละเลยจะทาให้การนานโยบายไปปฏิบตั ิประสบกบั ความลม้ เหลว 5.5 Andrew Dunsire (1990: 15-27) สรุปว่า ความล้มเหลวในการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิอาจเกดิ จาก สาเหตุดังนี้ (1) การเลอื กกลยทุ ธ์การนานโยบายไปปฏบิ ตั ิที่ไมเ่ หมาะสม (2) การเลอื กหน่วยปฏิบตั ิและกลไกใน การปฏบิ ตั ิทไ่ี ม่เหมาะสม(3) การเลอื กเครอื่ งมอื และวิธีปฏบิ ัตทิ ีไ่ มเ่ หมาะสม
บทที่ 3 ระเบยี บวธิ ีวจิ ยั จากนโยบายของ ศูนย์ อปพร. กลาง ทก่ี าหนดใหศ้ ูนย์ อปพร. ทกุ แห่งทั่วประเทศ ดาเนินการจดั ฝึกอบรมจดั ต้งั และฝึกทบทวน อปพร. ใหไ้ ด้ร้อยละ 2 ของจานวนประชากร ในแตล่ ะพ้นื ที่ โดยใหจ้ ังหวัดในฐานะ ศนู ย์ อปพร. จังหวดั ควบคุมกากับ ดแู ล การฝึกอบรมให้เปน็ ไปตามหลักสตู รที่ ศูนย์ อปพร. กลาง กาหนด และให้ผูอ้ านวยการศนู ย์ อปพร. ทุกระดับส่ังใช้ อปพร. ทผ่ี ่านการฝกึ อบรม จดั ตั้ง หรอื ทบทวนใหป้ ฏิบตั ิตามภารกิจด้านการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย ตามที่กาหนดไวใ้ น พระราชบญั ญตั กิ ารป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย กจิ การอาสาสมัครป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน พ.ศ. 2553 โดยให้ทาการควบคมุ กากับดูแล ใหเ้ ป็นไปตาม ระเบยี บ กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ ง สาหรับการศกึ ษาวจิ ยั ในหวั ขอ้ ‘ปัญหาอปุ สรรคในการพัฒนากจิ การอาสาสมคั ร ปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศูนยอ์ าสาสมัครป้องกนั ภัยฝ่ายพลเรือน ในพ้นื ทจ่ี ังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ์’ เปน็ การศกึ ษา ถึงสภาพ ปัญหา สาเหตุ และแนวทางดาเนนิ การแกไ้ ข ในเรอื่ งดังกล่าว โดยศึกษาจากข้อมลู ทะเบยี น อปพร. ทัง้ จังหวดั ที่มอี ยู่ กับอตั ราการสั่งใชใ้ หม้ าปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ปี ระจา หรอื จากการตรวจสอบการปฏิบตั หิ น้าทีจ่ ริง ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ของ ศนู ย์ อปพร. แตล่ ะระดบั ซง่ึ จากการ ตรวจสอบกาลงั พล ยอด อปพร. ของจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ประจาปี 2556 จากจานวน สมาชกิ อปพร. ของศนู ย์ อปพร. ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นทกุ แหง่ รวม 8 อาเภอ มจี านวน อปพร. ทขี่ ึ้นทะเบยี น ไว้ยอดรวม 5,513 คน มกี ารออกคาสง่ั ให้ปฏิบัตหิ นา้ ที่ประจา 8,439 คน และไมม่ กี ารออกคาส่งั ให้ปฏบิ ัติ หน้าทีป่ ระจา แตย่ งั คงมีสถานภาพการเปน็ อปพร. อยู่ 2,074 คน และจากการตรวจสอบสภาพความ พร้อมและการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรม ในการชมุ นมุ สวนสนาม ของ อปพร.ประจาปี 2556 เมอ่ื วนั ท่ี 22 มนี าคม 2556 ณ สนามกฬี ากลางจงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ ผู้อานวยการศนู ย์ อปพร. จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ ได้สงั่ การให้ ศนู ย์ อปพร. ทกุ แหง่ ในพน้ื ที่จังหวดั ประจวบครี ีขันธ์ ส่งสมาชกิ อปพร. เขา้ รว่ มกิจกรรมจานวน 2,200 คน แตป่ รากฏ มีผู้เข้าร่วมกจิ กรรมเพียง 1,200 คน ซ่ึงต่ากวา่ เปา้ หมายไว้มาก จากกรณีดงั กล่าวเห็นไดช้ ัดเจนว่าการสง่ั ใช้ และการควบคุมกากับดแู ลกาลังพล สมาชกิ อปพร. ในแตล่ ะ ศูนย์ อปพร. มีปญั หาอปุ สรรคในการปฏิบัติคอ่ นขา้ งมาก จึงสง่ ผลใหก้ ารพฒั นากจิ การ อปพร.ในพื้นท่ี จังหวดั ประจวบครี ขี ันธ์ ไม่มปี ระสิทธิภาพเท่าท่ีควร จึงจาเป็นตอ้ ง ศกึ ษาปญั หาอปุ สรรค ในการพัฒนา กิจการ อปพร. เพ่อื ใชเ้ ป็นแนวทางในการแกไ้ ขปญั หาและพฒั นากิจการ อปพร. ของศนู ย์อาสาสมัคร ปอ้ งกนั ภัยฝ่ายพลเรือน ในพื้นทจี่ งั หวัดประจวบครี ีขันธ์ วธิ ีดาเนนิ การวิจยั และประชากร ใชก้ ารศกึ ษาวจิ ัยเชงิ คณุ ภา(พQualitative research) โดยศกึ ษาวิเคราะห์ข้อมูลจา2กแหล่ง คอื 1. ศกึ ษาจากเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง (Documentary research) ดังน้ี 1.1 พระราชบญั ญัติปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 1.2 ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยกิจการอาสาสมคั รปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรอื 2น55พ3.ศ.
34 1.3 นโยบายและหนงั สือสง่ั การท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการดาเนินกิจการอาสาสมัคร ป้องกันภยั ฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ของศนู ย์ อปพร. กลาง 1,4 ทฤษฎรี ะบบ 1.5 การนานโยบายไปสู่การปฏบิ ัติ 2. ศึกษาจากการสัมภาษณแ์ บบเจาะลึก (In depth interview) โดยใช้แบบสอบถาม ตามกรอบทก่ี าหนด และใช้คาถามปลายเปดิ (Open ended question) เพ่อื ทราบปญั หา อุปสรรค และ แนวทางการดาเนนิ การแก้ไขปัญหาในการพฒั นากิจการ อปพร. โดยมกี ลมุ่ เป้าหมายและขอบเขตในการ ศึกษาวิจยั ไดแ้ ก่กลุ่มเจา้ หน้าท่ีประจาศูนย์ อปพร. ระดบั อาเภอ ในพื้นทจ่ี ังหวดั ประจวบครี ขี ันธ์ จานวน 8 อาเภอ อาเภอละ 1 คน เฉพาะผปู้ ฏิบัติหนา้ ท่ี ในตาแหน่ง ปลดั อาเภอ ซ่งึ ทาหนา้ ที่ เลขานุการ ศูนย์ อปพร. อาเภอ และเจ้าหนา้ ท่ีประจาศูนย์ อปพร. จังหวัด ซ่ึงมหี น้าที่รับผิดชอบโดยตรงในกิจการ อปพร. จานวน 2 คน รวม 10 คน โดยมรี ายชือ่ ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศึกษาดงั น้ี ท่ี ชื่อ – สกลุ ตาแหนง่ สงั กดั 1. นายสมหวงั คนช่ือ ปลดั อาเภอ ท่ีทาการปกครองอาเภอหวั หิน 2. นายปัญญา ฉมิ พาลี ปลดั อาเภอ ที่ทาการปกครองอาเภอปราณบรุ ี 3. นายพเยา มีกลิน่ ปลดั อาเภอ ทที่ าการปกครองอาเภอสามร้อยยอด 4. นายภาณุ ชาญประโคน ปลดั อาเภอ ทท่ี าการปกครองอาเภอกุยบุรี 5. นายประมขุ สัจจวิเศษ ปลัดอาเภอ ที่ทาการปกครองอาเภอเมือง 6. นายบรรจงศักดิ์ โพธิท์ อง ปลดั อาเภอ ทท่ี าการปกครองอาเภอทับสะแก 7. นายเลิศยศ แยม้ พราย ปลดั อาเภอ ทท่ี าการปกครองอาเภอสะพาน 8. นายสมั ฤทธ์ิ คาเคลื่ ปลัดอาเภอ ที่ทาการปกครองอาเภอสะพานนอ้ ย 9. นางสาวลดั ดา นอ้ ยคาสนิ วิศวกรโยธา สนง.ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ 10. นางสาวจรสั ศรี นาคนคร นกั วิเคราะห์ สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั นโยบายและแผน จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ ตารางที่ 3.1 ประชากรรายช่ือผู้ใหส้ ัมภาษณ์ / ตอบแบบสอบถาม ปญั หา อุปสรรคในการพฒั นากจิ การ อปพร. ของ ศูนย์ อปพร. ในพน้ื ที่จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการศกึ ษา / คาถามทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย / การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ใชก้ ารศึกษาวจิ ัยเชงิ คุณภาพ ( Qualitative research) โดยศกึ ษาวเิ คราะห์ขอ้ มูลจาก 2 แหลง่ คือ ศกึ ษาจากเอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ( Documentary research) เพือ่ สร้างแบบสอบถาม/ สัมภาษณ์ ให้สอดคล้องกับเร่ืองทเ่ี ก่ียวขอ้ ง โดยใชแ้ บบสอบถามตามกรอบท่ีกาหนด การใช้คาถาม ปลายเปดิ (Open ended question)`และใชก้ ารสมั ภาษณ์แบบเจาะลึก (In depth interview) ในบาง ประเดน็ เพือ่ ทราบปัญหา อปุ สรรค และแนวทางการดาเนนิ การแก้ไขปญั หาในการพฒั นากจิ การ อปพร. โดย สง่ แบบสอบถามให้กลุ่มเปา้ หมาย ซ่ึงมีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบโดยตรงในกิจการ อปพร. ของ ศูนย์ อปพร. อาเภอ อปพร. จังหวัด รวม 10 คน โดยวธิ สี ง่ แบบสอบถาม/สัมภาษณ์ ทางโทรสาร และ อีเมล์ ซ่งึ สรุป เนื้อหาของแบบสอบถาม/สมั ภาษณ์ ในการนานโยบายไปสู่การปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
35 1. ดา้ นการฝกึ อบรมจดั ต้งั อป พร. เป็นไปตามเปา้ หมาย ร้อยละ 2 ของประชากร ในพ้ืนที่ หรือไม่ ถ้าไม่ครบตามเปา้ หมายมีสาเหตุมาจากเรอ่ื งใดบ้าง และมวี ธิ ีการแกไ้ ขปัญหา เพื่อให้บรรลุ เปา้ หมาย ท่ี ศูนย์ อปพร. กลางกาหนด อยา่ งไร 2. ด้านโครงสรา้ งและอานาจหน้าทีข่ อง ศนู ย์ อปพร. อาเภอ และศนู ย์ อปพร. จงั หวัด ในปัจจุบัน เอื้ออานวยตอ่ การ สั่งใช้ การควบคุม กากับ ดูแล อปพร. ในสงั กดั ใหป้ ฏบิ ัติหน้าทอ่ี ย่างมี ประสทิ ธภิ าพหรอื ไม่ อยา่ งไร ควรปรับปรุงแก้ไข อย่างไรหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 3. ดา้ นการมีสว่ นร่วมและความรว่ มมอื ในการปฏบิ ัตงิ านด้านการชว่ ยเหลอื ผู้ประสบ สาธารณภัยในพน้ื ที่ ตลอดจนกจิ กรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ท่ี ผอู้ านวยการศูนย์ อปพร. ในแต่ละ ระดบั มอบหมาย ตง้ั แตร่ ะดับทอ้ งถ่นิ ระดบั อาเภอ และระดบั จังหวัด เปน็ อย่างไร มีการเข้ารว่ มกิจกรรม ระดบั ใด หากมีผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมน้อย กว่ารอ้ ยละ 50 ของจานวน อปพร.ทส่ี ั่ง ใช้ เป็นเพราะสาเหตุใด เก่ียวข้องกบั ระบบการฝกึ ศึกษา หรือไม่ และมีแนวทางแก้ไข อย่างไร 4. ด้านความประพฤติ และระเบยี บและวินัยของ อปพ ร. ระหว่างปฏิบัติหนา้ ที่ ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบสาธารณภยั ในพน้ื ท่ี ตลอดจนกจิ กรรมสาธารณประโยชน์ ต่าง ๆ เปน็ อย่างไร หาก อปพร. ไม่มวี ินัยเท่าที่ควร เกย่ี วข้องกบั ระบบการฝึกศึกษาหรอิ การฝกึ ทบทวนหรอื ไม่ และควรมแี นว ทางแก้ไข อย่างไร 5. ด้านสวสั ดิการและสทิ ธิกาลังพล ของ อปพร. ในปัจจุบนั เปน็ ปญั หาหรืออปุ สรรค ในการพฒั นากจิ การ อปพร. หรอื ไม่ อยา่ งไร และควรมีการปรับปรงุ แกไ้ ขอย่างไร หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 6. ขอ้ เสนอแนะดา้ นอื่น ๆ ท่เี หน็ วา่ มคี วามจาเปน็ ต่อการพฒั นากจิ การ อปพร. มเี ร่ือง ใดบ้าง เพราะเหตใุ ด การเก็บรวมรวมขอ้ มูล การวเิ คราะห์ และแปรผล ใช้การเกบ็ รวมรวมข้อมลู ทางโทรสาร และ อีเมล์ และทาการศกึ ษาวิเคราะห์ คาตอบ จากแบบสอบถาม เพอ่ื ทราบปัญหา อปุ สรรค และแนวทางการแกไ้ ข ในการพัฒนากิจการอาสาสมัคร ปอ้ งกันภัยฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) ของศนู ยอ์ าสาสมคั รปอ้ งกนั ภัยฝ่ายพลเรือน ในพน้ื ที่จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ โดยจัดลาดับความสาคญั ของปัญหาทมี่ ีความเห็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั หรือสอดคล้องกนั เรียงตามความสาคัญจากมากไปหาน้อย จากนนั้ ใชว้ ธิ โี ทรศัพทส์ อบถามข้อมูลเชงิ ลกึ เพ่ิมเติม เพื่อยนื ยนั ความคดิ เหน็ ตามแบบสอบถามท่ไี ด้รับจนหมดประเด็นขอ้ สงสยั ระยะเวลาในการศกึ ษา ระหวา่ ง วนั ท่ี 1-30 มนี าคม พ.ศ. 2557
Search